Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 41455 กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดย10k หน่วยที่ 1- 8

41455 กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดย10k หน่วยที่ 1- 8

Published by inuthai_monta, 2022-07-12 03:46:24

Description: 41455 กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดย10k หน่วยที่ 1- 8

Search

Read the Text Version

41455 กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา หน่วยท่ี 1 แนวคิดและววิ ัฒนาการของการคุ้มครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา 1.1 ลักษณะท่วั ไปของทรัพย์สนิ ทางปัญญา 1.1.1 ความหมายของทรัพย์สินทางปัญญา - ทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นสทิ ธิทางกฎหมายเหนือผลงานการสร้างสรรค์ทางปัญญา มีความแตกตา่ งจากทรัพย์สนิ ทว่ั ไปหลายประการ - ทรัพย์สนิ ทางปัญญา เป็ นสทิ ธิทางกฎหมายทมี่ ีอยเู่ หนอื ผลงานการสร้างสรรค์ทางปัญญาของบคุ คล มีหลายประเภท เช่น การประดษิ ฐ์ invention การออกแบบ designs เครื่องหมายการค้าและบริการ trade and service marks สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ิศาสตร์ geographical indications การแสดงออกซง่ึ ความคดิ expression of idea เป็ นต้น - ทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นทรัพยส์ นิ ประเภทหนงึ่ มลี กั ษณะบางประการเหมือนทรัพย์สนิ ทว่ั ไป - ทรัพย์สนิ ทางปัญญาและทรัพย์สนิ ทว่ั ไปตา่ งกม็ ลี กั ษณะบางประการทแ่ี ตกตา่ งกนั - สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา แบง่ เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม 2. ลขิ สทิ ธ์ิ กฎหมายทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม ค้มุ ครองผลงานทางปัญญาทน่ี าไปใช้ประโยชนใ์ นการผลติ ทางอตุ สาหกรรม กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิค้มุ ครองการถา่ ยทอดข้อมลู ความรู้ หรือการแสดงออกซง่ึ ความคิดทใ่ี ห้ความรู้ ความสวยงาม ความบนั เทงิ หรือ สนุ ทรียภาพ - กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาแต่ละประเภท แตกตา่ งกนั หลายเร่ือง คือ 1. สง่ิ ทค่ี ้มุ ครอง 2. เจตนารมณ์การค้มุ ครอง 3. เง่ือนไขการค้มุ ครอง 4. วธิ ีการค้มุ ครอง 5. อายกุ ารค้มุ ครอง 6. การละเมดิ สทิ ธิ ..................................................................................................... 1. ม.137 138 สทิ ธิทางกฎหมาย คอื เป็ นสทิ ธิทีจ่ ะกดี กนั ผ้อู ื่นมใิ ห้เข้ามาเก่ียวข้องกบั สทิ ธิของตน ทรัพย์สนิ ทางปัญญา เป็ นสทิ ธิทาง กฎหมายทม่ี เี หนือสงิ่ ทเ่ี กิดจากความคิดสร้างสรรค์ทางปัญญาของมนษุ ย์ ผ้ทู รงสทิ ธิมีสทิ ธิกีดกนั ผ้อู น่ื จากการใช้ผลงานทางปัญญาที่ตนได้ สร้างสรรค์หรือพฒั นาขนึ ้ เรียกสทิ ธินใี ้ นทางวชิ าการวา่ สทิ ธิเด็ดขาด exclusive rights 2. การมีสทิ ธิในผลงานทางปัญญา มไิ ด้หมายถงึ การเป็ น “เจ้าของ own” แตเ่ ป็ นการท่ีบคุ คลผ้มู ีสทิ ธิสามารถจะควบคมุ การผลติ ดดั แปลง จาหนา่ ย เผยแพร่ หรือใช้ผลงานดงั กลา่ ว 3. สทิ ธิเดด็ ขาด เป็ นสทิ ธิในทางปฏเิ สธหรือนเิ สธสทิ ธิ negative rights กฎหมายให้สทิ ธิแกผ่ ้ทู รงสทิ ธิทจ่ี ะกีดกนั ผ้อู ื่นจากการใช้ประโยชน์ใน การประดษิ ฐ์เทา่ นนั้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทาให้ผ้ทู รงสทิ ธิมีอานาจกีดกนั บคุ คลอื่นมใิ ห้ใช้ประโยชน์ในผลงานทางปัญญาของตน เทา่ นนั้ มีอานาจเพียงผ้เู ดียวทจ่ี ะนาผลงานนนั้ ไปแสวงหาประโยชน์ทางหนง่ึ ทางใด ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย โดยไมล่ ะเมิดสทิ ธิของผ้อู ื่น เชน่ ผ้ทู รงสทิ ธิบตั รไมอ่ าจผลติ ผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิบตั รออกจาหนา่ ยโดยละเมิดตอ่ สทิ ธิบตั รของผ้อู ืน่ เป็ นต้น 4. ทรัพย์สนิ ทางปัญญามีวตั ถแุ หง่ สทิ ธิเป็ นสง่ิ ทไ่ี มม่ ีรูปร่าง intangible property การใช้งานทาได้โดย 1. ง่าย 2. ไมจ่ ากดั จานวนผ้ใู ช้ 3. ไมเ่ สอ่ื มสลายไปเพราะการใช้ 4. บคุ คลหลายคนอาจใช้ทรัพย์สนิ ทางปัญญาในขณะเดยี วกนั ได้ เช่น เปิ ดเพลงฟัง อา่ นหนงั สอื 5. การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาอาจไมจ่ าเป็ นต้องทาลกั ษณะให้สทิ ธิเดด็ ขาดเสมอไป กฎหมายอาจให้ความค้มุ ครองกาหนดห้ามบคุ คล มิให้กระทาการบางอยา่ งที่อาจเกดิ ความเสยี หายแก่ผ้อู ่นื ก็ได้ เชน่

1. กฎหมายความลบั ทางการค้า ไมม่ ีลกั ษณะให้สทิ ธิเดด็ ขาดแก่ปัจเจกชน แตเ่ ป็ นกฎหมายห้ามการปฏบิ ตั ใิ นทางพาณิชย์ที่ไมซ่ ือ่ ตรง 2. กฎหมายค้มุ ครองสงิ่ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ มไิ ด้เป็ นกฎหมายให้สทิ ธิเด็ดขาด แตห่ ้ามใช้สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ิศาสตร์ของสนิ ค้าอยา่ งไมถ่ กู ต้อง หรือทาให้ประชาชนสบั สนหลงผิดเกี่ยวกบั แหลง่ กาเนดิ ของสนิ ค้า 6. ประเทศตา่ ง ๆ ไมค่ ้มุ ครองทรพั ย์สนิ ทางปัญญาภายใต้กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มกี ฎหมายลกั ษณะเฉพาะ sui generis บญั ญตั ขิ นึ ้ เพ่ือ ค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเฉพาะ เนอื่ งจากเหมาะสมตอ่ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาที่เกีย่ วข้องกบั กฎหมายหลายลกั ษณะ ทงั้ กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ สญั ญา ละเมิด อาญา และเก่ยี วข้องกบั วิทยาการในสาขาอนื่ ๆ เชน่ เศรษฐศาสตร์ สงั คมวทิ ยา บริหารธรุ กิจ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7. สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นทรัพยสทิ ธิ jus in rem สามารถจาหนา่ ยจา่ ยโอน หรือกอ่ ให้เกดิ ภาระตดิ พนั ใด ๆ ได้ ยกเว้น - สทิ ธิบางประเภทท่ีกฎหมายห้ามโอน เชน่ ธรรมสทิ ธ์ิ moral rights ในกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ และ - ยกเว้นสทิ ธิบางประเภทท่ีอาจโอนได้แตต่ ้องโอนภายใต้เง่ือนไขบางประการ เชน่ การโอนเครื่องหมายการค้าจะทาได้เมือ่ มกี ารโอน กิจการทใี่ ช้เครื่องหมายการค้านนั้ ไปด้วย (ไทยมี พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 49 เป็ นกฎหมายท่ใี ช้ปัจจบุ นั ได้ เปลย่ี นแปลงหลกั การเร่ืองนี ้อนญุ าตให้โอนสทิ ธิในเครื่องหมายการค้ากนั ได้ โดยไมจ่ าต้องโอนกจิ การท่เี ก่ยี วกบั สนิ ค้าท่ีได้จดทะเบยี นไป พร้อมกนั ด้วย) 8. ทรัพย์สนิ ทางปัญญา มสี ถานภาพเป็ นทรัพยสิทธิ 1. ผลงานทางปัญญาเป็ นสง่ิ มคี ณุ คา่ ทางเศรษฐกิจ 2. ผ้ทู รงแสวงหาประโยชน์ได้ 9. การใช้ประโยชน์จากสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา กระทาได้ 2 วธิ ี 1. สทิ ธิไมป่ ระสงค์ผลติ สนิ ค้าออกจาหนา่ ย 2. สทิ ธิทาสญั ญาอนญุ าตให้ผ้สู นใจใช้ประโยชน์จากผลงานทางปัญญา ผลติ ผลติ ภณั ฑ์ออกจาหนา่ ยแทนได้ โดยผ้ทู รงสทิ ธิ เรียกเก็บ คา่ ธรรมเนียมการใช้สทิ ธิจากบคุ คลดงั กลา่ วตอบแทน 10. ทรัพย์สนิ ทางปัญญาต้องเป็นผลงานทางปัญญาของบคุ คล ไมใ่ ช่เกิดขนึ ้ เองตามธรรมชาติ หรือผลงานของเครื่องจกั รกล เช่น ผลคานวณ ของเคร่ืองคดิ เลข ผลพยากรณ์อากาศของเครื่องคอมพวิ เตอร์ เป็นต้น ไมถ่ ือเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญา (กรณีที่บคุ คลคนหนง่ึ ได้ทาการ สร้างสรรค์ทางปัญญา โดยใช้เครื่องจกั รกลเป็ นเคร่ืองมือ เช่น ออกแบบก่อสร้างโดยใช้เครื่องคอมพวิ เตอร์ ผลงานออกแบบนอี ้ าจมฐี านะเป็ น ทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นสทิ ธิของบคุ คลนนั้ ได้) 11. สงิ่ ทเี่ กดิ จากการสร้างสรรค์ทางปัญญาของบคุ คล ไมไ่ ด้มีสถานภาพเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญาทงั้ หมด เฉพาะผลงานทางปัญญาที่ เข้าเกณฑ์จะได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายเทา่ นนั้ และตกเป็นสทิ ธิของผ้สู ร้างสรรค์หรือผ้ปู ระดิษฐ์คดิ ค้น 12. ผลงานทางปัญญาท่ีไมเ่ ข้าเกณฑ์ของกฎหมาย จะไมต่ กเป็ นสทิ ธิของผ้สู ร้ างสรรค์หรือผ้ปู ระดิษฐ์ แตม่ ฐี านะเป็ นทรัพย์สนิ สาธารณะ public domain บคุ คลใด ๆ นาไปใช้ได้โดยเสรี ไมถ่ ือวา่ ผิดกฎหมาย หรือผิดตอ่ ศลี ธรรม เชน่ คาศพั ท์ตา่ ง ๆ 13. คาพพิ ากษาฎีกาที่ 837/2507 วางหลกั วินจิ ฉยั ก่อนไทยบงั คบั ใช้กฎหมายสทิ ธิบตั ร พ.ร.บ.สทิ ธิบตั ร พ.ศ. 2522 ได้กาหนด บรรทดั ฐานวา่ เฉพาะแต่ผลงานทางปัญญาท่กี ฎหมายให้การรับรองเท่านัน้ จึงจะมสี ถานภาพเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญา 14. ผลงานทางปัญญาท่ีอายกุ ารค้มุ ครองตามกฎหมายสนิ ้ สดุ ลง ไมม่ สี ถานภาพเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญาอีกตอ่ ไป จะกลายเป็ นทรัพย์สนิ ทางสาธารณะ 15. สงิ่ ใดเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญา มีเง่ือนไขของสงิ่ ดงั กลา่ ว ดงั นี ้ 1. เป็ นสง่ิ ทกี่ ฎหมายและนโยบายของรัฐรับรองวา่ เป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญาหรือไม่ 2. มีคณุ สมบตั คิ รบถ้วนตามหลกั เกณฑ์กฎหมายกาหนดไว้หรือไม่ และ 3. เป็ นสง่ิ ได้รับการค้มุ ครอง อยใู่ นระหวา่ งอายกุ ารค้มุ ครองหรือไม่ 16. กฎหมายสาขาทรัพย์สนิ ทางปัญญามหี ลกั กฎหมายสาคญั ยอมรับทว่ั ไป เรียกวา่ “หลกั ดินแดน Territoriality Principle” 17. สทิ ธิทอี่ อกโดยรัฐใดมีผลใช้บงั คบั ภายในเขตแดนของรัฐนนั้ เทา่ นนั้ ผ้ทู รงสทิ ธิอาจบงั คบั สทิ ธิของตนได้เฉพาะภายในเขตอานาจอธิปไตย ของรัฐทอี่ อกกฎหมายรับรองและค้มุ ครองสทิ ธิเทา่ นนั้

18. การได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศหนง่ึ ไมม่ ผี ลได้รับความค้มุ ครองนนั้ ในประเทศอืน่ เว้นแตป่ ฏิบตั ิ ตามเงื่อนไขท่ีกาหนดไว้ในกฎหมายของอกี ประเทศหนงึ่ นนั้ แล้ว 19. สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา โดยทว่ั ไปใช้บงั คบั ได้เฉพาะภายในเขตอานาจอธิปไตยของรัฐท่ีให้การค้มุ ครองเทา่ นนั้ ผ้ทู รงสทิ ธิไมส่ ามารถ บงั คบั สทิ ธิของตนตอ่ การละเมดิ ทเี่ กิดขนึ ้ นอกราชอาณาจกั ร 20. สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศ ไมอ่ าจถกู ละเมดิ โดยการกระทาท่ีเกดิ ขนึ ้ นอกราชอาณาจกั ร การกระทาทเ่ี กิดขนึ ้ ภายในประเทศ จะไมล่ ะเมดิ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาที่มอี ยใู่ นตา่ งประเทศ 21. แนวคดิ เรื่องความเป็ นอิสระของสทิ ธิถือเป็ นหวั ใจสาคญั ของระบบการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา จดุ มงุ่ หมายสาคญั ของหลกั ดินแดน คือ เพื่อรับรองอานาจอธิปไตยของประเทศตา่ ง ๆ ทจ่ี ะค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศของตน 22. สถานภาพของสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทมี่ ีในแตล่ ะประเทศเป็ นอสิ ระจากกนั และไมม่ ีอิทธิพลตอ่ การบงั คบั ใช้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทาง ปัญญาตา่ งประเทศ 23. สาเหตทุ ก่ี ารค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศมีความจาเป็ น เน่ืองมาจากลกั ษณะของทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นข้อมลู ความรู้ งา่ ยตอ่ การถกู ลอกเลยี น และแพร่หลายไปยงั ประเทศตา่ ง ๆ 24. ปัญหาทผ่ี ้เู ป็ นเจ้าของผลงานทางปัญญาประสบ คือปัญหาเรื่องข้อจากดั ทางด้านดนิ แดนของทรัพย์สนิ ทางปัญญา การทปี่ ระเทศใด ไมใ่ ห้การค้มุ ครอง หรือให้ในระดบั ต่า มผี ลกระทบตอ่ การปกป้ องสทิ ธิของผ้เู ป็ นเจ้าของผลงานทางปัญญา ปัญหานนี ้ าไปสกู่ ารจดั ทาความ ตกลงระหวา่ งประเทศหลายฉบบั โดยวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือสร้างมาตรฐานขนั้ ตา่ minimum standards ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา ระหวา่ งประเทศ ความตกลงฯ ทสี่ าคญั ๆ เชน่ ความตกลงทริปส์ อนสุ ญั ญากรุงปารีสเพือ่ ค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม อนสุ ญั ญากรุง เบอร์นเพ่ือค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม อนสุ ญั ญาสทิ ธิบตั รยโุ รป และอนสุ ญั ญากรุงโรมวา่ ด้วยการค้มุ ครองนกั แสดงผ้ผู ลติ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง และองค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ เป็ นต้น กิจกรรม 1.1.1 1. สทิ ธิเด็ดขาด exclusive rights ได้แก่ สทิ ธิทางกฎหมายที่มอี ยเู่ หนอื สง่ิ ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ทางปัญญาของบคุ คล ผ้ทู รงสทิ ธิมี สทิ ธิทีจ่ ะกีดกนั ผ้อู น่ื มใิ ห้เข้ามาเกยี่ วข้องหรือใช้ผลงานทางปัญญาทต่ี นสร้างสรรค์หรือพฒั นาขนึ ้ 2. ผลงานทางปัญญาใดจะเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญา ขนึ ้ อยกู่ บั เง่ือนไขตอ่ ไปนี ้ 1. สง่ิ ดงั กลา่ วเป็ นสง่ิ ที่กฎหมายและนโยบายของรัฐรับรองวา่ เป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญาหรือไม่ 2. สงิ่ ดงั กลา่ วมคี ณุ สมบตั คิ รบถ้วนตามหลกั เกณฑ์ทกี่ ฎหมายกาหนดไว้หรือไม่ และ 3. สงิ่ ดงั กลา่ วเป็ นสง่ิ ท่ไี ด้รับการค้มุ ครอง โดยอยใู่ นระหวา่ งอายกุ ารค้มุ ครองหรือไม่ 1.1.2 ความแตกต่างระหว่างทรัพย์สินทางปัญญากับทรัพย์สนิ โดยท่วั ไป สรุปความแตกตา่ งของทรัพย์สนิ ทรัพยส์ ินทวั่ ไป ทรัพยส์ ินทางปัญญา ทว่ั ไป/ทางปัญญา 1. เจตนารมณ์ของการค้มุ ครอง ทางศีลธรรมท่ีตอ้ งคุม้ ครองสิทธิใน เหตผุ ลดา้ นศีลธรรมและเศรษฐกิจ เกิดข้ึนจากรัฐมีหนา้ ที่ ทรัพยส์ ินของประชาชน 2. วตั ถุแห่งสิทธิ ทรัพยส์ ินทว่ั ไปอาจเป็นส่ิงท่ีมีรูปร่าง เป็ นสิ่งไมม่ ีรูปร่าง อาจเป็ นความคิด การแสดงออกซ่ึงความคิด หรือไม่มีรูปร่าง อาจเกิดจากบคุ คล หรือขอ้ มูลต่าง ๆ เป็นผลงานการสร้างสรรคท์ างปัญญาของบุคคล สตั ว์ หรือเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เท่าน้นั 3. ลกั ษณะของสิทธิ กรรมสิทธ์ิในทรัพยม์ ีรูปร่าง ผเู้ ป็น สิทธิทางกฎหมายแยกจากส่ิงที่อยภู่ ายใตส้ ิทธิ proprietary rights, เจา้ ของผกู ติดกบั ตวั ทรัพยน์ ้นั เมื่อใด rather than things เช่น สิทธิบตั รในเครื่องจกั ร มิไดห้ มายความ ตวั ทรัพยซ์ ่ึงเป็นวตั ถุแห่งสิทธิสูญหาย ถึงการมีสิทธิเหนือเคร่ืองจกั รชิ้นใดชิ้นหน่ึง แตห่ มายถึงการมีสิทธิ ถกู ทาลาย หรือสลายสิ้นไปดว้ ยเหตุ ในความคิดที่ใชใ้ นการสร้างเครื่องจกั ร หรือลิขสิทธ์ิในหนงั สือ ใด ๆ กรรมสิทธ์ิของเจา้ ของในตวั ไมไ่ ดห้ มายถึงมีสิทธิในหนงั สือเล่มใดเล่มหน่ึงเฉพาะ แตม่ ีสิทธิใน ทรัพยน์ ้นั ยอ่ มระงบั สิ้นไป เน้ือหาและการถ่ายทอดขอ้ ความท่ีปรากฏในหนงั สือเลม่ น้นั หรือ

4. อายกุ ารคุม้ ครอง ไม่มีกาหนดเวลาสิ้นสุด ผเู้ ป็นเจา้ ของ สิทธิในเคร่ืองหมายการคา้ ไม่ไดห้ มายถึงการมีสิทธิในตวั สินคา้ 5. หนา้ ที่ในการใชส้ ิทธิ มีกรรมสิทธ์ิในทรัพยข์ องตน แตเ่ ป็ นสิทธิที่จะใชเ้ คร่ืองหมายการคา้ ท่ีจดทะเบียนไวก้ บั สินคา้ ตลอดไป จนกวา่ ทรัพยน์ ้นั จะสิ้น ประเภทน้นั แตเ่ พยี งผเู้ ดียว กรรมสิทธ์ิในหนงั สือเล่มที่ซ้ือไปเป็ น กจิ กรรม สภาพไป ยกเวน้ ในกรณีที่ทรัพยน์ ้นั ของผซู้ ้ือ แตล่ ิขสิทธ์ิในหนงั สือเป็ นของผทู้ รงสิทธิ ผปู้ ระพนั ธ์ ผู้ ถกู บุคคลอ่ืนครอบครองปรปักษ์ ซ้ือมีสิทธิในหนงั สือเล่มที่ซ้ือไป ท่ีจะอ่าน ใช้ จาหน่าย หรือทาลาย ป.พ.พ.มาตรา 1382 หนงั สือเล่มน้นั ไมม่ ีสิทธิทาการพมิ พห์ นงั สือน้นั ออกจาหน่าย ดงั น้นั แมส้ ิ่งที่อยภู่ ายใตส้ ิทธิจะถกู ทาลายหรือสูญหายไป ก็ไมม่ ี ผเู้ ป็นเจา้ ของนาทรัพยส์ ินของตนไป ผลกระทบต่อสิทธิในทรัพยส์ ินทางปัญญา ซ่ึงไม่สูญสลายไปโดย ใชป้ ระโยชนห์ รือไม่ก็ได้ กฎหมาย สภาพแห่งตวั ทรัพย์ ลกั ษณะทรัพยไ์ มไ่ ดก้ าหนดหนา้ ที่ใน เร่ืองน้ีไว้ - กฎหมายลขิ สิทธ์ิ กาหนดอายกุ ารคุม้ ครองลิขสิทธ์ิ 50 ปี หลงั จาก ผสู้ ร้างสรรคง์ านถึงแก่ความตาย กฎหมายสิทธิบตั ร - สิทธิบตั รการประดิษฐ์ อายกุ ารคุม้ ครอง 20 ปี -สิทธิบตั รการออกแบบอายกุ ารคมุ้ ครอง 10 ปี กฎหมายเคร่ืองหมายการค้า กาหนดอายกุ ารจดทะเบียน 10 ปี แต่ เจา้ ของเครื่องหมายต่ออายกุ ารจดทะเบียนไดต้ ลอดไป - เหตทุ ่ีกฎหมายกาหนดอายคุ ุม้ ครองทรัพยส์ ินทางปัญญาไว้ แน่นอนน้ี เนื่องจากการคุม้ ครองมีลกั ษณะใหส้ ิทธิผกู ขาดขอ้ มลู ความรู้ การใหม้ ีการผกู ขาดตลอดไปจะเกิดผลกระทบต่อสงั คมมาก การคุม้ ครองจึงมีลกั ษณะเป็ นการแลกเปล่ียนผลประโยชน์ระหวา่ ง ผทู้ รงสิทธิกบั สงั คม ควรมีกาหนดเวลาที่เหมาะสม ไม่ควรยาวนาน เกินไป ใหเ้ พยี งพอทาใหผ้ ทู้ รงสิทธิยนิ ยอมเปิ ดเผยขอ้ มูลความรู้ ของตนเพื่อแลกเปล่ียนกบั สิทธิผกู ขาดน้นั กฎหมายกาหนดไวช้ ดั แจง้ วา่ ผทู้ รงสิทธิตอ้ งใชส้ ิทธิของตนตาม วตั ถปุ ระสงคก์ ารคุม้ ครอง หากไมป่ ฏิบตั ิหนา้ ที่ของตน รัฐอาจ บงั คบั ใหม้ ีการใชส้ ิทธิก็ได้ เช่น กฎหมายสิทธิบตั ร ผทู้ รงสิทธิไม่ ผลิตผลิตภณั ฑต์ ามสิทธิบตั รภายในประเทศ หรือไมข่ ายผลติ ภณั ฑ์ ภายในประเทศ หรือขายราคาสูงเกินสมควร หรือโดยไม่พอความ ตอ้ งการของประชาชน รัฐอาจใชม้ าตรการบงั คบั ใชส้ ิทธิ compulsory licensing กบั สิทธิบตั รดงั กลา่ วได้ ดว้ ยการอนุญาต ผปู้ ระกอบการรายอื่นท่ีสนใจใชส้ ิทธิตามสิทธิบตั รใหท้ าการผลิต ผลิตภณั ฑต์ ามสิทธิบตั รหรือกระทาการอยา่ งอ่ืนที่ทว่ั ไปถือวา่ เป็ น สิทธิของผทู้ รงสิทธิบตั ร (พ.ร.บ.สิทธิบตั ร พ.ศ.2522 มาตรา 46) กฎหมายเคร่ืองหมายการค้า กฎหมายไทยกาหนดใหผ้ จู้ ดทะเบียน เคร่ืองหมายการคา้ มีหนา้ ท่ีนาไปใชภ้ ายในเวลาท่ีกาหนด 3 ปี นบั แต่วนั จดทะเบียน หากเจา้ ของไมป่ ฏิบตั ิตามหนา้ ท่ี รัฐอาจเพกิ ถอน การจดทะเบียนเครื่องหมายการคา้ ท่ีไมม่ ีการใชง้ านน้นั ได้ (พ.ร.บ. เคร่ืองหมายการคา้ พ.ศ.2534 มาตรา 63)

ความแตกตา่ งระหวา่ งทรัพยส์ ินทางปัญญากบั ทรัพยส์ ินทวั่ ไป ในดา้ นต่าง ๆ คือ 1. เจตนารมณ์ของการคุม้ ครอง 2. วตั ถแุ ห่งสิทธิ 3. ลกั ษณะของสิทธิ 4. อายกุ ารคุม้ ครอง 5. หนา้ ท่ีในการใชส้ ิทธิ 1.1.3 สาระสาคัญของทรัพย์สนิ ทางปัญญาบางประเภท - สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา แบง่ เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1) สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม มงุ่ ค้มุ ครองผลงานทางปัญญาท่ีอาจนาไปใช้ประโยชน์การผลติ ทางอตุ สาหกรรม 2) ลขิ สทิ ธ์ิ เพอ่ื ค้มุ ครองการถา่ ยทอดข้อมลู ความรู้หรือการแสดงออกซง่ึ ความคดิ ท่ใี ห้ความรู้ ความสวยงาม ความบนั เทิง หรือ สนุ ทรียภาพ - โปรแกรมคอมพวิ เตอร์เป็ นงานลขิ สทิ ธ์ิประเภทงานวรรณกรรม - อนสุ ญั ญากรุงปารีสวา่ ด้วยการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม บญั ญตั ิให้รวมถงึ สทิ ธิบตั ร patents ผลติ ภณั ฑ์อรรถประโยชน์ utility models การออกแบบทางอตุ สาหกรรม industrial designs เคร่ืองหมายการค้า trademarks เคร่ืองหมายบริการ service marks ชื่อ ทางการค้า trade names สงิ่ บง่ ชีแ้ หลง่ ท่มี า indication of source เคร่ืองหมายแหลง่ กาเนดิ appellation of origin การปราบปรามการ แขง่ ขนั ทางการค้าท่ีไมเ่ ป็ นธรรม repression of unfair competition - การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิ แบง่ เป็ น 2 ระบบใหญ่ ๆ ได้แก่ 1. ระบบลขิ สทิ ธิ์ copyright 2. ระบบสทิ ธิของผ้ปู ระพนั ธ์ author’s rights - สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาอาจจาแนกได้หลายประเภท ท่ีถือเป็ นสทิ ธิพืน้ ฐานมี 4 ประเภท ได้แก่ 1. สทิ ธิบตั ร 2. เคร่ืองหมายการค้า 3. ความลบั ทางการค้า 4. ลขิ สทิ ธิ์ - สทิ ธิบตั ร ไทยให้ความค้มุ ครองสทิ ธิบตั รครัง้ แรก พ.ศ.2522 ภายใต้ พ.ร.บ.สทิ ธิบตั ร พ.ศ.2522 มกี ารแก้กม. พ.ศ.2535 2542 ให้การค้มุ ครองเทคโนโลยีการประดษิ ฐ์ การออกแบบทางอตุ สาหกรรม ภายใต้กฎหมายสทิ ธิบตั ร การค้มุ ครองลกั ษณะนแี ้ ตกตา่ งกบั กฎหมายของประเทศอตุ สาหกรรม ทแ่ี ยกการค้มุ ครองการออกแบบทางอตุ สาหกรรมไปไว้ภายใต้กฎหมายอกี ระบบหนงึ่ - การประดิษฐ์ invention หมายความวา่ การคิดค้นหรือคดิ ทาขนึ ้ เป็ นผลให้ได้ผลติ ภณั ฑ์หรือกรรมวธิ ีใดขึน้ ใหม่ หรือกระทาการใด ๆ ทีท่ าให้ ดขี นึ ้ ซง่ึ ผลติ ภณั ฑ์หรือกรรมวิธี (พ.ร.บ.สทิ ธิบตั ร พ.ศ.2522 มาตรา 3) - การประดษิ ฐ์ที่ได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายสทิ ธิบตั ร ต้องมีคณุ สมบตั ิ 3 ประการคอื 1. เป็ นการประดษิ ฐ์ขนึ ้ ใหม่ novelty 2. มขี นั้ การประดษิ ฐ์ทสี่ งู ขนึ ้ inventive step 3. สามารถประยกุ ตใ์ ช้ในทางอตุ สาหกรรมได้ industrial applicability ถ้าขาดคณุ สมบตั ิข้อใด การประดิษฐ์นนั้ ยอ่ มไมอ่ าจขอรับสทิ ธิบตั รได้ - การออกแบบทางอตุ สาหกรรม industrial designs หมายความถงึ ลกั ษณะภายนอกของผลติ ภณั ฑ์ ได้แก่ รูปร่าง ลวดลาย หรือสี ทีอ่ าจใช้ เป็ นแบบสาหรับผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรมและหตั ถกรรมได้ การออกแบบทางอตุ สาหกรรมจะไมเ่ กี่ยวข้องกบั หน้าทก่ี ารทางานของวตั ถุ แต่ เก่ียวกบั รูปร่างลกั ษณะของสงิ่ ดงั กลา่ ว แบบทางอตุ สาหกรรมท่ไี ด้รับการค้มุ ครองตามกฎหมายต้องเป็ นการออกแบบขนึ ้ ใหม่ novelty เทา่ นนั้ - บคุ คลประสงค์รับสทิ ธิบตั ร ต้องขอรับการค้มุ ครองจากรัฐ ย่นื คาขอตอ่ เจ้าหน้าที่ของรัฐตามแบบและพิธีการทีก่ ฎหมายกาหนด เมื่อได้ รับคาขอ เจ้าหน้าทจ่ี ะดาเนนิ การตรวจสอบคณุ สมบตั ิของสงิ่ ทน่ี ามาขอฯ ทาการประกาศคาขอ เพอ่ื ให้บคุ คลทว่ั ไปได้คดั ค้านการขอรับ

สทิ ธิบตั ร ถ้าไมม่ ผี ้คู ดั ค้านและเจ้าหน้าท่ีเหน็ วา่ การประดษิ ฐ์หรือการออกแบบผลติ ภณั ฑ์นนั้ มคี ณุ สมบตั ิถกู ต้องครบถ้วนตามกฎหมาย กจ็ ะ ออกสทิ ธิบตั รให้ ผ้ขู อรับสทิ ธิบตั รกลายเป็ นผ้ทู รงสทิ ธิ มสี ทิ ธิตา่ ง ๆ ตามทก่ี ฎหมายกาหนด มสี ทิ ธิเด็ดขาด มีอานาจใช้ประโยชน์จากการ ประดษิ ฐ์หรือแบบผลติ ภณั ฑ์นนั้ แตผ่ ้เู ดยี ว สามารถฟ้ องคดที งั้ ทางแพง่ และทางอาญา เอาผดิ ผ้ลู ะเมิดได้ - สทิ ธิเด็ดขาดตามกฎหมายสทิ ธิบตั ร มลี กั ษณะเป็ นสทิ ธิผกู ขาดโดยสมบรู ณ์ ทีป่ กป้ องผ้ทู รงสทิ ธิจากการแขง่ ขนั ของบคุ คลอื่น โดยไมค่ านงึ วา่ ผ้กู ระทาละเมดิ มีเจตนาทีจ่ ะลอกเลยี นการประดษิ ฐ์ตามสทิ ธิบตั รหรือไม่ - สทิ ธิเด็ดขาด มีผลใช้บงั คบั เพียงในชว่ งระยะเวลาอนั จากดั เทา่ นนั้ การค้มุ ครองสทิ ธิบตั รตามกฎหมายไทย สทิ ธิบตั รการประดษิ ฐ์ 20 ปี สทิ ธิบตั รการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 10 ปี เมือ่ พ้นกาหนดเวลาค้มุ ครองการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ก็จะตกเป็ นทรัพย์สนิ สาธารณะ - กฎหมายสทิ ธิบตั รของประเทศตา่ ง ๆ สว่ นใหญ่ กาหนดให้ผ้ทู รงสทิ ธิบตั รนาเทคโนโลยีการประดษิ ฐ์ที่ได้รับความค้มุ ครองไปใช้งานให้เกดิ ประโยชน์ภายในประเทศ มมี าตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิ compulsory licensing ใช้กบั ผ้ทู รงสทิ ธิท่ไี มป่ ฏิบตั ิตามหน้าที่ของตน สทิ ธิบตั รนนั้ อาจถกู รัฐบงั คบั ให้บคุ คลอ่ืนนาไปใช้ประโยชน์ได้ หรือรัฐอาจทาการริบเอาสทิ ธิบตั รทไี่ มม่ ีการใช้งานนนั้ กลบั คืนเป็ นของรฐั เรียกวา่ การริบคนื สทิ ธิบตั ร forfeiture - ข้อจากดั ของการค้มุ ครองสทิ ธิบตั ร 2 ประการ คอื 1. ผ้ทู รงสทิ ธิต้องเปิ ดเผยรายละเอยี ดข้อมลู ของการประดิษฐ์ตอ่ สาธารณชน 2. กฎหมายให้การค้มุ ครองเพยี งในช่วงระยะเวลาอนั จากดั เทา่ นนั้ - เครื่องหมายการค้า ได้แก่ เคร่ืองหมายหรือสญั ลกั ษณ์ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ ภาพถา่ ย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ ฯลฯ ที่ใช้เป็ นท่ี หมายหรือเก่ียวข้องกบั สนิ ค้า เพอื่ แสดงวา่ สนิ ค้าทใี่ ช้เคร่ืองหมายนนั้ แตกตา่ งไปจากสนิ ค้าทใี่ ช้เครื่องหมายการค้าของบคุ คลอืน่ (พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 4) - เคร่ืองหมายหรือสญั ลกั ษณ์ทใ่ี ช้กบั สนิ ค้าเรียกวา่ “เคร่ืองหมายการค้า” ถ้าเคร่ืองหมายใช้กบั ธรุ กิจบริการ ใช้คาวา่ “เคร่ืองหมายบริการ” - การค้มุ ครองเคร่ืองหมายการค้ามีเจตนารมณ์ปกป้ องช่ือเสยี งทางพาณิชย์ของเจ้าของสนิ ค้าหรือบริการ มิให้มกี ารแอบอ้างนาเอา เคร่ืองหมายการค้าไปใช้กบั สนิ ค้าหรือบริการของผ้อู ื่นโดยมิได้รับความยนิ ยอมจากเจ้าของ - เครื่องหมายการค้าเป็ นสง่ิ ท่แี สดงแหลง่ กาเนดิ ของสนิ ค้า เพือ่ ให้ผ้บู ริโภคจาแนกความแตกตา่ งระหวา่ งสนิ ค้าภายใต้เครื่องหมายการค้านนั้ กบั สนิ ค้าชนดิ และประเภทเดยี วกนั ที่เป็ นของผ้ปู ระกอบการรายอนื่ ทีอ่ าจแตกตา่ งกนั ด้านคณุ ภาพของสนิ ค้า - เคร่ืองหมายการค้าเป็ นสง่ิ บง่ บอกความนยิ มในตวั สนิ ค้า goodwill มสี ว่ นทาให้ประชาชนตดั สนิ ใจเลอื กซอื ้ สนิ ค้านนั้ - กฎหมายเครื่องหมายการค้าจะให้สทิ ธิเด็ดขาดแก่เจ้าของเคร่ืองหมายทจี่ ะใช้เครื่องหมายการค้ากบั สนิ ค้าหรือบริการของตนแตผ่ ้เู ดียว แต่ สทิ ธิเดด็ ขาดตามกฎหมายจะเกิดมีขนึ ้ เมอื่ ได้จดทะเบยี นเครื่องหมายการค้าโดยชอบตามระเบยี บและวธิ ีการในกฎหมาย - เคร่ืองหมายการค้าทข่ี อจดทะเบียนได้ ต้องมคี ณุ สมบตั ิตามกฎหมาย พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 6 มี 3 ประการคือ เป็ น เคร่ืองหมายการค้าท่ี 1. มลี กั ษณะบง่ เฉพาะ 2. ไมม่ ลี กั ษณะต้องห้ามตามกฎหมาย และ 3. ไมเ่ ป็ นเครื่องหมายการค้าทเี่ หมอื นหรือคล้ายกบั เครื่องหมายการค้าท่ีบคุ คลอนื่ ได้จดทะเบยี นไว้แล้ว คณุ สมบตั ทิ ่สี าคญั ท่สี ดุ ของเครื่องหมายการค้า คอื ต้องมลี กั ษณะบง่ เฉพาะ distinctive หมายความวา่ เครื่องหมายการค้าอนั มีลกั ษณะทีท่ า ให้ประชาชนหรือผ้ใู ช้สนิ ค้านนั้ ทราบและเข้าใจวา่ สนิ ค้าท่ีใช้เครื่องหมายการค้านนั้ แตกตา่ งไปจากสนิ ค้าอ่นื (พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 7 - การค้มุ ครองเครื่องหมายการค้าต้องกระทาด้วยการจดทะเบยี น - อายกุ ารค้มุ ครองเคร่ืองหมายการค้ามลี กั ษณะพเิ ศษ กฎหมายไมไ่ ด้กาหนดเวลาสนิ ้ สดุ ไว้ สทิ ธิในเคร่ืองหมายการค้าอาจมอี ยตู่ ลอดไป ภายใต้เงื่อนไขวา่ เจ้าของเคร่ืองหมายการค้าได้ตอ่ อายกุ ารจดทะเบียนทกุ ๆ 10 ปี - เหตทุ ี่กฎหมายกาหนดอายกุ ารค้มุ ครองเคร่ืองหมายการค้าแตกตา่ งจากการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาลกั ษณะอืน่ เพราะเครื่องหมาย การค้าเกีย่ วข้องกบั การใช้เคร่ืองหมายกบั สนิ ค้าหรือบริการในทางธุรกิจพาณิชยเ์ ทา่ นนั้ มไิ ด้ให้สทิ ธิเดด็ ขาดเหนือเทคโนโลยี การประดิษฐ์ การออกแบบ ข้อมลู ความรู้ หรือการสร้างสรรค์งานอยา่ งหนงึ่ อยา่ งใด เช่น กฎหมายสทิ ธิบตั รและลขิ สทิ ธิ์ ท่ตี ้องกาหนดเวลาสนิ ้ สดุ ไว้ ไมใ่ ห้ เป็ นการผกู ขาดถาวรในข้อมลู ความรู้ เป็ นภาระแกส่ งั คมและปิ ดกนั้ ความก้าวหน้าทางวิทยาการ

- การค้มุ ครองความลบั ทางการค้าเป็ นระบบกฎหมายท่ีสบื เนือ่ งใกล้เคียงกบั ระบบสทิ ธิบตั ร ให้ทางเลอื กรูปแบบการค้มุ ครองแก่เจ้าของ ผลงานทางปัญญา เปิดโอกาสให้เจ้าของข้อมลู ที่ไมส่ ามารถได้รับการค้มุ ครองระบบกฎหมายอื่น เชน่ อาจไมม่ คี ณุ สมบตั ขิ อรับสทิ ธิบตั ร ให้ ได้รับการค้มุ ครองลกั ษณะท่ีเป็ นความลบั ทางการค้า เป็ นมาตรการป้ องกนั การกระทาทไ่ี มช่ อบด้วยจริยธรรมทางธุรกิจการค้า เชน่ เปิ ดเผย หรือใช้ความลบั ทางการค้าของผ้อู ื่นโดยไมม่ อี านาจ หรือใช้วธิ ีการที่มชิ อบเพ่ือให้ได้ความลบั ทางการค้าของผ้อู น่ื - ความลบั ทางการค้า หมายความถงึ ข้อมลู ใด ๆ ทเี่ ก่ียวข้องกบั การผลติ หรือจาหนา่ ยสนิ ค้าหรือบริการ รวมทงั้ ข้อมลู ทางเทคนคิ ซง่ึ มี คณุ สมบตั ิทอ่ี าจขอรับสทิ ธิบตั รได้ เชน่ แบบแผน เคร่ืองมอื อปุ กรณ์ สตู รหรือกรรมวธิ ีการผลติ กรรมวธิ ีการใช้ ฯลฯ - เทคนคิ วธิ ีการปฏบิ ตั หิ รือ โนว์ฮาว know-how หมายถึง ความรู้ทางเทคนิค หรือเคลด็ ลบั ช่วยเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลติ ทางอุตสาหกรรม เชน่ ความชานาญ ประสบการณ์ และข้อมลู ตา่ ง ๆ ท่ีเป็ นประโยชน์ตอ่ การผลติ - ความลบั ทางการค้า รวมถงึ ข้อมลู อนื่ ๆ ทม่ี ใิ ชข่ ้อมลู ทางเทคนคิ เช่น ข้อมลู การตลาด รายช่ือลกู ค้า ฯลฯ หากนาข้อมลู นนั้ ไปใช้ทางธรุ กิจ อยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดแล้ว เจ้าของธรุ กิจนนั้ มคี วามได้เปรียบเหนอื คแู่ ขง่ อนื่ ๆ สรุปข้อมลู ทกุ ประเภทที่ถกู เก็บไว้เป็ นความลบั อาจมฐี านะเป็ น ความลบั ทางการค้าได้ทงั้ สนิ ้ - ความลบั ทางการค้าถกู ผนวกไว้ในความตกลงทริปส์ เรียกวา่ การค้มุ ครองข้อสนเทศท่ไี มเ่ ปิดเผย ปัจจบุ นั มฐี านะเป็ นทรัพย์สนิ ทางปัญญา ประเภทหนงึ่ - การค้มุ ครองความลบั ทางการค้า ไมม่ กี าหนดเวลาสนิ ้ สดุ ดงั เชน่ สทิ ธิบตั ร ลขิ สทิ ธิ์ และไมต่ ้องตอ่ อายกุ ารค้มุ ครองทกุ ๆ ระยะ ดงั เชน่ เคร่ืองหมายการค้า - การค้มุ ครองความลบั ทางการค้าขาดความแนน่ อน องค์ประกอบสาคญั คอื ข้อมลู นนั้ ถกู เก็บรกั ษาไว้เป็ นความลบั เมอื่ ใดถกู เปิ ดเผยไปสู่ บคุ คลภายนอก มีผลให้ข้อมลู นนั้ สนิ ้ สดุ การเป็ นความลบั ทางการค้าอกี ตอ่ ไป ผ้เู ป็ นเจ้าของไมม่ ีสทิ ธิห้ามปรามบคุ คลอื่นมใิ ห้นาเอาข้อมลู ท่ี ถกู เปิ ดเผยตอ่ สาธารณชนนนั้ ไปใช้ประโยชน์ มสี ทิ ธิแตว่ า่ กลา่ วกบั ผ้ทู ่ีมีหน้าท่ีในการรักษาความลบั ของข้อมลู นนั้ เทา่ นนั้ - ไทยมีกฎหมายหลายฉบบั ท่ีให้ความค้มุ ครองความลบั ทางการค้า ขนึ ้ กบั ชนิดของข้อมลู สถานภาพของผ้กู ระทาในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 322- 325 ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ลกั ษณะสญั ญา ละเมดิ - ลขิ สทิ ธ์ิ เป็ นสทิ ธิทางกฎหมายท่รี ัฐให้แกบ่ คุ คลผ้สู ร้างสรรค์งานอนั มคี ณุ คา่ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้แก่ งานวรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ - กฎหมายสทิ ธิบตั รค้มุ ครองความคดิ idea ท่ีอยภู่ ายใต้การประดษิ ฐ์หรือการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ค้มุ ครองการแสดงออกซง่ึ ความคดิ มไิ ด้ ค้มุ ครองตวั ความคดิ โดยตรง - เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ เป็ นผ้มู สี ทิ ธิเด็ดขาดที่จะหวงกนั ห้ามปรามมใิ ห้บคุ คลอืน่ ทาการลอกเลยี นงานของตน เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ มีสทิ ธิท่ีจะทาซา้ และ เผยแพร่งานนนั้ แตเ่ พยี งผ้เู ดยี ว - บางกรณีบคุ คลทไี่ มใ่ ชผ่ ้สู ร้างสรรค์อาจเป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ได้ เชน่ ผ้วู า่ จ้างบคุ คลอนื่ ให้สร้างสรรคง์ านเป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ในงานนนั้ หรือ งานทส่ี ร้างสรรค์ขนึ ้ โดยการจ้างหรือตามคาสง่ั หรือในความควบคมุ ของกระทรวง ทบวง กรม หรือหนว่ ยงานของรฐั หรือของท้องถิ่นเป็ นผ้มู ี ลขิ สทิ ธิ์ในงานนนั้ เป็ นต้น - ข้อแตกตา่ งของสทิ ธิเดด็ ขาดในสทิ ธิบตั ร กบั ลขิ สทิ ธิ์ คือ กฎหมายสทิ ธิบตั รให้สทิ ธิเดด็ ขาด ลกั ษณะท่เี ป็ นสทิ ธิผกู ขาด ผ้ทู รงสทิ ธิบตั ร สามารถกีดกนั บคุ คลอ่นื มใิ ห้ทาการแสวงหาประโยชน์จากการประดษิ ฐ์หรือแบบผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิบตั รนนั้ อยา่ งสนิ ้ เชงิ แม้บคุ คลนนั้ จะ เป็ นผ้ทู ีค่ ดิ ค้นการประดษิ ฐ์หรือทาการออกแบบผลติ ภณั ฑ์นนั้ ได้ในภายหลงั ด้วยตวั เขาเองก็ตาม เจ้าของลขิ สทิ ธิ์มีสทิ ธิท่ีจะหวงกนั มใิ ห้บคุ คลอืน่ ทาการลอกเลยี นงานของตนเทา่ นนั้ ถ้าบคุ คลใดได้สร้างสรรค์งานขนึ ้ มาจากความคิด สร้างสรรค์ของเขา originality โดยมิได้ลอกเลยี นงานของผ้อู น่ื เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิในงานนนั้ จะไปห้ามปรามมใิ ห้บคุ คลนนั้ ใช้ประโยชนจ์ ากงานท่ี เขาสร้างสรรค์ขนึ ้ ไมไ่ ด้ ผ้ทู ่ไี ด้สร้างสรรค์งานโดยอิสระก็จะเป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ในงานทตี่ นได้สร้างสรรค์ขนึ ้ ด้วย - ผ้สู ร้างสรรค์งานประเภทกฎหมายกาหนดไว้ จะได้ลขิ สทิ ธ์ิในงานนนั้ โดยทนั ที โดยผ้สู ร้างสรรค์ไมต่ ้องนางานไปจดทะเบียนหรือขอรับความ ค้มุ ครองจากรัฐ เป็ นไปตามหลกั การของอนสุ ญั ญาเบอร์นวา่ ด้วยการค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม ทีห่ ้ามกาหนดเงื่อนไขการได้มาซง่ึ ลขิ สทิ ธ์ิไมว่ า่ รูปแบบใด ๆ - การได้มาซง่ึ ลขิ สทิ ธ์ิ ไมต่ ้องจดทะเบยี น - สทิ ธิบตั รและเคร่ืองหมายการค้า ต้องจดทะเบยี น และตรวจสอบคณุ สมบตั ิของสงิ่ ท่ีนาไปขอรับความค้มุ ครอง

- ระบบลขิ สทิ ธิ์ใช้ในประเทศระบบกฎหมายจารีตประเพณี หรือ คอมมอนลอว์ มงุ่ เน้นป้ องกนั การลอกเลยี นงานโดยมชิ อบและสง่ เสริมให้เกิด การสร้างสรรคง์ านทมี่ คี ณุ คา่ ตอ่ สงั คม ให้ความค้มุ ครองบคุ คลธรรมดา และนิตบิ คุ คล - ประเทศทใ่ี ช้ระบบประมวลกฎหมาย ค้มุ ครองภายใต้ระบบสทิ ธิของนกั ประพนั ธ์ สทิ ธิของปัจเจกบคุ คลท่เี ป็ นผ้สู ร้างสรรค์งาน บคุ คลท่มี ไิ ด้ เป็ นผ้สู ร้างสรรค์แตม่ ีสว่ นเกย่ี วข้องกบั งานนนั้ เช่น นกั แสดง ผ้ผู ลติ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง หรือองคก์ ารแพร่เสยี งแพร่ภาพ จะไมไ่ ด้รับความค้มุ ครอง ในฐานะท่ีเป็ นผ้สู ร้างสรรค์ แตไ่ ด้รับการค้มุ ครองในฐานะทม่ี ีสทิ ธิข้างเคียง neighbouring rights (กฎหมายไทยมไิ ด้แยกความแตกตา่ งใน ลกั ษณะนีอ้ ยา่ งสนิ ้ เชิง พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ.2537 ค้มุ ครองผ้ผู ลติ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง และองคก์ ารแพร่เสยี งแพร่ภาพ ในฐานะเป็ นเจ้าของงานอนั มี ลขิ สทิ ธ์ิ แตใ่ ห้สทิ ธิแก่นกั แสดงในลกั ษณะของสทิ ธิข้างเคยี ง พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ.2537 หมวด 2) - เหตผุ ลการให้สทิ ธิแก่นกั แสดง ผ้ผู ลติ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง และองค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ คือ บคุ คลเหลา่ นเี ้ป็ นผ้ทู ่นี างานออกเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน ต้องลงทนุ ต้องใช้ความรู้อยา่ งกว้างขวาง การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี งไมไ่ ด้ให้ความสาคญั แกผ่ ้สู ร้างสรรค์ดงั เช่นระบบลขิ สทิ ธิ์ แต่ เป็ นการค้มุ ครองการลงทนุ ในการเผยแพร่งานสสู่ าธารณชน กจิ กรรม กฎหมายสทิ ธิบตั ร ให้การค้มุ ครองเทคโนโลยีการประดษิ ฐ์ แตก่ ฎหมายของประเทศกาลงั พฒั นาบางประเทศ รวมทงั้ กฎหมายไทย กฎหมาย สทิ ธิบตั รให้การค้มุ ครองทงั้ การประดิษฐ์และการออกแบบทางอตุ สาหกรรม กฎหมายเครื่องหมายการค้า ค้มุ ครองเครื่องหมายหรือสญั ลกั ษณ์ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ ภาพถา่ ย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ช่ือ ฯลฯ ที่ใช้ เป็ นที่หมายหรือเก่ียวข้องกบั สนิ ค้า เพอื่ แสดงวา่ สนิ ค้าทใี่ ช้เครื่องหมายนนั้ แตกตา่ งไปจากสนิ ค้าทใ่ี ช้เครื่องหมายการค้าของบคุ คลอน่ื กฎหมายความลบั ทางการค้า ให้การปกป้ องการฉกฉวยเอาข้อมลู ความลบั ของผ้อู น่ื ไปใช้ประโยชน์โดยมชิ อบ การค้มุ ครองความลบั ทางการ ค้าเป็ นระบบกฎหมายทส่ี บื เนื่องใกล้เคียงกบั ระบบสทิ ธิบตั ร โดยให้ทางเลอื กในรูปแบบการค้มุ ครองแก่เจ้าของผลงานทางปัญญา กฎหมาย ความลบั ทางการค้าเปิดโอกาสให้เจ้าของข้อมลู ทีไ่ มส่ ามารถได้รับการค้มุ ครองในระบบกฎหมายอน่ื (เชน่ เพราะข้อมลู นนั้ ไมม่ คี ณุ สมบตั ทิ ี่ อาจขอรับสทิ ธิบตั ร ) ให้ได้รับการค้มุ ครองในลกั ษณะทเ่ี ป็ นความลบั ทางการค้า นอกจากนี ้กฎหมายความลบั ทางการค้ายงั เป็ นมาตรการ ป้ องกนั การกระทาทไ่ี มช่ อบด้วยจริยธรรมทางธุรกิจการค้า เช่น ด้วยการเปิ ดเผยหรือใช้ความลบั ทางการค้าของผ้อู ื่นโดยไมม่ อี านาจ หรือใช้ วิธีการที่มิชอบเพอื่ ให้ได้ไปซง่ึ ความลบั ทางการค้าของผ้อู ่ืน กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ ให้การค้มุ ครองสาหรับการแสดงออกซง่ึ ความคดิ โดยมิได้ค้มุ ครองตวั ความคดิ โดยตรง ลขิ สทิ ธิ์เป็ นสทิ ธิทางกฎหมายทีร่ ัฐ ให้แกบ่ คุ คลผ้สู ร้างสรรค์งานอนั มคี ณุ คา่ ลกั ษณะตา่ ง ๆ ขนึ ้ ได้แก่ งานวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรีกรรม โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ฯลฯ 1.1.4 ข้อเปรียบเทียบและความสัมพนั ธ์ของสทิ ธิในทรัพย์สินทางปัญญาแต่ละประเภท 1. สง่ิ ทีค่ ้มุ ครองและเจตนารมณ์ของกฎหมาย กฎหมายสทิ ธิบตั ร รับรองสทิ ธิตามธรรมชาตขิ องผ้ปู ระดษิ ฐ์และผ้อู อกแบบผลติ ภณั ฑ์ เพ่ือจงู ใจให้พฒั นาเทคโนโลยใี หมน่ าสกู่ ารพฒั นา อตุ สาหกรรม สง่ เสริมการถา่ ยทอดเทคโนโลยีระหวา่ งประเทศ สง่ เสริมการลงทนุ และการค้าระหวา่ งประเทศ ประเภทกฎหมาย สทิ ธิบตั ร เคร่ืองหมายการค้า ความลบั ทางการค้า ลขิ สิทธ์ิ 1. สงิ่ ท่ี - รับรองสทิ ธิตามธรรมชาติ - ปกป้ องผลประโยชน์ของ - ป้ องกนั การฉกฉวย/ ค้มุ ครองงานสร้างสรรค์ ค้มุ ครองและ ของผ้ปู ระดิษฐ์และ เจ้าของเครื่องหมายการค้า เปิ ดเผยข้อมลู ความลบั - งานวรรณกรรม นาฏกรรม เจตนารมณ์ ผ้อู อกแบบผลติ ภณั ฑ์ - ช่ือเสยี ง/ความนยิ มในตวั ของผ้อู ่นื ไปใช้ประโยชน์ ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทศั นวสั ดุ ของกฎหมาย - เพือ่ จงู ใจให้พฒั นา สนิ ค้า โดยมไิ ด้รับอนญุ าต หรือ ภาพยนตร์ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง สทิ ธิของ เทคโนโลยีใหม่ การพฒั นา - ผ้บู ริโภคทราบแหลง่ ท่ีมา/ ใช้วธิ ีการทมี่ ิชอบให้ได้ นกั แสดง งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ อตุ สาหกรรม บง่ บอก คณุ ภาพของสนิ ค้า/ ข้อมลู ความลบั ทาง - ไมค่ ้มุ ครองสง่ิ ทเี่ กี่ยวกบั - สง่ เสริมการถา่ ยทอด บริการ การค้าของผ้อู ื่น อตุ สาหกรรมการผลติ เทคโนโลย/ี การลงทนุ / - ค้มุ ครองสงิ่ ทม่ี ีลกั ษณะเป็ นการให้ การค้าระหวา่ งประเทศ ความรู้ความบนั เทิง - รับรองสทิ ธิตามธรรมชาตขิ องผู้

สร้ างสรรค์ - จงู ใจการพฒั นางานทีม่ ีคณุ คา่ ตอ่ สงั คม - สง่ เสริมการลงทนุ การค้าระหวา่ ง ประเทศ 2. เงื่อนไขการ - ประดิษฐ์ขนึ ้ ใหม่ - ลกั ษณะสาคญั มีลกั ษณะ - ข้อมลู เป็ นความลบั กาหนดเง่ือนไขประการเดยี ววา่ ค้มุ ครอง - มขี นั้ การประดษิ ฐ์ทสี่ งู ขนึ ้ บง่ เฉพาะ - ไมเ่ ปิ ดเผยตอ่ - ผ้สู ร้างสรรค์ต้องสร้างสรรค์งานจาก - ประยกุ ต์ใช้ในทาง - ทาหน้าท่ีจาแนกความ สาธารณชน ความคดิ ของตนเอง มไิ ด้เลยี นแบบ อตุ สาหกรรมได้ แตกตา่ งระหวา่ งสนิ ค้า - หรือมิได้เป็ นข้อมลู งานผ้อู ื่น ภายใต้เครื่องหมายการค้า ความรู้ท่ีทราบกนั ทว่ั ไป นนั้ กบั สนิ ค้าอ่ืน 3. วธิ ีการ - ขอรับสทิ ธิบตั ร โดยย่ืนคา - จดทะเบียน มีสทิ ธิผ้เู ดยี ว ทาได้หลายวธิ ี เชน่ - ค้มุ ครองทนั ทีและโดยอตั โนมตั ิ ค้มุ ครอง ขอตอ่ เจ้าหน้าท่ขี องรัฐตาม - ถ้าไมจ่ ดทะเบยี น จะมี - ทาสญั ญาห้ามมใิ ห้มี - ไมม่ แี บบหรือพิธีการใด ๆ แบบและพิธีการใน สทิ ธิบางประการ เช่น สทิ ธิ การเปิ ดเผยความลบั - และผ้สู ร้างสรรค์ไมต่ ้องแสดง กฎหมาย คดั ค้านมใิ ห้ผ้อู ่นื จด ทางการค้า เคร่ืองหมายหรือสญั ลกั ษณ์ใด ๆ เพอ่ื - เจ้าหน้าทีต่ รวจสอบ ทะเบยี นเครื่องหมายการค้า - หรือค้มุ ครองภายใต้ บง่ ระบคุ วามเป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ คณุ สมบตั กิ ารประดษิ ฐ์หรือ ของตน และขอให้ศาลเพกิ กฎหมายลกั ษณะละเมดิ - วิธีการได้มาซงึ่ ลขิ สทิ ธ์ิแตกตา่ ง การออกแบบทข่ี อรับความ ถอนการจดทะเบยี นนนั้ แต่ - ใช้วธิ ีการทมี่ ิชอบให้ได้ สทิ ธิบตั รและเครื่องหมายการค้า ท่ี ค้มุ ครองอยา่ งเข้มงวด ไมม่ สี ทิ ธิเรียกคา่ เสยี หาย ความลบั ทางการค้า เป็ น ต้องจดทะเบียน และตรวจสอบ จากผ้ลู ะเมดิ สทิ ธิใน การละเมดิ ต้อง คณุ สมบตั ิสงิ่ ที่ขอรับความค้มุ ครอง เคร่ืองหมายการค้าของตน รับผิดชอบใช้คา่ สนิ ไหม ทดแทนให้เจ้าของข้อมลู 4. อายกุ าร สทิ ธิบตั รการประดษิ ฐ์ อายุ กาหนดอายกุ ารจดทะเบียน ไมม่ ีอายกุ ารค้มุ ครอง โดยทวั่ ไปมกี าหนด 50 ปี นบั จากผู้ ค้มุ ครอง ค้มุ ครอง 20 ปี นบั จากวนั เครื่องหมายการค้า 10 ปี สร้างสรรค์ถงึ แกค่ วามตาย ขอรับสทิ ธิบตั ร เจ้าของเครื่องหมายการค้า สทิ ธิบตั รการออกแบบ ตอ่ อายกุ ารจดทะเบยี นได้ ผลติ ภณั ฑ์ อายคุ ้มุ ครอง 10 ตลอดไป ปี 5. การละเมดิ ผ้ทู รงสทิ ธิบตั รมสี ทิ ธิแตผ่ ู้ เจ้าของเคร่ืองหมายการค้า โดยทวั่ ไปมิได้มกี ารให้ มสี ทิ ธิในการทาซา้ หรือดดั แปลงงาน สทิ ธิ เดยี วในการแสงหา มีสทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี ว ตามทไ่ี ด้ สทิ ธิเดด็ ขาดแกเ่ จ้าของ และการเผยแพร่งานตอ่ สาธารณชน ประโยชน์เชิงพาณิชย์จาก จดทะเบยี นไว้ ผ้อู ่ืนใช้ ข้อมลู แตเ่ ป็ นการ ภายใต้กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ เจ้าของ การประดษิ ฐ์หรือการ เคร่ืองหมายการค้าท่ี กาหนดความรับผิดของผู้ ลขิ สทิ ธิ์ไมม่ ีสทิ ธิเดด็ ขาดในอนั ท่ีจะ ออกแบบ ไมว่ า่ การผลติ ใช้ เหมือนหรือคล้ายกบั ทม่ี ีหน้าทรี่ ักษาข้อมลู หวงกนั มใิ ห้ผ้อู ่ืนทาการลอกเลยี นงาน ขาย มไี ว้เพ่ือขาย หรือ เครื่องหมายการค้าของ และได้ทาการเปิ ดเผย ของตน แตม่ สี ทิ ธิในการควบคมุ การ นาเข้าผลติ ภณั ฑ์ภายใต้ ผ้อู ่นื จนอาจทาให้ประชาชน ข้อมลู นนั้ เทา่ นนั้ ใช้ประโยชน์ทางพาณิชย์สาหรับงาน สทิ ธิบตั ร สบั สนหลงผิด รับผิดฐาน อนั มลี ขิ สทิ ธ์ิของตน สทิ ธิภายใต้สทิ ธิบตั รมี กระทาละเมดิ สทิ ธิใน ลกั ษณะผกู ขาดโดย เคร่ืองหมายการค้า สมบรู ณ์ ผ้กู ระทาการ

เกี่ยวกบั การประดษิ ฐ์หรือ การออกแบบตามสทิ ธิบตั ร โดยไมม่ อี านาจ ถือวา่ ละเมิด ทงั้ นโี ้ ดยไมค่ านงึ วา่ ผ้กู ระทาได้ลอกเลยี นการ ประดษิ ฐ์หรือการออกแบบ ตามสทิ ธิบตั รหรือไม่ กิจกรรม กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาแตล่ ะประเภทมคี วามแตกตา่ งกนั ในเรื่องตอ่ ไปนี ้ สงิ่ ที่ค้มุ ครองและเจตนารมณ์ของกฎหมาย เง่ือนไขของการค้มุ ครอง วิธีการค้มุ ครอง อายกุ ารค้มุ ครอง การละเมดิ สทิ ธิ 1.2 ววิ ัฒนาการของกฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญา 1.2.1 ความเป็ นมาของกฎหมายสทิ ธิบตั ร 1.2.2 ความเป็ นมาของกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ 1.2.3 ความเป็ นมาของกฎหมายเครื่องหมายการค้า 1.2.4 ความเป็ นมาของกฎหมายค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื 1.2.5 ความเป็ นมาของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาภายใต้องค์การการค้าโลก 1.2.1 ความเป็ นมาของ - องั กฤษริเริ่มระบบสทิ ธิบตั รสมยั ใหม่ ประเทศกาลงั พฒั นารับอทิ ธิพลของกฎหมายสทิ ธิบตั ร เป็ นผลจากการตก กฎหมายสทิ ธิบตั ร เป็ นประเทศอาณานิคม ไทยบงั คบั ใช้กฎหมายสทิ ธิบตั รเพ่อื สนองนโยบายด้านอตุ สาหกรรมและการค้าระหวา่ ง ประเทศ - ในองั กฤษ ออกเอกสารปิ ดผนกึ ให้สทิ ธิผกู ขาดการจาหนา่ ยสนิ ค้ามกี าหนดเวลาจากดั ให้แกบ่ ุคคลที่นาการ ประดษิ ฐ์เข้ามาใช้งานในประเทศ เรียกวา่ เอกสารสทิ ธิบตั ร letters patent ฉบบั แรกทม่ี ชี ่ือเสยี งมาก ออกให้แก่ Johannes Kempe of Flanders ตอบแทนตอ่ การจดั ตงั้ อตุ สาหกรรมทอผ้าขนึ ้ ในองั กฤษ - ตอ่ มาออกกฎหมายวา่ ด้วยการผกู ขาดทางการค้า เพ่อื ลดทอนอานาจกษัตริย์ ได้ยกเว้นให้ผกู ขาดทางการค้า ลกั ษณะเดียวตามสทิ ธิบตั ร มีกาหนด 14 ปี เป็ นกฎหมายจดุ เริ่มต้น แบบอยา่ งของระบบสทิ ธิบตั รสมยั ใหม่ แนวคดิ ค้มุ ครองการประดษิ ฐ์ฯ แพร่หลายในประเทศตา่ ง ๆ ทวีปยโุ รป อเมริกาเหนอื จนปลาย ค.ศ.19 ประเทศ อตุ สาหกรรมตะวนั ตกเกือบทกุ ประเทศ บงั คบั ใช้กฎหมายสทิ ธิบตั ร เพื่อค้มุ ครองสทิ ธิของผ้ปู ระดษิ ฐ์และสง่ เสริม การพฒั นาทางอตุ สาหกรรมของประเทศ (UNCTAD= United Nations Conference on Trade and Development ท่ปี ระชมุ วา่ ด้วยการค้าและการพฒั นาขององค์การสหประชาชาติ องั คถ์ ดั ) - นกั เศรษฐศาสตร์ท่ีสร้างกระแสตอ่ ต้านระบบสทิ ธิบตั ร อดมั ส์ สมธิ เชื่อวา่ เป็ นเครื่องมอื กีดกนั ทางการค้า กอ่ ผลกระทบการค้าเสรี ทาให้ยกเลกิ กฎหมายสทิ ธิบตั รในบางประเทศ เชน่ เนเธอร์แลนด์ จนมกี ารประนปี ระนอม ระหวา่ งพวกตอ่ ต้าน และสนบั สนนุ กฎหมายสทิ ธิบตั ร ในปลายปี ค.ศ. ที่ 19 ยินยอมให้นาระบบมาตรการบงั คบั ใช้ สทิ ธิ มาควบคมุ การใช้สทิ ธิผกู ขาดของผ้ทู รงสทิ ธิบตั ร - ชว่ งก่อน ค.ศ.19 อาศยั หลกั ตา่ งตอบแทน ทีก่ าหนดในสนธิสญั ญาทวิภาคที ีท่ าตอ่ กนั ระหวา่ งบางประเทศ ค้มุ ครองสทิ ธิของผ้ปู ระดษิ ฐ์ นานาประเทศจงึ สร้างกรอบการค้มุ ครองการประดิษฐ์ในลกั ษณะนานาชาติขนึ ้ ลง นามจดั ทาความตกลงระหวา่ งประเทศ เรียกวา่ อนสุ ญั ญากรุงปารีส เพอ่ื การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม ใน ค.ศ. 1883 ได้กลายเป็ นความตกลงระหวา่ งประเทศเกี่ยวกบั การค้มุ ครองสทิ ธิบตั รที่สาคญั มากทสี่ ดุ ในปัจจบุ นั

1.2.2 ความเป็ นมาของ - องั กฤษใช้สทิ ธิบตั รเป็ นเครื่องมอื ผกู ขาดการทาเหมอื งแร่ทองคาในไนจีเรียและกานา่ ภายหลังในยคุ ปลดปลอ่ ย กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ อาณานิคม ประเทศกาลงั พฒั นาได้ร่วมกนั เรียกร้องให้แก้ไขบทบญั ญตั ขิ องอนสุ ญั ญากรุงปารีสหลายมาตรา ก็ไม่ ประสบความสาเร็จ - ประเทศอตุ สาหกรรมผลกั ดนั ประเดน็ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้าส่กู ารเจรจาการค้าพหภุ าคีรอบอรุ ุกวยั ของแกตต์ เนื่องจากเป็ นประเดน็ สาคญั ในการแขง่ ขนั ในตลาดการค้าโลก - มีการจดั ทาความตกลงระหวา่ งประเทศเกี่ยวกบั ค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเ่ี รียกวา่ ความตกลงวา่ ด้วยสทิ ธิ ในทรัพย์สนิ ทางปัญญาท่ีเกี่ยวกบั การค้า หรือ ความตกลงทริปส์ เป็ นฉบบั แรกและฉบบั เดยี วทปี่ ระกนั และให้ การค้มุ ครองระดบั สงู แกเ่ ทคโนโลยที กุ สาขา ประเทศกาลงั พฒั นาถกู บงั คบั ให้รับรองความตกลงระหวา่ งประเทศ ดงั กลา่ ว หากจะเข้าร่วมในองคก์ ารการค้าโลก ( WTO= World Trade Organization ดบั บลวิ ทีโอ) มบี ทบาทและ สาคญั ยงิ่ ในทางการค้าระหวา่ งประเทศยคุ ปัจจบุ นั - ไทย มีกฎหมายสทิ ธิบตั รได้ถกู บญั ญตั ิขนึ ้ จากผลการเรียกร้องและเป็ นไปตามความต้องการของอตุ สาหกรรมใน ประเทศ เพ่อื ตอบสนองนโยบายของรัฐในการสง่ เสริมการพฒั นาทางอตุ สาหกรรมและการค้าระหวา่ งประเทศ รัฐบาลได้เสนอร่างกฎหมายสทิ ธิบตั รตอ่ สภานติ ิบญั ญตั คิ รัง้ แรก พ.ศ. 2508 ไมไ่ ด้รับความเหน็ ชอบ ตอ่ มาวนั ท่ี 23 มิ.ย. 2521 กฎหมายสทิ ธิบตั รใช้บงั คบั ครัง้ แรก ได้แก่ พ.ร.บ.สทิ ธิบตั ร พ.ศ. 2522 มผี ลบงั คบั ใช้เมอ่ื 22 ก.ย. 2522 - ปี 2535 ไทยถกู อเมริกากดดนั จงึ มกี ารแก้ไขกฎหมายสทิ ธิบตั ร มีการขยายขอบเขตของสง่ิ ทค่ี ้มุ ครองให้ ครอบคลมุ ผลติ ภณั ฑ์ยา อาหาร เครื่องจกั รกลทางการเกษตร ความตกลงฉบบั เดยี วที่ไทยเข้าร่วม คอื ความตก ลงทริปส์ ท่รี วมอยใู่ นภาคผนวกของความตกลงจดั ตงั้ องค์การการค้าโลก - มีวิวฒั นาการและเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา งานวรรณกรรมและงานพมิ พ์เป็ นงานประเภทแรกที่ได้รับการค้มุ ครอง ปัจจบุ นั กฎหมายลขิ สทิ ธ์ินาไปใช้ค้มุ ครองงานประเภทอ่นื ทงั้ งานดนตรี ภาพยนตร์ สทิ ธิของนกั แสดง โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ ฐานข้อมลู และโทรคมนาคม - บญั ญตั คิ รัง้ แรกเพอ่ื ตอบรับตอ่ พฒั นาการของเทคโนโลยีการพมิ พ์ - ค.ศ.1450 โยฮานน์ กเู ต็นเบอร์ก ชาวเยอรมนั ประดษิ ฐ์เครื่องพมิ พ์ขนึ ้ พฒั นาดีขนึ ้ โดยวลิ เลยี ม แคกซ์ตนั ชาว องั กฤษ เมื่อ ค.ศ.1476 การพิมพ์งานและการลอกเลยี นงานวรรณกรรมงา่ ยขนึ ้ การพมิ พ์งานแพร่หลาย นกั ประพนั ธ์และเจ้าของงานวรรณกรรมตา่ ง ๆ ได้เรียกร้องให้ออกกฎหมายควบคมุ การลอกเลยี นงานและการนางาน ของผ้อู น่ื ไปใช้โดยมไิ ด้รับอนญุ าต จน ค.ศ. 1710 อังกฤษออกกฎหมาย Statute of Anne 1710 ถอื ว่าเป็ น กฎหมายลิขสทิ ธ์ิฉบบั แรกของโลก ภายใต้กฎหมายนี ้เจ้าของงานได้รับการค้มุ ครอง 14 ปี นบั แตว่ นั ที่มกี าร โฆษณางาน กรณีงานที่มีอยกู่ อ่ นมีกฎหมายนี ้ - และ ท่ีมกี ารสร้างสรรค์ขนึ ้ หลงั กฎหมายมีผลใช้บงั คบั อายกุ ารค้มุ ครอง 21 ปี เจตนารมณ์เพือ่ ค้มุ ครองประโยชน์ สาธารณะยงิ่ กวา่ ปกป้ องสทิ ธิของนกั ประพนั ธ์ ได้ให้สทิ ธิในการพมิ พ์หนงั สอื แกผ่ ้ปู ระพนั ธ์หรือผ้รู ับโอนสทิ ธิจาก ผ้ปู ระพนั ธ์ โดยเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิจะมีสทิ ธิเด็ดขาด 3 ประการ ได้แก่ สทิ ธิในการพิมพ์งาน สทิ ธิในการพมิ พ์ซา้ และ สทิ ธิในการจาหนา่ ยงานพิมพ์นนั้ - กฎหมาย Statute of Anne 1710 ถกู ใช้เป็ นแมแ่ บบใน อเมริกา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส - กฎหมายขององั กฤษ กบั ฝรั่งเศส มคี วามแตกตา่ งกนั ในเจตนารมณ์และหลกั การสาคญั บางประการ นาไปสกู่ าร จดั แบง่ ระบบการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิ ที่มีอิทธิพลถงึ ปัจจบุ นั - การค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ แบง่ ได้ 2 ระบบใหญ่ ๆ คือ ระบบลขิ สทิ ธิ์ copyright และระบบสทิ ธิของนกั ประพนั ธ์ author’s rights - ระบบลขิ สทิ ธ์ิ ใช้ในกลมุ่ ประเทศท่ีใช้ระบบกฎหมายแบบจารีตประเพณี แบบองั กฤษ มงุ่ เน้นการให้สทิ ธิเดด็ ขาด แก่เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิเพ่อื ป้ องกนั มิให้มกี ารลอกเลยี นงาน รับรองสทิ ธิในการนาเอางานมีลขิ สทิ ธ์ิไปใช้ประโยชน์ทาง พาณิชย์ เจ้าของงานทีม่ ีสทิ ธิทางเศรษฐกิจนอี ้ าจเป็ นบคุ คลธรรมดาหรือนติ ิบคุ คลได้ ให้สทิ ธิทางเศรษฐกจิ สทิ ธิ เดด็ ขาดในการทาซา้ ในการแปลหรือดดั แปลงงาน ในการบนั ทกึ งาน ในการเผยแพร่งานตอ่ สาธารณชน การแพร่

1.2.3 ความเป็ นมาของ เสยี งแพร่ภาพ รับรองธรรมสทิ ธ์ิ ของผ้สู ร้างสรรค์ด้วย กฎหมายเครื่องหมาย - องั กฤษออกกฎหมายเรียกวา่ Dramatic Copyright Act 1833 จดั ตงั้ สทิ ธิลกั ษณะใหมเ่ รียกวา่ สทิ ธิในการแสดง การค้า ให้สทิ ธิเดด็ ขาดแก่เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ในงานนาฏกรรม และตอ่ มาดนตรีกรรมด้วย ภายใต้กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิอีกฉบบั เรียกวา่ Literary Copyrigh[ Act 1842 - ระบบสทิ ธิของผ้ปู ระพนั ธ์ เร่ิมต้นจากกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิของฝร่ังเศส ให้ความสาคญั ตอ่ การค้มุ ครองสทิ ธิของ ปัจเจกบคุ คลทีเ่ ป็ นผ้สู ร้างสรรค์ โดยป้ องกนั มใิ ห้มกี ารลอกเลยี นงานโดยมชิ อบ ไมค่ ้มุ ครองบคุ คลอนื่ ท่ีเก่ียวข้องใน ฐานะอน่ื เชน่ นกั แสดง ผ้ผู ลติ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง หรือองค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ ซง่ึ ได้รับความค้มุ ครองในฐานะท่มี ี สทิ ธิข้างเคียง - มกี ารจดั ทา อนสุ ญั ญากรุงเบอร์นเพื่อการค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม ใน ค.ศ.1886 ลงนามโดย ประเทศร่วมกอ่ ตงั้ 10 ประเทศ ที่กรุงเบอร์น สวติ เซอร์แลนด์ - เป็ นบรรทดั ฐานสาหรับรัฐภาคที ่ีจะรับไปบญั ญตั ิไว้ในกฎหมายภายใน มาตรฐานการค้มุ ครองรวมถึงหลกั การ พืน้ ฐานของการค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ระหวา่ งประเทศ ได้แก่ หลกั ดนิ แดนของการค้มุ ครอง หลกั การปฏิบตั ิเย่ยี งคนชาติ ของเขตของสทิ ธิทเ่ี จ้าของลขิ สทิ ธ์ิมีตามกฎหมาย ประเภทงานมลี ขิ สทิ ธ์ิ การได้มาซงึ่ ลขิ สทิ ธิ์ การกาหนดสทิ ธิขนั้ ต่า อายกุ ารค้มุ ครอง ฯลฯ - มติเอกฉนั ท์ของประเทศสมาชิกสหภาพเบอร์นทงั้ หมด ทีก่ าหนดไว้ในความตกลงทริปส์ ลกั ษณะนเี ้รียกกนั ทว่ั ไป วา่ เบอร์นผนวก หรือ Berne-plus - เจตนารมณ์ดงั้ เดมิ ของกฎหมายลขิ สทิ ธิ์ เพอ่ื ให้การค้มุ ครองงานวรรณกรรมและงานพมิ พ์ ปัจจบุ นั ขอบเขตของ กฎหมายสาขานถี ้ กู ขยายไปสงู่ านประเภทอน่ื ด้วย เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ สทิ ธิของนกั แสดง โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ฐานข้อมลู โทรคมนาคม ฯลฯ - ไทย มกี ฎหมายลขิ สทิ ธ์ิฉบบั แรก ได้แก่ ประกาศพระหอสมดุ วชิรญาณ ร.ศ.111 ประกาศใช้บงั คบั พ.ศ.2435 โดย รัชกาลท่ี 5 ตอ่ มา พ.ศ.2444 มปี ระกาศพระราชบญั ญตั กิ รรมสทิ ธิ์ผ้แู ตง่ หนงั สอื ร.ศ.120 เมือ่ พ.ศ.2457 ไทยได้ ประกาศใช้กฎหมายฉบบั หนง่ึ เรียกวา่ พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.กรรมสทิ ธิ์ผ้แู ตง่ หนงั สอื ในปี พ.ศ. 2474 ประกาศบงั คบั ใช้กฎหมายลขิ สทิ ธิ์ฉบบั ใหมช่ ื่อวา่ พ.ร.บ.ค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม พ.ศ. 2474 เจตนารมณ์ของ กฎหมายไทยฉบบั แรกมงุ่ หมายในการค้มุ ครองสทิ ธิของนกั ประพนั ธ์และผ้สู ร้างสรรค์ ตามปรัชญาการค้มุ ครองของ ระบบสทิ ธิของนกั ประพนั ธ์ุ ท่ีใช้ในกลมุ่ ประเทศภาคพนื ้ ยโุ รป มิได้มเี จตนารมณ์ทางเศรษฐกิจสง่ เสริมการ สร้างสรรค์งานทม่ี ีประโยชน์ดงั กฎหมายลขิ สทิ ธิ์ของประเทศระบบคอมมอนลอว์ - ปี พ.ศ. 2521 ไทยบงั คบั ใช้กฎหมายลขิ สทิ ธิ์ฉบบั ใหม่ เรียกวา่ พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2521 ขยายความค้มุ ครองงาน มีลขิ สทิ ธิ์กว้างขวางยงิ่ ขนึ ้ ปรับปรุงโทษอาญาให้สงู ขนึ ้ ขยายอายกุ ารค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์เป็ นตลอดอายผุ ้สู ร้างสรรค์ อีก 50 ปี นบั แตผ่ ้สู ร้างสรรค์ถงึ แก่ความตาย - ประเด็นปัญหาการตีความ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์เป็ นงานมลี ขิ สทิ ธิ์ เพ่ือให้สอดคล้องกบั ความตกลงทริปส์ ขององค์การการค้าโลก ไทยจงึ บงั คบั ใช้กฎหมายลิขสทิ ธ์ฉิ บบั ใหม่ เรียกว่า พ.ร.บ.ลิขสทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 เป็ นกฎหมายท่มี ีผลใช้บงั คบั ตงั้ แต่ พ.ศ. 2537 จนถงึ ปัจจุบัน - มีมาเป็ นเวลานาน องั กฤษเป็ นประเทศแรกท่ีริเร่ิมนาระบบการจดทะเบยี นเคร่ืองหมายการค้ามาใช้ เป็ นระบบ การค้มุ ครองทใ่ี ช้มาถงึ ปัจจบุ นั - กฎหมายเครื่องหมายการค้ามคี วามมงุ่ หมายด้านการป้ องกนั การแขง่ ขนั ทางการค้าทีไ่ มเ่ ป็ นธรรม และจัด ระเบียบการแขง่ ขนั ในตลาดการค้า การลอกเลยี นเคร่ืองหมายการค้าหรือชื่อทางการค้า เป็ นรูปแบบของการ แขง่ ขนั ท่ีไมเ่ ป็ นธรรมทเี่ กา่ แก่ที่สดุ มหี ลกั ฐานชา่ งปัน้ หม้อสมยั โรมนั ใช้เคร่ืองหมายการค้ากบั ผลติ ภณั ฑ์ทไ่ี ด้ปัน้ ขนึ ้ เพือ่ อ้างความเป็ นเจ้าของในสนิ ค้า อดตี เครื่องหมายการค้าเกดิ จากการรับรองของภาคเอกชนด้วยกนั ระบบการ ค้มุ ครองเครื่องหมายการค้าอยา่ งเป็ นทางการ ถกู นามาใช้ในยโุ รปชว่ งกลางของ ค.ศ. ที่ 19 โดยองั กฤษ เป็ น ประเทศแรกทก่ี าหนดให้มกี ารจดทะเบยี นเครื่องหมายการค้าเมื่อ ค.ศ. 1875 ฉบบั แรกเรียก Trade Marks Act

1.2.4 ความเป็ นมาของ 1875 ให้สทิ ธิเดด็ ขาดในการใช้เครื่องหมายการค้าแกบ่ คุ คลที่ได้จดทะเบียน ระบบทะเบยี นเครื่องหมายการค้าถกู กฎหมายค้มุ ครองพนั ธ์ุ ใช้กาหนดความเป็ นเจ้าของในเครื่องหมาย เป็ นหวั ใจสาคญั ของระบบการค้มุ ครองเครื่องหมายการค้าตราบจน พืช ปัจจบุ นั นี ้ - มีการจดั ทาอนุสัญญากรุงปารีสเพ่ือการคุ้มครองทรัพย์สนิ ทางอุตสาหกรรมใน ค.ศ. 1883 หลกั เกณฑ์การ 1.2.5 ความเป็ นมาของ ค้มุ ครองถกู นาไปบญั ญตั ใิ นอนสุ ญั ญาฯ ถือวา่ เป็ นครัง้ แรกทม่ี ีการกาหนดหลกั การค้มุ ครองเคร่ืองหมายการค้าใน การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ระดบั ระหวา่ งประเทศ ทางปัญญาภายใต้ - ตอ่ มามกี ารกาหนดหลกั เกณฑ์เพิม่ เตมิ อกี ภายใต้อนสุ ญั ญาอีกฉบบั หนงึ่ เรียกวา่ อนสุ ญั ญากรุงแมดริดวา่ ด้วย องค์การการค้าโลก การจดทะเบยี นเครื่องหมายการค้าฉบบั ค.ศ. 1891 และลา่ สดุ ความตกลงทริปสใ์ น ค.ศ. 1994 - ไทยประกาศใช้กฎหมายเครื่องหมายการค้าเป็ นทางการเป็ นครัง้ แรกใน พ.ศ. 2474 ได้แก่ พ.ร.บ.เครื่องหมาย การค้า พ.ศ. 2474 ร่างขนึ ้ ตามแนวกฎหมายเครื่องหมายการค้าขององั กฤษ Trade Marks Act 1875 ใช้มานาน 60 ปี ยกเลกิ โดย พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ใช้อยจู่ นปัจจบุ นั - มไิ ด้กระทาภายใต้กฎหมายสทิ ธิบตั ร หากกระทาภายใต้กฎหมายลกั ษณะเฉพาะเรียกวา่ สทิ ธิของนกั ปรับปรุง พนั ธ์พุ ชื เป็ นระบบกฎหมายจดั ทาขนึ ้ เพื่อค้มุ ครองผลงานการปรับปรุงพนั ธ์พุ ชื ให้เหมาะสมสอดคล้องกบั ลกั ษณะ ของพนั ธ์พุ ืช - การปรับปรุงพนั ธ์พุ ชื แพร่หลายชว่ งต้น ค.ศ.ท่ี 20 นกั ปรับปรุงพนั ธ์พุ ชื ได้เรียกร้องให้ประเทศตา่ ง ๆ จดั ให้มกี าร ค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื เพือ่ รับรองสทิ ธิในผลงานการสร้างสรรค์ทางปัญญาของตน ด้วยการให้สทิ ธิเดด็ ขาด เช่นเดยี วกบั สทิ ธิตามสทิ ธิบตั ร - อเมริกาออกกฎหมาย เรียกวา่ กฎหมายสทิ ธิบตั รพชื Plant patent Act of 1930 และกฎหมายค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื Plant Variety Protection Act of 1970 ตามด้วยเนเธอร์แลนด์ เยอรมนั นี - อนสุ ญั ญายปู อฟ ห้ามการค้มุ ครองพนั ธ์พุ ืชภายใต้กฎหมายค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื และกฎหมายสทิ ธิบตั รใน ขณะเดียวกนั เรียกวา่ การค้มุ ครองซา้ ซ้อน - กฎหมายค้มุ ครองพนั ธ์พุ ืชของไทยไมไ่ ด้ให้การค้มุ ครองแตเ่ ฉพาะพนั ธ์พุ ชื ใหมต่ ามแนวทางของอนสุ ญั ญายปู อฟ เทา่ นนั้ มีเจตนารมณ์ปกป้ องสทิ ธิของประชาชนผ้ยู ากไร้ในประเทศ โดยรับรองสทิ ธิของชมุ ชนและเกษตรกรทจี่ ะ ได้รับคา่ ตอบแทนและสว่ นแบง่ รายได้จากบคุ คลทีน่ าพชื หรือสารพนั ธุกรรมพชื ทต่ี นดแู ลไปใช้ประโยชน์หรือใช้เพือ่ การปรับปรุงพนั ธ์ุ ประเทศพฒั นาฯ ได้ผลกั ดนั ประเด็นการค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้าสกู่ ารเจรจาการค้าพหภุ าคีของ แกตต์ เพอ่ื สร้างมาตรฐานขนั้ ตา่ ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศ - การผลกั ดนั ประเดน็ ยกระดบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศ สกู่ ารเจรจาการค้าพหภุ าคขี อง แกตต์ (ซง่ึ ตอ่ มาเปลย่ี นชื่อและสถานภาพเป็ นองคก์ ารการค้าโลก) นาไปสกู่ ารจดั ทาความตกลงระหวา่ งประเทศ เกี่ยวกบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในท่ีสดุ - กอ่ นเร่ิมต้นการเจรจารอบอรุ ุกวยั ของแกตต์ใน ค.ศ. 1986 ประเทศพฒั นานาโดยอเมริกา เสนอให้มีการเจรจานี ้ ในแกตต์ เป็ นหวั ข้อใหมข่ องการเจรจาการค้าของแกตต์ บทบญั ญตั ิ ข้อ 20(ดี) ของความตกลงแกตต์ กลา่ วชดั แจ้ง วา่ การค้มุ ครองสทิ ธิบตั ร เครื่องหมายการค้า และลขิ สทิ ธ์ิ ต้องไมท่ าให้เกิดเป็ นอปุ สรรคสาหรับการค้าเสรีระหวา่ ง ประเทศ - การเจรจาการค้าพหภุ าคีรอบโตเกียว ค.ศ. 1973 ถงึ 1979 เป็ นการเจรจาการค้าในรอบกอ่ นหน้ารอบอรุ ุกวยั มี เสนอให้มกี ารจดั ทาความตกลงวา่ ด้วยการตอ่ ต้านสนิ ค้าปลอมแปลง Anti-Counterfeiting Code เพือ่ ขจดั การ ปลอมแปลงและลอกเลยี นสนิ ค้า เป็ นเหตผุ ลเดียวกนั กบั การจดั ทาความตกลงทริปส์ - ปัจจยั สาคญั มาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจมหภาค ทบ่ี รรดาประเทศพฒั นาหลายประเทศประสบขณะนนั้ ได้ สญู เสยี ตลาดการค้าในสนิ ค้าบางอยา่ งให้แกส่ นิ ค้าของประเทศกาลงั พฒั นา อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอเป็นตวั อยา่ งแสดง ให้เหน็ วกิ ฤตกิ ารณ์ทางเศรษฐกิจ การถกู แยง่ ตลาดสนิ ค้าของประเทศพฒั นา ผลกระทบอย่างหนกั จากการถกู ลอก

เลยี นทรัพย์สนิ ทางปัญญา คอื อตุ สาหกรรมยา ดนตรี ภาพยนตร์ และคอมพิวเตอร์ สหรัฐฯสญู เสยี รายได้จากการ ละเมิดทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นเงินจานวนมาก จงึ แก้ปัญหาใช้มาตรการทวภิ าคดี ้วยการเจรจาบงั คบั ประเทศคคู่ ้า ขใู่ ช้การตอบโต้ทางการค้าภายใต้มาตรา 301 ภายใต้กฎหมายการค้าของสหรัฐฯ และจะตดั สทิ ธิพิเศษทางการค้า Generalized System of Preferences หรือจีเอสพี GSP คขู่ นานไปกบั การเจรจาในรอบอรุ ุกวยั ของแกตต์ - การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศแตเ่ ดมิ อยภู่ ายใต้การดแู ลขององค์การทรัพย์สนิ ทางปัญญาโลก World Intellectual Property Organization หรือไวโป (WIPO) เป็ นทบวงชานญั พเิ ศษขององค์การสหประชาชาติ - ปัญหาสาคญั ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาภายใต้ความตกลงระหวา่ งประเทศ คือ มิได้กาหนด มาตรฐานขนั้ ตา่ ของการค้มุ ครองไว้ มิได้กาหนดบทบญั ญตั ิเกีย่ วกบั การบงั คบั ตามสทิ ธิ และมาตรการระงบั ข้อ พิพาทไว้ - มาตรฐานของการค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาอาศยั หลกั การปฏบิ ตั เิ ยี่ยงคนชาติ National Treatment เป็ นเกณฑ์ โดยคาดหวงั ให้ศาลภายในของประเทศตา่ ง ๆ บงั คบั สทิ ธิของคนตา่ งชาตอิ ยา่ งเทา่ เทยี มและเสมอภาค กนั กบั สทิ ธิขงคนชาตติ นเอง หากไมใ่ ห้ความค้มุ ครองทงั้ แคนชาติตนเองและแกค่ นตา่ งชาติ กถ็ ือวา่ ปฏบิ ตั ิเชน่ นไี ้ ม่ ขดั ตอ่ หลกั การปฏิบตั เิ ยย่ี งคนชาติ เพราะเป็ นการให้การปฏิบตั ิทีเ่ ทา่ เทยี มกนั นน่ั เอง - การนาคดขี นึ ้ สศู่ าลยตุ ิธรรมระหวา่ งประเทศ เร่ิมคดโี ดยรัฐเทา่ นนั้ - ระบบการค้าระหวา่ งประเทศภายใต้กรอบของแกตต์นนั้ มสี ง่ิ ดงึ ดดู ใจให้ประเทศกาลงั พฒั นาทงั้ หลายเข้าร่วม คอื การได้รับสทิ ธิประโยชน์ทางการค้าในลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่นการลดกาแพงภาษีและอปุ สรรคทางการค้า สทิ ธิ ประโยชน์จากการเปิ ดตลาดการค้า เชน่ สง่ิ ทอ สนิ ค้าเกษตร ฯลฯ - การเจรจารอบอรุ ุกวยั มคี วามแตกตา่ งในข้อเสนอของสหรัฐอเมริกา ประชาคมยโุ รป ญี่ป่ นุ - ประเทศกาลงั พฒั นาได้คดั ค้านการนาประเด็นการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้าสแู่ กตต์ โดยเสนอวา่ หลกั การ พนื ้ ฐานของการค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทมี่ ีลกั ษณะเป็ นการกีดกนั ทางการค้า ไมส่ อดคล้องกบั แนวนโยบายการค้าเสรีของแกตต์ protectionism - ประเทศกาลงั พฒั นาเหน็ วา่ มีองค์การทรัพย์สนิ ทางปัญญาโลก หรือ WIPO เป็ นองค์การระหวา่ งประเทศ ท่ีทา หน้าทรี่ ักษาการตามอนสุ ญั ญากรุงปารีส Paris Convention และอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น Berne Convention เหมาะสมทงั้ ด้านหลกั การและในทางปฏิบตั มิ คี วามพร้อมทงั้ ด้านบคุ ลากร และปัจจยั พนื ้ ฐานตา่ ง ๆ - วนั ท่ี 20 ธนั วาคม 2534 นายอาเธอร์ ดงั เคลิ ้ ตาแหนง่ เลขาธิการทว่ั ไปของแกตต์ขณะนนั้ ได้เสนอร่างกรรมสาร สดุ ท้ายรวบรวมผลการเจรจาการค้าพหภุ าครี อบอรุ ุกวยั เรียกทว่ั ไปวา่ Dunkel Draft ตอ่ รัฐภาคี นาสคู่ วามตกลง สรุปผลการเจรจารอบอรุ ุกวยั ในทสี่ ดุ - ร่างกรรมสารสดุ ท้ายฯ ผนวกความตกลงเกี่ยวกบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเี่ รียกวา่ ความตกลงว่าด้วย สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเี่ กี่ยวกบั การค้า รวมทงั้ การค้าสนิ ค้าปลอมแปลง หรือความตกลงทริปส์ TRIPs Agreement ไว้ด้วย - สาระสาคญั ของร่างความตกลงทริปส์ ทเ่ี สนอมีลกั ษณะยดื หยนุ่ รัฐภาคที ไ่ี มพ่ อใจร่างดงั กลา่ ว ได้แก่ อินเดยี - - - อเมริกาต้องการให้เข้มงวดทส่ี ดุ ทงั้ ในประเดน็ ร่างความตกลงทริปสไ์ มไ่ ด้กาหนดการให้ความค้มุ ครองสทิ ธิบตั ร ย้อนหลงั แก่ผลติ ภณั ฑ์ยา เรียก การค้มุ ครองย้อนหลงั วา่ pipeline protection อนิ เดียยงั คงยนื ยนั ไมใ่ ห้มกี าร ค้มุ ครองยา อาหาร และเคมภี ณั ฑ์ - ร่างความตกลงทริปสเ์ ปิ ดโอกาสให้ประเทศภาคบี งั คบั ใช้สิทธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาโดยมติ ้องได้รับความ ยนิ ยอมจากผ้ทู รงสทิ ธิ เพอ่ื สนองตอบนโยบายของรัฐได้บางกรณี เรียก มาตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิ รวมทงั้ สามารถ กาหนดมาตรการควบคมุ การกระทาของผ้ทู รงสทิ ธิท่มี ลี กั ษณะเป็ นการจากดั ทางการค้าได้ บทบญั ญตั ติ า่ งๆ เหลา่ นสี ้ อดคล้องและตอบสนองความต้องการของบรรดาประเทศกาลงั พฒั นาทงั้ หลายได้อยา่ งดี ถือวา่ การ เชื่อมโยงประเด็นการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้ากบั การค้าระหวา่ งประเทศภายใต้บทบญั ญตั ิของความตก ลงทริปส์นนั้ เป็ นความสาเร็จของประเทศทพี่ ฒั นาฯ มผี ลทาให้รัฐภาคขี ององค์การการค้าโลกต้องปรับปรุงระบบ

การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศตนให้มคี วามเข้มงวดมากขนึ ้ กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาแตล่ ะลกั ษณะมีความเป็ นมาท่ียาวนาน จากทเ่ี ป็ นกฎหมายภายใน ในปัจจบุ นั ได้มกี ารกาหนดหลกั การ ค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศไว้ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (WTO = World Trade Organization) กจิ กรรม 1.2.1 กฎหมายสทิ ธิบตั รได้ถกู บญั ญตั ขิ นึ ้ เป็ นครัง้ แรกใน ค.ศ. 1474 ทร่ี ัฐเวนิช แตม่ ีหลกั ฐานวา่ ระบบการให้สทิ ธิผกู ขาดเพอื่ ตอบแทนการ ประดษิ ฐ์คิดค้น และการนาเทคโนโลยีสมยั ใหมเ่ ข้ามาในประเทศ ได้มีมากอ่ นหน้านนั้ แล้วเป็ นเวลาช้านาน ตงั้ แตเ่ มอ่ื 500 ปี ก่อนคริสตกาล โดยกฎหมายสทิ ธิบตั รในระยะแรก ๆ จะมลี กั ษณะท่เี ป็ นสทิ ธิบตั รในการนาเข้า ทม่ี เี จตนารมณ์เพื่อจงู ใจให้มกี ารนาเทคโนโลยีสมยั ใหมเ่ ข้ามา ในประเทศ กฎหมายสทิ ธิบตั รฉบบั แรกของไทย ได้แก่ พ.ร.บ.สทิ ธิบตั ร พ.ศ. 2522 ซงึ่ มีผลใช้บงั คบั เมอ่ื วนั ที่ 12 ก.ย. 2522 ประเทศไทยได้บญั ญตั ิ กฎหมายสทิ ธิบตั รขนึ ้ เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องและความต้องการของอตุ สาหกรรมในประเทศ รวมทงั้ เพื่อตอบสนองตอ่ นโยบายของรัฐใน การสง่ เสริมการพฒั นาทางอตุ สาหกรรมและการค้าระหวา่ งประเทศ กจิ กรรม 1.2.2 กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิเป็ นกฎหมายทม่ี ีพฒั นาการและเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา เจตนารมณ์ดงั้ เดมิ ของกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิก็คอื เพื่อให้การ ค้มุ ครองงานวรรณกรรมและงานพมิ พ์ ซงึ่ เป็ นงานประเภททส่ี ร้างสรรค์ขนึ ้ เพื่อให้ความรู้และความบนั เทิงเป็ นสาคญั กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิใน อดตี ไมไ่ ด้ให้ความสาคญั กบั การค้มุ ครองเทคโนโลยที ี่สามารถประยกุ ตใ์ ช้ในงานอตุ สาหกรรมเทา่ ใดนกั แตจ่ ากทเ่ี ทคโนโลยีในสาขาตา่ ง ๆ มี พฒั นาการก้าวหน้ามากยงิ่ ขนึ ้ ปัจจบุ นั ขอบเขตของกฎหมายสาขานถี ้ กู ขยายออกไปสงู่ านประเภทอ่นื ด้วย เช่น งานดนตรี งานภาพยนตร์ สทิ ธิของนกั แสดง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมลู โทรคมนาคม ฯลฯ ซงึ่ บางประเภทของงานเหลา่ นกี ้ ็มิได้มีวตั ถปุ ระสงค์ในการให้ความรู้ และความบนั เทงิ ดงั เชน่ งานวรรณกรรมและงานดนตรีกรรม กิจกรรม 1.2.3 ระบบการค้มุ ครองเคร่ืองหมายการค้าได้ถกู นามาใช้เป็ นครัง้ แรกในช่วงกลางของ ค.ศ. ที่ 19 โดยองั กฤษเป็ นประเทศแรกท่ีกาหนดให้มี การจดทะเบียนเคร่ืองหมายการค้า เมื่อ ค.ศ. 1875 ภายใต้กฎหมาย Trade Marks Act 1875 กอ่ นหน้านนั้ การค้มุ ครองเครื่องหมายการค้า ได้กระทาภายใต้กฎหมายละเมิดและกฎหมายอาญา กิจกรรม 1.2.4 สาเหตทุ ีน่ านาประเทศไมต่ ้องการค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื ภายใต้กฎหมายสทิ ธิบตั รมี 2 ประการ คอื 1. เพราะเห็นวา่ ระบบสทิ ธิบตั รไมม่ ีความเหมาะสมตอ่ การค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื เนอ่ื งจากเง่ือนไขของการค้มุ ครองมีความเข้มงวดเกินไป สาหรับการประดษิ ฐ์ประเภทพนั ธ์พุ ืช 2. เพราะเกรงวา่ การค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื ภายใต้กฎหมายสทิ ธิบตั ร จะกอ่ ให้เกิดการผกู ขาดและมีผลทาให้เกิดการขาดแคลนพืชพนั ธ์ุ ธญั ญาหารทจ่ี าเป็ นสาหรับมวลมนษุ ย์ กจิ กรรม 1.2.5 เหตผุ ลทปี่ ระเทศพฒั นาฯ ยกขนึ ้ มาสนบั สนนุ ข้อเสนอให้นาประเดน็ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้าสกู่ ารพจิ ารณาของแกตต์มดี งั นี ้ 1. การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาชว่ ยสง่ เสริมการค้าเสรีระหวา่ งประเทศ 2.การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาทางเศรษฐกิจและอตุ สาหกรรมของทกุ ประเทศ ไมว่ า่ ประเทศนนั้ จะเป็ น ประเทศท่ีมกี ารพฒั นาทางเศรษฐกิจอยใู่ นระดบั ใด 3. การไมม่ ีการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาอยา่ งเพยี งพอในประเทศกาลงั พฒั นา ทาให้ประเทศทพ่ี ฒั นาฯ ต้องสญู เสยี ผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจเป็ นจานวนมหาศาล 1.3 แนวคดิ เก่ียวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา แนวคิดวา่ ด้วยเจตนารมณ์การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา มี 5 ทฤษฎี ได้แก่

1. ทฤษฎีสทิ ธิตามธรรมชาติ ให้การรับรองสทิ ธิตามธรรมชาตขิ องปัจเจกบคุ คล 2. ทฤษฎกี ารให้รางวลั เป็ นการให้รางวลั แก่ผ้ปู ระดษิ ฐ์หรือผ้สู ร้างสรรค์ผลงานทางปัญญา 3. ทฤษฎกี ารเป็ นเคร่ืองจงู ใจ เป็ นสง่ิ จงู ใจให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานทางปัญญาท่มี ีประโยชน์ 4. ทฤษฎกี ารเปิดเผยข้อมลู ความรู้ตอ่ สงั คม เป็ นการสง่ เสริมให้มกี ารเปิ ดเผยข้อมลู ความรู้ตอ่ สงั คม 5. ทฤษฎีวา่ ด้วยการป้ องกนั การแขง่ ขนั ทางการค้าทไี่ มเ่ ป็ นธรรมและการค้มุ ครองผ้บู ริโภค เป็ นการป้ องกนั การแขง่ ขนั ทางการค้าท่ไี ม่ เป็ นธรรมและให้การค้มุ ครองผ้บู ริโภค จากเจตนารมณ์ของกฎหมายทรพั ย์สนิ ทางปัญญาข้างต้น แยกพจิ ารณาได้เป็ น 4 หวั ข้อ คอื 1.3.1 ทรัพย์สนิ ทางปัญญากบั การผูกขาดทางการค้า - การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาแตล่ ะประเภทอาจกอ่ ให้เกิดการผกู ขาดทางการค้าในระดบั ทแี่ ตกตา่ งกนั - การผกู ขาดทางการค้า monopoly เกิดขนึ ้ จากปัจจยั ทางเศรษฐกิจ ไมม่ ีความยง่ั ยนื เทา่ ใด เนือ่ งจากผลกาไรทเี่ กิดจากการผ้ขู าดจะเป็ น เครื่องลอ่ ใจนกั ลงทนุ รายอื่นให้เข้ามามสี ว่ นร่วมในธรุ กิจประเภทนนั้ ก่อให้เกดิ การแขง่ ขนั ทางการค้า ซงึ่ ทาลายอานาจการผกู ขาดลงในที่สดุ - การผกู ขาดไมไ่ ด้เกิดจากปัจจยั ทางเศรษฐกิจ แตเ่ กิดจากปัจจยั ภายนอก เช่น การแทรกแซงของรัฐ จากอทิ ธิพลทางการเมือง - การผกู ขาดโดยสมบรู ณ์ คอื การที่ผ้ไู ด้รับสทิ ธิเดด็ ขาด เป็ นผ้มู อี านาจผูกขาดทีจ่ ะจดั จาหนา่ ยสนิ ค้าหรือบริการนนั้ แตเ่ พียงผ้เู ดยี ว หรือ สามารถครอบงาตลาดสนิ ค้าหรือบริการทงั้ หมดหรือโดยสว่ นใหญ่ได้ กิจกรรม 1.3.1 การค้มุ ครองภายใต้กฎหมายทรพั ย์สนิ ทางปัญญาแตล่ ะประเภทอาจกอ่ ให้เกิดการผกู ขาดในสภาพทีแ่ ตกตา่ งกนั ไป คือ สทิ ธิบตั รจะให้ อานาจทางเศรษฐกิจแกผ่ ้ทู รงสทิ ธิเป็ นอย่างมาก รวมทงั้ อาจทาให้ผ้ทู รงสทิ ธิกลายเป็ นผ้มู ีอานาจผกู ขาดในการจาหนา่ ยสนิ ค้าแตผ่ ้เู ดยี ว สว่ น การค้มุ ครองตามกฎหมายลขิ สิทธ์ิจะให้อานาจผกู ขาดแก่ผ้ทู รงสทิ ธิในระดบั ทไ่ี มส่ งู มากนกั เพราะเจ้าของลขิ สทิ ธิ์เกือบจะไมม่ อี านาจผกู ขาด เหนือธุรกิจประเภทหนง่ึ ประเภทใดเลย แตเ่ จ้าของลขิ สทิ ธิ์ก็อาจใช้สทิ ธิทางกฎหมายที่ตนมีเพื่อครอบงาและผกู ขาดทางการค้าได้ เชน่ ด้วย การมอบหมายให้องค์กรใดองค์กรหนง่ึ ทาหน้าทีถ่ ือสทิ ธิแทน ซง่ึ จะมผี ลให้องค์กรนนั้ สามารถผกู ขาดการใช้ลขิ สทิ ธิ์ในตลาดการค้าได้ เป็ นต้น กฎหมายเคร่ืองหมายการค้าไมไ่ ด้ให้สทิ ธิเดด็ ขาดในการผลติ และจาหนา่ ยสนิ ค้าประเภทหนง่ึ ประเภทใดแตเ่ พยี งผ้เู ดียว แตก่ ารใช้ เครื่องหมายการค้าบวกกบั การโฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ของผ้ทู รงสทิ ธิอาจสง่ ผลให้ประชาชนผ้บู ริโภคตดิ ยดึ กบั สนิ ค้าทใ่ี ช้เครื่องหมายการค้า นนั้ อนั จะทาให้เกิดการผกู ขาดโดยพฤตินยั ขนึ ้ ได้ สว่ นกฎหมายความลบั ทางการค้าไมม่ ีการให้สทิ ธิเดด็ ขาดแตก่ ารค้มุ ครองความลบั ทางการ ค้าก็อาจจะสร้างอานาจการครอบงาตลาดให้แก่ผ้เู ป็ นเจ้าของข้อมลู ความลบั นนั้ ได้ ในกรณีที่ความลบั ทางการค้านนั้ เป็ น “ความรู้วธิ ีการ” (know-how) ซง่ึ เป็ นเทคนคิ วธิ ีการปฏิบตั อิ นั มีความสาคญั อยา่ งยง่ิ ตอ่ การผลติ สนิ ค้า 1.3.2 ทรัพย์สนิ ทางปัญญากับการรับรองสิทธิตามธรรมชาตขิ องปัจเจกบคุ คล การรับรองสทิ ธิตามธรรมชาติของปัจเจกบคุ คลมีทฤษฎรี องรับอยู่ 2 ทฤษฎี ได้แก่ 1. ทฤษฎสี ทิ ธิตามธรรมชาติ Natural Right Theory เป็ นแนวคดิ ทีไ่ ด้รับอิทธิพลมาจากการปฏวิ ตั ใิ หญใ่ นประเทศฝร่ังเศส นกั กฎหมายในประเทศภาคพนื ้ ยโุ รป ยดึ มน่ั เคารพสทิ ธิมนษุ ยชน แนวคดิ วา่ ด้วยสทิ ธิตามธรรมชาติได้รับการยอมรับแพร่หลายในระบบการ ค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ เหน็ ได้จากการรบั รองธรรมสทิ ธิ์ moral right แตใ่ นระบบการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาอืน่ ๆ ทฤษฎีวา่ ด้วยสทิ ธิตาม ธรรมชาตินี ้มิได้เป็ นท่ียอมรับมากนกั ภายใต้ทฤษฎนี ี ้การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเกิดขนึ ้ จากความเชื่อพนื ้ ฐานวา่ การให้ความค้มุ ครอง โดยรัฐเป็ นการรับรู้สทิ ธิทางศลี ธรรมท่ีเจ้าของงานมอี ยเู่ หนอื ผลงานทางปัญญาของตน เมือ่ บคุ คลใดคิดสร้างสรรค์งานสง่ิ ใดขึน้ มา ยอ่ มเป็ น ทรัพย์สนิ ของบคุ คลนนั้ การนาเอาความคิดของผ้ปู ระดิษฐ์ไปแสวงหาประโยชน์โดยไมม่ อี านาจ เป็ นการละเมดิ สทิ ธิของผ้อู ืน่ อยา่ งร้ายแรง เรียกวา่ การขโมย stealing หรือ การเป็ นโจรสลดั pirate หมายถงึ การนาเอาสง่ิ ทก่ี ฎหมายสงวนไว้สาหรับผ้ทู รงสทิ ธิไปใช้งานโดยไมม่ ีอานาจ 2. ทฤษฎกี ารให้รางวลั Reward Theory สทิ ธิทางกฎหมายเปรียบเสมอื นรางวลั ทรี่ ัฐได้ให้แก่ผ้ปู ระดิษฐ์หรือผ้สู ร้างสรรค์ผลงานทาง ปัญญา เพอื่ ตอบแทนในการทีบ่ คุ คลดงั กลา่ วได้คดิ ค้นผลงานทางปัญญาที่มคี ณุ คา่ ขนึ ้ คือการทร่ี ัฐให้สทิ ธิเด็ดขาดในการแสวงหาประโยชน์ จากผลงานทางปัญญานนั้ ในชว่ งระยะเวลาอนั จากดั กจิ กรรม 1.3.2

ทฤษฎกี ารรับรองสทิ ธิตามธรรมชาตขิ องผ้ปู ระดษิ ฐ์หรือผ้สู ร้างสรรค์ผลงานทางปัญญามีอยู่ 2 ทฤษฏีคือ ทฤษฎสี ทิ ธิตามธรรมชาติ และ ทฤษฎีการให้รางวลั 1. ทฤษฎีสทิ ธิตามธรรมชาติ การให้ความค้มุ ครองสทิ ธิโดยรัฐเป็ นการรับรู้ถึงสทิ ธิทางศีลธรรมทเ่ี จ้าของงานมอี ยเู่ หนือผลงานทางปัญญา ของตน เมอ่ื บคุ คลใดได้สร้างสรรค์งานหรือทาการประดษิ ฐ์คดิ ค้นสง่ิ ใดขนึ ้ มา ผลติ ผลทางความคดิ ดงั กลา่ วก็ควรจะตกเป็ นทรัพย์สนิ ของ บคุ คลนนั้ ด้วยเหตนุ ี ้การทบ่ี คุ คลใดนาเอาความคดิ ของผ้ปู ระดษิ ฐ์ไปแสวงหาประโยชน์โดยไม่มอี านาจ จงึ เป็ นการละเมดิ สทิ ธิของผ้อู ื่นอยา่ ง ร้ ายแรง 2. ทฤษฎกี ารให้รางวลั การให้ความค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเปรียบเสมือนรางวลั ที่รัฐได้ให้แกผ่ ้ปู ระดิษฐ์หรือผ้สู ร้างสรรค์ผลงาน ทางปัญญา เพื่อตอบแทนท่ีบคุ คลดงั กลา่ วคิดค้นผลงานทางปัญญาท่มี คี ณุ คา่ ขนึ ้ เป็ นทย่ี อมรับกนั วา่ การให้รางวลั ตอบแทนการสร้างสรรค์ ผลงานนนั้ จาเป็ น และรางวลั ตอบแทนท่นี า่ จะมคี วามเหมาะสมมากที่สดุ คือ การท่ีรัฐให้สทิ ธิเดด็ ขาดในการแสวงหาประโยชน์จากผลงานทาง ปัญญานนั้ ในชว่ งระยะเวลาอนั จากดั 1.3.3 ทรัพย์สนิ ทางปัญญากบั การเป็ นเคร่ืองมอื เพ่ือการพัฒนาทางเศรษฐกจิ แนวความคิดวา่ ด้วยการใช้ทรัพยส์ นิ ทางปัญญาเป็ นเครื่องมือพฒั นาทางเศรษฐกจิ มที ฤษฎีรองรับอยู่ 3 ทฤษฎี คือ 1. ทฤษฏกี ารเป็ นเครื่องจงู ใจ ทฤษฎนี ีเ้ชื่อวา่ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาลกั ษณะตา่ ง ๆ สทิ ธิบตั ร ลขิ สทิ ธิ์ การค้มุ ครองพนั ธ์พุ ชื การออกแบวงจรรวม จะ สง่ เสริมให้เกิดการคดิ ค้นพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานทม่ี ีคณุ คา่ ขนึ ้ - ทฤษฎีนใี ้ ห้ความสาคญั ตอ่ บทบาทของทรัพย์สนิ ทางปัญญาในทางเศรษฐกิจ ไมถ่ ือว่าผลงานทางปัญญาเป็ นทรัพย์สนิ ของผู้ ประดษิ ฐ์หรือผ้สู ร้างสรรค์ดงั เชน่ ทฤษฎีสทิ ธิตามธรรมชาติ - สรุป สทิ ธิเดด็ ขาดตามกฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาเปิ ดโอกาสให้ผ้ทู รงสทิ ธิแสวงหาประโยชน์ทางพาณิชย์ อาจไมใ่ ช่เหตผุ ลท่ี แท้จริงท่ที าให้ผ้ปู ระกอบการลงทนุ วิจยั พฒั นาหรือสร้างสรรค์ผลงานทางปัญญา หากเป็ นการแขง่ ขนั ทางการค้าในแวดวงอตุ สาหกรรม เป็ น สาเหตแุ ท้จริงท่ผี ลกั ดนั ให้เกดิ กิจกรรมดงั กลา่ วขนึ ้ 2. ทฤษฎีการเปิ ดเผยข้อมลู ความรู้ตอ่ สงั คม การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาตามแนวความคดิ นมี ้ ลี กั ษณะเป็ นการแลกเปลย่ี นกนั quid pro quo ระหวา่ งเจ้าของผลงานทาง ปัญญากบั สงั คม กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาบางลกั ษณะ ได้แก่ กฎหมายสทิ ธิบตั ร มบี ทบาทสาคญั ในการสง่ เสริมให้มกี ารเปิดเผย รายละเอยี ดข้อมลู ตอ่ สาธารณชน มบี ทบาทสาคญั ในการสร้างแหลง่ ข้อมลู ความรู้ให้แกส่ งั คม เพราะกฎหมายดงั กลา่ วมบี ทบงั คบั ให้ผ้ขู อรับ สทิ ธิบตั รทาการเปิ ดเผยรายละเอยี ด และข้อมลู ของการประดษิ ฐ์ให้มากที่สดุ เทา่ ท่จี ะกระทาได้ หากปราศจากซง่ึ การค้มุ ครองตามสทิ ธิบตั ร ผู้ ประดษิ ฐ์ก็จะเก็บข้อมลู ไว้เป็ นความลบั จะไมเ่ ป็ นประโยชน์แกผ่ ้ใู ดทงั้ สนิ ้ 3. ทฤษฎวี า่ ด้วยการป้ องกนั การแขง่ ขนั ทางการค้าทไี่ มเ่ ป็ นธรรมและการค้มุ ครองผ้บู ริโภค กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาบางลกั ษณะมเี จตนารมณ์ตา่ งไปจากกฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาอนื่ โดยไมเ่ กี่ยวข้องกบั การ รับรองสทิ ธิตามธรรมชาตขิ องผ้สู ร้างสรรค์ผลงานทางปัญญา หรือสง่ เสริมการสร้างสรรค์ผลงานทางปัญญา มคี วามมงุ่ หมาย 2 ประการ 1. เพอ่ื ค้มุ ครองผ้บู ริโภคให้ทราบถึงแหลง่ ที่มาของสนิ ค้า กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาที่มงุ่ หมายค้มุ ครองผ้บู ริโภค ได้แก่ กฎหมายเคร่ืองหมายการค้า และกฎหมายค้มุ ครองสงิ่ บง่ ชีท้ าง ภมู ิศาสตร์ มเี จตนารมณ์ทีค่ ล้ายกนั ประการหนง่ึ คือให้ผ้บู ริโภคทราบถงึ แหลง่ ทีม่ าของสนิ ค้า และป้ องกนั การเอารัดเอาเปรียบในทางธุรกิจ 2. เพ่อื ปกป้ องผ้ปู ระกอบการมใิ ห้ถกู ลอกเลยี นเคร่ืองหมายการค้าโดยไมเ่ ป็ นธรรม - คณุ คา่ ของทรัพย์สนิ ทางปัญญาบางประเภท เช่น เครื่องหมายการค้า จะขนึ ้ กบั ช่ือเสยี งความนิยมในตวั สนิ ค้า goodwill ภายใต้ เคร่ืองหมายการค้านนั้ เป็ นสาคญั เกิดจากปัจจยั 2 ประการ คอื คณุ ภาพของสนิ ค้า และการโฆษณาประชาสมั พนั ธ์สนิ ค้า - การนาเอาเคร่ืองหมายการค้าของผ้ปู ระกอบการไปใช้ เป็ นการฉกฉวยเอาชื่อเสยี งความนิยมดงั กลา่ วไปใช้อยา่ งไมเ่ ป็ นธรรม - ทรัพย์สนิ ทางปัญญาคอื สทิ ธิทางกฎหมายทม่ี อี ยเู่ หนอื ผลงานทางปัญญาของบคุ คล แนวความคิดนไี ้ มไ่ ด้รับการตอบรบั จากผ้คู นทเี่ ก่ียวข้องเทา่ ใด และกฎหมายของนานาประเทศถือว่าเครื่องหมายการค้าเป็ นสทิ ธิ ตามกฎหมายทเี่ จ้าของสามารถโอนหรือก่อให้เกิดภาระตดิ พนั ได้ การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากเครื่องหมายการค้า การโอนสทิ ธิ

assignment การทาสญั ญาอนญุ าตให้ใช้เครื่องหมายการค้าหรือบริการ licensing รวมทงั้ การทาสญั ญาเก่ียวกบั การใช้เครื่องหมายการค้า ในรูปแบบพิเศษตา่ ง ๆ เช่น สญั ญาแฟรนไชส์ franchising ถือเป็ นธุรกรรมท่แี พร่หลายได้รับความนิยมมากกวา่ การใช้ประโยชนเ์ ชงิ พาณิชย์ จากทรัพย์สนิ ทางปัญญาประเภทอ่นื กิจกรรม 1.3.3 แนวความคดิ เกี่ยวกบั ทรัพย์สนิ ทางปัญญาในการเป็ นเคร่ืองมอื พฒั นาทางเศรษฐกิจมีทฤษฎีรองรับอยู่ 3 ทฤษฎี คือ ทฤษฎกี ารเป็ นเคร่ืองจงู ใจ ทฤษฎีการเปิ ดเผยข้อมลู ความรู้ตอ่ สงั คม และทฤษฎวี า่ ด้วยการป้ องการแขง่ ขนั ทางการค้าที่ไมเ่ ป็ นธรรมและการค้มุ ครองผ้บู ริโภค ทฤษฏกี ารเป็ นเคร่ืองจงู ใจมหี ลกั การวา่ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาจะสง่ เสริมให้คิดค้นและพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และ กอ่ ให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานทม่ี คี ณุ คา่ ขนึ ้ เน่อื งจากการวิจยั และพฒั นาและการสร้างสรรค์ผลงานทางปัญญาสว่ นใหญ่มกั ต้องอาศยั การ ลงทนุ จานวนมาก การให้ความค้มุ ครองอยา่ งเหมาะสมจะเป็ นเครื่องจงู ใจให้บคุ คลตา่ งๆ ลงทนุ ลงแรงทาการวจิ ยั และพฒั นาหรือสร้างสรรค์ สง่ิ ใหมท่ เ่ี ป็ นประโยชน์ต่อสงั คม เพราะหากปราศจากการค้มุ ครองท่ีเหมาะสม ก็คงจะไมม่ ีผ้ใู ดทาการคิดค้นหรือสร้างสรรค์ผลงาน ภายใต้ทฤษฎกี ารเปิ ดเผยข้อมลู ความรู้ท่ีได้คิดค้นหรือพฒั นาขนึ ้ ไว้เป็ นความลบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาจงึ มีลกั ษณะเป็ น การแลกเปลยี่ นกนั ระหวา่ งเจ้าของผลงานทางปัญญากบั สงั คม ซงึ่ ระบบการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาท่ีเดินตามแนวความคดิ นมี ้ าก ทส่ี ดุ ก็คือระบบสทิ ธิบตั ร โดยกฎหมายสทิ ธิบตั รกาหนดให้ผ้ขู อรับสทิ ธิบตั รทาการเปิ ดเผยรายละเอยี ดข้อมลู การประดษิ ฐ์ตอ่ สาธารณชน ทฤษฎวี า่ ด้วยการป้ องกนั การแขง่ ขนั ทางการค้าทไ่ี มเ่ ป็ นธรรมและการค้มุ ครองผ้บู ริโภคมหี ลกั การวา่ กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญา บางลกั ษณะ เช่น กฎหมายเครื่องหมายการค้า และกฎหมายค้มุ ครองสง่ิ บง่ ชีแ้ หลง่ กาเนดิ ทางภมู ศิ าสตร์มเี จตนารมณ์ทจี่ ะให้ผ้บู ริโภคทราบ ถึงแหลง่ ที่มาของสนิ ค้า หากปราศจากการค้มุ ครองดงั กลา่ ว จะมผี ลให้ประชาชนสบั สนหลงผิดในแหลง่ กาเนิดท่ีแท้จริงของสนิ ค้าได้ นอกจากนี ้กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาก็ยงั มีความมงุ่ หมายทสี่ าคญั อีกประการในการป้ องกนั การเอารดั เอาเปรียบกนั ทางธุรกิจ การทบี่ คุ คลใดลงทนุ ลงแรงในการประดษิ ฐ์คดิ ค้นหรือพฒั นาผลงานทางปัญญาขนึ ้ ยอ่ มคาดหวงั วา่ ตนจะใช้ประโยชน์จากสง่ิ ทตี่ นได้คิดค้น หรือพฒั นานนั้ หากบคุ คลอน่ื นาผลงานของผ้ปู ระดษิ ฐ์หรือผ้สู ร้างสรรค์ไปใช้ได้โดยเสรี ก็ไมเ่ ป็ นธรรมกบั เจ้าของผลงานทางปัญญานนั้ 1.3.4 ทรัพย์สนิ ทางปัญญากับประเทศกาลงั พัฒนา ประเทศกาลงั พฒั นาสว่ นใหญ่ขาดการพฒั นาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทาให้ประเทศกาลงั พฒั นาไมเ่ หน็ ความสาคญั ของ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา - ทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นระบบกฎหมายท่มี จี ดุ เริ่มต้นจากประเทศทพี่ ฒั นาฯ - มาตรการสาคญั ทีน่ ามาใช้กดดนั ประเทศกาลงั พฒั นา คือ มาตรการตอบโต้ทางการค้า อเมริกาใช้มาตรา 301 ในกฎหมายการค้าของ ตน บีบบงั คบั ประเทศคคู่ ้าให้ปรับปรุงการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา - ประเทศท่ีพฒั นาฯ ได้ตดั สทิ ธิพเิ ศษทางการค้า หรือ จีเอสพี สาหรับสนิ ค้าสง่ ออกของประเทศกาลงั พฒั นาทีไ่ มใ่ ห้การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในระดบั สงู - ประเทศพฒั นาฯ ร่วมกนั ผลกั ดนั ประเด็นการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้าสกู่ ารเจรจาการค้าของแกตต์ เพอื่ กาหนดกฎเกณฑ์กติกา ระหวา่ งประเทศ นาไปสกู่ ารจดั ทาความตกลงทริปส์ในที่สดุ - ประเทศทพี่ ฒั นาฯ และกาลงั พฒั นา กลายเป็ นประเทศอตุ สาหกรรมใหม่ ปัญหาสาคญั ของประเทศกาลงั พฒั นาคอื ขาดแคลนเงินทนุ และเทคโนโลยที ่ที นั สมยั ซง่ึ เป็ นปัจจยั พนื ้ ฐานการพฒั นาทางอตุ สาหกรรม ทงั้ ท่มี งุ่ การผลติ และการสง่ ออกสนิ ค้า ได้แก่ สนิ ค้าเกษตร แร่ธาตุ และวตั ถดุ ิบตา่ ง ๆ ล้วนเป็ นสนิ ค้าท่ีมรี าคาถกู แตกตา่ งจากราคาของสนิ ค้าอตุ สาหกรรมทเ่ี ป็ นสนิ ค้าสง่ ออกหลกั ของประเทศทพ่ี ฒั นา - ที่ประชมุ วา่ ด้วยการค้าและการพฒั นาขององค์การสหประชาชาติหรือองั ค์ถดั United Nations Conference on Trade and Development : UNCTAD - ช่วงทศวรรษท่ี 70 WIPO องค์การทรัพย์สนิ ทางปัญญาโลกสารวจสถิติการถือครองสทิ ธิบตั รสว่ นใหญ่ โดยคนชาติของประเทศ อตุ สาหกรรม 5 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา เยอรมนีตะวนั ตก ญี่ป่ นุ ฝร่ังเศส องั กฤษ คนชาติประเทศกาลงั พฒั นาถือครองเพยี ง 1%ของ จานวนสทิ ธิบตั รทม่ี ที ว่ั โลก - สรุปประเทศกาลงั พฒั นามีความต้องการจดั ตงั้ อตุ สาหกรรม สร้างงาน ผลติ สนิ ค้า โดยอาศยั ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละพลงั งานท่มี ี เพ่ือ สง่ ออกสนิ ค้าไปขายในตลาดโลกเพื่อได้เงินตราตา่ งประเทศ จงึ ต้องมเี ทคโนโลยีสมยั ใหมม่ าพฒั นาอตุ สาหกรรม เพมิ่ ขีดความสามารถทาง

การค้าระหวา่ งประเทศ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจปัจจบุ นั การขาดทนุ และเทคโนโลยี ไมอ่ าจกาหนดนโยบายด้านทรัพย์สนิ ทางปัญญาของตน ได้อยา่ งอสิ ระ มีข้อจากดั ทาให้อยใู่ นสภาพยากจนตอ่ ไปไมม่ ที ่ีสนิ ้ สดุ กิจกรรม 1.3.4 สาเหตสุ าคญั ท่ที าให้ประเทศกาลงั พฒั นาไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา ความแตกตา่ งในด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยรี ะหวา่ งประเทศท่ีพฒั นาแล้วกบั ประเทศกาลงั พฒั นาเป็ นสาเหตสุ าคญั ท่ที าให้ประเทศ กาลงั พฒั นาไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา เพราะการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในระดบั สงู ยอ่ มหมายถงึ การ ให้สทิ ธิผกู ขาดตลาดแก่คนตา่ งชาติ เป็ นการปิ ดกนั้ โอกาสของผ้ปู รกอบการหรือนกั วทิ ยาศาสตร์ในประเทศในอนั ทจี่ ะศกึ ษาเรียนรู้หรือใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมลู ความรู้ทีท่ นั สมยั และทาให้ประเทศต้องเสยี งเงินตราตา่ งประเทศในการซอื ้ หาเทคโนโลยีหรือจา่ ย คา่ ธรรมเนียมการใช้เทคโนโลยีให้แกค่ นตา่ งชาติ 1.4 หลักการสนิ้ สทิ ธิในทรัพย์สินทางปัญญากับปัญหาการนาเข้าซ้อน การนาเข้าซ้อนกอ่ ให้เกิดการแขง่ ขนั ทางการค้า แตก่ ็มีผลกระทบตอ่ สทิ ธิของผ้ทู รงสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา การนาเข้าซ้อนจะกระทา ได้หรือไม่ ยอ่ มขนึ ้ กบั วา่ กฎหมายของประเทศที่มกี ารนาเข้าซ้อนได้ใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในลกั ษณะใด การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญากบั นโยบายการค้าเสรีระหวา่ งประเทศมลี กั ษณะขดั แย้งด้วยวตั ถปุ ระสงค์ทีต่ า่ งกนั ตย.1 ก. มสี ทิ ธิบตั รใน องั กฤษ ข ผลติ สนิ ค้าตามสทิ ธิบตั รของ ก ขาย ฝรั่งเศส และ ข / บคุ คลอ่นื นาเข้ามาจาหนา่ ย องั กฤษ ตย.2 เอ ทายาท บี นกั ประพนั ธ์ ได้มรดกลขิ สทิ ธิ์งานประพนั ธ์ กม.ประเทศของ เอ ค้มุ ครอง 70 ปี นบั จากผ้ปู ระพนั ธ์ ตาย บคุ คลที่ 3 ทาซา้ งานประพนั ธ์ บี โดย เอ ไมย่ ินยอม กม.ประเทศบคุ คลที่ 3 ค้มุ ครอง 50 ปี นบั จากผ้ปู ระพนั ธ์ ตาย อายคุ ้มุ ครองได้ สนิ ้ สดุ ลงแล้ว บคุ คลท่ี 3 นาเข้า สาเนางานประพนั ธ์ ไปจาหนา่ ยใน ประเทศของ เอ ขณะท่ีอายลุ ขิ สทิ ธิ์สนิ ้ สดุ ตาม กม. ประเทศของบคุ คลที่ 3 ตย. 3 นายดา ผลติ จาหนา่ ยเนยเทยี มใน ประเทศไทย ใช้เครื่องหมายการค้า Bongo ขณะเดียวกนั นายแดงผลติ เนยเทยี ม ประเทศมาเลเซยี ใช้เครื่องหมายการค้า Dongo นายดา ควรมีสทิ ธิห้ามมใิ ห้สนิ ค้าดงั กลา่ วนมี ้ าจาหนา่ ยในประเทศไทย จากตวั อยา่ งทงั้ สามข้างต้น หากผ้ทู รงสทิ ธิในทรัพย์สินทางปัญญาสามารถขดั ขวางการนาสนิ ค้าจากประเทศหนงึ่ เข้ามาจาหนา่ ยในอีก ประเทศหนง่ึ ได้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาก็เป็ นอปุ สรรคทกี่ ีดขวางตอ่ การค้าเสรีระหวา่ งประเทศ ดงั นนั้ ประเทศทมี่ แี นวนโยบายการค้า เสรีจึงมีบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายหรือแนวคาพิพากษาควบคมุ มใิ ห้ผ้ทู รงสทิ ธิบงั คบั ใช้สทิ ธิในทางทีเ่ ป็ นอปุ สรรคตอ่ การค้าเสรีจนเกินสมควร โดยถือวา่ เมื่อผ้ทู รงสทิ ธิได้จาหนา่ ยหรือให้ความยนิ ยอมในการจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์นนั้ ภายใต้ทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศหนงึ่ แล้ว ผ้ทู รง สทิ ธิก็ไมส่ ามารถกีดขวางการนาเข้าผลติ ภณั ฑ์นนั้ มาจาหนา่ ยในอกี ประเทศได้ ถือวา่ สทิ ธิของผ้ทู รงสทิ ธิได้ระงบั ลงแล้ว หลกั การนเี ้รียกวา่ หลกั การสนิ้ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา exhaustion of intellectual property rights - ความตกลงทริปส์กาหนดมาตรฐานขนั้ ตา่ ของการค้มุ ครองทรัพยส์ นิ ทางปัญญาไว้ แตม่ ไิ ด้มีบทบญั ญตั ิทชี่ ดั แจ้งเก่ียวกบั การสนิ ้ สทิ ธิใน ทรัพย์สนิ ทางปัญญา เพยี งกลา่ วถึงหลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาในข้อ 6 วา่ “เพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ในการระงบั ข้อพิพาทภายใต้ บทบญั ญตั ิแหง่ ข้อ 3 และข้อ 4 จะไมม่ ีการใช้บทบญั ญตั ิใดในความตกลงนที ้ เ่ี กี่ยวกบั ประเดน็ การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา” บทบญั ญตั ิดงั กลา่ วกาหนดหลกั การทานอง่า ประเทศภาคีไมม่ ีพนั ธกรณีท่ีต้องรับรองหลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา จงึ อาจ ออกกฎหมายภายในเก่ยี วกบั หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาได้ตามเห็นสมควร 1.4.1 ความหมายของการนาเข้าซ้อน - การนาเข้าซ้อน หมายถงึ การนาสนิ ค้าที่ได้มาโดยชอบตามกฎหมายของประเทศหนงึ่ ไปจาหนา่ ยอกี ประเทศหนงึ่ โดยประเทศทน่ี าเข้าได้มี ผ้ปู ระกอบการรายอน่ื ผลติ หรือนาเข้าสนิ ค้าชนิดและประเภทเดียวกนั นนั้ เพ่อื นาออกจาหนา่ ยอยกู่ อ่ นแล้ว

- การนาสนิ ค้าเข้ามาจาหนา่ ยนนั้ กระทาไปโดยมไิ ด้รับความยนิ ยอมจากผ้ปู ระกอบการทจี่ าหนา่ ยอยกู่ ่อนแล้ว เรียกสนิ ค้าทมี่ ีการนาเข้าซ้อน วา่ สนิ ค้าสเี ทา gray-market goods - การนาเข้าซ้อนเป็ นผลดตี อ่ ผ้บู ริโภค เนอ่ื งจากทาให้สนิ ค้าดงั กลา่ วมีราคาถกู ลง แตผ่ ้ปู ระกอบการในประเทศได้รับผลกระทบ เพราะทา ให้ปริมาณการขายหรือทาให้สว่ นแบง่ ตลาดลดลง เนอื่ งจากการแขง่ ขนั ของสนิ ค้านาเข้า การนาเข้าซ้อน แบง่ เป็ น 4 ลกั ษณะใหญ่ 1. กรณีสนิ ค้านนั้ ได้ถกู ผลติ ขนึ ้ เพอ่ื สง่ ออกไปจาหนา่ ยในตลาดของรัฐอื่น ผ้ผู ลติ ไมป่ ระสงค์จาหนา่ ยสนิ ค้า ภายในประเทศ ผ้นู าเข้า นาสนิ ค้าออกจาหนา่ ยในประเทศอน่ื มาจาหนา่ ยใน ประเทศที่ผลติ สนิ ค้า โดยผ้ผู ลติ ไมย่ นิ ยอม เช่น ผ้ผู ลติ บจก.A ผลติ สนิ ค้า X ในประเทศไทย และสง่ ออกไปจาหนา่ ย สหรัฐอเมริกา ผ้นู าเข้า บจก.B ซือ้ สนิ ค้าจาหนา่ ยในสหรัฐอเมริกา มาจาหนา่ ยใน ประเทศไทย โดย บจก.A ผ้ผู ลติ ไมย่ นิ ยอม 2. กรณีสนิ ค้านนั้ ถกู ผลติ ขนึ ้ โดยผ้ผู ลติ มเี จตนาท่จี ะนาออกจาหนา่ ยในประเทศ และเพือ่ สง่ ออกจาหนา่ ยยงั ตา่ งประเทศด้วย ผ้ผู ลติ ผลติ /จาหนา่ ยสนิ ค้า ภายใน/ตา่ งประเทศ ผ้นู าเข้า ซอื ้ สนิ ค้าทีจ่ าหนา่ ยในตา่ งประเทศ เข้ามาจาหนา่ ย/แขง่ ขนั ใน ประเทศทผี่ ลิตสนิ ค้า โดยผ้ผู ลติ ไมย่ นิ ยอม เชน่ ผ้ผู ลติ บจก.A ผลติ สนิ ค้า X ในประเทศไทย และจาหนา่ ย ไทย/สหรัฐอเมริกา ผ้นู าเข้า บจก.B ซือ้ สนิ ค้า X ทส่ี หรัฐอเมริกา นาเข้ามาจาหนา่ ยใน ประเทศไทย โดย บจก.A ผ้ผู ลติ ไมย่ นิ ยอม 3. กรณีสนิ ค้านนั้ ถกู ผลติ ขนึ ้ ในตา่ งประเทศและมผี ้นู าสนิ ค้าเข้ามาจาหนา่ ยในประเทศโดยชอบ ผ้ผู ลติ ผลติ ในตา่ งประเทศ มีผ้นู าเข้า นาสนิ ค้ามาจาหนา่ ย ในประเทศโดยชอบ ผ้นู าเข้าบคุ คลอืน่ นาสนิ ค้าทม่ี กี ารนาเข้าอยกู่ ่อนแล้ว เข้ามาจาหนา่ ย/แขง่ ขนั ในประเทศ โดยผ้ผู ลติ ไมไ่ ด้ยนิ ยอม เชน่ ผ้ผู ลติ บจก.A ผลติ สนิ ค้า X ท่สี หรัฐอเมริกา แตง่ ตงั้ บจก.B ให้นาเข้า/ตวั แทนจาหนา่ ยแตผ่ ้เู ดยี วใน ไทย ผ้นู าเข้า บจก.C ซือ้ สนิ ค้า X จาก บจก.A/ตวั แทนจาหนา่ ยท่ี สหรัฐอเมริกา นาเข้า/จาหนา่ ยใน ประเทศไทย โดย บจก.A ผ้ผู ลติ /บจก.B ไมอ่ นญุ าตยินยอม 4. กรณีเป็ นอยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดดงั กลา่ วข้างต้น สนิ ค้าท่ีนาเข้ามแี หลง่ ผลติ ตา่ งไปจาก แหลง่ ผลติ /จาหนา่ ยสนิ ค้าภายในประเทศ ผ้นู าเข้า ซอื ้ สนิ ค้าทจี่ าหนา่ ยในตา่ งประเทศ เข้ามาจาหนา่ ย/แขง่ ขนั ใน ประเทศที่ผลติ สนิ ค้า โดยผ้ผู ลติ ไมย่ ินยอม เชน่ บจก.A เป็ นเจ้าของเคร่ืองหมายการค้า X ทวั่ โลก และแตง่ ตงั้ บจก.B เป็ นผ้ผู ลติ /จาหนา่ ย อเมริกา แตง่ ตงั้ บจก.C เป็ นผ้ผู ลติ /จาหนา่ ย ทวีปเอเชีย บจก.C ได้แตง่ ตงั้ บจก.D เป็ นตวั แทนจาหนา่ ยผ้เู ดยี วใน ไทย บจก.B นาสนิ ค้า X จาหนา่ ยที่ สหรัฐอเมริกา บจก.E ซือ้ สนิ ค้า X นาเข้า/จาหนา่ ยใน ไทย เพอ่ื แขง่ ขนั กบั บจก.D “การนาเข้าซ้อน” ในความหมายอยา่ งแคบ นา่ จะจากดั ในลกั ษณะที่ 3 ทมี่ ีการนาเข้าหลายรายซ้อนกนั แตท่ จ่ี ริงการนาเข้าซ้อนลกั ษณะท่ี 2 มกั เกดิ และเหน็ บอ่ ยกวา่ การนาเข้าซ้อนลกั ษณะที่ 1 และ 3 โดยเฉพาะตลาดที่รวมตวั กลมุ่ เศรษฐกิจ เช่น ตลาดร่วมยโุ รป - การนาเข้าซ้อน เกิดขนึ ้ จากสาเหตใุ หญ่ 2 ประการ คือ 1. สาเหตดุ ้านปริมาณของสนิ ค้า เกิดจากตลาดภายในประเทศมสี นิ ค้ามากเกินความต้องการของผ้บู ริโภค จึงระบายสนิ ค้าสง่ ออกไป ตา่ งประเทศ ท่มี ีผ้ปู ระกอบการรายอนื่ นาเข้าหรือผลติ สนิ ค้านนั้ จาหนา่ ยอยแู่ ล้ว 2. สาเหตดุ ้านราคาของสนิ ค้า ในแตล่ ะประเทศอาจกาหนดราคาสนิ ค้าแตกตา่ งกนั สงู หรือตา่ เพราะผ้ปู ระกอบการมีฐานะทางตลาด

เหนือผ้ปู ระกอบการรายอน่ื dominant position เช่นมีสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา หรือมผี ้บู ริโภคนยิ ม brand loyalty แตอ่ ีกประเทศ ผ้ปู ระกอบการกลบั จาหนา่ ยสนิ ค้าในราคาต่า เนือ่ งจากกลยุทธทางการตลาด เชน่ ชว่ งโปรโมชน่ั หรือสนิ ค้าควบคมุ ราคา เชน่ ผลติ ภณั ฑ์ยา ความผนั ผวนของอตั ราแลกเปลย่ี นเงินตราก็เป็ นสาเหตทุ ่ที าให้ราคาสนิ ค้าแตล่ ะประเทศแตกตา่ งกนั - การนาเข้าซ้อนก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกจิ หลายประการ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ตอ่ รายได้ของผ้ปู ระกอบการในประเทศทมี่ ีการนาเข้าซ้อน ทาให้ปริมาณการขาย/สว่ นแบง่ ตลาด market share ลดลงจากการแขง่ ขนั ของสนิ ค้านาเข้า - สว่ นดีของการนาเข้าซ้อน ทาให้เกิดการแขง่ ขนั ลดอานาจผกู ขาดของผ้ปู ระกอบการ ป้ องกนั มใิ ห้ผ้ปู ระกอบการกาหนดราคาสนิ ค้าตาม อาเภอใจ - การนาเข้าซ้อน กอ่ ให้เกดิ ผลเสยี กบั ระบบการแขง่ ขนั ทางการค้า หากคณุ ภาพสนิ ค้าด้อยกวา่ แล้วนามากลา่ วอ้างวา่ คณุ ภาพเหมือนกนั หรือดกี วา่ แตม่ ีราคาจาหนา่ ยทีถ่ กู กวา่ เข้าขา่ ยการละเมิดสทิ ธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าหรือเข้าลกั ษณะเป็ นการลวงขาย passing off กิจกรรม 1.4.1 การนาเข้าซ้อนแบง่ เป็ น 4 ลกั ษณะใหญ่ ๆ คือ 1. กรณีสนิ ค้าถกู ผลติ เพ่ือสง่ ออกไปจาหนา่ ยในตลาดของรัฐอนื่ โดยผ้ผู ลติ ไมป่ ระสงค์จะนาสนิ ค้าจาหนา่ ยในประเทศ ตอ่ มามีผ้นู าสนิ ค้า ท่ีจาหนา่ ยในตา่ งประเทศกลบั เข้ามาจาหนา่ ยในประเทศทมี่ ีการผลติ สนิ ค้า โดยการนาเข้า ผ้ผู ลติ ไมย่ ินยอม 2. กรณีสนิ ค้าถกู ผลติ โดยผ้ผู ลติ เจตนาจะจาหนา่ ยในประเทศ และสง่ ออกจาหนา่ ยตา่ งประเทศ ตอ่ มามผี ้นู าสนิ ค้าทจี่ าหนา่ ยใน ตา่ งประเทศกลบั เข้ามาจาหนา่ ยแขง่ ขนั กบั สนิ ค้าทผี่ ลติ โดยผ้ผู ลติ รายเดยี วกนั นนั้ ในประเทศ โดยการนาเข้ามไิ ด้อยภู่ ายใต้ความรู้เห็น ยินยอมของผ้ผู ลติ 3. กรณีสนิ ค้าถกู ผลติ ในตา่ งประเทศ และมีผ้นู าสนิ ค้าเข้ามาจาหนา่ ยในประเทศโดยชอบ ตอ่ มามบี คุ คลอ่ืนนาสนิ ค้าประเภทเดยี วกนั เข้า มาจาหนา่ ยแขง่ ขนั กบั สนิ ค้าทมี่ ีการนาเข้าอยกู่ อ่ นแล้วนนั้ โดยการนาเข้ารายหลงั ผ้ผู ลติ สนิ ค้าไมย่ นิ ยอมหรืออนญุ าต 4. กรณีเป็ นอยา่ งหนงึ่ อยา่ งดงั กลา่ วข้างต้น หากแตส่ นิ ค้าที่นาเข้านนั้ มีแหลง่ ผลติ ตา่ งจากแหลง่ ผลติ สนิ ค้าที่จาหนา่ ยในประเทศ 1.4.2 หลักการสนิ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา - สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็นทรัพย์สนิ ประเภทหนงึ่ ผ้ทู รงสทิ ธิอาจแสวงหาประโยชน์โดยตนเองหรืออนญุ าตให้ผ้อู ื่นใช้สทิ ธินนั้ โดยเรียก คา่ ตอบแทนการใช้สทิ ธิได้ - เพ่ือป้ องกนั การใช้สทิ ธิโดยปราศจากขอบเขต กฎหมายของประเทศตา่ ง ๆ มกั กาหนดให้สทิ ธิที่ผ้ทู รงสทิ ธิมใี นผลติ ภณั ฑ์นนั้ ระงบั สนิ ้ ไป เมอื่ ผ้ทู รงสทิ ธิได้จาหนา่ ยสนิ ค้านนั้ แล้ว บคุ คลผ้ซู ือ้ สนิ ค้าดงั กลา่ วยอ่ มสามารถใช้ประโยชน์จากผลติ ภณั ฑ์นัน้ ได้โดยเสรี ทงั้ อาจจาหนา่ ยสนิ ค้า นนั้ ให้แก่บคุ คลอ่ืนได้ด้วย หลกั กฎหมายนเี ้รียกวา่ หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา - ผ้ทู รงสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศท่มี กี ารนาเข้า มกั ใช้สทิ ธิเพือ่ ป้ องกนั ตลาดของตนให้ปลอดจากการแขง่ ขนั ของสนิ ค้านาเข้า - หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญานจี ้ ะนาไปใช้ได้ตอ่ เม่อื การจาหนา่ ยครงั้ แรกกบั การจาหนา่ ยครงั้ ตอ่ มานนั้ เกิดขนึ ้ ในดนิ แดนของ ประเทศเดยี วกนั เทา่ นนั้ - กฎหมายคอมมอนลอว์ขององั กฤษ จะถือวา่ เมอื่ ผ้ทู รงสทิ ธิได้จาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้ทรัพย์สนิ ทางปัญญาแล้ว การจาหนา่ ยนนั้ มผี ล เทา่ กบั เป็ นการอนญุ าตโดยปริยายให้ผ้ซู ือ้ แสวงหาผลประโยชน์จากผลติ ภณั ฑ์นนั้ ก่อเกิดเป็ นหลกั กฎหมายอีกหลกั หนงึ่ แยกตา่ งหากจาก หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา - ทฤษฎที ่เี กี่ยวข้องกบั หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาแบง่ เป็ น 2 ทฤษฎี คือ 1. ทฤษฎกี ารอนญุ าตโดยปริยาย Implied License ทฤษฏนี ใี ้ ช้ในประเทศระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ เชน่ ออสเตรเลยี แคนาดา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจกั ร ทฤษฎีนถี ้ ือวา่ หากผ้ทู รงสทิ ธิ จาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา โดยไมไ่ ด้กาหนดข้อจากดั หรือเงื่อนไขในการจาหนา่ ย ผ้ซู ือ้ สามารถใช้หรือนา ผลติ ภณั ฑ์นนั้ จาหนา่ ยตอ่ ไปได้โดยเสรี เพราะถือวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิได้อนญุ าตให้ผ้ซู ือ้ ใช้หรือนาผลติ ภณั ฑ์นนั้ ออกจาหนา่ ยตอ่ ไปโดยปริยายแล้ว และหากจาหนา่ ยให้บคุ คลทส่ี าม จะถือวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิกบั บคุ คลทสี่ ามมสี ญั ญาตอ่ กนั โดยปริยายวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิได้อนญุ าตให้บคุ คลทีส่ ามนนั้ จาหนา่ ยตอ่ ไปได้เชน่ กนั หากผ้ทู รงสทิ ธิกาหนดเง่ือนไขการใช้หรือจาหนา่ ยไว้ในสญั ญาซือ้ ขายหรือบนฉลากผลติ ภณั ฑ์ ผ้ซู ือ้ จะมีสทิ ธิเพียงใช้

หรือกระทาการอยา่ งใด ๆ ตอ่ ผลติ ภณั ฑ์นนั้ ภายใต้ขอบเขตของสญั ญาหรือเงื่อนไขทกี่ าหนดไว้เทา่ นนั้ ถ้าฝ่ าฝื นข้อกาหนดนี ้ถือวา่ ผ้ซู ือ้ ละเมิดสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาของผ้ทู รงสทิ ธิ - ภายใต้ทฤษฎกี ารอนญุ าตโดยปริยาย การใช้ประโยชน์ในผลติ ภณั ฑ์อยใู่ นความควบคมุ ของผ้ทู รงสทิ ธิ ทีจ่ ะสงวนสทิ ธิบางอยา่ งได้ตามท่ี เหน็ สมควร คือ หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทผี่ ้ทู รงสทิ ธิยงั คงมีสทิ ธิท่ีจะเลอื กให้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาสนิ ้ ลงไปหรือไมก่ ็ได้ 2. ทฤษฎีวา่ ด้วยการสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา Exhaustion Doctrine เมอ่ื จาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา ทงั้ สทิ ธิบตั ร เคร่ืองหมายการค้า ลขิ สทิ ธิ์ หรือสทิ ธิประเภทอ่นื โดยผ้ทู รงสทิ ธิ หรือผ้ทู รงสทิ ธิยินยอมแล้ว สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทมี่ ีเหนือผลติ ภณั ฑ์ท่จี าหน่ายนนั้ จะระงบั สนิ ้ ลงทนั ที automatic exhaustion แตส่ ทิ ธิ ในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทีส่ นิ ้ ไป หมายความวา่ สทิ ธิเหนอื ผลติ ภณั ฑ์ที่จาหนา่ ยไปแล้วเทา่ นนั้ ไมไ่ ด้หมายถงึ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา ทงั้ หมด เช่น นาย ก ผ้ทู รงสทิ ธิบตั รผลติ ภณั ฑ์ยา X ได้ผลติ ยาและจาหนา่ ยให้จานวนหนงึ่ กบั นาย ข มีสทิ ธิการใช้/การจาหนา่ ย ยา X จานวนนนั้ ให้ บคุ คลทีส่ ามได้ แตไ่ มม่ ีสทิ ธิผลติ ใช้ จาหนา่ ย ยา X จานวนอืน่ ท่ีไมไ่ ด้ซือ้ จากนาย ก /นาย ก ไมอ่ นญุ าตให้นา ออกจาหนา่ ย กจิ กรรม 1.4.2 ทฤษฎกี ารอนญุ าตโดยปริยายแตกตา่ งจากทฤษฎวี า่ ด้วยการสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา คือ ทฤษฎีการอนญุ าตโดยปริยายถือวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิได้อนญุ าตให้ผ้ซู ือ้ ใช้หรือนาผลติ ภณั ฑ์นนั้ ออกจาหนา่ ยตอ่ ไปโดยปริยายแล้ว และหาก ตอ่ มาผ้ซู ือ้ จาหนา่ ยให้แกบ่ คุ คลท่สี าม ก็จะถือวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิกบั บคุ คลทส่ี ามมสี ญั ญาตอ่ กนั โดยปริยายวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิได้อนญุ าตให้บคุ คลทีส่ าม นนั้ นาผลติ ภณั ฑ์นนั้ ออกจาหนา่ ยตอ่ ไปได้เช่นกนั ภายใต้ทฤษฎกี ารอนญุ าตโดยปริยายการใช้ประโยชน์ในผลติ ภณั ฑ์ยงั อยใู่ นความควบคมุ ของผ้ทู รงสทิ ธิ ที่จะสงวนสทิ ธิบาอยา่ งได้ตามทเ่ี ห็นสมควร ภายใต้ทฤษฎีวา่ ด้วยกานสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา เมอ่ื มกี ารจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา โดยผ้ทู รง สทิ ธิหรือด้วยความยินยอมของผ้ทู รงสทิ ธิแล้ว สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาที่มเี หนือผลติ ภณั ฑ์ที่จาหนา่ ยจะระงบั สนิ ้ ลงทนั ที ทฤษฎีอนญุ าตโดยปริยายแตกตา่ งจากทฤษฎีวา่ ด้วยการสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ างปัญญาบางประการ คือ ตามทฤษฎอี นญุ าตโดยปริยาย สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเหนอื ผลติ ภณั ฑ์จะสนิ ้ ไปหรือไม่ จะอยใู่ นภายใต้การควบคมุ ของผ้ทู รงสทิ ธิ จะควบคมุ การใช้ประโยชน์ใน ผลติ ภณั ฑ์นนั้ ภายหลงั การจาหนา่ ยได้ ไมว่ า่ ผ้ทู รงสทิ ธิจะเป็ นผ้จู าหนา่ ยหรือรู้เห็นยินยอมการจาหนา่ ยหรือไมก่ ็ตาม แตต่ ามหลกั การสนิ ้ สทิ ธิ สทิ ธิเดด็ ขาดท่ีมเี หนือผลติ ภณั ฑ์จะสนิ ้ ไปในทนั ทีท่ีมีการจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ หากการจาหนา่ ยได้กระทาโดยตวั ผ้ทู รงสทิ ธิเองหรือได้ยนิ ยอม 1.4.3 ขอบเขตของหลักการสนิ้ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา - การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาประเภทตา่ งๆ แตกตา่ งกนั ไป และขอบเขตการใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิ แบง่ ได้เป็ น 3 ลกั ษณะ คอื หลกั การ สนิ ้ สทิ ธิในประเทศ หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประชาคม และหลกั การสนิ ้ สทิ ธินอกประเทศ แนวทางการใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญามีความแตกตา่ งไปในแตล่ ะประเทศ ดงั นี ้ 1. ข้อจากัดของการใช้หลกั การสนิ้ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา มี 2 ประการ คอื 1.1 ข้อจากดั การใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิโดยหลกั ดนิ แดนของทรัพย์สนิ ทางปัญญา มีผลบงั คบั ภายในดนิ แดนของประเทศทใ่ี ห้ความค้มุ ครองเทา่ นนั้ ผลคอื สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเหนอื ผลติ ภณั ฑ์ที่ถกู วางจาหนา่ ยใน ตา่ งประเทศจะไม่มผี ลทาให้สทิ ธิทมี่ ีอยใู่ นประเทศระงบั สนิ ้ ไปด้วย แม้วา่ ผลติ ภณั ฑ์นนั้ ผ้ทู รงสทิ ธิจาหนา่ ยเองหรือยนิ ยอมก็ตาม 1.2 ข้อจากดั การใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิเฉพาะกบั สทิ ธิในทางเศรษฐกิจ บางประเภทเทา่ นนั้ ความแตกตา่ งของขอบเขตการสนิ ้ ไปของสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาแตล่ ะประเภท ดงั นี ้ 1.2.1 สทิ ธิตามลขิ สทิ ธิ์ท่รี ะงบั สนิ ้ ไป สทิ ธิของเจ้าของงานอนั มลี ขิ สทิ ธ์ิ แบง่ เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื 1. สทิ ธิในการทาซา้ right to reproduction 2. สทิ ธิในการเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน right to publication

เมอื่ เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ได้จาหนา่ ยสาเนางานมลี ขิ สทิ ธิ์แล้ว สทิ ธิทร่ี ะงบั สนิ ้ ไปก็แตส่ ทิ ธิในการจาหนา่ ยสาเนางานมลี ขิ สทิ ธิ์ ซงึ่ เป็ นสว่ นหนง่ึ ของสทิ ธิในการเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนเทา่ นนั้ สว่ นสทิ ธิในการทาซา้ และสทิ ธิในการเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนประเภทอืน่ เชน่ สทิ ธิในการ แสดง การแพร่เสยี งแพร่ภาพ การดดั แปลง การให้เช่า รวมถงึ ธรรมสทิ ธิ์ ไมไ่ ด้ระงบั สนิ ้ ไปด้วย เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ยงั คงมีสทิ ธินนั้ อยู่ 1.2.2 สทิ ธิตามเครื่องหมายการค้าทรี่ ะงบั สนิ ้ ไป เจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสทิ ธิแตเ่ พียงผ้เู ดยี วในการใช้เคร่ืองหมายการค้ากบั สนิ ค้าทีไ่ ด้จดทะเบยี นไว้ เม่อื เจ้าของเครื่องหมาย การค้าได้จาหนา่ ยสนิ ค้าภายใต้เคร่ืองหมายการค้าหรือยินยอมให้จาหนา่ ยสนิ ค้านนั้ แล้ว สทิ ธิในการใช้เครื่องหมายการค้าเพือ่ การจาหนา่ ย สนิ ค้านนั้ ก็จะระงบั สนิ ้ ไป ผ้ซู ือ้ สามารถจาหนา่ ยสนิ ค้านนั้ ตอ่ ไปได้โดยไมถ่ ือเป็ นละเมิดสทิ ธิในเครื่องหมายการค้า แตส่ ทิ ธิท่รี ะงบั ไปนนั้ ได้แก่ สทิ ธิในการจาหนา่ ยสนิ ค้าทซ่ี ือ้ นนั้ เทา่ นนั้ ไมอ่ าจนาเครื่องหมายการค้านนั้ ไปใช้กบั สนิ ค้าอืน่ สทิ ธิการใช้เครื่องหมายการค้ากบั สนิ ค้าทไ่ี ด้ จด ทะเบยี นไว้ ถือวา่ เป็ นสทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี วไมร่ ะงบั สนิ ้ ไปด้วย 1.2.3 สทิ ธิตามสทิ ธิบตั รทรี่ ะงบั สนิ ้ ไป ขอบเขตของการสนิ ้ สทิ ธิ กรณีสทิ ธิบตั ร ขอบเขตของการสนิ ้ สทิ ธิ คือเมอื่ ผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิบตั ร ผ้ทู รงสทิ ธิจาหนา่ ยเองหรือยินยอมให้จาหนา่ ย สทิ ธิตาม สทิ ธิบตั รเหนือผลติภณั ฑ์ทไ่ี ด้ถกู วางจาหนา่ ยยอ่ มระงบั สนิ ้ ไปด้วย แตส่ ทิ ธิทส่ี นิ ้ ไปจากดั เฉพาะเพยี งสทิ ธิในการใช้และสทิ ธิในการจาหน่าย ผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สิทธิบตั รเทา่ นนั้ สว่ นสทิ ธิในการผลติ ผลติ ภณั ฑไ์ มไ่ ด้สนิ ้ ไป 2. ข้อพจิ ารณาเก่ยี วกับขอบเขตของการใช้หลกั การสนิ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา วธิ ีท่ีนิยม คอื การกาหนดขอบเขตโดยคานงึ ถงึ พนื ้ ทกี่ ารจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้ทรัพย์สนิ ทางปัญญาครัง้ แรก เม่ือพจิ ารณาจากพนื ้ ที่ ดงั กลา่ ว แบ่งขอบเขตการใช้หลกั การสนิ้ สทิ ธิได้เป็ น 3 ลกั ษณะ คอื 2.1 หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประเทศ ถกู กากบั โดยหลกั ดินแดน ผ้ทู รงสทิ ธิยนิ ยอม หรือนาสนิ ค้าวางจาหนา่ ยในประเทศเอง สทิ ธิใน ทรัพย์สนิ ทางปัญญาก็ระงบั สนิ ้ ไป แตห่ ากวางนอกราชอาณาจกั รแม้วางจาหนา่ ยเองหรือยนิ ยอมให้จาหนา่ ย สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา เหนอื ผลติ ภณั ฑ์นนั้ ยงั ไมร่ ะงบั สนิ ้ ไป ผ้ซู ือ้ ไมอ่ าจนาผลติ ภณั ฑ์นนั้ เข้ามาขายตอ่ ในประเทศได้ 2.2 หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประชาคม ประเทศทร่ี วมกลมุ่ เศรษฐกิจลกั ษณะตลาดร่วม เชน่ สหภาพยโุ รป วตั ถปุ ระสงค์สาคญั การ รวมกลมุ่ คือ เพ่อื ทาให้เคลอ่ื นย้ายสนิ ค้า บริการ ทนุ และแรงงาน ระหวา่ งประเทศสมาชกิ โดยเสรี หากบงั คบั ใช้หลกั ดินแดนของสทิ ธิใน ทรัพย์สนิ ทางปัญญาอยา่ งเคร่งครัด จะเปิ ดโอกาสให้ผ้ทู รงสทิ ธิใช้สทิ ธิของตนห้ามการนาเข้าสนิ ค้าจากประเทศสมาชิกอืน่ ได้ กอ่ ให้เกิด อปุ สรรคตอ่ การเคลอ่ื นย้ายเสรีของสนิ ค้าระหวา่ งประเทศสมาชกิ - เพื่อหลกี เลยี่ งปัญหา ศาลยโุ รป ได้ขยายขอบเขตของหลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาจากที่จากดั ภายในดินแดนของแตล่ ะประเทศ ให้มีผลใช้บงั คบั ตลอดทวั่ ประชาคมยโุ รป ผลคอื เมือ่ มีการจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา ทกุ ทใ่ี นสหภาพยโุ รป สทิ ธิ เหนอื ผลติ ภณั ฑ์นนั้ จะระงบั สนิ ้ ไป (หลกั การนตี ้ อมาได้ถกู นาไปใช้กบั ประเทศสมาชิกกลมุ่ European Free Trade Area ZEFTAX ประกอบด้วย ไอซ์แลนด์ ลซิ เทนสไตน์ นอรเว ท่ีทาสญั ญากอ่ ตงั้ เขตเศรษฐกจิ ยโุ รป European Economic Area กบั สหภาพยโุ รปด้วย - ผ้ทู รงสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศสมาชิก ไมอ่ าจใช้สทิ ธิของตนห้ามการนาเข้าผลติ ภณั ฑ์ที่ตนวางจาหนา่ ยในประเทศสมาชิกอกี ประเทศหนง่ึ หรือทีต่ นรู้เห็นยินยอมให้วางจาหนา่ ยได้ - หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประชาคมจงึ เป็ นหลกั การท่ตี อบสนองการสร้างตลาดร่วมทางการค้า มผี ลใช้บงั คบั แคก่ ารวางจาหนา่ ยสนิ ค้าครงั้ แรกได้ กระทาภายในสหภาพยโุ รปเทา่ นนั้ ถือวา่ เป็ นการยกเว้นหลกั ดินแดนของสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาอยา่ งมีข้อจากดั 2.3 หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญานอกประเทศ - เป็ นหลกั การปัจจบุ นั ใช้อยภู่ ายใต้กฎหมายบางประเทศ - เป็ นหลกั การทข่ี ยายขอบเขตของหลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาโดยคานงึ ถงึ ข้อเทจ็ จริงที่เกิดขนึ ้ นอกราชอาณาจกั ร - หลกั การสนิ ้ สทิ ธินอกประเทศจากดั การนาหลกั ดนิ แดนมาใช้กบั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาอยา่ งสนิ ้ เชิง ถือวา่ เมอ่ื ผ้ทู รง สทิ ธิวางตลาดสนิ ค้าครงั้ แรกไมว่ า่ ณ ที่ใด สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาสาหรับสนิ ค้านนั้ ยอ่ มระงบั สนิ ้ ไป - หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาถกู ใช้ในหลายประเทศ แม้บางประเทศทเี่ ป็ นสมาชิกสหภาพยโุ รป เช่น เยอรมนี ออสเตรีย องั กฤษ ใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธินอกประเทศในกฎหมายเคร่ืองหมายการค้าของตน - ปัจจบุ นั ไทยได้รับรองหลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญานอกประเทศ กรณีสทิ ธิบตั รเทา่ นนั้ โดย พ.ร.บ.สทิ ธิบตั ร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2542 แก้ไขเปลย่ี นแปลงบทบญั ญตั มิ าตรา 36 วรรคสอง หลกั การดงั กลา่ วและไมถ่ ือวา่ การใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอ

ขายหรือนาเข้ามาในราชอาณาจกั ร ซง่ึ ผลติ ภณั ฑ์ตามสิทธิบตั ร เป็นการละเมดิ สทิ ธิบตั รในประเทศไทย หากผ้ทู รงสทิ ธิบตั รได้อนญุ าหรือ ยนิ ยอมให้ผลติ หรือขายผลติ ภณั ฑ์ดงั กลา่ ว ทงั้ นไี ้ มว่ า่ การผลติ หรือขายผลติ ภณั ฑ์นนั้ ได้กระทาในหรือนอกราชอาณาจกั ร กิจกรรม 1.4.3 หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประเทศ หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประชาคม หลกั การสิน้ สทิ ธินอกประเทศ หลักการสนิ้ สิทธิในประเทศ การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาจะถกู กากบั โดยหลกั ดนิ แดน สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเหนอื ผลติ ภณั ฑ์จะระงบั สนิ ้ ไปเฉพาะในกรณีท่กี ารวางจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ได้ทาในประเทศเทา่ นนั้ หากเป็ นการจาหนา่ ยนอกราชอาณาจกั ร ไมว่ า่ ผู้ ทรงสทิ ธิจะจาหนา่ ยเองหรือยินยอมให้จาหนา่ ย สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเหนอื ผลติ ภณั ฑ์นนั้ ไมร่ ะงบั สนิ ้ ไป ผ้ซู ือ้ ไมอ่ าจนาผลติ ภณั ฑ์นนั้ เข้ามาขายตอ่ ในประเทศได้ หลกั การสนิ้ สทิ ธิในประชาคม ได้แก่ เมื่อมกี ารจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ภายใต้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา ไมว่ า่ ทใี่ ดในตลาดร่วมทางการ ค้า สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาทม่ี ีอยเู่ หนอื ผลติ ภณั ฑ์ระงบั สนิ ้ ไป ผ้ทู รงสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาในประเทศสมาชิก ไมอ่ าจห้ามการ นาเข้าผลติ ภณั ฑ์ท่ตี นได้วางจาหนา่ ยในประเทศสมาชิกอกี ประเทศหนงึ่ หรือทตี่ นได้รู้เห็นยนิ ยอมให้มกี ารวางจาหนา่ ยได้ แตห่ ลกั การ ดงั กลา่ วไมใ่ ช้กบั การจาหนา่ ยสนิ ค้านอกตลาดร่วม หลักการสนิ้ สิทธินอกประเทศ เป็ นหลกั การที่ขยายขอบเขตของหลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา โดยคานงึ ถงึ ข้อเทจ็ จริงที่ เกิดขนึ ้ นอกราชอาณาจกั รด้วย หลกั การสนิ ้ สทิ ธินอกประเทศจากดั การนาหลกั ดินแดนมาใช้กบั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาอยา่ ง สนิ ้ เชิง โดยถือวา่ เมื่อผ้ทู รงสทิ ธิได้วางตลาดสนิ ค้าครัง้ แรกแล้ว ไมว่ า่ ทใ่ี ด สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาสาหรับสนิ ค้านนั้ ยอ่ มระงบั สนิ ้ ไป 1.4.4 ปัญหาการนาเข้าซ้อน - การใช้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเพื่อห้ามการนาเข้าซ้อนทาได้หรือไม่ ขนึ ้ กบั กฎหมายของประเทศนนั้ ใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในลกั ษณะใด - การนาเข้าซ้อนกอ่ ให้เกิดผลกระทบตอ่ รายได้และอานาจการตลาดของผ้ปู ระกอบการในประเทศ - ผ้ปู ระกอบการมกั อาศยั กฎหมายของประเทศนาเข้าเพ่อื ห้ามการนาเข้าซ้อน กฎหมายศลุ กากร กฎหมายแพง่ ลกั ษณะละเมดิ กฎหมาย วา่ ด้วยการแขง่ ขนั ทไี่ มเ่ ป็ นธรรม - ผ้ปู ระกอบการมกั อาศยั สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นเครื่องมอื ขดั ขวางการนาเข้าซ้อน โดยอ้างวา่ เป็ นสนิ ค้าละเมดิ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาของตน หรือปราศจากความยินยอมของผ้ทู รงสทิ ธิ สว่ นใหญ่มีบทบญั ญตั ทิ ใ่ี ห้สทิ ธิแก่ผ้ทู รงสทิ ธิทจี่ ะร้องขอตอ่ ศาลให้มีคาสง่ั ห้าม การนาเข้าสนิ ค้าที่ละเมดิ ทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นการชวั่ คราวได้ และการพิจารณาคดมี กั เป็ นไปรวดเร็วกวา่ คดที วั่ ไป - หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญามีบทบาทสาคญั ตอ่ การพจิ ารณาปัญหาเป็ นอยา่ งย่ิง กจิ กรรม 1.4.4 การใช้หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาลกั ษณะทเ่ี ปิ ดโอกาสให้มกี ารนาเข้าซ้อนได้ คือ หลกั การสนิ ้ สทิ ธิในประชาคม และ หลกั การสนิ ้ สทิ ธินอกประเทศ ................................................................................................................................................จบหนว่ ยท่ี 1 หน่วยท่ี 2 การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ 2.1 ความตกลงระหวา่ งประเทศเพื่อการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม 2.2 ความตกลงระหวา่ งประเทศเพื่อการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิ 2.3 ความตกลงอ่ืนเก่ียวกบั ลขิ สทิ ธ์ิ แนวคดิ การเรียน

1. ภายใต้หลกั ดินแดน การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาถกู กาหนดโดยกฎหมายภายในของประเทศท่ใี ห้ความค้มุ ครอง กฎหมาย ภายในประเทศเป็ นตวั กาหนดสาระสาคญั ของการค้มุ ครอง เร่ืองเงื่อนไข ขอบเขต การใช้สทิ ธิ และอนื่ ๆ 2. อนุสญั ญากรุงปารีส กาหนดหลกั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม 3. อนุสัญญากรุงเบอร์น กาหนดหลกั การค้มุ ครองลิขสทิ ธ์ิระหว่างประเทศ (วรรณกรรมและศลิ ปกรรม โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โทรคมนาคม) 4. อนุสญั ญาลขิ สทิ ธ์ิสากล กาหนดหลกั การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิระหว่างประเทศ (เชน่ เดยี วกบั อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น แตม่ ีระดบั ต่ากวา่ ) 5. อนุสัญญากรุงโรม กาหนดหลกั การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคียง ได้แก่ สทิ ธินกั แสดง ผ้ผู ลติ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง องค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้ทราบ 1. ความสาคญั ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศ 2. หลกั เกณฑ์สาคญั ของความตกลงระหวา่ งประเทศเกี่ยวกบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม ลขิ สทิ ธ์ิ สทิ ธิข้างเคยี ง 2.1 ความตกลงระหว่างประเทศเพ่ือการคุ้มครองทรัพย์สนิ ทางอุตสาหกรรม 1. อนสุ ญั ญากรุงปารีสกาหนดหลกั สาคญั 4 ประการ - เพือ่ เป็ นมาตรฐานขนั้ ตา่ สาหรับการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอสุ าหกรรมระหวา่ งประเทศ ได้แก่ 1. หลกั การปฏิบตั ิเยยี่ งคนชาติ 2. หลกั การให้สทิ ธิทจ่ี ะขอรับความค้มุ ครองกอ่ น 3. หลกั ความเป็ นอิสระของสทิ ธิ 4. หลกั การบงั คบั ให้มกี ารนาสทิ ธิบตั รไปใช้งานภายในประเทศ 2. ภายใต้หลกั การปฏบิ ตั เิ ยี่ยงคนชาติ บคุ คลทกุ คนท่มี สี ญั ชาตขิ องรัฐภาคีแหง่ อนสุ ญั ญากรุงปารีส จะได้รับการปฏบิ ตั ิและได้รับความ ค้มุ ครองทางด้านทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมจากรฐั ภาคอี ่ืนอยา่ งเทา่ เทียมกนั เสมอกนั กบั ความค้มุ ครองทค่ี นชาติของรัฐภาคนี นั้ ได้รับ 3. หลกั การให้สทิ ธิท่จี ะขอรับความค้มุ ครองก่อนกาหนดวา่ ผ้ทู ี่มีสทิ ธิขอรับความค้มุ ครองสาหรับทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม ที่ได้ขอรับสทิ ธิไว้ ในรัฐภาคีแหง่ ใดแหง่ หนงึ่ แล้ว สามารถทจ่ี ะมาขอรับสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมเดยี วกนั นนั้ ในประเทศภาคอี ื่น ๆ ได้อีก หากยน่ื คาขอ ภายในระยะเวลาทีก่ าหนด 4. หลกั ความเป็ นอสิ ระของสทิ ธิ หมายความวา่ สทิ ธิท่เี ก่ียวข้องกบั ทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมทอี่ อกโดยรัฐภาคีแตล่ ะรัฐนนั้ จะมีความเป็ น อิสระจากกนั ถงึ แม้วาการออกสทิ ธิเหลา่ นนั้ จะได้ทาเพ่อื ให้ความค้มุ ครองแก่การคดิ ค้นหรือการประดษิ ฐ์เดยี วกนั ก็ตาม 5. ภายใต้หลกั การบงั คบั ให้มกี ารนาสทิ ธิบตั รไปใช้งานในประเทศ ผ้ทู รงสทิ ธิต้องตอบแทนทร่ี ัฐให้สทิ ธิเดด็ ขาด ด้วยการนาการประดษิ ฐ์ไปใช้ งานในประเทศเพ่ือให้เกิดประโยชน์แก่สงั คม มาตรการทางกฎหมายบงั คบั ให้มกี ารใช้งานในสทิ ธิบตั รอาจนามาใช้ ได้แก่ 1. มาตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิ compulsory licensing 2. มาตรการริบคืนสทิ ธิบตั ร forfeiture วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้เข้าใจ 1. เจตนารมณ์ของหลกั การสาคญั ของอนสุ ญั ญากรุงปารีส 2. สาระสาคญั ของหลกั การปฏิบตั เิ ยีย่ งคนชาติได้ 3. สาระสาคญั ของหลกั การให้สทิ ธิทจ่ี ะขอรับความค้มุ ครองกอ่ น 4.สาระสาคญั ของหลกั ความเป็ นอสิ ระของสทิ ธิได้ 5. สาระสาคญั ของหลกั การบงั คบั ให้มีการนาสทิ ธิบตั รไปใช้งานภายในประเทศได้ ............................................................................................................. อนสุ ญั ญากรุงปารีส - เพื่อการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม ค.ศ. 1883 จนถงึ 1992 มี 103 ประเทศ - สาคญั ตอ่ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมอยา่ งมาก กาหนดหลกั การพนื ้ ฐานบางประการไว้ โดยรัฐภาคีมีหน้าที่ต้องออกกฎหมาย ภายในเพื่ออนวุ ตั กิ ารให้สอดคล้องกบั บทบญั ญตั ิของอนสุ ญั ญากรุงปารีส

- มีบทบญั ญตั ิรวมทงั้ สนิ ้ 30 ข้อ ครอบคลมุ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมทกุ ประเภท ทงั้ สทิ ธิบตั ร เครื่องหมายการค้า ช่ือการค้า การออกแบบทางอตุ สาหกรรม สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์และการแขง่ ขนั ทางการค้าท่ีไมเ่ ป็ นธรรม - เป็ นเพยี งหลกั การพนื ้ ฐานบางประการท่ีรัฐภาครี ับไปปฏบิ ตั ิ เรียกวา่ มาตรฐานขนั้ ต่า minimum standards - นบั แตบ่ งั คบั ใช้จนถงึ ปัจจบุ นั มแี ก้ไขบทบญั ญตั ิรวม 6 ครัง้ หลกั การใหญ่ ๆ ท่เี ป็ นสว่ นสาคญั มี 4 หลกั ได้แก่ 1. หลกั การปฏิบตั เิ ยยี่ งคนชาติ 2. หลกั การให้สทิ ธิที่จะขอรับความค้มุ ครองกอ่ น 3. หลกั ความเป็ นอสิ ระของสทิ ธิ 4. หลกั การบงั คบั ให้มกี ารนาสทิ ธิบตั รไปใช้งานภายในประเทศ .............................................................................................................................................................................. 1. หลกั ดินแดน มีความสาคญั ยิง่ ตอ่ การค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศ 2.การบงั คบั ใช้สทิ ธิสามารถใช้บงั คบั ได้เฉพาะภายในเขตอานาจอธิปไตยของรัฐทใ่ี ห้การค้มุ ครองเทา่ นนั้ ผ้ทู รงสทิ ธิไมส่ ามารถบงั คบั สทิ ธิของ ตนตอ่ การละเมิดทเี่ กดิ ขนึ ้ นอกราชอาณาจกั ร 3. แนวคดิ เร่ืองความเป็ นอสิ ระของสทิ ธิ ถือเป็ นหวั ใจสาคญั ของระบบการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา 4. จดุ มงุ่ หมายสาคญั ของหลกั ดนิ แดนนี ้คือ การรับรองอานาจอธิปไตยของประเทศตา่ ง ๆ ท่ีจะค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาใน ประเทศของตน 5. สถานภาพของสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาที่มีอยใู่ นแตล่ ะประเทศเป็ นอสิ ระจากกนั และไมม่ ีอิทธิพลตอ่ การบงั คบั ใช้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทาง ปัญญาทม่ี อี ยใู่ นตา่ งประเทศ 6. นานาประเทศต้องการสร้างกรอบของการค้มุ ครองระหวา่ งประเทศ 7. การทาความตกลงระหวา่ งประเทศ เป็ นวธิ ีการทท่ี าให้การค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาไมถ่ กู จากดั ขอบเขตเฉพาะภายในประเทศ แตล่ ะประเทศเทา่ นนั้ 8. ความตกลงระหวา่ งประเทศมที งั้ ทวิภาคี หรือความตกลงสองฝ่ าย และความตกลงพหภุ าคี หรือความตกลงซงึ่ มีประเทศเข้าเป็ นภาคี มากกวา่ สองประเทศ 9. ปัจจบุ นั ความตกลงระหวา่ งประเทศเกี่ยวกบั ทรัพย์สนิ ทางปัญญาทาขนึ ้ ลกั ษณะเป็ นความตกลงพหภุ าคี มคี วามเป็ นเอกภาพมากกวา่ ความตกลงลกั ษณะทวิภาคี 10. ปัจจุบนั ไทยเป็ นภาคีความตกลงพหุภาคี เก่ยี วกบั ทรัพย์สินทางปัญญา 2 ฉบบั 1. อนุสญั ญากรุงเบอร์นเพ่อื การคุ้มครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม 2. ความตกลงว่าด้วยสทิ ธิในทรัพย์สินทางปัญญาท่เี ก่ยี วกับการค้า 2.1.1 หลกั การปฏบิ ตั เิ ย่ยี งคนชาติ - บคุ คลทกุ คนทม่ี ีสญั ชาติของรัฐภาคีจะได้รับการปฏบิ ตั ิและได้รับความค้มุ ครองด้านทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมจากรัฐภาคีอืน่ เทา่ เทยี มกนั เสมอกนั กบั ความค้มุ ครองทค่ี นชาติของรัฐภาคนี นั้ ได้รับ - รัฐภาคีของอนสุ ญั ญากรุงปารีสมีพนั ธกรณีที่ต้องให้สทิ ธิและความค้มุ ครองแก่บคุ คลท่มี ีสญั ชาติของประเทศภาคอี ่นื เช่นเดียวกบั ทใ่ี ห้สทิ ธิ และความค้มุ ครองแกค่ นชาตติ นเอง จะให้สทิ ธิพิเศษแกค่ นชาตขิ องตนเหนอื กวา่ คนชาตริ ัฐภาคีอน่ื ไมไ่ ด้ - หลกั ปฏบิ ตั ิเย่ยี งคนชาติ กาหนดปฏิบตั อิ ยา่ งเทา่ เทียมกนั ลกั ษณะนี ้แตกตา่ งจากหลกั ต่างตอบแทน ท่ีคกู่ รณีทกุ ฝ่ ายให้สทิ ธิแกก่ นั ใน ลกั ษณะตา่ งตอบแทน - อนสุ ญั ญากรุงปารีส ไมไ่ ด้กาหนดหลกั ตา่ งตอบแทนเอาไว้ - หลกั การปฏิบตั ิเยย่ี งคนชาตไิ มเ่ หมาะสมกบั ประเทศกาลงั พฒั นา เป็ นผลเสยี ในการแขง่ ขนั ทางธรุ กิจการค้า กิจกรรม 2.1.1 หลกั การปฏิบตั ิเยยี่ งคนชาติตามอนสุ ญั ญากรุงปารีส คอื หลกั การท่ถี กู ใช้เพ่อื ป้ องกนั การกีดกนั คนตา่ งชาติ กฎหมายภายในของรัฐภาคแี หง่ อนสุ ญั ญากรุงปารีสจะมบี ทบญั ญตั ิท่มี ลี กั ษณะไมใ่ ห้กีดกนั สทิ ธิคนท่ีมีสญั ชาติรัฐภาคีอน่ื เชน่ กฎหมายสทิ ธิบตั รของรัฐภาคใี ดจะกาหนดให้

สทิ ธิบตั รทีถ่ ือครองโดยคนชาตขิ องตน มอี ายกุ ารค้มุ ครองที่ยาวนานกวา่ คนชาตริ ัฐภาคอี ื่นมไิ ด้ หรือกาหนดคา่ ธรรมเนยี มการขอรับสทิ ธิบตั ร ในอตั ราท่แี ตกตา่ งกนั มิได้ หรือไมอ่ าจกาหนดเง่ือนไขการใช้มาตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิ หรือในการริบคนื สทิ ธิบตั รทแี่ ตกตา่ งกนั 2.1.2 หลกั การให้สทิ ธทิ ่จี ะขอรับความคุ้มครองก่อน - ภายใต้หลกั นี ้ผ้มู ีสทิ ธิขอรับความค้มุ ครองสาหรับทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม ท่ีขอรับสทิ ธิในรัฐภาคแี หง่ หนง่ึ แล้ว สามารถทจ่ี ะขอรับสทิ ธิใน ทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมเดยี วกนั นนั้ ในประเทศภาคอี ืน่ ๆ ได้อกี - แตต่ ้องยื่นขอภายในระยะเวลาที่กาหนด 12 เดอื น นบั จากวนั ยนื่ คาขอครงั้ แรกในเร่ืองสทิ ธิบตั ร และแบบผลติ ภณั ฑ์อรรถประโยชน์ และ 6 เดอื น สาหรับการออกแบบทางอตุ สาหกรรมและเคร่ืองหมายการค้า - รัฐภาคีทีเ่ ป็ นประเทศกาลงั พฒั นาจะได้รับผลกระทบจากหลกั การนเี ้ป็ นอยา่ งมาก ผ้ปู ระสบความสาเร็จในการวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยี ใหม่ ๆ สามารถขอรับความค้มุ ครองได้กอ่ น กจิ กรรม 2.1.2 หลกั การให้สทิ ธิที่จะขอรับความค้มุ ครองก่อนตามอนสุ ญั ญากรุงปารีส คือ หลกั การทีม่ ีสาระสาคญั วา่ ผ้ทู ่ขี อรับความค้มุ ครองสาหรับ ทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมในรัฐภาคีแหง่ หนง่ึ แล้ว สมารถทจ่ี ะขอรับสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมเดียวกนั นนั้ ในประเทศภาคอี นื่ ๆ ได้อีก แตต่ ้องทาการยื่นคาขอภายในระยะเวลาท่กี าหนด โดยต้องขอรับความค้มุ ครองภายใน 12 เดอื น นบั จากวนั ยน่ื คาขอครงั้ แรก ในกรณีของ สทิ ธิบตั รและแบบผลติ ภณั ฑ์อรรถประโยชน์ และภายใน 6 เดอื น สาหรับคาขอรับการค้มุ ครองสาหรับการออกแบบทางอตุ สาหกรรมและ เครื่องหมายการค้า 2.1.3 หลกั ความเป็ นอสิ ระของสิทธิ - สทิ ธิทเี่ กี่ยวข้องกบั ทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมที่ออกโดยรฐั ภาคีแตล่ ะรัฐ มคี วามเป็ นอสิ ระจากกนั แม้การออกสทิ ธิเหลา่ นนั้ ค้มุ ครองการ คดิ ค้นหรือการประดิษฐ์อนั เดียวกนั ก็ตาม - อนสุ ญั ญากรุงปารีรับรู้ในอานาจอธิปไตยของประเทศตา่ งๆ ที่จะทาการพจิ ารณาตรวจสอบและดาเนนิ การออกสทิ ธิบตั รในประเทศตนเอง - อนสุ ญั ญากรุงปารีสไมไ่ ด้กาหนดมาตรฐานเง่ือนไขของการค้มุ ครองไว้ รัฐภาคตี า่ งมีอสิ ระจะกาหนดเงื่อนไขการให้ความค้มุ ครองตามทีต่ น เหน็ สมควร ทงั้ เร่ืองคณุ สมบตั ิของการประดิษฐ์ ระยะเวลาการค้มุ ครอง อตั ราคา่ ธรรมเนียม และอน่ื ๆ - ภาคีของอนสุ ญั ญากรุงปารีสอาจมีมาตรฐานการค้มุ ครองท่ีแตกตา่ งกนั ขนึ ้ กบั บทบญั ญตั ิแหง่ กฎหมายภายในและดลุ พินจิ ของเจ้าหน้าที่ ของรัฐภาคแี ตล่ ะรัฐ กจิ กรรม 2.1.3 หลกั การหลกั ความเป็ นอสิ ระของสทิ ธิตามอนสุ ญั ญากรุงปารีสคอื สทิ ธิทเ่ี ก่ียวข้องกบั ทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรมที่ออกโดยรัฐภาคแี ตล่ ะ รัฐนนั้ จะมอี สิ ระจากกนั แม้การออกสทิ ธิเหลา่ นนั้ จะกระทาเพื่อให้ความค้มุ ครองแก่การคิดค้นหรือการประดษิ ฐ์เดยี วกนั กต็ าม รัฐภาคตี า่ งมี อสิ ระทีจ่ ะกาหนดเงือนไขการให้ความค้มุ ครองตามเห็นสมควร ไมว่ ่าจะเป็ นเงื่อนไขเรื่องคณุ สมบตั ขิ องการประดษิ ฐ์ทีส่ ามารถมาขอรับ สทิ ธิบตั รได้ ระยะเวลาการค้มุ ครอง อตั ราคา่ ธรรมเนียม และอืน่ ๆ 2.1.4 หลักการบงั คบั ให้มกี ารนาสทิ ธิบตั รไปใช้งานภายในประเทศ - ระบบสทิ ธิบตั รใหมจ่ ะเน้นทกี่ ารแลกเปลย่ี นผลประโยชน์ซง่ึ กนั และกนั ระหวา่ งรัฐกับผ้ทู รงสทิ ธิ - หน้าทผี่ ้ทู รงสทิ ธิต้องปฏบิ ตั เิ พ่อื ตอบแทนที่รัฐให้สทิ ธิเดด็ ขาด โดยต้อง 1. เปิ ดเผยรายละเอยี ดการประดษิ ฐ์อยา่ งสมบรู ณ์และชดั แจ้ง 2. การประดษิ ฐ์ไปใช้งานในประเทศเพอ่ื ให้เกิดประโยชน์ตอ่ สงั คม - อนสุ ญั ญากรุงปารีสกาหนดเง่ือนไขที่รัฐภาคีจะบงั คบั ให้มีการใช้งานในสทิ ธิบตั ร วางหลกั เกณฑ์ไว้ 3 ประการ คอื 1 การนาเข้า รัฐภาคจี ะริบคนื สทิ ธิบตั รซง่ึ ได้ออกในประเทศตน โดยอาศยั เหตผุ ลวา่ ผ้ทู รงสทิ ธิใช้ประโยชน์ในสทิ ธิบตั รด้วยการนาเข้าผลติ ภณั ฑ์ ตามสทิ ธิบตั รจากตา่ งประเทศไมไ่ ด้ 2 มาตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิ

เพ่ือบงั คบั ให้มกี ารนาเอาการประดิษฐ์ไปใช้ประโยชน์ภายในประเทศท่ใี ห้ความค้มุ ครองสทิ ธิบตั ร อนสุ ญั ญากรุงปารีสยินยอมให้รัฐ ภาคีใช้มาตรการบงั คบั ให้มกี ารใช้งานในประเทศได้ เพ่อื ป้ องกนั การใช้สทิ ธิเดด็ ขาดตามสทิ ธิบตั รไปในทางมชิ อบ ประการหนง่ึ คอื การไมใ่ ช้ งาน ซงึ่ ผ้ทู รงสทิ ธิสมารถแสดงเหตผุ ลอนั ชอบธรรมที่ไมน่ าสทิ ธิบตั รไปใช้งานได้ 3 การริบคนื สทิ ธิบตั ร รัฐภาคีอาจเลอื กใช้วิธีการริบคืนสทิ ธิบตั รท่ไี มม่ ีการใช้งานในประเทศได้ อนสุ ญั ญากรุงปารีสได้วางเงื่อนไขการใช้มาตรการริบคืน สทิ ธิบตั รไว้ 2 ประการ คอื 1. รัฐภาคีจะริบคนื สทิ ธิบตั รได้เมอื่ ปรากฏวา่ มกี ารใช้มาตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิแล้วและปรากฏวา่ ไมเ่ พียงพอท่จี ะป้ องกนั การใช้ สทิ ธิบตั รโดยมิชอบ 2. การริบคนื หรือเพิกถอนสทิ ธิบตั รจะทาได้เม่อื ระยะเวลา 2 ปี นบั แตว่ นั ท่ไี ด้มกี ารอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิผา่ นพ้นไปแล้ว กจิ กรรม 2.1.4 ประเทศสมาชิกของอนสุ ญั ญากรุงปารีส จะบงคบั ให้มกี ารนาสทิ ธิบตั รไปใช้งานภายในประเทศได้หรือไม่ และใช้มาตรการใดได้ กฎหมายของประเทศสมาชิกตา่ งสามารถกาหนดมาตรการบงั คบั ให้มกี ารใช้งานสทิ ธิบตั รได้ ทีพ่ บเหน็ เสมอ คือมาตรการบงั คบั ใช้สทิ ธิ และ มาตรการริบคืนสทิ ธิบตั ร อนสุ ญั ญากรุงปารีสไมต่ ้องการให้รัฐภาคใี ช้มาตรการบงั คบั ให้มกี ารใช้งานในสทิ ธิบตั รตามอาเภอใจ บทบญั ญตั ใิ น ข้อ 5 จงึ กาหนดเง่ือนไขบางประการของการทีร่ ัฐภาคีจะบงั คบั ใช้มาตรการดงั กลา่ วเอาไว้ 2.2 ความตกลงระหว่างประเทศเพ่อื การคุ้มครองลขิ สิทธ์ิ 1. อนสุ ญั ญากรุงเบอร์นเพ่อื การค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม เป็ นสนธิสญั ญาพหภุ าคี เกย่ี วกบั สทิ ธิ์ที่เกา่ แก่ท่สี ดุ จดั ทาขนึ ้ โดยมี ความมงุ่ หมายให้มีการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิระหวา่ งประเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และให้ประเทศตา่ ง ๆ มมี าตรฐานอยา่ งเดยี วกนั ในการค้มุ ครอง ลขิ สทิ ธ์ิ 2. มกี ารประชมุ เกี่ยวกบั อนสุ ญั ญากรุงเบอร์นเหลายครัง้ ทงั้ ทเี่ ป็ นการประชมุ จดั ทาและแก้ไขอนสุ ญั ญา ซงึ่ การประชมุ แตล่ ะครงั้ มี รายละเอียดและสาระสาคญั ท่นี า่ สนใจหลายประการ 3. หลกั การสาคญั ทสี่ ดุ ภายใต้อนสุ ญั ญากรุงเบอร์นมี 4 ประการ คอื 1) หลกั การปฏิบตั ิเยย่ี งคนชาติ และหลกั การค้มุ ครองทีเ่ ป็ นอิสระ 2) หลกั การค้มุ ครองโดยอตั โนมตั ิ 3) มาตรฐานขนั้ ตา่ ในการค้มุ ครอง 4) การจดั ตงั้ สหภาพเบอร์น วัตถปุ ระสงค์ ท่ตี ้องเข้าใจ 1. เจตนารมณ์และความมงุ่ หมายของหลกั การสาคญั ของอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น 2. ความเป็ นมาของอนสุ ญั ญากรุงเบอร์นทงั้ ทเ่ี ป็ นการประชมุ จดั ทาและการแก้ไขอนสุ ญั ญา 3. สาระสาคญั ของหลกั การของอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น - กอ่ นจดั ทาความตกลงทริปส์ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก ได้กาหนดความตกลงหลกั 2 ฉบบั 1 อนสุ ญั ญากรุงเบอร์วา่ ด้วยการค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม 2 อนสุ ญั ญาลขิ สทิ ธ์ิสากล - ระยะหลงั มกี ารรับรองสทิ ธิเกี่ยวข้องกบั ลขิ สทิ ธิ์ เรียกวา่ สทิ ธิข้างเคยี ง ภายใต้ความตกลงระหวา่ งประเทศอกี ฉบบั คือ 3 อนสุ ญั ญากรุงโรม วา่ ด้วยการค้มุ ครองนกั แสดง ผ้ผู ลติ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง และองค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ 2.2.1 อนุสญั ญากรุงเบอร์นเพ่อื การคุ้มครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม - เป็ นสนธิสญั ญาพหภุ าคเี ก่ียวกบั ลขิ สทิ ธิ์ทีเ่ ก่าแก่ที่สดุ มีความเป็นมาท่ยี าวนานกวา่ ร้อยปี เช่นเดยี วกบั อนสุ ญั ญากรุงปารีสวา่ ด้วยการ ค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางอตุ สาหกรรม - จดั ทาขนึ ้ โดยมงุ่ หมายให้มีการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิระหวา่ งประเทศอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ เป็ นมาตรฐานเดยี วกนั - จดั ทาขนึ ้ ใน ค.ศ. 1886 ที่กรุงเบอร์น สวิตเซอร์แลนด์ มผี ลใช้บงั คบั มาจนปัจจบุ นั

- ได้รับการแก้ไขรวม 7 ครงั้ มีประเทศสมาชิกใน ค.ศ. 1995 รวม 111 ประเทศ - กอ่ ตงั้ สหภาพเบอร์น โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ให้ประเทศสมาชิกให้การค้มุ ครองงานลขิ สทิ ธ์ิภายใต้หลการทเ่ี ป็ นหนงึ่ เดียวกนั - กาหนดมาตรฐาน บรรทดั ฐานสาหรับรัฐภาคีรับไปบญั ญตั ใิ นกฎหมายภายใน - เจตนารมณ์ดงั้ เดิมคือ เพื่อต้องการกฎเกณฑ์การค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม งานด้านสนุ ทรียภาพเป็ นสาคญั - ปัจจบุ นั ขอบเขตการค้มุ ครองขยายสงู่ านลกั ษณะอนื่ ๆ เชน่ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และโทรคมนาคม - ใช้บงั คบั กบั การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิระหวา่ งประเทศ ไมใ่ ช้กบั งานทมี่ ีลกั ษณะเป็ นการภายใน งานทคี่ นไทยสร้างสรรค์ขนึ ้ และมกี ารโฆษณางาน เป็ นครัง้ แรกทป่ี ระเทศไทย - หลกั เกณฑ์เป้ าหมายค้มุ ครองงานของคนตา่ งชาติ งานมีแหลง่ กาเนดิ ในตา่ งประเทศ - หลกั การสาคญั ทส่ี ดุ ภายใต้อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น มี 4 ประการใหญ่ ๆ คอื 1. หลกั การปฏบิ ตั ิเยย่ี งคนชาตแิ ละหลกั การค้มุ ครองทเี่ ป็ นอสิ ระ 2. หลกั การค้มุ ครองโดยอตั โนมตั ิ 3. มาตรฐานขนั้ ตา่ ในการค้มุ ครอง 4. การจดั ตงั้ สหภาพเบอร์น กิจกรรม 2.2.1 อนสุ ญั ญากรุงเบอร์นคอื เป็ นความตกลงระหวา่ งประเทศเกี่ยวกบั การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิ ได้กอ่ ตงั้ สหภาพเบอร์นขนึ ้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ที่จะให้ ประเทศสมาชิกให้การค้มุ ครองงานอนั มีลขิ สทิ ธ์ิภายใต้หลกั การทเี่ ป็ นหนงึ่ เดยี วกนั ด้วยการกาหนดมาตรฐานการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิเพ่อื เป็ น บรรทดั ฐานสาหรับรัฐภาคีทจี่ ะรับไปบญั ญตั ิไว้ในกฎหมายภายใน 2.2.2 ความเป็ นมาของอนุสญั ญากรุงเบอร์น กิจกรรม 2.2.2 เหตทุ ี่การประชมุ ระหวา่ งประเทศมีความสาคญั เน่ืองจากมผี ลตอ่ การกาหนดหลกั การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิระหวา่ งประเทศ การประชมุ เพอื่ จดั ตงั้ และแก้ไขอนสุ ญั ญาเบอร์นแตล่ ะครัง้ จะมีผลทาให้เกิดการเปลยี่ นแปลงในหลกั กฎหมายลขิ สทิ ธิ์ทงั้ ทีเ่ ป็ นกฎหมายระหวา่ งประเทศ และ กฎหมายภายในของรัฐ 2.2.3 หลักการสาคัญของอนุสญั ญากรุงเบอร์น กิจกรรม 2.2.3 หลกั การสาคญั ภายใต้อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น มี 4 ประการ คือ 1) หลกั การปฏิบตั ิเยยี่ งคนชาติ และหลกั การค้มุ ครองที่เป็ นอสิ ระ 2) หลกั การค้มุ ครองโดยอตั โนมตั ิ 3) มาตรฐานขนั้ ตา่ ในการค้มุ ครอง 4) การจดั ตงั้ สหภาพเบอร์น 2.3 ความตกลงอ่นื เก่ียวกบั ลขิ สทิ ธ์ิ 2.3.1 อนุสญั ญาลขิ สิทธ์ิสากล - จดั ทาใน ค.ศ. 1952 มสี มาชิก 95 ประเทศ ใน ค.ศ.1995 - มีการแก้ไขหลายครัง้ ครัง้ ลา่ สดุ ค.ศ. 1971 ท่ีกรุงปารีส ผลการแก้ไขทาให้อนสุ ญั ญาลขิ สทิ ธ์ิสากลกาหนดวางมาตรฐานการค้มุ ครอง ลขิ สทิ ธิ์ไว้ระดบั คอ่ นข้างสงู พอควร หากเปรียบกบั หลกั ก่อนหน้า - กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละบรรทดั ฐานของการค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ในลกั ษณะเดยี วกบั อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น แตร่ ะดบั ต่ากวา่ - มขี ้อจากดั ประเทศสมาชกิ ไมอ่ าจนาหลกั การและสาระสาคญั ไปปฏิบตั ไิ ด้ผล -หลกั การท่กี าหนดจะไมน่ าไปใช้บงั คบั กบั การสร้างสรรคง์ าน ซงึ่ ประเทศที่เกิดของงานเป็ นภาคีสมาชิกของอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น - อนสุ ญั ญากรุงเบอร์นได้รับการจดั ลาดบั ให้มคี วามสาคญั เหนอื อนสุ ญั ญาลขิ สทิ ธิ์สากล

- ประเทศอตุ สาหกรรมใหญ่ ๆ เป็นสมาชิกอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น สว่ นอนสุ ญั ญาลขิ สทิ ธิ์สากลมปี ระเทศอตุ สาหกรรม เป็ นสมาชิกไมก่ ี่ประเทศ - ข้อจากดั การนาหลกั การสาระสาคญั ต้องใช้กบั ประเทศที่ไมไ่ ด้เป็นภาคีของอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น ประเทศลกั ษณะดงั กลา่ วมีเพยี ง 19 ประเทศเลก็ ๆ ไมม่ คี วามสาคญั ทางเศรษฐกิจนกั กิจกรรม 2.3.1 อนสุ ญั ญาลขิ สทิ ธิ์สากลมคี วามสาคญั ในการกาหนดหลกั เกณฑ์และบรรทดั ฐานของการค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ในลกั ษณะเดยี วกบั อนสุ ญั ญา กรุงเบอร์น แตม่ ีระดบั การค้มุ ครองทต่ี ่ากวา่ เหตทุ จ่ี ดั ตงั้ อนสุ ญั ญานขี ้ นึ ้ โดยตามเจตนารมณ์ คือเพอ่ื เปิ ดโอกาสให้ประเทศทไ่ี มต่ ้องการเข้า ร่วมในอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น ไมต่ ้องการผกู พนั ตามพนั ธกรณีท่เี ข้มงวด ได้เข้าร่วม เป็ นความตกลงระหวา่ ประเทศทีม่ ีหลกั การยดื หยนุ่ มากกวา่ 2.3.2 อนุสัญญากรุงโรมว่าด้วยการคุ้มครองนักแสดง ผ้ผู ลติ ส่งิ บนั ทกึ เสยี ง และองค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ - ความตกลงระหวา่ งประเทศทก่ี าหนดหลกั เกณฑ์การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคียง จดั ตงั้ ปี ค.ศ. 1961 - การเจริญอยา่ งรวดเร็วของเทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนิกส์และโทรคมนาคม สง่ ผลให้มีประเทศสมาชกิ ถงึ วนั ท่คี วามตกลงทริปส์มีผลใช้บงั คบั มี สมาชิกรวม 47 ประเทศ - หลกั การพนื ้ ฐานของการค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี งภายใต้อนสุ ญั ญากรุงโรม คือ การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี งต้องไมก่ ระทบสทิ ธิของผ้ปู ระพนั ธ์ใน ระบบลขิ สทิ ธ์ิแบบดงั้ เดมิ - กาหนดบรรทดั ฐานของการค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี งระหวา่ งรัฐ โดยยอมรับหลกั อานาจอธิปไตยแหง่ รัฐภายใต้หลกั ดินแดน - ประเทศสมาชิกถกู กาหนดให้ทาการค้มุ ครองสทิ ธิของนกั แสดง ผ้ผู ลติ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง องค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพซงึ่ เป็ นคนชาติของประเทศ สมาชิกอ่นื ภายใต้หลกั การปฏิบตั ิเยี่ยงคนชาติ - สทิ ธิขนั้ ตา่ ท่รี ัฐภาคจี ดั ให้บคุ คลคอื กรณีนกั แสดง รัฐภาคตี ้องกาหนดให้นกั แสดงมีสทิ ธิเด็ดขาดในการนาเสนอตอ่ สาธารณชนซง่ึ การแสดง ของตน การบนั ทกึ การแสดง และการทาซา้ สงิ่ บนั ทกึ การแสดง - กาหนดให้ผ้ผู ลติ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง มสี ทิ ธิได้รับคา่ ตอบแทนทเ่ี ป็ นธรรมสาหรับการใช้สง่ิ บนั ทกึ เสยี งในการแพร่เสยี งแพร่ภาพ หรือในการ นาเสนอตอ่ สาธารณชน - องค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพมสี ทิ ธิเด็ดขาดในการแพร่เสยี งแพร่ภาพของตนซา้ บนั ทกึ ทาซา้ และนาเสนอตอ่ สาธารณชน - กาหนดให้ใช้บงั คบั กบั การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี งในระดบั ระหวา่ งประเทศเทา่ นัน้ ไมใ่ ช้บงั คบั กบั การให้สทิ ธินกั แสดง ผ้ผู ลติ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง องค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพในประเทศใดเป็ นการเฉพาะ - การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี งภายใต้อนสุ ญั ญากรุงโรมถกู ผกู ตดิ กบั ปัจจยั เร่ืองสญั ชาตขิ องเจ้าของงานและสถานท่ที เ่ี กิดของงาน เช่นเดียวกบั อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น - ผ้ผู ลติ สงิ่ บนั ทกึ เสยี งจะได้รับความค้มุ ครองในประเทศสมาชิก ต้องเป็ นไปตามเงื่อนไข เป็ นคนชาตขิ องประเทศสมาชิก การบนั ทกึ งานนนั้ ทาขนึ ้ เป็ นครงั้ แรกในประเทศสมาชิก กิจกรรม 2.3.2 อนสุ ญั ญากรุงโรมคอื ความตกลงระหวา่ งประเทศทก่ี าหนดหลกั เกณฑ์การค้มุ ครองสทิ ธิข้างเคยี ง ได้แก่ การค้มุ ครองนกั แสดง ผ้ผู ลติ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง และองค์การแพร่เสยี งแพร่ภาพ .......................................................................................................................จบหนว่ ยที่ 2........................................... หน่วยท่ี 3 การคุ้มครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหว่างประเทศภายใต้องค์การการค้าโลก 3.1 ความตกลงทริปส์ TRIPs = Agreement on Trade – Related Aspects of Intellectual Property ความตกลงว่าด้วยสทิ ธิใน ทรัพย์สินทางปัญญาท่เี ก่ยี วกบั การค้า 3.2 การเจรจารอบใหมภ่ ายในกรอบขององค์การการค้าโลกในสว่ นทเี่ ก่ียวกบั ทรัพย์สนิ ทางปัญญา แนวคิด 1. ประเทศพฒั นาฯ นาประเด็นการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา เข้าสกู่ ารเจรจาการค้าของแกตต์ นาสกู่ ารจดั ทาความตกลงทริปส์ในที่สดุ

2. ความตกลงทริปสเ์ ป็ นความตกลงระหวา่ งประเทศ ท่กี าหนดมาตรฐานขนั้ ตา่ การค้มุ ครองทรัพยส์ นิ ทางปัญญาสาหรับประเทศสมาชิกของ องค์การการค้าโลก 3. การเจรจารอบใหมภ่ ายในกรอบองค์การการค้าโลก เรียกวา่ รอบโดฮา มีประเด็นการเจรจาทกี่ ว้างขวาง วา่ ด้วยการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทาง ปัญญาใน 3 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ 1) สาธารณสขุ 2) สงิ่ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ 3) การค้มุ ครองการประดษิ ฐ์ตามข้อ 27.3 (บ)ี ของความตกลงทริปส์ วัตถปุ ระสงค์ ให้เข้าใจ 1. ความเป็ นมา เจตนารมณ์ สาระสาคญั ของความตกลงทริปส์ และความเกย่ี วพนั ระหวา่ งความตกลงทริปสก์ บั ความตกลงระหวา่ งประเทศ อื่น ๆ 2. ลกั ษณะและประเด็นสาคญั ของการเจรจารอบใหมภ่ ายในกรอบขององคก์ ารการค้าโลกในสว่ นทเี่ กี่ยวกบั ทรัพย์สนิ ทางปัญญา .......................................................................................................................................................................... 3.1 ความตกลงทริปส์ แนวคดิ 1. การจดั ทาความตกลงทริปส์ในกรอบขององค์การการค้าโลก เนอื่ งจากประเทศพฒั นาฯ ต้องการ - แก้ปัญหาการขาดดลุ การค้า - ต้องการผลกั ดนั ให้เกดิ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา กบั สนิ ค้าสง่ ออกทีส่ าคญั ตอ่ เศรษฐกจิ 2. เจตนารมณ์ของความตกลงทริปส์ กาหนดไว้ถึงความสาคญั ของ - การมีกฎเกณฑ์และระเบยี บวินยั แนวใหม่ - การกาหนดมาตรฐานและหลกั การทเ่ี พยี งพอตอ่ การได้มา - การใช้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาท่เี กย่ี วกบั การค้า - การค้มุ ครองและการบงั คบั ใช้สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา เกือ้ หนนุ ตอ่ การสง่ เสริมนวตั กรรมทางเทคโนโลยี และ - การถ่ายทอดและแพร่ขยายของเทคโนโลยี ตอ่ ประโยชน์ร่วมกนั ของผ้ผู ลติ และผ้ใู ช้ความรู้ทางเทคโนโลยี 3. ความตกลงทริปส์กาหนดมาตรฐานการค้มุ ครอง - สทิ ธิบตั ร ลขิ สทิ ธ์ิ และสทิ ธิข้างเคียง - เครื่องหมายการค้า ความลบั ทางการค้า สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ การออกแบบแผงวงจรรวม - การควบคมุ การปฏบิ ตั ิทตี่ อ่ ต้านการแขง่ ขนั ทางการค้า - การกาหนดหลกั มาตรฐานขนั้ ตา่ ขอบเขตของสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา การบงั คบั ใช้กฎหมาย การระงบั ข้อพพิ าท - หลกั การปฏบิ ตั ิเย่ยี งชาติทีไ่ ด้รับความอนเุ คราะห์ยง่ิ หลกั การปฏบิ ตั เิ ย่ียงคนชาติ หลกั ตา่ งตอบแทน 4. ความตกลงทริปส์มไิ ด้ถกู บญั ญตั ิขนึ ้ เพ่อื ใช้แทนทค่ี วามตกลงระหวา่ งประเทศอืน่ ๆ ที่มีอยู่ หากมีเจตนารมณ์เป็ นมาตรการเสริมเพ่อื ให้การ ค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาระหวา่ งประเทศมีความรดั กมุ และมปี ระสทิ ธิภาพมากย่ิงขนึ ้ วัตถุประสงค์ ให้เข้าใจ 1. ความเป็ นมาของความตกลงทริปส์ 2. เจตนารมณ์ของความตกลงทริปส์ 3. สาระสาคญั ของความตกลงทริปสใ์ นการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา 4. ความเก่ียวพนั ระหวา่ งความตกลงทริปสแ์ ละความตกลงระหวา่ งประเทศอ่นื .................................................................................................................................................................... 3.1.1 ความเป็ นมาของความตกลงทริปส์

- ความตกลงแกตต์ (GATT = General Agreement on Tariffs and Trade ความตกลงท่วั ไปว่าด้วยพิกดั อตั ราภาษีศุลกากรและ การค้า) เป็ นสว่ นหนง่ึ ทาให้เกิดกระแสโลกาภิวตั น์ สง่ เสริมการขยายตวั ของการค้าระหวา่ งรัฐ - หลกั การพนื ้ ฐาน ทกุ ประเทศจะต้องให้สทิ ธิประโยชน์แกก่ นั โดยไมม่ กี ารเลอื กปฏิบตั ิ จงู ใจให้ประเทศตา่ ง ๆ เข้าร่วมในความตกลงระหวา่ ง ประเทศนี ้ - ประเด็นการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา มาเจรจาพหภุ าคขี องแกตต์ มเี หตผุ ลสาคญั จากประเทศพฒั นาฯ ไมย่ อมเสยี เปรียบจากการถกู ประเทศกาลงั พฒั นาฯ ละเมดิ ลอกเลยี นแบบ ปลอมแปลงทรัพย์สนิ ทางปัญญา อนั เป็ นสนิ ค้าสง่ ออกสาคญั ทางเศรษฐกิจของชาตพิ ฒั นาฯ ทงั้ ยงั ผลติ สนิ ค้าลอกเลยี นขายในราคาทถ่ี กู กวา่ ซง่ึ ทาให้ผ้ทู รงสทิ ธิเสยี เปรียบในการแขง่ ขนั ทางการค้า ประเทศพฒั นาฯ ขาดดลุ การค้า จึง มากดดนั ประเทศคคู่ ้า ให้ความสาคญั และเข้มงวดกบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา - อตุ สาหกรรมที่เป็ นแหลง่ เงินตราสาคญั ของสหรัฐอเมริกา ทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจากการลอกเลยี นแบบ คอื อตุ สาหกรรมยา ดนตรี ภาพยนตร์ และคอมพวิ เตอร์ - ประเทศกาลงั พฒั นา ทีส่ หรัฐอเมริกาถือวา่ ละเมดิ สทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา เกาหลใี ต้ ไต้หวนั ไทย ไนจีเรีย มาเลเซยี อนิ โดนีเซยี สาธารณรัฐประชาชนจีน อนิ เดยี เม็กซโิ ก ฯลฯ สว่ นประเทศทางยโุ รปจะเป็ นเรื่องละเมดิ สทิ ธิเคร่ืองหมายการค้าและลขิ สทิ ธ์ิ - การเจรจาที่นาเข้าพจิ ารณาของแกตต์ครัง้ แรกใน รอบอรุ ุกวยั - เดิมการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาอย่ภู ายใต้การดแู ลขององค์การทรัพย์สนิ ทางปัญญาโลก World Intellectual Property Organization : WIPO เป็ นกระทรวงชานญั พเิ ศษ ของสหประชาชาติ - อนสุ ญั ญากรุงปารีส หรืออนสุ ญั ญากรุงเบอร์น ใช้มาตรฐานของการค้มุ ครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญาโดยอาศยั หลกั การปฏบิ ตั เิ ยี่ยงคน ชาตเิ ป็ นเกณฑ์ คาดหวงั วา่ ศาลภายในของประเทศตา่ ง ๆ จะบงั คบั สทิ ธิของคนตา่ งชาติอยา่ งเทา่ เทยี มและเสมอภาคกบั สทิ ธิของคนในชาติ ตนเอง แตก่ ลบั ไมใ่ ห้ความค้มุ ครองทงั้ แกค่ นชาตขิ องตนเองและคนตา่ งชาติ โดยถือวา่ เป็ นการปฏบิ ตั ทิ เ่ี ทา่ เทยี มกนั นนั่ เอง - สนธิสญั ญาวา่ ด้วยทรัพย์สนิ ทางปัญญาเก่ียวกบั วงจรรวม รู้จกั กนั โดยทวั่ ไปวา่ สนธิสญั ญากรุงวอชิงตนั - อนสุ ญั ญาลขิ สทิ ธิ์สากล มิได้อยภู่ ายใต้การดแู ลของไวโป แตอ่ ยภู่ ายใต้การดาเนินการขององค์การยเู นสโก ซง่ึ เป็ นทบวงชานญั พเิ ศษของ องค์การสหประชาชาติ - การระงบั ข้อพิพาทคดีทรัพย์สนิ ทางปัญญาไมม่ ีการกาหนดมาตรการไว้ เม่อื เกิดคดกี บั บคุ คลธรรมดาหรือนิตบิ คุ คล แตร่ ัฐเทา่ นนั้ ท่ีมสี ทิ ธินา คดขี นึ ้ สศู่ าลยตุ ธิ รรมระหวา่ งประเทศ กลไกระงบั ข้อพิพาทจงึ ไมม่ คี วามเหมาะสม และประสทิ ธิภาพเพยี งพอ ประเทศพฒั นาฯ จึงต้องการให้ มมี าตรการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา เพอ่ื ปกป้ องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จงึ ใช้มาตรการระงบั ข้อพิพาท และมาตรการตอบโต้ทาง การค้าท่ีทรงอานภุ าพของแกตตเ์ ป็ นตวั กากบั - ระบบการค้าระหวา่ งประเทศภายใต้กรอบของแกตต์ ให้สทิ ธิประโยชน์ทางการค้าในลกั ษณะตา่ ง ๆ การลดกาแพงภาษีและอปุ สรรค ทางการค้า การเปิดตลาดการค้าทส่ี าคญั เช่น สงิ่ ทอ สนิ ค้าเกษตร ดงั นนั้ หลายประเทศกาลงั พฒั นา จึงต้องการเข้าร่วมด้วย - ประเทศพฒั นาฯ ผลกั ดนั ประเดน็ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาเข้าสกู่ รอบของแกตต์ เนอ่ื งจากการแก้ไขบทบญั ญตั ใิ นความตกลง ระหวา่ งประเทศทม่ี อี ยเู่ ดมิ ท่ไี มม่ มี าตรการบีบบงั คบั ให้ประเทศภาคีปรับปรุงระบบการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา ทาได้ไมง่ า่ ย อนสุ ญั ญากรุงปารีส หรืออนสุ ญั ญากรุงเบอร์น ต้องใช้มติเอกฉนั ท์ของบรรดาประเทศภาคสี มาชิก ทีส่ ว่ นใหญ่เป็ นประเทศกาลงั พฒั นา - การเช่ือมโยงประเดน็ การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา เข้ากบั การค้าระหวา่ งประเทศภายใต้บทบญั ญตั ขิ องความตกลงทริปส์ ถือเป็ น ความสาเร็จของประเทศพฒั นาฯ มผี ลทาให้รัฐภาคีขององค์การการค้าโลกต้องทาการปรับปรุงระบบการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาใน ประเทศของตนให้มีความเข้มงวดมากยงิ่ ขนึ ้ ตามทป่ี ระเทศพฒั นาฯ ต้องการ กจิ กรรม 3.1.1 เหตทุ ป่ี ระเทศพฒั นาฯ ผลกั ดนั ให้มีการจดั ทาความตกลงทริปส์ เพอ่ื ให้มีมาตรฐานขนั้ ตา่ เก่ียวกบั การค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา และมี กลไกระงบั ข้อพพิ าทและระงบั สทิ ธิ 3.1.2 เจตนารมณ์ของความตกลงทริปส์ - สาระสาคญั ของความตกลงเก่ียวกบั ทรัพย์สนิ ทางปัญญาทจี่ ดั ทาขนึ ้ “ต้องมีลกั ษณะท่คี อ่ นข้างเป็นกลาง สามารถเออื ้ อานวยประโยชน์ตอ่ รัฐภาคีทกุ ฝ่ ายได้โดยเสมอภาคกนั ความตกลงระหวา่ งประเทศนนั้ ต้องไมก่ าหนดระดบั การค้มุ ครองที่ตา่ เกินไปจนเกิดความเสยี หายตอ่ ผ้ทู รง

สทิ ธิแตข่ ณะเดยี วกนั ต้องไมก่ าหนดขอบเขตการค้มุ ครองวธิ ีการใช้สทิ ธิทีก่ ว้างขวางเกินสมควร จนทาให้เกิดการจากดั ทางการค้าและ ก่อให้เกิดผลเป็ นการบดิ เบือนตลาดการค้าของประเทศทใ่ี ห้ความค้มุ ครอง” กจิ กรรม 3.1.2 เจตนารมณ์ของความตกลงทริปส์ เพอ่ื สร้างความสมดลุ ระหวา่ งสทิ ธิของผ้ทู รงสทิ ธิและสาธารณชน โดยต้องไมใ่ ห้การค้มุ ครองตา่ เกินไปจนเกิดความเสยี หายตอ่ ผ้ทู รงสทิ ธิ และไมก่ ว้างเกินไปจนเกิดความเสยี หายตอ่ สาธารณชน 3.1.3 สาระสาคญั ของความตกลงทริปส์ในการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา - ความตกลงทริปสก์ าหนดมาตรฐานการค้มุ ครองทกุ ลกั ษณะ ครอบคลมุ สทิ ธิบตั ร ลขิ สทิ ธ์ิ และสทิ ธิข้างเคยี ง เคร่ืองหมายการค้า ความลบั ทางการค้า สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ การออกแบบแผงวงจรรวม การควบคมุ การปฏบิ ตั ทิ ่ตี อ่ ต้านการแขง่ ขนั ทางการค้า - ความตกลงระหวา่ งประเทศฉบบั นกี ้ าหนดหลกั เกณฑ์และมาตรฐานขนั้ ตา่ ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาประเภทตา่ ง ๆ เพอื่ ให้รัฐ ภาคนี าไปบญั ญตั ิไว้ในกฎหมายภายใน - มาตรฐานขนั้ ต่า หมายความวา่ รัฐภาคีใดจะให้ความค้มุ ครองทรพั ย์สินทางปัญญาในระดบั ทตี่ า่ กวา่ บทบญั ญตั คิ วามตกลงทริปส์ไมไ่ ด้ แต่ ให้ความค้มุ ครองในระดบั ทีส่ งู กวา่ ได้ - ภายใต้เง่ือนไขที่สงู กวา่ นนั้ ต้องไมข่ ดั แย้งกบั หลกั การและบทบญั ญตั ิของความตกลงทริปส์ - ความตกลงทริปส์ไมไ่ ด้วางหลกั เกณฑ์ไว้เฉพาะเร่ืองมาตรฐานเทา่ นนั้ ยงั รวมทงั้ การระงบั ข้อพพิ าทระหวา่ งรัฐภาคดี ้วย - ถือเป็ นพนั ธกรณีทร่ี ัฐภาคตี า่ ง ๆ ต้องรับไปบญั ญตั ิไว้ในกฎหมายภายในเพื่ออนวุ ตั รการให้เป็ นตามความตกลงระหวา่ งประเทศฉบบั นี ้ - วิธีการอนวุ ตั รตามพนั ธกรณีนนั้ ขนึ ้ อยกู่ บั ดลุ พินิจของบรรดารัฐภาคี รัฐภาคขี ององค์การการค้าโลกมเี สรีภาพในการกาหนดวธิ ีการท่ี เหมาะสมเพื่ออนวุ ตั รการตามบทบญั ญตั ขิ องความตกลงทริปส์ - ประเทศพฒั นาฯ ดาเนนิ การให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นบั จากวนั ท่ีความตกลงจดั ตงั้ องค์การการค้าโลกมผี ลใช้บงั คบั - ประเทศกาลงั พฒั นา ต้องจดั ให้มกี ารนาหลกั การของความตกลงทริปสไ์ ปใช้ภายใน 5 ปี - ประเทศด้อยพฒั นา พนั ธกรณีใด ๆ ตามความตกลงทริปส์ นอกจากเรื่องทเ่ี ป็ นหลกั การพนื ้ ฐาน กาหนดเวลา 10 ปี นบั จากวนั ทค่ี วามตอลง จดั ตงั้ องค์การค้าโลกมีผลใช้บงั คบั กิจกรรม 3.1.3 สาระสาคญั ของความตกลงทริปส์ ประกอบด้วยหลกั เกณฑ์และมาตรฐานขนั้ ตา่ ของการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาประเภทตา่ ง ๆ ผสมผสานกบั หลกั การพนื ้ ฐานของแกตต์ 3.1.4 ความเกย่ี วพนั ระหวา่ งความตกลงทริปส์และความตกลงระหวา่ งประเทศอน่ื ๆ - ความตกลงทริปส์กาหนดให้รัฐภาคปี ฏบิ ตั ติ ามหลกั การสาคญั ของอนสญั ญากรุงปารีส หลกั การให้สทิ ธิที่จะขอรับความค้มุ ครองกอ่ น และ คณุ สมบตั ิของบคุ คลท่ีมีสทิ ธิของรับความค้มุ ครอง หลกั การปฏิบตั เิ ย่ียงคนชาติ กิจกรรม 3.1.4 เหตทุ ีค่ วามตกลงทริปส์มคี วามก้าวหน้ากวา่ อนสุ ญั ญากรุงปารีสและอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น เน่ืองจากความตกลงทริปส์มีบทบญั ญตั พิ ิเศษ เกี่ยวกบั การบงั คบั ตามสทิ ธิในทรพั ย์สนิ ทางปัญญาเป็ นการเฉพาะ ซงึ่ หลกั การบงั คบั สทิ ธิไมไ่ ด้ถกู กาหนดไว้ในอนสุ ญั ญากรุงปารีส และ อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น 3.2 การเจรจารอบใหม่ภายในกรอบขององค์การการค้าโลกในส่วนท่เี ก่ยี วกับทรัพย์สนิ ทางปัญญา แนวคดิ 1. ก่อนหน้าทจี่ ะมอี งค์การการค้าโลก การจดั ระเบยี บทางการค้าระหวา่ งประเทศมีขนึ ้ ภายใต้ความตกลงทวั่ ไปว่าด้วยพกิ ดั อตั ราศลุ กากรและ การค้า หรือแกตต์ โดยแบง่ การเจรจาเป็ นรอบ เรียกวา่ รอบการเจรจา ทผ่ี า่ นมามีทงั้ สนิ ้ 8 รอบการเจรจา รอบลา่ สดุ คือการเจรจารอบอรุ ุกวยั 2. การเจรจาทก่ี าลงั ดาเนนิ อยู่ เป็นรอบการเจรจาตอ่ จากรอบอรุ ุกวยั เรียกวา่ การเจรจารอบโดฮา ผลการเจรจาขนึ ้ อยกู่ บั อานาจการตอ่ รอง กบั ประเทศตา่ งๆ ทงั้ ประเทศกาลงั พฒั นาและประเทศพฒั นาฯ

3. ประเด็นการเจรจารอบโดฮา ได้แก่ การนาความตกลงไปปฏิบตั ิ สนิ ค้าเกษตร การค้าบริการ การเข้าถงึ ตลาดหรือการเปิ ดตลาด ทรัพย์สนิ ทางปัญญา การลงทนุ และนโยบายการแขง่ ขนั กฎระเบยี บขององค์การการค้าโลก การระงบั ข้อพพิ าท และการค้าและสงิ่ แวดล้อม 4. การเจรจาเร่ืองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในรอบโดฮามี 3 เรื่อง คอื สาธารณสขุ สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ กบั การค้มุ ครองการประดษิ ฐ์ทเ่ี กี่ยวกบั สง่ิ มชี วี ิต วตั ถุประสงค์ เพ่อื ให้เข้าใจ 1. ลกั ษณะทว่ั ไปและความเป็ นมาของการเจรจาการค้า 2. ความสาคญั ของการเจรจาการค้ารอบโดฮา 3. ประเดน็ การเจรจาของการประชมุ ระดบั รัฐมนตรีที่เมอื งโดฮา 4. การเจรจาเร่ืองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในรอบโดอา 3.2.1 ลกั ษณะท่วั ไปและความเป็ นมาของการเจรจาการค้า องค์การการค้าโลก World Trade Organization WTO กอ่ ตงั้ เมอ่ื 1 มกราคม ค.ศ. 1995 เป็ นองค์การระหวา่ งประเทศ โดยความตกลง มาร์ราเกซกอ่ ตงั้ องค์การการค้าโลก ฉบบั ลงนาม 15 เมษายน 1994 มวี ตั ถปุ ระสงค์สาคญั 3 ประการ คอื 1) ชว่ ยให้มกี ารหมนุ เวียนทางการค้าอยา่ งเสรีที่สดุ เทา่ ทจี่ ะเป็ นไปได้ 2) เป็ นเวทีของการเจรจาทางการค้า 3) ชว่ ยให้มีการระงบั ข้อพพิ าทโดยสนั ติวิธี ความตกลงทว่ั ไปวา่ ด้วยพิกดั อตั ราศลุ กากรและการค้า ค.ศ. 1947 แกตต์ GATT เจรจาวางกฎเกณฑ์ทางด้านการค้า เป็ นรอบ ๆ เรียกวา่ รอบการเจรจา มที งั้ สนิ ้ 8 รอบเจรจา รอบที่ 1-6 เจรจาลดอตั ราอากรศลุ กากร เจรจารอบโตเกียว เริ่มมกี ฎเกณฑ์หมวดหมู่ รอบสดุ ท้ายก่อนสนิ ้ สดุ แกตต์ เรียกวา่ รอบอรุ ุกวยั เร่ิม 1986 สรุปผลเจรจาที่ กรุงมาร์ราเกซ โมร็อกโก ค.ศ. 1994 กอ่ ตงั้ องค์การการค้าโลก 1 มกราคม 1995 สาเหตุสาคัญท่จี ดั การเจรจารอบอุรุกวยั เพราะ 1. ประเทศพฒั นาฯ พยายามใช้ข้อจากดั ตอ่ การนาเข้าสนิ ค้าเกษตรและสงิ่ ทอ ซง่ึ เป็ นช่องวา่ งของความตกลงแกตต์ 2. เร่ืองการค้าบริการ ทวคี วามสาคญั ขนึ ้ เร่ือย ๆ แตม่ ิได้อยภู่ ายใต้แกตต์ ท่ีครอบคลมุ เฉพาะการค้าสนิ ค้า หรือ trade in goods เทา่ นนั้ 3. ภาคเอกชนของประเทศพฒั นาฯ เกิดปัญหาการละเมดิ ทรัพย์สนิ ทางปัญญามากขนึ ้ เร่ือย ๆ ต้องการให้มีการเข้มงวดการค้มุ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญาให้มมี าตรฐานเดยี วกนั อปุ สรรคตอ่ การลงทนุ ในประเทศกาลงั พฒั นาเพอ่ื ผลติ สนิ ค้าที่มสี ทิ ธิบตั ร ด้วยเหตนุ ี ้เมื่อเสร็จสิน้ การเจรจารอบอรุ ุกวยั จงึ ทาให้มีการจดั ทาความตกลงก่อตงั้ องค์การการค้าโลก ฉบบั หนงึ่ ซงึ่ มีภาคผนวกท่ีรวมความตกลงแกตต์เดมิ แตป่ รับปรุงแก้ไขใหม่เข้าไป (เรียกกนั ว่าแกตต์ 1994) และความตกลงในเร่ืองการค้าสนิ ค้าอีก 12 ฉบบั อีกทงั้ ยงั มีความตกลงทวั่ ไปวา่ ด้วยการค้าบริการ ( General Agreement on Trade in Services หรือ GATS ) และความตกลงว่าด้วยทรพั ย์สินทางปัญญาท่ีเกี่ยวกบั การค้า ( Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights หรือ TRIPs ) ซง่ึ รวม เรียกวา่ เป็นความตกลงทางการค้าพหภุ าคี ( multilateral trade agreements ) ซง่ึ ประเทศภาคีองค์การ การค้าโลก จะต้องถกู ผกู มดั โดยอตั โนมตั ิ (ข้อ II วรรค 2 ของความตกลงมาร์ราเกซ) p.140 มสธ ความตกลงทางการค้าพหุภาคี ซงึ่ ประเทศภาคีองค์การการค้าโลก ต้องถกู ผกู มดั โดยอตั โนมตั ิ การเจรจารอบอรุ ุกวยั มกี ารจดั ทา ความตกลงกอ่ ตงั้ องค์การการค้าโลกฉบบั หนึ่ง มีภาคผนวกรวมความตกลงแกตตเ์ ดมิ แตป่ รับปรุงแก้ไขใหม่ เรียกวา่ แกตต์ 1994 และ ความตกลงเรื่องการค้าสนิ ค้าอีก 12 ฉบบั ความตกลงทวั่ ไปวา่ ด้วยการค้าบริการ และความตกลงวา่ ด้วยทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเี่ ก่ียวกบั การค้า และยงั มคี วามตกลงอกี 4 ฉบบั รวมเรียกวา่ ความตกลงทางการค้าหลายฝ่ าย ผกู พนั เฉพาะภาคที ย่ี อมรับ และมีคาวินจิ ฉยั หรือคา ตดั สนิ กบั ความเข้าใจ อกี กวา่ 30 ฉบบั

กจิ กรรม 3.2.1 ภายหลงั การจดั ตงั้ องค์การการค้าโลก ความตกลงแกตต์มสี ถานะเป็ นสว่ นหนงึ่ ของความตกลงจดั ตงั้ องค์การการค้าโลก นอกจากนี ้ องค์การการค้าโลกยงั ผนวกความตกลงการค้าอกี 12 ฉบบั เรียกวา่ เป็ นความตกลงทางการค้าพหภุ าคี multilateral trade agreements 3.2.2 ความสาคญั ของการเจรจาการค้ารอบโดฮา ระเบยี บวาระทเ่ี ป็ นปัญหาเดมิ สมาชกิ เห็นควรนามาบรรจใุ หมใ่ นการเจรจาใหม่ มี 5 ประการ คือ 1. เร่ืองความตกลงมาร์ราเกซกาหนดให้เจรจากนั ตอ่ ไป คอื ความตกลงสนิ ค้าเกษตร การค้าบริการ วา่ ด้วยการค้าทเ่ี กี่ยวกบั ทรัพย์สนิ ทาง ปัญญา Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights : TRIPs) 2. การปรับปรุงกฎเกณฑ์และระเบยี บวินยั การใช้มาตรการทมุ่ ตลาดและการอดุ หนนุ ประเด็นสาคญั คือมาตรการตอบโต้การทงุ่ ตลาด 3. ขณะท่ปี ระเทศกาลงั พฒั นาจะเรียกร้องให้แก้ไขกฎระเบยี บวา่ ด้วยการทมุ่ ตลาดให้ชดั เจนขนึ ้ และข้อยกเว้นที่จะยงั ไมป่ ฏิบตั ติ ามความตก ลงทริปส์ การยกเว้นข้อจากดั เร่ืองสงิ่ ทอ ประเทศพฒั นาฯ ต้องการให้มกี ารวางระเบียบเร่ืองการพาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เร่ืองนโยบายการ แขง่ ขนั และการลงทนุ 4. สง่ิ แวดล้อม 5. แรงงาน - การหารืออยา่ งไมเ่ ป็ นทางการ informal consultations - ฉนั ทามติ consensus หมายความวา่ ไมม่ ีผ้คู ดั ค้าน ซงึ่ ที่จริงแล้วไมเ่ หมอื นกบั ความเหน็ ชอบ บางครัง้ สมาชิกอาจแถลงความไมพ่ อใจในแง่ หลกั การหรือถ้อยคาของคาวินจิ ฉยั decision หรือปฏิญญา declaration - เอกฉนั ท์ unanimity - กลมุ่ Quad countries กลมุ่ ประเทศท่ีเป็ นผ้คู ้าสาคญั ในองค์การฯ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประชาคมยโุ รป ญี่ป่ นุ แคนาดา - วิธีการขู่ threat strategies หรือมาตรการฝ่ ายเดยี ว (เช่น อินเดยี อยี ปิ ต์ ปากีสถาน มาเลเซยี ขวู่ า่ จะไมย่ อมให้ฉนั ทามติ หากประเด็น เร่ืองทริปส์กบั สาธารณสขุ และเร่ืองการนาความตกลงไปปฏิบตั ิ implementation issues ยงั มไิ ด้รับการพิจารณาในระเบียบวาระ) กจิ กรรม 3.2.2 การเจรจารอบโดฮาคอื การเจรจาการค้ารอบที่ 4 ขององคก์ ารการค้าโลกท่เี มืองโดฮา ประเทศกาตาร์ มคี วามสาคญั คือ มกี ารเจรจา ตอ่ เนอื่ งในประเด็นทรัพย์สนิ ทางปัญญาหลายประเดน็ 3.2.3 ประเดน็ การเจรจาของการประชุมระดบั รัฐมนตรีท่เี มอื งโดฮา สรุปแง่สาระ ทป่ี ระชมุ ระดบั รัฐมนตรีในการประชมุ ทเี่ มอื งโดฮาได้ตกลงให้เจรจากนั ในเรื่องตา่ ง ๆ ดงั นี ้ 1. การนาความตกลงไปปฏิบตั ิ 2. เกษตร 3. การค้าบริการ 4. การเข้าถงึ ตลาดหรือการเปิ ดตลาด 5. ทรัพย์สนิ ทางปัญญา 6. เรื่องการลงทนุ และนโยบายการแขง่ ขนั 7. กฎระเบยี บขององคก์ ารการค้าโลก 8. การระงบั ข้อพพิ าท 9. การค้าและสงิ่ แวดล้อม ประเดน็ สาคญั สาหรับประเทศกาลงั พฒั นาหรือทีพ่ ฒั นาน้อยท่ีหลายประเทศ คือ การให้ความช่วยเหลอื ทางวชิ าการและการสร้างขดี ความสามารถ ประเดน็ นรี ้ วมทงั้ การสง่ เสริมการพฒั นาให้แก่ประเทศกาลงั พฒั นาและพฒั นาน้อยทสี่ ดุ ทาให้ปฏญิ ญานี ้เรียกวา่ Development Round

กจิ กรรม 3.2.3 เหตทุ ี่มีผ้เู รียก การเจรจารอบโดฮา ว่า Development Round เพราะการเจรจามปี ระเด็นเกี่ยวกบั การให้ความชว่ ยเหลอื ทางวชิ าการ และ การสร้างขดี ความสามารถของประเทศกาลงั พฒั นาและประเทศทพ่ี ฒั นาน้อยที่สดุ 3.2.4 การเจรจาเร่ืองทรัพย์สนิ ทางปัญญาในรอบโดฮา 1. ปฏญิ ญารัฐมนตรีเร่ืองทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเี่ กี่ยวกบั การค้าและการสาธารณสขุ 2. การประชมุ เกย่ี วกบั สงิ่ บง่ ชีท้ างภมู ศิ าสตร์ทเี่ ป็ นไวน์และสรุ า 3. การค้มุ ครองสง่ิ ประดษิ ฐ์ท่เี ป็ นพชื และสตั ว์ 4. ประเดน็ ปัญหาในการเจรจาการค้ารอบโดฮา - ไทยได้เตรียมพร้อมในการเจรจา โดยจดั ตงั้ คณะอนกุ รรมการเจรจาการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก อยภู่ ายใต้คณะกรรมการนโยบาย เศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ (กนศ.) และได้จดั ตงั้ คณะเจรจาการค้าภายใต้องคก์ ารการค้าโลก เมือ่ เดอื นมกราคม 2545 กจิ กรรม 3.2.4 ประเด็นการเจรจารอบโดฮาทเ่ี ก่ียวกบั ทรัพย์สนิ ทางปัญญา มกี ารเจรจาเร่ืองตา่ ง ๆ 4 ประเด็น ได้แก่ 1. ทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเี่ กี่ยวกบั การค้าและการสาธารณสขุ 2. สงิ่ บง่ ชีท้ างภมู ิศาสตร์ 3. การค้มุ ครองการประดษิ ฐ์ทเี่ ป็นพชื และสตั ว์ 4. ประเดน็ ปัญหาในการเจรจาการค้ารอบโดฮา ..................................................................................................................................จบหนว่ ยท่ี 3.................................... ประเดน็ ท่ีนา่ สนใจ...หน้า 157 – 159 การเจรจารอบปัจจบุ นั -->รอบโดฮา ประเทศกาลงั พฒั นา+ประเทศพฒั นาน้อย รวมกลมุ่ กนั ไมเ่ ข้มแข็ง การเจรจาฯ จงึ ให้ผลกบั กลมุ่ ประเทศพฒั นามากกวา่ ไทย>ต้องให้ความสาคญั กบั การเจรจาระหวา่ งประเทศให้ยง่ิ ๆ เพราะเมื่อเจรจาฯ ตกลงข้อยตุ ิ ก็จะเป็ นการกาหนดให้ประเทศภาคี ต้องรับมา ปฏิบตั ิ และออกกฎหมายให้คนในชาติปฏบิ ตั ิ ซงึ่ สาคญั มาก และไทยมวั แตม่ งุ่ ให้ความสาคญั กบั ปัญหาภายใน การเจรจาระหวา่ งประเทศ ต้องใช้บคุ คลทมี่ ีความสามารถสงู ในหลายด้านและแสดงทา่ ทีได้อยา่ งเหมาะสม เฉียบคม สาหรับประเด็นการเจรจารอบใหมท่ ่ีกาลงั มี คือ รอบโดฮา มี 4 ประเด็น 1. ทรัพย์สนิ ทางปัญญาทเี่ กี่ยวกบั การค้าและการสาธารณสขุ 2. สง่ิ บง่ ชีท้ างภมู ิศาสตร์ 3. การค้มุ ครองการประดษิ ฐ์ทเ่ี ป็นพชื และสตั ว์ 4. ประเดน็ ปัญหาในการเจรจาการค้ารอบโดฮา โดยเฉพาะข้อ 1.นนั้ มใี นข้อบท 27.3 (บี) ของความตกลงทริปส์ จาเป็ นทตี่ ้องมคี วามรู้ทางเทคโนโลยีชีวภาพอยา่ งมาก เพราะไทย มีเร่ืองของสมนุ ไพร และภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินทีส่ ร้างคณุ คา่ เชิงพาณิชย์ ท่จี าต้องสงวนรักษาไว้ หากการเจรจาฯ มขี ้อตกลงอนั ทาให้ไทยต้องรับสภาพในการเป็ นประเทศภาคี และทาให้เสียผลเสยี ประโยชน์ จึงควรต้องให้ความสาคญั และรอบคอบในการเจรจาฯ ครงั้ นใี ้ ห้มาก ทงั้ หมดนี ้สรุปประเด็นที่นา่ สนใจ และนา่ จะออกเป็ นข้อปรนยั ...เพราะประเด็นทงั้ หลายทเี่ ราศกึ ษาตาราน.ี ้. อยตู่ รงนวี ้ า่ ในการเจรจาแกตต์นนั้ มที ม่ี าในความตกลงทริปส์ ซง่ึ มผี ลในการออกกฎหมายไทย นีแ่ หละจึงสาคญั ความคดิ เหน็ ของผ้สู รุปฯ คือ...ผ้เู ขยี นตารา..ก็ยอ่ มสร้าง/ปลกู ฝังนกั กฎหมายให้คดิ เป็ น...ในเชิงกฎหมาย .........................สวสั ดีจร้ะ..................................................................................................................................................... หน่วยท่ี 4 ลขิ สทิ ธ์ิและสิทธิของนักแสดง 4.1 ลขิ สทิ ธิ์

4.2 สทิ ธิของนกั แสดงและบทบญั ญตั ิอ่นื ๆ ในกฎหมายลขิ สทิ ธิ์ แนวคดิ 1. ประเทศไทยให้ความค้มุ ครองแก่ “งานวรรณกรรมและศิลปกรรม literary and artistic works โดยเร่ิมต้นจากการให้ความค้มุ ครองการ แตง่ “หนงั สอื ” ปรากฏตาม พ.ร.บ.กรรมสทิ ธ์ิผ้แู ตง่ หนงั สอื ร.ศ. 120 ปัจจบุ นั ให้ความค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม รวมถึง โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การบนั ทกึ เสยี ง โสตทศั นวสั ดุ งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ 2. งานท่ถี ือได้วา่ เป็ น “งานวรรณกรรมและศิลปกรรม” อาจไมไ่ ด้รบั ความค้มุ ครองตามกฎหมายในประเทศทีเ่ กีย่ วข้องนนั้ ก็ได้ ทงั้ นขี ้ นึ ้ กบั ปัจจยั หลายประการ เช่น ประเทศนนั้ ไมม่ กี ฎหมายให้ความค้มุ ครอง “งานวรรณกรรมและศิลปกรรม” หรือแม้มีกฎหมายเชน่ นอี ้ ยู่ แตง่ าน ดงั กลา่ วกลบั ไมอ่ ยใู่ นขา่ ยได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมาย 3. อาจแบง่ การค้มุ ครองตามกฎหมายลขิ สทิ ธิ์ที่เราจะศกึ ษาออกเป็ น 2 สว่ นใหญ่ ๆ คือ 1) สว่ นวา่ ด้วย “ลขิ สทิ ธ์ิ” (กลา่ วถงึ การค้มุ ครอง “งานวรรณกรรมและศิลปกรรม” งานบนั ทกึ เสยี ง งานโสตทศั นวสั ดุ งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ 2) สว่ นวา่ ด้วย “สทิ ธิของนกั แสดง” (ได้แก่ การให้ความค้มุ ครองแก่ผ้แู สดง นกั ดนตรี นกั ร้อง นกั เต้น นกั รา และผ้ซู งึ่ แสดงทา่ ทาง ร้อง กลา่ ว พากย์ แสดงตามบท หรือในลกั ษณะอื่นใด) วัตถุประสงค์ เพ่อื ให้เข้าใจ 1. งานอนั มีลขิ สทิ ธ์ิและสทิ ธิของเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ 2. ลกั ษณะของสทิ ธิของนกั แสดงและบทบญั ญตั ิอนื่ ๆ ในกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิได้ .................................................................................................................................................................... 4.1 ลิขสทิ ธ์ิ แนวคดิ 1.การค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์นนั้ มงุ่ ให้ครอบคลมุ ถงึ งานตา่ ง ๆ ทเ่ี รียกวา่ เป็ นงานวรรณกรรมและวรรณศิลป์ 2. การได้รับความค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ินนั้ งานสร้างสรรค์ต้องมีการแสดงออกซง่ึ ความคดิ และมคี วามริเร่ิม originality 3. สทิ ธิในการได้รับความค้มุ ครองงานอนั มีลขิ สทิ ธ์ิ อาจแยกออกได้เป็ นสทิ ธิทางเศรษฐกิจ และธรรมสทิ ธิ์ วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้เข้าใจ 1. งานทีไ่ ด้รับความค้มุ ครองภายใต้กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ 2.หลกั การพจิ ารณาการแสดงออกซง่ึ ความคดิ และความมีลขิ สทิ ธ์ิ 3. ความแตกตา่ งของการค้มุ ครองงานมลี ขิ สทิ ธ์ิแตล่ ะประเภท ......................................................................................................................................................................... 4.1.1 ลกั ษณะท่วั ไปของลขิ สทิ ธ์ิ - แตเ่ ดมิ ไทยให้ความค้มุ ครอง งานวรรณกรรมและศิลปกรรม ตาม พ.ร.บ.กรรมสทิ ธ์ิผ้แู ตง่ หนงั สอื ร.ศ. 120 - ปัจจบุ นั ให้ความค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม (หมายความรวม โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การบนั ทกึ เสยี ง โสตทศั นวสั ดุ งานแพร่ เสยี งแพร่ภาพ ตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537) - ไทยเข้าเป็ นภาคีอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น ผกู พนั บทบญั ญตั ทิ ี่มกี ารแก้ไขครัง้ หลงั สดุ The Berne Convention (1971) - อนสุ ญั ญาระหวา่ งประเทศวา่ ด้วยความค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม ทา ณ กรุงเบอร์น เดอื นกนั ยายน ค.ศ.1886 แก้ไข ณ กรุง เบอร์ลนิ เม่อื 13 พฤศจิกายน ค.ศ.1908 สาเร็จบริบรู ณ์ด้วยโปรโตคอลเพ่มิ เติม ลงนาม ณ กรุงเบอร์น วนั ที่ 20 มนี าคม ค.ศ. 1914 - จากถ้อยคาในมาตรา 4 แหง่ พ.ร.บ.ค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม พ.ศ. 2474 คาวา่ งานวรรณกรรมและศลิ ปกรรม หมายความรวม การทาขนึ ้ ทกุ ชนิดใน แผนกวรรณคดี แผนกวทิ ยาศาสตร์ และศิลปะ จะแสดงออกมาโดยวธิ ีหรือรูปร่างอยา่ งใดก็ตาม เชน่ สมดุ สมดุ เลก็ และ หนงั สอื อื่น ๆ ปาฐกถา กถาอ่ืน เทศนา หรือวรรณกรรมอน่ื ๆ อนั มลี กั ษณะ เช่นเดยี วกนั หรือนาฏกรรรมหรือนาฏ-ดนตรีกรรม หรือแบบฟ้ อน รา และการเลน่ แสดงให้คนดโู ดยวธิ ีใบ้ ซงึ่ แบบการแสดงนนั้ ได้กาหนดไว้เป็ นหนงั สอื หรืออยา่ งอ่ืน เพลงดนตรีมคี าร้องหรือไมม่ ี ภาพยนตร์ และภาพทที่ าขนึ ้ โดยวธิ ีคล้ายคลงึ กบั การทาภาพยนตร์ การวาดเขยี น การเขยี นระบายสี สถาปัตยกรรมภาพหนุ่ การแกะ การพมิ พ์หนิ รูป ถ่ายและรูปทท่ี าขนึ ้ โดยวธิ ีคล้ายคลงึ กบั การถา่ ยรูป งานศลิ ปประยกุ ต์ รูปประกอบเรื่อง แผนท่ภี มู ปิ ระเทศ แผนผงั ภาพร่าง และการปัน้ อัน เก่ียวเนื่องกบั ภมู ิศาสตร์ แผนการสารวจภมู ปิ ระเทศ สถาปัตยกรรม หรือวิทยาศาสตร์

- ก่อนหน้า พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 บงั คบั ใช้ เพือ่ ให้เข้าใจการค้มุ ครอง งานวรรณกรรมและศลิ ปกรรมควรศกึ ษา พ.ร.บ.กรรมสทิ ธ์ิผ้แู ตง่ หนงั สอื ร.ศ. 120 พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.กรรมสทิ ธิ์ผ้แู ตง่ หนงั สอื พ.ศ. 2457 พ.ร.บ.ค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม พ.ศ. 2474 พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2521 - พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ อาจแบง่ เป็ น 2 สว่ นใหญ่ ๆ คอื 1) วา่ ด้วย ลขิ สทิ ธิ์ กลา่ วถงึ การค้มุ ครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม งานบนั ทกึ เสยี ง งานโสตทศั นวสั ดุ และงานแพร่เสยี งแพร่ภาพ 2) วา่ ด้วยสทิ ธิของนกั แสดง - การค้มุ ครองตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 เป็ นไปโดยอตั โนมตั ิ ไมต่ ้องจดทะเบยี นหรือทาตามแบบพิธีใด automatic protection อาจแจ้ง ข้อมลู ทสี่ านกั ลขิ สทิ ธิ์ของกรมทรัพย์สนิ ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ได้ - พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 นิยาม “ลขิ สทิ ธ์ิ” หมายความวา่ สทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี วทจ่ี ะทาการใด ๆ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี ้เกี่ยวกบั งานที่ผู้ สร้างสรรค์ได้ทาขนึ ้ (มาตรา 4) และสิทธิตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องด้วย (มาตรา 15) กจิ กรรม 4.1.1 เนือ้ หาของกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ ควรศกึ ษา พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 พ.ร.บ.กรรมสทิ ธ์ิผ้แู ตห่ นงั สอื ร.ศ. 120 พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.กรรมสทิ ธิ์ผู้ แตง่ หนงั สอื พ.ศ. 2457 พ.ร.บ.ค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม พ.ศ. 2474 พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2521 อนสุ ญั ญากรุงเบอร์น The Berne Convention (1971) 4.1.2 ประเภทงานท่อี าจได้รับความคุ้มครอง - พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ.2537 1. วรรคแรกของมาตรา 6 ครอบคลมุ ถงึ งานตา่ ง ๆ ในคานยิ าม “วรรณกรรมและศิลปกรรม” ตาม The Berne Convention (1971) - วรรคแรกของมาตรา 6 บญั ญตั วิ า่ “งานอนั มีลขิ สทิ ธิ์ตาม พ.ร.บ.นี ้ได้แก่ งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรีกรรม โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ หรืองานอ่ืนใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ของผ้สู ร้างสรรค์ ไมว่ า่ งานดังกลา่ ว จะแสดงออกโดยวหี รือรูปแบบอยา่ งใด” - พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 สอดคล้องกบั ข้อกาหนดของทริปส์ Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights (TRIPs Agreement : TRIPs) ท่ีกาหนดให้สมาชิกค้มุ ครองโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในฐานะเป็ น “งานวรรณกรรม” ตาม The Berne Convention (1971) - ไทยต้องให้ความค้มุ ครองแก่โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในฐานะงานวรรณกรรม - งานใดที่ไมเ่ ข้าประเภทงานท่กี ฎหมายระบไุ ว้ใน พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 งานนนั้ ก็ไมอ่ ยใู่ นขา่ ยได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายฉบบั นี ้ แม้วา่ งานนนั้ อาจได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายอ่ืน 2. วรรคท้ายของมาตรา 6 และมาตรา 7 - ผลงานท่ีมนษุ ย์ทาขนึ ้ บางอยา่ ง หรือบางชิน้ ไมอ่ ยใู่ นขา่ ยได้รับความค้มุ ครองของ พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 - มาตรา 6 “การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิไมค่ ลมุ ถงึ ความคดิ หรือขนั้ ตอน กรรมวิธี หรือระบบ หรือวธิ ีใช้หรือทางาน หรือแนวความคดิ หลกั การ การ ค้นพบ หรือทฤษฎที างวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์” - มาตรา 7 ระบวุ า่ สงิ่ ตอ่ ไปนไี ้ มถ่ ือวา่ เป็ นงานอนั มลี ขิ สทิ ธิ์ตาม พ.ร.บ.นี ้ (1) ขา่ วประจาวนั และข้อเทจ็ จริงตา่ งๆ ทม่ี ลี กั ษณะเป็ นเพยี งขา่ วสาร อนั มิใชง่ านในแผนกวรรณคดี หรือแผนกศลิ ปะ (2) รัฐธรรมนญู และกฎหมาย (3) ระเบยี บ ข้อบงั คบั ประกาศ คาสงั่ คาชีแ้ จง และหนงั สอื โต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหนว่ ยงานอ่ืนใดของรัฐหรือของท้องถ่ิน (4) คาพพิ ากษา คาสงั่ คาวนิ ิจฉยั และรายงานของทางราชการ (5) คาแปลและการรวบรวมสง่ิ ตา่ ง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ทีก่ ระทรวง ทบวง กรม หรือหนว่ ยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่นจดั ทาขนึ ้

กจิ กรรม 4.1.2 งานท่ไี ด้รับความค้มุ ครองตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ได้แก่ งานสร้างสรรค์ ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรีกรรม โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศลิ ปะ ของผู้ สร้างสรรค์ไมว่ า่ งานดงั กลา่ วจะแสดงออกโดยวธิ ีหรือรูปแบบอยา่ งใด 4.1.3 คุณสมบัตหิ รือลกั ษณะของงานท่อี ย่ใู นข่ายได้รับความคุ้มครอง - งานไมม่ ีความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ originality งานนนั้ ยอ่ มไมไ่ ด้รับความค้มุ ครอง - งานลามกอนาจาร ศาลฎกี าเหน็ วา่ งานลามกไมใ่ ช่งานสร้างสรรค์ ตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ 2521 ตามคาพิพากษาฎกี าท่ี 3705/2530 พ.ร.บ. ลขิ สทิ ธ์ิ 2537 มบี ทบญั ญตั ไิ ว้ กลา่ วได้วา่ งานลามกอนาจารไมอ่ ยใู่ นขา่ ยได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายปัจจบุ นั ซงึ่ ค้มุ ครอง งาน สร้ างสรรค์ กิจกรรม 4.1.3 งานอนั มลี ขิ สทิ ธ์ิได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ ต้องมคี ณุ สมบตั ิ คือ “สงิ่ ” ทีก่ ฎหมายลขิ สทิ ธ์ิค้มุ ครอง และเป็ น “คณุ สมบตั ิ หรือลกั ษณะของงาน” ที่ กฎหมายลขิ สทิ ธิ์ค้มุ ครอง ได้แก่ การแสดงออกซงึ่ ความคดิ expression of ideas และความคดิ ริเร่ิม originality 4.1.4 เง่อื นไขการได้รับความคุ้มครองในประเทศไทย 1. งานท่จี ะได้รับความคุ้มครองในไทย - ประเภทของงานตามมาตรา 6 วรรคแรก งานที่แสดงออกมาโดยลงรายละเอยี ดแล้ว ถงึ ขนั้ expression of ideas อาจไมไ่ ด้รับความ ค้มุ ครองในไทยเสมอไป แตอ่ าจเกิดขนึ ้ ด้วยการผา่ นจดุ เช่ือมทางสถานะของผ้สู ร้างสรรค์งานนนั้ หรือโดยการโฆษณางานนนั้ กบั ไทยโดยตรง หรือโดยอาศยั อนสุ ญั ญาระหวา่ งประเทศทีไ่ ทยเป็ นภาคี - วรรคแรก มาตรา 8 “ให้ผ้สู ร้างสรรค์เป็ นผ้มู ลี ขิ สทิ ธิ์ในงานทตี่ นไดสร้างสรรค์ขนึ ้ ภายใต้เง่ือนไขดงั ตอ่ ไปนี ้ (1) กรณีทยี่ งั ไมไ่ ด้มีการโฆษณางาน ผ้สู ร้างสรรค์ต้องเป็ นผ้มู ีสญั ชาตไิ ทยหรืออยใู่ นราชอาณาจกั รหรือเป็ นผ้มู ีสญั ชาตหิ รืออยใู่ นประเทศที่ เป็ นภาคีแหง่ อนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิซงึ่ ประเทศไทยเป็ นภาคีอยดู่ ้วยตลอดระยะเวลาหรเป็ นสว่ นใหญ่ในการสร้างสรรค์งานนนั้ (2) ในกรณีทไ่ี ด้มกี ารโฆษณางานแล้ว การโฆษณางานนนั้ ในครัง้ แรก ได้กระทาขนึ ้ ในราชอาณาจกั รหรือในประเทศทเี่ ป็ นภาคแี หง่ อนสุ ญั ญา วา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิซงึ่ ประเทศไทยเป็ นภาคีอยดู่ ้วยหรือในกรณีทม่ี กี ารโฆษณาครัง้ แรกได้กระทานอกราชอาณาจกั รหรือในประเทศ อน่ื ที่ไมเ่ ป็ นภาคแี หง่ อนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ซง่ึ ประเทศไทยเป็ นภาคีอยดู่ ้วย หากได้มกี ารโฆษณางานดงั กลา่ วใน ราชอาณาจกั รหรือในประเทศท่ีเป็ นภาคีแหง่ อนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ซงึ่ ประเทศไทยเป็ นภาคีอยดู่ ้วยภายในสามสบิ วนั นบั แต่ วนั ทไี่ ด้มีการโฆษณาครัง้ แรกหรือผ้สู ร้างสรรค์เป็ นผ้มู ีลกั ษณะตามทีก่ าหนดไว้ใน (1) ในขณะที่มีการโฆษณางานครงั้ แรก\" - บทบญั ญตั ิแยกงานออกเป็ น 1) “งานท่ียงั ไมไ่ ด้โฆษณา unpublished works 2) งานท่โี ฆษณาแล้ว published works โดยกลา่ วถงึ “การโฆษณาครัง้ แรก First Publication” - การโฆษณา หมายความวา่ การนาสาเนาจาลองของงาน ไมว่ า่ ในรูปหรือลกั ษณะอยา่ งใด ทีท่ าขนึ ้ โดยความยินยอมของผ้สู ร้างสรรค์ ออกจาหนา่ ย โดยสาเนาจาลองนนั้ มีปรากฏตอ่ สาธารณชนเป็ นจานวนมากพอสมควรตามสภาพของงานนนั้ แตท่ งั้ นไี ้ มห่ มายความรวมถงึ การแสดงหรือการทาให้ปรากฏซงึ่ นาฏกรรม ดนตรีกรรม หรือภาพยนตร์ การบรรยายหรือการปาฐกถาซงึ่ วรรณกรรม การแพร่เสยี งแพร่ภาพ เก่ียวกบั งานใด การนาศลิ ปกรรมออกแสดงและการกอ่ สร้างงานสถาปัตยกรรม” - ทต่ี ้องรู้วา่ เป็ น Unpublished Work หรือ Published Work ถ้ารู้วา่ เป็ นงานใด ก็สามารถปรับใช้บทบญั ญตั ใิ นวรรคแรกของมาตรา 8 ได้ เพ่ือ ได้ทราบวา่ งานนนั้ ได้รับการค้มุ ครองในไทยหรือไม่ ตย.1 คนไทย เขยี นตารา แตย่ งั ไมไ่ ด้ทาสาเนาออกจาหนา่ ย ถือวา่ ตารานเี ้ป็ น unpublished work ไปพิจารณา มาตรา 8 (1) ผ้เู ขยี นมี สญั ชาติไทย ตารานไี ้ ด้รับความค้มุ ครองในประเทศไทย ตย.2 คนองั กฤษ เขียนนวนยิ าย แตย่ งั ไมไ่ ด้ทาสาเนาออกจาหนา่ ย ถือวา่ นวนิยายเรื่องนเี ้ป็ น unpublished work พจิ ารณามาตรา 8 (1) ถ้า องั กฤษเป็ นภาคีของอนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธิ์ ไทยเป็นภาคอี ยู่ คนสญั ชาติองั กฤษ เขยี นนวนยิ ายนี ้ได้รับความค้มุ ครองใน ประเทศไทย ผา่ น The Berne Convention (1971)

ตย.3 คนสญั ชาตกิ มั พชู า เขียนนวนิยาย เป็ นภาษาองั กฤษและพมิ พ์สาเนา วางจาหนา่ ยทไ่ี ทย พิจารณาจากคานยิ าม “การโฆษณา” ถือได้ วา่ นวนยิ ายนี ้เป็ น published work พจิ ารณามาตรา 8(2) โฆษณานวนิยายนี ้ครงั้ แรกในไทย จึงได้รับความค้มุ ครองในประเทศไทย แม้ ปัจจบุ นั ไทยกบั กมั พชู าไมม่ ีความสมั พนั ธ์ด้านลขิ สทิ ธิ์ระหวา่ งกนั (คอื กมั พชู าไมไ่ ด้เป็ นภาคขี องอนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิซง่ึ ไทย เป็ นภาคอี ยดู่ ้วยนนั้ ) ก็ตาม ตย.4 คนสญั ชาติกมั พชู า เขยี นนวนยิ ายเป็ นภาษาองั กฤษและพมิ พ์สาเนาวางจาหนา่ ยเป็ นครงั้ แรกทีก่ มั พชู าเมอ่ื 15 ธนั วาคม 2544 ตอ่ มา 5 มกราคม 2545 พิมพ์สาเนาวางจาหนา่ ยที่ไทย พิจารณาจากคานยิ าม “การโฆษณา” ถือได้วา่ นวนิยายนเี ้ป็ น published work เมอื่ พจิ ารณามาตรา 8 (2) จากที่โฆษณานวนยิ ายนภี ้ ายใน 30 วนั นบั แตก่ ารโฆษณาครัง้ แรกทกี่ มั พชู า นวนยิ ายนจี ้ งึ ได้รับความค้มุ ครองในไทย แม้ปัจจบุ นั ไทยกบั กมั พชู าไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ด้านลขิ สทิ ธิ์ระหวา่ งกนั และแม้การโฆษณาครงั้ แรกเกิดขนึ ้ ทก่ี มั พชู าก็ตาม - กรณี ตย.3 และ 4 เรียกวา่ การใช้ประตหู ลงั ของอนสุ ญั ญากรุงเบอร์น (The Use of the Back Door of/to the Berne หรือ Back Door to the Berne) ด้วยการโฆษณางานครัง้ แรกในประเทศภาคอี นสุ ญั ญากรุงเบอร์น การได้รับความค้มุ ครองตามวธิ ีนเี ้กิดขนึ ้ ได้แม้วา่ ประเทศของผู้ สร้างสรรค์ไมไ่ ด้เป็ นภาคขี องอนสุ ญั ญาฉบบั นี ้ - งานใดไมเ่ ป็ นไปตามเงื่อนไขทีก่ าหนดในวรรคแรก มาตรา 8 งานนนั้ ไมไ่ ด้รับความค้มุ ครองในไทย แม้งานนนั้ เป็ นงานที่อยใู่ นวรรคแรก มาตรา 6 และมีคณุ สมบตั ติ ามกลา่ วข้างต้นก็ตาม 2. สทิ ธทิ ่ไี ด้รับ - งานใดได้รับความค้มุ ครองตาม พ.ร.บ. พ.ศ. 2537 สทิ ธิทไี่ ด้รับแยกเป็ น 1) สทิ ธิทางเศรษฐกิจ economic rights เจ้าของสทิ ธิได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือทางการเงิน มาตรา 15 วรรคแรก (1) ทาซา้ หรือดดั แปลง (2) เผยแพร่ตอ่ สาธารณชน (3) ให้เช่าต้นฉบบั หรือสาเนาของงานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง - สทิ ธิตามข้อ (3) เป็ นเร่ืองของสทิ ธิในการให้เชา่ rental right มีสาหรับงานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ และสงิ่ บนั ทกึ เสยี งเทา่ นนั้ - นิยาม “ทาซา้ ” “ดดั แปลง” “เผยแพร่ตอ่ สาธารณชน” อยใู่ นมาตรา 4 พจิ ารณาเพ่อื รู้ขอบเขตของแตล่ ะสทิ ธิ 2) สทิ ธิเฉพาะตวั หรือธรรมสทิ ธ์ิ personal rights หรือ moral rights มาตรา 18 “ผ้สู ร้างสรรค์งานอนั มลี ขิ สทิ ธ์ิตาม พ.ร.บ.นีม้ สี ทิ ธิทีจ่ ะแสดง วา่ ตนเป็ นผ้สู ร้างสรรค์งานดงั กลา่ วและมสี ทิ ธิทจี่ ะห้ามมใิ ห้ผ้รู ับโอนลขิ สทิ ธิ์ หรือบคุ คลอ่ืนใดบดิ เบอื น ตดั ทอน ดดั แปลงหรือทาโดยประการ อ่ืนใดแกง่ านนนั้ จนเกิดความเสยี หายตอ่ ช่ือเสยี ง หรือเกียรตคิ ณุ ของผ้สู ร้างสรรค์ เว้นแตจ่ ะได้ตกลงกนั ไว้เป็ นอยา่ งอืน่ เป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร” - สทิ ธิตามมาตรา 18 เป็ นสทิ ธิสว่ นตวั ของผ้สู ร้างสรรค์โดยแท้ ไมโ่ อนไปยงั บคุ คลอื่นแม้สทิ ธิทางเศรษฐกิจจะตกเป็ นของบคุ คลอน่ื ก็ตาม - มาตรา 18 ให้สทิ ธิฟ้ องร้องในการบงั คบั ตกไปยงั ทายาทของผ้สู ร้างสรรค์ท่ีถงึ แกค่ วามตาย 3. อายกุ ารคุ้มครอง - สทิ ธิทางเศรษฐกิจ ตามมาตรา 15 มอี ายตุ าม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 กาหนดไว้ อายกุ ารค้มุ ครองทว่ั ไป คือ ตลอดอายขุ องผ้สู ร้างสรรค์ กบั อกี 50 ปี หลงั จากผ้สู ร้างสรรค์ถงึ แก่ความตาย (มาตรา 19) - อายกุ ารค้มุ ครองงานศลิ ปประยกุ ต์ 25 ปี (มาตรา 22) นบั แตส่ ร้างสรรค์ หรือนบั แตไ่ ด้มกี ารโฆษณาครัง้ แรก ถ้าได้มกี ารโฆษณางานนนั้ ใน ระหวา่ งเวลา 25 ปี นบั แตส่ ร้างสรรค์ - จาเป็ นต้องรู้วา่ งานนนั้ เป็ นประเภทใด เพื่อให้รู้วา่ ลขิ สทิ ธิ์ในงานนนั้ อายเุ ทา่ ไร - มาตรา 25 กาหนดเก่ยี วกบั การพิจารณาวนั ครบอายลุ ขิ สทิ ธ์ิไว้ ดงั นี ้“เมอื่ อายแุ หง่ การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิครบกาหนดในปี ใด ถ้าวนั ครบ กาหนดอายแุ หง่ การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิไมต่ รงกบั วนั สนิ ้ ปี ปฏิทนิ หรือในกรณีท่ีไมอ่ าจทราบวนั ครบกาหนดอายแุ หง่ การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิที่ แนน่ อนให้ลขิ สทิ ธ์ิยงั คงมีอยตู่ อ่ ไป จนถึงวนั สนิ ้ ปี ปฏิทินของปี นนั้ ” - เมอ่ื อายกุ ารค้มุ ครองงานใดสนิ ้ สดุ งานนนั้ ตกเป็ นสมบตั ิสาธารณะ Fallen into the Public Domain ใคร ๆ สามารถใช้งานนนั้ ได้ 4. ใครเป็ นเจ้าของสิทธิ - ผ้สู ร้างสรรค์ ไมไ่ ด้เป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธิ์เสมอไป เพราะลขิ สทิ ธ์ิอาจเป็ นของคนอื่นก็ได้ 4.1 สิทธิทางเศรษฐกจิ

- ตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ.2537 โดยหลกั ผ้สู ร้างสรรค์เป็ นเจ้าของ “สทิ ธิทางเศรษฐกิจ” เว้นแตเ่ ข้ากรณีตามกฎหมายกาหนดไว้ - มาตรา 10 “งานที่ผ้สู ร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขนึ ้ โดยการรับจ้างบคุ คลอืน่ ให้ผ้วู า่ จ้างเป็ นผ้มู ีลขิ สทิ ธ์ิในงานนนั้ เว้นแตผ่ ้สู ร้างสรรค์และผ้วู า่ จ้างจะได้ตกลงกนั ไว้เป็ นอยา่ งอนื่ - มาตรา 14 “กระทรวง ทบวง กรม หรือหนว่ ยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถ่ินยอ่ มมลี ขิ สทิ ธ์ิในงานที่ได้สร้างสรรค์ขนึ ้ ดดยการจ้างหรือตาม คาสงั่ หรือในความควบคมุ ของตน เว้นแตจ่ ะได้ตกลงกนั ไว้เป็ นอยา่ งอื่นเป็ นลายลกั ษณ์อกั ษร” - มาตรา 9 กาหนดในกรณีของลกู จ้างและนายจ้างไว้ “งานทผ่ี ้สู ร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขนึ ้ ในฐานะพนกั งานหรือลกู จ้าง ถ้ามิได้ทาเป็ นหนงั สอื ตกลงกนั ไว้เป็ นอยา่ งอ่ืน ให้ลขิ สทิ ธ์ิในงานนนั้ เป็ นของผ้สู ร้างสรรค์ แตน่ ายจ้างมีสทิ ธินางานนนั้ ออกเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนได้ตามท่ีเป็ น วตั ถปุ ระสงค์แหง่ การจ้างแรงงานนนั้ ” - บคุ คลอ่ืนอาจเป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิได้โดยผา่ นการโอนลขิ สทิ ธ์ิตามมาตรา 17 “ลขิ สทิ ธิ์นนั้ ยอ่ มโอนให้แกก่ นั ได้” 4.2 สิทธิเฉพาะตัว - โดยหลกั แล้วเป็ นของผ้สู ร้างสรรค์ เว้นแตจ่ ะได้ตกลงกนั เป็ นอยา่ งอน่ื - กรณีลกู จ้างนายจ้าง ตามมาตรา 9 ถ้านายจ้างมีอานาจตอ่ รองสงู มกั จะกาหนดให้ลขิ สทิ ธิ์ในงานทล่ี กู จ้างสร้างสรรค์ขนึ ้ ตกเป็ นของ นายจ้าง 5. การบงั คับใช้สิทธิทางเศรษฐกจิ - มาตรา 15 วรรคแรก สทิ ธิตาม (1) (2) (3) ผ้เู ป็ นเจ้าของสทิ ธิอาจใช้สทิ ธินนั้ เอง หรืออนญุ าตให้คนอนื่ ใช้สทิ ธิ หรือโอนสทิ ธิทมี่ ีอยใู่ ห้บคุ คล อ่นื ก็ได้ 5.1 การใช้สทิ ธิเอง เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิใช้สทิ ธิในการทาซา้ เองด้วยการพิมพ์ เพอ่ื ขายหรือแจก 5.2 การอนุญาตให้บุคคลอ่นื ใช้สทิ ธิ licensing เจ้าของลขิ สทิ ธิ์อาจอนญุ าตให้คนอืน่ ใช้สทิ ธิของตน โดยอนญุ าตให้พมิ พ์และขาย - การอนุญาตให้คนอ่นื ใช้สทิ ธ์อิ าจเป็ นประการใดประการหน่ึง ดงั นี้ 5.2.1 การอนุญาตโดยเด็ดขาดหรือสมบรู ณ์ exclusive licensing เป็ นการทเ่ี จ้าของสทิ ธิอนญุ าตให้บคุ คล (คนธรรมดา หรือนิติ บคุ คล) ใช้สทิ ธิทีอ่ นญุ าตนนั้ แตเ่ พียงผ้เู ดยี ว เจ้าของสทิ ธิจะไมอ่ นญุ าตให้คนอนื่ ใช้สทิ ธินนั้ อกี และเจ้าของสทิ ธิก็ไมใ่ ช้สทิ ธินนั้ เช่นกัน เช่น ระบุ ในสญั ญาอนญุ าตวา่ ให้สานกั พมิ พ์ตีพมิ พ์นยิ ายเพียงผ้เู ดียว กาหนดในสญั ญาอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิวา่ ตนก็จะไมใ่ ช้สทิ ธิในการพิมพจ์ าหน่าย หรือนาไปใช้ในทางใดตามสทิ ธิท่ีเจ้าของลขิ สทิ ธิ์จะพงึ มี 5.2.2 การอนุญาตให้ใช้สิทธิแต่เพยี งผู้เดยี ว sole licensing เป็ นการที่เจ้าของสทิ ธิอนญุ าตให้บคุ คล (คนธรรมดา หรือนติ บิ คุ คล) ใช้ สทิ ธิที่อนญุ าตนนั้ แตเ่ พยี งผ้เู ดียว โดยที่เจ้าของสทิ ธิจะไมอ่ นญุ าตให้คนอ่ืนใช้สทิ ธินนั้ อีก แตเ่ จ้าของสทิ ธิสามารถใช้สทิ ธินนั้ ได้เอง เช่น ระบุ ในสญั ญาอนญุ าตวา่ เจ้าของสทิ ธิ ขอสงวนสทิ ธิทพ่ี งึ มใี ห้แกต่ นเอง หากเป็ นการใช้สทิ ธิโดยเจ้าของสทิ ธิมไิ ด้มกี ารอนญุ าตให้บคุ คลท่ีสามใช้ สทิ ธิยอ่ มได้ 5.2.3 การอนุญาตให้ใช้สทิ ธิโดยไม่เดด็ ขาด non – exclusive licensing เป็ นการทเ่ี จ้าของสทิ ธิอนญุ าตให้บคุ คล (คนธรรมดา หรือ นิตบิ คุ คล) ใช้สทิ ธิทอี่ นญุ าตนนั้ ได้มากกวา่ หนงึ่ คน อนญุ าตซา้ ได้ เชน่ ระบใุ นสญั ญาอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิวา่ ตนขอสงวนสทิ ธิในอนั ทีจ่ ะใช้สทิ ธิ ของเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิเอง และสทิ ธิในอนั ทจ่ี ะอนญุ าตให้บคุ คลอื่นนอกเหนือจากสานกั พิมพ์ ตพี มิ พ์นยิ ายเรื่องของตนได้ - ถ้าคสู่ ญั ญาตกลงกนั ไมช่ ดั เจนวา่ อนญุ าตเป็ นแบบใดแน่ ถ้ามปี ัญหาเกดิ ขนึ ้ จะพจิ ารณาได้ โดยบทบญั ญตั ิมาตรา 16 “ในกรณีทีเ่ จ้าของ ลขิ สทิ ธ์ิตาม พ.ร.บ. นีไ้ ด้อนญุ าตให้ผ้ใู ดใช้สทิ ธิตามมาตรา 15 (5) ยอ่ มไมต่ ดั สทิ ธิของเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ที่จะอนญุ าตให้ผ้อู ่ืนใช้สทิ ธินนั้ ได้ด้วย เว้นแตใ่ นหนงั สอื อนญุ าตได้ระยเุ ป็ นข้อห้ามไว้” - ถ้าไมเ่ ขียนห้ามไว้ในหนงั สอื อนญุ าต ก็ถือวา่ เป็ นแบบท่3ี การอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิโดยไมเ่ ดด็ ขาด non-exclusive licensing - การอนญุ าตใช้สทิ ธิ ควรตกลงให้ชดั เจนวา่ ใช้สทิ ธิใด เพยี งไร เมอ่ื ไหร่ นานเทา่ ใด ท่ีไหน อยา่ งไร ให้คา่ ตอบแทนการใช้สทิ ธิ (คา่ ลขิ สทิ ธิ์) เทา่ ไหร่ จ่ายเมือ่ ใด และอยา่ งไร - ควรกาหนดในข้อตกลงวา่ ผ้อู นญุ าตให้ใช้สทิ ธิจะห้ามผ้รู ับอนญุ าตคนอ่ืนขายหรือสง่ เข้ามาขายในประเทศไทย (ไมว่ า่ โดยตรงหรือโดยอ้อม) ซงึ่ สนิ ค้าทจ่ี ะผลติ ขนึ ้ จากสญั ญาใช้สทิ ธิในงานเดียวกนั เพื่อป้ องกนั ปัญหาการแยง่ ตลาดเกิดจากการนาเข้าสนิ ค้าชนิดเดียวกนั หรือคล้ายกนั จากตา่ งประเทศท่ผี ลติ ด้วยความยินยอมของเจ้าของสทิ ธิ (สนิ ค้านบี ้ างคนเรียกวา่ gray market goods) ทีร่ ะบเุ ช่นนีเ้พราะ พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์

พ.ศ. 2537 ไมไ่ ด้บญั ญตั เิ กี่ยวกบั สทิ ธิในการนาเข้า ไมแ่ นว่ า่ ศาลไทยจะมคี วามเห็นวา่ เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ห้ามการนา gray market goods เข้า มาขายในประเทศไทยหรือไม่ 6. การแทรกแซงจากรัฐในการทาสัญญาอนุญาตให้ใช้สทิ ธิ โดยทวั่ ไปอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิ licensing ด้วยความสมคั รใจของคสู่ ญั ญาถือเป็ นการอนญุ าตโดยสมคั รใจ voluntary licensing โดยรัฐไม่ เข้าไปแทรกแซง พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ถือวา่ มีการแทรกแซงจากรัฐในบางเร่ือง ด้วยผลมาตรา 15 (5) และวรรคท้าย “(..เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ ยอ่ มมสี ทิ ธิแตผ่ ้เู ดียวดงั ตอ่ ไปน.ี ้..) (5) อนญุ าตให้ผ้อู นื่ ใช้สทิ ธิตาม (1) (2) หรือ (3) โดยจะกาหนดเงอ่ื นไขอยา่ งใดหรือไมก่ ็ได้แตเ่ ง่ือนไข ดงั กลา่ วจะกาหนดในลกั ษณะทเี่ ป็ นการจากดั การแขง่ ขนั โดยไมเ่ ป็ นธรรมไมไ่ ด้ การพจิ ารณาวา่ เงื่อนไขวรรคหนงึ่ (5) จะเป็ นการจากดั การแขง่ ขนั โดยไมเ่ ป็ นธรรมหรือไมใ่ ห้เป็ นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเง่ือนไขท่ี กาหนดในกฎกระทรวง” - “การใช้ลขิ สทิ ธ์ิในพฤติการณ์พเิ ศษ” รัฐยงั แทรกแซงในสว่ นของการอนญุ าตเพอ่ื ประโยชน์ในการเรียน การสอน หรือค้นคว้า ท่ีมิได้มี วตั ถปุ ระสงค์เพื่อหากาไร ในรูป (เชิง) บงั คบั ใช้สทิ ธิ compulsory licensing เรียกวา่ “การใช้ลขิ สทิ ธ์ิในพฤตกิ ารณ์พเิ ศษ” ปรากฏในหมวด 3 พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 (มาตรา 54 - 55) - การอนญุ าตตามหมวด 3 นี ้ถือได้วา่ เป็ นแบบ non-exclusive การอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิโดยไมเ่ ด็ดขาด 7. การใช้สทิ ธิโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ - การใช้สทิ ธิโดยการได้รับอนญุ าตจากเจ้าของสทิ ธิ (ไมว่ า่ จะโดยความสมคั รใจโดยแท้หรือเชิงถกู บงั คบั ) - การใช้สทิ ธิตามมาตรา 15 โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของสทิ ธิ unauthorized use กรณีนผี ้ ้ใู ช้สทิ ธิอาจไมต่ ้องรับผดิ ฐานละเมดิ สทิ ธิ หาก สามารถอาศยั บทบญั ญตั วิ า่ ด้วย ข้อยกเว้นการละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ สว่ นท่ี 6 หมวด 1 พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ถือวา่ กฎหมายอนญุ าตให้ทาได้ - การออกกฎหมายค้มุ ครอง งานวรรณกรรมและศิลปกรรม ผ้อู อกกฎหมายสร้างข้อจากดั สทิ ธิหรือข้อยกเว้นสทิ ธิ ใน สว่ นที่ 6 หมวด 1 ถือ เป็ นข้อยกเว้นหรือข้อจากดั สทิ ธิประเภทหนง่ึ เพราะข้อยกเว้นเหลา่ นที ้ าให้ผ้ใู ช้สทิ ธิไมต่ ้องรับผิดข้อหาละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิแม้วา่ การใช้สทิ ธิจะไมไ่ ด้ รับอนญุ าตจากเจ้าของสทิ ธิก็ตาม - เหตผุ ลของการกาหนดข้อยกเว้นเพ่อื เปิ ดโอกาสให้สงั คมได้ประโยชน์จากงานอนั มีลขิ สทิ ธิ์ในชว่ งทอี่ ายกุ ารค้มุ ครองงานนนั้ ยงั คงอยู่ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเป็ นการใช้ประโยชน์เพื่อการศกึ ษาหรือวจิ ยั ไมใ่ ช่เพอ่ื การหากาไร - เคร่ืองถา่ ยเอกสาร เคร่ืองบนั ทกึ เสยี งซง่ึ อานวยความสะดวกในการทาซา้ ภาพและเสยี ง ทาให้ความจาเป็ นในการซอื ้ หนงั สอื ลดลง คา่ ถา่ ย เอกสารถกู กวา่ ราคาหนงั สอื มาก และถ้าศาลตีความข้อยกเว้นไปในทางเพอ่ื ประโยชน์ของผ้ใู ช้ข้อยกเว้น 8. การโอนลิขสทิ ธ์ิ - เจ้าของลขิ สทิ ธิ์ไมป่ ระสงค์เป็ นเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิของตนอกี ตอ่ ไป อาจโอนให้แก่บคุ คลอื่นได้ โดยต้องทาเป็ นหนงั สอื ลงลายมอื ชื่อผ้โู อนและ ผ้รู ับโอน ตามบทบญั ญตั ิ มาตรา 17 วรรคท้าย -การอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิ ในการโอนสทิ ธิทางนติ ิกรรมควรกาหนดให้ชดั วา่ โอนสทิ ธิใด และนานเทา่ ใด หากไมก่ าหนดระยะเวลาไว้ มาตรา 17 วรรคท้าย จะถกู ปรับใช้ “การโอนลขิ สทิ ธ์ิตามวรรคสองซง่ึ มใิ ช่ทางมรดก...ถ้าไมไ่ ด้กาหนดระยะเวลาไว้ในสญั ญาโอน ให้ถือวา่ เป็ นการโอนมี กาหนดระยะเวลา 10 ปี ” 9. บทเฉพาะกาล - กฎหมายฉบบั ปัจจบุ นั ได้เตรียมมาตรการเก่ียวกบั งานทไ่ี ด้ความค้มุ ครองตาม พ.ร.บ.ค้มุ ครองวรรณกรรมและศลิ ปกรรม พ.ศ. 2474 หรือ พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2521 ไว้ด้วย - สถานะของงานที่ไมอ่ ยใู่ นขา่ ยได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายเกา่ แตเ่ ป็ นงานท่อี ยใู่ นขา่ ยได้รับความค้มุ ครองตามกฎหมายปัจจบุ นั คอื งานฐานข้อมลู Databasses ตามมาตรา 12 กจิ กรรม 4.1.4 เง่ือนไขการได้รับความค้มุ ครองในงานอนั มีลขิ สทิ ธ์ิในไทย พจิ ารณาได้ 2 กรณี คอื 1. ผ้สู ร้างสรรค์เป็ นผ้มู ีลขิ สทิ ธ์ิในงานทต่ี นได้สร้างสรรค์ขนึ ้ ภายใต้เงื่อนไขดงั นี ้ในกรณีท่ียงั ไมไ่ ด้มีการโฆษณางาน ผ้สู ร้างสรรคต์ ้อง - เป็ นผ้มู ีสญั ชาตไิ ทย - อยใู่ นราชอาณาจกั ร

-เป็ นผ้มู ีสญั ชาติหรืออยใู่ นประเทศที่เป็ นภาคีแหง่ อนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิท่ีไทยเป็ นภาคีด้วย ตลอดระยะเวลาหรือเป็ นสว่ น ใหญ่ในการสร้ างสรรค์งานนนั ้ 2. ในกรณีท่ไี ด้มกี ารโฆษณางานแล้ว การโฆษณางานนนั้ ในครัง้ แรก ได้กระทาขนึ ้ - ในราชอาณาจกั ร หรือ - ในประเทศทเ่ี ป็ นภาคี - หรือในกรณีทีม่ ีการโฆษณาครงั้ แรกท่ีนอกราชอาณาจกั ร - หรือในประเทศอ่ืนทไี่ มไ่ ด้เป็ นภาคฯี หากมกี ารโฆษณางานในราชอาณาจกั รหรือในประเทศทเี่ ป็ นภาคฯี ภายใน 30 วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ด้มีการโฆษณาครัง้ แรก หรือผ้สู ร้างสรรค์ เป็ นผ้มู ีลกั ษณะตามทีก่ าหนดไว้ใน (1) ในขณะทม่ี กี ารโฆษณางานครัง้ แรก 4.2 สทิ ธิของนักแสดงและบทบัญญัติอ่นื ๆ ในกฎหมายลขิ สิทธ์ิ 4.2.1 สาระสาคญั ของสทิ ธิของนกั แสดง 4.2.2 บทบญั ญตั อิ ่ืน ๆ ในกฎหมายลขิ สทิ ธิ์ แนวคดิ 1. นกั แสดงมีสทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี วในการกระทาอนั เดยี วกบั การแสดงของตน อาทิ การแพร่เสยี ง การแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนซง่ึ การ แสดง และยงั มีสทิ ธิบนั ทกึ การแสดงที่ยงั ไมม่ กี ารบนั ทกึ ไว้แล้ว 2. ในกฎหมายลขิ สทิ ธ์ิยงั มีบทบญั ญตั ิอืน่ ๆ อนั เป็ นสาระสาคญั ด้วย เช่น คณะกรรมการลขิ สทิ ธ์ิ อธิบดีกรมทรัพย์สนิ ทางปัญญา พนกั งาน เจ้าหน้าที่ และสานกั ลขิ สทิ ธ์ิ วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือให้เข้าใจ 1. สาระสาคญั ของสทิ ธิของนกั แสดง 2. บทบญั ญตั อิ นื่ ๆ ในกฎหมายลขิ สทิ ธิ์ ........................................................................................................................................................... 4.2.1 สาระสาคัญของสทิ ธิของนักแสดง 1. นักแสดง - พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 เป็ นเรื่องใหมส่ าหรับประเทศไทยคอื การมีบทบญั ญตั วิ า่ ด้วย “สทิ ธิของนกั แสดง performer’s right - มาตรา 4 นยิ าม “นกั แสดง” หมายความวา่ “ผ้แู สดง นกั ดนตรี นกั ร้อง นกั เต้น นกั รา และผ้ซู งึ่ แสดงทา่ ทางร้อง กลา่ ว พากย์ แสดงตามบท หรือในลกั ษณะอื่นใด” - สทิ ธิของนกั แสดง แบง่ เป็ น 2 สว่ นหลกั 1) ตามมาตรา 44 2) ตามมาตรา 45 บางครงั้ เรียกวา่ เป็ น secondary use of phonograms or sound recordings - พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ไมก่ ลา่ วถงึ “สทิ ธิเฉพาะตวั personal rights หรือ ธรรมสทิ ธิ moral rights ของนกั แสดง จงึ กลา่ วได้วา่ ปัจจบุ นั นกั แสดงไมม่ สี ทิ ธิเฉพาะตวั 2. สทิ ธิเก่ยี วกับการแสดง - มาตรา 44 (1) – (2) กลา่ วถงึ สทิ ธิเกี่ยวกบั การแสดงของนกั แสดงวา่ “นกั แสดงยอ่ มมีสทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี ว ในการกระทาอนั เก่ยี วกบั การแสดงของ ตน ดงั ตอ่ ไปนี ้ (1) แพร่เสยี งแพร่ภาพ หรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนซงึ่ การแสดง เว้นแตจ่ ะเป็ นการแพร่เสยี งแพร่ภาพหรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนจากสง่ิ บนั ทกึ การแสดงท่มี กี ารบนั ทกึ ไว้แล้ว (2) บนั ทกึ การแสดงที่ยงั ไมม่ กี ารบนั ทกึ ไว้แล้ว”

- สทิ ธิตามอนุ (3) เป็ นเร่ืองเกย่ี วกบั การทาซา้ ซงึ่ สงิ่ บนั ทกึ การแสดง “ทาซา้ สง่ิ บนั ทกึ การแสดงท่มี ผี ้บู นั ทกึ ไว้โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากนกั แสดง หรือสง่ิ บนั ทกึ การแสดงทีไ่ ด้รับอนญุ าตเพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์อ่นื หรือสง่ิ บนั ทกึ การแสดงท่ีเข้าข้อยกเว้นการละเมดิ สทิ ธิของนกั แสดงตามมาตรา 53” มาตรานีไ้ มร่ วมถึงการแสดงภาพยนตร์หรือการแสดงโทรทศั น์ท่ีมกี ารบนั ทกึ การแสดงไว้แล้ว 3. ค่าตอบแทน - สทิ ธิตามมาตรา 45 นกั แสดงมสี ทิ ธิได้รับคา่ ตอบแทนทีเ่ ป็ นธรรม เมือ่ มกี ารแพร่เสยี งหรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนโดยตรง และเป็นเรื่อง เก่ียวกบั สง่ิ บนั ทึกเสยี งเทา่ นนั้ - ถ้าตกลงคา่ ตอบแทนไมไ่ ด้ ให้อธิบดีกรมทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็นผ้มู คี าสง่ั กาหนดคา่ ตอบแทน โดยคานงึ ถงึ อตั ราคา่ ตอบแทนปกตใิ นธุรกิจ ประเภทนนั ้ - มาตรา 4 นิยาม “สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง” วา่ “งานอนั ประกอบด้วย ลาดบั ของเสยี งดนตรี เสยี งการแสดง หรือเสยี งอนื่ ใด โดยบันทกึ ลงในวสั ดไุ มว่ า่ จะมลี กั ษณะใด ๆ อนั สามารถทจ่ี ะนามาเลน่ ซา้ ได้อกี โดยใช้เคร่ืองมือทีจ่ าเป็ นสาหรับการใช้วัสดนุ นั้ แตท่ งั้ นี ้มใิ ห้หมายความรวมถงึ เสียง ประกอบภาพยนตร์หรือเสยี งประเภทโสตทศั นวสั ดอุ ยา่ งอน่ื ” - ตามมาตรา 45 ต้องจา่ ยคา่ ตอบแทนแล้ว ต้องจา่ ยคา่ ลขิ สทิ ธิ์ให้เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิในงานดนตรีกรรรม เพอื่ ตอบแทนการใช้สทิ ธิ ตามมาตรา 15 (2) อนั วา่ ด้วยการเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน ถ้าคกู่ รณีตกลงกนั ไมไ่ ด้ อธิบดกี รมทรัพย์สนิ ทางปัญญาเป็ นผ้กู าหนด - คกู่ รณีอาจอทุ ธรณ์คาสง่ั ของอธิบดไี ปยงั คณะกรรมการลขิ สทิ ธิ์ได้ ตามวรรคท้ายของมาตรา 45 4. เง่อื นไขการได้รับการคุ้มครอง มาตรา 47 -48 กาหนดเง่ือนไขไว้ โดยหลกั คือ คนสญั ชาติไทย หรือมถี ิ่นท่ีอยใู่ นประเทศไทย หรือการแสดงหรือการบนั ทกึ เสยี งเกกดิ ขนึ ้ ใน ไทย - การได้รับสทิ ธิอาจเกดิ ขนึ ้ ได้โดยผา่ นอนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองสทิ ธิของนกั แสดงทปี่ ระเทศไทยเป็ นภาคอี ยดู่ ้วย - ข้อตกลงระหวา่ งประเทศทีป่ รากฏในประกาศท่ี รมต.กระทรวงพาณิชย์ออกตามมาตรา 61 มี The Berne Convention (1971) และ ข้อตกลงทริปส์ เทา่ นนั้ -ความตกลงทริปส์ เป็ นอนสุ ญั ญาวา่ ด้วยการค้มุ ครองสทิ ธิของนกั แสดงที่ประเทศไทยเป็ นภาคีอยดู่ ้วย 5. อายกุ ารค้มุ ครอง - ทว่ั ไปของสทิ ธินกั แสดง คือ 50 ปี ทงั้ นตี ้ ามมาตรา 49 – 50 6. การอนญุ าตให้ใช้สทิ ธิของนกั แสดง - กฎหมายไมไ่ ด้กาหนดชดั เจน แตอ่ นมุ านได้จากมาตรา 52 “ผ้ใู ดกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ตามมาตรา 44 โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากนกั แสดง ...ให้ถือวา่ ผ้นู นั้ ละเมดิ สทิ ธิของนกั แสดง” - อาจไมเ่ สมอไป ถ้าผ้ใู ช้สทิ ธิโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตนนั้ สามารถอาศยั ข้อยกเว้นการละเมดิ สทิ ธิได้ ตามมาตรา 53 มาปรับใช้โดยอนโุ ลม 7. การโอนสิทธิของนักแสดง - อาจโอนได้และถ้าการโอนนนั้ ไมใ่ ชเ่ ป็ นการโอนทางมรดก ต้องทาเป็ นหนงั สอื ลงลายมอื ช่ือผ้โู อน ผ้รู ับโอน ถ้าไมก่ าหนดระยะเวลาโอนไว้ กฎหมายถือวา่ การโอนมกี าหนด 3 ปี ตามมาตรา 51 กิจกรรม 4.2.1 การให้ความค้มุ ครองแกส่ ทิ ธิของนกั แสดง มี 1. นกั แสดงยอ่ มมีสทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี วในการกระทาอนั เกย่ี วกบั การแสดงของตน ดงั นี ้ (1) แพร่เสยี ง แพร่ภาพ หรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนซง่ึ การแสดง เว้นแตจ่ ะเป็ นการแพร่เสยี งแพร่ภาพหรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนจากสง่ิ บนั ทกึ การแสดงทีม่ กี ารบนั ทกึ ไว้แล้ว (2) บนั ทกึ การแสดงท่ยี งั ไมม่ กี ารบนั ทกึ ไว้แล้ว (3) ทาซา้ ซง่ึ สง่ิ บนั ทกึ การแสดงทม่ี ีผ้บู นั ทกึ ไว้โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากนกั แสดง หรือสงิ่ บนั ทกึ การแสดงทไ่ี ด้รับอนญุ าตเพ่อื วตั ถปุ ระสงค์อื่น หรือสง่ิ บนั ทกึ การแสดง ที่เข้าข้อยกเว้นการละเมิดสทิ ธิของนกั แสดงตามมาตรา 53

2. ผ้ใู ดนาสงิ่ บนั ทกึ เสยี งการแสดงซง่ึ ได้นาออกเผยแพร่เพือ่ วตั ถปุ ระสงค์ทางการค้าแล้ว หรือนาสาเนาของงานนนั้ ไปแพร่เสยี งหรือเผยแพร่ ตอ่ สาธารณชนโดยตรง ให้ผ้นู นั้ จา่ ยคา่ ตอบแทนท่ีเป็ นธรรมให้แกน่ กั แสดง ในกรณีท่ตี กลงคา่ ตอบแทนไมไ่ ด้ ให้อธิบดีเป็ นผ้มู คี าสงั่ กาหนด คา่ ตอบแทน โดยให้คานงึ ถงึ อตั ราคา่ ตอบแทนปกตใิ นธรุ กจิ ประเภทนนั้ 4.2.2 บทบญั ญตั อิ ่นื ๆ ในกฎหมายลิขสทิ ธ์ิ 1. คณะกรรมการลิขสทิ ธ์ิ - มอี านาจหน้าที่ ตามมาตรา 50 คอื วนิ ิจฉยั อทุ ธรณ์ของอธิบดี ตามมาตรา 45 และ 55 จนถึงปัจจบุ นั มีแตง่ ตงั้ คณะกรรมการ 2 ชดุ - ความผิดตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ 2537 เป็ นความผดิ อนั ยอมความได้ 2. อธิบดกี รมทรัพย์สนิ ทางปัญญา - มีบทบาทในสว่ นที่เกี่ยวกบั การละเมิดสทิ ธิ มอี านาจเปรียบเทยี บปรับ ตามมาตรา 77 “ความผิดตามมาตรา 69 วรรคหนง่ึ และมาตรา 70 วรรคหนง่ึ ให้อธิบดมี อี านาจเปรียบเทียบปรับได้” มาตรา 69 วรรคหนงึ่ และมาตรา 70 วรรคหนงึ่ เป็ นการละเมดิ ทไี่ มเ่ ก่ียวกบั เพอ่ื ทางการค้า 3. พนักงานเจ้าหน้าท่ี - มาตรา 5 ให้อานาจ รมต.พาณชิ ย์ มีอานาจแตง่ ตงั้ พนกั งานเจ้าหน้าท่ี (ถือเป็ น จพง. ตาม ปอ.) ทาหน้าท่ีและมีอานาจตามที่กาหนดใน มาตรา 67 - 68 4. สานักลิขสทิ ธ์ิ กระทรวงพาณิชย์ได้กอ่ ตงั้ “สานกั ลขิ สทิ ธ์ิ” ขนึ ้ ในกรมทรัพย์สนิ ทางปัญญา เพอื่ ให้บริการด้านตา่ งๆ เกี่ยวกบั ลขิ สทิ ธ์ิ ให้บริการการจดแจ้ง และตรวจค้นข้อมลู ลขิ สทิ ธ์ิ ไกลเ่ กลย่ี กรณีพิพาทเบอื ้ งต้นเกีย่ วกบั ลขิ สทิ ธิ์ สง่ เสริมพฒั นาสนบั สนนุ ให้มกี ารจดั ตงั้ องค์กรบริหารการจดั เก็บ คา่ ลขิ สทิ ธ์ิทกุ ด้าน และประสานการป้ องปรามการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ กจิ กรรม 4.2.2 คณะกรรมการลขิ สทิ ธิ์มอี านาจหน้าทีต่ าม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 วนิ จิ ฉยั อทุ ธรณ์ของอธิบดกี รมทรัพย์สนิ ทางปัญญา ........................................................................................................................................จบหนว่ ยท่ี 4.................... หน่วยท่ี 5 การละเมดิ ลขิ สิทธ์ิและสิทธิของนักแสดง 5.1 การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ 5.2 การละเมิดสทิ ธิของนกั แสดง 5.3 บทกาหนดโทษ และการดาเนินคดเี กี่ยวกบั ลขิ สทิ ธ์ิ และสทิ ธิของนกั แสดง แนวคดิ 1. การได้มาซง่ึ ลขิ สทิ ธ์ิ กฎหมายให้สทิ ธิเจ้าของลขิ สทิ ธิ์แตผ่ ้เู ดียว ห้ามไมใ่ ห้ผ้อู ืน่ ใช้สทิ ธิดงั กลา่ วโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต ซง่ึ จะถือเป็ นการละเมิด ลขิ สทิ ธ์ิ ต้องพิจารณาเป็ นเรื่อง ๆ ไป การละเมิดลขิ สทิ ธิ์ มีทงั้ โดยตรง และโดยอ้อม 2. สทิ ธิของนกั แสดงถือเป็ นสทิ ธิข้างเคยี งของลขิ สทิ ธ์ิ มคี วามแตกตา่ งจากลขิ สทิ ธ์ิหลายประการ หลกั เกณฑ์การละเมดิ สทิ ธิของนกั แสดง พจิ ารณาแยกจากการละเมิดลขิ สทิ ธิ์ มีทงั้ การละเมดิ สทิ ธิทว่ั ไป กฎหมายกาหนดให้นกั แสดงหวงกนั ได้ และการละเมดิ สทิ ธิในการรับ คา่ ตอบแทนของนกั แสดง 3. โทษท่ีผ้ทู าละเมดิ ตอ่ ลขิ สทิ ธ์ิของเจ้าของงานมีลขิ สทิ ธ์ิ หรือตอ่ สทิ ธิของนกั แสดงในการแสดง มโี ทษทางอาญา และทางแพง่ หลกั เกณฑ์ การฟ้ องร้องดาเนนิ คดเี กี่ยวเนอื่ งกนั ระหวา่ งคดแี พง่ และอาญา บคุ คลผ้ทู าละเมดิ ต้องรับโทษในทางอาญา และชดใช้คา่ เสยี หายทางแพง่ ด้วย วตั ถุประสงค์ เพ่อื ให้เข้าใจ 1. การกระทาท่ถี ือเป็ นการละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ 2.การกระทาทถ่ี ือเป็ นการละเมิดสทิ ธิของนกั แสดง 3.การดาเนนิ คดกี ารละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ และสทิ ธิของนกั แสดง ระวางโทษ ................................................................................................................................. 5.1 การละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ 1. การละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ แยกเป็ น

1) ละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์โดยตรง เป็ นการทาละเมิดตอ่ งานมลี ขิ สทิ ธิ์โดยทวั่ ไป หรืองานมีลขิ สทิ ธ์ิบางประเภท เช่น งานโสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ มเี กณฑ์พจิ ารณาท่แี ตกตา่ งกนั ไป 2) ละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์โดยอ้อม เป็ นการกระทาทส่ี บื เนือ่ งจากการทาละเมิดโดยตรง มีหลกั เกณฑ์พจิ ารณาแยกจากการทาละเมิดโดยตรง เป็ น การทาละเมิดคนละโสด 2. การกระทาใด ๆ เป็ นสทิ ธิทก่ี ฎหมายให้ไว้แกเ่ จ้าของลิขสทิ ธิ์ทจ่ี ะหวงกนั มใิ ห้ผ้อู ืน่ ทาดงั กลา่ วโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ทจ่ี ะ หวงกนั มิให้ผ้อู นื่ ทาการดงั กลา่ วได้โดยตรง หรือโดยอ้อมก็ตาม กฎหมายให้การยกเว้นแก่บคุ คลบางประเภท และการกระทาบางอยา่ งซงึ่ เป็ น การใช้สทิ ธิของเจ้าของลขิ สทิ ธิ์โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตมใิ ห้ถือเป็ นละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิหากมิได้เป็ นการใช้สทิ ธิเกินสว่ น และไมก่ อ่ ให้เกิดความเสยี หาย แกเ่ จ้าของลขิ สทิ ธิ์ วัตถุประสงค์ เพ่อื ให้เข้าใจ 1. การกระทาทีเ่ ป็ นการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิโดยตรง โดยอ้อม ลกั ษณะการทาละเมดิ ตอ่ งานลขิ สทิ ธ์ิแตล่ ะประเภท 2. การกระทาและบคุ คลประเภทใดที่ยกเว้นมใิ ห้เป็ นการละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ ............................................................................................................................. - การละเมิดลขิ สทิ ธิ์ ต้องพจิ ารณาได้วา่ มีลขิ สทิ ธ์ิตาม พ.ร.บ. ฉบบั ใดใน 3 ฉบบั นี ้คือ 1. พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ.2537 2. พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2521 3. พ.ร.บ.ค้มุ ครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พ.ศ. 2474 - หากปรากฏวา่ มไิ ด้เป็ นงานมีลขิ สทิ ธิ์ตาม พ.ร.บ.ทงั้ 3 ฉบบั นี ้ยอ่ มไมถ่ ือเป็ นการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ - สงิ่ ทไี่ มถ่ ือเป็ นงานลขิ สทิ ธ์ิ ตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ.2537 มาตรา 7 แบง่ เป็ น 5 ประเภทคอื 1) ข่าวประจาวนั และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ท่ีมีลกั ษณะเป็ นเพยี งข่าวสารอนั มิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวทิ ยาศาสตร์ หรือ แผนกศิลปะ งานดงั กลา่ วเป็ นงานเผยแพร่ให้กบั สาธารณชน กฎหมายจึงไมไ่ ด้บญั ญตั ิให้เป็ นงานมลี ขิ สทิ ธ์ิ 2) รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เป็ นสง่ิ ที่ประชาชนทว่ั ไปควรรู้ จึงมสี ทิ ธิทาซา้ หรือเผยแพร่ได้โดยเสรี เป็ นสง่ิ ท่ีตราขนึ ้ เพ่อื ประโยชน์ของ ประชาชน โดยประชาชน จงึ ควรได้กบั ประชาชนโดยรวม แตห่ ากแปลเป็ นภาษาตา่ งประเทศอาจเข้าขา่ ยเป็ นงานมลี ขิ สทิ ธิ์ ตาม พ.ร.บ. ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ.2537 3) ระเบยี บ ข้อบงั คบั ประกาศ คาส่งั คาชีแ้ จง และหนังสอื โต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอ่นื ใดของรัฐหรือ ของท้องถ่นิ ไมเ่ ป็ นงานมีลขิ สทิ ธิ์ เหตผุ ลเดียวกบั รัฐธรรมนญู และกฎหมาย 4) คาพิพากษา คาส่งั คาวนิ ิจฉัย และรายงานของทางราชการ ไมเ่ ป็ นงานมลี ขิ สทิ ธิ์ เช่นเดยี วกบั รัฐธรรมนญู และกฎหมาย 5) คาแปลและการรวบรวมส่งิ ต่าง ๆ ตาม (1) ถงึ (4) ท่กี ระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอ่นื ใดของรัฐหรือของท้องถ่นิ จดั ทา ขึน้ เฉพาะคาแปลและการรวบรวมฯลฯ ทร่ี ัฐจดั ทาขนึ ้ เทา่ นนั้ ทไ่ี มถ่ ือเป็ นงานมลี ขิ สทิ ธิ์ ถ้าเป็ นบคุ คล หรือเอกชนจดั ทาขนึ ้ อาจถือเป็นงานมี ลขิ สทิ ธ์ิ โดยคานงึ ถงึ องค์ประกอบของงานเป็ นหลกั - งานมลี ขิ สทิ ธ์ิ คอื งานตามมาตรา 6 แหง่ พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ได้แก่ งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรี กรรม โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ หรืองานอืน่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศลิ ปะ - วรรณกรรม หมายความวา่ งานนพิ นธ์ที่ทาขนึ ้ ทกุ ชนดิ เช่นหนงั สอื จลุ สาร สงิ่ เขียน สง่ิ พิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คาปราศรัย สนุ ทรพจน์ และให้ ความหมายรวมถงึ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ด้วย - นาฏกรรม หมายความวา่ งานเก่ียวกบั การรา การเต้น การทาทา่ หรือการแสดงทป่ี ระกอบขนึ ้ เป็ นเร่ืองราว และให้หมายความรวมถงึ การ แสดงโดยวธิ ีใบ้ด้วย - ศลิ ปกรรม หมายความวา่ งานอนั มลี กั ษณะอยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดหรือหลายอยา่ งดงั นี ้ 1) งานจิตรกรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงท่ีประกอบด้วยเส้น แสง สี หรือสง่ิ อื่น อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ หรือหลายอยา่ งรวมกนั ลงบนวสั ดอุ ย่าง เดียวหรือหลายอยา่ ง 2) งานประตมิ ากรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงท่เี ก่ียวกบั ปริมาตรทีส่ มั ผสั และจบั ต้องได้ 3) งานภาพพมิ พ์ ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพด้วยกรรมวธิ ีทางกรพมิ พ์ และหมายความรวมถงึ แมพ่ ิมพ์หรือแบบพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ด้วย

4) งานสถาปัตยกรรม ได้แก่ งานออกแบบอาคารหรือสงิ่ ปลกู สร้าง งานออกแบบตกแตง่ ภายในหรือภายนอก ตลอดจนบริเวณของอาคารหรือ สง่ิ ปลกู สร้าง หรือการสร้างสรรคห์ นุ่ จาลองของอาคารหรือสง่ิ ปลกู สร้าง 5) งานภาพถา่ ย ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพทเ่ี กิดจากการใช้เครื่องมอื บนั ทกึ ภาพโดยให้แสงผา่ นเลนซ์ไปยงั ฟิลม์ หรือกระจก และล้างด้วย นา้ ยาซง่ึ มีสตู รเฉพาะ หรือด้วยกรรมวิธีใด ๆ อนั ทาให้เกิดภาพขนึ ้ หรือการบนั ทกึ ภาพโดยเครื่องมือหรือวธิ ีการอยา่ งอ่ืน 6) งานภาพประกอบ แผนที่ โครงสร้าง ภาพร่าง หรืองานสร้างสรรค์รูปทรงสามมติ อิ นั เก่ียวกบั ภมู ศิ าสตร์ ภมู ิประเทศ หรือวิทยาศาสตร์ 7) งานศิลปประยกุ ต์ ได้แก่ งานท่ีนาเอางานตาม 1) ถงึ 6) อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรือหลายอยา่ งรวมกนั ไปใช้ประโยชน์อยา่ งอื่น นอกเหนอื จาก การชื่นชมในคณุ คา่ ของตวั งานดงั กลา่ วนนั้ เช่น นาไปใช้สอย นาไปตกแตง่ วสั ดหุ รือสง่ิ ของอนั เป็ นเครื่องใช้หรือนาไปใช้เพอ่ื ประโยชน์ทาง การค้า - ดนตรีกรรม หมายความวา่ งานเก่ียวกบั เพลงท่แี ตง่ ขนึ ้ เพ่อื บรรเลงหรือขบั ร้องไมว่ า่ จะมีทานองและคาร้องหรือมีทานองอยา่ งเดยี ว และให้ หมายความรวมถึงโน้ตเพลงหรือแผนภมู เิ พลงทไี่ ด้แยกและเรียบเรียงเสยี งประสานแล้ว - การละเมิดลขิ สทิ ธ์ิแบง่ ลกั ษณะของการกระทาได้ 2 กรณีใหญ่ ๆ คอื 1) การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิโดยตรง คอื การกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ แกง่ านมีลขิ สทิ ธ์ิ โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตตามมาตรา 15 (5) 2) การละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์โดยอ้อม คอื การกระทาตอ่ งานใดโดยผ้ทู ร่ี ู้ หรืมีเหตคุ วรรู้วา่ งานนนั้ ได้ทาขนึ ้ โดยละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ของผ้อู ่นื 5.1.1 หลักเกณฑ์การละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ 1. การละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์โดยตรง ประกอบด้วยการละเมิดลขิ สทิ ธิ์ในงานทวั่ ไป งานโสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสยี งแพร ภาพ งานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ -โดยทวั่ ไปลขิ สทิ ธิ์งานใด ๆ จะถอื วา่ ถกู ทาละเมดิ หากงานนนั้ ถกู ทาซา้ โดยมิได้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ - งานวรรณกรรม ภายใต้กฎหมายจารีตประเพณี (common law) หรือประมวลกฎหมาย (statute) - งานมลี ขิ สทิ ธ์ิ ถือเป็ นละเมดิ ต้องพิจารณาโดย 1) ไมจ่ ากดั อยทู่ ี่อรรถ หรือเนอื ้ หาของงานเทา่ นนั้ 2) ต้องคานงึ ถงึ เนอื ้ หาทงั้ หมด 3) สว่ นที่ดงึ ออกมาเป็ นสว่ นหลกั หรือสว่ นสาคญั เชน่ งานการละคร ผ้ลู อกเลยี นอาจทาการตดั ตอ่ สลบั ฉาก หรือลอกเลยี นบทบางสว่ น 4) และการนามาใช้มไิ ด้เป็ นการใช้อยา่ งเป็ นธรรม - เนอื ้ หาของงาน ต้องแยกวา่ สว่ นทอี่ ้างวา่ ถกู ละเมดิ นนั้ เป็ นสว่ นหลกั หรือสว่ นสาคญั ของงาน - กฎหมายมเี จตนารมณ์ค้มุ ครองแก่การแสดงออกทางความคดิ ไมใ่ ชแ่ นวความคิด 1.1 การละเมิดลขิ สทิ ธ์ิงานท่ัวไป คือ งานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรีกรรม โสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ หรืองานอนื่ ใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ แผนกศลิ ปะ การละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. 2537 อนุ (1) หรือ (2) คือ 1.1.1 ทาซา้ หรือดดั แปลง ทาซา้ คอื คดั ลอกไมว่ า่ โดยวิธีใด ๆ เลยี นแบบ ทาสาเนา ทาแมพ่ ิมพ์ บนั ทกึ เสยี ง บนั ทกึ ภาพ หรือบนั ทกึ เสยี งและภาพ จากต้นฉบบั จากสาเนา หรือจากการโฆษณาในสว่ นอนั เป็ นสาระสาคญั ไมว่ า่ ทงั้ หมดหรือบางสว่ น การทาซา้ ต้องดอู งค์ประกอบ 2 กรณี คอื 1) การทาซา้ งานมลี ขิ สทิ ธ์ิ ผ้กู ระทาซา้ ยอมรับเอง หรือมหี ลกั ฐานแวดล้อมบง่ ถงึ มกี ารเข้าถึงงานดงั กลา่ ว และงานทงั้ สองมสี ว่ น เหมือนกนั นนั้ ถงึ ขนาดท่ีไมน่ า่ เป็นไปได้ที่งานทงั้ สองจะถกู ทาขนึ ้ เป็ นเอกเทศจากกนั 2) การทาซา้ เป็ นการกระทาอนั มชิ อบ คอื ไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ - สงิ่ สาคญั ในการพจิ ารณาเร่ืองความเหมือนของงานลขิ สทิ ธิ์ ถกู ละเมิด คอื ความเหมอื นกนั อยา่ งสาคญั ใน 1) แนวคิดทวั่ ไป ภายใต้การทดสอบลกั ษณะภายนอก โดยวเิ คราะห์แยกสว่ น และเบกิ ความโดยผ้เู ชยี่ วชาญ 2) การแสดงออกทางความคิด ภายใต้การทดสอบลกั ษณะภายใน โดยอาศยั การสนองตอบโดยวญิ ญชู น - การนางานมลี ขิ สทิ ธิ์มาใช้โดยผ้อู น่ื เป็ นได้ 3 กรณี คือ 1) การทาใหม่ rework โดยรวม

2) การดดั แปลง alter 3) การนาสว่ นหนงึ่ สว่ นใดมาใช้โดยตรง หรือประกอบขนึ ้ จากการทาใหมโ่ ดยรวมกบั การนาสว่ นหนงึ่ สว่ นใดมาใช้โดยตรง - สว่ นที่ไมใ่ ช่การริเร่ิมสร้างสรรค์ ในงานลขิ สทิ ธิ์โดยรวม เป็ นสว่ นทไี่ มม่ ลี ขิ สทิ ธ์ิ - การพจิ ารณาสว่ นหลกั สว่ นสาคญั ของงาน ใช้ในการพจิ ารณาเร่ืองการทาซา้ และดดั แปลง - การดดั แปลง ตาม พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 หมายความวา่ ทาซา้ โดยเปลย่ี นรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพิม่ เตมิ หรือ จาลองงานต้นฉบบั ในสว่ นอนั เป็นสาระสาคญั โดยไมม่ ลี กั ษณะเป็ นการจดั ทางานขนึ ้ ใหม่ ทงั้ นไี ้ มว่ า่ ทงั้ หมดหรือบางสว่ น รวมถงึ การแปลวรรณกรรม เปลย่ี นรูปวรรณกรรมหรือรวบรวมวรรณกรรมโดยคดั เลอื กและจดั ลาดบั ใหม่ เปลยี่ นงานทม่ี ิใช่นาฏกรรมให้เป็นนาฏกรรมและในทางกลบั กนั ไมว่ า่ ในภาษาเดิมหรือตา่ งภาษากนั เปลย่ี นงานทเ่ี ป็ นรูปสองมติ หิ รือสามมติ ใิ ห้เป็ นรูปสามมติ หิ รือสองมติ ิ และการจดั ลาดบั เรียบเรียงเสยี งประสานหรือเปลยี่ นคาร้องหรือทานองใหม่ - การพจิ ารณาการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิโดยการดดั แปลง อาศยั หลกั การเดยี วกบั การพจิ ารณาการทาซา้ 1.1.2 เผยแพร่ต่อสาธารณชน - หมายความวา่ ทาให้ปรากฏตอ่ สาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทาให้ปรากฏด้วยเสยี งและหรือภาพ การ ก่อสร้าง การจาหนา่ ย หรือโดยวธิ ีอ่ืนใดซง่ึ งานทไี่ ด้จดั ทาขนึ ้ - หลกั เร่ืองการเผยแพร่งานตอ่ สาธารณชน หากงานใด หรือสาเนาของงานใด ไมเ่ คยถูกนาออกหมนุ เวยี น หรือนาแสดงท่ใี ดในโลกมากอ่ น การนางานนนั้ ออกหมนุ เวยี น หรือออกแสดงเป็ นครัง้ แรกในไทย มอิ าจทาได้ถ้าไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของ ถ้าเคยนาออกหมนุ เวยี น หรือนา แสดงในไทยโดยเจ้าของลขิ สทิ ธิ์หรือโดยความยนิ ยอมของเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ ทาได้ในบางกรณี ต้องคานงึ ถงึ หลกั การระงบั สนิ ้ ไปแหง่ สทิ ธิใน เรื่องการขายไปในวาระแรก the First Sale Doctrine โดยความยนิ ยอมของเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ - หลกั การขายไปในวาระแรก the First Sale Doctrine การนางานใด ๆ หรือสาเนางานใด ๆ ออกหมนุ เวยี น หรือออกแสดงในประเทศอืน่ นอกเหนอื จากประเทศไทยจะเป็นการกระทาอนั เป็ นการละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ของเจ้าของงานหรือไม่ เป็นเรื่องที่กฎหมายของประเทศซง่ึ การกระทา ได้อบุ ตั ิขนึ ้ จะเข้ามาจดั การ - งานมลี ขิ สทิ ธ์ิทว่ั ไป ในการทาซา้ หรือดดั แปลงหรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนโดยไมไ่ ด้รับความยินยอมจากเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ หรือการเผยแพร่นนั้ เข้าหลกั เกณฑก์ ารละเมิดสทิ ธิของเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ ถือเป็ นความผดิ ฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ 1.2 การละเมิดลขิ สทิ ธ์ิในงานโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ หรือส่ิงบนั ทกึ เสียง - ได้รับการบญั ญตั ิรวมกบั งานมลี ขิ สทิ ธิ์ทวั่ ไป มาตรา 27 แล้วยงั ได้รับบญั ญตั ิไว้เป็ นเอกเทศ มาตรา 28 เนอ่ื งจากลกั ษณะพเิ ศษบางประการ ของงานแหลา่ นนั้ แตกตา่ งจากงานวรรณกรรม นาฏกรรม ศลิ ปกรรม หรือดนตรีกรรม - โสตทศั นวสั ดุ หมายความวา่ งานอนั ประกอบด้วยลาดบั ของภาพโดยบนั ทกึ ลงในวสั ดไุ มว่ า่ จะมลี กั ษณะอยา่ งใด อนั สามารถทจี่ ะนามาเลน่ ซา้ ได้อีก โดยใช้เครื่องมอื ทจ่ี าเป็นสาหรับการใช้วสั ดนุ นั้ และให้หมายความรวมถงึ เสยี งประกอบงานนนั้ ด้วย ถ้ามี - ภาพยนตร์ หมายความวา่ โสตทศั นวสั ดอุ นั ประกอบด้วยลาดบั ของภาพซง่ึ สามารถนาออกฉายตอ่ เนอื่ งได้อยา่ งภาพยนตร์หรือสามารถ บนั ทกึ ลงบนวสั ดอุ ื่น เพื่อนาออกฉายตอ่ เนอ่ื งได้อยา่ งภาพยนตร์ และให้หมายความรวมถึงเสยี งประกอบภาพยนตร์นนั้ ด้วย ถ้ามี - สงิ่ บนั ทกึ เสยี ง หมายความวา่ งานอนั ประกอบด้วยลาดบั ของเสยี งดนตรี เสยี งการแสดง หรือเสยี งอ่ืนใดโดยบนั ทกึ ลงในวสั ดไุ มว่ า่ จะมี ลกั ษณะใด ๆ อนั สามารถทีจ่ ะนามาเลน่ ซา้ ได้อีกโดยใช้เคร่ืองมือทจี่ าเป็ นสาหรับการใช้วสั ดนุ นั้ แตท่ งั้ นมี ้ ใิ ห้หมายความรวมถงึ เสยี งประกอบ ภาพยนตร์หรือเสยี งประกอบโสตทศั นวสั ดอุ ยา่ งอนื่ - การกระทาถือวา่ เป็ นละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ตาม พ.ร.บ. ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ.2537 ในงานโสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ หรือสง่ิ บนั ทกึ เสยี ง คอื การกระทาอยา่ ง ใดอยา่ งหนง่ึ แกง่ านดงั กลา่ ว โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตตามมาตรา 15 (5) ทงั้ นไี ้ มว่ า่ สว่ นทเ่ี ป็ นเสียงและ/หรือภาพ ถ้าได้กระทาตามอนมุ าตรา 1 หรือ 2 หรือ 3 คอื 1.2.1 ทาซา้ หรือดดั แปลง

1.2.2 เผยแพร่ต่อสาธารณชน - การนาแถบบนั ทกึ ภาพ ออกให้เช่า เป็ นการละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ในภาพยนตร์ หรือโสตทศั นวสั ดุ แม้สถานท่ีนนั้ อาจไมจ่ าต้องมคี นคลาคลา่ สถานทีอ่ าจเพยี งถกู ใช้เพยี งครัง้ ละหนง่ึ รายเทา่ นนั้ ก็ได้ 1.2.3 ให้เช่าต้นฉบบั หรือสาเนางานดงั กล่าว - การพจิ ารณาเร่ือง 1) การทาซา้ หรือดดั แปลง 2) การเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน หรือ 3) การให้เชา่ ต้นฉบบั หรือสาเนางานโสตทศั นวสั ดุ งาน ภาพยนตร์ และสง่ิ บนั ทกึ เสยี งนี ้ และทงั้ ในสว่ นทเ่ี ป็ นเสยี งและ/หรือภาพโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ พ.ร.บ.ลขิ สทิ ธิ์ พ.ศ.2537 ให้ถือวา่ เป็ นการละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ 1.3 การละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิในงานแพร่เสียงแพร่ภาพ - งานแพร่เสยี งแพร่ภาพ หมายความวา่ งานท่ีนาออกสสู่ าธารณชน โดยการแพร่เสยี งทางวทิ ยกุ ระจายเสยี ง การแพร่เสยี งและ/หรือภาพทาง วิทยโุ ทรทศั น์ หรือโดยวธิ ีอยา่ งอนื่ อนั คล้ายคลงึ กนั มาตรา 29 บญั ญตั วิ า่ การกระทาอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดแก่งานดงั กลา่ วโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต ตามมาตรา 15 (5) ให้ถือวา่ เป็ นการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิถ้าได้กระทาตามอนมุ าตรา 1 หรือ 2 หรือ 3 1.3.1 จัดทาโสตทัศนวสั ดุ ภาพยนตร์ ส่งิ บนั ทกึ เสยี งหรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพ - ถือเป็ นการละเมดิ ไมว่ า่ ตอ่ งานทงั้ หมด หรือบางสว่ น - งานละเมิดนี ้ยงั รวมไปถงึ การถา่ ยทอดสญั ญาณตอ่ retransmission จากการแพร่เสยี งแพร่ภาพของผ้อู ืน่ 1.3.2 แพร่เสียงแพร่ภาพซา้ 1.3.3 จดั ให้ประชาชนฟังและ/หรือชมงานแพร่เสยี งแพร่ภาพ การจัดให้ประชาชนฟังและ/หรือชมงานเร่เสียงแพร่ภาพตาม มาตรา 29 (3) จะเป็ นการละเมดิ สทิ ธิของเจ้าของก็ตอ่ เมอ่ื ได้กระทาลงโดยเรียกเก็บเงิน 1.3.3 จัดให้ประชาชนฟังและ/หรือชมงานแพร่เสยี งแพร่ภาพ 1.4 การละเมิดลิขสทิ ธ์ิในงานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ - โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ พ.ร.บ.ลิขสทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 หมายความวา่ คาสงั่ ชดุ คาสงั่ หรือสงิ่ อน่ื ใดทีน่ าไปใช้กบั เครื่องคอมพวิ เตอร์ เพอื่ ให้เคร่ือง คอมพิวเตอร์ทางานเพือ่ ให้ได้รับผลอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด ทงั้ นไี ้ มว่ า่ จะเป็ นภาษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในลกั ษณะใด - การละเมดิ งานวรรณกรรมทวั่ ไป คือการให้เชา่ ต้นฉบบั หรือสาเนางาน 1.4.1 ทาซา้ หรือดัดแปลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีความแตกตา่ งจากงานวรรณกรรมอ่นื ๆ คอื เพือ่ ประโยชน์การใช้งาน การ มองเห็น เข้าถงึ หรือใช้งานต้องทาสาเนาลงบนหน่วยความจาของคอมพวิ เตอร์ กระบวนการทาสาเนานนั้ จะไมป่ รากฏสายตาของผ้ใู ช้ เนอ่ื งจากการทาซา้ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รวมการทาซา้ โดยการสง่ ผา่ น หรือโดยบงั เอิญ transient or incidental copying เชน่ เดียวกบั การ เก็บโปรแกรมไว้ในตวั กลางใด ๆ โดยวธิ ีทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ การทาซา้ โปรแกรมฯ อาจเกิดขนึ ้ ได้ในการใช้งานทกุ รูปแบบ กระทง่ั การทาสาเนา สง่ ผา่ นระหวา่ สว่ นตา่ ง ๆ ของระบบคอมพวิ เตอร์โดยบงั เอญิ มีการใช้ run โปรแกรมนนั้ ก็เป็ นการทาซา้ เชน่ เดียวกนั - สทิ ธิของเจ้าของลขิ สทิ ธิ์โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ รวมสทิ ธิท่จี ะทาหรืออนญุ าตให้ผ้อู น่ื ทาการทาซา้ ชวั่ คราวหรือถาวรซง่ึ โปรแกรมคอมฯ โดย ทางใด หรือรูปแบบใดก็ตาม ไมว่ า่ เป็ นบางสวน หรือทงั้ หมด หากวา่ การบรรจุ การแสดง การใช้ การถ่ายทอด หรือการเก็บโปรแกรมคอมฯ ทา ให้จาเป็ นต้องมกี ารทาซา้ การดงั นนั้ ทาได้ก็โดยการได้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิเทา่ นนั้ - การใช้โปรแกรมคอมฯ ทไี่ มไ่ ด้รับอนญุ าตไมว่ า่ จะเป็ นการใช้ประโยชน์อยา่ งไร ถือเป็ นการทาละเมดิ ทงั้ สนิ ้ ต้องได้รับการรับรู้ในการอนญุ าต ให้ใช้สทิ ธิท่ีระบไุ ว้ทว่ี สั ดบุ รรจคุ อมฯ นนั้ shrink wrap license หากผ้ใู ช้ฝ่ าฝื นอาจถกู ดาเนนิ คดฐี านละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ได้ - หลกั ในเรื่องการพิจารณาความเหมอื นกนั อยา่ งสาคญั substantial similarity ในงานโปรแกรมคอมฯ คือ หลกั การทดสอบความเหมือนกนั อยา่ งสาคญั สาหรับโครงสร้างของโปรแกรมคอมฯ - การพิจารณาการละเมิดลขิ สทิ ธ์ิโปรแกรมคอมฯ ทตี่ ้องดใู นเรื่องการทาซา้ หรือดดั แปลง โดยทต่ี ้องเป็ นการกระทาอนั มชิ อบ การเข้าถึงงาน และความเหมอื นกนั อยา่ งสาคญั ที่มีการทดสอบ 3 ขนั้ ตอน คอื นามธรรม การกรอง การเปรียบเทียบ - นอกเหนอื 3 ขนั้ ตอนนี ้อาจเพมิ่ คาให้การของผ้เู ชี่ยวชาญ - มาตรา 4 ดดั แปลง หมายความวา่ ทาซา้ โดยเปลยี่ นรูปใหม่ ปรับปรุงแก้ไขเพ่ิมเตมิ หรือจาลองงานต้นฉบบั ในสว่ นอนั เป็ นสาระสาคญั โดย ไมม่ ลี กั ษณะเป็ นการจดั ทางานขนึ ้ ใหม่

- การเขยี นโปรแกรมทถี่ กู เขยี นด้วยโปรแกรมภาษาหนง่ึ ถกู ครอบคลมุ ในความเหมอื นกนั ในโครงสร้าง และช่ือตา่ งๆ ในระบบ มีความ สอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมของการโปรแกรม programming environment 1.4.2 เผยแพร่ต่อสาธารณชน งานโปรแกรมคอมฯ ใช้หลกั การพจิ ารณาเชน่ เดียวกบั งานวรรณกรรม หรือศลิ ปกรรม - หากโปรแกรมคอมฯใด หรือสาเนาของโปรแกรมฯ ไมเ่ คยนาออกหมนุ เวยี น หรือทาให้ปรากฏตอ่ สาธารณชนท่ีใดในโลกมากอ่ น การนา โปรแกรมฯ ออกหมนุ เวยี น หรือทาให้ปรากฏตอ่ สาธารณชนเป็ นครัง้ แรกในไทยไมส่ ามารถทาได้โดยมไิ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิ - หากโปรแกรมคอมฯ นนั้ เคยนาออกหมนุ เวียน เผยแพร่ในไทยแล้ว โดยเจ้าของฯ ยนิ ยอม การจะนาหมนุ เวยี น เผยแพร่ตอ่ ในไทยอาจทาได้ บางกรณี ต้องคานงึ ถงึ หลกั การระงบั สนิ ้ ไปแหง่ สทิ ธิในเรื่องการขายไปในวาระแรก ประกอบกบั ความยนิ ยอมของเจ้าของลขิ สทิ ธ์ิด้วย - การนาโปรแกรมคอมฯ หรือสาเนาฯ ออกหมนุ เวียน หรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชนในประเทศอื่น จะเป็ นไปตามข้อกฎหมายของประเทศนนั้ 1.4.3 ให้เช่าต้นฉบบั หรือสาเนางานโปรแกรมคอมฯ เป็ นความผิดตามมาตรา 30 (3) ต้องกระทาตอ่ โปรแกรมคอมฯ ทไ่ี ด้มาโดย ชอบด้วยกฎหมาย มาตรา 31 โปรแกรมคอมฯ เป็ นวตั ถทุ ี่กระทาขนึ ้ โดยมชิ อบด้วยกฎหมาย - การทาสาเนาลงบนหนว่ ยความจาของเครื่องคอมฯ เพยี งครัง้ เดียว สามารถใช้งานโปรแกรมนนั้ ได้ตลอดโดยไมต่ ้องอาศยั ซดี ี อนั บรรจุ โปรแกรมนนั้ อกี เม่ือซอื ้ แผน่ ซีดโี ปรแกรมคอมฯ แล้วนาไปให้ผ้อู น่ื ได้เชา่ และนาไปทาสาเนาลงบนเคร่ืองคอมฯ ของผ้อู ่นื นนั้ โดยไมไ่ ด้รับ อนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ ถือเป็ นความผิดตามมาตรา 30(3) 2. การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิโดยอ้อม -การละเมิดสทิ ธิ์โดยอ้อม เช่น การทส่ี งิ่ บง่ ชีแ้ หง่ งานในลกั ษณะใด ๆ (หนงั สอื ซงึ่ ทาขนึ ้ เหมือนกบั หนงั สอื อนั มีลขิ สทิ ธิ์ของผ้ใุ ดผ้หู นงึ่ ) นอกเหนือจากงานดงั้ เดมิ ของเจ้าของถกู นามาใช้ - การละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์โดยอ้อมจะต้องปรากฏวา่ มกี ารละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิโดยตรงเกิดขนึ ้ กอ่ นเสมอ เชน่ ต้อมีผ้ทู าซา้ ซง่ึ โปรแกรมคอมฯ โดยไมไ่ ด้รับ อนญุ าตจากเจ้าของลสิ ทิ ธิ์เกิดขนึ ้ ก่อน การนาสาเนาโปรแกรมคอมฯนนั้ ออกขายโดยบคุ คลใด จงึ ถือเป็ นการละเมิดลขิ สทิ ธิ์โดยอ้อม 2.1 องค์ประกอบของการละเมิดลขิ สทิ ธ์ิโดยอ้อม ต้องปรากฏวา 1) การกระทานนั้ เกิดขนึ ้ โดยบคุ คลใดผ้รู ู้อยแู่ ล้ว 2) หรือมีเหตอุ นั ควรรู้วา่ งานใดได้ทาขนึ ้ โดยละเมิดลขิ สทิ ธิ์ของผ้อู ืน่ 3) กระทาการอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ แกง่ านนนั้ เพื่อหากาไร 2.1.1 ผ้ใู ดรู้หรือมเี หตุอนั ควรรู้ - การกระทาท่ไี มไ่ ด้รับอนญุ าตบางประการอาจถือเป็ นความผดิ ฐานละเมดิ แม้ผ้ทู าได้ทาไปโดยไมร่ ู้วา่ งานนนั้ มีลขิ สทิ ธ์ิ เช่น การ ลอกเลยี นแบบหนงั สอื ของผ้อู ื่นโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต แม้ไมร่ ู้วา่ หนงั สอื มลี ขิ สทิ ธ์ิ การลอกเลยี นนนั้ ถอื เป็ นความผิดสาเร็จเมื่อได้ทาการลอก เลยี นนนั้ แล้ว - แตห่ ากผ้กู ระทานนั้ จะไมม่ ีความผิด ต้องได้กระทาการใด ๆ ตอ่ วตั ถทุ เ่ี ก่ยี วข้องกบั การละเมิดโดยไมร่ ู้ หรือไมม่ ีเหตอุ นั ควรรู้ได้วา่ งานนนั้ มี ลขิ สทิ ธิ์ เชน่ เจ้าของร้านขายหนงั สอื รับฝากขายหนงั สอื ทที่ าขนึ ้ โดยการละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิผ้อู น่ื เจ้าของร้านหนงั สอื ไมถ่ ือเป็ นผ้ทู าละเมิดตอ่ เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิในหนงั สอื - แตจ่ ะเป็ นการละเมิดโดยอ้อมตอ่ เจ้าของลขิ สทิ ธิ์หนงั สอื นนั้ ถ้าหากเจ้าของร้านขายหนงั สอื รู้อยวู่ า่ หนงั สอื นนั้ ถกู ทาขนึ ้ โดยการละเมดิ ลขิ สทิ ธิ์ของเจ้าของงานลขิ สทิ ธิ์นนั้ - การละเมิดโดยอ้อม แยกพจิ ารณาได้ 2 กรณี คอื 1. การรู้ 2. การมเี หตอุ นั ควรรู้ 2.1.2 งานอนั ได้ทาขนึ้ โดยละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ขิ องผู้อ่นื - การทาซา้ หรือดดั แปลงหรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน หรือให้เชา่ ต้นฉบบั หรือสาเนางาน การทาอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดนแี ้ กง่ านแพร่เสยี งแพร่ภาพ มลี ขิ สทิ ธิ์ โดยการจดั ทาโสตทศั นวสั ดุ ภาพยนตร์ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง หรืองานแพร่เสยี งแพร่ภาพไมว่ า่ ทงั้ หมดหรือบางสว่ น หรือแพร่เสยี งแพร่ภาพ ซา้ ไมว่ า่ ทงั้ หมดหรือบางสว่ นหรือการจดั ให้ประชาชนฟังหรือชม โดยเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อยา่ งอ่ืนในทางการค้า หรือการทาซา้ หรือ ดดั แปลง หรือเผยแพร่ตอ่ สาธารณชน หรือให้เชา่ ต้นฉบบั หรือสาเนางานโปรแกรมคอมฯ โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าตจากเจ้าของลขิ สทิ ธิ์ ถือเป็ นการ ละเมิดลขิ สทิ ธ์ิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook