Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการบริหารจัดการขยะโรงเรียนบ้านแม่

คู่มือการบริหารจัดการขยะโรงเรียนบ้านแม่

Published by วชิรวิชญ์ กวดนอก, 2021-09-07 09:06:12

Description: คู่มือการบริหารจัดการขยะโรงเรียนบ้านแม่

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การบริหารจดั การขยะทั่วไป ของโรงเรยี นบ้านแมง่ าวใต้ โดยใช้หลักการบรหิ ารแบบมีสว่ นร่วม 5 ร โรงเรยี นบา้ นแมง่ าวใต้ ต.บา้ นร้อง อ.งาว จ.ลาปาง สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 สานักคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน

ก คานา ด้วยสภาพการณ์วกิ ฤตของสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอยา่ งย่ิงปัญหาเรอื่ งขยะ นับเป็นเรอ่ื งใกลต้ ัว ทส่ี ง่ ผลอย่างรุนแรงต่อสขุ อนามยั การแก้ปญั หาระยะยาวจงึ ต้องเรมิ่ ต้นจากจดุ เลก็ ๆ โดยการสรา้ งสรรคค์ วามรู้ ความเข้าใจและปลกุ จิตสานกึ ท่ีดีให้แกน่ ักเรียน ซึ่งเป็นวัยที่มีพลังสร้างสรรค์และมีศกั ยภาพในการเรยี นรู้และ สามารถปฏิบัติ เพอ่ื รกั ษาสิ่งแวดลอ้ มในพน้ื ที่ไดอ้ ยา่ งดี โรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ ไดต้ ระหนกั เห็นความสาคัญของประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล ในการทา วจิ ัย เร่อื งการบริหารจัดการขยะทั่วไปของโรงเรียนบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใช้หลักการบรหิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร และไดจ้ ดั ทาเอกสารค่มู ือ “จัดการขยะทั่วไปของโรงเรยี นบา้ นแมง่ าวใต้ โดยใชห้ ลกั การบริหารแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร” ขึ้นเพือ่ ให้โรงเรยี นสามารถนาไปใชเ้ ป็นกรอบแนวทางในการจัดการขยะในโรงเรียนให้เปน็ มาตรฐานและ ทศิ ทางเดยี วกันเพอ่ื ประโยชนส์ ูงสุดของนักเรยี น ขอขอบพระคณุ คณะท่ีปรกึ ษาและคณะทางานทุกทา่ น ทท่ี ุ่มเทความคิดและกาลังใจร่วมกัน จดั ทาคู่มือจนสาเรจ็ ลุลว่ งไว้ ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอยา่ งย่ิงวา่ คู่มือน้ี จะเป็นประโยชนต์ ่อโรงเรียนในการ ดาเนินการใหบ้ รรลุผลตามวตั ถุประสงคต์ ่อไป สริ ิกุล กจิ สวสั ดิ์ไพศาล

สารบญั 0 ข คานา สารบญั หน้า สว่ นท่ี 1 บทนำ ก 1.1 ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปัญหำ ข 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1.3 ประโยชนท์ ค่ี ำดว่ำจะได้รับ 1 1 ส่วนท่ี 2 แนวคิดทฤษฎีแนวคิดและทฤษฎีกำรบรหิ ำรจัดกำรขยะ 3 2.1 แนวคิดและทฤษฎีท่ีเกย่ี วขอ้ งกับกำรบริหำรจดั กำร 3 2.2 แนวคิดและทฤษฎที เ่ี ก่ียวขอ้ งกับขยะในโรงเรยี น 2.3 แนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กี่ยวข้องกบั กำรพฒั นำหรอื สร้ำงคู่มือ 4 5 สว่ นท่ี 3 รูปแบบกำรบรหิ ำรจดั กำรขยะทัว่ ไป 13 28 ส่วนที่ 4 กิจกรรมกำรแก้ปัญหำขยะ.ในโรงเรยี น 4.1 กิจกรรมคัดแยกขยะ 30 4.2 กิจกรรมเปลี่ยนขยะเป็นเงิน 4.3 กจิ กรรมกล่องนมมคี ำ่ อย่ำทง้ิ 33 4.4 กิจกรรมประดิษฐ์ของเล่นของใชจ้ ำกเศษวัสดุ 33 35 บรรณานุกรม 36 คณะผ้จู ดั ทา 38 42 44

1 ส่วนท่ี 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา ในครำวประชุมคณะรัฐมนตรีเม่ือวนั ที่ 3 พฤษภำคม 2559 คณะรฐั มนตรไี ด้มีมติเห็นชอบ แผนแม่บทกำรบริหำรจัดกำรขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ.255 9 -256 4) ตำมที่กระทรวง ทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อมเสนอเพ่ือใช้เป็นกรอบและทศิ ทำงในกำรดำเนนิ กำรแก้ไขปัญหำ กำรจัดกำรขยะมูลฝอยและขยะอนั ตรำยของประเทศ ซ่ึงมสี ำระสำคัญใหเ้ กิดกำรจัดกำรขยะมูลฝอย อย่ำงครบวงจร โดยกำรมสี ว่ นร่วม จำกทกุ ภำคสว่ น ท้ังภำครัฐ ภำคเอกชน และภำคประชำสงั คม มุ่งสู่ กำรแกไ้ ขปญั หำขยะอย่ำงยั่งยนื ลดผลกระทบปัญหำด้ำนสิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงมีวิธีกำรที่สำคัญได้แก่ กำรลด กำรเกิดขยะมูลฝอยหรือขยะอันตรำยทแ่ี หล่งกำเนิด กำรนำขยะมูลฝอยกลับมำใช้ซำ้ และใชป้ ระโยชน์ ใหม่ กำรเก็บขนขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภำพ กำรกำจัดขยะมลู ฝอยด้วยวธิ ีกำรทถี่ ูกต้องตำมหลัก วชิ ำกำร กำรสง่ เสริมภำคเอกชนให้เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรแปรรูปขยะมู ลฝอยเป็นพลังงำนหรือ เชอ้ื เพลงิ ในแผนยุทธศำสตรช์ ำตริ ะยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ได้กำหนดวสิ ยั ทัศน์ “ประเทศไทย มคี วำมม่ันคง ม่ังคั่ง ย่ังยนื เป็นประเทศท่ีพัฒนำแล้ว ด้วยกำรพัฒนำตำมปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง” โดยในมิติ “ควำมย่ังยืน” ได้ระบุถึงกำรพัฒนำที่สำมำรถสร้ำงควำมเจริญรำยได้และ คุณภำพชีวิตของประชำชนให้เพิ่มข้ึนอย่ำงต่อเน่ือง ซง่ึ เป็นกำรเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ ไม่ใช้ ทรัพยำกรธรรมชำติเกินพอดี ไมส่ ร้ำงมลภำวะต่อสง่ิ แวดล้อมจนเกนิ ควำมสำมำรถในกำรรองรับและ เยียวยำของระบบนิเวศน์ กำรผลิตและกำรบริโภคที่เป็นมิตรกับส่ิงแวด ล้อมและสอดคล้องกับ กฎระเบยี บของประชำคมโลกซง่ึ เปน็ ทีย่ อมรับรว่ มกนั (กระทรวงมหำดไทย, 2563 : 2) ปัจจุบนั มีกำรขยำยตัวของชุมชนและมีจำนวนประชำกรเพิม่ มำกข้ึน ปริมำณขยะมูลฝอย ก็มำกขึ้นเป็นเงำตำมตัวจำกกำรท่ีขยะมูลฝอยมีปริมำณเพิ่มมำกข้ึน และกำรจัดเก็บขยะมูลฝ อย ไม่สำมำรถรับกับปริมำณขยะมูลฝอยท่ีตกค้ำง ทำให้ขยะมูลฝอยเป็นปัญหำที่มีผลกระทบต่อ สิง่ แวดล้อม ท้งั สภำพภูมิทัศน์ (ดินเสีย และน้ำเสีย) และสุขภำพอนำมยั ของประชำกรในโรงเรียน กำรจัดกำรขยะจึงเป็นปัญหำสำคัญอย่ำงหน่ึงทีต่ ้องกำรแก้ไข จำกปัญหำของขยะมูลฝอยท่ี สง่ ผล กระทบต่อส่ิงแวดล้อม และสขุ ภำพอนำมัยของประชำกรโดยตรงทั้งในชุมชนและโรงเรียน ทำให้ ทุกภำคส่วนที่เกยี่ วขอ้ งมคี วำมตระหนักในกำรบรหิ ำรจัดกำรขยะมลู ฝอย โดยอำศัยควำมร่วมมือของ หน่วยงำนรำชกำรในกำรจัดกำรขยะมูลฝอย และกำรปลูกฝังจติ สำนึกในกำรมีสว่ นร่วมของโรงเรยี น และชุมชน โดยกำรเปิดโอกำสให้นักเรียนเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรดำเนินกำรจัดกำรขยะ เพื่อให้ นักเรียนเกดิ กำรเรยี นรแู้ ละเกิดจติ สำนกึ ท่ีปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมในกำรจดั กำรขยะมูลฝอย ในโรงเรยี น และชุมชน โดยเริ่มจำกกำรให้นักเรียนไดเ้ รยี นรู้เกีย่ วกบั กำรจัดกำรขยะมลู ฝอยอยำ่ งเป็นระบบ เพ่ือ รองรับปัญหำขยะมูลฝอยที่เพ่ิมมำกข้ึนทุกวัน แต่กำรจดั กำรขยะมูลฝอยท่คี รบวงจรมีต้นทนุ สงู มำก ดังนัน้ นกั เรียนจึงควรมีควำมตระหนักในกำรลดปรมิ ำณขยะมูลฝอยมำกกวำ่ กำรพึ่งพำกำรกำจัดขยะ

2 มูลฝอย ด้วยกำรปลกู ฝงั จิตสำนึกใหก้ ับนักเรยี นเขำ้ มำมีสว่ นรว่ มในกำรบริหำรจัดกำรขยะมลู ฝอย โดย กำรคดั แยกขยะในแต่ละประเภท กำรทำควำมสะอำดขยะให้สะอำดก่อนนำมำประดิษฐ์ ลดปริมำณ กำรใช้บรรจภุ ัณฑ์ กำรเลือกใช้วัสดทุ ยี่ ่อยสลำยงำ่ ยและกำรทิ้งขยะใหถ้ ูกที่ เป็นต้น โรงเรยี นจึงต้องมี กำรสรำ้ งข้อตกลงในกำรบริหำรจดั กำรขยะมลู ฝอยใหเ้ ป็นแนวทำงเดียวกนั สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขนั้ พื้นฐำนกไ็ ดใ้ ห้ควำมสำคัญในด้ำนปัญหำขยะมูลฝอย ท่ีเป็นมลพิษต่อส่ิงแวดล้อม จึงได้ดำเนินโครงกำรสร้ำงจิตสำนึกควำมรู้ในกำรผลิตและบริโภค ท่เี ปน็ มิตรกับสง่ิ แวดลอ้ ม (สพฐ) กิจกรรมยอ่ ยโรงเรยี นปลอดขยะ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำ ขนั้ พื้นฐำน (OBEC Zero Waste School) เพ่ือให้โรงเรียนในสังกดั จัดทำรำยงำนวิจัยที่เก่ยี วข้อง กับประเดน็ ของกำรอนรุ กั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสงิ่ แวดล้อม ประจำปีงบประมำณ พ.ศ.2564 กำรมสี ่วนร่วมของประชำชน หมำยถึงกระบวนกำรท่ีประชำชนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้แสดง ควำมคิดเห็นแลกเปล่ียนข้อมูลและเสนอแนะเทคนิค วิธีกำร หำทำงเลือกและกำรตัดสินใจตำ่ งๆ เกี่ยวกับโครงกำรกำรบริหำรจัดกำรขยะในโรงเรียนและโครงกำร/กิจกรรมอ่ืนๆ ท่ีเหมำะสมและ เป็นท่ียอมรบั ร่วมกัน แนวคิด ทฤษฎีเก่ียวกับกำรมีสวนรวมของประชำชนในกำรจัดกำรมูลฝอย กำรมสี วนรวมของทกุ ภำคสวนน้ัน เปนสวนหนง่ึ ของกำรพฒั นำเศรษฐกจิ สังคม กำรเมืองประเทศชำติ ไปในทิศทำงท่ีดีขนึ้ แนวคิดกำรมีสวนรวมเกิดขึน้ และอยูเคียงคูกับกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย เนอ่ื งจำกอำนำจอธปิ ไตย เปนอำนำจสูงสุด ในกำรปกครองประเทศมำจำกประชำชนและประชำชน เปนผูใหฉันทำนุมัตติ ำงๆ กับภำครฐั ในกำรบรหิ ำรจดั กำร เพ่ือใหเกิดควำมโปรงใสและเปนไปตำม ควำมตองกำรแทจริงของประชำชน ซ่ึงถือวำเปนกำรเขำไปมีสวนรวมอยำงแทจริง (Authentic participation) กำรบรหิ ำรจดั กำรแบบมีส่วนรว่ ม หมำยถึง กำรบรหิ ำรจัดกำรขยะในโรงเรยี นโดยเนน้ กำรมี ส่วนร่วมของบุคลำกรในโรงเรยี น ซ่ึงเน้นกำรบริหำรจดั กำรแบบมีส่วนร่วม 5 ร ซึง่ ประกอบด้วย 5 ขนั้ ตอนคือข้ันตอนที่ 1 ร่วมศกึ ษำ ขัน้ ตอนท่ี 2 ร่วมวำงแผน ข้ันตอนที่ 3 ร่วมปฏิบัติ ข้นั ตอน ที่ 4 ร่วมสรปุ และขนั้ ตอนท่ี 5 ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ ซึ่งเบ้ืองต้นตอ้ งสรำ้ งจิตสำนกึ สร้ำงควำมตระหนัก ในกำรคัดแยกขยะ เช่น กำรให้ควำมรู้เก่ียวกับขยะแต่ละประเภทเป็นอย่ำงไร เป็นขยะทส่ี ำมำรถ นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้หรือไม่ และต้องมีกำรบริหำรจัดกำรจุดท่ีท้ิงขยะ มีถังขยะท่ีแยกขยะ แต่ละประเภทเพื่อควำมสะดวกในกำรท้ิงด้วย ปัจจุบนั โรงเรียนบ้ำนแมง่ ำวใต้ ต้ังอยู่ท่ีหมทู่ ่ี 7 หมูบ่ ้ำน แม่งำวใต้ ตำบลบ้ำนรอ้ ง อำเภองำว จงั หวัดลำปำง สงั กัดสำนกั งำนเขตพน้ื ทกี่ ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำลำปำงเขต 1 กำ ลังประสบปญั หำขยะ ทั่วไปมจี ำนวนมำก ยำกแก่กำรกำจัดและไม่มกี ำรคัดแยกขยะ นักเรียนท้งิ ขยะเร่ยี รำด นกั เรียนขำด ควำมตระหนักในกำรคัดแยกขยะ ไม่เห็นควำมสำคญั ของขยะที่สำมำรถนำมำใชใ้ ห้เกิดประโยชนไ์ ด้ ซึ่งกอ่ ให้เกิดขยะมูลฝอย ที่มีมลพิษ ต่อสุขภำพ เป็นมลพิษต่อสง่ิ แวดล้อม ก่อให้เกดิ ภำวะโลกร้อน อีกทั้งครู นักเรยี น และบคุ ลำกร ยังมีส่วนร่วมในกำรช่วยแก้ปญั หำขยะทั่วไปในโรงเรียนเปน็ ส่วนน้อย

3 ด้วยเหตุผลดงั ทกี่ ลำ่ วมำขำ้ งต้น จึงทำให้โรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้จงึ ไดจ้ ัดทำค่มู ือกำรบริหำร จัดกำรขยะทว่ั ไปของโรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้ โดยใช้หลักกำรบริหำรแบบมสี ่วนร่วม 5 ร เพ่ือแก้ไข ปัญหำในกำรจัดกำรขยะท่ัวไป/ขยะมูลฝอยในโรงเรยี นบำ้ นแม่งำวใต้ โดยกำรเลือกใช้หลักกำรบริหำร แบบมีส่วนร่วม 5 ร เพ่ือประโยชน์ใน กำร ลดปริมำ ณขยะท่ัวไป/ขยะมูลฝอยของโรงเรียน อยำ่ งสรำ้ งสรรค์ ท่ีไม่ทำให้ขยะมูลฝอยมีมลพษิ ต่อสขุ ภำพ สง่ิ แวดล้อม และลดภำวะโลกร้อน ภำยใต้ แนวคิดหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงตำมพระรำชดำริ และม่งุ สร้ำงสังคมนำ่ อยู่ โดยมีกำรคัดแยกขยะ ในโรงเรียน และนำมำดำเนินกำรจัดกิจกรรมต่ำงๆ ได้แก่ กจิ กรรมเปล่ียนขยะเป็นเงิน กิจกรรม กล่องนมมีค่ำอย่ำทิ้ง และกจิ กรรมประดิษฐ์ของเลน่ ของใชจ้ ำกเศษวัสดุ เพื่อสร้ำงจติ สำนึกและสรำ้ ง ควำมตระหนกั ในกำรเหน็ คุณคำ่ ของขยะและประโยชนข์ องกำรคัดแยกขยะ ส่งผลให้คณะครูและ นักเรียนโรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้ มคี วำมรู้ควำมเข้ำใจ ในกำรบริหำรจัดกำรขยะท่ัวไป มีส่วนร่วม ในกำรแกป้ ญั หำขยะท่ัวไปภำยในโรงเรยี นและสำมำรถนำควำมรู้ไปปรบั ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป วัตถปุ ระสงค์ เพื่อสร้ำงคู่มือ ใน กำร บริหำ ร จัดกำ รขยะทั่วไปของโร งเรียน บ้ำ น แม่งำวใต้โดยใช้ หลักกำรบริหำรแบบมสี ว่ นรว่ ม 5 ร ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั เพื่อให้ผู้บริหำร ครูและนักเรยี น มีควำมรู้ควำมเข้ำใจในกำรบริหำรจัดกำรขยะท่ัวไปของ โรงเรยี นบ้ำนแมง่ ำวใต้ และเพ่ือนำคมู่ อื ไปใช้ในกำรบริหำรจัดกำรขยะท่ัวไปของโรงเรียนบำ้ นแม่งำวใต้ โดยให้ทุกฝ่ำยมีส่วนร่วมในกำรแกป้ ัญหำขยะท่วั ไปภำยในโรงเรียนและสำมำรถนำควำมร้ไู ปปรับใช้ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ไป

4 ส่วนที่ 2 แนวคดิ และทฤษฎีการบริหารจดั การขยะ กำรบริหำรจัดกำรขยะของโรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้ ได้ศึกษำเอกสำรหลกั กำรและแนวคิด กำรบริหำรจัดกำรขยะ ดงั น้ี 2.1 แนวคดิ และทฤษฎีทเ่ี กยี่ วข้องกับกำรบริหำรจัดกำร 2.1.1 ควำมหมำยของกำรบรหิ ำรจดั กำร 2.1.2 แนวคดิ ในกำรบริหำรจัดกำร (management concepts) 2.1.3 องคป์ ระกอบของกำรบริหำรจดั กำร 2.1.4 แนวคดิ ด้ำนกำรมสี ่วนรว่ ม 2.2 แนวคิดและทฤษฎที ี่เกีย่ วขอ้ งกับขยะในโรงเรยี น 2.2.1 ควำมหมำยของขยะหรือขยะมลู ฝอย 2.2.2 ประเภทของขยะ 2.2.3 สำเหตทุ ่ีทำให้เกดิ ปญั หำขยะในโรงเรยี น 2.2.4 ผลกระทบท่ีเกดิ จำกขยะในโรงเรียน 2.2.5 กำรกำจัดขยะมูลฝอย 2.2.6 รูปแบบกำรบรหิ ำรจัดกำรขยะมูลฝอย 2.2.7 นโยบำยส่งเสรมิ และสนบั สนนุ กำรจดั กำรขยะของ สพฐ.สู่โรงเรียนปลอดขยะ 2.2.8 หลักกำรบรหิ ำรจัดกำรขยะในโรงเรียน 2.3 แนวคิดและทฤษฎที เี่ ก่ยี วขอ้ งกับกำรพัฒนำหรอื สรำ้ งคู่มือ 2.3.1 ควำมหมำยของคูม่ อื 2.3.2 ประเภทของคมู่ ือ 2.3.3 ลักษณะของคมู่ อื 2.3.4 ประโยชน์ของคูม่ ือ

5 2.1 แนวคดิ และทฤษฎที เี่ กีย่ วขอ้ งกับการบริหารจัดการ 2.1.1 ความหมายของการบริหารจดั การ คำว่ำ “บริหำรจัดกำร” มำจำกคำหลัก 2 คำ คอื “บรหิ ำร” และ“จัดกำร” ซง่ึ ทั้ง 2 คำ มคี วำมหมำยตำมท่ปี รำกฏในพจนำนกุ รมฉบบั รำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2542 ดงั นี้ คำว่ำ “บริหำร” เปน็ คำกริ ยิ ำ มหี ลำยควำมหมำย ไดแ้ ก่ ออกกำลงั ปกครอง ดำเนนิ กำร จัดกำรรำชบัณฑิตยสถำน (2546 : 609) ในขณะท่ีคำว่ำ “จัดกำร” เป็นคำกิริยำเช่นเดียวกนั มี ควำมหมำยว่ำ สง่ั งำน ควบคุมงำน ดำเนินกำร รำชบณั ฑติ ยสถำน (2546 : 298) คำว่ำ “บริหำร” มำจำกคำว่ำ“administrative” ซึ่งหมำยถึง สิ่งที่สัมพันธ์กับกำร จดั กำรและงำนซ่ึงจำเป็นตอ้ งมีกำรควบคุมกำรบริหำรงำนให้เปน็ ไปตำมแผนหรอื กำรจดั กำรอยำ่ งเป็น ระบบ เชน่ กำรบรหิ ำรงำน กำรบริหำรปญั หำ เป็นตน้ (dictionary.cambridge.org, online) ในขณะที่คำ วำ่ “กำรจัดกำร” มำจำกคำว่ำ“management” ซ่ึงหมำยถึง กำรควบคุมหรือกำรจัดกำรบำงส่ิงอย่ำงเป็น ระบบ (dictionary.Cambridge.org, online) โชติ บดีรัฐ (2558 : 3) ได้สรปุ ควำมหมำยจำกนักวิชำกำรตำ่ ง ๆ ไวว้ ่ำ “กำรบริหำร” เป็นกระบวนกำรของกิจกรรมทีต่ ่อเนื่องและประสำนงำนกันโดยทุกฝำ่ ยเข้ำมำช่วยเพ่ือให้บรรลุ จุดมุ่งหมำยขององค์กำร วิรัช วิรัชนิภำวรรณ (2559 : 2 - 3) ได้กล่ำวถึงควำมหมำยของ “กำรบริหำร”ที่บำงครั้ง เรียกว่ำ “กำรบริหำรจดั กำร” ไว้ 2 แนวทำง โดยควำมหมำยแรกเป็นกำรนำปจั จัยทีม่ ีส่วนสำคัญต่อ กำรบริหำรมำเปน็ แนวทำงในกำรให้ควำมหมำยซงึ่ “กำรบริหำรหรือกำรบริหำรจดั กำร” หมำยถึง กำรดำเนินงำน หรือกำรปฏิบัติใดๆ ของหนว่ ยงำนภำครฐั และ/หรือเจ้ำหนำ้ ท่ีของรฐั (ถ้ำเป็นหน่วยงำน ภำคเอกชน หมำยถงึ ของหน่วยงำนและ / หรือบุคคล) ที่เกย่ี วขอ้ งกบั คน สิ่งของและหน่วยงำน เชน่ (1) กำรบรหิ ำรคน (man) (2) กำรบริหำรเงิน (money) (3) กำรบรหิ ำรวัสดอุ ุปกรณ์ (material) (4) กำรบริหำรงำน ทัว่ ไป (management) (5)กำรบรหิ ำรกำรใหบ้ รกิ ำรประชำชน (market)(6)กำรบรหิ ำรคุณธรรม(morality) (7) กำร บริหำรข้อมูลข่ำวสำร (message) (8) กำรบริหำรเวลำ (minute) และ (9) กำร บริหำรกำร วัดผล (measurement) เปน็ ตน้ จำกควำมหมำยท่ีกล่ำวถงึ ทั้งหมดขำ้ งต้นแสดงให้เหน็ ว่ำ“กำรบริหำร administration)” และ “กำรจัดกำร (management)”เป็นคำที่มีควำมหมำยใกล้เคียงกันสำมำรถใช้แทนกันได้ “กำรบรหิ ำร” นยิ มใชใ้ นภำครฐั สว่ น “กำรจดั กำร” นิยมใช้ในภำคเอกชนหรอื ภำคธรุ กิจนอกจำกน้ี “กำรบริหำรบำงคร้ัง ก็เรียกวำ่ “กำรบริหำรจัดกำร” กำรให้ควำมหมำยของ “กำรบรหิ ำรจดั กำร” นนั้ ไดม้ กี ำรนำหลักวชิ ำกำร ด้ำนกำรบริหำร มำเป็นกรอบในกำรกำหนดควำมหมำยเพอื่ ใหค้ วำมหมำยครอบคลุมเน้ือหำสำระสำคัญ ทเ่ี กยี่ วกับกำรบริหำร ชดั เจน เขำ้ ใจง่ำย ซ่ึงสรุปได้ว่ำ กำรบริหำรจัดกำร หมำยถึง กำรดำเนินงำนหรอื กำรปฏิบัตใิ ดๆ ของหน่วยงำน และ/หรอื เจำ้ หน้ำทีข่ องหนว่ ยงำนท่เี ก่ยี วข้องกบั คนสงิ่ ของและหน่วยงำน

6 2.1.2 แนวคดิ ในการบริหารจดั การ (management concepts) กำรบริหำรจัดกำรท่ีมปี ระสทิ ธภิ ำพจะตอ้ งมีกำรแบ่งงำนกันทำตำมควำมเหมำะสมและ ควำมจำเป็นเพ่ือให้กำรทำงำนของหน่วยงำนบรรลุตำมวัตถุประสงค์ได้มีผู้กล่ำวถึงแนวคิดในกำร บริหำร ไว้ตำ่ งๆ ดังนี้ ศิรวิ รรณ เสรรี ัตน์และคณะ (2552 : 19) ได้กล่ำวไวถ้ ึงแนวคิดในกำรบริหำรจัดกำรโดย แบง่ ตำมหน้ำทีข่ องกำรบรหิ ำรจัดกำรออกเป็น 4 หน้ำที่คือ 1) กำรวำงแผนเป็นขั้นตอนในกำรกำหนดวตั ถุประสงคแ์ ละพิจำรณำถึงวิธีกำรท่ีควร ปฏิบัติเพ่ือให้บรรลุวตั ถุประสงค์นั้น ดงั นัน้ ผู้บรหิ ำรจึงต้องตดั สินใจว่ำองค์กรมีวตั ถุประสงค์อะไรในอนำคต และจะต้องดำเนนิ กำรอย่ำงไรเพ่ือให้บรรลผุ ลสำเรจ็ ตำมวัตถุประสงคน์ น้ั ลกั ษณะกำรวำงแผนมีดงั นี้ 1.1) กำรดำเนนิ กำรตรวจสอบตัวเอง เพื่อกำหนดสถำนภำพในปจั จบุ นั ขององค์กำร 1.2) กำรสำรวจสภำพแวดล้อม 1.3) กำรกำหนดวัตถปุ ระสงค์ 1.4) กำรพยำกรณสถำนกำรณ์ในอนำคต 1.5) กำรกำหนดแนวทำงปฏบิ ตั ิงำนและควำมจำเป็นในกำรใชท้ รัพยำกร 1.6) กำรประเมินแนวทำงกำรปฏิบัติงำนท่วี ำงไว้ 1.7) กำรทบทวนและปรบั แผนเม่อื สถำนกำรณ์เปลีย่ นแปลงและผลลัพธ์ของกำรควบคมุ ไม่เปน็ ไปตำมทก่ี ำหนด 1.8) กำรตดิ ต่อสอ่ื สำรในกระบวนกำรของกำรวำงแผนเป็นไปอย่ำงทั่วถึง 2) กำรจัดองค์กำร เป็นขั้นตอนในกำรจัดหำบุคคลและทรัพยำกรที่ใช้สำหรับกำรทำงำนเพ่ือให้ บรรลจุ ุดมุ่งหมำยในกำรทำงำนน้ันหรอื เป็นกำรจดั แบ่งงำนและจดั สรรทรัพยำกรสำหรับงำนเพ่ือให้ งำนเหล่ำน้ันสำเร็จ กำรจัดองค์ประกอบด้วย 2.1) กำรระบแุ ละอธิบำยงำนทจี่ ะถูกนำไปดำเนนิ กำร 2.2) กำรกระจำยงำนออกเป็นหน้ำท่ี 2.3) กำรรวมหน้ำทีต่ ่ำงๆ เข้ำเป็นตำแหน่งงำน 2.4) กำรอธิบำยสิง่ ที่จำเป็นหรือควำมต้องกำรของตำแหน่งงำน 2.5) กำรรวมตำแหน่งงำนต่ำง ๆ เป็นหน่วยงำนท่ีมคี วำมสัมพันธ์อย่ำงเหมำะสมและ สำมำรถบริหำรจัดกำรได้ 2.6) กำรมอบหมำยงำน ควำมรับผดิ ชอบและอำนำจหนำ้ ท่ี 2.7) กำรทบทวนและปรบั โครงสร้ำงขององค์กรเมื่อสถำนกำรณ์เปล่ียนแปลงและ ผลลพั ธข์ องกำรควบคุมไม่เป็นไปตำมท่ีกำหนด 2.8) กำรตดิ ต่อสือ่ สำรในกระบวนกำรของกำรจัดองค์เปน็ ไปอย่ำงทัว่ ถงึ 2.9) กำรกำหนดควำมจำเป็นของทรัพยำกรมนษุ ย์ 2.10) กำรสรรหำผู้ปฏบิ ัตงิ ำนทีม่ ีประสทิ ธิภำพ

7 2.11) กำรคดั เลอื กจำกบคุ คลท่ีสรรหำมำ 2.12) กำรฝึกอบรมและพัฒนำทรัพยำกรมนุษย์ตำ่ ง ๆ 2.13) กำรทบทวนปรับคุณภำพและปริมำณของทรัพยำกรมนุษย์ เมื่อสถำนกำรณ์ เปลี่ยนแปลงและผลลพั ธ์ของกำรควบคุมไม่เป็นไปตำมท่ีกำหนด 2.14) กำรติดต่อส่ือสำรในกระบวนกำรของกำรจดั คนเข้ำทำงำนเป็นไปอย่ำงทว่ั ถงึ 3) กำรจูงใจเป็นข้นั ตอนในกำรกระตุ้นใหเ้ กดิ ควำมกระตือรือร้นและชักนำควำมพยำยำม ของพนักงำนให้บรรลุเป้ำหมำยองค์กำรซึ่งจะเกี่ยวข้องกบั กำรใช้ควำมพยำยำมของผ้จู ดั กำรที่จะกระตุ้น ให้พนกั งำนมีศกั ยภำพในกำรทำงำนสงู ดงั นนั้ กำรนำจะช่วยให้งำนบรรลุผลสำเรจ็ เสริมสร้ำงขวญั และ จูงใจผู้ใตบ้ ังคบั บัญชำกำรนำประกอบด้วย 3.1) กำรติดต่อสื่อสำรและอธบิ ำยวัตถปุ ระสงคใ์ หแ้ กผ่ ้ใู ตบ้ ังคับบัญชำได้ทรำบ 3.2) กำรมอบหมำยมำตรฐำนของกำรปฏบิ ตั งิ ำนตำ่ ง ๆ 3.3) ให้คำแนะนำและให้คำปรกึ ษำแก่ผใู้ ต้บังคับบัญชำใหส้ อดคล้องกับมำตรฐำนของ กำรปฏบิ ตั งิ ำน 3.4) กำรใหร้ ำงวัลแก่ผใู้ ต้บังคับบัญชำบนพ้นื ฐำนของผลกำรปฏิบตั ิงำน 3.5) กำรยกย่องและสรรเสรญิ และกำรตำหนิตเิ ตยี นอยำ่ งยตุ ธิ รรมและถูกต้องเหมำะสม 3.6) กำรจัดหำสภำพแวดล้อมมำกระตุ้นกำรจงู ใจโดยกำรติดตอสอื่ สำรเพ่ือสำรวจควำมต้องกำร และสถำนกำรณ์กำรเปล่ยี นแปลง 3.7) กำรทบทวน และปรับวิธีกำรของภำวะควำมเป็นผู้นำ เมื่อสถำนกำรณ์เปลย่ี นแปลงและ ผลลัพธข์ องงำน 4) กำรควบคมุ เป็นกำรติดตำมผลกำรทำงำน และแก้ไขปรับปรุงสง่ิ ทจ่ี ำเปน็ หรือเป็นขนั้ ตอน ของกำรวัดผลกำรทำงำนและดำเนนิ กำรแก้ไขเพือ่ ให้บรรลุผลทีต่ ้องกำรซ่ึงกำรควบคมุ ประกอบด้วย 1) กำรกำหนดมำตรฐำน 2) กำรเปรียบเทียบและติดตำมผลกำรปฏบิ ัติงำนกบั มำตรฐำน 3) กำรแก้ไขควำมบกพร่อง 4) กำรทบทวนและปรับวธิ ีกำรควบคมุ เม่ือสถำนกำรณ์เปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ของ กำรควบคุมไม่เป็นไปตำมทกี่ ำหนด 5) กำรตดิ ต่อสอ่ื สำรในกระบวนกำรของกำรควบคุมเป็นไปอย่ำงท่วั ถงึ โชติ บดรี ัฐ (2558 : 43 - 50) ไดก้ ล่ำวถึง แนวคิดทำงกำรบรหิ ำรโดยใช้หลักเกณฑ์ของ Taylor มีพ้ืนฐำนอยู่บนหลักกำรที่สำคัญ 4 ประกำร ไดแ้ ก่ (1) กำรคิดค้นและกำหนดสิ่งท่ีดีที่สุด (2) กำรคัดเลือก และพัฒนำคนงำน (3) กำรพจิ ำรณำอย่ำงรอบคอบเกี่ยวกับวิธีทำงำนควบคู่กับกำรพจิ ำรณำคนงำนและ (4) กำรประสำนงำนอยำ่ งใกลช้ ิดระหว่ำงผบู้ รหิ ำรและคนงำน ซึ่งผ้บู รหิ ำรตำมแนวคดิ ของ Taylor จะมีควำม เปน็ ผ้นู ำอยำ่ งแทจ้ รงิ ตอ้ งรบั ภำระหนักกว่ำคนงำน ต้องใชส้ มองคดิ วเิ ครำะห์ปญั หำของกลมุ่ จดั เตรยี ม และกำหนดวิธีกำรทำงำนทด่ี กี วำ่ งำ่ ยกวำ่ และได้ผลมำกกว่ำให้กบั กลุ่ม

8 สรปุ ได้วำ่ แนวคิดดังกลำ่ วขำ้ งต้นจะพบวำ่ กำรบรหิ ำรองค์กรจะครอบคลุม เรือ่ งกำรทำงำน เป็นทีมกำรมีส่วนร่วมในกำรตัดสินใจร่วมกนั ซึ่งแต่ละแนวคิดจะมีเป้ำหมำยไปในทิศทำงเดียวกัน คอื กำรทำงำนให้สำเร็จตำมวตั ถุประสงค์ขององค์กรแต่ละแนวคิดต่ำง ๆ เหล่ำนี้มีจุดมุ่งเนน้ หรือ วธิ กี ำรจดั กำรเพือ่ ไปใหถ้ ึงเป้ำหมำยแตกตำ่ งกนั ไป 2.1.3 องค์ประกอบของการบรหิ ารจดั การ ศจี อนนั ตน์ พคณุ (2552 : 2 - 3) กล่ำวถึง องค์ประกอบของกำรบริหำรวำ่ ประกอบดว้ ย 3 ส่วน ได้แก่ ทรัพยำกรกำรบริหำรหรอื ปัจจัยกำรบรหิ ำร (administrative resources) กระบวนกำร บริหำร (administration process) และวตั ถุประสงค์ของกำรบรหิ ำร (objective) ซ่งึ เขยี นควำมสัมพันธ์ ได้ดังแผนภำพที่ 2.2 ปจั จยั กำรบริหำร วัตถุประสงค์ กระบวนกำรบรหิ ำร (input) (objective) (process) 4 M’s PODC 4 E’s Man Planning Economic Money Organizing Efficiency Directing Effectiveness feed back แผนภาพท่ี 1 องคป์ ระกอบของกำรบรหิ ำร ท่มี า: ศจี อนันตน์ พคณุ (2552 : 3) วิรัช วิรัชนิภำวรรณ (2559 : 11 - 14) ไดก้ ล่ำวถงึ ตัวชี้วัดในกำรบริหำรจัดกำรวำ่ แบ่ง ออกเปน็ 3 ส่วนได้แก่ ปจั จยั นำเขำ้ (input) ปัจจยั กระบวนกำร (process) และปัจจัยผลผลิต (output) ตำมรำยละเอยี ดดังน้ี 1. ปัจจัยนำเข้ำ หมำยถึง ตัวช้วี ัดกำรบรหิ ำรจัดกำรที่เป็นปัจจัยทีม่ ีส่วนสำ คญั ตอ่ กำร บริหำรจัดกำรหรือประสิทธภิ ำพในกำรบริหำรจัดกำร หรอื ทรัพยำกรกำรจัดกำร (management resources) โดยวริ ัช วิรชั นิภำวรรณ ได้รวบรวมตวั ชวี้ ัดท่เี ป็นปัจจยั นำเขำ้ ไว้ 9 กลุ่ม เร่ิมจำก 3M ถึง 11M เช่น 3M ประกอบด้วย คนหรือกำรบริหำรทรัพยำกรมนุษย์ (Man) เงินหรือกำรบริหำร งบประมำณ (Money) และกำรบรหิ ำรงำนท่ัวไป (Management) ทถี่ ูกนำเขำ้ ไปในระบบกำรบรหิ ำร จัดกำร 2. กระบวนกำร หมำยถึง ตัวช้ีวดั กำรบริหำรจัดกำรท่ีประกอบด้วยกำรดำเนินงำนหลำยขั้นตอน ท่หี น่วยงำนของรัฐและเจ้ำหนำ้ ทขี่ องรัฐพึงดำเนนิ กำร หรอื หมำยถงึ ตัวชวี้ ดั ท่ปี ระกอบดว้ ยหลำยข้นั ตอน

9 ทีอ่ ยู่ในระบบกำรบรหิ ำรจดั กำร โดยนำแตล่ ะขนั้ ตอนมำใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในกำรปรับเปลี่ยนปัจจยั นำเข้ำ ให้เปน็ ปัจจัยนำออกหรอื ผลผลิตตำมเปำ้ หมำยหรือวตั ถุประสงค์ของหนว่ ยงำนตอ่ ไป 3. ปัจจัยนำออก หมำยถึง ตัวชี้วัดกำรบริหำรจัดกำรที่เป็นผลลัพธ์ ผลผลิต ผลกำรดำเนินงำน หรือเป็นจุดหมำยปลำยทำง (end(s)) เป้ำหมำย (goal(s)) หรือวัตถุประสงค์ (objective(s)) ของหน่วยงำนที่ ออกมำจำกกระบวนกำรในขนั้ ตอนทส่ี อง ตวั ชี้วดั ทีเ่ ปน็ ปัจจัยนำออกหรอื เปน็ เป้ำหมำยของหน่วยงำนนี้ อำจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตัวชี้วัดที่มีเป้ำหมำยท่ีมุ่งแสวงหำกำไร (profit) และตัวชี้วัดที่มีเปำ้ หมำย ไมม่ ุ่งแสวงหำกำไร (non-profit) หรือแบ่งเปน็ ตัวชี้วัดท่มี ีวตั ถุประสงค์เพอ่ื กำรผลิตสินค้ำหรือผลผลิต (products) และตัวชว้ี ดั ที่มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ใหบ้ รกิ ำร(services) ก็ได้ ศิริพงษ์ เศำภำยน (2552 : 44 - 46) ได้กล่ำวไว้ว่ำกำรทจ่ี ะมีระบบใดระบบหน่ึงข้ึนมำได้ จะต้องมีส่วนประกอบหรือสิ่งต่ำง ๆ เป็นตวั ป้อน โดยเรยี กว่ำ“ข้อมูล” เพือ่ ดำเนินงำนสมั พนั ธ์กันเป็น “กระบวนกำร” เพื่อให้ได้ “ผลลัพธ์” ออกมำตำมวัตถปุ ระสงค์ที่ต้ังไว้ ดังนั้น ภำยในระบบหนึ่งจะสำมำรถ แบ่งองค์ประกอบและหนำ้ ท่ี ไดด้ ังน้ี 1. ขอ้ มูล (Input) เป็นกำรต้ังปัญหำและวิเครำะห์ปัญหำ กำรต้งั วตั ถปุ ระสงค์ หรือเป็นกำร ป้อนวตั ถุดบิ ตลอดจนข้อมลู ต่ำง ๆ เพอ่ื กำรแกป้ ัญหำนนั้ 2. กระบวนกำร (Process) เป็นกำรรวบรวมและวิเครำะหข์ ้อมูลท่ปี ้อนเข้ำมำเพอื่ ดำเนนิ กำร ตำมวตั ถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 3. ผลลัพธ์ (Output) เป็นผลผลิตที่ได้ออกมำภำยหลังจำกกำรดำเนินงำนใน ขั้นของ กระบวนกำรส้ินสดุ ลง รวมถงึ กำรประเมินดว้ ย สรุปไดว้ ่ำองค์ประกอบของกำรบริหำรจัดกำรไวป้ ระกอบด้วย ปจั จยั ดำ้ นกำรบริหำรหรือ ปัจจัยนำเข้ำ (input) กระบวนกำรบริหำรหรอื กระบวนกำร (process) และปจั จัยนำออกหรือปัจจัย ผลผลติ (output) 2.1.4 แนวคดิ ดา้ นการมีสว่ นรว่ ม แน วคิดด้ำนกำรมีส่วนร่วม กำรมีส่วนร่วมของประชำชน หมำยถึงกระบวนกำร ท่ี ประชำชนหรอื ผู้มีส่วนได้เสีย มโี อกำสแสดงทัศนะแลกเปลี่ยนข้อมูลและควำมคิดเห็น หำทำงเลือก และกำรตัดสนิ ใจต่ำงๆ เก่ียวกับโครงกำรท่เี หมำะสมและเปน็ ทยี่ อมรับรว่ มกัน ดวงใจ ปนิ ตำมลู (2555) กล่ำวว่ำกำรมสี ว่ นรว่ มของประชำชน คือกระบวนกำรส่ือสำร สองทำงระหว่ำงบุคคลกลุ่มบุคคล ชมุ ชน หรือประชำชน กับเจำ้ หน้ำท่ีของรัฐผูด้ ำเนนิ โครงกำร หรือ นโยบำยสำธำรณะ หรือกำรจัดกำรทรพั ยำกรธรรมชำติ ซึ่งกำรมสี ่วนรว่ มของประชำชนจะเก่ียวขอ้ ง กับกำรร่วมในกระบวนกำรตดั สินใจ กำรร่วมในกระบวนกำรดำเนินกำร และร่วมรับผลประโยชน์โดย มเี ปำ้ หมำยของกำรมสี ่วนรว่ มของประชำชน คอื กำรแลกเปลย่ี นข้อมูลข่ำวสำรระหวำ่ งประชำชนและ ผดู้ ำเนินโครงกำร โดยกำรให้ขอ้ มูลต่อประชำชน และประชำชนแสดงควำมคิดเห็นต่อโครงกำรหรือ นโยบำยเพอื่ ประโยชนต์ อ่ กำรดำรงชพี ทำงเศรษฐกิจและสงั คม

10 แนวคดิ ทฤษฎีเกีย่ วกบั กำรมีสวนรวมของประชำชนในกำรจดั กำรมลู ฝอยกำรมีสวนรวม ของทุกภำคสวนนนั้ เปนสวนหนึง่ ของกำรพัฒนำเศรษฐกิจ สังคม กำรเมอื งประเทศชำตไิ ปในทิศทำง ที่ดีข้ึน แนวคิดกำรมีสวนรวมน้ันเกิด และอยูเคียงคูกับกำรปกครอง ระบอบประชำธิปไตย เน่ืองจำก อำนำจอธปิ ไตย เปนอำนำจสงู สดุ ในกำรปกครองประเทศ มำจำกประชำชน และประชำชนเปนผูให ฉันทำนมุ ัตติ ำงๆ กับภำครฐั ในกำรบริหำรจัดกำร เพอ่ื ใหเกิดควำม โปรงใสและเปนไป ตำมควำมตองกำร แทจริงของประชำชน ซึ่งถอื วำเปนกำรเขำไปมีสวนรวมอยำงแทจริง (Authentic participation) ดงั กลำวขำงตน จงึ ไดนำมำเปนแนวทำงในกำรกำหนดยุทธศำสตร ในกำรพฒั นำประเทศ ตำมแผนพัฒนำ เศรษฐกิจและสังคมแหงชำติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ.2555 - 2559) ซง่ึ มเี ปำหมำยกำรพัฒนำภำยใตกระบวนกำร มีสวนรวมของผูเกยี่ วของ จำกทุกภำคสวนในสังคมไทย ทไี่ ดรวมพลังกันระดมควำมคดิ กำหนดวสิ ัยทัศน รวมกนั ของสังคมไทย มุงพัฒนำสู “สงั คมเขมแข็ง และมดี ุลยภำพ” ใน 3 ดำน คือ สงั คมคุณภำพ สังคม แหงภมู ปิ ญญำ กำรรบั รู สังคมสมำนฉันท และ เอ้อื อำทรตอกัน เพอื่ เสรมิ สรำงระบบกำรบริหำรจัดกำร ทด่ี ีในทุกภำคสวนของสงั คมไทย สนับสนุน กระบวนกำรกระจำยอำนำจใหองคกรปกครองสวนทองถ่ินและ ชุมชน มบี ทบำทในกำรพัฒนำทองถนิ่ ของตนเอง ภำยใตระบบบริหำรจดั กำรภำครัฐที่มีประสทิ ธภิ ำพ ยดึ หลักกำรมีสวนรวม โปรงใส และพรอมที่จะรบั กำรตรวจสอบจำกสังคมโดยรวมกำรพัฒนำประเทศใน อนำคต เพ่ือสรำงโอกำสใหคนไทยคิดเปนทำเปน มีเหตุผล สำมำรถรบั รูไดตลอดชีวิต พรอมรับกำร เปล่ียนแปลง สังคมสมำนฉนั ท และเออ้ื อำทรตอกันท่ดี ำรงไวซ่งึ คุณธรรม คุณคำของเอกลกั ษณท่ี พง่ึ พำ เก้ือกูลกนั ตลอดจนมีจำรตี ประเพณที ่ีดีงำม ในกำรพัฒนำอยำงตอเนื่อง และกำรทำงำนแบบพหุภำคี สำมำรถประยุกตใชในกำรทำงำนเชิงรุก เพ่อื เสรมิ สรำงควำมเขมแข็ง ไดอยำงมีประสทิ ธิผลทั่วถงึ ใน ทุกพนื้ ที่ กำรมสี วนรวมถอื วำเปนกลยุทธท่สี ำคัญเพอื่ จดุ มุงหมำยในกำรพฒั นำทยี่ ง่ั ยืนมีบทบำทอยำงมำก เปนหัวใจสำคัญเพ่อื ตอบสนองควำมตองกำรไดตรงจดุ มำกทีส่ ุด อยำงเปนรปู ธรรม อนั จะนำไปสูควำมอยูดี มีสขุ ของคนไทยทกุ คน ควำมหมำยของกำรมสี ว่ นร่วม กำรมสี วนรวมเปนเปำหมำยของกำรพัฒนำสังคมเพ่อื สบื ทอดควำมยั่งยืนใหเกิดข้ึนอยำงตอเนื่อง เปนองคประกอบสำคัญในกิจกรรมท่ีจะสรำงควำมเจริญ กำวหนำใหเกดิ ขึ้น สำหรบั ควำมหมำยของกำรมสี วนรวมนนั้ มนี ักวชิ ำกำรหลำยทำนนำเสนอไวดังน้ี อำภรณพนั ธ จันทรสวำง (2552 : 19 ) ใหควำมหมำยวำกำรมีสวนรวมน้ันกอใหเกดิ กำร รวมตัวที่สำมำรถจะกระทำกำรตัดสินใจใชทรัพยำกร และมีควำมรบั ผดิ ชอบในกิจกรรมที่จะกระทำ ในกลุมเปนกำรเปดโอกำสใหไดรวมในกำรคิดริเร่ิม กำรตัดสินใจ รวมลงมอื ปฏิบัติและรวมรบั ผิดชอบ ในเร่อื งรำวตำงๆ เพื่อแกไขปญหำและนำมำซ่งึ ควำมเปนอยูท่ดี ีขึน้ เพือ่ ตอบสนองควำม ตองกำรของ ประชำชนทีจ่ ะชวยใหประสบควำมสำเร็จตำมเปำหมำยได กำรมีสวนรวมเปนผลมำจำกกำรเห็นพอง ตองกันในเรอื่ งรำวของควำมตองกำรและทิศทำงของกำรเปล่ียนแปลง จนเกดิ ควำมคิดริเรม่ิ เพ่ือกำรปฏิบัติกำร นนั้ ๆ เหตุผลเบื้องแรกท่ีคนเรำมำรวมตัวกันได จะตองมกี ำรตระหนักวำกำรกระทำท้งั หมดที่ทำโดยกลุ ม หรือโดยนำมของกลุมนนั้ กระทำผำนกลุมซง่ึ เปนเสมือนตัวนำใหบรรลถุ ึงควำมเปลีย่ นแปลงได

11 สำหรับทวที อง หงสววิ ัฒน (2553 : 2) ไดขยำยควำมหมำยของกำรมีสวนรวมวำเปนกำรพฒั นำ ขีดควำมสำมำรถของคนในกำรจัดกำรควบคุมกำรใชกำรกระจำยทรพั ยำกรท่ี มีอยูอยำงจำกัดเพื่อให เกดิ ประโยชนตอกำรดำรงชีพ ทำงเศรษฐกิจ และสังคมตำมควำมจำเปนอยำง สมศักดิศ์ รี แสดงออกในกำร ตัดสินใจกำหนดชีวิตของตนเอง เพิม่ ควำมสำมำรถในกำรควบคมุ ทรพั ยำกร ทั้งนต้ี องเปนสงิ่ ท่ีทุกฝำย ไดริเร่ิมขึ้นมำเอง มิใชพฤตกิ รรมที่ถูกกำหนดขึน้ มำหรือช้ีนำ โดยฝำยรัฐบำลในกิจกรรมซึ่งมุงสูกำร พฒั นำตำมนโยบำยของภำครัฐ กำรจะเกิดพลงั ควำมสำมำรถ ของกลุมท่ผี นึกกำลังในกำรพัฒนำ ทำ ใหมคี วำมรูสึกเปนสวนหนึ่งของงำนพฒั นำ และเปนเจำของ ผลิตผลของกำรพัฒนำนัน้ นอกจำกนนั้ นริ ันดร์ จงวฒุ ิเวศน์ ( 2553 : 183) ยังกลำวเพมิ่ เติมวำกำรมีสวนรวมมีควำมเกยี่ วของ ทำงดำนจติ ใจ และอำรมณ Mental and Emotional Involvement) ซึ่งผล ดงั กลำวเปนเหตเุ รำ ใหกระทำ (contribution) บรรลุจุดมุงหมำยของกลุมนั้น กับทำใหเกดิ ควำมรูสึกรวมรับผิดชอบกบั เปำ หมำยดงั กลำวดวย เปนองคประกอบสำคัญเพื่อใหเกดิ ประสิทธภิ ำพในกำรวำงแผนและกำรดำเนินกำร ใหเกิดผลประโยชนสงู สุดในกำรมสี วนรวม กำรมสี วนรวมคอื กำรทท่ี ุกฝำยไดเขำไปจดั กำรควบคมุ กำรใช และกำรกระจำยทรัพยำกรที่ มีอยูเพ่ือประโยชนตอกำรดำเนนิ กำรทำงเศรษฐกิจ และสังคม รวมกัน คิดคนหำสำเหตขุ องปญหำ และมีควำมเหน็ พองตองกันในกำรทจ่ี ะดำเนนิ กำรแกไขปญหำใหบรรลุตำม วัตถุประสงคหรือนโยบำยท่ีวำงไว เปนกำรมีสวนชวยเหลือโดยสมัครใจ เขำรวมกับกระบวนกำร ตดั สนิ ใจ ตลอดจน รวมรบั ผลประโยชน และมีจดุ สำคญั ทีจ่ ะใหกำรมสี วนรวมเปนกำรปฏบิ ัติอยำงแข็งขัน มีอำนำจในกำรตดั สนิ ใจ (Share Decision Making) เปนผูกำหนดนโยบำย (Policy Formulation) กำหนดเปำหมำยแผนงำน (Participating on Formulating Objective and Plan) รวมดำเนนิ กำร ในกระบวนกำรจัดกำร (Participating on Management) รวมรับผิดชอบในเร่อื งตำงๆ อนั มผี ลกระทบ ถึงทกุ คนเพื่อประโยชนตอกำรดำรงชีพทำงเศรษฐกจิ และสังคม ท่กี อใหเกิดส่งิ ตำงๆ รวมกันน่ันเองจำก ทก่ี ลำวมำ กำรมสี วนรวมมีควำมหมำยเปน 2 นยั ดวยกันคือ 1.ควำมหมำยอยำงกวำง หมำยถึงกำรทีป่ ระชำชนเขำไปมีสวนรวมในกำรกำหนดนโยบำย ของประเทศ กำรบริหำรโดยผำนกระบวนกำรหรือกำรเขำไปมีสวนรวมในกำรบรหิ ำรทองถิ่น และกำรเปน สมำชกิ สภำทองถ่นิ ดวย 2. ควำมหมำยอยำงแคบ คือ กำรทป่ี ระชำชนเขำไปชวยสนับสนนุ งำนซง่ึ เปนหนำทข่ี อง เจำหนำที่ภำครัฐโดยกระทำกำรภำยในกรอบของกฎหมำยหรือนโยบำยของรฐั ดังนั้นจำกที่กลำวมำ จุดเรมิ่ ตนท่มี ีควำมสำคัญประกำรหน่ึง ท่ีจะทำใหเกดิ กำรมีสวนรวมของทุกฝำย ไดอยำงกวำงขวำง และมปี ระสทิ ธิภำพ คอื นโยบำย กฎ ระเบยี บ วธิ กี ำรสงเสรมิ จำกภำครฐั หนวยงำนท่เี กี่ยวของในงำนวจิ ัย ครัง้ นถ้ี ือวำ เปนสวนหนึ่งในปจจยั ที่จะสงผลหรือมีอทิ ธพิ ลตอกำรมีสวนรวมกำรจัดกำรมูลฝอยในประเทศไทย ใหเกิดประสิทธผิ ล ซึ่งผูวิจัยจะทำกำรหำควำมจรงิ ในเร่อื งนต้ี อไป

12 รปู แบบกำรมีสวนรวมแบง ออกเปน 4 รูปแบบ คือ 1.กำรมสี วนรวมในกำรตัดสนิ ใจ ตงั้ แตในระยะเรมิ่ ของกิจกรรมจนกระท่งั กำรดำเนนิ กิจกรรมนั้นเสร็จส้นิ ลง 2. กำรมสี วนรวมในกำรดำเนนิ กิจกรรมซ่ึงอำจเปนไปในรูปแบบของกำรเขำรวมโดยกำรให้มี กำรสนบั สนนุ ทำงดำนทรัพยำกร กำรเขำรวมในกำรบริหำร และกำรเขำรวมในกำรรวมแรงรวมใจ 3. กำรมีสวนรวมในผลประโยชน ทงั้ ทำงวตั ถุ ทำงสังคมหรอื โดยสวนตัว 4. กำรมสี วนรวมในกำรประเมนิ ผล ซึง่ นับเปนกำรควบคุม และตรวจสอบกำรดำเนิน กิจกรรมทง้ั หมด สรุ สั วดี หุนพยนต 2549 : 17) ไดเสนอรูปแบบหรอื ชนดิ กำรมสี วนรวมทก่ี อใหเกดิ ผลดีตอ กระบวนกำรพฒั นำไว 4 รูปแบบ ซึ่งไดแก กำรมีสวนรวมในกำรตดั สินใจ (Decision making) ประกอบไปดวย 3 ขั้นตอนคือ 1. ริเรม่ิ ตัดสินใจ ดำเนนิ กำรตดั สนิ ใจ และตัดสนิ ใจปฏิบตั กิ ำร 2. กำรมสี วนรวมในกำรปฏบิ ตั ิกำร (Implementation) ประกอบดวยกำรสนบั สนุน ดำนทรัพยำกร กำรบรหิ ำร และกำรประสำนขอควำมรวมมือ 3.กำรมสี วนรวมในผลประโยชน Benefits) ไมวำจะเปนทำงดำนวัตถผุ ล ทำงสังคม หรือ ผลประโยชนสวนตัว 4. กำรมีสวนรวมในกำรประเมนิ ผล (Evaluation) ปจจัยทีม่ ีควำมสัมพันธต์ อ่ พฤติกรรม กำรมสี วนรวมของผูเกย่ี วของ พฤติกรรมกำรเขำมำมสี วนรวม เปนปรำกฏกำรณท่ีสลับซับซอน ขน้ึ อยู กับปจจัยหลำยอยำง ทีม่ ีนำ้ หนักควำมสำคัญ มำกนอยตำงกัน ซ่ึง Mcclosky (2008:12)ไดอธบิ ำยไวดังน้ีคอื 1. ปจจัยทำงดำนสิ่งแวดลอมสงั คม เชนระดับกำรศกึ ษำ อำชพี รำยได เชอ้ื ชำติ เพศ ระยะเวลำท่ีอยูอำศัย กำรเปล่ยี นแปลงทำงสังคม ส่ิงเหลำน้ีมีควำมเกี่ยวของสัมพันธกบั กำรมสี วนรวม ดวยควำมสมัครใจของทุกคน 2. ปจจัยทำงดำนจิตวิทยำ ของกำรเขำมำมีสวนรวม ที่ข้ึนอยูกับวำ มีกำรใหผลประโยชน หรือผลตอบแทนอยำงไรบำง ท่ีสำมำรถตอบสนองควำมตองกำร เชน กำรมีอำนำจ กำรแขงขัน ควำมสำเร็จ ควำมสัมพนั ธกบั ผูอ่ืน สถำนภำพท่สี งู ขน้ึ กำรยอมรับจำกสังคม เปนตน 3. ปจจัยดำนสง่ิ แวดลอมภำยนอก เชน นโยบำยของแตละรัฐบำล มกั มีควำมแตกตำ่ ง ในดำนควำมตองกำรท่ีมีบทบำทมำกหรอื นอย ไมเทำกัน กำรที่ประชำชนจะตัดสินใจเขำมำรวม รบั ผิดชอบในโครงกำรหรอื กิจกรรมตำงๆ ข้นึ อยูกับปจจัยสวนบุคคล ปจจัยทำงเศรษฐกิจ และสงั คม ไดแก อำยุ เพศ สถำนภำพในครอบครวั ระดบั กำรศึกษำ สถำนภำพทำงสังคม ชั้นทำงสังคม ศำสนำ อำชีพ รำยได และทรัพยสิน สถำนภำพทำงเศรษฐกิจ ควำมเช่ียวชำญ ควำมเช่ือ คำนิยม นิสัย ประเพณใี นชุมชน ทีม่ ผี ลตอกำรมีสวนรวม เชนเดียวกัน แนวทำงในกำรจัดกำรแบบมีสวนรวม

13 กำรมีส่วนร่วมของประชำชน หมำยถงึ กระบวนกำรทป่ี ระชำชนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ แสดงควำมคิดเห็นแลกเปลยี่ นข้อมูลและเสนอแนะเทคนคิ วิธีกำร หำทำงเลือกและกำรตัดสินใจต่ำงๆ เกีย่ วกับโครงกำรกำรบริหำรจัดกำรขยะในโรงเรยี นและโครงกำร/ กจิ กรรมอ่ืนๆทเี่ หมำะสมและเปน็ ท่ี ยอมรับร่วมกัน 2.2 แนวคดิ และทฤษฎีท่เี ก่ียวข้องกับขยะในโรงเรยี น 2.2.1 ความหมายของขยะหรือขยะมูลฝอย ตำมพจนำนุกรมฉบับรำชบณั ฑิตสถำนฉบบั พ.ศ. 2525 กล่ำวว่ำ มูลฝอย หมำยถึง เศษ ส่งิ ของท่ีทิ้งแลว้ หยำกเยื่อ ขยะ หมำยถึง หยำกเย่ือ มลู ฝอย ตำมพระรำชบัญญัติส่งเสริมและรักษำ คณุ ภำพสง่ิ แวดล้อม พ.ศ. 2535 ใหค้ ำจำกัดควำมของคำว่ำ ของเสีย หมำยควำมวำ่ ขยะ มลู ฝอย ส่ิง ปฏกิ ูล นำ้ เสีย อำกำศเสีย มลสำรหรือวัตถอุ นั ตรำยอ่นื ใด ซ่ึงถูกปล่อยทง้ิ หรอื มีที่มำจำกแหลง่ กำเนิด มลพษิ รวมทั้งกำกตะกอนหรือส่ิงตกค้ำงจำกส่ิงเหล่ำนั้น ทีอ่ ยู่ในสภำพของแขง็ ของเหลวหรือก๊ำซ ในทำงวชิ ำกำรจะใช้คำวำ่ ขยะมูลฝอย ซง่ึ หมำยถึง บรรดำสง่ิ ของทีไ่ ม่ตอ้ งกำรใชแ้ ล้ว ซ่ึงส่วนใหญ่ จะเป็นของแขง็ จะเน่ำเปื่อยหรือไม่ก็ตำม รวมถึง เถ้ำ ซำกสตั ว์ มลู สัตว์ ฝุน่ ละออง และเศษวัตถุที่ทิ้ง แล้วจำกบ้ำนเรือน ทพ่ี ักอำศยั สถำนท่ีต่ำงๆ รวมถึงสถำนทีส่ ำธำรณะ ตลำดและโรงงำนอตุ สำหกรรม ยกเว้น อุจจำระ และปสั สำวะของมนุษย์ ซ่ึงเปน็ สงิ่ ปฏกิ ูล วิธจี ัดเก็บและกำจัดแตกตำ่ งไปจำกวิธีกำร จัดขยะมูลฝอย ปัจจบุ ัน วิทยำกำรกำ้ วหน้ำ ประชำกรเพิ่มอยำ่ งรวดเรว็ อัตรำกำรใช้ทดี่ นิ เพิ่มข้ึนเพ่ือ ผลิตเครื่องอุปโภค บริโภค อำหำร ท่ีอยู่อำศัย เปน็ เหตุให้เศษสิ่งเหลือใชม้ ีปริมำณมำกข้ึน ก่อให้เกิด ปญั หำของขยะมลู ฝอย พระรำชบญั ญัตสิ ำธำรณสุข พ.ศ. 2535 ให้คำจำกัดควำม มลู ฝอย หมำยถึง สง่ิ ตำ่ ง ๆ ท่ีเรำไม่ต้องกำร ทเ่ี ป็นของแข็งหรือออ่ น มคี วำมช้ืน ได้แก่ เศษกระดำษ เศษผ้ำ เศษอำหำร ถงุ พลำสติก ภำชนะกลอ่ งใส่อำหำร เถำ้ มูลสัตว์ หรอื ซำกสัตว์รวมตลอดถงึ วัตถุอื่น ส่ิงใดท่ีเก็บกวำดได้ จำกถนน ตลำด ท่ีเล้ยี งสตั ว์หรอื ท่อี ่ืน ขยะ หรอื มลู ฝอย หรือ ของเสีย เป็นเหตุสำคญั ประกำรหน่ึงท่ีก่อให้เกิดปัญหำส่งิ แวดลอ้ ม และ มีผลต่อสุขภำพอนำมัย มูลฝอยหรือของเสยี กำลังมีปริมำณเพ่ิมมำกข้นึ ทกุ ปี เพรำะสำเหตุจำก กำรเพมิ่ ของประชำกร กำรขยำยตัวทำงเศรษฐกิจและทำงอุตสำหกรรม นบั เป็นปัญหำที่สำคัญของ ชุมชนซึ่งต้องจัดกำรและแก้ไข ปรมิ ำณกำกของเสยี และสำรอนั ตรำย ไดแ้ ก่ ขยะมลู ฝอย สง่ิ ปฏิกูล และสำรพิษท่ีปนเปื้อนอยใู่ นแหล่งนำ้ ดนิ และอำกำศ ตลอดจนบำงสว่ นตกคำ้ งอยูใ่ นอำหำร ทำให้ ประชำชนท่ัวไปเสี่ยงต่ออันตรำย จำกกำรเป็นโรคต่ำง ๆ เช่น โรคมะเร็ง และ โรคผิดปกติทำง พนั ธุกรรม เป็นตน้ ขยะหรอื ขยะมูลฝอย เป็นคำทมี่ ักจะใช้ในควำมหมำยเดียวกัน เปน็ ปัญหำท่สี ำคญั ของชุมชน และสงั คม โดยปริมำณของขยะจะเพิ่มข้ึนตำมกำรขยำยตัวของประชำกรและเศรษฐกิจ ถ้ำมีกำร จัดกำรทีไ่ มเ่ หมำะสมหรือไม่ถูกหลกั สุขำภบิ ำลกจ็ ะเป็นสำเหตุท่ีทำให้เกิดปัญหำสขุ ภำพอนำมัยของ ประชำชน ปัญหำส่ิงแวดล้อม ปัญหำ ควำมไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของชมุ ชนซึง่ มีผู้ใหค้ วำมหมำย ของขยะตำ่ งๆดังน้ี กรมควบคุมมลพิษ (2555 : 8) ไดก้ ล่ำวไวว้ ่ำ ขยะ ตำมควำมหมำยของกรมควบคุมมลพิษ หมำยถงึ สิง่ ต่ำงๆ ท่ีไมต่ ้องกำรใช้ หรอื วัสดุทใ่ี ช้แลว้ ซ่ึงเกดิ จำกกิจกรรมตำ่ งๆในชมุ ชน กำรดำเนินชีวิต

14 ทงั้ ในครัวเรอื น และจำกกำรประกอบอำชพี ได้แก่ เศษอำหำร เศษไม้ กระดำษ พลำสตกิ เศษแก้ว ขวด กระปอ๋ ง รวมถึงวสั ดุของใช้ทีช่ ำรุด และส่ิงของทต่ี ้องกำรทิง้ ยพุ ดี เสตพรรณ (2557) ได้กล่ำวถึงขยะมูลฝอยว่ำ หมำยถึง เศษสิ่งของที่ไมต่ ้องกำรแล้ว สงิ่ ของที่ชำรดุ เสียหำยใชไ้ ม่ไดห้ รอื เสือ่ มคณุ ภำพ ต้องกำจัดทำลำยหรือสิ่งของที่ต้องท้ิงหรอื แจกจำ่ ย ใหแ้ ก่ผอู้ นื่ เช่น เศษกระดำษ เศษอำหำร ขวดแกว้ พลำสติก ซำกสัตว์ ซำกรถยนต์ เปน็ ต้น สรุปได้ว่ำขยะ หมำยถึง ส่ิงต่ำงๆท่ีไม่ตอ้ งกำรใช้ หรอื วัสดุทีใ่ ช้แล้วซึง่ เกิดจำกกจิ กรรมต่ำงๆ ซึง่ ในกำรศกึ ษำครั้งนี้ ขยะในโรงเรยี น หมำยถึง ส่ิงต่ำงๆทไ่ี มต่ อ้ งกำรใช้ หรือวสั ดุที่ใช้แล้วซึ่งเกิดจำก กจิ กรรมต่ำงๆในโรงเรียน ไดแ้ ก่ เศษอำหำร เศษไม้ กระดำษ พลำสติก เศษแก้ว ขวด กระป๋อง รวมถึง วัสดุของใช้ทชี่ ำรุด และส่งิ ของท่ีต้องกำรทงิ้ 2.2.2 ประเภทของขยะ กำรจำแนกประเภทตำมคุณลักษณะและองค์ประกอบซง่ึ อำณัติ ตะ๊ ปินตำ (2553 :) ได้จำแนก ดงั นี้ 1) กำรจำแนกตำมลกั ษณะทำงกำยภำพ เปน็ กำรจำแนกขยะมลู ฝอยตำมลักษณะท่ี ปรำกฏและมองเห็นจำกภำยนอก ซงึ่ สำมำรถจำแนกออกไดด้ ังน้ี 1.1) ขยะเปียก (garbage) หมำยถึง ขยะมูลฝอยทเ่ี ปน็ สำรอนิ ทรีย์ชนิดตำ่ งๆและมี ควำมชน้ื สงู สำมำรถย่อยสลำยไดง้ ่ำยโดยกระบวนกำรทำงชีวภำพ เชน่ เศษอำหำร เศษพืชผักและ ผลไม้ เศษหญำ้ เป็นต้น ดังนั้นจึงจำเปน็ ตอ้ งทำกำรเกบ็ ขนและนำไปกำจัดทำลำยหลำยอยำ่ งรวดเร็ว เพอื่ ป้องกนั กลิน่ เหม็นจำกกำรเน่ำเสียของขยะประเภทน้ี 1.2) ขยะแห้ง (rubbish and trash) หมำยถึง ขยะมลู ฝอยที่เกิดขน้ึ ในรูปของสำรอินทรยี ์และ สำรอนินทรีย์ ซ่ึงมีควำมชื้นตำ่ ย่อยสลำยด้วยกระบวนกำรทำงชีวภำพได้ยำก เช่น กระดำษ กล่องกระดำษ เศษกง่ิ ไม้ใบไม้ เศษยำง เศษผ้ำ เศษแกว้ หรือขวดแก้ว เศษหนังหรือผลติ ภณั ฑห์ นัง เศษพลำสติกเศษ กระป๋องโลหะ เป็นตน้ 1.3) เถ้ำ (ash) หมำยถึง ซำกของแข็งที่เหลือจำกกำรเผำไหม้ของเชื้อเพลิงประเภทฟืน หรอื ถำ่ นหนิ ทีใ่ ห้พลงั งำนควำมรอ้ นทั้งในบำ้ นพักอำศยั ในอำคำร หรือในโรงงำนต่ำงๆ ฯลฯ 1.4) เศษสิ่งก่อสร้ำง (demolition and construction waste) หมำยถึง ขยะมูล ฝอยท่เี กดิ จำกกำรกอ่ สร้ำงหรอื กำรรื้อถอน อำคำร เชน่ เศษเหลก็ เศษอิฐ เศษปูนซีเมนต์ เศษกระเบ้ืองเซรำมิก เศษท่อพีวซี ี เศษสำยไฟ เศษหนิ และเศษไม้ เปน็ ต้น 1.5) ซำกสัตว์ตำ่ งๆ (dead animal) หมำยถึงซำกสัตว์ต่ำงๆทั้งทเี่ กิดขึ้นในชุมชน เช่น สัตวเ์ ลี้ยงตำมบำ้ นเรือนท่ีตำยลงจำกภำคเกษตรกรรม เช่น ซำกสัตว์ในฟำร์มปศุสตั ว์ต่ำงๆ ท่ีอำจตำยลง จำกกำรเกิดโรคระบำดและจำกภำคอุตสำหกรรม เช่น เศษช้ินส่วนของสัตว์ที่เหลือจำกโรงงำนผลิต อำหำรสำเรจ็ รปู หรืออำหำรกระปอ๋ ง เปน็ ตน้ 1.6) ตะกอนจำกระบบบำบัดนำ้ เสยี (sludge) หมำยถงึ กำกตะกอนท่ีเกิดจำกกำร บำบัดน้ำเสียในระบบบำบัดน้ำเสียของชุมชนหรือภำยในโรงงำนทั้งหลำย โดยอำจมีลักษณะเป็นของแข็ง

15 หรือก่ึงของแขง็ มที งั้ ส่วนท่ีสำมำรถยอ่ ยสลำยได้และย่อยสลำยไม่ไดด้ ว้ ยขบวนกำรทำงชวี ภำพ กำกตะกอน เหลำ่ น้ีหำกปลอ่ ยทงิ้ ไวโ้ ดยไมก่ ำจัดอำจถกู ชะลำ้ งลงสู่แหล่งน้ำหรอื ไหลซมึ ลงสู่ชั้นน้ำใต้ดนิ ได้ 1.7) ซำกผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ำและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Waste from Electronic Equipment,WFEE) หมำยถงึ ขยะท่เี กิดขึ้นจำกภำคธุรกจิ ซึง่ ผลติ สินค้ำประเภทผลิตภัณฑเ์ ครือ่ งใช้ไฟฟ้ำ และอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกสอ์ อกมำจำหน่ำยในตลำด และเม่ือสนิ ค้ำเหล่ำน้นั เสอื่ มสภำพหรือหมดอำยุ กำรใชง้ ำนลงก็กลำยเป็นขยะทต่ี ้องนำไปกำจัดทำลำย ซ่งึ ส่วนใหญ่มักจะมีขนำดใหญล่ ะมีน้ำหนักมำก ขยะประเภทนี้ ได้แก่ ซำกตู้เย็น เคร่ืองรับโทรทัศน์ เคร่ืองเสียง เคร่ืองซักผ้ำ เคร่ืองปรับอำกำศ เคร่ือง คอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นตน้ 2) กำรจำแนกตำมองค์ประกอบ เป็นกำรจำแนกตำมลักษณะของขยะมูลฝอยว่ำประกอบไป ด้วยวตั ถใุ ดบ้ำง และวัตถุน้ันมปี ระโยชน์ทีจ่ ะนำกลับมำใช้ใหม่ได้อีกหรือไม่โดยอำจจำแนกออกเป็น ประเภทต่ำงๆได้ดงั น้ีคือ 2.1) ขยะอนิ ทรีย์ (Organic Waste) ได้แก่ ขยะมูลฝอยทส่ี ำมำรถย่อยสลำยได้ดว้ ย ขบวนกำรทำงชีวภำพโดยมีจุลินทรีย์ทำหน้ำทย่ี ่อยสลำย เช่น เศษอำหำร เศษพืชผกั และผลไม้ เศษ หญำ้ เศษใบไม้และกง่ิ ไม้ รวมท้ังซำกสัตว์และมลู สัตวต์ ่ำงๆเปน็ ตน้ ขยะประเภทนี้สำมำรถนำกลับมำใช้ ประโยชน์ได้ในรปู ของกำรนำมำทำปุ๋ยหมัก 2.2) ขยะท่นี ำกลบั มำใช้ประโยชนไ์ ด้ (recycle waste) ไดแ้ ก่ ขยะมลู ฝอยท่มี ีนำมำ แปรรูปเพอ่ื ใช้ประโยชน์ไดอ้ กี เช่น แก้ว กระดำษ โลหะ เหลก็ พลำสติก อะลูมเิ นียม หนังและยำง เป็น ต้น ขยะประเภทนี้เมอ่ื นำมำทำกำรคัดแยกผำ่ นกระบวนกำรแปรรูปแลว้ สำมำรถนำมำเป็นวัตถุดิบเพ่ือ ใช้ใน กำร ผลิตสิน ค้ำ ห รืออำ จน ำไป เป็ น ส่วน ผสมกับวัตถุดิบใหม่เพ่ือลดปริมำ ณกำ รใช้ ทรัพยำกรธรรมชำติลงได้ 2.3) ขยะที่นำกลับมำใชป้ ระโยชน์ไม่ได้ (non recycle waste) ได้แก่ ขยะมูลฝอยท่ี ไมส่ ำมำรถนำกลับมำใช้ประโยชน์ได้อกี เช่น เศษผ้ำ เศษอิฐและเศษปูนจำกกำรก่อสร้ำง เศษวัสดุ ต่ำงๆจำกกำรรอ้ื ถอนอำคำร เถ้ำจำกกำรเผำไหม้เชื้อเพลงิ ตลอดจนเศษชน้ิ สว่ นของผลิตภณั ฑ์ไฟฟ้ำและ อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกสบ์ ำงชนิด เปน็ ต้น ขยะเหล่ำนี้ไม่มีศกั ยภำพในกำรนำกลับมำใชไ้ ด้อีกจึงต้อง นำไปฝงั กลบทำลำยยงั สถำนท่ฝี งั กลบเท่ำนน้ั 2.4) ขยะติดเช้อื (infectious waste) ได้แก่ ขยะมูลฝอยท่มี ีเชอื้ โรคปนเปื้อนอยู่ซ่ึง จะทำให้เกิดอนั ตรำยต่อสขุ ภำพอนำมัยของมนุษย์ได้ เช่น เน้ือเยื่อหรอื ชน้ิ ส่วนอวยั วะตำ่ งๆรวมทง้ั วสั ดุ ทส่ี ัมผัสกับผู้ป่วย เชน่ สำลี ผ้ำพนั แผล เขม็ ฉีดยำ มดี ผ่ำตัด และเสือ้ ผำ้ ผปู้ ่วย เป็นตน้ กำรจำแนกตำมแนวทำงกำรจดั กำรซง่ึ กรมควบคุมมลพิษ (2558 : 21 - 22) ไดจ้ ำแนก ออกเปน็ 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) ขยะยอ่ ยสลำย (compostable waste) คือ ขยะท่ีเนำ่ เสียและย่อยสลำยได้เร็ว สำมำรถนำมำหมักทำปยุ๋ ได้ เช่น เศษผัก เปลือกผลไม้ เศษอำหำร ใบไม้ เศษเนื้อสตั ว์ เปน็ ต้น

16 2) ขยะรีไซเคิล (recyclable waste) คือ บรรจุภัณฑ์ หรือวัสดเุ หลือใช้ ซ่ึงสำมำรถ นำกลบั มำใช้ประโยชนใ์ หมไ่ ด้ เชน่ แกว้ กระดำษ เศษพลำสติก กล่องเครอ่ื งดืม่ แบบยู เอช ที กระปอ๋ ง เครอ่ื งด่ืม เศษโลหะ อะลมู ิเนียม เปน็ ต้น 3) ขยะอนั ตรำย (hazardous waste) คือ ขยะที่มอี งค์ประกอบหรือปนเปอ้ื นวัตถุ อนั ตรำยชนิดต่ำงๆ ได้แก่ วัตถุระเบดิ วัตถุไวไฟ วัตถุออกซิไดซ์ วตั ถุมพี ิษ วัตถุท่ีทำให้เกิดโรค วัตถุ กรรมมันตรงั สี วัตถทุ ี่ทำใหเ้ กิดกำรเปลี่ยนแปลงทำงพันธุกรรม วัตถกุ ัดกร่อน วัตถุที่กอ่ ให้เกิดกำร ระคำยเคอื ง วัตถุอยำ่ งอ่ืนไม่วำ่ จะเปน็ เคมีภัณฑ์หรอื ส่งิ อ่นื ใดที่อำจทำให้เกิดอนั ตรำยแกบ่ ุคคล สัตว์ พชื ทรพั ย์สินหรือสิ่งแวดลอ้ ม เช่น ถำ่ นไฟฉำย หลอดฟลูออเรสเซนต์ แบตเตอร่ีโทรศัพท์เคลือ่ นที่ ภำชนะบรรจสุ ำรกำจัดศัตรูพืช กระปอ๋ งสเปรย์บรรจสุ ีหรือสำรเคมี เปน็ ต้น 4) ขยะท่ัวไป (general waste) คือ ขยะประเภทอ่นื นอกเหนือจำกขยะย่อยสลำย ขยะรีไซเคิลและขยะอันตรำย มีลักษณะท่ีย่อยสลำยยำกและไมค่ ุ้มค่ำสำหรับกำรนำกลับมำใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น ห่อพลำสติกใส่ขนม ถุงพลำสติกบรรจผุ งซกั ฟอก พลำสติกห่อลูกอม ซองบะหมี่ก่ึงสำเร็จรูป ถุงพลำสติกเปอ้ื นเศษอำหำร โฟมเปอ้ื นอำหำร ฟอยลเ์ ป้ือนอำหำร เป็นตน้ ถ้ำแบ่งประเภทขยะตำมลักษณะของส่วนประกอบของขยะมลู ฝอย มีประเภทต่ำงๆ ดังนี้ 1. กระดำษ ถงุ กระดำษ กล่อง ลัง เศษกระดำษจำกสำนักงำน 2. พลำสตกิ มคี วำมทนทำนตอ่ กำรทำลำยไดส้ งู วสั ดุหรือผลติ ภัณฑท์ ี่ทำจำก พลำสตกิ เช่น ถงุ ภำชนะ ของเด็กเลน่ ของใช้ 3. แกว้ วัสดหุ รือผลิตภัณฑท์ ที่ ำจำกแกว้ เช่น ขวด หลอดไฟ เศษกระจก ฯลฯ 4. เศษอำหำร ผัก ผลไม้ ซ่ึงเปน็ สำรประกอบอนิ ทรยี ์ ย่อยสลำยไดง้ ำ่ ย เปน็ สว่ นประกอบสำคญั ทีท่ ำใหข้ ยะเกดิ กลิน่ เหมน็ และส่งกลิ่นรบกวนหำกไม่มีกำรเกบ็ ขนออกจำกแหลง่ ทิ้ง ทุกวัน 5. ผ้ำสงิ่ ทอตำ่ ง ๆ ที่ทำมำจำกเสน้ ใยธรรมชำติ และใยสงั เครำะห์ เช่น ผ้ำไนลอ่ น ขน สัตว์ ลนิ นิ ฝ้ำย 6. ยำงและหนัง เช่น รองเท้ำ กระเปำ๋ บอลล์ 7. ไม้ เศษเฟอรน์ เิ จอร์ โต๊ะ เก้ำอี้ ฯลฯ 8. หิน กระเบือ้ ง กระดกู และเปลือกหอย พวกนี้ไมเ่ น่ำเป่ือย พบมำกในแหล่ง กอ่ สร้ำงตึกที่ทบุ ท้ิง 9. โลหะตำ่ ง ๆ เชน่ กระปอ๋ ง ลวด สำยไฟ ตำปู 10. อนื่ ๆ ทไี่ ม่อำจจัดกลมุ่ ได้ ถำ้ แบง่ ประเภทขยะตำมแหลง่ ทม่ี ำ 1. ขยะมูลฝอยจำกถนน ( Street Refuse ) ได้แก่ เศษสง่ิ ของต่ำง ๆ ท่ปี รำกฏและ กวำดจำกถนน ตรอก ซอย เช่นเศษกระดำษ ผง ฝุ่น ใบไม้ พลำสตกิ อิฐ หิน ทรำย กรวด 2. ขยะมลู ฝอยที่เกดิ จำกสงิ่ ทเ่ี หลอื จำกกำรเผำไหมท้ เ่ี รยี กวำ่ ขเ้ี ถ้ำ ( Ashes ) เช่น เถำ้ ทเ่ี กดิ จำก เตำไฟ, กำรเผำถ่ำน ฯลฯ 3. ขยะมลู ฝอยจำกกำรกอ่ สร้ำง ( Contruction Refuse ) ได้แก่ เศษวัสดกุ อ่ สร้ำง

17 เชน่ เศษไม้ เศษกระเบือ้ งเศษปนู อิฐหัก ฯลฯ 4. ขยะมลู ฝอยจำกกำรร้ือถอนสงิ่ ก่อสร้ำง ( Demolition Refuse ) ไดแ้ ก่ เศษสิ่งท่ี ไมต่ อ้ งกำรที่เกดิ จำกกำรรอื้ ถอนอำคำร บ้ำนเรอื นเกำ่ ฯลฯ 5. ซำกสัตว์ ( Dead Animal ) จำกสัตว์ตำย เนำ่ เปือ่ ย เหม็น 6. ซำกยำนพำหนะ ( Abandon Vehicles ) ทกุ ชนดิ ท่หี มดสภำพ ใชง้ ำนไม่ได้ รวมทง้ั ช้นิ ส่วนประกอบ เชน่ แบตเตอรี่ ยำง ฯลฯ 7. ขยะมูลฝอยจำกโรงงำนอุตสำหกรรม ( Industrial Refuse ) ไดแ้ ก่ เศษวัตถุท่ีเกดิ จำกกำรผลติ หรือขัน้ ตอนกำรผลติ 8. ขยะมลู ฝอยประเภททำลำยยำก ( Hazardous Refuse ) ไดแ้ ก่ ขยะมูลฝอยที่ ตอ้ งกำรใชก้ รรมวิธีทำลำยเป็นพเิ ศษ เช่น พลำสติก ฟลิ ม์ ถ่ำยรปู กำกแร่ธำตุตำ่ ง ๆ 9. ขยะสด ( Garbage ) 10. ขยะแหง้ ( Rubbish ) 11. ขยะพเิ ศษ ( Special Wastes ) 12. ของใช้ชำรุด ( Buddy Wastes ) 13. ขยะจำกกำรกสกิ รรม ( Agricultural Wastes ) 14. กำกตะกอนของน้ำโสโครก ( Sewage treatment residues ) ประเภทของขยะมูลฝอย ท่ีสำนักรักษำควำมสะอำดของกรงุ เทพมหำนคร กล่ำวไว้ มี 3 ประเภทใหญ่คอื 1. มลู ฝอยเปียก ไดแ้ ก่ พวกเศษอำหำร เศษพชื ผัก เปลือกผลไม้ อินทรยี วัตถุที่ สำมำรถย่อยสลำยเน่ำเปอื่ ยง่ำย มคี วำมชน้ื สูง และส่งกล่ินเหม็นได้รวดเร็ว 2. มลู ฝอยแห้ ง ไดแ้ ก่ พวกเศษกระดำษ เศษผำ้ แก้ว โลหะ ไม้ พลำสตกิ ยำง ฯลฯ ขยะมูลฝอยชนดิ นจ้ี ะมีท้งั ที่เผำไหมไ้ ด้และเผำไหม้ไม่ได้ ขยะแหง้ เปน็ ขยะมลู ฝอยทีส่ ำมำรถเลอื กวัสดุ ท่ียังมปี ระโยชนก์ ลับมำใชไ้ ดอ้ ีก โดยกำรทำคดั แยกมูลฝอยก่อนนำทงิ้ ซึ่งจะช่วยให้สำมำรถลดปริมำณ มลู ฝอยทจี่ ะตอ้ งนำไปทำลำย ลงได้ และถ้ำนำส่วนทใ่ี ช้ประโยชน์ไดน้ ีไ้ ปขำยก็จะทำรำยได้กลับคืนมำ 3. ขยะมูลฝอยอันตรำย มลู ฝอยน้ี ได้แก่ ของเสยี ทีเ่ ป็นพษิ มฤี ทธ์กิ ัดกรอ่ นและ ระเบิดไดง้ ำ่ ย ต้องใชก้ รรมวิธใี นกำรทำลำยเปน็ พิเศษ เนอ่ื งจำกเป็นวัสดุที่มีอันตรำย เชน่ สำรฆำ่ แมลง ถ่ำนไฟฉำย แบตเตอรี่ รถยนต์ หลอดไฟ สเปรยฉ์ ดี ผม ฯลฯ 2.1.3 สาเหตุที่ทาให้เกิดปัญหาขยะในโรงเรียน ปญั หำขยะเป็นปญั หำที่สำคัญของโรงเรียน แมว้ ำ่ ในโรงเรยี นตำ่ งๆ จะมีกำรรณรงค์ให้แยก ขยะเพ่ือทิ้งลงในถังแตล่ ะประเภท ซึ่งทำงโรงเรียนไดจ้ ัดเตรียมถงั ขยะแยกประเภทไว้แล้ว แต่ก็ยัง พบวำ่ มีอีกหลำยปัญหำที่ยังเกิดขึน้ อยู่ ซงึ่ สำเหตุสำคัญทท่ี ำให้เกดิ ปัญหำขยะในโรงเรียนมดี งั นี้ 1) ขยะเป็นสง่ิ ต่ำงๆที่ไมต่ ้องกำรใช้ ซึ่งขยะในโรงเรียนเป็นปัญหำสำคญั ต่อสิ่งแวดลอ้ มและ สขุ ภำพทั้งทำงตรง และทำงออ้ มของนักเรียน ท้ังน้ีข้ึนอยกู่ บั ปรมิ ำณของขยะ และกำรจดั กำรขยะ ซึ่ง สนุ ีย์ มลั ลกิ ะมำลย์ (2553 : 34) ไดก้ ลำ่ วถงึ สำเหตทุ ่ที ำใหเ้ กดิ ปญั หำขยะในโรงเรียนมดี ังนี้

18 1.1 ควำมมกั ง่ำยและขำดควำมสำนึกถึงผลเสียท่ีจะเกดิ ขึ้นเป็นสำเหตุท่ีพบบ่อยมำกซ่ึงจะเห็น ไดจ้ ำกกำรทง้ิ ขยะลงตำมพื้น หรือแหลง่ น้ำโดยไมท่ ิง้ ลงในถังรองรับท่ีจัดไว้ใหแ้ ละโรงงำนอุตสำหกรรม บำงแหง่ ลกั ลอบนำส่ิงปฏกิ ูลไปทิง้ ตำมทีว่ ่ำงเปลำ่ 1.2 กำรผลิตหรือใชส้ ่ิงของมำกเกินควำมจำเป็น เช่น กำรผลิตสินคำ้ ทม่ี ีกระดำษหรือ พลำสติกหมุ้ หลำยๆชัน้ และกำรซ้ือสน้ิ ค้ำโดยห่อแยกหรือใส่ถุงพลำสติกหลำยถงุ ทำให้มีขยะปรมิ ำณมำก 1.3 กำรเก็บและทำลำย หรือนำขยะไปใช้ประโยชน์ไม่มปี ระสิทธิภำพ จึงมีขยะตกคำ้ ง กองหมักหมมและส่งกลน่ิ เหมน็ ไปทัว่ บริเวณจนกอ่ ปัญหำมลพษิ ให้กบั สิ่งแวดล้อม นอกจำกน้ีสมไทย วงษเ์ จริญ (2561 : 24) ไดก้ ลำ่ วว่ำสำเหตทุ ที่ ำให้เกดิ ปญั หำขยะในโรงเรยี น เกิดจำกกำรดำเนินกจิ วตั รของนักเรยี นในโรงเรยี นมักก่อให้เกิดสิ่งของที่ไม่ต้องกำรใช้ หรือวัสดุท่ีใช้ แลว้ ซ่ึงเกิดจำกกิจกรรมต่ำงๆ ในโรงเรยี น ซงึ่ ปรมิ ำณของขยะในโรงเรียนจะมำกน้อยข้ึนอยู่กบั ปัจจัย ดงั นี้ 2) ปริมำณขยะมูลฝอยท่ีเกิดขึน้ ในแต่ละวันมีมำกกว่ำควำมสำมำรถท่ีจะจดั เก็บ และขยะมูล ฝอยท่เี กบ็ ได้ กจ็ ะนำไปกองไวก้ ลำงแจ้ง ใหย้ ่อยสลำยตำมธรรมชำติ ซ่ึงก่อให้เกดิ ปัญหำสิง่ แวดล้อมมีขยะ มลู ฝอยเพียงส่วนน้อยท่ีถูกนำไปกำจดั อย่ำงถูกหลักสุขำภิบำล โดยกำรถมท่ีลมุ่ นำไปทำป๋ยุ หมัก และ เผำในเตำเผำขยะ สว่ นขยะท่ตี กคำ้ งไมส่ ำมำรถจัดเกบ็ ได้ยังกอ่ ใหเ้ กิดควำมสกปรกและส่งกลิ่นเหม็น 2.2 กำรทิง้ ขยะมลู ฝอยไมถ่ กู ท่ี คือ ไมท่ ง้ิ ขยะมูลฝอยลงในภำชนะที่จัดเตรยี มไว้รองรบั ขยะ แต่ท้ิงตำมควำมสะดวก เช่น ตำมถนนหนทำง หอ้ งเรยี น หรือสนำมเด็กเล่น เป็นตน้ ซึ่งกอ่ ให้เกดิ ควำม สกปรกของสถำนทีน่ ้ันๆ ทำให้ท่อระบำยนำ้ อุดตัน 2.3 กำรทิ้งขยะมูลฝอยโดยไม่แยกประเภทขยะมูลฝอย เช่น เศษอำหำร เศษกระดำษ ขยะมลู ฝอยที่ย่อยสลำยยำก โฟม ถงุ พลำสติก โลหะ หรอื ขยะมลู ฝอยที่เป็นอันตรำย เช่น ของมคี ม เศษแก้ว และขยะมลู ฝอยติดเชอ้ื มำทง้ิ รวมกัน ทำให้เกิดปญั หำในกำรแยกขยะมลู ฝอย และกำรทำลำย สรปุ ได้วำ่ กิจกรรมตำ่ งๆ ในโรงเรยี นส่งผลใหเ้ กิดส่งิ ของท่ไี ม่ตอ้ งกำรใชแ้ ละขยะในโรงเรยี น สำเหตุเนื่องมำจำกกำรขำดควำมสำนกึ กำรผลิตหรือใช้สิ่งของมำกเกินควำมจำเป็น กำรทงิ้ ขยะมูล ฝอยไม่ถูกที่ กำรทงิ้ ขยะมูลฝอยโดยไมแ่ ยกประเภทขยะมูลฝอย ซ่งึ สำเหตุสำคญั ทีท่ ำให้เกิดปญั หำ ขยะในโรงเรียน 2.1.4 ผลกระทบท่ีเกดิ จากขยะในโรงเรียน จำกกำรทบทวนวรรณกรรมพบวำ่ ขยะในโรงเรียนมีผลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ มและสุขภำพ ทงั้ ทำงตรงและทำงออ้ มของนกั เรียนได้ ซ่งึ สรปุ ผลกระทบได้ดังนี้ สำนักระบำดวิทยำ (2557 : 22) 1. ผลกระทบตอ่ สขุ ภำพร่ำงกำยโดยตรง ทำให้เกิดกำรเจ็บป่วย เกิดโรคทำงเดินหำยใจ โรคภูมิแพ้ทำงด้ำนผิวหนังโพรงจมูก และตำ โรคระบบทำงเดินอำหำร โรคทำงระบบประสำทและกล้ำมเน้ือ เช่น ปวดศีรษะ คลืน่ ไส้

19 2. ผลกระทบตอ่ สขุ ภำพทำงอ้อม ขยะเปน็ แหลง่ สะสมเพำะพันธข์ุ องสตั ว์และพำหะนำโรค ดังน้ี แมลงวันเป็นพำหะนำโรคระบบทำงเดินอำหำร อหิวำตกโรค บดิ ไทฟอยด์ นอกจำกน้ีแมลงวัน ยงั เป็นแหล่งเพำะพนั ธุ์ของไขห่ นอนพยำธิ และเชื้อโปรโตซวั สัตว์กดั แทะ เช่น หนูเป็นพำหะนำโรคสูค่ น เชน่ โรคฉห่ี นู หรือโรคเลปโตสไปโรซสิ นอกจำกนห้ี นยู ังเปน็ แหลง่ อำศัยของปรสติ ภำยนอกร่ำงกำย เช่น หมัด ไร โลน เหำ และสำมำรถแพร่สู่คนได้ 3. ผลกระทบต่อจติ ใจ เชน่ เกิดควำมรำคำญ ควำมเครยี ด จำกควำมสกปรก ฝุน่ ละอองตำ่ งๆ และขำดสมำธิ 4. ผลกระทบทำงส่ิงแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษของน้ำ มลพิษของดิน และมลพิษของอำกำศ เนื่องจำกขยะสว่ นทข่ี ำดกำรเก็บรวบรวม หรอื ไม่นำมำกำจัดใหถ้ ูกวิธี ปลอ่ ยท้ิงค้ำงไว้ เมอ่ื มีฝนตกลง มำจะไหลชะนำควำมสกปรก เชอื้ โรค สำรพิษจำกขยะไหลลงสู่แหลง่ น้ำ ทำให้แหล่งน้ำเนำ่ เสยี และ นอกจำกน้ีขยะยังส่งผลกระทบต่อคณุ ภำพดนิ โดยเฉพำะขยะอนั ตรำย เช่น ถ่ำนไฟฉำย ซำกแบตเตอร่ี หลอดฟลูออเรสเซนต์ ซงึ่ มปี ริมำณโลหะหนกั ประเภทปรอท แคดเมยี ม ตะกวั่ จำนวนมำก สำรอนิ ทรีย์ ในขยะเม่ือมกี ำรย่อยสลำย จะทำให้เกิดสภำพควำมเป็นกรดในดิน เม่อื ฝนตกชะกองขยะจะทำใหน้ ้ำ เสียจำกกองขยะไหลปนเป้ือนดินทำใหเ้ กดิ มลพิษของดิน ถ้ำมีกำรเผำขยะกลำงแจง้ จะเกิดควันท่ีมี สำรพษิ ทำให้คณุ ภำพของอำกำศเสยี ส่วนมลพิษทำงอำกำศจำกขยะอำจเกิดขึ้นไดท้ ้ังจำกมลสำรที่มี อยใู่ นขยะและแก๊สหรอื ไอระเหยท่ีมีกลน่ิ เหมน็ จำกกำรเน่ำเปือ่ ยและสลำยตวั ของอนิ ทรียส์ ำร 5. ทำให้เสียภำพลกั ษณ์ของโรงเรียน กำรจัดกำรขยะท่ีดี มีควำมเป็นระเบยี บเรยี บร้อย ย่อมแสดงถงึ ควำมเจรญิ และวัฒนธรรมของโรงเรยี น หำกกำรจัดกำรขยะไม่ดีย่อมกอ่ ใหเ้ กดิ ควำมไม่ น่ำดูขำดควำมสวยงำม สกปรก และไมเ่ ป็นระเบียบ ส่งผลกระทบต่อภำพรวมของโรงเรียน นอกจำกนี้พชั รพล ไตรทพิ ย์ (2559 : 41) กล่ำวว่ำ ปัญหำทีเ่ กิดขนึ้ จำกกำรมปี ริมำณขยะ มลู ฝอยและของเสียอันตรำยมำกข้นึ ในชุมชนและโรงเรยี นไม่สำมำรถเก็บรวบรวมและนำไปกำจัด อย่ำงมีประสทิ ธิภำพได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภำพแวดล้อมในดำ้ นต่ำงๆมำกมำยหำกไมม่ ีกำรจัดกำรขยะ ใหถ้ ูกต้องเหมำะสมย่อมจะกอ่ ให้เกิดผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมและสขุ ภำพและอำจเกิดเปน็ สำเหตุของ กำรเกิดโรคระบำดได้ จำกท่ีกลำ่ วมำจะเหน็ ไดว้ ำ่ ขยะในโรงเรยี นเปน็ ปัญหำสำคัญต่อสง่ิ แวดล้อมและสขุ ภำพ ทั้ง ทำงตรงและทำงออ้ มของนกั เรียน ทง้ั นข้ี ้ึนอยกู่ บั ปริมำณของขยะและกำรจัดกำรขยะดงั น้นั กำรบรหิ ำร จดั กำรขยะในโรงเรียนจึงมีควำมสำคัญเพ่อื ลดปญั หำทอ่ี ำจสง่ ผลกระทบต่อสขุ ภำพนักเรยี นในโรงเรยี น 2.1.5 การกาจดั ขยะมลู ฝอย กำรกำจัดขยะมลู ฝอยมีหลำยวิธี มที ้ังวิธีทถ่ี ูกลักษณะบ้ำง ไม่ถูกลักษณะบ้ำง ได้แก่ กำรทงิ้ ในท่ดี นิ ทีว่ ำ่ งเปลำ่ ใช้ถมที่ ท้ิงในแม่นำ้ ลำคลอง ฝังกลบ กำรเผำไหม้ ทำปุ๋ยหมัก (กรมควบคุม มลพิษ,2553,น.7-17) ได้กลำ่ วไว้ในภำพรวมของประเทศมีปริมำณขยะมูลฝอยตลอดท้ังปี ประมำณ 13 – 15 ล้ำนตัน มกี ำรนำขยะกลับมำใช้ใหม่ ประมำณ 3.86 ลำ้ นตัน หรือรอ้ ยละ 26 ซ่งึ ขยะเหลำ่ น้ี มีแหลง่ กำเนิดมำจำกบำ้ นเรือน โรงงำน โรงพยำบำล สถำนศึกษำ ร้ำนคำ้ สถำนประกอบกำร และ

20 ตลำด แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สว่ นท่ีนำไปกำจัดโดยใชว้ ิธฝี ังกลบ ใช้เตำเผำ เทกองกลำงแจง้ และสว่ นท่ี นำกลับมำใช้ใหม่ โดยกำรคัดแยกวัสดุรีไซเคิลนำไปขำยซำเลง้ และผลติ พลังงำนไฟฟ้ำและเช้ือเพลิง ทดแทน 3 กำรกำจดั ขยะมลู ฝอยโดยกำรนำขยะมลู ฝอยกลับมำใช้ใหมใ่ นหลักกำร 3Rs คือ (1) Reduce ใช้น้อยหรือลดกำรใช้โดยใช้เท่ำที่จำเปน็ เช่น ใช้ถุงผ้ำแทนกำรใช้ ถุงพลำสติกในกำรใชข้ องใช้ ถุงพลำสตกิ ขนำดใหญ่ใบเดียวแทนกำรใชถ้ ุงพลำสติกใบเล็กหลำยใบ ใช้ แกว้ นำ้ พลำสติกแทนแกว้ พลำสติกหรือแก้วน้ำกระดำษ (2) Reuse ใช้ช้ำ กำรใช้ช้ำเป็นแนวทำงในกำรใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกรท่ีมีอยู่ อย่ำงคุ้มคำ่ โดยกำรนำผลติ ภณั ฑท์ ใี่ ช้งำนไปแล้วแต่ยังสำมำรถใชง้ ำนได้นำกลับมำใชใ้ หม่อีก เช่น กำร ใช้ถำ่ นไฟฉำยแบบชำร์จใหม่ (Rechargeable Battery) กำรใช้กระดำษซำ้ ทง้ั 2 หน้ำ และใชก้ ระดำษ หน้ำท่ี 3 ไดอ้ ีก เช่น นำมำพับเป็นรปู ทรงต่ำงๆ ใช้เปน็ สื่อกำรเรียนกำรสอน พับเป็นถงุ ใสส่ ินค้ำทเี่ ป็น ของใช้ชนิดแห้ง และทำเป็นกระดำษพิมพ์อักษรเบรลล์ (Braille Code) สำหรับผู้พิกำรทำงสำยตำ เป็นต้น กำรนำขวดแกว้ เกำ่ มำทำควำมสะอำดกลบั มำใชบ้ รรจุภณั ฑ์ใหมใ่ นระบบโรงงำน กำรนำขวด แก้วนำมำใช้เปน็ แจกันดอกไม้ นำขวดแก้วมำใสก่ ำแฟ หรอื น้ำตำลทรำย ฯลฯ ถงุ พลำสตกิ ใชแ้ ล้วนำมำ ใสข่ ยะ นำขวดน้ำพลำสติกมำทำท่ีรดน้ำต้นไมแ้ บบนำ้ หยด นำยำงรถยนตท์ ่ีใช้แล้วมำทำเป็นเครือ่ งเล่น เด็กและนำมำเปน็ ถงั ขยะมูลฝอยแหง้ (3) Recycle แปรรูปใช้ใหม่ สำหรบั บรรจุภัณฑ์บำงประเภทอำจจะใชช้ ้ำไมไ่ ด้ จะมี กำรนำไปขำยใหซ้ ำเลง้ หรอื ร้ำนรบั ซ้อื ของเก่ำ สง่ ไปขำยต่อให้กบั โรงงำนสำหรับแปรรปู เพ่ือนำไปผลิต เป็นบรรจุภัณฑ์ต่ำงๆ เช่น กำรนำขวดพลำสติก PET มำหลอมเป็นเม็ดพลำสตกิ หรอื ตีเป็นเสน้ ใย สำหรบั นำมำทอเส้ือแทนฝ้ำย นำเศษกระดำษมำแปรรปู เป็นเย่ือกระดำษ ตกแต่งเปน็ กระดำษ เผื่อ ผลิตใหม่เปน็ รปู แบบกระดำษสำรีไซเคิลนำมำใช้เป็นกระดำษห่อของขวัญ ตกแต่งเป็นกระดำษวำด ภำพและเพ้นท์สี รองเทำ้ แตะใชส้ อยในบ้ำเรอื น ฯลฯ นำเศษแก้วมำหลอม แล้วขึน้ รปู ขวดแกว้ ใหม่ เศษเหล็กมำดดั แปลงทำเฟอร์นเิ จอร์ 2.1.6 รูปแบบการบรหิ ารจัดการขยะมูลฝอย รูปแบบกำรบรหิ ำรกำรจดั กำรเป็นกำรแกไ้ ขขยะมูลฝอย เน่ืองจำกขยะมูลฝอยเป็น ตน้ เหตุที่ทำให้เกดิ ผลกระทบต่อสภำพแวดล้อมในกำรทำให้ดินเสีย อำกำศเสยี และน้ำเสีย ซ่งึ สง่ ผลต่อ สขุ ภำพของประชำชนในพ้ืนทนี่ ้ันๆ ดังนั้น กำรแกไ้ ขปัญหำขยะมลู ฝอยต้องแก้ท่ีตน้ เหตุหรือจุดทท่ี ำให้ เกดิ ขยะมูลฝอย นั้นคือ ผู้สร้ำงขยะมูลฝอยหรอื คนนนั่ เอง กำรแก้ปัญหำกับคนต้องเริ่มตน้ ด้วยกำร สร้ำงจิตสำนึกให้รจู้ ักกำรรบั ผิดชอบและกำรมีสว่ นรว่ มในกำรช่วยกนั รักษำควำมสะอำดทง้ั ในบ้ำนและ นอกบำ้ นรวมถงึ สถำนที่สำธำรณะ ด้วยกำรร้จู กั แยกขยะกอ่ นท้ิง กำรนำขยะบำงอยำ่ งทด่ี มี ำใชซ้ ้ำและ ทิ้งขยะให้เป็นท่ีเปน็ ทำงซึง่ เป็นกำรเอื้ออำนวยต่อควำมสะดวกให้กบั พนกั งำนเก็บขยะได้รวดเร็วขนึ้ ใน รูปแบบกำรจดั กำรขยะในโรงเรียนตอ่ ไปนี้

21 รปู แบบกำรจัดกำรขยะในโรงเรยี นบำ้ นแม่งำวใต้ ทดลองกำรใหน้ ักเรียนคัดแยกขยะ โดยกำรแนะนำ ให้ควำมรู้ เป็นเวลำ 3 อำทิตย์ ภำพควำมสกปรก รกรงุ รัง และไม่เป็นระเบียบ เรยี บร้อยของโรงเรยี นเปล่ยี นแปลงไปในทำงท่ดี ีขน้ึ คอื สะอำด ไม่มขี ยะตกค้ำง เป็นปรำกฏกำรณ์ที่ นกั เรยี น ครู และบุคลำกรทุกคนสัมผสั ได้ จงึ ยอมรบั ว่ำกำรคัดแยกขยะก่อนทิ้งส่งผลให้ปรมิ ำณขยะ ลดลงไดจ้ ริง (1.) ขยะธรรมดำ ประกอบด้วย ขยะท่ีมมี ูลค่ำ เช่น แกว้ โลหะ กระดำษ พลำสติก ขยะสำรอินทรีย์เปน็ ขยะเศษอำหำร พืช ผกั ใบไม้ตำ่ งๆ ทเ่ี ปน็ ของสด และขยะทิ้ง เป็นขยะ ทผ่ี ่ำนกำรคดั แยก ขยะทม่ี ีมลู ค่ำและขยะสำรอินทรียอ์ อกไปแล้ว ส่วนทีเ่ หลือ คือ ขยะทไ่ี ม่ต้องกำร ดังนั้นจงึ เปน็ สว่ นที่จะทิ้งไป (2.) ขยะอนั ตรำย เป็นขยะที่มีสำรพิษ ตกค้ำงอยู่ เชน่ ถุงปยุ๋ เคมี กระปอ๋ ง สเปรย์ กระป๋องยำฆ่ำแมลง หลอดไฟ ถ่ำยไฟฉำย แบตเตอร่ี เปน็ ตน้ เป็นประเภทขยะทตี่ ้องคัดแยก ทิง้ ตำ่ งหำกออกไป สำหรับขยะท่ีมีมูลค่ำ เม่ือคัดแยกแล้วจะเก็บไวเ้ พอื่ แลกหรอื ขำยของเก่ำ เป็นรำยไดเ้ พ่ิมขน้ึ ก็ได้หรอื เกบ็ ไว้มอบเป็นรำงวลั แก่พนักงำนเก็บขนขยะก็ได้ตำมควำมสมคั รใจ ส่วน ขยะอินทรยี จ์ ะท้งิ หรอื จะนำไปทำป๋ยุ หมกั ใช้เองถ้ำมพี ื้นทีว่ ำ่ งเพียงพอ ซ่งึ กำรแยกขยะประเภทนี้ ออก จำกขยะท้ิงเพรำะไม่ตอ้ งกำรให้เกิดกำรเน่ำเสยี รวมไปในขยะท้ิง และหำกมีกำรคดั แยกขยะสำรอนิ ทรีย์ อยำ่ งชดั เจนเป็นปรมิ ำณมำก ทำงโรงเรยี นอำจจะดำเนินกำรโครงกำรทำป๋ยุ หมกั ต่อไปก็ได้ สว่ นขยะ อนั ตรำยนน้ั มพี ิษในตัว จึงไมค่ วรทิ้งรวมกับขยะอนื่ เพรำะจะสรำ้ งผลกระทบตอ่ ดินที่ ฝงั กลบ จึงควร แยกเพอ่ื โรงเรียนจะได้นำไปกำจัดด้วยวิธีกำรเฉพำะต่อไป ปจั จัยทีส่ ่งเสริมและสนบั สนุนให้เกิดควำมร่วมมอื ตำมกระบวนกำรมสี ่วนร่วมของ โรงเรยี นคดั แยกขยะ คอื (1.) กำรรณรงคเ์ พือ่ ใหเ้ กดิ ควำมร่วมมอื (1.1) กำรประชำสัมพันธ์ เร่ิมต้นด้วยแผ่นพับที่อธิบำ ยพร้อม รูปภำพประกอบ กำรพูดหน้ำเสำธงตอนเช้ำ ให้รบั รูแ้ ละเข้ำใจกำรคัดแยกขยะ และคัดแยกขยะก่อน ท้ิง (1.2) กำรสร้ำงควำมเขำ้ ใจ รับรู้ และมีสว่ นรว่ มในกำรคัดแยกขยะ ดว้ ยกำรประชุมคณะกรรมกำรสภำนักเรยี น เพ่ือให้นำควำมรู้ กระบวนกำรคดั แยกขยะไปเผยแพร่ ชกั ชวนให้เพอ่ื นนักเรียน ครู และบุคลำกรในโรงเรยี นให้เข้ำมำมีส่วนรว่ มในกำรคดั แยกขยะดว้ ย สรุป รปู แบบคัดแยกขยะมูลฝอย มีกำรคัดแยกจำกต้นทำง ขยะสด เพ่ือนำไปใช้เป็น อำหำรสัตว์ ใช้ทำปุ๋ยหมกั หรือ นำ้ หมักชีวภำพ ขยะแห้งทมี่ ีทั้งกระดำษ ขวด ถงุ พลำสติก นำมำลำ้ งทำ ควำมสะอำดแล้วนำมำประดิษฐ์เป็นของเลน่ ของใช้ ส่วนขวดแก้ว เพ่อื นำไปขำยร้ำนขำยของเก่ำสรำ้ ง อำชีพมีรำยได้เพมิ่ ลดภำวะโลกรอ้ นไดร้ ะดบั หน่งึ

22 2.1.7 นโยบายส่งเสรมิ และสนับสนุนการจัดการขยะของ สพฐ. สู่โรงเรียนปลอดขยะ นโยบำยรัฐบำลและแผนพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติ ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ.2560 - 2564) ไดก้ ำหนดใหก้ ำรบรู ณำกำรเชงิ ยุทธศำสตร์ ประเดน็ กำรบริหำรจัดกำรขยะและสง่ิ แวดล้อมจึง ไดม้ ีกำรบรู ณำกำรหนว่ ยงำนท่ีเกี่ยวข้องด้ำนกำรบริหำรจดั กำรขยะ โดยสำนักงำนคณะกรรมกำร กำรศึกษำข้ันพื้นฐำนเปน็ หน่วยงำนหลักท่ีเก่ียวข้องในกำรสร้ำงพลเมอื งท่ีมีคุณภำพในกำรให้ควำมรู้ สรำ้ งเจตคติ นำไปสู่กำรมคี วำมตระหนกั และมจี ติ สำนึกทดี่ ใี นด้ำนกำรจัดกำรขยะ โดยมุ่งเน้นกำรสร้ำง จิตสำนกึ ท่ีสำคญั ใน 2 ประเด็นหลัก คือ กำรสร้ำงจติ สำนึกลดปริมำณขยะ ให้เหลือเฉล่ีย 1 กิโลกรัม ต่อคนต่อวันและกำรใช้ประโยชน์จำกขยะ สร้ำงจิตสำนึกและอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม โดยส่งเสริม สนับสนุนให้สำนักงำนเขตพ้ืนท่ี สำนักงำนคณะกรรมกำรศึกษำธิกำรจังหวัด และสถำนศึกษำ ดำเนินกำร ตำมแนวทำงดังนี้ 1) กำรดำเนินกำรตำมแนวทำงกำรจดั กำรขยะ Zero Waste school ซ่งึ เป็นปรัชญำที่ สง่ เสริม กำรหมุนเวยี นทรพั ยำกรกลับมำใช้ใหม่ เพ่ือเปน็ กำรใช้ทรพั ยำกรอยำ่ งมีประสิทธภิ ำพและ เป็น กำรลดปริมำณของเสียที่เกิดขึ้นให้น้อยท่ีสุด โดยใช้หลักกำรของ 3 Rs (Reduce, Reuse, Recycle) รวมทั้งกำรออกแบบผลิตภณั ฑ์ให้สำมำรถนำกลับมำใชใ้ หม่ไดเ้ กือบท้งั หมด เพ่ือเปน็ กำรลด ปริมำณของเสียทส่ี ่งไปกำจัดโดยวธิ ีกำรฝังกลบและเตำเผำทำลำยให้มีปริมำณนอ้ ยท่สี ุด รำยละเอียด ดังแผนภำพที่ 2.1 แผนภาพท่ี 2 แนวคดิ กำรจัดกำรขยะ Zero Waste ที่มา: Zero Waste แนวทำงกำรลดขยะใหเ้ หลือศูนย์ กำรลดปรมิ ำณขยะรปู แบบของ 3 Rs ในสถำนศกึ ษำมดี ังน้ี 1. กำหนดนโยบำยด้ำนกำรจดั กำรขยะตำมรปู แบบของโรงเรยี น ZERO WASTE 2. ส่งเสรมิ กำรจดั กจิ กรรมกำรคัดแยก ขยะ4 ประเภท ได้ขยะทั่วไป ขยะย่อย สลำย ขยะรี ไซเคลิ และขยะอันตรำย

23 3. ส่งเสริมกจิ กรรม 1A3R ลดขยะในสถำนศึกษำ 1A3R คอื กลยทุ ธ์ในกำรจดั กำรกบั ขยะมูล ฝอยท่เี ร่ิมต้นทจ่ี ะมีขยะเกิดข้นึ ประกอบด้วยข้นั ตอนตั้งแต่กำรงด - เลกิ ลด ใชซ้ ้ำและหมุนเวยี นกลับมำ ใช้ใหม่เปน็ หลักกำรแกป้ ัญหำขยะแบบประหยัด ท่ไี ม่ต้องอำศัยงบประมำณทำงรำชกำรใดๆ แตต่ ้อง อำศัยควำมต้ังใจ เสยี สละเวลำ รวมทั้งงบประมำณสว่ นตัว โดยมีควำมหมำย ดังน้ี 3.1 Avoid หรอื งด – เลิก เป็นกำรงดหรือเลิกกำรบรโิ ภคที่เปน็ อนั ตรำยต่อผบู้ รโิ ภค โดยตรงกำรบริโภคที่เป็นอันตรำยต่อผูอ้ ื่นและตอ่ ระบบนิเวศ โดยจะตอ้ งงดหรอื เลกิ บรโิ ภค 3.1.1 ผลิตภณั ฑ์ทใ่ี ช้แลว้ ทงิ้ เลย 3.1.2 ผลิตภณั ฑ์ทเ่ี ป็นอันตรำยตอ่ ผูใ้ ช้และระบบนิเวศ 3.1.3 ผลติ ภัณฑท์ ี่ทำจำกสตั ว์ปำ่ หรือชน้ิ สว่ นของสตั ว์ปำ่ ทุกชนดิ 3.1.4 กิจกรรมทท่ี ำใหเ้ กดิ อนั ตรำยต่อชวี ิตมนุษย์และสภำพแวดลอ้ ม 3.2 Reduce หรือลดกำรบริโภคที่จะทำใหเ้ กดิ กำรร่อยหรอของทรพั ยำกรท่ีมีอยู่ อย่ำงจำกัด ทรพั ยำกรที่ใช้แล้วหมดไป รวมทง้ั ทรัพยำกรท่ีทดแทนใหม่ได้บำงชนดิ ก็ต้องลดกำรใช้ เนือ่ งจำกทำใหเ้ กดิ กำรเสยี สมดลุ ของระบบนเิ วศ โดยกำรลดกำรใช้ทรพั ยำกร ดังนี้ 3.2.1 ทรัพยำกรทใี่ ช้แล้วหมดไป 3.2.2 ทรัพยำกรทีท่ ดแทนใหม่ได้ 3.2.3 ผลิตภัณฑ์ที่เม่ือนำมำใช้ จะทำให้เกิดควำมเสียหำยตอ่ ระบบนิเวศ 3.2.4 ผลติ ภณั ฑ์ทีไ่ ด้จำกขบวนกำรผลติ ที่ตอ้ งใชพ้ ลงั งำนมำก 3.3 Reuse หรือใช้ซ้ำ - ใช้แล้วใช้อีกเป็นอีกทำงเลือกหนึ่งของกำรบริโภคอย่ำงเหมำะสม เพื่อลดกำรรอ่ ยหรอของทรพั ยำกรท่ีมอี ยู่ และลดกำรปล่อยมลพษิ ส่สู ภำพแวดลอ้ ม โดยกำรนำผลติ ภัณฑ์ และทรัพยำกรกลบั มำใช้ใหม่ในลักษณะท่ีเหมือนเดิม ไม่มีกำรเปล่ียนรูปทรงด้วยกำรหลอม บด แยก ใดๆ เพ่ือหลีกเล่ยี งกำรสูญเสยี พลังงำน เช่น 3.3.1 เสือ้ ผ้ำทุกชนดิ 3.3.2 ภำชนะบรรจุทที่ ำด้วยแก้วทกุ ชนิด 3.3.3 ภำชนะบรรจุอนื่ ๆ เช่น ลงั กระดำษ ลงั พลำสติก ฯลฯ 3.3.4 กระดำษ 3.4 Recycle หรอื หมุนเวยี นกลบั มำใหมผ่ ลติ ภัณฑบ์ ำงชนดิ แม้จะมคี วำมคงทนแต่กลบั มีอำยกุ ำรใช้งำนส้นั มปี ริมำณกำรใชม้ ำกทำใหห้ มดเปลืองทรัพยำกรและพลังงำนอย่ำงรวดเรว็ จึงควร ใชผ้ ลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑป์ ระเภทน้ีอยำ่ งระมัดระวังและให้เกิดประโยชน์คมุ้ ค่ำมำกทส่ี ุดเพอื่ ลด ปรมิ ำณของเสียที่จะถ่ำยเทส่สู ภำพแวดลอ้ ม และเมอ่ื เลกิ ใช้แลว้ ควรจะจดั กำรเพอื่ นำเอำทรัพยำกรท่ี ครัง้ หนึง่ ถูกแปรเปลย่ี นเปน็ ผลิตภัณฑ์ดังกลำ่ ว หมุนเวียนกลับมำใช้ใหม่ ซ่งึ จะต้องผ่ำนกระบวนกำร หลอมละลำย บด อัด ฯลฯ ผลิตภัณฑท์ สี่ ำมำรถนำมำหมุนเวยี นกลับมำใชใ้ หม่ได้ มดี ังนี้ 3.4.1 แกว้ ไดแ้ ก่ ขวดแก้วต่ำงๆ ทง้ั ทมี่ ีสใี ส สีนำ้ ตำลและสเี ขยี ว

24 3.4.2 กระดำษ ไดแ้ ก่ กระดำษหนังสือพิมพ์ กล่องกระดำษ ถุงกระดำษ สมุด กระดำษสำนักงำน หนงั สอื ต่ำงๆ 3.4.3 โลหะ ไดแ้ ก่ วสั ดหุ รือเศษเหล็กทุกชนิด กระปอ๋ งอลูมเิ นียม ทองแดง ทองเหลือง 3.4.4 พลำสติก ไดแ้ ก่ ขวดน้ำพลำสตกิ ใส ขวดนำ้ พลำสตกิ สขี ำวขุ่น ถุงพลำสติก เหนยี วภำชนะพลำสติกตำ่ งๆ (กะละมัง ถังนำ้ ขวดแชมพู) รวมถงึ บรรจภุ ณั ฑ์ท่ีมสี ญั ลักษณ์รไี ซเคิล นอกจำกน้ีเนือ้ หำเกีย่ วกับกำรจดั กำรขยะมูลฝอยในหลักสูตรกำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน พ.ศ. 2551 ซ่งึ เปน็ หลักสตู รแกนกลำงของประเทศ มีจดุ ประสงค์ท่จี ะพัฒนำผู้เรยี นให้เปน็ คนดี มปี ญั ญำ มคี ณุ ภำพ ชีวิตท่ีดีสำมำรถดำรงชีวิตอย่ำงมีควำมสุขได้บนพน้ื ฐำนของควำมถนัดและควำมสำมำรถของแต่ละ บุคคลซง่ึ ปัญหำขยะมูลฝอยเป็นปัญหำหน่ึงดำ้ นสิ่งแวดล้อมทีอ่ ยู่รอบตัวเรำและสงั คม ปจั จุบันกำรเรยี น กำรสอนของครูจะต้องปรบั เปล่ียนในหลำยด้ำน เพื่อทำใหเ้ ดก็ เกิดทักษะ ควำมคดิ รวบยอด และเจต คตทิ ่ีดีต่อกำรอนรุ ักษส์ ิ่งแวดล้อม สำมำรถนำปญั หำสิง่ แวดล้อมมำแกไ้ ขดว้ ยตนเอง เพ่ือประโยชน์สุข ของตนเองและสงั คม เกษม จนั ทรแ์ ก้ว (2558 : 142 – 143) ไดก้ ล่ำวถึงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนเพือ่ สรำ้ งควำมรู้ พื้นฐำนไปสู่กระบวนกำรส่งิ แวดล้อม และกระบวนกำรวิทยำศำสตร์ควบคู่กันไปเพื่อสร้ำง จิตสำนึก สิ่งแวดล้อม โดยมขี ั้นตอนในกำรสอดแทรก 5 ขัน้ เพ่อื ใหใ้ ห้ผ้เู รยี นเกดิ ควำมรู้ เจตคติ ควำมสำนกึ กำรตอบโต้ และทักษะทำงสงิ่ แวดลอ้ มท่ถี กู ต้อง ดังนี้ 1. ควำมรู้ (Knowledge) ทำงสิ่งแวดล้อมน้นั ต้องเป็นควำมรู้ในแนวกวำ้ ง ซึ่งเปน็ ฐำนสำคัญ ของจิตสำนึกทำงสง่ิ แวดล้อม หมำยควำมว่ำ รู้หลำยสำขำหรือเรื่องที่เก่ียวขอ้ งกบั ควำมรู้ เฉพำะทำง ส่ิงแวดล้อมนน้ั ๆ นอกจำกน้ีกำรร้จู ักผสมผสำน (Integration) ก็เปน็ อีกเรอ่ื งหนงึ่ ที่สำคัญเช่นกันทจ่ี ะ กอ่ ใหเ้ กิดควำมร้ทู ำงส่ิงแวดล้อมในแนวกว้ำง ซึง่ หมำยถึงกำรทค่ี วำมรเู้ ฉพำะดำ้ นนัน้ มกี ำรเช่ือมโยงกับ ควำมรทู้ ำงดำ้ นอื่นๆ ในลักษณะและทิศทำงอันเป็นสง่ิ สำคญั ของจิตสำนกึ ท่ตี ้องปลูกฝงั ท้ังนีเ้ พ่ือจะเป็น ควำมรอู้ ย่ำงมเี หตผุ ล สำมำรถสร้ำงมโนภำพที่เปน็ ธรรมชำติของสิ่งนัน้ ปัญหำและเหตุของปัญหำแนวทำงแกไ้ ข แผนกำรแก้ไขและอนื่ ๆได้ 2. เจตคติ (Attitudes) เปน็ ระดับควำมเขม้ ข้นของเนื้อหำสำระของจิตสำนึกทำงสงิ่ แวดลอ้ ม ต่อจำกควำมรู้ หมำยควำมว่ำ ต้องมีควำมรอู้ ย่ำงถูกต้องตำมหลักกำร คือ รู้กวำ้ งและรกู้ ำรผสมผสำน ซง่ึ ตอ้ งมีกำรไดเ้ ห็น หรือสมั ผสั ของจริง และรว่ มกิจกรรมกบั กิจกรรมเสรมิ ที่ผูบ้ รหิ ำรวำงแผนไวโ้ ดยเชอ่ื วำ่ กำรได้เหน็ ควำมเป็นจริง ปรำกฏกำรณ์ พฤตกิ รรมในส่ิงเหล่ำนน้ั รวมทง้ั ได้มกี ำรร่วมกิจกรรมกส็ ำมำรถ มีเจตคติท่ถี ูกตอ้ งและม่ันคงตลอดไป 3. ควำมสำนกึ (Awareness) เปน็ ระดบั ควำมเขม้ ขน้ ของเนื้อหำสำระในระดับท่ีสำมของกำร สรำ้ งจิตสำนึกทำงสง่ิ แวดล้อมโดยกำรกำหนดกระบวนรำยวชิ ำ รำยละเอียดรำยวิชำให้มเี นื้อหำถึงขั้นละเอียด ผเู้ รียนจะมคี วำมรู้อย่ำงลึกซ้ึง เข้ำใจอยำ่ งฝังแน่น อกี ท้งั ต้องสรำ้ งบทปฏบิ ัติกำร อำจทดลองในหอ้ งปฏิบตั ิกำร ทดลองในพน้ื ทจี่ ริงทำกจิ กรรมรว่ มเขียนรำยงำนบทปฏบิ ตั กิ ำร ทำรำยงำนเสนอผลงำนตอ่ หน้ำกลุ่มผู้เรยี น เป็นตน้ 4. กำรตอบโต้ (Sensitivity) ในทำงสงิ่ แวดลอ้ ม หมำยควำมวำ่ เมือ่ เกดิ เหตกุ ำรณ์ใด หรือส่งิ ใดบังเกิดข้ึน ประสำทหรือควำมรทู้ ีไ่ ดส้ ะสมไว้จะมกี ำรตอบโต้โดยอัตโนมตั ิ แตถ่ ้ำไม่มกี ำรตอบโต้เลย หมำยถงึ วำ่ กำรสร้ำง ควำมสำนึกหรือจิตสำนึกยงั ไม่อยใู่ นเกณฑท์ ่ใี ชไ้ ด้ วธิ กี ำรสร้ำงใหเ้ กิดอำกำรตอบโต้ หรอื เกิดควำมรู้สกึ กค็ อื

25 กำรสรำ้ งพัฒนำกำรโดยกำรฝกึ หัดทำ หรอื ฝกึ ใหท้ ำ อำจเป็นกำรบงั คบั จำกกฎหมำย กำรใหค้ วำมรู้ ฝึก โดยกำรสมคั รใจและเต็มใจรับกำรฝึกหดั 5. ทกั ษะ (Skills) เปน็ ระดบั สูงสดุ ในเนือ้ หำสำระของกำรสรำ้ งจิตสำนกึ ทำงสิง่ แวดลอ้ มเป็นระดบั ทส่ี รำ้ งทักษะกำรทำไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ งและชำนำญกำร วิธีกำรสร้ำงทักษะที่มีประสทิ ธิภำพ คือกำรฝกึ ทำ ฝกึ หดั ทำ ฝกึ กำรเขียน ฝกึ บรรยำย ฝกึ กำรเสนอผลงำนฝกึ สอน และฝึกเป็นผู้ดำเนินกำรในเฉพำะเรอ่ื ง นั้นๆ ตำมเวลำท่เี หมำะสม กำรทดสอบปริมำณและคุณภำพจำกผูท้ รงคุณวุฒิก็สำมำรถทรำบได้ สรุปได้ว่ำปัญหำขยะมลู ฝอยเป็นปัญหำหน่ึงด้ำนส่ิงแวดล้อมที่อยู่รอบตวั เรำและสังคม ในปัจจุบันควำมก้ำวหน้ำดำ้ นเทคโนโลยี ไม่หยดุ น่ิง ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวเองให้เข้ำกับสภำพทเี่ ปล่ียนไป กำรเรียนกำรสอนของครูจะต้องปรับเปลี่ยนในหลำยดำ้ น เพ่ือทำใหเ้ ด็กเกิดทกั ษะ ควำมคดิ รวบยอด และเจตคตทิ ่ดี ีต่อกำรอนุรักษส์ ิง่ แวดลอ้ ม สำมำรถนำปญั หำส่งิ แวดลอ้ มมำแก้ไขดว้ ยตนเอง โดยสอดแทรก เนอ้ื หำเกย่ี วกับสงิ่ แวดล้อมเพือ่ สร้ำงจติ สำนกึ ทำงสิง่ แวดล้อมเพอื่ ให้ให้ผเู้ รียนเกดิ ควำมรู้ เจตคตแิ ละทักษะ ทำงสงิ่ แวดล้อมที่ถูกต้อง 2.1.8 หลกั การบรหิ ารจัดการขยะในโรงเรยี น กรมสง่ เสริมคณุ ภำพส่งิ แวดล้อม (2554 : 22 - 23) ระบวุ ่ำกำรบริหำรจดั กำรขยะ คือ กำร ท่ีลดปริมำณขยะมูลฝอยทต่ี ้องทำลำยดว้ ยระบบต่ำง ๆ ให้เหลือน้อยที่สุด และนำขยะมลู ฝอยมำใช้ ประโยชน์ได้ไม่ว่ำจะเปน็ กำรใช้ซ้ำ และแปรรปู นำมำใชใ้ หม่ (Reuse & Recycle) รวมถึงกำรกำจดั ที่ เกิดผลพลอยได้ เช่น ปุย๋ หมัก หรอื พลังงำน โดยสรุปวิธีกำรดำเนินกำรตำมแนวทำงของกรมส่งเสรมิ คุณภำพ สงิ่ แวดล้อม ดงั น้ี 1. กำรลดปรมิ ำณขยะมลู ฝอย (Reduce) สำมำรถทำได้ดังตอ่ ไปน้ี 1.1 กำรลดปริมำณขยะมูลฝอยที่เกิดจำกกำรใช้สินค้ำ ควรเลอื กใช้สินคำ้ ท่ีมีควำม คงทนถำวร หรอื มอี ำยุกำรใช้งำนที่ยำวนำน และเลือกใชส้ ินคำ้ ชนดิ เดิม 1.2 กำรลดปรมิ ำณวสั ดเุ ลอื กใชว้ ัสดทุ ่มี ีบรรจภุ ัณฑข์ นำดใหญ่ แทนบรรจุภัณฑ์ขนำด เล็ก เพื่อลดปริมำณของบรรจุภัณฑ์ที่จะกลำยเปน็ ขยะมูลฝอย 2. กำรนำกลับมำใช้ (Reuse) คอื กำรนำขยะมูลฝอยท่ีเป็นเศษวัสดุนำกลับมำใช้ซำ้ อกี คร้ัง เปน็ กำรนำมำใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น กำรนำขวดน้ำด่ืม กำรนำขวดนำ้ หวำน กำรนำขวดตำ่ ง ๆ นำกลับมำใส่น้ำตำล เปน็ กำรนำสง่ิ ของตำ่ ง ๆ เหลำ่ นมี้ ำใชซ้ ้ำหลำย ๆ คร้งั กอ่ นจะนำไปทิ้ง 3. กำรนำกลับมำแก้ไข (Repair) เปน็ กำรนำวัสดุอปุ กรณท์ ช่ี ำรุดเสียหำย ซ่ึงจะทงิ้ เป็นมูล ฝอยมำซ่อมแซมใชใ้ หม่ เช่น เกำ้ อ้ี 4. กำรแปรสภำพ หรือนำกลับมำใชใ้ หม่ (Recycle) เป็นกำรนำวัสดุทีเ่ หลือใชม้ ำผลิต ให้เป็นสินคำ้ ใหม่ โดยนำขยะมูลฝอยมำแปรรูปตำมที่ต้องกำร และนำกลับมำใช้ประโยชน์อีกครั้ง อย่ำงเช่น พลำสตกิ กระดำษ ขวด โลหะต่ำง ๆ นำกลับมำหลอมใหม่ 5. กำรหลีกเล่ยี งกำรใช้วัสดุท่กี ่อให้เกดิ มลพิษ เป็นกำรหลีกเล่ียงกำรใช้วัสดุทยี่ ่อยสลำย ทำลำยยำก หรือวสั ดทุ ี่ใช้เพยี งคร้งั เดยี วแลว้ ทิ้ง เช่น โฟม โดยปฏเิ สธกำรใชผ้ ลิตภณั ฑ์ทผ่ี ดิ วตั ถปุ ระสงค์

26 นอกจำกน้ี กรมส่งเสริมคุณภำพส่งิ แวดล้อม (2555 : 11) ได้กำหนดยทุ ธศำสตร์ทเี่ ก่ียวข้อง กับกำรจดั กำรขยะตำมโครงกำร Clean Land โดยมีเป้ำหมำยเพื่อให้มีกำรจัดกำรขยะท่ีดีต้ังแต่กำร เกบ็ รวบรวมกำจัดขยะท่ัวไปและขยะอันตรำยมีกำรลดปรมิ ำณขยะและกำรนำขยะกลบั มำใชใ้ หม่ (Recycle) และกำรเพม่ิ พน้ื ท่ีสีเขียวในเขตเมืองโดยนำหลักกำรผู้ก่อมลพษิ เปน็ ผจู้ ำ่ ย (Polluter Pays Principle: PPP) มำใช้อยำ่ งเหมำะสมยทุ ธศำสตร์กำรจดั กำรขยะมีวัตถุประสงค์ของกำรดำเนนิ กำร 6 ประกำรคือ 1. มกี ำรจดั กำรขยะอย่ำงถกู สขุ ลักษณะ 2. มีกำรจดั กำรขยะอันตรำยอย่ำงถูกสขุ ลักษณะ 3. ลดกำรผลิตขยะและกำรกำจัดขยะ 4. เพม่ิ พ้นื ที่สีเขียวในเขตเมือง 5. สรำ้ งควำมรบั ผดิ ชอบและควำมเป็นเจ้ำของตอ่ ส่ิงแวดล้อม 6. มีกำรพฒั นำบคุ ลำกรทเ่ี ก่ียวขอ้ ง พูนสขุ อุดม (2552 : 23) กลำ่ ววำ่ หลกั กำรบริหำรจัดกำรขยะในโรงเรียนใหย้ ่งั ยนื โดยใช้ กระบวนกำรสอนส่ิงแวดล้อมศึกษำซ่ึงเป็นกระบวนกำรทำงกำรศึกษำเพื่อพัฒนำประชำกรให้เกิด ควำมรู้ควำมเข้ำใจเก่ียวกบั สิ่งแวดล้อมให้มคี วำมตระหนักต่อปญั หำส่ิงแ วดล้อมและสำนึกในคณุ ค่ำ ของทรพั ยำกรธรรมชำติ มุ่งพัฒนำศักยภำพของมนุษยใ์ ห้มีควำมชำนำญเก่ียวกบั กำรแกไ้ ขปัญหำ พรอ้ มท่จี ะมีสว่ นรว่ มในกำรแก้ไขปัญหำสงิ่ แวดลอ้ ม สำมำรถดำรงชีวิตอยู่อย่ำงประสำนสอดคล้องกับ ธรรมชำตไิ ด้ดังนน้ั ส่ิงแวดล้อมศึกษำจงึ ครอบคลมุ หลำยมิติ ทง้ั มิติทำงทรัพยำกรธรรมชำติ มิตทิ ำงสังคม และวัฒนธรรม มิติทำงควำมเชื่อ และจติ วญิ ญำณ มติ ิทำงเศรษฐกิจ และมติ ิทำงเทคโนโลยี เน่ืองจำก ธรรมชำติของเนื้อหำสิ่งแวดล้อมศึกษำสอดแทรกและเกี่ยวข้องอยู่กับทุกรำยวิชำ สำคัญอยู่ทผี่ ู้สอน จะตอ้ งเข้ำใจ และตระหนัก ในควำมสำคัญ ของสง่ิ แวดล้อมศึกษำ แล้วนำมำสอนแบบบรู ณำกำร สอดแทรกเข้ำไปในเนื้อหำและกิจกรรมสง่ิ แวดล้อมศึกษำให้สอดคล้องและเหมำะสมโดยมงุ่ เปำ้ หมำย หลัก 5 ประกำร ไดแ้ ก่ สร้ำงควำมรู้ควำมเข้ำใจ ควำมตระหนักเจตคติ ทักษะ และกำรมีสว่ นร่วม เกยี่ วกบั ส่ิงแวดลอ้ มและปัญหำสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดแนวปฏิบัติเก่ียวกับกำรจัดกจิ กรรมสิง่ แวดลอ้ ม ศึกษำในสถำนศึกษำ ดังนี้ 1. กำหนดนโยบำยและแผนปฏิบัติที่ส่งเสรมิ กำรอนุรักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มบุคลำกรในสถำนศึกษำ นักเรียนและชุมชนมีส่วนร่วมในกำรกำหนดนโยบำยและร่วมจัดทำแผนพัฒน ำส่ิงแวดล้อมของ สถำนศึกษำ 2. จดั กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอนทบ่ี รู ณำกำรส่ิงแวดล้อมศกึ ษำ มกี ำรบรู ณำกำรสิง่ แวดล้อม ศกึ ษำในแต่ละกลมุ่ ประสบกำรณ์ และครูผู้สอนจะตอ้ งเขยี นแผนกำรสอนท่ีระบุ วตั ถุประสงค์ เนือ้ หำ และกจิ กรรมทำงสง่ิ แวดล้อมไปพรอ้ ม ๆ กับวัตถปุ ระสงค์ เน้ือหำและกิจกรรมที่มีอยแู่ ล้วในหลักสตู ร สำหรบั แนวทำงในกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยกำรบรู ณำกำรนั้นครตู ้องเก่ยี วกับสงิ่ แวดลอ้ ม โดยให้ผู้เรียนมคี วำมร้แู ละเข้ำใจเกี่ยวกับปญั หำ สำเหตุและผลกระทบของปัญหำ ส่ิงแวดลอ้ ม สอนใน สง่ิ แวดล้อม โดยนำผูเ้ รียนเขำ้ ไปศึกษำในสภำพแวดล้อมจริง เชน่ ในชุมชน ในปำ่ เพอื่ ให้นกั เรียนเกิด

27 ควำมซำบซ้ึงและทัศนคตทิ ดี่ ีตอ่ กำรอนุรักษ์ และสอนเพ่ือสิ่งแวดลอ้ มโดยให้ผูเ้ รียน ไดน้ ำไปปฏิบตั ิจริง เพื่อใหเ้ กิดกำรอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดล้อม ซ่งึ กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอนตอ้ งเน้นให้ผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลำง 3. กำรจัดกำรอำคำรเรียน บริเวณสถำนศึกษำ และห้องเรียนที่เอื้อต่อกำรเรยี นกำรสอน สิง่ แวดล้อมศึกษำ มกี ำรวำงแผนผงั ของสถำนศึกษำ จดั ห้องเรยี น อำคำรเรยี นและบริเวณสถำนศกึ ษำ ให้สะอำด ร่มร่ืน สวยงำม จัดให้มีสถำนที่พักผ่อนหย่อนใจ มีกำรทำ เกษตรกรรมผสมผสำน ทั้งนี้ เพื่อใหเ้ อือ้ และเป็นสื่อในกำรเรียนกำรสอนสิ่งแวดล้อมศกึ ษำเอ้ือและเป็นสอ่ื ในกำรเรียนกำรสอน สง่ิ แวดลอ้ มศึกษำ 4. บคุ ลำกรในสถำนศึกษำ และนักเรยี นมีส่วนร่วมในกิจกรรมทำงสงิ่ แวดล้อม สถำนศึกษำ ควรเปิดโอกำสให้บุคลำกร และนักเรียนมีส่วนร่วมในกำรวำงแผนกำรดำเนินกิจกรรมและกำร ประเมินผลกำรดำเนนิ งำนด้ำนส่งิ แวดลอ้ มของสถำนศกึ ษำ 5. ชุมชน องค์กรและหน่วยงำนทเ่ี ก่ียวข้อง มสี ่วนร่วมในกำรจดั กจิ กรรมทำงสิ่งแวดล้อมของ สถำนศึกษำ สถำนศึกษำเปิดโอกำสใหช้ ุมชน และหนว่ ยงำนที่เกย่ี วข้องมสี ่วนร่วมในกำรวำงแผน และ พัฒนำกำรจัดกิจกรรมทำงสงิ่ แวดลอ้ มรวมทง้ั กำรจัดกำรเรียนกำรสอนของสถำนศึกษำ 6. มีกำรจดั กำรและกำรกำจดั ขยะ มีนโยบำยและมำตรกำรเก่ียวกับกำรจัดกำรและกำร กำจัด ขยะ และสำมำรถนำไปปฏิบตั ิจริง เชน่ ลดกำรซอ้ื สินคำ้ ท่ีก่อให้เกดิ ขยะ จดั หำถังขยะ จดั หำถัง แยก ประเภทขยะ นำขยะที่ใชแ้ ล้วกลบั มำใช้ใหม่ หรือนำไปกำจดั อยำ่ งถกู วิธี 7. มีกำรประหยัดพลังงำน กำหนดมำตรกำรในกำรประหยัดพลงั งำนในสถำนศึกษำและ ดำเนินกำรอย่ำงจริงจัง เช่น เลอื กใช้อปุ กรณ์ไฟฟำ้ ท่ปี ระหยดั พลังงำน และตรวจสอบบำรุงรกั ษำให้ใช้ กำรไดด้ ีอยู่เสมอ จัดสภำพแวดล้อมท่เี ออื้ ต่อกำรประหยัดพลงั งำน เช่น ตัดแต่งตน้ ไม้รอบอำคำรตำ่ ง ๆ ใหโ้ ปร่งเพ่อื ให้อำคำรไดร้ ับแสงจำกภำยนอก ภำยในอำคำรควรใช้สีที่สว่ำง เพื่อลดก ำรใช้พลังงำน ไฟฟำ้ รณรงค์ให้นักเรียนและบคุ ลำกรในสถำนศึกษำช่วยกันประหยัดพลงั งำน ทงั้ ในสถำนศึกษำและ ชมุ ชน 8. มีกำรประหยัดน้ำ กำหนดมำตรกำรในกำรประหยัดน้ำ และดำเนินกำรอยำ่ งจริงจงั เช่น มี กำรบำบัดน้ำเสีย นำน้ำท่ีผำ่ นกำรใชห้ รือบำบัดแลว้ มำใช้อย่ำงเหมำะสม กักเก็บน้ำจำกธรรมชำตไิ ว้ อปุ โภคและบรโิ ภค สำรวจ ซ่อม บำรุง รักษำอปุ กรณ์ตำ่ ง ๆ ให้ใช้กำรได้ดีอยู่เสมอรณรงค์ใหน้ ักเรยี น และบคุ ลำกรในสถำนศกึ ษำช่วยกันประหยดั นำ้ ทั้งในสถำนศกึ ษำและชุมชน 9. มกี ำรจัดกจิ กรรมสิ่งแวดลอ้ มศกึ ษำเพ่ือส่งเสรมิ หลักสตู ร สถำนศึกษำสนบั สนุนให้มี กำรจัดกจิ กรรม สิง่ แวดล้อมศึกษำเพ่ือเสริมหลักสูตร เช่น กำรจดั ต้ังชมรมส่ิงแวดลอ้ มกำรศึกษำนอก สถำนท่ี กำรจัด นทิ รรศกำร กำรแสดงละคร กำรใช้เสยี งตำมสำย และกำรประกวดต่ำง ๆ ทำงสิ่งแวดล้อม เช่น กำรวำดภำพ กำรเขยี นบทกลอน กำรประกวดคำขวญั กำรโตว้ ำที 10. มกี ำรประเมนิ ผลกำรดำเนินงำนด้ำนส่ิงแวดลอ้ มศึกษำ บคุ ลำกรในสถำนศึกษำ นักเรียน และชุมชน มีส่วนร่วมในกำรติดตำมประเมินผล และนำผลกำรประเมนิ ไปปรบั ปรุงกำรดำเนินงำน ทำงด้ำนส่ิงแวดลอ้ มศกึ ษำ

28 สรปุ ไดว้ ่ำหลักกำรบริหำรจดั กำรขยะในโรงเรยี นควรเลือกวิธีกำรทเี่ หมำะสมของในแตล่ ะ พ้ืนที่ โดยกระทำควบคู่กนั ไป ท้ังกำรลดปริมำณขยะมูลฝอย กำรนำกลบั ไปใช้ใหม่ และกำรกำจดั ขยะมูล ฝอย กำรสรำ้ งจติ สำนึก หรอื จดั กจิ กรรมกำรเรียนกำรสอนทีบ่ รู ณำกำรส่ิงแวดลอ้ มศึกษำ ซง่ึ สำนกั งำน เขตพนื้ ท่กี ำรศึกษำและสถำนศึกษำในสังกัด กำรดำเนินงำนด้ำนกำรลด และคัดแยกขยะมลู ฝอยใน อำคำรและพ้ืนท่ีของหนว่ ยงำนเพือ่ เปน็ แบบอยำ่ งที่ดีต่อภำคเอกชนและประชำชนให้มีส่วนรว่ มในกำร ป้องกันและแกไ้ ขปัญหำขยะมูลฝอย ขยะพลำสติกและโฟมในภำพรวมของประเทศอยำ่ งตอ่ เนื่อง โดย ใช้หลกั กำร 3R คือ ใชน้ ้อยหรือลดกำรใช้ (Reduce) ใช้ซำ้ (Reuse) และแปรรูปใชใ้ หม่ (Recycle) ใน กำรจัดกำรขยะที่เกิดขนึ้ 2.3 แนวคดิ และทฤษฎีที่เก่ยี วขอ้ งกับการพัฒนาหรือสร้างคมู่ ือ 2.3.1 ความหมายของค่มู อื คู่มือ คือกำรอธิบำยหรือให้รำยละเอียดของกำรดำเนินงำนอยำ่ งใดอย่ำงหนงึ่ ให้ประสบผลสำเร็จ โดยผำ่ นข้ันตอนหรือกระบวนกำรต่ำงๆ คู่มอื เป็นหนังสือหรือเอกสำรที่ใชค้ วบคู่กับกำรจัดกิจกรรม ต่ำงๆ เป็นเอกสำรที่ใหแ้ นวทำงกำรปฏบิ ัติแก่ผู้ใชค้ ู่มือ เพอ่ื ให้ผ้ใู ช้สำมำรถดำเนินกำรในเรื่องนน้ั ๆ ด้วย ตนเองอย่ำงถูกต้องเหมำะสม (สมุ ำลี สงั ข์ศร)ี http://www.chumphon2.mju.ac.th/km/?p=355 2.3.2 ประเภทของคมู่ อื ศักริน ทร์ สุวรรณโรจน์ และคนอื่น ๆ (2535 : 77 - 89) แบ่งประเภทของคู่มือออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ คมู่ ือกำรสอนหรือคู่มือจัดกจิ กรรม เป็นคู่มอื ที่ให้ควำมรู้และขอ้ เสนอแนะเก่ียวกับ หลักสตู รกำรสอนและกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ โดยมีองค์ประกอบกำรจดั ทำคมู่ อื ดังนี้ 1. คำชแี้ จงกำรใช้คมู่ ือ 2. เน้อื หำสำระและกระบวนกำรหรอื ขั้นตอน 3. คำชแ้ี จงเกยี่ วกบั กำรเตรยี มกำรทจี่ ำเปน็ ต่ำงๆ เช่น วสั ดอุ ุปกรณส์ อ่ื 4. ควำมรูเ้ สรมิ หรือแบบฝกึ หดั หรือแบบฝกึ ปฏิบัตเิ พอ่ื ชว่ ยในกำรฝึกฝน 5. ปัญหำและคำ แนะนำ เกย่ี วกับกำรปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หำ 6. แหลง่ ข้อมลู และแหลง่ อ้ำงอิงตำ่ ง ๆ สมพร พุตตำล เบท็ ซ์ (2539 : 93) กลำ่ ววำ่ คมู่ อื ในกำรปฏบิ ัตงิ ำนมอี งค์ประกอบดงั น้ี 1. สว่ นประกอบตอนตน้ ได้แก่ ปก หนำ้ แสดงรำยงำนนำมคณะผู้จัดทำและปที ี่พิมพ์ คำนำ สำรบัญ และแผนภมู โิ ครงสร้ำงของหน่วยงำน 2. สว่ นท่เี ปน็ เน้อื หำหรอื วธิ ีปฏบิ ัตงิ ำน ไดแ้ ก่ คำอธิบำยลักษณะงำน แผนภมู ิแสดง สำยกำร ปฏิบัตงิ ำนขนั้ ตอนและวธิ ีกำรปฏิบตั ิงำน และภำพประกอบ 3. ส่วนประกอบตอนท้ำย ไดแ้ ก่ คำอธิบำยศพั ท์ และดรรชนี

29 2.3.3 ลกั ษณะของคูม่ ือ ลักษณะคมู่ ือ มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้ำน คือ ดำ้ นเนื้อหำ ด้ำนรูปแบบ ดำ้ นกำรนำไปใช้ ท้ังนี้ เพื่อใหม้ ีควำมชัดเจนและเกดิ ควำมสะดวกรำบร่ืนในกำรนำไปใช้ปฏิบตั จิ ริงเพื่อกอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ใน กำรพัฒนำงำนทเ่ี ป็นระบบต่อไป นุดี รุ่งสว่ำง (2543 : 24) กลำ่ ววำ่ คมู่ ือทดี่ คี วรมลี กั ษณะ ดงั น้ี 1. ด้ำนรูปแบบ มีขนำดรูปเล่มเหมำะสม ตัวอักษรอ่ำนงำ่ ย ชัดเจน มรี ูปภำพประกอบ เหมำะสมกับเน้อื หำและกำรนำเสนอกจิ กรรมแตล่ ะขัน้ ตอนมคี วำมชดั เจน 2. ดำ้ นเน้ือหำ วัตถุประสงคข์ องคูม่ อื กำหนดไว้ชดั เจน เหมำะสม ระบขุ อบขำ่ ยเน้ือหำ คู่มือ ครอบคลุมตำมวัตถุประสงค์ คำแนะนำกำรศึกษำคู่มอื เขียนไวช้ ัดเจน เขำ้ ใจงำ่ ย เน้ือหำควำมรู้มีควำม เหมำะสมตรงกับควำมต้องกำรและควำมจำเป็น 3. ดำ้ นกำรนำไปใช้ กำหนดขั้นตอนกำรศกึ ษำค่มู อื ไว้ชดั เจน กำหนดกจิ กรรม เนื้อหำ และ แบบฝกึ ได้สัมพันธก์ ัน และมกี จิ กรรมประเมินผลเหมำะสมกับเนื้อหำของคู่มือ 2.3.4 ประโยชน์ของคู่มือ 1. ชว่ ยลดกำรตอบคำถำม 2. ชว่ ยลดเวลำในกำรสอนงำน 3. ชว่ ยเสรมิ สรำ้ งควำมมนั่ ใจในกำรทำงำน 4. ช่วยให้เกิดควำมสม่ำเสมอในกำรทำงำน 5. ชว่ ยลดควำมขัดแยง้ ท่จี ะเกดิ ขึ้นในกำรทำงำน 6. ทำให้กำรปฏบิ ตั งิ ำนเป็นไปแบบมอื อำชพี 7. ช่วยในกำรปรับปรุงและออกแบบกระบวนงำนใหม่ คู่มือการปฏบิ ัตงิ านยังสามารถนาไปใชส้ าหรับเร่ืองอน่ื ๆ ได้อกี ดว้ ย เชน่ 1. ใชฝ้ กึ อบรม 2. ใช้รวบรวมประเด็นท่ีไมใ่ ช่กรณปี กติ 3. ใชใ้ นกำรปรับปรงุ งำน 4. ใช้ในกำรออกแบบระบบงำนใหม่ 5. ใชเ้ ปน็ ฐำนในกำรประกำศเวลำมำตรฐำนกำรให้บรกิ ำร

30 ส่วนที่ 3 รูปแบบการบริหารจัดการขยะ โรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้ ได้ดำเนินกำรบริหำรจดั กำรขยะท่ัวไป ในโรงเรยี นบ้ำนแม่งำวใต้ สงั กดั สำนกั งำนเขตพื้นที่กำรศกึ ษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 1 โดยใช้หลกั กำรบริหำรแบบมีส่วนรว่ ม 5 ร สำนักงำนเขตพน้ื ท่กี ำรศึกษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 1 (2563 : หนำ้ 12-13) ตำมแผนภำพท่ี 3 และแผนภำพที่ 4 ดังน้ี แผนภาพที่ 3 รปู แบบการบรหิ ารจัดการแบบมีส่วนร่วม 5 ร การบริหารจัดการขยะของโรงเรยี น บ้านแมง่ าวใต้ สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ร่วมศกึ ษำ รว่ มวำงแผน รว่ มปฏบิ ตั ิ รว่ มสรปุ ร่วมแลกเปลยี่ นเรียนรู้

31 แผนภาพที่ 4 กรอบแนวคิดกำรบริหำรจัดกำรแบบมีส่วนร่วม 5 ร กำรบริหำรจัดกำรแบบมีส่วนร่วม 5 ร กำรบริหำรจัดกำรขยะท่ัวไปของโรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้ สำนักงำนเขตพื้น ท่ี กำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 1 กรอบแนวคดิ กำรบรหิ ำรจัดกำรขยะแบบมีส่วนรว่ ม 5 ร ขน้ั ตอนท่ี 1 ศกึ ษำสภำพปจั จบุ นั /ปัญหำของขยะในโรงเรยี น รว่ มศกึ ษำ ขนั้ ตอนที่ 2 - กำหนดตวั ช้วี ัดควำมสำเรจ็ (KPI) รว่ มวำงแผน - สรำ้ ง/พฒั นำคูม่ อื /สอื่ / ชุดกจิ กรรมกำรแกป้ ญั หำขยะ ในโรงเรียน/ เครือ่ งมือตดิ ตำมกำรแกป้ ัญหำขยะ - กำหนดกจิ กรรมและปฏทิ ินกำรนเิ ทศ ข้นั ตอนที่ 3 ร่วมปฏิบัติ กำรแก้ปญั หำขยะตำมคมู่ ือ/ชุดกิจกรรม รว่ มปฏิบัติ ขัน้ ตอนท่ี 4 รวบรวม วิเครำะห์ และสงั เครำะหผ์ ลกำรดำเนินงำนและ ร่วมสรปุ ผลกำรตดิ ตำม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและนิเทศกำรศึกษำ ไมม่ ีคณุ ภำพ ปรับปรุง/ พฒั นำ ตรวจสอบ และประเมินผล กำรดำเนินงำน และกำรตดิ ตำม ฯ มคี ณุ ภำพ สรปุ และรำยงำนผลกำรตดิ ตำม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและนเิ ทศกำรศึกษำ ข้นั ตอนที่ 5 นำเสนอและเผยแพร่ผลกำรติดตำม ตรวจสอบ ร่วมแลกเปลีย่ นเรียนรู้ ประเมนิ ผลและนิเทศกำรศึกษำ ( แลกเปล่ยี นเรียนรู้/ ยกย่องเชิดชูเกยี รติ/Website ฯลฯ)

32 ขัน้ ตอนที่ 1 รว่ มศกึ ษา ผู้บริหำรโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียนร่วมกัน ศึกษำสภำพปัจจุบันปัญหำของขยะใน โรงเรยี น วำ่ มีขยะประเภทใดบ้ำงท่ีเปน็ ปัญหำ และสำเหตุของปญั หำเกิดจำกอะไร พร้อมกบั ศึกษำ ควำมต้องกำรของครูผสู้ อนและนกั เรยี นในกำรท่จี ะแก้ปญั หำขยะในโรงเรยี น ขน้ั ตอนที่ 2 ร่วมวางแผน ผ้บู ริหำรโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียน ร่วมวำงแผน เมือ่ พบปัญหำหำวิธแี ก้ปัญหำเรยี ง ปัญหำจำกมำกมำหำน้อย กำรทำงำนทีค่ ำดวำ่ จะประสบควำมสำเรจ็ ตำมกรอบในกำรวิจัยดำ้ นกำร อนรุ ักษท์ รัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม ( กำรบรหิ ำรจัดกำรขยะในโรงเรียน ) 1) กำรจัดกำรขยะ มูลฝอยประเภทต่ ำงๆ ได้แก่ มูลฝอยติดเช้ือ ขยะพลำสติก ขยะอินทรีย์ ขยะอันตรำยขยะ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 2) กำรจัดกำรในเชิงนโยบำย เช่นกำรสรำ้ งกลไกให้เกิดควำมรว่ มมือระหว่ำงโรงเรยี น ผู้ปกครองและชมุ ชน 3) กำรสร้ำงควำมรคู้ วำมเข้ำใจโดยเน้นกำรสรำ้ งจิตสำนึกในกำรจดั กำรขยะ ใหก้ ับนักเรยี นและบุคลำกรทุกระดับ โดยนำข้อมูลทีไ่ ด้จำกกำรศึกษำ มำร่วมวำงแผนกำรทำงำนให้ เหมำะสมกบั สภำพบรบิ ทของสถำนศึกษำ รว่ มกนั กำหนดตัวชีว้ ัดควำมสำเร็จ ร่วมกนั สร้ำงคมู่ ือกำรจัด กิจกรรมกำรบริหำรจัดกำรขยะของโรงเรยี นบำ้ นแม่งำวใต้โดยใช้หลกั กำรบรหิ ำรแบบมีสว่ นรว่ ม 5 ร ซึง่ ภำยในจะกำหนดกิจกรรมท่โี รงเรียนจะต้องดำเนินกำรในกำรบริหำรจัดกำรขยะท่วั ไปของโรงเรียน ขนั้ ตอนท่ี 3 รว่ มปฏบิ ตั ิ ผู้บริหำรโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียนรว่ มกัน มีสว่ นร่วมปฏิบตั ิงำน ลงมือปฏิบตั ิงำนตำมท่ี ได้วำงแผนหรือออกแบบไว้ ประเมินผล และสะท้อนผล กำรปฏิบัติงำนเป็นระยะ ในกำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม กำรบริหำรจัดกำรขยะในโรงเรยี น กำรจัดกำรขยะมูลฝอยประเภท ตำ่ งๆ ได้แก่ มูลฝอยตดิ เชื้อ ขยะพลำสติก ขยะอินทรีย์ ขยะอันตรำยขยะอิเลก็ ทรอนิกส์ ขน้ั ตอนท่ี 4 ร่วมสรุป ผบู้ รหิ ำรโรงเรียน ครูผู้สอน และนักเรียนร่วมกนั สรุปผลกำรดำเนนิ งำน และรว่ มวิเครำะห์ ขอ้ มูล สงั เครำะหข์ อ้ มลู และสรุปผลกำรบริหำรจัดกำรขยะในโรงเรยี น กำรปฏบิ ัติงำนในแตล่ ะขน้ั ตอนว่ำ บรรลุวตั ถุประสงค์หรอื เป็นไปตำมทว่ี ำงแผนหรือไม่ เพ่ือจะได้นำมำปรบั ปรุง แก้ไข พัฒนำให้ดีข้ึนต่อไป ถำ้ ไม่สำเร็จกว็ ำงแผนและออกแบบวธิ กี ำรหรือนวตั กรรมใหม่ กิจกรรมใหม่ ข้ันตอนท่ี 5 รว่ มแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ผบู้ ริหำรโรงเรยี น ครูผู้สอน และนกั เรียนร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่ืนชมควำมสำเร็จของ กำรบรหิ ำรจดั กำรขยะในโรงเรยี น และ ตำมกรอบภำรกจิ งำนประสบควำมสำเร็จ พรอ้ มกับยกย่องเชิด ชูเกียรติ และเผยแพรก่ ำรปฏิบัติงำนท่ีดี (Best practice) สู่สำธำรณชน ผ่ำน Website ระบบ ICT และ สำรสนเทศของโรงเรยี นบ้ำนแมง่ ำวใต้

33 ส่วนที่ 4 กจิ กรรมการบริหารจัดการขยะ โรงเรียนบ้ำนแม่งำวใต้ ได้มีกำรจัดกิจกรรมกำรบริหำรจดั กำรขยะท่ัวไป โดยแยกเป็น กิจกรรม 4 กจิ กรรม ดังนี้ 1. กจิ กรรมคดั แยกขยะ 2. กจิ กรรมเปลีย่ นขยะเปน็ เงนิ 3. กิจกรรมกลอ่ งนมมีค่ำอยำ่ ทง้ิ 4. กจิ กรรมประดษิ ฐ์ของเลน่ ของใช้จำกเศษวัสดุ 4.1 กิจกรรมคดั แยกขยะ เป็นกิจกรรมที่เริ่มจำกกำรให้ควำมรู้ควำมเข้ำใจแก่ครูและนักเรียนในกำรคัดแยกขยะ เป็นกำรสรำ้ งควำมตระหนักในกำรทิ้งขยะ กำรคดั แยกขยะก่อนทิ้ง เพ่ือให้สำมำรถนำขยะมำใช้ ประโยชนไ์ ด้ วสั ดอุ ุปกรณ์ในการจดั กิจกรรม 1. สื่อควำมรู้ 2. ป้ำยแยกประเภทขยะ 3. ถงั ขยะ

34 ข้ันที่ ขั้นตอนการทา รปู ภาพประกอบ 1 ครูให้ควำมรู้นักเรียน ใน กำ รคัดแยกขยะ ท้ังให้ นักเรียนเรียนรู้จำกคลิป สื่อกำรสอนออนไลน์ตำ่ งๆ 2 ครจู ดั ทำป้ำยคัดแยกขยะ แต่ละประเภท รวมถงึ จัดหำถังขยะสีดำ พร้อม ทง้ั เตรยี มสถำนท่วี ำง ถงั ขยะ ติดป้ำยนิเทศ รณรงค์ 3 นักเรียนและครูรว่ มกันเกบ็ ขยะภำยในบริเวณ โรงเรยี น 4 ครูและนักเรยี นชว่ ยกันคดั แยกขยะประเภทตำ่ งๆ ตำมทไ่ี ดต้ ดิ ปำ้ ยไว้ และจดั วำงถังขยะในสถำนทท่ี ่ี เตรยี มไว้

35 4.2 กิจกรรมเปลย่ี นขยะเป็นเงนิ เป็นกจิ กรรมทีใ่ ห้นักเรยี นนำขยะที่นักเรยี นคิดว่ำสำมำรถนำมำใช้ประโยชนต์ ่อได้ทำควำม สะอำดแลว้ นำมำขำยให้กับโรงเรียนเพอื่ นำไปสรำ้ งสิง่ ที่เกิดประโยชน์ต่อไป วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการจดั กจิ กรรม 1. สมดุ บันทกึ กำรขำยขยะ 2. ภำชนะใสข่ ยะท่สี ะอำดแลว้ ขั้นที่ ขน้ั ตอนการทา รูปภาพประกอบ 1 ครูและนักเรียน ปร ะชุม ร่ ว ม กั น เ พ่ื อ ช้ี แ จ ง วัตถุ ป ร ะส งค์ แล ะแ น ว ทำงกำรทำกิจกรรมเปล่ียน ขยะเป็นเงนิ กำหนดว่ำขยะ ชนิดใดได้บ้ำง และตอ้ งใช้ ขยะจำน วน ก่ีชิ้น เป็น เงิน เท่ำใด 2 นักเรยี นนำขยะทพ่ี บใน โรงเรยี นหรือขยะที่เกิดจำก ตนเองมำทำควำมสะอำด แลว้ รวบรวมนำมำขำย ใหก้ ับเจ้ำหน้ำทธี่ ุรกำรของ โรงเรียน หลงั จำกนนั้ ครู และนกั เรยี นนำขยะไปรี ไซเคิลหรือประดิษฐต์ อ่ ไป

36 4.3 กิจกรรมกล่องนมมีคา่ อย่าท้ิง เป็นกิจกรรมท่ีให้นักเรียนนำขยะกล่องนมที่นักเรยี นด่ืมหมดแล้ว มำทำควำมสะอำดและ ศึกษำเรยี นร้กู ำรประดิษฐ์จำกสอื่ วดี ีโอตำ่ งๆ เพ่ือสร้ำงเปน็ สงิ่ ของที่มีประโยชนจ์ ำกกล่องนม วัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ 1. กลอ่ งนม 2. ปำกกำเคมี 3. ไม้บรรทัด 4. กรรไกร ขั้นที่ ขั้นตอนการทา รูปภาพประกอบ 1 พับกล่องน มให้เรียบตัด ดำ้ นหัวและท้ำยออกแล้ว ลำ้ งให้สะอำดเช็ดให้แหง้ 2 ตดั กลอ่ งกระดำษให้มี ขนำดเทำ่ ๆกัน ประมำณ 2-2.5 ซ.ม. (ข้นึ อยู่กับขนำดของกลอ่ ง นม)

37 ข้ันท่ี ขนั้ ตอนการทา รปู ภาพประกอบ 3 นำวสั ดมุ ำ 2 ชนิ้ มำขดั กนั นำวัสดชุ ิ้นที่ 3 มำสอดทับ เสน้ แนวนอนนำวสั ดชุ ิ้น ท่ี 4 มำสอดทบั บนเสน้ วัสดแุ นวต้ังและสอดกลบั เขำ้ ไปในวัสดุช้นิ ที่ 1 เพ่ือ ขัดกันให้เปน็ ตำรำง ส่เี หล่ยี มและดึงปลำยแต่ ละข้ำงให้ตงึ 4 กำรตอ่ ชดุ ขอ้ ตอ่ ให้นำวัสดุ มำสอดทบั และสอดกลบั เขำ้ ไปในวัสดุอีกอนั เพ่ือ ขดั กันให้เกดิ เปน็ ตำรำง สเ่ี หล่ยี ม หลงั จำกนั้นให้ สำนต่อไปเชน่ นีเ้ รอ่ื ย ๆ จนได้ควำมยำวและควำม กวำ้ งตำมต้องกำร(ฐำน ตะกร้ำ)เข้ำมุมกระเป๋ำให้ หกั ขึ้นเป็นด้ำนขำ้ งของ กระเปำ๋ ควำมสูงตำม ต้องกำร (ดำ้ นขำ้ งตะกร้ำ)

38 4.4 กิจกรรมประดษิ ฐข์ องเล่นของใช้จากเศษวัสดุ เปน็ กิจกรรมทีใ่ หน้ ักเรยี นนำขยะท่วั ไปทัง้ ขวดพลำสติก เศษกิง่ ไม้ มำประดิษฐ์เป็นของเล่น หรือของใช้ด้วยตนเอง โดยมีกำรศกึ ษำวิธีกำรประดิษฐจ์ ำกสอ่ื คลิปวดี โี อต่ำงๆ 4.4.1 การประดษิ ฐก์ ระถางจากขวดพลาสตกิ วสั ดุ อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการประดษิ ฐ์ 1. ขวดพลำสตกิ รูปแบบตำ่ งๆ 2. สีสเปรย์ 3. กรรไกร/มดี คตั เตอร์ 4. ปำกกำเคมี ขั้นท่ี ขั้นตอนการทา รูปภาพประกอบ 1 เลือกขวดพลำสติก และนำไปทำควำม สะอำ ดแ ล้วตำ ก ให้ แหง้

39 ข้ันท่ี ขัน้ ตอนการทา รปู ภาพประกอบ 2 ตัดขวดพลำสติกเป็น รูปต่ำงๆ ตำมที่เรำ ต้องกำร 3 พ่ น สี สเป ร ย์ แ ล้ ว น ำ ไปตำ กแดดให้ แหง้ 4 วำดรปู ขวดพลำสติก ตำมใจชอบ 5 ปลูกต้น ตำ มที่เร ำ ชอบ

40 4.4.2 การประดษิ ฐโ์ มบายจากหลอดนม กำรทำโมบำยแขวนจำกหลอดสวยๆ งำ่ ยๆ เป็นงำนประดิษฐท์ ่ีสำมำรถนำหลอดท่ใี ชแ้ ล้ว มำสรำ้ งสรรค์ให้เป็นช้ินงำนทีส่ วยงำมได้ เพ่ือชว่ ยลดปริมำณขยะในโรงเรียนอีกทำงหน่งึ วัสดุ อปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการประดิษฐ์ 1.เส้นเอ็น 2.ลกู ปดั หลำกสี 3.หลอดนม 4.กรรไกร ขนั้ ท่ี ขั้นตอนการทา รูปภาพประกอบ 1 นำเสน้ เอ็นมำวดั กับ ประตูท่ีจะนำมำหอ้ ย ควำมยำว – สนั้ แลว้ แต่ประตู และ มำตัดเป็นเสน้ ๆ

41 ข้ันที่ ขัน้ ตอนการทา รูปภาพประกอบ 2 นำหลอดนม มำตดั เปน็ ท่อๆ ตำมควำม เหมำะสม 3 นำเสน้ เอ็นสอดกบั ลูกปัด ทส่ี ำคญั จะตอ้ งผกู ปมให้แนน่ หนำกับลกู ปดั (ขั้นตอนนต้ี อ้ งใจ เยน็ ๆ) 4 เริ่มร้อยลูกปัดสลับ กับ ห ลอ ด น ม ใส่ ลูก เล่ น ได้ต ำ ม ใจ ชอบ ควรเว้นระยะ ให้ดูสมดลุ 5 เมื่อร้อยเรยี งจนเตม็ เส้น ให้เหลือปลำย เส้นเอ็นไว้พอสมควร เพอ่ื สอดยดึ เสน้ เอน็ กบั ลกู ปดั พร้อม ขมวดปมใหแ้ น่น

42 บรรณานกุ รม เกษม จนั ทรแ์ กว้ .(2558).วทิ ยาศาสตร์สิง่ แวดล้อม. ภำควชิ ำวทิ ยำศำสตร์สิง่ แวดล้อม คณะส่ิงแวดลอ้ ม มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์. กระทรวงมหำดไทย. (2563). แผนปฏิบตั ิการจัดการขยะมูลฝอยชมุ ชน “จงั หวัดสะอาด” ประจาปี พ.ศ. 2563.กรงุ เทพฯ.กระทรวงมหำดไทย. กรมควบคมุ มลพิษ. (2553).ปรมิ าณขยะมูลฝอยชุมชนท่ีเกดิ ข้ึนในปพี .ศ.2551-2552. กรุงเทพฯ.กอง แผนงำนและประเมนิ ผลกรมควบคมุ มลพิษ. กรมควบคุมมลพิษ. (2555). การจดั การขยะมลู ฝอย. แผนจดั กำรมลพษิ พ.ศ.2555-2559.กรงุ เทพฯ: กอง แผนงำนและประเมนิ ผลกรมควบคมุ มลพษิ . กรมควบคุมมลพิษ. (2558). รายงานสถานการณม์ ลพิษของประเทศไทย พ. ศ. 2558 . กรงุ เทพฯ: กอง แผนงำนและประเมนิ ผลกรมควบคมุ มลพษิ . กรมสง่ เสรมิ คณุ ภำพส่ิงแวดลอ้ ม. (2554). คมู่ ือการจดั การขยะมลู ฝอยและเทคโนโลยกี ารแปรรูปขยะ มลู ฝอยใหเ้ ป็นพลังงานสาหรับทอ้ งถิ่น. กรุงเทพฯ: กรมควบคมุ มลพิษ. กรมสง่ เสริมคุณภำพสิ่งแวดลอ้ ม. (2555). การจัดการขยะมลู ฝอยโดยชมุ ชน. กรงุ เทพฯ: กรมส่งเสริม คุณภำพสิ่งแวดลอ้ ม กระทรวงทรพั ยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม. โชติ บดีรฐั . (2558). เทคนคิ การบรหิ าร.กรุงเทพฯ : จุฬำลงกรณ์มหำวทิ ยำลัย. ดวงใจ ปินตำมูล. (2555). การจัดการขยะมูลฝอยแบบมีสว่ นรว่ มของประชาชนในองคก์ ารบรหิ าร สว่ นตาบลบา้ นโสก อาเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์. สำขำวิชำกำรบรหิ ำรกำรปกครอง ท้องถ่นิ . มหำวทิ ยำลยั รำชภัฎเพชรบรู ณ์. ทวที อง หงษว์ วิ ัฒน.์ (2553). การมีส่วนร่วมของประชาชน. กรงุ เทพฯ: ศนู ย์ศึกษำนโยบำย สำธำรณสขุ มหำวทิ ยำลยั มหิดล. นิรนั ดร์ จงวฒุ เิ วศย.์ (2553). วิธีการส่งเสรมิ การมสี ่วนร่วมของประชาชนในงานพัฒนาชมุ ชน. กรงุ เทพฯ : ศกั ดโิ์ สภำกำรพมิ พ์. นดุ ี รุ่งสว่ำง. (2543). กำรพัฒนำคู่มือ กำรสรำ้ งหลักสตู รระดบั โรงเรียน สำหรบั ครูประถมศกึ ษำ . มหำวิทยำลยั ศลิ ปำกร.กรุงเทพฯ. พัชรพล ไตรทิพย.์ (2559). การพัฒนาหลักสตู รการจัดการขยะเพ่ือส่งเสรมิ การรู้สิ่งแวดล้อมของ นกั เรยี นประถมศึกษาตอนปลายโรงเรียนเทศบาลบ้านค้อ. วิทยำนพิ นธป์ ริญญำวทิ ยำศำสตร มหำบัณฑติ สำขำสงิ่ แวดล้อมศึกษำ, มหำวิทยำลยั มหำสำรคำม. พนู สขุ อุดม. (2552). ส่งิ แวดล้อมศึกษา (พิมพค์ รง้ั ที่ 2). สงขลำ : มหำวทิ ยำลัยทกั ษณิ . ยุพดี เสตพรรณ. (2557). มลพิษสิง่ แวดล้อม: ปัญหา. กรงุ เทพฯ : พศิ ิษฐูกำรพมิ พ์. รำชบัณฑิตยสถำน. (2525). พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ : นำนมบี ุค๊ ส.์ รำชบัณฑติ ยสถำน. (2535). พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน. กรงุ เทพฯ : นำนมีบุ๊คส์. รำชบัณฑิตยสถำน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : นำนมีบคุ๊ ส.์

43 วิรชั วริ ัชนภิ ำวรรณ. (2559).50 แนวคิด ตวั ช้วี ัด ตวั แบบของการบรหิ ารจัดการ และการบรหิ าร จดั การท่ยี ่ังยนื . กรงุ เทพฯ: โฟรเ์ พซ. ศจี อนนั ต์นพคณุ . (2552), กลวิธีการบริหารงานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ. สงขลำ: ชลบตุ รกรำฟฟิก. ศักรนิ ทร์ สุวรรณโรจน์และคณะ. (2535). เส้นทำงกำ้ วหนำ้ ของข้ำรำชกำรครู:ค่มู อื กำรจัดทำผลงำนทำง วชิ ำกำร.กรุงเทพฯ : ประดิพัทธ์ กำรพมิ พ์ ศริ พิ งษ์ เศำภำยน. (2552).หลักและกระบวนการบรหิ ารการศึกษา : ทฤษฎีและแนวปฏิบัติ.กรงุ เทพฯ: ศริ วิ รรณ เสรีรัตน์และคณะ. (2552) การบรหิ ารการตลาดยคุ ใหม่. กรุงเทพฯ : ธรรมสำร. สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 1. (2563). รายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผล และนเิ ทศการศึกษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปางเขต 1 ปีงบประมาณ 2563. ลำปำง : กลมุ่ นเิ ทศติดตำมและประเมินผลกำรจัดกำรศกึ ษำ สำนักงำนเขต พน้ื ทีก่ ำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 1. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชำติ สำนักนำยกรฐั มนตร.ี (2561).สรปุ สาระ สาคัญแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพฯ: สำนกั งำนคณะกรรมกำรพัฒนำกำรเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ สำนกั นำยกรฐั มนตรี. สำนกั ระบำดวทิ ยำ. (2557). การเฝ้าระวงั ปอ้ งกันควบคุมโรคและภยั สุขภาพ. กรงุ เทพฯ : เจำ้ พระยำกำร พมิ พ์. สุนยี ์ มัลลิกะมำลย์. (2553).การจัดการขยะชุมชนอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ: รปู แบบและมาตรการทาง สังคม เศรษฐศาสตรแ์ ละกฎหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาขยะชมุ ชน คณะนิตศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. กรงุ เทพฯ : จุฬำลงกรณม์ หำวทิ ยำลยั . สรุ ัสวดี หุ่นพยนต.์ (2549). สตรกี ับบทบาทในการเขา้ ร่วมองค์การบรหิ าร สว่ นตาบล (อบต. : บริบท ทำงสังคม วัฒนธรรมและกำรเมอื ง.รำยงำนกำรวิจยั สำนักบณั ฑติ อำสำสมคั ร มหำวทิ ยำลัยธรรมศำสตร์, สมไทย วงษ์เจรญิ . (2561). คัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล. กรุงเทพฯ : วงษ์พำณชิ ย์จำกัด. สมพร พุตตำล เบ็ทซ์. (2539). กำรจัดทำคู่มอื ปฏบิ ตั ิงำน.วำรสำรมนษุ ยศำสตร์และสงั คมศำสตร์ มหำวทิ ยำลัยนเรศวร,ฉบับพเิ ศษ. อำณตั ิ ตะ๊ ปินตำ (2553). ความรเู้ บอ้ื งต้นเกี่ยวกับการจัดการขยะมลู ฝอย. กรงุ เทพมหำนคร : จุฬำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั . อำภรณพ์ นั ธ์ จันทรส์ วำ่ ง. (2552). คาบรรยายลกั ษณะวชิ าทฤษฎีและหลักการพัฒนาชมุ ชน 2. ภำคกำรศกึ ษำที่ 2. กรงุ เทพฯ : มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ McCloskey, Deirdre N. and Stephen T. Ziliak. 2008. “Signifying Nothing: Reply to Hoover and Siegler,” Journal of Economic Methodology 15 (no. 1, March):

44 คณะผูจ้ ัดทา ที่ปรึกษา ปงจันตำ ผอู้ ำนวยกำรสำนักงำนเขตพื้นท่กี ำรศกึ ษำ 1. นำยสมเกยี รติ กอบกำ ประถมศกึ ษำลำปำง เขต 1 ผอู้ ำนวยกำรกลมุ่ นิเทศ ติดตำมและประเมินผล 2. ดร.เอกฐสทิ ธิ์ ทรำยใจ กำรจดั กำรศกึ ษำ สำนกั งำนเขตพื้นทก่ี ำรศึกษำ ควรคิด ประถมศกึ ษำลำปำง เขต 1 3. นำงศรีจนั ทร์ ศึกษำนิเทศก์ชำนำญกำรพเิ ศษ สำนักงำนเขต พ้ืนทีก่ ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 1 4. นำยวีรยทุ ธ์ ผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียนบ้ำนออ้ น สำนักงำนเขต พนื้ ทกี่ ำรศึกษำประถมศกึ ษำลำปำง เขต 1 คณะผ้จู ดั ทา 1. นำงสำวสิรกิ ุล กจิ สวสั ดไ์ิ พศำล ผูอ้ ำนวยกำรโรงเรียนบ้ำนแมง่ ำวใต้ 2. นำงสำวเพชรำ บุญเรอื ง ครูอตั รำจำ้ ง โรงเรียนบำ้ นแม่งำวใต้ 3. นำงเบญจวรรณ พันโนลิด ครู คศ.1 โรงเรียนบำ้ นแมง่ ำวใต้ 4. นำงสำวผอ่ งนุช พิมพ์บุตร เจำ้ หน้ำทธ่ี ุรกำร โรงเรียนบำ้ นแม่งำวใต้ บรรณากิจ กจิ สวัสดไ์ิ พศำล ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนบำ้ นแม่งำวใต้ 1. นำงสำวสริ กิ ลุ