Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปหลักกฎหมาย-ห้างหุ้นส่วน-และ-บริษัท

สรุปหลักกฎหมาย-ห้างหุ้นส่วน-และ-บริษัท

Published by inuthai_monta, 2022-07-13 05:45:14

Description: สรุปหลักกฎหมาย-ห้างหุ้นส่วน-และ-บริษัท

Search

Read the Text Version

1 สรปุ หลกั กฎหมายแพ่ง วชิ า ห้างหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ ิพากร พนกั งานอัยการ ง

2 กฎหมายลกั ษณะ G หา้ งหุ้นสว่ น ---------- บทท่วั ไป ห้างหุ้นส่วนสามญั มาตรา 1012 อันว่าสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทน้ัน คือสัญญาซึ่งบุคคลต้ังแต่สองคนข้ึนไปตกลงเข้ากัน เพ่อื กระทากจิ การร่วมกนั ด้วยประสงคจ์ ะแบ่งปันกาไรอันจะพงึ ได้แต่กิจการที่ทานั้น มาตรา 1013 อันห้างหนุ้ ส่วนหรอื บรษิ ัทนัน้ ท่านกาหนดเปน็ สามประเภท คือ (1) ห้างหุ้นส่วนสามัญ (2) ห้างหนุ้ ส่วนจากดั (3) บริษัทจากัด อธิบาย 1. มาตรา 1012 หมายถึง สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท โดยสัญญาดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีบุคคล ต้ังแต่สองคนขึน้ ไปตกลงเขา้ กันเพ่ือทากิจการร่วมกนั โดยท้ังหมดมเี จตนาจะแบ่งปนั ผลกาไรระหวา่ งกัน 2. คาว่า “ตกลงเข้ากันเพื่อทากิจการร่วมกัน” หมายถึง บุคคลตั้งแต่สองคนข้ึนไปตกลงเข้าทากิจการหรือธุรกิจ ร่วมกันโดยบุคคลทั้งหลายท่ีเข้าร่วมกันนั้นมีเจตนาจะแบ่งปันทั้งกาไรและขาดทุนร่วมกัน หากเจตนาของบุคคลทั้งหลายมี เพียงจะแบ่งเฉพาะกาไรไม่แบ่งปันในเร่ืองของการขาดทุน หรือหากบุคคลทั้งหลายมีเจตนาเพียงแบ่งเงินที่เป็นรายได้ (ไม่มี การหักคา่ ใชจ้ ่ายแลว้ จึงมาแบ่งกาไร) กรณีเชน่ น้จี ะไม่ถอื ว่าเป็นการตกลงเขา้ ห้นุ กันเปน็ หนุ้ สว่ น ฎ.1375/2513 เอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 เป็นเร่ือโจทก์จาเลยทาสัญญาซ้ือขายปอฟอกัน แม้ เอกสารหมาย จ.1 มีข้อความตอนหน่ึงว่า “ปอจานวนนี้ ข้าฯ จะส่งมอบภายในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2509 เม่ือส่งครบ จานวนแล้วคิดตามราคมท้องตลาดเสร็จแล้วหักทุนออก เหลือเท่าไนจึงแบ่งฝ่ายละครึ่งของผลกาไรก็ตาม ก็เป็นเพียง ข้อตกลงอีกอันหนึ่งว่า ภายหลังที่ขายปอให้กันแล้วโจทก์ (ผู้ซื้อ) จะต้องแบ่งกาไรให้จาเลย (ผู้ขาย) ด้วยเท่านั้น หาทาใ ห้ สัญญาซ้ือขายเปน็ สญั ญาเข้าหุน้ สว่ นไปไม่ เพราะจาเลยยอมรบั แตผ่ ลกาไรฝ่ายเดยี ว เมอ่ื ขาดทนุ ไม่ตอ้ งออกด้วย ฎ.2062/2532 จาเลยที่ 1 ทาสัญญาจะขายท่ีดินให้จาเลยท่ี 2 และท่ี 3เพื่อทาการปลูกสร้าง ตึกแถวใหม่ในที่ดินดังกล่าว แล้วจะเสนอขายแก่บุคคลภายนอกท้ังที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นรายห้อง โดยในสัญญามี ขอ้ ตกลงว่า ถา้ มีความจาเป็นต้องฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมจาเลยที่ 2 จะฟอ้ งขับไลเ่ อง และจะไมเ่ รียกรอ้ งจากจาเลยที่ 1เกี่ยวกับ ค่าทดแทนใด ๆ ที่จะให้ผู้เช่าเดิม ดังน้ีข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงการกาหนดข้อตกลงในสัญญาจะซ้ือจะขายเท่าน้ัน ไม่มี ขอ้ ตกลงตอนใดท่ีแสดงว่าจาเลยที่ 1 ผู้จะขายได้ร่วมประกอบกิจการในการปลกู สร้างตึกแถวใหม่กับจาเลยที่ 2 ท่ี 3 แม้ใน สญั ญาจะซอื้ จะขายจะกาหนดตอ่ ไปอีกวา่ ผ้จู ะขายจะไดร้ บั สว่ นแบ่งจากการขายตกึ แถวใหมอ่ ีกร้อยละหกสบิ ของกาไรสุทธิ ก็ เป็นเพียงขอ้ ตกลงในการซือ้ ขายที่ดินทผี่ จู้ ะซอื้ ยอมทจ่ี ะใหเ้ พมิ่ เตมิ อกี เท่าน้ันจาเลยที่ 1 เป็นฝา่ ยยอมรบั แต่ผลกาไรอยา่ ง เดยี วไมต่ ้องร่วมรบั ผิดเม่อื ขาดทุนดว้ ย จงึ ไมท่ าใหส้ ัญญาจะซือ้ จะขายกลายเป็นสัญญาเขา้ หนุ้ ส่วนไปได้ ข้อสังเกต : ทั้งสองฎีกานี้คสู่ ัญญามีเจตนาเพยี งแต่จะแบ่งกาไรกนั อยา่ งเดียวไม่มีเจตนาจะร่วมรับ ผดิ เมือ่ ขาดทุนดว้ ยจงึ ไมท่ าให้กลายเป็นสัญญาหา้ งห้นุ สว่ น สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

3 ฎ.428/2522 สัญญาระหวา่ งโจทก์กับจาเลยเปน็ สัญญาจะซ้ือจะขายทีด่ ินซง่ึ กาหนดไว้ว่าจาเลย จะไปจดทะเบียนให้โจทกเ์ ป็นผถู้ ือกรรมสิทธิ์รว่ มภายใน 1 ปี เพียงแตม่ ีข้อตกลงกันเป็นพเิ ศษยอมใหฝ้ า่ ยใดฝา่ ยหน่ึงนาที่ดิน ท่ีจะซ้ือขายกันน้ีไปขายให้แก่บุคคลภายนอกได้โดยจะต้องนาเงินท่ีขายได้มาแบ่งกันคนละคร่ึงเท่าน้ันการมีข้อตกลงเป็น พิเศษเพยี งเทา่ นหี้ าทาใหส้ ัญญาจะซ้ือจะขายท่ดี นิ กลายเป็นสัญญาหนุ้ ส่วนไปไม่ ฎ.7148/2542 ผ้เู ป็นหุ้นส่วนมสี ิทธไิ ดร้ บั สว่ นกาไรอนั เกิดจากกิจการทีท่ าน้ัน หากไมไ่ ด้รบั ส่วน แบ่งในผลกาไรแต่ได้รบั เปน็ อย่างอน่ื ไม่ถอื ว่าเป็นหุ้นสว่ น ปรากฏว่าระหว่างโจทกก์ ับจาเลยมีการแบ่งผลประโยชน์ ใหก้ นั ทุก เดือน เดือนละ 2 เปอร์เซ็นต์ ของเงินลงทุน โดยไม่ต้องคานึงถึงผลกาไรหรือขาดทุน แสดงว่าโจทก์ได้รับผลประโยชน์จาก เงินท่ีลงทุนทุกเดือนโดย ไม่ได้รอผลกาไรจากกิจการแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนกับจาเลยเพ่ือ ทากิจการซ้ือ ขายทองรูปพรรณ ข้อสงั เกต : ทัง้ สองฎกี าน้คี ู่สัญญาตา่ งมีเจตนาเพยี งแตแ่ บง่ ปันผลกาไรใหแ้ ก่กัน 3. อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการยอมร่วมผิดในเรื่องของขาดทุนและจะแบ่งเงินกันก็ต่อเม่ือมีกาไร แต่ถ้าสถานะที่ จะต้องนามาแบ่งให้น้ันไม่ใช่สถานะหุ้นส่วนแต่เป็นสถานะลูกจ้างและนายจ้าง หรือสถานะผู้จัดการของห้างซ่ึงเป็นลูกจ้าง ของหา้ งหนุ้ ส่วน เชน่ นยี้ ่อมไมอ่ าจถอื วา่ เป็นสัญญาหา้ งหนุ้ สว่ น (ฎ.9785/2539) ฎ.9785/2539 อ.ปฏิบัติงานเป็นไต๋เรือทาหน้าท่ีควบคุมดูแลการจับปลาและอุปกรณ์ตลอดจน ลูกเรือ โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายปลาท่ีหาได้เม่ือขายและหักค่าใช้จ่ายให้โจทก์แล้ว โจทก์จะได้ 65 เปอร์เซ็นต์ อ. และ ลกู เรือ ได้ 35 เปอรเ์ ซ็นต์แสดงว่า อ. เพียงตกลงทางานให้โจทก์เพื่อประโยชน์ในธุรกิจหาปลาเท่าน้นั การกาหนดส่วนแบ่ง จานวนเงินเป็นเรื่องจูงใจให้ขยันทางานถือว่าเป็นเงินที่แบ่งให้หรือจ่ายเพ่ือเป็นค่าตอบแทนการทางานมีลักษณะเป็น คา่ จา้ ง อ. จึงเปน็ ลูกจ้างของ 4. แนวคาพิพากษาฎกี าท่ีถือว่าเป็นสญั ญาหนุ้ ส่วน ฎ.314/2510 จาเลยกับนางนกแก้วได้ตกลงร่วมกันจัดการซื้อที่ดินโฉนดท่ี 1591 มาจัดสรร แบ่งขายเป็นแปลง ๆ ด้วยความประสงค์ที่จะหากาไรในกิจการท่ีทานน้ั มาแบ่งปันกัน กจิ การท่ีจาเลยและนางนกแก้วกระทา ไปน้ีจึงเป็นการกระทาท่ีเป็นหุ้นส่วนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 การท่ีนางนกแก้วรู้เห็น ยนิ ยอมให้โจทก์ขายชว่ งและยนิ ยอมรับเงนิ จากโจทกด์ งั กล่าวนั้น นางนกแกว้ ไดจ้ ัดทาไปในทางท่ีเปน็ ธรรมดาการคา้ ของหา้ ง หุ้นส่วน จาเลยย่อมจะต้องมีความผูกพันและรับผิดชอบร่วมกันกับนางนกแก้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 1050 ฎ.1767/2529 โจทก์จาเลยทาสัญญากันว่า จาเลยได้มอบที่ดินให้แก่โจทก์รับไปจัดการ แบ่งเป็นแปลงแล้วนาออกจาหน่าย เม่ือจาหน่ายหมดแล้วให้หักค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายของโจทก์ท่ีได้จัดการดังกล่าวเหลือ เทา่ ใดให้แบง่ เปน็ 3 ส่วน มอบให้โจทก์ 2 สว่ น ใหจ้ าเลย 1 ส่วน ดงั นี้ เป็นสัญญาจัดตงั้ ห้างหนุ้ ส่วนตาม ประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าบุกเบิกจัดสรรท่ีดินจากจาเลย จึงเป็นการเรียกร้องเงินค่าที่ได้ ลงหุน้ ไป เมือ่ มีการบอกเลิกสัญญาแล้วจึงต้องปฏิบัติตามมาตรา 1061 คือต้องจัดการชาระบัญชี เสียก่อน โจทก์จะมาฟ้อง ขอคนื เงนิ ทไี่ ด้ลงห้นุ ไปโดยยังไมม่ ี การชาระบัญชหี าไดไ้ ม่ โจทกจ์ ึงยงั ไม่มอี านาจฟ้อง 5. สญั ญาหา้ งหุ้นส่วนตามประกฎหมายแพ่งและพาณชิ ยม์ ีอยูด่ ว้ ยกัน 2 ประเภท คือ (1) หา้ งหนุ้ ส่วนสามญั (2) ห้างหุน้ สว่ นจากัด สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

4 ห้างหุ้นสว่ นสามัญ มาตรา 1025 อนั ว่าห้างหุ้นสว่ นสามญั น้ัน คือ หา้ งหุ้นส่วนประเภทซ่งึ ผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนหมดทกุ คนต้องรบั ผิดรว่ มกัน เพอื่ หนที้ ั้งปวงของหนุ้ ส่วนโดยไมม่ จี ากัด อธิบาย 1. มาตรา 1025 หมายถึง สัญญาห้างหุ้นส่วนสามัญ คือห้างหุ้นส่วนท่ีบุคคลที่เข้าหุ้นกันเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญแล้ว บคุ คลผูเ้ ป็นหุ้นส่วนทกุ คนตอ้ งรว่ มรับกนั รับผิดของหา้ งอยา่ งไมจ่ ากดั จานวน 2. ห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นสัญญาท่ีจัดตั้งข้ึนได้โดยบุคคลต้ังแต่สองคนข้ึนไปมีเจตนาตกลงเข้ากันเพ่ือทากิจการ รว่ มกันโดยมีความประสงค์จะแบ่งปันกาไรแกก่ ัน และบคุ คลที่ตกลงเขา้ กันต้องมีเจตนารว่ มกนั รับผดิ ในค่าใช้จ่ายของกิจการ ร่วมกันและมเี จตนาทจ่ี ะแบง่ ปนั ผลกาไรอันเกดิ จากกจิ การท่ีเข้าร่วมกนั 3. หากบุคคลท้ังหลายน้ันมีเจตนาที่จะแบ่งปันแตก่ าไรไม่มีเจตนาท่ีจะร่วมรับผิดในค่าใช้จ่าย หรอื บุคคลมีเจตนาท่ี จะแบ่งแต่รายได้ไม่มีเจตนาที่จะร่วมรับผิดในค่าใช้จ่ายหรือรอการแบ่งปันจากผลกาไร กรณีเหล่าน้ี ย่อมไม่ถือว่าบุคคล ทั้งหลายมเี จตนาตกลงเขา้ กันเป็นห้างหุน้ ส่วน (ฎ.2062/2532, ฎ.7148/2542) 4. หลักสาคญั ของห้างหุน้ ส่วนสามัญ คือ - คณุ สมบตั ิของผเู้ ป็นหนุ้ สว่ นซ่ึงถือว่าเป็นข้อสาระสาคญั - แม้จะออกจากการเป็นหุ้นสว่ นไปแล้วก็ยังคงต้อรับผิดในมูลหน้ีท่ีไดก้ ่อขึ้นก่อนที่จะออกจากห้างหุ้นส่วนสามัญ อยู่ตลอด (ม.1051) - ผเู้ ปน็ หุ้นส่วนแตล่ ะคนต้องมีความซ่ือสตั ย์ตอ่ กนั (ม.1038) 5. คาว่า “ผู้เป็นหุ่นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหน้ีท้ังปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจากัด” หมายถึง ผู้เป็น หุน้ ส่วนทกุ คนต้องร่วมกนั รับผิดในมลู หน้ีของหา้ งหุ้นสว่ นสามญั อยา่ ง “ลูกหนรี้ ่วม” ตอ่ เจา้ หน้ีของห้างหุ้นส่วนสามัญ 6. การเข้าเป็นสัญญาห้างหนุ้ ส่วนตอ้ งมหี ลักเกณฑ์ ดงั นี้ (1) สัญญาซง่ึ บุคคลต้งั แต่สองคนข้ึนไปตกลงเขา้ ร่วมกนั (2) ตอ้ งมีเจตนากระทากจิ การรว่ มกนั (รับผิดในค่าใช้จ่ายร่วมกนั และแบ่งปนั กนั ในเรื่องผลกาไร) (3) การเข้ารว่ มกันมีเจตนาจะแบ่งปันผลกาไรอนั เกดิ จากการจดั การกิจการ่วมกนั (4) บคุ คลทกุ คนที่เข้าร่วมกันต้องรว่ มกนั รบั ผิดโดยไม่จากดั จานวนในมูลหน้ีของห้างหุ้นสว่ นสามญั 7. เมื่อเข้าลักษณะของสัญญาห้างหุ้นส่วนแล้ว แม้จะเรียกเป็นช่ืออย่างอ่ืนศาลฎีกาก็ยังคงถือว่าเป็นสัญญาเข้า หนุ้ สว่ นกันอยู่ (ฎ.2167/2544, ฎ.4749/2559) ฎ.2167/2544 โจทกท์ ้ังสองกับจาเลยที่ 1 ถึงท่ี 4 ตกลงร่วมกันทาการค้าโดยโจทก์ทัง้ สองเป็น ผู้ออกทุนด้วยเงินสด จาเลยท่ี 1 ถึงท่ี 4 เป็นผู้ลงทุนด้วยแรงงานคือเป็นผู้ดาเนินกิจการค้า จึงมีลักษณะเป็นสัญญาจัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนสามัญโดยไม่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1025 และมาตรา 1026 แมจ้ ะเรียก ขอ้ ตกลงนน้ั วา่ เปน็ สัญญาร่วมคา้ ขาย ก็หาทาให้มใิ ช่เป็นสญั ญาจดั ต้งั หา้ งห้นุ ส่วนสามญั ไม่ ฎ.14968/2558 โจทกเ์ ป็นผจู้ ัดล็อกพน้ื ที่ในตลาดเพื่อใหผ้ ู้ค้าเช่าแผงขายสินคา้ และจัดทาบัญชี เพื่อประโยชน์ในการประกอบกิจการค้านั้น ดังน้ี ย่อมเท่ากับว่าโจทก์ได้ร่วมลงทุนหรือลงหุ้นเป็นแรงงานแล้ว เข้าลักษณะ เป็นสัญญาห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1012 และ 1025 ท่ีบัญญัติว่า สัญญาจัดต้ังห้างหุ้นส่วน สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

5 คอื สัญญาซ่ึงบุคคลสองคนข้ึนไปตกลงเข้ากันเพอ่ื กระทากิจการร่วมกัน ด้วยประสงคจ์ ะแบ่งปันกาไรอันจะพึงได้แต่กิจการท่ี ทานนั้ ซงึ่ สง่ิ ทน่ี ามาลงหุ้นนั้นจะเปน็ เงิน หรอื ทรพั ยส์ นิ ส่งิ อนื่ หรือแรงงานก็ได้ ตามมาตรา 1026 วรรคสอง *ฎ.4749/2559 สัญญาข้อตกลงร่วมทาผลประโยชน์ เป็นสัญญาท่ีโจทก์กับจาเลยท่ี 1 ตกลง เข้ากันเพื่อทากิจการขายดินลูกรังในท่ีดินพิพาทโดยจาเลยที่ 1 เป็นผู้ลงทุนในโครงการผู้เดียว ส่วนโจทก์เป็นผู้ดาเนินการ ขายดินลูกรัง โดยจาเลยที่ 1 จะได้รับเงินปันผลร้อยละ 40 ส่วนโจทก์ได้รับร้อยละ 60 ข้อตกลงดังกล่าวจาเลยที่ 1 เป็นผู้ ออกเงนิ ส่วนโจทกเ์ ป็นผู้ลงแรงดว้ ยประสงค์เพอื่ แบง่ กาไรอันจะพึงได้จากการดาเนนิ กจิ การดงั กลา่ ว จงึ เปน็ สัญญาจดั ต้ังห้าง หนุ้ ส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1012 และเมื่อข้อเท็จจริงรบั ฟังได้ว่าจาเลยท่ี 1 เป็นผู้ออกเงนิ ซื้อท่ีดินพิพาทและเปน็ เจ้าของ ทด่ี ินพิพาท จาเลยท่ี 1 เพยี งแต่นาท่ีดินพพิ าทมาให้ใชเ้ ปน็ การลงหุ้น มิได้ให้กรรมสิทธ์ิในทด่ี ินพิพาทเปน็ การลงหุน้ โจทก์จึง มไิ ด้เป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิร่วมในท่ีดินพิพาท การที่จาเลยท่ี 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทดี่ ินพิพาทแทนจาเลยที่ 1 และได้ขาย ทด่ี ินพิพาทใหจ้ าเลยท่ี 3 และจดทะเบยี นเลกิ การเช่าท่ีดินพิพาทระหว่างจาเลยท่ี 1 กบั ท่ี 2 เป็นเร่ืองระหว่างจาเลยทงั้ สาม มิได้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอานาจฟ้อง ส่วนท่ีโจทก์ฎีกาขอให้คืนทุน นั้น โจทก์เป็นหุ้นส่วนที่ลงหุ้นด้วย แรงงานเท่านั้น ไม่ได้มีเงินมาลงทุน และในสัญญาข้อตกลงร่วมทาผลประโยชน์ดังกล่าว ก็มิไดบ้ อกว่าจะแบ่งทุนหรือตีราคา ค่าแรงงานเปน็ ทุนเพ่อื คืนให้แก่โจทก์ เม่อื หา้ งหนุ้ สว่ นเลิกกัน โจทก์จึงไม่มีสทิ ธิขอคนื ทนุ พรอ้ มดอกเบ้ีย ข้อสาคญั : สญั ญาเขา้ ห้นุ เป็นหา้ งหุ้นสว่ นสามญั ตามมาตรา 1025 ไม่มีแบบ ดงั น้ี คู่สัญญาสามารถเขา้ หุน้ กนั เป็น หา้ งหนุ้ สว่ นสามญั ได้โดยไม่จาเป็นต้องทาเปน็ หนงั สอื หรือไมจ่ าเป็นตอ้ งไปจดทะเบียน และหา้ งหนุ้ สว่ นสามญั เมื่อยังไม่ได้ ดาเนนิ การจดทะเบียนย่อม “ไม่มสี ภาพเป็นนติ บิ คุ คล” ความเกย่ี วพนั ระหว่างผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนดว้ ยกันเอง มาตรา 1026 ผู้เป็นหุ้นสว่ นทุกคนตอ้ งมีสง่ิ หน่งึ ส่ิงใดมาลงหนุ้ ด้วยในห้างหนุ้ สว่ น สง่ิ ทีน่ ามาลงด้วยน้ัน จะเปน็ เงนิ หรือทรัพยส์ นิ สิ่งอ่ืนหรือลงแรงงานกไ็ ด้ อธบิ าย 1. มาตรา 1026 วรรคหน่ึง หมายถึง เมื่อบุคคลทุกคนเข้าตกลงเข้าเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้อง นาสง่ิ ใดสง่ิ หน่งึ มาลงเป็นหนุ้ ในหา้ งหุ้นส่วนสามญั ดว้ ย 2. มาตรา 1026 วรรคสอง หมายถงึ ส่ิงที่ผเู้ ป็นหุ้นส่วนทุกคนจะต้องนาเอามาลงเปน็ หุ้น ไดแ้ ก่ เงินสด ทรัพย์สิน หรอื แรงงาน โดยผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นจะลงอยา่ งใดอย่างหนง่ึ เป็นหนุ้ ก็ได้ มาตรา 1027 ในเมอื่ มกี รณเี ปน็ ข้อสงสัย ทา่ นให้สนั นิษฐานไว้กอ่ นวา่ ส่ิงซึ่งนามาลงหุ้นดว้ ยกันนัน้ มีคา่ เทา่ กัน อธบิ าย มาตรา 1027 หมายถึง เม่ือเกิดกรณีสงสัยว่ามูลค่าของส่ิงที่นามาลงเป็นหุ้นน้ันมีมูลค่าเท่าไร มาตรา 1027 จะ เป็นบทสนั นษิ ฐานในเบ้อื งตน้ วา่ สิ่งท่ีนามาลงเปน็ หนุ้ มมี ูลคา่ เท่ากันๆ กันท้ังหมด ข้อสงั เกต : คาว่า “กรณีเป็นข้อสงสัย” หมายถึง กรณีสิ่งที่นามาลงเป็นหุ้นน้ันมีมูลค่าเท่าๆ กันจากการประเมินของ วญิ ญูชนทั่วไปๆ เท่าน้ัน หากแม้ส่ิงที่นามาลงเป็นหุ้นเป็นทรัพย์แต่วิญญูชนคนท่ัวไปสามารถประเมินด้วยตาเปล่าก็ทราบได้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

6 อย่างแน่ชัดว่า มูลค่าของทรัพย์แต่สิ่งของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าแตกต่างกัน กรณีเช่นน้ีจะไม่นามาตรา 1027 มาปรับวินิจฉัยเป็น ข้อสนั นิษฐานเพราะไม่ถอื วา่ เปน็ กรณีเป็นขอ้ สงสยั ตัวอย่าง : หน่ึง สอง และสาม ต่างตกลงเข้าหุ้นกันป้ิงไก่ยา่ งขายที่หน้าเนติฯ โดยหน่ึงจะลงแรง สองจะลง เตาย่างไก่และไม้เสียบไก่ ส่วนสามจะเอารถยนต์มาลงเป็นหุ้นในการขนส่งไกย่ ่าง แม้ทนุ ของสองและสามจะไมก่ าหนดมลู ค่า กันแต่ก็เป็นท่ีเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่ารถยนต์ของสามมีมูลค่ามากกว่าเตาย่างไก่และไม้เสียบไก่ของสอง กรณีเช่นนี้จะไม่ใช่ กรณเี ปน็ ข้อสงสัยตามมาตรา 1027 มาตรา 1028 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดได้ลงแต่แรงงานของตนเข้าเป็นหุ้น และในสัญญาเข้าหุ้นส่วนมิได้ตีราคา ค่าแรงไว้ ทา่ นใหค้ านวณส่วนกาไรของผทู้ ี่เป็นหุน้ สว่ นด้วยลงแรงงานเชน่ นนั้ เสมอด้วยสว่ นถวั เฉลี่ยของผเู้ ปน็ หนุ้ ส่วนซ่งึ ได้ ลงเงินหรอื ลงทรัพยส์ ินเข้าหุ้นในการนน้ั อธิบาย มาตรา 1028 หมายถึง กรณีท่ีผู้เป็นหุ้นส่วนลงหุ้นเป็น “แรงงาน” แต่การแบ่งปันกาไรของห้างหุ้นส่วนกฎหมาย จะให้คิดจากสิ่งที่นามาลงเป็นหุ้นของห้างโดยคานวณเป็นจานวนเงิน แต่เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนลงแรงงานเป็นหนุ้ มาตรา 1028 จึงบัญญัติหลักในการคานวณมูลค่าของแรงงานเพื่อท่ีจะสามารถแบ่งปันผลกาไรให้แก่หุ้นส่วนผู้นาแรงงานมาลงได้โดยมีวิธี คิดคานวณ คือ ให้นามูลค่าของส่ิงท่ีมาลงเป็นหุ้นทั้งหมดแล้วหารด้วยจานวนของผู้ถือหุ้นท้ังหมดจะได้คา่ ถัวเฉล่ียของผู้เป็น ห้นุ สว่ นท่ดี ว้ ยแรงงาน ตวั อย่าง : หนึ่งลงเงิน 10,000 บาท สองลงทรัพย์มมี ูลคา่ 5,000 บาท สามลงแรงงาน ดังน้ี การตีค่าหุ้น ของสามท่ีนาแรงงานมาลงเป็นหุ้นจะมีจานวนราคาสักเท่าใด ก็จะต้องนามูลค่าของหุ้นท้ังหมด (เงินสด + ทรัพย์สิน) แล้วก็ หารจานวนผู้เป็นหุ้นส่วน คือ 15,000 (เงินสด +ทรัพย์สิน) หาร 3 (จานวนผู้เป็นหุ้นสว่ นท้ังหมด) เท่ากบั 5,000 บาท ดงั นี้ มลู ค่าหนุ้ ของสามที่เปน็ แรงงาน คอื 5,000 บาท ข้อสงั เกต : หากกรณีมีการเลิกหา้ งหนุ้ ส่วนสามญั ผเู้ ป็นหุ้นส่วนที่ลงหนุ้ ด้วยแรงงานจะไม่ไดร้ ับการคืนทนุ ทรัพย์ (ม.1062) เนือ่ งจากการคืนทุนทรัพย์เมือ่ เลิกห้างหมายถงึ การคืนเงนิ สดทนี่ ามาลงเป็นหุน้ และทรัพยส์ นิ เท่านั้น (ฎ.4749/2559) มาตรา 1029 ถ้าผเู้ ป็นหุ้นสว่ นคนหนงึ่ เอาทรัพยส์ นิ มาให้ใชเ้ ป็นการลงหุน้ ด้วยไซร้ ความเก่ยี วพันระหวา่ งผ้เู ป็น หุ้นส่วนคนน้ันกับห้างหุ้นส่วนในเร่ืองส่งมอบและซ่อมแซมก็ดี ความรับผิดเพ่ือชารุดบกพร่องก็ดี ความรบั ผิดเพ่ือการรอน สิทธกิ ด็ ี ข้อยกเว้นความรบั ผดิ ก็ดีท่านให้บังคับตามบทบัญญตั แิ หง่ ประมวลกฎหมายน้ี วา่ ด้วยเช่าทรพั ย์ มาตรา 1030 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งให้กรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินอันใดอันหนึ่งเป็นการลงหุ้นด้วยไซร้ ความ เก่ยี วพนั ระหวา่ งผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนนนั้ กับหา้ งหนุ้ สว่ นในเรอ่ื งสง่ มอบและซอ่ มแซมกด็ ี ความรบั ผดิ เพอ่ื ชารดุ บกพรอ่ งกด็ ี ความ รับผิดเพอื่ การรอนสทิ ธิกด็ ี ขอ้ ยกเวน้ ความรับผดิ กด็ ี ทา่ นให้บงั คับตามบทบัญญัติแหง่ ประมวลกฎหมายน้ี วา่ ดว้ ยซื้อขาย อธบิ าย 1. มาตรา 1029 และ มาตรา 1030 หมายถึง กรณที ผ่ี ู้เป็นหุน้ สว่ นนาทรพั ยส์ นิ มาลงเปน็ หนุ้ โดยการนาทรัพยส์ ิน มาลงเป็นหนุ้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ลกั ษณะ คอื เอาทรัพย์สินให้ห้างใช้ (ม.1029) และ เอาทรัพยส์ นิ เป็นของห้าง (ม.1030) 2. มาตรา 1029 หมายถึง กรณีที่หุ้นส่วนนาทรัพย์สินมาลงเป็นหุ้น แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ได้มีเจตนาจะโอน กรรมสิทธ์ิในทรัพยส์ นิ ทน่ี ามาลงเปน็ หุ้นให้แก่ห้างห้นุ ส่วนสามัญ กรณีเชน่ นหี้ ากเปน็ เรือ่ งของการซ่อมแซมทรัพย์สนิ ที่นามา สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

7 ลงหุ้น ความรับผิดเมื่อทรัพย์ที่นามาลงน้ันเกิดความชารุดบกพร่อง หรือความรับผิดเม่ือมีบุคคลมากล่าวอ้างสิทธิเหนือ ทรัพย์สินท่ีนามาลงเป็นหุ้นในเร่ืองเพ่ือการรอนสิทธิ หรือการตกลงข้อยกเว้นของผู้เป็นหุ้นส่วนเพื่อการรับผิดต่างๆ มาตรา 1029 จะต้องนาหลักเร่ืองการ “การเชา่ ” มาใช้บังคับ 3. เม่ือผู้เป็นหุ้นส่วนนาทรัพย์สินมาลงเป็นหุ้นโดยไม่มีลักษณะเป็นการโอนกรรสิทธิให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญ ดังน้ี หากมีความเสียหายเกิดขึ้นใดๆ กับทรัพย์สินผู้เป็นหุ้นส่วนรายน้ันต้องออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเอง ตลอดจนหากมี ความชารดุ บกพร่องแก่ทรัพยส์ ินทาให้ทรัพยส์ ินทีน่ ามาลงเป็นหุ้นมมี ูลค่าไม่สมกับราคาท่ีตีเป็นมูลคา่ หุ้นผู้เป็นหุ้นสว่ นผนู้ ้ันก็ ต้องรบั ผิด 4. อย่างไรก็ตาม เม่ือกรรมสทิ ธ์ใิ นทรัพย์สินท่ีนามาลงเป็นหุ้นไม่ได้เป็นกรรมสทิ ธ์ิของห้างห้นุ ส่วนสามัญแล้ว หากมี การเลกิ หา้ งเกิดขนึ้ ผเู้ ป็นหุ้นสว่ นรายนนั้ กจ็ ะไดร้ บั ทรัพย์สินคนื (ม.1062(3)) *ฎ.4749/2559 สัญญาข้อตกลงร่วมทาผลประโยชน์ เป็นสัญญาท่ีโจทก์กับจาเลยที่ 1 ตกลง เข้ากันเพื่อทากิจการขายดินลูกรังในที่ดินพิพาทโดยจาเลยที่ 1 เป็นผู้ลงทุนในโครงการผู้เดียว ส่วนโจทก์เป็นผู้ดาเนินการ ขายดินลูกรัง โดยจาเลยที่ 1 จะได้รับเงินปันผลร้อยละ 40 ส่วนโจทก์ได้รับร้อยละ 60 ข้อตกลงดังกล่าวจาเลยท่ี 1 เป็นผู้ ออกเงิน ส่วนโจทก์เปน็ ผู้ลงแรงด้วยประสงค์เพือ่ แบ่งกาไรอันจะพึงได้จากการดาเนนิ กจิ การดังกล่าว จึงเปน็ สัญญาจัดตั้งห้าง หุน้ ส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1012 และเม่ือข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจาเลยที่ 1 เป็นผู้ออกเงินซ้ือที่ดินพิพาทและเปน็ เจ้าของ ที่ดินพิพาท จาเลยที่ 1 เพียงแตน่ าท่ีดนิ พพิ าทมาให้ใชเ้ ป็นการลงหุ้น มิได้ให้กรรมสิทธิ์ในทดี่ ินพิพาทเปน็ การลงห้นุ โจทก์จึง มิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิรว่ มในที่ดินพิพาท การที่จาเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทด่ี ินพิพาทแทนจาเลยที่ 1 และได้ขาย ทด่ี ินพิพาทใหจ้ าเลยท่ี 3 และจดทะเบยี นเลกิ การเช่าทีด่ ินพิพาทระหว่างจาเลยท่ี 1 กับที่ 2 เปน็ เรื่องระหวา่ งจาเลยทั้งสาม มิได้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอานาจฟ้อง ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้คืนทุน นั้น โจทก์เป็นหุ้นส่วนที่ลงหุ้นด้วย แรงงานเท่าน้ัน ไม่ได้มีเงนิ มาลงทุน และในสัญญาข้อตกลงร่วมทาผลประโยชน์ดังกล่าว ก็มิได้บอกว่าจะแบ่งทุนหรือตีราคา ค่าแรงงานเปน็ ทุนเพอ่ื คนื ให้แก่โจทก์ เมอื่ ห้างหนุ้ ส่วนเลิกกนั โจทกจ์ งึ ไมม่ ีสทิ ธิขอคืนทนุ พรอ้ มดอกเบย้ี ขอ้ สังเกต : เมื่อการเอาทรัพย์สินมาลงเป็นทุนในห้างหุ้นส่วนของผู้เป็นหุ้นส่วนมีลักษณะไม่ได้เอาทรัพย์สินตกเป็น กรรมสิทธ์ิของห้างตามมาตรา 1030 ผู้เป็นหุ้นสว่ นซ่ึงเอาทรัพยส์ ินให้หา้ งใชย้ ่อมมีสิทธิจะจาหนา่ ย จ่าย โอน หรือกอ่ ภาระ ผกู พันลงบนทรัพยส์ ินท่นี ามาลงเปน็ ทุนของห้างได้ ถอื ว่าเป็นการใชส้ ทิ ธิตามกฎหมายไมเ่ ป็นการละเมิดห้างและหุ้นสว่ นผอู้ ่ืน (ฎ.3740 – 3741/2542) ฎ.3740 - 3741/2542 การเอาทรัพย์สินมาลงหุ้นของโจทก์และจาเลยนั้นมิได้เอาทรัพย์สินมาเป็น กรรมสิทธิ์ของหา้ งห้นุ ส่วน เป็นแต่เพียงเอามาใช้ในกจิ การของห้างหุ้นส่วน จาเลยและโจทก์จึงเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิรวมใน ทดี่ ินพร้อมส่งิ ปลูกสร้างพิพาทซึ่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1361 วรรคหนึ่ง เจ้าของรวมแต่ละคนสามารถจาหนา่ ยส่วนของตน หรือจานองหรอื ก่อให้เกดิ ภาระติดพันก็ได้ ฉะน้ันการทจ่ี าเลยจาหน่ายกรรมสิทธิ์ในที่ดินและส่ิงปลูกสรา้ งโดยจาหน่ายเฉพาะ สว่ นของตน จึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทั้งไม่อาจถอื ได้ว่าเป็นการชักนาบุคคลอื่นเข้ามาเป็น หุ้นส่วนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน เพราะการเป็นหุ้นส่วนต้องเกิดขึ้นโดยความตกลงระหว่าง ผู้เป็นหุ้นสว่ นดว้ ยกัน เมื่อโจทก์ยังมิได้ตกลงให้ผู้รบั โอนกรรมสทิ ธ์ิในที่ดินและส่ิงปลูกสร้างเฉพาะส่วนของจาเลย เขา้ มาเป็น หุ้นสว่ น ผู้รบั โอนก็หากลายมาเปน็ หุ้นส่วนไม่ การกระทาของจาเลยจึงไม่เปน็ การผิดสัญญาห้นุ สว่ น 5. มาตรา 1030 หมายถึง กรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างลงหุ้นด้วยทรัพย์สินโดยมีเจตนาโอนกรรมสิทธ์ิให้แก่ห้าง หนุ้ สว่ นสามัญ เช่นน้ี หากเกดิ ความเสียหายเพอื่ การซอ่ มแซม ความรับผิดเพอื่ ชารุดบกพร่อง ความผิดเพื่อการรอนสิทธิหรือ ขอ้ ยกเว้นความรับผิดเช่นน้ีห้างหุ้นสว่ นสามัญต้องรบั ผิด กล่าวคือ ผเู้ ป็นหุ้นส่วนทกุ คนต้องรบั ผิดเพราะมาตรา 1030 บัญญตั ใิ ห้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

8 นาหลักเรือ่ งการซื้อขายมาใช้ ฎ.1771/2499ป. หนุ้ สว่ นผจู้ ัดการของหา้ งหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนแต่ผู้เดียวมีอานาจฟ้อง คดเี กี่ยวกับสิทธกิ ารจดทะเบียนเครอื่ งหมายการค้าของหา้ งหุน้ สว่ นได้ 6. เมื่อเปน็ กรณีท่ผี ู้เปน็ หนุ้ สว่ นนาทรัพย์สินมาลงเปน็ หุ้นโดยมีลักษณะโอนกรรมสทิ ธิ์ ดงั น้ี หากแมท้ รัพย์สินทน่ี ามา ลงเปน็ หุ้นนน้ั เปน็ ทรัพยส์ ินที่มีทะเบียนกรรมสทิ ธ์หิ รือทะเบยี นสิทธิด้วยผลของมาตรา 1030 ย่อมถือวา่ กรรมสิทธ์ใิ นทรพั ย์ ดังกล่าวตกแก่ห้าหุ้นส่วนสามัญแล้วผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนย่อมเป็นเจ้าของด้วยโดยเป็นเจ้าของตามหลักเรื่องกรรมสิทธิ์รวม แม้จะยงั ไมไ่ ปเปล่ยี นแปลงแก้ไขทางทะเบยี นก็ตาม ฎ.794/2536 ผู้คัดค้านทั้งห้าตกลงนาท่ีดินและตึกแถวมาลงหุ้นต้ังแต่ลูกหน้ีท่ี 1 ยังไม่ได้จด ทะเบียนเปน็ หา้ งหุ้นส่วนจากัดซง่ึ ยังไมม่ สี ภาพเป็นนติ ิบุคคลน้ัน ถอื วา่ ลกู หนีท้ ่ี 1 เปน็ ห้างหุน้ สว่ นตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1079 แม้ยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิแต่ในระหว่างผู้คัดค้านทั้งห้าและลูกหนี้ท่ี 1 ต้องถือว่า กรรมสิทธิ์ในท่ีดินและตึกแถวตกเป็นของลูกหนี้ท่ี 1 ต้ังแต่เวลาที่นามาลงหุ้นเป็นต้นมาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 1030 บัญญัติว่าด้วยความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกับห้างหุ้นส่วนในเรื่องส่งมอบให้บังคับตาม บทบญั ญตั วิ ่าดว้ ยการซอ้ื ขายนนั้ เปน็ เรื่องเกยี่ วกบั การสง่ มอบตัวทรัพย์ หาได้บัญญตั ิเก่ยี วกับเร่อื งกรรมสทิ ธไิ์ ม่ หมายเหตุ : ฎกี านค้ี าวา่ “ลกู หนี้ที่ 1 หมายถงึ ห้างหนุ้ ส่วนฯ 7. เมื่อกรรมสทิ ธิ์ในทรพั ย์สินท่ีนามาลงเป็นหนุ้ ตกเป็นของหา้ งหุ้นส่วนสามัญแล้ว โดยสภาพผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนใน ห้างจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธร์ิ วม ดังนั้น หากมีการเลิกห้างผู้เป็นหุ้นส่วนที่นาทรัพย์สินมาลงเป็นกรรมสิทธ์ิของห้างจะไม่ได้ รับการคืนทรัพย์สิน และเม่ือใช้หน้ีให้แก่เจ้าหน้ีเสร็จจะต้องมีการแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนตามสัดส่วน ของการลงหุ้น (หากแบ่งไม่ได้ก็นาทรัพย์สินออกขายเพ่ือเอาเงินสดมาแบ่งกัน) ซ่ึงเร่ืองน้ีมีความแตกต่างจากมาตรา 1029 ทีผ่ เู้ ปน็ หนุ้ ส่วนทน่ี าทรัพย์สินมาใหห้ า้ งใชจ้ ะได้รบั ทรพั ย์สนิ คืนในลกั ษณะการคนื ทุนของห้าง (ม.1062 (3)) มาตรา 1031 ถ้าผู้เป็นหนุ้ ส่วนคนใดละเลยไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนเสียเลยท่านว่าต้องส่งคาบอกกล่าวเป็น จดหมายจดทะเบยี นไปรษณยี ไ์ ปยังผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนนนั้ ให้ส่งมอบสว่ นลงหนุ้ ของตนมาภายในเวลาอนั สมควร มิฉะน้ันผเู้ ปน็ หุ้นส่วนคนอื่น ๆ จะลงเนือ้ เห็นพร้อมกนั หรอื โดยเสียงข้างมากดว้ ยกนั สดุ แตข่ อ้ สัญญา ให้เอาผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นคนน้นั ออกเสียได้ อธิบาย 1. มาตรา 1031 หมายถึง ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนจะต้องมีหน้าที่ในการชาระค่าหุ้นของตนให้แก่ห้างหุ้นส่วนสามัญ หากผู้เข้าเป็นหุ้นส่วนไม่ยอมส่งค่าหุ้นเลย กรณีเช่นน้ีผู้เป็นหุ้นส่วนคนอ่ืนๆ ก็สามารถดาเนินการเอาผู้น้ันออกจากการเป็น หุ้นส่วนได้ แต่ต้องดาเนินการตามวิธีในมาตรา 1031 เท่าน้ัน หากดาเนินไม่ถูกตอ้ งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ก็ยงั คงต้องถือ วา่ ผนู้ นั้ เป็นหนุ้ สว่ นอยู่ เมอ่ื เมือ่ ยงั ถอื วา่ เป็นหุ้นส่วนอยผู่ นู้ ั้นก็ตอ้ งรับผิดในมลู หนข้ี องห้างอยูด่ ว้ ยเชน่ กัน 2. วิธีการเอาผ้เู ป็นหนุ้ ส่วนออกจากหา้ งหุ้นส่วนสามญั ตามมาตรา 1031 มี ดังนี้ (1) ตอ้ งเป็นกรณีที่หนุ้ ส่วนผู้น้นั ไมย่ อมส่งใช้คา่ ห้นุ ของตนเลย (2) ต้องส่งคาบอกกล่าวเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้นั้นกาหนดเวลาให้หนุ้ ส่วนผ้นู ั้นส่งมอบ ส่วนลงหุน้ ภายในเวลาอนั สมควร (3) เม่ือไมส่ ่งส่วนลงหุ้นมาภายในกาหนดการที่จะเอาหนุ้ สว่ นผู้นั้นออกจากห้างต้องได้เสียงทั้งหมดเป็นเอกฉันท์ จากผ้เู ป็นหนุ้ สว่ นคนอน่ื ๆ หรอื โดยเสียงข้างมากดว้ ยกันทีส่ ดุ ตามแต่ในข้อสญั ญาของการเปน็ ห้นุ ส่วน ข้อสังเกต : การเอาผูเ้ ป็นหุ้นส่วนออกจากห้างหุ้นส่วนกฎหมายกาหนดวิธีการเอาไว้เฉพาะอยู่แล้ว ดังนี้ หากดาเนนิ การไม่ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

9 ถกู ตอ้ งตามมาตรา 1031 ผนู้ ั้นก็ยังคงถอื ว่าเปน็ หุน้ ส่วนของห้างหุ้นส่วนสามญั อยู่ตลอดเวลา โดยถอื วา่ เรอ่ื งเหลา่ นี้เป็นเรอ่ื ง ระหว่างผู้ถือหุ้นด้วยกันเอง จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับบุคคลภายนอกเพื่อให้ตนพ้นจากความรับผิดในมูลหน้ีของห้างหุ้นส่วน ไมไ่ ด้ (กรณเี จ้าหนข้ี องห้างหุน้ สว่ นสามัญฟอ้ งให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนที่ยังไมไ่ ด้ส่งคา่ หุน้ ให้แก่ห้างห้นุ สว่ นสามญั ) มาตรา 1032 หา้ มมิใหเ้ ปล่ียนแปลงข้อสัญญาเดิมแห่งห้างหุ้นส่วนหรอื ประเภทแห่งกิจการ นอกจากด้วยความ ยนิ ยอมของผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นหมดด้วยกนั ทุกคน เวน้ แตจ่ ะมีขอ้ ตกลงกันไวเ้ ปน็ อย่างอนื่ มาตรา 1033 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้ตกลงกันไว้ในกระบวนจัดการห้างหุ้นส่วนไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อม จัดการห้างหนุ้ สว่ นนนั้ ไดท้ กุ คน แต่ผู้เป็นหนุ้ สว่ นคนหนง่ึ คนใดจะเขา้ ทาสญั ญาอนั ใดซง่ึ ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นอกี คนหน่ึงทักทว้ งนน้ั ไม่ได้ ในกรณีเชน่ น้ี ท่านให้ถอื ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมเป็นหนุ้ ส่วนผจู้ ัดการทกุ คน อธบิ าย 1. มาตรา 1033 วรรคหนงึ่ หมายถึง การจัดการห้างหนุ้ ส่วนสามญั หากผูเ้ ป็นหุ้นส่วนไม่ได้ตกลงวา่ ผเู้ ปน็ ห้นุ ส่วนคนใดจะเป็นผูจ้ ัดการหา้ ง กรณเี ชน่ น้ีกฎหมายถือวา่ ผู้เป็นหุ้นสว่ นทุกคนมีอานาจในการจัดการห้าง (เปน็ ผูจ้ ัดการหา้ ง ทกุ คน) ท้ังน้ี การจัดการห้างหุ้นส่วนดังกล่าวไม่ใช่ลักษณะตวั การตัวแทนระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน แต่ถือว่าทุกคนๆ ใน ห้างหุ้นส่วนมีอานาจจัดการห้าง และถ้าเป็นการจัดการในทางท่ีเป็นธรรมดาทางการค้าของห้างหุ้นส่วนแล้วหุ้นส่วนทุกคน ต้องรบั ผดิ ร่วมกนั โดยไม่จากดั จานวน 2. อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้มีการตกลงกันว่าใครเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนและผู้เป็นหุ้นส่วนทุกๆ คนก็มีสิทธิ จัดการห้างหุ้นส่วนได้ แต่เม่ือการจัดการกิจการใดผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดได้ทักท้วงไม่ได้ให้หุ้นส่วนผู้อ่ืนเข้าดาเนินกิจการแล้ว หากมีการดาเนินกิจการตามข้อทักท้วงเกิดขึ้นในแม้ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ได้ทักท้วงจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามหลัก ธรรมดาการคา้ ของห้าง แต่ในระหวา่ งผูเ้ ปน็ หุ้นส่วนดว้ ยกนั เองแลว้ ห้นุ ส่วนผทู้ เ่ี ขา้ ทกั ทว้ งอยา่ ไม่ต้องรบั ผิด 3. มาตรา 1033 วรรคสอง หมายถึง เม่ือผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนทั้งหลายไม่ได้ตกลงกันว่าใครจะเป็น ผจู้ ัดการห้างหุ้นส่วน กรณีเชน่ น้กี ฎหมายจะถือว่าผเู้ ปน็ ห้นุ สว่ นทุกคนเปน็ ผู้จดั การหา้ งห้นุ สว่ น 4. เมื่อไมไ่ ด้กาหนดว่าผู้เปน็ หุ้นสว่ นคนใดจะเป็นผจู้ ัดการหา้ งหุ้นสว่ นผูเ้ ป็นหุน้ สว่ นทุกคนสามารถจัดการงานของหา้ งได้ มาตรา 1037 ถา้ ได้ตกลงกนั ไวว้ า่ การงานของหา้ งหนุ้ สว่ นนนั้ จกั ใหเ้ ปน็ ไปตามเสยี งขา้ งมากแห่งผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นไซร้ ท่านให้ผ้เู ปน็ หนุ้ ส่วนคนหนง่ึ มีเสยี งเป็นคะแนนหน่ึง โดยไมต่ อ้ งคานงึ ถงึ จานวนทลี่ งหนุ้ ดว้ ยมากหรือนอ้ ย มาตรา 1035 ถ้าไดต้ กลงกนั ไว้วา่ จะใหผ้ ูเ้ ป็นหนุ้ ส่วนหลายคนจดั การห้างหุ้นส่วนไซร้ หนุ้ สว่ นผู้จดั การแต่ละคน จะจดั การหา้ งหนุ้ สว่ นนน้ั ก็ได้ แต่หุน้ สว่ นผจู้ ดั การคนหนง่ึ คนใดจะทาการอนั ใดซงึ่ หนุ้ สว่ นผจู้ ดั การอีกคนหนง่ึ ทกั ทว้ งนน้ั ไมไ่ ด้ อธิบาย มาตรา 1035 หมายถึง กรณีท่ีมีการตกลงกันว่าผู้ใดเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ผู้น้ันย่อมมีสิทธิเข้าจัดการงานของ ห้างได้ และหากมีการตกลงให้มีผู้จัดการห้างหุ้นส่วนหลายคนทุกๆ ย่อมมีสิทธิจัดการห้างหุ้นส่วนได้ และเม่ือผู้จัดการห้าง หุน้ สว่ นไดเ้ ขา้ ดาเนินการจัดการหา้ งหุน้ ส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดจะทักท้วงในกิจการน้ันไมไ่ ด้ และแมจ้ ะทกั ทว้ ง ก็ไม่มผี ลใดๆ ตอ่ ความรับผิดระหวา่ งผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นด้วยกัน เน่ืองจากเป็นอานาจของผจู้ ัดการห้างหนุ้ สว่ น สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

10 มาตรา 1036 อนั หุน้ สว่ นผู้จัดการนนั้ จะเอาออกจากตาแหนง่ ได้ต่อเม่ือผเู้ ป็นหุน้ ส่วนท้ังหลายอืน่ ยินยอมพร้อมกัน เว้นแต่จะได้ตกลงกนั ไวเ้ ปน็ อย่างอนื่ มาตรา 1037 ถึงแม้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนท้ังหลายได้ตกลงให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนเป็นผู้จัดการห้าง หุ้นส่วนก็ดี ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน นอกจากผู้จัดการย่อมมีสิทธิที่จะไต่ถามถึงการงานของห้างหุ้นส่วนท่ีจัดอยู่น้ันได้ทุกเมื่อ และมสี ิทธิที่จะตรวจและคัดสาเนาสมดุ บัญชี และเอกสารใดๆ ของหุ้นส่วนไดด้ ้วย อธบิ าย มาตรา 1037 หมายถงึ อานาจของผู้เป็นหุ้นส่วนท่ีไม่ใชห่ ุ้นส่วนผู้จัดการย่อมมีอานาจในการไตถ่ ามถึงการงานของ หา้ งหรือมีสิทธติ รวจและคดั สาเนาสมดุ บญั ชีและเอกสารใดๆ ของห้างหนุ้ ส่วนได้ มาตรา 1038 ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดซ่ึงมีสภาพดุจเดียวกัน และเป็นการ แข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนน้ันไม่ว่าทาเพื่อประโยชน์ตนหรือประโยชน์ผู้อ่ืน โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็น หนุ้ สว่ นคนอน่ื ๆ ถ้าผู้เปน็ หนุ้ สว่ นคนใดทาการฝา่ ฝนื ตอ่ บทบญั ญตั มิ าตรานไ้ี ซร้ ผูเ้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนอ่ืน ๆ ชอบท่จี ะเรียกเอาผลกาไรซงึ่ ผู้ นน้ั หาได้ทงั้ หมด หรือเรยี กเอาคา่ สินไหมทดแทนเพือ่ การที่ห้างหนุ้ สว่ นไดร้ ับความเสยี หายเพราะเหตุน้นั แต่ท่านห้ามมใิ ห้ ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาปหี นึง่ นับแต่วนั ทาการฝ่าฝนื อธิบาย 1. มาตรา 1038 วรรคหนงึ่ หมายถึง เม่อื บคุ คลผเู้ ข้าเปน็ หุ้นส่วนจดั ต้ังหา้ งหนุ้ ส่วนสามญั แล้ว บุคคลผู้เปน็ หุ้นส่วน ห้ามมิให้ประกอบกิจการอย่างใดอย่างหนึง่ ซ่งึ มลี ักษณะเป็นการแข่งขนั กันห้างหุ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็นการประกอบกิจการด้วย ตนเองหรือเขา้ เปน็ หุน้ สว่ น 2. มาตรา 1038 วรรคสอง หมายถึง กรณีผู้เป็นหุ้นสว่ นในห้างหุ้นส่วนสามัญคนใดฝ่าฝืนไปประกอบกิจการอันมี ลักษณะแข่งขันกับห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอ่ืนๆ ในห้างหุ้นส่วนมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกให้เอาผลกาไรของห้างหุ้นส่วน ดังกล่าว หรือฟ้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพ่ือความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะเหตุที่หุ้นส่วนคนน้ันได้ประกอบกิจการ แข่งขันกบั หา้ ง โดยต้องฟอ้ งภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ที่หุน้ สว่ นผ้นู ้ันทาการฝ่าฝืน แตถ่ า้ ประกอบกิจการแข่งกับห้างห้นุ ส่วนแล้ว ขาดทนุ เช่นนีก้ ไ็ ม่อาจเรยี กร้องใหช้ ดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนเพ่ือความเสียหายที่เกิดข้ึนได้ มาตรา 1039 ผูเ้ ปน็ หนุ้ สว่ นจาตอ้ งจดั การงานของห้างหนุ้ สว่ นดว้ ยความระมัดระวงั ใหม้ ากเสมือนกับจดั การงาน ของตนเองฉะน้ัน มาตรา 1040 หา้ มมิให้ชักนาเอาบุคคลผ้อู ่ืนเข้ามาเปน็ หุ้นสว่ นในห้างหุ้นส่วนโดยมิไดร้ ับความยนิ ยอมของผู้เป็น ห้นุ ส่วนหมดด้วยกันทกุ คน เว้นแตจ่ ะไดต้ กลงกันไว้เป็นอย่างอื่น อธิบาย มาตรา 1040 หมายถึง เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญต้องรับผิดร่วมกันอย่างลูกหน้ี มาตรา 1040 จึง บญั ญัติถึงคุณลักษณะสัมพันธ์พิเศษของการเข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นสว่ นสามารถวา่ หุ้นสว่ นคนใดจะชักนาให้บุคคลอ่ืนมา เข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันหมดทุกคนนั้นไม่อาจกระทาได้ เว้นแต่จะได้มี ข้อตกลงกันให้กระทาได้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

11 ฎ.3740 - 3741/2542 การเอาทรัพย์สินมาลงหุ้นของโจทก์และจาเลยนั้นมิได้เอาทรัพย์สิน มาเป็นกรรมสิทธข์ิ องห้างหุ้นส่วน เป็นแต่เพียงเอามาใช้ในกิจการของห้างหุ้นส่วน จาเลยและโจทกจ์ ึงเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ รวมในที่ดินพร้อมสง่ิ ปลูกสร้างพิพาทซึ่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1361 วรรคหน่ึง เจ้าของรวมแต่ละคนสามารถจาหน่ายส่วน ของตนหรือจานองหรือก่อให้เกิดภาระติดพันก็ได้ ฉะนั้นการที่จาเลยจาหน่ายกรรมสิทธิ์ในท่ีดินและส่ิงปลูกสร้างโดย จาหน่ายเฉพาะส่วนของตน จึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ท้ังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการชักนา บคุ คลอ่ืนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกนั เพราะการเป็นหุ้นส่วนต้องเกิดขึ้นโดย ความตกลงระหว่าง ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน เม่ือโจทก์ยังมิได้ตกลงให้ผู้รับโอนกรรมสิทธ์ิในท่ีดินและสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วน ของจาเลย เขา้ มาเป็นหนุ้ สว่ น ผ้รู บั โอนกห็ ากลายมาเป็นหนุ้ ส่วนไม่ การกระทาของจาเลยจึงไมเ่ ป็นการผิดสญั ญาหุ้นสว่ น ข้อสงั เกต : การท่ีต้องได้รับความยินยอมจากผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันหมดทุกคนก็เพราะ เม่ือเข้าเป็นหุ้นส่วนในห้าง หุ้นส่วนสามัญแล้ว หุ้นส่วนทุกคนในห้างหุ้นส่วนสามัญย่อมจัดการกิจการของห้างหุ้นส่วนได้และถ้าเป็นการจัดการกิจการ ในทางธรรมดาทางการค้าของห้างหุ้นแล้วแม้หุ้นผู้นั้นจะมิได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนสามัญน้ันก็ต้องรับผิดต่อ บุคคลภายนอกผู้เปน็ เจ้าหนี้ ดังนี้ ผู้เปน็ หนุ้ สว่ นในหา้ งหนุ้ สว่ นสามัญจึงตอ้ งมคี วามไว้เนอ้ื เชือ่ ใจและตอ้ งซ่ือสตั ย์ต่อกนั มาตรา 1041 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงโอนส่วนกาไรของตนในหา้ งหนุ้ ส่วนท้งั หมดก็ดี หรือแต่บางส่วนก็ดี ให้แกบ่ ุคคลภายนอกโดยมไิ ดร้ ับความยินยอมของผู้เปน็ หนุ้ ส่วนท้ังหลายอ่นื ไซร้ ทา่ นวา่ บคุ คลภายนอกน้ันจะกลายเปน็ เข้า ห้นุ ส่วนดว้ ยกห็ ามิได้ อธบิ าย มาตรา 1041 หมายถึง การท่ีบุคคลใดได้รบั โอนในผลกาไรอันผู้เป็นหุ้นส่วนโอนให้ก็ดี เช่นนี้ผู้รับโอนผลกาไรของ ห้างหุ้นส่วนสามัญก็ไม่อาจถือได้ว่าผู้น้ันกลายเป็นผู้เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วน เม่ือไม่ถือว่าเป็นหุ้นส่วนก็ไม่จาเป็นต้อง ร่วมกนั รับผิดในมูลหน้ีของหา้ ง ตัวอย่าง : หน่ึง ได้นาเข้าไปหุ้นส่วนกับ สอง และ สาม ในการจัดทากิจการขายไก่ย่าง ช่ือว่า ไก่ย่างสามสหายขาย หน้าเนติฯโดย หน่งึ ได้นาเงนิ มาลงเป็นห้นุ สองได้นาเตาปิ้งไก่ซ่งึ เป็นทรัพย์อันมีเป็นกรรมสิทธิ์ระหว่างสอง และ ส่ี มาให้ห้าง ใช้ สาม ลงหุ้นเป็นแรงงานในการย่างไก่ เมื่อได้ผลกาไรจากการขายไก่ย่างให้แก่นักศึกษาเนติฯ สองก็แบ่งผลกาไรครึ่งหน่ึง ให้แก่สี่ กรณีเช่นน้ีก็ไม่ทาให้ส่ีกลายเป็นผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนไก่ยางสามสหายขายหน้าเนติฯ เจ้าหนี้ของห้างฯ จึงไม่อาจ ฟอ้ งร้องให้ส่ีมารบั ผดิ ในมูลหนี้ของห้างฯ ได้ มาตรา 1042 ความเกี่ยวพันระหว่างหุ้นส่วนผู้จัดการกับผู้เป็นหุ้นส่วนท้ังหลายอื่นนั้น ท่านให้บังคับด้วย บทบญั ญัติแห่งประมวลกฎหมายนวี้ ่าด้วยตวั แทน อธบิ าย มาตรา 1042 หมายถึง เมื่อหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดได้จัดการกิจการอันหนึ่งอันใดของห้างหุ้นส่วน ย่อมถือว่า หุ้นส่วนผูจ้ ดั การนั้นไดก้ ระทาในฐานเป็นตัวแทนของผู้เป็นหนุ้ สว่ นทกุ คน มาตรา 1043 ถ้าผ้เู ป็นห้นุ ส่วนอนั มิไดเ้ ป็นผจู้ ดั การเอือ้ มเข้ามาจัดการงานของหา้ งหุ้นสว่ นกด็ ี หรือผู้เปน็ ห้นุ ส่วน ซงึ่ เป็นผู้จดั การกระทาล่วงขอบอานาจของตนก็ดี ทา่ นให้บังคบั ดว้ ยบทบัญญัติแหง่ ประมวลกฎหมายน้ี ว่าด้วยจัดการงาน นอกสงั่ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

12 มาตรา 1044 อันส่วนกาไรก็ดี สว่ นขาดทนุ กด็ ี ของผู้เป็นหนุ้ ส่วนทุก ๆ คนนน้ั ยอ่ มเป็นไปตามสว่ นทีล่ งหุ้น มาตรา 1045 ถ้าหนุ้ สว่ นของผู้ใดได้กาหนดไว้แตเ่ พียงขา้ งฝ่ายกาไรวา่ จะแบง่ เอาเท่าไร หรอื กาหนดแตเ่ พียงขา้ ง ขาดทุนว่าจะยอมขาดเท่าไรฉะน้ีไซร้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าหุ้นส่วนของผู้น้ันมีส่วนกาไรและส่วนขาดทุนเป็นอย่าง เดียวกนั มาตรา 1046 ผเู้ ป็นหุ้นส่วนไม่ว่าคนหนึง่ คนใดหามีสทิ ธจิ ะไดร้ ับบาเหนจ็ เพื่อท่ีได้จดั การงานของห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ เว้นแต่จะไดม้ คี วามตกลงกนั ไว้เปน็ อยา่ งอืน่ มาตรา 1047 ถ้าชือ่ ของผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นซงึ่ ออกจากหนุ้ สว่ นไปแลว้ ยงั คงใชเ้ รยี กขานตดิ เป็นชอื่ หา้ งหนุ้ สว่ นอยู่ ทา่ น ว่าผู้เปน็ หนุ้ ส่วนนนั้ ชอบท่จี ะเรียกใหง้ ดใช้ช่ือของตนเสยี ได้ อธิบาย มาตรา 1047 หมายถงึ หากผู้เป็นห้นุ ส่วนของห้างหุ้นส่วนสามญั คนใดไดอ้ อกจากการเป็นหนุ้ ส่วนไปแลว้ และหา้ ง หุ้นสว่ นนั้นยังใชช้ ่ือของผู้เคยเป็นหุ้นส่วนอยู่ กรณีเช่นน้ีหุ้นส่วนที่ได้ออกจากห้างไปแล้วย่อมมีบังคับให้ห้างหุ้นส่วนน้ันงดใช้ ชือ่ ของตนเองได้ ข้อสงั เกต : หากผเู้ คยเปน็ หุ้นสว่ นคนใดในห้างหุ้นส่วนสามญั ไม่ยอมงดให้ห้างหุ้นส่วนใชช้ ่ือของของตนเอง ย่อมถอื วา่ ผู้ เคยเป็นหนุ้ ส่วนผู้นน้ั รู้อยู่แล้วไม่คัดค้านให้ห้างหนุ้ ส่วนแสดงว่าผเู้ คยเป็นหนุ้ ส่วนเปน็ หุ้นสว่ นอยู่ กรณีเชน่ น้ีผู้เคยเป็นหุ้นสว่ น ตอ้ งรว่ มรับผดิ ในหนีข้ องห้างหุ้นสว่ นอย่างไมจ่ ากัดจานวนโดยเสมือนวา่ ตนเองเปน็ หุ้นส่วนตามมาตรา 1054 มาตรา 1048 ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะเรียกเอาส่วนของตนจากหุ้นส่วนอื่นๆ แม้ในกิจการค้าขายอันใดซึ่งไม่ ปรากฏช่อื ของตนกไ็ ด้ อธบิ าย 1. มาตรา 1048 หมายถึง เป็นการเรียกเอาส่วนที่เป็นของห้างหุ้นส่วนจากหุ้นส่วนคนอ่ืนๆ ท่ีได้รับทรัพย์สินไว้ แทนหา้ งหนุ้ ส่วน 2. คาว่า “แม้ในกิจการค้าอันใดซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้” หมายถึง ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิฟ้องเรียกเอา ทรัพย์สินใดๆ จากผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ท่ีได้รบั ทรัพย์สินไว้แทนห้างหุ้นส่วนโดยฟ้องเรียกให้ผู้นั้นส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าว ใหแ้ กห่ า้ งหนุ้ สว่ น ข้อสาคัญ คาว่า “เรยี กเอาสว่ นของตนจากหนุ้ สว่ นอื่นๆ” หมายถงึ เรยี กเอาสว่ นท่ีรับไวแ้ ทนหา้ งหนุ้ สว่ นเท่านั้น หาก เป็นการฟ้องเรียกให้เงินท่ีลงทุนไป กรณีเช่นน้ีผู้เป็นหุ้นส่วนต้องฟ้องให้ห้างเลิกเสียก่อนจะฟ้องเรียกเงินท่ีได้ลงทุนโดยไม่มี การฟอ้ งขอใหเ้ ลกิ ห้างและชาระบญั ชีไมไ่ ด้ ฎ.1126/2514 โจทก์จะฟ้องขอคนื เงินทล่ี งหุ้นไป โดยมไิ ดข้ อให้มกี ารเลิกหา้ งและชาระบัญชหี าไดไ้ ม่ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

13 ความเกยี่ วพนั ระหว่างผเู้ ป็นหนุ้ ส่วนกบั บุคคลภายนอก มาตรา 1049 ผูเ้ ปน็ หุ้นสว่ นจะถือเอาสิทธใิ ด ๆ แก่บคุ คลภายนอกในกิจการคา้ ขายซึ่งไม่ปรากฏชอื่ ของตนนัน้ หาได้ไม่ อธบิ าย มาตรา 1049 หมายถึง เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญได้ทานิติกรรมใดๆ กับบุคคลภายนอก แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดของ ห้างหุ้นส่วนได้กระทาในนามของห้างหุ้นส่วน แต่ถ้าไม่ปรากฏชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอ่ืนในห้างหุ้นส่วน หุ้นส่วนผู้นั้นก็ไม่ อาจฟ้องร้องบงั คบั ใหบ้ คุ คลภายนอกผ้เู ปน็ คู่สัญญาดาเนินปฏิบตั ิตามสญั ญาได้ ฎ.7721/2543 จาเลยรว่ มกบั ส. และ ม. เป็นหุ้นสว่ นกนั ในสัญญาหา้ งห้นุ สว่ นสามัญอันมไิ ด้จด ทะเบียนทาธรุ กจิ ในกิจการรับถมดนิ ให้แก่จาเลย แต่จาเลยรว่ มเพียงผู้เดียวทาสัญญาเปน็ ผู้รบั จ้างถมดินใหแ้ ก่จาเลยผู้ว่าจ้าง ตามสัญญาว่าจา้ งถมดินเอกสารหมาย จ. 3 ส. และ ม. มไิ ด้เป็นคู่สัญญากับจาเลยจึงไม่มนี ิติสมั พันธ์ต่อกัน แม้บุคคลท้ังสอง จะเป็นหุ้นส่วนกับจาเลยร่วมก็ตาม แต่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1049 ผู้เป็นหุ้นส่วนจะถือเอาสิทธิใดๆ แก่บุคคลภายนอกใน กิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนนั้นหาได้ไม่ ส. และ ม. จึงไม่มีสิทธิท่ีจะเรียกร้องให้จาเลยชาระค่าว่าจ้างถมดินตาม สญั ญาวา่ จ้างถมดินเอกสารหมาย จ. 3 สิทธเิ รียกรอ้ งคา่ จ้างถมดินจากจาเลยตามสญั ญานจี้ ึงเปน็ ของจาเลยร่วมแตเ่ พยี งผู้เดียว ฎ.3312/2541 ตามที่ปรากฏในสานวนจาเลยไม่เคยกล่าวถึงการเป็นหุ้นส่วนกบั ผู้ร้องหรือการ เป็นตัวแทนของผรู้ ้อง ผู้ร้องเป็นตวั การซงึ่ มไิ ดเ้ ปิดเผยชื่อ จงึ ไมอ่ าจจะทาใหเ้ สือ่ มเสียถึงสิทธิของโจทก์ซ่ึงเปน็ บุคคลภายนอก อันมีต่อตัวแทนก่อนที่จะรู้ว่าผู้ร้องเป็นตัวแทนนั้น ตาม ป.พ.พ.มาตรา 806 และในเร่ืองหุ้นส่วนผู้ร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจะ ถอื เอาสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอกในกิจการค้าขายซ่ึงไม่ปรากฏช่ือของตนนั้นหาได้ไม่ตามมาตรา 1049 เช่นกัน สิทธิของ ผู้ร้องที่อาจมีอยู่หรือได้มาก็โดยอาศัยสิทธิของจาเลยที่มีอยู่และแสดงออกต่อบุคคลภายนอกหรือโจทก์เท่าน้ันเสมือนหนึ่ ง เป็นบุคคลคนเดียวกันกับจาเลยหรือเป็นบริวารของจาเลย ดังน้ัน ในช้ันบังคับคดีผู้ร้องย่อมไม่อาจอ้างอานาจพิเศษตาม ป. ว.ิ พ.มาตรา 296 จัตวา(3) มาใชย้ นั แก่โจทกไ์ ด้ ฎ.2578/2535 หุ้นส่วนท่ีจะฟ้องบังคับบุคคลภายนอกในกิจการค้าของห้างหุ้นส่วนสามัญไดจ้ ะ ต้องเป็นผู้มีชื่อในกิจการค้านั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 1049 การฟ้องคดีจึงไม่จาเป็นต้องลงช่ือบรรดาผู้ถือหุ้นทุกคนตาม สัญญาเช่ามีแต่ชื่อโจทก์ที่ 1 ไม่ปรากฏชื่อโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 โจทก์ท่ี 2 ถึงที่ 4 จึงไม่อาจถือสิทธิใด ๆ แก่จาเลยในการเช่า น้ี และไมม่ อี านาจฟอ้ ง มาตรา 1050 การใด ๆ อันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงได้จัดทาไปในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้าง หุ้นส่วนน้ัน ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ ด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จากัด จานวนในการชาระหน้ี อันได้ก่อใหเ้ กดิ ข้ึนเพราะจัดการไปเชน่ น้ัน อธบิ าย 1. มาตรา 1050 หมายถึง การกระทาที่เป็นปกติประเพณีซ่ึงปฏิบัติในธุรกิจการค้าน้ันๆ หรือของบรรดาผู้ ประกอบธรุ กิจในลกั ษณะเดยี วกัน รวมถงึ การกระทาทจี่ าเปน็ เพอ่ื ใหห้ า้ งหนุ้ สว่ นนน้ั อยรู่ อดหรอื บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ เชน่ การ กูย้ ืมเงินมาใช้ให้ห้างห้นุ ส่วน หรอื การออกเชค็ ชาระหนี้ของหา้ งหุ้นส่วน ฎ.2624/2551 จาเลยและ พ. กับพนี่ ้องตกลงเข้ากนั เพอ่ื กระทากจิ การรา้ นค้ารว่ มกันโดยมีวตั ถุ ประสงค์แบ่งปันผลกาไรระหว่างกัน จึงเข้าลักษณะสัญญาจัดต้ังห้างหุ้นส่วนสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 การท่ี พ. ส่งั ซอ้ื สนิ ค้าจากโจทก์และจาเลยได้ออกเชค็ พพิ าทเพือ่ ชาระหนี้ค่าสินคา้ และทาหนังสอื รับสภาพหน้ี แก่โจทก์เป็นการดาเนินการในฐานะหุ้นส่วนอันเป็นไปในทางท่ีเป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนน้ัน จาเลยซ่ึงเป็น สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

14 หุ้นส่วนจะต้องรับผิดร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่นๆ โดยไม่จากัดจานวนในการชาระหน้ีอันได้ก่อให้เกิดข้ึนเพราะจัดการไปเช่นน้ัน ตามมาตรา 1050 2. มาตรา 1050 เป็นบทบัญญัติที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลภายนอกกับห้างหุ้นส่วนสามัญ ดังนี้ แม้ การจัดการกิจการดังกล่าวจะเกิดจากหุ้นส่วนท่ีไม่ใช่ผู้จัดการห้างหุ้นส่วน หากเป็นเรื่องของธรรมดาในทางการค้าปกติ ของ ห้างหนุ้ ส่วน เชน่ นี้หุน้ ส่วนทุกคนตอ้ งร่วมรับผิดในมลู หน้ีของห้างหุ้นสว่ น 3. ทวี่ ่า “ในทางท่ีเป็นธรรมดาการคา้ ขายของห้างหนุ้ ส่วน” หมายความรวมถึง การจัดการกิจการใดๆ เพ่ือใหห้ ้าง หุ้นส่วนสามารถดาเนินกิจการต่อไปไดด้วย เช่น การท่ีผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งได้ทาสัญญากู้ยืมเงินจากบุคคลภายนอก แม้ วัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนจะไม่มีวัตถุประสงค์กู้ยืมเงิน แต่ศาลฎีกาก็ถือว่าการกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายในกิจการของห้าง หนุ้ สว่ นถือเป็นการจัดการที่เปน็ ในทางทเี่ ป็นธรรมดาการคา้ ขายของห้างหนุ้ ส่วนดว้ ย ทัง้ น้ี รวมไปถงึ กรณีผูเ้ ป็นหุ้นส่วนคนใด คนหนึ่งกระทาละเมิดในทางที่เป็นธรรมดาการค้าของห้างหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนก็ต้องรับผิดในมูลหนี้ละเมิดด้วย ตลอดจนกรณีลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนไปก่อละเมิดซ่ึงเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง ห้างหุ้นส่วนต้องรับผิดและผู้เป็นหุ้น สวนทกุ คนตอ้ งรบั ผดิ ในหน้ีละเมดิ ทล่ี ูกจา้ งของหา้ งหุ้นสว่ นได้ก่อขนึ้ ด้วย ฎ.3896/2525 การที่ห้างหุ้นส่วนจากัดจาเลยท่ี 1 กู้เงินโจทก์มาใช้ในกิจการค้าของจาเลย ที่ 1 หาเปน็ การนอกวัตถุประสงค์ของจาเลยท่ี 1 ไม่ ฎ.3848/2531 เม่ือข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จาเลยที่ 1 กับบริษัท ด. และบริษัท อ. ได้จดทะเบียน การค้า สาหรับงานก่อสร้างสะพานไว้กับกรมสรรพากรว่า \"สาธรบริดจ์ จอยเวนเจอร์\" โดยมี อ. เป็นผู้มีอานาจทาการแทน เชน่ นี้ยอ่ มเปน็ ท่ีเห็นไดว้ า่ กิจการ \" สาธรบริดจ์ จอยเวนเจอร์\" ก็คือห้างห้นุ ส่วนสามญั ไมจ่ ดทะเบยี นเป็นนิตบิ คุ คลซ่ึงจาเลย ที่ 1 กับบรษิ ทั ในตา่ งประเทศอกี สองบรษิ ทั รว่ มกันกระทาในประเทศไทยนั่นเอง ดงั นั้นเม่ือรถยนตบ์ รรทุกของโจทกต์ กลงไป ในหลมุ ที่ \"สาธรบรดิ จ์ จอยเวนเจอร์\" ขุดไว้อันเป็นการละเมดิ ตามฟ้อง เกิดขึน้ ในกิจการท่ีเปน็ ธรรมดาของ \"สาธรบรดิ จ์ จอย เวนเจอร์\" จาเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดโดยไม่จากัดจานวน ในการชาระหน้ีที่เกิดข้ึนจากการละเมิดนั้น ตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1050 โจทก์จงึ ฟ้องจาเลยท่ี 1 ได้ ทั้งการท่จี าเลยที่ 3 รับประกันภัยค้าจุน \"สาธรบริดจ์ จอยเวน เจอร์\" สัญญาประกันภัยก็ผูกพันจาเลยที่ 1 ด้วย เม่ือจาเลยท่ี 1 ต้องรับผิดชอบต่อวินาศภัยท่ีเกิดขึ้นตามฟ้อง โจทก์จึงมี อานาจฟอ้ งจาเลยที่ 3 ให้รว่ มรบั ผดิ กับจาเลยที่ 1 ได้ มาตรา 1051 ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นซงึ่ ออกจากหนุ้ สว่ นไปแลว้ ยงั คงตอ้ งรบั ผิดในหนี้ซึง่ หา้ งหนุ้ ส่วนไดก้ อ่ ใหเ้ กิดขึน้ ทต่ี นได้ ออกจากหนุ้ ส่วนไป อธบิ าย มาตรา 1051 หมายถงึ กรณีผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นของห้างหุ้นส่วนสามญั ไดอ้ อกจากการเป็นหนุ้ ส่วนไปแล้วแต่ผู้น้นั กย็ ังคง ต้องรับผิดในมูลหนข้ี องห้างห้นุ สว่ นในสว่ นที่หา้ งห้นุ ส่วนได้ก่อขึ้นก่อนวนั ท่ีตนเองออกจากห้างห้นุ สว่ น ทั้งนี้ เม่ือมาตรา 1051 ได้กาหนดอายุความแห่งความรับผิด ดังน้ี ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนกับห้างหุ้นส่วนสามัญจึงต้อง รบั ผิดตามอายุความของหน้ีนน้ั ๆ ฎ.482/485 ทาสัญญาเช่าในฐานะเป็นหุ้นส่วน แม้สัญญานั้นจะถึงกาหนดชาระเมื่อออกจาก ห้างหนุ้ ส่วนแล้ว กย็ ังคงต้องรับผิด ฟ้องขอใหจ้ าเลยรับผดิ เป็นส่วน ศาลบังคับให้จาเลยรับผดิ ในฐานะเป็นหนุ้ สว่ นได้ไม่นอกฟ้อง มาตรา 1052 บุคคลผู้เข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนย่อมต้องรับผิดในหนี้ใด ๆ ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้น ก่อนทตี่ นเขา้ มาเปน็ ห้นุ ส่วนด้วย สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

15 อธิบาย มาตรา 1052 หมายถึง กรณีบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ บุคคลน้ันต้องรบั ผิดในหน้ีท่ี หา้ งหุ้นสว่ นไดก้ ่อข้ึนก่อนทตี่ นเองจะเขา้ มาเป็นหุ้นส่วนดว้ ย (เทยี บ ฎ.1378/2555) ฎ.1378/2555 จาเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจากัด โดยขณะฟ้องมีจาเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จึงเปน็ ห้นุ สว่ นจาพวกไม่จากัดความรับผดิ แม้จาเลยท่ี 2 เข้ามาเป็นหุ้นสว่ นภายหลังก็ต้องรับผิดในหน้ี ใด ๆ ซึ่งจาเลยท่ี 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนท่ีตนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1052 ประกอบมาตรา 1077 (2), 1080, 1087 ส่วนจาเลยที่ 3 แม้ออกจากหุ้นส่วนไปแล้วก็ยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งจาเลยที่ 1 ได้ก่อขึ้นก่อนที่ตนได้ ออกจากหนุ้ สว่ นตามมาตรา 1051 ประกอบมาตรา 1077 (2), 1080, 1087 ฎ.3754/2538 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1087 ห้างหุ้นส่วนจากัดต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วน จาพวกไม่จากัดความรับผิดเท่านั้นเป็นผู้จัดการจาเลยท่ี 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจาเลยที่ 1 จึงเป็นหุ้นส่วนจาพวกไม่ จากัดความรับผิด และตามมาตรา 1052 บุคคลผู้เขา้ เป็นหุ้นส่วนในหา้ งห้นุ สว่ นย่อมต้องรับผิดในหน้ใี ดๆ ซ่ึงห้างห้นุ สว่ นได้ ก่อให้เกิดข้ึนก่อนที่ตนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย ดังน้ันจาเลยท่ี 2 จึงต้องรับผิดในหน้ีท่ีเกิดขึ้นก่อนท่ีจาเลยท่ี 2 จะมาเป็น หนุ้ ส่วนผู้จัดการของจาเลยที่ 1 ด้วย ขอ้ สังเกต : ห้างหนุ้ ส่วนจากัดนาหลักกฎหมายในมาตรา 1052 ไปใชบ้ ังคับดว้ ย มาตรา 1053 หา้ งหุ้นสว่ นซง่ึ มไิ ด้จดทะเบียนน้นั ถงึ แมจ้ ะมขี ้อจากดั อานาจของหุ้นสว่ นคนหนึง่ ในการท่ีจะผูกพนั ผเู้ ป็นหุน้ ส่วนคนอ่ืน ๆ ท่านวา่ ข้อจากดั เชน่ นนั้ กห็ ามผี ลถึงบคุ คลภายนอกไม่ อธบิ าย มาตรา 1053 หมายถงึ หา้ งหุ้นส่วนสามญั ยังไม่ไดด้ าเนนิ การจดทะเบยี น แม้ระหว่างผู้เป็นหนุ้ ส่วนดว้ ยกันเองจะมี ข้อตกลงใดๆ ในเรื่องการจากัดอานาจในการจัดกิจการของห้างหุ้นส่วน ข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่อาจยกขึ้นอ้างเป็นข้อต่อสู้กับ บคุ คลภายนอกซึ่งเปน็ เจ้าหนี้ของหา้ งหุ้นส่วนเพ่ือให้ตนเองพ้นจากความรบั ผิดในมูลหนีข้ องหา้ งได้ ตัวอย่าง : หนึ่ง สอง สาม ตกลงเข้าหุ้นกันจัดต้ังห้างหุ้นส่วนสามัญไก่ย่างสามสหายขายหน้าเนติฯ มี วัตถุประสงค์ขายไก่ย่าง โดยทั้งสามคนได้ตกลงกันว่าให้ หน่ึง แต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วน หากคนใดคนหน่ึงที่ไม่ใช่ หนึ่ง สอดเข้าจัดการงานของห้างหุ้นส่วนผู้น้ันต้องรับผิดในมูลหนี้ดังกล่าวเพียงคนเดียว ไม่อาจใช้สิทธิไล่เบี้ยกับผู้เป็น หุ้นส่วนคนอนื่ ได้ ต่อมา สอง ไดส้ อดเข้าจัดการกจิ การของห้างหุ้นส่วนโดยได้ส่ังปีกย่างมาจานวน 10 กโิ ลกรมั จากนาย A ผู้ ค้าขายไก่สด เม่ือถึงกาหนดจ่ายเงิน หน่ึง ไม่ยอมจ่ายเงินให้แก่นาย A กรณีเช่นน้ีนาย A สามารถฟ้องให้ หน่ึงแต่ผู้เดียวรับ ผิดในมูลหนี้ดังกล่าวได้เพราะการสั่งปีกไก่ถือเป็นการจัดทาไปในทางที่เป็นธรรมดาทางการค้าปกติของห้างหุ้นส่วนไก่ย่าง สามสหายขายหน้าเนติฯ ตามมาตรา 1050 หน่ึง จะหยิบยกเอาข้อตกลงระหว่าง สอง และสาม ผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเอง มาตอ่ สูน้ าย A บุคคลภายนอกให้ไมต่ อ้ งรบั ผดิ ไม่ได้ตามมาตรา 1053 มาตรา 1054 บคุ คลใดแสดงตนวา่ เปน็ หุ้นสว่ นดว้ ยวาจาก็ดี ด้วยลายลักษณ์อักษรกด็ ี ด้วยกริ ิยากด็ ี ด้วยยินยอม ให้เขาใชช้ อ่ื ตนเปน็ ชอ่ื หา้ งหนุ้ สว่ นก็ดี หรอื รู้แลว้ ไมค่ ัดค้านปลอ่ ยให้เขาแสดงวา่ ตนเปน็ หนุ้ ส่วนก็ดี ท่านวา่ บุคคลนั้นย่อมตอ้ ง รบั ผิดต่อบุคคลภายนอกในบรรดาหนข้ี องห้างหุ้นสว่ นเสมอื นเป็นหุน้ สว่ น ถ้าผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนหนงึ่ คนใดตายไปแลว้ และหา้ งหนุ้ สว่ นนนั้ ยงั คงคา้ ตอ่ ไปในชอื่ เดมิ ของหา้ ง ท่านว่าเหตุเพยี งท่คี ง ใชช้ ่ือเดมิ นน้ั กด็ ี หรอื ใชช้ อ่ื ของหนุ้ สว่ นผตู้ ายควบอยูด่ ว้ ยก็ดีหาทาใหค้ วามรบั ผิดมแี กก่ องทรพั ยม์ รดกของผู้ตายเพือ่ หนีใ้ ด ๆ อนั หา้ งหุ้นส่วนไดก้ อ่ ให้เกดิ ขนึ้ ภายหลงั มรณะนนั้ ไม่ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

16 อธบิ าย 1. มาตรา 1054 วรรคหน่งึ หมายถงึ ความรบั ผดิ ของบุคคลทีไ่ มไ่ ดเ้ ปน็ หนุ้ ส่วนกบั ห้างหนุ้ ส่วนสามญั แต่กลบั แสดง ตนให้บุคคลภายนอกเข้าใจว่าบุคคลนั้นเป็นหุ้นส่วน กรณีเช่นนี้ผู้ท่ีแสดงตนดังกล่าวย่อมต้องร่วมกันรับผิดของห้างหุ้นส่วน เสมอื นเป็นห้นุ สว่ น กลา่ วคอื บคุ คลน้นั ต้องรับผดิ ในมูลหนีข้ องห้างหนุ้ ส่วนอย่างไมจ่ ากดั จานวน ฎ.5351/2540 การที่จาเลยนาสืบและฎกี าวา่ อ. น้องภริยาจาเลยตอ้ งการต้งั ห้างหนุ้ ส่วนจากัด จาเลยจึงตกลงให้ใช้ช่ือจาเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ใช้บ้าน อ. เป็นท่ีตั้งห้างฯอ. บริหารกิจการเอง จาเลยเพียงแต่ลงช่ือใน เอกสารต่าง ๆของห้างฯ รวมทั้งเช็ค 3 ฉบับ เพื่อให้ อ. นาไปใช้ในกิจการของห้างฯ โดยยังไม่ได้ประทับตราของห้างฯ และ กรอกข้อความนั้น ถือว่าจาเลยเป็นผู้ท่ีแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างหุ้นส่วน จึงต้องรับผิดชอบต่อ บุคคลภายนอกในบรรดาหนี้สินของหา้ งน้ันเสมอเป็นหุ้นสว่ นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา 1054 วรรคหน่ึง ข้อสาคัญ มาตรา 1054 ไม่นาไปใช้กับห้างหุ้นส่วนจากัด แม้บุคคลภายนอกจะแสดงตนหรือยอมให้ใช้ช่ือตนเป็น เห็นช่ือห้างห้นุ สว่ นจากัดหากบคุ คลนนั้ ไมใ่ ชผ่ ้เู ปน็ หุ้นส่วนในห้างหุ้นสว่ นจากดั บุคคลน้ันกไ็ มต่ อ้ งรบั ผดิ (ฎ.4537/2551) ฎ.4357/2551 จาเลยท่ี 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจากัดมิใช่เป็นหา้ งหนุ้ ส่วนสามัญ ดังน้ัน แม้จะฟังว่า จาเลยท่ี 4 เข้าไปดาเนินกิจการของห้างจาเลยที่ 1 กห็ ามีผลให้จาเลยท่ี 4 กลายเป็นหนุ้ ส่วนของจาเลยท่ี 1 และต้องรับผิด ในหน้ีของจาเลยท่ี 1 ด้วย และแม้จาเลยท่ี 4 จะยินยอมโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายให้ใช้ชื่อของตนระคนกับช่ือของ ห้าง จาเลยท่ี 1 กห็ าต้องรบั ผิดต่อโจทก์เสมือนเป็นหุน้ ส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1054 ประกอบมาตรา 1080 ไม่ 2. มาตรา 1054 วรรคสอง หมายถงึ กรณที ่ีห้างหุ้นส่วนสามญั ยังคงใช้ของหนุ้ สว่ นคนใดคนหนง่ึ ทถ่ี ึงแก่ความตายไปแล้ว การใช้ชือ่ ของหนุ้ ส่วนผ้ทู ีถ่ ึงแก่ความตายไปแลว้ กไ็ ม่มีผลใดๆ ตอ่ กองมรดกของผ้เู ปน็ หนุ้ ส่วนผนู้ นั้ การเลกิ และการชาระบญั ชีหา้ งห้นุ ส่วนสามัญ การเลิกหา้ งหนุ้ ส่วน มาตรา 1055 ห้างหุน้ สว่ นสามญั ยอ่ มเลกิ กนั ดว้ ยเหตุดัง่ กล่าวตอ่ ไปนี้ (1) ถ้าในสัญญาทาไว้มีกาหนดกรณอี ันใดเป็นเหตทุ ี่จะเลิกกัน เมอ่ื มีกรณนี ัน้ (2) ถา้ สญั ญาทาไวเ้ ฉพาะกาหนดกาลใด เมอื่ สนิ้ กาหนดกาลนัน้ (3) ถา้ สญั ญาทาไวเ้ ฉพาะเพื่อทากจิ การอยา่ งหน่งึ อยา่ งใดแต่อยา่ งเดยี ว เมอ่ื เสรจ็ การน้ัน (4) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงให้คาบอกกล่าวแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอ่ืน ๆ ตามกาหนดดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา 1056 (5) เม่ือผูเ้ ปน็ หุ้นส่วนคนใดคนหนง่ึ ตาย หรอื ล้มละลาย หรอื ตกเปน็ ผู้ไร้ความสามารถ อธบิ าย มาตรา 1055 หมายถึง เหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 เหตุ โดยเหตุท่ีเป็นประเด็นท่ี น่าสนใจทสี่ ดุ คือ เหตตุ ามอนมุ าตรา (3) และ (5) ทว่ี า่ “ถ้าสัญญาทาไวเ้ ฉพาะเพ่ือทากิจการอยา่ งหนึง่ อย่างใดแต่อย่างเดยี ว เมอ่ื เสร็จการนน้ั ” และ “เมือ่ ผ้เู ป็นหนุ้ สว่ นคนใดคนหนง่ึ ตาย” ฎ.1513/2551 การเข้าหุ้นซื้อท่ีดินท้ังสองแปลงของโจทก์และจาเลยมาเพ่ือขายน้ัน เป็นการ เขา้ หุ้นกนั เฉพาะเพ่ือทากจิ การอยา่ งหนงึ่ อยา่ งใดเพยี งอย่างเดยี ว เม่ือขายท่ีดินท้ังสองแปลงได้แล้ว การเปน็ หุน้ สว่ นระหว่าง โจทก์และจาเลยจึงเลิกกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1055 (3) และหลังจากขายที่ดินแล้วจาเลยได้แบ่งกาไรจากการขายท่ีดิน สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

17 ให้แกโ่ จทก์จานวน 1,500,000 บาท และมีการทาบญั ชีไว้ แสดงวา่ โจทก์และจาเลยได้มีการคิดบัญชีกันเรยี บร้อยแล้ว ไม่มี ทรพั ย์สินในระหว่างหุ้นส่วนหรือหน้ีสินใดที่จะต้องจัดการกันอีก ถือได้ว่ามีการตกลงกันให้การจัดการทรัพย์สินโดยวิธีอ่ืนใน ระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1061 หาใช่ต้องจัดให้มีการชาระบัญชีเสมอไปไม่ โจทก์จึงมีสิทธิ ฟอ้ งเรยี กเงนิ กาไรและเงินทดรองจ่ายแทนหา้ งหนุ้ สว่ นสามัญจากจาเลยได้ ฎ.3103/2533 เมอ่ื จาเลยที่ 2 ซึ่งเปน็ หนุ้ สว่ นผู้จัดการล้มละลาย ห้างจาเลยท่ี 1 ต้องเลิกกัน และต้องมีการชาระบัญชี ซึ่งห้างยังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาท่ีจาเป็นเพื่อการชาระบัญชี โดยจาเลยท่ี 2 ในฐานะหุ้นส่วน ผ้จู ัดการย่อมเป็นผู้ชาระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 1251 และมีอานาจแก้ตา่ งว่าต่าง ใน นามหา้ งไดต้ าม มาตรา 1259(1) โจทกจ์ ึงฟ้องจาเลยที่ 1 โดยจาเลยท่ี 2 หุ้นส่วนผจู้ ัดการให้รับผดิ ในหนีภ้ าษอี ากรได้ ฎ.3196/2532 เม่อื หนุ้ ส่วนจาพวกไม่จากดั ความรับผิดตาย ห้างหนุ้ ส่วนจากัดย่อมเลกิ กันตาม ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1055 (5), 1080 แต่หุ้นส่วนที่ยงั คงอย่อู าจตกลงใหห้ ้างยังคงอยู่ต่อไป โดยรับ ทายาทของหุ้นส่วนที่ตายเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนได้ เม่ือปรากฏว่า บ. หุ้นส่วนผู้จัดการห้างโจทก์ถึงแก่ความตายในระหว่าง การพิจารณาหุ้นส่วนอื่นได้รับ ช. ซ่ึงเป็นทายาทผู้รับมรดกให้เข้าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแทน บ. ห้างโจทก์จึงคงอยู่ต่อมาและเม่ือ ศาลอนุญาตให้ ช. เข้าเป็นผู้แทนโจทกแ์ ทน บ. แล้ว ห้างโจทกจ์ งึ มอี านาจดาเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ข้อสงั เกต : เหตุท่หี ้างห้นุ ส่วนสามัญจะเลิกกันแบ่งยกได้ 2 เหตุ กลา่ วคือ 1. การเลิกกันโดยสญั ญา ไดแ้ ก่ มาตรา 1055 (1) (2) และ (3) 2. การเลิกกนั โดยผลของกฎหมาย ได้แก่ มาตรา 1055 (4) และ (5) มาตรา 1056 ถ้าห้างหุ้นส่วนได้ตั้งขึ้นไม่มีกาหนดกาลอย่างหน่ึงอย่างใดเป็นยุติ ท่านว่าจะเลิกได้ต่อเม่ือ ผู้เป็น หุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงบอกเลิกเม่ือสน้ิ รอบปีในทางบญั ชีเงนิ ของห้างหุ้นส่วนน้ัน และผเู้ ป็นหุ้นส่วนนั้นต้องบอกกล่าวความ จานงจะเลกิ ลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่าหกเดอื น อธบิ าย มาตรา 1056 หมายถึง การบอกเลิกห้างหุ้นส่วนที่คู่สัญญาจัดต้ังขึ้นโดยไม่มีกาหนดเวลา การจะบอกเลิกสัญญา ตอ้ งปฏิบัติตามมาตรา 10506 ซึ่งใชใ้ นการบอกเลิกหา้ งหุน้ ส่วนในกรณีไม่มีการผิดสญั ญา มาตรา 1057 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดร้องขอเม่ือมีกรณีอย่างใดอย่างหน่ึงด่ังจะกล่าวต่อไปน้ี ศาลอาจสั่งให้ห้าง หนุ้ ส่วนสามัญเลกิ กนั เสียกไ็ ด้ คอื (1) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้ร้องฟ้องนั้น ล่วงละเมิดบทบังคับใด ๆ อันเป็นข้อสาระสาคัญซ่ึง สัญญาหนุ้ สว่ นกาหนดไวแ้ ก่ตน โดยจงใจหรือเลนิ เลอ่ อย่างรา้ ยแรง (2) เมอ่ื กิจการของหา้ งห้นุ ส่วนน้นั จะทาไปกม็ แี ต่ขาดทุนอยา่ งเดียวและไมม่ ีหวงั จะกลับฟ้นื ตวั ได้อีก (3) เม่อื มีเหตุอื่นใด ๆ ทาใหห้ ้างหุ้นส่วนน้นั เหลือวิสยั ที่จะดารงคงอยตู่ อ่ ไปได้ อธิยาย มาตรา 1057 หมายถึง การบอกเลิกสัญญาในกรณีที่คูส่ ัญญาห้างหนุ้ สว่ นผิดสัญญาซ่ึงจาเปน็ ตอ้ งปฏิบัตติ ามหลักเกณฑ์ ของมาตรา 1056 หากเข้าเหตใุ ดเหตหุ นึ่งกส็ ามารฟ้องตอ่ ศาลเพ่อื ขอใหศ้ าลมีคาสั่งใหห้ ้างหุน้ ส่วนสามัญเลกิ กันเสียก็ได้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

18 คาว่า “ศาลอาจส่ังให้ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกันเสียก็ได้” หมายถึง แม้จะมีเหตุที่สามารถยื่นฟ้องขอให้เลิกห้าง หุ้นส่วนไดต้ ามคาฟอ้ ง แต่กฎหมายกเ็ ปดิ ช่องให้ศาลสามารถใช้ดลุ พนิ จิ ยังไม่สง่ั ให้ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกนั กไ็ ด้ หรือจะส่งั ให้ หา้ งหุ้นสว่ นสามญั เลกิ กันก็ได้ มิใช่บทบังคบั ศาลเสมอไป ตัวอยา่ งคาพพิ ากษาฎีกาทเ่ี กี่ยวกับมาตรา 1057 ฎ.1129/2554 การทีโ่ จทก์ทั้งสามฟ้องคดีอา้ งว่า มีเหตอุ น่ื ใดๆ ทาให้หา้ งหุน้ สว่ นเหลอื วิสัยที่จะ ดารงคงอยู่ต่อไปได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1057 (3) อันก่อสิทธิฟ้องคดีได้โดยสมบูรณ์หาใช่กรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนของห้าง หุ้นส่วนท่ีต้ังขึ้นโดยไม่มีกาหนดการอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นยุติประสงค์จะเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญโดยไม่มีเหตุอันจะต้อง ดาเนินการตามมาตรา 1056 ประกอบมาตรา 1055 (4) ไม่ โจทก์ทั้งสามจึงมีอานาจฟ้องโดยหาต้องดาเนินการตาม มาตรา 1056 ก่อน ฎ.2503/2553 โจทก์ท้ังสองฟ้องว่า จาเลยท้ังสองผิดสัญญาหุ้นส่วนโดยยินยอมให้ผู้อ่ืนจัดทา หนังสือคาทานายดวงชะตาท่ีมีข้อความคาทานายเช่นเดียวกับเทปคาสเซทท่ีโจทก์ท้ังสองกับจาเลยทั้งสองตกลงเข้าหุ้นกัน ผลิตและจาหน่าย โดยอาศัยการโฆษณาของโจทก์ท้ังสอง อันเป็นการแข่งขันและแย่งตลาดผู้ซื้อ จาเลยที่ 2 ไม่ไปออก รายการวทิ ยเุ พือ่ โฆษณาประชาสมั พันธ์เทปตามข้อตกลงและจาเลยทั้งสองยังมหี นังสือถึงบริษัท ซ. ซ่ึงโจทก์ได้มอบสทิ ธิการ ผลิตและจาหน่ายเทปให้บริษัทดังกล่าวดาเนินการ โดยแจ้งยกเลิกการมอบลิขสิทธ์ิเทปแก่โจทก์ทั้งสอง ห้ามมิให้ บริษัท ซ. ชาระเงินค่าลิขสิทธิ์การจาหน่ายเทปแก่โจทก์ทั้งสอง และขอยกเลิกการให้ลิขสิทธิ์การผลิตและจาหน่ายแก่บริษัท ซ. โดย เรียกร้องให้แบ่งผลกาไรที่โจทก์ท้ังสองควรจะได้หากจาเลยท้ังสองไม่ผิดสัญญาหุ้นส่วน ถือได้ว่าเป็นการประพฤติผิดสัญญา หุ้นส่วนในข้อสาระสาคัญเป็นเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนและชาระบัญชีได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1057 (1) มาตรา 1061 และมาตรา 1062 การทีโ่ จทก์ทั้งสองฟอ้ งเรยี กเอาส่วนแบ่งผลกาไร หรือขอให้ชดใชเ้ งินลงทุนท่ีโจทก์ทัง้ สองได้ออกไป อนั มี ลักษณะคืนทุนทรัพย์โดยท่ียังมิได้มีการชาระบัญชี หรือตกลงให้จัดการทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็น ห้นุ สว่ นดว้ ยกนั จึงเป็นกรณีทม่ี ไิ ด้ปฏิบัติตามบทบัญญตั แิ หง่ กฎหมายดังกล่าว โจทก์ทัง้ สองจึงไมม่ ีอานาจฟอ้ ง ฎ.10068/2551 การท่ีโจทก์และจาเลยทั้งหกมีข้อพิพาทต่อกันหลายคดี รวมถึงการดาเนิน กิจการโรงรับจานา ฮ. โดยจาเลยท่ี 1 ถึงที่ 3 ขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคาพิพากษาใหโ้ จทก์นาเงนิ รายไดป้ ระจาวันของโรง รับจานา ฮ. มาวางศาล และขอให้ต้ังจาเลยท่ี 3 เป็นผู้ตรวจบัญชี แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันและไม่ ไว้วางใจซ่ึงกันและกัน ทั้งการเป็นหุ้นส่วนกันน้ันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนเองจึงไม่สามารถบังคับให้ฝ่ายใดฝ่าย หนึ่งขายหุ้นส่วนของฝ่ายน้ันให้แก่อีกฝ่ายหน่ึงได้ กรณีเหลือวิสัยที่ห้างหุ้นส่วนจะดารงคงอยู่ต่อไปได้ จึงมีเหตุท่ีศาลจะ พิพากษาใหเ้ ลกิ ห้างหนุ้ สว่ นได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1057 (3) มาตรา 1058 เมือ่ เหตุอนั ใดอันหน่ึงเกิดขึ้นเกย่ี วด้วยผู้เป็นหุ้นส่วนคนหน่งึ ซึ่งตามความในมาตรา 1057 หรือ มาตรา 1067 เปน็ เหตใุ ห้ผ้เู ป็นห้นุ ส่วนทัง้ หลายนอกนัน้ มีสทิ ธจิ ะเรยี กใหเ้ ลกิ ห้างหนุ้ ส่วนไดไ้ ซร้ ในเมอื่ ผเู้ ป็นหุ้นส่วน เหล่าน้ันยนื่ คารอ้ ง ทา่ นว่าศาลจะส่งั ใหก้ าจดั หนุ้ สว่ นผูต้ น้ เหตุคนน้ันออกเสียจากห้างหุ้นสว่ นแทนสั่งใหเ้ ลกิ หา้ งหุ้นส่วนก็ได้ ในการแบ่งทรัพยส์ ินระหวา่ งห้างหุ้นส่วนกับผู้เป็นหุ้นส่วนซ่งึ ถูกกาจัดนั้น ท่านใหต้ ีราคาทรัพย์สนิ ของห้างหุ้นสว่ น ตามราคาท่เี ป็นอย่ใู นเวลาแรกยนื่ คาร้องขอใหก้ าจัด มาตรา 1059 ถ้าเมื่อสน้ิ กาหนดกาลซง่ึ ไดต้ กลงกนั ไว้ และผู้เปน็ หนุ้ สว่ นทงั้ หลายหรอื ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นซง่ึ เคยได้จดั การ อยู่ในระหวา่ งกาหนดน้ัน ยังคงดาเนินการค้าของหา้ งหุ้นส่วนอยู่ต่อไปโดยมิไดช้ าระบัญชีหรอื ชาระเงินกันให้เสร็จไปไซร้ ทา่ นให้ ถือว่าผเู้ ป็นหุ้นสว่ นท้งั ปวงได้ตกลงคงทาการเปน็ ห้นุ ส่วนกันสบื ไปโดยไม่มกี าหนดกาล สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

19 มาตรา 1060 ในกรณอี ยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ซงึ่ กลา่ วไวใ้ นมาตรา 1055 อนมุ าตรา 4 หรืออนุมาตรา 5 น้นั ถา้ ผเู้ ป็น ห้นุ ส่วนที่ยงั อยรู่ บั ซอ้ื หนุ้ ของผทู้ อี่ อกจากหนุ้ สว่ นไปไซร้ ทา่ นวา่ สัญญาหนุ้ สว่ นนน้ั ก็ยังคงใช้ไดต้ ่อไปในระหว่างผูเ้ ปน็ ห้นุ สว่ น ที่ยงั อยู่ดว้ ยกนั อธบิ าย มาตรา 1060 หมายถึง หากเป็นกรณีผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงตาย ล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ ตามมาตรา 1054 (4) และ (5) หรอื กรณีผู้เปน็ หนุ้ ส่วนคนใดคนหนึง่ แสดงความจานงขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญตามมาตรา 1056 ถา้ ผเู้ ป็นหุน้ สว่ นทีเ่ หลือได้รบั ซอื้ หุน้ แทน กรณเี ชน่ นี้หา้ งหุ้นสว่ นสามญั ก็ยงั ดาเนนิ ต่อไปได้ สรุป การเลกิ หา้ งหุ้นส่วนสามญั ตั้งแต่มาตรา 1055 ถงึ มาตรา 1060 แบ่งลกั ษณะการเลิกห้างหุ้นสว่ นได้ 4 กรณี 1. เลิกโดยข้อสัญญา มาตรา 1055 (1) ถงึ (3) 2. เลกิ โดยผลของกฎหมาย มาตรา 1055 (4) และ (5) 3. เลิกโดยคาสั่งศาล มาตรา 1057 4. เลกิ โดยคสู่ ัญญามีเจตนาตกลงเลกิ กันเอง การชาระบญั ชี การชาระบัญชี หมายถึง การรวบรวมทรัพย์สินท้ังหมดของห้างหุ้นส่วนมาเพื่อชาระให้แก่เจ้าหน้ีและคืนชดใช้เงิน ทดรองและค่าใช้จ่ายซ่ึงผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกไปเพ่ือจัดการงานของห้างหุ้นส่วนให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน ถ้ามีเงนิ เหลือก็แบ่งกาไร ให้แกผ่ ูเ้ ปน็ หุ้นส่วน ถ้าไม่พอชาระหนไี้ มไ่ ม่พอใชค้ ืนค่าหนุ้ ก็ให้ผู้เป็นหุ้นสว่ นชว่ ยกันออกสว่ นท่ขี าดตามสว่ น มาตรา 1061 เมือ่ ห้างหนุ้ สว่ นเลกิ กันแลว้ กใ็ หจ้ ดั การชาระบญั ชเี วน้ แตจ่ ะได้ตกลงกันใหจ้ ดั การทรพั ย์สนิ โดยวธิ อี ่นื ในระหว่างผู้เป็นห้นุ สว่ นดว้ ยกัน หรือว่าหา้ งหุ้นสว่ นนน้ั ศาลไดพ้ พิ ากษาใหล้ ม้ ละลาย ถ้าการเลกิ ห้างหนุ้ สว่ นนน้ั ไดเ้ ปน็ ไปโดยทเี่ จา้ หนเ้ี ฉพาะตวั ของผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนใดคนหนง่ึ ไดใ้ ห้คาบอกกลา่ วก็ดี หรือ โดยที่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงล้มละลายก็ดี ท่านว่าจะงดการชาระบัญชีเสียได้ต่อเมื่อเจ้าหน้ีคนน้ัน หรือเจ้าพนักงาน รักษาทรพั ยย์ ินยอมดว้ ย การชาระบัญชีน้ัน ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนท้ังหมดด้วยกันจัดทาหรือให้บุคคลอื่นซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ต้ังแต่งขึ้นนั้นเป็น ผูจ้ ดั ทา การแต่งตง้ั ผูช้ าระบัญชี ให้วนิ จิ ฉยั ช้ขี าดโดยคะแนนเสยี งข้างมากของผ้เู ป็นหุ้นสว่ น อธิบาย มาตรา 1601 หมายถึง การตั้งผู้ชาระบัญชี หากในกรณีผู้เป็นหุ้นสว่ นถึงแก่ความตายและห้างหุ้นส่วนต้องเลิกกัน จาต้องมกี ารชาระบัญชีกรณีเช่นน้ีทายาทผรู้ ับมรดกต้องเขา้ มาดาเนินการชาระบัญชตี ่อไป ทง้ั นี้ เป็นคนละกรณกี ับการขอเข้า เป็นหนุ้ ส่วนแทนผู้ตาย (ฎ.191/2501) ฎ.191/2501 การเป็นหุ้นส่วนกันนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนน้ัน ๆ เอง ห้าง หุ้นส่วน ย่อมเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย ผู้รับมรดกก็ดีหรือผู้จัดการมรดกของผู้เป็นหุ้นส่วนที่ตายจะยืนยัน ถอื สิทธิ์โดยลาพังเข้าไปเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตายต่อไปนั้นไม่ได้ และนัยท่ีตรงข้ามผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นจะฟ้องขอให้บังคับให้ผู้รับ มรดกหรือผูจ้ ดั การมรดกเช่นว่านั้นเข้ามาเป็นหุน้ ส่วนแทนท่ีผู้ตายต่อไปก็ไม่ได้ โจทก์ฟ้องขอให้ตั้งผู้ชาระบัญชีของหา้ งหุ้นส่วน ผูจ้ ัดการมรดกและผู้รบั มรดกจะต้องเข้ามาแทนที่ ของหุ้นส่วนผู้ตายเพ่ือการชาระบัญชี หลักกฎหมายในเร่ืองการที่ต้องเข้ามาแทนที่เพ่ือการชาระบัญชเี ป็นคนละเร่ืองกับการ เขา้ มาเป็นหุ้นส่วนแทนทผี่ ูต้ าย สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

20 มาตรา 1062 การชาระบญั ชี ใหท้ าโดยลาดบั ดงั น้ี คอื (1) ให้ชาระหนี้ท้ังหลายซ่งึ คา้ งชาระแก่บคุ คลภายนอก (2) ใหช้ ดใชเ้ งนิ ทดรองและค่าใช้จ่ายซ่งึ ผู้เปน็ ห้นุ ส่วนได้ออกของตนไปเพ่อื จัดการค้าของหา้ ง (3) ใหค้ นื ทุนทรัพยซ์ ่ึงผ้เู ป็นหุ้นสว่ นแต่ละคนไดล้ งเปน็ หนุ้ ถ้ายังมีทรพั ย์เหลอื อยูอ่ กี เทา่ ไร กใ็ หเ้ ฉลีย่ แจกเป็นกาไรในระหวา่ งผู้เปน็ หุ้นสว่ น อธบิ าย มาตรา 1062 หมายถึง ลาดับแหง่ การชาระบญั ชี ข้อสงั เกต : กรณีการคืนทุนตามมาตรา 1062 (3) หากผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดลงหุ้นด้วยแรงงาน ผู้เป็นคนส่วนคนน้ันจะไม่ได้รับ การคืนหุ้น แม้ในการแบ่งปนั กาไรจะสามารถตรี าคาค่าแรงได้ตามมาตรา 1028 กต็ าม (ฎ.4749/2559) ฎ.4749/2559 สญั ญาข้อตกลงรว่ มทาผลประโยชน์ เป็นสัญญาที่โจทกก์ ับจาเลยที่ 1 ตกลงเข้า กันเพ่ือทากิจการขายดินลูกรังในท่ีดินพิพาทโดยจาเลยท่ี 1 เป็นผู้ลงทุนในโครงการผู้เดียว ส่วนโจทก์เป็นผู้ดาเนินการขาย ดนิ ลูกรัง โดยจาเลยที่ 1 จะได้รับเงนิ ปันผลร้อยละ 40 ส่วนโจทก์ได้รับร้อยละ 60 ข้อตกลงดังกล่าวจาเลยท่ี 1 เป็นผู้ออก เงิน ส่วนโจทก์เป็นผู้ลงแรงด้วยประสงค์เพ่ือแบ่งกาไรอันจะพึงได้จากการดาเนินกิจการดังกล่าว จึงเป็นสัญญาจัดตั้งห้าง หุ้นส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1012 และเม่ือข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจาเลยท่ี 1 เป็นผอู้ อกเงินซื้อที่ดินพพิ าทและเป็นเจ้าของ ทด่ี ินพิพาท จาเลยท่ี 1 เพียงแต่นาทด่ี ินพิพาทมาให้ใช้เป็นการลงหุ้น มิได้ให้กรรมสิทธ์ิในท่ดี ินพิพาทเป็นการลงห้นุ โจทกจ์ ึง มิไดเ้ ป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ริ ่วมในที่ดินพิพาท การท่ีจาเลยท่ี 2 เป็นผู้ถอื กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนจาเลยท่ี 1 และได้ขาย ที่ดินพิพาทใหจ้ าเลยท่ี 3 และจดทะเบียนเลกิ การเช่าท่ีดนิ พิพาทระหว่างจาเลยที่ 1 กับที่ 2 เป็นเร่ืองระหว่างจาเลยทั้งสาม มิได้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอานาจฟ้อง ส่วนท่ีโจทก์ฎีกาขอให้คืนทุน น้ัน โจทก์เป็นหุ้นส่วนท่ีลงหุ้นด้วย แรงงานเท่าน้ัน ไม่ได้มีเงนิ มาลงทุน และในสัญญาข้อตกลงร่วมทาผลประโยชน์ดังกล่าว ก็มิไดบ้ อกว่าจะแบ่งทุนหรือตีราคา คา่ แรงงานเปน็ ทนุ เพอ่ื คืนให้แก่โจทก์ เม่ือหา้ งหนุ้ สว่ นเลกิ กนั โจทกจ์ งึ ไมม่ ีสทิ ธิขอคนื ทนุ พรอ้ มดอกเบย้ี มาตรา 1063 ถ้าเมือ่ ไดช้ าระหนซ้ี ง่ึ ค้างชาระแก่บุคคลภายนอกและชดใช้เงินทดรองและคา่ ใช้จ่ายแล้ว สินทรัพย์ ทย่ี ังอยไู่ ม่พอจะคนื แกผ่ ู้เป็นหนุ้ ส่วนใหค้ รบจานวนที่ลงหุ้นไซร้ส่วนท่ขี าดนี้คือขาดทุน ซ่งึ ตอ้ งคดิ เฉลย่ี ชว่ ยกันขาด อธบิ าย มาตรา 1063 หมายถึง กรณีเมื่อหกั หน้ีของห้างหุ้นส่วนและหักค่าเงินทดรองและค่าใช้จ่ายแล้ว ทรัพย์สินเหลือไม่ พอท่จี ะคืนทนุ ใหแ้ กห่ ุ้นสว่ นทุกคนท่เี งินและทรัพยส์ นิ มาลงเป็นหุ้นจนครบ ก็ใหถ้ ือวา่ ส่วนทีข่ าดไม่อาจคืนให้แกผ่ ้เู ป็นหุ้นส่วน ทกุ คนน้นั เปน็ การขาดทุน และตอ้ งคดิ สว่ นเฉล่ยี เพอื่ ช่วยกนั รับภาระไปในส่วนท่ีขาด การจดทะเบยี นหา้ งหนุ้ สว่ นสามัญ มาตรา 1064 อนั หา้ งหุ้นส่วนสามญั นน้ั จะจดทะเบยี นก็ได้ การลงทะเบียนนัน้ ท่านบงั คบั ใหม้ ีรายการดังนี้ คือ (1) ชอ่ื หา้ งหนุ้ ส่วน (2) วัตถทุ ป่ี ระสงค์ของห้างหุน้ ส่วน (3) ทีต่ งั้ สานกั งานแหง่ ใหญ่และสาขาทัง้ ปวง สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

21 (4) ชอ่ื และที่สานกั กบั ทง้ั อาชวี ะของผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นทุก ๆ คน ถ้าผู้เป็นห้นุ สว่ นคนใดมชี ่ือยห่ี อ้ กใ็ ห้ลงทะเบยี นทัง้ ชื่อ และยห่ี ้อดว้ ย (5) ช่ือหนุ้ ส่วนผจู้ ัดการ ในเมอ่ื ไดต้ ั้งแต่งให้เปน็ ผจู้ ดั การแต่เพียงบางคน (6) ถา้ มีข้อจากดั อานาจของห้นุ ส่วนผจู้ ดั การประการใดใหล้ งไวด้ ว้ ย (7) ตราซง่ึ ใช้เปน็ สาคญั ของหา้ งห้นุ สว่ น ขอ้ ความซ่ึงลงทะเบยี นนัน้ จะลงรายการอืน่ ๆ อีกอันคู่สญั ญาเหน็ สมควรจะใหป้ ระชาชนทราบดว้ ยกไ็ ด้ การลงทะเบียนน้นั ต้องลงลายมือชอ่ื ของผู้เป็นหุ้นส่วนทกุ คน และตอ้ งประทับตราของหา้ งหุน้ สว่ นนั้นดว้ ย ใหพ้ นักงานทะเบยี นทาใบสาคัญแสดงการจดทะเบยี นสง่ มอบใหแ้ ก่หา้ งหนุ้ สว่ นนนั้ ฉบับหนง่ึ อธิบาย 1. มาตรา 1064 หมายถึง การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญโดยกฎหมายจะกาหนดให้การจดทะเบียนห้าง หุ้นส่วนสามัญตอ้ งมีรายการสาคัญตามทีป่ รากฏไวใ้ นอนุมาตรา (1) ถึง (7) 2. คาว่า “วัตถุท่ีประสงค์ของห้างหุ้นส่วน” หมายถึง วัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการของห้างหุ้นส่วนสามัญ ท้งั นยี้ ังหมายความถึงวัตถุประสงค์โดยปริยายดว้ ยแม้จะไดจ้ ดลงทะเบยี นไวก้ ็ตาม ขอ้ สาคญั : หากผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการกระทานิติกรรมนอกกรอบวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนฯ ท่ีได้จดทะเบียนไว้ นิติกรรมดังกล่าวย่อมไม่มีผลผูกพันห้างหุ้นส่วนฯ เช่นน้ีบุคคลภายนอกจะมาบังคับเอากับห้างหุ้นส่วนฯ ไม่ได้ ต้องฟ้องร้อง บังคับเอากับผู้เป็นหุ้นส่วนท่ีทานิติกรรมกับบุคคลภายนอกเองเป็นการส่วนตัว และในทางกลับกันห้างหุ้นส่วนฯ ก็ไม่อาจ ฟอ้ งรอ้ งบังคับเอากับบคุ คลภายนอกไดเ้ ช่นกนั เพราะเปน็ การกระทานอกกรอบวตั ถุประสงค์ของห้างหุ้นสว่ น อย่างไรก็ตาม แมจ้ ะเป็นการกระทานอกกรอบวัตถุประสงค์ แต่ถ้าห้างหุ้นส่วนฯ ได้ประโยชน์และยอมรับ เอานิติกรรมดังกล่าวหรือถือเอานิติกรรมดังกล่าว กรณีเช่นน้ีแม้จะไม่อาจถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบัน แต่ห้างหุ้นส่วนฯ ก็ ตอ้ งรบั ผิดตอ่ บคุ คลภายนอก มาตรา 1064/1 หุ้นส่วนผู้จัดการคนใดในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนจะลาออกจากตาแหน่ง ให้ยื่นใบลาออกต่อ หนุ้ ส่วนผูจ้ ดั การอน่ื คนหน่ึงคนใด การลาออกมผี ลนบั แต่วันท่ีใบลาออกไปถึงหุ้นสว่ นผจู้ ดั การอน่ื นนั้ ในกรณีท่ีห้างหุ้นสว่ นจดทะเบยี นมีหุ้นส่วนผจู้ ัดการคนเดียว ใหห้ ุ้นส่วนผู้จดั การท่ีจะลาออกจากตาแหน่งแจ้งเป็น หนงั สือใหผ้ ้เู ป็นหนุ้ สว่ นคนหน่งึ คนใดทราบเพอ่ื นัดประชมุ และพิจารณาตั้งผจู้ ัดการคนใหม่ พรอ้ มกับแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมีผลนับแตว่ ันท่ีใบลาออกไปถงึ ห้นุ สว่ นผ้นู ้ัน หุ้นสว่ นผู้จัดการซงึ่ ลาออกตามวรรคหนึ่งหรอื วรรคสอง จะแจง้ การลาออกของตนให้นายทะเบียนทราบดว้ ยก็ได้ อธิบาย มาตรา 1064/1 มีหลักกฎหมายท่ีควรจดจา คือ การลาออกของหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ได้ จดทะเบียนไว้แล้วสามารถกระทาได้โดยย่ืนใบลาออกต่อหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดคนหน่ึงและให้การลาออกมีผลนับแต่วันท่ี ใบลาออกได้ไปถงึ หนุ้ ส่วนผู้จัดการอ่นื น้นั (มาตรา 1064/1 วรรคหนึง่ ) หากกรณีหุ้นส่วนสามัญฯ น้ันมีหุ้นส่วนผู้จัดการเพียงคนเดียว ให้หุ้นส่วนผู้จัดการที่จะลาออกแจ้งเป็นหนังสือให้ หุ้นส่วนคนใดคนหน่ึงรับรับทราบเพื่อนัดประชุมและพิจารณาต้ังผู้จัดการคนใหม่ในหนังสือนัดประชุมให้แนบใบ ลาออกด้วย และการลาออกให้มผี ลนบั แตว่ ันท่ใี บลาออกไปถึงห้นุ สว่ นผ้นู น้ั (มาตรา 1064/1 วรรคสอง) สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

22 ขอ้ สังเกต : ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ห้างหุ้นส่วนสามัญฯ น้ันจะมีหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหลายคนหรือไม่ หรือมีเพียงคนเดียว หากหนังสือลาออกไปถึงหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดคนหนึ่งหรอื หนังสือลาออกไปถึงผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนคนอ่ืนหากเป็น กรณีห้างหุ้นส่วนนัน้ มหี ้นุ สว่ นผจู้ ัดการห้างเพยี งคนเดียว การลาออกกม็ ีผลทนั ทีนบั แต่วันที่ใบลาออกไปถึง โดยไมจ่ าเป็นตอ้ ง มีการประชุมใดๆ ทัง้ ส้นิ มาตรา 1065 ผูเ้ ป็นหุน้ สว่ นอาจถือเอาประโยชนแ์ กบ่ ุคคลภายนอกในบรรดาสิทธิอนั ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้น ได้มา แมใ้ นกจิ การซ่งึ ไม่ปรากฏชือ่ ของตน อธิบาย มาตรา 1065 หมายถึง เม่ือได้มีการจดทะเบียนแล้วก็เท่ากับมีการประกาศให้บุคคลทั่วไปรับรู้รับทราบถึงสถานะ ของการเป็นนิติบุคคลของห้างหุ้นส่วนสามัญที่ได้จดทะเบียนแล้ว ดังน้ี ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นๆ ในห้างหุ้นส่วนสามัญท่ีได้จด ทะเบียนยอ่ มมีสิทธิเขา้ ถอื เอาประโยชน์จากนติ ิกรรมใดๆ ทไ่ี ม่ปรากฏชื่อของตนเองได้ ซึ่งมาตรา 1065 จะมีความแตกต่าง จากมาตรา 1049 อย่างสนิ้ เชิงกลา่ วอกี นยั หน่ึงกค็ อื การจดทะเบียนหา้ งห้นุ ส่วนสามญั เป็นข้อยกเว้นของมาตรา 1049 มาตรา 1066 หา้ มมิให้ผูเ้ ป็นหุ้นส่วนคนหน่ึงคนใดในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด อันมีสภาพเปน็ อยา่ งเดยี วกนั และเปน็ การแข่งขนั กบั กจิ การของหา้ งหนุ้ สว่ นนน้ั ไม่ว่าทาเพอ่ื ประโยชนต์ นหรอื เพื่อประโยชน์ ผู้อื่น หรอื ไปเข้าเป็นหุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอ่ืน ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพเป็นอย่างเดียวกัน และ แขง่ ขันกบั กิจการของหา้ งหนุ้ ส่วนจดทะเบยี นนัน้ เวน้ ไวแ้ ตจ่ ะไดร้ ับคายนิ ยอมของผู้เปน็ ห้นุ สว่ นอ่นื ทั้งหมด แต่ขอ้ ห้ามเช่นว่ามานี้ ท่านว่าจะไม่พึงใช้ได้ ถา้ หากผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายได้รู้อยู่แล้วในเวลาเมื่อลงทะเบียนห้าง หนุ้ สว่ นนนั้ วา่ ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนหนง่ึ ไดท้ ากจิ การ หรอื เขา้ เปน็ หุ้นสว่ นอยใู่ นห้างหนุ้ ส่วนอ่นื อันมีวตั ถุทีป่ ระสงคอ์ ย่างเดียวกนั และในสญั ญาเข้าหุ้นส่วนที่ทาไว้ตอ่ กนั นนั้ กไ็ มไ่ ด้บังคับให้ถอนตัวออก อธบิ าย มาตรา 1066 จะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับมาตรา 1038 คือ ห้ามผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญที่ได้จด ทะเบียนประกอบกิจการแข่งขันกับห้างหุ้นส่วน อย่างไรก็ตามมาตรา 1066 วรรคสอง ก็ได้บัญญัติข้อยกเว้นเอาไว้ว่า หาก เปน็ กรณีที่หนุ้ สว่ นท้งั หลายในห้างหุ้นสว่ นสามัญทีไ่ ด้จดทะเบียนทราบอย่กู ่อนแล้วว่าผู้เป็นหนุ้ สว่ นหนึ่งไดท้ ากิจการหรอื เข้า เป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างหุ้นส่วนอ่ืนอันมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกันและก็ไม่มีข้อตกลงให้หุ้นส่วนผู้น้ันถอนตัว กรณีเช่นน้ี หุ้นส่วนผ้นู น้ั กส็ ามารถดาเนินกจิ การแข่งขนั กับห้างหนุ้ สว่ นสามญั ทไี่ ดจ้ ดทะเบยี นได้ มาตรา 1067 ถ้าผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นคนใดกระทาการฝา่ ฝนื ตอ่ บทบญั ญตั ใิ นมาตราก่อนนีไ้ ซร้ ทา่ นว่าหา้ งหุ้นส่วนซึ่งจด ทะเบียนนน้ั ชอบทจ่ี ะเรยี กเอาผลกาไรอนั ผนู้ น้ั หาไดท้ ้ังหมดหรอื เรยี กเอาค่าสินไหมทดแทนเพือ่ ความเสียหายซึ่งหา้ งหุ้นสว่ น ได้รบั เพราะเหตนุ ้นั แต่ทงั้ น้ีท่านห้ามมิให้ฟอ้ งเรยี กเมือ่ พ้นเวลาปหี นงึ่ นับแต่วนั ทาการฝา่ ฝืน อนึ่ง บทบัญญตั ิมาตรานี้ไม่ลบลา้ งสิทธขิ องผเู้ ป็นหุ้นสว่ นทัง้ หลายนอกนน้ั ในอนั จะเรยี กใหเ้ ลิกหา้ งห้นุ ส่วน อธิบาย มาตรา 1067 หมายถึง ผลของผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดประกอบกิจการฝ่าฝืนมาตรา 1066 ซ่ึงจะมีลักษณ ะ เชน่ เดียวกับมาตรา 1038 วรรคสอง สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

23 มาตรา 1068 ความรับผิดของผ้เู ป็นหุน้ ส่วนในหา้ งหนุ้ สว่ นจดทะเบยี น อนั เกี่ยวแก่หนซี้ ึ่งห้างหนุ้ ส่วนได้กอ่ ใหเ้ กิด ขึ้นกอ่ นท่ตี นออกจากหุ้นส่วนนนั้ ยอ่ มมจี ากดั เพียงสองปนี บั แต่เมอ่ื ออกจากหุ้นส่วน อธบิ าย มาตรา 1068 หมายถึง ความรับผดิ ของผู้เปน็ หุ้นส่วนในห้างห้นุ ส่วนที่ได้จดทะเบียนท่ีได้ออกจากห้างหุ้นส่วนไปแล้ว ใหร้ ับผดิ ตอ่ หนีท้ ี่หา้ งหนุ้ ส่วนไดก้ ่อขึน้ ก่อนตนเองลาออกเพียง 2 ปี นบั แตเ่ ม่อื ไดอ้ อกจากห้างห้นุ ส่วน ฎ.463/2537 จาเลยที่ 2 ออกจากการเป็นหนุ้ ส่วนของห้างหุ้นส่วนจากดั จาเลยท่ี 1 ตั้งแต่วันท่ี 17 พฤษภาคม 2528 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวนั ที่ 28 ธันวาคม 2530 อันเป็นเวลาภายหลงั 2 ปีนับแต่จาเลยท่ี 2 ออกจาก การเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจาเลยท่ี 1 แล้ว จาเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดในหน้ีที่ห้างหุ้นส่วนจากัดจาเลยท่ี 1 ได้ กอ่ ใหเ้ กดิ ข้ึน โจทกไ์ มม่ สี ทิ ธนิ าหน้ีดงั กลา่ วมาฟอ้ งจาเลยท่ี 2 ให้ลม้ ละลายได้ ฎ.3301/2534 เมื่อหน้ีที่ให้รับผิดเป็นหนี้ซ่ึงจาเลยท่ี 1 ได้ก่อให้เกิดข้ึนก่อนที่จาเลยท่ี 2 ออก จากห้นุ ส่วนไปยังไม่เกินสองปี โจทก์มีอานาจฟอ้ งจาเลยที่ 2 ให้รบั ผดิ ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1068 ขอ้ สาคัญ : (1) กาหนดเวลารบั ผดิ เพยี ง 2 ปี นับแตว่ ันทีล่ าออกจากหา้ งหุ้นสว่ นสามญั ทไี่ ดจ้ ดทะเบยี นไม่ใช่ระยะเวลา อายคุ วาม ดังน้ี คสู่ ัญญาสามารถตกลงกาหนดเวลาได้เพราะไม่ใช่ปญั หาเกีย่ วด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎ.2613/2523 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1068 ไม่ใช่เรอ่ื งอายุความ แต่เป็น เรื่องที่กฎหมายกาหนดความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ออกจากหุ้นส่วนให้รับผิดในหน้ีซึ่งห้าง หุน้ ส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนออกจากหุ้นส่วนเพียงสองปีนับแต่เมือ่ ออกจากหุ้นส่วนบทบญั ญัติดังกลา่ วไม่เก่ียวกบั ความ สงบเรียบรอ้ ยของประชาชนคู่กรณีจึงอาจตกลงเป็นอย่างอื่นได้ เม่ือจาเลยทาสัญญายอมรับผดิ ในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนที่มี อยกู่ อ่ นทีต่ นออกจากหุ้นสว่ นท้งั หมด ข้อตกลงดังกล่าวก็มีผลใชบ้ งั คับได้ (2) ทว่ี ่า “นบั แต่เมื่อออกจากหนุ้ สว่ น” หมายถงึ ให้นบั ตง้ั แตว่ ันที่ได้ไปแก้ไขทางทะเบียน หากยังไมม่ ีการ แก้ไขทางทะเบียนแม้การลาออกจะมีผลทันที (หากเป็นกรณีมาตรา 1064/1) แต่หุ้นส่วนผู้นั้นก็ยังต้องรับผิดหาหลุดพ้น จากหนขี้ องหา้ งหนุ้ สว่ นไม่ ฎ.463/2537 จาเลยท่ี 2 โอนหุ้นให้แก่จาเลยท่ี 3 เม่ือวันท่ี 25 ตุลาคม 2527 และนาไปขอ จดทะเบียนต่อนายทะเบียนสานักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2528 ต้องถือว่าจาเลยที่ 2 ออกจาก การเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจาเลยที่ 1 ตั้งแต่วันท่ี 17 พฤษภาคม 2528 เม่ือโจทก์ฟ้องคดีน้ีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2530 อันเป็นเวลาภายหลัง 2 ปี นบั แตจ่ าเลยท่ี 2 ออกจากการเป็นหุ้นส่วนผจู้ ัดการของจาเลยท่ี 1 จาเลยท่ี 2 จึงไมต่ ้อง รับผดิ ในหน้ีดังกล่าวตามมาตรา 1068 มาตรา 1072 ถา้ หา้ งหุ้นสว่ นซ่งึ จดทะเบยี นยังมิได้เลิกกันตราบใด เจ้าหนีข้ องผเู้ ปน็ ห้นุ สว่ นเฉพาะตัวยอ่ มใช้สิทธิ ไดแ้ ต่เพยี งในผลกาไรหรือเงินซ่ึงหา้ งหนุ้ ส่วนคา้ งชาระแก่ผ้เู ป็นหนุ้ ส่วนคนนั้นเท่านนั้ ถา้ ห้างหุ้นส่วนนัน้ เลกิ กนั แลว้ เจา้ หนี้ ยอ่ มใชส้ ิทธิไดต้ ลอดจนถึงหนุ้ ของผูเ้ ปน็ หุ้นส่วนคนนนั้ อันมใี นสนิ ทรัพยข์ องหา้ งหุน้ สว่ น อธบิ าย มาตรา 1072 หมายถึง กรณีเจ้าหน้ีส่วนตัวของผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดจะฟ้องร้องบังคับเอากับหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วน คนนัน้ ในห้างหุน้ สว่ นสามัญท่ีได้จดทะเบียนไมไ่ ด้ คงมสี ิทธิฟ้องรอ้ งบังคับเอาแต่เฉพาะผลกาไรหรือเงนิ ห้างหุ้นส่วนค้างชาระ แก่ผเู้ ปน็ หุ้นส่วนคนนน้ั เวน้ แต่หา้ งหุ้นส่วนสามัญฯ จะได้เลิกกนั แลว้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

24 ฎ.3841/2525 เม่ือข้อเท็จจริงได้ความวา่ ห้างหุ้นส่วนผู้ร้อง เป็นหุน้ ส่วนจดทะเบียนยังมิไดเ้ ลิก กัน โจทก์ผู้เป็นเจ้าหน้ีของจาเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวจึงใช้สิทธิได้เพียงกาไรหรือเงินซ่ึงห้างหุ้นส่วนผู้ร้องค้างชาระแก่ จาเลยเท่าน้นั ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1072 หา้ งหนุ้ สว่ นจากดั มาตรา 1077 อันห้างหุ้นส่วนจากัดนั้น คือห้างหุ้นส่วนประเภทหน่ึง ซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนสองจาพวก ดังจะกล่าว ตอ่ ไปนี้ คอื (1) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งมีจากัดความรับผิดเพียงไม่เกินจานวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้าง หุ้นสว่ นน้ันจาพวกหนึ่ง และ (2) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่มีจากัดจานวนอีก จาพวกหนงึ่ อธิบาย มาตรา 1077 หมายถึง ห้างหุ้นส่วนจากัดก็มีลักษณะเป็นสัญญาซึ่งบุคคลต้ังแต่สองคนข้ึนไปตกลงเข้ากันเพื่อ กระทากจิ การรว่ มกันดว้ ยประสงค์จะแบ่งปันกาไรอนั จะพึงได้แต่กิจการที่ทานัน้ โดยห้างหุ้นสว่ นจากดั จะประกอบดว้ ยผเู้ ป็น หุ้นสว่ น 2 จาพวก ได้แก่ (1) ห้นุ สว่ นจาพวกจากัดความรบั ผิด และ (2) ห้นุ ส่วนจาพวกไมจ่ ากัดความรับผิด คาว่า “หุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิด” หมายถึง หุ้นส่วนที่รับผิดเพียงไม่เกินจานวนเงินท่ีตนได้ลงหุ้นในห้าง หนุ้ สว่ น คาวา่ “หุน้ สว่ นไมจ่ ากดั ความรบั ผดิ ” หมายถงึ หนุ้ ส่วนที่ยอมรับผดิ ในมูลหนขี้ องหา้ งห้นุ สว่ นอย่างไมจ่ ากัดจานวน มาตรา 1078 อันห้างหุ้นส่วนจากัดนน้ั ท่านบงั คบั วา่ ตอ้ งจดทะเบียน การลงทะเบยี นนัน้ ต้องมีรายการดังตอ่ ไปนี้ คอื (1) ชอื่ ห้างหุ้นส่วน (2) ขอ้ แถลงความวา่ เป็นห้างห้นุ ส่วนจากัด และวตั ถทุ ่ปี ระสงค์ของหา้ งหนุ้ สว่ นน้ัน (3) ทีต่ ้งั สานกั งานแหง่ ใหญแ่ ละสานกั งานสาขาทัง้ ปวง (4) ชอ่ื ยหี่ ้อ สานกั และอาชวี ะของผ้เู ป็นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรับผดิ และจานวนเงนิ ซึง่ เขาเหลา่ นั้นได้ลงหุ้น ด้วยในหา้ งหุน้ สว่ น (5) ช่ือ ย่หี ้อ สานัก และอาชวี ะของผู้เปน็ ห้นุ สว่ นจาพวกไม่จากดั ความรับผิด (6) ชอ่ื หุ้นส่วนผู้จัดการ (7) ถา้ มขี ้อจากัดอานาจหนุ้ ส่วนผจู้ ดั การอนั จะผกู พันห้างหุน้ ส่วนนนั้ ประการใดใหล้ งไวด้ ว้ ย ข้อความซง่ึ ลงทะเบียนนั้น จะลงรายการอน่ื ๆ อกี อันคู่สญั ญาเหน็ สมควรจะให้ประชาชนทราบดว้ ยก็ได้ การลงทะเบียนนน้ั ต้องลงลายมือช่ือของผู้เปน็ หุน้ สว่ นทกุ คน และต้องประทบั ตราของห้างหุ้นสว่ นน้นั ดว้ ย ให้พนกั งานทะเบียนทาใบสาคัญแสดงการจดทะเบยี นส่งมอบให้แกห่ ้างหุ้นสว่ นน้นั ฉบบั หน่ึง อธบิ าย มาตรา 1078 หมายถึง การจัดต้ังห้างหุ้นส่วนจากัดนั้นกฎหมายบัญญัติให้ต้องไปดาเนินการจดทะเบียน และใน ทะเบียนรายการจดตง้ั ห้างห้นุ ส่วนตงั้ มีรายการทีก่ ฎหมายบัญญตั ิไวค้ รบถ้วนตามมาตรา 1078 (1) ถึง (7) สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

25 มาตรา 1078 (2) ท่ีว่า “ข้อแถลงความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจากัด และวัตถุท่ีประสงค์ของห้างหุ้นส่วนนั้น” หมายถึง รายละเอียดเก่ียวกับสิทธิและหน้าท่ีของห้างหุ้นส่วนจากัด และวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนจากัด ทั้งนี้ จะไม่นา เรื่องธรรมดาในทางการค้าปกติของห้างหุ้นส่วนสามัญมาปรับใช้ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการกระทาท่ีนอกกรอบ วัตถปุ ระสงคข์ องหา้ งหุ้นส่วนจากัด แตเ่ มือ่ หา้ งหุน้ สว่ นจากัดเขา้ ถอื เอาประโยชน์แห่งการกระทาน้ัน หา้ งห้นุ ส่วนจากดั กต็ อ้ ง รับผดิ ในการกระทานัน้ ๆ ดว้ ย ทงั้ น้ี การเขา้ ถอื เอาประโยชน์ไมอ่ าจเรียกได้วา่ การใหส้ ตั ยาบัน มาตรา 1078/1 หุน้ ส่วนผู้จดั การคนใดจะลาออกจากตาแหน่ง ให้ยนื่ ใบลาออกตอ่ หุ้นส่วนผ้จู ัดการคนหนง่ึ คนใด การลาออกมีผลนบั แต่วันที่ใบลาออกไปถงึ หุน้ สว่ นผูจ้ ัดการอนื่ นนั้ ในกรณีทหี่ า้ งหนุ้ สว่ นจากัดมีหนุ้ สว่ นผ้จู ดั การคนเดียว ใหห้ นุ้ ส่วนผูจ้ ัดการทจี่ ะลาออกจากตาแหน่งแจ้งเป็นหนงั สือ ใหผ้ ้เู ปน็ หนุ้ สว่ นคนหนึ่งคนใดทราบเพ่ือนดั ประชุมและพิจารณาต้งั หุ้นส่วนผจู้ ดั การคนใหม่ พร้อมกับแนบใบลาออกไปด้วย การลาออกมผี ลนบั แตว่ ันทีใ่ บลาออกไปถงึ ห้นุ ส่วนผนู้ นั้ หุน้ สว่ นผ้จู ัดการซ่ึงลาออกตามวรรคหนง่ึ หรอื วรรคสอง จะแจ้งการลาออกของตนให้นายทะเบยี นทราบด้วยกไ็ ด้ อธิบาย มาตรา 1078/1 มีข้อกฎหมายที่ควรจดจาคือ การลาออกของหุ้นส่วนผู้จัดการคนใดในห้างหุน้ ส่วนสามัญที่ได้จด ทะเบียนไวแ้ ล้วสามารถกระทาได้โดยย่ืนใบลาออกต่อหนุ้ ส่วนผู้จัดการคนใดคนหน่ึงและให้การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลา ออกได้ไปถึงห้นุ ส่วนผจู้ ดั การอน่ื น้ัน (มาตรา 1078/1 วรรคหนึ่ง) หากกรณีหุ้นส่วนสามัญฯ นั้นมีหุ้นส่วนผู้จัดการเพียงคนเดียว ให้หุ้นส่วนผู้จัดการท่ีจะลาออกแจ้งเป็นหนังสือให้ หุน้ ส่วนคนใดคนหน่ึงรับรับทราบเพ่ือนัดประชุมและพิจารณาต้ังผู้จัดการคนใหม่ในหนงั สือนัดประชุมให้แนบใบลาออกด้วย และการลาออกใหม้ ผี ลนับแตว่ ันทใี่ บลาออกไปถึงหุ้นส่วนผูน้ ้นั (มาตรา 1078/1 วรรคสอง) มาตรา 1079 อันหา้ งห้นุ ส่วนจากัดนัน้ ถ้ายังมไิ ด้จดทะเบียนอยตู่ ราบใด ทา่ นใหถ้ ือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามญั ซงึ่ ผู้ เปน็ หนุ้ ส่วนทั้งหมดยอ่ มตอ้ งรบั ผดิ รว่ มกันในบรรดาหน้ขี องหา้ งหุ้นสว่ นโดยไม่มีจากดั จานวน จนกว่าจะไดจ้ ดทะเบยี น อธิบาย มาตรา 1079 หมายถึง แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนทาคนจะมีเจตนาเข้าหุ้นกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจากัด แต่ถ้าหากตราบใดท่ี ยังไม่ได้ดาเนินการจดทะเบียน กฎหมายก็ยังคงคือว่าเป็นการเข้าหุ้นกันเป็น “ห้างหุ้นส่วนสามัญ” จนกว่าจะได้ดาเนินการ จดทะเบยี น ฎ.992/2521 จาเลยที่ 2 ห้นุ ส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจาเลยที่ 1 ส่ังซอ้ื สินคา้ จากโจทก์ในนาม ของหา้ งหุ้นส่วนจาเลยที่ 1 โจทก์ส่งไปให้ตงั้ แต่ห้างหุ้นสว่ นจาเลยท่ี 1 ยงั มไิ ด้จดทะเบียนเป็นนติ ิบุคคล เมื่อขอ้ เทจ็ จรงิ ฟังได้ ว่าการตั้งห้างหุ้นส่วนจาเลยที่ 1 ได้เกิดข้ึนก่อนที่จะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1079 ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนจาเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญอยู่จนกว่าจะได้จดทะเบียนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนท้ังหมดต้องรับ ผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วน ดังน้ันจาเลยที่ 2 ผู้เป็นหนุ้ ส่วนจงึ ตอ้ งรับผิดในบรรดาหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจาเลย ที่ 1 อนั มอี ย่ตู อ่ โจทก์ก่อนทไี่ ดจ้ ดทะเบียน ขอ้ สงั เกต : เม่ือยังไม่ได้มีการจดทะเบียนก็ยังคงต้องรับผิดในลักษณะของห้างหุ้นส่วนสามัญ และข้อตกลงต้องรับผิด เพียงไม่เกินจานวนที่ตนรับจะลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนน้ันก็ไม่อาจหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้กับบุคคลภายนอกได้ เพราะถือว่า เปน็ ขอ้ ตกลงระหว่างผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นในห้างหนุ้ ส่วนสามัญไมอ่ าจนามาเป็นขอ้ ต่อสบู้ ุคคลภายนอกได้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

26 ข้อสาคญั : บรรดาหนี้สินหรือภาระผูกพันตามสัญญาต่างๆ ที่ได้กระทาข้ึนก่อนดาเนินการจดทะเบียนให้เป็นห้าง ห้นุ ส่วนจากัด จะโอนมาเป็นหน้ีสินของห้างหุ้นส่วนจากัดหรือไม่ให้พิจารณาจากวตั ถุประสงค์ของห้างหนุ้ ส่วนจากัดและห้าง หุ้นส่วนจากัดน้ันเข้าถือเอาประโยชน์จากสัญญาน้ันแล้วหรือไม่ หากเป็นสัญญาที่อยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วน จากดั และห้างหุ้นสว่ นจากดั นั้นได้เข้าถือเอาประโยชนแ์ ห่งสัญญาแลว้ กรณีเช่นน้ีห้างห้นุ สว่ นจากดั ตอ้ งรบั ผดิ ในมูลหนี้ของ สญั ญาดงั กล่าวดว้ ย (ฎ.368/2519, ฎ.6470/2548) ฎ.6470/2548 ก่อนจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจากัดจาเลยท่ี 1 จาเลยท่ี 2 และท่ี 3 ประกอบ กิจการค้าขายเฟอร์นิเจอร์ใช้ชื่อร้านว่า ส.เฟอร์นิเจอร์ และจาเลยที่ 2 ได้ส่ังซื้อเฟอร์นิเจอร์จากโจทก์ในชื่อ ส.เฟอร์นิเจอร์ เมื่อจดทะเบียนเป็นจาเลยที่ 1 แล้ว จาเลยที่ 2 ก็ยังคงส่ังซื้อเฟอร์นิเจอร์จากโจทก์ในชื่อ ส.เฟอร์นิเจอร์ อีก การท่ีโจทก์ส่ง สนิ คา้ ตามท่ีจาเลยที่ 2 ส่งั ในชอื่ ส.เฟอร์นเิ จอรก์ ่อนทจ่ี ะจดทะเบียนเปน็ จาเลยที่ 1 แต่เม่อื จดทะเบียนเป็นจาเลยที่ 1 แล้ว การซื้อสินค้าของจาเลยท่ี 2 ดังกล่าวก็อยู่ภายในขอบวัตถุประสงค์ของจาเลยท่ี 1 และจาเลยท่ี 1 ก็ได้เข้าไปถือเอา ประโยชน์ จากสนิ คา้ ทีโ่ จทกส์ ง่ ไปให้ดงั กล่าว จาเลยที่ 1 จงึ ตอ้ งร่วมรบั ผิดในหนที้ จี่ าเลยที่ 2 สงั่ ซ้อื สนิ ค้าจากโจทกด์ ว้ ย ฎ.368/2519 จาเลยที่ 3 ที่ 4 ได้ร่วมกับจาเลยที่ 2 ตั้งโรงงานแก้วขึ้นเพื่อผลิตขวดยาและ เคร่ืองแก้วออกจาหน่ายหากาไรในระหว่างท่ีโรงงานแห่งน้ียังมิได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจากัด จาเลยท่ี 2 ได้ซื้อสินค้าจาก โจทก์เพื่อนาไปใช้ในกิจการของโรงงานแล้วไม่ชาระราคาจาเลยที่ 3 ที่ 4 ต้องรับผิดหน้ีค่าซื้อสินค้าน้ันร่วมกับจาเลยที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1079 และต่อมาเมื่อโรงงานนนั้ ได้จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจากัดจาเลยที่ 1 จาเลยที่ 1 ก็ต้องร่วม รบั ผดิ ในหนร้ี ายนดี้ ้วย มาตรา 1080 บทบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญข้อใด ๆ หากมิได้ยกเว้นหรือแก้ไขเปล่ียนแปลงไปโดย บทบัญญัตแิ หง่ หมวด 3 นี้ ทา่ นใหน้ ามาใชบ้ ังคบั แก่ห้างห้นุ ส่วนจากัดด้วยถา้ ผูเ้ ป็นหนุ้ ส่วนจาพวกไมจ่ ากัดความรบั ผิดนน้ั มี อยหู่ ลายคนดว้ ยกนั ทา่ นใหใ้ ช้ บทบัญญัติสาหรับห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นวิธีบังคับในความเกี่ยวพันระหว่างคนเหล่านั้นเอง และความเก่ียวพัน ระหว่างผูเ้ ป็นห้นุ ส่วนเหลา่ นนั้ กบั หา้ งหนุ้ ส่วน อธิบาย 1. มาตรา 1080 หมายถึง หากบัญญัติในห้างหุ้นส่วนจากัดเรื่องใดไม่ได้บัญญัติไว้เป็นกรณีเฉพาะก็ให้นา บทบัญญัติในเร่ืองของห้างหนุ้ สว่ นสามญั มาใช้บงั คับ 2 กรณีทน่ี าบทบญั ญัตใิ หเ้ รื่องของหา้ งห้นุ สว่ นสามัญที่น่าสนใจมาใช้กับหา้ งหุน้ สว่ นจากดั (1) หนุ้ ส่วนผจู้ ดั การมีอานาจจัดการงานของห้างหุน้ สว่ นได้ ม.1033 ถึง 1039 ประกอบม. 1080 (2) กรณีผู้เปน็ ห้นุ ส่วนมีสทิ ธไิ ต่ถามถึงการงานของห้างห้นุ ส่วน ม. 1037 (3) กรณีหุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิดจะโอนหุ้นของตนให้แก่บุคคลภายนอกต้องขอความยินยอมผู้เป็น หนุ้ สว่ นทกุ คน ม.1040 (4) หุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิดต้องรับผิดในหน้ีของห้างหุ้นส่วนจากัดอย่างไม่จากัดจานวนและหากมี หุ้นส่วนไม่จากัดความรับผดิ หลายคนทุกคนต้องรับผดิ ร่วมกนั อย่างลูกหน้รี ว่ ม ม.1025 (5) หุ้นส่วนไม่จากดั ความรับผิดต้องรบั ผิดในมูลหนีข้ องห้างหนุ้ ส่วนท่ีกอ่ ขึ้นก่อนวันท่ีเขา้ มาเป็นหุ้นส่วนไม่ จากดั ความรบั ผดิ ม.1052 (6) หุ้นส่วนผู้จัดการสามารถถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอกในบรรดาสิทธิซึ่งห้างหุ้นส่วนจากัดได้มา แมก้ จิ การนัน้ จะไม่ปรากฏช่อื ของตน ม.1065 สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

27 (7) เมื่อหุน้ ส่วนไม่จากดั ความรบั ผิดออกจากหา้ งหนุ้ ส่วนไปแลว้ ยงั คงตอ้ งรับผดิ ในหน้ีท่ีเกิดขึ้นก่อนตนออก จากห้างหุ้นส่วนเพียง 2 ปี ตาม ม.1068 แต่ท้ังนี้ สามารถต้องยกเว้นได้เพราะเป็นเรื่องของกาหนดเวลาความรับผิดมิใช่ เรอื่ งของอายคุ วาม 3. กรณีท่ีไมน่ าบทบญั ญัติใหเ้ ร่ืองของหา้ งหุน้ สว่ นสามัญทีน่ ่าสนใจมาใช้กับห้างหุ้นสว่ นจากดั (1) ไมส่ ามารถนา ม. 1036 มาใชก้ บั ห้างหนุ้ สว่ นจากดั ไมไ่ ด้ (2) ห้นุ สว่ นจาพวกจากัดความรบั ผิดจะลงหุน้ เป็นแรงงานไมไ่ ด้ต้องลงหนุ้ ด้วยเงนิ หรือทรัพยส์ ินเทา่ นน้ั (3) กรณีท่ีหุ้นส่วนที่จากดั ความรับผิดสอดเข้าจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ในบทบัญญัติของห้างหุ้นสว่ นจากัดมี ม. 1088 อยู่แล้วเป็นกรณเี ฉพาะ ดงั นั้นจึงไม่นามาตรา 1054 ของห้างหนุ้ สามัญมาปรับวนิ ิจฉยั อีก (4) การชาระบญั ชขี องหา้ งหนุ้ ส่วนจากดั มบี ญั ญตั ิไว้ใน หมวดที่ 5 จึงไม่นา ม.1061 ถงึ ม.1063 มาใช้บังคบั (5) ไมน่ ามาตรา 1054 มาใชก้ ับห้างห้นุ ส่วนจากัดในประเดน็ เก่ียวกบั ม.1081 และ ม.1082 มาตรา 1081 หา้ มมิให้เอาชื่อของผเู้ ป็นห้นุ สว่ นจาพวกจากดั ความรับผดิ มาเรียกขานระคนเปน็ ชื่อห้าง อธบิ าย มาตรา 1081 หมายถึง ห้างห้นุ สว่ นจากดั จะนาช่อื ของหุ้นสว่ นท่จี ากัดความรับผิดมาเป็นช่ือห้างห้นุ ส่วนไม่ได้ หาก ฝ่าฝืนผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนกับเป็นหุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับผิด (ตาม ม. 1082) อย่างไรก็ดี หากนาช่ือของบุคคลอ่ืนหรือบุคคลอ่ืนยอมให้นาช่ือตนมาเรียกขานระคนเป็นเชื่อห้างหุ้นส่วนจากัด เชน่ นี้ บุคคลภายนอกก็ไม่จาต้องรบั ผิดร่วมกนั กับห้างหนุ้ ส่วนจากดั เพราะหา้ งหุ้นส่วนจากดั ไม่นามาตรา 1054 มาใช้ มาตรา 1082 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดคนใดยินยอมโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยายให้ใช้ช่ือ ของตนระคนเปน็ ชอ่ื ห้างไซร้ ท่านว่าผู้เปน็ หนุ้ สว่ นคนน้ันจะต้องรบั ผิดตอ่ บคุ คลภายนอกเสมอื นดงั วา่ เปน็ หนุ้ สว่ นจาพวกไม่ จากัดความรบั ผดิ ฉะนน้ั แตใ่ นระหวา่ งผ้เู ป็นหุน้ สว่ นกนั เองนน้ั ความรับผดิ ของผูเ้ ป็นหุ้นส่วนเช่นนี้ ทา่ นใหค้ งบงั คับตามสัญญาห้นุ ส่วน อธิบาย มาตรา 1082 หมายถงึ ผลของการทเ่ี อาชื่อผู้เป็นห้นุ สว่ นจาพวกจากัดความรับผิดมาเป็นชื่อของห้างหุ้นส่วน หรือ ผู้เป็นหุ้นส่วนท่ีจากัดความรับผิดยอมให้ห้างหุ้นส่วนนาชื่อของตนเป็นช่อื ห้าง กรณีเช่นนี้ผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับ ผิดตอ้ งรับผดิ ตอ่ บคุ คลภายนอกเสมือนกบั เปน็ หุ้นสว่ นจาพวกไมจ่ ากดั ความรบั ผิด ฎ.1286/2532 คาว่า\"ช่ือ\" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1081 และ 1082 ย่อมหมายถึง ช่ือสกุลด้วย เมื่อจาเลยท่ี 4 ท่ี 5 ซ่ึงเป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดยอมให้ใช้ช่ือสกุลของตน ระคนเปน็ ชอื่ ห้าง จาเลยที่ 4 ท่ี 5 จงึ ต้องรับผดิ ตอ่ โจทก์ซง่ึ เปน็ บุคคลภายนอกเสมอื นเป็นหุ้นสว่ นจาพวกไมจ่ ากัดความรับผดิ **ฎ.1422/2536 คาว่า \"ชื่อ\" ในบทบัญญัติ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1081, 1082 หมายถึง ช่ือตัว ช่ือรอง หรือช่ือสกลุ อนั เป็นชื่อเต็มของผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดมิใช่ส่วนหน่ึง สว่ นใดของช่ือ หรือพยางคห์ น่ึงของชื่อ เว้นแต่เป็นที่ร้กู ันทั่วไปว่าช่ือบางส่วนหรือพยางค์หนึ่งของชื่อน้ันเป็นคาที่เรยี กขานเป็นช่ือ ของผเู้ ป็นหุน้ ส่วนดงั กลา่ ว จาเลยที่ 4 ซงึ่ เปน็ หุ้นส่วนจากัดความผดิ ของห้างจาเลยที่ 1มชี ่ือว่า \"วริ ิยะ\" เพยี งแตย่ อมให้ห้าง จาเลยที่ 1 ใช้คาว่า \"วิ\" มาระคนเป็นชื่อห้าง โดยไม่ต้องปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่า คาว่า \"วิ\" น้ันเป็นท่ีรู้กันทั่วไปว่า หมายถงึ ช่ือของจาเลยที่ 4 จึงยังไมต่ อ้ งด้วยบทบญั ญัติของกฎหมายดงั กล่าวจาเลยที่ 4 จงึ ไม่ตอ้ งร่วมกบั จาเลยอนื่ รับผิดตอ่ โจทก์ ฎ.2626/2548 จาเลยที่ 2 และที่ 3 (นางประไพ) เป็นสามีภริยากันและเป็นหุ้นส่วนเพียง 2 คน ในห้างหุ้นส่วนจากัดจาเลยที่ 1 ได้ร่วมกันกู้เงินจากธนาคารมาก่อสร้างสถานีบริการน้ามันเช้ือเพลิงและเป็นทุนดาเนิน สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

28 กิจการของห้างจาเลยท่ี 1 มาแต่ต้น พฤติการณ์บ่งช้ีว่าจาเลยที่ 3 ยอมให้จาเลยท่ี 2 นาชื่อของตนไประคนเป็นเชื่อห้าง จาเลยที่ 1 แต่แรกเรม่ิ จัดตั้งห้างจาเลยที่ 1 แล้ว จาเลยที่ 3 จึงต้องรว่ มกับจาเลยที่ 1 และท่ี 2 รับผิดตอ่ โจทก์เสมือนหน่ึง เปน็ หนุ้ สว่ นประเภทไมจ่ ากัดความรับผดิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1082 ข้อสังเกต : ฎีกานหี้ า้ งหุ้นสว่ นจากดั จาเลยท่ี 1 มชี ือ่ ว่า “หา้ งหนุ้ สว่ นจากดั ไพประหยัดปิโตรเลียม” ขอ้ สงั เกต : การท่ีบุคคลภายนอกแสดงตนเองหรอื ยอมให้ห้างหุ้นส่วนจากัดนาชื่อตนเรยี กขานระคนเปน็ ช่ือหา้ งหุ้นส่วน จากัดนั้น ก็ไม่มีผลทาให้ผู้น้ันกลายเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจากัด และไม่มีผลให้บุคคลนั้นต้องรับผิดในมูลหน้ีที่เกิดขึ้น ท้งั น้ี เพราะเมือ่ ห้างหุ้นส่วนจากัดไดม้ ีการจดทะเบียนไว้แล้ว ประชาชนโดยทั่วไปยอ่ มสามารถตรวจสอบไดว้ ่าบุคคลใดเป็นผู้ ถอื หุ้นในหา้ งห้นุ สว่ นจากัด และหา้ งหนุ้ สว่ นจากัดจะไมน่ าหลกั ในมาตรา 1054 มาใชโ้ ดยอนโุ ลม ฎ.4537/2551 จาเลยท่ี 1 เป็นห้างหุ้นส่วนจากัดมใิ ช่เป็นหา้ งหุน้ สว่ นสามัญ ดังนั้น แมจ้ ะฟงั ว่า จาเลยท่ี 4 เขา้ ไปดาเนินกิจการของห้างจาเลยที่ 1 ก็หามีผลให้จาเลยที่ 4 กลายเป็นหนุ้ สว่ นของจาเลยท่ี 1 และต้องรับผิด ในหนี้ของจาเลยท่ี 1 ด้วย และแม้จาเลยท่ี 4 จะยินยอมโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายให้ใช้ช่ือของตนระคนกับช่ือของห้าง จาเลยท่ี 1 ก็หาต้องรบั ผิดตอ่ โจทกเ์ สมอื นเป็นหุน้ ส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1054 ประกอบมาตรา 1080 ไม่ ฎ.2626/2548 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1025 หา้ งหนุ้ ส่วนสามญั คือหา้ งห้นุ ส่วนประเภทซึ่งผู้เป็น หุ้นส่วน ทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพ่ือหนี้ท้ังปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจากัด ดังน้ัน บุคคลใดแสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วน ป.พ.พ. มาตรา 1054 จึงบัญญัติให้รับผิดต่อบุคคลภายนอกในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญเสมือนเป็นหุ้นส่วนคือต้องรับผิด โดยไม่จากัดจานวนหนี้ ส่วนห้างหุ้นส่วนจากัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1077 คือห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนสอง ประเภท คือ ผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดและจาพวกไม่จากัดความรับผิด ซึ่งมีความรับผิดไม่เท่ากันจึงไม่อาจ นาเอามาตรา 1054 มาใช้บังคับกับห้างหุ้นส่วนจากัดได้ เพราะไม่อาจกาหนดได้ว่าจะต้องรับผิดเสมือนเป็นหุ้นส่วน ประเภทใด จึงได้บัญญัติแก้ไขเปล่ียนแปลงเพื่อบังคับใช้กับผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดไว้โดยเฉพาะในมาตรา 1082 โดยใหผ้ ้เู ปน็ หุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรับผิดที่ยินยอมโดยแสดงออกชดั หรอื โดยปริยายให้ใช้ช่ือของตนระคนเป็นช่ือ หา้ งรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมอื นเปน็ หุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับผดิ เม่ือจาเลยท่ี 4 (นางประหยัด) ไม่ใช่หุ้นสว่ นของ จาเลยที่ 1 แม้จะยินยอมโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายให้ใช้ชื่อของตนระคนเป็นช่ือห้าง จาเลยท่ี 1 ก็หาต้องรับผิดต่อโจทก์ เสมอื นเป็นห้นุ ส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1054 ประกอบมาตรา 1080 ไม่ ขอ้ สังเกต : ฎีกาน้ีจาเลยท่ี 1 คือ “หา้ งหนุ้ ส่วนจากดั ไพประหยดั ปิโตรเลยี ม” จาเลยที่ 4 คือ นาง ประหยัดฯ ได้ยอมใหห้ ้างห้นุ สว่ นใชช้ ื่อตนระคนเปน็ ช่อื ห้างของจาเลยที่ 1 มาตรา 1083 การลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดน้ัน ท่านว่าต้องให้ลงเป็นเงินหรือทรัพย์สิน อยา่ งอืน่ ๆ อธบิ าย มาตรา 1083 หมายถึง ผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทจากัดความรับผิด สิ่งที่นามาลงเป็นหุ้นจะต้องเป็น “เงิน” หรือ “ทรัพย์สิน” เท่าน้ัน ผู้เป็นหุ้นส่วนจากัดความรับผิดไม่อาจนาแรงงานมาลงเป็นหุ้นได้ ทั้งนี้ แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่ จากัดความรับผิดสามารถนาแรงงานมาลงเปน็ หนุ้ ได้ มาตรา 1084 ห้ามมิใหแ้ บง่ เงนิ ปนั ผลหรอื ดอกเบ้ยี ใหแ้ กผ่ เู้ ปน็ หนุ้ สว่ นจาพวกจากดั ความรบั ผิด นอจากผลกาไรซึ่ง ห้างหุ้นสว่ นทามาคา้ ได้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

29 ถ้าทุนของห้างหุ้นส่วนลดน้อยลงไปเพราะค้าขายขาดทุน ท่านห้ามมิให้แบ่งเงินปันผลหรือดอกเบ้ียให้แก่ผู้เป็น หุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผดิ จนกว่าทุนซง่ึ ขาดไปนน้ั จะได้คืนมาเต็มจานวนเดิม แตถ่ า้ ผู้เป็นหุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรับผดิ คนใดไดร้ บั เงนิ ปันผลหรือดอกเบ้ยี ไปแล้วโดยสจุ ริต ทา่ นวา่ หาอาจจะ บังคบั ใหเ้ ขาคนื เงินนนั้ ได้ไม่ อธิบาย มาตรา 1084 หมายถงึ เงินหรอื ดอกเบีย้ ท่ีนามาปันผลใหแ้ ก่ผู้เปน็ หุ้นส่วนจาพวกจากดั ความรบั ผดิ นั้นต้องจาเงนิ ที่ ได้มาจากผลกาไรของการประกอบกิจการของห้างเท่านั้น หากห้างหุ้นส่วนจากัดขาดทุนห้ามไม่ให้มีการปันผล และถ้าเป็น การขาดทุนสะสมกต็ อ้ งได้กาไรจนกว่าทุนท่ขี าดสะสมนน้ั จะได้คนื มาเต็มจาเลย อย่างไรก็ตาม หากมีการฝ่าฝืนและปันผลไปแล้วถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจากัดจากัดความรับผิดคนใดได้รับเงินปันผลไป แลว้ โดยสจุ ริต ผูเ้ ป็นหนุ้ สว่ นจาพวกจากัดความรับผิดรายนนั้ ก็ไมต่ อ้ งคนื เงินให้แกห่ า้ งห้นุ สว่ นจากัด มาตรา 1087 อันห้างหุ้นส่วนจากัดน้ัน ทา่ นว่าต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรบั ผิดเท่าน้ัน เป็นผู้จดั การ อธบิ าย มาตรา 1087 หมายถึง บุคคลที่จะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจากัดได้ บุคลน้ันต้องเป็นหุ้นส่วนจาพวก ไม่จากัดความรบั ผิดเท่าน้นั จะใหผ้ เู้ ปน็ หุ้นสว่ นจาพวกจากดั ความรับผิดมาเป็นหนุ้ สว่ นผู้จดั การไมไ่ ด้ มาตรา 1088 ถา้ ผเู้ ป็นหนุ้ สว่ นจาพวกจากัดความรบั ผดิ ผใู้ ดสอดเขา้ ไปเก่ียวขอ้ งจดั การงานของห้างหุน้ ส่วน ท่าน ว่าผนู้ ้นั จะตอ้ งรับผิดร่วมกันในบรรดาหนีท้ งั้ หลายของห้างหุ้นส่วนนน้ั โดยไมจ่ ากัดจานวน แตก่ ารออกความเหน็ และแนะนากด็ ี ออกเสียงเป็นคะแนนนบั ในการตงั้ และถอดถอนผู้จดั การตามกรณีท่มี บี ังคบั ไว้ ในสัญญาหนุ้ สว่ นน้ันกด็ ี ท่านหานบั วา่ เป็นการสอดเข้าไปเก่ยี วข้องจดั การงานของห้างหุ้นส่วนนน้ั ไม่ อธบิ าย 1. มาตรา 1088 วรรคหนึ่ง หมายถึง กรณีท่ีผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดได้เข้าจัดการกิจการของห้าง หุ้นส่วนจากัดอย่างบุคคลผูเ้ ปน็ หุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับผิด กรณีเช่นน้ผี ู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดต้องรับ ผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังหุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับผิด เช่น การสั่งจ่ายเช็คชาระหน้ีของห้างหุ้นส่วนจากัด การ ลงลายมือช่ือในส่งั สนิ คา้ หรือลงลายมือชือ่ ในใบชนส่งสินคา้ ในนามของห้าง หรอื การทาหนงั สอื รบั สภาพหนีข้ องหา้ ง เป็นต้น ฎ.2600/2545 จาเลยที่ 2 ซึง่ เป็นหุ้นส่วนผจู้ ัดการต้องรับผิดร่วมกับห้างหุ้นส่วนจากัดจาเลยที่ 1 ส่วนจาเลยท่ี 3 ซ่ึงเป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดแต่เป็นผู้ติดต่อส่งสินค้าไปยังต่างประเทศและได้รับมอบอานาจ จากจาเลยที่ 1 ให้สั่งจ่ายเช็คได้ทั้งจาเลยท่ี 3 ยังได้ทาบันทึกความเข้าใจ พร้อมประทับตราสาคัญของจาเลยท่ี 1ด้วย โดย ทาในนามของจาเลยท่ี 1 ถือได้ว่าจาเลยท่ี 3 ซ่ึงเป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดสอดเข้าไปเก่ียวข้องจัดการงานของ จาเลยที่ 1 จาเลยที่ 3จงึ ต้องรับผิดรว่ มกบั จาเลยที่ 1 และท่ี 2 ต่อโจทกโ์ ดยไมจ่ ากัดจานวนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1088 วรรคหนง่ึ ฎ.537/2540 โจทก์ซ้ือสินค้าจากจาเลยที่ 1 เป็นเงิน 3,164,684 บาทแต่ในการชาระราคา เม่ือ โจทกท์ ราบวา่ สายไฟฟ้าท่ีซื้อจากจาเลยที่ 1 มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐานจึงสั่งอายัดเชค็ จานวน 350,000 บาท และโจทก์ยัง ค้างชาระราคาสินค้าจานวน 350,000 บาท ดังนั้น จึงต้องนาเงินจานวนดังกล่าวมาหักออกจากราคาสินค้าท้ังหมดก่อน คงเหลอื ราคาสินค้าท่ีจาเลยที่ 1 ตอ้ งคืนแก่โจทก์จานวน2,814,684 บาท จาเลยท่ี 3 ซ่ึงเปน็ ห้นุ ส่วนจาพวกจากดั ความรับ ผดิ แต่ในการเจรจาติดต่อนาสินค้าไปคนื แกจ่ าเลยที่ 1 รวมทง้ั การทวงถามค่าสินคา้ คนื จากจาเลยท่ี 1โจทก์ได้ตดิ ต่อโดยตรง สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

30 กับจาเลยท่ี 3 ถอื ได้ว่าจาเลยที่ 3 ได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของจาเลยท่ี 1 จาเลยที่ 3 จงึ ต้องรับผิดร่วมกับจาเลย ท่ี 1 ชาระเงนิ จานวนดังกลา่ วแก่โจทก์ ข้อสังเกต : (1) มาตรา 1088 เป็นเร่ืองความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ดังนั้น แม้หุ้นส่วนผู้จัดการจะอนุญาตให้หุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับผิดเข้าสอดไปจัดการกิจการของห้างหุ้นส่วน ผู้เป็น หนุ้ ส่วนจาพวกจากัดความรบั ผิดจะอ้างการตกลงระหว่างหนุ้ ส่วนผู้จดั การหรือระหวา่ งหุ้นสว่ นด้วยกันให้พ้นจากความรับผิด ทีม่ ีตอ่ บคุ คลภายนอกไม่ได้ (ฎ.2600/2545) ฎ.2600/2545 จาเลยท่ี 2 ซง่ึ เป็นหนุ้ ส่วนผู้จดั การตอ้ งรับผิดร่วมกับหา้ งห้นุ สว่ นจากัดจาเลยท่ี 1 ส่วนจาเลยท่ี 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดแต่เป็นผู้ติดต่อส่งสินค้าไปยังต่างประเทศและได้รับมอบอานาจ จากจาเลยท่ี 1 ให้ส่ังจ่ายเช็คได้ทั้งจาเลยที่ 3 ยังได้ทาบันทึกความเข้าใจ พร้อมประทับตราสาคัญของจาเลยท่ี 1ด้วย โดย ทาในนามของจาเลยท่ี 1 ถือได้ว่าจาเลยที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของ จาเลยที่ 1 จาเลยท่ี 3จึงต้องรับผิดร่วมกับจาเลยที่ 1 และท่ี 2 ต่อโจทกโ์ ดยไม่จากดั จานวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณชิ ย์ มาตรา 1088 วรรคหนึ่ง (2) การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดสอดเข้าไปเก่ียวข้องจัดการกิจการของห้างหุ้นส่วนจากัด ถือว่าเป็นการกระทาโดยปราศจากอานาจ ถ้าผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจากัดไม่ให้สัตยาบันแก่การกระทาดังกล่าว เช่นน้ีผู้ เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวและการสอดเข้าเกี่ยวข้องจัดการดังกล่าวไม่มีผลผูกพันห้าง หนุ้ ส่วนจากัด แต่ถา้ ผจู้ ัดการของหา้ งหุ้นส่วนให้สตั ยาบันกรณเี ช่นน้ีห้างหุ้นส่วนจากัดตอ้ งรับผดิ ตอ่ บุคคลภายนอกและผู้เป็น หุ้นสว่ นจาพวกจากัดความรบั ผิดต้องรับผดิ ตอ่ บุคคลภายนอกเสมือนเป็นหุ้นสว่ นจาพวกไม่จากัดความรบั ผดิ 2. มาตรา 1088 วรรคสอง หมายถึง การออกความเห็นและแนะนา หรือการออกเสียงเป็นคะแนนนับในการตั้ง และถอดถอดผจู้ ัดการห้างหุ้นส่วน หากในสญั ญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจากัดมจี ดแจง้ ไวว้ ่าให้กระทาได้เช่นน้ีจะไม่ถือว่าเป็นการ สอดเขา้ ไปเกี่ยวข้องจดั การงานของหา้ งหุ้นสว่ น แต่ถ้าในข้อสัญญาไมม่ ีเขียนไวว้ ่าใหผ้ ู้เป็นหนุ้ ส่วนจาพวกจากัดความรบั ผิด กระทาได้ย่อมต้องถอื วา่ เป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของหา้ งหุน้ สว่ นจากดั 3. การถอดถอนผจู้ ัดการห้างหุ้นส่วนจากดั กฎหมายลกั ษณะหา้ งหุ้นส่วนจากัดไม่ได้มบี ัญญตั ิไวเ้ ป็นการเฉพาะ ดงั นี้ จึงต้องนาบทบัญญัติในส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญมาตรา 1036 มาใช้บังคับ จึงมีประเด็นที่น่าสนใจว่า ในการถอดถอน ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจากัด ผู้เป็นหุ้นส่วนใดบ้างจะมีสิทธิถอดถอน โดยเมื่อพิจารณามาตรา 1036 และกฎหมายลักษณะ ห้างหุ้นส่วนจากัดแล้วเห็นว่า บุคคลที่จะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในห้างหุ้นส่วนจากัดได้จะต้องเป็น “หุ้นส่วนไม่จากัดความรับ ผิด” เท่านั้น และผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิดจะต้องรับผิดในมูลหนี้ของห้างหุ้นส่วนจากัดอย่างไม่จากัดจานวน เช่นเดียวกับห้าง ส่วนหุ้นส่วนจากัดความรับผิดกฎหมายห้ามมิให้เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจากัด และความรับผิดคงมีเพียง เท่าท่ีตนยังไม่ส่งเงินใช้ค่าหุ้น อีกท้ังเจ้าหน้ีก็ไม่อาจฟ้องร้องบังคับเอากับหุ้นส่วนจากัดความรับผิดได้หากห้างหุ้นส่วนจากัด ยังไม่เลิกกัน ดังน้ี หุ้นส่วนผู้มีสิทธิออกเสียถอดถอนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจากัดย่อมต้องให้ หุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับ ผิดเท่านั้นทีจ่ ะมสี ิทธิออกเสยี งถอดถอน (ฎ.3051/2529) ฎ.3051/2529 ป.พ.พ. หมวดว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจากัดหาได้บัญญัติถึงการถอดถอน หุ้นส่วน ผจู้ ัดการไม่ จึงตอ้ งนามาตรา 1036 ในบทบญั ญัติวา่ ด้วยห้างห้นุ ส่วนสามญั มาใชบ้ ังคบั แตจ่ ะต้องใหผ้ เู้ ปน็ หนุ้ สว่ นจาพวกไม่ จากัดความรับผิดน้ันเองเป็นผู้ถอดถอน จะให้ผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดซึ่งไม่มีสิทธิมีส่วนในการจัดการเข้ามา ถอดถอน ผจู้ ดั การซง่ึ ต้ังโดยผเู้ ปน็ หุ้นส่วนจาพวกไมจ่ ากัดความรับผดิ หาได้ไม่ เว้นแต่จะไดม้ กี ารตกลงกนั ไวเ้ ป็นอย่างอ่นื . สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

31 4. คาพิพากษาท่นี ่าสนใจทีศ่ าลฎีกาวนิ ิจฉัยวา่ ไมถ่ อื วา่ เปน็ การสอดเข้าไปเกยี่ วข้องจดั การงาน ฎ.830/2534 ข้อพิพาทตามสิทธิเรียกร้องท่ีทาสัญญาประนีประนอมยอมความกันเป็นเรื่อง ระหว่างโจทก์กับห้างจาเลยท่ี 1 ซ่ึงมีจาเลยท่ี 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการกระทาการแทนห้างจาเลยท่ี 1 และไม่มีข้อจากัด อานาจของหุ้นส่วนผู้จัดการไว้ จาเลยที่ 2 จึงลงลายมือช่ือเป็นคู่สัญญาแทนจาเลยท่ี 1 ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งประทับตราหา้ งจาเลยที่ 1 จาเลยท่ี 3 เปน็ แตเ่ พยี งผอู้ อกเชค็ ชาระหนขี้ องห้างจาเลยที่ 1 ให้แก่โจทกค์ วามรับ ผดิ ของจาเลยท่ี 3 เปน็ ความรบั ผดิ ตามเชค็ ในฐานะผสู้ งั่ จา่ ยตามสญั ญาประนีประนอมยอมความ จาเลยที่ 3 หาได้แสดงตน ว่าเป็นหุน้ ส่วนในห้างจาเลยท่ี 1 ไม่ แม้จาเลยท่ี 3 จะเปน็ ภริยาของจาเลยท่ี 2 และได้ลงลายมือช่ือทางด้านห้างจาเลยที่ 1 ไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งมีข้อความระบุว่า \"การชาระหน้ีจาเลยที่ 1 ได้ชาระด้วยเช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยจาเลยที่ 3\" ก็ถือไม่ได้ว่าจาเลยท่ี 3 แสดงตนเป็นหุ้นส่วนของห้างจาเลยที่ 1 จาเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประนีประนอม ยอมความดว้ ย ฎ.2510/2526 หุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจากัด แม้จะสอดเข้าไป เกย่ี วข้องจดั การงานของห้างหุ้นสว่ น กไ็ ม่ต้องรบั ผดิ ในหนเ้ี ก่ียวกบั การจ้างแรงงานของลูกจ้างห้างหุ้นส่วนเพราะหนด้ี ังกลา่ ว เปน็ หน้ีที่นายจ้างต้องรับผิดต่อลูกจ้าง หุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผิดไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจา้ ง จึงไม่ ต้องรบั ผิด บทบัญญตั ิแห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 1088 เป็นกรณีท่ีผู้เป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับ ผิดทาผิดหน้าท่ี ซง่ึ ต้องรบั ผิดในหน้ีอันเกี่ยวกับกจิ การท่ีสอดเขา้ ไปเก่ยี วข้องต่อบคุ คลภายนอก มิใช่ต้องรับผดิ ในหน้ีอันเกิด จากความสมั พันธใ์ นฐานะนายจ้างและลูกจ้าง มาตรา 1089 ผ้เู ปน็ หนุ้ สว่ นจาพวกจากดั ความรบั ผดิ นั้น จะตัง้ ใหเ้ ปน็ ผูช้ าระบัญชีของห้างหุน้ ส่วนก็ได้ มาตรา 1090 ผเู้ ปน็ หนุ้ สว่ นจาพวกจากดั ความรับผดิ จะประกอบการค้าขายอย่างใด ๆ เพอ่ื ประโยชน์ตนหรอื เพ่ือ ประโยชน์บุคคลภายนอกกไ็ ด้ แมว้ ่าการงานเชน่ นัน้ จะมสี ภาพเป็นอยา่ งเดียวกันกบั การคา้ ขายของหา้ งหนุ้ ส่วนก็ไม่ห้าม มาตรา 1091 ผ้เู ป็นหนุ้ ส่วนจาพวกจากัดความรบั ผิดจะโอนหุ้นของตนปราศจากความยินยอมของผเู้ ปน็ หุ้นสว่ น อน่ื ๆ ก็โอนได้ มาตรา 1092 การท่ผี ู้เป็นหุน้ ส่วนจาพวกจากัดความรบั ผดิ ตายก็ดี ล้มละลายหรอื ตกเป็นคนไร้ความสามารถก็ดี หาเปน็ เหตุให้ห้างหนุ้ สว่ นจากัดต้องเลิกกันไม่ เวน้ แต่จะได้มขี อ้ สญั ญากันไว้เปน็ อยา่ งอื่น มาตรา 1095 ตราบใดห้างหุ้นส่วนจากัดยังมิได้เลิกกัน ตราบน้ันเจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็น หุ้นส่วนจาพวกจากดั ความรบั ผดิ ได้ แตเ่ ม่อื ห้างหนุ้ ส่วนนั้นไดเ้ ลกิ กันแล้ว เจ้าหน้ีของหา้ งมีสิทธิฟ้องรอ้ งผ้เู ป็นหุ้นส่วนจาพวกจากัดความรับผดิ ได้เพยี ง จานวนดังน้ี คือ (1) จานวนลงห้นุ ของผ้เู ป็นหุ้นส่วนเท่าที่ยังค้างสง่ แกห่ า้ งหนุ้ ส่วน (2) จานวนลงหุ้นเท่าท่ผี ู้เปน็ หนุ้ สว่ นได้ถอนไปจากสนิ ทรพั ยข์ องห้างหุ้นสว่ น (3) จานวนเงนิ ปันผลและดอกเบี้ยซง่ึ ผเู้ ปน็ หุ้นสว่ นไดร้ ับไปแลว้ โดยทุจริตและฝ่าฝืนต่อบทมาตรา 1084 อธบิ าย มาตรา 1095 วรรคหนง่ึ หมายถงึ บุคคลภายนอกจะฟ้องใหผ้ ู้เปน็ หนุ้ ส่วนจาพวกจากัดความรับผิดรบั ผดิ ในมูลหน้ี ของห้างได้ก็ต่อเมื่อ หา้ งน้นั ไดเ้ ลกิ กนั ไปแล้ว ตราบใดท่ีห้างยังไมเ่ ลิกบุคคลภายนอกกไ็ ม่อาจฟ้องผเู้ ป็นหุน้ ส่วนจาพวกจากัด สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

32 ความรบั ผดิ ได้ เว้นแตเ่ ป็นกรณีท่ีกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผดิ ต่อบุคคลภายนอกเสมือนเปน็ หุ้นส่วนจาพวกไม่จากัดความรับผดิ มาตรา 1095 วรรคสอง หมายถึง เม่ือห้างหุ้นส่วนจากัดได้เลิกกันแล้ว บุคคลภายนอกย่อมมีสิทธิฟ้องหุ้นส่วน จาพวกจากัดความรับผดิ ให้รับผิดในมูลหนี้ของห้างหุ้นส่วนจากัดได้ แต่ผูเ้ ป็นหนุ้ ส่วนจาพวกจากัดความรับผดิ รบั ผดิ แต่เพียง จานวนหุน้ ท่ีตนยงั ขาดส่ง จานวนหุ้นท่ีตนไดถ้ อนสิทธไิ ปจากทรพั ย์สินของห้างห้นุ ส่วน และจานวนเงินปันผลและดอกเบ้ยี ซึ่ง ผ้เู ปน็ หนุ้ ส่วนจาพวกจากัดความรบั ผิดไดร้ ับไปแล้วโดยทจุ ริตและฝ่าฝืนมาตรา 1084 (การปันผล) ----------------------------------------------------------- สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

33 กฎหมายลกั ษณะ บรษิ ทั ----------------- การต้งั บริษัท (การจดั ตงั้ บรษิ ทั ) มาตรา 1096 อนั ว่าบรษิ ทั จากดั นน้ั คือบริษทั ประเภทซง่ึ ต้ังขน้ึ ด้วยแบง่ ทุนเป็นหุ้นมมี ูลค่าเทา่ ๆ กนั โดยผูถ้ อื หุ้น ตา่ งรับผดิ จากัดเพียงไม่เกินจานวนเงินที่ตนยงั ส่งใช้ไมค่ รบมูลค่าของหุ้นทต่ี นถือ อธิบาย มาตรา 1096 คาว่า “บรษิ ัท” หมายถึง นิตบิ ุคลประเภทหน่ึงซ่ึงมีการต้ังขนึ้ ดว้ ยการแบง่ ทุนเป็นหุ้น โดยแต่ละหุ้น มีมูลคา่ เท่าๆ กันและผู้ถอื ห้นุ ตา่ งก็รบั ผิดจากดั เพียงไม่เกนิ จานวนเงนิ ตามมูลค่าห้นุ ท่ีตนเองยังชาระไม่ครบจานวนตามมูลค่า ของหนุ้ ทต่ี นเองถอื ขอ้ สงั เกต : ผู้ถือหุ้นในบริษัทจะรับผิดอย่างจานวนจากัดโดยต้องรับผิดเพียงเท่าที่ตนยังส่งค่าหุ้นใช้ไม่ครบตามมูลค่า ของหุ้นท่ีตนถืออยู่เทา่ นน้ั แต่สาหรับเรื่องรับเงินในการแบง่ ปันผลกาไรผถู้ ือหนุ้ รับเงินสว่ นแบง่ ปนั ผลอย่างไมจ่ ากัด มาตรา 1096 ทวิ (ยกเลิก) มาตรา 1097 บคุ คลใด ๆ ตง้ั แต่สามคนข้นึ ไปจะเริ่มก่อการและต้ังเป็นบรษิ ทั จากดั ก็ได้ โดยเข้าชอื่ กันทาหนงั สือ บรคิ ณห์สนธิ และกระทาการอย่างอ่ืนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายน้ี อธบิ าย มาตรา 1097 หมายถึง การจดั ตั้งบริษัทกฎหมายกาหนดให้ต้ังมีผู้ก่อการตงั้ เป็นบริษัทจากดั ตอ้ งมีบุคคลต้ังแต่สาม ข้ึนไปเขา้ ชอ่ื กนั ทาหนงั สอื บรคิ ณหส์ นธิ คาว่า “หนังสือบริคณห์สนธิ” หมายถึง ตราสารในการจัดต้ังนิติบุคคลซ่ึงจะกาหนดกรอบวัตถุประสงค์ของนิติ บคุ คลและรายละเอยี ดอน่ื ๆ ทสี่ าคัญดงั ทจี่ ะปรากฏอยใู่ นมาตรา 1098 มาตรา 1098 หนังสอื บรคิ ณหส์ นธนิ ัน้ ตอ้ งมีรายการดังตอ่ ไปน้ี คือ (1) ชอื่ บรษิ ัทอันคิดจะต้ังขึน้ ซง่ึ ต้องมีคาว่า “จากดั ” ไว้ปลายชอื่ นั้นด้วยเสมอไป (2) ทีส่ านกั งานของบริษทั ซง่ึ บอกทะเบยี นนั้นจะต้งั อยู่ ณ ทีใ่ ดในพระราชอาณาเขต (3) วตั ถทุ ป่ี ระสงคท์ ัง้ หลายของบรษิ ทั (4) ถ้อยคาสาแดงวา่ ความรบั ผิดของผถู้ ือหนุ้ จะมจี ากัด (5) จานวนทนุ เรอื นหนุ้ ซง่ึ บรษิ ัทคิดกาหนดจะจดทะเบยี นแบง่ ออกเปน็ ห้นุ มมี ูลค่ากาหนดหุ้นละเท่าไร (6) ชื่อ สานกั อาชวี ะ และลายมอื ชือ่ ของบรรดาผเู้ ริ่มกอ่ การ ทงั้ จานวนหนุ้ ซง่ึ ตา่ งคนต่างเขา้ ชื่อซ้อื ไวค้ นละเทา่ ใด อธิบาย มาตรา 1098 หมายถึง รายการในหนังสอื บรคิ ณห์สนธใิ นการจดั ต้งั บริษัท สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

34 คาว่า “ผู้เริ่มก่อการ” หมายถึง บุคคลใดๆ ตั้งแต่สามคนข้ึนไปเข้าร่วมกันจัดต้ังบริษัทตามมาตรา 1097 จะเป็น ผู้ดาเนินการประชุมตง้ั บรษิ ทั และดาเนินกจิ การทุกอยา่ งๆ เพ่อื ใหม้ กี ารจดั ต้ังบรษิ ัท ข้อสังเกต : กรณีบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปเข้าร่วมกันเพ่ือจัดต้ังบริษัท การเข้าร่วมกันของบุคคลเหล่าน้ีจะมีลักษณะ เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญอยู่ในตัว ตราบใดท่ียังไม่มีการจดทะเบียนความรับผิดของบุคคลเหล่าน้ันจะต้องนากฎหมายลักษณะ หา้ งหุ้นส่วนสามญั มาใชบ้ ังคบั ดงั นี้ บคุ คลทุกคนยอ่ มรับผิดร่วมกนั อยา่ งเจา้ หนีร้ ว่ ม มาตรา 1100 ผู้เรม่ิ กอ่ การทกุ คนต้องลงช่ือซอื้ หุ้นๆ หนึ่งเปน็ อย่างนอ้ ย อธิบาย มาตรา 1100 หมายถึง เมอ่ื ลักษณะของการจัดตง้ั บริษัทมีการแบ่งทุนเป็นหุ้นซ่งึ มีมูลค่าเท่าๆ กัน และผู้ถือหุ้นใน บริษัทรับผิดเพียงไม่เกินจานวนเงินท่ีตนยังส่งใช้ไม่ครบตามมูลค่าของหุ้นที่ตนเองถืออยู่ในบริษัท ดังนี้ มาตรา 1100 จึง บัญญัติใหผ้ ู้เร่ิมก่อการทกุ คนตอ้ งเข้าชื่อซอ้ื หุน้ ในบรษิ ัทท่ตี นเองจะกอ่ ตง้ั ดว้ ย มาตรา 1101 บุคคลซ่ึงเป็นกรรมการของบริษัทจากัดจะรับผิดโดยไม่จากัดก็ได้ ถ้ากรณีเปน็ เช่นนั้นไซร้ ท่านว่า ต้องจดแถลงความรับผดิ เชน่ น้ันลงไว้ในหนังสอื บรคิ ณหส์ นธดิ ว้ ย อันความรับผิดโดยไม่จากัดของผู้เป็นกรรมการนั้น ย่อมถึงท่ีสุดเม่ือล่วงเวลาสองปีนับแต่วันที่ตัวเขาออกจาก ตาแหนง่ กรรมการ อธิบาย 1. มาตรา 1101 หมายถึง เมื่อบริษัทเป็นนิติบุคคลการแสดงออกซ่ึงเจตนาของบริษัทจะต้องผ่านกรรมการของบริษัท เช่นน้ีกรรมการของบริษัทจะมีลักษณะเป็นเพียงตัวแทนเท่าน้ันหาจาต้องรับผิดในนิติสัมพันธ์ท่ีก่อขึ้นในนามส่วนตัวเหมือน อย่างห้างหุ้นส่วนจากัดหรือห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนไม่ ด้วยเหตุนี้เองการที่จะให้กรรมการของบริษัทต้องรับรับผิด อย่างไมจ่ ากดั ไปพร้อมกบั บรษิ ทั จึงต้องจดลงไวใ้ นหนงั สือบริคณหส์ นธิด้วยเพื่อให้บคุ คลทั่วไปทราบ (มาตรา 1101 วรรคหนึง่ ) 2. สาหรบั ความรับผิดของกรรมการอย่างไม่จากัดจานวนตามที่จดแจง้ ไว้ในหนังสือบรคิ ณห์สนธินั้น เมือ่ กรรมการผู้น้ัน ออกจากตาแหนง่ ไปแล้วให้ความรับผดิ มอี ยู่เพียงแค่สองปนี ับแต่วนั ท่ีออกจากตาแหนง่ กรรมการ (มาตรา 1101 วรรคสอง) 3. ถ้าในหนังสือบริคณห์สนธิมิได้มีข้อความกาหนดให้กรรมการต้องรับกันรับผิดโดยไม่จากัดจานวนในมูลหน้ีของ บริษัท เช่นนี้ การใดๆ ท่ีกรรมการกระทาภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ของบริษัท กรรมการก็ไม่ต้องร่วมรับผิดกับบริษัท โดย จะตอ้ งถอื วา่ กรรมการเป็นเพยี งตัวแทนบริษัทและบริษทั เป็นตวั การผตู้ ้องรบั ผิด ตามหลักตัวการและตวั แทน ข้อสังเกต : ระยะเวลาสองปีตามมาตรา 1101 วรรคสองนั้น เป็นเพียงกาหนดระยะเวลามิใช่อายุความดังน้ีสามารถ ตกลงยกเวน้ ได้ มาตรา 1102 หา้ มมใิ หช้ ี้ชวนประชาชนใหซ้ ้ือหนุ้ อธิบาย มาตรา 1102 หมายถงึ ในการจดั ตั้งบรษิ ทั กฎหมายหา้ มโดยเดด็ ขาดในการที่จะเชิญชวนบคุ คลทั่วไปมาซ้อื หุ้นในบรษิ ัท สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

35 มาตรา 1104 จานวนหุ้นท้งั หมดซง่ึ บรษิ ทั คิดจะจดทะเบยี นน้ัน ตอ้ งมีผเู้ ข้าชอ่ื ซือ้ หรอื ออกใหก้ นั เสรจ็ กอ่ นการจด ทะเบียนของบริษัท อธิบาย มาตรา 1104 หมายถงึ จานวนหนุ้ ท้ังหมดของบรษิ ัทท่ีจะนาไปจดทะเบยี นน้ัน ก่อนท่ีจะนาไปจดทะเบยี นไดต้ ้องมี บคุ คลมาเขา้ ช่อื ซ้ือหนุ้ จนครบแลว้ เสียก่อนเท่านั้น ท้ังน้ี ผู้เขา้ ชอื่ ซอื้ ห้นุ ในบริษัทไม่จาเป็นต้องชาระเงนิ ค่าหุ้นจนครบก่อนก็ได้ มาตรา 1105 อันหุ้นนน้ั ทา่ นหา้ มมใิ ห้ออกโดยราคาต่าไปกวา่ มูลค่าของห้นุ ท่ตี ้งั ไว้ การออกหุ้นโดยราคาสูงกว่ามูลค่าของหุ้นท่ีตั้งไว้น้ัน หากว่าหนังสือบริคณห์สนธิให้อานาจไว้ก็ให้ออกได้ และใน กรณเี ชน่ นั้น ต้องส่งใชจ้ านวนที่ลา้ มลู ค่าพรอ้ มกนั ไปกับการสง่ ใชเ้ งินคราวแรก อนงึ่ เงนิ ส่งใช้คา่ หุน้ คราวแรกนน้ั ต้องมใิ ห้นอ้ ยกว่ารอ้ ยละยส่ี บิ ห้าแหง่ มลู คา่ ของหุน้ ที่ตงั้ ไว้ อธิบาย 1. มาตรา 1105 หมายถึง การออกในบรษิ ัทและกาหนดมลู คา่ ของหุ้น กฎหมายบัญญัตหิ ้ามมิให้กาหนดมูลค่าหุ้น ตา่ กว่าราคาทตี่ งั้ ไว้ ท้งั นี้ มลู คา่ หุ้นๆ หนึ่งตอ้ งมีราคาไม่ต่ากว่าห้าบาทตอ่ หนง่ึ หุ้น เน่อื งจากมาตรา 1117 บัญญัตไิ ว้ อยา่ งไร ก็ตาม หากจะออกคา่ หุ้นเกินกวา่ ราคาทต่ี ง้ั ไว้ เช่นน้ีต้องมจี ดแจ้งไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิจงึ จะสามารถออกมลู ค่าหุ้นสูงกว่า ราคาท่ีต้ังไว้ได้ สาหรับการส่งเงินใช้ค่าหุ้นในคราวแรก กรรมการจะเรียกให้ส่งเงินค่าหุ้นทั้งหมดก็ได้ หรือหากไม่เรียกให้ส่ง ใช้ค่าหุ้นทั้งหมดในคราวแรกก็ให้ส่งอย่างน้อยไม่น้อยกว่าร้อยละย่ีสิบห้าแห่งมูลค่าของหุ้นท่ีต้ังไว้ และถ้ามีการออกหุ้นเกิน กวา่ มลู ค่าหุ้นที่ต้งั ไวก้ ใ็ หเ้ รยี กใหส้ ่งเงนิ ส่วนทีเ่ กนิ กว่ามลู คา่ หนุ้ ทตี่ ั้งไว้มาในการส่งเงนิ ใช้ค่าหนุ้ ในคราวแรก 2. มาตรา 1105 วรรคหน่ึง หมายถงึ บทบัญญตั ิทห่ี ้ามมิให้ออกราคาคา่ หุ้นตา่ กวา่ ราคาที่ตัง้ ไว้ 3. มาตรา 1105 วรรคสอง หมายถึง การออกมูลค่าหุ้นท่ีสูงเกินกว่าราคาที่ตั้งไว้ ซึ่งจะทาได้ก็ต่อเมื่อหนังสือ บริคณห์สนธิไดจ้ ดแจ้งให้อานาจไว้ให้ออกได้ ทง้ั นี้ หากมีการออกมูลค่าหุ้นส่งเกินกวา่ มูลค่าหุ้นท่ีตั้งไว้ ในการส่งเงนิ ใช้คา่ หุ้น ในคราวแรกก็ให้เรียกให้ส่งเงินค่าหุ้นในจานวนท่ีเกินกว่ามูลค่าหุ้นที่ต้ังไว้ท้ังหมดไปพร้อมกับการส่งใช้เงินในคราวแรก เช่น มูลค่าหุ้นที่ตัง้ ไว้ คือ 100 บาท แต่หนังสือบริคณห์สนธใิ ห้อานาจออกคา่ หนุ้ ได้สูงกวา่ ดงั นี้ จงึ ได้ออกหุ้นจานวน 150 บาท ดงั น้ี ในการส่งใช้เงนิ ค่าหุ้นในคราวแรกผเู้ ข้าชือ่ ซอื้ หุ้นจะต้องส่งเงนิ จานวน 50 บาท ที่ล้ามูลค่ามาพร้อมกันไปกนั กับการส่ง ใชเ้ งนิ คราวแรก 4. มาตรา 1105 วรรคสอง มไิ ดใ้ ชบ้ งั คบั แตเ่ ฉพาะเร่อื งการออกหนุ้ เพ่อื จดั ตั้งบริษทั เทา่ นั้น แต่ยังใช้ไปถงึ กรณีการ ออกหนุ้ ใหม่ด้วย (ฎ.607/2491) ฎ.607/2491 มาตรา 1105 นั้นใชบ้ ังคับตลอดถึงการออกห้นุ โดยเพิม่ ทุนของบริษัทด้วย ไม่ใช่ ให้สาหรับในการต้ังบริษัทใหม่เท่าน้ัน ฉะนั้นการที่บริษัทจะออกหุ้นในการเพิ่มทุนให้มีราคาสูงกว่ามูลค่าของหุ้นท่ีตั้งไว้ จะตอ้ งอาศัยหนงั สือบรคิ ณหส์ นธขิ องบรษิ ัทไดใ้ ห้อานาจไว้ จึงเป็นการถกู ต้องตามขอ้ บญั ญัตขิ องมาตรา 1105 วรรคสอง 5. มาตรา 1105 วรรคสาม หมายถึง การเรยี กเก็บค่าหุ้นในคร้ังแรก ต้องเรียกเก็บไม่นอ้ ยกว่าร้อยละย่ีสิบห้าแห่ง มูลค่าหุ้นท่ีต้ังไว้ สาหรับกรณีมีการออกมูลค่าหุ้นท่ีสูงกว่าราคามูลค่าหุ้นท่ีต้ังไว้กรณีเช่นนี้ต้องส่งใช้จานวนที่เกินมูลค่าหุ้น ทีต่ งั้ ไว้พร้อมกนั กับเงนิ ท่ีตอ้ งสง่ มาในคราวแรก 6. คาว่า “มลู ค่าหุน้ ท่ีตัง้ ไว้” หมายถงึ มูลค่าหนุ้ ทไ่ี ด้นาไปจดทะเบยี นตามทีป่ รากฏในหนังสอื บริคณหส์ นธิ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

36 ตัวอย่าง : บริษัทออกหุ้นมูลค่าจดทะเบียนหุ้นละ 100 บาท แต่นาออกขายหุ้นละ 150 บาท การเรียก เก็บค่าหุ้นในตอนแรกจะตอ้ งเรียกเก็บไม่น้อยกว่ารอ้ ยละย่ีสิบห้า เช่นน้ีกรรมการจะเรียกเก็บจากมูลค่าหุ้นท่ีจดทะเบียนคือ 25 บาท และส่วนทลี่ า้ มูลค่าซึ่งเท่ากับ 50 บาท ดงั น้ีจะต้องมีการเรยี กเก็บคา่ ห้นุ คราวแรกคอื หุ้นละ 75 บาท ขอ้ สังเกต : (1) หน้าที่ในการเรียกเก็บเงินค่าหุ้นในคราวแรก คือ หน้าทข่ี อง “กรรมการ” และเป็นการเรยี กเก็บเงนิ ค่า หุ้นตามมาตรา 1110 ดงั น้ี ผกู้ อ่ การจะเปน็ ผูเ้ รียกเก็บไม่ได้ หากเรียกเก็บกเ็ ป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย (2) แม้ท่ีประชุมจะมีมติพิเศษให้เรียกเก็บเงินต่ากว่าร้อยละย่ีสิบห้าหรือมีมติพิเศษไม่ให้เรียกเก็บส่วนท่ีล้า จากมูลค่าหนุ้ ทตี่ ัง้ ไวก้ ไ็ มอ่ าจกระทาไดเ้ พราะเป็นการกระทาทฝี่ า่ ฝนื กฎหมาย มาตรา 1106 การท่ีเข้าชอ่ื ซ้อื หนุ้ น้นั ย่อมผกู พันผเู้ ข้าชื่อโดยเงอ่ื นไขว่า ถ้าบริษทั ตง้ั ขึน้ แลว้ จะใชจ้ านวนเงินค่าหนุ้ น้นั ๆ ให้แกบ่ ริษัทตามหนงั สอื ช้ชี วนและข้อบังคบั ของบริษทั อธบิ าย มาตรา 1106 หมายถึง เม่ือบุคคลใดตกลงเข้าช่ือซื้อหุ้นในบริษัทแล้วถือว่าบุคคลน้ันยอมผูกพันต้องเองโดยมี เงื่อนไขวา่ หากบริษัทได้จดทะเบยี นตัดตง้ั ขึ้นเสรจ็ ส้นิ แลว้ บุคคลผเู้ ขา้ ชอ่ื ซ้ือหุ้นจะใชค้ า่ หุน้ น้นั ๆ จนครบใหแ้ กบ่ ริษทั ข้อสังเกต : มาตรา 1106 มีความเชื่อมโยงกบั มาตรา 1114 เพราะ เม่ือเข้าชื่อซื้อหุ้นแล้วก็จะต้องผกู พันว่าจะชาระ ค่าหุ้นที่ตนได้เข้าชื่อซ้ือจนครบแก่บริษัท ดังน้ี บุคคลท่ีเข้าช่ือซื้อหุ้นจะหยิบหยกเอาเรื่องการสาคัญผิด การถูกหลอกลวง หรือการถกู ล่อฉอ้ ฉลมาเปน็ เหตใุ ห้ไมช่ าระเงินค่าหุน้ ตามที่ตนเองเข้าช่ือซ้ือไม่ได้ (ตามความหมายของมาตรา 1114) มาตรา 1107 เมอ่ื ห้นุ ชนดิ ซ่งึ จะตอ้ งลงเงนิ นั้นได้มผี ู้เขา้ ชือ่ ซอ้ื หมดแล้ว ผเู้ รม่ิ ก่อการต้องนัดบรรดาผ้เู ขา้ ชอ่ื ซ้ือหุ้น มาประชุมกนั เปน็ การประชุมใหญโ่ ดยไม่ชักช้า ประชุมอันนใี้ ห้เรียกว่าประชมุ ตงั้ บริษทั อนงึ่ ให้ผเู้ รม่ิ กอ่ การสง่ รายงานการตง้ั บริษทั มคี ารบั รองของตนวา่ ถูกตอ้ ง และมขี ้อความทีเ่ ก่ียวแกก่ จิ การอนั จะพงึ กระทาในที่ประชุมตั้งบริษัททุก ๆ ข้อตาความในมาตราต่อไปนี้ไปยังผู้เข้าช่ือซื้อหุ้นทุกคนอย่างน้อยเจ็ดวันก่อนวันนัด ประชมุ เม่ือได้ส่งรายงานตั้งบริษัทแก่ผู้เข้าชื่อซ้ือหุ้นแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องจัดส่งสาเนารายงานอันมีคารับรองว่าถูกต้อง ตามทบี่ ังคบั ไว้ในมาตรานไี้ ปยงั นายทะเบียนบรษิ ัทโดยพลัน อนง่ึ ใหผ้ เู้ รมิ่ ก่อการจดั ให้มบี ญั ชแี ถลงรายช่ือ ฐานะ และสานกั ของผู้เข้าชอ่ื ซือ้ หนุ้ กับจานวนหุน้ ซ่ึงตา่ งคนไดล้ งชอ่ื ซอ้ื ไว้เพ่ือเสนอต่อที่ประชุมนัน้ ด้วย บทบัญญัติทั้งหลายแห่งมาตรา 1176, 1187, 1188, 1189, 1191, 1192 และ 1195 นั้น ท่านให้ นามาใช้บังคับแกก่ ารประชมุ ต้ังบรษิ ทั ดว้ ยโดยอนุโลม อธบิ าย มาตรา 1007 หมายถึง การประชุมต้ังบริษัท กล่าวคือ เมื่อมีการเข้าช่ือซ้ือหุ้นครบถ้วนหมดแล้ว ผู้เริ่มก่อการ จะตอ้ งนดั บรรดาผูเ้ ข้าชื่อซือ้ หุ้นทุกคนมาประชมุ กันโดยไม่ชักช้าโดยไมช่ ักชา้ ซงึ่ เรียกว่า “การประชุมตัง้ บรษิ ทั ” มาตรา 1108 กิจการอนั จะพงึ ทาในท่ีประชมุ ตงั้ บรษิ ัทน้ัน คือ (1) ทาความตกลงตัง้ ข้อบงั คบั ต่าง ๆ ของบริษัท สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

37 (2) ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผ้เู ร่ิมก่อการได้ทาไว้ และค่าใชจ้ ่ายอย่างหน่ึงอย่างใดซ่ึงเขาตอ้ งออกไปในการ เริม่ ก่อบรษิ ทั (3) วางกาหนดจานวนเงินซงึ่ จะใหแ้ กผ่ ู้เร่ิมก่อการ ถา้ หากมเี จตนาว่าจะให้ (4) วางกาหนดจานวนหนุ้ บรุ มิ สทิ ธิ ทงั้ กาหนดสภาพและบรุ มิ สทิ ธแิ หง่ หนุ้ นน้ั ๆ วา่ เป็นสถานใดเพียงใด ถา้ หากจะ มีหนุ้ เชน่ นัน้ ในบรษิ ัท (5) วางกาหนดจานวนหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสทิ ธิซึ่งออกใหเ้ หมือนหน่ึงว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วน แล้ว เพราะใชใ้ หด้ ว้ ยอยา่ งอืน่ นอกจากตวั เงนิ และกาหนดวา่ เพยี งใดซง่ึ จะถือเอาเปน็ วา่ ได้ใช้เงนิ แลว้ ถ้าหากจะมหี ้นุ เช่นน้ัน ในบริษัท ใหแ้ ถลงในท่ปี ระชมุ โดยเฉพาะว่า ซึ่งจะออกหุ้นสามญั หรือหนุ้ บุริมสทิ ธใิ หเ้ หมอื นหนงึ่ ว่าได้ใช้เงนิ แล้วเช่นน้นั เพื่อ แทนคุณแรงงานหรอื ตอบแทนทรัพย์สินอยา่ งใด ให้พรรณนาจงชัดเจนทกุ ประการ (6) เลอื กตั้งกรรมการและพนักงานสอบบญั ชีอนั เป็นชุดแรกของบริษัท และวาง กาหนดอานาจของคนเหลา่ น้ีดว้ ย อธิบาย มาตรา 1108 หมายถึง กิจการท่ีต้องกระทาในวันประชุมตั้งบริษัทซ่ึงกฎหมายกาหนดให้ท่ีประชุมต้ังบริษัทต้อง กระทากิจการเหล่านเ้ี ป็นอยา่ งน้อยซึ่งไดแ้ ก่ (1) การตกลงเรื่องข้อบังคบั ของบริษทั (2) การให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้ก่อการได้ทาไว้และค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งอย่างใดซ่ึงผู้ก่อการได้ ออกไปในการก่อตัง้ บรษิ ัท (โยงกับมาตรา 1113) (3) วางกาหนดจานวนเงนิ ซึง่ จะใหแ้ ก่ผู้เร่ิมก่อการถา้ หากทีป่ ระชุมมีเจตนาจะให้ (4) กาหนดจานวนหุ้นและสถานะของหุ้นว่าเป็นหุ้นประเภทใด หุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิ และมีสิทธิ อย่างไรในบริษทั (5) กาหนดเรือ่ งของการชาระค่าหนุ้ ดว้ ยวธิ ีการอน่ื นอกจากตัวเงนิ (6) เลือกตง้ั กรรมการของบรษิ ทั และพนกั งานสอบบัญชี และกรอบอานาจของบุคคลเหล่านนั้ มาตรา 1109 ผู้เรม่ิ กอ่ การหรอื ผเู้ ข้าชอื่ ซื้อหนุ้ จะออกเสยี งลงคะแนนไมไ่ ด้ ถ้าตนมสี ว่ นไดเ้ สยี โดยพเิ ศษในปญั หาที่ ยกข้นึ วินจิ ฉยั น้ัน อนึ่ง มติของที่ประชุมตั้งบริษัทย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ท่ีประชุมจะได้ลงมติโดยเสียงข้างมาก อันมีคะแนนของผู้ เข้าชือ่ ซอ้ื หนุ้ รวมกนั ไมน่ อ้ ยกวา่ กงึ่ จานวนผเู้ ข้าชอ่ื ซอื้ หุ้นทงั้ หมดซึง่ มสี ทิ ธลิ งคะแนนได้ และคิดตามจานวนหุน้ รวมกันไมน่ ้อย กว่ากง่ึ จานวนห้นุ ของผ้ถู ือหุ้นนนั้ ๆ ทงั้ หมดด้วยกนั อธบิ าย มาตรา 1109 หมายถึง ในออกเสียงละคะแนนของผู้เร่ิมก่อการหรือผู้เข้าช่ือซ้ือหุ้น หากบุคคลดังกล่าวมีส่วนได้ เสียโดยพิเศษในเรือ่ งใดบุคคลเหล่าน้ันต้องหา้ มออกเสยี งในเร่ืองนัน้ คาว่า “ส่วนได้เสียโดยพิเศษ” หมายถึง กิจการใดๆ ท่ีผู้เร่ิมก่อการหรือผู้เข้าช่ือซ้ือหุ้นเข้ามีส่วนได้เสียมากกว่า กิจการอ่ืนๆ เช่น การได้รบั ชาระหนมี้ ากกวา่ เจ้าหนีร้ ายอน่ื ๆ หรือการไดร้ ับชาระหนก้ี ่อนเจา้ หน้รี ายอืน่ ๆ เป็นต้น ขอ้ สงั เกต : หากเปน็ กรณีได้รับชาระหนีเ้ ท่ากบั เจา้ หน้รี ายอนื่ ๆ หรอื หนน้ี ัน้ ถงึ กาหนดชาระกอ่ นเจา้ หนรี้ ายอ่นื ๆ กรณี สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

38 เช่นนี้จะไม่ถือว่าผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซ้ือหุ้นมีส่วนได้เสียโดยพิเศษ ท้ังน้ียังหมายความรวมถึงกรณีการออกเสียงเลือก ตนเองเป็นกรรมการบริษัทด้วย ศาลฎีกากถ็ ือวา่ ไม่ใช่การออกเสียงในเรือ่ งท่ีผู้เร่ิมก่อการหรือผู้เข้าช่อื ซ้ือหุ้นมีสว่ นได้เสียโดย พเิ ศษเปน็ เพยี งการมสี ว่ นได้เสียตามธรรมดา (เทียบฎีกาที่ 1246/2520) ฎ.1246/2520 การที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจากัดออกเสียงลงคะแนนเลือกตนเองเป็นกรรมการ บริษัทน้ัน แม้จะเห็นว่ามีส่วนได้เสียในข้อตง้ั กรรมการทป่ี ระชุมผ้ถู ือหุ้นของบริษัทจะลงมติก็เป็นส่วนได้เสียตามธรรมดา หา ใช่ส่วนได้เสียโดยพิเศษตามความหมายแห่งมาตรา 1185 ไม่ เพราะการตั้งกรรมการบริษัทเป็นวิธีการจัดการบริษัทจากัด ดังท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 1144, 1151 มิใช่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะ ผู้ถือหุ้นน้ันย่อมมีสิทธิออกเสียง ลงคะแนนเลือกตนเองได้ และเมือ่ ไมป่ รากฏว่าการออกเสียงลงคะแนนเปน็ การใช้สทิ ธิไมส่ ุจริตแลว้ มตทิ ่ีประชมุ ใหญผ่ ู้ถอื หุ้น ของบรษิ ทั ฯ ทใี่ หผ้ ้ถู อื หนุ้ นน้ั เปน็ กรรมการบริษทั ฯ จงึ ชอบดว้ ยกฎหมาย มาตรา 1110 เมอ่ื ได้ประชุมตัง้ บริษัทแล้ว ใหผ้ ู้เร่ิมกอ่ การบริษทั มอบการทัง้ ปวงใหแ้ ก่กรรมการของบรษิ ทั เมื่อกรรมการไดร้ บั การแลว้ ก็ใหล้ งมือจดั การเรยี กใหผ้ เู้ รม่ิ กอ่ การและผเู้ ขา้ ชอ่ื ซ้อื หุ้นทง้ั หลายใช้เงนิ ในหนุ้ ซึง่ จะตอ้ ง ใชเ้ ปน็ ตวั เงนิ เรยี กห้นุ หนงึ่ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละยสี่ ิบหา้ ตามท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นหนงั สอื ชชี้ วนบอกกลา่ วปา่ วรอ้ งหรอื หนังสอื ชวน ใหซ้ ้อื หนุ้ อธิบาย มาตรา 1110 หมายถึง เม่ือเลือกกรรมการของบริษัทได้แล้วผู้เร่ิมก่อการบริษัทต้องส่งมอบงานท้ังปวงให้แก่ กรรมการของบริษัท และกรรมการบรษิ ัทมีหนา้ ท่ที จี่ ะเรียกเกบ็ เงนิ ค่าหุน้ จากผูเ้ ข้าชือ่ ซอ้ื หนุ้ ของบรษิ ัทตามมาตรา 1105 มาตรา 1112 ถ้าการจดทะเบยี นมิได้ทาภายในสามเดอื นนบั แตป่ ระชมุ ตงั้ บรษิ ทั ไซร้ ท่านวา่ บรษิ ทั นน้ั เป็นอนั ไมไ่ ด้ ต้งั ขนึ้ และบรรดาเงนิ ที่ไดร้ บั ไว้จากผู้เขา้ ชอื่ ซอ้ื หุน้ นนั้ ตอ้ งใช้คนื เตม็ จานวนมใิ หล้ ดเลย ถ้ามีจานวนเงินเช่นวา่ นน้ั คา้ งอย่มู ิได้คืนในสามเดอื นภายหลงั การประชมุ ตง้ั บริษัทไซร้ ท่านวา่ กรรมการของบริษัท ตอ้ งรบั ผิดรว่ มกันทจี่ ะใช้ทง้ั ตน้ เงนิ และดอกเบ้ยี คดิ ตง้ั แตเ่ วลาส้นิ กาหนดสามเดือนนั้น แต่ถ้ากรรมการคนใดพิสจู น์ได้ว่า การที่เงนิ ขาดหรือท่ใี ชค้ นื ช้าไปมิได้เป็นเพราะความผิดของตนไซร้ กรรมการคน นน้ั ก็ไม่ต้องรับผิดในการใช้ต้นเงนิ หรือดอกเบย้ี อธบิ าย มาตรา 1112 หมายถึง เม่ือได้ประชุมต้ังบริษัทแล้วกรรมการมีหน้าที่รีบไปดาเนินการจดทะเบียนจัดต้ังบริษัท หากไมด่ าเนนิ การจดทะเบยี นจัดตง้ั บรษิ ทั ภายใน 3 เดือน นับแต่วนั ประชมุ ตง้ั บริษัทกฎหมายถือว่าบริษัทนน้ั ไม่ได้ตงั้ ขึน้ และ บรรดาเงินที่กรรมการเรียกเกบ็ มาในคราวแรกตามมาตรา 1110 ต้องคืนให้แก่ผู้เข้าช่ือซ้อื หุ้นเตม็ จาเลยทันที หากไม่ได้คืน ภายในทันทีกรรมการทกุ คนตอ้ งร่วมกนั รับผิดในต้นเงินพรอ้ มดอกเบ้ียแก่ผู้เข้าช่อื ซือ้ หุน้ เว้นแตก่ รรมการคนนั้นจะพิสูจน์ได้ว่า การทค่ี ืนเงนิ ชา้ ไมไ่ ด้เป็นความผดิ ของตนเอง ข้อสงั เกต : มาตรา 1112 วรรคสาม เป็นบทบัญญัติท่ีกาหนดให้กรรมการคนใดที่พิสูจน์ได้ว่า การไม่ใช่เงินคืนตาม กาหนดเวลา หรือการใช้เงินคืนช้ากว่ากาหนดเวลา ตนไม่มีส่วนผิดหรือไม่ได้เป็นความผิดของตน กรรมการคนนั้ นก็ไม่ต้อง รับผดิ ในการใช้ต้นเงนิ หรือดอกเบ้ียเท่าน้นั แตต่ น้ เงินที่ได้รับมาแล้วยังมีหนา้ ที่ท่ตี อ้ งสง่ คืน มาตรา 1113 ผเู้ ร่ิมก่อการบริษทั ตอ้ งรับผดิ รว่ มกนั และโดยไมจ่ ากดั ในบรรดาหนีแ้ ละการจา่ ยเงินซ่ึงทปี่ ระชุมต้ัง บริษัทมไิ ด้อนมุ ัติ และแมจ้ ะไดม้ อี นมุ ัตกิ ็ยงั คงต้องรับผิดอยเู่ ช่นนั้นไปจนกว่าจะไดจ้ ดทะเบยี นบริษัท สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

39 อธบิ าย 1. มาตรา 1113 หมายถึง บรรดาหนี้ที่ผู้ก่อการเป็นก่อข้ึนก่อนวันจดทะเบียนบริษัท ผู้ก่อการต้องรับผิดร่วมกัน อย่างลูกหน้ีร่วม เว้นแต่ในการประชุมตั้งบริษัทที่ประชุมจะได้ให้สัตยาบันและบริษัทนั้นจะได้ดาเนิ นการจดทะเบียนแล้ว เท่านั้น และเม่ือที่ประชุมต้ังบริษัทให้สัตยาบันในหนี้ดังกล่าวแล้วบริษัทก็ต้องรับผิดชาระหนี้นั้น และผู้เร่ิมก่อการก็จะพ้น จากความรบั ผดิ ฎ.503/2537 ก่อนบริษัทจาเลยท่ี 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล อ.ได้ตกลงให้โจทก์ออกแบบ ตกแต่งภายในให้บริษัทจาเลยท่ี 1 โดยมีจาเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เร่ิมก่อการและเป็นกรรมการของจาเลยที่ 1 น่ังร่วมปรึกษา หารือ ท้ังเมื่อโจทก์ได้ออกแบบตกแต่งภายใน ซ่ึงเป็นงานของจาเลยที่ 1 ตามความต้องการของ อ.และจาเลยที่ 2 อ. ก็ได้ อนุมัติแบบตกแต่ง ถือว่า อ.และจาเลยที่ 2 ร่วมกันทาสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ออกแบบตกแต่งภายในสานักงานสาขาของ บรษิ ทั จาเลยที่ 1และถือว่าจาเลยที่ 2 ได้ทาสัญญาว่าจ้างในฐานะเป็นผูเ้ ริม่ กอ่ การของจาเลยที่ 1ทัง้ กอ่ นหนา้ น้ันจาเลยที่ 1 โดยจาเลยที่ 2 ไดท้ าสัญญาเช่าอาคารเพอื่ ทาเปน็ สานักงานสาขาของจาเลยที่ 1 ท้งั ๆ ท่ีจาเลยท่ี 1 ยงั ไมเ่ ปน็ นิตบิ ุคคลและ ต่อมาเมื่อจาเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว ก็ได้ใช้สถานที่ซึ่งโจทก์ออกแบบตกแต่งภายในและควบคุมการก่อสร้าง เป็นสานักงานสาขาของจาเลยท่ี 1 แสดงว่าที่ประชุมต้ังบริษัทจาเลยท่ี 1 ได้ให้สัตยาบันสัญญาว่าจ้างที่จาเลยท่ี 1 ผู้เริ่มก่อ การได้ทาไว้กับโจทก์ สัญญาว่าจ้างดังกล่าวจึงผูกพันจาเลยที่ 1 ส่วนจาเลยท่ี 2 ซ่ึงเป็นผู้เร่ิมก่อการและเป็นกรรมการของ จาเลยท่ี 1 เม่ือจาเลยท่ี 1 จดทะเบยี นเป็นนิตบิ ุคคลแลว้ จึงพน้ ความรับผดิ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1113 2. หากหนี้รายใดที่ที่ประชุมต้ังบริษัทไม่ได้ดาเนินการให้สัตยาบันหน้ีนั้นๆ ผ้กู ่อการตั้งบริษัทก็จะต้องรับผิดรว่ มกัน ไปตลอด ฎ.1952/2538 ขณะจาเลยท่ี 2 เข้าทาสัญญาฉบับพิพาทกับโจทก์นั้น ยังอยู่ในระยะเวลา ดาเนิน การก่อตั้งและขอจดทะเบียนจาเลยท่ี 1 อยู่ จาเลยที่ 2 ในฐานะผู้เร่ิมก่อการบริษัทจึงต้องรับผิดตามสัญญาที่ตนได้ ทาขึ้นจนกว่าท่ีประชุมต้ังบรษิ ัทได้อนุมัติและได้จดทะเบียนบริษัทแล้ว ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1113 แต่เมื่อยังไม่มีการอนุมัติ สัญญาฉบับพิพาท ในการประชุมตั้งบริษัท แม้จะมีการจดทะเบียนบริษัทจาเลยท่ี 1 และภายหลังจาเลยที่ 1 ได้เขา้ ถือสิทธิ ตามสัญญาฉบบั พพิ าทแล้วก็ตาม กย็ ังไม่เปน็ เหตุให้จาเลยท่ี 2 หลดุ พน้ จากความรับผิดดังกลา่ วได้ ข้อสงั เกต : (1) แม้หนี้รายใดที่ที่ประชุมตั้งบริษัทจะได้ให้สัตยาบันในการตั้งบริษัท แต่ถ้าบริษัทถือเอาประโยชน์จาก มูลหนดี้ ังกลา่ ว กรณเี ช่นน้บี ริษัทกต็ อ้ งรว่ มกนั รับผดิ กับผู้กอ่ การ ฎ.5585/2541 แม้ในขณะที่โจทก์ทาสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างกับจาเลยที่ 2 ตามเอกสารที่ พิพาท จาเลยที่ 1 ยังมิได้จดทะเบียนเป็นนิตบิ ุคคล แตจ่ าเลยท่ี 2 และที่ 3ก็เป็นผู้ร่วมก่อการและกรรมการของจาเลยที่ 1 โดยจาเลยท่ี 3 เป็นผู้ชาระเงินค่าจ้างก่อสร้างให้โจทก์หลังจากจาเลยที่ 2 ทาสัญญาแล้ว ประกอบกับจาเลยท่ี 3เป็น ผู้บริหารโรงแรมร่วมกับจาเลยท่ี 2 และจาเลยท่ี 3มีส่วนรู้เห็นร่วมกับจาเลยท่ี 2 ทาสัญญาดังกล่าวกับโจทก์ด้วยและเมื่อ โจทก์สง่ มอบอาคารให้แก่จาเลยทั้งสามในวันรุ่งขึ้นจาเลยท้ังสามก็ได้เปิดดาเนินกิจการโรงแรมในอาคารดังกล่าว จงึ เป็นการ ท่จี าเลยที่ 1 ยอมรับเอาสัญญาท่ีจาเลยที่ 2 ทาไวก้ ับโจทก์มาใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนินกิจการของตน จาเลยท่ี 1 ย่อมต้อง ผกู พันตามสัญญาดังกล่าวร่วมกับจาเลยท่ี 2 และท่ี 3 ด้วย สาหรับการเปล่ียนแปลงแก้ไขตัวอาคาร จาเลยท่ี 2เป็นผู้ตกลง กับโจทก์ให้เปล่ียน แปลงแก้ไขแบบแปลนเป็นอาคารโรงแรมเอง เมื่อโจทก์ก่อสร้างอาคารเสร็จจาเลยท้ังสามก็ได้ยอมรับ มอบอาคารจากโจทก์ โดยดีและเปิดดาเนินกิจการเป็นโรงแรมเช่นน้ี จาเลยทั้งสามจึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา แก้ไขแบบแปลนอาคารดงั กล่าว (2) แมท้ ่ีประชมุ ตั้งบรษิ ทั จะไมไ่ ดใ้ ห้สตั ยาบันโดยตรงแตก่ ารทีบ่ รษิ ัทเข้าถือเอาประโยชน์จากสญั ญาเชน่ น้ี สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

40 ศาลฎีกากว็ ินิจฉยั ว่าเปน็ การให้สัตยาบันโดยปริยายตามมาตรา 1108 (2) แล้ว (ฎ.2159/243) ฎ.2159/2543 ตามสัญญารับจ้างเหมาก่อสร้างระหวา่ งโจทกก์ ับจาเลย แมข้ ณะทาสญั ญาโจทก์ ยังไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล แต่อยู่ระหว่างการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ซึ่งผู้เร่ิมก่อการสามารถดาเนินการก่อหน้ีหรือทา สัญญาใดๆ ได้ยกเว้นกรณีตาม มาตรา 1102 และเมื่อจดทะเบียนบริษัทเสร็จจนมีสภาพเป็นนิติบุคคลแล้ว โจทก์ก็ยอมรับ ผลแห่งสญั ญาโดยเข้าทางานจนเสร็จ จงึ เป็นการให้สัตยาบันแก่สัญญาท่ีผู้เรม่ิ ก่อการได้ทาไว้ตามมาตรา 1108 (2) สัญญา ดงั กลา่ วจึงมีผลสมบูรณ์ไมเ่ ปน็ โมฆะ (3) แม้จะเป็นกรณีท่ีที่ประชุมอนุมัติในกิจการดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อบริษัทยังมิได้ดาเนินการจดทะเบียน ผู้ เร่ิมกอ่ การบรษิ ทั กย็ ังคงตอ้ งรบั ผดิ ร่วมกันโดยไม่จากดั จานวนในบรรดากจิ การนนั้ ๆ (ฎ.55/2523) ฎ.55/2523 การที่จาเลยที่ 3 ยอมให้จาเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ชื่อบริษัทนครหลวงรถเมล์เล็ก จากัด ตลอดจนเครื่องหมายของบริษัทและหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทดังกล่าวติดที่ข้างรถ จาเลยที่ 2 เท่ากับเป็นการ ยอมให้รถจาเลยท่ี 2 เดินรับส่งคนโดยสารในนามของบริษัทฯ และถือได้ว่าเป็นการยอมรับต่อบุคคลภายนอกว่า รถของ จาเลยที่ 2 เป็นรถของบริษัทน้ันเอง เมื่อจาเลยท่ี 1 ท่ี 2 กระทาละเมิดต่อโจทก์ แม้บริษัทนครหลวงรถเมล์เล็กจากัดดังกล่าวยัง มิได้จดทะเบียนไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลก็ตาม จาเลยท่ี 3 ซ่ึงเป็นผู้เร่ิมก่อการบริษัทก็ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ตาม บทบัญญตั ิในมาตรา 1113 แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 1114 เมื่อบริษัทได้จดทะเบียนแล้ว ผู้เข้าช่ือซ้ือหุ้นจะร้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการท่ีตนได้เข้าช่ือซ้ือ โดยยกเหตุว่าสาคัญผิด หรอื ตอ้ งข่มขู่ หรือถกู ลวงล่อฉ้อฉลน้ันทา่ นวา่ หาอาจทาไดไ้ ม่ อธิบาย มาตรา 1114 หมายถึง เมื่อได้เข้าช่ือซ้ือหุ้นแล้วผู้ท่ีเข้าช่ือซ้ือหุ้นต้องมีหน้าที่ชาระค่าหุ้นตามที่ตนเข้าช่ือซ้ือจน ครบถว้ นตามมาตรา 1106 ดังน้ี เมอ่ื มีความผกู พนั โดยผลของกฎหมายผู้เขา้ ชือ่ ซ้ือหุ้นจะฟ้องรอ้ งตอ่ ศาลขอใหเ้ พิกถอนการ เข้าช่ือซ้ือหุ้นของตนเองโดยอาศัยเหตุว่าสาคัญผิด ถูกข่มขู่ หรือถูกหลอกลวงฉ้อฉลไม่ได้เป็นอันขาด ต้องผูกพันชาระเงิน ใหแ้ กบ่ รษิ ทั จนครบ (ฎ.467-468/2513) ฎ.467 - 468/2513 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1114 ท่ีได้บญั ญัติห้ามมิให้ ผเู้ ข้าช่ือซื้อหุ้นฟ้องรอ้ งขอใหศ้ าลเพกิ ถอนการทตี่ นไดเ้ ข้าชอ่ื ซ้อื โดยยกเหตุว่าสาคัญผดิ หรือต้องข่มขูห่ รือถูกลวงลอ่ ฉ้อฉลน้ัน ห้ามเฉพาะในกรณีท่ีฟ้องร้องกันในทางแพ่งเท่าน้ัน มิได้มีผลห้ามมิให้ผู้เข้าช่ือซอื้ หุ้นฟ้องในคดีอาญาฐานฉ้อโกง ฉะน้ัน ผู้เสียหาย หรอื พนกั งานอัยการ ในเมือ่ มีการร้องทุกข์ จงึ มีอานาจดาเนินคดีกับจาเลยได้ สรุป การจัดตัง้ บรษิ ทั มขี ้ันตอนดังนี้ 1. บุคคลสามคนขน้ึ ไปเขา้ รว่ มกันจดั ต้งั บริษทั ซ่ึงเรียกว่า “ผูก้ ่อการ” 2. ผู้ก่อการจะดาเนินกิจการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดเป็นบริษัทซ่ึงโดยสภาพการเข้าร่วมกันของผู้ก่อการบริษัทจะมี ลักษณะเปน็ หา้ งหุ้นส่วนสามญั 3. เมื่อมผี ้เู ข้าชือ่ ซ้ือหุ้นในบริษัทจนครบผู้กอ่ การจะเรียกประชุมผู้เขา้ ช่ือซ้ือหนุ้ เพื่อดาเนินการประชมุ ตั้งบรษิ ัท 4. ในการประชมุ ตง้ั บริษัททีป่ ระชุมตัง้ ดาเนนิ กจิ การอยา่ งน้อยๆ ตามมาตรา 1108 5. หากท่ีประชุมต้ังบริษัทให้สัตยาบันในการกระทาในมูลหน้ีใดๆ ท่ีผู้ก่อการก่อขึ้นถือว่าผู้ก่อการหลุดพ้นตาม มาตรา 1113 และบรษิ ทั ต้องรบั ผิดชาระหนี้แทน 6. เม่ือท่ีประชุมต้ังบริษัทเลือกกรรมการและผู้ชาระบัญชีชุดแรกได้แล้ว ผู้ก่อการจะต้องส่งมอบการงานท้ังหมด ใหแ้ กก่ รรมการ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

41 7. กรรมการมีหน้าทแ่ี รกคอื เรียกเก็บเงินค่าหนุ้ คร้ังแรกตามมาตรา 1105 8. เม่ือเรียกเก็บในกรอบเวลาสามเดือนนับแต่ประชุมตั้งบริษัทกรรมการมีหน้าท่ีไปจดทะเบียนตั้งบรษิ ัทหากไม่จด ทะเบียนต้ังบริษัท ใหถ้ ือวา่ บริษัทไม่ได้เป็นอันต้งั ขึ้นและกรรมการต้องคืนเงินใหแ้ ก่ผู้เข้าชื่อซ้อื หุ้นทันที หากไม่คืนในทันทีกรรมการ ทุกคนๆ ต้องรบั ผดิ ในตน้ เงนิ พร้อมดอกเบี้ย เว้นแต่กรรมการคนใดจะพสิ ูจนไ์ ด้ว่าการคนื ชา้ ไม่ได้เกิดจากความผดิ ของตนเอง 9. การทีผ่ ้เู ขา้ ชื่อซ้ือหุ้นเมือ่ ตกลงเขา้ ชื่อซ้อื หุน้ แล้วจะมาอ้างในภายหลังว่าถกู ข่มขู่ สาคัญผดิ หรือถูกฉอ้ ฉลใหเ้ ข้าชื่อ ซื้อหุน้ ไมไ่ ด้ ห้นุ และผถู้ อื หนุ้ (การชาระคา่ หุ้น, ความรบั ผิดของผถู้ ือห้นุ และการโอนหนุ้ ) ผถู้ ือหุน้ ตามกฎหมายบรษิ ัทมีสทิ ธิ ดงั น้ี (1) มสี ทิ ธโิ อนหุ้นของตนเองตามมาตรา 1129 (2) มสี ิทธิในการซือ้ หุ้นใหมต่ ามอัตราสว่ นการถือหนุ้ ตามมาตรา 1222 (3) มสี ิทธิไดร้ ับเงนิ ปนั ผลเมือ่ บรษิ ทั มีกาไรและท่ีประชมุ ใหญ่ได้อนุมตั ิให้มีการจ่ายเงินปนั ผล (4) มีสทิ ธทิ ี่จะไดร้ ับเงนิ ค่าหนุ้ และสว่ นแบ่งทรพั ยส์ ินของบริษัท หลังจากการเลิกบริษทั และมีการชาระบญั ชแี ลว้ มาตรา 1117 อันมูลคา่ ของหุน้ ๆ หนึง่ น้นั มิใหต้ า่ กว่าหา้ บาท อธิบาย มาตรา 1117 หมายถึง มูลคา่ หนุ้ ในบรษิ ัทกฎหมายหา้ มมใิ ห้ออกตา่ กวา่ 5 บาท มาตรา 1119 หุ้นทุก ๆ หุ้นจาต้องให้ใช้เป็นเงินจนเต็มค่า เว้นแต่หุ้นซึ่งออกตามบทบัญญัติมาตรา 1108 อนุมาตรา (5) หรอื มาตรา 1221 ในการใช้เงินเปน็ ค่าหนุ้ นัน้ ผู้ถอื หุน้ จะหกั หนีก้ บั บรษิ ัทหาไดไ้ ม่ อธบิ าย มาตรา 1119 หมายถึง การใช้เงินค่าหุ้นผู้ถือหุ้นต้องใช้เงินค่าหุ้นให้แก่บริษัทเป็นเงินสดๆ เท่านั้น แม้ผู้ถือหุ้นจะ เป็นเจ้าหน้ีของบริษัทและมีหนี้อันเป็นวัตถุอย่างเดียวและถึงกาหนดชาระแล้ว ผู้ถือหุ้นจะขอนามาหักกลบลบหนี้กันไม่ได้ เพราะผู้ถือหุ้นย่อมผูกพันตนเองโดยมีเง่ือนไขว่าถ้าบริษัทได้จัดตั้งขึ้นแล้วจะใช้จานวนเงินค่าหุ้นน้ันๆ ให้แก่บริษัท ตามมาตรา 1106 ท้ังนี้ ผูถ้ อื หุน้ จะขอตหี นเ้ี ป็นห้นุ แทนการใช้หนกี้ ไ็ ม่ไดเ้ ช่นกนั มาตรา 1119 เปน็ บทบังคบั เด็ดขาด ฎ.2359/2544 การสง่ ใชเ้ งนิ คา่ หนุ้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์มาตรา 1119, 1120 และ 1221 กาหนดให้ต้องส่งใช้เป็นเงินเท่าน้ัน โดยกรรมการของบรษิ ัทจะเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าหุ้นตามวธิ ีการบอกกล่าว ล่วง หน้าด้วยจดหมายส่งลงทะเบียนไปรษณีย์เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏหลักฐานว่าจาเลยได้มีจดหมายส่งลงทะเบียนบอก กล่าว เรียกเก็บเงินค่าหุ้นไปยังผู้ร้อง หรือผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆแต่อย่างใด ที่ผู้ร้องอ้างว่า เมื่อจาเลยเรียกเก็บเงินค่าหุ้นจึงได้มี การตกลงกันภายในระหว่างสองบริษัทว่า \"หนี้ค่าหุ้นท่ีทวงถามไปน้ัน บริษัทจาเลยขอให้บริษัทผู้รอ้ งชาระค่าหุ้นท่ีเหลือเป็น วสั ดอุ ุปกรณ์ก่อสร้างแทนการชาระเปน็ เงิน\" ขอ้ ตกลงดังกลา่ วหากมจี ริงก็ต้องได้รับอนุมัติจากท่ีประชุมต้ังบรษิ ัทขอ้ ตกลงท่ีผู้ ร้องอ้างจึงไมม่ ผี ลผกู พันจาเลย นอกจากนี้ในสว่ นงบดุลและบัญชีรายชือ่ ผู้ถือหุ้นของจาเลยกฎหมายกใ็ ห้สันนิษฐานไวก้ ่อนว่า เป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องตามข้อความที่ได้บันทึกไว้นั้นทุกประการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1024 จงึ เป็นหน้าท่ีของผู้ร้องที่จะตอ้ งนาสืบหกั ลา้ งข้อสนั นิษฐานของกฎหมายดงั กล่าว หาใชว่ ่าผูค้ ดั คา้ นมีหน้าทตี่ อ้ งนาสบื ใหเ้ ห็น สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

42 ว่าผู้ร้องคา้ งชาระค่าหนุ้ ดังท่ีผู้ร้องฎีกาไม่ พยานหลกั ฐานของผู้รอ้ งจงึ รับฟังไม่ได้วา่ ผรู้ ้องชาระคา่ หุ้นทค่ี ้างชาระให้แก่จาเลยแลว้ ฎ.3675/2540 จาเลยที่ 2 อา้ งว่า ไม่ได้ค้างชาระค่าหนุ้ เพราะได้ชาระค่าหุ้นไปแล้วรอ้ ยละ 25 และต่อมาจาเลยที่ 1 ได้กู้ยืมเงนิ จาเลยที่ 2 ไปไม่ได้ชาระคืนจึงได้ตกลงหักกลบลบหนี้กันก่อนท่ีโจทก์จะบังคับคดีนี้ ข้ออ้าง ของจาเลยที่ 2 ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 1119 วรรคสอง ท่ีกาหนดไว้ว่าในการใช้เงินค่าหุ้นนั้นผู้ถือหุ้นจะหักหนี้ กับ บริษัทหาไดไ้ ม่ ฎ.2496/2523 แม้จะได้มีการทาสญั ญาประนีประนอมยอมความโดยให้เจ้าหน้ีมีสิทธิเป็นผู้ถือ หุ้นในบริษัทน้าตาล บ. จากัด จานวน 3,000 หุ้น มูลค่าเป็นเงิน 3,000,000 บาท เพื่อแลกเปล่ียนกับการโอนสิทธิ เรียกร้องและระงับหนซ้ี ่ึงลูกหน้ีส่ังจ่ายเช็คไว้ตามสญั ญากู้ก็ตาม แต่ปรากฏวา่ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมาย แพ่งฯ มาตรา 1119 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางไม่จดทะเบียนให้ จึงไม่มีผลบังคับ หน้ีเดิมของเจ้าหน้ีจึงยังไม่ระงับ สิทธิเรยี กรอ้ งของเจ้าหนตี้ ามเช็คของลกู หน้ี ยอ่ มไมโ่ ดยไปยังบรษิ ัทน้าตาล บ.จากัด เจ้าหนี้มีสิทธิท่ีจะไดร้ บั ชาระหนร้ี ายนี้ได้ มาตรา 1120 บรรดาเงินคา่ หุ้นซ่ึงยังจะต้องส่งอีกน้ัน กรรมการจะเรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เสียเม่ือใดก็ได้ เว้นแต่ที่ ประชมุ ใหญ่จะได้วินิจฉยั เปน็ อย่างอืน่ มาตรา 1121 การเรียกเงินค่าหุ้นแต่ละคราวน้ัน ท่านบังคับว่าให้ส่งคาบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต่ากว่าย่ีสิบเอ็ดวัน ด้วยจดหมายสง่ ลงทะเบียนไปรษณยี ์ และผู้ถอื หนุ้ ทุกคนจะตอ้ งใชเ้ งนิ ตามจานวนทเ่ี รยี กนน้ั สดุ แต่กรรมการจะได้กาหนดไป ว่าให้ส่งไปยงั ผใู้ ด ณ ท่ใี ดและเวลาใด มาตรา 1122 ถ้าและเงินอันจะพึงส่งใช้เป็นค่าหุ้นตามเรียกนั้นผู้ถือหุ้นคนใดมิได้ส่งใช้ตามวันกาหนดไซร้ ผู้นั้น จาตอ้ งเสียดอกเบี้ยนบั แต่วันที่กาหนดใหส้ ่งใช้จนถึงวนั ทไ่ี ดส้ ่งเสร็จ มาตรา 1123 ถ้าผู้ถือหุ้นคนใดละเลยไม่ส่งใช้เงินท่ีเรียกค่าหุ้นตามวันกาหนดกรรมการจะส่งคาบอกกล่าวด้วย จดหมายส่งลงทะเบียนไปรษณยี ไ์ ปยงั ผนู้ น้ั ให้ส่งใช้เงินทเี่ รยี กกบั ทั้งดอกเบี้ยด้วยก็ได้ ในคาบอกกลา่ วอันน้ี ให้กาหนดเวลาไปพอสมควรเพอ่ื ใหใ้ ชเ้ งนิ ท่เี รยี กกับทง้ั ดอกเบยี้ และตอ้ งบอกไปดว้ ยวา่ ใหส้ ่งใช้ ณ สถานทใี่ ด อน่ึง ในคาบอกกล่าวนนั้ จะแจ้งไปด้วยก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช้เงนิ ตามเรียก หนุ้ นั้นอาจจะถกู ริบ มาตรา 1124 ถา้ ในคาบอกกลา่ วมีขอ้ แถลงความถงึ การรบิ หุ้นดว้ ยแลว้ หากเงนิ คา่ หุ้นทเ่ี รยี กกบั ทั้งดอกเบี้ยยงั คง ค้างชาระอยู่ตราบใด กรรมการจะบอกรบิ หนุ้ น้ัน ๆ เมอื่ ใดกไ็ ด้ มาตรา 1125 หุ้นซ่ึงริบแล้วนั้นให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้า ได้จานวนเงินเท่าใดให้เอาหักใช้ค่าหุ้นท่ี เรียกกบั ดอกเบยี้ คา้ งชาระ ถา้ ยังมีเงนิ เหลอื เทา่ ใดต้องสง่ คืนให้แก่ผูถ้ ือหนุ้ นัน้ มาตรา 1126 แมว้ า่ วธิ กี ารรบิ หนุ้ ขายหนุ้ จะไมถ่ ูกตอ้ งดว้ ยระเบยี บกด็ ี ท่านวา่ หาเปน็ เหตุใหส้ ทิ ธิของผู้ซอ้ื หุ้นซึง่ รบิ นั้นเสอ่ื มเสยี ไปอย่างไรไม่ อธิบาย : การเรียกเก็บค่าหุ้นจากผถู้ ือหุน้ (มาตรา 1120 ถึงมาตรา 1126) 1. มาตรา 1120 หมายถึง การเรียกเก็บค่าหุ้นท่ียังจะต้องส่งให้แก่บริษัทจะเป็นสิทธิของกรรมการท่ีจะเรียกเก็บ เม่ือไรก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะได้กาหนดไว้เป็นอย่างอื่น ดังนี้ การท่ีกรรมการบริษัทเรียกเก็บเงินค่าหุ้นแล้วผู้ถือหุ้นไม่ ยอมชาระกรรมการย่อมมีสทิ ธฟิ อ้ งให้ผู้ถือหุ้นรายนน้ั ชาระได้ไม่ถือวา่ กรรมการใช้สทิ ธไิ มส่ ุจรติ (ฎ.5276/2538) ฎ.5276/2538 ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1119 และ 1120 เมื่อได้ชาระเงินค่าหุ้นงวดแรก แล้ว เงินค่าหุ้นยังค้างชาระอยู่อีกเท่าใด กรรมการมีอานาจเรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งชาระให้ครบถ้วนทีเดียว หรือจะแบ่งออกเป็น สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

43 งวดให้ส่งเม่ือใดก็ได้ตราบเท่าท่ีบริษัทยังดารงอยู่ เว้นแต่ท่ีประชุมใหญ่จะได้วินิจฉัยให้ทาอย่างอื่น เม่ือปรากฏว่าจาเลยยังค้าง ชาระเงินค่าหุน้ อีกหุ้นละ 75 บาท จานวน 4,500 หุ้นดังนั้น กรรมการของโจทกจ์ งึ มอี านาจเรียกให้จาเลยชาระเงินค่าหุ้นท่ี ยงั ค้างส่งเมื่อใดก็ได้แล้วแตด่ ุลพินิจของกรรมการ และปรากฏว่าโจทก์ได้เรียกเงินค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นคนอื่นด้วย แมจ้ าเลยได้ ฟ้องกรรมการผู้จดั การของโจทก์ขอแบง่ เงินค่าตอบแทนจากโจทก์ คดียังไมถ่ งึ ที่สุด โจทก์จงึ ไดฟ้ ้องเรยี กค่าหุ้นจากจาเลยเป็น คดนี ้ี ก็จะถอื วา่ โจทก์ใช้สทิ ธิโดยไม่สจุ ริตกล่ันแกล้งฟ้องจาเลยไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องทีจ่ าเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกฎหมาย 2. เม่ือการเรียกเก็บเงนิ ค่าหุ้นจากผู้ถือหุ้นในส่วนที่เหลือเป็นอานาจของกรรมการบริษัท ดังน้ีแม้จะเกินกวา่ 10 ปี กรรมการย่อมมีอานาจเรียกให้ชาระค่าหุ้นในส่วนท่ียงั ชาระไม่ครบได้ (ฎ.2450/2538) และแม้ว่าจะเลิกบริษัทไปแล้วแต่ ยังอยชู่ ว่ งการชาระบัญชผี ู้ชาระบัญชีกส็ ามารถเรียกเกบ็ ค่าหุ้นได้ (ฎ.777/2532) ฎ.2450/2538 การจะเรียกเงินค่าหุ้นซ่ึงยังจะต้องส่งอีกในแต่ละคราวตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์มาตรา1120, 1121 นั้นเป็นดุลพินิจของกรรมการท่ีจะเรียกจากผู้ถือหุ้นเม่ือใดเป็นจานวนเท่าใดก็ได้ ตราบเทา่ ที่บรษิ ัทยังคงดารงอยูห่ าตอ้ งเรยี กภายใน10 ปี นับแต่วนั จดทะเบียนบรษิ ัทไม่ ฎ.777/2532 การที่จะเรียกเงินค่าหุ้นซ่ึงยังจะต้องส่งอีกในแต่ละคราวน้ันเป็นดุลพินิจของ กรรมการที่จะเรียกจากผู้ถือหุ้นเมื่อใด เป็นจานวนเท่าใดก็ได้ตราบเท่าที่บริษัทยังคงดารงอยู่ หาใช่ว่าจะต้องเรียกภายใน กาหนด 10 ปี นับแต่วันจดทะเบียนต้ังกรรมการบริษัทไม่ แม้เม่ือเลิกบริษัท ผู้ชาระบัญชีจะเรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เงินลงหุ้น อันเป็นส่วนท่ียงั คา้ งชาระอยู่น้ันก็ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1265 ขอ้ สงั เกต : มาตรา 1265 บัญญัตใิ ห้อานาจผู้ชาระบัญชีจะเรียกให้ผู้ถอื หนุ้ ส่งใช้เงินส่วนท่ียงั ค้าง ชาระอยกู่ ไ็ ด้ 3. มาตรา 1121 หมายถึง ข้ันตอนในการเรียกเกบ็ เงินคา่ หุ้นทคี่ ้างชาระ กลา่ วคือ ใหส้ ่งคาบอกกลา่ วแจง้ ให้ทราบ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 21 วัน โดยให้ส่งเป็นจดหมายส่งลงทะเบียนไปรษณีย์ โดยผถู้ ือหุ้นต้องใช้เงินตามจานวนท่ีกรรมการได้ เรียกใหช้ าระ สว่ นจะชาระเท่าไรท่ีไหนกาหนดเวลากส็ ุดแลว้ แต่กรรมการจะกาหนด 4. มาตรา 1122 หมายถึง เม่ือครบกาหนดเวลาที่กรรมการเรียกให้ผู้ถือหุ้นชาระค่าหุ้นแล้วผู้ถือหุ้นไม่ยอมชาระ กรณเี ชน่ น้ีผ้ถู ือหุน้ ตอ้ งเสียดอกเบี้ยนบั แต่วนั ทก่ี าหนดใหส้ ่งใช้จนถงึ วนั ท่ีไดใ้ ชเ้ สร็จ 5. มาตรา 1123 หมายถึง เป็นกรณีที่กรรมการจะริบหุ้นของผู้ถือหุ้นที่เพิกเฉยไม่ชาระค่าหุ้นออกขายทอดตลาด กรรมการจะต้องส่งคาบอกกล่าวด้วยจดหมายส่งแบบลงทะเบียนไปรษณีย์ไปยังผู้ถือหุ้นรายนั้นให้ส่งเงินที่เรียกเก็บพร้อม ดอกเบี้ย โดยในคาบอกกล่าวน้ันใหก้ าหนดเวลาพอสมควร ทง้ั นีใ้ นคาบอกกล่าวจะแจ้งด้วยก็ไดว้ า่ หากไม่ชาระเงนิ ทเี่ รียกเก็บ พร้อมดอกเบ้ียจะริบหนุ้ ออกขายทอดตลาด (เป็นขน้ั ตอนแรกที่จะริบหนุ้ ออกขายทอดตลาด) ขอ้ สังเกต : กรณีท่ีกรรมการจะริบหุ้นของผู้ถือหุ้นออกขายทอดตลาดต้องเป็นกรณีที่กรรมการได้ส่งคาบอกกล่าวให้ ชาระเงินคา่ หนุ้ ตามท่ีเรยี กเก็บไปพร้อมดอกเบย้ี เสียก่อนตามมาตรา 1123 อยา่ งไรก็ตาม การท่ีกรรมการจะได้แจ้งให้ทราบ ถึงการไม่ชาระเงินตามท่ีเรียกเก็บไปในการส่งคาบอกกล่าวตามมาตรา 1121 ว่าหากไม่ชาระริบหุ้นออก เช่นน้ี ก็ไม่ ก่อให้เกดิ สิทธิในการริบหุ้นของผ้ถู ือหุ้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 1124 (เทียบ ฎ.23/2508) ฎ.23/2508 การท่ีบริษัทจากัดจะริบหุ้นของผู้ถือหุ้นท่ียังค้างชาระเงินค่าหุ้นเอาออกขาย ทอดตลาดนัน้ จะต้องปฏิบัติการตามท่ีกฎหมายบัญญัตไิ ว้ให้บริบูรณ์เสียก่อนมิฉะน้ันต้องถือว่าหุ้นนั้นยังเป็นกรรมสทิ ธ์ิของผู้ ถอื หนุ้ อยซู่ ง่ึ เจา้ หน้ีตามคาพพิ ากษาของผ้ถู อื หุ้นมีอานาจขอใหศ้ าลสง่ั ยดึ หรืออายัดห้นุ นัน้ ได้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

44 6. มาตรา 1124 หมายถึง หากในคาบอกกล่าวตามมาตรา 1123 ได้มีข้อความว่าหากไม่ชาระเงินค่าหุ้นท่ีเรยี ก เก็บพร้อมดอกเบี้ยจะริบห้นุ กรณีเช่นนก้ี รรมการจะบอกรบิ หุ้นน้ันๆ เม่ือไรกไ็ ด้ ทง้ั นี้ การริบหุ้นไมใ่ ชร่ ิบเปน็ ของบริษัท หรือ ริบหนุ้ แล้วนามาให้ผถู้ ือห้นุ รายอืน่ ๆ การริบหนุ้ ตอ้ งนาออกขายทอดตลาดเทา่ นนั้ ขอ้ สังเกต : บรษิ ทั จะเป็นผถู้ ือหุ้นเสยี เองไม่ได้ หรอื บรษิ ัทจะรับจานาหนุ้ ของตนเองกไ็ ม่ได้ ตามมาตรา 1143 7. มาตรา 1125 หมายถงึ เมื่อมีการริบหุ้นของผถู้ ือหุน้ ทไ่ี มย่ อมส่งเงินค่าหุ้นท่ีเรียกเก็บพรอ้ มดอกเบ้ยี แล้วตอ้ งนา ออกขายทอดตลาดเท่านั้น หากขายได้เกินกว่าราคาท่ีผู้ถือหุ้นค้างชาระแก่บริษัทก็ให้นาส่วนท่ีเกินคืนให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่ถ้าขาย ทอดตลาดแลว้ ยังขาดอยู่เทา่ ไรผ้ถู อื หนุ้ รายน้นั กต็ อ้ งรับผดิ ชอบในสว่ นท่ขี าด 8. มาตรา 1126 หมายถึง เป็นคุ้มครองผู้ที่ซื้อหุ้นจากการขายทอดตลาด โดยแม้ปรากฏว่าวิธีการริบหุ้นจะไม่ได้ ปฏบิ ตั ติ ามขัน้ ตอนตามท่กี ฎหมายบญั ญัติไว้ สิทธิของผู้ซื้อห้นุ ซึง่ ริบน้นั ไมเ่ ส่ือมเสียไปตามหลักของมาตรา 1332 ขอ้ สงั เกต : (1) แม้ผู้ถือหุ้นรายนั้นจะยังชาระเงินค่าหุ้นไม่ครบแต่ผู้ถือหุ้นรายนั้นก็มีสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น แต่ไม่มี สิทธอิ อกเสียงในท่ีประชมุ การชาระเงินไมค่ รบหาทาให้เสียสิทธิที่จะเข้าประชมุ ในบริษัทไม่ ดังน้ี จะห้ามมิใหผ้ ู้ถือหุ้นที่ชาระ เงนิ ยงั ไมค่ รบไม่ให้เขา้ ประชมุ ไม่ได้ (พจิ ารณามาตรา 1184) (2) กรณีที่ยังไม่ชาระเงินค่าหุ้นให้ครบถ้วนหากมีการโอนหุ้นไปให้บุคคลภายนอกบริษัทจะไม่ยอมรับจด ทะเบยี นการโอนก็ได้ตามมาตรา 1130 ทัง้ นเ้ี ป็นดุลพนิ ิจของบริษัทไม่ใช่บทบงั คับ มาตรา 1129 อนั วา่ หนุ้ นัน้ ยอ่ มโอนกันได้โดยมิตอ้ งได้รับความยินยอมของบรษิ ทั เวน้ แต่เมือ่ เป็นหุ้นชนดิ ระบุช่ือ ลงในใบหุ้น ซง่ึ มีข้อบงั คบั ของบริษทั กาหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอ่ืน การโอนหุ้นชนิดระบุช่ือลงในใบหุ้นนั้น ถ้ามิได้ทาเป็นหนังสือและลงลายมือช่ือของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคน หนึง่ เปน็ อย่างน้อยลงช่อื รบั รองลายมือนน้ั ๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเปน็ โมฆะอน่ึง ตราสารอนั น้นั ต้องแถลงเลขหมายของหุ้นซ่ึง โอนกันนนั้ ดว้ ย การโอนเช่นนี้จะนามาใช้แกบ่ ริษทั หรอื บุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะไดจ้ ดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสานักของผูร้ ับ โอนน้นั ลงในทะเบยี นผ้ถู อื หนุ้ อธบิ าย 1. มาตรา 1129 วรรคหนึ่ง หมายถงึ การโอนหุ้นในบริษทั ซ่งึ เปน็ หนุ้ ชนิดระบุชือ่ เท่าน้ัน หากเป็นหุ้นชนดิ ผู้ถือการ โอนก็ทาแต่เพียงการส่งมอบใบหุ้น ทั้งนี้ การโอนหุ้นในบริษัทไม่จาตอ้ งได้รับความยินยอมจากบริษัทก่อน (ใบหุ้นจะปรากฏ ว่าหนุ้ ดังกลา่ วเปน็ ห้นุ ชนดิ ใดตามมาตรา 1128) ข้อสาคญั : ถ้าบริษัทมีข้อบังคับของบริษัทกาหนดเรื่องการโอนหุ้นไว้ หากผู้ถือหุ้นไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทที่ กาหนดเรื่องการโอนหุ้นไว้ดังกล่าว แม้การโอนหุ้นจะได้ทาเป็นหนังสือมีพยานรับรองมากกว่าหนึง่ คนและระบุหมายเลขหุ้น ตลอดจนได้แจ้งให้กรรมการบริษัทเปลยี่ นแปลงช่ือในทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้วกต็ าม การโอนหนุ้ บริษัทท่ีไม่ปฏิบตั ิตามข้อบังคับ ของบริษัทที่กาหนดเรื่องการโอนหุ้นย่อมเป็นการฝ่าฝืนต่อข้อบังคับมีผลทาให้ผู้รับโอนไม่มีสิทธิใดๆ ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในหุ้น (ฎ.8669/2559) ฎ.8669/2559 หนุ้ ท่ีจาเลยที่ 1 โอนให้โจทก์เปน็ หุ้นชนิดระบุช่อื ลงในใบหุ้นโดยมีข้อบงั คบั ของ บริษัทจาเลยที่ 10 กาหนดไว้ว่า ผู้ถือหุ้นคนใดประสงค์จะโอนหุ้นจะต้องเสนอโอนหุ้นของตนให้แก่ผู้ถือหุ้นในบริษัททุกๆ คนก่อน เว้นแต่เป็นการโอนหุ้นให้แก่สามี ภริยา หรือผู้สบื สันดานของตนเอง เมื่อไม่มีผู้ถือหุ้นเดิมคนใดตลกงรับโอนภายใน สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

45 เวลาซ่ึงกาหนดให้ไม่น้อยกว่า 30 วันแล้ว ผู้ถือหุ้นคนน้ันจึงจะมีสิทธิโอนแก่บุคคลภายนอกได้ เม่ือการโอนหุ้นระหว่าง จาเลยท่ี 1 กบั โจทก์ฝา่ ฝืนข้อบังคบั ของจาเลยที่ 10 ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1229 วรรคหนงึ่ โจทก์ไม่ไดก้ รรมสทิ ธ์ใิ น หุ้นของจาเลยท่ี 1 และไม่อาจใชส้ ิทธิใดๆ ในฐานะผู้ถือหุ้นของจาเลยที่ 10 ที่จะบังคับให้เพกิ ถอนการโอนห้นุ ระหว่างจาเลย ทั้งสิบตามคาขอทา้ ยฟอ้ งได้ 2. มาตรา 1129 วรรคสอง หมายถึง แบบแห่งการโอนหุ้นชนดิ ระบชุ ื่อหากผโู้ อนและผูร้ ับโอนไมท่ าตามแบบท่ีมา ตรา 1129 วรรคสองบญั ญัตไิ ว้การโอนห้นุ จะตกเป็นโมฆะทนั ที 3. แบบของการโอนหุน้ ชนดิ ระบุชือ่ (1) ต้องทาเป็นหนังสอื (2) ลงลายมอื ช่ือทงั้ ผโู้ อนและผูร้ ับโอน (3) มพี ยานรับรองลายมอื ช่อื ผูโ้ อนและผู้รับโอนอย่างนอ้ ยหนึ่งคน 4. การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อที่ต้องทาตามแบบกบั การซ้ือขายหุ้นน้ันเป็นคนละเร่ืองกัน กล่าวคือ แม้การโอนหุ้นชนิด ระบุชือ่ จะตอ้ งทาตามแบบ แต่การซื้อขายหนุ้ ชนิดระบุช่ือไม่มีแบบแห่งกฎหมายบัญญัตไิ วด้ ังน้ีจึงต้องนามาตรา 456 วรรค สอง ประกอบมาตรา 456 วรรคสามมาปรับใช้ (ฎ.11883/2554) ฎ.11883/2554 การซื้อขายหุ้นสามัญชนิดระบุชื่อเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์อย่างหน่ึงซึ่ง ตอ้ งปฏิบตั ติ าม ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสองและวรรคสาม ส่วน ป.พ.พ. มาตรา 1129 วรรคสอง เพียงกาหนดแบบของ การโอนหุ้นท่ีมีหลักฐานการโอนท่ีแน่นอนเท่านั้น หาใช่แบบของการซื้อขายหุ้น ผู้ซ้ือหุ้นท่ีมิได้โอนหุ้นให้ถูกต้องตาม บทบัญญัติดังกล่าวยังไม่อาจอ้างว่าตนเป็นผู้ถือหุ้นในบรษิ ัท และไม่อาจใช้สทิ ธิในฐานะผู้ถือห้นุ ตามท่ี ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณชิ ย์บัญญตั ิไว้เท่านน้ั หาทาใหก้ ารซื้อขายหนุ้ ตกเป็นโมฆะไม่ 4. ตัวอยา่ งคาพิพากษาฎกี า (เกี่ยวกบั เรื่องการโอนหนุ้ ชนิดระบุชือ่ ท่ไี มท่ าตามแบบมีผลตกเปน็ โมฆะ) ฎ.523/2545 ห้นุ ของบรษิ ทั ทั้งหมดเป็นหนุ้ สามญั ชนดิ ระบุช่ือ แม้ค่คู วามจะรบั กนั ว่าทางบริษัท ยังไม่ออกใบหุ้นแต่การโอนหุ้นก็ต้องปฏิบัติตาม ป.พ.พ.มาตรา 1129 วรรคสอง เพราะเป็นกรณีโอนหุ้นชนิดระบุชื่อ ซ่ึง กาหนดแบบไว้ว่าถ้ามิได้ทาเป็นหนังสือและลงลายมือช่ือของผู้โอนและผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงช่ือรับรอง ลายมอื น้ัน ๆ ด้วยแล้ว ท่านวา่ เป็นโมฆะ เมอื่ หนงั สือสัญญาโอนหุ้นไม่มผี ู้ลงชอ่ื เป็นพยานรบั รองลายมือดงั กลา่ ว การโอนหุ้น ระหวา่ งจาเลยกับโจทก์จึงเป็นโมฆะตามบทบญั ญตั ดิ ังกลา่ ว ฎ.57/2540 โจทก์รับโอนหุ้นของจาเลยท่ี 1ซึ่งเป็นหุ้นสามัญระบุชื่อบริษัท อ. เป็นผู้ถือหุ้นมา จาก ย. โดยไม่เป็นไปตามข้อบังคับของจาเลยที่1และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1129ทก่ี าหนดไว้ว่าจะต้อง ทาเป็นหนังสือลงลายมือช่ือผู้โอนและผู้รับโอนโดยมีพยานลงลายมือช่ือรับรองจึงไม่มีผลใช้ยันจาเลยที่ 1ได้การที่จาเลยท่ี1 และที่2ปฏเิ สธการออกใบหุ้นของจาเลยท่ี1ให้แก่โจทกย์ ่อมเปน็ สิทธิที่พึงกระทาได้ 5. เมื่อการโอนหุ้นผู้โอนและผู้รับโอนไม่ได้ทาตามแบบที่กฎหมายบัญญัติไว้ การโอนหุ้นดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะ แม้บริษัทจะจดแจ้งให้ลงช่ือผู้รับโอนในทะเบียนผู้ถือหุ้นและออกจมหมายนัดมาเข้าประชุม ผู้รับโอนก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้ ถอื ห้นุ โดยชอบดว้ ยกฎหมาย (ฎ.1086/2521) ดงั นี้ จงึ อาจถกู ห้ามไมใ่ หเ้ ขา้ ร่วมประชมุ ผูถ้ อื ห้นุ ได้ ฎ.1086/2512 การโอนห้นุ บรษิ ัทจากัดชนิดระบุช่ือในใบหุ้นนน้ั แมท้ าเปน็ หนังสอื ลงลายมือชื่อ ผรู้ ับโอนกับผู้รบั โอน แตเ่ มื่อไม่มีพยานลงช่ือรับรองลายมือย่อมเป็นโมฆะ การโอนหุ้นซ่งึ ตกเป็นโมฆะ แม้บริษทั จะได้ลงช่ือ ผูร้ ับโอนในทะเบยี นผถู้ ือหนุ้ และเคยนดั หมายใหผ้ รู้ บั โอนเขา้ ประชมุ ในฐานะผถู้ อื หนุ้ ก็ดี ก็ไม่ทาใหผ้ รู้ บั โอนกลายเปน็ ผู้ถือห้นุ โดยชอบด้วยกฎหมาย สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

46 6. แม้ในมาตรา 1129 วรรคสอง จะบัญญัติให้ต้องแถลงหมายเลขหุ้นท่ีจะโอนกันด้วย แต่ถ้าหากไม่มีการแถลงก็ ไม่ได้หมายความว่าการโอนหุ้นดังกล่าวจะมีผลตกเป็นโมฆะ เนื่องจากศาลฎีกามองว่าการแถลงหมายเลขหุ้นมิใช่ส่วนหน่ึง ของแบบแห่งนิตกิ รรมในการดอนหนุ้ ฎ.1127/2521 ท่ี ป.พ.พ. ม.1129 บังคับว่าการโอนหุ้นชนิดระบุชื่อในใบหุ้นต้องแถลงเลข หมายหุ้นซ่ึงโอนลงในตราสารการโอนด้วยนั้น ก็เพ่ือว่าถ้าผู้โอนมีหุ้นหลายหุ้นและต้องการโอนเพียงบางหุ้น ก็ให้ระบุเลข หมายห้นุ ท่ีโอนไปเพ่ือจะรู้ไดแ้ น่นอนว่าหุ้นใดยังอยู่หรือโอนไปแล้วเท่าน้ัน แต่ในกรณีท่ีผู้โอนต้องการโอนหุ้นท้ังหมดดังคดีนี้ เพยี งแตร่ ะบุในเอกสารการโอนวา่ ขอโอนหนุ้ ทง้ั หมดให้แกผ่ ูร้ บั โอน ก็ถอื ได้ว่าเปน็ การแถลงเลขหลายของหนุ้ ซึง่ โอนกันแลว้ ฎ.660/2525 ในเอกสารการโอนหุ้นโจทก์ผู้รับโอนกับผู้โอนได้ลงลายมือชื่อมีพยานรับรอง 2 คน ทั้งกรรมการบริษัทจาเลยสองนายได้ลงช่ือประทับตราบริษัทอนุมัติให้โอนหุ้นกันได้ถูกต้องตามแบบที่มาตรา 1129 วรรค สอง บงั คับไวส้ ่วนทบี่ ทบัญญัตมิ าตราดังกล่าวบญั ญัติความต่อไปว่าตราสารการโอนหุ้นต้องแถลงเลขหมายของหุ้นซง่ึ โอนกัน น้ันด้วยก็เพ่ือจะรู้ได้แน่นอนว่าหุ้นใดของผู้ถือหุน้ ยังอยู่และหุ้นใดได้โอนให้แก่บุคคลอื่นไปแล้วเท่าน้ัน หาได้บัญญัติว่าถ้ามิได้ แถลงหมายเลขหุ้นทโี่ อนกัน การโอนหนุ้ ชนดิ ระบุช่อื ยอ่ มเป็นโมฆะ ข้อสังเกต : (1) เมื่อหุ้นเป็นสังหาริมทรัพย์แม้การโอนหุ้นจะไม่ได้ปฏิบัติตามแบบของกฎหมายแต่เม่ือผู้รับโอนเข้า ยึดถือเพื่อตนเจตนาเป็นเจ้าของหุ้นโดยสงบและเปิดเผยเม่ือครบ 5 ปี ผู้รับโอนก็จะเป็นเจ้าของหุ้นดังกล่าวตามหลักเร่ือง ของการครอบครองปรปักษ์ (ฎ.3395/2529) ฎ.3395/2529 การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อของบริษัทจากัด แม้จะกระทาโดยไม่ถูกต้องตาม กฎหมาย แตเ่ ม่ือผู้ร้องรเู้ ห็นมิไดโ้ ตแ้ ยง้ ปฏิเสธการโอนหนุ้ นัน้ จงึ ถือได้วา่ ผ้รู อ้ งรับห้นุ น้ันไวโ้ ดยเจตนายดึ ถือเพอื่ ตนยอ่ มได้ สทิ ธิครอบครอง เมื่อครอบครองเป็นเวลาเกินกวา่ 5 ปี หากการโอนหุ้นเป็นโมฆะ ผรู้ อ้ งก็ไดก้ รรมสิทธโ์ิ ดยการครอบครองแลว้ (2) แม้วา่ หุ้นชนิดระบุช่ือท่ีโอนกันจะยังไมม่ ีการออกใบหุ้นผู้โอนกับผู้รับโอนก็ตอ้ งปฏิบัตกิ ันตามมาตรา 1129 วรรคสอง การโอนห้นุ จะตอ้ งทาเปน็ หนงั สือมลี ายมือชอ่ื ผ้โู อนและผูร้ บั โอนและมีพยานหนึ่งเปน็ อยา่ งน้อย (เทียบเคียง ฎ.523/2545) ฎ.523/2545 หุ้นของบริษัท บ. เป็นหุ้นสามัญชนิดระบุช่ือแม้ยังไม่ได้ออกใบหุ้นแต่การโอนหุ้น ก็ต้องปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง ซ่ึงกาหนดแบบไว้ว่าถ้ามิได้ทาเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอนมีพยานคนหน่ึงเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือน้ันๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ เม่อื หนงั สือสญั ญาโอนหนุ้ ในบริษทั ดงั กล่าวระหวา่ งโจทก์จาเลย ไมม่ ีผู้ลงชอ่ื เปน็ พยานรับรองลายมอื ดงั กลา่ ว จึงเปน็ โมฆะ 7. มาตรา 1129 วรรคสาม หมายถึง เมือ่ มกี ารโอนหนุ้ ชนิดระบุชื่อทไี่ ด้ทาถูกต้องตามแบบแล้วผู้โอนหรอื ผู้รบั โอน ต้องแจ้งให้บริษทั ทราบถงึ การโอนหุน้ ดังกลา่ วด้วย ทง้ั นีเ้ พราะหากไม่มกี ารแจง้ ใหบ้ ริษัททราบในทะเบียนผู้ถือหุ้นก็ยังจะคงมี ช่ือผู้ถือหุ้นเดิม (ผู้โอน) เมื่อกรรมการเห็นสมควรให้เรียกเก็บค่าหุ้นเพ่ิมเติมบริษัทจะก็จะเรียกเก็บค่าหุ้นเอากับผู้ถือหุ้นเดิม เน่ืองจากผู้ถือหุ้นเดิมเป็นผู้มีชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนผู้ถอื หุ้น ดังนี้ หากไม่แจ้งให้แก่บริษัทราบถึงการโอนบริษัทจึงสามารถ เรยี กใหผ้ ู้ถือหุ้นเดิมชาระเงนิ คา่ ห้นุ ที่ค้างชาระอยไู่ ด้ สาหรับในมุมของผู้รับโอนหุ้นเม่ือมีการประชุมผู้ถือหุ้นหากยังไม่มีการแจ้งให้บริษัททราบถึงการโอนหุ้นบริษัท ย่อมมีสิทธิที่จะไม่อนุญาตให้ผู้รับโอนเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้นได้เพราะผู้รับโอนหุ้นไม่ มีชื่อปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้นว่า ผู้รบั โอนเปน็ ผู้ถอื หุ้นคนปัจจุบนั เมื่อไม่มีถอื วา่ มสี ิทธเิ ข้าประชุมผูถ้ ือหุ้นก็ยอ่ มไม่มีสทิ ธิฟ้องขอใหเ้ พิกถอนมติ ิของท่ปี ระชุมด้วย ฎ.1253/2537 ในวันประชมุ วิสามญั ครั้งที่ 2/2529 จาเลยยังไมไ่ ดจ้ ดแจง้ การรับโอนหุ้นของ โจทก์ทั้งสองลงในทะเบียนผู้ถอื ห้นุ ตามมาตรา 1129 วรรคสาม โดยจาเลยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหนุ้ ตามมติท่ปี ระชุม คณะกรรมการเพอื่ เรยี กประชุมวิสามัญ โจทกท์ งั้ สองจงึ ไมม่ ีสิทธทิ ีจ่ ะเข้าประชมุ ในฐานะผู้ถอื หนุ้ ตามมาตรา 1176 และไม่มี อานาจฟ้องขอใหเ้ พิกถอนมตขิ องทป่ี ระชุม สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

47 ฎ.2181/2530 การโอนหุ้นชนิดระบุช่ือระหว่างผู้ร้องกับ น. และ ธ. ยังมิได้แจ้งการโอน ลงทะเบียนผู้ถือหุ้น ผู้ร้องจึงไม่อาจอ้างเหตุผลใดๆ มาเป็นข้อยกเว้นบทบัญญัติของมาตรา 1129 วรรคสาม แห่ง ป.พ.พ. เพ่ือให้ตนเองหลุดพ้นไปจากความรับผิดในค่าหุ้นที่ค้างได้ เมื่อศาลมีคาสั่งพิทักษ์ของบริษัทลูกหน้ีแล้ว พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 (2) ให้อานาจเจา้ พนักงานพทิ ักษ์ทรพั ย์แต่ผเู้ ดียวในการเกบ็ รวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะ ตกได้แก่บริษัทลูกหน้ีหรือซ่ึงบริษัทลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับจากผู้อื่น ฉะน้ันเม่ือผู้ร้องต้องห้ามมิให้ยกการโอนหุ้นข้ึนยันบริษัท ลกู หนี้ดงั กล่าวแล้ว ผู้ร้องก็ย่อมไมอ่ าจยกการโอนหุน้ ขึ้นยันเจ้าพนักงานพิทกั ษ์ทรพั ย์ไดเ้ ชน่ เดยี วกนั 8. เมอ่ื มีการโอนหุ้นชนิดระบุชือ่ แล้วเป็นหน้าท่ีของผู้โอนหรอื ผู้รับโอนต้องแจ้งให้บริษัททราบ แต่ถ้าหากกรรมการ ของบริษัทเป็นพยานร้เู ห็นในการโอนหุ้นดงั กล่าว กรณเี ช่นนยี้ ่อมถือว่าเปน็ หน้าท่ีของบริษัททจ่ี ะต้องจดแจง้ การโอนนน้ั ลงใน ทะเบียนผู้ถอื หุ้น เพราะวตั ถุประสงค์ของการแจ้งให้บรษิ ัททราบถึงการโอนหุ้นตามมาตรา 1129 วรรคสาม ก็เพ่ือใหบ้ ริษัท ทราบถึงการเปลีย่ นแปลงผู้ถือหุ้นเมื่อกรรมการของบริษัทมาเป็นพยานในโอนหุ้นกรณีเช่นน้ยี ่อมถอื วา่ ผู้โอนหรอื ผู้รบั โอนแจ้ง ให้บริษทั ราบแล้วอย่ใู นตวั (ฎ.478/2534, ฎ.3913/2531) ฎ.478/2534 สัญญาโอนหุ้นระหว่างผู้ร้องกับ ก. มีกรรมการผู้มีอานาจของบริษัทจาเลยลงชื่อ เป็นพยานพร้อมทั้งประทับตราสาคัญของบริษัทแม้จะไม่มีการจดแจ้งการโอนท้ังชื่อ และสานักงานผู้รับโอนนั้นลงใน ทะเบียนผู้ถือหุ้นก็อาจนาการโอนหุ้นนั้นมาใช้ยันบริษัทจาเลยได้ไม่เป็นกรณีท่ีต้องตกอยู่ ในบังคับของมาตรา 1129 วรรค สาม ความรับผดิ ของผู้โอนสาหรับจานวนเงินในมลู คา่ หุ้นทยี่ งั สง่ ใชไ้ ม่ ฎ.3913/2531 การโอนหนุ้ ทาที่บรษิ ทั จาเลยต่อหน้ากรรมการผู้จัดการของบรษิ ัทจาเลย บริษัท จาเลยจึงมีหน้าที่จดแจ้งการโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นโดยไม่จาต้องให้ผู้โอนหรือผู้รับโอนแจ้งอีก การที่บริษัทจาเลยไม่จด แจ้งการโอนลงในทะเบียนจึงเป็นความผิดของบริษัทจาเลยเองแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค สาม จะบญั ญตั ิถงึ การโอนหุ้นทีไ่ ม่ไดจ้ ดแจง้ การโอนลงในทะเบียนว่าจะนามาใชย้ ันแก่บรษิ ัทไม่ได้ แต่กห็ มายถึงวา่ เป็นเร่ืองท่ี ผู้โอนและผู้รับโอนโอนหุ้นกันเองโดยบริษัทมิได้รู้เห็นด้วย กฎหมายจึงให้ถือตามที่ปรากฏอยู่ในทะเบียน เมื่อการโอนหุ้นได้โอน กันที่ บริษั ทจาเลยกรรมการผู้ จัดการบริษั ทจาเลยรู้เห็ นเป็ นพยาน จึ งมิ ใช่ กรณี ที่ จะอ้ างประมวลกฎหมายแพ่ งและ พาณชิ ย์ มาตรา 1129 วรรคสามมาใช้ได้ ในขณะทผี่ ูร้ ้องโอนห้นุ ใหแ้ กผ่ รู้ บั โอนหุ้นของผูร้ ้องยงั มไิ ด้ส่งใชเ้ งนิ เต็มจานวนค่าหุ้น ผู้รอ้ งใน ฐานะผโู้ อนจงึ ยังคงต้องรับผดิ ในจานวนเงนิ ท่ยี ังไม่ไดส้ ง่ ใชใ้ ห้ครบ ขอ้ สังเกต : (1) เม่ือผู้ถือหุ้นเดิมได้โอนหุ้นให้แก่ผู้รับโอนไปแล้วบรรดาสิทธิต่างๆ ในหุ้นน้ันก็ย่อมโอนไปยังผู้รับโอนด้วย ผู้ถอื หุ้นเดมิ จะเรยี กร้องสทิ ธใิ นหนุ้ นนั้ อีกไม่ได้ (2) เมื่อการโอนหนุ้ ไดแ้ จง้ ใหแ้ ก่บริษัททราบแล้ว บริษทั ก็ย่อมสิ้นสทิ ธทิ ่จี ะเรยี กให้ผถู้ อื ห้นุ เดมิ ชาระค่าห้นุ ได้อีก มาตรา 1130 หุ้นใดเงนิ ทเ่ี รียกค่าหนุ้ ยงั ค้างชาระอยู่ ห้นุ น้ันบริษัทจะไมย่ อมรบั จดทะเบยี นใหโ้ อนกไ็ ด้ อธิบาย มาตรา 1130 หมายถึง แม้การโอนหุ้นจะเป็นอิสระของผู้ถือหุ้นท่ีจะโอนหุ้นของตนให้แก่บุคคลใดก็ได้ แต่ถ้าหุ้นนั้นๆ ยงั คา้ งชาระคา่ หุ้นอยบู่ รษิ ทั ย่อมมีสิทธทิ ่จี ะไม่รับจดทะเบยี นการเปลย่ี นแปลงได้ ซง่ึ เปน็ ดลุ พนิ ิจของบรษิ ัท มาตรา 1131 ในระหวา่ งสิบสี่วนั ก่อนการประชุมใหญส่ ามญั บริษทั จะปิดสมุดทะเบยี นพกั การโอนหนุ้ เสยี กไ็ ด้ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

48 มาตรา 1132 ในเหตบุ างอยา่ งเชน่ ผถู้ อื หุ้นตายกด็ ี หรือลม้ ละลายกด็ ี อนั เป็นเหตใุ ห้บคุ คลอ่ืนเปน็ ผูม้ สี ทิ ธิจะได้ห้นุ ข้นึ น้ัน หากว่าบคุ คลน้นั นาใบหุ้นมาเวนคนื เมอื่ เปน็ วิสยั จะทาได้ ทั้งได้นาหลักฐานอันสมควรมาแสดงด้วยแล้ว ก็ใหบ้ รษิ ัท รับบคุ คลนน้ั ลงทะเบยี นเปน็ ผ้ถู อื หนุ้ สบื ไป ฎ.310/2510ป. เจ้ามรดกมีหุ้นอยู่ในบริษทั จาเลย เมื่อเจา้ มรดกตายหุ้นของเจา้ มรดกย่อมตกมา เปน็ ของทายาททันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 และ 1600 ทายาท จึงมอี านาจฟ้องขอให้เพิก ถอนมติพิเศษของทป่ี ระชุมใหญ่ ตามมาตรา 1195 ได้ แม้วา่ บริษัทจาเลยจะยงั ไมไ่ ด้จดทะเบยี นทายาทเปน็ ผู้ถือห้นุ กต็ าม มาตรา 1133 หุ้นซึ่งโอนกันนั้น ถ้าเป็นหุ้นอันยังมิได้ส่งเงินใช้เต็มจานวนค่าหุ้นท่านว่าผู้โอนยังคงต้องรับผิดใน จานวนเงนิ ท่ียงั มไิ ดส้ ง่ ใชใ้ หค้ รบถ้วนน้นั แตว่ า่ (1) ผ้โู อนไม่ต้องรับผิดในหนี้อันหนง่ึ อนั ใดของบริษทั ซ่งึ ได้ก่อให้เกดิ ขน้ึ ภายหลงั โอน (2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หน้ี เว้นแต่ความปรากฏข้ึนแก่ศาลว่าบรรดาผู้ท่ียังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่ สามารถออกสว่ นใชห้ น้อี ันเขาจะพึงต้องออกใช้น้นั ได้ ในขอ้ ความรบั ผดิ เชน่ ว่ามานนั้ ท่านห้ามมิใหฟ้ ้องผ้โู อนเมอ่ื พ้นสองปีนบั แตไ่ ด้จดแจ้งการโอนนัน้ ลงในทะเบียนผู้ถือหุน้ อธบิ าย 1. มาตรา 1133 หมายถึง ความรับผิดของผู้โอนหุ้น หากหุ้นท่ีโอนไปให้แก่กันนั้นผู้ถือหุ้นเดิมยังค้างชาระค่าหุ้น อยู่และผู้รบั โอนคนใหม่ซึง่ เป็นถือหุ้นยังไมช่ าระค่าหุ้นที่ค้างชาระ กรณีเช่นนี้ผู้โอนซ่ึงเป็นผู้ถอื หุ้นเดิมยังคงมีความรับผิดต่อ เจา้ หนี้ของบรษิ ัทอยู่เป็นเวลา 2 ปี นบั แต่มกี ารจดแจ้งการโอนลงในทะเบียนผู้ถอื หุ้น มิใช่รบั ผิดตอ่ บริษทั 2. มาตรา 1133 เป็นความรับผิดของผู้โอนซ่ึงเป็นผู้ถือหุ้นเดิมกับบุคคลภายนอกท่ีเป็นเจ้าหน้ี ดังน้ี บริษัทจะ อาศัยกาหนดเวลา 2 ปี มาฟ้องให้ผู้โอนรบั ผิดในค่าหุ้นที่ค้างชาระไม่ได้ เพราะบรษิ ัทไม่ใช่เจ้าหนี้ตามมาตรา 1133 อีกทั้ง การเรียกให้ชาระค่าหุ้นท่ีค้างชาระอยู่น้ันบริษัทต้องเรียกเอากับผู้ถือหุ้นรายใหม่ไม่ใช่มาเรียกเอากับผู้ถือหุ้นรายเก่า เว้นแต่ การโอนหุ้นนนั้ จะไม่ได้ปฏบิ ตั ติ ามมาตรา 1129 วรรคสาม 3. กาหนดเวลา 2 ปี มิใช่อายุความ ดังน้ี ผู้โอนสามารถตกลงยกเว้นความรับผิดได้ และการนับกาหนดเวลา 2 ปี ไม่ใชน่ บั จากวนั ทีท่ าหนงั สอื สัญญาโอนแต่ตอ้ งนบั แต่วันท่ไี ด้แจ้งการโอน (นบั แต่วนั ท่ไี ดป้ ฏิบตั ิตามมาตรา 1129 วรรคสาม) 4. คาพพิ ากษาฎกี าทเี่ ก่ยี วกับมาตรา 1133 ฎ.478/2534 สัญญาโอนหุ้นระหว่างผู้ร้องกับ ก. มีกรรมการผู้มีอานาจของบริษัทจาเลยลงชื่อ เป็นพยานพร้อมทั้งประทับตราสาคัญของบริษัทแม้จะไม่มีการจดแจ้งการโอนทั้งช่ือ และสานักงานผู้รับโอนนั้นลงใน ทะเบียนผู้ถอื หุ้นก็อาจนาการโอนหุ้นน้ันมาใช้ยันบริษัทจาเลยได้ไมเ่ ป็นกรณีท่ีตอ้ งตก อยู่ ในบังคับของมาตรา 1129 วรรค สาม ความรับผิดของผู้โอนสาหรับจานวนเงินในมูลค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบตาม ป.พ.พ. มาตรา 1133 หมายถึงความรับผิด ต่อเจ้าหนี้ของบริษัทที่ผู้โอนเคยถือหุ้นอยู่ หาได้หมายถึงว่าผู้โอนยังต้องรับผิดในมูลค่าหุ้นท่ียังส่งใช้ไม่ครบต่อบริษัทท้ังที่ได้ โอนห้นุ นั้นไปและนาการโอนหนุ้ นั้นมาใช้อา้ งแกบ่ รษิ ทั ไดต้ ามมาตรา 1129วรรคสามไม่ ฎ.2531/2538 ป.พ.พ. มาตรา 1133 เก่ียวกับความรับผิดของผู้โอนหุ้นสาหรับจานวนเงินท่ี ยังส่งใช้ไม่ครบตามมูลค่าของหุ้นที่โอนนั้น หมายถึงความรับผิดต่อเจ้าหน้ีของบริษัทที่ผู้โอนเคยถือหุ้นอยู่หาได้หมายถึงว่าผู้ โอนยังจะต้องรับผิดตอ่ บริษัทในเงนิ ค่าหุ้นซึ่งตนยังส่งใช้ไม่ครบแม้จะได้โอนหุ้นดังกลา่ วไปแล้วแต่อย่างใดไม่ดังจะเห็นได้จาก บทบัญญัติใน (1) และ (2) ที่ใหร้ ับผิดเฉพาะในหน้ขี องบริษทั ซ่งึ ได้กอ่ ให้เกิดข้ึนก่อนโอน และให้รบั ผิดตอ่ เมอื่ ผู้ท่ียังถือหุ้นอยู่ น้ันไม่สามารถออกส่วนใช้หน้ีอันเขาจะพึงต้องออกใช้นั้นได้ ซ่ึงแสดงถึงความเกี่ยวพันระหว่างเจ้าหน้ีของบริษัทกับผู้ถือหุ้น สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ

49 ของบริษัทโดยเฉพาะ ฉะนั้นคดีนี้จึงไม่ใช่กรณีท่ีบริษัทจาเลยมีสิทธเิ รียกร้องให้ผู้ร้องชาระเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบ อันผู้ คดั ค้านจะเรยี กให้ผูร้ ้องชาระเงนิ แก่ผคู้ ดั คา้ นตาม พ.ร.บ. ลม้ ละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 111 9 ได้ ข้อสงั เกต : แม้ความรับผิดของผู้โอนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมจะต้องรับผิดในเงินค่าหุ้นท่ีค้างชาระอยู่และเป็นเร่ืองเก่ียวกับ เงินค่าหุ้น แต่เจ้าหน้ีของบริษัทมีสิทธิฟ้องผู้โอนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมได้โดยตรงโดยอาศัยมาตรา 1133 (2) โดยไม่ต้อง ดาเนินการตามมาตรา 1121 ก่อน การที่ผู้ถือหุ้นเดิมอ้างว่าต้องให้เจ้าหนี้ปฏิบัติตามมาตรา 1121 ส่งคาบอกกล่าว ล่วงหนา้ กอ่ นจึงเปน็ ขอ้ อ้างท่ีไม่อาจรับฟังได้ และมาตรา 1121 เป็นเรื่องของอานาจของกรรมการบริษัทในการจะเรยี กเก็บ ค่าหุ้น และไมถ่ ือว่าการท่เี จ้าหน้ีของบรษิ ัทใชส้ ิทธิฟอ้ งผู้โอนซึ่งเป็นผู้ถอื หุ้นเดิมใหร้ ับผิดในค่าหุ้นท่ีค้างชาระอย่กู ับบริษัทมิใช่ การใชส้ ทิ ธิของบริษัท (ฎ.5032/2538) ฎ.5032/2538 การทโ่ี จทกฟ์ ้องให้จาเลยท่ี 5 ท่ี 8 และที่ 9 ผโู้ อนหนุ้ รับผิดออกส่วนใชห้ นขี้ อง จาเลยร่วม ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1133 น้ัน โจทก์หาได้ฟ้องโดยใช้สิทธิเรียกร้องแทนจาเลยร่วมในการเรียกค่าหุ้นหรือยึด ทรัพย์จากผู้ถือหุ้นของบริษัทจาเลยร่วมไม่ แต่เป็นการที่โจทก์ฟ้องให้จาเลยที่ 5 ที่ 8 และที่ 9 รับผิดออกส่วนใช้หนี้ของ จาเลยรว่ ม ตามมาตรา 1133 โดยใช้สิทธิของโจทก์เองซึ่งเป็นเจ้าหนีข้ องจาเลยร่วมโดยตรงท้ังน้ีเพราะจาเลยร่วมหามีสิทธิ ตามบทบัญญัติดังกล่าวนี้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจาเลยท่ี 5ท่ี 8 และที่ 9 ได้โดยไม่จาต้องเรียกค่าหุ้นหรือยึดทรัพย์จากผู้ถือ หุน้ ของจาเลยรว่ มก่อน การส่งคาบอกกล่าวล่วงหน้าตาม ป.พ.พ.มาตรา 1121 นั้นเป็นกรณีท่ีกรรมการของบริษัทซ่ึงผู้ ถอื หุ้นอยเู่ รียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เงนิ ค่าหุ้น ไม่ใช่เป็นกรณีที่เจ้าหน้ีของบรษิ ัทเรยี กให้ผู้โอนหุ้นซ่ึงยังมิได้ส่งเงินใช้เต็มจานวนค่า หุ้นรับผิดออกส่วนใช้หน้ีตามมาตรา 1133 ซึ่งเจ้าหนี้ของบริษัทมีสิทธิเรียกร้องตามสิทธิของตนเองได้โดยตรง ดังน้ัน ก่อน ฟ้องโจทก์จึงไม่จาตอ้ งบอกกลา่ วล่วงหนา้ ตามมาตรา 1121 มาตรา 1142 ถ้าบริษัทได้ออกหุ้นบุริมสิทธิไปแล้ว ได้กาหนดไว้ว่าบุริมสิทธิจะมีแก่หุ้นน้ัน ๆ เป็นอย่างไร ท่าน ห้ามมใิ ห้แก้ไขอกี เลย อธบิ าย มาตรา 1142 หมายถึง เม่ือบริษัทได้ออกหุ้นบุริมสิทธิและได้กาหนดสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิไว้แล้ว ห้ามมิให้มีการ เปล่ียนแปลงแกไ้ ขในหุ้นดังกล่าว แม้จะเปน็ มติที่ประชุมของผถู้ ือห้นุ ทง้ั หลายก็ไมอ่ าจเป็นแปลงได้ มาตรา 1143 หา้ มมิใหบ้ ริษัทจากัดเปน็ เจ้าของถอื หนุ้ ของตนเอง หรอื รับจานาหนุ้ ของตนเอง อธิบาย มาตรา 1143 หมายถึง กฎหมายห้ามเด็ดขาดมิให้บริษัทเป็นเจ้าของหุ้นของตัวเอง หรือห้ามบริษัทรับจานาหุ้น ของตนเอง หากมีการฝา่ ฝืนการกระทาดังกลา่ วกม็ ีผลเปน็ โมฆะ ฎ.4332/2536 การท่ีจาเลยโอนหุ้นของบริษัทโจทก์เพื่อชาระหนีใ้ หแ้ กบ่ ริษัทโจทก์ โดยวิธสี ลัก หลงั ลอยส่งมอบใบห้นุ แกบ่ ริษทั โจทก์ กม็ ผี ลเท่ากับว่าบรษิ ทั โจทก์รบั เอาหุ้นของบริษัทโจทก์ไวเ้ ป็นประกนั น่ันเองอนั เป็นการ ฝ่าฝืนมาตรา 1143 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ท่ีห้ามบริษัทจากัดรับจานาหุ้นของตนเองเป็นการขัดขวางต่อความ สงบเรยี บร้อยของประชาชนจงึ ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยม์ าตรา 113 (มาตรา 151 ทแ่ี ก้ไขใหม)่ ฎ.5645/2546ป. จาเลยที่ 3 จดทะเบียนเป็นบริษัทจากัดย่อมมีฐานะเป็นนิติบุคคลต่างหาก จากโจทก์ จาเลยท่ี 1 กับพวกซึ่งมีฐานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของจาเลยท่ี 3 เท่าน้ัน โจทก์ จาเลยท่ี 1 กับพวก ร่วมลงทุนซ้ือ ที่ดินกันก่อนท่ีจาเลยที่ 3 จะจดทะเบียนเป็นบริษัทจากัด จาเลยท่ี 3 ไม่ได้เป็นคู่สัญญาด้วย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ัท โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนักงานอยั การ

50 ความรับผิดระหว่างโจทก์กับจาเลยท่ี 1 หรือผู้ถือหุ้นคนอ่ืนก่อนที่จาเลยที่ 3 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะมีอยู่อย่างไร จาเลยท่ี 3 ย่อมไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย นอกจากน้ีจาเลยท่ี 3 ไม่อาจเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเองจึงไม่อาจโอนหุ้นแก่บุคคล หนง่ึ บุคคลใดได้ โจทก์จึงไมม่ ีอานาจฟ้องจาเลยที่ 3 ขอให้โอนหนุ้ ในบริษัทจาเลยท่ี 3 ใหแ้ กโ่ จทก์ บริษัทจาเลยท่ี 3 เป็นนิติบุคคลจัดต้ังข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์แท้จริงเพียงเพื่อถือท่ีดินแทนเจ้าของ กรรมสิทธิ์ที่แท้จริง และดาเนินการต่าง ๆ ที่จาเป็นเกี่ยวกับท่ีดินน้ัน ในส่วนของผู้ถือหุ้นคิดคานวณจานวนหุ้นตามสัดส่วน ท่ีดินที่เป็นเจ้าของ มิได้ถือหุ้นโดยอาศัยหลักเกณฑ์ประการอ่ืน การท่ีโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องจานวนหุ้นจึงมีนั ยเดียวกันกับ เรียกร้องเอาทดี่ ินคืน ดังนั้น หากจาเลยท่ี 1 ไม่สามารถโอนหนุ้ ของจาเลยที่ 1 ในบรษิ ัทจาเลยท่ี 3 ใหแ้ กโ่ จทก์ ก็ให้ใช้ราคา หนุ้ ตามราคาที่ดิน วิธกี ารจดั การบรษิ ทั (กรรมการ, ความรับผดิ ของกรรมการ, การประชุมใหญ)่ กรรมการ มาตรา 1150 ผู้เป็นกรรมการจะพึงมีจานวนมากน้อยเท่าใด และจะพึงได้บาเหนจ็ เท่าใด ให้สุดแล้วแตท่ ่ีประชุม ใหญ่จะกาหนด อธบิ าย มาตรา 1150 หมายถึง ในบริษัทหนึ่งบริษัทจะมีกรรมการอยู่เท่าไรและกรรมการได้รับค่าตอบแทนมากน้อย เพยี งใดกส็ ุดแล้วแตท่ ปี่ ระชมุ ใหญ่จะกาหนดให้มกี รรมการจานวนก่ีคนและไดค้ า่ ตอบแทนเท่าไร มาตรา 1151 อนั ผเู้ ปน็ กรรมการนนั้ เฉพาะแต่ทปี่ ระชุมใหญ่เทา่ นัน้ อาจจะต้ังหรอื ถอนได้ อธิบาย 1. มาตรา 1151 หมายถึง การแต่งต้ังและถอดถอนกรรมการน้ันขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุใหญ่ หาก กรรมการทาผดิ พลาดก่อให้เกดิ ความเสียหาย หรือกรรมการทจุ ริตกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหาย การถอนกรรมการออกจากบริษัท กเ็ ปน็ เรอื่ งของทป่ี ระชมุ ใหญ่ ผ้ถู ือหุน้ จะฟอ้ งต่อศาลเพอื่ ใหศ้ าลมีคาสัง่ ถอนกรรมการผนู้ ้นั ออกจากบริษัทไม่ได้ ฎ.310/2510ป. เฉพาะแต่ที่ประชุมใหญ่เท่าน้ัน อาจตั้งหรือถอนกรรมการได้ตามมาตรา 1151 ฉะนัน้ เมอ่ื บรษิ ัทไม่มกี ารประชมุ ใหญผ่ ถู้ ือหุ้นจะมาฟ้องขอใหเ้ พิกถอนการตั้งกรรมการมิได้ ฎ.12046/2547 ตามหนงั สือบรคิ ณหส์ นธิและข้อบังคบั ของบริษัทผคู้ ัดค้านในขอ้ 6 กาหนดว่า คณะกรรมการของบรษิ ัทมจี านวนไม่ตากว่า 3 นาย ซง่ึ แต่งต้ังโดยที่ประชุมใหญข่ องผูถ้ ือห้นุ ฯลฯ แม้จะไม่มีข้อความหา้ มมิ ให้เป็นกรรมการตลอดไป แต่ตามขอ้ บงั คบั ดังกลา่ วกม็ ไิ ดก้ าหนดถงึ เรอื่ งการถอดถอนกรรมการไว้ จงึ ต้องนาขอ้ บังคับวา่ ดว้ ย หลกั ทว่ั ไปตามขอ้ 1 ซง่ึ กาหนดใหน้ าบทบญั ญตั แิ หง่ ป.พ.พ. ในสว่ นท่ีวา่ ดว้ ยบรษิ ทั จากัดมาใช้แกบ่ รษิ ัทผคู้ ัดคา้ นซึ่งตาม ป. พ.พ. มาตรา 1151 กาหนดใหม้ ติที่ประชมุ ใหญเ่ ท่านนั้ ท่ีจะแตง่ ตง้ั หรอื ถอดถอนกรรมการทีไ่ ดร้ ับแตง่ ตงั้ ได้ การทีเ่ คยมมี ติที่ ประชุมใหญว่ สิ ามญั คร้งั ที่ 3/2533 ตั้งให้ผูร้ อ้ งเปน็ กรรมการของบรษิ ัทผู้คัดค้านตลอดไป กม็ ิไดห้ มายความวา่ มติดังกลา่ ว จะลบล้างบทบัญญัตมิ าตรา 1151 ได้ การท่ีบริษัทผ้คู ัดค้านมีมติท่ีประชุมใหญส่ ามัญคร้ังที่ 37 ให้ถอดถอนผรู้ อ้ งออกจาก การเป็นกรรมการบรษิ ทั จึงมผี ลเท่ากับว่ามติท่ีประชมุ ใหญ่ดงั กล่าวได้เปล่ยี นแปลงมติที่ประชมุ ใหญ่วิสามญั คร้ังท่ี 3/2533 เม่ือไม่ปรากฏวา่ มตคิ ร้ังท่ี 37 เป็นการลงมติฝา่ ฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบงั คบั ของบริษัทผคู้ ัดค้านจึงไม่มีเหตุทจี่ ะเพิกถอนมติ ทีป่ ระชุมใหญส่ ามัญครง้ั ท่ี 37 2. แมก้ ารถอนกรรมการศาลจะไม่มีอานาจกระทาได้เพราะเป็นเร่ืองของท่ีประชมุ ใหญ่ แตถ่ ้าเป็นกรรมการชว่ั คราวท่ี สรปุ หลกั กฎหมาย หา้ งหนุ้ สว่ น – บรษิ ทั โดย : ไพบลู ย์ วนพงศท์ พิ ากร พนกั งานอยั การ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook