wk3

วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00-16.00 น. หวั ขอ้ การบรรยาย: กิจกรรมกลมุ่ สัมพันธ์ Team Building วทิ ยากร: : ดร.พรทิพย์ พิมพส์ ุรโสภณ สรปุ เน้อื หา /ประเด็นการอบรม กจิ กรรม สรปุ สาระสาคัญจากกจิ กรรม 1. กิจกรรมสานสัมพนั ธท์ าความร้จู ักเพ่อื น การสร้างสัมพันธภาพในองค์กรโดยใชก้ ารสื่อสารท่ดี ี เขยี นป้ายชอ่ื ตัวเองและทาความรู้จักเพอื่ นข้าง ๆ เพือ่ สรา้ งทีม การสรา้ งความประทับใจและการมี มนษุ ยสมั พันธ์ทดี่ ี 2. กิจกรรมทาความรจู้ ักกนั ทักทายตามสญั ชาติ การทางานในองค์กรต้องมีกฎ กตกิ า ขอ้ ตกลง ประกอบท่าทาง เพลง Hello friend Hello friend รว่ มกนั รว่ มแรง รว่ มใจกัน งานจงึ จะประสบ How are you (1 step back Another step ความสาเรจ็ back) 3. กิจกรรมการทางานเป็นทีม ความสามัคคขี องสมาชกิ ในทีม ภาวะความเป็นผูน้ า แบง่ กลุ่ม 5 กล่มุ ใหต้ ้ังชอ่ื กล่มุ เป็นชื่อสัตว์ ให้สมาชิก ในกลุ่มคดิ ท่าประกอบรว่ มกัน 4. กิจกรรมการสื่อสารแบบกระซบิ สาร ทักษะการสื่อสารท่ีดีเพือ่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจ ตวั แทนแต่ละกลมุ่ ออกไปรบั สารจากวทิ ยากร มีเป้าหมายท่เี ป็นเป้าหมายเดียวกนั แลว้ มาส่งสารตอ่ สมาชิกในกล่มุ 5. กจิ กรรมคบี ลกู ปิงปอง สร้างความสามัคคี ถ้ามีความผดิ พลาดต้องช่วยกัน แกป้ ัญหา ไมก่ ลา่ วโทษ ตาหนิ มีการแชร์ท้ังความ ผดิ พลาดและความสาเร็จ 6. กจิ กรรมเล่นเกมตอ่ คาศัพทภ์ าษาอังกฤษ ทักษะการสงั เกต ความร่วมมือ ความสามคั คี 7. กจิ กรรมโยนลูกบอลประกอบเพลง ทกั ษะการอยู่ร่วมกันกับผู้อ่นื และการสร้างมนุษย เพลงหยดุ แลว้ ลูกบอลอยู่ท่ใี ครออกมารว่ มทา สมั พันธ์ กิจกรรมหนา้ แถว เต้นเพลจงิ้ จก เพลงคางคก 8. กจิ กรรมระดมสมอง แนวทางการทางานภายใต้ขอ้ จากดั ให้มกี ารบรหิ าร แมวสองตัว เจ้าของติดโควดิ คนขา้ งบ้านจะเอาแมว จดั การท่ีดี ไปเลีย้ ง.. ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ แตง่ นิทานแลว้ ออกมาเล่า นทิ านใหเ้ พ่ือนฟงั 9. กจิ กรรมเพลงรวมเงนิ /กจิ กรรมจบั ค่เู พือ่ นทมี่ ี การส่ือสาร 2 ทาง (Two way communications) อะไรเหมอื นเรา อะไรทช่ี อบเหมอื นเรา 3 อยา่ ง นาเสนอส่ิงทช่ี อบเหมือนกัน 3 อย่าง 10. กิจกรรมเกมวิ่งแขง่ เกมวิง่ /รอดห่วง ความสามัคคี ความร่วมมือ 11. กจิ กรรมเกมลกู โปง่ และเป่าย้งิ ฉบุ ความสาเร็จบางอยา่ งได้มาง่าย บางอย่างไดม้ ายาก ต้องอาศัยความมุ่งม่นั และทุ่มเท สรุป Team Building ประกอบด้วย เป้าหมาย ภาวะความเป็นผู้นา การฝึกอบรม การส่ือสาร การมี สว่ นร่วม ความร่วมมือ การสอนงาน และแรงจงู ใจ

วนั ท่ี 10 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00-16.00 น. หวั ขอ้ การบรรยาย: การพฒั นางานประจาสู่งานวิจัย (Routine to Research) วทิ ยากร: อ.ดร.กติ ติพร เนาวส์ ุวรรณ การพฒั นางานประจาสู่งานวจิ ัย (Routine to Research) - ระดบั ของวารสารมี 3 ระดับ คอื TCI 1, TCI 2, TCI 3 จดั ตามระดบั คณุ ภาพจากคุณภาพระดับสงู เรยี ง ลงมาระดบั ต่า - Routine to Research (R to R) เป็นการทางานประจาให้เป็นงานวิจัย ใช้หลัก PDCA พัฒนาเป็น งาน CQI กไ็ ด้ แตต่ ้องใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่มี กี ารยอมรบั ร่วมดว้ ย - งานวจิ ยั ตอ้ งมวี ัตถุประสงคท์ ีช่ ัดเจน ค้นควา้ อย่างเปน็ ระบบ และได้องคค์ วามรู้ใหม่ - ระดับของข้อมูล: Meta-analyse and systemic reviews เป็นการทบทวนวรรณกรรมจานวนมาก, Randomized controlled trials เป็นการทดลอง, Cohort studies การศึกษาไปข้างหนา้ โดยต้อง ศกึ ษา 2 กลมุ่ , Case control studies, Cross sectional studies, Animal trial และ Case report - การสืบค้นขอ้ มูลสามารถหาได้จาก Thai Journal Online (ThaiJo), Google scholar - ผลของการวิจัย ต้องแก้ปัญหาภาระงานที่ทาอยู่ได้ นาไปสู่นโยบาย (Policy), การปฏิบัติ (Practice) และ การตีพิมพเ์ ผยแพร่ (Publication) - ปจั จัยความสาเรจ็ R to R : ผู้บรหิ ารเข้าใจและสนับสนุน ผปู้ ฏิบัติงานเข้าถึง ผลงานวจิ ัยใชป้ ระโยชน์ ได้จรงิ กลายเปน็ วัฒนธรรมองคก์ ร เปน็ เคร่อื งมือขององคก์ รแหง่ การเรียนรู้องค์กร - บทบาทของผู้บรหิ ารในการสนบั สนุน R to R: การสรา้ งแรงจูงใจ การจดั สรรเวลา สนบั สนุนทรัพยากร ฐานข้อมลู ในการสืบคน้ การทางานวิจยั เป็นทมี - ปัญหาของ R to R: ผู้บริหารไม่ให้ความสาคัญ ไม่มีเวลา ขาดที่ปรึกษา ไม่รู้จะเร่ิมต้นอย่างไร ขาด ทักษะการสืบค้นข้อมูล ไม่รู้แหล่งค้นคว้าข้อมูล ขาดทักษะการเขียนทางวิชาการ ขาดทักษะการใช้ คอมพิวเตอร์ ขาดขวัญและกาลงั ใจ ปัญหาการขอจริยธรรมวจิ ัย - Quantitative research (งานวิจัยเชิงปรมิ าณ) ใช้สถิตเิ ชิงพรรณา วตั ถปุ ระสงค์: เพ่ือศึกษาปจั จยั ที่มีอิทธิพล, เพ่ือศกึ ษาปจั จยั ทม่ี ีผล, เพ่อื ศึกษาปัจจยั ทม่ี คี วามสัมพันธ์, เพ่ือเปรยี บเทยี บ, เพ่ือศกึ ษาระดบั กรอบแนวคดิ : ไม่มกี รอบแนวคิด มเี พยี งแนวคดิ การวิจัย ระเบียบวิธีการวิจัย: จริยธรรมวิจัย, การวิเคราะห์ข้อมูล, การเก็บรวบรวมข้อมูล, การตรวจสอบ คณุ ภาพเคร่อื งมอื Validity และ Reliability (เครอ่ื งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย เช่น แบบสอบถาม), ประชากร กลมุ่ ตัวอยา่ ง (ใช้โปรแกรม G* Power Analysis ในการคานวณหาจานวนกลุม่ ตัวอยา่ ง), ผลการวิจัย, อภิปรายผล, ขอ้ เสนอแนะ - Validity o ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับจุดประสงค์ (Index of Item Objective Congruence: IOC) เป็นการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญ 3, 5, 7 คน มีค่าระหว่าง -1.00 ถึง 1.00 กรณีตา่ กวา่ 0.5 ให้ตดั ทง้ิ หากเป็นข้อสาคัญใหป้ รับปรุง แก้ไข เกณฑ์ใหค้ ะแนนเปน็ -1, 0, +1

o ดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity Index: CVI) เปน็ การพจิ ารณาจากผูเ้ ชยี่ วชาญ 3, 5, 7, 9,… คน มคี า่ ระหวา่ ง 0.00 ถึง 1.00 เกณฑ์ CVI ต้องมากกวา่ 0.78 เกณฑใ์ หค้ ะแนน เปน็ 4, 3, 2, 1, 0 - Reliability o แบบสอบถามวัดความรู้ ถูก/ผิด ตอบถูกให้ 1 ตอบผิดให้ 0 ให้ใช้เกณฑ์ KR20 โดยค่าต้อง มากกว่า 0.70 o แบบสอบถามเป็นระดับ 4, 3, 2, 1 คาตอบ Rating scale ให้ใช้เกณฑ์ Cronbach’s alpha Coefficient โดยค่าต้องมากกวา่ 0.70 - Quanlitative research (งานวิจัยเชงิ คณุ ภาพ) วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษากลยุทธ์, เพ่ือศึกษาสาเหตุ, เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีมีผล, เพ่ือเปรียบเทียบ, เพื่อ ศกึ ษาแนวปฏิบตั ิที่ดี, เพ่ือศกึ ษาประสบการณ์ กรอบแนวคิด: ไม่มกี รอบแนวคดิ ระเบยี บวิธกี ารวจิ ัย: จริยธรรมวิจยั , การวิเคราะหข์ อ้ มลู สรปุ ประเด็น, การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของ ข้อมูล, การเก็บรวบรวมข้อมูล, การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ Validity, ผู้ให้ข้อมูล (ไม่มีกลุ่ม ประชากร), ผลการวิจัย, อภิปรายผล, ขอ้ เสนอแนะ - Experimental Research (งานวิจัยเชิงทดลอง) ประกอบด้วย ช่ือเรื่องวิจัย วัตถุประสงค์ท่ัวไป วัตถุประสงคเ์ ฉพาะ สมมตฐิ านการวิจัย (ตวั อย่างประชากรใช้การสุ่มตัวอย่าง เช่น หยิบสลาก สุม่ ดว้ ย คอมพิวเตอร์ สุ่มตามชั้นภมู ิ สมุ่ แบบกล่มุ สุม่ แบบมีระบบ ส่มุ แบบหลายขัน้ ตอน) กรอบแนวคดิ : ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม ระเบียบวิธีการวิจัย: จริยธรรมวิจัย, การวิเคราะห์ข้อมูล, การเก็บรวบรวมข้อมูล, การตรวจสอบ คณุ ภาพเคร่ืองมือ Validity และ Reliability, เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจยั , ประชากร กลุ่มตวั อยา่ ง (ใช้ โปรแกรม G* Power Analysis ในการคานวณหาจานวนกลุ่มตัวอย่าง), ผลการวิจัย, อภิปรายผล, ขอ้ เสนอแนะ - Research and Development (R & D) ประกอบดว้ ย ชื่อเร่ืองวจิ ัย วตั ถปุ ระสงค์วจิ ัย สมมติฐานการ วิจัย ระเบยี บวิธกี ารวิจัย ผลการวิจยั อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ ระเบียบวิธีการวิจยั ของ R & D มี 3 ข้นั ตอน 1. ศึกษาแบบแผนการเรียนรู้ 2. พฒั นารูปแบบ 3. ศกึ ษาประสิทธผิ ลรูปแบบ - R & D Innovation (นวตั กรรม) ต้องบอกไดว้ า่ ใครบอกว่านวตั กรรมของเราดี และ ดีกว่าของคนอื่น อย่างไร ประกอบด้วย ช่ือเร่ืองวิจัย วัตถุประสงค์วิจัย สมมติฐานการวิจัย ระเบียบวิธีการวิจัย ผลการวจิ ัย อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ ระเบยี บวิธกี ารวิจัยของ R & D Innovation ข้นั ตอนท่ี 1 สร้างและพฒั นานวัตกรรม ขน้ั ตอนที่ 2 ศึกษาประสทิ ธผิ ลของนวตั กรรม - Action research - สถติ ิที่ใชห้ าความสมั พนั ธ์: Pearson, Chi square

วันท่ี 11 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00-16.00 น. หวั ขอ้ การบรรยาย: การทศั นศึกษาชุมชนเมืองสงขลา วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00-16.00 น.

หวั ขอ้ การบรรยาย: การนาเสนอ PBLกลุ่ม5 ผู้บนั ทกึ : นางมณฑา ถริ ะวุฒิ