Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มารยาทต่างๆในการอ่านคัมภีร์อัล-กุรอ่าน

มารยาทต่างๆในการอ่านคัมภีร์อัล-กุรอ่าน

Published by thaiislamlib.com, 2022-06-19 06:09:48

Description: มารยาทต่างๆในการอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่าน

Search

Read the Text Version

มารยาทตา ง ๆ ของการอา นคัมภีรอ ลั กุรอาน “จงประดับประดารัศมแี กบา นของพวกทา น โดยการอา นคมั ภีรอ ัล กุรอาน… บา นใดก็ตามทค่ี ัมภรี อัล กรุ อานไดถ กู อา นในบา นหลังน้ัน ความดีงามและความจําเรญิ (บะรอกตั ) ของมนั กจ็ ะเพิม่ พนู ” (ศาสดามฮุ มั มดั (ศอ็ ลฯ)) ดวยพระนามของพระองคผ ทู รงสงู สง อารมั ภบท ในคมั ภรี อ ลั กรุ อาน และในวจนะตางๆ ของทา นศาสนทตู แหง อสิ ลาม (ศ็อลฯ) รวมทั้งวจนะ ของบรรดาอิมามผบู รสิ ุทธ์ิ (อ.) กเ็ ชนเดียวกนั นอกจากจะเนน ใหอ า นคมั ภรี อัล กุรอานแลว ยงั ไดส่งั เสีย ในเร่ือง “การระวงั รกั ษามารยาทตางๆ ของการอาน” อกี ดว ย การระวังรักษามารยาทเหลานี้ นอกจากจะทําใหผูอา นไดรับผลรางวลั ของการอา นเพิ่มมากขนึ้ แลว ยังจะทาํ ใหผูอานคมั ภีรอ ลั กรุ อานน้นั เขาใจถงึ เปา หมายข้ันสงู สดุ ของการอานคมั ภีรอ ัล กุรอานมาก ยง่ิ ขน้ึ อีกดวย ซึ่งนั่นกค็ ือความเขาใจความหมายตา งๆ ของอลั กรุ อาน และการปฏบิ ัตติ ามคาํ สง่ั ตางๆ ของมัน มารยาททง้ั หลายเหลานี้ ไดถูกอธบิ ายไวอ ยา งมากมายและกวา งขวางในบรรดาวจนะของทาน ศาสดามฮุ มั มัด(ศอ็ ลฯ) และบรรดาอมิ ามผบู รสิ ุทธ์ิ (อ.) หนงั สอื ท่อี ยใู นมอื ของทานผูอา นขณะนี้นนั้ มงุ เนนในการอธบิ ายถงึ มารยาทโดยทวั่ ไปของการอา น ซง่ึ การระวงั รกั ษามันเปนเร่ืองท่ีงายดายสาํ หรับ นกั อา นคัมภีรอลั กุรอานโดยท่ัวไป โดยเฉพาะอยา งยิ่งสําหรับเยาวชนของเรา และในการอธิบายมารยาท ตางๆ เหลานี้ พยามยามทีจ่ ะรักษาลําดับขนั้ ตอนตางๆ อันเปน เฉพาะ แมว าลาํ ดบั ขั้นตอนนส้ี ามารถจะ เปลี่ยนแปลงแกไขและเพิม่ เตมิ ใหเ กิดความสมบรู ณไ ดก ต็ าม ขาพเจาขอวิงวอนตอ พระผูเ ปน เจา ผทู รงสูงสง ไดโปรดตอบรับความอุตสาหพยายามอันนอ ยนดิ นด้ี วยเถดิ และมุงหวงั จากบรรดาผูอา นผมู เี กียรติทงั้ หลายท่ีจะสงคาํ ติชมตา งๆ ของตนเองมายังทีอ่ ยูของ สํานักพมิ พ เพอื่ จะไดเปนแนวทางในการแกไขปรับปรงุ สาํ หรบั การพมิ พค รง้ั ตอไป อบลุ ฟฎล อลั ลามี มะยานย.ี บทนํา 1

ความประเสรฐิ ของการอานคมั ภีรอัล กุรอาน ในโลกแหง การมอี ยนู ี้ ไมม ีคมั ภีรใ ดจะมคี ณุ คา และมคี วามประเสรฐิ เทา เทียมกบั คัมภีรอ ลั กุ รอานไดเ ลย เพราะคมั ภีรอ ลั กุรอานคอื บทสรปุ และรวบรวมหัวใจสาํ คัญของหลกั คาํ สอนตางๆ ของ บรรดาศาสดาแหง พระผเู ปน เจา ทงั้ มวลไวใ นตวั เอง ย่งิ ไปกวานนั้ คัมภีรอลั กุรอานยงั มคี วามประเสริฐ และมคี ณุ คามากกวาสง่ิ ถูกสรางทง้ั มวล ดังที่ทานศาสนทูตแหง อิสลาม (ศ็อลฯ) ไดก ลาววา “คัมภีรอลั กรุ อานประเสรฐิ กวาทกุ สรรพสิ่งยกเวนอัลลอฮ” (1) เมอื่ คมั ภรี อลั กุรอานของเราซงึ่ เปน คัมภีรแหงฟากฟา มคี วามประเสริฐและมีฐานะอันสงู สง ถึง เพียงน้ี และเนอ้ื หาของมนั กเ็ ชนเดยี วกนั เปนแบบแผนสาํ หรับการดําเนนิ ชวี ิตอนั ไพบูลยของปวงมสุ ลิม ดงั นัน้ จงึ เปน หนา ที่จาํ เปน สําหรบั มุสลมิ ทกุ คนท่จี ะตองศึกษาทําความเขา ใจในเนอื้ หาของคัมภีรอัล กุ รอานและนําสกู ารปฏิบัติ กา วแรกสําหรบั หนทางดงั กลาวนี้คอื การศึกษาเรยี นรคู มั ภรี อัล กรุ อานโดยเริ่มตนจากการฝก อา นใหได สว นหนงึ่ จากความสาํ คัญของการศึกษาเรยี นรูคัมภรี อ ลั กรุ อานนัน้ เพยี งพอแลวจากคํากลาว ของทานอมิ ามซอดิก (อ.) ท่ีทา นกลา ววา “สมควรอยา งยงิ่ สําหรับผศู รทั ธา ที่เขาจะไมต ายจนกวา เขาจะไดศ กึ ษาคัมภีรอัล กุรอาน เสียกอ น หรอื อยใู นการศกึ ษามนั ” (2) ภายหลงั จากการเรยี นรูว ิธกี ารอา นจนเปนแลว ก็มาถงึ เรอ่ื งของการอา น นับเปนสงิ่ ทีด่ ยี ิง่ สําหรับ มสุ ลมิ ทุกคนที่ในแตล ะวนั เขาจะอา นสว นหนึง่ จากคัมภรี อ ัล กุรอาน เพราะโดยสอ่ื ของการอานคัมภรี อ ัล กุรอานจะทาํ ใหเ ขาไดร ับรถู งึ คาํ สัง่ ตางๆ ของอสิ ลาม และโดยความโปรดปรานของพระผูเ ปนเจาเขาจะ นําเอาคําสง่ั เหลานนั้ มาปฏบิ ตั ิในชีวติ ประจาํ วนั ของตนเอง และผลจากการปฏิบตั ติ ามอัล กรุ อานรศั มี แหง อลั กรุ อานก็จะฉายแสงเขา สูตัวเขา และจะทาํ ใหฐ านะภาพของเขา ณ อลั ลอฮนัน้ มคี วามสงู สงย่ิง กวามนษุ ยคนอน่ื ๆ โอพ ีน่ องผูศรทั ธาท้งั ชายและหญิง! พระผเู ปนเจาผูทรงเมตตานน้ั ทรงปรารถนาทจี่ ะใหพ วกเรา ทุกคนไดรบั ทางนําและความไพบูลยในชวี ติ ดวยเหตนุ ี้พระองคไ ดทรงกาํ ชบั พวกเราใหอ า นคมั ภีรอลั กุ รอานเทาท่เี รามีความสามารถจะกระทําได “ดงั นั้นพวกเจาจงอา นตาม (ปริมาณ) ทสี่ ะดวกจากอลั กรุ อานเถดิ ” (บทอัล มซุ ซมั มลิ โองการที่ 20) 2

ฐานะภาพและความประเสริฐของผูอา นคัมภรี อลั กุรอาน บุคคลใดกต็ ามทอ่ี านคมั ภีรอ ลั กรุ อานตามทบี่ รรดาผนู ําทางศาสนาไดสงั่ กาํ ชับ และปฏิบตั ติ าม โองการตา งๆ ของมัน เขาจะกลายเปน สวนหนึ่งจากบรรดาผูศรทั ธา (มอุ ม นิ นี ) และปวงผยู ําเกรง (มุตตะกีน) ผลของมันกค็ อื วา ในโลกดนุ ยาน้เี ขาจะดําเนนิ ชวี ิตอยอู ยางมีเกียรติและมศี กั ด์ิศรี และน่ันคือ คาํ สญั ญาจากพระผเู ปน เจา “และเกียรตยิ ศนนั้ เปนของอลั ลอฮ เปนของศาสนทตู ของพระองค และเปน ของมวลผู ศรทั ธา” (บทอลั มนุ าฟกูน โองการที่ 8) น่ีคือฐานะภาพแหง โลกดนุ ยาน้ี สว นเกียรตยิ ศและฐานะภาพอนั สูงสงทีเ่ ที่ยงแทนั้นอยูใ นโลก หนา (อาคิเราะฮ) ผใู ดก็ตามท่ีในโลกหนาเขาเปน ผูมเี กียรติ นัน่ หมายความวา เขาไดไปถึงซงึ่ เกยี รติยศ และฐานะภาพอนั สงู สงโดยแทจริง วนั ซง่ึ มนุษยน บั ต้งั แตค นแรกจวบจนคนสดุ ทายไดถูกทาํ ใหฟนข้ึนอกี ครงั้ ทกุ คนจะเปนสกั ขพี ยานและมองเห็นการงาน (อะมั้ล) ตา งๆ ของกนั และกนั แตล ะคนตา งเฝารอ คอยที่ชะตาชวี ติ อนั เปนนิรันดรข องตนเองจะถูกประกาศใหไ ดร ับรู วนั น้นั บุคคลที่สามารถยนื หยดั อยไู ด อยางสงาผา เผยและภาคภูมิใจ คือผทู ่อี ยูใ นแถวของบรรดาชาวสวรรค อยา งไรกด็ ี สวรรคน้นั ก็ยงั มรี ะดับ ขนั้ และฐานันดรทีต่ างกันออกไป และพน้ื ฐานแหงการนบั จาํ นวนฐานนั ดรของสวรรคก็คอื จาํ นวนของ บรรดาโองการแหงคมั ภีรอลั กุรอาน อิมามซอดิก (อ.) ไดอ างรายงานจากทานศาสดามฮุ มั มัด(ศ็อลฯ) โดยทา นไดกลาววา “ทา นท้งั หลายจงอา นกุรอานเถิด! แทจริงฐานนั ดรตางๆ ของชาวสวรรคน น้ั ขึน้ อยูกบั จาํ นวนของ บรรดาโองการอัล กรุ อาน เมอื่ วันกิยามะฮไ ดม าถงึ จะมผี ูกลาวตอ ผูอา นอัล กรุ อานวา : จงอานและจง เล่ือนฐานันดรขึน้ ไปเถดิ ! และแตละโองการท่ีเขาไดอานไปน้ันเขาจะไดเ ล่ือนฐานนั ดรข้นึ ไปทีละขนั้ ” (3) อยา งไรกด็ ี จาํ เปน ทเี่ ราจะตอ งรูวา ตาํ แหนง และฐานะภาพดังกลาวน้ีเปนของบคุ คลทเ่ี ขาได ปฏิบัติตามโองการตา งๆ ของคมั ภรี อ ลั กรุ อาน เขาเปน ผถู อื (ฮามลิ ) คมั ภรี อ ัล กุรอาน หมายความวา เขาเปน ผูอ า นคมั ภรี อ ัล กุรอานซึง่ ไดห ลอ หลอมตนเองดว ยสีสรรแหง คมั ภรี อัล กุรอานและบรรดา คณุ ลกั ษณะแหงพระผเู ปนเจา ณ ทน่ี ัน้ เขาจะเขาอยูใ นหมมู นษุ ยที่มเี กียรติที่สุด ทานศาสดามฮุ มั มัด (ศ็อลฯ) ไดก ลาววา “บรรดาผทู ่มี เี กียรติแหง ประชาชาตขิ องฉัน คือบรรดาผูถอื (ฮามิล) อลั กุรอาน” (4) เมอ่ื เราไดก ลา วถึงความประเสรฐิ ของคัมภีรอลั กุรอาน คณุ คา ของการอา นคัมภรี อ ัล กรุ อาน และฐานะภาพอันสูงสง ของผูอานคมั ภีรอ ัล กรุอานไปแลว ตอ ไปนี้เราจะมากลา วถึงมารยาทตา งๆ ของ การอานคมั ภีรอ ลั กรุ อาน 3

โดยการอนเุ คราะหข องพระผเู ปน เจา ผทู รงสูงสง ในหนังสือเลมนีเ้ ราจะนาํ เสนอมารยาทตา งๆ ของการอา นคมั ภรี อลั กุรอาน 20 ประการแกผอู านคัมภีรอลั กรุ อานผูมีเกยี รตทิ ง้ั หลาย หากพระผเู ปน เจาทรงประสงค (อินชาอัลลอฮ) มารยาทประการที่ 1 ฏอฮาเราะฮ (ความสะอาด) มารยาทประการแรกของการอานคมั ภรี อัล กุรอาน คอื การคงสภาพอยูในความสะอาดและฏอ ฮาเราะฮ (ความสะอาดตามศาสนบัญญตั )ิ ของผอู านคมั ภรี อ ลั กรุ อาน หากบุคคลใดประสงคทจ่ี ะ สมั ผัสตวั อกั ษรของคมั ภีรอลั กุรอาน หรือคาดวา ในขณะอา นอัล กรุ อานนัน้ มือของเขาจะไปสมั ผสั กบั ตวั อักษรของอลั กรุอาน ดงั น้นั จาํ เปน ทเ่ี ขาจะตอ งอยใู นสภาพฏอฮาเราะฮ เพราะเหตุวา พระผูเปนเจา ทรงตรัสไวใ นคัมภรี อ ัล กรุ อานวา “ไมม ีผูใดสมั ผสั กบั มัน (อัล กรุ อาน) นอกจากบรรดาผทู ีไ่ ดร ับการชาํ ระตนใหส ะอาด บริสทุ ธ์”ิ (บทอลั วากอิ ะฮ โองการท่ี 79) ขอ บัญญตั ิ (ฮุกมุ ) ในการสมั ผสั คมั ภีรอ ัล กุรอาน จุดประสงคจากคาํ วา ‘ฏอฮาเราะฮ’ (ความสะอาด) ในทนี่ ี้คอื การทําฆุซุล (อาบน้ําชําระรา งกาย ตามศาสนบัญญตั ิ) และการทาํ วุฎอ  (นา้ํ นมาซ) นน่ั เอง หากผใู ดมพี นั ธะหนาทีท่ ่ีจะตองทาํ ฆุซุล เม่อื เขา จะแตะตอ งหรือสัมผสั อัล กรุ อาน อันดับแรกจําเปน ท่เี ขาจะตอ งทําฆุซุลเสียกอน หรือหากอยใู นสภาวะ ปกติจําเปน (วาญิบ) ที่เขาจะตองทาํ วฎุ อห ากประสงคจ ะสมั ผสั อัล กุรอาน ปรัชญาและเหตุผลของขอบญั ญตั ิ (ฮุกมุ ) แหงพระผูเปน เจา ขอนี้เปน สง่ิ ท่ีชดั เจนท่ยี ง่ิ นัก เพราะ วาอัล กรุ อานคอื พระคาํ (กะลาม) ของพระผเู ปนเจา และการใหเกยี รติและใหความเคารพตอคมั ภีรอลั กุรอานน้ันเปนส่ิงทจ่ี ําเปน สาํ หรับทกุ ๆ บุคคล ดวยเหตผุ ลดังกลา วนี้ เปนภาระหนา ทเ่ี หนือมุสลิมทกุ คน เมื่อเขาจะสมั ผสั อกั ษรตางๆ ของคมั ภีรอัล กุรอาน เขาจะตองอยูใ นสภาพของฏอฮาเราะฮ ในหนังสือ รซิ าละฮ อะมะลีย (คําฟตวาเก่ยี วกบั หลักการปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ) ของบรรดามรั - เญี๊ยะอตักลีดนั้น ไดกาํ ชบั เก่ียวกับเรื่องนไ้ี วอ ยา งมากทีเดียว เม่อื เราประสงคจ ะอานคมั ภีรอ ลั กุรอานนัน้ ถงึ แมวามอื ของเราหรอื รา งกายของเราจะไมส มั ผัสกับตวั อกั ษรของอลั กรุ อานกต็ าม นับวา เปนสิ่งท่ดี ยี งิ่ ท่ี เราจะทําวฎุ อ เ สยี กอ น (1) และการมวี ฎุ อ น ัน้ จะทําใหภ าคพลของการอานของเราเพ่มิ พนู มากย่งิ ข้นึ ความสะอาดของปาก คุณลักษณะเฉพาะประการหน่ึงของทานศาสดามฮุ ัมมัด(ศอ็ ลฯ) นนั่ คอื เม่อื ทานจะทําอบิ าดะฮ โดยเฉพาะอยางยิง่ เมือ่ ทานจะอา นคัมภรี อัล กุรอานและทาํ นมาซในยามดกึ ของกลางคนื (ซอลาตุล 4

ลยั น) ทานจะแปรงฟน ของทาน และทา นยังไดก าํ ชบั ส่งั เสียบรรดามสุ ลิมบอยครัง้ เกยี่ วกับเร่อื งนี้ สวน หน่ึงจากคาํ พดู ของทานศาสดามฮุ มั มัด(ศอ็ ลฯ) ในเร่ืองน้ีคือ ครัง้ หนง่ึ ทา นไดก ลาวกบั บรรดาสาวกของ ทา นวา “พวกทานท้งั หลายจงทําความสะอาดทางเดนิ ของอลั กรุ อาน” มีผถู ามวา “โอทา นศาสดามุฮมั มัดอะไรคือทางเดนิ ของอลั กุรอาน!” ทานตอบวา “มันคอื ปากของพวกทา น” มีผูถามอกี วา “(เราจะทํา ความสะอาดมนั ) ดวยวธิ ใี ด!” ทา นตอบวา “ดว ยการแปรงฟน” (2) ความสะอาดและความเรยี บรอยของรา งกายภายนอก นบั เปน ส่งิ สมควรอยา งยิง่ ทบี่ รรดามสุ ลมิ จะอา นคัมภีรอ ลั กุรอานดว ยสภาพท่ีรางกายและ เสื้อผาของเขามคี วามสะอาด พวกเขาจะชําระและขจดั ความสกปรกตางๆ เชน เลอื ด ปส สาวะ และอนื่ ๆ ใหหมดไปจากรางกายและเสื้อผา ของตน ในทํานองเดียวกนั นี้ เปน สงิ่ ทส่ี มควรยิ่งที่ผูอา นคัมภีรอ ลั กุ รอานจะประดบั ประดาตนดว ยเครอื่ งหอม หวีผม และแตง ตัวใหเ รยี บรอยเม่อื จะอา นอัล กุรอาน โดยเฉพาะอยา งย่งิ บรรดานักกอรยี  (นกั อา นคัมภีร) ซึง่ จะทําการอานคัมภีรอัล กรุ อานตามทสี่ าธารณะ และท่ชี มุ ชนทางศาสนาท้งั หลาย โดยส่อื ของการระวงั รักษามารยาทเหลาน้ี ยอ มสามารถจะเปน แบบอยา งทดี่ ีสําหรบั บุคคลอนื่ ๆ ได มารยาทประการท่ี 2 ความบริสุทธใ์ิ จ (อคิ ลาศ) ในการอา นคมั ภีรอ ลั กรุ อาน ความหมายของคําวา “อิคลาศ” (ความบรสิ ุทธใ์ิ จ) อิคลาศ (ความบรสิ ทุ ธ์ใิ จ) ในการอานน้นั หมายถึงผอู า นคมั ภรี อ ลั กุรอานจะตองคดิ คํานึงแต เพียงวาเพ่ือความพงึ พอพระทยั จากพระผูเปน เจา นบั ตั้งแตเรมิ่ ตนการอา นจนกระทงั่ จบการอา น โดย พ้ืนฐานแลวทุกๆ การอบิ าดะฮท ่ีจะถูกตอบรบั ณ พระผเู ปน เจานั้นจะตอ งประกอบดวยเจตนาทบี่ ริสทุ ธ์ิ ทานศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) ไดกลา ววา “อันท่ีจรงิ การกระทํา (อะม้ัล) ท้ังหลายนั้นอยทู ่ีเจตนา (เหนยี ต)” (1) น่ีคือคาํ กลา วของทา นศาสดามฮุ มั มดั (ศ็อลฯ) ซึง่ ชใี้ หเราไดรบั รูว า บรรดาการงาน (อะมั้ล) ของแตล ะบคุ คลนัน้ สมั พันธโดยตรงกับเจตนา (เหนยี ต) ของเขา ชว งโอกาสหน่งึ ที่ชัยฏอน (มารราย) คอยดักจอ งทจี่ ะลอลวงและทาํ ลายการอบิ าดะฮข องมนุษยเ รากค็ อื ชว งเวลาท่เี ขาอา นคมั ภีรอ ลั กุรอาน 5

โดยเฉพาะอยา งย่ิงนักกอรยี  (ผอู าน) อัล กุรอานทีจ่ ะตอ งอานในท่ีชมุ ชนและตอ หนา ประชาชนจาํ นวน มาก จาํ เปน ทเี่ ขาจะตอ งระมดั ระวังเปนอยางยิ่งเพื่อมใิ หช ยั ฏอน (มารรา ย) เขา มายงุ เก่ยี วในการอา น ของเขา บางคร้ังชัยฏอน (มารรา ย) อาจจะกระซบิ กระซาบเชน นวี้ า “จงดซู ิวาเจา นั้นอา นไดไ พเราะ เพราะพร้ิงเพยี งใด เห็นไหมผูคนตา งแสดงการใหก าํ ลงั ใจตอเจาอยา งเต็มท”ี่ หรือบางทอี่ าจกระซิบ กระซาบกบั นกั กอรยี แ ละผูอานคมั ภรี อ ลั กรุ อานวา “เจา นน้ั ไดอานยอดเย่ียมกวานักอา นคนอื่นๆ ดวย เหตนุ ี้เองเหน็ ไหมเลาประชาชนจงึ ใหเ กยี รตติ อเจามากกวา ” บอ ยครง้ั เหลือเกนิ ท่ตี ลอดเวลาของการ อา นอลั กรุ อานน้นั นักกอรยี  (ผูอาน) ครนุ คดิ แตเ รื่องราวในลกั ษณะเชนน้ี เมื่อการอา นของตนจบลงเพ่งิ จะรูสึกตวั และคิดไดวา เพียงสง่ิ เดยี วที่เขาไมไดครนุ คิดเลยในระหวา งการอา นของตนน่นั กค็ อื การมี เจตนาทบ่ี รสิ ทุ ธิ์ ความพงึ พอพระทยั ของพระผเู ปนเจา และความหมายตางๆ ของพระดาํ รสั แหง พระผู เปน เจา แลว เราจะแกไขและปอ งกันไดอยา งไร! ในมารยาทประการที่ 4 และท่ี 5 เราจะพดู คยุ เพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั ประเด็นนี้ จะขอกลา ว ณ ที่น้วี า ทกุ คร้ังท่ีเราตอ งการจะอา นคมั ภีรอลั กรุ อาน จําเปน ทเ่ี รา จะตองนึกอยตู ลอดเวลาวา อลั กรุ อานคอื พระคาํ ของพระผเู ปน เจา (กะลามุลลอฮ) ไมม ถี อ ยคําใดๆ ท่ี ควรคา ตอ การเคารพยกยองมากไปกวาคมั ภรี อ ัล กรุ อาน และเปาหมายของเราในการอา นมันก็เพ่ือ สนองตอบพระบัญชาของพระผเู ปน เจา และประกาศตนเปนบา วของพระองค โดยส่อื ของการอา นอัล กุ รอาน เราประสงคท ่ีจะทําความเขาใจกบั ความหมายของมนั เพือ่ นาํ สกู ารปฏบิ ตั ิ และโดยส่อื ของการ ปฏิบตั ิตามโองการตา ง ๆ ของมัน เราจะไดเขาอยูในกลุมของบรรดาผปู ระสบความสําเร็จและความ ไพบลู ย ผลรางวลั ของความบรสิ ุทธใ์ิ จ (อคิ ลาศ) ในการอา น ทา นพ่ีนอ งผศู รัทธาท่ีเคารพ! หากเราสามารถอานคมั ภรี อ ลั กรุ อานไดด วยความบรสิ ุทธใิ์ จ เราก็ จะไดร ับผลรางวลั อันย่งิ ใหญข องมัน เราลองพจิ ารณาดูวจนะของทานศาสดามฮุ มั มดั (ศอ็ ลฯ) ซง่ึ ทาน กลา ววา “ผูใดท่อี า นคัมภีรอ ัล กุรอานเพ่ือแสวงหาความพงึ พอพระทยั จากพระผเู ปน เจา และเพอ่ื ทาํ ความเขาใจในศาสนา เขาจะไดรับผลรางวลั ตอบแทนเหมือนกับรางวัลท้งั หมดท่ถี ูกประทานใหแกม วลมะ ลาอิกะฮ บรรดาศาสดาและบรรดาศาสนทตู ” (2) หากเรามีความตง้ั ใจจริงทจี่ ะอา นคัมภรี อ ลั กุรอานดว ยความบรสิ ุทธิใ์ จ และใชความ อุตสาหพยายามในหนทางดงั กลา วน้ี แนนอนย่งิ วา พระผเู ปน เจาก็จะใหก ารชวยเหลือเราเชน เดยี วกนั อยา งไรกต็ ามในทน่ี ี้ การวงิ วอนและการขอดอุ าอต อ พระผูเปนเจากเ็ ปนเงอื่ นไขอีกประการหน่งึ เราจะ วิงวอนขอตอพระองควา “โอพ ระผเู ปนเจา ! พระองคไดท รงเรียกรองพวกเราใหท ําการอา นคมั ภีรอลั กุ รอานของพระองค และเหลา ขาพระองคไ ดตอบรบั พระองคแ ลว ดังน้ันขอพระองคไ ดโ ปรดชว ยเหลือเหลา 6

ขา พระองค เพอ่ื ทตี่ ลอดเวลาของการอา นนน้ั ขอใหเ หลาขาพระองคไ ดต ั้งมั่นอยใู นความพึงพอพระทยั ของพระองคเพียงอยา งเดียวดว ยเถิด” อิมามซอดกิ (อ.) ไดรายงานดุอาอบทหนึ่งจากทานศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ในเนือ้ หาเกี่ยวกบั “การทองจําคมั ภรี อัล กรุ อาน” ในตอนหน่งึ ของดุอาอบ ทน้ี ไดชี้ถึงประเด็นดังกลาวโดยมีเนอื้ ความดงั น้วี า “และ (ขอพระองค) ไดโ ปรดบันดาลใหขา พระองคอ า นมนั (อลั กรุ อาน) ในลกั ษณะที่จะทาํ ให พระองคพงึ พอพระทยั จากขาพระองค” (3) มารยาทประการที่ 3 ดุอาอก อ นการอานคมั ภีรอ ลั กรุ อาน ในการทาํ งานทุกๆ อยา งน้ัน การเตรียมตวั ใหพรอมนับวา เปน ส่งิ จาํ เปน มากทีเดียว กลา วอีกนัย หนึง่ ทกุ ๆ กิจการงานท่ีมนุษยจ ะปฏบิ ตั นิ น้ั จําเปนตอ งตระเตรยี มพน้ื ฐาน ในการอา นคัมภีรอัล กุรอาน และการเขา สบู รรยากาศของคมั ภีรอ ัล กรุ อานกเ็ ชน เดยี วกัน จําเปน ตอ งเตรียมพรอมตนเอง หน่ึงจาก บรรดาหนทางในการเตรียมพรอมตนเองดงั กลาวก็คือ การวงิ วอนขอ “ดุอาอ” โดยเฉพาะอยา งยิ่งหาก เปน ดอุ าอท รี่ ายงานจากอมิ ามผูบรสิ ทุ ธิ์ (อ.) เพราะทานเหลาน้ันยอมทราบดีวาในการทจ่ี ะเขา สู บรรยากาศของคมั ภรี อัล กุรอานและการอา นท่ีแทจรงิ ของมันนนั้ ควรจะขอดุอาออ ยา งไร! และควรจะ วอนขอส่ิงใดจากพระผเู ปนเจา! ดวยเหตนุ ้เี องเปนส่งิ สมควรอยางยิ่งทีบ่ รรดานกั กอรยี  (นักอา น) จะ เรมิ่ ตน การอานของตนเองตามแบบฉบบั (ซนุ นะฮ) ของบรรดาผูนาํ ทางศาสนา ดวยการวงิ วอนขอพร จากพระผูเ ปนเจาโดยอาศัยบทดุอาอตา งๆ ทีม่ รี ายงานมาจากบรรดาผูน ําผบู รสิ ทุ ธิเ์ หลานั้น โดยเฉพาะ อยา งย่ิงในชว งเวลาท่ีเราประสงคจ ะอา นคัมภรี อ ลั กรุ อานอยางยาวนาน หรือเราจะอา นมันในสถานที่ ชุมนุมตา งๆ ของอลั กุรอาน หรอื ในหอ งเรยี นอลั กุรอาน ในที่นจี้ ะขอนาํ เสนอดุอาอสองบทจากบรรดามะอซ ูม (อ.) เพอ่ื เปน ประโยชนสาํ หรับผอู า นผมู ี เกยี รติท้ังชายและหญงิ ดุอาอบ ทท่ี 1 : ไดถูกรายงานไวใ นหนงั สอื ฮะดษี ท้งั หลายวา อมิ ามซอดิก (อ.) กอนทท่ี า นจะอา นคมั ภรี อ ลั กุ รอาน ในขณะทท่ี านไดหยิบคัมภีรอัล กุรอานขนึ้ มานัน้ ทานจะอานดอุ าอต อไปน้ีคือ 7

“โอพระผูเปนเจา แทจ รงิ ขา พระองคข อเปนสกั ขีพยานวา แทจรงิ น่ีคอื คัมภรี ของพระองคท่ถี ูก ประทานจากพระองค ลงมายงั ศาสนทตู ของพระองค คอื มุฮมั มัดบตุ รอบั ดลุ ลอฮ (ศอ็ ลฯ) และมนั คือ พระคาํ (กะลาม) ของพระองคท ี่เออื้ นเอย ออกมาโดยลิ้น (คําพดู ) ของศาสดาของพระองค โดยที่ พระองคไดทรงบนั ดาลใหม นั เปน เคร่อื งชี้นาํ หนึ่งจากพระองค แกบ รรดาสิง่ ถูกสรางของพระองค และเปน สายเชือกทจ่ี ะผูกสายสัมพนั ธร ะหวา งพระองคก บั ปวงบา วของพระองค ขาแตพระผูเปน เจา ขาพระองคไดแ ผกางพนั ธะสัญญาของพระองคแ ละคมั ภีรข องพระองคแ ลว ขา แตพระผูเปนเจา ดังนัน้ ขอพระองคไดโ ปรดบันดาลใหก ารมองของขาพระองคในคัมภีรน เ้ี ปนอิบาดะฮ และการอา นของขา พระองคใ นมนั เปนการคิดใครค รวญ และการคิดใครครวญของขาพระองคเปน อทุ าหรณเ ตอื นใจดวยเถิด และโปรดบันดาลใหขาพระองคเ ปนสว นหน่ึงจากบรรดาผูทยี่ ึดถอื ตามคาํ แนะนําตกั เตอื นของ พระองค และหลกี หา งจากการละเมดิ ฝา ฝน พระองค และไดโ ปรดอยาประทบั ตราบนหขู องขาพระองค ในชวงการอา นของขา พระองค และโปรดอยา งบนั ดาลใหส ายตาของขาพระองคมีส่งิ ปดกน้ั เลย และไดโ ปรดอยา งบนั ดาลใหก ารอานของขา พระองค เปน การอานทปี่ ราศจากการคิดใครครวญ ในมนั ทวาขอพระองคไดโ ปรดบนั ดาลใหข า พระองคค ดิ ใครครวญในโองการตา งๆ ของพระองค และ ขอ กาํ หนดทั้งหลายของพระองค และเปนผูย ดึ ถือปฏบิ ัติตามบทบัญญัติตา งๆ แหง ศาสนาของพระองค และไดโ ปรดอยา งบันดาลใหการมองอลั กรุ อานของขา พระองคเ ปนการพลงั้ เผลอ และการอาน ของขาพระองคเ ปนสิ่งทไ่ี มก อใหเ กดิ ประโยชน แทจริงพระองคคือผูทรงกรุณาย่งิ นัก อีกทัง้ ทรงปราณยี ่ิง นัก” (1) ดอุ าอบ ทที่ 2 : ดุอาอบ ทนไ้ี ดรับรายงานมาจากอมิ ามซอดกิ (อ.) เชน เดยี วกนั เปนดอุ าอท ม่ี ีเนอื้ หาครอบคลุม และมคี วามหมายท่สี ูงสง ผทู ีศ่ กึ ษาคน ควา ในเร่ืองของคัมภรี อัล กุรอาน สามารถติดตามดูตวั บทที่ สมบรู ณข องดุอาอบทนี้ไดจากหนงั สือ อศุ ูลลุ กาฟย เน่อื งจากดอุ าอบ ทนม้ี คี วามยาวมาก และจุดประสงค ของเราจากการเขยี นหนังสอื เลมนค้ี ือการเขียนโดยยอ พอสรปุ ดังนัน้ จึงขอนาํ เสนอเพยี งบางสว นของดุ อาอบ ทน้ีเทานนั้ เพือ่ เปนประโยชนส าํ หรับบรรดาผมู ีจิตผกู พันธก บั คมั ภีรอ ลั กรุ อานทงั้ หลาย 8

“ขาแตพระผูเ ปน เจา โอองคพระผูอ ภิบาลของเหลาขา พระองค มวลการสรรเสรญิ เปน สิทธิแด พระองค พระองคค อื ผทู รงเปนหนึ่งเดียวในเดชานุภาพและอาํ นาจการปกครองอนั มนั่ คง โอองคผ ูอภิบาล ของเหลา ขาพระองค มวลการสรรเสริญเปนสทิ ธแิ ดพ ระองค โอผูทรงประทานบรรดาโองการและซกิ ร (คาํ ตกั เตือน) อนั ยิง่ ใหญ โออ งคพ ระผูอภบิ าลของเหลาขา พระองค มวลการสรรเสริญเปน สทิ ธแิ ด พระองค ท่ีพระองคไดทรงสอนเหลา ขา พระองคใหรูถึงวิทยปญญาและอลั กุรอานอนั ยิง่ ใหญ อกี ทัง้ มี ความชัดแจง ขาแตพระผเู ปนเจา ไดโปรดบนั ดาลใหเ หลาขา พระองคป ฏิบัตติ ามสิง่ ทเี่ ปน ท่อี นญุ าต (ฮะลาล) ของพระองค และหลกี หางจากสิง่ ตอ งหาม (ฮะรอม) ของพระองค และ (โปรดบนั ดาล) ใหเ หลา ขา พระองคด ํารงไวซ ่งึ ขอบเขตตา งๆ ของพระองค และปฏบิ ัติตามขอบังคับทงั้ หลายของพระองค ขาแตพ ระผูเ ปนเจา ไดโ ปรดประทานแกเหลา ขา พระองคซ ง่ึ ความหวานซง้ึ ในการอานมนั และ ความกระวกี ระวาดในการยนื หยัดมนั และความเกรงกลวั ในการอานมัน และพละกาํ ลังในการนํามันไป ใชท ั้งในยามค่าํ คืนและกลางวัน ขา แตพ ระผูเ ปนเจา ไดโ ปรดยังคณุ ประโยชนแ กเหลา ขาพระองคดวยสง่ิ ท่พี ระองคไดท รงแจก แจงไวจากบรรดาโองการทัง้ หลายของมัน และโปรดทาํ ใหเหลา ขา พระองคไดรําลกึ จากบรรดาอทุ าหรณท ่ี พระองคไดทรงยกแกเ หลาขาพระองค และโปรดอภยั โทษในความผดิ ทงั้ หลายแกเ หลา ขา พระองคด วย การตคี วามมนั และโปรดเพมิ่ ทวผี ลรางวลั แหง ความดีงามทัง้ หลายแกเหลา ขาพระองคโ ดยสอื่ จากคมั ภีร อัล กรุ อานน้ี และโปรดยกฐานนั ดรตา งๆ แกเหลา ขา พระองค และโปรดบนั ดาลใหเ หลาขาพระองคไดพบ กับการแจงขาวดภี ายหลงั จากความตายโดยส่อื จากอัล กุรอาน ขา แตพ ระผเู ปน เจา ไดโ ปรดบนั ดาลใหคัมภรี อัล กรุ อานเปนผูใหก ารอนเุ คราะห (ชะฟาอะฮ) แกเหลา ขาพระองคในวนั แหง การพบ (พระองค) และเปนอาวธุ ในวนั แหงการเลือ่ นขนั้ และเปนขอพสิ จู น 9

ในวันแหง การตดั สนิ และเปนแสงสวางในวนั แหง ความมืดมน วันซงึ่ ไมม ีท้ังแผน ดินและช้นั ฟา วนั ซึง่ ทกุ ๆ ผูพรากเพยี รจะไดร บั การตอบแทนในส่งิ ที่ตนไดพรากเพียรไว ขาแตพ ระผเู ปนเจา ไดโ ปรดประทานแกเหลา ขาพระองคซ ง่ึ ฐานะตาํ แหนงทัง้ หลายของบรรดา ชะฮดี และการดํารงชวี ติ อยขู องบรรดาผทู ไ่ี ดร ับความไพบลู ย และการอยูใกลช ดิ กับปวงศาสดา แทจริง พระองคคอื ผทู รงไดยินการวิงวอนขอดุอาอ” (2) มารยาทประการท่ี 4 อิสตอิ าซะฮ (การขอความคมุ ครองจากพระผูเปน เจาใหพนจากชยั ฏอนมารรา ย) ความหมายของอสิ ตอิ าซะฮ คําวา “อสิ ตอิ าซะฮ” ในภาษาอาหรบั หมายถงึ “การขอความคุมครอง” และกลาวอีกนยั หน่ึงน้นั หมายถงึ “การขอความคมุ ครองจากอลั ลอฮใ หพน จากความชวั่ รายตางๆ ของชัยฏอน (มารราย)” กอนที่ จะเร่มิ ตนการอา นอัล กรุ อาน ผูอานคัมภรี อลั กรุ อานจะวอนขอจากพระผเู ปน เจาผูทรงย่งิ ใหญ ให ปกปอ งเขาจากความชวั่ รา ยของชยั ฏอน (มารราย) เพือ่ ทวี่ าการอานของเขาจะไดไมเ กดิ ขน้ึ จากการโอ อวด (ริยาอ) และการแสดงตน ในทางตรงกันขาม ขณะทเ่ี ขาอา นอลั กุรอานนน้ั เขาจะอา นดวยหัวใจท่ี มงุ ตรง และโองการตา งๆ ของอลั กุรอานนนั้ จะสงผลเขาในจิตใจของเขา คํากลา วอิสตอิ าซะฮ (ขอความคมุ ครอง) ในการขอความคุม ครอง (อสิ ติอาซะฮ) น้นั เปนสงิ่ ท่ดี ที ส่ี ุดทเ่ี ราจะกลา วขอความคมุ ครองดวย สาํ นวนตอไปน้ีคอื “ขา พระองคข อความคุมครองจากอลั ลอฮ ใหพน จากชัยฏอน (มารรา ย) ผูถ กู สาปแชง” บคุ คลที่อานคมั ภีรอัล กรุ อานไมวา จะตรงสว นใดของอัล กุรอานก็ตาม ไมว าจะเปน ชวงตน ชว ง กลาง หรือวา ชว งสดุ ทา ยของซูเราะฮ กอ นที่เขาจะกลา ว “ ” เปน มสุ ตะฮบั ใหเ ขากลา วขอความคมุ ครอง (อสิ ตอิ าซะฮ) ดวยสาํ นวนประโยคขางตน มุฟซ ซีรนี (บรรดานักอรรถาธิบาย) คมั ภีรอ ัล กรุ อานและนกั วชิ าการเก่ยี วกับการอา นอลั กุรอานบางทานกอ็ างถงึ สํานวนประโยคอืน่ สําหรับการกลาวขอความคุม ครอง (อสิ ติอาซะฮ) แตสาํ นวนประโยคทด่ี ที ่สี ดุ คอื สาํ นวนประโยคขางตน เราจะขอนาํ เสนอหลกั ฐานสองประการแกทานผูอานเกย่ี วกบั ประเด็นดังกลาวนี้ หลักฐานประการแรก : พระผูเปน เจาไดทรงตรสั แกทา นศาสดามุฮัมมดั (ศอ็ ลฯ) ในโองการที่ 98 ของซูเราะฮอัน นะหล ุ วา 10

“เมื่อเจาจะอานคัมภรี อ ลั กรุ อาน ดังนน้ั จงขอความคมุ ครองจากอัลลอฮใหพนจาก ชยั ฏอน (มารราย) ผูถูกสาปแชง ” สาํ นวน “ ” เนอื่ งจากมีรูปคําที่ สนั้ และมคี วามสอดคลองกับโองการขา งตน ดังน้ันจงึ เปนสิ่งท่ีดีกวา สํานวนหรือรปู คําอนื่ ๆ หลกั ฐานประการทีส่ อง : รูปคาํ ขางตนคอื รปู คําที่บรรดานกั อานทง้ั เจด็ ทาน (กรุ รออซุ ซบั อะฮ) คัดเลือก อบิ นิ ญะซะรี ใหทัศนะไววา “ ” คือรปู คําทบี่ รรดานกั อา น (กรุ รออ) ทงั้ หมดคดั เลือก(1) มฟุ ซซริ (นกั อรรถาธิบายอลั กรุ อาน) ผูมี ช่อื เสียงของชีอะฮ คือทา นมัรฮมู อลั ลามะฮ ฏอ็ บรซี ีย กย็ อมรบั สง่ิ นีเ้ ชนกนั วา เปนทศั นะความเห็นของ บรรดานักอา นสว นใหญ (2) การขอความคุม ครอง (อิสติอาซะฮ) ที่แทจ ริง อมิ ามซอดิก (อ.) ไดกลา วไวใ นริวายะฮบ ทหนึ่งวา “ทา นทงั้ หลายจงปดประตูของการละเมดิ ฝา ฝน ดว ยการขอความคุม ครอง (อสิ ติอาซะฮ) และ จงเปด ประตแู หงการเชอ่ื ฟง (ฏออะฮ) ดว ยการกลาว “บิสมิลลาฮ” (3) การขอความคมุ ครองจากอัลลอฮใหพน จากชัยฏอน (มารรา ย) และการปด ประตขู องการ ละเมดิ ฝาฝนดวยการกลาว “อิสตอิ าซะฮ” เพียงอยา งเดียวเปนเร่อื งทง่ี ายดายกระนน้ั หรือ! หมายความ วา ในขณะที่เราอา นอลั กุรอานหากเราไดกลาว “ ” ชัยฏอน (มารราย) จะไมเขา มากรํ้ากรายในการอานของเราอกี ตอไปกระนัน้ หรอื เพราะวา เราไดอ ยใู นการ คุมครองของพระผเู ปน เจา แลว!! หรอื วา พรอ มกบั การกลาวประโยคดงั กลาว จาํ เปนท่จี ะตองวอนขอ ความคมุ ครองจากพระผเู ปนเจาอยา งสุดจติ สุดใจ และขอความชว ยเหลอื จากพระองค! ! เกย่ี วกับเรื่องนี้ เราลองพิจารณาคําพูดของอมิ ามโคมัยนี (รฎ.) ซึ่งทา นไดก ลา ววา “สว นหน่งึ จากมารยาททส่ี าํ คญั ยง่ิ ของการอา นอัล กรุ อาน…คือการขอความคุม ครอง (อสิ ตอิ า ซะฮ) จากพระผูเ ปน เจา ใหพนจากชัยฏอน (มารรา ย) ผถู กู สาปแชง ซ่ึงเปน ขวากหนามในหนทางแหง มะอร ฟิ ะฮ (การรูจกั พระเจา ) และเปนอุปสรรคขวางกนั้ การเดนิ ทางมุงสูพระผูเปน เจา และอิสติอาซะฮ (การขอความคมุ ครอง) นีจ้ ะไมส มั ฤทธผ์ิ ลเพียงแคก ารกระดกิ ลน้ิ รูปคาํ ท่ีไรจิตวญิ ญาณ และดุนยาท่ี ปราศจากอาคเิ ราะฮ ดงั เชนทไ่ี ดป ระจกั ษแลว วา มบี คุ คลจาํ นวนมากทก่ี ลาวคําๆ นี้ตลอดระยะเวลา 40-50 ป แตพ วกเขากลบั ไมร อดพนจากความชว่ั รา ยของจอมมาร ในทางกลบั กันมารยาทตา งๆ และ การกระทาํ (อะมล้ั ) ของพวกเขา ยิ่งไปกวา นนั้ ความเชอ่ื ถอื ตา งๆ ของพวกเขากลับดาํ เนินตามและ ปฏิบัติตามชัยฏอน (มารราย) หากเราขอความคุมครอง (จากพระผูเปนเจา ) จากความชวั่ รายของจอมมารนี้อยางแทจริง พระผูเปน เจา ผทู รงบรสิ ุทธ์ิ ผูทรงสูงสง ซ่ึงเปน ผปู ระทานใหอยา งลนเหลอื ผูทรงกวา งขวางในความ 11

เมตตา ผทู รงเดชานุภาพอยา งสมบรู ณ ผทู รงมคี วามรอบรคู รอบคลมุ และทรงยิง่ ใหญใ นความกรุณา ยอมจะใหค วามคมุ ครองแกพวกเราและอมี าน (ศรทั ธา) ของเรา มารยาทและการกระทํา (อะม้ลั ) ตา งๆ ของพวกเราจะตอ งไดรับการแกไ ขปรบั ปรงุ ” (4) มารยาทประการที่ 5 การกลาวบสิ มิลลาฮ (บัสมะละฮ) บัสมะละฮ “ ” เปนคาํ ทยี่ อมาจาก “ ” ประกอบจากคาํ วา “บัสมะ” ซง่ึ บงบอกถงึ คาํ วา “บิสม”ิ ( ) จากประโยค “ ” และคาํ วา “ละฮ” ( ) บง ชถี้ ึงคําวา “อัลลอฮ” ( ) ในภาษาอาหรับคาํ วา “บัสมะละ” ( ) หมายถึง “เขาไดกลาวบสิ มลิ ลาฮิรเราะหมานิรรอ ฮมี ” ตัวอยางเชน หากมีผกู ลา ววา “ ” (บัสมะละ อะหมดั ) ความหมายของมนั กค็ อื วา “อะหม ัดไดก ลา วบสิ มิลลาฮริ เราะหมานริ รอฮมี ” ดังนนั้ คาํ วา “ ” (บสั มะละฮ) จึงหมายถึง “การกลา วบิสมิลลาฮิรเราะหมานิรรอฮมี ” บสิ มลิ ลาฮ… คือคําขวญั (สโลแกน) ของอสิ ลาม ” คอื คําขวัญอนั บรสิ ทุ ธ์ิอยางหนึ่งซ่งึ สํานวนประโยค “ เปน สง่ิ เฉพาะสําหรบั มวลมสุ ลมิ บรรดามสุ ลิมจะเริ่มตนคําพูดและการกระทําตางๆ ของตนเองดวยการ กลาวประโยคน้ี คําขวญั นี้เปนสญั ลักษณป ระการทีส่ องของอสิ ลามและปวงมสุ ลมิ ภายหลังจากคาํ ปฏญิ าณสองคาํ (ชะฮาดะตยั น) อนั ไดแก “ ” (ไมม ีพระเจาอน่ื ใดนอกจากอลั ลอฮ, มุฮัมมดั คือศาสนทูตของอลั ลอฮ) บคุ คลใดกต็ ามที่เริ่มตน การงาน ตา งๆ ของตนเองดวยพระนามของพระผูเปน เจา เขาจะกลาวในหัวใจของตนเองเชน นว้ี า “หากไมเปน เพราะพระประสงคข องพระผเู ปนเจา ขา พระองคยอมไมสามารถกระทาํ การงานใดๆ ได ดังนัน้ ขา พระองคขอกระทาํ การงานของขา พระองคเพือ่ ความพึงพอพระทยั ของพระองค โดยสนองตอบพระบญั ชา ของพระองค และขอความชวยเหลอื จากพลังอํานาจของพระองค” สว นหนงึ่ จากบรรดาการงาน (อะมั้ล) และการเคารพภักดี (อบิ าดะฮ) ทด่ี ีเลศิ ในโลกแหง การ ดํารงอยนู ีค้ ือ การอา นคัมภรี อ ัล กรุ อาน มสุ ลิมทุกคนท่ปี ระสงคจะอานคัมภีรอัล กรุ อานอันเปน พระคํา แหงพระผูเปนเจา (กะลามลุ ลอฮ) จําเปนทีเ่ ขาจะตอ งเรมิ่ ตนการอา นของตนดวยพระนามของพระองค ดังเชนท่ีพระผเู ปน เจา ไดทรงดํารสั ขณะทีพ่ ระองคท รงสอนคัมภีรอลั กุรอานแกทา นศาสทูตแหง อสิ ลาม (ศอ็ ลฯ) วา “(โอม ฮุ มั มดั ) จงกลา วดว ยพระนามแหง องคพ ระผูอ ภบิ าลของเจา” (บทอัล อะลกั โองการ ที่ 1) 12

ดวยเหตุน้ีเราเองกเ็ ชนเดียวกนั ในขณะทีจ่ ะอา นคมั ภรี อ ลั กรุ อานจําเปน ตองเรมิ่ ตน ดวยพระ นามของพระองค ดวยการกลา ววา “ ” (ดวยพระนามของอัลลอฮผ ทู รง เมตาตายงิ่ ผูทรงกรณุ ายิ่ง) แตทวา การตระหนกั ถึงประเดน็ ตอไปนน้ี ับเปน สิ่งสําคัญยิ่งนน้ั คอื ทุกๆ บคุ คลท่จี ะอานคัมภีรอัล กุรอาน เมือ่ ไดเ รมิ่ ตนการอานของตนดว ยพระนามของพระองคแ ลวนนั้ ทวา ในขณะกลาวสงิ่ น้นั จะตองไมใชแ คเพียงรูปคําภายนอก ไมใชแคเ พยี งการกระดกิ ลน้ิ และยงิ่ ไปกวานนั้ ตลอดชว งระยะเวลาของการอา นจาํ เปน ที่เขาจะตอ งมงุ ตรงตอพระผูเ ปน เจา จงอานคมั ภีรอ ัล กุรอานดวย พระนามของพระองค รําลกึ ถงึ พระองค และเพอื่ แสวงหาความใกลช ิดยังพระองค เมื่อนนั้ แหละ ท่ีการ อานคมั ภรี อัล กรุ อานจะสง ผลทั้งตอตวั ผูอานเองและตอ ผทู ่ไี ดร ับฟง การอานของเขา ขอกําหนด (ฮุกุม) ของ “บสั มะละฮ” ในการอา นคมั ภรี อ ัล กรุ อาน ชวงตนของซเู ราะฮ : เนอื่ งจาก “บิสมลิ ลาฮ” ในสว นเรม่ิ ตนของทุกๆ ซูเราะฮ ถอื เปน สวนหนง่ึ จากบรรดาโองการของอลั กุรอาน เมื่ออานจากชว งแรกของซูเราะฮ การกลา ว “ ” จึงถอื เปน วาญบิ (ความจําเปน ) ยกเวน ซเู ราะฮอ ัต เตาบะฮ (หรอื ซเู ราะฮอ ลั บะรออะฮ) ซ่ึงถูกประทาน ลงมาโดยปราศจาก “บสิ มิลลาฮ” ดงั นน้ั ในสว นแรกของซูเราะฮน ี้เราจะตอ งไมกลาวมนั ชวงกลางของซเู ราะฮ : ในกรณีท่ีเรมิ่ ตนการอา นจากสวนกลางของซูเราะฮนัน้ สามารถท่จี ะ เริ่มตน โดยไมตอ งกลา ว “บิสมลิ ลาฮ” หรือโดยกลาวมันกไ็ ด แมว า ในการกลาว “ ” นน้ั จะมีความประเสริฐและผลรางวัลมากมายก็ตาม แตใ นกรณนี ้ีเปนส่ิงที่ดกี วา ท่ีเราจะอา นโดยไมตอ ง กลาว “บสิ มิลลาฮ” ใหเรมิ่ ตนการอา นดว ยการกลา วอิสตอิ าซะฮ “ ” เพียงเทา น้ัน และการเลอื กที่จะเริม่ ตน การอา นไดท ัง้ สองวิธนี ้เี พ่ือท่ีจะเปน ขอจําแนกอยางหนงึ่ ทช่ี ้ีใหรูวา เฉพาะในชว งเร่มิ ตน ซูเราะฮอัล บะรออะฮเ ทานน้ั ท่หี ามกลา ว “บิสมิลลาฮ” มารยาทประการท่ี 6 การอา นอัล กรุ อานในบานและมัสยดิ ในทุกสถานทีน่ ้ันสามารถอา นคัมภีรอ ลั กุรอานไดทงั้ สนิ้ ในอสิ ลามถอื วาไมม ขี อ หา มแตป ระการ ใด ยกเวน กแ็ ตเพยี งสถานท่ีซง่ึ การอา นอัล กุรอาน ณ ที่นัน้ จะเปนสาเหตขุ องการหมิ่นประมาทและไม เคารพตอคัมภรี อัล กรุ อานในบรรดาสถานทที่ งั้ หลายมอี ยสู องสถานท่ซี งึ่ ถือวา มีเกยี รติมากกวา สําหรับ การอานอัล กุรอานนนั่ คอื บา นและมัสยิด เราสามารถประจกั ษถงึ ประเด็นดังกลาวนีไ้ ดจากบรรดาริ วายะฮท ีไ่ ดร ายงานไวอ ยา งมากมาย และยงั ไดช ้ีใหเหน็ ถึงคุณประโยชนอ นั นา มหศั จรรยของมนั ไวด ว ย คุณคาของการอา นคัมภรี อลั กรุ อานในบา น ทา นศาสดามุฮมั มัด(ศอ็ ลฯ) ไดก ลา วไวเ กีย่ วกับเรอ่ื งนว้ี า 13

“ทา นท้งั หลายจงประดบั ประดารัศมแี กบานของพวกทานดว ยการอา นคมั ภรี อลั กุรอาน และ ทานทงั้ หลายจงอยายึดเอาบา นของพวกทา นเปน เสมอื นหลุมฝง ศพ ดงั เชน ทีช่ าวยะฮดู และชาวนะซอรอ ไดทํากัน พวกเขาทํานมาซเฉพาะในโบสถแ ละทาํ ใหบา นของพวกเขาวา งเปลา (จากการอิบาดะฮ) แทจ รงิ บา นทมี่ กี ารอานคมั ภีรอ ัล กุรอานอยา งมากในมัน ความดงี าม (และความจาํ เรญิ ) ของมนั กจ็ ะ เพม่ิ ทวี และจะทาํ ใหผูอาศยั อยูในบานน้นั ไดรับความกวา งขวาง และมัน (บานนั้น) จะสอ งแสงเจดิ จรัส แกบรรดาชาวฟา เสมอื นดงั ท่ีบรรดาดวงดาวแหงฟากฟา จะสองสวา งแกช าวดนิ ” (1) จากคํากลาวของทานศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) เราไดบ ทสรุปเชน นวี้ า บรรดาบา นเรือนที่ไมมีการ อา นคัมภรี อัล กรุ อานในนัน้ เปรียบไดดังสสุ านท่มี แี ตความมดื มนและความวังเวง บุคคลใดกต็ ามทไ่ี มชอบอา นคมั ภีรอ ลั กุรอานและไมคุนเคยกบั มัน หัวใจของเขาตายดา นและ บา นของเขาคือปา ชา ดว ยเหตุน้ีมสุ ลมิ ทุกคนจําเปนตองจดจําคาํ พดู นีข้ องทานศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) ไวใหข้นึ ใจ และจงอยา ทาํ ใหบ า นของตนเองตองมืดมนเหมอื นปา ชา ดว ยการละท้งิ การอานคมั ภรี อัล กุ รอาน แตท วาเราจงทําใหบานของเรานั้นสวางไสวไปดว ยรัศมีดวยกับการอา นอัล กรุ อาน จงทาํ ใหต นเอง ครอบครวั ตรอกซอย และสภาพแวดลอ มแหง การดําเนนิ ชีวติ ของเราเจดิ จรสั ไปดว ยรัศมี (นรู ) ทานศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) กลา ววา : รัศมแี ละความเจดิ จรสั น้มี ไิ ดถกู จํากัดอยูแตเฉพาะพื้น แผน ดินและชาวดนิ ทวา บรรดาชาวฟา ก็ไดรบั ประโยชนจ ากรศั มีและความเจดิ จรสั จากบา นดังกลาว เชนกัน เชน เดียวกบั บรรดาดวงดาวแหงฟากฟา ทีไ่ ดส อ งประกายระยบิ ระยบั แกบ รรดาผอู ยอู าศัยใน แผน ดนิ บานทมี่ ีการอานคมั ภรี อ ลั กรุ อานก็จะสอ งประกายระยบิ ระยบั แกบ รรดาชาวฟา พวกเขา เหลานน้ั จะไดร ับแสงสวางจากแหลงทม่ี ีการอานคัมภรี อ ลั กรุ อาน บานใดกต็ ามทเ่ี สยี งของการอานคัมภีรอ ลั กรุ อานไดด งั กกึ กองขนึ้ จากผอู ยอู าศัยของมนั ชีวติ ทางโลกดนุ ยาของพวกเขากจ็ ะอุดมสมบูรณ ความดีงามและความจําเริญของบา นหลงั นัน้ ก็จะเพิม่ พูน และปจ จยั แหงการยงั ชพี (ริษก)ี ของบา นหลังนั้นกจ็ ะมอี ยา งพรัง่ พรู บานใดกต็ ามที่มีหอ งหลายหอง สมควรอยา งยิง่ ทจ่ี ะเลอื กหอ งหนึ่งไวเ ปนหองนมาซ ขอดอุ าอแ ละอา นคัมภรี อัล กุรอาน สว นบา นใดท่ีมี สถานทจ่ี าํ กดั ก็จงกาํ หนดสถานทเ่ี ฉพาะไวม มุ หน่งึ สําหรับการอา นคมั ภรี อ ลั กุรอานและการอบิ าดะฮ อน่ื ๆ เพราะเกียรติของสถานทีเ่ ชนนี้นัน้ จะเปนเหตุทําใหด ุอาอถ ูกตอบรบั เหตุผลของความประเสรฐิ ในการอา นคมั ภีรอ ลั กุรอานในบา น 1) หา งไกลจากการโออวด (ริยาอ) : การทําอบิ าดะฮใ นสถานที่ทว่ี า งเปลา จากผคู นนน้ั ยอ มหางไกลจากการอวดอา งและการแสดงตน และโดยท่วั ไปแลว จะดําเนนิ ไปดวยความบริสทุ ธใ์ิ จ ดว ย เหตุผลดงั กลา วจึงมโี อกาสนอยมากทีจ่ ะแปดเปอ นไปดวยริยาอ (การโออวด) ดว ยเหตผุ ลนีบ้ คุ คลใดก็ ตามท่กี ลัวจะเกดิ การโออวดและการกระซบิ กระซาบของชยั ฏอน (มารรา ย) ยอ มเปนส่งิ ที่ดกี วาท่เี ขาจะ อา นคมั ภีรอลั กรุ อานในทว่ี า งเปลา จากผคู นและในบา นของตนเอง 14

2) การสง ผลทดี่ ตี อ บุตรหลาน : การอา นคัมภรี อ ลั กุรอานภายในบานจะสง ผลทีด่ ตี อ บรรดา สมาชกิ ในครอบครัว บิดามารดาที่อา นอัล กุรอานจนเปนกิจวัตรในการดาํ เนินชีวิตของพวกเขา จะทาํ ให ลูกๆ ของเขาเกดิ ความรกั ความผกู พนั ธตอ การศกึ ษาและการอานคมั ภรี อัล กรุ อานเชนเดียวกนั ยง่ิ ไปกวา น้นั บรรดาเพ่อื นบา นใกลเคียงกจ็ ะไดรับผลกระทบทด่ี ีอยา งมากมายเชนกัน 3) ผลของการอา นคัมภีรอลั กุรอานทมี่ ตี อสังคม : ถาหากเสยี งของอัล กรุ อานไดด งั ขน้ึ จากทุกๆ สถานท่ีหรอื จากบานเรือนสว นใหญ ทุกๆ เชา และเย็นเสียงท่ปี ลุกจิตวิญญาณของมันไดด ังขนึ้ จากทกุ สารทิศ ยอ มจะสงผลท่ีดีตอ หัวใจของบุคคลทง้ั หลาย จะชว ยทาํ ใหจ ติ วิญญาณของพวกเขาเกิด การผลกิ ผัน และจะเปนส่อื ทาํ ใหคัมภีรอลั กรุ อานไดปรากฏอยา งแพรหลายในสังคม เม่ือถงึ เวลานั้น ประชาชนก็จะหนั กลบั มาสูตวั ตน และนาํ เอาคมั ภรี อัล กรุ อานมาเปน แบบแผนในการดาํ เนินชีวิตของ ตนเอง และจะชวยขจดั ความบกพรอ งตา งๆ ของตวั เองใหห มดไปดวยการยึดถือปฏิบัตติ ามคมั ภีรอ ัล กุ รอาน คณุ คาของการอา นคมั ภีรอลั กรุ อานในมสั ยิด มสั ยดิ คอื บานของพระผูเ ปน เจา ในหนาแผน ดนิ ไมมบี านใดในหนาโลกน้ีท่ีจะมเี กียรติและควรคา ตอการเคารพยง่ิ ไปกวา มสั ยิด บา นของพระผเู ปนเจาคือสถานทีส่ ําหรับการทําอิบาดะฮและการราํ ลึกถงึ พระผเู ปน เจา และการอา นคมั ภรี อลั กรุ อานน้ันคือการอบิ าดะฮตอ พระผูเปนเจาที่เลอเลิศทส่ี ุด เปนสิง่ สมควรอยา งย่งิ สําหรบั มุสลิมทุกคนทจี่ ะตอ งกาํ หนดเวลาเฉพาะสวนหน่งึ ของตนเองเพอื่ การอา นคัมภีรอ ัล กรุ อานในมสั ยดิ เพ่ือทีจ่ ะประจกั ษถ งึ คณุ คาของการอา นอลั กุรอานในมสั ยดิ ของใหเ ราทัง้ หลายจง พิจารณาถึงคาํ พดู ของทา นศาสดามฮุ ัมมัด(ศอ็ ลฯ) ในเรอ่ื งนี้ ชายผหู นง่ึ ไดร าํ พนั บทกวใี นมัสยิด ทา นศาสนทูตแหง พระผเู ปน เจาไดก ลาวขน้ึ ตอชายผูน้นั วา “แทจ ริงแลวมัสยดิ ท้ังหลายนนั้ ไดถกู ตัง้ ขนึ้ มาเพอื่ (การอาน) อัล กุรอาน” (2) คําพดู ขางตน น้ีชี้ใหเ ห็นถึงความสําคญั ของการอานคัมภีรอ ลั กุรอานภายในมัสยดิ ทง้ั หลาย จาก การพจิ ารณาและการตรวจสอบดูจากบรรดาหนงั สือเกย่ี วกับชวี ประวัตขิ องทา นศาสดามฮุ ัมมดั (ศ็อลฯ) และชวี ประวัตขิ องบรรดาสาวกของทาน ทาํ ใหเ รารบั รูวาบรรดามสุ ลมิ นอกจากการอา นคมั ภรี อัล กรุอาน ในบา นของตนแลว พวกทานยังอา นมนั ในมสั ยดิ อกี ดว ย และบอยครง้ั ทีเดียวทก่ี ารอานนัน้ จะปรากฏขนึ้ ในรูปของการอา นรว มกัน ขอ เสนอแนะของเรา : แบบฉบับอนั ดีงามน้ีเปนทแี่ พรหลายในหมมู สุ ลิมไมม ากกน็ อ ย และใน เดือนรอมฎอนนั้นจะพบเห็นมากเปนพเิ ศษ ความกระตอื รอื รนท่จี ะรว มในทช่ี มุ นุมอัล กุรอานจะถูกพบ เหน็ โดยท่ัวไป เปนสิ่งที่สมควรทเี ดียวที่ความกระตอื รือรนดงั กลาวน้จี ะคงสภาพอยตู ลอดไป และสีสรร ของการนั่งชมุ นมุ อานคัมภีรอลั กุรอานจะสอ งประกายอยตู อ ไปทุกๆ วนั ในมัสยดิ ท้งั หลาย เพ่อื จุดประสงคดงั กลา วนี้ เปนสิง่ ทีด่ ที ีเดียวที่จะกําหนดเวลาเฉพาะเอาไว ตวั อยา งเชน กอ น การอะซานนมาซมฆั ริบ หรอื ภายหลงั จากการนมาซมัฆริบ-อชี า ซึ่งการรําลกึ ถงึ อัลลอฮใ นชว งเวลา 15

เหลา นไี้ ดถูกเนนยา้ํ เปน อยางมากในคัมภีรอ ลั กุรอานและฮะดิษ ในแตล ะคนื ควรใหม ีการนั่งลอ มวง รวมกันศึกษาและอา นคมั ภรี อลั กุรอาน โดยใชร ะยะเวลาประมาณ 15-30 นาที (โดยพจิ ารณาดู สภาพและความพรอ มของผเู ขารว ม) และแตล ะคนควรอา นสวนหนงึ่ จากอลั กรุ อาน ทส่ี ําคญั นน้ั จะตอ ง ไมเ พยี งแคก ารอานเพียงอยา งเดยี ว ความหมายของโองการตา งๆ จะตอ งถกู อานพรอ มไปดวย หรือมิ เชนน้นั กจ็ งนําเอาคําสอนและคาํ สั่งตางของบรรดาโองการออกมาพูดคุยกัน เพอ่ื เปนพืน้ ฐานสาํ หรับการ ปฏบิ ัตติ ามคมั ภีรอลั กุรอาน แตขอยา้ํ วา ใหพจิ ารณาถงึ เวลาและสภาพของประชาชนดว ย หมายความวา ใชเวลาพอสังเขปแตใหไดประโยชน หากการรว มชมุ นุมลักษณะเชนนเ้ี กดิ ขน้ึ อยางแพรห ลายในบรรดามัสยิดทง้ั หลาย และมแี รง ดงึ ดดู ใจ และดําเนนิ ไปอยางตอ เนือ่ ง จะทาํ ใหส งั คมของเรามีการเปล่ียนแปลงทางวฒั นธรรมคร้งั ยง่ิ ใหญ เกิดขึ้นอยางแนนอน จะขอจบคําพดู ของเราเก่ียวกบั มารยาทประการที่ 6 ดวยกบั คํากลา วของทา นศาสดามุฮมั มัด (ศ็อลฯ) ที่วา “ผูใ ดกต็ ามทร่ี กั คมั ภีรอัล กรุ อาน ดงั นั้นเขาจงรักมสั ยดิ ทั้งหลาย” (3) อลั กรุ อานคอื พระดาํ รสั ของพระผูเ ปนเจา (กะลามลุ ลอฮ) และมัสยิดกเ็ ปน บานของพระผเู ปน เจา ทัง้ สองคือนรู (รัศม)ี ของพระผูเปนเจา ดว ยเหตนุ ี้ผูทร่ี กั คมั ภีรอ ลั กรุ อานคอื ผูท จ่ี ะตองรกั มสั ยดิ และผูท่รี กั มัสยิดกจ็ ะตองรกั คัมภรี อัล กรุ อานดวย ระหวา งคัมภรี อ ัล กุรอานและมัสยิดนั้นมสี ายสัมพนั ธ แหง ความเรนลับอยู ฉะนัน้ เราจงใชความพยายามที่จะทําใหสายสมั พนั ธน ี้ในโลกดนุ ยาเปน ทีม่ ัน่ คงและ ดาํ เนนิ อยูต ลอดไป. มารยาทประการที่ 7 การอานจากตัวบทของคมั ภรี อ ัล กรุ อาน สว นหนึง่ จากคําสอนซงึ่ บรรดาผูน าํ ผูบริสุทธ์ขิ องเราไดใ หไวในเรอ่ื งเกี่ยวกบั การอา นอลั กุรอาน นนั่ คอื การอา นอลั กรุ อานจากตวั บทของคมั ภีรอัล กุรอาน และพวกทานไดเนนในเร่อื งน้ีไวเปนอยางมาก เปนไปไดทเี ดยี ววาสาเหตขุ องการเนน เร่อื งน้ีก็เพ่ือใหเ ราไดร ับประโยชนจ ากรัศมี (นรู ) ของคมั ภีรอลั กุ รอาน เพอ่ื วา มสุ ลมิ ทกุ คนจะไดรบั ประโยชนจ ากคมั ภรี อัล กุรอานมากยิ่งขึ้น และรศั มขี องคัมภีรอลั กุ รอานนั้นจะไดส งผลตอพวกเขา อัล กุรอานคอื คมั ภีรแหงรศั มี (นูร) 16

พระผเู ปน เจา ผูท รงย่งิ ใหญไดแนะนําคมั ภีรของพระองคใ นฐานะ “นูร” (รัศม)ี ไวในหลาย โองการในอัล กุรอาน ตัวอยางเชน พระองคทรงตรสั วา “โอกลมุ ชนเอย ! อันท่ีจรงิ ไดมหี ลักฐานหนง่ึ จากองคพระผูอ ภบิ าลของพวกเจามายงั พวกเจา แลว และเราไดประทานรัศมอี ันชดั แจง (อัล กุรอาน) ลงมายงั พวกเจา ” (บทอัล นซิ าอ โองการที่174) “ดงั นัน้ พวกทานจงศรัทธาม่ันตอพระองคแ ละศาสนทตู ของพระองค และตอรัศมี (อลั กุรอาน) ซึ่งเราไดป ระทานลงมา” (บทอตั ตะฆอบนุ โองการที่ 8) มใิ ชแ คเ พียงอลั กรุ อานซึ่งเปน คัมภรี แหงฟากฟา ฉบับสุดทา ยที่คอื รัศมี (นรู ) แตทวาคมั ภรี อ ่ืนๆ ก็คือรัศมีเชนเดียวกัน คัมภีรอัล กุรอานไดแนะนําคัมภีรเตารอตและอิลญีลไวใ นฐานะรัศมี (นรู ) เชนกัน (1) เพราะ คัมภีรเหลาน้คี ือแบบแผนสําหรับการดําเนินชีวติ ที่ผาสกุ ไพบลู ยแ หงดนุ ยาและอาคเิ ราะฮของมนษุ ย และ ตราบทม่ี นษุ ยไ ดป ฏบิ ตั ติ ามขอ กาํ หนดตา งๆ ของบรรดาคมั ภรี แ หง ฟากฟามากเพยี งใด ความสําเร็จและ ความไพบูลยข องพวกเขาทง้ั ในดุนยาและอาคเิ ราะฮก ็จะเพม่ิ มากขน้ึ การมองคัมภรี อ ลั กรุ อานคอื อบิ าดะฮ จากอารัมภบทท่กี ลา วไปขา งตน หากมผี ใู ดถามวา เราควรจะอานอัล กุรอานจากตวั บทของ คัมภรี หรือควรอา นจากความจํา ! เรากจ็ ะตอบเขาวา บังเอญิ บุรุษผหู นง่ึ ซ่งึ มนี ามวา ‘อิสหาก บิน อัม มาร’ ไดถามคําถามนจี้ ากอมิ ามซอดกิ (อ.) เร่ืองราวของการถามและคาํ ตอบมีดงั นค้ี ือ ฉนั ไดก ลาวตอทานอิมาม (อ.) วา “ขา พเจายอมพลีเพอ่ื ทา น! ขา พเจา ทองจําอลั กุรอานได ขาพเจาควรจะอา นจากความจาํ หรือวา อานจากตวั คมั ภรี อ ลั กรุ อานจึงจะดกี วา !” ทา นอิมาม (อ.) ได ตอบวา “จงอานมนั พรอ มกบั ดูในคัมภีร เพราะส่ิงนนั้ เปนส่ิงทีด่ ีกวา เจา ไมร หู รอื วา การมองดคู มั ภีรน ัน้ เปน อิบาดะฮ” (2) ในการอธบิ ายคาํ พดู ของทานอิมาม (อ.) ขา งตน น้ี จาํ เปน ที่จะตองกลา ววา การอา นคัมภรี อลั กุรอานและการมองดูคัมภรี อ ัล กรุ อานนน้ั คือการอิบาดะฮสองประการทแี่ ยกจากกนั กลา วอีกนยั หนึ่ง บุคคลที่อานคมั ภรี อัล กรุ อานจากความจําโดยไมไดม องดอู ลั กุรอานนั้น เขาไดกระทาํ อิบาดะฮป ระการ เดียว และผลรางวลั ของมันนั้นอยู ณ อลั ลอฮ แตถา หากเขาไดอ านมนั โดยมองดูจากตัวบทของคัมภรี อลั กรุ อาน เขาไดทาํ อิบาดะฮเพม่ิ อกี ประการหนงึ่ ซง่ึ เรียกวา “การมองดใู นคมั ภรี ” ทานอบูซัร ไดรายงานจากทานศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ) ซึ่งทา นไดกลา ววา 17

“การมองดใู นมศุ ฮฟั หมายถึงคมั ภรี อ ัล กุรอานนัน้ คืออบิ าดะฮ” (3) โดยการคิดใครครวญในเน้ือหาของฮะดีษบทนี้ เราจะไดรับบทสรุปวา คมั ภรี อ ลั กุรอานคือ มหาสมุทรทเ่ี ปลี่ยมลนไปดวยคุณคา ซง่ึ มนุษยทกุ คนสามารถทีจ่ ะรับประโยชนไ ดจ ากมนั นบั จากมนุษยผู มคี วามสมบูรณ ดังเชน ทานศาสนทตู แหง อิสลาม (ศ็อลฯ) และบรรดาอมิ ามผบู ริสุทธิ์ (อ.) จนถึงบุคคล ทม่ี คี วามรนู อ ยหรือบางครัง้ อาจรวมถงึ คนทไ่ี มม คี วามรกู ต็ าม คมั ภรี อ ัล กรุ อานคอื สํารับอาหารท่ีถูกกาง ออกและเปน สาํ รบั อาหารจากฟากฟา แตล ะคนจะแสวงหาประโยชนจากมนั ไดตามปรมิ าณความพรอ ม และความสามารถของตนเอง ดวยเหตุน้บี คุ คลท้ังหลายซง่ึ แมบางทีพวกเขาอาจจะไมมีความรใู นการอา น พวกเขาก็สามารถที่ จะเปดคัมภีรอ ลั กรุ อานดวยสภาพที่มีความสะอาด (ฏอฮาเราะฮ) และวฎุ อ และมองดตู ัวอักษร ทงั้ หลายของมนั และพระผเู ปนเจา กจ็ ะทรงบนั ทกึ ผลรางวลั ของการอิบาดะฮใ หแกพวกเขา ขอควรจําทส่ี าํ คัญ : สาํ หรับบรรดานกั ทอ งจําอัล กุรอาน ซง่ึ อยใู นชว งของการจดจาํ คมั ภีรอลั กุรอานเพ่อื จะลาํ ดับโองการตางๆ ในความจําของพวกเขานั้นจําเปน ตองอานคมั ภีรอัล กรุ อานโดยไม มองดูตัวบทของคมั ภีรน น้ั เปน อกี กรณีหนึง่ แตสําหรับบรรดาบุคคลท่ไี มมีเจตนาจะฝกฝนการจดจําคัมภรี  อัล กรุ อาน สมควรอยางยง่ิ ทีพ่ วกเขาจะอา นคัมภีรอ ลั กุรอานโดยมองดจู ากตัวบทคมั ภีรน้ัน ผลตางๆ ของการอา นโดยมองดูจากตัวบทคัมภีร 1) ประโยชนแ ละการอบิ าดะฮของดวงตา : อวัยวะทกุ สว นของรา งกายในขณะทีท่ ําอบิ า ดะฮนนั้ จะไดร บั ประโยชนและโชคผลตา งๆ ดวย ตัวอยางเชน ในการทําวฎอ มอื ทง้ั สอง ใบหนา และเทา ท้งั สอง จะมสี ว นรว มจากผลประโยชนของการทาํ วฎุ อ น ้ัน และในการทาํ ซอดาเกาะฮ (บริจาคทาน) มือที่ คอยหยิบยน่ื ใหก ็จะมสี วนรวมในการไดรบั ผลรางวัลนัน้ การมสี ว นรวมประการหนงึ่ ในผลรางวัลตา งๆ ท่ี สําคญั ของดวงตาจากการทําอบิ าดะฮก ค็ ือการมองไปยังคมั ภีรอ ัล กุรอานอนั ทรงเกยี รตนิ ่นั เอง และโดย สื่อของการมองดูคมั ภีรอ ลั กรุ อาน เราจะไดม อบโชคผลจากการอบิ าดะฮน ีใ้ หก ับดวงตาของเรา ทานศาสดามุฮมั มัด(ศอ็ ลฯ) ไดกลา วเกีย่ วกบั เรื่องนไี้ วว า “ทา นทั้งหลายจงมอบโชคผลจากการทําอบิ าดะฮใ หแ กด วงตาของพวกทาน” พวกเขาไดกลาว ขนึ้ วา “โชคผลของดวงตาจากการอบิ าดะฮน นั้ คอื อะไร โอท า นศาสนทตู แหงอลั ลอฮ! ” ทา นตอบวา “คือ การมองดูคมั ภรี แ ละการคิดใครครวญใน (เน้ือหาของ) มนั และการยึดเอาสิ่งนาพิศวงตา งๆ ของมนั มา เปน คติเตือนใจ” (4) 2) การพิทกั ษร ักษาสทิ ธขิ องคัมภีรอ ลั กุรอาน : คัมภีรอลั กุรอานทีอ่ ยตู ามบา นเรอื น มัสยิด และตามสถานที่ตางๆ ทางศาสนาน้ัน แตละเลม ของอลั กรุ อานนัน้ มสี ิทธปิ ระการหน่ึงทีเ่ ปนพันธะ 18

เหนอื มสุ ลมิ ทุกคน และการปฏบิ ตั ติ ามสทิ ธขิ องคัมภรี อลั กุรอาน นนั้ คือการเปด การมองดูและการอาน มนั ในบา นทกุ หลงั โดยปกตแิ ลว จะมีคมั ภีรอลั กุรอานอยอู ยางนอยหน่งึ เลม บคุ คลในบานบางคนจะเกบ็ คมั ภีรอ ลั กรุ อานนัน้ ไวอยา งดี หอผา ท่สี วยงามและสะอาดเอาไวและต้ังมันไวบนสถานที่สูงของบา น นน่ั ถอื เปนการกระทําทห่ี นา ยกยองอยา งหนง่ึ แตก ารกระทาํ เชน น้ันมิใชการปฏบิ ตั ติ ามสิทธขิ องอลั กุรอาน แตก ารรกั ษาสิทธขิ องคมั ภีรอ ลั กุรอานนั้นคือการอา นมนั ในบานบางหลังมีคมั ภีรอ ัล กุรอานอยูใ นครอบครองหลายเลมโดยมีตวั เขียนทแี่ ตกตา งกัน ออกไป คําแนะนาํ ประการหน่งึ ของเราก็คือวา บรรดาบุคคลท่ีอยูใ นบา นนน้ั ๆ ควรจะจดั โปรแกรมใหด เี พอ่ื สามารถท่จี ะเปด อา นคัมภีรอ ลั กรุ อานเหลา นัน้ ไดค รบทกุ เลม หากไมสามารถใชประโยชนจ ากมันไดทง้ั หมดแลว คมั ภรี อัล กุรอานนั้นจะไปรอ งทุกขต อ พระผเู ปน เจา อมิ ามซอดกิ (อ.) ไดกลา ววา สามสิง่ ที่จะไปรองทกุ ขต อ พระผูเ ปน เจาจากบคุ คลสามกลมุ ซึง่ ไดแ ก “มสั ยดิ ที่รางวางซ่ึงบคุ คล (ท่ีอาศัยอยขู างเคยี ง) ของมันไมไ ปนมาซในมัน ผรู ทู ีอ่ ยูท ามกลาง บรรดาผไู มร ู และคมั ภรี อลั กุรอานท่ถี ูกปด ไวโดยทฝี่ นุ ละอองเกาะติดบนมันโดยไมถูกอา น” (5) 3) การทาํ ใหค วามบาปของบดิ ามารดาเบาบางลง : บคุ คลท่อี า นอัล กรุ อานจากตวั บท คมั ภรี น ั้น นอกจากจะทาํ ใหดวงตาของเขาไดรับประโยชนจ ากรศั มี (นรู ) ของอัล กรุ อานแลว ยังจะเปน เหตุทาํ ใหความผดิ บาปของบดิ ามารดาของตนเบาบางลงอีกดว ย ทานอิมามซอดิก (อ.) ไดกลา ววา “ผใู ดกต็ ามท่ีอา นอลั กรุ อานจากตัวบทของคมั ภรี  อลั ลอฮจะทรงทําใหสายตาของเขาไดรับ ประโยชน และทาํ ให (ความผดิ บาป) เบาบางลงจากบิดามารดาของเขา แมวาบุคคลทงั้ สองจะเปน ผู ปฏเิ สธกต็ าม” (6) 4) เปนสาเหตุทาํ ใหข ยายจํานวนคมั ภรี อ ัล กรุ อาน : ถาหากทุกคนเครงครัดในการอาน คมั ภีรอลั กุรอานจากตัวบทของมนั การกระทําเชนนจ้ี ะเปน สาเหตทุ ําใหอลั กรุ อานแพรห ลายละเพิ่ม จํานวนมากยง่ิ ข้ึน ผลกค็ อื คัมภีรอ ลั กุรอานจะมีอยใู นครอบครองของบุคคลท้งั หมด และความรกั และ ความผกู พนั ตอ คัมภีรอัล กุรอานก็จะเพิ่มทวคี ณู ย่ิงขึ้น. มารยาทประการที่ 8 การอานคัมภรี อ ลั กรุ อานดว ยเสยี งดังและคอย 19

การอา นคัมภรี อ ัล กรุ อานดว ยเสยี งดงั หรอื ดวยเสยี งคอ ยนัน้ อยา งไรดีกวากนั ! กอ นทจี่ ะรบั รู คําตอบอนื่ ๆ นั้น ขอใหเ รามาพจิ ารณาดูฮะดีษบทหนง่ึ จากอมิ ามบากริ (อ.) ซงึ่ ทานไดก ลาววา “บคุ คลใดก็ตามทีอ่ า นซเู ราะฮ ‘อนิ นา อนั ซัลนา’ ดว ยเสยี งดัง (ผลรางวัลของเขา) ประหนงึ่ ดงั นักรบที่ทําศึกสงครามดวยดาบ และใครกต็ ามทีอ่ านมันดว ยเสียงคอ ย (ผลรางวลั ของเขา) ประหนงึ่ ดัง บคุ คลทเี่ กลอื กกลง้ิ อยูบนกองเลอื ดของตนเองในหนทางของอลั ลอฮ” (1) จากคาํ พดู ของอมิ ามบากริ (อ.) เราไดรับบทสรปุ วา การอา นคมั ภรี อัล กุรอานไมวา จะดว ย เสียงคอยหรือเสียงดงั ทัง้ สองถือวาเปนสงิ่ ทีม่ ีคณุ คา จากเหตุผลดงั กลา วนี้เอง ผอู า นคัมภีรอัล กุรอาน ควรพิจารณาดเู งือ่ นไขตางๆ และสภาพของตนเอง เขากจ็ ะสามารถเลอื กวิธใี ดวธิ ีหนึง่ จากทง้ั สองในการ อา นคมั ภรี อ ัล กุรอานของตน บางชว งเวลาสภาพเง่อื นไขตา งๆ ปรากฏข้ึนซึ่งการอานอัล กุรอานดว ย เสยี งดังจะมคี ุณคามากกวา แตบ างชวงเวลาการอา นอัล กรุ อานดว ยเสียงทคี่ อยถอื เปน ส่งิ จําเปน เราจะ พยายามอธบิ ายถึงกรณีเหลา นบ้ี นพื้นฐานของรวิ ายะฮต างๆ การอานคมั ภรี อัล กรุ อานดว ยเสยี งดัง บรุ ษุ ผหู นงึ่ มีนามวา ‘มุอาวิยะฮ บนิ อมั มาร’ ไดถามอมิ ามซอดิก (อ.) เกี่ยวกับการอา นคัมภีร อัล กรุ อานดว ยเสียงดัง อิมามตอบวา “(การอา นอลั กุรอานดว ยเสยี งดงั นัน้ ) ไมม ปี ญหาแตอยา งใด!” อมิ ามอะลี บนิ ฮเู ซน (อิมามซยั นุลอาบิดนี ) (อ.) สาํ เนยี งการอา นคัมภรี อ ลั กรุ อานของทา น น้ันไพเราะกวา ประชาชนทัง้ หมด ทา นมกั จะอานอัล กุรอานดวยเสยี งทดี่ ังเพ่อื ใหบ คุ คลในครอบครัวไดย ิน และอมิ ามบากริ (อ.) กม็ เี สียงที่ไพเราะท่ีสุดในการอา นคัมภรี อ ัล กรุ อานในยามดึกสงัดทา นจะต่ืนข้นึ มา เพือ่ ทํานมาซซอลาตลุ ลยั นและอานคัมภรี อ ลั กรุ อาน ทา นจะอานคัมภรี อลั กรุ อานดวยเสียงท่ีดัง บรรดา ผใู หนํ้าดม่ื และบคุ คลอื่นๆ ทเ่ี ดินทางผา นมาจะหยดุ ยืนและฟงเสียงการอา นอัล กรุ อานของทา น (2) คุณคา ตา งๆ ของการอา นอัล กุรอานดว ยเสียงดงั ฮะดษี บทนี้และฮะดษี อน่ื ๆ ทม่ี เี น้อื หาคลายคลึงกนั ไดช้ีใหเ ราไดร บั รวู าการอานอลั กุรอานดว ย เสยี งดังนนั้ มคี ุณประโยชนม ากทีเดยี ว ถา หากผอู านอลั กุรอานไดค ดิ ใครค รวญถึงแงม ุมเหลาน้ีเขาจะ ประจักษว า การอา นอัล กุรอานดว ยเสียงดังน้ันมคี วามประเสรฐิ มากกวาการอา นดวยเสยี งคอย ใน เนอื้ หาสว นนีเ้ ราจะมาพจิ ารณาดูโดยสรปุ ถงึ สาเหตทุ ท่ี ําใหการอานอลั กรุ อานดว ยเสยี งดังน้ันมีความ ประเสริฐกวาการอานดวยเสยี งคอย และผลตางๆ ของมนั 1) บดิ ามารดาทีอ่ านคัมภรี อ ลั กุรอานดว ยเสยี งดงั ภายในบานของตน จะสง ผลในทางฝกฝน และขดั เกลาจิตใจลกู ๆ ของตนเอง จะทําใหพวกเขามคี วามรกั และความผกู พนั ตอคมั ภรี อัล กรุ อาน 2) การอา นอลั กุรอานดวยเสยี งดังจะทําใหเ กดิ สมาธิมากขึ้น และจะชว ยใหจ ิตใจมุง ตรง ในขณะอา น ในสภาพเชนนั้นผูอา นอลั กรุ อานจะสามารถมงุ ความสนใจไปยงั ความหมายของอัล กุรอาน ไดม ากกวา 20

3) จะชว ยขจดั ความเกยี จครา นและความเหนอ่ื ยหนายใหหมดไปจากผอู า นอัล กุรอาน และจะ ชว ยเพ่ิมอรรถรสและความกระปรก้ี ระเปรา ในการอา นใหม ากย่งิ ข้ึน 4) เมื่อเสียงอา นอลั กุรอานอนั ไพเราะจับใจของผูอ า นไดดังข้นึ และไดยนิ ไปยังบคุ คลอน่ื ๆ ก็จะ สงผลเขาสูก นบึง้ แหงจติ ใจและวิญญาณของพวกเขา เปนไปไดม ากทเี ดียวที่จะสรางแรงบนั ดาลใจตอ บุคคลเหลา น้นั และหันกลบั มาสูคมั ภรี อัล กรุ อาน ถา หากพวกเขาไมส ามารถอา นอลั กุรอานได จะทาํ ให เขาอยากทีจ่ ะศกึ ษาเรียนรูการอานมัน หรือหากพวกเขาไมค อ ยคุนเคยกบั การอา นอัล กุรอาน จะทาํ ให เขาเกิดความรักความผกู พันกบั การอา นมนั และทเี่ หนือไปกวา น้นั บางทีการอานที่ไพเราะจับใจของผอู าน อลั กุรอาน อาจเปน สาเหตุปลุกจติ สํานึกของมนุษยใหตน่ื จากภวงั คแหง ความหลับใหล เผอเรอ และการ ประพฤตชิ วั่ และจะชน้ี าํ เสนทางชีวิตของพวกเขาไปสูห นทางแหงทางนํา (ฮิดายะฮ) ในหนา ประวตั ศิ าสตรม ไี มนอยเลยทีเดียวที่บคุ คลจาํ นวนมากเม่อื ไดยินโองการหนง่ึ ๆ จาก บรรดาโองการของพระผเู ปน เจา ทําใหพ วกเขาเกดิ การเปลี่ยนแปลงในชวี ติ และเพยี งชว่ั พรบิ ตาของการ ไดร ับฟง โองการนนั้ ๆ ทาํ ใหพวกเขาไดสาํ นึกตัวและเลกิ ละจากความชวั่ รา ยทง้ั มวล ตัวอยา งจากบุคคล เหลา นั้นคือ ‘ฟุเฎล บนิ อยั ยาฎ’ เขาไดถกู รจู กั ในฐานะผูรายงานฮะดษี คนหน่ึงจากอมิ ามซอดิก (อ.) และเปนผูม คี วามสมถะ (ซาฮดิ ) ผเู รืองนามคนหนงึ่ ในยุคสมยั ของทา น ในชวงปลายชวี ติ ฟเุ ฎล ไดใ ช ชวี ติ อยูเคยี งขางอลั กะอบ ะฮ และไดอาํ ลาโลกนไี้ ป ณ ที่แหง น้นั ในวนั อาชรู อ ในขณะที่ชว งเริ่มตน ชีวิต ของเขานนั้ เขาเปน โจรปลน สะดมท่รี า ยกาจยงิ่ คนหน่ึง ซึง่ ประชาชนท้ังหมดตางขวัญผวาเมอื่ ไดยินชอื่ เขา ในค่าํ คนื หนง่ึ ฟุเฎล ไดยางกายเพ่อื จะเขาสบู านหลงั หนง่ึ เพอ่ื ปฏบิ ัตกิ ารอนั ชวั่ รายของตนเอง แตท วา ในบานอีกหลงั หนึง่ ซึง่ อยูในบรเิ วณรอบๆ นนั้ มชี ายผมู ศี รัทธาคนหน่ึงไดต ื่นข้ึนในทามกลางความ เงียบสงัดของยามราตรี ซ่ึงไดหมกมนุ อยูก บั การอา นคัมภรี อ ลั กรุ อาน เม่ือเขาไดอา นมาถงึ โองการนี้คอื “ยังไมถึงเวลาอีกหรอื สําหรบั บรรดาผศู รทั ธาที่หัวใจของพวกเขาจะนบนอมตอการราํ ลกึ ถึงอลั ลอฮ และตอสจั ธรรมทีล่ งมายังพวกเขา” (บทอลั ฮะดีด โองการท่ี 16) โองการนปี้ ระหนงึ่ ดงั มดี โกนที่บาดลงบนหัวใจของฟุเฎล รา งกายของเขาไดส น่ั สะทา นอยา ง รุนแรง เขาไดตกอยูในภวังคแ หง ความครุน คิดช่ัวขณะหนึง่ วา ผูใดหรอื ท่ไี ดพูดสงิ่ น้ี! พดู กบั ใครกระนนั้ หรอื ! เขากลาวกับตัวเองวา “โอฟเุ ฎลเอย ! คมั ภีรอ ลั กรุ อานกําลงั พูดกบั เจา!!” ทันใดน้นั เองเสยี งของ ฟุเฎลกด็ งั ข้ึน และเขาไดพูดซํ้าคาํ พูดประโยคนีว้ า “ใชแ ลว! ขอสาบานตออลั ลอฮ ถึงเวลาแลว ใชแลว! ขอสาบานตอ อลั ลอฮถ ึงเวลาแลว!!!” ฟเุ ฎลไดเงยหนาข้ึนสูฟากฟา เขาไดก ลาวดวยหวั ใจทส่ี ํานึกผดิ และทาํ การสารภาพผดิ (เตาบะฮ) วา 21

“โอพ ระผเู ปนเจา ! แทจ ริงขา พระองคขอสารภาพผิดตอ พระองค และขาพระองคขอวาง (เง่ือนไข) การสารภาพผิด (เตาบะฮ) ของขาพระองคดวยการอยเู คยี งขา งบัยตุลฮะรอม (บา นของ พระองค) ตลอดไป” (3) การอา นอลั กุรอานดว ยเสียงคอย จากบรรดารวิ ายะฮที่ไดรายงานไวเ ก่ยี วกบั เร่ืองนี้ ทง้ั ในบรรดาหนงั สอื ฮะดีษของชอี ะฮและอะฮลิ ลซนุ นะฮน้ัน สามารถท่ีจะสรปุ ไดว า ในสภาพเงือ่ นไขตา งๆ ดงั ตอไปนเ้ี ปนสิ่งสมควรทเ่ี ราจะอา นคัมภรี อัล กรุ อานดวยเสียงคอ ย 1) เมื่อมนษุ ยก ลัววาการอา นอัล กรุ อานดวยเสยี งดงั จะเปน สาเหตขุ องการแสดงตนและการโอ อวด (ริยาอ) เนื่องจากวา การโออ วดนั้นไมเ พยี งแตจะทาํ ใหท ุกๆ การอิบาดะฮไรคณุ คาเทาน้ัน ในทาง ตรงกนั ขาม จะเปน สาเหตุทาํ ใหมนุษยอ อกหา งจากพระผเู ปน เจา 2)ในสถานทซี่ ึง่ การอา นอัล กุรอานดว ยเสยี งดงั จะกอ ใหเกดิ ความราํ คาญใจและเปน การ รบกวนบคุ คลอนื่ ๆ ตวั อยางเชน การอานในชว งเวลาพักผอนหรือการหลบั นอนของเพอื่ นบา น หรือใน สถานทีซ่ ่ึงการอานอัล กุรอานดว ยเสยี งดังจะไปรบกวนสมาธิการทาํ อิบาดะฮของผอู ่ืน เชน ถาหากมีผู ศรทั ธาจาํ นวนหนึ่งกาํ ลังหมกมุนอยกู บั การนมาซหรอื การอบิ าดะฮอ น่ื ๆ และเสียงจากการอา นอัล กรุ อาน อา นดงั จะไปทาํ ลายสมาธขิ องพวกเขา ฉะนั้นจําเปนตอ งหลกี เลยี่ งจากการอานอัล กุรอานดวยเสยี งดัง 3) การอา นคมั ภีรอ ัล กุรอานดวยเสียงดัง จะนํามาซ่ึงอนั ตรายและภัยรายตอ รางกายของ มนษุ ย (ผอู า น) ในกรณเี ชน นี้เขาไมมีสิทธิท์ จ่ี ะอานอัล กุรอานเสียงดัง เพราะวาการทาํ รายรางกายน้ัน เปน สง่ิ ตอ งหาม (ฮะรอม) ในขณะทก่ี ารอานคัมภรี อัล กุรอานเปนมุสตะฮบั และศาสนาไมอ นุญาตใหเ รา กระทําส่ิงทีเ่ ปน มุสตะฮบั แตใ นขณะเดียวกันมนั กลับเปน สาเหตุทีท่ าํ ใหตอ งกระทําในสง่ิ ท่ฮี ะรอม (ตองหา ม). มารยาทประการที่ 9 การอา นดว ยเสยี งทีไ่ พเราะ การมเี สียงอันไพเราะคือเนย๊ี ะอม ัต (ความโปรดปราน) อยางหนงึ่ ทพ่ี ระผเู ปน เจาทรงมอบให มนุษยโดยธรรมชาติเปนผูทีร่ ักและชอบความสวยงาม สําหรบั มนษุ ยแ ลว ทุกๆ ส่ิงที่มคี วาม สวยงามจะกอ ใหเ กดิ ความชมชืน่ สว นหน่งึ จากบรรดาความโปรดปราน (เนย๊ี ะอม ัต) ที่พระผูเปนเจาทรง มอบให น่นั คือเสียงอันไพเราะจบั ใจ ซ่ึงพระผเู ปนเจา ทรงมอบใหกับมนษุ ยบ างคน นา้ํ เสยี งอนั ไพเราะ และจบั ใจนี้คอื สง่ิ ท่สี ูงสงกวา ความสวยงามทัง้ มวล ทา นศาสดามุฮมั มัด(ศอ็ ลฯ) ไดกลา ววา 22

“แทจ ริงสว นหนง่ึ จากส่งิ ท่มี คี วามสวยงามมากท่สี ุดของความสวยงามทงั้ ปวง นนั่ คือบทกวที ี่ ไพเราะและการมีนาํ้ เสียงอนั ไพเราะ” (1) ดว ยเหตุผลดังกลาวน้ีเอง พระผเู ปนเจา ผูท รงเมตตาจงึ ไดท รงมอบของขวญั อนั ย่ิงใหญนี้ใหแก มนุ ษยผ ูถ กู เลอื กสรร (ศาสดาแหง พระผเู ปนเจา) เพ่อื จะเปน สาเหตุทําใหการเรียกรองเชิญชวนของพวก ทา นนัน้ มแี รงดึงดดู ใจมากย่งิ ขน้ึ อิมามซอดกิ (อ.) ไดก ลาววา “อลั ลอฮผทู รงเกริกเกยี รติ ผทู รงเกรยี งไกร มไิ ดสงศาสดาทานใดมา เวน แตจ ะตองมีเสยี งท่ี ไพเราะ” (2) หนา ท่ีของบรรดาบคุ คลที่มเี สยี งอนั ไพเราะกบั คัมภรี อ ลั กรุ อาน เมอ่ื เสยี งอันไพเราะคอื ความโปรดปราน (เน๊ียะอมตั ) ประการหนึง่ จากพระผเู ปนเจา ดงั น้นั มุสลมิ ทกุ คนที่ไดร ับของขวัญอนั นี้ (มุสลมิ สว นใหญไดร บั ส่ิงนี้) จาํ เปนทพี่ วกเขาจะตองขอบคณุ ตอ เน๊ยี ะอม ัตดังกลา ว การขอบคณุ ตอความโปรดปรานนก้ี ็คอื การอา นคัมภีรอ ลั กุรอานดว ยเสยี งอันไพเราะ ของตน เพื่อวานอกจากตนเองจะไดร บั ประโยชนจ ากมนั แลว ยงั จะทาํ ใหบคุ คลอน่ื ๆ ในสงั คมไดแ รง ดึงดูดใจจากคมั ภรี อัล กุรอาน เกิดความรกั ความผูกพนั ตอ อลั กุรอาน เน่ืองจากเสียงทไ่ี พเราะจบั ใจของ เขา เสยี งทไี่ พเราะคือเครอ่ื งประดบั ของอลั กุรอาน สงิ่ ทส่ี วยงามขัน้ สูงสุดคอื พระผูเ ปนเจาผูท รงสูงสง และทุกๆ ความสวยงามทัง้ ปวงนั้นมี แหลงทีม่ าจากพระองค พระองคคือบอเกดิ แหงความสวยงามทัง้ มวล ดว ยเหตุนี้พระคาํ (กะลาม) ของ พระองคจ ึงเปน คําพูดที่สวยงามทสี่ ดุ เชน กันไมมคี ําพูดใดๆ ที่จะมคี วามงดงามสละสลวยเทา เทยี มกบั คัมภีรอลั กรุ อานได โดยทแ่ี มแ ตบ รรดาศตั รูทีร่ ายกาจท่ีสุดของอัล กุรอานเองกย็ ังตองยอมสารภาพในส่ิง น้ี ตัวอยา งเชน วะลีด บนิ มุฆเี ราะฮ หนึง่ จากบรรดาผูนาํ แหงเผากุเรช และเปน ศัตรูท่ีรายกาจย่ิงตอ อิสลาม ซง่ึ ตวั เขาเองน้นั เปน นักกวีผูย ิง่ ใหญแหง อาหรับคนหน่งึ ทเี ดยี ว เขาไดก ลา วเกย่ี วกบั คัมภีรอลั กุ รอานเชน น้วี า “แทจ รงิ เมือ่ ครนู ี้ ฉันไดยนิ คาํ พดู หนึ่งจากมุฮมั มัด มนั ไมใ ชค ําพดู ของมนุษยแ ละไมใชค าํ พดู ของญนิ แทจรงิ มันชา งมีความหวานซ้ึง (เกนิ คาํ บรรยาย) และแทจริงมนั ชางมีความงดงามจบั ใจ” (3) หากคมั ภีรอ ัล กรุ อานซงึ่ โองการท้งั หลายของมนั นัน้ มีงดงาม ไดถูกอา นดวยเสยี งที่งดงามของ ผอู าน ความงดงามและความสวยงามของมนั ก็จะเพม่ิ เปน สองเทา และจะเขา ประทบั อยใู นหัวใจ 23

ทงั้ หลาย การอานคมั ภีรอ ลั กรุ อานดวยความไพเราะนน้ั นบั วามีคณุ คา อยางยิ่ง ถึงขัน้ ทที่ านศาสดามฮุ มั มัด(ศ็อลฯ) ไดกลา ววา มันคือเครือ่ งประดบั ของอัล กรุ อาน “แทจรงิ การมีเสียงทไี่ พเราะน้ัน คือเคร่ืองประดบั สําหรับคมั ภีรอัล กุรอาน” (4) ผลของการอา นคมั ภีรอ ลั กุรอานดวยความไพเราะ บางทีอาจจะมผี ูถามวา ทําไมถึงตองเนนอยา งมากเหลอื เกินเก่ยี วกับการอา นอัล กรุ อานดว ย น้ําเสยี งท่ไี พเราะ ! สงิ่ ท่ีสําคัญคือเราตองใหเ กยี รตติ อคัมภรี อลั กุรอาน อยา อา นแบบรบี เรงแตจ งคอยๆ อา น! ขอกลา วตอบวา บรรดานักภาษาและนกั วรรณคดีศกึ ษาเกีย่ วกับภาษาอาหรบั ตางเช่อื กันวา แม คมั ภีรอ ลั กุรอานจะไมใ ชบ ทกวี แตมที ว งทํานองเสียงและมที วงทํานองอันเปน การเฉพาะ ไมม บี ทรอย แกวใดๆ ในภาษาอาหรับทจี่ ะมีคณุ ลกั ษณะพิเศษเชนนี้ และดวยเหตุนี้เองเมือ่ คมั ภีรอลั กรุ อานไดถกู อาน ข้ึนดว ยเสียงอันไพเราะจะสงผลตอ จติ วญิ ญาณอยา งนา ประหลาดในตัวผฟู ง (แมแ ตบุคคลท่ีไมใ ช มสุ ลิม) เราไดอา นพบอยา งมากมายในชวี ประวตั ขิ องบรรดากอรี (นักอาน) ผมู ชี อื่ เสยี ง ซงึ่ การอานอลั กุรอานของพวกเขานอกจากจะสง ผลอนั ลมุ ลกึ ตอบรรดามุสลมิ แลว ยงั สงผลตอผทู ่ีไมใ ชม สุ ลิม เชนเดยี วกนั โดยทีไ่ ดก ลายเปน สาเหตุแหง การนาํ ทาง (ฮดิ ายะฮ) และการเขา รับอิสลามของพวกเขา ไมเ ลวทเี ดยี วท่เี ราจะมารบั ฟงเกยี่ วกับการสงผลอันลมุ ลึกของการอานอัล กรุ อานดว ยเสียงที่ ไพเราะจากคําพูดของทานอสุ ตาซ ชะฮีด อลั ลามะฮ อายะตลุ ลอฮ มเุ ฏาะฮฮ ารี (รฎ.) ซง่ึ ทานกลา ววา “ขา พเจา เอง…รูสกึ มคี วามสุขจรงิ ๆ จากการไดรับฟง อัล กรุ อาน…และรสู กึ ไดอ ยา งแทจริงถงึ ความไพเราะของอลั กุรอาน โดยเฉพาะอยา งยงิ่ เมอื่ มันไดถกู อา นดวยนํ้าเสียงทอี่ อ นโยนและไพเราะ บรรดาอลั กรุ อานทอี่ ับดลุ บาซฏิ ไดอาน…บางสว นของมนั โดยเฉพาะสว นท่ีเขาไดเ ลือกใชทว งทาํ นองท่ี สอดคลองกบั เนอ้ื หาของโองการ มันจะสง ผลอยางนา ประหลาด ตวั อยางเชน โองการ “ ” หรือซูเราะฮ “ ” สว นใหญของส่ิงทเ่ี ขาอา นจะมลี กั ษณะ เชน น้ี เขาไดอ า นซเู ราะฮ “ ” ดวยนํา้ เสียงและทว งทํานองท่ี สอดคลอ งกบั ความหมายของมัน โดยเฉพาะอยา งยิง่ เม่อื ขา พเจาไดรับฟงอลั กรุ อานดว ยทวงทํานอง เชน น้ี ขาพเจารูส ึกมคี วามสขุ อยา งมาก” ความหวานซึ้งและความไพเราะของอัล กรุ อานน้ี (และการที)่ ไมวา มันจะถกู อา นซาํ้ เทาใด ความหวานซง้ึ ของมนั ก็ไมลดพรองลงไป มนั คือสวนหน่งึ จากความมหัศจรรย (มุอญ ซิ าต) ของคัมภรี อ ัล กุรอาน (5) ผูอานท่ีมีเสียงท่ไี พเราะ ขอใหบรรดาผอู า นทม่ี ีเกยี รติ และโดยเฉพาะอยา งย่ิงบรรดานักกอรีอลั กุรอาน จงอยรู ว มกบั เรา ตอไปเพอ่ื ทานทัง้ หลายจะไดรับรวู านกั อา นอลั กรุ อานทมี่ เี สียงไพเราะท่ีสดุ คือใคร บังเอญิ มบี คุ คลหนงึ่ ไดถ ามเกีย่ วกบั เร่ืองน้ีจากทานศาสดามฮุ มั มัด(ศอ็ ลฯ) ทา นไดตอบแกเขาดังเนอื้ หาตอไปนี้ 24

ไดมีผูถ ามทานศาสดามุฮัมมดั (ศ็อลฯ) วา “มนุษยคนใดท่มี เี สียงอานอลั กรุ อานที่ไพเราะ ท่ีสุด!” ทา นศาสดามฮุ มั มัด(ศ็อลฯ) ไดตอบวา “บคุ ลผูซึ่งเมือ่ ทา นไดยินการอานของเขา ทา นได ประจักษว าแทจ ริงเขามคี วามหวาดกลวั ตออลั ลอฮ” (6) ความเกรงกลวั ตอ พระผเู ปน เจา คือบรรทัดฐานสําหรบั ผอู า นอัล กรุ อาน ผูอ านซง่ึ ไดสรา งความ สวยงามใหแกอ ลั กรุ อานดว ยเสียงอันไพเราะของเขา ฉะนน้ั นกั อานผมู ีน้าํ เสียงทไี่ พเราะท่ีสุดคือผซู ่งึ สญั ลักษณแ หงความเกรงกลัวอัลลอฮและวนั แหง การตอบแทนตดั สินไดเ ปนท่ีปรากฏในคาํ พดู และการ กระทําตางๆ ของเขา รูปลกั ษณภายนอกของเขาคอื รูปลักษณภายนอกแบบอสิ ลาม คาํ พดู ของเขาคืออัล กรุ อาน เขาเปนผลู าํ้ หนาคนอ่ืนในการปฏบิ ัตติ ามขอ บังคบั ใช (วาญบิ ) และละท้งิ จากส่ิงตอ งหา ม (มฮุ รั รอ มาต) ทัง้ หลาย และในการปฏบิ ัติภาระกจิ ทางสังคม เขาก็เปนผูล วงหนาคนอนื่ ถา หากผูอานอัล กุ รอานสามารถปฏบิ ตั ิไดถึงข้ันนี้ ก็ขอแสดงความปต ิยินดตี อเขาดวย ความสําเร็จและความไพบูลยไ ด ประสบกับเขาแลว. มารยาทประการท่ี 10 การอานคมั ภรี อลั กุรอานดว ยสําเนยี งอาหรับ อีกประการหนง่ึ จากมารยาททสี่ าํ คัญของการอานอลั กุรอาน คอื การอานดว ยสําเนียงภาษา อาหรับ เชน คนท่ีภาษาแมของเขาไมใชภาษาไทย เมอื่ เขาตอ งการที่จะพูดภาษาไทย และเขามไิ ดเรียนรู หรือฝกฝนสําเนยี งภาษาไทยใหด พี อ คําพดู ของเขาจะดขู ัดหผู ฟู ง และเปน ไปไดมากทเี ดยี วท่ีการไมร ักษา สําเนยี งของภาษาไทยอาจทาํ ใหผูฟง ไมเขาใจคาํ พดู ของเขา ในทาํ นองเดียวกนั เมอ่ื ใดก็ตามทเ่ี รา ปรารถนาที่จะสนทนาโดยใชภ าษาตางประเทศภาษาใดๆ กต็ าม จําเปนทเ่ี ราจะตอ งใชความพยายามพดู ออกมาดว ยสําเนยี งเฉพาะของภาษานน้ั ๆ เพอื่ ทีจ่ ะทาํ ใหบุคคลที่เราสนทนาดวยเขาใจและพงึ พอใจใน ภาษาของเขาทเี่ ราใชพดู กับเขา บรรดาทานผนู าํ แหงอสิ ลามกับการอา นคัมภรี อัล กรุ อานดว ยสาํ เนยี งภาษาอาหรบั จุดประสงคของเราจากคําวา “สาํ เนยี ง” ภาษาอาหรบั นัน้ กค็ อื ทวงทาํ นองของภาษาอาหรบั นนั่ เอง หมายความวา มสุ ลิมทกุ คนซงึ่ ภาษาแมข องเขาไมใ ชภ าษาอาหรบั จําเปนทีเ่ ขาจะตองใชความ พยายามฝก ฝนอานคัมภีรอัล กรุ อานดวยทว งทํานองและสําเนยี งของภาษาอาหรบั น่คี ือคําพูดของ บรรดาผูน าํ แหงอสิ ลาม ดังเชนทีอ่ มิ ามซอดิก (อ.) ไดก ลาววา 25

“ทานทง้ั หลายจงอา นอลั กุรอาน (ใหช ัดเจนและดวยสําเนยี ง) แบบอาหรับ เพราะแทจ ริงคัมภีร อลั กรุ อานนนั้ คือภาษาอาหรบั ” (1) บางท่อี าจจะมคี นบางคนพูดออกมาอยางทันควันวา ถา เชน น้นั หนา ของมุสลิมกลมุ หนึง่ ทีไ่ มใ ช ชาวอาหรบั ซง่ึ ไมสามารถอานอัล กุรอานดว ยภาษาอาหรับทชี่ ดั เจนไดนั้นคืออะไร! พวกเขาไมต อ ง อานอลั กุรอานกระนนั้ หรือ!! เรามไิ ดต อ งการพดู เชน นั้น! แตเ ราจะขอกลาววา มันแตกตา งกันระหวา งความไมสามารถกับ ความไมต อ งการหรือความไมพ ยายาม ทานอมรี ลุ มุม ินนี อะลี อบิ นิ อบีฏอลบิ (อ.) ไดก ลา วในคาํ พดู อนั ทรงคุณคาประโยคหน่ึงของ ทา นวา “คาของคนน้นั อยทู ขี่ อบเขตแหง (ความพยายามและ) ความมงุ ม่นั ของเขา” (2) มุสลมิ เราบางคนทมุ เทความพยายามและความมุง มัน่ โดยใชเวลาและปจ จยั ตางๆ เพือ่ กิจการ จาํ นวนมากท่ีเกย่ี วกับเรื่องทางโลก (ดุนยา) แมกระทง้ั กิจการตา งๆ ทไี่ มมคี วามจาํ เปน แตพ วกเขากลับ ไมพ รอ มท่จี ะทมุ เทเวลาและความเหน่ือยยากบางสวนเพือ่ กจิ การงานตา งๆ ทีเ่ กยี่ วกับเรื่องของจิต วิญญาณ ซ่งึ จะนํามาซ่ึงความสุขและความไพบลู ยส ําหรับชวี ิตท้ังในโลกนี้และโลกหนา ฉะนั้นหากเรามี ความรักความผกู พนั ตอ คมั ภีรอลั กรุ อาน และเรารกั ในพระดํารสั แหงพระผเู ปนเจา และภายใตร มเงา แหง การอานอลั กุรอาน เราปรารถนาทีจ่ ะไปใหถ ึงซ่งึ ผลรางวลั และการตอบแทนท่ไี รขอบเขตแลว มัน ยตุ ิธรรมใชไ หม! ทีเ่ ราจะใชความอตุ สาหพ ยายามสักหนอย และฝก อานคมั ภรี อ ลั กรุ อานดว ยกบั มารยาทตางๆ ของมนั และดวยทว งทาํ นองและสาํ เนียงแบบภาษาอาหรับ! ในการอา นคัมภีรอลั กุรอานนน้ั บางคนอา นดว ยความเกยี จครานและบางครัง้ ก็อาจแบบตามใจ ท่ีตวั เองตองการ (ในขณะที่กจิ การงานอ่ืนๆ ทางโลกนกี้ ลบั ไมเ ปน เชนน้นั ) เขาคิดแตเ พียงวาทําอยา งไร จะอา นใหไ ดมากที่สุด โดยเขา ใจเอาเองวา จะทาํ ใหต นเองไดรับผลรางวลั ในการอา นมากกวา ดวยเหตดุ ังกลา วนเี้ อง สําหรับบคุ คลเหลานแี้ ลวไมใชเ รือ่ งสาํ คัญอะไรที่จะอา นอลั กรุ อานผิดๆ หรือใสฮะระกตั ผิดๆ ถูกๆ หรืออานตกอานเกินไป ทา นผูอ า นทมี่ ีเกยี รติ! ส่ิงนี้ถอื เปนการไมใ หเ กยี รตติ อ คมั ภรี อ ัล กรุ อาน การอา นในลกั ษณะเชน นนี้ อกจากจะไมมผี ลรางวัลใดๆ แลว ยังจะเปนดังเชน ที่ ซะอด ี นักกวีผยู งิ่ ใหญไดก ลา ววา “หากทา นอานอลั กรุ อานดว ยวิธีเชนน้ี ทานกําลังทาํ ลายความรุงโรจนข องชาวมสุ ลิม” แนน อนยิ่ง! หากผูใ ดทไี่ ดพยายามแลว และใชเวลาทจ่ี ะศกึ ษาเรยี นรถู ึงกฎเกณฑท ีจ่ ําเปน ของ การอา นภาษาอาหรบั แลว แตทาํ อยา งไรเขากเ็ อาดีไมได! เมื่อเปน เชน น้ันเขาก็หมดภาระหนา ท่ี และพระ ผูเปนเจา กจ็ ะทรงตอบแทนรางวลั การอานอัล กุรอานแบบสําเนียงไมใ ชอ าหรบั ของเขาเทาเทียมกับรางวัล ของการอานทถี่ ูกตอ งชดั เจนแบบอาหรบั ดงั เชน ที่อมิ ามซอดิก (อ.) ไดกลา วถึงในประเดน็ นี้ 26

ฉะน้ันจําเปน ท่ีจะตองใชค วามพยายามและความมงุ ม่นั และใชเวลาสักเลก็ นอยเทาทท่ี าน สามารถในการศกึ ษาเรยี นรูการอา นอลั กุรอานดวยสาํ เนียงทถ่ี กู ตอ งและชดั เจน ขนั้ ตอนตา งๆ ของการอา นอัล กรุ อานดว ยสําเนียงอาหรบั การอานอลั กรุ อานใหเ ปน สาํ เสยี งภาษาอาหรบั นั้นมขี ้นั ตอนตางๆ หลายขัน้ ตอน เราจะอธบิ าย โดยสังเขปเพอ่ื แตล ะคนจะไดนาํ ไปเปนแนวทางในการปฏบิ ตั แิ ละการเรยี นรมู ันตามขอบเขตแหง ความ พรอ มและความพยายามของตน เพือ่ จะทําใหก ารอา นอลั กุรอานของเขาไดรับคณุ คาและผลรางวลั อยาง สมบูรณ ขน้ั ตอนแรก : ในการศึกษาคัมภรี อลั กุรอานในข้ันตอนน้ี จาํ เปน ท่จี ะตองเรียนรวู ิธีการออก เสียงทีถ่ กู ตองของบรรดาตวั อักษรอาหรับเสยี กอน เพราะการออกเสียงและตน กําเนดิ เสยี งของอกั ษร อาหรบั จาํ นวนมากนนั้ แตกตางกับอักษรภาษาไทยมากทเี ดยี ว นคี่ อื ขนั้ ตอนสาํ คัญในการอา นอลั กรุ อานใหถูกตอ ง เพอื่ จะไดไมก อ ใหเ กดิ การเปลยี่ นแปลงใน ความหมายตางๆ ของบรรดารปู คําและประโยค เพราะวาในหลายๆ กรณีที่การออกเสยี งอกั ษรผิดจะทาํ ใหความหมายของคาํ เปลีย่ นแปลงไป ซ่ึงจะขอยกใหดูเปนตวั อยางดังตอไปน้ี คําผดิ คาํ ถูก เขม็ เจาะรองเทา ผูพ ลง้ั พลาด, ผูล่ืนไถล หนทาง ความมงุ มั่น, การตดั สนิ ใจแนว แน ผหู ลงผิด ผูย ิ่งใหญ ขัน้ ตอนท่สี อง : การศกึ ษาเรียนรโู ดยสรปุ เก่ียวกับกฎเกณฑต า งๆ ของวิชาตัจญว ดี อยางไรก็ ตาม การเรยี นรกู ารสอนจาํ เปน ตอ งประกอบกบั การฝก หัด และการฝก หดั หรือฝก ฝนนั้นจะตอ งกระทํา จนกระท่งั ผอู า นอลั กรุ อานสามารถอา นเปนสาํ เนียงภาษาอาหรบั ไดอ ยา งชดั เจน สรปุ แลวการเรียนรใู น ขนั้ ตอนน้ีคือการปฏบิ ตั ติ ามคาํ สั่งเสยี ของอิมามซอดิก (อ.) ท่กี ลา ววา “ทานทงั้ หลายจงอา นอลั กุรอาน ใหชดั เจนและดวยสาํ เนียงอาหรบั ” ขัน้ ตอนทีส่ าม : ในขนั้ ตอนน้คี ัมภีรอลั กุรอานจะถกู อานดวยทวงทาํ นองแบบอาหรบั ในสภาพ ทผ่ี ูอานจะตอ งพิจารณาถึงความหมายและเนื้อหาของโองการตางๆ ดวย หมายความวาผูอา นอัล กุรอาน จะตอ งมคี วามรขู ั้นพน้ื ฐานเก่ยี วกับหลักภาษาอาหรบั ถงึ ขน้ั ที่สามารถรับรูไดว า โองการทง้ั หลายทีไ่ ดอาน ไปนน้ั บอกอะไรแกเ ขา และเขาจะทําใหท ว งทาํ นองการอา นของตนสอดคลอ งกบั ความหมายของโองการ เหลา น้ัน กลาวอีกนยั หนงึ่ เขาจะตองอา นโองการแตละโองการโดยพจิ ารณาความหมายของมนั พรอ มกับ ทวงทาํ นองท่ีสอดคลองกลมกลืนของมัน สามารถกลาวไดว า การอา นอลั กุรอานในลกั ษณะเชน นค้ี ือการ ดําเนินตามคาํ พดู ของทานศาสดามุฮัมมัด(ศอ็ ลฯ) ทีไ่ ดก ลา ววา 27

“ทานทงั้ หลายจงอา นอลั กรุ อานดวยทว งทํานองและนํา้ เสยี งแบบอาหรบั และจงระมัดระวังจาก ทว งทาํ นองของบรรดาผูละเมิด (ฟาซกิ ) และบรรดาผูป ระพฤตบิ าปใหญ” (3) การรบั ทว งทาํ นองของอลั กุรอาน บรรดาผูเช่ยี วชาญภาษาอาหรบั และนกั คนควา เกี่ยวกับคมั ภรี อ ัล กรุ อานจาํ นวนมากมีความเชอื่ วา คัมภีรอลั กุรอานนั้นมที วงทาํ นองอันเปน เฉพาะและไมม ตี ัวบทภาษาอาหรบั ใดๆ ทจ่ี ะสามารถอา น ดว ยทวงทาํ นองแบบคมั ภีรอ ลั กรุ อานได ทา นมัรฮมู อุสตาซ ชะฮดี มเุ ฏาะฮฮ ารี ไดก ลาวเกยี่ วกบั เร่อื งนี้ วา “อีกประเด็นหน่ึงทเี่ ก่ยี วขอ งกบั วธิ ีการของอลั กรุ อาน ซง่ึ เปนส่งิ ทีไ่ ดร บั ความสนใจมานับตงั้ แต อดีต น่ันคือประเดน็ ของการรับทว งทาํ นองของคมั ภรี อลั กรุ อาน สิ่งนน้ี ับเปน เรอื่ งท่นี า มหัศจรรยอ ยางย่ิง เทาท่ีพวกเขา (นักวรรณคดภี าษาอาหรับ) ไดช ีใ้ หเ หน็ ในบรรดาภาษาทั้งหลายนน้ั นอกจากบทกวีเทา น้ัน ท่ีรบั ทวงทํานอง ทวงทํานองท่แี ทจริงซง่ึ นักดนตรีคนหนึง่ สามารถสรา งทวงทํานองใหแกม นั ได น่นั คือบท กวซี ึ่งเปนสิง่ ท่ีรับทวงทาํ นอง…คัมภีรอลั กุรอานจากมมุ มองหนึง่ เรารูวามันไมใชบ ทกว…ี คัมภรี อ ัล กุ รอานเปนบทรอ ยแกวเพยี งส่ิงเดยี วเทา นน้ั ท่ีรับทวงทาํ นอง และน่ีคอื ประเดน็ หน่งึ ซง่ึ ไดรับความสนใจมา นับตัง้ แตยุคเร่ิมตน ของอิสลาม” (4) ผลการอานในลักษณะเชน นี้ จะไดรบั ทงั้ ตัวผูอ า นเองและผูท ไ่ี ดร ับฟง คมั ภรี อ ัล กุรอาน เมือ่ ผอู านไดอ านอลั กุรอานในลักษณะเชนน้ี เขาจะรูสึกวา บคุ คลทอี่ ลั กรุ อานไดสนทนาดว ยคือตัวของเขา เอง สภาพเชน นจี้ ะสง ผลกระทบอันลุม ลึกในตวั ผูอ านอลั กุรอาน ถงึ ขน้ั ทีส่ ภาพดงั กลาวจะยงั คงอยใู น ความรสู กึ ของเขาตอไปอกี นานภายหลังจากการอาน และบรรดาผูฟ ง กเ็ ชน กันทร่ี ับรูถึงความหมายของ โองการตางๆ ของคัมภีรอ ัล กรุ อาน เขาจะไดร บั ความรูสึกเชน น้ดี วย หมายความวาเขามคี วามรูสึกวา คมั ภรี อัล กุรอานซึ่งเปน พระดํารสั ของพระผูเปน เจา (กะลามลุ ลอฮ) น้นั กาํ ลังสนทนากับตัวเขา และจาก สภาพเชนนีใ้ นท่สี ุดแลว จะสง ผลในทางปฏิบตั ใิ นพฤตกิ รรมและการกระทําของบรรดาผูรับฟงอลั กุรอาน การอา นในลักษณะเชน นคี้ ือแบบอยางของการอา นอลั กุรอานดวนสําเนียงและทว งทาํ นองแบบ อาหรับอยา งแทจริง หวงั เปนอยางยง่ิ วา การอา นอัล กุรอานของนกั อานทง้ั หมดของเราจะไปถึงข้นั นี้ ซึง่ จะสงผลกระทบอันไมม สี ้ินสดุ และเปนความจาํ เริญสาํ หรับสงั คมตลอดไป. มารยาทประการท่ี 11 การอานคัมภรี อ ลั กุรอานประจาํ วัน การอิบาดะฮทม่ี ีคุณคา ยง่ิ ประการหนง่ึ คอื การอา นคมั ภรี อัล กุรอาน สง่ิ นีน้ ับวา มีความสําคัญ เปน อยา งยิ่งซง่ึ พระผเู ปน เจาไดท รงตรัสในเรื่องนี้วา 28

“ดงั นั้นพวกเจา ทัง้ หลายจงอา นในขอบเขตท่สี ะดวกจากอัล กรุ อาน” (อัล มซุ ซัมมลิ : 20) การอา นคัมภรี อลั กรุ อานในทุกๆ สภาพ โดยทวั่ ไปแลว บุคคลที่จะกําชบั และสง่ั เสยี สิ่งใดๆ น้ัน สิ่งที่เขาส่ังเสยี น้ันจะตอ งเปน สง่ิ สําคัญ และมีผลตอ ชะตากรรมชีวติ สว นหนงึ่ จากคาํ ส่ังเสยี ของทานศาสดามฮุ ัมมัด(ศ็อลฯ) ท่มี ตี ออมิ ามอะลี (อ.) คือการอา นคัมภรี อัล กุรอานเปนประจาํ “และจําเปนท่เี จา จะตอ งอา นคมั ภีรอัล กุรอานในทกุ ๆ สภาพ” (1) การอบิ าดะฮจ าํ นวนมากจะถกู ยกเวน หรือไมก ม็ ีการผอนปรนในกรณีท่ีเกิดความปว ยไข ยาม เดนิ ทาง หรอื ในชวงของการญิฮาด (ตอส)ู ในหนทางของอัลลอฮ แตพระผเู ปน เจาทรงเนนอยา งยิง่ วาแม จะอยใู นสภาวะน้ี ก็จงอานคัมภีรอ ัล กรุ อานตราบเทา ทสี่ ามารถจะกระทําได “พระองคท รงรอบรวู าตอไปบางคนจากพวกเจาจะเปน ผเู จ็บปว ย และคนอื่นๆ อกี บาง คนจะออกเดนิ ทางไปในหนาแผนดินเพอ่ื แสวงหา (ปจ จัยยงั ชพี ) จากความโปรดปรานของพระผู เปน เจา และคนอ่นื ๆ อกี บางสว นก็จะออกทําศึกในหนทางของพระผูเปนเจา ดงั น้นั พวกเจา จง อา นในขอบเขตที่สะดวกจากอัล กุรอานเถิด” (อัล มซุ ซมั มิล : 20) เคล็ดลับของประเดน็ ดังกลาวนี้คืออะไร! ทําไมการอา นอัล กรุ อานอยเู ปนประจําและทุกๆ วนั จึง ถกู เนน มากถงึ เพียงนี!้ บางทเ่ี หตุผลหรือวิทยปญ ญา (ฮิกมะฮ) ของมันก็คอื วา คัมภรี อ ัล กุรอานคือแบบ แผนสาํ หรบั การดาํ เนนิ ชวี ติ อนั ไพบลู ยของมุสลมิ ทกุ คน ดว ยเหตุนจ้ี งึ เปน สิ่งสมควรทบี่ รรดามสุ ลมิ จะตอง อา นมนั ทกุ ๆ วัน เขาจะตองเรยี นรูถงึ บทเรยี นแหง การดําเนนิ ชวี ติ จากมนั และปฏิบัติตามสง่ิ ท่ีไดเ รยี นรนู ้ัน ดงั เชน ที่มนษุ ยจะเตรยี มแผนการสําหรบั การปฏิบัตงิ านตา งๆ ในชวี ติ ประจาํ วันของตนเอง และ ทุกๆ เชาเขาจะทบทวนถึงแผนงานตา งๆ ของตนเอง เพอ่ื วา เขาจะไดป ฏบิ ตั งิ านใหส อดคลองกบั แผนงาน ดังกลาว ในทาํ นองเดยี วกนั มสุ ลิมทกุ คนท่ีปรารถนาจะปฏบิ ตั ติ ามคัมภรี อ ลั กรุ อาน จาํ เปน อยา งย่ิงท่เี ขา จะตองอา นอัล กุรอานอยางตอ เนอื่ งในทกุ ๆ วนั เพ่ือวาภายใตก ารปฏิบัตติ ามคาํ สั่งสอนและการชีน้ ําของ คัมภรี อลั กุรอาน เขาจะไดย างกา วไปสูความสาํ เรจ็ และความไพบูลยท้ังชวี ติ ในโลกนีแ้ ละโลกหนา อิมามโคมัยนี (รฎ.) กับการอานคมั ภีรอ ลั กรุ อาน เปน สงิ่ ทดี่ ีทีเดยี วเพอ่ื ประจกั ษถ งึ ความสําคัญของการอานอลั กรุ อาน ในฐานะทเ่ี ปนการอิบา ดะฮอ ยางหนึ่ง เราจะขอชใ้ี หเ หน็ ถงึ เหตกุ ารณอันเปนความทรงจาํ ท่ีนา ติดตามสองเหตุการณเกี่ยวกบั เกล็ดชีวติ ของทา นอมิ ามโคมัยนี (รฎ.) เหตุการณแรกนน่ั คอื เครอื ญาติผใู กลชิดของทา นอิมามคนหนง่ึ ไดเ ลา เกี่ยวกับเรือ่ งน้วี า 29

ครง้ั หนงึ่ ขณะท่ีขา พเจา ใชช วี ติ อยกู ับอมิ ามในเมืองนะญฟั ดวงตาของทานเกดิ อาการเจ็บปว ยขนึ้ ภายหลงั จากการตรวจดดู วงตาของทา นแลว หมอไดก ลา ววา ‘ทา นจําเปนตองงดการอานอลั กรุ อานสกั ระยะหนง่ึ และจงพกั ผอ นสายตาของทา น’ อมิ ามหัวเราะเลก็ นอ ยและกลาววา ‘น่หี มอ! ฉันตอ งการใชด วงตาของฉนั อา นอัล กรุ อาน ดังนน้ั จะมปี ระโยชนอ ะไรท่ีฉันมีดวงตาแตฉ ันไมไ ดอานคมั ภีรอัล กุรอาน! หมอจงทําอะไรสกั อยา งเถดิ เพือ่ ให ฉันสามารถอา นคัมภีรอ ลั กรุ อานได’ (2) อีกเหตุการณห น่ึงทา นอายะตุลลอฮ ตะวัซซลุ ี ซึ่งเปนเครอื ญาติใกลชดิ คนหนึ่งของทานอมิ าม (รฎ.) ไดเ ลาถึงการอานอัล กรุ อานเปน ประจาํ ทุกๆ วันของทา นอมิ ามโคมัยนี โดยกลาววา “แมทา นอมิ ามจะมีภาระกจิ ทยี่ ุงยากอยางมากกต็ าม แตทานกใ็ หความสาํ คญั ตอการปฏบิ ตั ิ อะมล้ั (การงาน) ตางๆ ที่เปนมุสตะฮบั โดยเฉพาะอยา งย่ิงการอา นคัมภรี อ ัล กรุ อาน การอา นดอุ าอแ ละ การนมาซในชวงแรกของเวลา อิมาม (รฎ.) จะอานคมั ภีรอ ลั กุรอานในทกุ ๆ วัน 3-5 ครั้ง และในเดือนรอมฎอนอนั จาํ เรญิ อิมามจะอานคมั ภรี อลั กรุ อานจบ 3 รอบ” (3) ปรมิ าณของการอา นในแตล ะวัน บางทีอาจมผี ถู ามวา ในเม่อื การอา นอัล กรุ อานประจาํ ทกุ วนั มคี วามสําคญั ถงึ เพียงนี้ ดังนนั้ เรา ควรอา นอลั กุรอานวนั ละก่อี ายะฮ! คาํ ตอบสําหรับคําถามขอนม้ี ีปรากฏอยูใ นฮะดีษจาํ นวนมาก ซึ่งเรา จะขอนาํ มาเสนอไวใ นทน่ี เ้ี พยี งสองฮะดีษ จาํ นวนทน่ี อ ยทสี่ ดุ ของการอา น : ในฮะดีษบทหน่งึ ซง่ึ มีรายงานมาจากอิมามบากิร (อ.) ช้ีใหเหน็ วา หากมุสลิมคนใดไมตอ งการทจ่ี ะถกู นับวาเปนสวนหน่ึงจากบรรดาผูเผอเรอ ผูหลงลืม จาํ เปน ที่เขาจะตองอานอัล กุรอานอยา งนอ ยวนั ละ 10 อายะฮ อิมามบากิร (อ.) ไดอ างคาํ พูดประเดน็ นจ้ี าก ทานศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) ซง่ึ ทา นไดกลาววา “ผใู ดทอ่ี า น (อลั กรุ อาน) สบิ อายะฮในแตละคนื เขาจะไมถ กู บนั ทกึ ใหเ ปนสว นหนึ่งจากบรรดา ผูห ลงลมื ” (4) อยางไรก็ดกี ารอานในจาํ นวนดังกลา วนี้ เปน การอานทนี่ อกเหนือไปจากทม่ี สุ ลิมทุกคน จําเปนตอ งอานในการนมาซของเขา เพราะบรรดาโองการเหลานเ้ี ปน สวนหนึง่ ของการนมาซ และการ อา นมันถอื เปน วาญิบสาํ หรับมสุ ลมิ ทกุ คน 50 อายะฮ (โองการ) คอื การอา นของบรรดาผูทาํ การราํ ลกึ : ในฮะดีษบทขา งตน ยังได กลา วตอ ไปอีกวา บคุ คลใดกต็ ามท่อี านคัมภรี อลั กุรอานในทุกๆ วันๆ ละ 50 อายะฮ เขาจะเขา อยใู น บรรดาผูท ท่ี ําการราํ ลึกถงึ พระผูเปน เจา ตลอดเวลา 30

“และผูใดท่ีอา น (อัล กรุ อานในแตละคนื ) จาํ นวน 50 โองการ เขาจะถกู บนั ทกึ ใหเปนสวนหน่ึง จากบรรดาผทู ี่รําลึก” (5) จํานวนการอา นของนักอานคัมภีรอัล กุรอาน : ทา นมรั ฮูม เฟฎ กาชานี ผเู ปนนัก นติ ศิ าสตร นักอรรถาธบิ ายคมั ภีรอัล กุรอานและอาริฟผูย่งิ ใหญท า นหนึ่งของชีอะฮ ทา นไดเขยี นเกีย่ วกับ ประเด็นนไี้ วในหนงั สอื ‘อัล มะฮัจญะตลุ บยั ฎออ’ ของทา นวา ถาหากผูอ า นคมั ภีรอ ัล กุรอานเปน ผูท่คี ิดใครครวญในความหมายของคัมภีรอ ลั กรุ อาน…ดงั นนั้ เขาไดป ฏบิ ัตติ ามรวิ ายะฮ (คาํ รายงาน) หนงึ่ ทีก่ ลาววา ในแตล ะวันควรอา นอัล กรุ อานหาสิบอายะฮ เพราะอมิ ามซอดิก (อ.) ไดกลา วไวว า “คัมภีรอัล กรุ อานคอื พนั ธสัญญาของอัลลอฮท ีม่ ยี งั (มนุษยผ เู ปน) สง่ิ ถูกสรางของพระองค แนน อนย่ิงเปนสง่ิ สมควรสําหรบั ผูท เ่ี ปน มสุ ลมิ ทีเ่ ขาจะมองดใู นพนั ธสญั ญาของเขา และจะตอ งอา นจาก มันในทุกๆ วัน (อยางนอ ย) หา สบิ อายะฮ” (6) บรรดาผอู า นทม่ี ีเกียรติทง้ั ชายและหญงิ กไ็ ดเ ห็นแลววา การอา นอลั กุรอานอยา งนอ ยวันละ 50 อายะฮน ้ันเปนจํานวนท่ีสมควรอยา งยง่ิ ทีม่ ุสลมิ ทุกคนควรอา นเปน ประจาํ ในแตละวัน ดงั นนั้ จาํ นวนของ การอา นดังกลา วนี้สําหรับผูท ่ีเปน นักอา นคัมภรี อ ัล กุรอาน ผูป ระกาศสาสนของพระผูเ ปนเจา แกมวล มนุษยผูเปน ส่งิ ถกู สรา งของพระองค จงึ นบั วา มีความจาํ เปน อยางยิง่ ทีเดียว เน่ืองจากจะเปนหว งสมั พนั ธ ระหวา งเขากบั อัล กุรอาน หมายความวา มันคอื พันธสัญญาแหง พระผเู ปน เจา หวงั เปน อยา งย่งิ วา ดว ยความโปรดปรานและความเมตตาจากพระผูเปนเจา ซง่ึ มสุ ลิมทุกคน โดยเฉพาะอยา งยิ่งบรรดานักอา นคมั ภรี อ ัล กรุ อานผูม เี กียรตจิ ะไดรบั เตาฟก (ความสาํ เรจ็ ) ในการอา น คมั ภีรอ ลั กุรอานในจํานวนดงั กลา ว จํานวนการอา นของผูป ระกอบอาชพี และบรรดาพอ คา : บรรดาเจาของรานและพอ คา ทัง้ หลายก็เชน กัน จําเปนจะตองใหความสนใจตอการอา นคัมภีรอ ลั กุรอานเปน พเิ ศษ มันจะเปนส่งิ ทีอ่ ัลลอฮทรงพึงพอพระทัยเสียนก่ี ระไร! หากบรรดาเจาของรานคาของเราจะดาํ เนินรอยตามเจา ของราน และพอคา ตา งๆ ในยุคอดตี บรรดาพอคา และเจา ของรา นคาชาวชอี ะฮน บั จากยุคอดตี มาจากกลุมบุคคลทม่ี ีความเครงครดั ในศาสนาและมคี วามผกู พันกบั การอา นอลั กุรอานและอะฮลลุ บยั ต หรอื แมก ระทัง่ สามารถกลา วไดวา ใน การรกั ษาสญั ลักษณต างๆ ของอิสลาม การจดั ต้งั ชุมนมุ การอานอัล กรุ อานและการราํ ลกึ ถงึ เหตกุ ารณ แหงอาชูรอ บคุ คลเหลา นจ้ี ะรุดหนากอ นกลมุ ชนในระดบั อื่นๆ ในสงั คม ดงั เชน ในเมอื งสว นใหญของ ประเทศอหิ รา นในยคุ ปจ จบุ ันกจ็ ะเปนแบบนเ้ี ชนกนั ทุกคนคงจะเคยไดย ินหรอื ไมก็เคยไดอ านมาแลว วาบรรดาพอ คาในสมัยอดีต นอกจากพวกเขา จะพกั การขายและปด รา นรวงของตนในชวงเวลานมาซแลว พวกเขายังมีการนมาซประจําวนั ในรูป 31

ของญะมาอะฮอ กี ดว ย และพวกเขาจะเร่ิมตน งานประจาํ วนั ของตนเองดว ยพระนามแหงพระผเู ปนเจา และการราํ ลกึ ถึงพระองค บรรดาพอคา หรือเจา ของรา นจาํ นวนมาก ภายหลังจากเปด รานคา และ จดั เตรยี มสนิ คาในรานเรยี บรอ ยแลว พวกเขาจะเปดคมั ภรี อ ัล กรุ อานและเริม่ ตนงานประจําวนั ของตนเอง ดว ยพจนารถแหงพระผทู รงสราง แบบฉบบั อนั ดงี ามดังกลา วนไี้ ดก ลายเปน สาเหตทุ ีท่ าํ ใหพวกเขาไดร าํ ลึก ถึงพระผเู ปนเจาอยตู ลอดวันในการคา ขาย และทาํ ใหพ วกเขาปลอดภัยจากการกระซิบกระซาบของ ชัยฏอนมารราย และการคาขายที่ฮะรอม (ตอ งหาม) ยังผลทาํ ใหพ วกเขาเขาอยูในกลมุ ของบรรดาพอคา ทีอ่ ลั ลอฮท รงรกั พวกเขา และพระองคไ ดท าํ ใหก ารคา ขายและอาชพี ของพวกเขามีความจาํ เริญ (บะรอ กะฮ) ผูนํามัซฮบั ของเราคือทานอิมามซอดิก (อ.) ไดก ลาวเก่ียวกับบรรดาพอคาชาวมุสลมิ ไวเชน นีว้ า “สง่ิ ใดกระนั้นหรือทีห่ กั หา ม…พอ คาทหี่ มกมนุ กบั การคาขายในตลาด โดยที่เมอื่ เขากลับถึงบา นของ ตนเอง…เขาจะไมน อนจนกวา…เขาจะไดอา นสกั ซเู ราะฮหนึง่ จากอัล กุรอาน เพราะทุกๆ อายะฮท เ่ี ขาจะ อานนั้นจะถกู บนั ทึกสิบความดีสําหรบั เขา และความชัว่ รา ยสบิ ประการจะถกู ลบไปจากเขา” (7) ชว งเวลาตา งๆ ของการอานคมั ภีรอ ัล กุรอาน จากบรรดาโองการอลั กุรอานและฮะดีษทัง้ หลาย สามารถสรปุ ไดวา การอานคมั ภรี อัล กรุ อาน และการราํ ลึกถึงอลั ลอฮใ นทุกๆ ชวงเวลาและโอกาสเปนสิ่งทดี่ ียิง่ แตส าํ หรับชวงเวลาตอไปนไี้ ดถ ูกส่ังเสีย และกาํ ชับไวเปน พิเศษคือ ชวงเวลายามเชาภายหลงั จากการนมาซซบุ ฮิ์ ชว งเวลาพลบคาํ่ ชว งเวลากอนนอนในยามคํา่ คืน ชว งเวลาดึก และชวงเวลากอนรงุ อรณุ ดว ยเหตุน้ีเอง สมควรอยา งย่งิ สาํ หรับแตล ะบคุ คลทจี่ ะกาํ หนดเอาเวลาบางสว นจากเวลาเหลานี้ ซ่งึ มคี วามเหมาะสมกับสภาพและโอกาสของตนเอง เพอ่ื เปน โปรแกรมการอา นคมั ภรี อ ัล กรุ อานสาํ หรับ ตนเอง. มารยาทประการท่ี 12 การใหค วามสนใจตอ ความหมายและการคดิ ใครค รวญในอัล กุรอาน คัมภรี อัล กุรอานอันจําเรญิ ไดเ รยี กรอ งเชญิ ชวนมสุ ลมิ ทุกคนใหอ านคมั ภีรอ ัล กรุ อาน (1) และ มรี ายงานจาํ นวนมากทกี่ ลาวถงึ คุณคาและผลรางวัลอนั มากมายของการอาน ดวยเหตุนีเ้ ปนสงิ่ สมควร อยางยิง่ ท่ีมสุ ลิมทุกคนจะกาํ หนดเวลาสวนหนึง่ ของตนเองไวเ พอื่ การอานอลั กรุ อาน แตภาระหนา ทข่ี อง เรากย็ งั ไมจบเพยี งแคก ารอา นอลั กรุ อานเพยี งอยา งเดียว บุคคลใดก็ตามท่ีคุน เคยกับการอานคัมภรี อลั กุ รอานแลว หนาทอ่ี ีกประการหนึ่งทเี่ ขาพงึ ปฏบิ ัติในสวนทเี่ กี่ยวกับคมั ภรี อลั กรุ อาน ดงั ที่อลั กุรอานเองได ชี้ใหเห็น 32

ความสําคญั ของการคิดใครค รวญในคัมภรี อลั กุรอาน กุ พระผูเปน เจา ทรงแจกแจงถงึ ภาระหนาทอ่ี ีกประการหนง่ึ ของปวงมุสลมิ ทีพ่ ึงมตี อ คัมภรี อ ลั รอาน ในซเู ราะฮศ ็อด อายะฮท ี่ 29 พระองคท รงตรัสไวเชน น้วี า “คัมภรี ซึง่ เราไดป ระทานมนั ลงมายงั เจานน้ั เปน สง่ิ สาํ คญั เพ่ือพวกเขา (มนษุ ยชาต)ิ จะไดคดิ ใครค รวญโองการทัง้ หลายของมัน และเพือ่ วา ปวงผูมีสตปิ ญ ญาจะไดร ําลกึ ” โองการขางตน ไดส อนมสุ ลิมทุกคนใหรูวา สวนหน่ึงจากมารยาทของการอา นคัมภรี อลั กรุ อาน คือ การใหความสนใจตอความหมายของอัล กุรอานและการคิดใครค รวญในโองการทั้งหลายของมนั หมายความวา มุสลมิ ทุกคนในชวงเวลาทเี่ ขาอานคัมภีรอัล กรุ อาน จาํ เปน ท่เี ขาจะตองใหค วามสนใจตอ ความหมายของบรรดาโองการ ทําความเขาใจกบั สาระของโองการ และทําตัวเองประหน่งึ วาเปน บุคคล ทอี่ ลั กุรอานกาํ ลงั พูดถงึ เพื่อวา เขาจะไดต ระเตรยี มส่อื นําสําหรับตนเองในการท่จี ะปฏบิ ัติตามโองการ ตา งๆ ของคมั ภีรอลั กรุ อาน เพอ่ื จุดประสงคดงั กลาวนี้ จาํ เปนอยา งยิ่งทผ่ี อู า นอัล กุรอานจะตองรวบรวม สมาธแิ ละความคดิ ของตนเองใหอยูก ับอลั กุรอาน นับตัง้ แตเรม่ิ ตน การอา นจวบจนกระทงั่ จบการอาน และเขาจะตองไมค ดิ ถงึ สงิ่ ใดนอกจากอลั กุรอานและความหมายตางๆ ของมัน โดยพนื้ ฐานแลว การอานคัมภรี อ ัล กุรอานโดยปราศจากการคดิ ใครครวญในมนั นน้ั ไมม ีคุณคา อะไรมากนัก เพราะวา เปา หมายของการประทานคัมภรี อลั กรุ อานลงมาก็เพอ่ื ใหม นษุ ยไ ดป ฏบิ ตั ติ าม โองการตา งๆ ของมนั และการใหความสนใจตอความหมายและการคิดใครค รวญในคมั ภีรอ ัล กรุ อานน้ัน คอื ขนั้ ตอนพื้นฐานและเปน ประตไู ปสูการปฏบิ ตั ิ อมิ ามอะลี (อ.) ไดก ลาวเก่ยี วกบั ความสาํ คญั ของการคดิ ใครค รวญในคมั ภีรอ ลั กุรอานไวว า “พงึ รูเ ถดิ วา ! ไมม ีความดงี ามใดๆ ในการอา น (อลั กรุ อาน) ทไี่ มมีการคดิ ใครค รวญในมนั …” (2) กญุ แจตา งๆ ของการคดิ ใครค รวญในอลั กรุ อาน 1. การใชประโยชนจ ากคมั ภรี อัล กุรอานฉบับแปล : บรรดาบคุ คลท่ีไมม ีความรูเกย่ี วกับ ภาษาอาหรบั เพือ่ ทีจ่ ะรับรถู งึ ความหมายตางๆ ของบรรดาโองการ พวกเขาสามารถใชป ระโยชนจ าก บรรดาคัมภีรอ ลั กุรอานทมี่ คี ําแปลได จงพยายามเลอื กอัล กุรอานฉบับแปลที่สาํ นวนตา งๆ ของมันมี ความเรียบงา ย อานงา ยและเขา ใจงา ย และการใชป ระโยชนจากอัล กรุ อานฉบบั แปลเพอ่ื รับรถู ึง ความหมายตางๆ ของบรรดาโองการนน้ั สามารถปฏบิ ตั ิไดส องวิธีคอื ก) กอนการอา นแตล ะโองการ ใหอา นความหมายของโองการนั้นๆ กอน และจงคดิ ใครครวญ ในความหมายของมัน ตอ จากนน้ั ใหอ านความหมายของโองการถัดไป ใหกระทาํ ตามลักษณะน้ี จนกระทงั่ สน้ิ สุดการอาน 33

ข) ทุกครั้งที่ตองการอานคมั ภรี อัล กุรอาน จงกาํ หนดขอบเขตของการอา น (เชนหน่ึงหนา หรือ สองหนา ) กอนเร่ิมตน การอา น ใหอา นคําแปลของโองการเหลา นั้นกอนดวยการคิดใครค รวญ และ ภายหลังจากการคดิ ใครครวญในความหมายของมนั แลว จงึ เรมิ่ ตนการอานคมั ภรี อ ัล กรุ อาน 2. การอา นแบบตรั ตลี : จุดประสงคข องการอา นอลั กรุ อานแบบตรั ตีลคือ การอา นอยาง ถกู ตองชัดเจน และคอยๆ บรรจงอา นมัน ในขณะเดยี วกนั ก็มงุ ความสนใจตอ ความหมายของมนั ไปดว ย หน่ึงจากบรรดาหนทางของการครนุ คดิ และการใครครวญในคมั ภีรอัล กรุ อาน คอื การบรรจงอา นแบบชา ๆ ซึง่ เรียกการอา นในลักษณะเชน นี้วา “ตัรตีล” แตทวามีไมน อ ยทีเดียวทีบ่ รรดาผทู ่เี ม่อื เรมิ่ อา นความ พยายามของเขามงุ ไปยังจดุ ทว่ี า จะทาํ อยา งไรใหจบซูเราะฮเ ร็วๆ พวกเขาจะคิดแตเพียงส่งิ นเ้ี ทา นั้น การ อานอัล กรุ อานในลักษณะเชน นไ้ี มใหค ุณคาอะไรมากนัก ยง่ิ ไปกวา น้นั บรรดาผนู ําของอิสลามยงั ถือเปน เร่อื งนา ตําหนิอีกดวย อมิ ามอะลี (อ.) ไดถ ามจากทา นศาสดามฮุ มั มดั (ศอ็ ลฯ) เกย่ี วกับโองการ ท่ีอลั ลอฮท รงตรสั วา ( ) “และเจา จงอานอัล กุ รอานเปนจงั หวะชาๆ (ชัดถอ ยชัดคํา)” (อัล มุซซมั มิล : 4) ทานศาสนาทตู (ศอ็ ลฯ) ไดกลา ววา “จงอา นมันใหช ดั เจน และเจา จงอยาอานมันแบบเรงรีบเหมอื นบทกลอน จงหยดุ ณ โองการ ตางๆ ที่ชวนพศิ วง และจงเปด บรรดาหวั ใจ (ของตน) ดวยสอื่ จากอัล กุรอาน และจงอยา ใหค วามสนใจ ของคนใดจากพวกเจา คือการไปถงึ ยงั ทา ยของซเู ราะฮ” (3) 3. การหลกี หางจากความชัว่ ท้ังหลาย : คมั ภีรอ ลั กุรอานคือคมั ภรี แ หง สจั ธรรม และไดถ ูก ประทานลงมาเพื่อการนําทางมนษุ ยชาตทิ ้ังมวล สว นหนึ่งจากปจ จยั พ้นื ฐานของการนาํ ทาง (ฮิดายะฮ) คือการอา นอลั กรุ อานพรอมกับการคิดใครครวญ แตม นุษยบางคนเนื่องจากผลของการประพฤติชว่ั ทํา ใหหวั ใจของพวกเขามดื บอด ถกู ปดกนั้ และไมไดรับเตาฟก (ความสาํ เร็จ) ในการคดิ ใครครวญในอลั กุ รอาน พระผเู ปนเจา ไดท รงตรัสในเรือ่ งนวี้ า “พวกเขามไิ ดใ ครครวญในอลั กรุ อานดอกหรอื หรอื วา บนหวั ใจทงั้ หลาย (ของพวกเขา) มกี ญุ แจหลายดอกคลอ งอย”ู (มุฮมั มัด : 24) การมีหัวใจผูกพันตอ โลกดนุ ยาและความประพฤติชั่ว จะเปน อุปสรรคขวางกน้ั ความสนใจและ การคิดใครค รวญในอัล กรุ อาน ความชัว่ นนั้ จะปดกั้นลงกุญแจหวั ใจของมนุษย เหมือนดังประตูทัง้ หลาย ทถ่ี ูกปดดวยกญุ แจเหลก็ หากบคุ คลใดท่ีหัวใจของเขาเปดอยู เขากส็ ามารถคดิ ใครครวญในอัล กรุ อาน และความหมายของอัล กุรอานกจ็ ะสง ผลเขาสจู ติ ใจของเขา เราวอนขอตอพระผูเปน เจาผทู รงเมตตา ผทู รงกรุณาปรานี ขอพระองคทรงประทานเตาฟก (ความสาํ เรจ็ ) ในการอา นคัมภรี อลั กุรอานและการคิดใครค รวญในความหมายของอลั กุรอานแกพวก 34

เราชาวมสุ ลมิ ทกุ คน โดยเฉพาะบรรดาผปู ฏบิ ัติตามอะฮล ิลบยั ต (อ.) และขอพระองคโปรดขจดั ขวาก หนามและอุปสรรคของการคิดใครครวญในอลั กรุ อาน ใหห มดไปจากเสน ทางชวี ิตของพวกเขาดว ยเถดิ . มารยาทประการที่ 13 การรบั ฟง และการนง่ิ เงียบขณะอา นคมั ภีรอ ลั กุรอาน มารยาทอีกประการหนง่ึ ของการอา นคัมภีรอลั กุรอาน คือการรับฟง และการนิ่งเงยี บเมื่อไดย นิ เสยี งบรรดาโองการซ่ึงเปน พระดํารสั แหงพระผเู ปน เจา (กะลามุลลอฮ) เม่อื มีบคุ คลใดอา นคัมภีรอ ัล กุ รอานหรือมกี ารกระจายเสียงจากวทิ ยุ เทป หรอื เครือ่ งเลนแผน เสยี งตา งๆ ผูทีไ่ ดยินเสยี งของอัล กุรอาน สมควรอยา งย่งิ ที่เขาจะตัง้ ใจฟง อัล กรุ อานและเงียบสงบ เพราะส่ิงน้ีคอื คําส่งั ของพระผูเปนเจา ซึ่ง พระองคทรงตรัสไวในคัมภีรอ ลั กรุ อานวา “เมื่อคมั ภีรอลั กุรอานไดถูกอา น พวกเจา จงฟง และจงสงบนง่ิ เถดิ เพอื่ พวกเจาจะไดร บั ความเมตตา” (อัล อะอรอฟ : 204) ความหมายของคําวา “อสิ ตมิ าอ” และ “อินซอต” ในโองการน้พี ระผเู ปน เจา ทรงบัญชาใหป ระชาชนปฏบิ ตั ิสองส่ิงเม่ือมีการอา นคมั ภีรอ ลั กรุ อาน คอื 1. “อสิ ตมิ าอ” : หมายถงึ การรบั ฟงพรอ มกบั การใหความสนใจตอ ความหมายและเนือ้ หาของ คําพูด น่ันหมายถงึ การรบั ฟง ดว ยความตั้งใจ 2. “อนิ ซอด” : หมายถงึ การนิ่งเงียบ ซ่ึงประกอบดว ยการคิดใครครวญในพระดาํ รสั แหงพระผู เปน เจา ดวยเหตุนี้มสุ ลิมทุกคนจึงมีหนาทีต่ องตง้ั ใจฟง และสงบนิ่งอยา งแทจรงิ เม่อื คัมภีรอ ลั กรุ อาน อัน เปน พจนารถแหง พระผเู ปนเจาไดถูกอัญเชญิ ข้ึน และในขณะเดยี วกนั นั้นจะตอ งใหความสนใจตอ ความหมายของบรรดาโองการทถี่ กู อัญเชิญ ในสภาพเชน นพ้ี วกเขาจะไดรบั ความเมตตาจากพระผเู ปน เจา และจะทําใหอ ีมาน (ความศรัทธา) ของพวกเขาเพมิ่ พนู ขนึ้ ขอ ยาํ้ เตือนประการหน่ึงที่จําเปน สาํ หรับผูร ักคัมภรี อ ัล กุรอานทุกคน กค็ อื วา จะถูกพบเหน็ อยู บอยครัง้ ทบ่ี างทเี ม่อื คมั ภีรอ ัล กุรอานไดถ ูกกระจายเสยี งออกทางวิทยหุ รือเทปบันทกึ เสียง บรรดาผคู น ขณะรบั ฟงอลั กุรอาน แตขณะเดยี วกนั กส็ นทนากันไปดวย หรือในทีช่ ุมนมุ อลั กุรอานบรรดาผเู ขารว ม ตางสนทนากนั ในสิง่ ท่ไี มจําเปน และไมส มควร การกระทาํ ในลักษณะเชนนี้เปนการขดั แยง กบั มารยาท 35

ของการอานคมั ภรี อลั กุรอาน ในกรณีเชนนี้จําเปนตองเลือกกระทาํ อยางใดอยางหน่งึ คือจะรบั ฟง คัมภรี  อลั กรุ อานหรอื วาจะกระทาํ งานอืน่ ๆ คุณคา ของการรบั ฟง คมั ภรี อ ลั กรุ อาน เตาฟก (ความสาํ เรจ็ ) ในการทําอิบาดะฮบ างอยาง อาจไมเ ปน โชคผลของทุกคนเสมอไป ท้ังนี้ อาจเปน เพราะวาเขาไมรับรูถงึ ผลรางวลั อนั มากมายของอบิ าดะฮดังกลาว สว นหน่งึ จากอิบาดะฮเหลา นนั้ คอื การรับฟงอลั กุรอาน เกี่ยวกบั ความประเสริฐและคุณคา ของการรับฟงพจนารถของพระผูเ ปนเจา (กะลามลุ ลอฮ) นั้น มีรายงานบทหน่งึ จากอมิ ามซัยนลุ อาบดิ นี (อ.) ซ่งึ ทา นกลา ววา “ผูใ ดกต็ ามท่รี บั ฟงเพยี งอกั ษรเดียวจากคัมภีรข องอลั ลอฮ ผทู รงเกริกเกยี รติ ผูท รงเกรียงไกร โดยทีเ่ ขามิไดอ า นเองนน้ั อลั ลอฮจ ะทรงบนั ทกึ สําหรับเขาหนง่ึ ความดี และจะทรงลบลา งจากเขาหนง่ึ ความชว่ั และจะทรงยกแกเ ขาหนงึ่ ฐานันดร” (1) ในเมอ่ื เพยี งแคการรับฟง บรรดาโองการแหง พระผเู ปนเจา มีรางวลั และผลตอบแทนถงึ เพยี งนี้ ดังนั้นทาํ ไมพวกเราบางคนจงึ ไดลดิ รอนตนเองจากผลรางวลั ดงั กลาว และตกอยูในพะวงั แหง ความ หลงลมื การรับฟง คมั ภีรอ ัล กรุ อานคอื การอิบาดะฮอยา งหนึง่ ซ่ึงไมเพยี งแตจะไมมีความเหนอื่ ยยากใดๆ แลว ในทางตรงกนั ขา มมนั กลับจะทาํ ใหมนุษยไดรบั ความมชี ีวติ ชวี าและความสงบมนั่ ทางจติ ใจอกี ดว ย จงตระหนกั อยูเสมอวาถา หากบตุ รหลานคนหนง่ึ อา นคัมภรี อลั กรุ อานในบาน บดิ าหรอื มารดาคนหน่ึง อานคัมภีรอ ัล กุรอานหลงั จากการนมาซ หรอื ไดร ว มนง่ั อานอัล กุรอานในที่ชมุ นุมการอา นอลั กุรอาน ใหก ับผเู สียชีวติ ไปแลว หรือวา คมั ภีรอ ัล กุรอานไดถ กู อานขึ้นในทช่ี มุ นุมหรอื หองเรยี นอัล กรุ อาน ผูท่ีรับ ฟง บรรดาโองการของคัมภีรอลั กุรอานนัน้ ในทกุ ๆ ตวั อกั ษรของมนั เขาจะไดรบั ผลรางวลั ตอบแทนหนึง่ ความดี ความผดิ บาปหน่งึ ของเขาจะถกู ลบลางไป และจะไดรบั ฐานนั ดรทางดา นจติ วิญญาณเพม่ิ ขน้ึ หนงึ่ ฐานันดร อยางไรก็ดี การรบั ฟง นนั้ จะตอ งควบคูไปกบั การคิดใครค รวญในความหมายของพจนารถ แหงพระผูเปนเจา ดว ย ผลท่ไี ดรบั จากการรับฟง อลั กุรอานและการน่ิงเงยี บ ในโองการท่ี 204 ของซูเราะฮอัล อะอร อฟ ไดแ นะนาํ ใหรวู าผลของการรบั ฟงและการสงบนิ่ง ในขณะมีการอา นคมั ภรี อ ัล กรุ อานคือ เราจะไดรบั ความเมตตา (เราะฮมะฮ) จากพระผเู ปน เจา เพราะวา ประการหนงึ่ ของบรรดาผลรางวลั จากการรับฟงคัมภรี อัล กรุ อาน คือการเพมิ่ พนู ของอมี าน (ความศรัทธา) ในทาํ นองเดยี วกันมนั มีบทบาทสาํ คญั ในการรกั ษาไวซ ่ึงความศรัทธา (อีมาน) ทง้ั นี้ เนอื่ งจากการรับฟง คัมภีรอัล กุรอานนน้ั จะเปน สาเหตทุ ําใหเ ราเขาใจความหมายของมนั ไดอยางลกึ ซึ้ง 36

และจะชว ยใหเ ราไดยึดถือปฏบิ ตั ิตามคําเตอื น คําสง่ั สอนและขอกําหนดตางๆ ของคัมภีรอ ัล กรุ อาน และ ผลท่ีสดุ กค็ ือทําใหค วามศรัทธาของมนุษยเ พม่ิ พนู มากยิง่ ขน้ึ ดว ยเหตผุ ลดงั กลาวนเ้ี อง เม่อื พระผเู ปน เจา จะพรรณนาถงึ คุณลกั ษณะของบรรดาผศู รัทธาที่ แทจรงิ พระองคจะทรงตรัสวา “อนั ทจ่ี ริง! บรรดาผูศรทั ธาคือผซู งึ่ เมื่ออลั ลอฮไ ดถ กู กลา วรําลกึ หัวใจของพวกเขากจ็ ะ รสู กึ หวาดกลวั และเมื่อบรรดาโองการของพระองคไ ดถูกอญั เชญิ โองการเหลานั้นก็จะเพม่ิ พูน แกพ วกเขาซึ่งความศรทั ธา และพวกเขาจะมอบหมายตอองคพระผูอ ภิบาลของพวกเขา” (อัล อนั ฟาล : 2) ขอควรรําลกึ โดยทวั่ ไปแลว ในชวงเวลาทีบ่ รรดานกั อา นผมู ีชอ่ื เสียงทาํ การอาน บรรดาผทู อี่ ยูรวมในสถานที่ ชุมนุมนนั้ มักจะมกี ารกลา วคาํ พดู ตา งๆ เชน การตักบรี ( ) การตะฮล ลี ( ) การตะฮมีด ( ) การตนั ซฮี  ( ) และอ่นื ๆ คําพดู หรือการกลา วราํ ลกึ (ซิกร) เหลา นน้ี นั้ คือประเภทหนงึ่ ของผลสะทอนทีม่ ตี อการอานของนักอานคมั ภีรอ ัล กรุ อาน และเกดิ ข้ึนไดจ าก สองกรณคี ือ 1. ผลสะทอนจากบรรดาโองการทมี่ ตี อผฟู ง : เม่อื ผอู า น (กอรี) ไดอา นคัมภรี อัล กุรอาน ผฟู งเกดิ แรงสนองตอบถงึ ขน้ั ที่เขาไดกลา วคําพูด (ซกิ ร) หนงึ่ ๆ ซึง่ สอดคลอ งกับโองการออกมาจากปาก ของตนเองโดยไมร ูตวั สิง่ นีเ้ กิดจากการทผ่ี ูฟงสนใจตอ ความหมายและสาสนของบรรดาโองการทถี่ ูกอาน ไป 2. คณุ ลักษณะพเิ ศษของนักอาน : บางครัง้ ผูอานท่ีกําลังอา นคัมภรี อลั กรุ อานอยนู นั้ มี คุณลักษณะดีเดน เฉพาะตวั บางอยา ง (เชน มเี สยี งไพเราะ ทว งทาํ นองทช่ี ดั เจน อา นดว ยน้ําเสยี งท่เี ศรา และมงุ ความสนใจตอความหมายของบรรดาโองการในขณะอา น)ผูฟงรสู กึ ประทบั ใจในคณุ ลกั ษณะ เฉพาะเหลา นขี้ องผอู าน จึงแสดงการชมเชยตอผูอา นอัล กุรอานดงั กลาว ประเด็นทต่ี อ งการกลา วถงึ ก็คอื การกลาวคาํ พูดการราํ ลึก (ซิกร) การกลา วตกั บรี และการ ตะฮ ซนี (ยกยองชมเชย) ตางๆ นั้น จาํ เปนตอ งสอดคลองกบั มารยาทของการฟงและการเงียบสงบ หมายความวาผฟู ง จะตอ งกลา วคําพูดเหลา นอ้ี อกมาจากหวั ใจ อันเปนผลมาจากแรงสนองของการ อานอัล กุรอานมใิ ชเกดิ จากการเสแสรง ประการท่สี อง ดว ยเสยี งท่ีปกตธิ รรมดา (ไมใ ชดังมากหรอื แบบตะโกน) ประกอบไปดว ยความ สขุ มุ และมั่นคง ฉะนัน้ ถาหากในการกลา วคาํ พดู ตางๆ เหลา นน้ั ออกมา คุณลกั ษณะเฉพาะเหลานมี้ ไิ ดถ ูก รักษา อาจจะทาํ ใหสมาธขิ องผฟู งคนอ่นื ๆ ตอ งสญู เสยี ไป และไมสามารถไดร ับประโยชนอ ยา งสมบูรณ 37

จากการฟงอัล กุรอาน และในอีกดานหนงึ่ จะกลายเปน สาเหตขุ องการไมใ หค วามเคารพตอคมั ภรี อัล กุ รอาน เพราะวา มารยาทของการฟงและการเงียบสงบนนั้ มิไดถกู รักษาไว. มารยาทประการที่ 14 การสหุ ดู ณ บรรดาโองการซะญะดะฮ ในคัมภีรอ ัล กรุ อาน มโี องการสิบหาโองการซ่งึ เรยี กวา “โองการซะญะดะฮ” ผทู อ่ี านอัล กรุ อาน เมือ่ อา นถึงโองการหนงึ่ จากทงั้ สบิ หาโองการนี้ หรือไดยนิ บคุ คลใดอา นมนั สมควรอยางยงิ่ ท่ีเขาจะตองกม ลงสหุ ูดภายหลังจากส้นิ สุดการอานโองการแลว สีโ่ องการจากทง้ั สิบหา โองการนี้ การสุหดู ถือเปน วาญบิ (หนา ท่จี ําเปน ) ซ่งึ โองการท้ังสีน่ ถ้ี ูก เรยี กวา “อัล อะซาอมิ ” (1) เมอ่ื อานหรือไดยินโองการทงั้ ส่ี การสุหูดเปน สิง่ จําเปน สวนอกี สิบเอด็ โองการทเี่ หลอื การสุหดู เปน เพียงมสุ ตะฮับ (สง่ิ ที่สมควรกระทาํ ) ซงึ่ ถกู เรยี กวา “ซะญะดะฮ มุส ตะฮับ” หรือ “ซะญะดะฮ มนั ดูบะฮ” บรรดาโองการ ซะญะดะฮว าญิบ ของอัล กุรอาน ลําดับที่ ชอ่ื ซเู ราะฮ อันดบั ซเู ราะฮ อันดับอายะฮ 1 อซั ซะญะดะฮ 32 15 2 ฟศุ ศิลัต 3 อัน นัจญมุ 41 37 4 อัล อะลกั 53 โองการสุดทา ย 96 โองการสดุ ทา ย บรรดาโองการ ซะญะดะฮ มสุ ตะฮบั ของอลั กรุ อาน ลาํ ดบั ท่ี ช่ือซูเราะฮ อนั ดบั ซเู ราะฮ อันดบั อายะฮ โองการสุดทาย 1 อัล อะอร อฟ 7 15 2 อรั เราะอดุ 13 50 109 3 อนั นะหล ุ 16 58 18 4 อลั อสิ รออ 17 77 60 5 มรั ยัม 19 26 24 6 อัล ฮจั ญ 22 21 7 อลั ฮัจญ 22 8 อลั ฟรุ กอน 25 9 อัน นมั ลุ 27 10 ศอ็ ด 38 11 อัล อนิ ชิกอก 84 38

อะหก าม (ขอ กาํ หนดตางๆ) ของบรรดาโองการซะญะดะฮ 1. บุคคลใดทีอ่ า นหรอื ไดรบั ฟง โองการหนง่ึ จากบรรดาโองการท่ีมีซะญะดะฮว าญบิ ภายหลงั จากจบโองการ จาํ เปนตอ งรบี สหุ ูดทันที (2) แตถา หากลืมสหุ ูดเมอ่ื ใดกต็ ามท่นี ึกขึ้นได จําเปนตอง ทําการสุหูด 2. ในการสหุ ดู นสี้ ามารถสุหดู ลงไดบ นทุกๆ สิง่ ยกเวน ของท่ีใชก นิ และดม่ื และในทาํ นอง เดียวกนั นีไ้ มจ าํ เปนตอ งหนั หนาไปทางกิบลัต ไมจาํ เปนตอ งมีวุฎอ  บริเวณทีห่ นาผากจะลงสหุ ูดไม จําเปนตอ งมคี วามสะอาด และการปกปด เอาเราะฮ (สว นพึงปกปด) กไ็ มใ ชส ง่ิ จําเปน 3. หากไดยินโองการทม่ี ซี ะญะดะฮวาญบิ จากเทปบันทกึ เสียง วิทยุหรือโทรทัศน (ในกรณไี มไ ด แพรภาพหรอื ไมใชเสยี งจากการอานสด) ไมเ ปน วาญบิ ตองสุหูด แตถา หากไดยินจากเครื่องสงท่ีทําการ ถายทอดสด จาํ เปน (วาญิบ) ตองสหุ ดู (3) 4. บุคลท่จี ะทาํ การสหุ ดู วาญบิ นน้ั ใหว างหนา ผากลงบนพ้นื โดยมเี จตนาทาํ การสุหดู แมจ ะ ไมก ลาวซิกรใ ดๆ กถ็ ือวาใชไดแ ลว แตการกลา วซิกรน้ันเปนมสุ ตะฮบั กลาวซิกรใ ดๆ กไ็ ดแตเปนสิ่งท่ี ดกี วาทีจ่ ะกลา วซกิ รต อไปน้ี ซง่ึ รายงานมาจากทานอมรี ุลมุอม ินนี อะลี อบิ นิ อบฏี อลบิ (อ.) “ไมม พี ระเจา อน่ื ใดนอกจากอลั ลอฮโ ดยเที่ยงแทแนน อน ไมม พี ระเจา อื่นใดนอกจากอลั ลอฮ ขา พระองคข อศรทั ธามน่ั และขอยืนยนั วาไมม พี ระเจาอน่ื ใดนอกจากอัลลอฮ ขาพระองคขอเคารพภกั ดแี ละ ขอยอมมอบตนเปน ขาทาส ขา พระองคของกม กราบ (สุหดู ) ตอ พระองค โอพระผอู ภบิ าลของขา พระองค โดยการยอมตนเปน ขาทาสบรวิ าร โดยไมข อแสดงตนเปน ผทู รนงตนและเปนผดู ื้อดงึ หากแตวา ขาพระองคค ือบา วผูต าํ่ ตอย ผเู กรงกลัว ผูขอความคมุ ครอง (ตอพระองค) ” (4) การหลีกเลยี่ งจากการอา นบรรดาโองการซะญะดะฮเ ปน สิ่งท่นี าตาํ หนิ เม่ือพจิ ารณาถงึ เงื่อนไขตางๆ ที่เรียบงายสาํ หรับการสหุ ูดในโองการซะญะดะฮต างๆ นั้น จึง เปน สิ่งสมควรอยา งย่ิงท่ีบรรดาผอู านอลั กุรอาน จะตอ งอา นและทาํ การสุหูดเม่ืออา นมาถึงโองการ เหลาน้นั ในการชุมนมุ การอา นบางครัง้ มกั จะพบวา เมอ่ื พวกเขาอา นมาถึงโองการซะญะดะฮ (แมจ ะเปน ซะญะดะฮว าญบิ ) พวกเขากลบั หลกี เลยี่ งไมอ า นมนั ส่งิ นี้นบั วาเปน สิง่ ที่ไมถกู ตอ งและเปน เร่อื งนาตําหนิ คาํ แนะนําของเราก็คอื บรรดาผทู ่ีอา นคัมภรี อ ลั กุรอาน เมอ่ื อานถึงโองการซะญะดะฮ (ไมว า จะ เปน วาญิบหรอื มสุ ตะฮับ) จาํ เปน ทพ่ี วกเขาจะตองสุหดู โดยเฉพาะอยา งย่ิงมันเปนสิง่ ทมี่ เี ง่ือนไขเรยี บ งา ยมากที่พระผูเปนเจาไดท รงกาํ หนดไว ซง่ึ ไดก ลา วไปแลวในอะหก าม (ขอ กาํ หนดตา งๆ) ของการสุ หูด บรรดาโองการซะญะดะฮ ไดถ ูกประทานลงมาก็เพ่อื ใหบ รรดมสุ ลิมไดอ า นมนั เหมอื นกบั บรรดา โองการอนื่ ๆ ของคัมภีรแ หงพระผเู ปน เจา เพอื่ ใหเราไดราํ ลึกถงึ พระผเู ปน เจาและทาํ การสหุ ูดตอ 39

พระองค ซงึ่ เราทกุ คนก็ทราบกนั ดวี า การสหุ ูดตอพระผเู ปนเจานน้ั คอื สว นหน่ึงจากการอบิ าดะฮท ี่ ยิง่ ใหญท ่สี ดุ ดังมีปรากฏในฮะดษี ซึ่งมคี วามวา “พระผูเปนเจาจะไมถ ูกเคารพภกั ดดี วยสิ่งใดทีด่ เี ลศิ ไปกวาการสุหดู ” (5) และยงั ไดถ กู อางไวอ กี วา “สภาพทบี่ าวเขา ใกลชดิ พระผูเปนเจามากท่ีสดุ คอื ชว งเวลาที่เขาทําการสุหดู ” (6) ชางเปนความสญู เสยี ที่ย่งิ ใหญเหลือเกนิ ที่โดยส่ือจากการท่เี ราไมอ า นโองการซะญะดะฮและไม สุหูด (กม กราบ) ตอพระผูอภิบาลผูทรงเมตตา เราทําใหตัวเราเองตอ งถกู ลดิ รอนจากการอิบาดะฮอนั ยิง่ ใหญน ้ี ดว ยเหตนุ จ้ี งึ ขอยา้ํ วา พ่เี ลีย้ งและบรรดาครผู สู อนคัมภรี อลั กรุ อานผูมีเกยี รติทั้งหลาย ควร จะตองใหความสําคัญตอประเดน็ นเี้ ปน พิเศษ บรรดาโองการซะญะดะฮไ มวาจะเปน วาญิบหรอื มุสตะฮบั เมือ่ ถูกอานแลว ทกุ คนที่อยรู วมในทช่ี มุ นมุ ควรจะตอ งทาํ การสหุ ูดดวย เราขอวงิ วอนตอ พระผเู ปน เจาผูทรงเกยี รติ ไดโปรดบนั ดาลใหม สุ ลมิ และบรรดาผูอา นคมั ภรี อลั กุรอานทกุ คน เปนสว นหนง่ึ จากบรรดาผูท ําการโคง คาราวะ(รุกูอ) และผูกม กราบ (สุหดู ) โดยแทจรงิ ดวยเถดิ . มารยาทประการท่ี 15 การอา นอลั กรุ อานใหจบเลม “การอานอลั กุรอานจนจบเลม ” น้ันคอื อะมล้ั ที่ดเี ลิศอยางหนงึ่ สว นใหญของบคุ คลทมี่ คี วามรูใ นการอานคมั ภีรอ ัล กุรอานน้นั ในแตละวนั พวกเขาจะอา นคมั ภรี  อัล กรุ อานจาํ นวนหนงึ่ หรอื อยา งนอ ยที่สุดภายในสปั ดาหห นงึ่ ๆ พวกเขาจะจดั เวลาสว นหน่ึงของตนเอง เพอ่ื อา นคัมภรี อ ัล กรุ อาน (1) และโดยท่วั ไปแลว ในขณะอา น พวกเขาจะเลอื กอา นจากสว นตา งๆ ของ คัมภีรอลั กุรอาน เราขอแนะนาํ ผอู านคมั ภีรอ ัล กรุ อานผมู เี กียรตทิ ้ังหลายวา เมื่อพวกเขาจะอา นคัมภีร อลั กุรอาน จงเริม่ ตน จากสวนแรกของคมั ภรี อ ลั กุรอาน และจงอานซเู ราะฮตา งๆ เรยี งตามลาํ ดบั จน กระทง้ั สามารถอานอลั กุรอานจนจบเลม ไดใ นทส่ี ดุ (2) ในลกั ษณะเชน น้ีดวยอะมลั้ (การกระทาํ )เพียง อยา งเดียว พวกทา นจะไดร บั ผลรางวลั ตอบแทนสองประการ ประการแรกคอื ผลรางวัลตอบแทนสาํ หรบั การอา นคมั ภรี อ ลั กรุ อาน และผลรางวลั อีกประการหนง่ึ คือ การอานคัมภีรอลั กรุ อานจนจบเลม บรรดา ผนู ําผบู ริสทุ ธขิ์ องอสิ ลามถอื วา การอานคัมภรี อัล กุรอานจนจบเลม นั้น เปน การอิบาดะฮทีด่ ีเลศิ ประการ หน่ึง บุรษุ ผูห น่งึ ซึ่งมนี ามวา ‘ซฮุ ะร’ี ไดถ ามอมิ ามซจั ญาด (อ.) วา “(ในทา มกลางอบิ าดะฮท ัง้ หลาย นนั้ ) อะมัล้ (การกระทาํ ) ใดทม่ี คี ณุ คามากทส่ี ดุ !” อมิ าม (อ.) กลา ววา 40

“ผูเรม่ิ ตน ผทู าํ ใหสน้ิ สดุ ” ฉันกลา ววา “อะไรคือผเู ร่มิ ตน ผทู ําใหส นิ้ สดุ !” ทานกลาววา “(คือผทู ่ี) เขาไดเริ่มตน การอา นอัล กรุ อานและไดอานมันจนจบ ทกุ ครัง้ ท่ีเขาไดเปด (อา น) ในชวงแรกของมนั เขา จะอา นไปจนถงึ ชวงสดุ ทา ยของมัน” (3) ดุอาอท ถี่ กู ตอบรบั สําหรับผทู อ่ี า นคัมภีรอ ลั กุรอานจนจบ อมิ ามซอดิก (อ.) ไดอางรายงานจากทานศาสดามุฮมั มัด(ศ็อลฯ) ซงึ่ ทานไดก ลาววา “ผูเ รมิ่ ตน ผทู าํ ใหสน้ิ สดุ คือผูซ ึ่งจะเรม่ิ ตนการอานอัล กุรอานและอา นมันจนจบน้ัน ดอุ าอข อง เขาจะถูกตอบรบั ณ อัลลอฮ” (4) คณุ คา ของการอา นคมั ภีรอลั กุรอานจนจบในนครมักกะฮ สว นหนง่ึ จากบรรดาอะมลั้ ทีไ่ ดรับการสั่งเสยี ไวอ ยา งมากในขณะเดินทางไปยงั บยั ตลุ ลอฮ ณ นครมักกะฮ นน่ั คอื การอานคมั ภีรอลั กุรอานใหครบหนึง่ จบ แตนา เสียดายทบี่ รรดาผทู ี่ไดร ับเกียรติให เดนิ ทางไปยงั นครมกั กะฮ และทําการซิยาเราะฮ (เยยี่ มเยอื น) บยั ติลลา ฮริ ฮะรอม หรอื ประกอบพธิ ี ฮจั ญน ้ัน นอ ยคนเหลือเกินทรี่ ูถ งึ คุณคาอันยิง่ ใหญข องส่ิงดังกลา ว สว นใหญจะเดินขวักไขวก นั อยูต าม ถนนหนทางและเทย่ี วตระเวนหาซื้อสิ่งของตา งๆ กนั จนเกินความพอดี แตก ลับละเลยตอการแสวงหา เสบียงของตนเองสําหรบั อาคเิ ราะฮ (โลกหนา) เราขอนําเสนอฮะดีษบทหน่ึงเกีย่ วกบั เรอื่ งน้ี ซึ่งอมิ ามบากริ (อ.) ไดก ลาววา “บุคคลใดกต็ ามท่อี านคมั ภรี อลั กุรอานจนจบ ณ นครมกั กะฮ เขาจะไมต ายลงจนกวา เขาจะได เห็นทา นศาสดามฮุ มั มดั (ศ็อลฯ) และจะเห็นตําแหนง ของเขา ณ สวนสวรรค” (5) บรรดาบคุ คลทีจ่ ะเดินทางไปเยอื น (ซยิ าเราะฮ) บานของพระผูเปนเจาดวยเจตนาอนั สงู สงนั้น สมควรอยางยิ่งท่อี ยางนอ ยพวกเขาจะอานคัมภรี อัล กุรอานหนึง่ จบ ณ นครมักกะฮ โอพ ระผูเปน เจา ! ไดโ ปรดบนั ดาลใหก ารไปเยอื น (ซิยาเราะฮ) บา นของพระองคแ ละการปฏิบตั ิ อะมล้ั ตางๆ (อนั ไดแกการบาํ เพ็ญฮจั ญและอุมเราะฮ) ณ สถานที่แหงนน้ั เปน โชคผลของมุสลมิ ทกุ คน ดวยเถิด และไดโ ปรดทรงบันดาลใหพ วกเราไดเปน สวนหนึ่งจากบรรดาผูซงึ่ ไดมโี อกาสอา นคัมภรี อัล กุ รอาน อันเปน พจนารถทเี่ จิดจรสั ของพระองคตงั้ แตเ ร่ิมตนจนจบเคยี งขา งบานของพระองค เพอ่ื วา ในโลก ดนุ ยาน้ีพวกเราจะไดยลโฉมอนั งดงามของศาสนทูตของพระองค และขอพระองคไดโ ปรดบันดาลใหพวก เราทกุ คนเปนชาวสวรรคแ ละเปนผไู ดรับความพึงพอพระทัยจากพระองค และโปรดประทานความสาํ เรจ็ 41

(เตาฟก) ใหพวกเราไดแลเห็นฐานะตาํ แหนงของตนในโลกหนา (อาคเิ ราะฮ) ณ ดุนยา (โลกนี้) ดวย เถิด ขอพระองคทรงตอบรับดอุ าอด ว ยเถดิ โอองคพระผูอภบิ าลแหงสากลโลก ฮะดยี ะฮ (การอทุ ศิ ) ของการอานคัมภรี อ ัล กุรอานจนจบสมบูรณ การอบิ าดะฮทง้ั หลายท่มี นษุ ยป ฏิบัตนิ ัน้ มีสองประเภทคอื ส่ิงทเี่ ปนวาญิบและสงิ่ ทเี่ ปนมสุ ตะฮับ การปฏิบัตอิ ะมล้ั ตางๆ ทีเ่ ปน วาญบิ นัน้ เปนหนาท่ีจําเปน สําหรับผทู ่ีบรรลุวยั ตองปฏบิ ตั ศิ าสนากิจทุกคน สว นการปฏบิ ตั อิ ะม้ัลตา งๆ ที่เปน มุสตะฮับนน้ั ขึ้นอยูกบั ความสมคั รใจของผปู ฏบิ ตั เิ อง หมายความวา หากใครไดป ฏิบัติ เขากจ็ ะไดร บั ผลรางวัลตอบแทนของมนั และในดา นจติ วญิ ญาณเขาจะพฒั นา ฐานนั ดร (ดะรอญะฮ) ของตนเองเพิม่ ข้นึ ไป แตถ าหากเขามไิ ดป ฏิบัตมิ นั เขากม็ ิไดรับโทษทณั ฑอ นั ใด คนบางคนเมอื่ ปฏิบัติอะมล้ั ทเี่ ปนมุสตะฮบั พวกเขาจะคดิ ถงึ แคเพยี งตวั ของพวกเขาเองเทานั้น และเจตนาของพวกเขาก็คอื การไดร ับมาซงึ่ ผลรางวัลของอะมลั้ นั้นๆ ในขณะทถี่ าหากเราเปนบุคคลท่มี ี ความคิดที่ยาวไกลสักหนอ ย เราสามารถแสวงหาผลรางวลั จากอะม้ลั ตางๆ ทีเ่ ปนมสุ ตะฮบั ไดสอง ข้นั ตอนดวยวิธีดังตอ ไปน้คี อื ใหเ ราฮะดยี ะฮ (อทุ ิศ) ผลรางวัลของอะมลั้ เหลา นใี้ หแ กบรรดาผูซ ่งึ มีสิทธิ ตา งๆ เหนอื ตัวเรา (เชน บรรดาศาสดา บรรดาผูนําผูบรสิ ุทธิ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย และญาตทิ ี่ ใกลช ดิ ) ดวยการกระทําเชนน้ี เราสามารถทจ่ี ะสนองตอบสทิ ธขิ องบคุ คลเหลานนั้ ไดในระดบั หนึ่ง และใน ขณะเดียวกัน ดว ยวิธีการเชน นี้จะทําใหเราไดร ับผลรางวัลมากข้นึ กวา เดิม ดว ยเหตุนี้เอง บคุ คลที่ไดรับเตาฟก (ความสําเรจ็ ) ตลอดระยะเวลาของปห รอื ตลอดเดือน รอมฎอน เขาไดอานคมั ภีรอ ัล กรุ อานจนจบหลายรอบ เปนสิง่ ทสี่ มควรอยางยงิ่ ทเี่ ขาจะฮะดยี ะฮ (อทุ ศิ ) ผลรางวัลของมนั ใหแ กบุคคลท่ีมสี ิทธิเหนอื เขา เชนทา นศาสนทูตแหงอสิ ลาม (ศอ็ ลฯ) บรรดาอิมาม (อ.) และบิดามารดาของเขา บุรษุ ผูหน่งึ มีนามวา ‘อะลี บนิ มุฆีเราะฮ’ ไดกลาวกับทานอมิ ามมซู า บิน ญะอฟ ร (อ.) วา “ในเดอื นรอมฎอนขาพเจา ไดอา นคัมภีรอ ลั กุรอานหลายจบ เมอ่ื วนั อีดลิ ฟต รไ่ี ดมาถงึ ขาพเจา ไดฮะดียะฮ (อุทศิ ) ผลบญุ จบหน่งึ ใหแดท านศาสดามฮุ ัมมดั (ศอ็ ลฯ) อกี จบหน่ึงใหก บั อมิ ามอะลี (อ.) อกี จบหนงึ่ ใหกบั ทานหญงิ ฟาฏิมะฮ (อ.) และสวนทีเ่ หลอื ฮะดียะฮใ หก บั อิมามทานอน่ื ๆ จนกระท่งั มาถงึ ยงั ทาน ในการกระทาํ เชน น้ี ขาพเจา จะไดรบั รางวลั ตอบแทนใดๆ หรอื ไม! ” อมิ ามทเี่ จ็ด (อ.) ไดก ลาววา “ผลรางวัลตอบแทนของเจากค็ ือ ในวนั กิยามะฮเจา จะไดอยู รว มกบั บคุ คลเหลานั้น” ฉันไดกลาววา “อัลลอฮอุ กั บัร! ขา พเจา จะไดรบั รางวลั เชนน้กี ระนั้นหรือ!” อิมามกลา วยา้ํ ถึงสามครั้งวา “ใชแ ลว!” (6) มารยาทประการท่ี 16 การทอ งจําคมั ภีรอัล กรุ อาน 42

ในบรรดามารยาทของการอานคัมภรี อ ลั กุรอานนน้ั การทอ งจําคมั ภีรอ ลั กุรอานนบั วามฐี าน ตําแหนง ทพี่ ิเศษ โดยทที่ า นอิมามซอดกิ (อ.) ในการขอดุอาอจ ากพระผูเปน เจา น้นั ทานไดวงิ วอนของให พระองคบ นั ดาลใหการทองจําคัมภีรอ ลั กรุ อานเปน ทีร่ กั สาํ หรับทาน “โอพระผเู ปน เจา ! โปรดบนั ดาลใหก ารอานอลั กุรอานอยางไพเราะและการทองจาํ โองการตา งๆ ของมันเปน ทีร่ ักยงิ่ สาํ หรับขา พระองคดว ยเถดิ ” (1) เนีย๊ ะอม ัต (ความโปรดปราน) ประการหนง่ึ ซ่ึงดวยบะรอกตั (ความจําเริญ) ของการปฏวิ ตั ิ อิสลามซ่ึงกลายเปน โชคผลสาํ หรบั ประชาชาติอิหรานน่นั ก็คือ การต่ืนตวั ของประชาชนในระดับตา งๆ ใน การทองจาํ คัมภรี อลั กุรอาน กอนการปฏิวตั ิน้ันบรรดาผคู นที่ทองจําคัมภรี อัล กรุ อานไดห มดทั้งเลม น้นั มี จํานวนนอ ยมาก ในขณะทภี่ ายหลงั จากทีส่ าธารณรฐั อิสลามไดถกู สถาปนาข้นึ อยา งมนั่ คงแลว และ โดยเฉพาะในชว งปทายๆ นี้ ในหมูเ ยาวชนของเราจาํ นวนมากท่ีสามารถทองจาํ อัล กรุ อานไดอยา ง สมบูรณ ในทุกๆ เขตแควนและทุกตําบลของประเทศอหิ ราน องคก รตางๆ ทเ่ี นน ในเร่อื งของการทอ งจํา คัมภรี อ ลั กรุ อานไดถูกจัดต้งั ข้ึน และไดร ับใชใ นแนวทางของการแผขยายหลักคาํ สอนของคัมภรี อัล กุ รอาน ภายใตค วามอตุ สาหพ ยายามอยางไมห ยดุ หยอน และดวยความบริสทุ ธใ์ิ จดงั กลาวน้ี เราได ประจักษถึงความมมุ านะของประชาชนจาํ นวนพนั ๆ คน ทีม่ คี วามผกู พนั กบั คมั ภรี อัล กรุ อาน ซ่ึงพวกเขา ไดหมกมนุ อยูกบั การทองจาํ คมั ภีรอลั กุรอาน และในทามกลางบคุ คลเหลานเี้ ราจะพบวา มนี กั ทอ งจาํ อลั กุรอานจํานวนมาก ทหี่ าบุคคลทัดเทยี มไดยากในโลกอสิ ลาม เราตอ งขอขอบคณุ บรรดาท้ังหมดทม่ี ีสวน รว มในการตอ สู (ญิฮาด) ทางวัฒนธรรมคร้งั น้ี และเราขอวงิ วอนตอ พระผเู ปนเจา ไดโ ปรดประทานรางวลั และผลตอบแทนอนั ทวคี ณู สาํ หรบั บคุ คลเหลาน้ัน การใหความสาํ คัญในเรอื่ งการทอ งจาํ คมั ภรี อัล กุรอาน แมวา จะมีความอตุ สาหพ ยายามอยา งมากมายถงึ เพียงนีก้ ต็ าม แตการทอ งจําคมั ภีรอ ัล กรุ อาน ในประเทศอิหรานของเรากย็ งั ไมถึงขัน้ เปนท่พี อใจ เพราะวา หนทางหน่ึงของการแผข ยายวฒั นธรรม แหงอัล กรุ อาน และการตอสกู บั การรกุ รานทางดา นวฒั นธรรมของบรรดาศัตรูของอิสลาม กค็ ือการให ความสําคญั อยา งยิ่งยวดตอ โปรแกรมตางๆ ที่เกย่ี วกบั คมั ภีรอ ลั กุรอานและการทอ งจาํ มนั นับเปน ภาระหนาทจี่ าํ เปน สําหรับบรรดาผูร ับผิดชอบในดา นวัฒนธรรม และในดา นทเ่ี กีย่ วกับ คมั ภีรอัล กุรอานของประเทศ ท่ีพวกเขาจะตอ งจดั เตรียมโปรแกรมอันละเอียดออนและรอบคอบ อกี ท้งั การสงเสรมิ ทางดานวัตถแุ ละจิตวิญญาณสาํ หรบั การทอ งจาํ คมั ภีรอ ลั กุรอาน โดยเฉพาะอยา งยิ่ง เยาวชนคนหนุมสาวของเราน้นั ควรจะใหค วามสาํ คัญและใหก ารสนับสนนุ พวกเขาเปนพิเศษเลยทีเดียว และในอกี ดา นหน่ึงนนั้ กลุม บคุ คลทท่ี ําการทองจําอลั กุรอานนนั้ ก็จะตองวอนขอความชวยเหลือ จากพระผูเปน เจา และจะตองดําเนนิ การเพื่อทาํ ใหภ ารกจิ การตอ สเู กยี่ วกับคมั ภรี อัล กรุ อานน้ไี ปถึง จุดสงู สดุ ของมนั โดยการฝกฝนหดั นกั ทอ งจํารุนใหมๆ ใหเ กิดขึ้น และเปนสงิ่ ทีด่ มี ากทเี ดยี วสาํ หรับพ่ีนอง 43

มสุ ลิมของเราแตล ะคนทจี่ ะตองจดั สรรเวลาสวนหน่ึงของตนเองในการทอ งจาํ โองการตางๆ หรือซูเราะฮ ตางๆ ของคัมภรี อัล กรุ อาน และจงสะสมมันไวเปน เสบียงสําหรับชวี ติ อันเปน นริ นั ดรข องตน ผูท อ งจาํ คัมภรี อลั กรุ อานนน้ั หางไกลจากการลงโทษของพระผเู ปนเจา บคุ คลที่จดจําคัมภีรอัล กรุ อานไดหมดหรอื เพียงบางสวน ในความเปน จรงิ แลว เขาไดบรรจหุ วั ใจ และจิตวญิ ญาณของเขาไวด ว ยกับรศั มแี หง คัมภรี อ ัล กุรอาน หัวใจเชนน้ีจะไมถ ูกลงโทษในวนั กยิ ามะฮ ทา นศาสดามฮุ มั มัด (ศอ็ ลฯ) ไดก ลา ววา “อัลลอฮจ ะไมท รงลงโทษหวั ใจทจี่ ดจาํ คมั ภีรอ ัล กรุ อาน” (2) ผูท องจําคัมภีรอ ลั กุรอานนั้น ตลอดเวลาหรือชว งเวลาสว นมากหวั ใจของเขาจะหมกมนุ อยูก ับ คมั ภรี อัล กุรอาน เพอ่ื ทจี่ ะทบทวนโองการทไี่ ดจ ดจําไวน ้ัน ปากของเขาจะพร่าํ จํานัลจาดว ยพจนารถแหง พระผูเ ปน เจา (กะลามุลลอฮ) เขาจะอา นพจนารถจากพระผูเปน เจาอยตู ลอดเวลา ดว ยเหตนุ ้ีปากของผู ทองจาํ อัล กรุ อานจงึ หา งไกลจากการพดู ในส่งิ ทเี่ ปน บาป และความทรงจําท่คี มั ภรี อ ลั กรุ อานไดถ กู บรรจุ ไวนั้นจึงหา งไกลจากการครุน คิดในส่งิ ทเ่ี ปนบาป บุคคลเชนนีเ้ ขาจะคอ ยๆ พฒั นาตนกลายเปน บุรุษแหง พระผูเปนเจา มคี วามผกู พนั ตอ พระองค และจะไดร บั มาซงึ่ สทิ ธิพิเศษตา งๆ จากพระองค ผลตางๆ ที่จะไดรับจากการจดจาํ คัมภรี อ ลั กรุ อาน 1. ผทู องจาํ คมั ภีรอลั กุรอานจะไดร ับการอภยั โทษจากพระผเู ปนเจา : ทา นศาสดามุฮมั มัด(ศอ็ ลฯ) ไดกลาววา “บุคคลท่อี านคัมภีรอัล กรุ อานจากการจดจาํ ของตน จากนัน้ เขาคาดคดิ วาแทจริงอัลลอฮผ ูทรง สูงสงจะไมอภยั โทษใหแ กเ ขา ดงั นน้ั เขาคือผูหน่ึงท่ียดึ เอาบรรดาโองการของพระผูเปนเจาเปนสงิ่ ขบขนั ” (3) ดว ยเหตุนผี้ ูทอ งจาํ คัมภีรอลั กุรอาน จําเปน ตอ งมงุ หวงั ในการอภยั โทษจากพระผูเปน เจา และ จงรไู วเถดิ วา ดวยกบั ความอตุ สาหพยายามในการปฏิบตั ติ ามคําสง่ั สอนของคมั ภีรอลั กรุ อานน้นั เขาจะ นําตนเองเขา ไปอยใู นกลมุ ของชาวสวรรค 2. การไดอยรู ว มกบั บรรดาทูตแหง พระผเู ปนเจา : อิมามซอดกิ (อ.) ผสู จั จริงแหงวงศ วานของทา นศาสดามฮุ มั มดั (ศ็อลฯ) ไดกลาววา 44

“ผูทองจําคมั ภรี อ ัล กุรอานผูซงึ่ ปฏบิ ัติตามมนั จะไดอ ยูร วมกบั บรรดาทตู (ผนู าํ สาสน ) แหง พระ ผูเปน เจา ผูม ีเกียรติ ผูมคี ณุ ธรรม” (4) จะมเี นย๊ี ะอม ัต (ความโปรดปราน) อันใดอกี หรือทจ่ี ะสงู สงและใหความภิรมยยิง่ ไปกวา การได อยูร วมกบั บรรดาทตู (ผถู อื สาสน) ของพระผเู ปนเจา ความโชคดจี งมแี ดบ รรดาผูทีจ่ ดจาํ คัมภรี อ ลั กุ รอานและปฏิบตั ติ ามคัมภรี อัล กุรอาน 3. ฐานนั ดรตางๆ ในสวนสวรรคข องผูทอ งจําคัมภรี อ ัล กรุ อาน : ทา นศาสดามฮุ มั มดั (ศอ็ ลฯ) ไดกลา ววา “จํานวนฐานนั ดรของสวรรคเ ทา กับจํานวนของบรรดาโองการอลั กรุ อาน เมอื่ ชาวอลั กรุ อานได เขา สูสวนสวรรค จะมีผกู ลา วแกเ ขาวา ‘ทา นจงขนึ้ ไปและจงอานเถิด! เพราะสําหรับทุกๆ โองการนั้นคือ ฐานันดรหนึ่ง ดงั น้นั ไมมีฐานนั ดรใดท่จี ะสงู สง กวาผทู องจําคัมภรี อลั กุรอาน” (5) ความมงุ หวังอนั สงู สุดของมุสลิมผูศรัทธาทุกคน คอื การไปถงึ ซ่งึ สรวงสวรรคชัน้ สูงสุด สวรรค ดงั กลาวนี้ ระดับและจํานวนฐานนั ดรของมนั มจี ํานวนเทากับบรรดาโองการของอลั กรุ อาน จะมผี กู ลาว ตอ ผูยึดถอื ปฏบิ ัติตามคัมภีรอลั กรุ อานในสวนสวรรคว า“ทานจงขน้ึ ไปและจงอานเถดิ !”ดังนั้นผูทที่ องจาํ คัมภีรอ ัล กรุ อานภายใตร ม เงาของการอา นคัมภีรอ ลั กรุ อานในโลกดนุ ยาน้ี คัมภีรอ ลั กรุ อานจะถูก ผสมผสานเขากับจติ วิญญาณของเขา และภายใตก ารปฏิบตั ติ ามโองการตา งๆ ของมัน เขาจะไปถึงซงึ่ ตาํ แหนง “ซอฮิบุลกรุ อาน” (ชาวคมั ภรี อ ลั กุรอาน) คนท่ีทองจาํ เชนนเ้ี มื่อเขายางกายเขาสูสวรรค จะมี ผูกลาวกับเขาวา “ทา นจงอานและจงข้ึนไปเถดิ ” เขาจะเปด ปากและบรรดาโองการของอลั กุรอานก็จะ พรั่งพรอู อกมาจากปากของเขา ผลรางวัลของความยากลําบากในการจดจาํ บคุ คลบางกลมุ ชอบทีจ่ ะทองจาํ อลั กรุ อาน แตพวกเขาคาดคิดวา การทองจําคมั ภีรอัล กรุ อาน นนั้ เปนเรือ่ งท่ียากเยน็ แสนเข็ญ หรือคดิ วา ตนเองความจําไมด ี และการจดจาํ อัล กุรอานนน้ั ยากลาํ บาก สาํ หรับเขา เกีย่ วกบั บคุ คลเหลานี้อิมามซอดิก (อ.) ไดใ หสัญญาถงึ ผลรางวัลสองประการโดยกลา ววา “แทจ ริงบุคคลท่ีหมกมุน (และขะมักเขมน) อยูกบั คมั ภีรอ ัล กุรอาน และจดจาํ มนั ดว ยความ ยากเยน็ แสนเข็ญและความจาํ ไมด ี สาํ หรบั เขานนั้ มผี ลตอบแทนสองประการ” (6) ผลตอบแทนประการแรกคอื การทอ งจําอัล กุรอาน และผลตอบแทนประการทสี่ องน้ันเน่ืองจาก ความจาํ ทอ่ี อ นแอซ่ึงเปนสาเหตุทีท่ าํ ใหเขาตอ งไดร ับความเหนอ่ื ยยากกวา บคุ คลท่ัวๆ ไป 45

ดอุ าอชวยใหไ มลมื การจดจาํ คัมภรี อ ลั กุรอาน : มดี อุ าอบ ทหน่งึ ปรากฏอยใู นหนงั สอื ฮะ ดษี ซง่ึ เก่ียวของกบั การรกั ษาความจําอลั กรุ อานและการไมใ หล มื บรรดาโองการท่ไี ดจ ดจาํ ไวแ ลว ดุอาอ บทน้ีไดร บั รายงานมาจากทานอมรี ุลมอุ มินีน (อ.) ซงึ่ ทานไดกลา ววา : ทา นศาสดามฮุ ัมมัด(ศอ็ ลฯ) ได กลาวกับทานวา “เจา ตอ งการใหฉันสอนดอุ าอบ ทหนง่ึ แกเ จา ไหม ซ่ึงจะทาํ ใหเจาไมล มื คัมภีรอลั กุ รอาน!” (แลวทานไดอ านดุอาอบทน)ี้ “โออ ลั ลอฮ! ไดโปรดเมตตาใหขา พระองคไ ดละทงิ้ การละเมิดฝา ฝน พระองคตลอดไป ตราบท่ี พระองคไดใ หข าพระองคดาํ รงอยู และโปรดเมตตาแกข าพระองคใหประสบกับความยากเขญ็ ในส่ิงทไ่ี ม กอ ประโยชนแกข าพระองค และโปรดประทานแกข าพระองคซ ึง่ ทัศนคติที่ดีตอสิ่งซึ่งจะทําใหพ ระองคทรง พึงพอพระทยั จากขา พระองค และโปรดบงั คับหวั ใจของขา พระองคใ หจ ดจาํ คัมภรี ของพระองค ดังเชน ท่ี พระองคไดท รงสอนขาพระองค และโปรดประทานใหข า พระองคอานมนั ตามวิธีการทพี่ ระองคจะทรงพงึ พอพระทยั จากขา พระองค โออัลลอฮ! ไดโ ปรดบันดาลใหส ายตาของขา พระองคใสสวา งดว ยคัมภรี ของพระองค และโปรด เปดหัวอกของขา พระองคดวยกบั คมั ภีรอัล กุรอาน และโปรดทําใหห วั ใจของขาพระองคเ บกิ บานดว ยกับ คมั ภรี อ ัล กุรอาน โปรดปลด (ปม) ลิน้ ของขาพระองคใหเ ปนอสิ ระดว ยอลั กรุ อาน และโปรดบนั ดาลให เรอื นรา งของขาพระองคปฏิบตั ติ ามคัมภีรอ ัล กุรอาน และโปรดบันดาลใหข า พระองคม คี วามเขมแข็งใน ส่งิ น้นั และโปรดชว ยเหลือขา พระองคบ นการกระทาํ ดงั กลาว แทจ รงิ แลวไมมผี ูชว ยเหลอื อ่ืนใดนอกจาก พระองค ไมม ีพระเจา อ่นื ใดนอกจากพระองค” (7) มารยาทประการที่ 17 การเคารพและการรักษาเกียรตขิ องคัมภรี อลั กรุ อาน ประเด็นตา งๆ ทจ่ี ะกลาวถงึ ภายใตห ัวขอการแสดงความเคารพและการรักษาเกยี รติของคัมภีร อัล กุรอานน้ี ประกอบดวยขอเตือนใจหลายประการ ซง่ึ จะถกู นําเสนอเกีย่ วกบั การแสดงออกซงึ่ การให เกียรตทิ างดา นภายนอกตอคัมภีรอลั กุรอาน การระมัดระวงั และเครง ครดั ในประเด็นดงั กลา วเหลา นี้ จะ 46

ทาํ ใหต ระหนกั ถึงตาํ แหนงและสถานภาพของคมั ภรี อัล กรุ อาน ดว ยเหตุนเี้ องคําแนะนําของเราก็คือ จง ใหค วามสาํ คัญตอ ประเด็นเหลาน้ใี นสวนทเี่ กี่ยวของสมั พันธก ับคมั ภีรอ ลั กุรอาน 1. การเก็บรกั ษาคมั ภรี อ ลั กรุ อานไวใ นสภาพที่เหมาะสม สวนหน่ึงจากการแสดงความเคารพตอคมั ภรี อัล กรุ อาน คือการเกบ็ รักษาคัมภีรอัล กรุ อานใน ลกั ษณะท่ีจะไมก ลายเปน การทําลายเกียรติยศของอัล กุรอาน เก่ยี วกบั เรอ่ื งนน้ี น้ั จําเปนท่ีเราจะตอ งระวงั รักษาในกรณีตา งๆ ตอไปน้ี ก) การหอปกคมั ภีรอลั กุรอาน เพือ่ วา เมอ่ื ถงึ เวลาใชป ระโยชนจ ากมันจะไดไมเกดิ ความสกปรก ข) เก็บรกั ษาคัมภีรอ ัล กรุ อานไวในสถานทท่ี หี่ างไกลจากมอื เด็ก เพอ่ื วาจะไดไ มต กเปน ของเลน ของพวกเขาไป หรือบางทอี าจจะถกู เหวยี่ งไปทางโนนทางนี้ ฉะนน้ั เมอ่ื เราเลกิ การใชงานหรือการอาน คมั ภรี อัล กุรอาน จําเปนท่ีเราจะตองเกบ็ มันไวใ นสถานท่ๆี เหมาะสมหรือสถานทสี่ ูง ค) สถานท่ๆี เราเก็บคัมภีรอัล กรุ อานไวน้ันควรจะเปนสถานทๆี่ มเี กยี รติและมคี วามสะอาด ง) จะตองไมว างส่ิงหนึง่ สิ่งใดไวบนคมั ภรี อ ลั กุรอาน แมแ ตห นงั สืออื่นๆ ก็ตาม 2. การน่ังอยางสุภาพตอ หนา คัมภรี อ ัล กุรอาน ในบางสถานทมี่ กี ารสอนหรือการชุมนุมเก่ยี วกับคมั ภีรอัล กรุ อาน จะถกู พบวา บรรดาผเู ขา รว ม นัง่ ตอหนา คัมภรี อลั กุรอานอยางไรมารยาท ตัวอยา งเชน การวางคัมภีรอลั กรุ อานลงกับพืน้ และมองดอู ลั กรุ อาน หรือบางทีพวกเขาจะยืด เทาของตนเองไปยังเบือ้ งหนา คมั ภีรอ ัล กุรอาน หรือเลนกับตัสเบ๊ียะห หนวดเครา ศีรษะและใบหนา ของ ตนเอง หรอื วิธแี ละรปู แบบการนงั่ ของเขาเปนการแสดงออกถึงการไมใ หเกยี รติตอคมั ภีรอัล กรุอาน เก่ยี วกบั เรอื่ งน้ี นับเปนสิง่ ที่ดีทเี ดยี วทเ่ี ราจะพจิ ารณาดคู าํ กลา วของทา น ‘เมาลา มฮุ ซ ินเฟฎ กา ชาน’ี ผรู ูผยู ่งิ ใหญ ซึง่ ทา นไดก ลาววา “ผูอ านคมั ภีรอ ลั กรุ อานจาํ เปนตองรักษามารยาททเ่ี หมาะสมในรปู ลกั ษณของตนเอง…ในขณะ อา นสมควรหันหนาไปทางกบิ ลัต และกมศีรษะของตนเองลงตํา่ น่ังขัดสมาธใิ หเรยี บรอย อยา นง่ั พงิ ส่งิ ใด และการนงั่ ของเขานน้ั จะตอ งไมอยใู นลกั ษณะของผยู โสโอหงั แมว า เขาจะน่ังอยูต ามลําพงั คนเดยี วกค็ ิด วาเขากําลังนง่ั อยู ณ เบอ้ื งหนาอาจารยข องตน” (1) แบบฉบบั (ซุนนะฮ) ที่ดมี ากประการหนงึ่ ท่ถี กู รกั ษาไวนบั ตงั้ แตอ ดตี กาล คอื การใชแ ทนไม (รอ ฮัล) รองคัมภีรอัล กุรอาน นบั วา เปนการกระทาํ ที่ดีมากทีเดยี ว บรรดาบคุ คลทอ่ี า นคัมภรี อลั กุรอานอยู เปน นจิ ก็สมควรทีจ่ ะใชแทน ไมน ้ีดวยเชนกัน และควรจะสอนบุตรหลานของตนเองใหแสดงการใหเกยี รติ ตอ คมั ภีรอลั กุรอาน ดวยการปฏิบตั ิดังกลาว 3. การหนั หนา ไปทางกิบลตั ในขณะอานคัมภีรอลั กุรอาน ผูอานสมควรนง่ั หันหนา ไปทางกบิ ลัต นนั่ คอื ทิศของบัยตลุ ลอฮ เชนเดียวกบั ทีใ่ นขณะนมาซเราจะยืนหนั หนาไปทางกบิ ลัต การหันหนา ไปทางกิบลัตขณะอานคมั ภรี อ ัล กุ 47

รอานนน้ั จะชว ยใหผ อู า นมสี มาธิและจิตใจมุง ตรงตอ อลั ลอฮม ากยง่ิ ข้ึน และจะสง ผลดีตอ ผูอา นมาก ย่งิ ข้ึน โดยปกติแลวเม่ือคนเราอา นคัมภีรอ ัล กุรอาน (ไมว าจะในสภาพยืนหรือน่งั ก็ตาม) เขายอ ม จะตอ งหันหนาไปทางทิศหน่งึ ทิศใด แตทวายอมเปนสิ่งทดี่ ีกวา ถาหากเขาจะหนั หนาไปยังทิศที่สถานท่ี อนั บริสทุ ธ์ใิ นหนาแผน ดินน้ัน (หมายถึงทศิ ของอาคารกะอบ ะฮ) ในขณะที่เขาจะทําการนมาซและทาํ อิ บาดะฮอ ื่นๆ บางทเี คลด็ ลับของประเดน็ ดงั กลาวกค็ ือ เม่อื บคุ คลใดกต็ ามไดหันหนา ไปยงั กิบลัตจะทําให ความคิดของเขามสี มาธิ และหวั ใจของเขามุงตรงตอ พระผเู ปนเจา ดวยเหตุนีเ้ องการหนั หนาไปทาง กบิ ลัตในขณะอา นคัมภรี อ ลั กรุ อานจะทาํ ใหโองการตา งๆ ของคมั ภรี อ ลั กุรอานนนั้ สงผลมากยิง่ ขึ้นตอ หวั ใจและจิตวญิ ญาณของผอู า น 4. การไมละท้งิ จากการอานคมั ภรี อ ัล กรุ อาน สง่ิ หนง่ึ ที่เรามกั จะพบเหน็ ในบานมสุ ลิมทุกคน นน่ั กค็ อื คัมภีรอ ลั กุรอาน คมั ภีรอ ัล กุรอานน้คี ือ แบบแผนสําหรบั การดาํ เนนิ ชวี ติ และเปน ทางนาํ สาํ หรบั มนษุ ยทุกคน ทุกๆ ครอบครัวทเ่ี ปนมุสลิมจะเกบ็ รักษาคัมภรี อ ัล กุรอานไวภ ายในบา นของตนอยางนอ ยหน่งึ เลม เพือ่ เปนตะบรั รกุ (แสวงหาความ จําเรญิ ) การเกบ็ รักษาคัมภรี อ ลั กรุ อานไวภายในบา นนน้ั มปี ระโยชนหลายประการ สวนหนึง่ จาก คณุ ประโยชนด งั กลาวกค็ ือ จะทาํ ใหช ัยฏอน (มารรา ย) ออกหา งไปจากบาน แตจ ําเปนจะตอ ง ระมัดระวังวา จะตอ งไมล มื หรอื ละทงิ้ จากการอานคัมภรี อลั กรุ อานนั้น เพราะวาการละทงิ้ การอานมนั คือ การไมใหความสําคัญและการไมใ หค วามเคารพตอ คัมภีรอ ัล กุรอานประการหน่ึงนั่นเอง อมิ ามซอดกิ (อ.) ไดอางคําพูดจากอมิ ามบากิร (อ.) โดยที่ทานไดกลา ววา “แทจ รงิ ฉนั ชอบทจี่ ะใหม คี มั ภรี อ ัล กรุ อานอยูในบา นสักเลมหน่ึง ซึ่งพระผเู ปนเจาผทู รงเกริก เกยี รติ ผูทรงเกรยี งไกร จะทรงขับไลบ รรดาชยั ฏอน (มารราย) ดวยสื่อของคมั ภรี อ ัล กุรอานน้ัน” (2) ในรวิ ายะฮอ กี บทหน่ึง อิมามซอดกิ (อ.) ไดก ลา ววา “สามสิ่งทจี่ ะไปฟอ งรอ งตอพระผูเปน เจา จากมนษุ ย ส่งิ หนงึ่ จากท้ังสามกค็ อื คัมภรี อลั กุรอาน” “และคมั ภีรอัล กุรอานทถี่ ูกปด ไวจ นฝุนเกาะ โดยที่มไิ ดถกู อาน” (3) 5. กรณตี างๆ ที่ไมส มควรอา นคัมภรี อ ลั กุรอาน ในเจ็ดกรณีท่ีการอา นคมั ภีรอ ลั กรุ อานไดถกู หา ม โดยท่ที านอมิ ามอะลี (อ.) ไดก ลาวไวในริ วายะฮบ ทหนงึ่ วา 48

“บคุ คลเจ็ดกลุม ทจี่ ะไมอ านคมั ภรี อลั กุรอาน คือ ผูทาํ การโคงคาราวะ (รุกูอ) ผกู มกราบ (สุ หยดู ) ผูอ ยูในหองสขุ า ผูอยใู นหอ งน้ํา ผูมี นุ ุบ ผอู ยูในสภาพนิฟาสและผูมรี อบเดอื น” (4) จากวจนะของทา นอมีรุลมุอม นิ ีน (อ.) นี้เองท่ีบรรดาฟุกอฮาอ (นกั นิตศิ าสตร) ผูย่ิงใหญของ ชีอะฮไ ดช ใ้ี หเหน็ วา การอานคมั ภีรอัล กรุ อานในกรณเี หลานถ้ื อื เปนมกั รหู  (สิ่งนารกั เกียจ) สวนในกรณี ของผทู อ่ี ยูในสภาพญะนาบะฮ เฮฎและนิฟาสนนั้ พวกทานไดใหคาํ ฟต วาวา การอา นโองการตา งๆ ของ บรรดาซูเราะฮท ี่ไมมซี ะญาดะฮวาญบิ เกินเจด็ อายะฮนั้น ถอื เปน มักรูหแ ตห ากมนั นอยกวา เจ็ดอายะฮนนั้ ถอื วาไมเ ปนไร แตบ คุ คลทัง้ สามกลุมนี้ไมสามารถท่จี ะอานบรรดาซเู ราะฮท มี่ ซี ะญาดะฮว าญิบได แมว าอาน เพยี งอกั ษรเดียวจากซูเราะฮทง้ั สี่ดังกลา ว กถ็ อื ฮะรอม (ตองหาม) (5) มารยาทประการท่ี 18 วธิ ีการยตุ กิ ารอา นคัมภรี อัล กุรอาน ขณะสน้ิ สดุ การอา นคมั ภีรอ ัล กรุ อานน้นั ควรจะกลาวประโยคใด! เกี่ยวกบั เรื่องน้ีมรี วิ ายะฮ (คํา รายงาน) และฮะดษี บทใดไดอ า งถงึ บา งหรอื ไม! นคี่ ือคาํ ถามหนึ่งซงึ่ ถกู ถามถึงในสถานท่ชี ุมนนุ และหองเรยี นท่เี กยี่ วกับคัมภรี  อลั กุรอาน บาง สถานที่ หรือเปนคําถามหนงึ่ ซ่งึ ไดเ กิดขึน้ ในความนึกคดิ ของนักอานและผูศกึ ษาคนควา คัมภรี อ ลั กุรอาน บางคน คําตอบกค็ ือ มรี ายงาน (รวิ ายะฮ) หลายบทเกยี่ วกับเรื่องน้ี และเราจะขอกลาวถึงเพียงสองริ วายะฮ (ซ่ึงมปี รากฏในหนงั สือฮะดีษของชอี ะฮ) ริวายะฮ (คาํ รายงาน) บทแรก : ( ) ทานอัลลามะฮม ัจญลซิ ี ไดอ า งริวายะฮบ ทหนง่ึ เกีย่ วกบั เรื่องน้ไี วใ นหนังสอื ‘บิฮารุลอนั วาร’ เลม ที่ 57 หนา ท่ี 243 วา เมอื่ ทา นศาสดามฮุ มั มัด(ศ็อลฯ) ไดร ับแตงต้ังใหเปนศาสดา ทานไดส่ังใหอิมามอะลี (อ.) สง สาสน เชญิ ชวนไปยังบรรดาผูปฏเิ สธ บรรดาชาวครสิ เตียนและชาวยิวใหเขา รบั อิสลาม เนื้อความของ สาสนดงั กลา วไดถูกแจง ตอ ทา นศาสดามุฮัมมดั (ศ็อลฯ) โดยทานญบิ รออลี เมื่อสาสน ไดถกู สงไปถงึ มือ ของบรรดาชาวยิวแหงตําบลคอ็ ยบรั บรรดาชาวยวิ เหลา นน้ั ไดน ําไปมอบแกผรู แู ละบุคคลสําคัญของตน คือ ‘อิสมาวีล’ (อิบนิ สลาม) (1) ภายหลังจากการอา นสาสนดังกลา วเขาไดรวบรวมคําถามตา งๆ เพ่อื นาํ เสนอตอ ทา นศาสดามฮุ มั มดั (ศ็อลฯ) โดยที่เขาไดกลาววา “หากเขา (มุฮมั มดั ) สามารถตอบคําถามตา งๆ ของฉันไดอยา งถกู ตอง ฉันจะเขารบั ศาสนาของ เขาและจะละทง้ิ ศาสนาของยะฮูด” 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook