Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ-การขยายพันธุ์พืช (2)

คู่มือ-การขยายพันธุ์พืช (2)

Published by กศน อําเภอบ่อพลอย, 2022-06-30 01:51:18

Description: คู่มือ-การขยายพันธุ์พืช (2)

Search

Read the Text Version

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอบอ่ พลอย จงั หวดั กาญจนบรุ ี

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราช ดารัสชี้แนะแนวทางการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรขาวไทยมาโดยตลอด รวมถึงการ พัฒนาและบริหารประเทศท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลาง คานึงถึงความ พอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวตลอดจนใช้ความรู้ ความ รอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทา ซึ่งศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภอบ่อพลอย จังหวัด กาญจนบุรี พิจารณาแล้วเห็นว่า ปัจจุบันคนให้ความสนใจทางด้านการเกษตรกัน อย่างแพร่หลาย จึงจัดทาฐานการเรียนรู้ให้ความรู้เก่ียวกับ “การขยายพันธ์ุพืช\" เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เพ่ือต่อยอดเศรษฐกิจชุมชน ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความ ช่วยเหลือ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการ พฒั นาอาชพี และความเปน็ อยูข่ องเกษตรกรให้สามารถพ่งึ ตนเองได้อย่างยั่งยืน

เรอ่ื ง หนา้ การขยายพนั ธุ์พืช 1 การขยายพันธ์พุ ืชแบบอาศัยเพศ (sexual repropagation) 3 3 การผสมเกสร 4 การเพาะเมลด็ 7 การขยายพันธพ์ุ ชื แบบไมอ่ าศยั เพศ (asexual reproduction) 8 การตอนกง่ิ 9 การทาบกง่ิ 10 การติดตา 11 การเสยี บยอด 12 การปกั ชา

1 การขยายพนั ธุ์พชื การขยายพนั ธ์พุ ืช หมายถึง การเพิ่มปริมาณต้นพืชจากต้นท่ีมี อยู่ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพ่ือให้พืชดารงสายพันธุ์นั้นไว้ไม่ให้สูญพันธ์ุ และ รักษาลักษณะประจาพันธ์ุที่มีอยู่ในพืชนั้น ๆ ให้คงอยู่ หากลักษณะประจา พันธุ์ของพืชนั้น ๆ หายไปแสดงว่าการขยายพันธ์ุพืชไม่ประสบผลสาเร็จ ดังนนั้ การขยายพันธพุ์ ืชจึงเปน็ สง่ิ จาเปน็ และเป็นปัจจัยสาคัญในการพัฒนา งาน ด้านการเกษตร โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ซ่ึงแต่ละประเกทจะมีวิธีการ และเทคนคิ ท่ีแตกต่าง กันตามแต่ละชนิดของพืชและวัตถุประสงค์ ซึ่งมีทั้งข้อดี และข้อเสยี ทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป การขยายพนั ธพ์ุ ืช มี 2 ประเภท คอื 1. การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบอาศยั เพศ 2. การขยายพันธุ์พืชแบบไมอ่ าศัยเพศ

2 การขยายพนั ธพุ์ ชื การขยายพนั ธ์ุพชื การขยายพนั ธพุ์ ชื แบบอาศยั เพศ แบบไม่อาศยั เพศ การผสมเกสร การเพาะเมลด็ การตอนกง่ิ การทาบกงิ่ การติดตา การเสยี บยอด การปกั ชา

3 การขยายพนั ธ์พุ ชื การผสมเกสร การผสมเกสร คือ การนาเกสรตัวผู้ของต้นไม้ไปหาเกสร ตัวเมยี ทาให้เกิดการสบื พนั ธุ์และกลายเปน็ เมล็ดต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่มักมี แมลงหรือลมเป็นผู้กระทา ตัวช่วยในการผสมเกสรมักเป็นสัตว์ประเภท แมลง นกและค้างคาว ท้ังยังมีน้า ลม หรือกระทั่งต้นพืชเองอีกด้วยใน กรณี การผสมเกสรเองของดอกไมท้ อี่ ยูต่ ิดกัน เกสรตวั เมยี เกสรตวั ผู้ การผสมเกสรเองของดอกไม้ทอ่ี ยตู่ ดิ กนั

4 การขยายพนั ธ์ุพชื การเพาะเมลด็ การเพาะเมล็ด เปน็ การขยายพนั ธ์พุ ืชโดยวิธีการใชเ้ พศ ซ่งึ การขยายพนั ธไ์ุ ม้ ผลบางชนดิ กจ็ าเป็นต้องใช้วิธีการขยายพันธ์ุโดยเมล็ด เช่น มังคุด น้อยหน่า พุทรา เป็นต้น ข้อดีของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช คือ เหมาะ สาหรบั ใช้ในการขยายพันธุ์พืชล้มลุกและพืชที่มีอายุสั้น เช่น ข้าว ผัก และ ไม้ดอกต่าง ๆ ขอ้ ดี ข้อเสยี 1. ทาไดง้ ่าย รวดเร็ว 1. ใหผ้ ลผลติ ชา้ 2. ระบบรากแขง็ แรง 2. อาจกลายพันธุ์ 3. ลงทุนนอ้ ย แต่ไดจ้ านวนตน้ ทีม่ าก

5 การขยายพนั ธุ์พชื การเพาะเมลด็ การเพาะเมล็ด จะมีประเภทของเมล็ดทีแ่ ตกตา่ งกันคือ เมล็ดแบบไม่เคลือบ และเมล็ดแบบเคลือบ เมลด็ แบบไมเ่ คลอื บ เมลด็ แบบไม่เคลอื บ จะผ่านการลดความช้ืนมาแล้ว สามารถเก็บรักษาได้ใน ภาชนะปิดสนทิ ในตู้เย็นท่ีอุณหภูมิ 4-10 องศา นาน 1 ปี มีราคาถูก หา ซอ้ื งา่ ย ประสิทธภิ าพในการงอกตา่ เพราะเมล็ดมขี นาดเล็ก เมล็ดแบบเคลือบ เมล็ดแบบเคลือบ จะผ่านการเคลือบสารป้องกันเช้ือราและสารกระตุ้นการ งอก มีการเคลือบผิวและผสมวัสดุห่อหุ้มเพื่อลดความช้ืน และรักษาสภาพ ของเมลด็ เอาไว้ จึงทาให้มีประสิทธิภาพในการงอกสงู

6 การขยายพนั ธพุ์ ชื การเพาะเมลด็ ปจั จยั ในการงอกของเมลด็ ปัจจัยในการงอกของเมล็ดจะขึ้นอยู่กับ น้า ความช้ืน อุณหภูมิ แสงแดด อาหารในเมล็ด โรค เชอ้ื รา และการกดั กินเมล็ดของแมลงบางสว่ น วิธกี ารทาใหเ้ มลด็ งอกเรว็ 1. กะเทาะเปลือกหมุ้ เมล็ดออก 2. ลวกดว้ ยนา้ รอ้ น 5 นาที (80-100 องศาเซลเซยี ส) หลังจากนั้นแช่น้า เยน็ 12-24 ชวั่ โมง 3. แชน่ า้ ธรรมดาหรือน้าร้อน เพ่ือให้เปลือกอ่อนตัว เพื่อลดสารยับย้ังการ งอกทเี่ ปลอื ก และเพอ่ื ย่นระยะเวลาในการงอก 4. ใชส้ ารเคมี กรดซลั ฟูริค คาร์บอนซิลิก หรอื คลอรนี

7 การขยายพนั ธุ์พชื การขยายพนั ธุ์พืชแบบไมอ่ าศยั เพศ คือ การใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืชมาทาให้ เกิดราก ยอด เจริญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ โดยจะมีวิธีการขยายพันธุ์ที่ แตกต่างกันออกไป คือ การตอนก่ิง การทาบก่ิง การติดตา การเสียบ ยอด และการปักชา ขอ้ ดี ข้อเสยี 1. อาศยั ความร้คู วามชานาญมาก 1. ขยายพนั ธไ์ุ ด้รวดเร็ว ประหยดั คา่ ใช้จ่าย 2. ไม่มโี อกาสเกดิ พนั ธ์ใุ หม่ 3. โรคอาจตดิ จากตน้ เดิมได้ง่าย 2. ให้ผลผลิตเร็วกวา่ การเพาะเมล็ด 3. ไม่กลายพนั ธุ์

8 การขยายพนั ธ์พุ ชื การตอนกงิ่ การตอนก่ิง เป็นวิธีการทาให้ก่ิงพืชออกรากในขณะอยู่ติดกับต้นแม่ เมื่อก่ิง น้ันออกรากดแี ลว้ จงึ สามารถตดั แลว้ นาไปปลกู ตอ่ ได้

9 การขยายพนั ธพ์ุ ชื การทาบกงิ่ การทาบก่ิง เป็นการนาพืชสองต้นมาทาการต่อเช่ือมให้เป็นต้นเดียวกัน โดย มีเซลล์เนื้อเยื้อเป็นตัวเช่ือมติดกัน โดยการทาบกิ่งจะประกอบส่วนที่เป็นต้น ต่อ ทาหนา้ ที่เปน็ ระบบรากของต้นพชื ใหม่ และส่วนของก่ิงพันธ์ุดี ที่อยู่เหนือ รอยต่อ ทาหน้าที่เปน็ สว่ นยอดหรอื กิ่งก้านลาตน้ ของพืชต้นใหม่

10 การขยายพนั ธ์ุพชื การติดตา การติดตา เป็นวิธีการเช่ือมประสานส่วนของพืชเข้าด้วยกัน เพ่ือให้ เจริญเติบโตเป็นพืชต้นเดียวกัน โดยการนาแผ่นตาจากก่ิงพันธ์ุดี ไปติดบน ต้นตอท่จี ะทาการตดิ ตา กงิ่ พนั ธดุ์ ี คือ ต้นพนั ธุท์ ี่มีคณุ ภาพและมีความโดดเด่นในสายพันธุ์ของตนเอง ทาหน้าทเี่ ป็นสว่ นยอด หรอื กงิ่ ก้านลาต้นของพืชตน้ ใหม่ ต้นตอ คือ ต้นไม้ท่ีจะนาก่ิงพันธุ์ไปปลูกต่อ เพื่อให้ได้ต้นที่แข็งแรง ต้นตอ จะตอ้ งเป็นต้นตอทสี่ มบรู ณ์

11 การขยายพนั ธุ์พชื การเสยี บยอด การเสยี บยอด เป็นวธิ ีการเชอ่ื มประสานเน้ือเยื้อของตน้ พชื 2ต้น เข้าด้วยกัน เพือ่ ให้เจริญเตบิ โตเป็นต้นเดียวกัน

12 การขยายพนั ธพ์ุ ชื การปกั ชาหรอื ตดั ชา การปักชาหรือตัดชา เป็นวิธีการตัดส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เช่น ใบ กิ่ง ลาต้น ราก ออกจากต้นเดิม ไปเก็บไว้ในที่ท่ีมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทาใหส้ ว่ นต่าง ๆ ดังกลา่ วของพชื งอกรากและแตกยอด เจริญเติบโตเป็นพืช ต้นใหมต่ อ่ ไปได้ โดยการปักชามดี ้วยกนั ถงึ 4 วิธี ดังน้ี การปกั ชากงิ่ การปกั ชากง่ิ แก่ เป็นวธิ ีทใ่ี ช้กบั ไมพ้ ลัดใบมากท่สี ุด โดยใชก้ ่งิ แก่ทไี่ มม่ ีใบหรอื ตาท่ี กาลงั แตกใหม่ ก่งิ มีลกั ษณะสมบรู ณ์ ไม่เห่ยี วแห้ง การปกั ชากงิ่ ปานกลางหรอื กิ่งกง่ึ แกก่ ง่ึ ออ่ น เปน็ วธิ ที ี่ใชก้ ับไมเ้ นอื้ แขง็ ท่ีไม่พลดั ใบหรอื ไมผ้ ลัดใบ ด้วยการตดั ก่งิ ท่ีไม่แก่เตม็ ท่ีกิ่งมีลกั ษณะอวบสีของ กิง่ มสี ไี มเ่ ข้มมากก่งิ มีความสมบรู ณไ์ ม่เห่ียวไม่เป็นโรค การปกั ชากง่ิ ออ่ น เปน็ วธิ ที ่ีนิยมใช้สาหรับการขยายพันธไ์ุ ม้ดอกไมป้ ระดบั เปน็ ส่วน ใหญ่ ด้วยการตดั กิ่งออ่ น ก่ิงมลี ักษณะสมบรู ณ์ อาจมยี อด และใบตดิ หรอื ไมม่ ีกไ็ ด้ ยอดท่ตี ิดควรเจรญิ เติบโตดี ไม่เปน็ โรค การปกั ชากง่ิ ไมเ้ นอ้ื ออ่ น เป็นวิธีทใี่ ชส้ าหรบั พชื บางชนิด สว่ นมากเป็นพืชใบเล้ยี ง เดีย่ ว ท่ีมีลักษณะก่ิงหรอื ลาต้นเป็นไม้เนอื้ ออ่ น

13 การขยายพนั ธ์พุ ชื การปกั ชาหรอื ตดั ชา การปกั ชาราก การปักชาราก เป็นวิธีท่ีไม่ค่อยนิยม มักใช้กับพืชบางชนิดที่แตกหน่อตาม กิ่งรากหรือมีตาเกิดตามรากพบมากในพืชน้าหรือพืชท่ีเป็นเครือ เช่น บัว มนั บางชนดิ เปน็ ต้น ซง่ึ ควรเลอื กรากทีม่ ตี าหรอื หน่อตดิ มาด้วย การปกั ชาใบทม่ี ตี า การปกั ชาใบท่มี ตี า เปน็ วิธที ี่ใช้กบั พชื พชื เนอ้ื อ่อนพวกไม้ประดับ และพืชเนือ้ แขง็ บางชนิด เช่น โกศล ยางอินเดยี เปน็ ตน้ ด้วยการตัดกิง่ ดา้ นล่าง และ ดา้ นบนของตา และยอดท่มี ีใบตดิ มาดว้ ย

14 การขยายพนั ธพ์ุ ชื การปกั ชาหรอื ตดั ชา การปกั ชาใบ การปักชาใบ เป็นวิธีที่ใช้กับไม้ท่ีมีใบลักษณะหนาหรืออวบน้า มักใช้มาก สาหรับไมด้ อกไมป้ ระดับ โดยราก และยอดจะแตกออกบริเวณโคนก้านใบเหนือ ฐานรอยตัด โดยเฉพาะบริเวณของเสน้ ใบ แบง่ เปน็ 2 ลักษณะ คอื การปักชาแผน่ ใบ ท้งั ใบท่ีมีตายอด และใบที่ไม่มีการแตกตายอด ด้วยการตัด ใบเป็นแผน่ ๆ และนามาปกั ชา เช่น ต้นคว่าตายหงายเป็น เปน็ ตน้ การปักชาก้านใบ โดยใชใ้ บทม่ี ีกา้ นใบติดอยู่นามาปักชา โดยให้ส่วนก้านใบชา ลงดิน เช่น ใบเพปเพอโรเมีย ใบมะนาว เป็นต้นการตัดจะใช้วิธีตัดให้ชิดโคน ก้านใบมากทีส่ ุด

15 การขยายพนั ธ์ุพชื วิธีการปกั ชาหรือตดั ชา กอ่ นทาการปกั ชากิ่งทุกชนิดให้กรีดบริเวณโคนก่ิงยาว 1-2 ซม. ตามแนวยาว 1-2 ด้าน และแช่ฮอร์โมนเร่งราก และยาป้องกันเช้ือราเสียก่อนด้วยการจุ่มโคน กิง่ ปกั ชาตามระยะโคนกิ่งท่ปี กั ชาในดนิ นาน 10-30 นาที การปักชากิง่ จะใชว้ ิธีการเสียบก่ิงลึกประมาณ 5-10 ซม. ขึ้นอยู่กับความยาว ของกิ่ง และชนดิ พืช การปักชาราก จะใช้วธิ กี ารชาในลกั ษณะการปกั ชาก่งิ หรือการชาโดยการกลบท้ัง ราก การปักชาใบ จะใช้วิธีปกั ชาใบบางส่วนหรือการชาก้านใบลงดินโดยมีใบบางส่วน อยู่พ้นื เหนอื ดนิ การปกั ชาใบทมี่ ีตา จะใช้วิธีการปักชาเฉพาะส่วนที่เป็นโคนก่ิงท่ีมีตาให้ฝังลงดิน โดยส่วนใบหรือตาจะพน้ เหนอื ดนิ ดา้ นบน การดูแลรกั ษา การให้น้าจาเป็นต้องให้น้าทุกวัน วันละ 1-2 คร้ัง เช้า-เย็น อย่างสม่าเสมอ เพื่อรักษาความชุ่มช้ืน โดยระวังไม่ให้น้ามากเกินไปจนน้าท่วมขังหรือดินเปียก มาก เพราะอาจทาใหก้ ิ่งเนา่ ไดง้ า่ ย ส่วนการใส่ปุย๋ ไมจ่ าเป็นในระยะแรก แต่อาจ ใสป่ ยุ๋ ก่อนระยะย้ายกล้าออกปลกู ประมาณ 1-2 อาทิตย์ ดว้ ยการละลายปุ๋ยหรือ ใชป้ ๋ยุ น้า

SCAN ME ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอบอ่ พลอย จังหวดั กาญจนบรุ ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook