ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขน้ั (7E) รายวิชา ชีววิทยา 3 ว32243 ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ การสืบพันธขุ์ องพืชดอกและการเจริญเติบโต เรือ่ ง การเกิดผลและโครงสรา้ งของผล นางสาวเพชราพรรณ สืบสันต์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ โรงเรียนเทพอุดมวทิ ยา ตาบลดม อาเภอสังขะ จังหวดั สุรินทร์ สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 33 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
ก การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นภารกิจที่สาคัญยิ่งในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กระบวนการจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความสามารถทางวิทยาศาสตร์นั้น ครูผู้สอนจะต้อง พัฒนากระบวนการเรยี นร้อู ย่างเป็นระบบให้กับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาศักยภาพการ เรยี นรู้ของตนเองใหไ้ ดม้ ากท่สี ุดเทา่ ทจี่ ะมากได้ และการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของผู้เรยี นเป็นการจัดกระบวนการเรียนร้ทู เี่ น้นผ้เู รียนเป็นสาคญั ครผู สู้ อนสามารถออกแบบการ จัดการเรียนรู้ในลักษณะต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เพ่ืออานวยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชญิ สถานการณ์และการประยุกต์ความร้มู าใช้ให้เกิดประโยชน์ สูงสดุ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ เร่ือง การสืบพันธ์ุของพืชดอก และการเจรญิ เติบโต สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ สาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซ่ึงเป็นชุดกิจกรรมท่ีเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ส่งเสริมทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ทักษะการสืบค้นข้อมูล กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ โดยครูเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนาและคอยอานวยความสะดวก ตลอดจนตดิ ตามผลการศึกษาอยา่ งใกลช้ ดิ ผ้จู ัดทาขอขอบพระคณุ ท่านผอู้ านวยการโรงเรียนเทพอุดมวิทยา ตลอดจนคณะครูทุก ทา่ นทไี่ ด้ใหค้ าปรกึ ษาในการจดั ทาชุดกิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรส์ าเรจ็ ลุล่วงด้วยดี และหวัง เปน็ อย่างยิ่งว่าชดุ กจิ กรรมการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรช์ ุดนี้ จะสง่ ผลให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการ คิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับการพัฒนาจิตวิทยาศาสตร์และสามารถนาไป ประยกุ ต์ใช้อยา่ งมีเหตผุ ล มคี ุณธรรม และดาเนินชีวติ อยู่ในสังคมอยา่ งมีความสุข เพชราพรรณ สบื สันต์
ข เร่อื ง หนา้ 1. คานา ก 2. สารบญั ข 3. คาช้แี จงในการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 1 4. คาแนะนาในการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาหรบั ครู 2 5. คาแนะนาในการใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ สาหรับนกั เรียน 3 6. ข้ันตอนในการใช้ชดุ กจิ กรรม 4 7. ผลการเรียนรู้ / สาระสาคญั / จุดประสงค์การเรียนรู้ 5 8. แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ ที่ 4 เร่ือง การเกดิ ผลและโครงสรา้ งของผล 6 9. กระดาษคาตอบ แบบทดสอบก่อนเรยี น ชุดท่ี 4 เรื่อง การเกิดผลและ 8 โครงสร้างของผล 9 10. ใบความรทู้ ี่ 4.1 เร่อื ง โครงสร้างของผล 11 11. ใบความรู้ท่ี 4.2 เร่อื ง สว่ นประกอบของผล 16 12. ใบความรู้ที่ 4.3 เร่อื ง ชนิดของผล 19 13. ใบกิจกรรมที่ 4.1 เรอ่ื ง การศกึ ษาผลชนดิ ตา่ งๆ 21 14. แบบฝกึ หัดท่ี 4.1 เร่ือง ความหมายของผล 22 15. แบบฝกึ หัดที่ 4.2 เรอ่ื ง ชนดิ ของผล 23 16. แบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดท่ี 4 เรือ่ ง การเกดิ ผลและโครงสรา้ งของผล 17. กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดท่ี 4 เรอ่ื ง การเกดิ ผลและ 25 26 โครงสรา้ งของผล 28 18. บรรณานุกรม 19. ภาคผนวก
1 ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา 3 รหัสวิชา ว32243 เรอ่ื ง การสบื พนั ธุ์ของพชื ดอกและการเจริญเตบิ โต ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา 3 รหัสวิชา ว32243 เรอื่ ง การสบื พันธุข์ องพชื ดอก และการเจรญิ เติบโต ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ประกอบด้วย ชุดกิจกรรมท้งั หมด 8 ชุด ใช้เวลาในการเรยี นร้ทู งั้ หมด 18 ชั่วโมง ดงั น้ี ชุดที่ 1 โครงสรา้ งของดอก 3 ชั่วโมง ชดุ ที่ 2 การสรา้ งเซลล์สืบพนั ธข์ุ องพืชดอก 2 ชว่ั โมง ชุดที่ 3 การถา่ ยละอองเรณแู ละการปฏิสนธิของพชื ดอก 2 ชั่วโมง ชุดท่ี 4 การเกดิ เผลและโครงสร้างของผล 3 ชว่ั โมง ชดุ ท่ี 5 การเกดิ เมล็ดและโครงสรา้ งของเมล็ด 3 ชั่วโมง ชดุ ที่ 6 การงอกของเมล็ดและการพักตัวของเมล็ด 3 ชั่วโมง ชุดท่ี 7 การสบื พันธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศ 1 ชวั่ โมง ชุดท่ี 8 การวัดการเจรญิ เตบิ โตของพชื 2 ชั่วโมง ชุดกจิ กรรมท้ัง 8 ชุด เป็นชดุ กิจกรรมทเ่ี นน้ ใหผ้ ู้เรียนได้ลงมือปฏิบตั ิจริง มีสว่ นรว่ มใน กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยจดั ใหม้ คี วามยาก ง่าย เหมาะสมกบั วัยและความสามารถของผู้เรียน เหมาะสมกบั ผลการเรยี นรู้และสาระการเรียนรู้ ใหผ้ ู้เรียนสามารถนาความร้ทู ่ไี ดไ้ ปปรับใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั
2 คาแนะนาการใชช้ ุดกจิ กรรมสาหรบั ครู ชดุ ที่ 2 โครงสรา้ งของดอก บทบาทครู 1. ครูควรศกึ ษาข้นั ตอนในการจัดกิจกรรมโดยละเอยี ด และเตรยี มสอื่ การเรียนรู้ทใี่ ช้ ประกอบการจัดการเรียนรู้ 2. การจดั กระบวนการเรียนรู้ จะต้องจดั กิจกรรมใหค้ รบตามทีร่ ะบไุ ว้ในแผนการจัดการ เรียนรู้ เพื่อให้กิจกรรมบรรลุวัตถุประสงค์ 3. กอ่ นการจัดกิจกรรมครูตอ้ งอธิบาย ช้แี จงวธิ ปี ฏิบัติกิกรรมให้ชดั เจน เพื่อให้นักเรยี น เข้าใจตรงกนั 4. ครูเน้นใหท้ กุ คนมสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิกิจกรรม เพื่อใหน้ ักเรยี นร้จู ักการทางาน รว่ มกัน รบั ผิดชอบหน้าทแี่ ละกลา้ แสดงออก 5. ขณะดาเนนิ กจิ กรรมครตู อ้ งสังเกตกระบวนการทางานของกลมุ่ นักเรยี น เพอ่ื บนั ทกึ ผลการประเมินนักเรียน 6. หลงั จากจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ สรจ็ สน้ิ ในแตล่ ะชดุ กิจกรรม ครเู ปน็ ผ้ปู ระเมนิ ผลการ เรยี นของนกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นทาใบกิจกรรม และทาแบบทดสอบหลังเรยี นแต่ละชุด สง่ิ ท่คี รตู ้องเตรยี ม 1. แผนการจัดการเรียนรู้ 2. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 3. แบบบนั ทกึ ผลการประเมินนกั เรยี น 4. ใบกิจกรรม 5. กระดาษคาตอบ การประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ผลจากการทาใบกจิ กรรม 2. ประเมนิ พฤติกรรมการทางาน 3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 4. ประเมินผลการทาแบบทดสอบ
3 ชดุ ท่ี 2 โครงสรา้ งของดอก ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ชวี วิทยาทีน่ ักเรยี นจะได้ศึกษาต่อไปนี้ เปน็ กิจกรรมการเรียนรู้ เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้นักเรยี นได้สืบเสาะหาความรู้และสามารถสรา้ งองคค์ วามรดู้ ้วยตนเอง โดยเนน้ การ ใชค้ าถามและทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใหน้ ักเรียนไดค้ ิดและลงมอื ปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนท่ี กาหนดไว้ในชดุ กิจกรรมการเรียนรตู้ ามลาดบั ดังนี้ 1. นักเรยี นศกึ ษาจุดประสงค์การเรยี นรแู้ ละขอบข่ายเนื้อหาสาระของชดุ กจิ กรรมการ เรยี นรู้ 2. การเรยี นด้วยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จะตอ้ งปฏิบัติตามข้นั ตอนท่ี กาหนดให้อยา่ งเคร่งครัดและมีความซอ่ื สัตย์ต่อตนเอง 3. นกั เรยี นศกึ ษาวิธีการใชช้ ุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ถ้านกั เรียนคนใดสงสัยหรือมีคาถาม ไมเ่ ข้าใจ สามารถขอคาแนะนาจากครูผู้สอนไดต้ ลอดเวลา 4. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ข้อ 5. นักเรียนศึกษาเนื้อหาและลงมอื ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยสามารถตรวจคาตอบได้จาก เฉลยในภาคผนวกของกจิ กรรมและต้องมคี วามซื่อสตั ยใ์ นการทากิจกรรม 6. เมื่อศึกษาครบทุกกจิ กรรมนกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น จานวน 10 ขอ้ 7. เวลาทใี่ ชใ้ นการศึกษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชุดที่ 4 จานวน 3 ชวั่ โมง
4 ศกึ ษาจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ของชดุ กจิ กรรม ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจคาตอบ แบบทดสอบ กอ่ นเรยี น ศึกษาเนอ้ื หาจากใบความรู้ ไมผ่ ่าน ทากจิ กรรมในใบกิจกรรม/แบบฝึกหดั ตรวจคาตอบ/หาแนวคาตอบ คะแนนต่ากว่า ร้อยละ 80 ทาแบบทดสอบหลงั เรียน คะแนนตา่ กว่า ตรวจคาตอบแบบทดสอบหลังเรยี น รอ้ ยละ 80 ศึกษาชดุ กิจกรรมต่อไป
5 ผลการเรยี นรู้ สบื คน้ ข้อมลู ทดลอง อธบิ าย อภิปราย และสรุปเกย่ี วกบั โครงสร้างและหนา้ ทีข่ องดอก การสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศของพชื ดอก การขยายพนั ธพ์ุ ืช และการวัดอัตราการ เจริญเติบโต สาระสาคญั ผล คือ สว่ นทเ่ี จรญิ มาจากรังไข่ภายหลงั เกิดการปฏสิ นธิ ผลบางชนิดไม่ได้เจริญมาจากรัง ไข่ แต่เจริญเติบโตมาจากฐานรองดอก เรียกว่า ผลเทียม เช่น ชมพู่ แอปเปิล ผลบางชนดิ มีเนื้อ มากจึงใช้รบั ประทานได้ เชน่ เงาะ มะมว่ ง ลาไย สม้ ผลบางชนดิ ไมม่ ีส่วนเน้ือมีเปลือกบางตดิ แนบกับเมล็ดเรยี กว่า เมล็ด เชน่ ข้าว ถว่ั ลสิ ง ทานตะวนั ผลมีหนา้ ทสี่ ะสมอาหารและห่อหุ้มเมลด็ เพ่อื ปอ้ งกันไม่ให้เมล็ดเกดิ อนั ตราย จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 5. มีจิตสาธารณะ ด้านความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธบิ ายการเกิดผลได้ 2. นักเรยี นสามารถอธิบายโครงสรา้ งของผลได้ 3. นกั เรียนสามารถศึกษา และเปรยี บเทยี บลักษณะของดอก และผลชนดิ ตา่ งๆทีม่ ใี นท้องถนิ่ ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 1. นักเรยี นได้รบั การพฒั นาทักษะการทดลอง 2. นักเรยี นไดร้ บั การพัฒนาทกั ษะกระบวนการกลุม่ 3. นกั เรียนได้รับการพัฒนาทักษะการสังเกต อนั พงึ ประสงค์ (A) 1. ซอื่ สัตยส์ จุ ริต 2. มีระเบยี บวนิ ัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มงุ่ ม่ันในการทางาน
6 คาช้แี จง 1. แบบทดสอบเป็นแบบเลอื กตอบ 5 ตวั เลอื ก จานวน 10 ข้อ 10 คะแนน ใชเ้ วลา 10 นาที 2. ให้เลอื กคาตอบท่ีถกู ตอ้ งเพียงขอ้ เดียว แล้วทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. พชื ชนดิ ท่ี 1 มดี อกเปน็ ดอกเดยี่ ว มีรงั ไขแ่ บบ apocarpous หลายอันพชื ชนิดท่ี 2 มดี อก เปน็ ดอกช่อ ดอกย่อย แต่ละดอกมีรงั ไขเ่ ดยี วเมือ่ เกดิ การผสมเกสร และมกี ารเจรญิ ของผล เกิดข้ึน ผลในตวั เลอื กใดทเี่ ปน็ ผลของพชื ทง้ั สองชนดิ น้ี ก. พืชชนดิ ท่ี 1 มผี ลเปน็ ผลกลม่ พชื ชนิดท่ี2 มผี ลเปน็ ผลกล่ม ข. พชื ชนดิ ท่ี 2 มผี ลเป็นผลเด่ียว พืชชนดิ ท่ี 2 มผี ลเป็นผลเดยี่ ว ค. พชื ชนิดท่ี 1 มผี ลเปน็ ผลเดยี่ ว พชื ชนดิ ท่ี 2 มผี ลเป็นผลกล่ม ง. พืชชนดิ ที่ 1 มผี ลเปน็ ผลกลุ่ม พชื ชนดิ ท่ี2 มผี ลเปน็ ผลเดย่ี ว จ. พืชชนดิ ท่ี 1 มีผลเป็นผลรวม พืชชนดิ ท่ี 2 มีผลเป็นผลเดย่ี ว 2. ผลของพชื ทีเ่ กดิ จากดอกเดย่ี วท่มี หี ลายรงั ไข่ จัดเป็นประเภทใด ก. ผลเดีย่ วหลายผลบนกิง่ ข. ผลกลุ่มทีอ่ ยู่รวมกนั เป็นผลเดยี ว ค. ผลรวมทอ่ี ยู่รวมกันเป็นผลเดยี ว ง. ผลกลุ่มที่อยรู่ วมกันเปน็ ผลเดยี วหรอื แยกเป็นหลายผลบนก่งิ จ. ผลกลมุ่ หลายผลบนกง่ิ 3. ผลในตวั เลือกใดท่ีเจริญมาจาก epigynous flower ก. มะเขอื ลาไย พริก ลองกอง ข. ชมพู ลาไย แตงโม ฝรั่ง ค. ชมพู มะเขือ แตงกวา พรกิ ง. มงั คด ล้นิ จ่ี แตงโม ฝรง่ั จ. ชมพู ฝรง่ั แตงกวา มงั คุด 4. สว่ นของผลมะพรา้ วท่ีมโี ครโมโซม 3n คอื ขอ้ ใด ก. เนื้อมะพรา้ ว ข. จาวมะพร้าว ค. กะลามะพร้าว ง. เปลอื กมะพรา้ ว ง. น้ามะพร้าว
73 5. ส่วนของถ่ัวลสิ งต้ม ขา้ ว และมะพรา้ ว ที่นามารบั ประทาน เป็นโครงสร้างใดตามลาดบั ก. ผล เมลด็ เน้ือผล ข. ใบเล้ียง ผล เมลด็ ค. ผล และเมล็ด ง. เอนโดสเปอรม์ ใบเล้ียง ใบเลยี้ ง จ. เมล็ด เอนโดเสปอรม์ เอนโดสเปิรม์ 6. ผลที่ไม่ไดเ้ จริญมาจากรงั ไข่แตเ่ จริญมาจากฐานรองดอก คอื ผลของผลไมใ้ ด ก. ฝร่งั ข. ชมพู่ ค. แอปเปิล ง. มะมว่ ง จ. มังคดุ 7. การเจรญิ ของผลมะพรา้ วในข้อใดถูกตอ้ ง 1. จาวมะพร้าวคอื ใบเล้ียง 2. กะลาและเปลอื กมะพรา้ วเจริญมาจากอนิ เทกิวเมนต์ 3. น้ามะพร้าวเจริญมาจากแอมบริโอ 4. เนือ้ มะพรา้ วเจรญิ มาจากเอนโดสเปิร์ม ก. 1 2 ข. 2 3 ค. 1 4 ง. 3 4 จ. 1 3 8. จากภาพส่วนประกอบหมายเลข 1 2 และ 3 ของผลแท้ หมายถึงขอ้ ใดตามลาดับ ก. Endocarp, Mesocarp, Exocarp ข. Exocarp Mesocarp Endocarp ค. Mesocarp Exocarp Endocarp ง. Exocarp Pericarp, Endocarp, จ. Endocarp, Mesocarp, Pericarp 9. ขอ้ ใดต่อไปน้ีเปน็ ช่อื ของผลเทยี ม (pseudocarp) ตง้ั ใจทาข้อสอบ ก. ส้มและกล้วย ข. กล้วยและแอปเปิล ใหไ้ ดค้ ะแนน ค. แอปเปลิ และลกู แพร์ ง. ลูกแพร์และมะพร้าว เยอะๆนะเดก็ ๆ จ. มะม่วงและสม้ 10. พชื ขอ้ ใดต่อไปนท้ี ่ีจดั อย่ในกลู่มเดียวกันุ ก. ทุเรยี น น้อยหนา่ สบั ปะรด ข. มะม่วง เงาะ ลิ้นจ่ี ค. ขนุน ลูกยอ หม่อน ง. มะมว่ ง มะพร้าว ลูกยอ จ หมอ่ น เงาะ สปั ปะรด
84 คคะแะแนนนททไ่ี ด่ีได้ ้ คะแนน คคะแะแนนนเตเต็มม็ 1100คคะแะแนนน คาตอบ ขอ้ ก ข ค ง จ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
9 ผล (fruit) เปน็ โครงสรา้ งทส่ี าคญั อยา่ งหนึ่งของพืชดอก เกิดจากการเจรญิ ของรงั ไข่ท่ีเปลย่ี น แปลงไปหลงั การสืบพันธแ์ุ บบอาศัยเพศ ผลของพชื แต่ละชนิดมีรปู รา่ งลักษณะทแี่ ตกตา่ งกัน แต่ ไม่ว่าผล ของพชื จะมคี วามหลากหลายของรปู ลกั ษณ์ทแ่ี ตกต่างกนั เพยี งใดกต็ าม โดยทัว่ ไปแลว้ ลว้ นมกี ระบวน การเกิดของผลเชน่ เดยี วกนั การเกดิ ผล การเกิดผลเร่มิ จากกระบวนการถ่ายเรณู (pollination) เมอื่ เรณูตกลงบน ยอดเกสรเพศเมยี แลว้ จะเกิดกระบวนการงอกของเรณจู นเข้าสกู่ ระบวนการปฏสิ นธิ ซ่งึ ในพชื ดอกจะเกิดขนึ้ สองครัง้ เรียกว่า การปฏิสนธิคู่ (double fertilization) ซ่งึ จะเกดิ ข้นึ ภายในถุง เอ็มบรโิ อ (embryoภsาacพ) ในทอี่อ1วุล (oโvคuleร)งโดสยสรเป้าริ ง์ม ขนิวอเคงลียดสอ(spกerm nucleus) หนึง่ จะ เขา้ ผสมกบั เซลล์ไข่ (egg cell) เกดิ เป็นไซโกต (zygote) ซึง่ จะเจริญต่อไปเป็นเอ็มบรโิ อ (embryo) ส่วนสเปริ ์มอีกนวิ เคลียสหนง่ึ จะเขา้ ผสมกบั เซลลก์ ลาง (central cell) ซงึ่ มนี วิ เคลียส 2 นวิ เคลยี ส เรยี ก โพลานวิ คลีไอ (polar nuclei) เกดิ เปน็ เอนโดสเปิร์ม (endosperm) ซ่งึ เป็น เนื้อเยอื่ สะสมอาหารสาหรบั ใช้ในการเจรญิ เติบโตระยะแรกของ เอ็มบรโิ อเป็นตน้ กล้า หลงั จาก ผ่านกระบวนการปฏสิ นธิ คูแ่ ล้วรงั ไขจ่ ะเจรญิ พัฒนาไปเป็นผล ส่วนออวุลจะเจริญไปเปน็ เมลด็ แตม่ ีผลบางชนิดทีภ่ ายในผลไม่มเี มลด็ เกดิ เน่ืองจากผลเจริญเปลี่ยนแปลงมาจากรงั ไข่ท่ีไมไ่ ด้ ผ่าน การปฏสิ นธิ หรือมีการปฏสิ นธิเกิดข้นึ แต่ออวุลไม่เจรญิ และพัฒนาต่อไปเป็นเมลด็ เรียก ผลลม (parthenocarpic fruit) เช่น กลว้ ย อง่นุ ไร้เมล็ด
10 ดงั นนั้ ความหมายของผลในทางพฤกษศาสตร์ หมายถึง รังไขท่ เ่ี จริญเปล่ียนแปลงไปหลงั การ ปฏิสนธิ ระหวา่ งเซลล์สบื พนั ธ์ุเพศผู้และเซลล์สืบพนั ธุเ์ พศเมยี ภายในออวลุ นั่นเอง และเรยี กผลทีเ่ จริญมาจาก สว่ นของรังไข่เพียงอย่างเดยี วนว้ี ่า ผลแท้ (true fruit) แต่ผลของพืชบางชนดิ จะมสี ว่ นอ่ืน ๆ ของ ดอก เจริญรว่ มขึ้นมาเป็นส่วนหนง่ึ ของผลดว้ ย เช่น ฐานดอก ใบประดับ กลบี เลยี้ ง เรียกผลเหลา่ นว้ี า่ ผลเทียม (false fruit หรือ accessory fruit) เช่น ผลแอปเปลิ ฝรั่ง ชมพู่ (ภาพท่ี 1) ซึ่งจะมสี ่วนของ ฐานดอกเจรญิ ข้นึ มาห้มุ ส่วนของผนังรังไข่ด้วยหรอื ผลสตรอเบอรี่ ซึ่งมีสว่ นฐานดอกที่เจริญขยาย ขนาดเป็นกอ้ นนนู เรียก ฐานดอกนูน (torus) และเจรญิ ไปเป็นเนอื้ โดยมีผลยอ่ ยจานวนมากตดิ อยู่ ภาพที่ 1 โครงสรา้ งของดอก ภาพท่ี 1 ลกั ษณะของผลเทียม (สรอ้ ยนภา ญาณวัฒน์, 2554).
11 6 สว่ นประกอบของผล รังไขท่ ่เี จริญเติบโตเปล่ยี นแปลงมาเป็นผลน้นั (ภาพที่ 2) ผนังของรงั ไข่จะหนาขึ้นมากน้อยแล้วแตช่ นดิ ของผล เรียกผนงั รงั ไข่ที่เปลีย่ นแปลงน้ีวา่ ผนงั ผล (pericarp) ความหนาของผนงั ผลหรือ pericarp ประกอบดว้ ยเนื้อเยอ่ื 3 ช้ันดว้ ยกนั (ภาพท่ี 3) ดังนี้ 1. Exocarp เปน็ ชัน้ นอกสดุ ของผลทเ่ี รามกั เรียกวา่ เปลอื ก โดยทวั่ ไปแลว้ จะประกอบด้วย เอพเิ ดอร์มิสเพยี งช้ันเดยี วแตม่ ีผลบางชนดิ ท่ี exocarp ประกอบดว้ ยเซลล์หลายช้ัน exocarp ของผล บางชนดิ อาจมีขนหรือมีหนามหรอื มตี ่อมนา้ มนั และปากใบ เปน็ ดอกท่มี แี ต่เกสรเพศเมีย2. Mesocarp เปน็ ชั้นท่ีถดั จาก exocarp เข้าไปภายในหรอื จะเรยี กวา่ ช้ันกลาง ผลบาง ชนิดมี mesocarp หนา บางชนดิ มี mesocarp บาง บางชนิด mesocarp เปน็ เนอื้ ผลไมท้ ่ีอ่อนนุม่ รับประทานได้ บางชนดิ แข็งรับประทานไมไ่ ด้ 3. Endocarp เป็นช้นั ในสดุ ของ pericarp ประกอบดว้ ยเน้ือเย่อื ท่ีหนาหรอื บางก็ได้แลว้ แต่ ชนดิ ของผล ภาพที่ 2 ส่วนประกอบของผล (สรอ้ ยนภา ญาณวฒั น์, 2554). ภาพที่ 3 ผนงั ผลช้นั ตา่ งๆ (สร้อยนภา ญาณวฒั น์, 2554).
12 ในพืชบางชนดิ ผนงั ผลแตล่ ะช้นั อาจไม่ ภาพท่ี 4 ผนงั ผลช้นั ตา่ งๆของมะเขือเทศ อง่นุ สามารถแยกออกจากกนั ใหเ้ ห็นได้ ตะขบ (จากซา้ ยไปขวา) อย่างชดั เจน เชน่ ผล มะเขือเทศ (สร้อยนภา ญาณวัฒน์, 2554). องนุ่ ตะขบ (ภาพท่ี 4) ซึ่งผนงั ผลของ พืชทงั้ สามชนิดนปี้ ระกอบดว้ ยผนังผล ช้นั นอกท่ีเป็นเปลือกมี ลักษณะบาง เหนียว ส่วนผนงั ผลชัน้ กลางและผนัง ผลชน้ั ในทีเ่ ป็นสว่ นเนือ้ ซ่ึงนมุ่ ฉา่ นา้ ไมส่ ามารถแยก ออกจากกันได้ สาหรับผลของพชื วงศ์หญา้ เช่น ขา้ ว ข้าวโพด จะมผี นงั ผลบางและเช่อื มเปน็ เนื้อเดียวกนั กับ ส่วนของเปลือกเมล็ด (seed coat) ซึง่ ไม่สามารถแยกออกเปน็ ช้นั ๆ ได้ (ภาพท่ี 5) ภาพท่ี 1 โครงสร้างของดอก ภาพท่ี 5 ผลของข้าว (ซ้าย) และข้าวโพด (ขวา) (สร้อยนภา ญาณวัฒน์, 2554). น่ารู้ สว่ นของขา้ วทเี จริญไปเป็นเมล็ดนนั้ ความจรงิ คือ สว่ นของผล แต่มีขนาดเล็ก ผนังรงั ไข่จะแนบชิดกบั สว่ นของเปลอื กหุม้ เมล็ด ซง่ึ เรียกวา่ แกลบ ราเป็นส่วนของเยอื้ หมุ้ เมล็ด ข้าวที่เรา รบั ประทาน คืออาหารสะสม เมลด็ ขา้ วโพดหรือเมล็ดข้าวสาลีก็ เช่นกนั แต่ละเมล็ดทเ่ี ราเรียกนัน้ กค็ ือ 1 ผลน่ันเอง ดงั นั้น ข้าวโพด 1 ฝัก จะมีผลจานวนมาก
13 นอกจากน้ี ผนังผลแต่ละช้ันยงั มีลักษณะท่แี ตกต่างกันออกไป โดยทวั่ ไป ผนงั ผลช้นั นอก มกั มีลักษณะบางและเหนยี ว ผนังผลชั้นกลางมกั จะเปน็ เนอื้ นมุ่ ส่วนผนงั ผลชน้ั ในมที ง้ั ลักษณะที่เปน็ เนื้อนุ่มเหนยี ว หรือแขง็ จากตัวอยา่ งผลของพทุ รา ผนังผลแบ่งเปน็ 3 ชั้น ชดั เจน ผนงั ผลชน้ั นอก คือ ส่วนที่เปน็ เปลือก สีเขียว ซงึ่ บางและเหนียว ผนงั ผลชัน้ กลาง คอื สว่ นที่เปน็ เน้อื สีขาว และผนงั ผลชัน้ ใน คอื สว่ นที่แขง็ และหมุ้ เมล็ดอยูภ่ ายใน สว่ นผล มะพร้าว นั้นผนงั ผลมจี านวน 3 ชัน้ และลักษณะของผนงั ผลช้นั นอกและช้นั ในเป็น เชน่ เดยี วกนั กบั ของผลพุทรา แต่ผนงั ผลช้นั กลางของมะพรา้ วมลี ักษณะเป็นเส้นใยที่ เรยี กวา่ ใยมะพร้าว (ภาพท่ี 6) ภาพท่ี 1 โครงสร้างของดอก ภาพท่ี 6 ผนังผลชน้ั ตา่ งๆ (ก) พทุ รา (ข) มะพร้าว (สรอ้ ยนภา ญาณวัฒน์, 2554).
14 เยือ่ หุ้มเมลด็ ผลของพชื บางชนดิ อาจมสี ่วนที่เปน็ เน้อื นมุ่ ซึง่ ไมใ่ ช่ส่วนของผนงั ผลดังทก่ี ล่าวไปแลว้ ขา้ งตน้ ตัวอย่างเชน่ ผลเงาะ สว่ นท่เี รียกว่า “เปลอื ก” คือ ผนงั ผลท้ังหมดซง่ึ แบง่ เปน็ 3 ช้ัน คอื ผนงั ผลชั้นนอก คอื สว่ นของเปลือกทีม่ ีลกั ษณะหนา เหนียว มขี น ผนงั ผลชั้นกลาง คอื ส่วนทเ่ี ป็น เนื้อหนา สขี าว และ ผนงั ผลชั้นใน คอื ผิวดา้ นในของเปลือก ซ่ึงมลี กั ษณะบาง เหนยี ว และมีสีขาว ส่วนเนอื้ เงาะที่รบั ประทาน กันนนั้ ไมใ่ ชส่ ่วนท่เี จรญิ มาจากผนงั รงั ไข่ แตเ่ จรญิ มาจากเปลือกเมล็ด (seed coat) และเรยี กส่วนของเนอ้ื ทหี่ ุ้มอยู่รอบนอกเมลด็ น้ีว่า เยอ่ื หมุ้ เมลด็ (aril) (ภาพท่ี 7) ภาพที่ 1 โครงสร้างของดอก ภาพที่ 7 สว่ นประกอบตา่ งๆของผลเงาะ (สรอ้ ยนภา ญาณวฒั น์, 2554). น่ารู้ ผลไมบ้ างชนิดอาจสงั เกตเห็นว่ามเี มล็ด แต่เมลด็ ลีบไม่ สามารถนาไปปลูกแลว้ เจรญิ เติบโตเปน็ ตน้ พชื ใหม่ไดเ้ ชน่ เมล็ด กลว้ ย เพราะผลเกดิ จากฐานรองดอก และเมล็ดไม่ ผ่านการปฏิสนธิ
15 เย่ือหุ้มเมลด็ นั้นอาจเจริญมาจากส่วนของเปลือกเมล็ด ( seed coat) ข้วั เมล็ด (hilum) หรือกา้ น ออวลุ (funiculus) ซ่งึ สามารถบอกได้ว่าเยือ่ หุม้ เมลด็ น่าจะเจรญิ มาจากส่วนใดไดโ้ ดยการสังเกตวา่ ถา้ เยอ่ื หมุ้ เมล็ดนน้ั ไมส่ ามารถแยกหรอื หลุดลอ่ นออกจากเปลือกเมลด็ ได้ แสดงว่าเยอ่ื หุ้มเมลด็ นัน้ เจรญิ มาจากส่วนของเปลอื กเมล็ด เชน่ เนือ้ เงาะ มังคุด แต่หากเย่อื หุ้มเมล็ดสามารถแยกหรอื หลดุ ล่อนออกจากเปลือกเมล็ดได้ เยอื่ หุม้ เมล็ดนัน้ มกั เจรญิ มาจากส่วนของขั้วเมลด็ หรือกา้ นออวลุ เช่น เนอื้ ลาไย ลน้ิ จี่ (ภาพที่ 8) ภาพท่ี 1 โครงสรา้ งของดอก ภาพท่ี 8 เยอื่ หุ้มเมลด็ ก. ลาไย ข. ลน้ิ จ่ี (สรอ้ ยนภา ญาณวัฒน์, 2554). น่ารู้ อง่นุ ไร้เมล็ด ผลองุ่นเจริญมาจากรงั ไขแ่ ละมกี าร ปฏสิ นธติ ามปกติ แต่ออวุลไม่เจรญิ เปน็ เมลด็
16 7 ชนิดของผล การจัดจาแนกชนิดของผลตามกาเนิดหรือทมี่ าของผล จาแนกผลไดเ้ ป็น 3 กล่มุ คอื 1. ผลเด่ียว (simple fruit) คือ ผลทีเ่ จรญิ มาจากรังไข่ของดอก 1 ดอกทีม่ ีเกสรเพศเมยี เพียง 1 อัน ซง่ึ ดอก 1 ดอกนัน้ อาจเปน็ ดอกเดย่ี ว (solitary flower) เช่น ตะขบ (ภาพที่ 9 และภาพ ที่ 10) หรือชอ่ ดอก (inflorescence) ทร่ี ังไข่ของดอกย่อยแต่ละดอกเจรญิ เป็นผลเด่ียว และแต่ ละผลเจรญิ แยกกันเป็นอิสระ เช่น มะมว่ ง (ภาพท่ี 11) เปน็ ดอกท่มี แี ต่เกสรเพศเมีย ภาพที่ 9 ผลเด่ยี ว ทเี่ จริญจากดอกทมี่ ีเกสรเพศเมยี 1 อนั (สรอ้ ยนภา ญาณวฒั น์, 2554). ภาพที่ 10 ผลเด่ยี วเกิดจากดอกเดย่ี ว ก.ดอกตะขบ ข.ผลตะขบ (สรอ้ ยนภา ญาณวฒั น์, 2554). ภาพท่ี 11 ผลเดยี่ วเกิดจากดอกย่อยของช่อดอก ก.ชอ่ ดอกมะมว่ ง ข. ผลมะม่วง (สร้อยนภา ญาณวัฒน์, 2554).
17 7 2. ผลกลุ่ม (aggregate fruit) คอื ผลทเ่ี จริญมาจากรังไข่ของดอก 1 ดอกที่มเี กสรเพศเมยี มากกวา่ 1 อนั (ภาพที่ 12) โดยรังไข่แตล่ ะอนั เจริญเป็นผลย่อยแต่ละผลตดิ อยู่บนฐานดอก เดียวกนั ผลย่อยแตล่ ะผลน้นั อาจเบยี ดแนน่ ชดิ กันจนดคู ล้ายเป็นผลหนึง่ ผล เชน่ ผลนอ้ ยหนา่ (ภาพท่ี 13) หรอื แยกกันเป็นผลย่อย ๆ ชัดเจน เชน่ ผลจาปา (ภาพท่ี 14) เปภาน็ พทดี่ 1อ2กผลทกล่มี มุ่ แี ทเี่ตจร่เิญกจสากรดอเกพที่มศเี กเสมรเียพศเมียมากกวา่ 1 อนั (สร้อยนภา ญาณวฒั น์, 2554). ภาพที่ 13 ผลกลุ่มแบบผลยอ่ ยแต่ละผลเบยี ดชดิ กนั แน่นดูคล้ายเปน็ ผลหนึ่งผล ก. ดอกน้อยหนา่ ข. ผลน้อยหน่า (สรอ้ ยนภา ญาณวัฒน์, 2554). ภาพที่ 14 ผลกลุ่มแบบผลยอ่ ยอยแู่ ยกกนั ก.ดอกจาปา ผลจาปา (สร้อยนภา ญาณวฒั น์, 2554).
18 3. ผลรวม (multiple fruit) คอื ผลที่เจรญิ มาจากรังไขข่ องดอกย่อยในช่อดอก (ภาพท่ี 15) โดยขณะทเ่ี จรญิ เปน็ ผลน้ันรังไข่ของดอกย่อยแตล่ ะดอกอาจเช่ือมเป็นเนื้อ เดยี วกัน หรือเบียดชดิ กันมากจนมองดูคลา้ ยผล หน่ึงผล เช่น ผลยอ สับปะรด ขนนุ และ หม่อน (ภาพท่ี 16) ภาพที่ 15 ผลรวมทีเ่ จริญจากรงั ไข่ของดอกยอ่ ยจานวนมากในช่อดอก (สร้อยนภา ญาณวัฒน์, 2554). ภาพที่ 1 โครงสร้างของดอก ภาพที่ 16 ชอ่ ดอกและผลรวม (ก-ข) ยอ (ค-ง สับปะรด และ (จ-ฉ) หม่อน (สรอ้ ยนภา ญาณวฒั น์, 2554).
19 จดุ ประสงค์ของการศกึ ษา คคะแะแนนนททีไ่ ดไ่ี ด้ ้ 1150คคะแะแนนน เพอื่ ใหน้ ักเรียนสามารถศึกษา คคะแะแนนนเตเตม็ ็ม และเปรียบเทยี บลักษณะของดอกและ ผลชนดิ ตา่ งๆท่ีมีในท้องถิน่ วัสดอุ ุปกรณ์และสารเคมี 1. ดอกและผลไมช้ นิดตา่ งๆ 2. แว่นขยาย 3. ใบมดี โกน เวปธิ กี ็นารดศึกอษากทม่ี ีแตเ่ กสรเพศเมยี 1. ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาดอกและผลท่ีนามา กลุ่มละ 1 ชนดิ เปรียบเทยี บกนั โดย พจิ ารณาลกั ษณะตา่ งๆ เช่น จานวนรงั ไขใ่ น 1 ดอก และชนิดของผล โดยบนั ทกึ ผลลงในตารางแล้ว นาเสนอผลการศึกษาหน้าชัน้ เรียน
20 ตาราตงาบรนัางทบกึ ันผทลึกกผารลศกกึาษรศาึกษา ช่อื พชื จานวนรงั ไข่ใน 1 จานานรังไข่ท่เี จรญิ เป็น 1 ผล ชนดิ ของผล ดอก สปั ปะรด ยอ หม่อน ส้ม มะเขอื ตะขบ เปก็นารดเวกอกที่มีแตเ่ กสรเพศเมีย บัวหลวง 1. นักเรียนสรปุ ผลการศกึ ษาเกยี่ วกบั กจิ กรรมนไ้ี ด้วา่ อยา่ งไร ตอบ…………………………………………………………………………………………………………………………….. ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................
21 9 คคะแะแนนนททไ่ี ดีไ่ ด้ ้ 1100คคะแะแนนน คคะแะแนนนเตเต็มม็ คาชแ้ี จง จงอธิบายความหมายของคาศัพทด์ ังต่อไปนี้ และยกตัวอยา่ งผลไม้ 1. ผลแท้ (true fruit) หมายถงึ ……………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………... 2….…เผป…ล…เ็นท…ียด…มอ…((…กfa…ทls…eม่ี …f…แีru…ตit…่เห…กร…อืส…aร…cเc…พe…sศ…so…เrมy……fียru…i…t))…ห…ม…า…ยถ…งึ …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………... 3. ผลลม (parthenocarpic fruit) หมายถึง…………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………... 4. ผลเดี่ยว (simple fruit) หมายถงึ ……………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………... 5. ผลกลมุ่ (aggregate fruit) หมายถึง……………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………... 6. ผลรวม (multiple fruit) หมายถงึ ……………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………...
22 9 คคะแะแนนนททไี่ ดี่ได้ ้ 1100คคะแะแนนน คคะแะแนนนเตเต็ม็ม คาชีแ้ จง : จงจาแนกผลไม้ที่กาหนดใหเ้ ตมิ ในตารางใหถ้ ูกตอ้ ง เป็นดอกท่มี ีแตเ่ กส รเเมีย หม่อน ผลเดย่ี ว ผลกลมุ่ สปั ปะรด ผลรวม
23 16 คาช้ีแจง คาชี้แจง 1. แบบทดสอบเปน็ แบบเลอื กตอบ 5 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้ 10 คะแนน ใช้เวลา 10 นาที 2. ใหเ้ ลอื กคาตอบทีถ่ กู ต้องเพียงข้อเดยี ว แลว้ ทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. ผลของพืชท่เี กดิ จากดอกเด่ียวท่มี หี ลายรงั ไข่ จัดเป็นประเภทใด ก. ผลเด่ียวหลายผลบนกิ่ง ข. ผลกลมุ่ ท่อี ยู่รวมกนั เปน็ ผลเดียว ค. ผลรวมทอ่ี ยูร่ วมกันเป็นผลเดียว ง. ผลกลุ่มทอ่ี ยู่รวมกันเป็นผลเดยี วหรอื แยกเปน็ หลายผลบนก่ิง 2เ.ปผลน็ ในดตวัอเลกอื กทจใ.ดม่ี ผทลีเ่ีแจกรลติญุม่ ่เหมกลาจาสยาผกรลeเบpพนiกgศyง่ิ nเoมuยีs flower ก. มะเขอื ลาไย พริก ลองกอง ข. ชมพู ลาไย แตงโม ฝรงั่ ค. ชมพู มะเขือ แตงกวา พริก ง. มงั คด ลน้ิ จ่ี แตงโม ฝร่ัง จ. ชมพู ฝรัง่ แตงกวา มงั คดุ 3. พชื ชนดิ ที่ 1 มีดอกเปน็ ดอกเดีย่ ว มรี งั ไขแ่ บบ apocarpous หลายอันพชื ชนิดที่ 2 มีดอก เปน็ ดอกช่อ ดอกยอ่ ย แตล่ ะดอกมรี งั ไข่เดียวเม่ือเกดิ การผสมเกสร และมกี ารเจรญิ ของผล เกิดข้ึน ผลในตวั เลือกใดท่ีเป็นผลของพชื ทง้ั สองชนิดนี้ ก. พืชชนิดท่ี 1 มผี ลเปน็ ผลกลม่ พชื ชนดิ ท่ี2 มผี ลเป็นผลกล่ม ข. พชื ชนิดท่ี 2 มผี ลเป็นผลเดี่ยว พชื ชนิดท่ี 2 มผี ลเป็นผลเดี่ยว ค. พืชชนิดท่ี 1 มผี ลเปน็ ผลเดย่ี ว พชื ชนิดที่ 2 มผี ลเป็นผลกล่ม ง. พชื ชนิดที่ 1 มีผลเป็นผลกลมุ่ พืชชนิดท2ี่ มผี ลเป็นผลเด่ียว จ. พชื ชนิดที่ 1 มผี ลเปน็ ผลรวม พืชชนดิ ท่ี 2 มีผลเป็นผลเดยี่ ว 4. สว่ นของผลมะพร้าวทมี่ โี ครโมโซม 3n คือ ก. เนื้อมะพร้าว ข. จาวมะพร้าว ค. กะลามะพรา้ ว ง. เปลอื กมะพรา้ ว ง. น้ามะพร้าว
24 17 5. การเจรญิ ของผลมะพรา้ วในข้อใดถกู ตอ้ ง 1. จาวมะพร้าวคอื ใบเลย้ี ง 2. กะลาและเปลอื กมะพรา้ วเจรญิ มาจากอนิ เทกวิ เมนต์ 3. น้ามะพรา้ วเจริญมาจากแอมบริโอ 4. เน้อื มะพรา้ วเจรญิ มาจากเอนโดสเปริ ์ม ก. 1 2 ข. 2 3 ค. 1 4 ง. 3 4 จ. 1 3 6. ส่วนของถ่ัวลิสงตม้ ข้าว และมะพร้าว ท่ีนามารับประทาน เปน็ โครงสร้างใดตามลาดบั ก. ผล เมลด็ เนอ้ื ผล ข. ใบเลยี้ ง ผล เมล็ด ค. ผล และเมลด็ ง. เอนโดสเปอร์ม ใบเลีย้ ง ใบเลี้ยง จ. เมลด็ เอนโดเสปอรม์ เอนโดสเปิรม์ 7. จากภาพส่วนประกอบหมายเลข 1 2 และ 3 ของผลแท้ หมายถึงขอ้ ใดตามลาดบั ก. Endocarp, Mesocarp, Exocarp ข. Exocarp Mesocarp Endocarp เปน็ ดอกที่มแี ต่เกสรเพค.ศMเeมsoยีcarp Exocarp Endocarp ง. Exocarp Pericarp, Endocarp, จ. Endocarp, Mesocarp, Pericarp 8. พืชขอ้ ใดต่อไปนที้ ีจ่ ดั อย่ใู นกลมุ่ เดียวกนั ก. ทเุ รียน นอ้ ยหน่า สับปะรด ข. มะม่วง เงาะ ลิน้ จี่ ค. ขนุน ลกู ยอ หมอ่ น ง. มะมว่ ง มะพรา้ ว ลกู ยอ จ หม่อน เงาะ สัปปะรด 9. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้เี ป็นช่ือของผลเทยี ม (pseudocarp) ก. ส้มและกล้วย ข. กล้วยและแอปเปลิ ค. แอปเปิลและลูกแพร์ ง. ลกู แพร์และมะพรา้ ว จ. มะมว่ งและสม้ 10. ผลทีไ่ มไ่ ด้เจรญิ มาจากรงั ไขแ่ ต่เจริญมาจากฐานรองดอก คือ ผลของผลไม้ใด ก. ฝรัง่ ข. ชมพู่ ค. แอปเปลิ ง. มะมว่ ง จ. มังคุด
เป็นดอกทม่ี แี ตเ่ กสรเพศ 25 18 ข้อ คะแนน 1100คคะะแแนนนน คำตอบ จ ก คคะะแแนนนนทที่ไีไ่ดด้ ้ คคะะแแนนนนเเตตม็ ม็ ข คาตอบ ค คง ง จ ขอ้ ก ข 11 22 3 3 4 45 56 67 78 89 9 10 10 เมยี
26 19 บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธิการ (ม.ป.ป.). ตวั ชี้วดั และสาระแกนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตาม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขึ้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. พมิ พค์ รั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธกิ าร (2552). ตวั ชี้วดั และสาระแกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตาม หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ึนพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1. กรงุ เทพฯ : สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษาสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. จริ ัสย์ เจนพาณชิ ย์. (2558). BIOLOGY for high school students. (พมิ พค์ รัง้ ที่ 19). กรงุ เทพมหานคร : บูมคัลเลอร์ไลน์. ธนกร เชือ้ ทอง และคณะ. (2548). การสืบพันธ์ุของพืชดอก. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://sites.google.com/site/suxsngserimkarreiynru/khorngsrang-khxng-dxk เป็น[ด25อตกลุ าทคมมี่ 2แี56ต1]เ่ กสรเพศเมีย ประดิษฐ์ เหล่าเนตร์ และณัฐภสั สร เหล่าเนตร์ (ม.ป.ป.). หนงั สอื เรียน รายวชิ า เพ่ิมเติม วิทยาศาสตร์ ชีววิทยา เลม่ 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ตามหลักสตู ร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. ม.ป.ป. กรุงเทพฯ : บริษัท โกลด์ เพาเวอร์ พริ้นติง้ จากดั . ฤทธ์ิ วัฒนชยั ย่งิ เจริญ และเกศทพิ ย์ อิศรางกูร ณ อยธุ ยา, บรรณาธิการ. (ม.ป.ป.) หนงั สอื เสรมิ สร้าง ศกั ยภาพและทักษะ รายวิชาเพ่มิ เติม ชีววิทยา เล่ม 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนึ้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2561.พิมพค์ รง้ั ท่ี 1. กรุงเทพ ฯ : บรษิ ทั ไทยร่มเกล้า จากดั . สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553). คมู่ อื ครู รายวชิ า เพ่ิมเติม ชวี วิทยา เล่ม 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 -6 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1). กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว.
27 19 สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2553). หนงั สือเรียน รายวิชาเพ่ิมเตมิ ชีววทิ ยา เลม่ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 -6 กลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. (พมิ พ์คร้ังท่ี 2). กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สรอ้ ยนภา ญาณวฒั น์ (2554). คมู่ ือประกอบสือ่ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย วิชา ชีววทิ ยา เรื่อง การเกดิ และโครงสรา้ งของผล. [ออนไลน์]. แหลง่ ที่มา : http://www.phukhieo.ac.th/obec- media/2554/manual/pdf. [10 ตุลาคม 2560]. สมเกยี รติ ภ่รู ะหงษ์ และวราภรณ์ ทว้ มด,ี บรรณาธกิ าร. (ม.ป.ป.). หนงั สือเรียน รายวิชา เพ่ิมเตมิ ชวี วิทยา เล่ม 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4-6 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาขึน้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 4. กรุงเทพฯ : บริษทั ไทยร่มเกล้า จากดั . อกั ษร ศรีเปลง่ และคณะ. (2547). ชีววิทยา 2 (ความหลากหลายของสิ่งมชี วี ิต อาณาจกั รมอเนอรา เป็นดแบอคทกีเรทยี ม่ีพนั แี ธูศตาเ่สกตรสข์ อรงเแพบคศทีเเรมีย อยี าณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรฟังใจ ยีสต์ อาณาจักรพืช สาหร่าย ไบรโอไฟต์ เทรคโี อไฟต์ ลาตน้ และโครงสรา้ งของลาตน้ ราก ใบ ดอก ชอ่ ดอก ผล เมล็ด). ม.ป.ป. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ดา่ นสทุ ธาการพมิ พ์ จากดั .
28 20 เปน็ ดอกท่ีมแี ตเ่ กสรเพศเมยี
29 21 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น ข้อ คาตอบ ข้อ คาตอบ 1ง 1ง 2จ 2ง 3จ เป็นดอก3 ทีม่ แี ต่เกสง รเพศเมยี 4ก 5จ 4ก 6ข 5ค 7ค 6จ 8ข 7ข 9ก 8ค 10 ค 9ก 10 ข
30 จุดประสงคข์ องการศึกษา คคะแะแนนนททไี่ ด่ีได้ ้ 1150คคะแะแนนน เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถศึกษา คคะแะแนนนเตเตม็ ม็ และเปรียบเทยี บลกั ษณะของดอกและ ผลชนดิ ต่างๆท่มี ใี นท้องถนิ่ วัสดุอปุ กรณแ์ ละสารเคมี 1. ดอกและผลไมช้ นิดตา่ งๆ 2. แว่นขยาย 3. ใบมดี โกน เวปธิ กี น็ารดศกึ อษากทม่ี แี ต่เกสรเพศเมีย 1. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาดอกและผลทน่ี ามา กลมุ่ ละ 1 ชนิด เปรียบเทียบกัน โดย พิจารณาลักษณะตา่ งๆเชน่ จานวนรังไขใ่ น 1 ดอก และชนิดของผล โดยบนั ทึกผลลงในตาราง แลว้ นาเสนอผลการศึกษาหน้าชั้นเรียน
31 ตารางบันทกึ ผลการศึกษา ชื่อพชื จานวนรงั ไข่ใน 1 จานานรังไข่ท่เี จริญเปน็ 1 ผล ชนดิ ของผล ดอก ผลรวม สปั ปะรด 1 ดอกยอ่ ยมี 1 รงั ไข่ 1 รังไขเ่ จริญเป็นผล 1 ผลย่อย ผลรวม ผลรวม ยอ 1 ดอกยอ่ ยมี 1 รงั ไข่ 1 รงั ไข่เจริญเป็นผล 1 ผลย่อย ผลเดีย่ ว ผลเดี่ยว หม่อน 1 ดอกย่อยมี 1 รงั ไข่ 1 รังไขเ่ จริญเป็นผล 1 ผลย่อย ผลเดยี่ ว ผลกลุ่ม สม้ 1 ดอกมี 1 รังไข่ 1 รังไข่ เจรญิ เป็นผล 1 ผล ผลกลมุ่ มะเขอื 1 ดอกมี 1 รงั ไข่ 1 รงั ไข่ เจริญเปน็ ผล 1 ผล ตะขบ 1 ดอกมี 1 รงั ไข่ 1 รงั ไข่ เจริญเปน็ ผล 1 ผล กเาปรเวน็ กดอกท่ีม1 แีดอตกม่เหี กลาสยรรังเไขพ่ ศเม1ยี รงั ไข่เจริญเป็นผล 1 ผลย่อย บัวหลวง 1 ดอกมหี ลายรงั ไข่ 1 รงั ไข่เจริญเป็นผล 1 ผลย่อย 1. นักเรียนสรุปผลการศึกษาเกยี่ วกับกิจกรรมนีไ้ ดว้ ่าอย่างไร แนวคาตอบ…ผลเดี่ยว เกิดจากรงั ไข่ 1 รังไข่ จากดอกเด่ยี ว หรอื ดอกย่อย 1 ดอกในช่อทเ่ี จรญิ เปน็ ผล 1 ผล เช่น ส้ม มะเขือ ตาลึง กล้วย มะมว่ ง เปน็ ต้น. ผลกลุ่ม เกิดจากดอก 1 ดอก มจี านวนรังไขห่ ลายรังไข่กลายเปน็ ผลย่อยหลายผลอยู่รวมกัน เปน็ กระจกุ บนฐานรองดอกเดยี วกัน เชน่ การเวร จาปี เปน็ ต้น ผลรวม เกิดจากดอกช่อ แตล่ ะดอกย่อยมี 1 รังไข่ รังไขข่ องดอกยอ่ ยแต่ละดอกจะเจริญ ร่วมกันขน้ึ มาเป็นผลยอ่ ยทอ่ี ยู่เบียดชดิ กันบนแกนช่อดอกจนดคู ล้ายเป็นผล 1 ผล เชน่ สาเก สปั ปะรด ขนุน ยอ มะเดือ่ เปน็ เตน้
32 9 คคะแะแนนนททไ่ี ด่ีได้ ้ 1100คคะแะแนนน คคะแะแนนนเตเต็ม็ม คาช้ีแจง จงอธิบายความหมายของคาศัพท์ดงั ตอ่ ไปน้ี และยกตัวอย่างผลไม้ 1. ผลแท้ (true fruit) หมายถึง…ผลทีเ่ ตบิ โตมาจากดอกทีร่ งั ไข่ (Ovaries) ได้รบั การผสม (Fertilisation) ผนงั รังไข่กลายเป็นเนื้อผล (Pericarp) และไข่ (Ovules)ที่ผสมแลว้ กลายเป็นเมลด็ (Seed)……………………………………………………………………………………………………………………………… เป็นดอกท่มี ีแต่เกสรเพศเมยี2. ผลเทยี ม ((false fruit หรือ accessory fruit)) หมายถงึ … ผลท่ีเกดิ จากสว่ นอ่ืน ๆ ของดอกเจรญิ ร่วมขึ้นมาเปน็ สว่ นหนึ่งของผลดว้ ย เช่น ฐานดอก ใบประดบั กลีบเลย้ี ง เช่น ชมพู่…………………………………………………………………………………………………………........................... 3. ผลลม (parthenocarpic fruit) หมายถงึ …ผลทเี่ กิดจากรังไข่ทไ่ี มไ่ ดร้ ับการปฏิสนธิ และไม่มีเมล็ด เช่น กลว้ ย องุ่นไรเ้ มลด็ ……………………………………………………………………………………………………… 4. ผลเดี่ยว (simple fruit) หมายถงึ … ผลทเี่ จรญิ มาจากรังไขข่ องดอก 1 ดอกทีม่ ีเกสรเพศเมยี เพียง 1 อนั เช่น มะม่วง …………………………………………………………………….…………………………………….. 5. ผลกลุ่ม (aggregate fruit) หมายถึง… ผลที่เจรญิ มาจากรงั ไขข่ องดอก 1 ดอกทม่ี ีเกสรเพศเมยี มากกวา่ 1 อนั โดยรงั ไข่แตล่ ะอันเจริญเปน็ ผลย่อยแต่ละผลตดิ อยูบ่ นฐานดอกเดยี วกัน เช่น ผล นอ้ ยหน่า หรือแยกกันเปน็ ผลยอ่ ย ๆ ชัดเจน เช่น ผลจาปา 6. ผลรวม (multiple fruit) หมายถงึ …ผลทีเ่ จริญมาจากรงั ไข่ของดอกย่อยในชอ่ ดอก โดยขณะที่ เจริญ เปน็ ผลนั้นรังไขข่ องดอกย่อยแตล่ ะดอกอาจเชอ่ื มเป็นเนอื้ เดยี วกนั หรอื เบยี ดชิดกันมากจน มองดูคลา้ ยผล หนง่ึ ผล เชน่ ผลยอ สบั ปะรด ขนุน และหมอ่ น …………………………………………………………………………………………………………………………
33 9 คคะแะแนนนทที่ไดไี่ ด้ ้ 1100คคะแะแนนน คคะแะแนนนเตเตม็ ็ม คาชแ้ี จง : จงจาแนกผลไม้ท่กี าหนดใหเ้ ตมิ ในตารางใหถ้ กู ต้อง เป็นดอกที่มแี ตเ่ กส รเเมยี หม่อน ผลเดีย่ ว ผลกลุม่ สปั ปะรด องุน่ สตอรเบอรี่ ผลรวม แก้วมังกร ลูกยอ บลูเบอรร์ ่ี สัปปะรด โกจเิ บอร่ี มังคุด หม่อน อะโวคาโด ทบั ทมิ แอปเปิล ทเุ รียนเทศ ผลไม้สกุลส้ม
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขน้ั (7E) รายวิชา ชีววิทยา 3 ว32243 ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ การสืบพันธขุ์ องพืชดอกและการเจริญเติบโต เรือ่ ง การเกิดผลและโครงสรา้ งของผล นางสาวเพชราพรรณ สืบสันต์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการ โรงเรียนเทพอุดมวทิ ยา ตาบลดม อาเภอสังขะ จังหวดั สุรินทร์ สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 33 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: