Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยการบริหารจัดการขยะทั่วไป

รายงานการวิจัยการบริหารจัดการขยะทั่วไป

Published by วชิรวิชญ์ กวดนอก, 2021-09-07 09:07:33

Description: รายงานการวิจัยการบริหารจัดการขยะทั่วไป

Search

Read the Text Version

รายงานการวิจยั การบรหิ ารจัดการขยะทว่ั ไป ของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใชห้ ลักการบริหารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร ผวู้ จิ ัย นางสาวสิรกิ ลุ กจิ สวสั ดไ์ิ พศาล สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 สานกั คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ปกี ารศึกษา 2564

ก เร่ือง รายงานการวจิ ัยการบรหิ ารจดั การขยะท่วั ไปของโรงเรยี นบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม 5 ร ช่ือผู้รายงาน สิริกลุ กิจสวสั ด์ไิ พศาล สถานทีศ่ กึ ษา โรงเรยี นบา้ นแมง่ าวใต้ อาเภองาว จังหวดั ลาปาง สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ปีที่ทาการศึกษา 2564 บทคัดยอ่ รายงานผลการวิจัยการบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรยี นบา้ นแม่งาวใตโ้ ดยใช้หลกั การ บริหารแบบมีส่วนรว่ ม 5 ร มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาในการบริหารจัดการขยะท่วั ไปของ โรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ เพ่ือประเมินการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้ หลกั การบริหารจดั การแบบมีส่วนร่วม 5 ร และเพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของครูผู้สอนและนักเรยี น ท่ีมี ตอ่ การบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมสี ว่ นร่วม 5 ร ประชากรที่ใช้ในการศกึ ษาในคร้ังน้ี ได้แก่ ครูผสู้ อน จานวน 2 คน นักเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ถึง ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 จานวน 13 คน รวมประชากรทีใ่ ช้ในการศกึ ษาคร้ังนี้ 15 คน เคร่ืองมือที่ใช้ใน การเก็บรวบรวมขอ้ มูลในการศึกษาครงั้ นี้ คือ 1) แบบสอบถามสภาพปัญหาในการบรหิ ารจดั การขยะ ทั่วไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ 2) แบบประเมิน การบริหารจัดการขยะท่ัวไป ของโรงเรียน บ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบริหารแบบมสี ่วนร่วม 5 ร 3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการ บริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใชห้ ลักการบรหิ ารแบบมีส่วนรว่ ม 5 ร ซึ่ง ผรู้ ายงานได้สรุปผลการศกึ ษาตามวัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษาไดด้ งั น้ี 1. สภาพปญั หาในการบรหิ ารจัดการขยะท่วั ไปของโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ท่พี บมากที่สุดคือ ปริมาณขยะทั่วไปมีมาก ไม่มีบริเวณที่กาจัดขยะเพียงพอ และมีขยะเร่ียราดในบริเวณโรงเรียน รองลงมาคอื การทิง้ ขยะโดยไม่มกี ารคัดแยกทาให้ขยะปะปนกัน ท้ังขยะทส่ี ามารถรีไซเคิลได้และขยะ ทว่ั ไปที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ จึงยากแก่การนาขยะรีไซเคิลมาใชป้ ระโยชนต์ ่อ โดยมสี าเหตุมาจากการท่ี คณะครูและนักเรียนขาดความตระหนกั ในการคดั แยกขยะ ขาดความรู้ ความเข้าใจในการคดั แยกขยะ ไม่เห็นคุณค่าของขยะท่ีสามารถนามารีไซเคิลได้ นอกจากนี้กระบวนการบริหารจัดการขยะทั่วไปของ โรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ ยงั ขาดการบรหิ ารจัดการทีเ่ ปน็ ระบบ ไม่มกี ารจัดเตรยี มถังขยะแยกประเภท ครผู ู้สอนขาดการบูรณาการความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะเข้าสู่กล่มุ สาระการเรียนรู้ต่างๆ และไม่มี การกาหนดนโยบายชัดเจนให้มกี ารบรู ณาการความรเู้ กี่ยวกบั การคดั แยกขยะเข้าสู่บทเรยี น 2. ผลการประเมนิ การบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้ หลกั การ บริหารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร ในภาพรวมทั้ง 3 ด้าน อยู่ในระดับมาก ดา้ นการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับ การบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไป มีค่าเฉล่ยี สูงสุด และด้านการวางแผนการบริหารจดั การขยะทั่วไปของ โรงเรียนมีค่าเฉลี่ยต่าสุด ซ่ึงแยกผลการประเมินทั้ง 3 ด้านได้ดงั น้ี 1. ด้านการวางแผนการบริหาร จดั การขยะทั่วไปของโรงเรยี น ในภาพรวม อยใู่ นระดบั มาก ซงึ่ การวางแผนดาเนนิ การและกาหนด ผ้รู บั ผิดชอบงานเกยี่ วกับการบริหารจัดการขยะท้ังในส่วนของครแู ละนกั เรียนมคี ่าเฉลี่ยสูงสุด และ

ข การจัดตาแหนง่ ของถังขยะภายในและภายนอกอาหารเรียนมคี ่าเฉล่ียต่าสดุ 2. ด้านการจัดกิจกรรม เกยี่ วกับการบริหารจัดการขยะท่วั ไป ในภาพรวม อย่ใู นระดับมากทส่ี ุด ซึ่งกจิ กรรมประดิษฐข์ องเล่น ของใช้จากเศษวัสดุ มคี ่าเฉลย่ี สูงสดุ และกจิ กรรมการคัดแยกขยะ มคี ่าเฉลี่ยตา่ สดุ 3. ด้านผลทีเ่ กิดกับ ผู้เรยี น ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ซงึ่ การที่นักเรียนสามารถประดษิ ฐ์ของเล่นของใชจ้ ากเศษวัสดไุ ด้ ดว้ ยตนเอง มีคา่ เฉลี่ยสูงสดุ และนักเรียนมีจติ สานกึ ในการเกบ็ ขยะและคัดแยกขยะมีคา่ เฉลี่ยต่าสุด 3. ความพึงพอใจของคณะครูและนักเรียนที่มตี ่อการบรหิ ารจัดการขยะทว่ั ไปของโรงเรียน บ้านแม่งาวใต้ โดยใชห้ ลกั การบรหิ ารแบบมสี ่วนร่วม 5 ร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยที่ทา่ นให้ ความรว่ มมือในการดาเนินการจัดกิจกรรมการบริหารจัดการขยะเป็นอย่างดีมคี ่าเฉล่ียสูงสดุ และ กิจกรรมกลอ่ งนมมีค่าอย่าทิง้ เป็นไปดว้ ยความเรียบร้อยประสบความสาเรจ็ มคี า่ เฉล่ียตา่ สดุ

ค กติ ตกิ รรมประกาศ รายงานการวจิ ัยการบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการ บริหารแบบมีส่วนร่วม 5 ร คร้ังน้ี สาเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือจาก ดร.เอกฐสิทธิ์ กอบกา ผูอ้ านวยการกลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ท่ีกรณุ าตรวจสอบ ด้านการวิเคราะห์ และรายงานการศึกษา ทาให้ การศกึ ษาคร้งั นี้สาเรจ็ ลลุ ่วงไปด้วยดี จึงขอกราบขอบพระคณุ ไว้ ณ โอกาสนี้เปน็ อย่างสงู ขอกราบขอบพระคุณ นางศรีจันทร์ ทรายใจ ศกึ ษานิเทศกช์ านาญการพิเศษ สานักงานเขต พนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ท่ีกรุณาตรวจสอบ ด้านการวิเคราะห์ และรายงาน การศึกษา ทาให้การศึกษาคร้ังนี้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี จึงขอกรา บขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ เป็นอย่างสงู ขอกราบขอบพระคุณ นายวรี ยุทธ์ ควรคดิ ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านออ้ น สานกั งานเขตพ้นื ท่ี การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ทก่ี รุณาตรวจสอบ ด้านการวิเคราะห์ และรายงานการศึกษา ทาให้การศกึ ษาคร้งั น้ีสาเรจ็ ลุลว่ งไปด้วยดี จึงขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนเี้ ป็นอย่างสูง ขอขอบคุณคณะครู นักเรียนโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ ที่ให้ความร่วมมือในการศึกษาในครง้ั นี้ เปน็ อย่างดี คุณค่าและประโยชน์ใดทพ่ี งึ มีจากการศกึ ษาครั้งนี้ ผู้ศกึ ษาขอมอบเป็นการตอบแทนพระคุณ บดิ า มารดา ญาติพ่ีน้อง ครูอาจารย์ ที่ไดอ้ บรมส่ังสอนประสทิ ธิประสาทวิชาความรู้ ตลอดจน ใหก้ าลงั ใจทด่ี แี กผ่ ้ศู ึกษา สริ กิ ลุ กิจสวัสดิ์ไพศาล

ง สารบัญ บทคัดย่อ................................................................................................................................ หน้า กติ ติกรรมประกาศ................................................................................................................. ก สารบญั .................................................................................................................................. ค สารบัญตาราง........................................................................................................................ ง สารบัญภาพ.................................................................................................................... ....... ฉ บทท่ี 1 บทนา....................................................................................................................... ช 1 ความเปน็ มาและสภาพปจั จบุ ันปัญหา................................................................... 1 วตั ถุประสงค์.......................................................................................................... 2 ขอบเขตการศกึ ษา................................................................................................. 3 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ.................................................................................................... 3 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ บั ..................................................................................... 4 บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ที่เก่ยี วขอ้ ง................................................................... 5 แนวคดิ และทฤษฎีท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการจดั การขยะ.................................................... 6 แนวคิดและทฤษฎีท่เี กี่ยวขอ้ งกับการบรหิ ารจัดการแบบมีสว่ นร่วม........................ 19 เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั เทคโนโลยีในการจดั การขยะ................................................ 28 29 แนวคิดและทฤษฎที เี่ กี่ยวข้องกับความพึงพอใจ...................................................... 31 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้อง.............................................................................. 36 บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการ............................................................................................................. 36 ประชากร................................................................................................................. 36 เครื่องมือท่ใี ช้ในการศกึ ษา....................................................................................... 36 วิธดี าเนินการ........................................................................................................... 38 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล............................................................................................. 38 การวิเคราะหข์ อ้ มูล.................................................................................................. 39 สถติ ิทนี่ ามาใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล....................................................................... 40 41 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล.............................................................................................. ตอนท่ี 1 สภาพปัญหาในการบรหิ ารจัดการขยะทว่ั ไปของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ 42 ตอนที่ 2 ผลการประเมนิ การบรหิ ารจดั การขยะทวั่ ไปของโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม 5 ร ............................................................. 46 ตอนท่ี 3 ความพึงพอใจของคณะครูและนกั เรยี นท่ีมตี ่อการบริหารจัดการขยะ 48 ท่วั ไปของโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบริหารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร........... 48 50 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ...................................................................... สรุปผล..................................................................................................................... อภปิ รายผล..............................................................................................................

จ ข้อเสนอแนะ............................................................................................................ หน้า บรรณานุกรม...................................................................................................... ..................... ภาคผนวก............................................................................................................ .................... 53 54 ภาคผนวก ก รายชือ่ ผูเ้ ช่ยี วชาญ.............................................................................. 58 ภาคผนวก ข เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ในการศึกษา................................................................. 59 ภาคผนวก ค ภาพกิจกรรม...................................................................................... 61 ประวัตผิ รู้ ายงาน...................................................................................................................... 71 86

ฉ สารบัญตาราง ตารางที่ แสดงคา่ เฉลย่ี (μ ) และคา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน ( ) ผลการประเมนิ การบรหิ าร หน้า 1 42 จัดการขยะทัว่ ไปของโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ โดยใชห้ ลกั การบรหิ ารแบบมีส่วนรว่ ม 43 2 5 ร ในภาพรวม...................................................................................................... 44 แสดงค่าเฉลีย่ (μ ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) ผลการประเมินการบริหาร 45 3 46 จดั การขยะทว่ั ไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ โดยใชห้ ลกั การบรหิ ารแบบมสี ว่ นร่วม 4 5 ร ดา้ นการวางแผนการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรยี น.............................. แสดงค่าเฉล่ยี (μ ) และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน ( ) ผลการประเมิน 5 การบรหิ ารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ โดยใชห้ ลกั การบริหาร แบบมสี ว่ นร่วม 5 ร ดา้ นการจัดกิจกรรมเก่ยี วกบั การบริหารจดั การขยะทั่วไป....... แสดงคา่ เฉลย่ี (μ ) และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน ( ) ผลการประเมนิ การบรหิ ารจดั การขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ โดยใชห้ ลักการบริหาร แบบมีส่วนรว่ ม 5 ร ดา้ นผลท่ีเกิดกับผ้เู รียน...................................................... แสดงคา่ เฉลีย่ (μ )และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ) ความพงึ พอใจของคณะครู และนักเรยี นท่มี ีตอ่ การบริหารจดั การขยะทวั่ ไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้ หลกั การบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร.......................................................................

ช สารบญั ภาพ ภาพท่ี หน้า 1 แนวคดิ การจดั การขยะ Zero Waste…………………………………………………………….... 14 2 องคป์ ระกอบของการบรหิ าร...................................................................................... 22 3 รปู แบบการบริหารจัดการแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร 27

สว่ นท่ี 1 บทนำ 1.1 ควำมเปน็ มำและสภำพปัจจุบนั ปัญหำ ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 คณะรฐั มนตรีไดม้ ีมติเห็นชอบ แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ.25 59 -2564 ) ตามท่ีกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มเสนอ เพ่อื ใช้เปน็ กรอบและทิศทางในการดาเนินการแกไ้ ขปัญหา การจัดการขยะมูลฝอยและขยะอันตรายของประเทศ ซง่ึ มสี าระสาคัญให้เกิดการจัดการขยะมูลฝอย อย่างครบวงจร โดยการมีสว่ นร่วมจากทุกภาคสว่ น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ม่งุ สู่ การแกไ้ ขปัญหาขยะอย่างย่งั ยนื ลดผลกระทบปญั หาดา้ นสิ่งแวดล้อม ซึ่งมวี ธิ กี ารทส่ี าคญั ได้แก่ การลด การเกิดขยะมูลฝอยหรือขยะอันตรายท่ีแหล่งกาเนิด การนาขยะมูลฝอยกลับมาใชซ้ ้าและใช้ประโยชน์ ใหม่ การเก็บขนขยะมูลฝอยท่ีมีประสิทธิภาพ การกาจัดขยะมูลฝอยด้วยวธิ ีการท่ีถูกต้องตามหลัก วชิ าการ การส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแปร รปู ขยะมูลฝอยเป็นพลังงานหรือ เชอื้ เพลงิ ในแผนยุทธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ไดก้ าหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมี ความม่ันคง ม่ังค่ัง ย่ังยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” โดยในมิติ “ความยั่งยืน” ได้ระบุถึงการพัฒนาท่ีสามารถสร้างความเจริญรายได้และ คุณภาพชีวิตของประชาชนให้เพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ือง ซ่ึงเป็นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติเกินพอดี ไม่สร้างมลภาวะต่อสงิ่ แวดล้อมจนเกินความสามารถในการรองรับและ เยียวยาของระบบนิเวศน์ การผลิตและการบริโภคท่ีเป็นมิตรกับสิ่ งแวดล้อมและสอดคล้องกับ กฎระเบียบของประชาคมโลกซง่ึ เป็นทีย่ อมรบั รว่ มกนั (กระทรวงมหาดไทย, 2563 : 2) และสา นักงาน คณ ะกร ร มกา รกา ร ศึกษา ข้ัน พื้น ฐา น ก็ได้ให้ควา มสา คัญ ใน ด้า น ปัญ ห า ขยะมูลฝอยท่ีเป็นมลพิษต่อสิง่ แวดลอ้ ม จึงไดด้ าเนินโครงการสร้างจิตสานึกความรู้ในการผลิตและ บรโิ ภคทเ่ี ป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม (สพฐ) กิจกรรมย่อยโรงเรยี นปลอดขยะ สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้ันพื้นฐาน (OBEC Zero Waste School) เพ่ือให้โรงเรียนในสังกัดจัดทารายงานวิจัย ในประเดน็ ของการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.2564 การดาเนินการเก่ยี วกับการจดั การขยะทั่วไป/ขยะมูลฝอย สามารดาเนินการได้จากหลักการ จดั การขยะ โดยอาศัยหลัก 5 R คือ1) Reduce การลดปรมิ าณขยะ โดยลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี บรรจุภัณฑส์ ้ินเปลือง 2) Reuse การนามาใช้ซา้ เชน่ ขวดแก้ว กล่องกระดาษ กระดาษพิมพ์หน้าหลัง 3) Repair การซอ่ มแซมแก้ไขส่ิงของต่างๆ ให้สามารถใช้งานตอ่ ได้ 4) Reject การหลีกเลี่ยงใช้สิ่งที่ ก่อให้เกิดมลพิษ 5) Recycle การแปรสภาพและหมุนเวียนนากลับมาใช้ได้ใหม่ โดยนาไปผ่าน กระบวนการผลิตใหมอ่ กี ครง้ั ซง่ึ ก่อนจะดาเนินการตามหลัก 5 R ได้นัน้ ต้องมีการคดั แยกขยะ เพื่อลด ขยะที่ตอ้ งนาไปกาจัดจรงิ ๆ ให้เหลือน้อยทส่ี ดุ ก่อนท่จี ะทิ้งเพ่อื ความสะดวกในการจัดการตามหลกั 5 R ดังนัน้ ต้องสร้างจิตสานึก สร้างความตระหนักในการคดั แยกขยะ เช่น การให้ความรูเ้ กยี่ วกับขยะแตล่ ะ ประเภทเปน็ อยา่ งไร เปน็ ขยะที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ตอ่ ได้หรอื ไม่ และต้องมกี ารบริหารจัดการ จุดที่ทิ้งขยะ มถี งั ขยะทแี่ ยกขยะแตล่ ะประเภทเพ่ือความสะดวกในการทง้ิ ด้วย

2 ปจั จบุ ันโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ ตงั้ อยู่ท่ีหมู่ที่ 7 หมบู่ ้าน แม่งาวใต้ ตาบลบ้านร้อง อาเภองาว จังหวดั ลาปาง สงั กัดสานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาลาปางเขต 1 กาลงั ประสบปัญหาขยะ ทว่ั ไป/ขยะมูลฝอยมีจานวนมาก ยากแก่การกาจัด และไม่มีการคดั แยกขยะ อาจก่อให้เกิดขยะมูลฝอย ทม่ี ีมลพิษตอ่ สุขภาพ เป็นมลพิษต่อส่ิงแวดล้อม ก่อให้เกดิ ภาวะโลกร้อน อีกทัง้ ครู นักเรียน และ บุคลากร ยงั มีส่วนรว่ มในการชว่ ยแก้ปญั หาขยะท่ัวไป/ขยะมูลฝอย อยเู่ ปน็ สว่ นน้อย ด้วยเหตผุ ลดังท่ีกล่าวมาข้างตน้ จึงทาให้โรงเรียนบ้านแม่งาวใตม้ ีความต้องการทจ่ี ะศกึ ษาวิจัย เพ่ือแก้ไขปัญหาในการจดั การขยะทว่ั ไป/ขยะมูลฝอยในโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยการเลอื กใช้ หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม 5 ร เพ่ือประโยชน์ในการลดปริมาณขยะทั่วไป/ขยะมูลฝอย ของโรงเรียนอย่างสรา้ งสรรค์ ที่ไม่ทาใหข้ ยะมูลฝอยมีมลพิษต่อสขุ ภาพ สิ่งแวดล้อม และลดภาวะ โลกร้อนภายใต้แนวคิดปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดาริ และม่งุ สร้างสังคมน่าอยู่ โดยมี การคดั แยกขยะในโรงเรียน และนามาดาเนนิ การจัดกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ กจิ กรรมเปล่ยี นขยะเป็นเงิน กิจกรรมกลอ่ งนมมีคา่ อย่าทิ้ง และกิจกรรมประดิษฐ์ของเล่นของใช้จากเศษวัสดุ เพ่ือสร้างจิตสานึก และสร้างความตระหนกั ในการเห็นคุณค่าของขยะและประโยชน์ของการคัดแยกขยะ ส่งผลให้คณะครู และนักเรียนโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ มีความรู้ความเขา้ ใจในการบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไป มสี ว่ นร่วมใน การแกป้ ญั หาขยะทั่วไปภายในโรงเรียนและสามารถนาความร้ไู ปปรบั ใช้ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อไป 1.2 วตั ถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อศึกษาสภาพปัญหาในการบริหารจัดการขยะทวั่ ไปของโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ 1.2.2 เพื่อประเมินการบรหิ ารจดั การขยะทัว่ ไปของโรงเรยี นบา้ นแม่งาวใต้ โดยใช้หลกั การ บรหิ ารแบบมีส่วนรว่ ม 5 ร 1.2.3 เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของครผู ู้สอนและนักเรยี น ทม่ี ีต่อการบริหารจดั การขยะ ทวั่ ไปของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้หลักการบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร 1.3 ขอบเขตกำรศกึ ษำ 1.3.1 ขอบเขตเน้อื หา การศึกษาครัง้ นี้ เป็นการศึกษาการบริหารจดั การขยะท่ัวไป 1.3.2 ขอบเขตด้านประชากร 1) ประชากรที่ใช้ในการศึกษาใน คร้ังนี้เป็น ครูผู้สอน และนักเรียน โรงเรียน บา้ นแม่งาวใต้ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 จานวน 15 คน จาแนกเป็น (1) ครูผูส้ อน จานวน..2...คน (2) นกั เรยี น จานวน...13... คน

3 1.3.3 ตวั แปร 1) ตวั แปรตน้ คอื การบรหิ ารจดั แบบมีสว่ นร่วม 5 ร จานวน 5 ขั้นตอน คือ ข้นั ตอนที่ 1 ร่วมศกึ ษา ขน้ั ตอนที่ 2 ร่วมวางแผน ขน้ั ตอนท่ี 3 ร่วมปฏิบตั ิ ขนั้ ตอนท่ี 4 ร่วมสรุป ขัน้ ตอนท่ี 5 รว่ มแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 2) ตวั แปรตาม คือ 1) ครแู ละนักเรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจในการจัดบริหารจัดการ ขยะทว่ั ไป 2) ครแู ละนักเรยี นสามารถคัดแยกขยะและนามาประดิษฐเ์ ป็นของเล่นของใชไ้ ด้ 3) ครแู ละ นักเรียนมีความพงึ พอใจในการบริหารจัดการขยะแบบมีส่วนร่วม 5 1.3 นิยำมศัพทเ์ ฉพำะ 1. การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม หมายถงึ การบรหิ ารจัดการขยะทว่ั ไปในโรงเรียน บา้ นแม่งาวใต้ สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 โดยเน้นการมสี ่วนร่วมของ บุคลากรในโรงเรยี น ซ่ึงเนน้ การบริหารจัดการแบบมสี ่วนร่วม 5 ร จานวน 5 ขัน้ ตอน คอื ขน้ั ตอนที่ 1 รว่ มศึกษา ข้ันตอนท่ี 2 ร่วมวางแผน ขัน้ ตอนที่ 3 ร่วมปฏิบัติ ข้ันตอนท่ี 4 ร่วมสรุป และขน้ั ตอนท่ี 5 ร่วมแลกเปลยี่ นเรียนรู้ 1.1 รว่ มศึกษา หมายถึง ผู้บริหารโรงเรยี น ครูผ้สู อน และนักเรียนร่วมกันศึกษาสภาพ ปัจจบุ ันปัญหาของขยะในโรงเรียน ว่ามีขยะประเภทใดบ้างที่เป็นปัญหา และสาเหตขุ องปัญหาเกิด จากอะไร พรอ้ มกบั ศกึ ษาความต้องการของครผู สู้ อนและนักเรยี นในการท่จี ะแกป้ ัญหาขยะในโรงเรยี น 1.2 ร่วมวางแผน หมายถงึ ผู้บรหิ ารโรงเรยี น ครูผู้สอน และนกั เรยี นร่วมกนั วางแผนใน การจัดการปัญหาขยะทเี่ กดิ ขึน้ ภายในโรงเรยี น ว่าควรดาเนินการอย่างไร มีวิธกี ารแนวทางอย่างไรบ้าง 1.3 ร่วมปฏิบัติ หมายถึง ผู้บริหารโรงเรยี น ครูผู้สอน และนักเรียนร่วมกนั ปฏบิ ัติตาม แนวทาง วธิ กี าร ทีไ่ ด้วางแผนไวเ้ ป็นขนั้ ตอน โดยทุกคนมสี ่วนร่วมในการปฏบิ ัติอย่างร่วมด้วยชว่ ยกนั 1.4 ร่วมสรุป หมายถึง ผู้บรหิ ารโรงเรียน ครูผสู้ อน และนักเรียนร่วมกันสรปุ ผลจาก การปฏิบัตงิ านตามแนวทาง วธิ ีการที่ได้วางแผนไว้ เมอ่ื ดาเนนิ การไปแล้ว ประสบความสาเร็จมากนอ้ ย เพียงใด มีผลทเี่ กิดขึน้ เปน็ อยา่ งไร 1.5 ร่วมแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ หมายถงึ ผู้บรหิ ารโรงเรียน ครูผสู้ อน และนกั เรียนรว่ มกัน แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ข้อเทจ็ จริง จากการดาเนินการตามแนวทาง วิธกี ารท่ีไดว้ างแผนไว้ ว่าเมื่อ เกิดผลตามที่ได้สรุปไปนัน้ ควรมีการปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร ในครั้งตอ่ ไป ควรเสริมจุดใดเพ่อื ให้ เกิดผลสาเร็จมากยิ่งขน้ึ รวมทง้ั แลกเปล่ยี นเรียนรู้ในขอ้ ทีป่ ฏิบตั ิไดด้ วี ่ามีปจั จัยใดนาไปสู่ผลสาเร็จ 2. ผลการจัดกิจกรรมการแก้ปญั หา หมายถงึ ผลจากการบริหารจัดการขยะทั่วไปในโรงเรียน บา้ นแม่งาวใต้ สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 โดยเน้นการมีส่วนร่วมของ บคุ ลากรในโรงเรยี น ซงึ่ เน้นการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม 5 ร ว่าเกดิ ผลสาเร็จตามเป้าหมาย ตัวช้วี ดั หรอื ไม่ มากนอ้ ยเพียงใด และมีผลอย่างไร 3. ความพงึ พอใจ เชน่ ความรู้สกึ นึกคดิ ของผมู้ สี ่วนเก่ียวขอ้ งท่มี ตี ่อการบริหารจัดการขยะ ทัว่ ไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษา ลาปาง เขต 1 โดยใช้ หลักการบริหารแบบมสี ่วนร่วม 5 ร

4 4. ครผู ู้สอน หมายถงึ ครูผูส้ อนโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ สงั กัดสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษา ประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 ทจี่ ัดการเรียนการสอนให้กับนกั เรียนช้ันประถมศกึ ษา ปที ่ี 1 ถึง ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 5. นักเรยี น หมายถึง นกั เรยี นโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ สังกดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 ท่ีเรียนชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ถึงชนั้ ประถมศกึ ษา ปีท่ี 6 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ ไดร้ ูปแบบการบรหิ ารจดั การแบบมสี ่วนรว่ ม 5 ร ในการบริหารจัดขยะทั่วไปทเี่ หมาะสมกับ สภาพบรบิ ทของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา ลาปาง เขต 1 ส่งผลให้คณะครูและนกั เรียนโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ มีความรู้ความเขา้ ใจในการบริหารจัดการขยะ ทั่วไป มีสว่ นร่วมในการแกป้ ัญหาขยะทว่ั ไปภายในโรงเรยี นและสามารถนาความรู้ไปปรับใช้ให้เกิด ประโยชนต์ ่อไป

5 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วข้อง ในการศึกษาการบริหารการขยะทั่วไปของโร งเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการบริหา ร แบบมสี ่วนรว่ ม 5 ร ครง้ั น้ี มกี ารศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กยี่ วข้อง ตามรายละเอียดดังตอ่ ไปนี้ 2.1 แนวคิดและทฤษฎที ี่เก่ยี วขอ้ งกบั การจัดการขยะ 2.1.1 ความหมายของขยะหรือขยะมลู ฝอย 2.1.2 ประเภทของขยะมูลฝอย 2.1.3 สาเหตทุ ท่ี าให้เกดิ ปัญหาขยะในโรงเรียน 2.1.4 ผลกระทบทเี่ กดิ จากขยะในโรงเรยี น 2.1.5 การกาจดั ขยะมลู ฝอย 2.1.6 รปู แบบบรหิ ารจัดการขยะมลู ฝอย 2.1.7 นโยบายส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การจัดการขยะของ สพฐ. สู่โรงเรยี นปลอดขยะ 2.1.8 หลักการบรหิ ารจดั การขยะในโรงเรียน 2.2 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวขอ้ งกับการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม 2.2.1 ความหมายของการบริหารจัดการ 2.2.2 แนวคดิ ในการบริหารจดั การ (management concepts) 2.2.3 องค์ประกอบของการบริหารจัดการ 2.2.4 แนวคดิ ด้านการมสี ่วนร่วม 2.2.5 การบรหิ ารจัดการแบบมสี ว่ นรว่ มในการบริหารจดั การขยะทวั่ ไปในโรงเรยี น 2.3 เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ งกับเทคโนโลยีในการจดั การขยะ 2.3.1 เทคโนโลยีการกาจัดขยะมูลฝอยทถี่ กู ต้องตามหลกั วชิ าการ 2.4 แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ความพึงพอใจ 2.4.1 ความหมายของความพึงพอใจ 2.4.2 ทฤษฎที ่ีเกี่ยวกับความพงึ พอใจ 2.5.3 การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ 2.5 เอกสารและงานวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง

6 2.1 แนวคดิ และทฤษฎีท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการจัดการขยะ 2.1.1 ความหมายของขยะหรือขยะมูลฝอย ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตสถานฉบับ พ.ศ. 2525 กล่าววา่ มลู ฝอย หมายถึง เศษสิง่ ของที่ทิ้ง แล้ว หยากเยือ่ ขยะ หมายถึง หยากเยือ่ มูลฝอย ตามพระราชบญั ญตั สิ ง่ เสริมและรกั ษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 ให้คาจากดั ความของคาว่า ของเสีย หมายความวา่ ขยะ มูลฝอย สิง่ ปฏิกูล นา้ เสีย อากาศเสีย มลสารหรอื วตั ถุอันตรายอ่นื ใด ซ่ึงถกู ปล่อยท้งิ หรอื มที ี่มาจากแหล่งกาเนดิ มลพษิ รวมท้ังกากตะกอนหรือสิ่ง ตกค้างจากสิ่งเหล่าน้ัน ท่ีอยู่ในสภาพของแขง็ ของเหลวหรือก๊าซในทางวิชาการจะใช้คาวา่ ขยะมูลฝอย ซึ่งหมายถึง บรรดาส่ิงของที่ไมต่ ้องการใช้แล้ว ซง่ึ สว่ นใหญ่จะเป็นของแขง็ จะเน่าเป่ือยหรอื ไม่กต็ าม รวมถึง เถ้า ซากสัตว์ มูลสัตว์ ฝุ่นละออง และเศษวัตถุท่ีทิง้ แล้วจากบ้านเรอื น ท่ีพกั อาศัย สถานที่ตา่ งๆ รวมถึง สถานทสี่ าธารณะ ตลาดและโรงงานอุตสาหกรรม ยกเว้น อุจจาระ และปสั สาวะของมนุษย์ ซ่ึงเป็นสง่ิ ปฏกิ ูล วธิ ีจัดเก็บและกาจัดแตกต่างไปจากวธิ กี ารจดั ขยะมูลฝอย ปจั จบุ นั วิทยาการกา้ วหนา้ ประชากรเพ่มิ อยา่ ง รวดเรว็ อัตราการใช้ท่ีดนิ เพม่ิ ขึน้ เพือ่ ผลิตเครื่องอปุ โภค บริโภค อาหาร ท่ีอยอู่ าศัย เป็นเหตุใหเ้ ศษสิ่งเหลือ ใช้มปี รมิ าณมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาของขยะมูลฝอย พระราชบญั ญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ให้คาจากัด ความ มลู ฝอย หมายถงึ ส่ิงต่าง ๆ ทีเ่ ราไม่ต้องการ ท่ีเปน็ ของแข็งหรืออ่อน มีความช้ืน ได้แก่ เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร ถุงพลาสตกิ ภาชนะกลอ่ งใสอ่ าหาร เถ้า มูลสตั ว์ หรอื ซากสัตวร์ วมตลอดถงึ วตั ถุอน่ื สงิ่ ใด ทเี่ ก็บกวาดได้จากถนน ตลาด ทเี่ ลย้ี งสัตวห์ รอื ท่ีอนื่ ขยะ หรอื มลู ฝอย หรอื ของเสีย เป็นเหตุสาคญั ประการหน่ึงทกี่ ่อใหเ้ กิดปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม และ มี ผลต่อสุขภาพอนามยั มลู ฝอยหรอื ของเสียกาลังมปี ริมาณเพ่มิ มากขึ้นทกุ ปี เพราะสาเหตุจากการเพ่มิ ของ ประชากร การขยายตัวทางเศรษฐกิจและทางอตุ สาหกรรม นบั เป็นปัญหาทีส่ าคัญของชุมชนซ่ึงตอ้ งจัดการ และแก้ไข ปรมิ าณกากของเสียและสารอันตราย ได้แก่ ขยะมลู ฝอย ส่ิงปฏกิ ูล และสารพิษทป่ี นเปอ้ื นอยใู่ น แหล่งน้า ดนิ และอากาศ ตลอดจนบางส่วนตกค้างอยู่ในอาหาร ทาให้ประชาชนทั่วไปเสี่ยงต่ออันตราย จากการเปน็ โรคตา่ ง ๆ เช่น โรคมะเร็ง และ โรคผิดปกติทางพนั ธุกรรม เป็นตน้ ขยะหรือขยะมูลฝอย เป็นคาท่ีมักจะใช้ในความหมายเดียวกนั เป็นปญั หาท่สี าคญั ของชมุ ชนและ สงั คม โดยปริมาณของขยะจะเพิ่มขน้ึ ตามการขยายตัวของประชากรและเศรษฐกิจ ถ้ามีการจัดการท่ี ไม่เหมาะสมหรอื ไม่ถูกหลกั สุขาภิบาลก็จะเป็นสาเหตทุ ่ที าใหเ้ กดิ ปัญหาสขุ ภาพอนามัยของประชาชน ปัญหา สง่ิ แวดล้อม ปญั หา ความไมเ่ ปน็ ระเบยี บเรียบร้อยของชุมชนซ่ึงมีผใู้ ห้ความหมายของขยะตา่ งๆดังน้ี กรมควบคุมมลพษิ (2555 : 8) ไดก้ ลา่ วไวว้ ่า ขยะ ตามความหมายของกรมควบคมุ มลพิษ หมายถึง สง่ิ ต่างๆ ทไ่ี มต่ อ้ งการใช้ หรือวสั ดุท่ใี ชแ้ ล้วซ่ึงเกดิ จากกจิ กรรมตา่ งๆในชมุ ชน การดาเนินชีวติ ท้ังในครวั เรือน และจากการประกอบอาชีพ ไดแ้ ก่ เศษอาหาร เศษไม้ กระดาษ พลาสติก เศษแก้ว ขวด กระป๋อง รวมถึง วสั ดขุ องใช้ทีช่ ารดุ และส่ิงของทต่ี ้องการทง้ิ ยพุ ดี เสตพรรณ (2557) ได้กลา่ วถงึ ขยะมลู ฝอยว่า หมายถงึ เศษส่ิงของที่ไม่ตอ้ งการแล้ว สิ่งของท่ี ชารุดเสียหายใช้ไมไ่ ดห้ รือเส่ือมคณุ ภาพ ต้องกาจดั ทาลายหรือส่ิงของทตี่ ้องทง้ิ หรือแจกจา่ ยให้แก่ผู้อื่น เช่น เศษกระดาษ เศษอาหาร ขวดแก้ว พลาสตกิ ซากสัตว์ ซากรถยนต์ เป็นต้น สรุปไดว้ ่าขยะ หมายถึง สงิ่ ตา่ งๆทไ่ี ม่ตอ้ งการใช้ หรือวสั ดุทใ่ี ช้แลว้ ซึ่งเกดิ จากกิจกรรมต่างๆ ซ่งึ ใน การศกึ ษาครั้งน้ี ขยะในโรงเรียน หมายถึง ส่ิงต่างๆท่ีไม่ต้องการใช้ หรือวสั ดทุ ี่ใช้แล้วซึ่งเกดิ จากกิจกรรม ต่างๆในโรงเรยี น ได้แก่ เศษอาหาร เศษไม้ กระดาษ พลาสติก เศษแกว้ ขวด กระป๋อง รวมถงึ วัสดุของใช้ที่ ชารุด และสงิ่ ของทีต่ อ้ งการทิ้ง

7 2.1.2 ประเภทของขยะ การจาแนกประเภทตามคุณลักษณะและองค์ประกอบซ่ึง อาณัติ ต๊ะปินตา (2553 :) ได้ จาแนก ดงั น้ี 1) การจาแนกตามลักษณะทางกายภาพ เป็นการจาแนกขยะมลู ฝอยตามลักษณะท่ปี รากฏ และมองเห็นจากภายนอก ซ่ึงสามารถจาแนกออกไดด้ ังนี้ 1.1) ขยะเปียก (garbage) หมา ยถึง ขยะมูลฝอยท่ีเป็นสารอินทรีย์ชนิดต่างๆและมี ความชื้นสงู สามารถย่อยสลายไดง้ ่ายโดยกระบวนการทางชวี ภาพ เชน่ เศษอาหาร เศษพืชผกั และผลไม้ เศษ หญ้า เป็นตน้ ดังนน้ั จึงจาเปน็ ต้องทาการเก็บขนและนาไปกาจดั ทาลายหลายอยา่ งรวดเรว็ เพื่อป้องกนั กล่ิน เหมน็ จากการเน่าเสยี ของขยะประเภทน้ี 1.2) ขยะแห้ง (rubbish and trash) หมายถึง ขยะมูลฝอยที่เกิดข้ึนในรูปของสารอินทรีย์และ สารอนนิ ทรีย์ ซึ่งมีความชน้ื ต่ายอ่ ยสลายดว้ ยกระบวนการทางชีวภาพไดย้ าก เช่น กระดาษ กล่องกระดาษ เศษกิ่งไม้ ใบไม้ เศษยาง เศษผ้า เศษแก้วหรือขวดแก้ว เศษหนงั หรอื ผลิตภัณฑ์หนัง เศษพลาสตกิ เศษกระปอ๋ งโลหะ เปน็ ตน้ 1.3) เถา้ (ash) หมายถึง ซากของแข็งที่เหลือจากการเผาไหม้ของเชือ้ เพลิงประเภทฟืนหรือถ่าน หนิ ท่ีให้พลังงานความร้อนทั้งในบ้านพกั อาศยั ในอาคาร หรอื ในโรงงานต่างๆ ฯลฯ 1.4) เศษสิ่งกอ่ สร้าง (demolition and construction waste) หมายถึง ขยะมูลฝอยที่ เกดิ จากการก่อสร้างหรอื การรือ้ ถอน อาคาร เช่น เศษเหล็ก เศษอิฐ เศษปนู ซีเมนต์ เศษกระเบื้องเซรามิก เศษทอ่ พีวีซี เศษสายไฟ เศษหนิ และเศษไม้ เป็นตน้ 1.5) ซากสัตวต์ ่างๆ (dead animal) หมายถงึ ซากสัตว์ต่างๆทั้งทเี่ กดิ ขึน้ ในชมุ ชน เช่น สตั ว์ เลี้ยงตามบ้านเรือนท่ีตายลงจากภาคเกษตรกรรม เชน่ ซากสัตว์ในฟารม์ ปศสุ ัตวต์ ่างๆ ท่ีอาจตายลงจากการเกิด โรคระบาดและจากภาคอุตสาหกรรม เช่น เศษชิน้ ส่วนของสัตวท์ เ่ี หลอื จากโรงงานผลติ อาหารสาเร็จรปู หรือ อาหารกระป๋อง เปน็ ต้น 1.6) ตะกอนจากระบบบาบดั น้าเสีย (sludge) หมายถึง กากตะกอนท่ีเกิดจากการบาบัด น้าเสยี ในระบบบาบดั นา้ เสียของชุมชนหรอื ภายในโรงงานทงั้ หลาย โดยอาจมีลักษณะเปน็ ของแขง็ หรือกึ่งของแข็ง มีท้งั ส่วนท่ีสามารถยอ่ ยสลายได้และยอ่ ยสลายไมไ่ ด้ดว้ ยขบวนการทางชวี ภาพ กากตะกอนเหลา่ นีห้ ากปลอ่ ยทงิ้ ไวโ้ ดยไมก่ าจัดอาจถูกชะลา้ งลงสู่แหลง่ น้าหรอื ไหลซมึ ลงสู่ชนั้ นา้ ใต้ดนิ ได้ 1.7) ซากผลิตภัณฑ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้ าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Waste from Electronic Equipment,WFEE) หมายถึง ขยะทเี่ กดิ ขน้ึ จากภาคธุรกิจซึง่ ผลติ สนิ ค้าประเภทผลิตภัณฑเ์ ครอื่ งใชไ้ ฟฟ้า และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกสอ์ อกมาจาหน่ายในตลาด และเมอ่ื สนิ ค้าเหล่านน้ั เส่ือมสภาพหรือหมดอายกุ ารใช้งาน ลงก็กลายเป็นขยะที่ตอ้ งนาไปกาจดั ทาลาย ซึง่ ส่วนใหญม่ ักจะมขี นาดใหญล่ ะมีน้าหนักมากขยะประเภทน้ี ได้แก่ ซากตเู้ ย็น เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเสียง เครอ่ื งซักผ้า เครื่องปรบั อากาศ เครื่องคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ คอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น 2) การจาแนกตามองค์ประกอบ เป็นการจาแนกตามลักษณะของขยะมูลฝอยว่าประกอบไปดว้ ยวัตถุ ใดบา้ ง และวัตถุนั้นมีประโยชน์ทีจ่ ะนากลับมาใช้ใหม่ได้อีกหรือไมโ่ ดยอาจจาแนกออกเปน็ ประเภทต่างๆได้ ดงั น้ีคอื

8 2.1) ขยะอิน ทรีย์ (Organic Waste) ได้แก่ ขยะมูลฝอยท่ีสามารถย่อยสลา ยได้ด้วย ขบวนการทางชีวภาพโดยมจี ลุ นิ ทรียท์ าหนา้ ท่ีย่อยสลาย เช่น เศษอาหาร เศษพืชผักและผลไม้ เศษหญ้าเศษ ใบไมแ้ ละก่งิ ไม้ รวมทัง้ ซากสตั วแ์ ละมลู สัตว์ตา่ งๆเปน็ ต้น ขยะประเภทนส้ี ามารถนากลบั มาใช้ประโยชน์ได้ใน รูปของการนามาทาปุ๋ยหมกั 2.2) ขยะทนี่ ากลับมาใช้ประโยชน์ได้ (recycle waste) ได้แก่ ขยะมูลฝอยที่มนี ามาแปร รูปเพื่อใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ีก เชน่ แก้ว กระดาษ โลหะ เหล็ก พลาสติก อะลูมิเนียม หนงั และยาง เป็นตน้ ขยะ ประเภทน้เี มอ่ื นามาทาการคัดแยกผา่ นกระบวนการแปรรูปแล้วสามารถนา มาเปน็ วัตถุดบิ เพ่อื ใชใ้ นการผลิต สนิ ค้า หรืออาจนาไปเป็นสว่ นผสมกับวัตถดุ บิ ใหมเ่ พ่ือลดปริมาณการใชท้ รัพยากรธรรมชาติลงได้ 2.3) ขยะทน่ี ากลับมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ (non recycle waste) ได้แก่ ขยะมูลฝอยที่ไม่ สามารถนากลบั มาใช้ประโยชน์ไดอ้ ีก เชน่ เศษผา้ เศษอิฐและเศษปนู จากการกอ่ สร้าง เศษวสั ดตุ า่ งๆจากการ ร้ือถอนอาคาร เถ้าจากการเผาไหม้เช้ือเพลิงตลอดจนเศษช้ินส่วนของผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอุปกร ณ์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์บางชนิด เปน็ ต้น ขยะเหล่านีไ้ มม่ ีศักยภาพในการนากลับมาใชไ้ ดอ้ ีกจึงตอ้ งนาไปฝังกลบ ทาลายยงั สถานทีฝ่ ังกลบเทา่ น้นั 2.4) ขยะติดเช้ือ (infectious waste) ได้แก่ ขยะมลู ฝอยที่มีเชือ้ โรคปนเป้ือนอย่ซู ่ึงจะทา ให้เกิดอนั ตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษยไ์ ด้ เช่น เนอื้ เย่ือหรือช้ินส่วนอวยั วะตา่ งๆรวมทั้งวสั ดทุ ี่สัมผัสกับ ผปู้ ่วย เชน่ สาลี ผ้าพันแผล เข็มฉีดยา มดี ผา่ ตดั และเส้ือผ้าผปู้ ่วย เป็นต้น การจาแนกตามแนวทางการจัดการซึ่งกรมควบคมุ มลพิษ (2558 : 21 - 22) ได้จาแนก ออกเป็น 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ขยะย่อยสลา ย (compostable waste) คือ ขยะที่เน่า เสียและย่อยสลายได้เร็ว สามารถนามาหมักทาปุ๋ยได้ เชน่ เศษผกั เปลอื กผลไม้ เศษอาหาร ใบไม้ เศษเน้อื สัตว์ เป็นตน้ 2) ขยะรีไซเคลิ (recyclable waste) คือ บรรจุภัณฑ์ หรือวัสดุเหลือใช้ ซ่ึงสามารถนา กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ เช่น แก้ว กระดาษ เศษพลาสติก กล่องเครื่องดื่มแบบยู เอช ที กระป๋อง เครื่องด่ืม เศษโลหะ อะลูมเิ นยี ม เปน็ ตน้ 3) ขยะอนั ตราย (hazardous waste) คอื ขยะท่มี อี งค์ประกอบหรอื ปนเป้อื นวตั ถอุ ันตราย ชนดิ ต่างๆ ได้แก่ วตั ถรุ ะเบดิ วตั ถไุ วไฟ วัตถุออกซไิ ดซ์ วตั ถมุ ีพิษ วัตถุที่ทาให้เกิดโรค วัตถุกรรมมันตรังสี วัตถทุ ที่ าใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรม วตั ถกุ ัดกรอ่ น วัตถุท่ีกอ่ ให้เกิดการระคายเคือง วตั ถอุ ยา่ งอื่น ไม่ว่าจะเป็นเคมีภณั ฑ์หรอื สิ่งอ่ืนใดทอี่ าจทาให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พชื ทรัพย์สนิ หรือส่ิงแวดลอ้ ม เช่น ถา่ นไฟฉาย หลอดฟลอู อเรสเซนต์ แบตเตอรีโ่ ทรศัพท์เคล่อื นท่ี ภาชนะบรรจุสารกาจัดศตั รูพืช กระปอ๋ ง สเปรย์บรรจสุ ีหรอื สารเคมี เปน็ ต้น 4) ขยะทั่วไป (general waste) คอื ขยะประเภทอ่ืนนอกเหนือจากขยะย่อยสลาย ขยะรี ไซเคิลและขยะอันตราย มีลักษณะที่ย่อยสลายยากและไม่คุ้มค่าสาหรับการนากลับมาใชป้ ระโยชน์ใหม่ เชน่ ห่อ พลาสตกิ ใส่ขนม ถุงพลาสตกิ บรรจผุ งซักฟอก พลาสติกห่อลกู อม ซองบะหมี่กึ่งสาเร็จรูป ถงุ พลาสตกิ เปอ้ื น เศษอาหาร โฟมเปือ้ นอาหาร ฟอยลเ์ ปอื้ นอาหาร เป็นตน้

9 ถ้าแบง่ ประเภทขยะตามลักษณะของสว่ นประกอบของขยะมูลฝอย มปี ระเภทตา่ งๆ ดงั นี้ 1. กระดาษ ถงุ กระดาษ กล่อง ลงั เศษกระดาษจากสานักงาน 2. พลาสตกิ มคี วามทนทานต่อการทาลายไดส้ งู วสั ดหุ รือผลติ ภัณฑท์ ีท่ าจากพลาสติก เชน่ ถุงภาชนะ ของเดก็ เลน่ ของใช้ 3. แกว้ วสั ดุหรือผลิตภัณฑ์ทที่ าจากแก้ว เช่น ขวด หลอดไฟ เศษกระจก ฯลฯ 4. เศษอาหาร ผกั ผลไม้ ซึง่ เปน็ สารประกอบอินทรีย์ ยอ่ ยสลายไดง้ า่ ย เปน็ สว่ นประกอบ สาคัญท่ที าใหข้ ยะเกดิ กลิ่นเหมน็ และส่งกลิ่นรบกวนหากไม่มีการเก็บขนออกจากแหล่งทิ้งทุกวัน 5. ผ้าสิง่ ทอตา่ ง ๆ ทีท่ ามาจากเสน้ ใยธรรมชาติ และใยสงั เคราะห์ เช่น ผา้ ไนล่อน ขนสัตว์ ลินิน ฝา้ ย 6. ยางและหนัง เชน่ รองเท้า กระเปา๋ บอลล์ 7. ไม้ เศษเฟอร์นเิ จอร์ โตะ๊ เก้าอี้ ฯลฯ 8. หิน กระเบอ้ื ง กระดกู และเปลือกหอย พวกนี้ไม่เนา่ เป่อื ย พบมากในแหล่งกอ่ สรา้ งตึก ทีท่ ุบทง้ิ 9. โลหะตา่ ง ๆ เชน่ กระปอ๋ ง ลวด สายไฟ ตาปู 10. อน่ื ๆ ที่ไม่อาจจัดกลุ่มได้ ถ้าแบง่ ประเภทขยะตามแหล่งที่มา 1. ขยะมลู ฝอยจากถนน ( Street Refuse ) ได้แก่ เศษส่งิ ของตา่ ง ๆ ที่ปรากฏและกวาด จากถนน ตรอก ซอย เช่นเศษกระดาษ ผง ฝ่นุ ใบไม้ พลาสตกิ อฐิ หิน ทราย กรวด 2. ขยะมลู ฝอยท่เี กิดจากส่ิงท่เี หลอื จากการเผาไหมท้ เี่ รียกว่า ขเ้ี ถา้ ( Ashes ) เช่น เถ้าท่ี เกิดจาก เตาไฟ, การเผาถา่ น ฯลฯ 3. ขยะมูลฝอยจากการก่อสร้าง ( Contruction Refuse ) ได้แก่ เศษวสั ดกุ อ่ สร้าง เชน่ เศษไม้ เศษกระเบอื้ งเศษปนู อิฐหัก ฯลฯ 4. ขยะมูลฝอยจากการรอื้ ถอนสง่ิ ก่อสร้าง ( Demolition Refuse ) ไดแ้ ก่ เศษส่ิงท่ไี ม่ ต้องการทเี่ กิดจากการรื้อถอนอาคาร บ้านเรือนเกา่ ฯลฯ 5. ซากสัตว์ ( Dead Animal ) จากสัตวต์ าย เน่าเป่อื ย เหม็น 6. ซากยานพาหนะ ( Abandon Vehicles ) ทกุ ชนดิ ท่ีหมดสภาพ ใชง้ านไมไ่ ด้ รวมท้งั ชน้ิ ส่วนประกอบ เชน่ แบตเตอรี่ ยาง ฯลฯ 7. ขยะมูลฝอยจากโรงงานอุตสาหกรรม ( Industrial Refuse ) ได้แก่ เศษวัตถุท่เี กิดจาก การผลิต หรือข้นั ตอนการผลิต 8. ขยะมลู ฝอยประเภททาลายยาก ( Hazardous Refuse ) ได้แก่ ขยะมลู ฝอยท่ตี ้องการ ใช้กรรมวิธที าลายเปน็ พเิ ศษ เช่น พลาสติก ฟิลม์ ถา่ ยรูป กากแรธ่ าตุต่าง ๆ 9. ขยะสด ( Garbage ) 10. ขยะแหง้ ( Rubbish ) 11. ขยะพิเศษ ( Special Wastes ) 12. ของใช้ชารดุ ( Buddy Wastes ) 13. ขยะจากการกสิกรรม ( Agricultural Wastes ) 14. กากตะกอนของนา้ โสโครก ( Sewage treatment residues )

10 ประเภทของขยะมลู ฝอย ท่ีสานักรักษาความสะอาดของกรงุ เทพมหานคร กลา่ วไว้มี 3 ประเภท ใหญค่ อื 1. มูลฝอยเปยี ก ได้แก่ พวกเศษอาหาร เศษพืชผกั เปลือกผลไม้ อนิ ทรยี วตั ถุท่สี ามารถ ยอ่ ยสลายเนา่ เปือ่ ยง่าย มคี วามชื้นสูง และสง่ กลิน่ เหมน็ ได้รวดเรว็ 2. มูลฝอยแห้ ง ได้แก่ พวกเศษกระดาษ เศษผา้ แกว้ โลหะ ไม้ พลาสตกิ ยาง ฯลฯ ขยะ มลู ฝอยชนิดน้จี ะมที ั้งทเ่ี ผาไหมไ้ ด้และเผาไหม้ไม่ได้ ขยะแหง้ เปน็ ขยะมูลฝอยทส่ี ามารถเลอื กวัสดทุ ยี่ ังมี ประโยชน์กลบั มาใชไ้ ดอ้ กี โดยการทาคดั แยกมลู ฝอยก่อนนาทิ้งซงึ่ จะชว่ ยใหส้ ามารถลดปรมิ าณมลู ฝอยที่ จะต้องนาไปทาลาย ลงได้ และถ้านาส่วนทีใ่ ช้ประโยชน์ได้น้ไี ปขายกจ็ ะทารายได้กลบั คืนมา 3. ขยะมูลฝอยอันตราย มูลฝอยนี้ ไดแ้ ก่ ของเสียท่ีเป็นพิษ มฤี ทธก์ิ ัดกรอ่ นและระเบิดได้ งา่ ย ตอ้ งใชก้ รรมวิธีในการทาลายเป็นพิเศษ เน่ืองจากเป็นวัสดุท่ีมีอนั ตราย เช่น สารฆา่ แมลง ถ่านไฟฉาย แบตเตอร่ี รถยนต์ หลอดไฟ สเปรย์ฉดี ผม ฯลฯ 2.1.3 สาเหตทุ ท่ี าให้เกิดปญั หาขยะในโรงเรยี น ปัญหาขยะเปน็ ปญั หาที่สาคัญของโรงเรียน แม้ว่าในโรงเรยี นต่างๆ จะมีการรณรงคใ์ ห้แยกขยะเพ่ือ ท้งิ ลงในถังแตล่ ะประเภท ซึ่งทางโรงเรยี นได้จดั เตรยี มถังขยะแยกประเภทไว้แลว้ แต่กย็ งั พบว่ามีอีกหลาย ปญั หาทย่ี งั เกดิ ขนึ้ อยู่ ซ่ึงสาเหตุสาคญั ทีท่ าให้เกิดปญั หาขยะในโรงเรยี นมดี ังน้ี 1) ขยะเป็นส่ิงต่างๆที่ไม่ต้องการใช้ ซึ่งขยะในโรงเรียนเป็นปญั หาสาคัญต่อสิง่ แวดล้อมและ สุขภาพทง้ั ทางตรง และทางอ้อมของนกั เรียน ทั้งนีข้ นึ้ อยูก่ บั ปริมาณของขยะ และการจัดการขยะ ซึ่งสนุ ยี ์ มลั ลกิ ะมาลย์ (2553 : 34) ได้กล่าวถงึ สาเหตทุ ที่ าใหเ้ กิดปญั หาขยะในโรงเรียนมีดงั น้ี 1.1 ความมักง่ายและขาดความสานึกถึงผลเสียที่จะเกิดข้ึนเป็นสาเหตุท่ีพบบ่อยมากซึ่งจะเห็นได้ จากการทงิ้ ขยะลงตามพืน้ หรอื แหลง่ น้าโดยไมท่ ้ิงลงในถงั รองรับท่ีจัดไวใ้ ห้และโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่ง ลักลอบนาส่ิงปฏกิ ูลไปทิ้งตามที่ว่างเปลา่ 1.2 การผลติ หรอื ใช้สงิ่ ของมากเกินความจาเปน็ เช่น การผลติ สินค้าท่มี ีกระดาษหรือพลาสติก ห้มุ หลายๆช้ัน และการซือ้ สนิ้ คา้ โดยห่อแยกหรือใส่ถงุ พลาสติกหลายถุง ทาใหม้ ขี ยะปริมาณมาก 1.3 การเก็บและทาลาย หรอื นาขยะไปใช้ประโยชน์ไม่มีประสิทธิภาพ จึงมีขยะตกค้าง กองหมกั หมมและสง่ กลิน่ เหมน็ ไปท่วั บรเิ วณจนก่อปญั หามลพิษให้กบั สิง่ แวดล้อม นอกจากนี้สมไทย วงษเ์ จริญ (2561 : 24) ได้กล่าวว่าสาเหตทุ ่ที าให้เกิดปัญหาขยะในโรงเรยี นเกดิ จาก การดาเนนิ กิจวตั รของนกั เรยี นในโรงเรียนมักก่อใหเ้ กิดสิง่ ของที่ไม่ต้องการใช้ หรือวัสดทุ ี่ใชแ้ ล้วซึ่งเกิดจาก กจิ กรรมต่างๆ ในโรงเรยี น ซึง่ ปริมาณของขยะในโรงเรียนจะมากนอ้ ยขนึ้ อยกู่ ับปัจจัยดังนี้ 2) ปริมาณขยะมูลฝอยทีเ่ กดิ ขึ้นในแต่ละวันมีมากกว่าความสามารถท่ีจะจัดเกบ็ และขยะมลู ฝอยที่ เกบ็ ได้ กจ็ ะนาไปกองไวก้ ลางแจง้ ให้ยอ่ ยสลายตามธรรมชาติ ซ่ึงกอ่ ให้เกิดปญั หาสิง่ แวดลอ้ มมีขยะมลู ฝอยเพยี ง ส่วนนอ้ ยทีถ่ ูกนาไปกาจดั อยา่ งถกู หลกั สุขาภิบาล โดยการถมที่ลุ่มนาไปทาปุ๋ยหมัก และเผาในเตาเผาขยะ ส่วนขยะทตี่ กคา้ งไมส่ ามารถจัดเก็บได้ยงั กอ่ ให้เกิดความสกปรกและส่งกลนิ่ เหม็น 2.2 การทิง้ ขยะมูลฝอยไม่ถูกที่ คือ ไมท่ ิ้งขยะมูลฝอยลงในภาชนะทจ่ี ัดเตรยี มไวร้ องรับขยะ แตท่ งิ้ ตามความสะดวก เชน่ ตามถนนหนทาง ห้องเรยี น หรอื สนามเดก็ เลน่ เป็นต้น ซง่ึ กอ่ ให้เกิดความสกปรกของ สถานทนี่ นั้ ๆ ทาให้ท่อระบายน้าอดุ ตนั

11 2.3 การทิ้งขยะมลู ฝอยโดยไม่แยกประเภทขยะมูลฝอย เชน่ เศษอาหาร เศษกระดาษ ขยะมูล ฝอยท่ีย่อยสลายยาก โฟม ถุงพลาสติก โลหะ หรอื ขยะมูลฝอยท่เี ป็นอันตราย เช่น ของมคี ม เศษแก้ว และ ขยะมูลฝอยตดิ เช้ือมาท้งิ รวมกัน ทาให้เกิดปญั หาในการแยกขยะมูลฝอย และการทาลาย สรุปได้ว่ากจิ กรรมต่างๆ ในโรงเรียนส่งผลใหเ้ กดิ สิง่ ของท่ีไม่ต้องการใช้และขยะในโรงเรยี นสาเหตุ เนื่องมาจากการขาดความสานึก การผลิตหรือใช้สิ่งของมากเกนิ ความจาเป็น การทิง้ ขยะมูลฝอยไมถ่ ูกท่ี การท้ิงขยะมูลฝอยโดยไมแ่ ยกประเภทขยะมูลฝอย ซึ่งสาเหตุสาคัญทท่ี าให้เกิดปญั หาขยะในโรงเรียน 2.1.4 ผลกระทบท่ีเกิดจากขยะในโรงเรยี น จากการทบทวนวรรณกรรมพบวา่ ขยะในโรงเรยี นมีผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ มและสขุ ภาพทั้ง ทางตรงและทางอ้อมของนักเรียนได้ ซึ่งสรุปผลกระทบได้ดงั น้ี สานกั ระบาดวิทยา (2557 : 22) 1. ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง ทาให้เกิดการเจ็บป่วย เกดิ โรคทางเดินหายใจ โรค ภมู ิแพ้ทางด้านผิวหนังโพรงจมูก และตา โรคระบบทางเดินอาหาร โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อเช่น ปวด ศีรษะ คล่นื ไส้ 2. ผลกระทบต่อสขุ ภาพทางออ้ ม ขยะเป็นแหล่งสะสมเพาะพันธ์ขุ องสตั วแ์ ละพาหะนาโรคดังน้ี แมลงวันเป็นพาหะนาโรคระบบทางเดินอาหาร อหิวาตกโรค บิด ไทฟอยด์ นอกจากนแ้ี มลงวนั ยังเป็น แหลง่ เพาะพนั ธุ์ของไขห่ นอนพยาธิ และเชอ้ื โปรโตซวั สตั ว์กัดแทะ เช่น หนเู ป็นพาหะนาโรคสูค่ น เช่น โรคฉี่หนู หรือโรคเลปโตสไปโรซิส นอกจากนีห้ นูยงั เป็นแหลง่ อาศัยของปรสิตภายนอกรา่ งกาย เชน่ หมดั ไร โลน เหา และสามารถแพร่สคู่ นได้ 3. ผลกระทบตอ่ จติ ใจ เช่น เกิดความราคาญ ความเครียด จากความสกปรก ฝุน่ ละอองต่างๆ และ ขาดสมาธิ 4. ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ทาใหเ้ กิดมลพิษของน้า มลพิษของดิน และมลพิษของอากาศ เน่ืองจาก ขยะส่วนที่ขาดการเก็บรวบรวม หรือไม่นามากาจัดให้ถกู วิธี ปล่อยทงิ้ คา้ งไว้ เม่ือมฝี นตกลงมาจะไหลชะนา ความสกปรก เชือ้ โรค สารพษิ จากขยะไหลลงสู่แหลง่ น้า ทาให้แหล่งน้าเน่าเสีย และนอกจากนขี้ ยะยงั ส่งผล กระทบต่อคุณภาพดนิ โดยเฉพาะขยะอนั ตราย เช่น ถ่านไฟฉาย ซากแบตเตอรี่ หลอดฟลูออเรสเซนต์ ซง่ึ มี ปริมาณโลหะหนักประเภทปรอท แคดเมยี ม ตะกวั่ จานวนมาก สารอนิ ทรีย์ในขยะเม่อื มีการย่อยสลาย จะ ทาใหเ้ กดิ สภาพความเปน็ กรดในดิน เม่ือฝนตกชะกองขยะจะทาให้น้าเสยี จากกองขยะไหลปนเปือ้ นดนิ ทาให้ เกดิ มลพษิ ของดนิ ถ้ามีการเผาขยะกลางแจง้ จะเกดิ ควันท่มี ีสารพษิ ทาใหค้ ุณภาพของอากาศเสีย สว่ นมลพิษ ทางอากาศจากขยะอาจเกดิ ขนึ้ ได้ทงั้ จากมลสารที่มีอยใู่ นขยะและแก๊สหรือไอระเหยทีม่ ีกลิ่นเหม็นจากการ เนา่ เป่ือยและสลายตวั ของอินทรยี ส์ าร 5. ทาให้เสยี ภาพลักษณ์ของโรงเรียน การจัดการขยะทด่ี ี มคี วามเป็นระเบียบเรยี บร้อยย่อม แสดงถึงความเจริญและวัฒนธรรมของโรงเรียน หากการจดั การขยะไม่ดีย่อมก่อให้เกิดความไม่น่าดูขาด ความสวยงาม สกปรก และไม่เป็นระเบยี บ สง่ ผลกระทบตอ่ ภาพรวมของโรงเรยี น นอกจากนี้พัชรพล ไตรทพิ ย์ (2559 : 41) กล่าววา่ ปญั หาทเี่ กิดขึน้ จากการมปี รมิ าณขยะมูลฝอย และของเสียอันตรายมากข้ึนในชุมชนและโรงเรียนไม่สามารถเก็บรวบรวมและนาไปกาจัด อย่างมี ประสิทธภิ าพได้ก่อให้เกิดผลกระทบตอ่ สภาพแวดล้อมในด้านต่างๆมากมายหากไม่มีการจัดการขยะให้ถูกต้อง

12 เหมาะสมยอ่ มจะก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมและสขุ ภาพและอาจเกิดเป็นสาเหตขุ องการเกิดโรคระบาด ได้ จากทกี่ ล่าวมาจะเหน็ ได้ว่าขยะในโรงเรียนเป็นปัญหาสาคัญตอ่ ส่ิงแวดล้อมและสขุ ภาพ ทั้ง ทางตรงและทางอ้อมของนกั เรียน ทงั้ น้ขี นึ้ อยูก่ ับปริมาณของขยะและการจดั การขยะดงั นั้นการบริหารจดั การ ขย ะใน โ ร งเรีย น จึงมีคว า มสา คั ญ เพ่ือลด ปัญ หา ที่ อา จ ส่งผ ลกร ะท บต่อสุขภ า พนักเ รีย น ใน โ ร งเรีย น 2.1.5 การกาจัดขยะมลู ฝอย การกาจัดขยะมลู ฝอยมีหลายวิธี มีท้ังวิธีที่ถูกลักษณะบา้ ง ไม่ถูกลกั ษณะบ้าง ไดแ้ ก่ การทิ้ง ในท่ีดินทีว่ า่ งเปลา่ ใช้ถมท่ี ท้ิงในแมน่ า้ ลาคลอง ฝังกลบ การเผาไหม้ ทาป๋ยุ หมกั (กรมควบคมุ มลพิษ,2553, น.7-17) ไดก้ ล่าวไว้ในภาพรวมของประเทศมปี รมิ าณขยะมลู ฝอยตลอดทง้ั ปี ประมาณ 13 – 15 ลา้ นตนั มี การนาขยะกลับมาใช้ใหม่ ประมาณ 3.86 ล้านตนั หรือร้อยละ 26 ซ่ึงขยะเหล่านี้มีแหลง่ กาเนิดมาจาก บา้ นเรอื น โรงงาน โรงพยาบาล สถานศกึ ษา ร้านค้า สถานประกอบการ และตลาด แบ่งเป็น 2 สว่ น คือ ส่วนทน่ี าไปกาจัดโดยใช้วธิ ีฝังกลบ ใชเ้ ตาเผา เทกองกลางแจ้ง และสว่ นทนี่ ากลับมาใช้ใหม่ โดยการคดั แยก วสั ดุรีไซเคลิ นาไปขายซาเล้ง และผลิตพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลงิ ทดแทน 3 การกาจัดขยะมูลฝอย โดยการนาขยะมูลฝอยกลบั มาใช้ใหมใ่ นหลักการ 3Rs คอื (1) Reduce ใช้นอ้ ยหรอื ลดการใชโ้ ดยใช้เทา่ ทจ่ี าเปน็ เชน่ ใช้ถงุ ผา้ แทนการใชถ้ ุงพลาสติก ในการใช้ของใช้ ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ใบเดียวแทนการใช้ถงุ พลาสตกิ ใบเลก็ หลายใบ ใช้แก้วน้าพลาสติก แทนแกว้ พลาสตกิ หรือแกว้ น้ากระดาษ (2) Reuse ใช้ช้า การใช้ช้า เป็นแนวทางในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ อย่างคุ้มค่าโดยการนาผลิตภัณฑ์ท่ใี ช้งานไปแลว้ แต่ยงั สามารถใช้งานได้นากลับมาใช้ใหมอ่ ีก เช่น การใช้ ถ่านไฟฉายแบบชาร์จใหม่ (Rechargeable Battery) การใชก้ ระดาษซา้ ทง้ั 2 หนา้ และใชก้ ระดาษหน้าท่ี 3 ได้อีก เชน่ นามาพับเป็นรปู ทรงต่างๆ ใชเ้ ปน็ สื่อการเรยี นการสอน พับเปน็ ถงุ ใสส่ นิ ค้าท่เี ปน็ ของใช้ชนดิ แห้ง และทาเป็นกระดาษพิมพ์อักษรเบรลล์ (Braille Code) สาหรบั ผพู้ ิการทางสายตา เปน็ ต้น การนาขวดแก้ว เก่ามาทาความสะอาดกลับมาใชบ้ รรจภุ ัณฑ์ใหมใ่ นระบบโรงงาน การนาขวดแก้วนามาใช้เปน็ แจกนั ดอกไม้ นาขวดแก้วมาใสก่ าแฟ หรือน้าตาลทราย ฯลฯ ถุงพลาสตกิ ใช้แลว้ นามาใส่ขยะ นาขวดนา้ พลาสตกิ มาทาที่ รดนา้ ตน้ ไมแ้ บบนา้ หยด นายางรถยนต์ที่ใช้แลว้ มาทาเป็นเครือ่ งเลน่ เดก็ และนามาเปน็ ถังขยะมลู ฝอยแห้ง (3) Recycle แปรรูปใช้ใหม่ สาหรับบรรจุภัณฑ์บางประเภทอาจจะใช้ช้าไมไ่ ด้ จะมี การนาไปขายให้ซาเล้งหรือรา้ นรับซ้อื ของเก่า สง่ ไปขายต่อให้กับโรงงานสาหรบั แปรรปู เพื่อนาไปผลิตเป็น บรรจุภัณฑต์ ่างๆ เช่น การนาขวดพลาสตกิ PET มาหลอมเปน็ เมด็ พลาสติก หรือตีเป็นเส้นใยสาหรบั นามา ทอเส้ือแทนฝ้าย นาเศษกระดาษมาแปรรูปเป็นเยือ่ กระดาษ ตกแตง่ เป็นกระดาษ เผื่อผลติ ใหม่เป็นรูปแบบ กระดาษสารีไซเคิลนามาใชเ้ ป็นกระดาษหอ่ ของขวัญ ตกแต่งเป็นกระดาษวาดภาพและเพน้ ทส์ ี รองเท้าแตะ ใชส้ อยในบา้ เรือน ฯลฯ นาเศษแกว้ มาหลอม แล้วขึ้นรูปขวดแก้วใหม่ เศษเหลก็ มาดดั แปลงทาเฟอรน์ เิ จอร์ 2.1.6 รูปแบบบริหารจดั การขยะมลู ฝอย รูปแบบการบรหิ ารการจัดการเป็นการแก้ไขขยะมูลฝอย เน่อื งจากขยะมูลฝอยเป็นตน้ เหตุ ทท่ี าให้เกดิ ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในการทาให้ดินเสีย อากาศเสยี และน้าเสีย ซง่ึ ส่งผลตอ่ สขุ ภาพของ ประชาชนในพื้นทนี่ ั้นๆ ดงั นั้น การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยต้องแก้ท่ีต้นเหตุหรือจดุ ท่ีทาให้เกดิ ขยะมูลฝอย

13 นั้นคือ ผู้สรา้ งขยะมูลฝอยหรือคนนน่ั เอง การแก้ปัญหากับคนต้องเร่มิ ต้นด้วยการสร้างจติ สานึกให้รู้จัก การรบั ผิดชอบและการมีสว่ นร่วมในการช่วยกันรกั ษาความสะอาดทง้ั ในบ้านและนอกบา้ นรวมถึงสถานท่ี สาธารณะ ด้วยการรู้จกั แยกขยะก่อนทิ้ง การนาขยะบางอย่างที่ดีมาใช้ซ้าและทง้ิ ขยะให้เป็นทเ่ี ป็นทาง ซ่ึงเป็นการเอ้ืออานวยตอ่ ความสะดวกใหก้ ับพนกั งานเก็บขยะได้รวดเรว็ ขึน้ ในรูปแบบการจัดการขยะใน โรงเรยี นตอ่ ไปน้ี รูปแบบการจัดการขยะในโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ ทดลองการใหน้ ักเรยี นคัดแยกขยะ โดย การแนะนา ให้ความรู้ เป็นเวลา 3 อาทิตย์ ภาพความสกปรก รกรุงรัง และไม่เป็นระเบยี บเรียบร้อยของ โรงเรียนเปล่ียนแปลงไปในทางทีด่ ีข้นึ คือ สะอาด ไม่มีขยะตกค้าง เปน็ ปรากฏการณ์ทน่ี กั เรียน ครู และ บุคลากรทกุ คนสัมผสั ได้ จงึ ยอมรับว่าการคัดแยกขยะกอ่ นทิ้งส่งผลใหป้ ริมาณขยะลดลงได้จรงิ (1.) ขยะธรรมดา ประกอบด้วย ขยะที่มีมูลคา่ เชน่ แก้ว โลหะ กระดาษ พลาสติก ขยะสารอินทรยี ์เป็นขยะเศษอาหาร พชื ผกั ใบไม้ต่างๆ ท่ีเป็นของสด และขยะทง้ิ เป็นขยะท่ีผา่ นการคัด แยก ขยะทมี่ ีมูลค่าและขยะสารอินทรีย์ออกไปแล้ว สว่ นท่ีเหลอื คอื ขยะท่ไี ม่ต้องการ ดังนนั้ จงึ เป็นส่วนทจี่ ะ ทิง้ ไป (2.) ขยะอนั ตราย เปน็ ขยะทีม่ สี ารพษิ ตกคา้ งอยู่ เชน่ ถุงปยุ๋ เคมี กระป๋องสเปรย์ กระป๋องยาฆ่าแมลง หลอดไฟ ถ่ายไฟฉาย แบตเตอร่ี เป็นต้น เปน็ ประเภทขยะที่ตอ้ งคดั แยกท้ิงต่างหาก ออกไป สาหรบั ขยะที่มีมูลค่า เม่ือคัดแยกแลว้ จะเก็บไว้เพ่ือแลกหรือขายของเกา่ เป็น รายได้เพ่มิ ขนึ้ ก็ได้หรือเกบ็ ไว้มอบเป็นรางวลั แกพ่ นักงานเก็บขนขยะก็ได้ตามความสมัครใจ ส่วนขยะอนิ ทรีย์ จะท้ิงหรือจะนาไปทาปุ๋ยหมกั ใช้เองถา้ มีพ้ืนทว่ี ่างเพียงพอ ซงึ่ การแยกขยะประเภทน้ีออกจากขยะทิ้งเพราะ ไม่ต้องการให้เกดิ การเน่าเสยี รวมไปในขยะท้ิง และหากมีการคัดแยกขยะสารอินทรียอ์ ย่างชัดเจนเป็น ปรมิ าณมาก ทางโรงเรยี นอาจจะดาเนินการโครงการทาปุ๋ยหมักต่อไปก็ได้ สว่ นขยะอันตรายนั้นมพี ิษในตัว จึงไมค่ วรท้งิ รวมกับขยะอ่นื เพราะจะสร้างผลกระทบต่อดินทฝ่ี ังกลบ จึงควรแยกเพ่ือโรงเรียนจะไดน้ าไป กาจดั ดว้ ยวธิ ีการเฉพาะต่อไป ปจั จยั ที่ส่งเสริมและสนับสนุนใหเ้ กดิ ความร่วมมอื ตามกระบวนการมีสว่ นร่วมของโรงเรียน คดั แยกขยะ คอื (1.) การรณรงคเ์ พ่อื ให้เกิดความรว่ มมือ (1.1) การประชาสมั พันธ์ เริ่มตน้ ด้วยแผน่ พับที่อธิบายพร้อมรูปภาพ ประกอบ การพูดหน้าเสาธงตอนเช้า ให้รับรูแ้ ละเขา้ ใจการคดั แยกขยะ และคัดแยกขยะกอ่ นทง้ิ (1.2) การสร้างความเข้าใจ รบั รู้ และมีส่วนรว่ มในการคัดแยกขยะ ด้วย การประชมุ คณะกรรมการสภานกั เรยี น เพื่อให้นาความรู้ กระบวนการคัดแยกขยะไปเผยแพร่ ชักชวนให้ เพื่อนนักเรยี น ครู และบุคลากรในโรงเรยี นให้เข้ามามสี ว่ นรว่ มในการคดั แยกขยะด้วย สรุป รูปแบบคัดแยกขยะมูลฝอย มีการคัดแยกจากต้นทาง ขยะสด เพ่ือนาไปใช้เป็น อาหารสัตว์ ใช้ทาปุ๋ยหมักหรือ น้าหมักชีวภาพ ขยะแห้งที่มที ้ังกระดาษ ขวด ถงุ พลาสติก นามาลา้ งทา ความสะอาดแล้วนามาประดษิ ฐ์เป็นของเล่นของใช้ ส่วนขวดแก้ว เพื่อนาไปขายรา้ นขายของเก่าสร้างอาชีพ มีรายได้เพ่มิ ลดภาวะโลกรอ้ นไดร้ ะดับหน่งึ

14 2.1.7 นโยบายส่งเสริมและสนับสนนุ การจัดการขยะของ สพฐ. สโู่ รงเรียนปลอดขยะ นโยบายรฐั บาลและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ.2560 - 2564) ได้กาหนดให้การบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประเด็นการบริหารจัดการขยะและส่ิงแวดล้อมจึงได้มี การบูรณาการหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องด้านการบรหิ ารจดั การขยะ โดยสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขัน้ พ้ืนฐานเป็นหน่วยงานหลักที่เกย่ี วข้องในการสร้างพลเมืองที่มคี ุณภาพในการให้ความรู้ สร้างเจตคติ นาไปสู่การมีความตระหนกั และมจี ิตสานึกท่ดี ีในด้านการจัดการขยะ โดยมุง่ เน้นการสร้างจิตสานกึ ทส่ี าคัญ ใน 2 ประเดน็ หลัก คือ การสร้างจติ สานึกลดปริมาณขยะ ให้เหลือเฉล่ีย 1 กโิ ลกรัมตอ่ คนต่อวนั และการใช้ ประโยชน์จากขยะ สรา้ งจิตสานึกและอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม โดยส่งเสริมสนับสนุนให้สานักงานเขตพ้นื ที่ สานักงานคณะกรรมการศกึ ษาธิการจงั หวัด และสถานศึกษาดาเนนิ การ ตามแนวทางดังนี้ 1) การดาเนนิ การตามแนวทางการจัดการขยะ Zero Waste school ซงึ่ เป็นปรัชญาท่ีส่งเสริม การหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นการใชท้ รัพยากรอย่างมีประสทิ ธิภาพและเป็นการลด ปริมาณของเสียท่ีเกิดข้ึนให้น้อยท่ีสุด โดยใช้หลักการของ 3 Rs (Reduce, Reuse, Recycle) รวมท้งั การ ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้เกือบท้ังหมด เพอื่ เป็นการลดปริมาณของเสียท่ีส่งไป กาจดั โดยวิธีการฝังกลบและเตาเผาทาลายใหม้ ีปริมาณน้อยท่ีสดุ รายละเอยี ดดังแผนภาพท่ี 2.1 แผนภาพที่ 1 แนวคดิ การจดั การขยะ Zero Waste ทม่ี า: Zero Waste แนวทางการลดขยะให้เหลือศูนย์ การลดปริมาณขยะรูปแบบของ 3 Rs ในสถานศกึ ษามดี งั นี้ 1. กาหนดนโยบายด้านการจัดการขยะตามรูปแบบของโรงเรยี น ZERO WASTE 2. ส่งเสรมิ การจัดกิจกรรมการคัดแยก ขยะ4 ประเภท ไดข้ ยะทั่วไป ขยะย่อย สลาย ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย 3. สง่ เสริมกิจกรรม 1A3R ลดขยะในสถานศกึ ษา 1A3R คือ กลยทุ ธ์ในการจัดการกับขยะมูลฝอยที่ เรมิ่ ตน้ ทจ่ี ะมีขยะเกิดขน้ึ ประกอบด้วยข้นั ตอนตั้งแต่การงด - เลกิ ลด ใช้ซา้ และหมนุ เวียนกลับมาใช้ใหมเ่ ป็น หลักการแกป้ ัญหาขยะแบบประหยัด ท่ีไม่ต้องอาศัยงบประมาณทางราชการใดๆ แต่ต้องอาศัยความ ต้ังใจ เสียสละเวลา รวมทง้ั งบประมาณสว่ นตวั โดยมคี วามหมาย ดงั น้ี

15 3.1 Avoid หรอื งด – เลิก เป็นการงดหรือเลิกการบริโภคที่เป็นอันตรายต่อผ้บู รโิ ภคโดยตรง การบริโภคท่ีเปน็ อนั ตรายต่อผอู้ ื่นและตอ่ ระบบนิเวศ โดยจะต้องงดหรอื เลิกบรโิ ภค 3.1.1 ผลติ ภัณฑ์ทใ่ี ชแ้ ล้วทงิ้ เลย 3.1.2 ผลิตภณั ฑ์ที่เป็นอันตรายต่อผูใ้ ช้และระบบนเิ วศ 3.1.3 ผลติ ภณั ฑท์ ี่ทาจากสัตวป์ า่ หรอื ชน้ิ ส่วนของสัตวป์ ่าทุกชนดิ 3.1.4 กิจกรรมท่ที าให้เกิดอันตรายต่อชวี ติ มนษุ ยแ์ ละสภาพแวดล้อม 3.2 Reduce หรือลดการบริโภคที่จะทาใหเ้ กดิ การร่อยหรอของทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง จากดั ทรัพยากรทใ่ี ช้แลว้ หมดไป รวมทั้งทรัพยากรที่ทดแทนใหมไ่ ดบ้ างชนิดก็ตอ้ งลดการใช้เนื่องจากทาให้ เกิดการเสียสมดุลของระบบนิเวศ โดยการลดการใชท้ รัพยากร ดงั น้ี 3.2.1 ทรพั ยากรท่ใี ชแ้ ล้วหมดไป 3.2.2 ทรัพยากรที่ทดแทนใหม่ได้ 3.2.3 ผลติ ภัณฑท์ ี่เม่ือนามาใช้ จะทาให้เกิดความเสยี หายต่อระบบนิเวศ 3.2.4 ผลติ ภัณฑท์ ี่ได้จากขบวนการผลติ ท่ีต้องใช้พลังงานมาก 3.3 Reuse หรือใช้ซา้ - ใชแ้ ล้วใช้อกี เปน็ อีกทางเลือกหนงึ่ ของการบรโิ ภคอย่างเหมาะสมเพอื่ ลด การร่อยหรอของทรพั ยากรทม่ี ีอยู่ และลดการปล่อยมลพิษสูส่ ภาพแวดลอ้ ม โดยการนาผลิตภัณฑ์และ ทรพั ยากรกลบั มาใช้ใหม่ในลกั ษณะทีเ่ หมือนเดมิ ไม่มกี ารเปลี่ยนรูปทรงดว้ ยการหลอม บด แยกใดๆ เพ่ือ หลกี เล่ียงการสญู เสียพลงั งาน เช่น 3.3.1 เส้อื ผ้าทุกชนิด 3.3.2 ภาชนะบรรจทุ ี่ทาด้วยแก้วทุกชนิด 3.3.3 ภาชนะบรรจอุ นื่ ๆ เช่น ลงั กระดาษ ลงั พลาสติก ฯลฯ 3.3.4 กระดาษ 3.4 Recycle หรอื หมุนเวียนกลบั มาใหม่ผลติ ภัณฑบ์ างชนิดแม้จะมคี วามคงทนแตก่ ลับมอี ายุ การใช้งานส้ัน มีปริมาณการใชม้ ากทาให้หมดเปลืองทรัพยากรและพลังงานอย่างรวดเร็ว จงึ ควรใช้ ผลติ ภัณฑ์หรอื บรรจุภัณฑป์ ระเภทนอ้ี ย่างระมดั ระวังและใหเ้ กดิ ประโยชนค์ ุม้ ค่ามากที่สุดเพอ่ื ลดปรมิ าณของ เสียท่ีจะถ่ายเทสู่สภาพแวดล้อม และเมื่อเลกิ ใช้แลว้ ควรจะจัดการเพื่อนาเอาทรัพยากรท่ีครั้งหนึ่งถูก แปรเปลี่ยนเปน็ ผลิตภัณฑด์ ังกล่าว หมุนเวียนกลับมาใชใ้ หม่ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการหลอมละลาย บด อดั ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ท่ีสามารถนามาหมุนเวยี นกลับมาใชใ้ หมไ่ ด้ มดี งั นี้ 3.4.1 แก้ว ได้แก่ ขวดแกว้ ตา่ งๆ ทง้ั ทม่ี ีสีใส สีน้าตาลและสีเขียว 3.4.2 กระดาษ ไดแ้ ก่ กระดาษหนังสือพมิ พ์ กลอ่ งกระดาษ ถุงกระดาษ สมดุ กระดาษ สานกั งาน หนังสือตา่ งๆ 3.4.3 โลหะ ไดแ้ ก่ วัสดุหรอื เศษเหล็กทุกชนดิ กระปอ๋ งอลูมิเนียม ทองแดง ทองเหลือง 3.4.4 พลาสติก ได้แก่ ขวดน้าพลาสติกใส ขวดน้าพลาสติกสีขาวขุ่น ถงุ พลาสติก เหนยี วภาชนะพลาสตกิ ตา่ งๆ (กะละมัง ถังนา้ ขวดแชมพู) รวมถงึ บรรจภุ ณั ฑ์ท่ีมีสญั ลักษณร์ ีไซเคิล นอกจากนี้เนื้อหาเกย่ี วกบั การจัดการขยะมูลฝอยในหลกั สตู รการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 ซงึ่ เปน็ หลักสูตรแกนกลางของประเทศ มีจุดประสงค์ท่จี ะพฒั นาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปญั ญา มีคุณภาพชีวิตที่ดี

16 สามารถดารงชวี ติ อยา่ งมีความสุขไดบ้ นพ้นื ฐานของความถนดั และความสามารถของแต่ละบคุ คลซึ่งปญั หา ขยะมูลฝอยเปน็ ปัญหาหนึ่งด้านสง่ิ แวดล้อมทอ่ี ยู่รอบตัวเราและสังคม ปัจจบุ นั การเรียนการสอนของครูจะตอ้ ง ปรับเปล่ียนในหลายด้าน เพื่อทาให้เด็กเกิดทักษะ ความคิดรวบยอด และเจตคติที่ดีต่อการอนุรักษ์ สง่ิ แวดล้อม สามารถนาปัญหาส่ิงแวดลอ้ มมาแก้ไขด้วยตนเอง เพ่ือประโยชน์สขุ ของตนเองและสังคม เกษม จนั ทรแ์ ก้ว (2558 : 142 – 143) ได้กล่าวถึงการจดั การเรียนการสอนเพอื่ สร้างความรู้พ้ืนฐานไปสู่กระบวนการ ส่งิ แวดล้อม และกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ควบคูก่ นั ไปเพอ่ื สร้างจิตสานึกสิง่ แวดล้อม โดยมีข้ันตอนในการ สอดแทรก 5 ขน้ั เพือ่ ให้ให้ผ้เู รียนเกิดความรู้ เจตคติ ความสานึก การตอบโต้ และทกั ษะทางส่ิงแวดลอ้ มทถ่ี กู ตอ้ ง ดงั น้ี 1. ความรู้ (Knowledge) ทางส่ิงแวดลอ้ มน้ันตอ้ งเปน็ ความรู้ในแนวกวา้ ง ซง่ึ เปน็ ฐานสาคัญของ จติ สานกึ ทางส่ิงแวดล้อม หมายความวา่ รูห้ ลายสาขาหรอื เรอื่ งท่เี กี่ยวขอ้ งกับความรู้ เฉพาะทางสงิ่ แวดลอ้ ม นั้นๆ นอกจากนี้การร้จู ักผสมผสาน (Integration) กเ็ ปน็ อีกเรื่องหนงึ่ ท่สี าคญั เชน่ กันทจ่ี ะก่อให้เกดิ ความรูท้ าง ส่ิงแวดล้อมในแนวกว้าง ซงึ่ หมายถงึ การทคี่ วามรู้เฉพาะดา้ นน้ันมีการเชื่อมโยงกับความร้ทู างดา้ นอน่ื ๆ ใน ลักษณะและทศิ ทางอันเป็นสิ่งสาคัญของจติ สานกึ ท่ีตอ้ งปลูกฝัง ทง้ั น้ีเพ่ือจะเป็นความร้อู ย่างมเี หตผุ ล สามารถ สรา้ งมโนภาพท่ีเป็นธรรมชาติของสงิ่ น้ัน ปัญหาและเหตขุ องปญั หาแนวทางแก้ไข แผนการแก้ไขและอน่ื ๆได้ 2. เจตคติ (Attitudes) เป็นระดับความเข้มขน้ ของเนื้อหาสาระของจิตสานึกทางสงิ่ แวดล้อม ตอ่ จาก ความรู้ หมายความวา่ ต้องมคี วามรู้อยา่ งถกู ต้องตามหลกั การ คอื รู้กวา้ งและรกู้ ารผสมผสาน ซ่ึงตอ้ งมกี ารได้ เหน็ หรอื สัมผัสของจริง และร่วมกิจกรรมกบั กิจกรรมเสริมท่ีผบู้ รหิ ารวางแผนไวโ้ ดยเชื่อวา่ การได้เห็นความเปน็ จริง ปรากฏการณ์ พฤตกิ รรมในสิ่งเหลา่ น้นั รวมทั้งได้มกี ารร่วมกิจกรรมก็สามารถ มเี จตคติท่ถี ูกต้องและมนั่ คง ตลอดไป 3. ความสานกึ (Awareness) เป็นระดบั ความเขม้ ข้นของเนือ้ หาสาระในระดบั ทีส่ ามของการสรา้ ง จติ สานกึ ทางสิง่ แวดล้อมโดยการกาหนดกระบวนรายวิชา รายละเอียดรายวชิ าให้มีเน้ือหาถึงขัน้ ละเอียด ผู้เรียนจะมี ความรอู้ ย่างลึกซ้งึ เข้าใจอย่างฝังแนน่ อกี ท้งั ต้องสรา้ งบทปฏิบัตกิ าร อาจทดลองในห้องปฏิบัติการ ทดลองในพนื้ ท่จี ริง ทากจิ กรรมร่วม เขียนรายงานบทปฏบิ ัตกิ าร ทารายงาน เสนอผลงานต่อหนา้ กลมุ่ ผเู้ รียน เป็นตน้ 4. การตอบโต้ (Sensitivity) ในทางสิง่ แวดล้อม หมายความว่า เมอื่ เกิดเหตุการณ์ใด หรือสงิ่ ใดบังเกิดขึ้น ประสาทหรือความร้ทู ไ่ี ด้สะสมไวจ้ ะมีการตอบโตโ้ ดยอตั โนมัติ แตถ่ ้าไมม่ ีการตอบโต้เลย หมายถงึ วา่ การสรา้ งความ สานกึ หรอื จติ สานึกยงั ไมอ่ ย่ใู นเกณฑ์ท่ใี ชไ้ ด้ วธิ กี ารสร้างใหเ้ กิดอาการตอบโต้ หรือเกดิ ความร้สู ึกก็คอื การสร้าง พฒั นาการโดยการฝึกหดั ทา หรอื ฝกึ ให้ทา อาจเป็นการบังคบั จากกฎหมาย การให้ความรู้ ฝึกโดยการสมัครใจ และเต็มใจรบั การฝึกหัด 5. ทักษะ (Skills) เป็นระดบั สูงสุดในเน้ือหาสาระของการสร้างจิตสานึกทางส่ิงแวดล้อมเปน็ ระดับ ทีส่ ร้างทักษะการทาได้อย่างถกู ตอ้ งและชานาญการ วิธกี ารสร้างทกั ษะท่ีมีประสิทธิภาพ คอื การฝึกทา ฝกึ หดั ทา ฝึกการเขียน ฝกึ บรรยาย ฝึกการเสนอผลงานฝกึ สอน และฝกึ เปน็ ผดู้ าเนินการในเฉพาะเร่อื งนนั้ ๆ ตามเวลาที่ เหมาะสม การทดสอบปรมิ าณและคุณภาพจากผทู้ รงคุณวฒุ กิ ส็ ามารถทราบได้ สรุปได้ว่า ปัญหาขยะมูลฝอยเป็นปัญหา หนึ่งด้าน ส่ิงแวดล้อมท่ีอยู่รอบตัวเรา และสังคม ในปัจจุบันความก้าวหน้าดา้ นเทคโนโลยี ไม่หยุดนิง่ ทาให้มนุษย์ต้องปรับตัวเองใหเ้ ข้ากับสภาพท่เี ปลี่ยนไป การ เรียนการสอนของครูจะตอ้ งปรับเปล่ียนในหลายด้าน เพือ่ ทาใหเ้ ด็กเกิดทักษะ ความคิดรวบยอด และเจตคติ ที่ดีต่อการอนุรักษส์ งิ่ แวดล้อม สามารถนาปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มมาแกไ้ ขดว้ ยตนเอง โดยสอดแทรก เนอื้ หาเกย่ี วกบั

17 สิง่ แวดลอ้ มเพื่อสร้างจติ สานึกทางส่ิงแวดลอ้ มเพ่อื ให้ให้ผูเ้ รียนเกิดความรู้ เจตคติและทักษะทางส่ิงแวดลอ้ มที่ ถกู ตอ้ ง 2.1.8 หลกั การบริหารจัดการขยะในโรงเรียน กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสิง่ แวดล้อม (2554 : 22 - 23) ระบุวา่ การบริหารจดั การขยะ คือ การท่ีลด ปรมิ าณขยะมูลฝอยทต่ี อ้ งทาลายดว้ ยระบบตา่ ง ๆ ให้เหลอื น้อยทส่ี ดุ และนาขยะมูลฝอยมาใช้ประโยชน์ไดไ้ ม่ วา่ จะเป็นการใช้ซ้า และแปรรปู นามาใชใ้ หม่ (Reuse & Recycle) รวมถงึ การกาจัด ทเ่ี กดิ ผลพลอยได้ เช่น ปยุ๋ หมกั หรือพลงั งาน โดยสรปุ วิธีการดาเนินการตามแนวทางของกรมส่งเสริมคุณภาพสงิ่ แวดล้อม ดงั น้ี 1. การลดปริมาณขยะมลู ฝอย (Reduce) สามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 การลดปรมิ าณขยะมูลฝอยที่เกดิ จากการใช้สนิ คา้ ควรเลอื กใช้สินค้าที่มีความคงทน ถาวร หรอื มอี ายกุ ารใชง้ านที่ยาวนาน และเลือกใชส้ ินคา้ ชนิดเดมิ 1.2 การลดปรมิ าณวสั ดเุ ลือกใช้วสั ดุท่มี ีบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ แทนบรรจุภณั ฑข์ นาดเล็ก เพอ่ื ลดปริมาณของบรรจภุ ณั ฑ์ทจ่ี ะกลายเป็นขยะมูลฝอย 2. การนากลับมาใช้ (Reuse) คือการนาขยะมลู ฝอยท่เี ป็นเศษวัสดุนากลบั มาใช้ซา้ อกี ครง้ั เป็น การนามาใชป้ ระโยชนใ์ หม่ เชน่ การนาขวดนา้ ดม่ื การนาขวดนา้ หวาน การนาขวดตา่ ง ๆ นากลบั มาใส่น้าตาล เปน็ การ นาสง่ิ ของต่าง ๆ เหล่าน้ีมาใชซ้ ้าหลาย ๆ คร้ัง ก่อนจะนาไปท้ิง 3. การนากลับมาแก้ไข (Repair) เปน็ การนาวัสดอุ ปุ กรณ์ท่ีชารดุ เสยี หาย ซง่ึ จะทิง้ เป็นมูลฝอย มาซอ่ มแซมใชใ้ หม่ เชน่ เก้าอี้ 4. การแปรสภาพ หรือนากลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เป็นการนาวัสดุท่ีเหลือใชม้ าผลิต ให้ เป็นสนิ คา้ ใหม่ โดยนาขยะมูลฝอยมาแปรรูปตามทต่ี ้องการ และนากลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง อย่างเช่น พลาสติก กระดาษ ขวด โลหะตา่ ง ๆ นากลบั มาหลอมใหม่ 5. การหลกี เลีย่ งการใช้วสั ดทุ ก่ี ่อให้เกดิ มลพิษ เป็นการหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุท่ีย่อยสลาย ทาลาย ยาก หรือวัสดทุ ใ่ี ช้เพียงครง้ั เดียวแลว้ ท้งิ เช่น โฟม โดยปฏเิ สธการใช้ผลิตภณั ฑท์ ีผ่ ดิ วัตถุประสงค์ นอกจากน้ี กรมส่งเสรมิ คณุ ภาพส่งิ แวดล้อม (2555 : 11) ได้กาหนดยุทธศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับ การจดั การขยะตามโครงการ Clean Land โดยมเี ป้าหมายเพอ่ื ใหม้ ีการจดั การขยะท่ีดีตั้งแต่การเกบ็ รวบรวม กาจดั ขยะทวั่ ไปและขยะอันตรายมกี ารลดปรมิ าณขยะและการนาขยะกลับมาใชใ้ หม่ (Recycle) และการเพิ่ม พน้ื ท่ีสีเขียวในเขตเมอื งโดยนาหลักการผู้ก่อมลพษิ เป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle: PPP) มาใชอ้ ยา่ ง เหมาะสมยทุ ธศาสตรก์ ารจัดการขยะมวี ัตถปุ ระสงคข์ องการดาเนนิ การ 6 ประการคอื 1. มีการจัดการขยะอยา่ งถูกสขุ ลกั ษณะ 2. มกี ารจดั การขยะอันตรายอยา่ งถูกสุขลักษณะ 3. ลดการผลิตขยะและการกาจัดขยะ 4. เพิ่มพื้นที่สเี ขียวในเขตเมือง 5. สรา้ งความรบั ผดิ ชอบและความเป็นเจา้ ของต่อสิง่ แวดล้อม 6. มีการพฒั นาบคุ ลากรทีเ่ ก่ยี วข้อง พูนสขุ อุดม (2552 : 23) กล่าวว่า หลักการบริหารจดั การขยะในโรงเรียนให้ย่ังยนื โดยใช้ กระบวนการสอนสิ่งแวดลอ้ มศึกษาซ่ึงเป็นกระบวนการทางการศึกษาเพื่อพัฒนาประชากรให้เกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อมให้มีความตระหนักต่อปัญหา สิ่งแวดล้อมและสานึกในคุณค่าของ

18 ทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งพฒั นาศักยภาพของมนษุ ย์ให้มคี วามชานาญเก่ียวกับการแกไ้ ขปญั หาพรอ้ มที่จะมี ส่วนรว่ มในการแกไ้ ขปญั หาสิ่งแวดล้อม สามารถดารงชวี ิตอยอู่ ย่างประสานสอดคลอ้ งกับธรรมชาติได้ดงั นั้น ส่ิงแวดล้อมศึกษาจึงครอบคลุมหลายมิติ ทั้งมิติทางทรัพยากรธรรมชาติ มติ ิทางสังคมและวัฒนธรรม มิตทิ าง ความเชื่อ และจิตวิญญาณ มิติทางเศรษฐกิจ และมิติทางเทคโนโลยี เน่ืองจากธรรมชาติของเนื้อหา สิ่งแวดล้อมศกึ ษาสอดแทรกและเกี่ยวข้องอยูก่ ับทุกรายวิชา สาคัญอยู่ท่ีผ้สู อนจะตอ้ งเข้าใจ และตระหนัก ในความสาคญั ของสงิ่ แวดล้อมศึกษา แลว้ นามาสอนแบบบูรณาการสอดแทรกเข้าไปในเน้ือหาและกจิ กรรม สิ่งแวดล้อมศึกษาให้สอดคล้องและเหมาะสมโดยมงุ่ เป้าหมายหลัก 5 ประการ ไดแ้ ก่ สร้างความรู้ความ เข้าใจ ความตระหนักเจตคติ ทักษะ และการมสี ่วนร่วมเก่ียวกับส่ิงแวดล้อมและปัญหาส่ิงแวดล้อม โดย กาหนดแนวปฏบิ ัติเกีย่ วกบั การจดั กิจกรรมสิง่ แวดลอ้ มศกึ ษาในสถานศกึ ษา ดงั น้ี 1. กาหนดนโยบายและแผนปฏบิ ัติทส่ี ่งเสริมการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมบุคลากรในสถานศึกษา นักเรยี นและชุมชนมีส่วนรว่ มในการกาหนดนโยบายและรว่ มจดั ทาแผนพัฒนาสิ่งแวดลอ้ มของสถานศกึ ษา 2. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่บูรณาการสงิ่ แวดลอ้ มศกึ ษา มกี ารบรู ณาการสง่ิ แวดล้อมศึกษา ในแต่ละกลุ่มประสบการณ์ และครูผู้สอนจะต้องเขียนแผนการสอนท่ีระบุ วัตถุประสงค์ เนื้อหา และ กจิ กรรมทางส่ิงแวดลอ้ มไปพรอ้ ม ๆ กับวัตถุประสงค์ เนอื้ หาและกิจกรรมท่ีมีอยู่แล้วในหลกั สตู รสาหรับ แนวทางในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยการบูรณาการนัน้ ครตู ้องเกีย่ วกับส่ิงแวดล้อม โดยให้ผู้เรียน มีความรู้และเข้าใจเก่ียวกบั ปญั หา สาเหตุและผลกระทบของปญั หา ส่ิงแวดล้อม สอนในสิ่งแวดล้อม โดยนา ผ้เู รียนเข้าไปศกึ ษาในสภาพแวดลอ้ มจรงิ เช่น ในชุมชน ในปา่ เพ่อื ใหน้ กั เรียนเกิดความซาบซ้ึงและทัศนคติ ทดี่ ีต่อการอนุรักษ์ และสอนเพ่ือสิ่งแวดล้อมโดยใหผ้ ู้เรียน ได้นาไปปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ซง่ึ กจิ กรรมการเรยี นการสอนตอ้ งเนน้ ให้ผเู้ รียนเปน็ ศนู ย์กลาง 3. การจัดการอาคารเรียน บริเวณสถานศึกษา และห้องเรียนท่ีเอื้อต่อการเรียนการสอน สง่ิ แวดล้อมศึกษา มกี ารวางแผนผังของสถานศึกษา จัดห้องเรียน อาคารเรียนและบริเวณสถานศึกษา ให้ สะอาด รม่ รื่น สวยงาม จัดให้มีสถานทีพ่ ักผ่อนหย่อนใจ มีการทาเกษตรกรรมผสมผสาน ทง้ั น้ี เพ่ือให้เอื้อ และเปน็ สอื่ ในการเรยี นการสอนสง่ิ แวดลอ้ มศกึ ษาเอ้อื และเป็นส่อื ในการเรยี นการสอน สิง่ แวดลอ้ มศกึ ษา 4. บุคลากรในสถานศึกษา และนักเรยี นมีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางส่ิงแวดล้อม สถานศึกษา ควร เปดิ โอกาสให้บุคลากร และนักเรียนมสี ่วนรว่ มในการวางแผนการดาเนินกิจกรรมและการ ประเมินผลการ ดาเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของสถานศึกษา 5. ชมุ ชน องคก์ รและหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง มีส่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมทางสิ่งแวดล้อมของ สถานศึกษา สถานศึกษาเปิดโอกาสให้ชุมชน และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมสี ่วนร่วมในการวางแผน และ พัฒนาการจดั กจิ กรรมทางสิ่งแวดลอ้ มรวมทงั้ การจัดการเรยี นการสอนของสถานศึกษา 6. มกี ารจัดการและการกาจดั ขยะ มีนโยบายและมาตรการเก่ียวกับการจัดการและการกาจัด ขยะ และสามารถนาไปปฏิบัติจริง เช่น ลดการซื้อสินค้าท่ีก่อให้เกิดขยะ จัดหาถังขยะ จัดหาถังแยก ประเภทขยะ นาขยะที่ใชแ้ ล้วกลับมาใช้ใหม่ หรือนาไปกาจดั อยา่ งถูกวธิ ี 7. มีการประหยัดพลังงาน กาหนดมาตรการ ในการประหยัดพลังงานในสถานศึกษาและ ดาเนนิ การอย่างจริงจงั เชน่ เลอื กใช้อปุ กรณไ์ ฟฟ้าท่ปี ระหยดั พลังงาน และตรวจสอบบารุงรกั ษาให้ใช้ การ ไดด้ อี ยู่เสมอ จัดสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อื้อต่อการประหยัดพลงั งาน เช่น ตดั แตง่ ตน้ ไม้รอบอาคารต่าง ๆ ให้โปร่ง

19 เพอ่ื ใหอ้ าคารได้รับแสงจากภายนอก ภายในอาคารควรใช้สที ี่สว่าง เพื่อลดการใชพ้ ลังงาน ไฟฟ้า รณรงค์ให้ นักเรยี นและบคุ ลากรในสถานศึกษาช่วยกนั ประหยัดพลังงาน ท้งั ในสถานศกึ ษาและ ชุมชน 8. มกี ารประหยดั น้า กาหนดมาตรการในการประหยัดน้า และดาเนนิ การอย่างจรงิ จัง เชน่ มี การ บาบัดนา้ เสีย นานา้ ท่ีผา่ นการใช้หรอื บาบดั แลว้ มาใชอ้ ย่างเหมาะสม กกั เก็บนา้ จากธรรมชาตไิ ว้ อุปโภคและ บรโิ ภค สารวจ ซอ่ ม บารุง รกั ษาอปุ กรณต์ ่าง ๆ ให้ใช้การได้ดีอยู่เสมอรณรงค์ให้นกั เรยี น และบุคลากรใน สถานศกึ ษาชว่ ยกนั ประหยัดนา้ ทงั้ ในสถานศกึ ษาและชุมชน 9. มกี ารจดั กิจกรรมสิ่งแวดล้อมศกึ ษาเพ่ือส่งเสริมหลกั สูตร สถานศึกษาสนับสนุนให้มี การจดั กจิ กรรม สงิ่ แวดล้อมศกึ ษาเพื่อเสริมหลกั สูตร เช่น การจัดตั้งชมรมสิ่งแวดล้อมการศึกษานอก สถานท่ี การจัด นทิ รรศการ การแสดงละคร การใช้เสียงตามสาย และการประกวดต่าง ๆ ทางสิ่งแวดล้อม เช่น การวาดภาพ การ เขียนบทกลอน การประกวดคาขวญั การโตว้ าที 10. มีการประเมินผลการดาเนินงานด้านสงิ่ แวดลอ้ มศกึ ษา บคุ ลากรในสถานศกึ ษา นักเรยี น และ ชุมชน มีสว่ นร่วมในการตดิ ตามประเมินผล และนา ผลการประเมินไปปรับปรงุ การดาเนินงาน ทางด้าน สงิ่ แวดล้อมศกึ ษา สรปุ ได้วา่ หลกั การบริหารจัดการขยะในโรงเรียนควรเลอื กวิธีการท่ีเหมาะสมของในแต่ละ พ้นื ที่ โดยกระทาควบค่กู ันไป ท้ังการลดปริมาณขยะมูลฝอย การนากลบั ไปใชใ้ หม่ และการกาจดั ขยะมลู ฝอย การสรา้ งจิตสานึก หรอื จดั กิจกรรมการเรียนการสอนทีบ่ รู ณาการสิง่ แวดล้อมศึกษา ซึง่ สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาและสถานศึกษาในสงั กัด การดาเนินงานดา้ นการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยในอาคารและพ้ืนท่ี ของหน่วยงานเพื่อเป็นแบบอย่างท่ีดตี ่อภาคเอกชนและประชาชนให้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไข ปัญหาขยะมูลฝอย ขยะพลาสตกิ และโฟมในภาพรวมของประเทศอย่างต่อเนือ่ ง โดยใชห้ ลักการ 3R คือ ใช้ น้อยหรือลดการใช้ (Reduce) ใชซ้ า้ (Reuse) และแปรรูปใชใ้ หม่ (Recycle) ในการจัดการขยะทีเ่ กดิ ข้ึน 2.2 แนวคิดและทฤษฎีทเี่ ก่ยี วข้องกับการบริหารจัดการแบบมีสว่ นร่วม 2.2.1 ความหมายของการบริหารจดั การ คาวา่ “บริหารจัดการ” มาจากคาหลกั 2 คา คือ “บริหาร” และ“จัดการ” ซึ่งทั้ง 2 คา มีความหมายตามท่ีปรากฏในพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ดังนี้ คาวา่ “บริหาร” เปน็ คากิรยิ า มหี ลายความหมาย ไดแ้ ก่ ออกกาลงั ปกครอง ดาเนนิ การจดั การ ราชบณั ฑิตยสถาน (2546 : 609) ในขณะท่ีคาว่า “จัดการ” เปน็ คากิริยาเช่นเดียวกันมีความหมายว่า สง่ั งาน ควบคมุ งาน ดาเนนิ การ ราชบัณฑติ ยสถาน (2546 : 298) คาวา่ “บริหาร” มาจากคาว่า“administrative” ซึ่งหมายถึง ส่ิงท่ีสัมพันธ์กบั การจัดการ และงานซึ่งจาเป็นต้องมีการควบคุมการบริหารงานใหเ้ ป็นไปตามแผนหรือการจัดการอย่างเป็นระบบ เช่น การบริหารงาน การบริหารปญั หา เป็นต้น (dictionary.cambridge.org, online) ในขณะท่ีคาวา่ “การจดั การ” มา จา กคา ว่า “management” ซ่ึงหมา ยถึ ง การ ควบคุมหรื อกา รจั ดกา รบา งสิ่ งอย่ างเป็ น ระบบ (dictionary.Cambridge.org, online)

20 โชติ บดีรัฐ (2558 : 3) ได้สรุปความหมายจากนักวิชาการต่าง ๆ ไว้ว่า “การบรหิ าร” เป็น กระบวนการของกิจกรรมท่ตี อ่ เน่ืองและประสานงานกนั โดยทุกฝา่ ยเข้ามาช่วยเพ่อื ใหบ้ รรลุจดุ มุ่งหมายของ องค์การ วิรัช วิรัชนิภาวรรณ (2559 : 2 - 3) ได้กล่าวถึงความหมายของ “การบริหาร”ที่บางคร้ังเรียกว่า “การบรหิ ารจดั การ” ไว้ 2 แนวทาง โดยความหมายแรกเปน็ การนาปัจจยั ท่ีมสี ่วนสาคญั ต่อการบรหิ ารมา เปน็ แนวทางในการใหค้ วามหมายซง่ึ “การบรหิ ารหรือการบรหิ ารจดั การ” หมายถงึ การดาเนนิ งาน หรอื การ ปฏิบัติใดๆ ของหน่วยงานภาครฐั และ/หรอื เจา้ หน้าที่ของรัฐ (ถ้าเป็นหน่วยงานภาคเอกชน หมายถึง ของหน่วยงาน และ / หรอื บคุ คล) ทเี่ กีย่ วข้องกบั คน สิง่ ของและหน่วยงาน เช่น (1) การบริหารคน (man) (2) การบรหิ ารเงิน (money) (3) การบรหิ ารวสั ดอุ ุปกรณ์ (material) (4) การบรหิ ารงานทว่ั ไป (management) (5) การบรหิ ารการให้บริการ ประชาชน (market) (6) การบรหิ ารคุณธรรม (morality) (7) การบริหารขอ้ มลู ขา่ วสาร (message) (8) การบริหารเวลา (minute) และ (9) การบรหิ ารการวดั ผล (measurement) เปน็ ตน้ จากความหมายที่กลา่ วถึงท้งั หมดข้างต้นแสดงใหเ้ ห็นว่า“การบริหาร administration)”และ “การจดั การ (management)”เป็นคาที่มีความหมายใกลเ้ คียงกันสามารถใช้แทนกนั ได้ “การบริหาร”นิยมใช้ใน ภาครัฐสว่ น “การจัดการ” นิยมใช้ในภาคเอกชนหรอื ภาคธรุ กิจนอกจากน้ี “การบริหารบางครง้ั กเ็รยี กวา่ “การ บริหารจัดการ” การให้ความหมายของ “การบริหารจดั การ” นนั้ ได้มีการนาหลกั วชิ าการด้านการบรหิ าร มา เปน็ กรอบในการกาหนดความหมายเพื่อให้ความหมายครอบคลุมเน้ือหา สาระสาคญั ที่เกีย่ วกับการบริหาร ชัดเจน เข้าใจงา่ ย ซึ่งสรุปไดว้ า่ การบรหิ ารจัดการ หมายถึง การดาเนนิ งาน หรือการปฏิบตั ิใดๆ ของหน่วยงาน และ/ หรอื เจ้าหนา้ ทีข่ องหน่วยงานทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั คนส่งิ ของและหนว่ ยงาน 2.2.2 แนวคิดในการบรหิ ารจดั การ (management concepts) การบริหารจดั การที่มีประสทิ ธิภาพจะต้องมกี ารแบง่ งานกันทาตามความเหมาะสมและ ความจาเป็นเพ่ือให้การทางานของหน่วยงานบรรลตุ ามวัตถุประสงค์ได้มีผู้กล่าวถงึ แนวคิดในการบริหาร ไว้ตา่ งๆ ดงั น้ี ศิรวิ รรณ เสรีรตั น์และคณะ (2552 : 19) ได้กล่าวไวถ้ ึงแนวคิดในการบรหิ ารจัดการโดยแบ่ง ตามหน้าทีข่ องการบรหิ ารจดั การออกเป็น 4 หน้าท่ีคอื 1) การวางแผนเปน็ ข้ันตอนในการกาหนดวัตถปุ ระสงค์และพิจารณาถึงวิธีการทคี่ วร ปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์น้ัน ดงั นั้นผู้บรหิ ารจึงต้องตัดสินใจว่าองค์กรมีวัตถุประสงคอ์ ะไรในอนาคตและจะต้อง ดาเนนิ การอย่างไรเพ่อื ให้บรรลผุ ลสาเร็จตามวัตถปุ ระสงค์นัน้ ลักษณะการวางแผนมีดงั น้ี 1.1) การดาเนนิ การตรวจสอบตัวเอง เพอื่ กาหนดสถานภาพในปจั จบุ ันขององคก์ าร 1.2) การสารวจสภาพแวดล้อม 1.3) การกาหนดวตั ถุประสงค์ 1.4) การพยากรณสถานการณ์ในอนาคต 1.5) การกาหนดแนวทางปฏบิ ตั งิ านและความจาเปน็ ในการใชท้ รัพยากร 1.6) การประเมินแนวทางการปฏิบตั งิ านท่ีวางไว้ 1.7) การทบทวนและปรับแผนเม่อื สถานการณ์เปลยี่ นแปลงและผลลพั ธ์ของการควบคมุ ไม่ เป็นไปตามที่กาหนด

21 1.8) การติดต่อสอ่ื สารในกระบวนการของการวางแผนเปน็ ไปอย่างทว่ั ถงึ 2) การจดั องค์การ เป็นขัน้ ตอนในการจัดหาบุคคลและทรัพยากรท่ีใช้สาหรบั การทางานเพ่ือให้บรรลุ จดุ มุ่งหมายในการทางานน้ันหรือเป็นการจัดแบ่งงานและจัดสรรทรพั ยากรสาหรบั งานเพื่อให้งานเหล่านั้น สาเรจ็ การจดั องค์ประกอบด้วย 2.1) การระบแุ ละอธบิ ายงานทจ่ี ะถกู นาไปดาเนินการ 2.2) การกระจายงานออกเป็นหนา้ ที่ 2.3) การรวมหน้าท่ตี ่างๆ เข้าเป็นตาแหน่งงาน 2.4) การอธบิ ายสงิ่ ท่ีจาเป็นหรือความต้องการของตาแหน่งงาน 2.5) การรวมตาแหน่งงานต่าง ๆ เป็นหน่วยงานที่มีความสัมพันธ์อย่างเหมาะสมและ สามารถบริหารจัดการได้ 2.6) การมอบหมายงาน ความรับผดิ ชอบและอานาจหน้าท่ี 2.7) การทบทวนและปรบั โครงสร้างขององค์กรเม่ือสถานการณ์เปลี่ยนแปลงและ ผลลัพธ์ ของการควบคมุ ไม่เปน็ ไปตามทก่ี าหนด 2.8) การตดิ ต่อสือ่ สารในกระบวนการของการจดั องค์เป็นไปอยา่ งทั่วถึง 2.9) การกาหนดความจาเปน็ ของทรัพยากรมนษุ ย์ 2.10) การสรรหาผู้ปฏบิ ัติงานทมี่ ีประสิทธิภาพ 2.11) การคดั เลือกจากบุคคลที่สรรหามา 2.12) การฝึกอบรมและพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยต์ ่าง ๆ 2.13) การ ทบทวน ปรับคุณภาพและปริมาณของทรัพยา กร มนุษย์ เมื่อสถานการ ณ์ เปล่ียนแปลงและผลลพั ธ์ของการควบคมุ ไม่เป็นไปตามที่กาหนด 2.14) การตดิ ต่อส่อื สารในกระบวนการของการจัดคนเข้าทางานเป็นไปอย่างทั่วถงึ 3) การจูงใจเป็นข้ันตอนในการกระตุ้นใหเ้ กดิ ความกระตอื รือร้นและชักนาความพยายามของ พนักงานให้บรรลุเปา้ หมายองค์การซึ่งจะเกยี่ วข้องกบั การใชค้ วามพยายามของผจู้ ดั การท่ีจะกระตุ้นให้พนกั งาน มีศักยภา พในกา รทางาน สูง ดังนั้นการนา จะช่วยให้งานบรรลุผลสาเร็จเสริมสร้างขวัญและจูงใจ ผ้ใู ตบ้ งั คับบญั ชาการนาประกอบดว้ ย 3.1) การตดิ ต่อส่ือสารและอธบิ ายวตั ถปุ ระสงค์ให้แก่ผู้ใตบ้ ังคบั บัญชาได้ทราบ 3.2) การมอบหมายมาตรฐานของการปฏิบตั งิ านตา่ ง ๆ 3.3) ใหค้ าแนะนาและให้คาปรึกษาแก่ผู้ใต้บงั คับบญั ชาใหส้ อดคล้องกับมาตรฐานของการ ปฏิบตั งิ าน 3.4) การให้รางวลั แก่ผใู้ ต้บังคบั บญั ชาบนพ้ืนฐานของผลการปฏิบัติงาน 3.5) การยกย่องและสรรเสริญและการตาหนติ เิ ตียนอยา่ งยตุ ิธรรมและถกู ต้องเหมาะสม 3.6) การจดั หาสภาพแวดล้อมมากระตุ้นการจูงใจโดยการตดิ ตอสื่อสารเพอ่ื สารวจความต้องการและ สถานการณ์การเปล่ียนแปลง 3.7) การทบทวน และปรบั วิธกี ารของภาวะความเป็นผนู้ า เมอื่ สถานการณ์เปล่ียนแปลงและผลลัพธ์ ของงาน

22 4) การควบคมุ เป็นการติดตามผลการทางาน และแก้ไขปรับปรงุ ส่งิ ทจ่ี าเป็นหรือเป็นขั้นตอนของ การวัดผลการทางานและดาเนนิ การแก้ไขเพื่อให้บรรลผุ ลท่ตี ้องการซงึ่ การควบคุม ประกอบด้วย 1) การกาหนดมาตรฐาน 2) การเปรียบเทยี บและตดิ ตามผลการปฏบิ ัติงานกบั มาตรฐาน 3) การแก้ไขความบกพร่อง 4) การทบทวนและปรบั วิธีการควบคุม เมื่อสถานการณ์เปลย่ี นแปลงและผลลัพธ์ของการ ควบคุมไม่เป็นไปตามทีก่ าหนด 5) การตดิ ต่อสือ่ สารในกระบวนการของการควบคมุ เปน็ ไปอย่างทว่ั ถงึ โชติ บดรี ัฐ (2558 : 43 - 50) ได้กลา่ วถงึ แนวคดิ ทางการบรหิ ารโดยใช้หลกั เกณฑข์ อง Taylor มี พื้นฐานอยู่บนหลักการท่ีสาคัญ 4 ประการ ได้แก่ (1) การคิดค้นและกาหนดสิ่งท่ีดีท่ีสุด (2) การคัดเลือกและพัฒนา คนงาน (3) การพิจารณาอยา่ งรอบคอบเก่ียวกบั วิธีทางานควบคูก่ ับการพิจารณาคนงานและ (4) การประสานงาน อยา่ งใกล้ชดิ ระหว่างผ้บู รหิ ารและคนงาน ซึ่งผ้บู ริหารตามแนวคดิ ของ Taylor จะมีความเป็นผูน้ าอย่างแท้จริง ตอ้ งรบั ภาระหนักกวา่ คนงาน ต้องใช้สมองคดิ วเิ คราะห์ปัญหาของกล่มุ จัดเตรยี มและกาหนดวธิ ีการทางานท่ี ดีกวา่ งา่ ยกว่า และได้ผลมากกวา่ ใหก้ บั กลุ่ม สรุปได้ว่าแนวคดิ ดงั กล่าวขา้ งตน้ จะพบว่าการบริหารองค์กรจะครอบคลุม เร่ืองการทางานเป็น ทมี การมีสว่ นร่วมในการตัดสินใจร่วมกนั ซง่ึ แต่ละแนวคิดจะมีเปา้ หมายไปในทิศทางเดียวกัน คอื การ ทางานให้สาเร็จตามวตั ถุประสงค์ขององค์กรแตล่ ะแนวคดิ ต่าง ๆ เหล่านี้มจี ุดมุ่งเน้นหรือวธิ ีการจัดการเพ่ือ ไปให้ถึงเปา้ หมายแตกตา่ งกนั ไป 2.2.3 องคป์ ระกอบของการบรหิ ารจัดการ ศจี อนนั ตน์ พคุณ (2552 : 2 - 3) กล่าวถงึ องคป์ ระกอบของการบรหิ ารวา่ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น ไดแ้ ก่ ทรัพยากรการบรหิ ารหรอื ปัจจยั การบรหิ าร (administrative resources) กระบวนการบรหิ าร (administration process) และวัตถปุ ระสงคข์ องการบรหิ าร (objective) ซ่ึงเขยี นความสัมพนั ธไ์ ดด้ งั แผนภาพ ท่ี 2.2 ปจั จยั การบรหิ าร วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการบรหิ าร (input) (objective) (process) 4 M’s PODC 4 E’s Man Planning Economic Money Organizing Efficiency Directing Effectiveness feed back แผนภาพท่ี 2 องคป์ ระกอบของการบรหิ าร ท่ีมา: ศจี อนนั ต์นพคณุ (2552 : 3)

23 วิรัช วิรชั นิภาวรรณ (2559 : 11 - 14) ได้กล่าวถงึ ตวั ชี้วดั ในการบรหิ ารจดั การว่าแบง่ ออกเปน็ 3 ส่วนได้แก่ ปัจ จัยนาเข้า (input) ปัจ จัยกระบวน การ (process) และปัจจัยผลผลิต (output) ตา ม รายละเอยี ดดังน้ี 1. ปจั จัยนาเข้า หมายถงึ ตัวช้วี ัดการบรหิ ารจัดการที่เป็นปัจจยั ทม่ี ีสว่ นสาคญั ต่อการบริหาร จัดการหรือประสิทธิภาพในการบรหิ ารจัดการ หรือทรพั ยากรการจดั การ (management resources) โดย วิรัช วิรัชนิภาวรรณ ได้รวบรวมตัวช้ีวัดท่ีเป็นปัจจัยนา เข้าไว้ 9 กลุ่ม เริ่มจาก 3M ถึง11M เช่น 3M ประกอบดว้ ย คนหรอื การบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ย์ (Man) เงินหรือการบริหารงบประมาณ (Money) และ การบรหิ ารงานทั่วไป (Management) ท่ถี กู นาเขา้ ไปในระบบการบรหิ ารจดั การ 2. กระบวนการ หมายถึง ตัวช้วี ัดการบริหารจัดการที่ประกอบด้วยการดาเนินงานหลายขั้นตอนท่ี หนว่ ยงานของรฐั และเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐพึงดาเนนิ การ หรือหมายถึง ตัวชี้วัดที่ประกอบด้วยหลายขั้นตอนทีอ่ ย่ใู น ระบบการบรหิ ารจดั การ โดยนาแต่ละข้นั ตอนมาใช้เป็นเคร่ืองมอื ในการปรับเปล่ยี นปัจจัยนาเขา้ ใหเ้ ปน็ ปจั จัย นาออกหรือผลผลติ ตามเป้าหมายหรอื วตั ถุประสงค์ของหนว่ ยงานตอ่ ไป 3. ปัจจัยนาออก หมายถงึ ตัวชี้วัดการบริหารจัดการที่เป็นผลลพั ธ์ ผลผลิต ผลการดาเนินงาน หรือ เป็นจุดหมายปลายทาง (end(s)) เป้าหมาย (goal(s)) หรือวตั ถุประสงค์(objective(s)) ของหน่วยงานที่ออกมาจาก กระบวนการในข้นั ตอนทส่ี อง ตวั ชวี้ ัดทเ่ี ปน็ ปจั จยั นาออกหรอื เป็นเปา้ หมายของหน่วยงานน้ี อาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตัวชีว้ ดั ทม่ี ีเป้าหมายทีม่ ุ่งแสวงหากาไร (profit) และตัวชี้วัดทมี่ ีเปา้ หมายไมม่ ุ่งแสวงหากาไร (non- profit) หรือแบ่งเป็นตัวช้วี ัดทม่ี ีวัตถุประสงค์เพ่อื การผลิตสินค้าหรือผลผลิต (products) และตวั ช้ีวดั ท่ีมี วัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้บรกิ าร(services) ก็ได้ ศิริพงษ์ เศาภายน (2552 : 44 - 46) ได้กลา่ วไว้ว่าการท่ีจะมีระบบใดระบบหนึ่งข้นึ มาได้จะตอ้ ง มีส่วนประกอบหรือสิ่งต่าง ๆ เป็นตัวป้อน โดยเรียกว่า“ข้อมูล” เพ่ือดา เนิน งา นสัมพัน ธ์กัน เป็น “กระบวนการ” เพื่อให้ได้ “ผลลัพธ์” ออกมาตามวัตถปุ ระสงค์ที่ตั้งไว้ ดงั น้ัน ภายในระบบหน่ึงจะสามารถแบ่ง องคป์ ระกอบและหนา้ ท่ี ไดด้ ังนี้ 1. ขอ้ มูล (Input) เป็นการต้งั ปัญหาและวิเคราะหป์ ัญหา การตง้ั วตั ถปุ ระสงค์ หรือเป็นการปอ้ น วตั ถดุ ิบตลอดจนข้อมูลตา่ ง ๆ เพอ่ื การแก้ปญั หานั้น 2. กระบวนการ (Process) เป็นการรวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทปี่ อ้ นเข้ามาเพือ่ ดาเนินการตาม วัตถุประสงค์ท่ตี ง้ั ไว้ 3. ผลลัพธ์ (Output) เป็นผลผลิตทไ่ี ดอ้ อกมาภายหลังจากการดาเนินงานในขนั้ ของกระบวนการ สิน้ สุดลง รวมถึงการประเมนิ ด้วย สรุปได้ว่าองค์ประกอบของการบริหารจดั การไว้ประกอบด้วย ปจั จัยด้านการบริหารหรือปจั จัย นาเข้า (input) กระบวนการบริหารหรือกระบวนการ (process) และปัจจยั นาออกหรือปัจจัยผลผลิต (output) 2.2.4 แนวคดิ ดา้ นการมีส่วนร่วม แนวคิดดา้ นการมีส่วนรว่ ม การมีสว่ นร่วมของประชาชน หมายถึงกระบวนการทป่ี ระชาชน หรอื ผู้มีส่วนได้เสีย มโี อกาสแสดงทัศนะแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็น หาทางเลือกและการตัดสินใจ ต่างๆ เกยี่ วกับโครงการทเี่ หมาะสมและเปน็ ทย่ี อมรับร่วมกัน

24 ดวงใจ ปินตามูล (2555) กล่าวว่าการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน คือกระบวนการส่ือสาร สอง ทางระหว่างบุคคลกลมุ่ บคุ คล ชมุ ชน หรือประชาชน กับเจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐผูด้ าเนินโครงการ หรือ นโยบาย สาธารณะ หรือการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งการมสี ว่ นร่วมของประชาชนจะเกย่ี วข้องกบั การร่วมใน กระบวนการตดั สินใจ การร่วมในกระบวนการดาเนนิ การ และรว่ มรับผลประโยชนโ์ ดย มีเปา้ หมายของการ มสี ่วนร่วมของประชาชน คือการแลกเปลีย่ นขอ้ มูลข่าวสารระหว่างประชาชนและ ผู้ดาเนนิ โครงการ โดย การให้ข้อมลู ต่อประชาชน และประชาชนแสดงความคดิ เห็นต่อโครงการหรือ นโยบายเพ่อื ประโยชนต์ ่อการ ดารงชพี ทางเศรษฐกิจและสังคม แนวคิด ทฤษฎเี กีย่ วกับการมสี วนรวมของประชาชนในการจดั การมูลฝอยการมีสวนรวม ของทกุ ภาคสวนน้ัน เปนสวนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม การเมืองประเทศชาติไปในทิศทาง ท่ีดีขึ้น แนวคดิ การมีสวนรวมน้นั เกิด และอยูเคยี งคูกบั การปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตย เน่อื งจากอานาจอธปิ ไตย เปนอานาจสูงสุด ในการปกครองประเทศ มาจากประชาชน และประชาชนเปนผูใหฉันทานมุ ัติตางๆ กับ ภาครฐั ในการบริหารจัดการ เพ่ือใหเกิดความ โปรงใส และเปนไป ตามความตองการแทจริงของประชาชน ซ่งึ ถอื วาเปนการเขาไปมีสวนรวมอยางแทจริง (Authentic participation) ดังกลาวขางตน จึงไดนามาเป นแนวทางในการกาหนดยทุ ธศาสตร ในการพฒั นาประเทศ ตามแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหงชาติฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ.2555 - 2559) ซ่ึงมเี ปาหมายการพฒั นาภายใตกระบวนการมีสวนรวมของผูเกีย่ วของ จากทกุ ภาคสวน ในสังคมไทย ทไี่ ดรวมพลังกันระดมความคิดกาหนดวสิ ัยทัศน รวมกนั ของสังคมไทย มุงพัฒนาสู “สังคมเขมแข็ง และมดี ุลยภาพ” ใน 3 ดาน คือ สังคมคณุ ภาพ สงั คมแหงภูมิปญญา การรับรู สังคมสมานฉันท และ เอื้อ อาทรตอกัน เพอื่ เสริมสรางระบบการบรหิ ารจัดการท่ดี ีในทุกภาคสวนของสังคมไทย สนับสนุน กระบวนการ กระจายอานาจใหองคกรปกครองสวนทองถิน่ และชมุ ชน มีบทบาทในการพฒั นาทองถน่ิ ของตนเอง ภายใตระบบ บรหิ ารจัดการภาครฐั ที่มปี ระสิทธิภาพ ยึดหลกั การมีสวนรวม โปรงใส และพรอมทีจ่ ะรับการตรวจสอบจาก สงั คมโดยรวมการพฒั นาประเทศในอนาคต เพื่อสรางโอกาสใหคนไทยคิดเปนทาเปน มีเหตุผล สามารถรบั รู ไดตลอดชีวิต พรอมรบั การเปลี่ยนแปลง สงั คมสมานฉันท และเออื้ อาทรตอกนั ทีด่ ารงไวซึ่งคณุ ธรรม คณุ คา ของเอกลักษณท่ี พ่ึงพาเก้ือกลู กัน ตลอดจนมีจารีตประเพณที ี่ดงี าม ในการพฒั นาอยางตอเน่ือง และการ ทางานแบบพหุภาคี สามารถประยุกต ใชในการทางานเชิงรุก เพ่ือเสริมสร างความเข มแข็ง ไดอยางมี ประสิทธิผลท่ัวถึงใน ทุกพ้ืนที่ การมีสวนรวมถือวาเปนกลยทุ ธทส่ี าคัญเพอ่ื จุดมุงหมายในการพัฒนาที่ยัง่ ยนื มี บทบาทอยางมากเปนหวั ใจสาคญั เพ่อื ตอบสนองความตองการไดตรงจดุ มากท่สี ดุ อยางเปนรูปธรรมอนั จะนาไป สูความอยูดีมีสุขของคนไทยทุกคน ความหมายของการมีส่วนร่วม การมีสวนรวมเปนเปาหมายของการพฒั นาสังคมเพอ่ื สบื ทอดความยั่งยนื ใหเกิดข้ึนอยางตอเนอื่ ง เปนองคประกอบสาคญั ในกจิ กรรมท่จี ะสรางความเจริญ ก าวหนาใหเกิดข้ึน สาหรับ ความหมายของการมีสวนรวมนนั้ มนี ักวิชาการหลายทานนาเสนอไวดังนี้ อาภรณพนั ธ จนั ทรสวาง (2552 : 19 ) ใหความหมายวาการมีสวนรวมน้นั กอใหเกดิ การ รวมตัวทีส่ ามารถจะกระทาการตัดสินใจใชทรพั ยากร และมีความรับผิดชอบในกจิ กรรมท่จี ะกระทา ในกลุ มเปนการเปดโอกาสใหไดรวมในการคิดริเริม่ การตัดสินใจ รวมลงมอื ปฏิบตั แิ ละรวมรบั ผิดชอบในเรื่องราวต างๆ เพื่อแกไขปญหาและนามาซ่ึงความเปนอยูที่ดีขึ้น เพ่ือตอบสนองความ ตองการของประชาชนที่จะช วยใหประสบความสาเรจ็ ตามเปาหมายได การมีสวนรวมเปนผลมาจากการเห็นพอง ตองกันในเรื่องราวของ

25 ความตองการและทศิ ทางของการเปล่ียนแปลง จนเกิดความคดิ รเิ รมิ่ เพอ่ื การปฏิบัติการน้ันๆ เหตุผลเบื้องแรกที่ คนเรามารวมตวั กันได จะตองมีการตระหนักวาการกระทาทง้ั หมดทีท่ าโดยกลุม หรือโดยนามของกลุมนั้น กระทาผานกลุมซงึ่ เปนเสมือนตัวนาใหบรรลุถงึ ความเปลีย่ นแปลงได สาหรับทวีทอง หงสวิวฒั น (2553 : 2) ไดขยายความหมายของการมีสวนรวมวาเปนการพัฒนา ขีด ความสามารถของคนในการจัดการควบคุมการใชการกระจายทรัพยากรที่ มีอยูอยางจากดั เพอื่ ใหเกิดประโย ชนตอการดารงชีพ ทางเศรษฐกิจ และสังคมตามความจาเปนอยาง สมศกั ดศิ์ รี แสดงออกในการตดั สนิ ใจกาหนด ชวี ิตของตนเอง เพิม่ ความสามารถในการควบคมุ ทรพั ยากร ท้ังน้ีตองเปนสิง่ ท่ที กุ ฝายไดริเร่มิ ข้ึนมาเอง มใิ ช พฤตกิ รรมท่ีถูกกาหนดข้ึนมาหรอื ชีน้ า โดยฝายรัฐบาลในกิจกรรมซ่งึ มุงสูการพฒั นาตามนโยบายของภาครัฐ การจะเกดิ พลงั ความสามารถ ของกลุมท่ผี นึกกาลังในการพัฒนา ทาใหมีความรูสึกเปนสวนหน่งึ ของงาน พัฒนา และเปนเจาของ ผลิตผลของการพฒั นาน้นั นอกจากน้นั นริ ันดร์ จงวฒุ ิเวศน์ ( 2553 : 183) ยงั กลาวเพิม่ เติมวาการมีสวนรวมมคี วามเกย่ี วของ ทางดานจิตใจ และอารมณ (Mental and Emotional Involvement) ซ่ึงผล ดังกลาวเปนเหตุเรา ให กระทา (contribution) บรรลจุ ุดมุงหมายของกลุมน้ัน กับทาใหเกดิ ความรูสึกรวมรับผิดชอบกับเปาหมาย ดังกลาวดวย เปนองคประกอบสาคัญเพ่ือใหเกิดประสทิ ธิภาพในการวางแผนและการดาเนนิ การใหเกดิ ผล ประโยชนสูงสุดในการมีสวนรวม การมีสวนรวมคือ การทท่ี ุกฝายไดเขาไปจัดการควบคุมการใช และการ กระจายทรพั ยากรที่ มีอยูเพอื่ ประโยชนตอการดาเนนิ การทางเศรษฐกจิ และสังคม รวมกันคิดคนหาสาเหตุ ของปญหา และมคี วามเห็นพองตองกนั ในการที่จะดาเนินการแกไขปญหาใหบรรลุตามวตั ถุประสงคหรือ นโยบายทว่ี างไว เปนการมสี วนชวยเหลือโดยสมคั รใจ เขารวมกบั กระบวนการตดั สนิ ใจ ตลอดจน รวมรับผล ประโยชน และมีจุดสาคญั ท่จี ะใหการมีสวนรวมเปนการปฏบิ ตั อิ ยางแข็งขนั มีอานาจในการตดั สนิ ใจ (Share Decision Making) เป น ผู กา หน ดน โยบา ย ( Policy Formulation) กา หน ดเป า หมา ยแผน งา น (Participating on Formulating Objective and Plan) ร วมดา เนิน กา ร ใน กร ะบวน กา ร จัดกา ร (Participating on Management) รวมรบั ผิดชอบในเรื่องตางๆ อันมผี ลกระทบถึงทุกคนเพ่อื ประโยชนต อการดารงชีพทางเศรษฐกิจและสงั คม ที่กอใหเกิดสง่ิ ตางๆ รวมกันนั่นเองจากที่กลาวมา การมีสวนรวมมี ความหมายเปน 2 นยั ดวยกันคอื 1.ความหมายอยางกวาง หมายถงึ การทปี่ ระชาชนเขาไปมีสวนรวมในการกาหนดนโยบาย ของ ประเทศ การบรหิ ารโดยผานกระบวนการหรือการเขาไปมีสวนรวมในการบรหิ ารทองถิน่ และการเปน สมาชิก สภาทองถน่ิ ดวย 2. ความหมายอยางแคบ คอื การที่ประชาชนเขาไปชวยสนบั สนุนงานซ่งึ เปนหนาทขี่ อง เจ าหนาท่ภี าครฐั โดยกระทาการภายในกรอบของกฎหมายหรือนโยบายของรัฐ ดงั นน้ั จากท่ีกลาวมา จุดเร่ิมต นท่ีมีความสาคัญประการหนึ่ง ทีจ่ ะทาให เกิดการมีส วนร วมของทุกฝ าย ไดอยางกวางขวาง และมี ประสิทธภิ าพ คือ นโยบาย กฎ ระเบยี บ วธิ ีการสงเสริมจากภาครัฐ หนวยงานทเี่ กย่ี วของในงานวจิ ยั คร้ังนถ้ี อื วา เปนสวนหนึ่งในป จจัยท่ีจะสงผลหรือมีอิทธิพลตอการมีสวนรวมการจัดการมูลฝอยในประเทศไทย ใหเกิด ประสทิ ธผิ ล ซงึ่ ผูวจิ ัยจะทาการหาความจริงในเรอื่ งนีต้ อไป

26 รูปแบบการมสี วนรวมแบง ออกเปน 4 รูปแบบ คอื 1.การมสี วนรวมในการตดั สินใจ ต้งั แตในระยะเริม่ ของกิจกรรมจนกระทั่งการดาเนนิ กิจกรรมนั้นเสรจ็ ส้นิ ลง 2. การมสี วนรวมในการดาเนนิ กิจกรรมซ่ึงอาจเปนไปในรูปแบบของการเขารวมโดยการใหม้ ี การสนับสนนุ ทางดานทรัพยากร การเขารวมในการบรหิ าร และการเขารวมในการรวมแรงรวมใจ 3. การมีสวนรวมในผลประโยชน ท้ังทางวตั ถุ ทางสงั คมหรอื โดยสวนตัว 4. การมสี วนรวมในการประเมนิ ผล ซึ่งนับเปนการควบคุม และตรวจสอบการดาเนนิ กจิ กรรมทง้ั หมด สุรสั วดี หุนพยนต (2549 : 17) ไดเสนอรปู แบบหรอื ชนิดการมีสวนรวมทกี่ อใหเกดิ ผลดีตอ กระบวนการพัฒนาไว 4 รูปแบบ ซ่ึงไดแก การมีสวนรวมในการตัดสนิ ใจ (Decision making) ประกอบไปดวย 3 ขน้ั ตอนคือ 1. ริเริม่ ตดั สินใจ ดาเนนิ การตัดสนิ ใจ และตดั สินใจปฏิบัติการ 2. การมีสวนรวมในการปฏิบัติการ (Implementation) ประกอบดวยการสนบั สนนุ ดานทรพั ยากร การบริหาร และการประสานขอความรวมมือ 3.การมีสวนรวมในผลประโยชน (Benefits) ไมวาจะเปนทางดานวัตถุผล ทางสังคม หรือ ผลประโยชนสวนตวั 4. การมีสวนรวมในการประเมนิ ผล (Evaluation) ปจจยั ทมี่ ีความสัมพันธ์ตอ่ พฤติกรรมการ มีสวนรวมของผูเกย่ี วของ พฤติกรรมการเขามามีสวนรวม เปนปรากฏการณที่สลับซับซอน ขึ้นอยูกับปจจัย หลายอยาง ทม่ี ีน้าหนักความสาคัญ มากนอยตางกัน ซง่ึ Mcclosky (2008:12)ไดอธิบายไวดังนี้คือ 1. ปจจัยทางดานสิ่งแวดลอมสงั คม เชนระดับการศกึ ษา อาชพี รายได เชือ้ ชาติ เพศ ระยะเวลาทอ่ี ยูอาศัย การเปล่ยี นแปลงทางสังคม ส่งิ เหลาน้มี คี วามเกี่ยวของสมั พันธกบั การมสี วนรวม ดวย ความสมัครใจของทุกคน 2. ปจจัยทางดานจิตวิทยา ของการเขามามสี วนรวม ทขี่ ึ้นอยูกับวา มีการใหผลประโยชน หรือ ผลตอบแทนอยางไรบาง ท่ีสามารถตอบสนองความตองการ เชน การมีอานาจ การแขงขนั ความสาเร็จ ความสัมพันธกบั ผูอน่ื สถานภาพทีส่ งู ข้ึน การยอมรับจากสงั คม เปนตน 3. ปจจัยดานสิ่งแวดลอมภายนอก เชน นโยบายของแตละรฐั บาล มกั มีความแตกต่าง ในด านความตองการท่ีมบี ทบาทมากหรือนอย ไมเทากัน การท่ีประชาชนจะตดั สนิ ใจเขามารวมรบั ผิดชอบใน โครงการหรอื กจิ กรรมตางๆ ข้ึนอยูกับปจจัยสวนบุคคล ปจจัยทางเศรษฐกิจ และสังคม ไดแก อายุ เพศ สถานภาพในครอบครัว ระดบั การศึกษา สถานภาพทางสังคม ชั้นทางสังคม ศาสนา อาชีพ รายได และ ทรพั ยสนิ สถานภาพทางเศรษฐกจิ ความเชยี่ วชาญ ความเชือ่ คานยิ ม นิสัย ประเพณีในชุมชน ทม่ี ีผลตอการ มสี วนรวม เชนเดยี วกัน แนวทางในการจดั การแบบมสี วนรวม การมสี ่วนร่วมของประชาชน หมายถึงกระบวนการทปี่ ระชาชนหรือผู้มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งได้แสดง ความคดิ เห็นแลกเปล่ยี นข้อมลู และเสนอแนะเทคนิค วิธีการ หาทางเลือกและการตัดสนิ ใจต่างๆ เกี่ยวกับ โครงการการบริหารจัดการขยะในโรงเรยี นและโครงการ/ กจิ กรรมอ่นื ๆท่ีเหมาะสมและเปน็ ที่ยอมรบั รว่ มกัน

27 2.2.5 การบริหารจัดการแบบมีสว่ นร่วมในการบรหิ ารจัดการขยะในโรงเรยี น การบริหารจดั การแบบมสี ว่ นร่วมของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ ใช้รูปแบบการบรหิ ารจัดการ แบบมสี ่วนร่วม 5 ร ดงั น้ี ร่วมศึกษา รว่ มแลกเปลย่ี น ร่วมวางแผน การบรหิ ารจดั การ แบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร ร่วมสรุป ร่วมปฏิบัติ แผนภาพท่ี 3 รูปแบบการบริหารจดั การแบบมสี ว่ นร่วม 5 ร ท่ีมา:สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 (2562 : 14) การบริหารจดั การแบบมสี ่วนรว่ ม หมายถงึ การบริหารจัดการขยะในโร งเรียนโดยเน้นการมี สว่ นร่วมของบุคลากรในโรงเรียน ซงึ่ เน้นการบริหารจัดการแบบมีสว่ นร่วม 5 ร จานวน 5 ขัน้ ตอน คือ ข้นั ตอนที่ 1 รว่ มศึกษา ข้ันตอนที่ 2 ร่วมวางแผน ขน้ั ตอนท่ี 3 รว่ มปฏิบัติ ข้ันตอน ที่ 4 ร่วมสรปุ และ ขัน้ ตอนที่ 5 รว่ มแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ 2.1.5.1 รว่ มศึกษา หมายถึง ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียนร่วมกัน ศึกษาสภาพ ปัจจบุ ันปัญหาของขยะในโรงเรียน ว่ามีขยะประเภทใดบ้างทเ่ี ปน็ ปัญหา และสาเหตุของปญั หาเกิดจากอะไร พรอ้ มกับศึกษาความต้องการของครูผสู้ อนและนกั เรียนในการท่ีจะแกป้ ญั หาขยะในโรงเรยี น 2.1.5.2 รว่ มวางแผน หมายถึง ผ้บู ริหารโรงเรยี น ครูผสู้ อน และนักเรียน ร่วมวางแผน เม่ือ พบปัญหาหาวิธีแกป้ ัญหาเรียงปัญหาจากมากมาหาน้อย การทางานที่คาดวา่ จะประสบความสาเร็จ ตามกรอบในการวจิ ยั ดา้ นการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ( การบริหารจดั การขยะ ใน โรงเรยี น ) 1) การจัดการขยะมูลฝอยประเภทต่างๆ ไดแ้ ก่ มลู ฝอยติดเชื้อ ขยะพลาสติก ขยะอินทรีย์ ขยะ อันตรายขยะอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 2) การจัดการในเชงิ นโยบาย เช่นการสรา้ งกลไกใหเ้ กิดความรว่ มมือระหว่าง สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา โรงเรียนและชุมชน 3) การสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจโดยเน้น การสรา้ ง

28 จิตสานกึ ในการจัดการขยะให้กับนักเรียนและบคุ ลากรทุกระดับ โดยนาข้อมลู ท่ไี ด้จากการศกึ ษา มาร่วม วางแผนการทางานให้เหมาะสมกับสภาพบรบิ ทของสถานศกึ ษา 2.1.5.3 ร่วมปฏิบัติ หมายถึง ผู้บริหารโรงเรียน ครูผสู้ อน และนักเรียนร่วมกัน มีส่วนร่วม ปฏิบัติงาน ลงมือปฏิบัติงานตามท่ีได้วางแผนหรือออกแบบไว้ ประเมินผล และสะท้อนผล การปฏิบัติงานเป็น ระยะ ในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบริหารจดั การขยะในโรงเรียน การจัดการขยะมูล ฝอยประเภทต่างๆ ได้แก่ มูลฝอยตดิ เชือ้ ขยะพลาสตกิ ขยะอินทรยี ์ ขยะอันตรายขยะอิเล็กทรอนิกส์ 2.1.5.4 รว่ มสรุป หมายถึง ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียนร่วมกัน ต่างๆ รว่ มกัน สรปุ ผลการดาเนนิ งาน มีส่วนร่วมในวิเคราะห์ขอ้ มลู สงั เคราะหข์ อ้ มูล และสรุปผลการบริหารจดั การขยะใน โรงเรียน การปฏบิ ัติงานในแตล่ ะขน้ั ตอนว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรอื เปน็ ไปตามท่ีวางแผนหรือไม่ เพื่อจะได้ นามา ปรับปรุง/แก้ไข/พัฒน าให้ดีขึ้นต่อไป ถ้าไม่สาเร็จก็วางแผนและออกแบบวิธีการ/น วัตกรร มใหม่ จบกระบวนการ PDCA 2.1.5.5 รว่ มแลกเปลย่ี นเรียนรู้ หมายถึง ผู้บรหิ ารโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียนร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ชื่นชมความสาเร็จของการบริหารจัดการขยะในโรงเรยี น และ ตามกรอบภารกิจงาน ประสบความสาเรจ็ พรอ้ มกับยกย่องเชิดชเู กยี รติ และเผยแพรก่ ารปฏบิ ตั ิงานทีด่ ี (Best practice) สู่ สาธารณชน ผ่าน Website ระบบ ICT และสารสนเทศของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา ลาปาง เขต 1 การบริหารจดั การแบบมสี ่วนร่วมในการสง่ เสรมิ วิจัยในการบริหารจดั การขยะในโรงเรยี น โดย เนน้ การมีส่วนร่วมของผบู้ รหิ าร ครู นกั เรียน บคุ ลากรในโรงเรียน ซ่งึ เน้นการบรหิ ารจัดการแบบมีส่วนร่วม 5 ร ร่วมศึกษา ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบตั ิ ร่วมสรุป และ รว่ มแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ สร้างกลไกให้เกิดความ ร่วมมือระหว่างสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา โรงเรียนและชุมชน ตามกรอบภารกิจงานให้ประสบ ความสาเรจ็ สามารถนามาเปน็ แบบอยา่ งได้ 2.3 เอกสารท่เี กย่ี วข้องกบั เทคโนโลยใี นการจัดการขยะ การเลือกใช้เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม ต้องพิจารณาจากลักษณะของขยะในพ้ืนท่ี ปริมาณขยะใน แต่ละวนั ความต้องการของสถานศึกษา วตั ถุประสงค์งบประมาณที่ต้องใช้ในการจัดการขยะ ผลตอบแทน ที่ได้รบั และผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เป็นตน้ เทคโนโลยใี นการจดั การขยะมูลฝอย มหี ลายวิธี ไดแ้ ก่ การฝงั กลบ (landfill) การเผาทาลายด้วย ความร้อน แยกประเภทอาหาร เศษผกั เปลือกผลไม้ ใบไม้ นาไปหมกั ทาป๋ยุ (วินยั วรี ะวฒั นานนท,์ 2545, น.104; ภานี คูสุวรรณ์,2546, น.130- 131) การหมกั ทาปุ๋ย การเป็นเทคโนโลยีหลักในการกาจัดขยะ ในสถานศึกษาและมผี ลพลอยได้ คือ ได้พลงั งานกลับมาในรปู ของความรอ้ นหรือก๊าซชวี ภาพ เป็นพลังงาน ไฟฟ้าจากการกาจัดขยะโดยใช้เทคโนโลยี การเผาด้วยความร้อนสูง หรือการกาจัดโดยใช้เตาเผา (Incineration) การฝังกลบตามหลักสุขาภบิ าล (Sanitary landfill) และการนาขยะสดไปเล้ียงสตั ว์ (Hog Feeding) และสอดคล้องกับสุทธิรกั ษ์ สจุ ริตตานนท,์ (2550) ไดก้ ล่าววา่ วธิ กี าจดั ขยะมลู ฝอยทีถ่ ูกต้อง คือ การเผาในเตาเผาขยะ

29 2.3.1 เทคโนโลยกี ารกาจัดขยะมลู ฝอยท่ีถูกต้องตามหลักวิชาการ กรมการคมุ มลพิษ, (2552, น.16 – 17) ได้กล่าวถึงเทคโนโลยีการกาจัดขยะมูลฝอยที่ ถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ มี 3 แบบ ได้แก่ (1) การฝงั กลบอย่างถูกหลักสุขาภบิ าล (Sanitary Landfill) หมายถงึ การทาลายขยะ มลู ฝอยในหลุมหรือพน้ื ที่ที่เตรียมไว้แล้วทาการปดิ ทับด้วยวัสดุถมกลบ เช่น ดินทอ่ี ยู่บรเิ วณใกล้เคียง หรือ มกี ารใช้พลาสตกิ ปิดคลุม เปน็ ต้น (2) การเผาในเตาเผา (Incinerator) เป็นการใช้หลักการเผาไหม้ (Combustion) เพ่ือ ทาลายเปลีย่ นสภาพขยะมลู ฝอย (3) การทาปุ๋ยหมกั (Composting) เปน็ การทาลายขยะมูลฝอยประเภทสารอนิ ทรยี ์ อาทิ เศษอาหาร พืช ผัก และผลไม้ตา่ งๆ ดว้ ยกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพทสี่ ามารถเปล่ียนสารอินทรยี ์ที่ เป็นปุ๋ยท่ีไม่ยอ่ ยสลายต่อไปอกี ท่ีมีสดี าหรือสนี ้าตาลและมนี า้ เช่น เศษพลาสตกิ แกว้ โลหะ กระดาษ ตอ้ ง นาไปฝงั กลบหรือคดั แยกเพ่อื นากลบั มาใช้ใหม่ 2.4 ความพงึ พอใจ 2.4.1 ความหมายของความพึงพอใจ นกั การศกึ ษาไดใ้ หค้ วามหมายของความพึงพอใจ ไว้ดังนี้ ณีรนชุ นรินทร์ (2557 : 13) ได้กล่าวว่า ความพงึ พอใจในการปฏิบตั งิ าน หมายถงึ ความรสู้ ึกพอใจ ชอบใจ สนใจ มีเจตคติทดี ี และมีความตั้งใจทีจะปฏบิ ตั ิงาน โดยมอี งค์ประกอบและสิ่งจูงใจ ในดา้ นต่างๆ ของหน่วยงาน และผู้ปฏิบัติงานน้ันได้รบั การตอบสนองความต้องการของเขา เมอื่ บุคคลมีความรู้สึกหรือ เจตคติท่ีดีต่อการทางาน จะมีผลให้เกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ก็จะปฏิบัติงานด้วยความเตม็ ใจ เต็มกาลงั ความสามารถ จะส่งผลให้การบริหารงานของหน่วยงาน หรือองค์การได้ผลตามวัตถุประสงคแ์ ละ เป้าหมายของหน่วยงานหรอื องคก์ าร สุวรักษ์ สุขศิริ (2557 : 18) กล่าวว่า ความพงึ พอใจในการปฏิบัติงานมีความสาคัญต่อองค์กร เน่อื งจากความพงึ พอใจจะชว่ ยให้บุคคลมีความตัง้ ใจท่ีจะปฏบิ ัตงิ านเพื่อชว่ ยเสริมสรา้ ง คุณภาพชวี ติ ให้ดีข้ึน และเพอื่ ให้งานท่ีทานัน้ มปี ระสทิ ธิภาพ และประสทิ ธผิ ลเกดิ ความสาเรจ็ แก่องคก์ ร อรสิริ วามะขันธ์ (2557 : 17 ) กล่าววา่ เป็นความรูส้ ึกนกึ คดิ ของบุคคลทีม่ ีตอ่ งานตอ่ ปัจจัย หรือ องค์ประกอบท่ีเกี่ยวข้องกบั งานนนั้ ๆ จนสามารถตอบสนองกับความต้องการด้านรา่ งกายและจิตใจ เป็น ผลใหก้ ารปฏบิ ัตงิ านมีประสทิ ธิภาพยงิ่ ข้ึน พะนอ สงวนแกว้ (2553 :67 อ้างอิงใน สุพณั ณดา ภาราม, 2557 : 9) ที่กลา่ วไว้วา่ ความพึงพอใจ เปน็ ความรู้สึกนกึ คิด หรือเจตคตทิ างบวกของบคุ คลที่มีต่อส่ิงใดสิ่งหนง่ึ หรอื การปฏิบัติกิจกรรมใดๆ ดังนั้น ความพึงพอใจในการเรียนรู้จึงหมายถึง ความรู้สกึ พอใจ ชอบใจ ในการร่วมปฏิบตั ิกิจกรรมในการเรียน การสอน และตอ้ งการปฏบิ ัติกิจกรรมนัน้ ๆ จนบรรลผุ ลสาเร็จ จากความหมายความพึงพอใจสรุปได้วา่ ความพึงพอใจ หมายถงึ ความร้สู ึกพอใจท่ีได้ทางานหรือ ทากจิ กรรมใดแล้วแสดงพฤติกรรมออกมาอยา่ งมีความสุข

30 2.4.2 การวดั ความพงึ พอใจ นักการศึกษาได้กล่าวถึงการวัดความพึงพอใจ ไว้ดงั น้ี บญุ เรยี ง ขจรศลิ ป์ (2549 : 22 อ้างองิ ใน สุพัณณดา ภาราม, 2557 : 10) ไดก้ ลา่ วถงึ การวัด ความพงึ พอใจไว้ว่า ความพึงพอใจเป็นทัศนคตหิ รือเจตคติเปน็ นามธรรม เปน็ การแสดงออกค่อนขา้ งซับซอ้ น จึงเป็นการยากที่จะวัดได้โดยตรง แต่สามารถวัดไดโ้ ดยอ้อม โดยวดั ความคิดเห็น ของบุคคลเหลา่ น้ันแทน ฉะน้ันการวัดความพึงพอใจก็มีขอบเขตที่จากัดด้วย อาจมีความคลาดเคลื่อนเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้ เป็นธรรมดาของการวัดโดยท่ัวๆ ไป สรชยั พิศาลบุตร และคณะ (2549 : 12 อ้างองิ ใน รุ่งนภา บงั คลัน, 2559 : 19) ได้กล่าวไวว้ า่ วธิ ี วัดความพงึ พอใจ โดยทวั่ ไปสามารถวัดความพึงพอใจของผใู้ ช้บรกิ ารได้ 2 วิธี คอื 1. วธิ วี ัดความพึงพอใจจากความคิดเห็นของผใู้ ช้บรกิ าร โดยวัดจากการสอบถามความคิดเห็นของ ผใู้ ชบ้ ริการที่เลอื กมาเปน็ ตัวอย่างจานวนหน่ึง เก่ยี วกบั การบริการแต่ละด้านและการบรกิ ารรวมทกุ ด้านท่ี ไดร้ ับจากผูใ้ หบ้ ริการ โดยท่ีผใู้ ช้บริการจะต้องมีประสบการณ์ในการใช้บริการมาเป็นระยะเวลานานมาก พอท่จี ะประเมนิ คณุ ภาพของบริการทไ่ี ดร้ บั ในแตล่ ะด้านได้ 2. วิธีวัดความพงึ พอใจจากขอ้ มูลทส่ี ามารถสะท้อนระดับความพึงพอใจของผู้ใชบ้ ริการ โดยวดั จาก เกณฑ์ทตี่ ้ังข้ึนสาหรบั วัดระดับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการท่ีมีตอ่ บรกิ ารแต่ละด้านและบรกิ ารรวมทุกดา้ น ของสนิ ค้าและบริการน้ันๆ เช่น การวัดความพงึ พอใจของผ้ใู ช้บรกิ ารทีม่ ีต่อความรวดเรว็ ในการให้บริการ ฝากหรือถอนเงนิ จากธนาคาร เกณฑ์ทีต่ ง้ั ข้นึ ในการวัดระดับความพึงพอใจของผใู้ ช้บริการฝากหรือถอนเงิน คอื สอบถามระหวา่ งระยะเวลาโดยเฉล่ยี ที่ผใู้ ชบ้ ริการแต่ละรายได้รับบรกิ ารเสรจ็ ชวลิต ชกู าแพง (2551 : 112-113 อ้างอิงใน รุ่งนภา บังคลัน, 2559 : 20) ได้กลา่ วถงึ การวัด และประเมินผลด้านความพงึ พอใจหรอื จติ พสิ ยั วา่ มีหลายวิธีทน่ี ยิ ม มดี งั นี้ 1. การสังเกต (Observation) โดยการสังเกตการพูด การกระทา ของนกั เรียนท่ีมีต่อส่ิงใดสงิ่ หนึ่ง ทีค่ รตู อ้ งวัด 2. การสมั ภาษณ์ (Interview) เปน็ การพดู คุยกบั นักเรียนในประเด็นท่ีครูอยากรู้ เปน็ วธิ ีการ ทีต่ อ้ ง อาศัยเทคนิคและความชานาญการพิเศษของผู้สมั ภาษณ์ท่ีจูงใจให้ ผถู้ ูกสัมภาษณ์ตอบคาถาม ให้ตรงกับ ข้อเทจ็ จรงิ 3. การใช้มาตราส่วน (Rating Scale) รปู แบบการวัดท่ีนิยมใช้คือมาตราส่วนประเมินค่า ของ ลเิ คอรท์ (Likert) ดังน้ันสรุปได้ว่า การวัดความพงึ พอใจนั้นผู้วัดสามารถวัดและประเมินความพึงพอใจได้จาก การสังเกต การสัมภาษณ์ หรอื การใช้มาตรส่วนประเมินค่าของลิเคอรท์ (Likert) 2.4.3 การสร้างและการแปลความหมายของแบบวัดความพงึ พอใจ ระพินทร์ โพธศ์ิ รี (2549 : 38 อ้างองิ ใน อ้างอิงใน รุ่งนภา บังคลัน, 2559 : 23) ไดใ้ ช้วธิ ีจดั อันดับ คณุ ภาพ 5 ระดบั ดงั น้ี 5 หมายถงึ พอใจมากทส่ี ุด 4 หมายถึง พอใจมาก 3 หมายถึง พอใจพอปานกลาง 2 หมายถงึ พอใจนอ้ ย 1 หมายถึง พอใจนอ้ ยทีส่ ุด

31 หลงั จากวัดความพึงพอใจดว้ ยการจัดอนั ดบั คณุ ภาพ 5 อนั ดบั แล้ว สามารถแปลความหมาย ระดบั ความพอใจดงั น้ี 4.51 – 5.00 คะแนน พอใจมากทีส่ ดุ 3.51 – 4.50 คะแนน พอใจมาก 2.51 – 3.50 คะแนน พอใจปานกลาง 1.51 – 2.50 คะแนน พอใจนอ้ ย 1.00 – 1.50 คะแนน พอใจนอ้ ยท่สี ุด ในการศกึ ษาครั้งน้ีผู้รายงานได้นาแนวทางในการสร้างแบบวดั ความพึงพอใจ ซึ่งให้ผู้เก่ียวขอ้ งได้ อ่านข้อความที่เกี่ยวกับการกิจกรรมแล้วเลือกระดบั ความพึงพอใจ ซ่ึงแบ่งเป็น ความพงึ พอใจมากที่สดุ ได้ 5 คะแนน พอใจมาก ได้ 4 คะแนน พอใจ ปานกลาง ได้ 3 คะแนน พอใจนอ้ ยได้ 2 คะแนน และพอใจนอ้ ย ท่สี ุดได้ 1 คะแนน จากนน้ั นาขอ้ มูลดังกล่าวมาตรวจนับใหค้ ะแนนท่ีนกั เรยี นเลือกขอ้ ความน้ัน โดยนามาหา คา่ เฉลยี่ แล้วแปลความหมายเป็นระดับความพึงพอใจ 2.5 เอกสารงานวจิ ยั ทีเ่ กี่ยวข้อง 2.5.1. งานวิจยั ในประเทศ จากการศกึ ษางานวจิ ัยในประเทศเกี่ยวกับพฤติกรรมการจดั การขยะมูลฝอย สรุปไดด้ งั น้ี สมคั ร์ รู้รักดี (2554) ได้ทาการศึกษาเรอ่ื ง รูปแบบการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานสาหรับ โรงเรียนประถมศึกษาขนาดเลก็ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาตราด ผลการศกึ ษา พบว่า รปู แบบการบรหิ ารที่ เหมาะสม คือ รูปแบบการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการ อานาจ หน้าที่ของคณะกรรมการสถานศกึ ษา ข้ันพื้นฐาน ได้แก่ ให้ความเห็น ขอ้ เสนอแนะ ให้ความเห็นชอบ ประเมินผล ตรวจสอบ ติดตามผล การบริหารกลุ่มงาน ประชาสมั พันธ์ จัดหา สนับสนุน สรา้ งภาคีเครือข่าย สนับสนุนปัจจัยทางการศึกษา องคค์ ณะในการบริหารกลุม่ งาน ประกอบด้วย ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาเป็นประธาน ผู้แทนชุมชน ผแู้ ทนครู ทป่ี รึกษา ผู้เชี่ยวชาญ นกั วิชาการ ผู้แทนองค์การปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ตัวแทนนั กเรียน ผู้แทนศิษยเ์ ก่า ผู้แทนผู้ปกครอง แนวทางในการดาเนินงานกลุ่มงานวิชาการ ประกอบด้วย จัดทาหลักสูตรและแผน การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ พัฒนาครแู หล่งเรียนรู้ใช้รูปแบบการประเมินผลการเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย กาหนดมาตรฐานการเรียนรตู้ ามความเหมาะสม พฒั นาปรับปรุงการประกันคุณภาพภายในอยา่ งต่อเนือ่ ง กลุม่ งานทรพั ยากรบคุ คล ประกอบด้วย การสรรหาบุคลากรตามกรอบอัตรากาลงั ขอการสนับสนุนบคุ ลากร จากชมุ ชน ประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน พจิ ารณาความดี ความชอบดว้ ยความยุติธรรม สนับสนนุ ปัจจัยใน การปฏิบตั ิงาน กลมุ่ งานงบประมาณ ประกอบด้วย จัดทางบประมาณแบบมุง่ เน้นผลงาน ระดมทรพั ยากรจาก ชุมชน ต้ังคณะกรรมการควบคุมการใช้งบประมาณ รายงานผลการใช้งบประมาณ กลุ่มงานบริหารทั่วไป ประกอบด้วย กาหนดนโยบายตามบริบทของสถานศกึ ษา จัดทาแผนยุทธศาสตร์ สรา้ งภาคเี ครือข่ายพัฒนา การศึกษา จดั จ้างครธู ุรการ จัดระบบบริการแบบเบด็ เสรจ็ ในจุดเดยี ว เบ็ญจม์ คาเมือง (2558) ได้ทาการศึกษาเรื่อง การบริหารงานทัว่ ไปในสถานศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลพบุรี เขต 2 ผลการศกึ ษา พบว่า 1) การดาเนินงาน การบริหารงาน ทัว่ ไปของสถานศึกษาขัน้ พ้ืนฐานสังกัดสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 2 พบว่า การดาเนินการในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้าน ที่มีการปฏิบตั ิสูงสุด คือ ด้านการ ประชาสัมพนั ธ์การศึกษา ด้านทม่ี ีการปฏบิ ตั ติ า่ สดุ คือ ดา้ นการจัดระบบการควบคุมภายในหนว่ ยงาน 2) ผล การเปรียบเทียบการบริหารงานทั่วไปในสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน สงั กัดสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษา

32 ประถมศกึ ษาลพบรุ ี เขต 2 จาแนกตามเพศ โดยภาพรวม และรายด้านมกี ารปฏิบตั ิ ไม่แตกต่างกัน 3) ผล การเปรียบเทียบความคดิ เห็นของบคุ ลากรเก่ียวกับการบริหารงานท่ัวไปในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 2 จาแนกตามขนาดของสถานศึกษา โดยภาพรวมมีการปฏิบัติ ไมแ่ ตกต่างกัน เมอ่ื พจิ ารณารายดา้ น พบวา่ ด้านงานเทคโนโลยแี ละระบบเครือข่ายสารสนเทศและดา้ น การส่งเสริมงานกิจการนกั เรียนปฏิบัตแิ ตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิตทิ รี่ ะดับ .05 กชธนณัฐ คาอินทร์ (2561) ได้ทาการศกึ ษาเร่อื ง การบริหารโดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐาน ในโรงเรียน ประถมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชัยนาท ผลการศกึ ษา พบว่า 1) การบริหา ร โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในโรงเรียนประถมศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาชัยนาท โดย ภาพรวม ค่าเฉลี่ย 3.69 อยู่ในระดับมาก ด้านท่ีมีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ ด้านหลักการบริหารตนเอง รองลงมา คือ ด้านหลักการกระจายอานาจ และรองลงมา คือดา้ นหลักการตรวจสอบและถ่วงดุล 2) การบริหารโดยใช้ โรงเรยี นเป็นฐาน ในโรงเรยี นประถมศกึ ษา สังกดั สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชยั นาท ด้านที่มี ค่าเฉล่ียต่าสุด คอื ดา้ นหลักการมีสว่ นร่วม ข้อท่มี ีค่าเฉลี่ยต่าสุด คือ คณะกรรมการสถานศึกษามสี ่วนร่วมใน การบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษา รองลงมาคือ ด้านหลักการคืนอานาจการจัดการศึกษาให้แก่ ประชาชน ข้อท่ีมีค่าเฉลยี่ ตา่ สุด คือ คณะกรรมการสถานศึกษา กากบั และติดตามการดาเนนิ งานตามแผน ของสถานศึกษา 3) การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานในโรงเรยี นประถมศกึ ษา สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา จาแนกตามขนาดของ สถานศกึ ษา โดยภาพรวมและรายด้าน พบว่า มีการปฏิบัติแตกต่างกันอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดบั .01 โดยที่สถานศึกษาขนาดใหญ่มีการปฏิบัติมากกว่าสถานศกึ ษาขนาดกลางและสถานศึกษาขนาดเล็ก ตามลาดบั นอ้ งนชุ เกา้ ลิ้ม (2550) ได้ศึกษากระบวนการเรยี นรู้ และปจั จยั ที่สนบั สนุนกระบวนการจดั การขยะ ของโรงเรียนบ้านกิโลสาม ตาบลท่าแยก อาเภอเมืองสระแก้วจังหวัดสระแก้ว พบว่ากระบวนการเรียนรู้ การจัดการขยะ แบ่งออกเปน็ 5 ขน้ั ตอน คือ การรับรู้และตระหนักในปญั หา การคิดวิเคราะหป์ ัญหา การกาหนดแนวทางแก้ปัญหา การดาเนนิ การแก้ไขปญั หาและการประเมินผล การแก้ไขปัญหา สาหรับ ลักษณะการเรียนรู้การจัดการขยะของนกั เรยี นโรงเรยี นบ้านกโิ ลสามเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในระบบ โรงเรียน และการเรียนรทู้ ี่เกิดข้ึนในวิถีชีวิต โดยรูปแบบกระบวนการ เรียนรสู้ อดคล้องกับทฤษฎีองค์การ เรยี นรขู้ อง Peter M. Senge ตามหลักการสาคัญ 5 ประการคอื การเป็นนายเหนอื ตน (Personal Mastery) ภาพจาลอง ความคดิ หรือ กรอบความเชอื่ (Mental Model) การสร้างวสิ ยั ทัศน์ร่วม (Shared Vision) การเรียนรรู้ ว่ มกัน เป็นทมี (Term Learning) และ วธิ ีคิดกระบวนระบบ (Systems Thinking) ปัจจัยท่สี นับสนนุ กระบวนการ เรียนร้ใู นการจัดการขยะ ไดแ้ ก่ รูปแบบการจัดการการเรียนการสอนทเ่ี อ้ือให้เกิดการเรยี นรู้ บทเรียน การเผชิญปัญหาร่วมกันในอดีต หลักการทางานแบบมีส่วนรว่ มระหว่างโรงเรยี นกับชุมชน รูปแบบ การบริหารงานของโรงเรยี น การไดร้ ับการสนบั สนุนจากภาครัฐ การมสี ว่ นสนบั สนนุ ของบคุ ลากรในกจิ กรรม ดา้ นตา่ งๆ และ แรงจงู ใจทไ่ี ด้รับด้านการมีส่วนร่วมระหว่างโรงเรียนและชุมชน ในการจดั การขยะในโครงการ ธนาคารขยะมีความสอดคล้องกับรูปแบบการมีส่วนร่วมของ Cohen and Uphoff ซ่ึงแบ่งการมีส่วนร่วมเป็น 4 ลกั ษณะ คอื การมสี ว่ นรว่ มตัดสนิ ใจ (Decision Making) การมีส่วนรว่ ม ปฏิบัติการ (Implementation) การมีส่วนรว่ มในผลประโยชน์ (Benefits) และการมีสว่ นร่วมในการ ประเมินผล (Evaluation) และเมื่อ ผู้วิจยั ทาการศึกษาผลประโยชน์ที่เกิดจากกระบวนการเรยี นรู้การ จัดการขยะ ในโครงการธนาคารขยะของ โรงเรียนบ้านกิโลสาม พบว่า ประโยชน์ที่เกดิ ขึ้นแบง่ ออกเป็น 3 ด้าน คอื ดา้ นนักเรียน ด้านโรงเรียนและดา้ น ชุมชนและครอบครวั โดยด้านนกั เรียน ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ในการสร้างอัตลักษณะพึงประสงค์ ทา ให้

33 นกั เรยี นเกิดกระบวนการเรียนรแู้ ละ 40 องค์ความรดู้ ้านการจัดการขยะ และทาให้เกดิ เครอื ข่าย การ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ในด้านโรงเรยี นก่อให้เกดิ ประโยชน์ในการก่อเกิด นวตั กรรมในการสร้างกระบวนการ เรียนรู้และนวัตกรรมในการแก้ปัญหาขยะและมีงบประมาณสาหรับ สนบั สนนุ การเรยี นการสอน ดา้ นผลประโยชน์ต่อชุมชนและครอบครัวกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในการทาให้ชุมชน มีสภาพแวดลอ้ มทดี่ ี ทาใหช้ าวบ้านในชุมชนมีเงินทนุ หมนุ เวียนทไี่ ดจ้ ากการฝากเงนิ ออมทรัพย์ ซ่ึงส่งผลต่อ ความสามารถในการพงึ่ พาตนเองได้ ข้อคน้ พบท่ไี ดจ้ ากการวจิ ัย ในกระบวนการเรียนการสอนของครูไดส้ รา้ ง บทเรียนที่เน้นประสบการณจ์ ริง โดยครูออกแบบกิจกรรมให้นกั เรียนได้ฝึกปฏิบตั ิเพ่ือสร้างคุณลักษณะที่ พึงประสงค์และกิจกรรมน้ันเป็นกิจกรรมท่ีมีวิธีการมองหาคณุ ค่าจากส่ิงท่เี ป็น ปัญหารวมทั้งการสร้าง วสิ ยั ทศั นเ์ ร่อื งใดๆ ก็ตามท่คี รูต้องการ ดว้ ยการทดลองให้นักเรียนเหน็ จนประสบผลสาเร็จเป็นรูปธรรม และมี กิจกรรมในเชิงปฏบิ ัติอยา่ งต่อเนอื่ งสมา่ เสมอสาหรับ ข้อเสนอแนะเพ่ือนาไปดาเนินการต่อ คอื ควรจดั ใหม้ ีการเรียนรู้ ในรูปแบบเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน การดาเนินงานด้วยการจัดเป็นพืน้ ทส่ี าธารณะสาหรับผมู้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ ง ทุกฝ่ายเพอื่ สร้าง ประสบการณ์เรียนรู้ร่วมกัน รวมทั้งผบู้ ริหารโรงเรียนควรเปน็ ผู้นาในการเปล่ยี นแปลงในเรื่องต่างๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับโรงเรียนและชุมชน นอกจากน้ีครูควรจัดการเรยี นการสอนท่ีเน้นบทบาทของ นกั เรียนโดยการสอนด้วยการฝึกปฏิบัติจากประสบการณ์จรงิ โดยจัดให้มกี ารศึกษา ค้นคว้า คดิ วิเคราะห์ ลงมอื ปฏิบัติ และสรุปองค์ความรู้ด้วยตวั นกั เรียนเอง พฒั นศกั ดิ์ จันทร์สมดุ (2550) ได้ศกึ ษาพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมลู ฝอยของนิสิต มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม พบวา่ นิสติ มีแรงจงู ใจสว่ นบคุ คลในการมีสว่ นรว่ มในการจัดการขยะมูลฝอย และ การรบั รู้ขอ้ มูลข่าวสารในการจัดการขยะมูลฝอย อยู่ในระดับปานกลาง และการมีส่วนร่วมในการจดั การขยะ มลู ฝอย อยู่ในระดับน้อยท่สี ดุ โดยนิสิตทเ่ี พศ อายุ ระดับการศึกษาคณะหรอื หน่วยงานต่างกัน มีพฤตกิ รรม การมสี ่วนรว่ มในการจดั การขยะมลู ฝอยต่างกัน อวยพร มีชัย (2553) ได้ศึกษาการสร้างจิตสานึกของประชาชนในการจัดการขยะมลู ฝอยของเทศบาล ตาบลเวยี งสระ อาเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยประเมนิ ผลการสรา้ งจติ สานกึ จากการเปลย่ี นแปลง การจัดการขยะมูลฝอย การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมและวิถกี ารดาเนินชวี ติ ประจาวนั ท่รี ะดับบุคคลในครวั เรือน การมีสว่ นร่วมของประชาชน ซง่ึ กระบวนการสร้าง จติ สานึก สรปุ ได้เปน็ 4 ส่วน คือ 1) การออกแบบระบบ การจดั การขยะมลู ฝอยของชมุ ชน ประกอบดว้ ย ระบบโครงสร้างในการจัดการขยะมูลฝอยของเทศบาล ตั้งแต่การจดั การขยะมูลฝอย การลดปรมิ าณขยะมูลฝอย การคัดแยกขยะมูลฝอย ระบบการเกบ็ ขนขยะ มลู ฝอย การกาจัดขยะมลู ฝอย 2)กระบวนการ บทบาทหนา้ ทขี่ องผู้เกี่ยวข้องกับการจดั การระดบั ครัวเรอื น ระดบั หน่วยงาน องคก์ ร เช่น ระดับครวั เรือนใช้หลกั การจัดการขยะมูลฝอยแบบครบวงจร ระดับเทศบาล มกี าร วางแผน การจัดองค์กร การจัดหาบุคลากร การจัดสรรงบประมาณ เนอ่ื งจากการเตรียมการในเร่อื ง ดงั กล่าวจะทาให้เกิดความพรอ้ มในการจัดการขยะมูลฝอย มีรปู แบบของการจัดการท่ีเหมาะสม ทาให้เกิด ประสิทธิภาพในการจัดการขยะมลู ฝอย 3) กระบวนการพฒั นาการมีส่วนร่วมของชุมชน (การสร้างชุมชน ตน้ แบบ) ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและร่วมมือในการจัดการขยะมูลฝอย แบ่งหน้าท่แี ละมอบหมายให้ ทาหน้าท่ใี นแต่ละฝ่าย 4) กระบวนการเปล่ียนแปลงหรือผลลัพธ์ หรอื ผลกระทบท่ีเกิดข้ึนระดับบคุ คล ครัวเรือน ชุมชน และระดับองค์กร หน่วยงาน ทาให้ครัวเรือนมีรายได้จากขยะมลู ฝอย ลดปรมิ าณขยะใน ชุมชน ชุมชนมคี วามสะอาด เป็นระเบียบเรียบรอ้ ย ชมุ ชน เกิดรักใคร่ ความสามัคคกี ่อให้เกิดความรว่ มมือ และมีส่วนรว่ มในชมุ ชน เทศบาล รวมท้งั เกดิ ภาพลักษณท์ ด่ี ีตอ่ เทศบาล

34 ดาราวรรณ บวั วัฒนา (2550) ได้ศึกษาการถา่ ยทอด ความรู้เร่อื งการจดั การขยะในกลุม่ นกั เรียน อาชีวศึกษา โดยถ่ายทอดองค์ความรเู้ รื่องการจัดการขยะผ่านกิจกรรม เช่น กิจกรรมละลายพฤติกรรม การคดั แยกขยะ การประเมินราคาขยะ และการสาธิตการทาป๋ยุ หมัก จากนั้นให้นักเรียนทาแบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธ์ิ พบว่า นกั เรียนกลมุ่ ตัวอย่างมผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นก่อนและหลัง ถ่ายทอดความรูแ้ ตกตา่ ง กันอย่างมีนัยสาคญั ที่ระดับ 0.05 แสดงวา่ การถ่ายทอดความรู้เร่ืองการจดั การขยะมีประสิทธิภาพทาให้นักเรยี น กลุ่มตัวอย่างมีความรู้เพ่มิ ขน้ึ และนกั เรยี นแสดงความคิดเห็นว่าการถ่ายทอดความรู้เรื่องการจัดการขยะมี ความเหมาะสมในระดบั มาก ไพลิน หงษเ์ จริญ (2550) ได้เสนอแนวทางการจัดการขยะมลู ฝอยในโรงเรียนโพนทองพิทยา อาเภอเมือง จังหวดั ชยั ภมู ิ ดงั นี้ 1) สง่ เสรมิ และปลูกจิตสานกึ ในการดูแลรักษาสิ่งแวดลอ้ ม และการทิง้ ขยะมูลฝอย 2) ใหค้ วามรเู้ ก่ียวกับเร่ืองขยะมลู ฝอย ได้แก่โทษของการท้ิงขยะไม่ถกู ทก่ี ารคัดแยกขยะมลู ฝอย การใช้ประโยชนจ์ ากขยะ 3) การสรา้ งเตาเผาขยะมูลฝอย 4) สอดแทรก ความรู้เกี่ยวกบั ขยะมูลฝอยในชวั่ โมงเรยี น 5) สง่ เสริมให้ใชว้ สั ดธุ รรมชาตหิ รอื วัสดทุ ีย่ ่อยสลายงา่ ย 6) จดั กิจกรรมเกีย่ วกับการอนรุ ักษ์ส่งิ แวดล้อมและการใชป้ ระโยชนจ์ ากขยะมูลฝอย วชิ ชา ชาครพิพัฒน์ (2550, บทสรปุ ) ไดศ้ กึ ษาพลังงานไฟฟา้ จากขยะมูลฝอย สรปุ ได้วา่ การกาจัด ขยะของกรงุ เทพมหานคร ใช้วธิ กี าร 2 วธิ ี คอื การทาปยุ๋ หมกั ด้วยวธิ ี Compost ใช้ขยะประมาณ 1,000 ตัน ต่อวัน และใช้ระบบฝงั กลบท่ีบ่อฝังกลบ อาเภอกาแพงแสน จังหวัดนครปฐม และบ่อฝังกลบ อาเภอ พนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา การฝังกลบเป็นวธิ กี ารกาจดั ขยะทง่ี า่ ยและต้นทนุ ต่ากว่าวธิ ีอ่ืน มกี ารนามา ผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชวี ภาพ แต่ในระยะยาวจะมีปญั หาจากพ้นื ทฝี่ ังกลบ และจะสง่ กลน่ิ เหม็นรบกวน ดงั นน้ั การกาจัดขยะโดยใช้เทคโนโลยรี ะบบ Anaerobic Digestion และระบบเผาทาลายดว้ ยความร้อน ย่อมเปน็ สิ่งที่เป็นไปไดใ้ นอนาคตอันใกล้ การผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากระบบกาจัดขยะมูลฝอยจะมีความ เปน็ ไปไดม้ ากข้นึ ปาจรีย หละตา (2550 : บทคัดย อ) ไดทาการศึกษาเรื่อง พฤติกรรมการจัดการขยะของ ครอบครัวรมิ ทะเลสาบสงขลา เทศบาลตาบลสิงหนคร จังหวัดสงขลา มีวัตถุประสงค เพ่อื 1) ศึกษา พฤติกรรมการจัดการขยะ ของครอบครัวริมทะเลสาบสงขลา เทศบาลตาบลสิงหนคร จังหวัดสงขลา 2) ศึกษาความสัมพันธระหวางคุณลกั ษณะของหัวหนาครอบครัวกับพฤตกิ รรมการจัดการขยะ ของครอบครัว ริมทะเลสาบสงขลา กลุมตัวอยางเปนหวั หนาครอบครัวที่อาศัยอยูในชุมชนริมทะเลสาบสงขลา ในเขต เทศบาลตาบลสงิ หนคร จังหวัดสงขลา จานวน 392 คน ซึง่ ไดมาโดยวธิ ีการสุม แบบหลายขนั้ ตอน เครอ่ื งมือท่ี ใชในการวจิ ยั เปนแบบสอบถาม ทผ่ี ูวิจัยไดพัฒนาขึ้น จานวน 1 ฉบบั และสถติ ิทีใ่ ชในการวิเคราะหขอมูล ไดแก คาเฉล่ยี คารอยละ คาเบีย่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบไคสแควรและการทดสอบคาที ผลการศึกษา พบวา 1) ครอบครัวในชุมชนรมิ ทะเลสาบสงขลา ในเขต เทศบาลตาบลสิงหนคร จังหวัดสงขลา มพี ฤตกิ รรมการจดั การขยะถูกตองตามหลกั สขุ ลักษณะใน ระดบั สูง 2) คุณลักษณะของหัวหน าครอบครัวท่ีมีความสมั พันธ กับพฤตกิ รรมการจัดการขยะของ ครอบครวั ท่รี ะดับนัยสาคัญทางสถิติ 0.05 ประกอบดวย 4 ปจจัย คือ เพศ อายุ อาชพี และระดับความรู

35 เกีย่ วกับการจัดการขยะของหวั หนาครอบครัว สวนคุณลักษณะอกี 3 ประการ คือ ระดบั การศึกษา ระดับ รายได และระดับการรับรูขาวสารในการจัดการขยะไมมคี วามสมั พันธกับพฤติกรรมการจัดการ ขยะของ ครอบครวั ในชมุ ชนรมิ ทะเลสาบสงขลา จากงานวิจัยท่ีได้กล่าวมาผวู้ ิจัยเห็นว่าปัญหาขยะท่ีเกิดข้ึนน้ันลว้ นเป็นปัญหาจากพฤติกรรม การละทงิ้ การเพิกเฉยตอ่ ปญั หา เพราะคิดว่าไม่ใช่หนา้ ท่ี ไมม่ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี จากการแก้ปญั หา ถ้าหากจะ แก้ปัญหาการจัดการขยะให้บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ได้นา่ จะเปน็ การร่วมมือร่วมใจ ผู้วจิ ัยจึงหาแนวทางท่ี เหมาะสมในการจดั การปัญหาขยะในโรงเรียนเป้าหมายโดยวิธกี ารมีสว่ นรว่ มผู้บรหิ าร ครู นกั เรียน ชุมชน 2.5.2 งานวจิ ยั ตา่ งประเทศ จากการศกึ ษางานวจิ ัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับพฤตกิ รรมการจดั การขยะมลู ฝอย สรปุ ไดด้ ังนี้ ไดยาร์ (Dyar.1976 : 110-111) ได้ศึกษา ทัศนคติและพฤติกรรมเก่ียวกับส่งิ แวดล้อมนักเรียน เกร ด 7 (Assesing the environmental attitude and behavior of a seventh grade school population) โดยมีวตั ถุประสงค์เพ่ือศกึ ษาทัศนคติ และพฤติกรรมของเดก็ นักเรยี น ตามตวั แปรภมู ิลาเนา เดิม ความสามารถในการเรียนและฐานะทางเศรษฐกิจ กลุ่มตัวอย่างเป็นนกั เรยี นเกรด 7 จานวน 637 คน ซ่ึงแตกตา่ งกนั ในด้านภมู ลิ าเนาเดิม เขตเมือง เขตฉานเมือง และเขตชนบทผลการวิจยั พบวา่ เดก็ ที่อยู่ในเขต ชนบทมีความห่วงกังวลต่อปัญหาส่ิงแวดลอ้ มมากทีส่ ุด ส่วนเด็กท่ีอย่ใู นเขตเมืองมีความกงั วลต่อปัญหา สง่ิ แวดล้อมน้อยท่ีสุด เดก็ ท่ีมีความสามารถในการเรยี นในระดบั สงู และกลางมีความห่วงกังวลต่อปญั หา สิ่งแวดล้อมมากกว่าเด็กที่มีความสามารถในการเรยี นในระดับต่า ฐานะทางเศรษฐกจิ มผี ลกระทบต่อทัศนคติ และพฤตกิ รรมเพยี งเล็กน้อยเด็กผู้หญงิ มีระดบั ทัศนคติ และพฤติกรรมทางส่ิงแวดล้อมต่ากว่าเด็กผูช้ าย เล็กน้อย จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ยี วขอ้ งจึงทาให้ผ้วู ิจยั ต้องการศึกษารูปแบบการบริหาร จดั การขยะทวั่ ไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร เพอื่ จะได้รบั รู้ถึง วธิ ีการแก้ปัญหาขยะทว่ั ไปของโรงเรยี น อันท่จี ะได้นาไปสกู่ ารวางแผน และแก้ปญั หาการจดั การขยะทัว่ ไป ของโรงเรียนตอ่ ไป และเพ่อื ให้ไดร้ ูปแบบการบริหารจัดการแบบมสี ่วนร่วมในการบริหารจัดขยะทวั่ ไป ทีเ่ หมาะสมกบั สภาพบริบทของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ สังกัดสานักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษา ลาปาง เขต 1 ส่งผลให้คณะครแู ละนักเรียนโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ มีความรู้ความเขา้ ใจในการบรหิ ารจัดการ ขยะทั่วไป มีสว่ นร่วมในการแก้ปญั หาขยะทั่วไปภายในโรงเรยี นและสามารถนาความรู้ไปปรับใชใ้ หเ้ กิด ประโยชน์ตอ่ ไป

บทที่ 3 วิธดี ำเนนิ กำร การศึกษาวิจัยการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการ บรหิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร ผวู้ จิ ัยมีวธิ ดี าเนินการ ดงั น้ี 3.1 ประชำกร ประชากรที่ใช้ในการวจิ ัยในครงั้ นี้เปน็ ครูผู้สอนและนกั เรียนโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ สังกัด สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ปีการศึกษา 2564 จานวน 15 คน จาแนกเปน็ 1) ครผู สู้ อน จานวน...2...คน 2) นักเรียน จานวน....13.... คน 3.2 เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในกำรศกึ ษำ เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ครง้ั น้ี ประกอบด้วย 3.2.1 แบบสอบถามสภาพปัญหาในการบรหิ ารจดั การขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ 3.2.3 แบบประเมินการบริหารจัดการขยะทั่วไป ของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้ หลกั การบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร 3.2.4 แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียน บา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบริหารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร 3.3 วธิ ีดำเนนิ กำร การศึกษาวิจัยการบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรียน บ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลัก การบรหิ ารแบบมสี ่วนร่วม 5 ร มวี ิธีดาเนินการ ดังนี้ 3.3.1 แบบสอบถามสภาพปัญหาในการบรหิ ารจัดการขยะทวั่ ไปของโรงเรยี นบา้ นแม่งาวใต้ 1) ศกึ ษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎีท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการจัดทาแบบสอบถามสภาพปัญหาใน การบริหารจดั การขยะทั่วไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ 2) ยกรา่ งแบบสอบถามสภาพปญั หาในการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียน บา้ นแม่งาวใต้ 3) นาร่างแบบสอบถามสภาพปญั หาในการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียน บา้ นแม่งาวใต้ เสนอต่อผ้เู ช่ียวชาญ จานวน 3 คน เพื่อตรวจสอบความเปน็ ไปได้ ความเหมาะสม และ ความเปน็ ประโยชน์ ประกอบดว้ ย (1) ดร.เอกฐสทิ ธ์ิ กอบกา ผอู้ านวยการกลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล การจัดการศึกษา สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1

37 (2) นางศรีจนั ทร์ ทรายใจ ศกึ ษานิเทศกช์ านาญการพเิ ศษ สานกั งานเขตพน้ื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 (3) นายวีรยุทธ์ ควรคิด ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นอ้อน สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 4) ปรับปรุงแบบสอบถามสภาพปัญหาในการบริหารจดั การขยะทวั่ ไปของโรงเรยี น บา้ นแม่งาวใต้ ตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ช่ยี วชาญ 5) นาแบบสอบถามสภาพปัญหาในการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียน บ้านแมง่ าวใต้ ทีป่ รบั ปรงุ เรยี บรอ้ ยแล้ว เสนอต่อผเู้ ชี่ยวชาญอีกคร้ังหน่ึง 6) นาแบบสอบถามสภาพปัญหาในการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียน บา้ นแมง่ าวใต้ ไปใช้กับกลุ่มประชากร ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 15 คน 3.3.2 แบบประเมินการบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้ หลกั การบริหารแบบมสี ่วนรว่ ม 5 ร 1) ศึกษาเอกสาร แนวคดิ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับประเมินการบริหารจัดการขยะทัว่ ไป ของโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม 5 ร 2) ยกร่างแบบประเมินการบรหิ ารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดย ใชห้ ลกั การบรหิ ารแบบมสี ว่ นร่วม 5 ร 3) นารา่ งยกรา่ งแบบประเมินการบรหิ ารจัดการขยะทวั่ ไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบริหารแบบมีส่วนร่วม 5 ร เสนอต่อผูเ้ ช่ียวชาญ จานวน 3 คน เพือ่ ตรวจสอบความ เป็นไปได้ ความเหมาะสม และความเปน็ ประโยชน์ ประกอบดว้ ย (1) ดร.เอกฐสิทธิ์ กอบกา ผ้อู านวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล การจดั การศกึ ษา สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 (2) นางศรจี นั ทร์ ทรายใจ ศึกษานเิ ทศกช์ านาญการพิเศษ สานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 (3) นายวรี ยุทธ์ ควรคิด ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านอ้อน สานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 4) ปรับปรุงแบบประเมินการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมีสว่ นร่วม 5 ร ในโรงเรยี นตามข้อเสนอแนะของผู้เช่ยี วชาญ 5) นาแบบประเมนิ การบริหารจัดการขยะทว่ั ไปของโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้ หลักการบริหารแบบมสี ว่ นร่วม 5 ร ท่ีปรบั ปรุงเรียบร้อยแล้ว เสนอต่อผเู้ ชยี่ วชาญอกี คร้ังหนึ่ง 6) แบบประเมินการบริหารจัดการขยะทวั่ ไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้ หลักการบริหารแบบมีส่วนรว่ ม 5 ร ไปใช้กบั กลุม่ ประชากร ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 15 คน 3.3.3 แบบสอบถามความพึงพอใจ ท่ีมีต่อการบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรียน บ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมีสว่ นร่วม 5 ร 1) ศึกษาเอกสาร แนวคดิ ทฤษฎที ่ีเกี่ยวข้องกับแบบสอบถามความพึงพอใจ 2) ยกรา่ งแบบสอบถามความพงึ พอใจ

38 3) นาร่างแบบสอบถามความพึงพอใจ เสนอตอ่ ผู้เช่ียวชาญ จานวน 3 คน เพ่ือ ตรวจสอบความเปน็ ไปได้ ความเหมาะสม และความเป็นประโยชน์ ประกอบด้วย (1) ดร.เอกฐสิทธิ์ กอบกา ผู้อานวยการกลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล การจัดการศกึ ษา สานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 (2) นางศรีจันทร์ ทรายใจ ศกึ ษานเิ ทศกช์ านาญการพเิ ศษ สานักงานเขตพนื้ ท่ี การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 (3) นายวรี ยุทธ์ ควรคิด ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านอ้อน สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 4) ปรับปรุงแบบสอบถามความพงึ พอใจตามขอ้ เสนอแนะของผู้เช่ียวชาญ 5) นาแบบสอบถามความพึงพอใจที่ปรับปรุงเรียบร้อยแลว้ เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ อกี ครง้ั หน่ึง 6) น า แบบสอบถามควา มพึงพอใจ ใน กา รบริหาร ขยะทั่วไป ของโร งเรียน บา้ นแมง่ าวใต้ ไปใชก้ ับกลมุ่ ประชากร ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 15 คน 3.4 กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผวู้ จิ ยั ดาเนนิ การเก็บรวมรวมขอ้ มูลด้วยตนเอง ดงั นี้ 1. ติดตามประเมินผลการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้ หลกั การบรหิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร ระหว่างเดอื นกรกฎาคม – กันยายน 2564 2. สอบถามความพึงพอใจครูผู้สอนและนักเรียนของโรงเรียนบ้าน แม่งาวใต้ ที่มีต่อ การบริหารจดั การขยะทวั่ ไป เดือน กันยายน 2564 3.5 กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล ผวู้ ิจัยดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ดังน้ี 1. แบบสอบถามสภาพปัญหาในการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ นามาสรุป เปน็ การสรุปแบบสอบถามปลายเปดิ ลักษณะบรรยายเป็นความเรยี ง 2. แบบประเมินการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การ บรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร นามาหาคา่ เฉลยี่ (µ) และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน () ค่าเฉล่ยี 4.51 – 5.00 หมายถงึ มีการปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั มากทสี่ ุด ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 หมายถึง มีการปฏบิ ัตอิ ยใู่ นระดบั มาก คา่ เฉลี่ย 2.51 – 3.50 หมายถงึ มีการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลีย่ 1.51 – 2.50 หมายถึง มีการปฏิบตั ิอยู่ในระดบั นอ้ ย คา่ เฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายถึง มีการปฏิบตั ิอย่ใู นระดับน้อยท่สี ุด

39 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของครูผสู้ อน และนักเรียน ท่ีมตี ่อการบรหิ ารจัดการขยะ ทวั่ ไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม 5 ร นามาหาค่าเฉล่ีย (µ ) และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน () แล้วนาคา่ เฉลีย่ (µ) มาสรุป ตามเกณฑ์คุณภาพ ดงั น้ี ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถึง มีความคดิ เห็นอยใู่ นระดับมากทส่ี ุด ค่าเฉลย่ี 3.51 – 4.50 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นอยู่ในระดบั มาก ค่าเฉล่ีย 2.51 – 3.50 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นอยู่ในระดบั ปานกลาง คา่ เฉลย่ี 1.51 – 2.50 หมายถงึ มีความคดิ เหน็ อยูใ่ นระดับน้อย ค่าเฉล่ยี 1.00 – 1.50 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ อยู่ในระดับนอ้ ยทีส่ ุด 3.6 สถติ ทิ ี่นำมำใชใ้ นกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล สถติ ิทีน่ ามาใช้การวเิ คราะห์ข้อมูลในครงั้ นี้ ดงั น้ี 1. ผลทไ่ี ด้จากการประเมินการบรหิ ารจดั การขยะท่ัวไปของโรงเรยี นบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้ หลักการบริหารแบบมีสว่ นร่วม 5 ร และแบบสอบถามความพงึ พอใจท่ีมีตอ่ การบริหารจัดการขยะ ท่วั ไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใชห้ ลักการบรหิ ารแบบมสี ่วนร่วม 5 ร นามาหาค่าเฉล่ีย (µ) ค่า ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () ใชส้ ตู ร ดังนี้ µ = X N X หมายถึง ขอ้ มูล X หมายถงึ ผลรวมของขอ้ มลู ท้งั หมด N หมายถงึ จานวนของข้อมลู ทีม่ ที งั้ หมด  = N X2 ( X)2 N(N1)  หมายถงึ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน X หมายถึง ขอ้ มูลแตล่ ะตัว N หมายถงึ จานวนขอ้ มลู ทั้งหมด

บทที่ 4 ผลการศึกษา ผลการวิเคราะห์การบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลัก การบริหารแบบมสี ว่ นร่วม 5 ร ผวู้ จิ ัยนาเสนอผล แบ่งเป็น 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 สภาพปัญหาในการบริหารจดั การขยะทว่ั ไปของโรงเรียนบา้ นแม่งาวใต้ ตอนท่ี 2 ผลการประเมินการบริหารจดั การขยะทั่วไปของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้ หลักการบริหารแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร ตอนที่ 3 ความพึงพอใจของครผู ู้สอนและนักเรียนทีม่ ีตอ่ การบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไปของ โรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม 5 ร

41 ตอนท่ี 1 สภาพปญั หาในการบรหิ ารจดั การขยะทัว่ ไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ เป็นการนาเสนอสภาพปัญหาในการบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยการใช้คาถามปลายเปิดสอบถามใน 3 ด้านคือ ด้านปัญหาขยะทั่วไปทีพ่ บในโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ ดา้ นกระบวนการบริหารจัดการขยะท่ัวไปที่โรงเรียนกาลังดาเนินการอยู่ และด้านความคิดเห็น ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ ซงึ่ จะนาเสนอในรปู การบรรยายดงั น้ี ดา้ นที่ 1 ปัญหาขยะทั่วไปท่ีพบในโรงเรยี นบา้ นแมง่ าวใต้ จากการรวบรวมแบบสอบถามปลายเปิดจากครูผสู้ อนและนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ เกี่ยวกับปัญหาขยะทั่วไปที่พบในโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ พบว่า ปัญหาขยะทั่วไปที่พบมากที่สุดคือ ปริมาณขยะท่วั ไปมีมาก ไมม่ ีบรเิ วณที่กาจดั เพียงพอ และมีขยะเรีย่ ราดในบริเวณโรงเรยี น รองลงมา คอื การท้ิงขยะโดยไมม่ ีการคดั แยกทาให้ขยะปะปนกันทั้งขยะที่สามารถรไี ซเคิลได้และขยะท่ัวไปทไี่ ม่ สามารถรีไซเคิลได้ จงึ ยากแก่การนาขยะรีไซเคิลมาใช้ประยชนต์ ่อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่คณะครู และนักเรียนขาดความตระหนักในการคัดแยกขยะ ไม่เห็นคณุ ค่าของขยะที่สามารถนามารีไซเคิลได้ อกี ทงั้ ยังไมม่ ีความรูค้ วามเข้าใจในการคัดแยกขยะ ด้านท่ี 2 กระบวนการบริหารจดั การขยะทั่วไปทโ่ี รงเรียนกาลงั ดาเนินการอยู่ จากการรวบรวมแบบสอบถามปลายเปิดจากครูผสู้ อนและนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ เกย่ี วกับกระบวนการบริหารจัดการขยะท่วั ไปทโ่ี รงเรียนกาลงั ดาเนินการอยู่ในโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ พบวา่ กระบวนการบรหิ ารจัดการขยะทว่ั ไปของโรงเรยี นบา้ นแม่งาวใต้นนั้ ยังขาดการบริหารจดั การท่ี เป็นระบบ ไมม่ กี ารจดั เตรยี มถงั ขยะแยกประเภท และไมม่ ีจุดท้ิงขยะทเ่ี หมาะสม ทาใหเ้ กิดปญั หาการ ทง้ิ ขยะเรยี่ ราด และไมม่ ีคัดแยกขยะ นอกจากน้ีนกั เรียนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการคัดแยกขยะ เนือ่ งจากครผู ู้สอนขาดการบูรณาการความรเู้ กย่ี วกับการคัดแยกขยะเขา้ สู่กล่มุ สาระการเรียนรู้ต่างๆ เนื่องจากไม่มีการกาหนดนโยบายชัดเจนให้มีการบูรณาการความรู้เก่ียวกับการคัดแยกขยะเข้าสู่ บทเรียน ด้านที่ 3 ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ จากการรวบรวมแบบสอบถามปลายเปิดจากครูผู้สอนและนักเรยี นโรงเรียนบ้านแม่งาวใ ต้ เกย่ี วกับความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม พบว่า มกี ารเสนอแนะความคิดเหน็ เพิ่มเติมคือ การจัด กจิ กรรมสรา้ งสรรคข์ ยะให้เกิดประโยชนเ์ ช่น การนาเศษวัสดุมาประดษิ ฐ์เปน็ ของเลน่ ของใช้ หรอื การ สรา้ งคณุ คา่ ใหก้ ับขยะด้วยการเปดิ รับซอ้ื ขยะรีไซเคลิ สภาพดีสามารถใหน้ กั เรยี นนาขยะเหล่านนั้ มาขาย ให้กับโรงเรียนเพื่อท่ีครูผู้สอนจะนาไปใชเ้ ป็นวัสดอุ ุปกรณ์ในการประดิษฐ์ต่างๆ นอกจากน้ียังมกี าร เสนอใหน้ ากล่องนมมาประดษิ ฐ์เปน็ ของใช้แทนการนากลอ่ งนมไปขายเพราะไดเ้ งินน้อยกว่าการนามี ประดษิ ฐ์เปน็ ของใช้

42 ตอนท่ี 2 ผลการประเมินการบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลัก การบริหารแบบมีสว่ นร่วม 5 ร เปน็ การนาเสนอผลการประเมินการบริหารจัดการขยะท่ัวไปของโรงเรยี นบ้านแม่งาวใต้ โดยใชห้ ลักการบรหิ ารแบบมสี ่วนรว่ ม 5 ร ซง่ึ แบง่ ออกเปน็ 3 ด้าน ไดแ้ ก่ ด้านการวางแผนการบรหิ าร จดั การขยะทั่วไปของโรงเรียน ด้านการจัดกจิ กรรมเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะท่ัวไป และด้านผลที่ เกดิ กบั ผเู้ รยี น ผวู้ ิจยั ขอนาเสนอผลการประเมินในแต่ละด้าน และภาพรวมดังตารางท่ี 4.1-4.4 ดังนี้ ตารางท่ี 4.1 แสดงค่าเฉลี่ย (μ ) และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( ) ผลการประเมินการบริหาร จัดการขยะทวั่ ไปของโรงเรียนบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลกั การบริหารแบบมีสว่ นร่วม 5 ร ในภาพรวม รายการ การปฏบิ ตั ิ การ μ แปลความ 1.ด้านการวางแผนการบรหิ ารจัดการขยะทวั่ ไปของโรงเรยี น 4.33 0.60 2.ดา้ นการจัดกจิ กรรมเกย่ี วกับการบริหารจดั การขยะทัว่ ไป 4.50 0.53 มาก 3.ดา้ นผลทเ่ี กดิ กบั ผ้เู รยี น มากที่สดุ 4.38 0.58 รวม 4.40 0.57 มาก มาก จากตารางท่ี 4.1 ผลการประเมินการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบ้านแม่งาวใต้ โดยใช้หลักการบริหารแบบมสี ่วนร่วม 5 ร พบว่า ในภาพรวม อยใู่ นระดับมาก (μ = 4.40) เมื่อ พิจารณาในแต่ละดา้ น สว่ นใหญอ่ ยู่ในระดับมาก โดยที่ด้านการจดั กิจกรรมเกยี่ วกับการบริหารจัดการ ขยะทัว่ ไป มคี ่าเฉลยี่ สูงสุด (μ = 4.50) และด้านการวางแผนการบรหิ ารจัดการขยะท่ัวไปของ โรงเรียน มคี ่าเฉล่ยี ตา่ สุด (μ = 4.33)