Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาหารและสารอาหาร ป6

อาหารและสารอาหาร ป6

Description: อาหารและสารอาหาร ป6

Search

Read the Text Version

คำนำ เอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง อาหาร และสารอาหาร กลุ่มสาระการ เรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ สาหรบั นักเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 จดั ทาขน้ึ เพ่อื ใช้ ประกอบในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยไดร้ วบรวมเน้ือหาทเ่ี ป็นความรู้ มี คาถามเพ่ือทบทวนความรู้ความเข้าใจในบทเรยี น ผู้เรยี นสามารถเรยี นรู้ ความสามารถทางเอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง อาหารและสารอาหาร ประกอบดว้ ยเน้อื หา ดงั น้ี 1. อาหารและสารอาหาร 2. สดั สว่ นพลงั งานจากสารอาหาร ผู้จดั ทาหวงั เป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการเรยี นน้ี จะช่วยให้ นกั เรยี นเขา้ ใจเน้อื หาไดง้ า่ ยและชดั เจนยงิ่ ขน้ึ และสามารถสรา้ งองคค์ วามรไู้ ด้ ด้วยตนเอง ทงั้ ยงั เป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจศกึ ษาท่จี ะนาไปเป็นแนวทางใน การปรบั ปรุง การเรยี นการสอนตอ่ ไป

สารบญั หน้ำ 1 เรอื่ ง 2 คาแนะนาการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น 5 มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชว้ี ดั สาระสาคญั 7 แบบสดสอบก่อนเรยี น 8 ตอนท่ี 1 อาหารและสารอาหาร 9 10 อาหาร 11 สารอาหาร 13 สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน 14 สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน 17 กจิ กรรมท่ี 1 อาหารและสารอาหาร 22 คาถามหลงั จากทากจิ กรรม 26 ตอนท่ี 2 สดั สว่ น และพลงั งานจากสารอาหาร 27 กจิ กรรมท่ี 2 สดั สว่ นและพลงั งานจาก 29 สารอาหาร 34 กจิ กรรมท่ี 3 สดั สว่ นและพลงั งานจาก สารอาหาร แบบทดสอบหลงั เรยี น เฉลย เอกสารอา้ งองิ

1 คำแนะนำกำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรียน ในการศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง อาหารและสารอาหาร จะเกดิ ประโยชน์สงู สุด และบรรลุตามจดุ ประสงค์ นกั เรยี นควรมคี วามเขา้ ใจ ดงั น้ี 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง อาหาร และสารอาหาร 2. ศกึ ษาจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. สารวจ สบื คน้ ขอ้ มลู ในเอกสารประกอบการเรยี นเล่มน้ใี หเ้ ขา้ ใจอยา่ ง ละเอยี ด 4. เมอ่ื มขี อ้ สงสยั หรอื พบปัญหาในการศกึ ษาคน้ ควา้ หรอื ไมเ่ ขา้ ใจ ใหข้ อ คาแนะนาหรอื สอบถามคุณครผู สู้ อน 5. ถา้ ไมเ่ ขา้ ใจตอนใดใหย้ อ้ นกลบั ไปทบทวนอกี ครงั้ 6. เมอ่ื สารวจ สบื คน้ ขอ้ มลู และทาความเขา้ ใจดแี ลว้ ใหน้ กั เรยี นทาใบ กจิ กรรม 7. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น

2 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ และตวั ชี้วดั สำระที่ 1 วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของสง่ิ มีชีวติ หน่วยพ้ืนฐานของสงิ่ มีชีวติ การ ลาเลยี งสารผ่านเซลล์ ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องระบบต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ท่ี างานสมั พนั ธ์ กนั ความสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าท่ี ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ทท่ี างานสมั พนั ธก์ นั รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วดั ป. 6/1 ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของ สารอาหารแต่ละประเภท จากอาหารทต่ี นเอง รบั ประทาน ตัวชี้วดั ป. 6/2 บอกแนวทางในการเลือกรบั ประทานอาหารให้ได้สารอาหาร ครบถว้ นในสดั สว่ นทเ่ี หมาะสมกบั เพศและวยั รวมทงั้ ความปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ ตวั ชี้วดั ป. 6/3 ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของสารอาหาร โดยการเลอื กรบั ประทาน อาหารท่ีมีสารอาหารครบถ้วนในสดั ส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศและวยั รวมทัง้ ปลอดภยั ตอ่ สขุ ภาพ

3 จดุ ประสงค์ 1. นักเรยี นสามารถระบุสารอาหารแต่ละประเภท จากอาหารทต่ี นเองรบั ประทานได้ 2. นักเรยี นสามารถบอกประโยชน์ของสารอาหาร จากอาหารทต่ี นเองรบั ประทาน 3. นักเรียนสามารถบอกแนวทางในการเลือก รบั ประทานอาหารใหไ้ ดส้ ารอาหารครบถว้ น 4. นักเรียนสามารถบอกแนวทางในการเลือก รบั ประทานอาหารให้ได้สดั ส่วนทเ่ี หมาะสมกบั เพศ และวยั ได้ 5. นักเรยี นสามารถบอกความสาคญั ของการเลอื ก รบั ประทานอาหารในสดั ส่วนทเ่ี หมาะสมกบั เพศและ วยั รวมทงั้ ปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ

4 สำระสำคญั อาหารแต่ละชนิด ประกอบด้วย สารอาหารท่ีแตกต่างกนั สารอาหารท่ีอยู่ใน อาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้า สารอาหารแต่ละประเภทลว้ นมปี ระโยชน์ต่อร่างกายทงั้ ทใ่ี หพ้ ลงั งานและไม่ใหพ้ ลงั งาน จึง ควรรบั ประทานอาหารใหไ้ ดส้ ารอาหารครบถว้ นและเพยี งพอกบั ความตอ้ งการของร่างกาย

5 เร่ือง อำหำรและสำรอำหำร คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกทส่ี ุดเพยี งคาตอบเดยี ว แลว้ กาเครอ่ื งหมาย X ลงใน ชอ่ ง ก ข ค หรอื ง ใหก้ ระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใหต้ รงกบั ความหมายของอาหารมากทส่ี ดุ ก. เป็นสง่ิ ทร่ี บั ประทานแลว้ ใหพ้ ลงั งาน ข. เป็นสงิ่ ทร่ี บั ประทานแลว้ ใหค้ วามอบอนุ่ แกร่ ่างกาย ค. เป็นสง่ิ ทร่ี บั ประทานแลว้ ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ ง. เป็นสงิ่ ทร่ี บั ประทานแลว้ ใหป้ ระโยชน์แกร่ า่ งกาย 2. ขอ้ ใดหมายถงึ สารอาหาร ก. องคป์ ระกอบของธาตุต่างๆในอาหาร ข. สงิ่ ทก่ี นิ แลว้ ใหพ้ ลงั งานและความอบอ่นุ แก่ร่างกาย ค. สารประกอบตา่ งๆทม่ี อี ยใู่ นอาหารรบั ประทานได้ ไมเ่ ป็นพษิ ง. สารเคมตี า่ งๆทเ่ี ป็นองคป์ ระกอบในอาหารซง่ึ ก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย 3. ขอ้ ใดแบง่ ประเภทของสารอาหารไดถ้ ูกตอ้ ง ก. 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สารอาหารหลกั 5 หมแู่ ละน้า ข. 3 ประเภท ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั ค. 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สารอาหารทใ่ี ห้ พลงั งานและสารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน ง. 3 ประเภท ไดแ้ ก่ แป้ง น้าตาลโมเลกลุ เดย่ี วและน้าตาลโมเลกุลคู่ 4. สารอาหารประเภทใดจดั อยใู่ นกลุม่ เดยี วกนั ก. โปรตนี น้า วติ ามนิ ข. ไขมนั โปรตนี วติ ามนิ ค. คารโ์ บไฮเดรต แร่ธาตุ น้า ง. คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั 5. ขอ้ ใดไมส่ ารอาหารทอ่ี ยใู่ นหมทู่ ่ี 1 ก. เน้อื หมู ข. ขา้ วเหนียว ค. ไขด่ าว ง. เผอื ก

6 6. เน้อื ไกแ่ ละนม ใหส้ ารอาหารประเภทใดตอ่ รา่ งกาย ก. โปรตนี ข. วติ ามนิ ค. เกลอื แร่ ง. ไขมนั 7.ผดั เปรย้ี วหวานใสก่ งุ้ มสี ารอาหารมากมาย ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. คารโ์ บไฮเดรต ข. วติ ามนิ ค. ไขมนั ง. โปรตนี 8.ถา้ ตอ้ งการใหค้ ณุ ยายสขุ ภาพดี นกั เรยี นควรหลกี เลย่ี งอาหารประเภทใดทจ่ี ะใหค้ ุณยาย ก. ผดั ผกั รวมมติ ร ข. ขา้ วผดั หมใู สผ่ กั คะน้า ค. ผดั เปรย้ี วหวานใสก่ งุ้ ง. ไก่ชุบแป้งทอด 9.เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหร้ ่างกายเจรญิ เตบิ โตเตม็ ท่ี วยั รุน่ ควรรบั ประทานอาหารชนดิ ใดมากทส่ี ดุ ก.เนย ผกั สเี ขยี ว ข.เน้ือสตั ว์ นม ไข่ ถวั่ ค.มะเขอื เทศ ขา้ ว ง.น้ามนั น้าเตา้ หู้ 10.จากขอ้ มลู ของธงโภชนาการ เราควรด่มื นม วนั ละกแ่ี กว้ ก. 2 แกว้ ข. 4 แกว้ ค. 6 แกว้ ง. 8 แกว้

7 พชื และสตั วร์ วมทงั้ มนุษยต์ อ้ งการอาหาร น้า อากาศ เพอ่ื การดารงชวี ติ อาหารของมนุษยส์ ว่ นใหญไ่ ด้ มาจากพชื และสตั ว์ สารอาหารคอื อะไร เหมอื นกบั อาหารหลกั 5 หมหู่ รอื ไม่ ?

อำฃหำร(Food) 8 หมู่ 1 คารโ์ บไฮเดรต สง่ิ ทเ่ี รารบั ประทานไดโ้ ดยปลอดภยั และใหส้ ารอาหารต่าง ๆ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ในประเทศไทยมกั จาแนกเป็น 5 หมู่ เพ่อื เป็นแนวทางใหค้ นไทยบรโิ ภคอาหารทห่ี ลากหลาย และครบสว่ น หมู่ 2 โปรตนี หมู่ 4 วติ ามนิ หมู่ 3 ไขมนั หมู่ 5 เกลอื แร่ เพอ่ื นๆคดิ วา่ สกุ ห้ี มอ้ น้ี มอี าหาร ครบทกุ หมหู่ รอื ไม่

9 หมายถงึ สารทม่ี อี ยใู่ นอาหาร ซง่ึ รา่ งกายสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ในการดารงชวี ติ ได้ แบง่ ออกเป็น 6 ประเภท คอื คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร่ และ น้า โดยใน 1 วนั เราควรรบั ประทานอาหารทม่ี สี ารอาหาร ครบทงั้ 6 ประเภท ถา้ ตอ้ งการจาแนกสารอาหารตามเกณฑก์ ารไดร้ บั พลงั งานจากสาร อาหาร สามารถแบ่งสารอาหารออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คอื สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน ไดแ้ ก่ ไขมนั โปรตนี ไดแ้ ก่ วติ ามนิ เกลอื คารโ์ บไฮเดรต แร่ และน้า โดยสารอาหารแตล่ ะกลุ่มจะใหป้ ระโยชน์ทแ่ี ตกตา่ งกนั ดงั น้ี

สำรอำหำรที่ให้พลงั งำน 10 พลงั งำน คำรโ์ บไฮเดรต พบในข้าว แป้ ง เผือก มัน และน้ าตาล ให้ พลงั งานแก่ร่างกาย 4 กโิ ลแคลอรตี ่อกรมั ช่วย ควบคุม การทางานของร่างกายให้เป็นปกติ ถา้ ขาดสารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต จะทา ให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีแรง ซูบผอม ความ ตา้ นทานโรคมนี ้อย อาจเกดิ โรคแทรกไดง้ า่ ย โปรตีน พบในเน้ือสตั ว์ ไข่ นม ถวั่ เมลด็ แหง้ และ งา ให้พลงั งานแก่ร่างกาย 4 กโิ ลแคลอรี ต่อกรัม ทาให้ร่างกายเจริญเติบโต มี สุขภาพดี เสรมิ สรา้ งและซ่อมแซมส่วนท่ี สึกหรอ ช่วยควบคุมการทางานของ ร่างกายให้เป็นปกติ ถ้าขาดสารอาหาร ประเภทโปรตนี จะทาใหร้ า่ งกายซบู ผอม ไขมนั พบในน้ามนั และไขมนั จากพชื และสตั ว์ ให้พลงั งานแก่ร่างกาย 9 กิโลแคลอรตี ่อ กรมั ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และควบคุม การทางานของร่างกายให้เป็ นปกติ ถ้า ขาดสารอาหารประเภทไขมัน จะทาให้ รา่ งกายซบู ผอม ผวิ หนงั เหย่ี วยน่

สำรอำหำรท่ีไม่ให้ 11 วิตำมิน พบในผลไม้ พืช ผกั ช่วยเสรมิ สร้างการทางาน ข อ งร่างก าย ให้ เป็ น ป ก ติ ท าให้ ร่างก าย เจรญิ เตบิ โต มสี ุขภาพดี ถา้ ขาดวติ ามนิ อาจทาให้ เป็นโรคต่าง ๆ เช่น ขาดวติ ามินเอ ทาใหเ้ กดิ โรค ตาฟาง ตาบอดกลางคนื เกลอื แร่ พบในผลไม้ พชื ผกั ช่วยเสรมิ สรา้ งการทางาน ของร่างกาย ใหเ้ ป็นปกติ ทาใหร้ ่างกายเจรญิ เตบิ โต มสี ขุ ภาพดี ตลอดจนเป็นสว่ นประกอบหลกั ของอวยั วะ เช่น กระดกู และฟัน ร่างกาย ตอ้ งการ เกลอื แรใ่ นปรมิ าณน้อย แตข่ าดไมไ่ ด้ เกลอื แร่ท่ี รา่ งกายตอ้ งการ เชน่ แคลเซยี ม ฟอสฟอรสั ไอโอดนี เหลก็ แมกนเี ซยี ม และโซเดยี ม ถา้ ร่างกายขาดเกลอื แร่กจ็ ะทาใหเ้ กดิ โรคต่าง ๆ เช่น ถา้ ขาดธำตแุ คลเซียม จะเป็นโรคกระดกู ออ่ น กระดกู ไมแ่ ขง็ แรง ถา้ ขาดธำตเุ หลก็ จะเป็นโรคโลหติ จาง รา่ งกายอ่อนแอ เบ่อื อาหาร ถา้ ขาดธำตไุ อโอดีน ไดแ้ ก่ โรคคอหอยพอก ตอ่ มไทรอยดบ์ วม

น้ำ 12 ร่างกายมนุษยม์ นี ้าเป็นสว่ นประกอบประมาณ 60 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องน้าหนกั ตวั น้าทาหน้าทล่ี าเลยี ง อาหาร และสารต่างๆไปทวั่ ร่างกาย ถา้ รา่ งกายขาด น้าจะทาใหอ้ ณุ หภมู ขิ องรา่ งกายสงู เกดิ ตะครวิ หมด แรง หน้ามดื วงิ เวยี น จนเสยี ชวี ติ ได้ ดงั นนั้ ในแต่ละ วนั เราจงึ ควรด่มื น้าอยา่ งน้อย 6-8 แกว้ หรอื รบั ประทานผกั ผลไมท้ ม่ี นี ้า สะสมอยมู่ าก เชน่ แตงโม สม้ สบั ปะรด แตงกวา โดย ทวั่ ไปมนุษยจ์ ะ ขาดน้าไดไ้ มเ่ กดิ 7 วนั ปรมิ าณน้า ทจ่ี าเป็นตอ้ งดม่ื ตอ่ วนั ขน้ึ อยกู่ บั ความรอ้ นของอากาศ และกจิ กรรมของมนุษย์ ในวนั ทอ่ี ากาศ รอ้ นจดั รา่ งกายอาจสญู เสยี น้าถงึ 2 ลติ รตอ่ ชวั่ โมงหรอื นกั กฬี าทต่ี อ้ งออกกาลงั มากเป็นระยะเวลานาน เช่น นกั วงิ่ มาราธอนจะตอ้ งด่มื น้าเพม่ิ มากกวา่ ปกติ เพราะรา่ งกายสญู เสยี น้าไปมากทงั้ ทางเหงอ่ื และ ลมหายใจออก เน่อื งจากตอ้ งหายใจเรว็ และแรงมากกว่าปกติ นกั วง่ิ อาจจะสญู เสยี น้า 1-2 ลติ รตอ่ ชวั่ โมง ในแตล่ ะวนั เราควรรบั ประทานอาหารใหไ้ ดร้ บั สารอาหารครบทงั้ 6 ประเภท เพอ่ื ใหร้ ่างกาย ไดร้ บั ประโยชน์จากสารอาหาร และทาใหเ้ รามกี ารเจรญิ เตบิ โตและดารงชวี ติ ไดเ้ หมาะสมตามเพศและ วยั เพอ่ื นๆรหู้ รอื ไม่ ว่ามนุษยเ์ ราสามารถอยไู่ ดโ้ ดย ไมม่ นี ้า ราว 1 สปั ดาห์ หรอื อาจแค่ 3-4วนั เท่านนั้ ซง่ึ ขน้ึ อยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มทแ่ี ต่ละคนอาศยั อยู่

อำหำร และสำรอำหำร 13 จดุ ประสงค์ 1. นกั เรยี นสามารถรวบรวมขอ้ มลู บอกความหมาย และประโยชน์ของสารอาหาร จากอาหารทต่ี นเองรบั ประทาน 2. นกั เรยี นสามารถจาแนกประเภทของสารอาหารทต่ี นเองรบั ประทาน คำชี้แจง เขยี นช่อื อาหาร จาแนกสว่ นประกอบในอาหารทร่ี บั ประทาน แลว้ ขดี √ ในชอ่ ง สารอาหารทพ่ี บในสว่ นประกอบของอาหารนนั้ ๆ พรอ้ มทงั้ เขยี นประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากสารอาหาร สำรอำหำร ชื่ออำหำร ส่วนประกอบใน โปร ีตน ประโยชน์ที่ได้รบั อำหำร คำร์โบไฮเดรต ไขมัน ิวตำ ิมน เกลือแร่ ้นำ ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ……………………………… ………………………………

14 คำถำมหลงั จำกทำกิจกรรม 1. สารอาหาร หมายถงึ ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… 2. สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… 3. สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งานไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… 4. นกั เรยี นไดร้ บั สารอาหารจากการรบั ประทานอาหารใน 1 มอ้ื ครบทงั้ 6 ประเภท หรอื ไม่ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………

145 คำถำมหลงั จำกทำกิจกรรม 5. นกั เรยี นไดป้ ระโยชน์จากอาหารทร่ี บั ประทานอะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 6. ถา้ ใน 1 วนั เราควรรบั ประทานอาหารใหค้ รบทงั้ 6 ประเภท อกี 2 มอ้ื นกั เรยี นควรรบั ประทานอาหารทม่ี สี ารอาหารอะไรอกี บา้ ง ยกตวั อยา่ งอาหาร ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 7. จากกจิ กรรมน้ี สรุปไดว้ า่ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………

16 คำชี้แจง : ทำเครื่องหมำย ✓ หน้ำข้อควำมท่ีถกู และเคร่ืองหมำย  หน้ำขอ้ ควำมที่ ผิด 1. อาหารหมขู่ า้ ว แป้ง น้าตาล เผอื ก มนั จะใหส้ ารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรตเป็น สว่ นใหญแ่ ก่ร่างกาย 2. ผกั และผลไมใ้ หส้ ารอาหารประเภทวติ ามนิ และเกลอื แร่ 3. อาหารหมไู่ ขมนั พชื และสตั ว์ จะใหพ้ ลงั งานและความอบอ่นุ แก่ร่างกาย 4. การรบั ประทานอาหารประเภทเน้ือสตั วเ์ ป็นประจา จะชว่ ยใหร้ ่างกายไดร้ บั แต่วติ ามนิ และเกลอื แรเ่ พมิ่ มากขน้ึ xc 5. คารโ์ บไฮเดรตเป็นสารอาหารทส่ี าคญั ทส่ี ดุ ในบรรดาสารอาหารทงั้ หมด 6. อาหารประเภทเครอ่ื งในสตั ว์ ไขแ่ ดง และผกั ใบเขยี ว จะใหเ้ กลอื แร่ประเภทเหลก็ แก่ ร่างกาย 7. ควรรบั ประทานเน้อื สตั วม์ ากกวา่ ผกั และผลไม้ เพราะใหพ้ ลงั งานมากกว่า 8. ผทู้ ต่ี อ้ งการลดน้าหนกั ไม่ควรบรโิ ภคสารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรตและไขมนั มาก เกนิ ความตอ้ งการของร่างกาย 9. เราควรดม่ื น้าอยา่ งน้อยวนั ละ 6-8 แกว้ 10.เพศและวยั ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ความตอ้ งการพลงั งานของร่างกาย

17 สารอาหารท่ีอยู่ในอาหารต่างๆ แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วติ ามนิ ไขมนั เกลือแร่ และน้า ซ่ึงแต่ละประเภทให้ประโยชน์แตกต่างกนั ในแต่ละวนั ร่างกาย ไดร้ บั สารอาหารทงั้ 6 ประเภท โดยมสี ดั สว่ นดงั แสดงไวใ้ นธงโภชนาการ ดงั รปู วนั ละ 8-12 ทพั พี วนั ละ 4-6 ทพั พี วนั ละ 3-5 สว่ น วนั ละ 1-2 แกว้ วนั ละ 6-12 ชอ้ นกนิ ขา้ ว วนั ละน้อยๆ ทม่ี า : กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข (2551)

เดก็ ๆ สำมำรถรบั ประทำนอำหำรต่ำงๆ ในแต่ละกลมุ่ 18 เทียบได้ตำมสดั ส่วนขำ้ งลำ่ งนี้ กลุม่ ขา้ ว – แป้ง ข้าว 1 ทัพพี เท่ากับก๋วยเตี๋ยว 1 ทัพพี เท่ากับข้าว กลุ่มผกั เหนียว ½ ทพั พี เท่ากบั ขนมจนี 1 จบั เท่ากบั ขนมปัง 1 กล่มุ ผลไม้ แผน่ เทา่ กบั บะหม่ี 1 กอ้ น กล่มุ เน้อื สตั ว์ ฟักทองสุก 1 ทพั พี เท่ากบั ผกั คะน้าสุก 1 ทพั พี เท่ากบั กลมุ่ นม ผกั บุง้ จนี สกุ 1 ทพั พี เทา่ กบั แตงกวาดบิ ½ ผลกลาง ผลไม้ 1 ส่วน เท่ากบั เงาะ 4 ผล เท่ากบั ฝรงั่ ½ ผลกลาง เท่ากับมะม่วงดิบ ½ ผล เท่ากับกล้วยน้าหว้า 1 ผล เท่ากับส้มเขยี วหวาน 1 ผลใหญ่ เท่ากับมะละกอหรือ สบั ปะรดหรอื แตงโม 6 – 8 ช้นิ พอดคี า เท่ากบั ลองกอง หรอื ลาไยหรอื องนุ่ 6 – 8 ผล ปลาทู 1 ชอ้ นกนิ ขา้ ว (1/2 ตวั ขนาดกลาง ) เท่ากบั เน้ือ หมู 1 ช้อนกินข้าว เท่ากับไข่ไก่ ½ ฟอง เท่ากบั เต้าหู้ แขง็ ¼ ชน้ิ เท่ากบั ถวั่ เมลด็ แหง้ สกุ 2 ชอ้ นกนิ ขา้ ว นมสด 1 แก้ว เท่ากบั โยเกริ ์ต 1 ถ้วย เท่ากบั นมพร่อง มนั เนย 1 แกว้ นอกจากสารอาหารทร่ี า่ งกายจาเป็นตอ้ งไดร้ บั ในสดั สว่ นทเ่ี หมาะสมแลว้ น้ายงั เป็นสารอาหารอกี ประเภทหน่ึงทร่ี ่างกายขาดไมไ่ ด้ เราควรด่มื น้าอยา่ งน้อยวนั ละ 6 - 8 แกว้ เพราะ น้ามปี ระโยชน์มากมาย เช่น เป็นสว่ นประกอบของอวยั วะและสว่ น ต่าง ๆ ของรา่ งกาย ชว่ ยใหร้ ่างกายชุ่มชน้ื ชว่ ยในการยอ่ ย ดดู ซมึ และลาเลยี ง สารอาหารในร่างกาย ดงั นนั้ เราไม่ ควรปลอ่ ยใหร้ า่ งกายขาดน้า เพราะจะเกดิ อนั ตรายแกร่ า่ งกายได้

19 การรบั ประทานอาหารในแตล่ ะวนั เราควรคานึงถงึ ปรมิ าณพลงั งานทไ่ี ดร้ บั จากอาหาร ดว้ ย เน่อื งจากความตอ้ งการพลงั งานของเพศชายและหญงิ ในแตล่ ะวยั ตา่ งกนั ดงั แสดงใน ตารางท่ี 1 เชน่ นกั เรยี นระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ทม่ี อี ายุ ในชว่ ง 11 - 12 ปี เพศชาย ควรไดร้ บั พลงั งานจากอาหารวนั ละ 1,700 กโิ ลแคลอรี เพศหญงิ ควรไดร้ บั พลงั งานวนั ละ 1,500 กโิ ลแคลอรี ดงั นนั้ เราควรรบั ประทาน อาหารใหไ้ ดพ้ ลงั งานเพยี งพอกบั ความตอ้ งการของรา่ งกาย ตำรำงที่ 1 ปริมำณพลงั งำนท่ีรำ่ งกำยต้องกำรในช่วงอำยตุ ่ำงๆ ใน 1 วนั อำยุ (ปี ) ปริมำณพลงั งำน (กิโลแคลอร)ี เพศชำย เพศหญิง 1 - 3 1000 1000 4 – 5 1300 1300 6 – 8 1400 1400 9 – 12 1700 1500 13 – 15 2100 1800 16 – 18 2300 1850 19 – 30 2150 1750 31 – 50 2100 1750 51 – 70 2100 1750 71 ขน้ึ ไป 1750 1550

20 ตำรำงแสดงพลงั งำนของอำหำรจำนเดียว ชนิ ดอำหำร ปริมำณ (กรมั ) พลงั งำน (กิโลแคลอร)ี เสน้ หมล่ี ูกชน้ิ เน้อื ววั น้า 447 226 392 239 กระเพาะปลากรงุ สาเรจ็ 323 243 ขนมจนี น้าเงย้ี ว 189 248 ขา้ วยาปักษ์ใต้ 305 256 354 292 ขนมจนี น้ายาปักษ์ใต้ 435 332 กว๋ ยเตยี๋ วเสน้ ใหญร่ าดหน้ากงุ้ 494 352 354 385 ขนมจนี น้ายา 354 397 กว๋ ยเตยี๋ วเสน้ ใหญ่เยน็ ตาโฟน้า 354 411 ก๋วยเตยี๋ วเสน้ ใหญ่ราดหน้าไก่ 391 417 กว๋ ยเตยี๋ วเสน้ ใหญ่ราดหน้าหมู 197 428 289 438 ขนมจนี ซาวน้า 350 454 กว๋ ยเตยี๋ วเสน้ ใหญเ่ น้อื สบั 272 466 หอยแมลงภู่ทอดใสไ่ ข่ 318 483 367 497 ขา้ วขาหมู 235 530 ก๋วยเตยี๋ วแกง 316 534 320 540 หมก่ี ะทิ 293 554 ขา้ วแกงเขยี วหวาน 315 557 114 574 ขนมจนี น้าพรกิ 244 577 กว๋ ยเตยี๋ วเสน้ เลก็ แหง้ หมู 298 582 300 596 ขา้ วหมกไก่ 296 614 ขา้ วหมแู ดง ขา้ วผดั ใบกะเพรา 350 679 ขา้ วผดั หมใู สไ่ ข่ หมก่ี รอบ กว๋ ยเตยี๋ วผดั ไทใสไ่ ข่ ขนมผกั กาดใสไ่ ข่ ขา้ วมนั ไก่ ขา้ วคลกุ กะปิ ก๋วยเตยี๋ วเสน้ ใหญผ่ ดั ซอี ว๊ิ หมใู ส่ ไข่

21 อำหำรที่เรำกินใน 1 วนั ให้พลงั งำนเพียงพอ กบั ควำมต้องกำรของรำ่ งกำยหรอื ไม่ จุดประสงค์ 1. วเิ คราะหข์ อ้ มลู และสรปุ ความตอ้ งการพลงั งานทค่ี วรไดร้ บั ใน 1 วนั ของเดก็ ไทยตาม เพศและวยั 2. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บปรมิ าณพลงั งานทไ่ี ดจ้ ากการกนิ อาหารกบั ปรมิ าณพลงั งาน ทร่ี ่างกายตอ้ งการใน 1 วนั อำหำรที่เรำกินใน ๑ วนั ให้พลงั งำนเพียงพอกบั ควำมต้องกำรของรำ่ งกำย ข้อมลู เบอื้ งต้นของตวั ฉัน หรือไม่ อายุ...........................ปี พลงั งานทค่ี วรไดร้ บั ใน ๑ วนั = .................................กโิ ลแคลอรี ปริมำณพลงั งำนที่ได้จำกอำหำรที่เลือกกินแต่ละมอื อาหารเชา้ อาหารกลางวนั อาหารเยน็ ช่อื อาหาร ปรมิ าณ ชอ่ื อาหาร ปรมิ าณ ช่อื อาหาร ปรมิ าณ พลงั งาน พลงั งาน พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี (กโิ ลแคลอร)ี (กโิ ลแคลอร)ี รวม 1 ............. รวม 2 ............. รวม 3 ............. รวมปรมิ าณพลงั งานทร่ี บั จากอาหารใน 1 วนั 1 + 2 + 3 = ……………………กโิ ลแคลอรี มากเกนิ ไป พอดี น้อยเกนิ ไป .......................= ....................... กโิ ลแคลอรี

22 คำถำมหลงั จำกทำกิจกรรม จากการทากจิ กรรม จงตอบคาถามต่อไปน้ี 1. พลงั งานทเ่ี ราไดร้ บั จากอาหารทเ่ี ลอื กกนิ ใน 1 วนั เพยี งพอกบั ความตอ้ งการ พลงั งานทร่ี า่ งกายควรไดร้ บั หรอื ไม่ อยา่ งไร ควรปรบั ปรุงการเลอื กกนิ อาหาร อยา่ งไร อาหารเชา้ อาหารกลางวนั อาหารเยน็ ช่อื อาหาร ปรมิ าณ ชอ่ื อาหาร ปรมิ าณ ช่อื อาหาร ปรมิ าณ พลงั งาน พลงั งาน พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี (กโิ ลแคลอร)ี (กโิ ลแคลอร)ี รวม 1 รวม 2 รวม 3 ………………………………………………………………………………………… ………………………………… รวมปรมิ าณพลงั งานทร่ี บั จากอาหารใน 1 วนั รายการอาหารใน 1 วนั ทป่ี รบั ปรงุ 1 + 2 + 3 = ……………………กโิ ลแคลอรี 2. ถา้ รวมกบั อาหารอื่นๆ เช่น นม เคร่ืองดื่ม ขนม ผลไมแ้ ลว้ พลงั งานที่ไดร้ ับจากอาหารมี ปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ อยา่ งไร ......................................................................................................................................... .........................................................................................................................................

23 3. ใน 1 วนั แตล่ ะคนตอ้ งการพลงั งานเท่ากนั หรอื ไม่ …………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………..…………………………………………………………………………………… 4. ความตอ้ งการพลงั งานแต่ละวนั ขน้ึ อยกู่ บั อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………..…………………………………………………………………………………… 5. นกั เรยี นตอ้ งการพลงั งานในแต่ละวนั เทา่ ใด …………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………..…………………………………………………………………………………… 6. การรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวยั ของตนเอง ตอ้ ง คานงึ ถงึ สงิ่ ใดบา้ ง …………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………..………………………………………… …………………………………………………………………………………………………… ……………..……………………………………………………………………………………

24 ร่างกายของมนุษย์มกี ารเจรญิ เติบโต สงั เกตไดจ้ ากการเปลย่ี นแปลงสดั ส่วน ของร่างกาย เช่น สดั ส่วนของเสน้ รอบศรี ษะและเสน้ รอบอก ความยาวแขน ขา และ รอบเอว น้ าหนักและส่วนสูง ตัง้ แต่วัยทารกจนคงท่ีในวัยผู้ใหญ่ และมีการ เปลย่ี นแปลงร่างกายทแ่ี สดงออกถงึ ความแตกต่างระหว่างเพศชายและเพศหญิงใน วยั รนุ่ จากนนั้ วยั ผใู้ หญ่จะมกี ารเปลย่ี นแปลงน้อยมาก ในแต่ละวันร่างกายควรได้รับสารอาหารครบทัง้ 6 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้า ซ่ึงสารอาหารแต่ละประเภท มี ประโยชน์แตกตา่ งกนั ดงั น้ี • โปรตีน ใหพ้ ลงั งานแก่ร่างกาย ช่วยในการเจรญิ เติบโตของร่างกายและช่วย ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ • คำรโ์ บไฮเดรต ใหพ้ ลงั งานแกร่ ่างกาย • ไขมนั ใหพ้ ลงั งานแกร่ า่ งกาย • วิตำมินและเกลือแร่ ช่วยใหอ้ วยั วะต่างๆ ทางานไดเ้ ป็นปกติ • น้ำ ช่วยใหค้ วามชุ่มชน้ื ช่วยในการย่อยอาหารการลาเลยี งสารต่างๆ รวมถึง ชว่ ยในการควบคุม อณุ หภมู ขิ องร่างกาย นอกจากน้ีเราควรรบั ประทานอาหารให้ได้สดั ส่วนตามธงโภชนาการของ กระทรวงสาธารณสุข และไดร้ บั ปรมิ าณพลงั งานอาหารทเ่ี พยี งพอกบั ความตอ้ งการ ในแต่ละเพศและวยั รวมทงั้ ควรออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ พกั ผ่อนและขบั ถ่าย เป็นเวลา พฤตกิ รรมเหล่าน้ีลว้ นช่วยใหร้ ่างกายเจรญิ เตบิ โตสมสว่ นตามเพศและวยั

25 อำหำรท่ีเรำกินใน 1 วนั ให้พลงั งำนเพียง 3.5 พอกบั ควำมต้องกำรของร่ำงกำยหรือไม่ จดุ ประสงค์ สามารถวเิ คราะหส์ ารอาหารจากเมนูอาหารในชวี ติ ประจาวนั คำชี้แจง จากรปู อาหารแต่ละชนิด มสี ารอาหารประเภทใดบา้ ง นม สลดั ขา้ วเหน่ยี วมะมว่ ง …………………… …………………… …………………… ……...................... …………………… ……...................... ............................. …………………… ............................. …………………… .................... .................. … ไกย่ า่ ง กุง้ ชบุ แป้งทอด ปลานิลยา่ งเกลอื …………………… …………………… …………………… ……...................... ……...................... ……...................... ............................. ............................. ............................. ..................... ................... .................... ฝรงั ่ ขา้ วโพดตม้ …………………… …………………… ……...................... ……...................... ............................. .............................

26 เรอื่ ง อำหำรและสำรอำหำร คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทถ่ี ูกทส่ี ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว แลว้ กาเครอ่ื งหมาย X ลงใน ชอ่ ง ก ข ค หรอื ง ใหก้ ระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใหต้ รงกบั ความหมายของอาหารมากทส่ี ุด ก. เป็นสงิ่ ทร่ี บั ประทานแลว้ ใหพ้ ลงั งาน ข. เป็นสง่ิ ทร่ี บั ประทานแลว้ ใหค้ วามอบอุ่นแกร่ ่างกาย ค. เป็นสงิ่ ทร่ี บั ประทานแลว้ ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ ง. เป็นสงิ่ ทร่ี บั ประทานแลว้ ใหป้ ระโยชน์แกร่ ่างกาย 2. ขอ้ ใดหมายถงึ สารอาหาร ก. องคป์ ระกอบของธาตุต่างๆในอาหาร ข. สงิ่ ทก่ี นิ แลว้ ใหพ้ ลงั งานและความอบอุ่นแกร่ ่างกาย ค. สารประกอบตา่ งๆทม่ี อี ยใู่ นอาหารรบั ประทานได้ ไมเ่ ป็นพษิ ง. สารเคมตี า่ งๆทเ่ี ป็นองคป์ ระกอบในอาหารซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อรา่ งกาย 3. ขอ้ ใดแบง่ ประเภทของสารอาหารไดถ้ ูกตอ้ ง ก. 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สารอาหารหลกั 5 หมแู่ ละน้า ข. 3 ประเภท ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั ค. 2 ประเภท ไดแ้ ก่ สารอาหารทใ่ี ห้ พลงั งานและสารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน ง. 3 ประเภท ไดแ้ ก่ แป้ง น้าตาลโมเลกลุ เดย่ี วและน้าตาลโมเลกลุ คู่ 4. สารอาหารประเภทใดจดั อยใู่ นกล่มุ เดยี วกนั ก. โปรตนี น้า วติ ามนิ ข. ไขมนั โปรตนี วติ ามนิ ค. คารโ์ บไฮเดรต แร่ธาตุ น้า ง. คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี และไขมนั 5. ขอ้ ใดไมส่ ารอาหารทอ่ี ยใู่ นหมทู่ ่ี 1 ก. เน้อื หมู ข. ขา้ วเหนยี ว

27 ค. ไขด่ าว ง. นมเปรย้ี ว 6. เน้อื ไกแ่ ละนม ใหส้ ารอาหารประเภทใดต่อร่างกาย ก. โปรตนี ข. วติ ามนิ ค. เกลอื แร่ ง. ไขมนั 7.ผดั เปรย้ี วหวานใสก่ งุ้ มสี ารอาหารมากมาย ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. คารโ์ บไฮเดรต ข. วติ ามนิ ค. ไขมนั ง. โปรตนี 8.ถา้ ตอ้ งการใหค้ ณุ ยายสุขภาพดี นกั เรยี นควรหลกี เลย่ี งอาหารประเภทใดทจ่ี ะใหค้ ุณยาย ก. ผดั ผกั รวมมติ ร ข. ขา้ วผดั หมใู สผ่ กั คะน้า ค. ผดั เปรย้ี วหวานใสก่ งุ้ ง. ไก่ชบุ แป้งทอด 9.เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โตเตม็ ท่ี วยั รุ่นควรรบั ประทานอาหารชนิดใดมากทส่ี ดุ ก.เนย ผกั สเี ขยี ว ข.เน้ือสตั ว์ นม ไข่ ถวั่ ค.มะเขอื เทศ ขา้ ว ง.น้ามนั น้าเตา้ หู้ 10.จากขอ้ มลู ของธงโภชนาการ เราควรด่มื นม วนั ละกแ่ี กว้ ก. 2 แกว้ ข. 4 แกว้ ค. 6 แกว้ ง. 8 แกว้

28 แบบทดสอบก่อนเรยี น และแบบทดสอบหลงั 1. ง 2. ง 3. ค 4. ง 5. ง 6. ก 7. ก 8. ง 9. ข 10. ง กิจกกิจรกรรมรทม่ี 1ท่ี อ1ำอหำำหรำแรลแะลสะำสรำอรำอหำำหรำร 1. สารอาหาร หมายถงึ 3.สาสราทรม่ีออีายหใู่ านรอาหหมาารยซถง่ึ งึ รา่ งกายสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการดารงชวี ติ ได้ แบง่ ออกเป็น 6 ปรสะาเรภททม่ี อี ยใู่ นอาหาร ซง่ึ ร่างกายสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการดารงชวี ติ ได้ แบ่งออกเป็น 6 คอืปรคะาเภรโ์ ทบไฮเดรต โปรตนี ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร่ และน้า คอื คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั วติ ามนิ เกลอื แร่ และน้า 2. สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งานไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 4.สาสราอราอหาหาราทรทใ่ี หใ่ี หพ้ พ้ลงลั งั างนานคไอืดแ้โกป่อรตะไนี รบคา้ งรโ์ บไฮเดรต และไขมนั สารอาหารทใ่ี หพ้ ลงั งาน คอื โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมนั

29 กิจกรรมท่ี 1 อำหำร และสำรอำหำร (ต่อ) 3. สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งานไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง สารอาหารทไ่ี มใ่ หพ้ ลงั งาน คอื วติ ามนิ เกลอื แร่ และน้า 4. นกั เรยี นไดร้ บั สารอาหารจากการรบั ประทานอาหารใน 1 มอ้ื ครบทงั้ 6 ประเภท หรอื ไม่ อยา่ งไร คาตอบขน้ึ อยกู่ บั การรบั ประทานของนกั เรยี น 5. นกั เรยี นไดป้ ระโยชน์จากอาหารทร่ี บั ประทานอะไรบา้ ง คาตอบขน้ึ อยกู่ บั การรบั ประทานของนกั เรยี น 6. ถา้ ใน 1 วนั เราควรรบั ประทานอาหารใหค้ รบทงั้ 6 ประเภท อกี 2 มอ้ื นกั เรยี นควรรบั ประทานอาหารทม่ี สี ารอาหารอะไรอกี บา้ ง ยกตวั อยา่ งอาหาร คาตอบขน้ึ อยกู่ บั การรบั ประทานของนกั เรยี น 7. จากกจิ กรรมน้ี สรปุ ไดว้ า่ อยา่ งไร สามารถบอกความหมายของสารอาหาร จาแนกประเภทของสารอาหารทงั้ 6 ประเภท และบอกประโยชน์ของสารอาหารทต่ี นเองรบั ประทานในชวี ติ ประจาวนั ได้

30 กิจกรรมที่ 1 อำหำร และสำรอำหำร (ต่อ) แบบฝึ กหดั เคร่ืองหมำย ✓ หน้ำข้อควำมท่ีถกู และ เครอื่ งหมำย  หน้ำขอ้ ควำมที่ผิด 1. ถกู 6. ถกู 2. ถกู 7. ผิด 3. ถกู 8. ถกู 4. ผิด 9. ถกู 5. ผิด 10.ผิด

31 กิจกรรมท่ี 2 คำถำมหลงั จำกทำ กิจกรรม 2. ถา้ รวมกบั อาหารอ่นื ๆ เช่น นม เครอ่ื งดม่ื ขนม ผลไมแ้ ลว้ พลงั งานทไ่ี ดร้ บั จาก อาหารมปี รมิ าณทเ่ี หมาะสมหรอื ไม่ อยา่ งไร คาตอบขน้ึ อยกู่ บั รายการอาหารทแ่ี ต่ละคนเลอื กกนิ 3. ใน 1 วนั แตล่ ะคนตอ้ งการพลงั งานเท่ากนั หรอื ไม่ แต่ละคนตอ้ งการพลงั งานไมเ่ ท่ากนั 4. ความตอ้ งการพลงั งานแต่ละวนั ขน้ึ อยกู่ บั อะไรบา้ ง ขน้ึ อยกู่ บั เพศ วยั และกจิ กรรมทท่ี า 5. นกั เรยี นตอ้ งการพลงั งานในแตล่ ะวนั เท่าใด คาตอบขน้ึ อยกู่ บั อายุและเพศของนกั เรยี น 6. การรบั ประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั เพศและวยั ของตนเอง ตอ้ งคานงึ ถงึ สง่ิ ใดบา้ ง 33 ยดึ สดั สว่ น ปรมิ าณ ความพอดขี องอาหาร ความตอ้ งการสารอาหาร กิจกรรมท่ี 3 อำหำร และสำรอำหำร

32 แบบฝึ กหดั จำกรปู อำหำรแต่ละชนิด มสี ำรอำหำรประเภท ใดบำ้ งนม = โปรตนี สลดั = วติ ามนิ , เกลอื แร่ ขา้ วเหนยี วมะมว่ ง = คารโ์ บไฮเดรต, ไขมนั , วติ ามนิ ไก่ยา่ ง = โปรตนี กุง้ ชบุ แป้งทอด = คารโ์ บไฮเดรต, ไขมนั , โปรตนี ปลานลิ ยา่ งเกลอื = โปรตนี ฝรงั่ = วติ ามนิ ขา้ วโพด = คารโ์ บไฮเดรต

33 เเออกกสสำำรรออ้ำ้ำงงออิงิง มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์. อำหำรและสำรอำหำร. (ออนไลน์). แหล่งทม่ี า : www.dltv.ac.th/teachplan/episode/530. 14 ตุลาคม 2562. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.(2556).หนังสือเรียน รำยวิชำพื้นฐำนวิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปี ที่ 6. กรุงเทพมหานคร : องค์การค้า ของ สกสค. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.(2557).ค่มู ือรำยวิชำ พื้นฐำน วิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปี ที่ 6. กรงุ เทพมหานคร : องคก์ ารคา้ ของ สกสค. สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.(2560).หนังสือเรยี น รำยวิชำพื้นฐำนวิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปี ท่ี 6. กรุงเทพมหานคร : องคก์ ารค้า ของ สกสค. สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.(2560). แบบฝึ กหดั รำยวิชำ พื้นฐำนวิทยำศำสตร์ ชัน้ ประถมศึกษำปี ที่ 6. กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าของ สกสค.

34 คณะผจู้ ดั ทำ นางสาววชิ กาญจน์ จาปาทพิ ย์ รหสั นกั ศกึ ษา 59131113037 นางสาวประภาภสั ภาษรี อด รหสั นกั ศกึ ษา 59131113048 นางสาวณฐั พร ทองบญุ นะ รหสั นกั ศกึ ษา 59131113065 นกั ศกึ ษาชนั้ ปีท่ี 4 คณะครศุ าสตร์ สาขาวทิ ยาศาสตรท์ วั่ ไป หมเู่ รยี น 02


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook