มสธ มส มสธมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชานิติศาสตร์ แบบฝึกปฏิบัติชุดวิชา กฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน มสธ Property Law 41213 หน่วยท่ี 1-15 มสธฉบับปรับปรุงคร้ังที่ 3 มสธ
มสสงวนลิขสิทธิ์ มสธ ลิขสิทธิข์ องมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช มสธจัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช พิมพ์ครงั้ แรก พ.ศ. 2525 ปรบั ปรุงครงั้ ที่ 1 พ.ศ. 2546 ปรบั ปรุงครัง้ ท่ี 2 พ.ศ. 2554 ปรบั ปรุงครง้ั ที่ 3 พ.ศ. 2562 พมิ พ์คร้งั ที่ 1 พ.ศ. 2563 จำ� นวนพมิ พ์ 4,000 เลม่ จัดจำ�หน่ายโดย ศนู ยห์ นงั สอื มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช ปากเกร็ด นนทบรุ ี 11120 มสธข้อมูลบัตรรายการ แบบฝกึ ปฏบิ ัติชุดวิชากฎหมายว่าดว้ ยทรพั ย์สิน = Property Law/สาขาวชิ านติ ิศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. --ฉบับปรบั ปรุงครั้งที่ 3. หน่วยท่ี 1-15 1. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์--ทรัพย์สิน--แบบฝึกหัด. 2. กฎหมายที่ดิน--แบบฝึกหัด. (1) มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์. มสธKPT640 346.04 STOU 41213 W ISBN .............................................. มสธบรรณาธิการผู้ช่วย นางบชู ิตา พรหมพิทักษ์ ฝ่ายวชิ าการ สำ�นกั พมิ พ์ จัดพิมพ์ต้นฉบับ หนว่ ยเตรียมตน้ ฉบับ สำ�นักพิมพ์ จัดหน้ารูปเล่ม หน่วยจดั หน้าชดุ วิชา สำ�นักพมิ พ์ พิมพ์ที่ โรงพิมพ์มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
ม3 คำ�นำ� มสธการศึกษาระบบทางไกลของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ใช้ส่ือส่ิงพิมพ์เป็นสื่อหลัก ได้แก่ เอกสารการสอนประจ�ำชุดวิชาและแบบประเมินผลตนเอง เพื่อให้นักศึกษาใช้ศึกษาเน้ือหาสาระของแต่ละ ชดุ วชิ าดว้ ยตนเอง ในการศกึ ษาเอกสารการสอนทงั้ 15 หนว่ ย มเี นอื้ หาคอ่ นขา้ งมากและละเอยี ด นกั ศกึ ษา มสธควรจัดหาสมุดบันทึกเพ่อื ใช้ท�ำกจิ กรรมอย่างน้อย 2 ประการ ประการแรกใชส้ �ำหรบั บนั ทึกสรุปยอ่ เนือ้ หา สาระของแต่ละเร่ือง หลังจากท่ีอ่านเอกสารจบแต่ละเร่ืองแล้ว อันจะเป็นประโยชน์ในการท�ำความเข้าใจ ประเด็นทส่ี ำ� คญั ของเรือ่ งน้นั ๆ และเพอื่ ใช้สำ� หรับทบทวนช่วงใกลส้ อบ ประการทสี่ อง ใชส้ ำ� หรับเขยี นตอบ คำ� ถามทร่ี ะบใุ นกจิ กรรมทา้ ยเรอ่ื งของแตล่ ะเรอ่ื งในเอกสารการสอน เพอื่ เปน็ การประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ในการศกึ ษาเรอื่ งนน้ั ๆ เมอื่ เขยี นคำ� ตอบแลว้ นกั ศกึ ษาสามารถตรวจสอบความถกู ตอ้ งไดจ้ ากแนวคำ� ตอบท่ี ไดพ้ มิ พ์เฉลยไวต้ ่อท้ายคำ� ถามของกจิ กรรมแต่ละข้อในเอกสารการสอน นอกจากนั้น นกั ศึกษาควรท�ำการ ประเมินผลตนเองท้ังก่อนและหลังการศึกษาเน้ือหาสาระของแต่ละหน่วย ทั้งน้ีเพ่ือจะได้ทราบผลของการ ศึกษาว่า ก่อนการศึกษานักศึกษามีความรู้มากน้อยเพียงใด และหลังจากที่ท�ำการศึกษาแล้วนักศึกษาได้ รบั ความรูเ้ พ่มิ มากขึ้นหรอื ไม่ มสธเอกสาร “แบบฝึกปฏิบัติชุดวิชา” ฉบับน้ี ประกอบด้วยแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนและ หลงั เรยี นของแตล่ ะหนว่ ย รวม 15 หนว่ ย พร้อมค�ำเฉลย จดั ท�ำขึน้ เพอื่ ให้นกั ศกึ ษาใช้เป็นเครอ่ื งมือในการ ทดสอบความรู้เร่ืองท่ีศึกษาในแต่ละหน่วย ให้นักศึกษาใช้เอกสารฉบับน้ีก่อนที่จะศึกษาเน้ือหาสาระของ หนว่ ยหนงึ่ หนว่ ยใด โดยการอา่ นคำ� ถามและเลอื กคำ� ตอบทถ่ี กู ทส่ี ดุ ในแบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรยี นของ หน่วยน้ันๆ ในเอกสารเล่มนี้ท้ังหมดทุกข้อ ในข้ันน้ีนักศึกษาไม่ควรดูเฉลย จากนั้นจึงลงมือศึกษาเน้ือหา สาระของหน่วยนัน้ ๆ หลงั จากทีศ่ ึกษาหนว่ ยนัน้ ๆ จบแล้ว ขอให้นกั ศกึ ษากลบั ไปอ่านค�ำถามและเลือกคำ� ตอบที่ถูกที่สุดในแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนของหน่วยนั้นๆ ในเอกสารเล่มนี้ทั้งหมดทุกข้อ แล้ว ตรวจสอบกับเฉลยที่ให้ไว้และขอให้สรุปผลการศึกษาโดยตรวจสอบว่านักศึกษาได้เลือกค�ำตอบท่ีถูกต้อง มสธกขี่ อ้ ทง้ั แบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี นแลว้ เปรยี บเทยี บดผู ลการตอบคำ� ถามจะทำ� ใหท้ ราบ ผลว่านักศึกษาได้รับความรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่หลังจากศึกษาเอกสารการสอน เพ่ือจะได้น�ำผลนั้นไปพิจารณา ทบทวนเน้อื หาสาระใหม้ คี วามร้ทู ส่ี มบูรณค์ รบถว้ นตอ่ ไป ขอใหน้ กั ศกึ ษาไดป้ ฏบิ ตั ติ นตามแนวทางขา้ งตน้ อยา่ งเครง่ ครดั และขอใหใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากเอกสาร เล่มน้ีอย่างสูงสุด และขอให้ถือเสมือนว่าเอกสารเล่มน้ีเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทางไกล ซึ่งจะช่วยให้ นักศกึ ษาประสบความสำ� เรจ็ ในการเรียนรใู้ นแต่ละชดุ วชิ า มสธคณะกรรมการกลุ่มปรับปรุงชุดวิชา กฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน
มส4 สารบัญ มสธ หน้า ค�ำนำ� ........................................................................................................................................... 3 มสธหน่วยท่ี 1 ความหมาย ประเภท และความสัมพันธ์ของทรัพย์สิน แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................ หน่วยที่ 2 ทรัพย์สินและบุคคลสิทธิ แบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรียน..................................................................................... มสธแบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ หน่วยที่ 3 กรรมสิทธ์ิและกรรมสิทธิ์รวม แบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรยี น..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................ มสธหน่วยท่ี 4 การได้มาซ่ึงกรรมสิทธิ์ แบบประเมินผลตนเองก่อนเรยี น..................................................................................... แบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................ หน่วยที่ 5 การใช้สิทธิและข้อจ�ำกัดในการใช้สิทธิ มสธแบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรยี น..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลังเรยี น...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................
ม5 หน่วยที่ 6 สิทธิครอบครัว มสธแบบประเมนิ ผลตนเองก่อนเรียน..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลังเรยี น...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ หน่วยท่ี 7 ภาระจ�ำยอม มสธแบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรยี น..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................ หน่วยท่ี 8 ทรัพยสิทธิอ่ืน ๆ แบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรียน..................................................................................... แบบประเมนิ ผลตนเองหลังเรยี น...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ มสธหน่วยท่ี 9 การได้มาซ่ึอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ แบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรยี น..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ หน่วยที่ 10 ระบบที่ดินและท่ีดินของรัฐ แบบประเมนิ ผลตนเองกอ่ นเรียน..................................................................................... มสธแบบประเมินผลตนเองหลังเรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ หน่วยที่ 11 ที่ดินของเอกชน แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลังเรียน...................................................................................... มสธเฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................
มส6 หน่วยท่ี 12 หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน แบบประเมนิ ผลตนเองก่อนเรยี น..................................................................................... มสธแบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................ มสธหน่วยที่ 13 การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอสังหาริมทรัพย์ แบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรียน..................................................................................... แบบประเมนิ ผลตนเองหลังเรยี น...................................................................................... เฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ หน่วยท่ี 14 การปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม แบบประเมินผลตนเองก่อนเรยี น..................................................................................... แบบประเมนิ ผลตนเองหลงั เรียน...................................................................................... เฉลยแบบประเมินผลตนเอง............................................................................................ มสธหน่วยที่ 15 กฎหมายอาคารชุด แบบประเมินผลตนเองกอ่ นเรียน..................................................................................... แบบประเมินผลตนเองหลงั เรยี น...................................................................................... มสธเฉลยแบบประเมนิ ผลตนเอง............................................................................................ มสธ
มแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 1 มสธวัตถุประสงค์ เพ่ือประเมินความรู้เดิมของนักศึกษาเก่ียวกับเร่ือง “ความหมาย ประเภท และความ7 สัมพันธ์ของทรัพย์สิน” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศกึ ษาอา่ นค�ำถามแล้วเขียนวงกลมลอ้ มรอบขอ้ คำ� ตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ุด มสธ1. ความแตกต่างท่ีส�ำคัญของความหมายของ ค�ำวา่ “ทรพั ย์” กับ “ทรัพย์สิน” คอื ขอ้ ใด ก. ทรัพย์ต้องมีตัวตน แต่ทรัพย์สินอาจมีตัว ง. สิทธิบัตรในการประดษิ ฐ์ห่นุ ยนต์ จ. สถานีรถไฟใตด้ ิน 5. ทรัพยส์ ินตามขอ้ ใดท่เี ปน็ ทรพั ย์นอกพาณชิ ย์ ตนหรอื ไม่มตี วั ตนก็ได้ ก. ปืน ข. ทรพั ยอ์ าจมรี าคาหรอื ไมก่ ไ็ ด้ แตท่ รพั ยส์ นิ ข. ยาบา้ ต้องมีราคา และมมี ลู ค่าเป็นเงินเสมอ ค. ดอกไม้ไฟ ง. น�้ำยาเคมี ค. ทรพั ยอ์ าจถอื เอาเป็นของเราได้เสมอ แต่ จ. ปลาทีว่ ่ายอยู่ในแม่น�้ำ ทรพั ยส์ นิ บางครั้งไม่อาจถือเอาได้ 6. ทรัพย์ในข้อใดของรถยนต์ท่ีไม่เป็นส่วนควบ กับตัว ง. ทรัพย์เป็นวัตถุส่ิงของ แต่ทรัพย์สินเป็น ก. กนั ชน ข. กระจกมองขา้ ง มสธนามธรรมไมเ่ ป็นวัตถทุ จี่ ับตอ้ งได้ ค. เคร่อื งปรบั อากาศ ง. ไฟทา้ ย จ. ทรัพย์สินต้องอาจมีราคา แต่ทรัพย์ต้อง จ. ถกู ทกุ ข้อ อาจถอื เอาได้ 7. ส่ิงปลูกสร้างที่ท�ำข้ึนตามข้อใดไม่ตกเป็นส่วน ควบกบั ที่ดนิ 2. ส่งิ ใดตอ่ ไปน้ีท่ีเปน็ ทรพั ยส์ ินแต่ไม่เปน็ ทรพั ย์ ก. ถนน ก. ก๊าซหงุ ต้ม ข. หอนาฬิกา ข. กระแสไฟฟา้ ค. บ้านท่ีปลูกอยบู่ นท่ดี นิ ทเี่ ช่า ค. ใบหนุ้ ง. ตน้ มะมว่ ง จ. ทงี่ อกริมตลิง่ มสธง. ลขิ สทิ ธิ์ 8. ทรัพย์ท่ีใช้ประจ�ำอยู่ในบ้านตามข้อใดเป็น อุปกรณ์ของบา้ น จ. แรใ่ นดนิ ก. หนา้ ตา่ ง 3. ทรัพยส์ นิ ตามขอ้ ใดทเี่ ปน็ อสังหาริมทรพั ย์ ข. ฝากัน้ ห้อง ก. โฉนดทดี่ นิ ข. ต้นข้าวทีป่ ลูกในนา ค. ต้นมะพร้าวที่ปลกู ในสวน ง. ดนิ ท่ีถูกเคล่ือนยา้ ยเพ่อื ไปถมที่ มสธจ. อากาศธาตทุ ่ีอย่เู หนอื พนื้ ดนิ นั้น 4. ทรพั ยส์ ินตามขอ้ ใดที่เปน็ สงั หารมิ ทรพั ย์ ก. สทิ ธอิ าศัย ข. นำ้� ทะเลในทอ้ งทะเล ค. พดั ลม ค. ดินใต้ท้องนำ�้
10. ทรพั ยส์ ินตามขอ้ ใดถอื ว่าเป็นดอกผลนติ นิ ยัมส8 ก. กำ� ไรจากการขายของง. กลอนประตู ข. ลูกของสุนัขตัวผู้ท่ีได้มาจากการเอาไปจ. บันได เปน็ พ่อพนั ธุ์ ค. แรธ่ าตทุ ่อี ยใู่ นดนิมสธ9. ทรัพยต์ ามขอ้ ใดถือวา่ เปน็ ดอกผลธรรมดา ง. มลู คา่ ของทรพั ยส์ ินที่เพม่ิ ขนึ้ก. คร่ังบนต้นไม้ จ. ค่าโดยสารรถยนตท์ ีไ่ ดจ้ ากผโู้ ดยสารข. เงนิ ปนั ผลจากหุ้น มสธค. คา่ นายหน้าจากการขายทด่ี นิ ง. ลกู สุขนขั จ. คา่ เวนคืนท่ดี นิ มสธ มสธ มสธ
มแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 1 มสธวัตถุประสงค์ เพอ่ื ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรขู้ องนกั ศกึ ษาเกย่ี วกบั เรอื่ ง “ความหมาย ประเภท9 และความสัมพันธ์ของทรัพย์สิน” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศกึ ษาอ่านค�ำถามแลว้ เขยี นวงกลมลอ้ มรอบขอ้ ค�ำตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ุด มสธ1. สงิ่ ใดตอ่ ไปนท้ี ี่เป็นทรพั ยส์ ินแต่ไมเ่ ป็นทรัพย์ ก. แรใ่ นดิน ข. ใบห้นุ จ. ทรัพย์สินเป็นค�ำที่ใช้ในกฎหมาย แต่ ทรพั ยเ์ ปน็ คำ� ทใี่ ชใ้ นภาษาไทยทใี่ ชก้ นั โดย ท่ัวไป ค. สิทธบิ ตั ร 5. สิ่งปลูกสร้างที่ท�ำข้ึนตามข้อใดไม่ตกเป็นส่วน ง. อากาศ ควบกบั ท่ีดนิ จ. กา๊ ซหงุ ต้ม ก. สะพาน 2. ทรพั ย์สินตามขอ้ ใดเป็นอสังหาริมทรัพย์ ข. ตน้ ไม้ ก. อากาศธาตทุ ีอ่ ยเู่ หนอื พนื้ ดนิ นั้น ค. รว้ั บา้ น ข. ต้นข้าวทป่ี ลกู ในนา ง. บา้ นท่ีปลูกอยู่บนที่ดนิ ที่เชา่ จ. ยงุ้ ขา้ ว มสธค. ดนิ ที่ถกู เคลอื่ นยา้ ยเพือ่ ไปถมท่ี 6. ทรัพย์ในข้อใดของรถยนต์ที่ไม่เป็นส่วนควบ กับตัวรถยนต์ ง. สิทธิเกบ็ กิน ก. ไฟท้าย จ. หนังสอื รับรองการท�ำประโยชน์ ข. กระจกมองขา้ ง 3. ทรัพย์สินตามข้อใดเป็นสงั หารมิ ทรพั ย์ ค. เครอ่ื งยนต์ ก. สทิ ธิจ�ำนำ� ง. เครือ่ งเสียง ข. สทิ ธิจำ� นอง จ. กนั ชน ค. น้ำ� ทะเล 7. ทรัพย์ตามข้อใดเปน็ อุปกรณ์ของบ้าน ก. รว้ั บ้าน มสธง. อากาศ ข. ฝากัน้ หอ้ ง ค. หนา้ ต่าง จ. สถานรี ถไฟใตด้ ิน ง. พัดลม 4. ความแตกต่างท่ีส�ำคัญของความหมายของ จ. ขอสบั หนา้ ต่าง 8. ทรัพยส์ นิ ตามข้อใดเป็นทรัพย์นอกพาณิชย์ คำ� วา่ “ทรัพย์” กบั “ทรพั ยส์ ิน” คอื ขอ้ ใด ก. ที่ดินท่ีเจ้าของมรดกห้ามโอนไว้ในพินัย- ก. ทรัพย์อาจถือเอาได้เสมอ แต่ทรัพย์สิน กรรม บางกรณีไมอ่ าจถอื เอาได้ ข. ทรัพย์ต้องมีตัวตน แต่ทรัพย์สินอาจมีตัว มสธตนหรือไมม่ ตี วั ตนกไ็ ด้ ค. ทรัพย์เป็นวัตถุส่ิงของ แต่ทรัพย์สินเป็น นามธรรมไม่เป็นวตั ถุท่จี บั ตอ้ งได้ ง. ทรพั ยอ์ าจมรี าคาหรอื ไมก่ ไ็ ด้ แตท่ รพั ยส์ นิ ข. ที่วดั ต้องมรี าคา และมมี ูลค่าเปน็ เงินเสมอ ค. น้ำ� ยาเคมี
มส10 10. ทรพั ย์ตามขอ้ ใดถือว่าเป็นดอกผลธรรมดา ง. ดอกไมไ้ ฟก. ขนแกะท่ตี ดั จากตัวแกะ จ. ท่กี ัลปนาข. ต้นข้าวโพดที่ปลกู ในไร่ ค. ค่านายหนา้ จากการขายทดี่ ิน มสธ9. ทรพั ย์สนิ ตามข้อใดถือวา่ เปน็ ดอกผลนติ นิ ยัง. เงนิ ปันผลจากห้นุ ก. คา่ เช่านาทจ่ี ่ายเป็นขา้ วเปลอื กจ. งาช้างทีต่ ัดจากตวั ช้าง ข. เห็ดบนพ้นื ดิน มสธค. แรธ่ าตทุ ่ีอยู่ในดนิ ง. คา่ จ้างท�ำสวน จ. ก�ำไรจากการขายของ มสธ มสธเฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 1 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ก. 1. ค. 2. ง. 2. ง. 3. ค. 3. ก. 4. ง. 4. ข. 5. ง. มสธ 5. ข. 6. ง. 7. จ. 6. ค. 8. ข. 7. ค. 8. ง. 9. ง. 9. ก. 10. ข. 10. ก.
ม 11 มสธวัตถุประสงค์ เพ่อื ประเมินความรูเ้ ดมิ ของนักศึกษาเกีย่ วกบั เรอื่ ง “ทรัพยสิทธิและบุคคลสิทธิ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ กั ศกึ ษาอ่านค�ำถามแลว้ เขยี นวงกลมล้อมรอบข้อคำ� ตอบท่ถี กู ตอ้ งทีส่ ดุ แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 2 1. ทรพั ยสทิ ธคิ ืออะไร มสธก. สิทธใิ นหนี้ ข. สิทธเิ รยี กรอ้ ง ค. สทิ ธเิ หนอื ทรพั ยส์ นิ ง. สทิ ธเิ ก็บกนิ จ. สทิ ธิยดึ หน่วง 6. สิทธิเด็ดขาดหมายความวา่ อยา่ งไร ก. สิทธิทกุ ประเภททก่ี ฎหมายรบั รอง ง. สิทธเิ หนอื บุคคล ข. สทิ ธิทยี่ ันได้กับค่กู รณเี ท่านนั้ จ. สิทธิพลเมอื ง ค. สิทธิท่ีได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้า 2. ขอ้ ใดเปน็ ทรพั ยสิทธิ หนา้ ท่ีแลว้ ก. สทิ ธิตามสญั ญาเชา่ ง. สิทธทิ จ่ี ะบงั คับใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ข. สทิ ธิตามมลู ละเมิด จ. สิทธิท่ีใช้ยันได้กบั ทกุ คน ค. สิทธยิ ึดหนว่ ง 7. ข้อใดไม่ใช่ทรัพยสิทธิตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณชิ ย์ มสธง. สทิ ธิอาศยั ก. สิทธบิ ตั ร ข. สิทธิยึดหน่วง จ. ข้อ ค. และขอ้ ง. ถูก ค. สทิ ธิจ�ำน�ำ 3. ขอ้ ใดเป็นวตั ถแุ ห่งสทิ ธิของทรัพยสิทธิ ง. สิทธจิ ำ� นอง จ. บุริมสทิ ธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรพั ย์ ก. สงิ่ ของ 8. ทรพั ยสทิ ธใิ นขอ้ ใดเปน็ ทรพั ยสทิ ธปิ ระเภทตดั ข. การกระท�ำ ทอนกรรมสิทธิ์ ค. การส่งมอบทรพั ย์ ก. สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ ง. การงดเวน้ การกระท�ำ ข. สทิ ธิครอบครอง ค. สิทธิบตั ร มสธจ. การปฏิบตั ิตามสญั ญา ง. ลขิ สทิ ธ์ิ จ. เครอื่ งหมายการคา้ 4. ขอ้ ใดถกู เกีย่ วกบั การก่อต้งั ทรพั ยสทิ ธิ9. ข้อใดไม่ใช่ทรพั ยสิทธิ ก. ก่อตง้ั โดยนติ ิกรรม ก. ทางจำ� เป็น ข. ก่อตั้งโดยเจตนาของบคุ คล ข. สทิ ธเิ ก็บกิน ค. ก่อตง้ั โดยอ�ำนาจของกฎหมายเท่านน้ั ค. สทิ ธอิ าศัย ง. กอ่ ตั้งโดยนิตเิ หตุ จ. กอ่ ต้งั โดยผลของสัญญา มสธ5. ข้อใดไม่ใช่ทรัพยสิทธิตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ ก. สิทธบิ ัตร ข. ภาระจ�ำยอม ง. ภาระจ�ำยอม ค. สทิ ธอิ าศยั จ. ภาระติดพนั ในอสงั หารมิ ทรพั ย์
มส12 มสธ 10. ข้อใดเป็นลักษณะของทรพั ยสทิ ธิ ก. กอ่ ตงั้ โดยอ�ำนาจของกฎหมายเท่านน้ั มสธข. ไม่สญู สิ้นไปเพราะการไมใ่ ช้สทิ ธิ ค. เปน็ สิทธิทใี่ ช้ยนั ไดก้ ับทุกคน ง. ผู้ทรงสิทธิบังคับตามสิทธิได้เองโดยไม่ ตอ้ งพึง่ อ�ำนาจรัฐ จ. ถกู ทุกข้อ มสธ มสธ มสธ
มแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 2 มสธวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักศึกษาเก่ียวกับเรื่อง “ทรัพยสิทธิและ13 บุคคลสิทธิ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ กั ศกึ ษาอ่านคำ� ถามแลว้ เขยี นวงกลมลอ้ มรอบขอ้ ค�ำตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุด มสธ1. สิทธิ ที่มีวัตถุแห่งสิทธิเป็นทรัพย์สินเรียกว่า อะไร ก. ทรัพยสทิ ธิ ค. สทิ ธิการเชา่ เป็นบคุ คลสิทธิ ง. สทิ ธใิ นการฟ้องรอ้ งคดีเป็นทรพั ยสทิ ธิ จ. บุคคลสทิ ธเิ ปน็ สิทธทิ ี่มีอายคุ วาม ข. บคุ คลสทิ ธิ 6. การใช้สทิ ธใิ ดไม่ถูกจ�ำกัดโดยอายุความ ค. สิทธิเรยี กร้อง ก. การฟ้องบงั คับจำ� นอง ง. สทิ ธแิ หง่ ทรพั ย์ ข. การฟ้องตามสัญญากู้เงนิ จ. สิทธิเกยี่ วกับทรัพย์ ค. การฟ้องใหร้ ับผดิ ตามมลู ละเมดิ 2. นกั กฎหมายเรียกสทิ ธเิ หนือบุคคลวา่ อะไร ง. การฟ้องเรียกค่าเสยี หาย ก. สทิ ธิสว่ นบคุ คล จ. การฟอ้ งผคู้ ำ�้ ประกนั ตามสญั ญาคำ�้ ประกนั 7. สทิ ธเิ ดด็ ขาดหมายความว่าอยา่ งไร มสธข. บุคคลสิทธิ ก. สิทธิทุกประเภทท่ีกฎหมายรบั รอง ข. สทิ ธทิ ย่ี นั ไดก้ บั คกู่ รณแี ละผสู้ บื สทิ ธขิ องคู่ ค. สิทธิแห่งบุคคล ง. สทิ ธเิ กีย่ วกบั บคุ คล กรณี จ. สทิ ธิของค่กู รณี ค. สทิ ธทิ ไี่ ดจ้ ดทะเบยี นกบั พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี 3. ทรพั ยสทิ ธิข้อใดมอี �ำนาจมากทส่ี ุด ก. กรรมสทิ ธิ์ แล้ว ข. สทิ ธคิ รอบครอง ง. สทิ ธิท่จี ะบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย จ. สิทธิทีใ่ ช้ยันไดก้ ับทุกคน มสธค. เคร่อื งหมายการคา้ 8. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั ลักษณะของทรัพยสิทธิ ก. ไม่อาจกอ่ ตง้ั โดยเจตนาของบุคคล ง. บรุ มิ สิทธิพิเศษเหนืออสังหารมิ ทรัพย์ ข. ไม่ถูกจำ� กดั ด้วยอายคุ วาม จ. สิทธิจ�ำนอง ค. เป็นสิทธิทใ่ี ชย้ นั ไดก้ บั ทกุ คน 4. สิทธจิ ำ� นองใช้ยันกับใครไดบ้ า้ ง ง. ผู้ทรงสิทธิบังคับตามสิทธิได้เองโดยไม่ ก. ผ้จู ำ� นอง ข. ทายาทของผู้จำ� นอง ตอ้ งพ่งึ อำ� นาจรฐั ค. ผ้สู บื สิทธขิ องผูจ้ �ำนอง จ. ถกู ทกุ ขอ้ 9. ขอ้ ใดไม่ใช่ทรพั ยสิทธิ มสธง. ผู้รบั โอนทรัพย์สินจากผูจ้ �ำนอง ก. สทิ ธยิ ดึ หน่วง จ. ถูกทุกขอ้ 5. ข้อใดตอ่ ไปนไี้ ม่ถูกต้อง ก. ทรพั ยสิทธใิ ชย้ นั ไดก้ บั ทกุ คน ข. สทิ ธเิ ก็บกนิ ข. สิทธิบงั คบั จ�ำนองเป็นบุคคลสิทธิ ค. สิทธิอาศัย
มส14 มสธ ง. ภาระจำ� ยอม จ. บรุ ิมสทิ ธสิ ามัญ มสธ10. สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์มีวิธีการ แสดงออกซงึ่ การทรงทรพั ยสิทธอิ ยา่ งไร ก. สังหาริมทรัพย์ใช้การครอบครองส่วน อสังหาริมทรัพยใ์ ชท้ ะเบยี นสาธารณะ ข. สังหาริมทรัพย์ใช้ทะเบียนสาธารณะส่วน อสงั หารมิ ทรพั ย์ใช้การครอบครอง ค. ท้ังอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ใช้ มสธการครอบครอง มสธ ง. ทั้งอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ใช้ ทะเบยี นสาธารณะ จ. ท้ังอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ใช้ได้ท้ังการครอบครองและทะเบียน สาธารณะแล้วแต่จะเลอื ก เฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 2 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ค. 1. ก. 2. จ. 2. ข. 3. ก. 3. ก. 4. ค. 4. จ. 5. ข. มสธ 5. ง. 6. ก. 7. จ. 6. ก. 8. จ. 7. จ. 9. จ. 8. ก. 9. ก. 10. จ. 10. ก.
ม 15 มสธวัตถุประสงค์ เพือ่ ประเมินความรูเ้ ดมิ ของนักศกึ ษาเกีย่ วกับเรือ่ ง “กรรมสิทธ์ิและกรรมสิทธ์ิรวม” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศกึ ษาอ่านคำ� ถามแล้วเขียนวงกลมล้อมรอบขอ้ คำ� ตอบท่ถี ูกตอ้ งท่ีสดุ แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 3 1. ข้อความใดไม่ถูกต้องในเรื่องลักษณะของ มสธกรรมสิทธ์ิ ก. เป็นสทิ ธิเด็ดขาด ข. เปน็ บุคคลสทิ ธิชนิดหนึ่ง 5. เจ้าของรวมคนหน่ึงจะอ้างภาระจ�ำยอมโดย อายุความข้ึนยันเจ้าของรวมคนอ่ืนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ก. ไม่ได้ เพราะขัดต่อบทกฎหมายโดยชัด ค. เปน็ สทิ ธถิ าวร แจง้ ง. เป็นสทิ ธทิ ่มี ตี วั ทรพั ย์เป็นวตั ถุแห่งสิทธิ ข. ได้ เพราะขัดต่อบทกฎหมายโดยชัดแจง้ จ. ถกู ทุกข้อ ค. ไม่ได้ เพราะขัดต่อจารีตประเพณีแห่ง 2. ก. ให้ ข. เช่าทด่ี ินแปลงหนึง่ เช่นน้ี เปน็ สทิ ธิ ตามขอ้ ใดของเจ้าของทรพั ยส์ ิน ท้องถิ่น ก. สทิ ธิใชส้ อย ง. ได้ เพราะเป็นทรัพยสิทธิชนิดหนึ่ง ย่อม มสธข. สิทธจิ ำ� หน่าย ยกขน้ึ อา้ งได้เสมอ จ. ไม่ได้ เพราะเจ้าของรวมทุกคนย่อมเป็น ค. สทิ ธิไดด้ อกผล ง. สทิ ธิครอบครอง เจ้าของทกุ ส่วนของทรัพยส์ ินนน้ั จ. สทิ ธกิ ่อภาระตดิ พนั ในอสังหารมิ ทรัพย์ 6. เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ จะท�ำการเพ่ือรักษา 3. แดนกรรมสทิ ธม์ิ ไี ดเ้ ฉพาะกบั ทรพั ยส์ นิ ประเภท ใด ทรพั ยส์ นิ ไดเ้ พยี งใด ก. ท่ดี ินเทา่ น้นั ก. กระทำ� ได้เสมอ ข. กระทำ� ไดเ้ ฉพาะในสว่ นของตน มสธข. อสงั หารมิ ทรัพย์เท่านน้ั ค. กระทำ� ไดห้ ากเจ้าของรวมทกุ คนยนิ ยอม ง. กระท�ำได้หากเจ้าของรวมฝ่ายข้างมาก ค. ทง้ั สงั หารมิ ทรพั ย์และอสังหารมิ ทรัพย์ ง. ทรพั ยส์ ินทกุ ชนดิ ท่ีอาจมกี รรมสิทธ์ิได้ เหน็ ชอบ จ. ทรัพยข์ องแผน่ ดนิ จ. กระทำ� ได้หากพิสูจน์ไดว้ า่ เปน็ การกระทำ� 4. บทบัญญัติเร่ืองเหตุเดือดร้อนร�ำคาญ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1337 น้นั มุ่งคุม้ ครองผ้ใู ด โดยสุจริต ก. เจ้าของทรพั ยส์ นิ 7. ก. กบั ข. เป็นเจ้าของรถยนตค์ ันหนง่ึ รวมกนั มสธข. ผู้ครอบครองทรพั ย์สนิ โดย ก. ถือกรรมสิทธิ์ 2 ส่วน และ ข. ถือ กรรมสทิ ธิ์ 1 ส่วนท้ังสองตกลงผลัดกนั ใชต้ าม ค. เจา้ ของอสังหาริมทรพั ย์ ความจ�ำเป็นในระหว่างท่ี ก. น�ำรถไปใช้ 1 ง. ผ้ทู รงทรัพย์สิทธิ เดือน ต้องจ่ายค่าน�ำ้ มันไป 3,000 บาท เชน่ นี้ ก. จะเรียกให้ ข. ช่วยจา่ ยค่านำ�้ มันนั้นไดห้ รอื จ. บุคคลโดยท่วั ไป ไม่ เพราะเหตุใด
มส16 ก. ไม่ได้ เพราะเป็นไปตามหลักผู้จ่ายเป็น 9. การแบ่งทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธ์ิรวม โดย ผ้รู บั ผิดชอบ การตกลงกันเองนั้นจะต้องใช้คะแนนเสียง เพยี งใด มสธข. ไดค้ รง่ึ หนง่ึ เพราะเปน็ ไปตามขอ้ สนั นษิ ฐานก. จำ� นวนเจ้าของรวมฝ่ายขา้ งมากเหน็ ชอบ ของกฎหมาย ข. จ�ำนวนสัดส่วนการถือกรรมสิทธ์ิฝ่ายข้าง ค. ไมไ่ ด้ เพราะขดั ตอ่ หลกั การครอบครอง มากเหน็ ชอบ ค. จ�ำนวนเจ้าของรวมสามในส่ีของท้ังหมด มสธง. ได้ 1,000 บาท เพราะต้องช่วยจ่ายตาม เห็นชอบ ส่วนแห่งกรรมสิทธิ์ ง. จำ� นวนเจา้ ของรวมทง้ั หมดเห็นชอบ จ. ไม่ได้ เพราะมิใช่ค่าใช้ทรัพย์สินเพ่ือ ประโยชนร์ วมกนั 8. สิทธิเรียกให้แบ่งทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์ จ. ตามแต่จะตกลงกันไว้ในการก่อตั้ง รวมน้ันจะตัดโดยนิติกรรมไดห้ รือไม่ เพียงใด กรรมสิทธริ์ วม ก. ไมไ่ ด้โดยเดด็ ขาด ข. ได้คราวละไมเ่ กิน 1 ปี 10. ถ้าเจ้าของรวมต้องรับผิดร่วมกันต่อบุคคล ค. ไดค้ ราวละไม่เกนิ 2 ปี ภายนอกในหน้ีอันเก่ียวกับทรัพย์สินรวม ใน เวลาแบ่งการจะเรียกให้เอาทรัพย์สินรวมนั้น มสธง. ได้คราวละไมเ่ กิน 10 ปี ชำ� ระหนเี้ สยี กอ่ นกฎหมายกำ� หนดใหเ้ ปน็ สทิ ธิ จ. ได้ไมม่ ีขอ้ จ�ำกดั ในเรอื่ งน้ี มสธของผ้ใู ด ก. เจ้าหน้ที ่ัวไป ข. เจ้าหน้ีสามญั ค. เจา้ หนบ้ี รุ ิมสทิ ธิ ง. เจา้ หน้ีตามค�ำส่งั ศาล จ. เจ้าของรวมด้วยกนั เอง มสธ
มแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 3 มสธวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “กรรมสิทธิ์และ 17 กรรมสิทธ์ิรวม” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ กั ศึกษาอา่ นค�ำถามแลว้ เขียนวงกลมล้อมรอบข้อคำ� ตอบท่ถี กู ตอ้ งท่ีสุด มสธ1. ขอ้ ใดเป็นลักษณะของกรรมสทิ ธิ์ ก. เป็นสิทธิที่กฎหมายให้อ�ำนาจบุคคลมีอยู่ เหนือทรัพยส์ ิน 5. เจ้าของรวมคนใดจะอ้างอายุความครอบครอง ปรปกั ษข์ น้ึ ยนั เจา้ ของรวมคนอน่ื ไมไ่ ด้ เวน้ แต่ ในกรณีใด ข. เป็นทรัพยสิทธิชนิดหนึ่งที่มีอ�ำนาจเท่า ก. ไมม่ ีเจ้าของรวมคนใดใช้สิทธิคัดคา้ น เทยี มกับทรัพย์สนิ อ่ืน ๆ ข. เจ้าของรวมคนอ่ืนได้สละเจตนาครอบ ค. เป็นสิทธิทีม่ ไิ ดใ้ นทรพั ยส์ นิ ทกุ ชนิด ครอง ง. เปน็ สิทธทิ อ่ี าจหมดสิน้ ไปโดยการไม่ใช้ จ. เป็นสิทธิในทางหน้ี ค. เจ้าของรวมคนอ่ืนประมาทเลินเล่ออย่าง 2. ก. ใหส้ ทิ ธเิ กบ็ กนิ แก่ ข. ในทดี่ นิ แปลงหนง่ึ เชน่ รา้ ยแรง มสธนเ้ี ปน็ สิทธติ ามขอ้ ใดของเจา้ ของทรัพยส์ นิ ง. เจ้าของรวมได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะ แห่งการยดึ ถือแล้ว ก. สทิ ธิจ�ำหน่าย ข. สทิ ธิใช้สอย จ. เจ้าของรวมทุกคนต่างก็อ้างอายุความ ค. สทิ ธิไดด้ อกผล ครอบครอบปรปักษ์เช่นเดียวกัน ง. สิทธคิ รอบครอง จ. สทิ ธกิ อ่ ภาระติดพันในอสงั หาริมทรัพย์ 6. ในเรื่องจัดการตามธรรมดา เจ้าของรวมคน 3. แดนกรรมสิทธิ์ครอบคลุมพน้ื ท่ีบริเวณใด หน่งึ ๆ จะกระท�ำได้เพียงใด ก. กระทำ� ได้เสมอ มสธก. บนพ้ืนดิน ข. กระทำ� ได้เฉพาะในสว่ นของตน ค. กระทำ� ไดห้ ากเจา้ ของรวมทุกคน ข. เหนือพน้ พน้ื ดิน ง. กระท�ำได้หากเจ้าของรวมฝ่ายข้างมาก ค. ใต้พนื้ ดิน เหน็ ชอบ ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก จ. กระท�ำได้หากเจ้าของรวมคนอื่นไม่ได้ จ. ข้อ ก. ข. และ ค. ถูก คัดคา้ นเป็นหนงั สอื 4. ผู้ก่อเหตุเดือดร้อนร�ำคาญ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1337 นัน้ จะตอ้ งเป็นบุคคลตามข้อใด 7. ก. กับ ข. เป็นเจ้าของบ้านหลังหน่ึงรวมกัน โดย ก. ถือกรรมสิทธิ์ 1 ส่วน และ ข. ถือ มสธก. ผูค้ รอบครองทรพั ยส์ นิ กรรมสทิ ธิ์ 2 สว่ น ก. ตกลงให้ ข. ครอบครอง บา้ นนน้ั แตฝ่ า่ ยเดยี ว ตอ่ มา ข. ไดจ้ า่ ยคา่ ซอ่ ม ข. เจ้าของทรัพย์สิน บ้านไป 30,000 บาท เช่นนี้ ข. จะเรียกให้ ก. ค. ผู้ครอบครองอสงั หาริมทรพั ย์ ง. เจา้ ของอสังหารมิ ทรพั ย์ ชว่ ยจา่ ยคา่ ซอ่ มดงั กลา่ วไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุ จ. บุคคลใดกไ็ ด้ ใด
มส18 ก. ต้องเป็นไปตามสัดส่วนการถือกรรมสิทธ์ิ ก. ไม่ได้ เพราะ ข. เปน็ ผู้ใชป้ ระโยชน์ โดยไมม่ ีขอ้ ยกเว้น ข. ได้ก่ึงหนึ่ง ตามข้อสันนิษฐานของ มสธกฎหมาย ข. จะแบ่งกันต่างไปได้ก็แต่โดยค�ำส่ังศาล ค. ไมไ่ ด้ เพราะขัดตอ่ หลกั การครอบครอง เทา่ นัน้ ง. ได้ 10,000 บาท ตามส่วนเพราะเป็นค่า มสธรกั ษาทรัพย์สนิ ค. จะแบ่งกันต่างไปได้ต้องท�ำข้อตกลงเป็น จ. ไม่ได้ เพราะขัดต่อหลักการถือเอา หนงั สือเทา่ นน้ั ประโยชน์ 8. ถ้าวัตถุประสงค์ท่ีเป็นเจ้าของรวมกันนั้น มี ง. จะแบ่งกันต่างไปได้เฉพาะทรัพย์สินที่ไม่ ตอ้ งจดทะเบียนเท่านนั้ จ. อาจแบง่ กนั ตา่ งไปไดต้ ามแตข่ อ้ ตกลงของ ลักษณะเป็นการถาวร เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ เจ้าของรวม จะเรยี กใหแ้ บง่ ทรพั ยส์ นิ นนั้ ไดห้ รอื ไม่ เพยี งใด 10. เจา้ ของรวมตอ้ งรบั ผดิ ชอบตามสว่ นของตน ใน ก. ได้เสมอ ข. ไม่ได้โดยเด็ดขาด ทรัพย์สินซ่ึงเจ้าของรวมคนอื่นๆ ได้รับไปใน ค. ได้หากพ้นกำ� หนด 10 ปแี ล้ว การแบง่ เชน่ เดยี วกับผู้ใด ก. ผจู้ �ำนำ� มสธง. ไมไ่ ด้เว้นแตจ่ ะใช้สทิ ธใิ นทางศาล ข. ผู้จ�ำนอง ค. ผขู้ าย จ. ไมไ่ ด้เวน้ แตจ่ ะเป็นมตเิ อกฉนั ท์ ง. ลูกหนร้ี ่วม 9. การแบ่งทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธ์ิรวม โดย จ. ลูกหนใ้ี นมลู ละเมดิ การตกลงกนั เองนน้ั จะตอ้ งเปน็ ไปตามสดั สว่ น การถอื กรรมสทิ ธิเ์ พยี งใด หรอื ไม่ มสธเฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 3 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ข. 1. ก. 2. ข. 2. ก. 3. ก. 3. จ. 4. ค. 4. จ. 5. ง. มสธ 5. จ. 6. ง. 7. ง. 6. ก. 8. ข. 7. จ. 8. ง. 9. ง. 9. จ. 10. จ. 10. ค.
ม 19 มสธค�ำแนะน�ำ เพ่ือประเมนิ ความรเู้ ดมิ ของนกั ศึกษาเก่ียวกบั เรือ่ ง “การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์” วัตถุประสงค์ ขอใหน้ กั ศกึ ษาอา่ นค�ำถามแล้วเขียนวงกลมลอ้ มรอบขอ้ ค�ำตอบท่ีถกู ต้องทีส่ ุด แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 4 1. ข้อความใดไม่ถูกต้อง มสธก. ทงี่ อกรมิ ตลงิ่ ตอ้ งเปน็ ทดี่ นิ ทงี่ อกเขา้ มาหา ตลิง่ ข. ที่งอกริมตลิ่งต้องเป็นที่งอกท่ีเกิดข้ึนตาม 4. กรณีใช้สัมภาระของบุคคลอื่นท�ำสิ่งใดขึ้นใหม่ หากค่าแรงงานเท่ากับค่าสัมภาระใครเป็น เจ้าของทรพั ยท์ ท่ี �ำข้นึ ก. เจา้ ของสมั ภาระ ธรรมชาติ ข. ผู้ทำ� ส่งิ นั้นข้นึ ค. ที่งอกริมตล่ิงต้องเป็นที่งอกสูงข้ึนจนใน ค. เปน็ กรรมสิทธร์ิ วม ภาวะปกติน�้ำท่วมไมถ่ ึง ง. แลว้ แตจ่ ะตกลงกัน จ. กฎหมายบังคับให้น�ำออกขายแล้วน�ำเงิน ง. ที่งอกริมตลิ่งย่อมเป็นทรัพย์สินของ เจา้ ของทีด่ ินรมิ ตลิ่งนนั้ มาแบ่งกัน 5. บุคคลอาจได้กรรมสิทธ์ิในสังหาริมทรัพย์ไม่มี จ. ทกุ ข้อถกู ต้อง เจา้ ของโดยวิธีใด มสธ2. กรณีสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ก. เข้าถือเอา ใครเป็นเจ้าของโรงเรอื น ข. ครอบครอง ก. ผู้สร้างโรงเรอื น ค. เจตนายึดถอื เพอื่ ตน ข. เจ้าของที่ดนิ ง. แสดงเจตนาครอบครอง ค. แล้วแต่จะตกลงกัน จ. ไม่อาจได้กรรมสิทธ์ิเพราะตกเป็นของ ง. เปน็ กรรมสทิ ธร์ิ วมของผสู้ รา้ งโรงเรอื นกบั เจ้าของที่ดนิ แผ่นดิน มสธจ. ผู้สร้างโรงเรอื นตอ้ งรือ้ ถอนออกไป 6. สตั วป์ า่ ทค่ี นจบั ไดน้ น้ั ถา้ มนั กลบั คนื อสิ ระและ 3. กรณีเจ้าของท่ีดินโดยมีเง่ือนไขสร้างโรงเรือน เจา้ ของไมต่ ดิ ตามภายในเวลาเทา่ ใดถอื วา่ เปน็ ในที่ดิน และภายหลังที่ดินนั้นตกเป็นของ ทรพั ย์ไมม่ ีเจ้าของ บุคคลอื่นตามเงื่อนไข กฎหมายให้น�ำ ก. โดยพลัน บทบญั ญตั ิในเร่อื งใดมาใช้บงั คับ ข. ภายใน 24 ชัว่ โมง ก. ซ้ือขาย ค. ภายใน 48 ชว่ั โมง ข. แลกเปล่ียน ง. ภายใน 3 วนั จ. ภายใน 7 วัน มสธค. จ้างทำ� ของ ง. ลาภมคิ วรได้ จ. แล้วแตค่ ู่กรณจี ะตกลงกนั
มส20 7. ผู้เก็บได้ซ่ึงทรัพย์สินหาย หากเลือกที่จะส่ง9. การไดท้ รพั ยส์ นิ กรณใี ดทเี่ พยี งแตส่ จุ รติ กไ็ ดร้ บั มอบทรัพย์สินนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องการคมุ้ ครองตามกฎหมายแล้ว ก. กรณีได้ทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด มสธสง่ มอบภายในระยะเวลาเท่าใด ตามค�ำส่งั ศาล ข. กรณีซ้ือทรัพย์สนิ ในทอ้ งตลาด ก. โดยมิชกั ชา้ ค. กรณสี ทิ ธิของผไู้ ด้เงินตรา ข. ภายใน 24 ชว่ั โมง ง. กรณไี ดท้ รพั ยส์ นิ จากผโู้ อนซง่ึ ไดท้ รพั ยส์ นิ น้ันมาโดยนิติกรรมอันเป็นโมฆียะ มสธค. ภายใน 3 วัน จ. ถกู ทกุ ข้อ ง. ภายใน 7 วัน จ. ภายใน 15 วัน 8. ข้อใดเป็นสังหาริมทรัพย์มีค่าตาม ป.พ.พ. มสธมาตรา 1328 10. กรณใี ดทบ่ี คุ คลภายนอกไมไ่ ดร้ บั การคมุ้ ครอง กรรมสทิ ธ์ิ ก. สายแร่ทองคำ� ก. กรณีสิทธิของผไู้ ดเ้ งนิ ตรา ข. แหวนเพชรบนเรือนทองค�ำ ข. กรณีการขายทอดตลาดตามคำ� ส่ังศาล ค. รูปนารายณ์หินทรายอันเป็นโบราณวตั ถุ ค. กรณีการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงาน ง. พระมาลาทองค�ำสมยั อยุธยา พทิ ักษ์ทรัพยใ์ นคดลี ม้ ละลาย จ. ถูกทุกขอ้ มสธง. กรณไี ดม้ าโดยอาศยั หลกั กรรมสทิ ธต์ิ า่ งกนั จ. กรณีผู้ซื้อทรัพย์สินจากพ่อค้าซ่ึงขายของ ชนดิ น้ัน มสธ
ม 21 มสธค�ำแนะน�ำ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักศึกษาเกี่ยวกับเร่ือง “การได้มาซึ่ง กรรมสิทธ์ิ” วัตถุประสงค์ ขอให้นกั ศกึ ษาอ่านคำ� ถามแล้วเขยี นวงกลมล้อมรอบข้อค�ำตอบทีถ่ ูกต้องทีส่ ุด แบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 4 มสธ1. ข้อความใดไม่ถูกต้องเก่ยี วกบั ทงี่ อกริมตลิ่ง ก. ตอ้ งเป็นที่งอกออกจากริมตลง่ิ ข. ตอ้ งเป็นท่ีงอกที่เกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ 4. การใช้สัมภาระของบุคคลอ่ืนท�ำสิ่งใดขึ้นใหม่ กรณีใดท่ีผูท้ ำ� เป็นเจ้าของสัมภาระทท่ี ำ� ขึน้ ก. เป็นของผทู้ �ำทุกกรณี ค. ตอ้ งเปน็ ทง่ี อกขนึ้ จนในภาวะปกตนิ ำ้� ทว่ ม ข. กรณีค่าแรงงานเท่ากับค่าสมั ภาระ ไมถ่ ึง ค. กรณีค่าแรงงานเกินกว่าค่าสมั ภาระมาก ง. ตกเปน็ ทรัพยส์ ินของแผน่ ดนิ ง. กรณสี ัมภาระหามลู คา่ มิไดเ้ ลย จ. ทกุ ข้อถูกตอ้ ง จ. เป็นของเจา้ ของสัมภาระในทุกกรณี 2. กรณสี รา้ งโรงเรอื นรกุ ลำ�้ เขา้ ไปในทด่ี นิ ของผอู้ นื่5. การเขา้ ถอื เอาสงั หารมิ ทรพั ยไ์ มม่ เี จา้ ของ มผี ล โดยสจุ รติ ใครเปน็ เจา้ ของโรงเรอื นสว่ นทรี่ กุ ลำ้� ประการใด ก. ไดก้ ารยดึ ถอื มสธก. ผู้สรา้ งโรงเรอื น ข. ไดก้ ารครอบครอง ค. ไดก้ รรมสิทธิ์ ข. เจ้าของทด่ี นิ ง. ไดก้ รรมสทิ ธหิ์ ากเจา้ ของไมต่ ดิ ตามเอาคนื ค. แล้วแต่จะตกลงกนั ง. ผสู้ ร้างโรงเรือนต้องร้ือถอนออกไป ภายใน 1 ปี จ. เปน็ กรรมสทิ ธริ์ วมของผสู้ รา้ งโรงเรอื นกบั จ. ได้กรรมสิทธิ์หากครอบครองครบอายุ เจา้ ของทด่ี ิน ความตามหลกั เกณฑข์ องกฎหมาย 3. กรณใี ดทก่ี ฎหมายใหน้ ำ� บทบญั ญตั ใิ นเรอ่ื งลาภ 6. สตั วป์ า่ ทเี่ ลยี้ งเชอ่ื งแลว้ ทง้ิ ไปเลย มผี ลประการใด มสธมคิ วรได้มาใช้บงั คับ ก. ถือเปน็ สัตวป์ ่าไมม่ ีเจา้ ของ ข. ถือเป็นสัตวป์ า่ ของเจา้ ของเดิม ก. กรณีสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดย ค. ถือเป็นสตั วเ์ ล้ียงของเจา้ ของเดิม สจุ รติ ง. ถือเป็นสัตว์ป่าของเจ้าของเดิม หาก ข. กรณสี รา้ งโรงเรอื นรกุ ลำ�้ เขา้ ไปในทดี่ นิ ของ เจา้ ของเดมิ ยงั ติดตามอยู่ ผ้อู ืน่ โดยสุจริต จ. ถือเป็นสัตว์เล้ียงของเจ้าของเดิม หาก ค. กรณีธัญชาติอันจะเก็บเกี่ยวรวงผลได้ เจา้ ของเดมิ ยงั ติดตามอยู่ คราวหน่งึ หรือหลายคราวตอ่ ปี 7. ผู้เก็บได้ซ่ึงทรัพย์สินหาย หากเลือกที่จะแจ้ง มสธง. กรณีเจ้าของท่ีดินโดยมีเงื่อนไขสร้างโรง แกเ่ จา้ ของตอ้ งแจง้ ภายในเวลาเทา่ ใด เรอื นในที่ดิน จ. ถูกทกุ ขอ้ ก. 24 ชัว่ โมง ข. 48 ชั่วโมง
มส22 ค. 3 วัน ง. กรณีไดท้ รพั ยส์ ินมาจากการขายทอด ง. 7 วัน จ. ถูกทกุ ข้อ 10. กรณตี าม ป.พ.พ. มาตรา 1329 ตอ้ งเปน็ การ มสธจ. โดยมชิ ักชา้ ได้ทรัพย์สินจากผู้โอนซ่ึงได้ทรัพย์สินน้ันมา โดยนิติกรรมตามข้อใด 8. ผู้ท่ีเก็บสังหาริมทรัพย์มีค่าซ่ึงฝังไว้ได้ มีสิทธิ ก. เปน็ โมฆะ ได้รบั รางวลั เท่าใด ข. เป็นโมฆียะ ค. ไม่บริบรู ณ์ มสธก. 1 ใน 4 แห่งคา่ ทรัพยน์ ้ัน ง. ไม่สมบูรณ์ ข. 1 ใน 3 แห่งค่าทรพั ยน์ ั้น ค. กึ่งหนึ่แหง่ คา่ ทรพั ย์นน้ั ง. 3 ใน 4 แหง่ ค่าทรพั ย์นั้น จ. ทรพั ยต์ กเปน็ ของแผน่ ดนิ ไมม่ สี ทิ ธไิ ดร้ บั จ. ถูกทกุ ข้อ รางวลั มสธ 9. กรณีใดที่บุคคลภายนอกได้รับการคุ้มครอง เฉพาะราคาทรัพย์สนิ ก. กรณีสิทธขิ องผู้ได้เงินตรา มสธข. กรณไี ดม้ าโดยอาศยั หลกั กรรมสทิ ธติ์ า่ งกนั ค. กรณีซื้อทรัพย์สินจากพ่อค้าซึ่งขายของ ชนิดน้นั เฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 4 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ก. 1. ง. 2. ข. 2. ก. 3. ง. 3. ง. 4. ข. 4. ค. 5. ค. มสธ 5. ก. 6. ก. 7. จ. 6. ก. 8. ข. 7. ค. 9. ค. 8. ง. 9. ค. 10. จ. 10. ข.
มแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 5 มสธวัตถุประสงค์ เพ่ือประเมินความรู้เดิมของนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง “การใช้สิทธิและข้อจ�ำกัดในการใช้23 สิทธิ” ค�ำแนะน�ำ ขอให้นักศกึ ษาอ่านคำ� ถามแล้วเขยี นวงกลมลอ้ มรอบขอ้ คำ� ตอบทีถ่ กู ต้องที่สุด มสธ1. ข้อใดเปน็ สทิ ธทิ ่ีเกย่ี วกับทรัพยส์ ิน ก. บคุ คลสิทธิ ข. สิทธใิ นชือ่ เสยี ง ค. ได้โดยท�ำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับ พนกั งานเจา้ หน้าท่ี ง. ไมไ่ ดเ้ พราะเปน็ ขอ้ จำ� กดั สทิ ธโิ ดยกฎหมาย ค. สิทธิในร่างกาย จ. ไม่ได้เพราะเป็นข้อกฎหมายท่ีเกี่ยวกับ ง. สทิ ธิในการปกครองบุตร ความสงบเรยี บร้อยของประชาชน จ. สทิ ธไิ ด้รับขอ้ มูลจากหน่วยราชการ 5 เอกและโทเป็นเจ้าของท่ีดินติดต่อกัน เอกได้ 2. การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคล อ่ืนนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ถมทด่ี นิ ของตนใหส้ งู ขน้ึ เพอื่ ไมใ่ หน้ ำ�้ ทว่ มทดี่ นิ บัญญตั วิ า่ เปน็ การกระทำ� อย่างไร ของตน เมอ่ื ฝนตกนำ�้ จงึ ไหลจากทดี่ นิ ของเอก ลงสทู่ ด่ี นิ ของโท โทจงึ ทำ� คนั กน้ั ไวไ้ มใ่ หน้ ำ�้ ไหล มสธก. ไมส่ ุจรติ ท่วมที่ดินของตน เอกอ้างว่าโทไม่มีสิทธิท�ำ เชน่ น้ี เพราะโทเปน็ เจา้ ของทด่ี นิ ตำ�่ จงึ ตอ้ งรบั ข. ไมม่ ีสิทธิ นำ�้ ซงึ่ ไหลจากทด่ี นิ สงู ตามกฎหมาย กรณนี โ้ี ท ค. ไม่เป็นธรรม ต้องเปิดทางระบายน้�ำให้เอกตามข้ออ้างดัง ง. ไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย กลา่ วหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด จ. ขดั ตอ่ ความสงบเรยี บรอ้ ยและศลี ธรรมอนั ก. ตอ้ งเปดิ เพราะโทเปน็ เจ้าของท่ดี ินตำ่� ข. ต้องเปิด เพราะเป็นข้อจ�ำกัดสิทธิตาม ดีของประชาชน 3. คำ� วา่ “บคุ คลสทิ ธ”ิ นน้ั ประมวลกฎหมายแพง่ กฎหมาย ค. ต้องเปิด เพราะเป็นข้อกฎหมายเพ่ือ มสธและพาณิชย์ เรียกวา่ อยา่ งไร ประโยชนส์ าธารณะ ก. หนี้ ง. ไมต่ อ้ งเปดิ เพราะทดี่ นิ ของเอกไมใ่ ชท่ ดี่ นิ ข. สิทธเิ รียกร้อง ค. สิทธิเหนอื บุคคล สูงตามธรรมชาติ ง. หนี้หรอื สทิ ธิเรยี กร้อง จ. ไม่ต้องเปิด เพราะเอกไม่มีสิทธิถมท่ีดิน จ. สิทธเิ หนือบคุ คลหรอื สิทธิตามกฎหมาย 4. ข้อจ�ำกัดสิทธิแห่งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ซ่ึง ของตนให้สงู กวา่ ทีด่ นิ ติดต่อกัน 6. ถา้ เอกตอ้ งการขดุ รอ่ งเพอื่ วางทอ่ ระบายนำ�้ ลกึ มสธกฎหมายก�ำหนดไว้ จะถอนหรือแก้ให้หย่อน หนึ่งเมตร เอกต้องขุดห่างจากแนวเขตท่ีดิน ลงไดห้ รือไมอ่ ยา่ งไร อย่างน้อยเทา่ ใด ก. ได้โดยการท�ำนิตกิ รรมตกลงกนั ข. ได้โดยการจดทะเบียนกับพนักงานเจ้า- ก. ห้าสบิ เซนติเมตร หน้าท่ี ข. หนึ่งเมตร
มส24 ค. กว่าหนึง่ เมตรขึ้นไป 9. เทพได้แบ่งแยกทด่ี นิ แปลงหนึ่งของตน ซึ่งอยู่ ง. สองเมตร ตดิ ทางสาธารณะออกเปน็ 10 แปลงทำ� ใหท้ ด่ี นิ แปลงท่ีแบ่งแยกแปลงหน่ึงที่หนูเป็นผู้ซ้ือไม่มี มสธ จ. กว่าสองเมตรขึ้นไป ทางออกสทู่ างสาธารณะ เพราะถกู ทด่ี ินแปลง อน่ื อกี 9 แปลงทเี่ กดิ จากการแบง่ แยกปดิ ลอ้ ม 7. หนง่ึ และสองเปน็ เจา้ ของทด่ี นิ ตดิ ตอ่ กนั ไดร้ ว่ ม หนจู ะขอใหเ้ จา้ ของทด่ี นิ แปลงทแ่ี บง่ แยกแปลง กันขุดคเู ปน็ แนวของทด่ี ิน ถ้าหนึง่ ต้องการถม ใดแปลงหน่ึงเปิดทางจ�ำเป็นให้ได้หรือไม่ อยา่ งไร และต้องเสียค่าทดแทนหรอื ไม่ มสธคเู พราะเกรงวา่ จะเปน็ อนั ตรายแกบ่ ตุ รของตน ก. ได้ แต่ตอ้ งเสียคา่ ทดแทน หน่ึงมีสทิ ธิท�ำไดห้ รือไม่ ก. ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจาก สอง ข. ไมไ่ ด้ เว้นแตห่ นึ่งจะพิสูจนไ์ ดว้ ่าตนเป็นผู้ ข. ได้ โดยไมต่ อ้ งเสียค่าทดแทน ออกค่าใช้จ่ายในการขดุ คูแตเ่ พียงผู้เดยี ว ค. ได้ เฉพาะบนทดี่ นิ แปลงทเี่ ทพเปน็ เจา้ ของ ค. ไม่ได้ เว้นแต่จะมีส่ิงอ่ืนเป็นเครื่องหมาย กรรมสทิ ธิ์ โดยไม่ต้องเสยี ค่าทดแทน แนวเขตทด่ี นิ แทนคู ง. ได้ โดยไม่จ�ำกัดว่าจะต้องขอเฉพาะบน ง. ได้ เพราะไมใ่ ชข่ อ้ จำ� กดั ในการใชส้ ทิ ธเิ พอื่ ทดี่ นิ แปลงทไ่ี ดแ้ บง่ แยกเทา่ นน้ั แตต่ อ้ งเสยี คา่ ทดแทน มสธสาธารณประโยชน์ จ. ไม่ได้ เพราะท่ีดินของหนูไม่มีทางออกสู่ ทางสาธารณะเนื่องจากการแบ่งแยกซ่ึง จ. ได้ แต่ต้องถมถึงแนวเขตที่ดินของตน หนูทราบอยู่แล้วตามหลัก “ผู้ซ้ือมีหน้าท่ี เท่านนั้ และต้องท�ำรว้ั ตามแนวเขตท่ีดนิ ต้องระวงั ” 10. แคบเปน็ เจา้ ของทด่ี นิ แปลงใหญแ่ ปลงหนง่ึ โดย 8. เจ้าของที่ดินจะตัดรากไม้และกิ่งไม้ ซ่ึงรุกล้�ำ ไมไ่ ด้กั้นรั้ว และไม่ไดท้ ำ� ประโยชนแ์ ต่อยา่ งใด เขา้ มาจากทดี่ นิ ตดิ ตอ่ กนั และเอาไวเ้ สยี ไดห้ รอื ไม่ ฉวยจะพาฝงู ววั ของตนเขา้ ไปเลย้ี งกนิ หญา้ กนิ ก. ได้ แตต่ ้องบอกให้เจ้าของตดั ก่อน ถ้าไม่ น�้ำในทดี่ ินของแคบไดห้ รอื ไม่ ก. ได้ เพราะเป็นข้อจ�ำกัดสิทธิของเจ้าของ มสธตดั จึงตดั เอาเสยี ได้ ที่ดนิ ท่ีมิได้ทำ� ประโยชน์ ข. ได้ หากมีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นให้ ข. ได้ โดยไม่จ�ำตอ้ งบอกตามข้อ ก. เพราะ ทำ� ได้และแคบไมห่ า้ ม เปน็ ขอ้ จำ� กดั กรรมสิทธิ์ ค. ได้ เพราะเป็นขอ้ จ�ำกัดในการใชส้ ิทธิ แต่ แคบยอ่ มหา้ มได้เสมอ ค. ได้ ตามข้อ ข. แต่จะเอารากไมห้ รอื ก่ิงไม้ ง. ได้ เว้นแต่แคบจะก้ันร้ัวหรือได้ท�ำ ไว้เปน็ ของตนไมไ่ ด้ ตอ้ งคืนเจ้าของ ประโยชนใ์ นที่ดินน้นั แลว้ จ. ไมไ่ ด้ ไมว่ า่ กรณใี ดตามหลกั กรรมสทิ ธซิ์ งึ่ ง. ได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวเฉพาะรากไม้ แต่กงิ่ ไม้ต้องบอกกล่าวตามข้อ ก. ก่อน จ. ได้ โดยไมต่ อ้ งบอกกลา่ วเฉพาะกง่ิ ไม้ แต่ มสธรากไม้ต้องบอกกล่าวตามข้อ ก. ก่อน เพราะอาจทำ� ใหต้ ้นไม้ตายได้ เปน็ สิทธเิ ดด็ ขาด
ม 25 มสธวัตถุประสงค์ เพ่อื ประเมินความกา้ วหน้าในการเรยี นรู้ของนักศกึ ษาเกยี่ วกับเร่อื ง “การใช้สิทธิและข้อ จ�ำกัดในการใช้สิทธิ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศกึ ษาอา่ นคำ� ถามแลว้ เขยี นวงกลมลอ้ มรอบขอ้ คำ� ตอบที่ถกู ต้องที่สดุ แบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 5 มสธ1. ขอ้ ใดไม่ใช่สทิ ธเิ กีย่ วกับสภาพบคุ คล ก. บุคคลสทิ ธิ ข. การรับมรดก ข. ได้ โดยการท�ำเปน็ หนงั สอื และจดทะเบยี น ตามข้อ ก. ค. ได้ โดยได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีที่ ค. การนับถอื ศาสนา เกย่ี วขอ้ ง ง. การรวมกนั เป็นสมาคม ง. ได้ เว้นแต่จะเปน็ ขอ้ จำ� กัดท่ีเกี่ยวกบั ความ จ. การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวธุ สงบเรยี บร้อยของประชาชน 2. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 5 บัญญัติหลักทั่วไปในการใช้สิทธิ และในการ จ. ไม่ได้ เว้นแต่จะออกเป็นกฎหมาย ชำ� ระหน้ไี วใ้ หก้ ระทำ� อยา่ งไร 5. เสรีเจ้าของที่ดินต�่ำได้ท�ำคันดินปิดก้ันมิให้น�้ำ มสธก. โดยสจุ ริต ซง่ึ ไหลตามธรรมดาจากทด่ี นิ ของแดงซง่ึ อยสู่ งู กวา่ ลงสทู่ ด่ี นิ ของตน จนทำ� ใหน้ ำ้� ทว่ มทด่ี นิ ของ ข. เปน็ ธรรม แดง กรณีน้เี สรมี สี ทิ ธิกระท�ำดังกล่าวหรอื ไม่ ค. ไมข่ ดั ต่อกฎหมาย ก. มีสิทธิตามหลกั กรรมสทิ ธ์ิ ง. ไมล่ ะเมิดบุคคลอืน่ ข. มสี ิทธิ เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยสุจรติ จ. ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม ค. มีสิทธิ เพราะเป็นการใช้สิทธิตามปกติ อันดีของประชาชน หากไม่ท�ำคันดิน ตนก็เสียหายเหมือนท่ี 3. “สิทธเิ รียกร้อง” เปน็ สทิ ธิที่เก่ียวกบั ทรพั ย์สิน ผา่ นมา ง. ไม่มีสิทธิ เพราะเป็นท่ีดินสูงต�่ำตาม มสธทเ่ี รยี กว่าอยา่ งไร ธรรมชาติ จ. ไม่มีสิทธิ เพราะเป็นท่ีดินติดต่อกันไม่ว่า ก. บุคคลสทิ ธิ ระดบั ของทด่ี นิ จะสงู ตำ�่ ตามธรรมชาตหิ รอื ข. สทิ ธเิ หนอื บคุ คล ไมก่ ต็ าม ค. สทิ ธิเหนือทรพั ย์ 6. ยม้ิ ตอ้ งการขดุ หลมุ สว้ มลกึ 2.20 เมตร ยม้ิ ตอ้ ง ง. บุคคลสทิ ธหิ รอื สทิ ธเิ หนือบุคคล ขุดห่างจากแนวเขตที่ดนิ เท่าใด จ. สทิ ธติ ามกฎหมายหรอื สิทธิเหนือทรัพย์ ก. ไม่นอ้ ยกวา่ หนง่ึ เมตร 4. ข้อจ�ำกัดสิทธแิ ห่งเจา้ ของอสังหารมิ ทรัพย์ ซึ่ง ข. ไม่นอ้ ยกว่า 2 เมตร ค. กว่า 2 เมตร มสธก�ำหนดไว้เพื่อสาธารณประโยชน์น้ัน จะถอน หรอื แก้ให้หยอ่ นลงไดห้ รือไม่ ก. ได้ โดยการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้า หน้าที่ ง. ครึ่งหน่ึงแห่งส่วนลกึ ของหลุมสว้ ม จ. ไม่น้อยกว่าส่วนลกึ ของหลมุ ส้วม
มส26 7. กบและเขียดเป็นเจ้าของรั้วต้นไม้ท้ังสองข้าง9. น้อยสร้างบ้านพักอาศัยบนท่ีดินตาบอด ไม่มี รวมกัน กบจะตัดร้ัวต้นไม้น้ันโดยเขียดไม่ทางออกสทู่ างสาธารณะซง่ึ เปน็ ทดี่ นิ ทนี่ อ้ ยเชา่ จากนดิ นอ้ ยจะขอผา่ นทดี่ นิ แปลงทล่ี อ้ มอยไู่ ป มสธอนุญาตไดห้ รอื ไม่สูท่ างสาธารณะได้หรือไม่ ก. ได้ ตามหลักทางจำ� เป็น ก. ไม่ได้ตามหลักกรรมสทิ ธริ์ วมข. ได้ ถา้ ทดี่ ินแปลงท่จี ะขอผา่ นเปน็ ของนิด ข. ได้ เว้นแต่รว้ั ตน้ ไมน้ ัน้ จะเป็นหลกั เขตค. ได้ แต่ต้องผ่านท่ีดินแปลงที่อยู่ใกล้ทาง สาธารณะมากที่สดุ มสธค. ได้ แต่ต้องตัดถึงแนวเขตท่ีดินของตนง. ไมไ่ ด้ เพราะนอ้ ยไม่ใชเ่ จา้ ของท่ดี ิน เท่านนั้ ง. ได้ แตต่ ้องตดั ตามข้อ ค. และก่อกำ� แพง หรอื ท�ำรว้ั ตามแนวเขตนั้น จ. ได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิตามปกติ ตาม จ. ไมไ่ ด้ เพราะนอ้ ยทราบอยกู่ อ่ นแลว้ วา่ เปน็ หลักขอ้ จ�ำกัดในการใช้สทิ ธิ ทด่ี ินตาบอด 8. ฟ้าและดินเป็นเจ้าของท่ีดินติดกัน ต่างก็ปลูก 10. ยอดจะเข้าไปในที่ดินของย่ิงซึ่งเป็นท่ีป่าเพ่ือ ตน้ มะมว่ งในทดี่ นิ ของตน แตก่ ง่ิ ตน้ มะมว่ งของ เก็บผลไม้ป่า และเห็ดท่ีขึ้นโดยธรรมชาติได้ ฟ้ารุกล�้ำเข้าไปในท่ีดินของดินเกือบทุกต้น หรือไม่ ก. ไมไ่ ด้ ตามหลกั กรรมสทิ ธซ์ิ ง่ึ เปน็ สทิ ธเิ ดด็ มสธท�ำให้ผลมะม่วงหล่นลงในท่ีดินของดินจ�ำนวน ขาด ข. ได้ ถ้ามีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นให้ มาก ผลมะม่วงที่หล่นน้นั เปน็ ของใคร ท�ำได้ ก. ฟา้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 ค. ได้ ถา้ ยง่ิ ไมไ่ ดก้ นั้ รว้ั หรอื แสดงความเปน็ ข. ฟ้า ตามหลกั ขอ้ จำ� กัดกรรมสทิ ธ์ิ เจ้าของกรรมสิทธิไ์ ว้ ค. ดนิ ตามหลักแดนกรรมสิทธ์ิ ง. ได้ตามขอ้ ข. และถา้ ย่งิ ไมห่ ้าม ง. ดิน เว้นแต่ฟ้าจะพิสูจน์ได้ว่าหล่นจากต้น จ. ได้ เพราะเป็นที่ป่าตามหลักข้อจ�ำกัด กรรมสทิ ธ์ิ มสธของตน จ. ฟ้าและดินคนละคร่ึง ตามข้อสันนิษฐาน ของกฎหมาย เว้นแต่ฟ้าจะพิสูจน์ได้ว่า มสธหลน่ จากตน้ ของตน
มเฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 5 มสธ ก่อนเรียน 27 1. ก. หลังเรียน 2. ง. 1. ก. 2. ก. มสธ 3. ง. 3. ง. 4. จ. 4. ค. 5. ง. 5. ง. 6. ก. 6. ค. 7. จ. 7. ง. 8. ง. 8. ง. 9. ข. 9. ง. 10. ง. มสธมสธ มสธ 10. ค.
มส28 มสธค�ำแนะน�ำ เพอื่ ประเมนิ ความรู้เดมิ ของนกั ศกึ ษาเกี่ยวกบั เรื่อง “สิทธิครอบครอง” วัตถุประสงค์ ขอใหน้ กั ศึกษาอา่ นคำ� ถามแล้วเขยี นวงกลมลอ้ มรอบข้อคำ� ตอบทถ่ี ูกตอ้ งทีส่ ดุ แบบประเมินตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 6 มสธ1. ขอ้ ใดมิใช่ลกั ษณะของสิทธิครอบครอง ก. เป็นบุคคลสทิ ธชิ นิดหนงึ่ ค. ตดิ ตามเอาคืน ข. ไดม้ าตามข้อเท็จจริง ง. ได้ซงึ่ ดอกผล ค. มอี ย่ไู ด้ตราบเท่าทคี่ รอบครอง จ. ถูกทุกข้อ ง. อาจอยู่โดยล�ำพังได้ 5. การฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนการ จ. อาจแทรกอย่ใู นสทิ ธิอืน่ ๆ ได้ ครอบครองน้ัน จะต้องฟ้องภายในระยะเวลา 2. ขอ้ ใดมิใช่กรณสี ทิ ธคิ รอบครองโดยผอู้ น่ื ยดึ ถอื ตามข้อใด ก. 1 ปี นับแต่รู้ ไวใ้ ห้ ข. 1 ปี นบั แตถ่ กู รบกวน ก. ลูกจ้างยึดถือทรัพย์สินของนายจ้างใน ค. 1 ปี นบั แตร่ ู้ แตไ่ มเ่ กิน 10 ปี นบั แต่ถกู มสธทางการทีจ่ า้ ง รบกวน ง. 2 ปี นบั แต่รู้ ข. ตัวแทนยึดถือทรัพย์สินของตัวการใน จ. 2 ปี นบั แต่ถูกรบกวน กจิ การตัวแทน 6. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1379 ถ้าผู้แทนยึดถือ ทรัพย์สินอยู่แล้ว การโอนการครอบครองจะ ค. เจ้าของรวมยึดถือทรัพย์สินอันเป็น ท�ำไดโ้ ดยวิธใี ด กรรมสิทธร์ิ วม ก. ส่งมอบ ข. บอกกล่าว ง. ผู้รับยึดถือทรัพย์สินตามสัญญาให้โดยมี ค. แสดงเจตนา ง. ท�ำเปน็ หนังสือ มสธภาระตดิ พนั จ. มีหลักฐานการโอนเปน็ หนงั สือ 7. ข้อใดเป็นการสิ้นสุดการครอบครอง ตาม จ. ทายาทยดึ ทรัพย์สนิ อันเป็นมรดกร่วมกัน ป.พ.พ. มาตรา 1377 3. ขอ้ ใดมิใช่ขอ้ สันนษิ ฐานของผ้คู รอบครอง ก. ถูกแยง่ การครอบครอง ข. ถูกรบกวนการครอบครอง ก. ครอบครองโดยสงบ ค. โอนการครอบครอง ข. ครอบครองโดยเปิดเผย ง. สง่ มอบการครอบครอง ค. ครอบครองโดยสจุ ริต ง. ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจา้ ของ จ. ทกุ ขอ้ เปน็ ขอ้ สนั นษิ ฐานของผคู้ รอบครอง มสธ4. สทิ ธซิ ง่ึ ผคู้ รอบครองกระทำ� การใดในทรพั ยส์ นิ ท่ีครอบครองน้ัน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1372 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นสิทธิซึ่งผู้ครอบ ครองมตี ามกฎหมาย จ. สละเจตนาครอบครอง ก. ใช้ ข. จ�ำหนา่ ย
ม8. ทรัพย์สนิ ตามขอ้ ใด ครอบครองปรปกั ษไ์ มไ่ ด้ 29 มสธก. ทรัพยแ์ บ่งได้ 10. การครอบครองปรปักษ์เรือแพที่ได้มาโดย ข. ทรัพยแ์ บ่งไมไ่ ด้ การกระท�ำความผิดฐานชงิ ทรัพย์ เปน็ เหตุให้ ค. อปุ กรณ์ของทรพั ย์ประธาน ผูอ้ นื่ ถงึ แก่ความตาย มอี ายคุ วามตามข้อใด ง. ทดี่ ินมีโฉนดที่ดนิ ก. 10 ปี จ. ท่ดี นิ มีหนังสอื รบั รองการทำ� ประโยชน์ ข. 15 ปี 9. ลขิ สทิ ธ์คิ รอบครองปรปักษ์ไดห้ รอื ไม่ ค. 20 ปี ก. ได้ เพราะเปน็ ทรพั ยส์ นิ ชนิดหน่งึ ข. ไม่ได้ เพราะไม่ใช่กรรมสิทธ์ิ มสธง. 25 ปี ค. ได้ เพราะเปน็ ทรพั ยสทิ ธชิ นิดหน่งึ จ. 50 ปี ง. ไม่ได้ เพราะต้องหา้ มตามกฎหมาย มสธ มสธจ. ได้ เพราะมไิ ดม้ บี ทกฎหมายใดห้ามไว้ มสธ
มส30 มสธค�ำแนะน�ำ เพอื่ ประเมนิ ความกา้ วหน้าในการเรยี นรขู้ องนักศึกษาเกีย่ วกับเรอื่ ง “สิทธิครอบครอง” วัตถุประสงค์ ขอให้นักศึกษาอา่ นค�ำถามแล้วเขียนวงกลมลอ้ มรอบขอ้ ค�ำตอบที่ถกู ตอ้ งท่ีสุด แบบประเมินตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 6 มสธ1. ขอ้ ใดมิใช่ลกั ษณะของสิทธิครอบครอง ก. เปน็ ทรพั ยสทิ ธิชนิดหน่งึ ค. 3 ปี ข. ไดม้ าโดยผลของกฎหมาย ง. 5 ปี ค. อาจมไี ดใ้ นสังหาริมทรพั ย์ จ. เท่าใดกไ็ ด้ไม่มีขอ้ ก�ำหนดในเร่ืองน้ี ง. อาจมีได้ในอสงั หารมิ ทรัพย์ 5. การฟ้องเพื่อเอาคืนซ่ึงการครอบครองน้ัน จะ จ. มอี ยไู่ ด้ตราบเทา่ ที่ครอบครอง ต้องฟ้องภายในระยะเวลาตามขอ้ ใด 2. ขอ้ ใดมิใช่กรณสี ทิ ธคิ รอบครองโดยผอู้ นื่ ยดึ ถอื ก. 1 ปี นับแตร่ ู้ ข. 1 ปี นับแต่ถูกแยง่ การครอบครอง ไวใ้ ห้ ค. 1 ปี นับแต่รู้ แต่ไม่เกิน 3 ปี นับแต่ถูก ก. ภรยิ ายดึ ถอื ทรพั ยส์ นิ อนั เปน็ สินสมรส แย่งการครอบครอง มสธข. ลูกจ้างยึดถือทรัพย์สินของนายจ้างใน ง. 1 ปี นับแต่รู้ แต่ไม่เกิน 5 ปี นับแต่ถูก ทางการที่จา้ ง ค. ผู้จัดการมรดกยึดถือทรัพย์สินอันเป็น แย่งการครอบครอง จ. 1 ปี นบั แต่รู้ แต่ไม่เกนิ 10 ปี นบั แตถ่ กู มรดก ง. เจ้าของรวมยึดถือทรัพย์สินอันเป็น แยง่ การครอบครอง 6. การโอนการครอบครอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา กรรมสิทธริ์ วม 1378 ย่อมทำ� ไดโ้ ดยวิธใี ด มสธจ. ผู้ยืมยึดถือทรัพย์สินตามสัญญายืมใช้ส้ิน ก. แสดงเจตนา เปลอื ง ข. ท�ำเปน็ หนงั สือ 3. ขอ้ ใดมิใช่ขอ้ สนั นษิ ฐานของผคู้ รอบครอง ค. มีหลักฐานเปน็ หนังสอื ก. ครอบครองสุจริต ง. ส่งมอบทรัพย์สนิ ทค่ี รอบครอง ข. ครอบครองโดยสงบ จ. บอกกล่าวไปยงั ผรู้ บั โอนการครอบครอง ค. ครอบครองโดยเปิดเผย 7. ข้อใดเป็นการส้ินสุดการครอบครอง ตาม ง. ครอบครองโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา 1377 จ. ทกุ ขอ้ เปน็ ขอ้ สนั นษิ ฐานของผคู้ รอบครอง ก. ถกู แยง่ การครอบครอง ข. ถูกรบกวนการครอบครอง มสธ4. บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินเดียวกันสอง ค. ไม่ยดึ ถือทรัพย์สนิ ต่อไป คราว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1371 นัน้ จะต้อง ง. แสดงเจตนาไม่หวงกัน มีระยะเวลาหา่ งกันไมเ่ กนิ เทา่ ใด ก. 1 ปี จ. ถกู ทกุ ข้อ ข. 2 ปี
ม8. ทรัพย์สนิ ตามขอ้ ใด ครอบครองปรปกั ษไ์ ด้ 31 มสธก. ทวี่ ดั 10. การครอบครองปรปกั ษแ์ หวนเพชรทไ่ี ดม้ าโดย ข. ที่ธรณสี งฆ์ การกระท�ำความผิดฐานรับของโจร มีอายุ ค. ที่กัลปนา ความเทา่ ใด ง. สิทธบิ ตั ร ก. 5 ปี จ. เครือ่ งหมายการค้า ข. 10 ปี 9. ทด่ี ินมือเปล่าครอบครองปรปกั ษไ์ ด้หรือไม่ ค. 15 ปี ก. ไมไ่ ด้ เพราะไม่มีกรรมสทิ ธิ์ ข. ได้ เพราะเป็นอสังหาริมทรัพย์ มสธง. 20 ปี ค. ไม่ได้ เพราะตอ้ งห้ามตามกฎหมาย จ. 25 ปี ง. ได้ เพราะมไิ ด้มกี ฎหมายใดห้ามไว้ จ. ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินของ มสธ มสธแผ่นดนิ เฉลยแบบประเมินตนเองหน่วยที่ 6 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ก. 1. ข. 2. ง. 2. จ. 3. ง. 3. ง. 4. ก. 4. จ. 5. ข. 5. ข. 6. ง. มสธ 6. ค. 7. ค. 8. ค. 7. จ. 9. ก. 8. จ. 9. ข. 10. ค. 10. ข.
มส32 แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 7 มสธวัตถุประสงค์ เพ่ือประเมนิ ความรู้เดิมของนักศกึ ษาเก่ียวกบั เรื่อง “ภาระจ�ำยอม” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศกึ ษาอา่ นค�ำถามแลว้ เขียนวงกลมล้อมรอบขอ้ ค�ำตอบทถ่ี ูกต้องทีส่ ดุ มสธ1. ทรัพย์สินที่จะตกอยู่ภายใต้ภาระจ�ำยอมได้จะ ง. ทุกกรณีภาระจ�ำยอมต้องจ่ายค่าทดแทน ต้องเป็นทรพั ย์สินประเภทใด สว่ นทางจ�ำเปน็ ไม่ต้องจ่ายคา่ ทดแทน ก. เฉพาะที่ดนิ ข. ทรัพย์มีรูปรา่ ง จ. ถูกทุกข้อ ค. สงั หาริมทรพั ย์ 4. ข้อใดเป็นการท�ำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารย ง. อสงั หารมิ ทรัพย์ จ. ทรัพย์สนิ ทุกชนิด ทรพั ย์ 2. การใชส้ ทิ ธโิ ดยการขออาศยั อาจเปน็ เหตใุ หไ้ ด้ ก. ปรบั ปรงุ จากทางดินแดงเปน็ ลาดยาง ข. เดมิ ใชเ้ ปน็ ทางเกวยี นตอ่ มาใชร้ ถยนตผ์ า่ น มาซงึ่ ภาระจำ� ยอมโดยอายคุ วามไดห้ รอื ไม่ ค. ปักเสาเดินสายไฟฟ้าในทางภาระจ�ำยอม มสธเพราะเหตุใด เดิม ง. เปลยี่ นแนวเสน้ ทางภาระจำ� ยอมตามสญั ญา ก. ไมไ่ ด้ เพราะต้องหา้ มโดยบทบญั ญัติแหง่ กฎหมาย ประนปี ระนอมยอมความ จ. ถกู ทกุ ขอ้ ข. ได้ เพราะกฎหมายมไิ ดบ้ ญั ญตั หิ า้ มไวโ้ ดย 5. กรณใี ดถอื วา่ เปน็ การไดภ้ าระจำ� ยอมมาโดยผล ชัดแจ้ง ของกฎหมาย ก. ทำ� เปน็ หนงั สอื และจดทะเบยี นตอ่ หนกั งาน ค. ไม่ได้ เพราะเป็นการได้มาโดยนิติกรรม เจ้าหน้าที่ให้เดินผ่านที่ดินออกไปสู่ทาง มสธอยู่แลว้ สาธารณะ ข. สรา้ งโรงเรอื นรกุ ลำ�้ เขา้ ไปในทด่ี นิ ของผอู้ น่ื ง. ได้ เพราะเปน็ การไดม้ าทางอายคุ วามโดย โดยไมส่ ุจริต ปรยิ าย ค. สร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเปน็ เจา้ ของ 10 ปี จ. ไม่ได้ เพราะมิใช่เป็นการใช้สิทธิโดย ง. ใช้ทางเดินบนท่ีดินของผู้อื่นโดยเจ้าของ เจตนาจะไดภ้ าระจำ� ยอม อนุญาต จ. สรา้ งโรงเรอื นรกุ ลำ�้ เขา้ ไปในทด่ี นิ ของผอู้ นื่ 3. ขอ้ ความใดถกู ตอ้ งในเรอื่ งภาระจำ� ยอมและทาง โดยสุจรติ จำ� เปน็ ก. ต่างก็เป็นสิทธิจ�ำกัดเฉพาะในเร่ืองทาง มสธสัญจรเทา่ นัน้ ข. อาจไดส้ ทิ ธทิ งั้ ภาระจำ� ยอมและทางจำ� เปน็ ในเสน้ ทางเดยี วกนั ได้ ค. ตา่ งกเ็ ปน็ สทิ ธจิ ำ� กดั เฉพาะกรณผี า่ นทด่ี นิ ท่ลี ้อมไปสู่ทางสาธารณะ
ม6. กรณเี จา้ ของสามยทรพั ยต์ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยของ 33 มสธตนเองในการซอ่ มแซมทไ่ี ดท้ ำ� ไปแลว้ หากเจา้ 8. ถ้าภารยทรัพย์สลายไปทั้งหมด ภาระจ�ำยอม ของภารยทรัพย์ได้รับประโยชน์ด้วย เจ้าของ จะมผี ลเพียงใด ภารยทรพั ยต์ อ้ งออกคา่ ใชจ้ า่ ยหรอื ไม่ เพยี งใด ก. สนิ้ ไปโดยปริยาย ก. ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใด ๆ ข. สนิ้ ไปโดยผลของกฎหมาย ข. ตอ้ งร่วมออกค่าใช้จ่ายกึง่ หนึ่ง ค. สนิ้ ไปเมือ่ ไดจ้ ดทะเบยี นเพกิ ถอน ค. ออกคา่ ใช้จา่ ยตามส่วนแหง่ ประโยชน์ ง. สน้ิ ไปแตอ่ าจกลบั มขี นึ้ อกี ไดต้ ามทก่ี ฎหมาย ง. ออกค่าใช้จ่ายตามส่วนแห่งประโยชน์แต่ มสธกำ� หนด ต้องไมเ่ กนิ ก่ึงหนึง่ จ. ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ เว้นแต่เจ้าของ จ. ยังคงมีอยู่จนกว่าสามยทรัพย์จะได้สลาย ไปด้วย 9. ถา้ มกี ารแบง่ แยกภารยทรพั ย์ ภาระจำ� ยอมยงั ภารยทรัพยจ์ ะไดป้ ระโยชน์แต่ฝ่ายเดยี ว คงมอี ยหู่ รอื ไม่ เพยี งใด 7. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1392 เจ้าของทรพั ยอ์ าจ ก. ระงบั สิน้ ไปโดยปริยาย ข. ระงับสิ้นไปโดยผลของกฎหมาย เรียกให้ย้ายภาระจ�ำยอมไปยังส่วนอ่ืนได้ใน ค. ระงับส้ินไปเว้นแต่เจ้าของสามยทรัพย์จะ กรณใี ด ก. ภาระจ�ำยอมเสียหายไปบางส่วน พิสูจน์ได้ว่ายังมีส่วนท่ีเป็นประโยชน์แก่ สามยทรพั ย์ มสธข. ภาระจ�ำยอมก่อความเสียหายแก่ภารย ง. มีอยู่เฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์โดยตรง ทรัพย์ ตอ่ สามยทรัพย์ ค. ภาระจำ� ยอมหมดประโยชนแ์ กส่ ามยทรพั ย์ จ. ยงั คงมีอยู่แก่ทกุ ส่วนทีแ่ ยกออกไป ง. ภาระจ�ำยอมแตะต้องเพียงส่วนหนึ่งแห่ง 10. ภาระจ�ำยอมนั้นถ้ามิได้ใช้ภายในระยะเวลา เทา่ ใดยอ่ มส้นิ ไป ภารยทรัพย์ ก. 1 ปี ข. 3 ปี มสธ มสธจ. ถูกทกุ ข้อ ค. 5 ปี ง. 10 ปี จ. ไม่มีการสน้ิ ไปโดยการไมใ่ ช้
มส34 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 7 มสธวัตถุประสงค์ เพือ่ ประเมนิ ความก้าวหน้าในการเรียนรูข้ องนักศึกษาเก่ียวกับเรือ่ ง “ภาระจ�ำยอม” ค�ำแนะน�ำ ขอให้นกั ศึกษาอา่ นค�ำถามแลว้ เขียนวงกลมลอ้ มรอบขอ้ คำ� ตอบท่ีถูกต้องท่ีสดุ มสธ1. ทรัพย์สินที่จะเป็นสามยทรัพย์ได้ จะต้องเป็น ง. ภาระจ�ำยอมต้องใช้กับทรัพย์ท่ีอยู่ติดกัน ทรพั ยส์ นิ ประเภทใด แต่ทางจ�ำเป็นไมม่ ีขอ้ จ�ำกัดน้ี ก. ทรพั ย์สนิ ทุกชนดิ ข. เฉพาะทีด่ ิน จ. ถูกทกุ ขอ้ ค. เฉพาะทรพั ย์มรี ูปรา่ ง 4. ขอ้ ใดไมเ่ ป็นการทำ� ใหเ้ กดิ ภาระเพม่ิ ขน้ึ แกภ่ าร ง. เฉพาะสงั หาริมทรัพย์ จ. เฉพาะอสงั หาริมทรพั ย์ ยทรัพย์ 2. การได้ภาระจ�ำยอมโดยผลของกฎหมายแล้ว ก. ขยายทางภาระจำ� ยอมเดมิ ใหร้ ถยนตผ์ า่ น ต่อมาอาจได้ภาระจ�ำยอมโดยอายุความอีกใน ได้ ข. วางทอ่ ประปาผ่านทางภาระจ�ำยอมเดมิ มสธกรณเี ดียวกันไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ค. ทำ� ทางภาระจำ� ยอมเดมิ จากโรยกรวดเปน็ ก. ไม่ได้ เพราะขัดต่อเจตนารมณ์ของ เทคอนกรีต กฎหมาย ง. เปดิ ทางเพม่ิ ขน้ึ อกี เสน้ ทางหนงึ่ โดยอาศยั ข. ได้ หากมไิ ดจ้ ดทะเบียนการไดม้ าไวแ้ ลว้ สิทธภิ าระจ�ำยอมเดิม ค. ไมไ่ ด้ เพราะเปน็ การตดั สทิ ธกิ ารไดม้ าโดย จ. ทกุ ขอ้ ทำ� ใหเ้ กดิ ภาระเพม่ิ ขนึ้ แกภ่ ารยทรพั ย์ 5. ภาระจำ� ยอมเป็นทรพั ยสทิ ธิชนิดใด อายุความ ก. บรวิ ารของกรรมสิทธิ์ ข. จำ� กดั ตดั ทอนกรรมสิทธ์ิ มสธง. ได้ หากไดใ้ ชส้ ทิ ธโิ ดยครบหลกั เกณฑต์ าม ค. เทยี บเท่ากับสทิ ธคิ รอบครอง กฎหมาย ง. จำ� กัดตัดทอนเฉพาะสิทธิครอบครอง จ. ไม่ได้ เพราะต้องห้ามโดยชัดแจ้งด้วย จ. สงู สุดในหมทู่ รพั ยสิทธทิ ้งั ปวง 6. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1391 เจา้ ของสามยทรพั ย์ บทบัญญัติแห่งกฎหมาย มสี ทิ ธทิ ำ� การทกุ อยา่ งอนั จำ� เปน็ เพอื่ รกั ษาและ 3. ข้อความใดถูกต้อง ในเรื่องภาระจ�ำยอมและ ใชภ้ าระจ�ำยอม แตจ่ ะกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หาย แกภ่ ารยทรพั ยไ์ ดห้ รือไม่ ทางจำ� เป็น ก. ไม่ไดโ้ ดยเดด็ ขาด ก. ภาระจำ� ยอมจะจดทะเบยี นหรอื ไมก่ ไ็ ด้ แต่ ข. ไมไ่ ด้ เว้นแตเ่ ป็นการป้องกนั สทิ ธิ ค. ไมไ่ ด้ เว้นแต่กระทำ� ดว้ ยความจำ� เป็น ทางจำ� เป็นต้องจดทะเบียนเสมอ มสธข. ภาระจำ� ยอมไมจ่ ำ� กดั ประเภทสทิ ธิ แตท่ าง จ�ำเป็นจำ� กดั เฉพาะกรณที างสญั จร ค. ภาระจ�ำยอมเป็นข้อจ�ำกัดสิทธิ แต่ทาง จ�ำเปน็ เปน็ เรอ่ื งการรบั กรรมบางอย่าง ง. ได้กแ็ ตน่ ้อยทสี่ ดุ ตามพฤตกิ ารณ์ จ. ถูกทั้งข้อ ข. และ ค.
ม7. ถา้ ภาระจำ� ยอมแตะตอ้ งเพยี งสว่ นหนง่ึ แหง่ ภาร 35 มสธยทรัพย์ เจ้าของทรัพย์นั้นอาจเรียกให้ย้ายไป 9. ภาระจ�ำยอมที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ถ้าภารย ยงั ส่วนอน่ื ก็ได้ แตต่ อ้ งแสดงได้ว่าการยา้ ยน้นั ทรัพย์และสามยทรัพย์ตกเป็นของเจ้าของคน เปน็ ไปตามข้อใด เดยี วกนั จะตอ้ งเพกิ ถอนการจดทะเบยี นหรอื ไม่ ก. เปน็ ประโยชน์แก่ตน ก. ต้องเพิกถอน มฉิ ะนน้ั ยังคงมีผลสมบรู ณ์ ข. เปน็ ประโยชนแ์ ก่สามยทรพั ย์ ข. ไม่ต้องเพิกถอน ย่อมระงับสิ้นไปโดย ค. ท�ำให้เจ้าของสามยทรัพย์ได้รับความ ปริยาย สะดวกเพมิ่ ขนึ้ ง. เป็นประโยชน์แก่สามยทรัพย์และเจ้าของ มสธค. ตอ้ งเพกิ ถอน มฉิ ะนน้ั ยงั คงมผี ลอยใู่ นสว่ น บคุ คลภายนอก สามยทรพั ย์ยินยอม ง. ไม่ต้องเพิกถอน ย่อมระงับส้ินไปโดยผล ของกฎหมาย จ. ตอ้ งเพกิ ถอน มฉิ ะนนั้ ยงั คงมผี ลเปน็ บคุ คล สทิ ธิ 10. กรณีใดเป็นเหตุยกเว้น แม้จะมิได้ใช้ภาระ จำ� ยอมเปน็ เวลา 10 ปี ภาระจำ� ยอมนนั้ กย็ งั ไม่ ระงับสน้ิ ไป ก. เจา้ ของสามยทรพั ยถ์ กู จำ� คกุ ข. เจ้าของสามยทรัพยไ์ ปตา่ งประเทศ ค. เจ้าของสามยทรพั ยถ์ ูกข่มข่บู ังคบั ง. เจ้าของสามยทรัพย์หลงเช่ือว่าเป็นเขต ทหาร จ. สน้ิ ไปทกุ กรณีไม่มขี อ้ ยกเว้น จ. เป็นประโยชน์แก่ทุกฝา่ ย 8. กรณีถ้าความเป็นไปมีทางให้กลับใช้ภาระ จำ� ยอมได้ ภาระจำ� ยอมนน้ั อาจกลบั มขี นึ้ อกี ได้ นน้ั เปน็ กรณีตามขอ้ ใด ก. สามยทรพั ยส์ ลายไปทั้งหมด มสธข. ภารยทรัพยส์ ลายไปท้งั หมด ค. เจ้าของสามยทรัพย์ไม่ต้องการใช้ภารย ทรัพย์นนั้ ง. ภาระจ�ำยอมหมดประโยชน์แก่สามย ทรพั ยเ์ ปน็ สว่ นใหญ่ จ. ภาระจ�ำยอมหมดประโยชน์แก่สามย มสธ มสธทรพั ยโ์ ดยส้นิ เชิง
มส36 เฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 7 มสธ ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ง. 1. จ. 2. ง. มสธ 2. จ. 3. ข. 4. ค. 3. ข. 5. ข. 4. ค. 5. จ. 6. ค. 6. ง. 7. ง. 7. ก. 8. ข. 8. จ. 9. จ. 9. ค. 10. จ. มสธ 10. ง. มสธ มสธ
ม 37 มสธวัตถุประสงค์ เพื่อประเมนิ ความร้เู ดมิ ของนักศกึ ษาเกีย่ วกับเรื่อง “ทรัพย์สิทธิอ่ืน ๆ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศึกษาอา่ นคำ� ถามแลว้ เขยี นวงกลมล้อมรอบข้อคำ� ตอบทีถ่ ูกตอ้ งท่สี ุด แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 8 1. บุคคลอาจได้มาซึ่งทรัพยสิทธิต่างๆ ได้โดย มสธทางใดบา้ ง ก. นิตกิ รรม ข. ทางอื่นนอกจากนติ ิกรรม ขาว ขาวจึงฟ้องขับไล่แดง ดังน้ัน แดงจะมี สทิ ธิอาศยั อยูใ่ นบ้านนัน้ หรือไม่ ก. แดงมสี ทิ ธอิ าศยั เพราะไดส้ ทิ ธอิ าศยั กอ่ น ทข่ี าวจะซ้ือทดี่ นิ นั้น ค. อายคุ วาม ข. แดงไม่มีสิทธิอยู่ต่อไป เพราะขาวเป็น ง. ผลกฎหมาย เจ้าของที่ดิน ย่อมมีสิทธิในบ้านหลังน้ัน จ. ขอ้ ก. และ ข. ถกู ตามหลกั เร่ืองส่วนควบ 2. ทรัพยสิทธิใดเป็นทรัพยสิทธิที่จ�ำกัดตัดทอน ค. แดงมสี ทิ ธอิ ยตู่ อ่ ไป เพราะขาวเปน็ ผคู้ รอบ อำ� นาจของกรรมสิทธ์ิได้มากที่สุด ครองและทำ� ประโยชนต์ ่อเนอื่ งจากด�ำ ก. สิทธอิ าศัย ง. แดงไม่มีสิทธิอาศัย เพราะสิทธิอาศัยน้ัน ไม่ได้จดทะเบียน จึงไม่เป็นทรัพยสิทธิท่ี มสธข. สิทธเิ หนือพ้นื ดนิ จะใช้ยนั กับขาวได้ จ. แดงมีสิทธิอาศัย เพราะแม้ยังไม่จด ค. สทิ ธเิ ก็บกิน ทะเบียนก็เป็นผู้ได้สิทธิก่อน จึงมีสิทธิ ง. ภาระติดพันในอสงั หาริมทรพั ย์ บังคับให้ขาวไปจดทะเบียนสิทธิอาศัยให้ จ. สทิ ธคิ รอบครอง ได้ 3. สทิ ธอิ าศยั คอื สทิ ธทิ กี่ อ่ ใหเ้ กดิ ผลอยา่ งไรดงั ตอ่5. สิทธิเหนือพ้ืนดิน คือสิทธิที่ก่อให้เกิดผลตาม ไปนี้ตอ่ ผู้ทรงสิทธอิ าศยั ขอ้ ใดนตี้ ่อผู้ทรงสทิ ธเิ หนือพ้ืนดนิ ก. การอยู่อาศัยในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ต้อง ก. เป็นเจ้าของส่ิงปลูกสร้างต่างๆ ท่ีอยู่ใน ทด่ี นิ มสธเสยี ค่าเชา่ ข. เปน็ เจา้ ของโรงเรอื น สง่ิ ปลกู สรา้ ง หรอื สงิ่ เพาะปลกู ทอี่ ยูใ่ นท่ีดิน ข. การอยู่อาศัยในโรงเรือนของผู้อ่ืนโดยไม่ ค. มีสิทธิต่างๆ ในท่ีดินและทรัพย์สินต่างๆ ตอ้ งเสยี ค่าเชา่ ท่ีอยู่ในที่ดินท่ีระบุไว้ในนิติกรรมก่อต้ัง สิทธิเหนอื พื้นดิน ค. การอยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อ่ืน ง. มสี ทิ ธแิ สวงประโยชนต์ า่ งๆ จากทด่ี นิ และ โดยไมต่ ้องเสยี คา่ เช่า ทรพั ยส์ นิ ตา่ งๆ ที่อยู่ในทด่ี ิน ง. การอยู่อาศัยในท่ีอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์ของ มสธผู้อืน่ โดยไม่เสยี ค่าเชา่ จ. การอยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น โดยไมต่ ้องเสยี ค่าตอบแทน 4. ด�ำให้แดงอาศัยอยู่ในบ้านของตนโดยท�ำ จ. เป็นเจ้าของท่ีดินน้ันจากได้สิทธิเหนือพื้น หนังสือระหว่างกัน ต่อมาด�ำขายท่ีดินน้ันให้ ดนิ เกิน 10 ปี
มส38 6. ขาดใหเ้ ขยี วปลกู บา้ นอยใู่ นทด่ี นิ ของตนโดยทำ� 8. น้�ำเงินให้ม่วงมีสิทธิเก็บกินในท่ีสวนของตน สญั ญากนั เอง ตอ่ มาขาวขายทด่ี นิ นนั้ ใหเ้ ขม้ ไป ตอ่ มามว่ งโอนการใหส้ ทิ ธเิ กบ็ กนิ ในทด่ี นิ นนั้ ให้ ฟ้า ถ้าฟ้าตัดต้นไม้ในสวนไปท�ำฟืนขายหมด มสธดงั นรี้ ะหวา่ งเขยี วกบั เขม้ ใครจะมสี ทิ ธใิ นบา้ นดี ดังน้ันน้�ำเงนิ จะเรยี กให้ใครรบั ผิดไดบ้ า้ ง ก. น�้ำเงินฟ้องม่วงให้รับผิดในความเสียหาย กว่ากัน ได้ เพราะม่วงจะโอนการใช้สิทธิเก็บกิน ก. เขียวมีสิทธิดีกว่า เพราะเป็นผู้ปลูกสร้าง มิได้ ข. น�้ำเงินฟ้องฟ้าให้รับผิดได้เพราะเป็นผู้ มสธบา้ นหลังนนั้ จงึ เป็นเจ้าของโดยถูกต้อง ท�ำความเสียหายนัน้ ข. เขม้ มสี ทิ ธดิ กี วา่ เพราะซอ้ื ทด่ี นิ มาจากขาว โดยถูกต้อง จึงเป็นเจ้าของบ้านด้วยตาม หลักเรอ่ื งสว่ นควบ ค. เข้มมีสิทธิดีกว่า เพราะเขียวมิได้จด ค. น้�ำเงินฟ้องม่วงและฟ้าให้รับผิดต่อตนได้ ทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิของเขียว เพราะเปน็ กรณีทีม่ ีกฎหมายบญั ญัติไว้ จงึ ไมผ่ ูกพันเขม้ ง. นำ้� เงนิ ฟอ้ งมว่ งใหร้ บั ผดิ ได้ เพราะไดด้ แู ล ง. เขยี วมสี ทิ ธดิ กี วา่ เพราะสทิ ธเิ หนอื พน้ื ดนิ รกั ษาทสี่ วนนน้ั เชน่ วญิ ญชู น โดยปลอ่ ยให้ ของเขียวย่อมผูกพันเข้มผู้รับโอน และมี ฟ้าตัดต้นไมไ้ ปทำ� ฟืนหมด มสธสทิ ธบิ งั คบั ใหเ้ ขม้ ไปจดทะเบยี นสทิ ธเิ หนอื จ. ไม่มขี ้อถูก 9. ภาระตดิ พนั ในอสงั หารมิ ทรพั ย์ คอื ทรพั ยสทิ ธิ พื้นดินได้ จ. เขียวมีสิทธิดีกว่าตามหลักผู้รับโอนไม่มี ที่ก่อให้เกิดผลอย่างไรดังต่อไปนี้ต่อผู้รับ ประโยชน์ สทิ ธดิ กี ว่าผโู้ อน ก. มีสิทธิได้รับช�ำระหน้ีเป็นคราวๆ จาก 7. สิทธเิ กบ็ กนิ คือ สทิ ธทิ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ผลอยา่ งไรต่อ อสงั หาริมทรัพย์ ผู้ทรงสทิ ธเิ ก็บกนิ ข. มีสิทธิได้ใช้และถือเอาประโยชน์จาก มสธก. มีสิทธิครอบครอง ใช้สอย และถือเอา อสังหารมิ ทรพั ย์ตามทร่ี ะบุไว้ ประโยชน์จากทดี่ นิ ของผู้อน่ื ค. มีสิทธิได้รับช�ำระหนี้เป็นคราวๆ หรือได้ ข. มีสิทธิ ครอบครอง ใช้สอย และถือเอา ใชแ้ ละถอื เอาประโยชน์ ตามที่ระบุไวจ้ าก ประโยชนจ์ ากอสังหาริมทรัพย์ของผอู้ ่นื อสังหารมิ ทรัพย์ ค. มีสิทธิครอบครอง ใช้สอย และถือเอา ง. มีสิทธิครอบครอง ใช้สอย และถือเอา ประโยชน์ หรือไดร้ บั ช�ำระหนี้เป็นคราวๆ ประโยชนจ์ ากสงั หารมิ ทรพั ยข์ องผู้อื่น จากอสงั หาริมทรัพย์ ง. มีสิทธิครอบครอง ใช้สอย และถือเอา จ. ขอ้ ก. และ ข. ถกู ป ร ะ โ ย ช น ์ จ า ก อ สั ง ห า ริ ม ท รั พ ย ์ แ ล ะ มสธสังหาริมทรัพย์ของผู้อน่ื จ. มีสิทธิครอบครอง ใช้สอย และถือเอา ประโยชนจ์ ากทรัพยส์ นิ ทกุ ชนดิ ของผู้อืน่
ม10. เหลืองให้แดงเข้าท�ำนาในท่ีดินของตนเฉพาะ 39 มสธฤดูกาลท�ำนา ต่อมาแดงให้ด�ำเข้าไปท�ำนาใน มสธ ท่ีนานั้นแทนตน ดังน้ัน ถ้าด�ำท�ำให้ท่ีนานั้น เสียหาย เหลืองจะเรียกให้ใครรับผิดตาม บทบัญญัตใิ นเรื่องทรพั ยส์ นิ ได้บา้ ง ก. เหลืองฟอ้ งแดงให้รับผิดได้ เพราะแดงจะ โอนภาระติดพันดงั กล่าวให้ด�ำไม่ได้ ข. เหลืองมีสิทธิฟ้องด�ำ เพราะด�ำเป็นผู้รับ โอนและทำ� ความเสียหายน้ัน ค. เหลืองมีสิทธิฟ้องแดงและด�ำให้รับผิดได้ เพราะเปน็ กรณีทีม่ ีกฎหมายบัญญตั ิไว้ ง. เหลอื งมสี ทิ ธฟิ อ้ งแดง เพราะไมด่ แู ลรกั ษา มสธ ที่นาน้ันเช่นวิญญูชน โดยปล่อยให้ด�ำ ท�ำให้ทน่ี าน้นั เสยี หาย มสธจ. เหลืองไม่มีสิทธิฟอ้ งใครได้เลย มสธ
มส40 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 8 มสธวัตถุประสงค์ เพ่ือประเมินความก้าวหนา้ ในการเรียนรขู้ องนักศกึ ษาเก่ยี วกับเรอื่ ง “ทรัพย์สิทธิอ่ืน ๆ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศึกษาอา่ นค�ำถามแลว้ เขียนวงกลมล้อมรอบขอ้ ค�ำตอบท่ีถูกตอ้ งท่สี ุด มสธ1. สิทธิอาศัยคือ สิทธิท่ีก่อให้เกิดผลอย่างไรดัง ง. เขียวมีสิทธิท่ีจะให้เหลืองไปจดทะเบียน ต่อไปนี้ สิทธิอาศัยให้ตนได้ เพราะตนได้สิทธิ ก. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิอยู่อาศัยในโรงเรียนของ อาศยั โดยผลแหง่ พินัยกรรม ผู้อืน่ โดยไมต่ อ้ งเสียค่าเชา่ ข. ผู้ทรงสิทธิอยู่อาศัยในท่ีดินของผู้อ่ืนโดย จ. ไมม่ ีขอ้ ถูก ไม่ตอ้ งเสยี ค่าเชา่ 3. สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ คอื สทิ ธทิ กี่ อ่ ให้เกดิ ผลอย่าง ค. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิอยู่อาศัยในอสังหาริม- ทรัพยข์ องผอู้ น่ื โดยไมต่ อ้ งเสยี ค่าเช่า ไรดังต่อไปน้ี ง. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิอยู่อาศัยในอสังหาริม- ก. ผู้ทรงสิทธิเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ มสธทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ของผู้อ่ืนซึ่งใช้ อาศัยได้โดยไมต่ อ้ งเสียคา่ เช่า และส่งิ เพาะปลกู ท่ีอยใู่ นทีด่ ินของผู้อื่น จ. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ ข. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิแสดงประโยชน์ต่างๆ ของผอู้ ื่นโดยไม่ตอ้ งเสยี ค่าตอบแทน 2. ขาวใหเ้ ขยี วมสี ทิ ธอิ าศยั ในบา้ นของตนโดยทำ� จากทด่ี นิ และทรพั ยส์ นิ ตา่ งๆ ทอ่ี ยใู่ นทด่ี นิ ของผูอ้ ่นื พนิ ยั กรรมไว้ เมอื่ ขาวตาย เขยี วไดใ้ หเ้ ชา่ บา้ น ค. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิเป็นเจ้าของโรงเรือน ส่ิง ปลกู สรา้ ง หรอื สงิ่ เพาะปลกู ทอี่ ยทู่ ดี่ นิ ของ มสธหลังน้ันไป และเหลืองได้เข้าครอบครองท่ีดิน ผูอ้ น่ื ง. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิต่างๆ ในที่ดิน และ ที่มีบ้านนั้นจนได้สิทธิ เขียวจะยังมีสิทธิอาศัย ทรพั ยส์ นิ ตา่ งๆ ทอ่ี ยใู่ นทดี่ นิ ของผอู้ นื่ ตาม ในบ้านหลังนน้ั หรือไม่ ท่ีระบุไว้ในนิติกรรมก่อต้ังสิทธิเหนือพ้ืน ก. เขียวมีสิทธิอาศัยในบ้าน เพราะได้สิทธิ ดิน จ. ข้อ ค. และ ง. ถกู อาศยั กอ่ นท่ีเหลอื งจะไดส้ ิทธใิ นท่ดี นิ 4. เขยี วใหข้ าวปลกู บา้ นอยใู่ นทด่ี นิ ของตนโดยทำ� ข. เขียวไม่สิทธิอาศัย เพราะเหลืองได้เป็น เป็นหนังสือระหว่างกัน ต่อมาเขียวขายท่ีดิน นน้ั ให้เข้มไป ดังนร้ี ะหวา่ งขาวกับเข้มใครจะมี เจ้าของท่ีดินย่อมมีสิทธิในบ้านตามหลัก สิทธิในบา้ นดกี ว่ากนั ส่วนควบจึงมีสิทธิที่จะให้เขียวออกจาก ก. เข้มมีสิทธิดีกว่า เพราะซื้อท่ีดินมาจาก เขยี วโดยถูกตอ้ ง จงึ เปน็ เจ้าของบา้ นดว้ ย มสธบ้านได้ ตามหลักเรื่องส่วนควบ ค. เขียวไม่มีสิทธิอาศัยในบ้าน เพราะไม่ได้ จดทะเบยี นสทิ ธอิ าศยั จงึ ไมอ่ าจอา้ งยนั ใน ฐานะทรพั ยสิทธติ อ่ เหลืองได้ ข. ขาวมีสิทธิดีกว่า เพราะเป็นผู้ปลูกสร้าง บา้ นหลังนนั้ จึงเป็นเจา้ ของโดยถกู ต้อง
มค. เข้มมีสิทธิดีกว่า เพราะขาวมิได้จด 41 มสธทะเบียนสิทธิเหนือพ้ืนดิน สิทธิเหนือพื้น ตดั ตน้ ไม้หมด ง. ม่วงฟ้องทั้งน�้ำเงินและฟ้าให้รับผิดได้ ดินของขาวจงึ ไม่ผกู พนั เข้ม เพราะเข้ากรณที กี่ ฎหมายบญั ญัติไว้ ง. ขาวมีสิทธิดีกว่า เพราะสิทธิเหนือพ้ืนดิน จ. ไม่มขี ้อถูก 7. ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์คือทรัพย์สิทธิ ของขาวย่อมผูกพันเข้มผู้รับโอนที่จะต้อง ทกี่ ่อใหเ้ กดิ ผลอย่างไรดงั ต่อไปนี้ ไปจดทะเบยี นสิทธเิ หนอื พน้ื ดินใหข้ าว จ. ขาวมีสิทธิดีกว่าตามหลักผู้รับโอนไม่มี มสธก. ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้ใช้ และถือเอา สิทธิดกี วา่ ผู้โอน ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ตามที่ระบุ 5. สิทธิเก็บกินคือสิทธิที่ก่อให้เกิดผลอย่างไรดัง ไว้ ต่อไปน้ี ข. ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับช�ำระหนี้เป็น ก. ผทู้ รงสิทธมิ สี ทิ ธิครอบครอง ใช้สอย และ คราวๆ จากอสังหาริมทรพั ย์ ถอื เอาประโยชนจ์ ากอสังหารมิ ทรพั ยข์ อง ค. ผู้รับประโยชน์มีสิทธิครอบครอง ใช้สอย ผูอ้ ื่น และถือเอาประโยชน์ หรือได้รับช�ำระหนี้ ข. ผูท้ รงสทิ ธิมสี ิทธิครอบครอง ใชส้ อย และ เป็นคราวๆ จากอสงั หาริมทรพั ย์ ถอื เอาประโยชน์จากท่ดี ินของผู้อ่นื ง. ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับช�ำระหนี้เป็น คราวๆ หรือได้ใช้ และถือเอาประโยชน์ มสธค. ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิครอบครอง ใช้สอย และ ตามท่รี ะบไุ วจ้ ากอสงั หาริมทรัพย์ ถอื เอาประโยชนจ์ ากสงั หารมิ ทรพั ยข์ องผู้ จ. ขอ้ ก. และ ข. ถกู อ่ืน 8. แดงให้เหลืองเข้าท�ำนาในท่ีนาของตนเฉพาะ ง. ผู้ทรงสิทธมิ สี ิทธคิ รอบครอง ใชส้ อย และ ฤดูกาลท�ำนา ต่อมาเหลืองให้ด�ำเข้าไปท�ำนา ในท่ีนานั้นแทนตน ดังนี้ถ้าด�ำท�ำให้ที่นาน้ัน ถือเอาประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์และ เสียหาย แดงจะเรียกให้ผู้ใดรับผิดตาม สงั หารมิ ทรัพยข์ องผู้อื่น บทบญั ญัตใิ นเร่อื งทรัพย์สนิ ได้บ้าง จ. ผูท้ รงสทิ ธมิ สี ทิ ธคิ รอบครอง ใชส้ อย และ ก. แดงฟอ้ งดำ� ใหร้ บั ผดิ ได้ เพราะดำ� เปน็ ผรู้ บั ถือเอาประโยชน์จากทรัพย์สินทุกชนิด โอนและทำ� ความเสยี หายนัน้ ข. แดงฟอ้ งเหลืองใหร้ ับผิดได้ เพราะเหลอื ง มสธของผู้อ่นื จะโอนภาระติดพันดังกล่าวไม่ได้ ค. แดงฟ้องเหลืองให้รบั ผดิ ได้ เพราะเหลอื ง 6. ม่วงให้น้�ำเงินมีสิทธิเก็บกินในท่ีสวนของตน ไม่ดูแลรักษาที่นาน้ันเช่นวิญญูชน โดย ตอ่ มานำ้� เงนิ โอนการใชส้ ทิ ธเิ กบ็ กนิ ในทดี่ นิ นน้ั ปลอ่ ยให้ดำ� ท�ำให้ท่ีนานน้ั เสียหาย ใหฟ้ ้า ถา้ ฟา้ ตดั ต้นไมใ้ นสวนหมด ดังนี้ ม่วง ง. แดงมีสิทธิฟ้องทั้งด�ำและเหลืองให้รับผิด จะเรียกให้ผู้ใดรบั ผิดได้บ้าง เพราะเข้ากรณีท่ีมีกฎหมายบญั ญัติไว้ ก. ม่วงฟ้องฟ้าให้รับผิดได้ เพราะเป็นผู้ จ. แดงไม่มีสทิ ธิฟอ้ งใครไดเ้ ลย มสธท�ำความเสยี หายนั้น ข. ม่วงฟ้องนำ้� เงินให้รับผิดได้ เพราะน้ำ� เงิน ไม่มีสิทธโิ อนการใชส้ ทิ ธเิ กบ็ กนิ ได้ ค. มว่ งฟอ้ งนำ�้ เงนิ ใหร้ บั ผดิ ได้ เพราะไมด่ แู ล รกั ษาทสี่ ว่ นเชน่ วญิ ญชู น โดยปลอ่ ยใหฟ้ า้
มส42 9. บุคคลอาจได้มาซึ่งทรัพย์สินต่างๆ เช่น สิทธิ10. ทรัพยสิทธิใดที่จ�ำกัดตัดทอนอ�ำนาจของ อาศยั สทิ ธเิ หนอื พน้ื ดนิ สทิ ธเิ กบ็ กนิ และภาระเจา้ ของกรรมสิทธิไ์ ดม้ ากท่ีสดุ ก. ภาระตดิ พนั ในอสังหารมิ ทรัพย์ มสธตดิ พนั ในอสังหาริมทรพั ย์ โดยทางใดบ้างข. สทิ ธเิ กบ็ กิน ค. สทิ ธิอาศัย ก. นติ ิกรรมง. สทิ ธิเหนือพนื้ ดิน ข. อายคุ วามจ. ถกู ทุกขอ้ มสธค. ทางอื่นนอกจากนติ ิกรรม ง. ผลกฎหมาย จ. ข้อ ก. และ ข. ถูก มสธ มสธเฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 8 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. จ. 1. ก. 2. ค. 2. ค. 3. ข. 3. ค. 4. ง. 4. ค. 5. ก. มสธ 5. ข. 6. ง. 7. ง. 6. ค. 8. ข. 7. ข. 9. จ. 8. ค. 9. ค. 10. ก. 10. ข.
มแบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 9 มสธวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินความรู้เดิมของนักศึกษาเก่ียวกับเร่ือง “การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือ43 ทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ กั ศกึ ษาอา่ นค�ำถามแล้วเขยี นวงกลมล้อมรอบข้อค�ำตอบที่ถูกตอ้ งทสี่ ดุ มสธ1. การไดท้ ด่ี นิ มโี ฉนดทด่ี นิ มาจากการตใี ชห้ นน้ี นั้ ถ้าผู้ได้มาไม่จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในโฉนด ทด่ี นิ เป็นชือ่ ของตนเอง การไดม้ าจะมผี ลตาม 4. ขอ้ ใดเปน็ การไดอ้ สงั หารมิ ทรพั ยม์ าโดยทางอน่ื นอกจากนติ ิกรรม ก. ตีใช้หนี้ ขอ้ ใด ข. ครอบครองปรปักษ์ ก. โมฆะ ค. รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม ข. โมฆยี ะ ง. ค�ำพิพากษาของศาลตามสัญญาประนี- ค. ไมส่ มบูรณ์ ง. ไมบ่ รบิ รู ณ์ ประนอมยอมความ จ. ไมม่ ผี ลต่อบคุ คลภายนอกผ้สู ุจรติ จ. ข้อ ข และ ค ถูกตอ้ ง 5. นาย ก. ครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดของ มสธ2. นาย ก. ตกลงใหน้ าย ข. มีสิทธอิ าศัยในทดี่ ิน นาย ข. มากว่า 10 ปี ต่อมานาย ข. จด ของตนมีก�ำหนดเวลา 10 ปี แต่ไม่ได้จด ทะเบียนยกให้ที่ดินนั้นแก่นาย ค. ขณะจด ทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ดังน้ี นาข ข. ทะเบียน นาย ค. ไมท่ ราบถึงการครอบครอง จะยกการได้มาซ่ึงสิทธิเก็บกินนั้นข้ึนต่อสู้ ปรปักษ์ของนาย ก. มาก่อน ดังนี้ ข้อใดถูก บุคคลใดไมไ่ ด้ ต้องเกยี่ วกับสิทธิในทดี่ นิ นัน้ ก. นาย ก. ก. สทิ ธิของนาย ก. ดีกวา่ นาย ค. ข. บคุ คลภายนอก ข. นาย ค. ได้กรรมสทิ ธ์ใิ นที่ดนิ น้ัน มสธค. พนักงานเจา้ หน้าท่ี ค. นาย ข. ยงั เปน็ เจา้ ของกรรมสทิ ธท์ิ ดี่ นิ นน้ั ง. ทายาทของนาย ก. ง. นาย ก. ยกสทิ ธขิ องตนตอ่ สนู้ าย ค. ไมไ่ ด้ จ. บคุ คลภายนอกผสู้ จุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทน จ. นาย ก. ยกสิทธิของตนข้ึนต่อสู้นาย ข. 3. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกยี่ วกบั คำ� วา่ “ไมบ่ รบิ รู ณ”์ และนาย ค. ไมไ่ ด้ ก. ไม่สมบูรณ์ 6. นาย ก. ได้ภาระจ�ำยอมโดยการเดินผ่านท่ดี นิ ข. สมบูรณเ์ ปน็ ทรพั ยสทิ ธิ ค. ไมส่ มบรู ณ์อย่างบคุ คลสิทธิ มีโฉนดของนาย ข. โดยอายุความ แต่ไม่ได้ จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อมานาย มสธง. ตอ่ สบู้ ุคคลภายนอกไมไ่ ด้ ข. จดทะเบียนยกทดี่ นิ น้ันใหแ้ กน่ าย ค. โดย นาย ค. สุจริต ดงั น้ี ข้อใดถูกต้อง จ. ตอ่ สคู้ กู่ รณผี สู้ จุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทนไมไ่ ด้ ก. นาย ก. ยงั มสี ิทธเิ ดนิ ผา่ นที่ดนิ ได้ ข. นาย ค. ไมใ่ ห้นาย ก. เดนิ ผ่านทีด่ นิ ได้
มส44 ค. นาย ก. ตอ่ สนู้ าย ข. ไมไ่ ด้ เพราะนาย ข. 9. การเปล่ียนแปลง ระงับ และกลับคืนมาแห่ง สจุ ริต ทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดย นิติกรรม ถ้านิติกรรมนั้นมิได้ท�ำเป็นหนังสือ มสธง. นาย ก. ตอ่ สนู้ าย ข. ไมไ่ ด้ เพราะนาย ก. และจดทะเบียนการเปล่ียนแปลง ระงับ และ ไมไ่ ด้จดทะเบยี น กลบั คนื มาแหง่ ทรพั ยสทิ ธดิ งั กลา่ วกบั พนกั งาน จ. นาย ก. ต่อสู้นาย ข. ได้ ตามหลักผู้รับ เจา้ หน้าท่ี จะมผี ลตามข้อใด ก. เสยี เปล่า มสธโอนไม่มีสิทธดิ กี วา่ ผโู้ อน ข. สมบรู ณ์ ค. ไมบ่ รบิ รู ณ์ 7. นาย ก. ตกลงซอ้ื ทด่ี นิ มโี ฉนดของนาย ข. โดย วางมัดจ�ำไว้และเข้าครอบครองที่ดินน้ันแล้ว ต่อมานาย ข. จดทะเบียนขายที่ดินน้ันให้แก่ นาย ค. ไป ดังนี้ นาย ก. จะฟอ้ งศาลขอให้ ง. ไม่ผูกพนั ทายาทของคกู่ รณี เพกิ ถอนการจดทะเบยี นโอนทด่ี นิ นนั้ ไดห้ รอื ไม่ จ. ขอ้ ข และ ง ถกู ก. ได้ เพราะเขา้ ครอบครองท่ีดินแลว้ 10. นาย ก. สง่ มอบมา้ ซึง่ เป็นสตั ว์พาหนะตใี ชห้ น้ี ข. ได้ เพราะวางมัดจำ� เปน็ หลักฐานแล้ว ที่ค้างช�ำระให้แก่นาย ข. แต่ไม่ได้ท�ำเป็น ค. ได้ เพราะเป็นผู้เสียเปรียบจากการจด หนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ หากต่อมานาย ก. ถึงแก่ความตาย นาย ค. มสธทะเบียนนั้น ทายาทของนาย ก. จะเรียกม้าคืนจากนาย ข. ไดห้ รอื ไม่ ง. ไม่ได้ เพราะไม่ถอื ว่าเกดิ ความเสยี หาย ก. ได้ เพราะมา้ เป็นของนาย ค. จ. ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้อยู่ในฐานะท่ีจะให้จด ข. ได้ เพราะนาย ก. ไม่ได้จดทะเบียน ค. ไมไ่ ด้ เพราะนาย ค. ไมไ่ ดเ้ สยี คา่ ตอบแทน ทะเบยี นของตนไดก้ ่อน ง. ไม่ได้ เพราะการได้ม้ามาน้ัน สมบูรณ์ 8. บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิ ผูกพันนาย ค. ของตนไดอ้ ยกู่ อ่ น ไมอ่ าจเรยี กใหเ้ พกิ ถอนการ จ. ไม่ได้ เพราะม้าอยู่ในความครอบครอง มสธจดทะเบยี นการโอนอสงั หารมิ ทรพั ยไ์ ดใ้ นกรณี ของนาย ข. แล้ว ทผ่ี ูร้ ับโอนมลี กั ษณะตามขอ้ ใด ก. เสยี คา่ ตอบแทน ข. เปน็ ทายาทของผู้โอน ค. จดทะเบียนโอนโดยสจุ รติ ง. รับโอนโดยสจุ รติ และเสียคา่ ตอบแทน จ. ไม่รู้ถึงสิทธิของผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จด มสธทะเบียนสิทธไิ ด้อยกู่ ่อน
มแบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 9 มสธวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของนักศึกษาเก่ียวกับเรื่อง “การได้มาซ่ึง45 อสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์” ค�ำแนะน�ำ ขอให้นักศึกษาอ่านค�ำถามแล้วเขียนวงกลมล้อมรอบขอ้ ค�ำตอบท่ีถกู ต้องทส่ี ุด มสธ1. การไดภ้ าระจำ� ยอมในทด่ี นิ มโี ฉนดทดี่ นิ มาจาก การทำ� สญั ญากนั นนั้ ถา้ ผไู้ ดม้ าไมจ่ ดทะเบยี น ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ ดงั นี้ การไดม้ าซงึ่ ภาระ ค. บุคคลภายนอก ง. บุคคลภายนอกผสู้ ุจริต จ. บคุ คลภายนอกผสู้ จุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทน จ�ำยอมน้ัน จะมผี ลตามข้อใด 4. ข้อใดไม่ใช่การได้อสังหาริมทรัพย์มาโดยทาง ก. โมฆะ อืน่ นอกจากนติ ิกรรม ข. โมฆยี ะ ก. ตใี ช้หนี้ ค. ไมส่ มบูรณ์ ข. อายคุ วาม ง. ไม่บริบรู ณ์ ค. ค� ำ พิ พ า ก ษ า ข อ ง ศ า ล ต า ม สั ญ ญ า จ. ไมม่ ผี ลต่อบุคคลภายนอกผสู้ ุจริต ประนปี ระนอมยอมความกนั ในศาล มสธ2. นาย ก. ตกลงใหน้ าย ข. มสี ทิ ธเิ กบ็ กนิ ในทด่ี นิ ง. ค� ำ พิ พ า ก ษ า ข อ ง ศ า ล ต า ม สั ญ ญ า ของตนมีก�ำหนดเวลา 5 ปี แต่ไม่ได้จด ทะเบยี นต่อพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี หลงั จากนน้ั 2 ประนปี ระนอมยอมความกันนอกศาล ปี นาย ก. ถงึ แกค่ วามตาย นาย ค. รบั มรดก จ. เฉพาะข้อ ค และ ง ถูกต้อง ทดี่ ินนนั้ มา ดังนี้ นาย ค. จะไม่ใหน้ าย ข. ใช้ 5. นาย ก. ครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดของ สทิ ธเิ กบ็ กินในที่ดินอกี ต่อไป ได้หรือไม่ นาย ข. มากว่า 10 ปี ต่อมานาย ข. จด ก. ได้ เพราะสทิ ธเิ กบ็ กนิ นน้ั ไมเ่ ปน็ ทรพั ยสทิ ธิ ทะเบียนยกให้ที่ดินน้ันแก่นาย ค. ขณะจด มสธข. ได้ เพราะนาย ข. ไม่ไดจ้ ดทะเบียนสิทธิ ทะเบียนโอน นาย ค. รับโอนมาโดยไม่ทราบ เก็บกนิ ถึงการครอบครองปรปักษ์ของนาย ก. หลัง ค. ได้ เพราะนาย ค. เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ใน จากนั้น นาย ค. จดทะเบยี นโอนขายท่ดี ินน้นั ทด่ี ินน้ัน ให้แกน่ าย ง. โดยนาย ง. สุจริต ดงั น้ี ใครมี ง. ไมไ่ ด้ เพราะนาย ค. เปน็ ผสู้ บื สทิ ธมิ าจาก สิทธิในทีด่ นิ นั้น นาย ก. ก. นาย ก. เพราะนาย ข. รบั โอนทด่ี นิ มาโดย จ. ไมไ่ ด้ เพราะนาย ค. ไดท้ ด่ี นิ มาโดยไมเ่ สยี มสธค่าตอบแทน ไม่ไดเ้ สยี ค่าตอบแทน 3. การได้ทรัพยสิทธิเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์มา ข. นาย ก. เพราะนาย ง. ไดส้ ทิ ธทิ ด่ี นิ นน้ั มา โดย “ไมบ่ รบิ รู ณ”์ นน้ั ไมอ่ าจยกขน้ึ ตอ่ สใู้ ครได้ จากนาย ข. ซง่ึ เปน็ สทิ ธทิ ด่ี อ้ ยกวา่ นาย ก. ก. คู่กรณี ค. นาย ข. เพราะนาย ก. ไมไ่ ด้จดทะเบยี น การไดท้ ด่ี นิ มาโดยการครอบครองปรปกั ษ์ ต้งั แตแ่ รก ข. ทายาทของคู่กรณี
มส46 ง. นาย ค. เพราะเป็นผู้จดทะเบียนรับโอน 8. นาย ก. ตกลงซอื้ ทด่ี นิ มโี ฉนดของนาย ข. โดย ทดี่ ินนั้นกอ่ นรายอนื่ ชำ� ระราคาครบแลว้ และเขา้ ครอบครองทด่ี นิ นน้ั แลว้ ตอ่ มานาย ข. จดทะเบยี นขายทด่ี นิ นน้ั ให้ มสธจ. นาย ง. เพราะเป็นบุคคลภายนอกผู้รับ แกน่ าย ค. ไป โดยนาย ค. สจุ รติ ดงั น้ี นาย ก. โ อ น ท่ี ดิ น น้ั น โ ด ย สุ จ ริ ต แ ล ะ เ สี ย ค ่ าจะฟอ้ งศาลขอใหเ้ พกิ ถอนการจดทะเบยี นโอน ตอบแทน ท่ดี นิ นน้ั ได้หรือไม่ ก. ไดเ้ สมอ มสธ6. นาย ก. ไดภ้ าระจำ� ยอมโดยการเดินผ่านท่ดี นิ ข. ได้ เพราะเป็นผู้อยู่ในฐานะท่ีจะให้จด มีโฉนดของนาย ข. โดยอายุความ แต่ไม่ได้ ทะเบยี นของตนไดก้ ่อน จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อมานาย ข. จดทะเบยี นขายทีด่ ินน้ันให้แก่นาย ค. โดย นาย ค. สุจริต ดังน้ี ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ค. ได้ เพราะเป็นผู้เสียเปรียบจากการจด ก. นาย ก. ยังมีสทิ ธิเดนิ ผ่านทดี่ ินได้ ทะเบยี นโอนนน้ั ข. นาย ค. มสี ทิ ธไิ มใ่ หน้ าย ก.เดนิ ผา่ นทด่ี นิ ง. ไม่ได้เพราะนาย ค. สุจริตและเสียค่า ได้ ตอบแทน ค. นาย ก. ต่อสู้นาย ค. ไม่ได้ เพราะนาย จ. ไม่ได้ เพราะสทิ ธขิ องนาย ก. ไมบ่ รบิ ูรณ์ มสธค. สุจรติ และเสียคา่ ตอบแทน 9. นาย ก. ได้สิทธิภาระจ�ำยอมในท่ีดินของนาย ง. นาย ก. ต่อสู้นาย ค. ไม่ได้ เพราะนาย ข. โดยทางนติ ิกรรม จดทะเบียนไว้แล้วทัง้ ใน ก. ไม่ได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งภาระ โฉนดทด่ี ินของนาย ก. และในโฉนดทด่ี ินของ จ�ำยอมนน้ั นาย ข. หลังจากนั้น นาย ก. ไมไ่ ดใ้ ช้ทางนั้น เปน็ เวลากวา่ 10 ปี ตอ่ มานาย ก. จดทะเบยี น จ. นาย ก. ต่อสู้นาย ค. ได้ ตามหลักผู้รับ ขายท่ีดินของตนให้แก่นาย ง. โดยนาย ง. โอนไมม่ สี ิทธดิ ีกว่าผโู้ อน สจุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทน ดงั นี้ นาย ง. มสี ทิ ธิ ใช้ทางภาระจ�ำยอมน้ันได้หรือไม่ ถ้านาย ข. มสธ7. นาย ก. ตกลงซอ้ื ทดี่ นิ มโี ฉนดของนาย ข. โดย ไม่ยนิ ยอมใหใ้ ช้ ชำ� ระราคาครบแลว้ และเขา้ ครอบครองทด่ี นิ นน้ั ก. ใช้ไม่ได้ เพราะนาย ข. เปน็ ผ้สู ุจริต แล้ว ต่อมานาย ข. จดทะเบยี นยกที่ดนิ นน้ั ให้ ข. ใชไ้ ด้ เพราะยงั ไมไ่ ดย้ กเลกิ การจดทะเบยี น แก่นาย ค. ไป ดงั นี้ นาย ก. จะฟ้องศาลขอ ค. ใช้ได้ เพราะนาย ง. เป็นเจ้าของท่ีดิน ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินน้ันได้ หรือไม่ สามยทรัพย์ ก. ได้ เพราะช�ำระราคาครบแลว้ ง. ใช้ได้ เพราะนาย ง. เปน็ ผสู้ ุจริตและเสยี ข. ได้ เพราะเขา้ ครอบครองทีด่ นิ แลว้ มสธค. ไม่ได้ เพราะไมถ่ อื ว่าเกดิ ความเสียหาย ค่าตอบแทน ง. ไมไ่ ด้ เพราะไมใ่ ชผ่ เู้ สยี เปรยี บจากการจด จ. ใชไ้ มไ่ ด้ เพราะสทิ ธขิ องนาย ง. ไมไ่ ดเ้ ปน็ ทะเบียนนน้ั จ. ได้ เพราะเป็นผู้อยู่ในฐานะที่จะให้จด สทิ ธิเกี่ยวกบั ทรัพยสทิ ธปิ ระเภทเดยี วกนั ทะเบียนของตนได้ก่อน และเสียเปรียบ จากการจดทะเบียนนั้น
ม10. นาย ก. ครอบครองปรปกั ษแ์ พทอี่ ยอู่ าศยั ของ 47 มสธนาย ข. จนไดก้ รรมสทิ ธแิ์ ลว้ หลงั จากนน้ั นาย ข. มสธ จดทะเบียนขายแพนน้ั ใหแ้ ก่นาย ค. นาย ค. จดทะเบยี นรบั โอนมาโดยสจุ รติ ตอ่ มานาย ค. ถึงแก่ความตาย นาย ง. เป็นทายาทผู้รับ มรดกของนาย ค. ดังนี้ ใครมีสทิ ธิในแพนั้นดี กว่ากัน ก. นาย ก. เพราะได้กรรมสิทธิ์โดยผลของ กฎหมาย ข. นาย ข. เพราะนาย ก. ไม่ได้จดทะเบียน การได้กรรมสิทธิ์ ค. นาย ค. เพราะเปน็ ผรู้ บั โอนมาโดยสจุ รติ มสธ และเสยี ค่าตอบแทน ง. นาย ค. เพราะนาย ง. ไม่ใช่บุคคล ภายนอกท่สี ุจริตและเสยี ค่าตอบแทน มสธจ. นาย ง. เพราะเปน็ ทายาทผสู้ ืบกรรมสทิ ธ์ิ มาจากนาย ค. เฉลยแบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 9 ก่อนเรียน หลังเรียน 1. ง. 1. ง. 2. ข. 2. ง. 3. ง. 3. ค. 4. จ. 4. ข. 5. ก. 5. จ. 6. ก. มสธ 6. ก. 7. จ. 8. ง. 7. จ. 9. จ. 8. ง. 9. ค. 10. ง. 10. จ.
มส48 แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยที่ 10 มสธวัตถุประสงค์ เพือ่ ประเมินความรู้เดมิ ของนักศึกษาเกย่ี วกบั เรอื่ ง “ระบบท่ีดินและที่ดินของรัฐ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ กั ศกึ ษาอา่ นค�ำถามแลว้ เขียนวงกลมล้อมรอบขอ้ ค�ำตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ดุ มสธ1. ท่ีดินหมายความถงึ ค. ท่ีดนิ ท่ีตั้งโรงเรยี นรัฐบาล ก. พ้ืนดินท่ีประกอบด้วยหิน ดินโคลน แร่ ง. ปา่ ช้าสาธารณะ ธาตุ จ. ท่ีดินท่ตี ง้ั วัดในพุทธศาสนา ข. แมน่ ้ำ� 5. ข้อใดเปน็ ที่ดนิ ราชพัสดุ ค. ทะเลสาบ ก. ทท่ี รัพยส์ ิน ง. เกาะ ข. ทด่ี ินท่ตี ั้งโรงเรียนเอกชน จ. อาณาเขตบนพืน้ โลก ค. ท่ดี ินทตี่ ง้ั ของมหาวทิ ยาลัยของรฐั 2. ที่ดนิ รกรา้ งวา่ งเปลา่ หมายความถงึ ง. ทดี่ นิ ท่ีตัง้ มหาวทิ ยาลยั ของเอกชน จ. ท่ธี รณีสงฆ์ ก. ที่เลี้ยงสัตวส์ าธารณะ 6. ที่ดินประเภทใดท่ีสามารถออกหนังสือส�ำคัญ สำ� หรับทห่ี ลวงได้ มสธข. ทป่ี า่ ชา้ สาธารณะ ก. แมน่ ้ำ� ข. ถนนหลวง ค. ที่ปา่ ธรรมดา ค. ลำ� คลองธรรมดา ง. ที่ปา่ สงวน ง. คลองชลประทาน จ. ทะเลสาบ จ. ทป่ี า่ ธรรมดา 3. ข้อใดถูกต้องเกยี่ วกบั ทีด่ นิ รกร้างวา่ งเปลา่ 7. บุคคลใดมีอ�ำนาจออกหนังสือส�ำคัญส�ำหรับท่ี ก. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลงั มอี ำ� นาจ หลวง ก. อธบิ ดกี รมธนารกั ษ์ มสธนำ� ทด่ี นิ รกรา้ งวา่ งเปลา่ จดั ขนึ้ ทะเบยี นเพอ่ื ข. อธิบดีกรมท่ดี นิ ค. อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ทบวงการเมืองใช้ประโยชน์ในราชการ ง. นายอำ� เภอท้องที่ ได้ จ. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ข. อธิบดีกรมที่ดินมีหน้าท่ีดูแลท่ีเล้ียงสัตว์ 8. การโอนที่ดินของวัดในพุทธศาสนาอาจท�ำได้ สาธารณะ โดยอะไร ค. อธบิ ดกี รมทดี่ นิ สามารถออกหนงั สอื สำ� คญั ก. พระราชบญั ญตั ิ สำ� หรบั ที่หลวงในทีร่ กร้างว่างเปล่าได้ ง. อธบิ ดกี รมทด่ี นิ มหี นา้ ทด่ี แู ลรกั ษาทรี่ กรา้ ง มสธวา่ งเปลา่ ตามกฎหมาย จ. อธบิ ดกี รมทด่ี นิ มอี ำ� นาจนำ� ทด่ี นิ รกรา้ งวา่ ง เปลา่ ไปให้สมั ปทานแก่เอกชนได้ 4. ขอ้ ใดเปน็ ทดี่ นิ ของรฐั ประเภทพลเมอื งใชร้ ว่ มกนั ข. พระราชกำ� หนด ก. ท่ปี า่ สงวน ค. พระราชกฤษฎีกา ข. อทุ ยานแหง่ ชาติ
มง. พระราชบัญญตั หิ รือพระราชกฤษฎีกา 49 มสธจ. พระราชบญั ญัตหิ รือกฎกระทรวง 10. ผู้ที่ประสงค์จะจัดตั้งมัสยิดให้ยื่นเร่ืองราวต่อ 9. ขอ้ ใดไม่ใช่การได้มาซึง่ ท่ดี ินของวัด บคุ คลใดเป็นล�ำดับแรก ก. มผี ู้อุทิศถวายท่ีดินใหว้ ดั ก. คณะกรรมการอสิ ลามประจำ� จงั หวดั ทอ้ งที่ ข. วัดอาจได้มาซ่ึงท่ีดินโดยการซื้อจาก เอกชน ทจี่ ะจัดตั้งมสั ยิด ค. โดยการเข้าครอบครองปรปักษ์ที่ดินของ ข. ผวู้ ่าราชการจังหวดั ทจ่ี ะจดั ตง้ั มสั ยิด เอกชน ค. นายอ�ำเภอทจี่ ะจดั ตั้งมสั ยิด ง. การจบั จองทดี่ ิน จ. การได้รบั มาโดยพินัยกรรม มสธง. กรมการศาสนา จ. องคก์ ารบรกิ ารสว่ นตำ� บลทจ่ี ะจดั ตงั้ มสั ยดิ มสธ มสธ มสธ
มส50 แบบประเมินผลตนเองหลังเรียนหน่วยที่ 10 มสธวัตถุประสงค์ เพอ่ื ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรขู้ องนกั ศกึ ษาเกยี่ วกบั เรอ่ื ง “ระบบท่ดี นิ และทดี่ ิน ของรัฐ” ค�ำแนะน�ำ ขอใหน้ ักศึกษาอ่านคำ� ถามแล้วเขยี นวงกลมลอ้ มรอบข้อคำ� ตอบท่ีถกู ต้องทีส่ ุด มสธ1. ทป่ี ่าธรรมดาเปน็ ท่ดี ินประเภทใด ง. ตราเป็นกฎกระทรวง ก. ที่ดินของรฐั ประเภทพลเมืองใชร้ ่วมกนั จ. ไม่ต้องถอนสภาพแต่อย่างใดเพราะที่ดิน ข. ที่ดินราชพัสดุ ค. ท่สี งวนหวงห้าม ตกเปน็ ของเอกชนแลว้ ง. ทร่ี กรา้ งว่างเปล่า 5. ขอ้ ใดไม่ถูกต้องเกยี่ วกบั การไดม้ าซง่ึ ทดี่ นิ ของ จ. ที่ดินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่น ดนิ โดยเฉพาะ มสั ยดิ 2. ที่ป่าสงวนเป็นท่ีดินประเภทใด ก. มัสยิดอาจได้มาซ่ึงที่ดินโดยการซ้ือจาก มสธก. ทด่ี นิ ประเภทใชเ้ พอ่ื ประโยชนข์ องแผน่ ดนิ เอกชน โดยเฉพาะ ข. มัสยิดอาจได้มาซึ่งที่ดินโดยมีผู้ท�ำ ข. ท่ดี นิ ของรฐั ประเภทพลเมอื งใช้ร่วมกนั ค. ทร่ี กรา้ งวา่ งเปล่า พนิ ัยกรรมยกทด่ี นิ ให้ ง. ทส่ี งวนหวงหา้ ม ค. มัสยิดอาจได้มาซ่ึงท่ีดินโดยเข้าไปครอง จ. ที่ราชพสั ดุ ปรปกั ษท์ ด่ี นิ มโี ฉนดของเอกชนครบ 10 ปี มสธ3. ทเี่ ลยี้ งสตั วส์ าธารณะทไี่ มม่ รี าษฎรคนใดใชเ้ ปน็ ตอิ ต่อกัน ทเ่ี ลย้ี งสตั วอ์ กี ตอ่ ไปแลว้ อาจจะถอนสภาพให้ ง. มสั ยดิ อาจไดม้ าซงึ่ ทด่ี นิ โดยการเขา้ ไปแยง่ เป็นท่รี กรา้ งวา่ งเปลา่ ได้โดยวธิ ีการใด การครอบครองท่ีดินที่มี น.ส.3 ของ ก. ตราเปน็ พระราชบัญญตั ิ เอกชนและเจ้าของที่ดินไม่ ฟ้องร้องกลับ ข. ตราเป็นพระราชกำ� หนด คนื ภายใน 1 ปี ค. ตราเป็นกฎกระทรวง จ. มัสยิดอาจได้มาซงึ่ ที่ดนิ โดยการขอเข้าไป ง. ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา จับจองทดี่ นิ รกรา้ งวา่ งเปลา่ ของรัฐได้ จ. ตราเปน็ ประกาศกระทรวง 6. ทธ่ี รณีสงฆค์ อื ก. ทด่ี นิ ที่เป็นทตี่ ้ังวดั มสธ4. ที่ชายตล่ิงซึ่งต่อจากที่ดินเอกชนที่ตื้นเขินจน ข. ท่ีดนิ ทเี่ ป็นที่ตง้ั โบสถใ์ นวัด เป็นท่ีงอกริมตลิ่งแล้วจะถูกถอนสภาพได้โดย ค. ที่ดินท่ีเก็บผลประโยชน์ให้แก่วัด แต่ วธิ ีการใด กรรมสทิ ธใิ์ นทด่ี นิ เจา้ ของทด่ี นิ ยงั สงวนไว้ ก. ตราเป็นพระราชบญั ญัติ เป็นของตน ง. ที่ดินที่ตกเป็นสมบัติของวัดเป็นที่ท�ำ ประโยชนข์ องวัดนนั้ ข. ตราเปน็ พระราชกำ� หนด จ. ท่ดี ินทต่ี ้งั โรงเรียนของวัดนั้น ค. ตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา
Search