แบบฝก หัด รายวชิ าพนื้ ฐาน 2». 1 Ç·Ô ÂÒÈÒʵà àÅ‹Á 2ª¹éÑ »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·èÕ KYE µÒÁÁҵðҹ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕÇé Ñ´ ¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÇÙ Ô·ÂÒÈÒʵà (©ºÑº»ÃѺ»Ãا ¾.È. 2560) µÒÁËÅ¡Ñ ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾×¹é °Ò¹ ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª 2551 ¼ÙàŒ ÃÂÕ ºàÃÕ§ ¹Ò§ÊÒÇÍÁØ Ò¾Ã áʧ§ÒÁ ¼ÙµŒ ÃǨ ¹Ò§ÊÒÇÈÔÃÃÔ Ñµ¹ ǧÈÈÔÃÔ ¹Ò§¨µÔ µÔÁÒ ä·Ãá¡ÇŒ ´Ç§ ¹Ò°һ¡Ã³ ¤íÒËÍÁ¡ØÅ ¾ÔÁ¾¤ Ãéѧ·èÕ 1 สงวนลขิ สิทธิต์ ามพระราชบญั ญัติ รหสั สินคา 1238012 ¾ÁÔ ¾¤ÃÑ駷èÕ 1 สงวนลิขสิทธต์ิ ามพระราชบัญญัติ รหสั สนิ คา 1248033
คําแนะนําในการใชส ื่อ แบบฝก หดั รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.2 เลม 1 จดั ทาํ ขนึ้ สาํ หรบั ใชป ระกอบการเรยี นการสอน ช้ันประถมศึกษาปท่ี 2 ซึ่งสอดคลองตามกรอบมาตรฐานการเรียนรูและตัวช้ีวัด กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ซึง่ ออกแบบกิจกรรม การเรียนรู โดยเนนกระบวนการทางวิทยาศาสตร กระบวนการสืบเสาะหาความรู และกระบวนการแกไขปญหา รวมทั้งสงเสริมการประยกุ ตใชความรแู ละฝกทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 ดวยกจิ กรรมทหี่ ลากหลาย แบบฝกหดั รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ในระดับชัน้ ประถมศึกษาปท่ี 2 นี้ คณะผเู รียบเรยี งไดจดั ทาํ และ แบง แบบฝก หัดออกเปน 2 เลม ไดแก 1Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ ÃÒÂÇªÔ Ò¾¹é× °Ò¹ÇÔ·ÂÒÈÒʵà 2Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ ÃÒÂÇªÔ Ò¾¹×é °Ò¹Ç·Ô ÂÒÈÒʵà ª¹éÑ »ÃжÁÈ¡Ö ÉÒ»·‚ èÕ 2 àÅÁ‹ ª¹éÑ »ÃжÁÈ¡Ö ÉÒ»·‚ Õè 2 àÅÁ‹ ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒ·Ù Õè 1-3 ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ·èÕ 4-6 ͧ¤»ÃСͺµ‹Ò§æ ã¹áµ‹ÅÐ˹‹Ç»ÃСͺ´ÇŒ  K ¡าÒÃรËหàรùนีՋǹนรÃท้·ŒูÙ èี่Õ กจิ กรรมนําสกู ารเรยี น YE 2 ʧèÔ áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÇÑ àÃÒ ¡Ô¨¡ÃÃÁµÃǨÊͺ¤ÇÒÁÃÙŒ¡‹Í¹àÃÕ¹ บºท··ทè่Õี 1 ÊสÔ§งè่ ÁªีÕ ÕÇี ตµÔ áลÅÐสÊงÔ่è§ไäÁ‹ÁÕªี ÇีÕ ตµÔ ËÃ×Íàªè×ÍÁâ§ÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ น¡Ô¨ําส¡ูกÃÃาÁรเรียน ดภู าำพสถำานกาำรณ ์ แลว้ ตอบค�ำําถาำม KYE 1. จากภาพ นักเรียนเหน็ สง่ิ ใดในภาพบา้ ง คน นก สนุ ขั แมว กําแพง มา นั่ง มด................................................................................................................ ผีเสอ้ื ตน ไม ดอกไม รงั นก รัว้ บอนา้ํ สมดุ ดินสอ............................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................ 2. ส ิง่ มีชีวิตทพี่ บในภาพ มที ้ังหมด ชนดิ ไดแ้ ก่8…....…...…...…...…...…..…...…... คน นก สนุ ขั แมว มด.................................................................. ผเี ส้อื ตน ไม ดอกไม............................................................................................................................................................................................................................................ 3. ส ิ่งไม่ม ีชวี ติ ทีพ่ บในภาพ มที ้งั หมด 8.…...…...…...…..…....…...…...….. ชนดิ ได้แก่ กาํ แพง มา นงั่ รงั นก......................................................... Å¡Ñ É³Ð¢Í§ÊÔè§ÁÕªÇÕ ÔµáÅÐÊÔè§äÁ‹ÁªÕ ÇÕ µÔ ร้ัว บอ นํา้ สมดุ ดินสอ รังมด............................................................................................................................................................................................................................................ 16 ¡Ô¨¡ÃÃÁ·èÕ 1 Êสѧงà¡ตµÊสงÔè่§ÁªÕี ÕีǵÔตáÅลÐสÊง§èÔ่ ไäÁÁ‹ ªีÕ ÇÕี Ôตµ วาดแผนผงั หรอื แผนภาพแสดงการเปรยี บเทยี บลกั ษณะสาํ� คญั ของสง่ิ มชี วี ติ และสิง่ ไมม่ ีชีวิต ÅѡɳÐÊíÒ¤ÑÞ (ตวั อยาง) บºน¹Ñ ท·¡Ö ¢ÍอŒ้ ÁÅลูÙ (ดูขัน้ ตอนการทาํ กิจกรรมจากหนงั สอื เรียน) กำารท�าํำกิจกรรม เร่ือง การสังเกตลกั ษณะสง่ิ มชี ีวิตและส่งิ ไมม่ ชี วี ติ ÊÔ§è ÁªÕ ÕÇÔµ ÊèÔ§äÁ‹ÁªÕ ÕÇµÔ ต้งั คำ�าํ ถาำม : ส่งิ มชี วี ิตและสิง่ ไมม่ ีชีวิตมีลักษณะส�าํ คญั แตกตา่ งกันหรือไม ่ คาำดคะเนค�ํำาตอบ : สงิ่ มีชีวิตและสิง่ ไมมีชวี ิตมลี กั ษณะสาํ คัญแตกตา งกนั......................................................................................................................................................................................... • µÍŒ §ËÒÂ㨠• äÁ‹ËÒÂ㨠• µŒÍ§¡ÒÃÍÒËÒÃáÅйíéÒ • äÁ‹µŒÍ§¡ÒÃÍÒËÒÃáÅйíÒé กจิ กรรมพัฒนาทักษะ • à¤Åè×͹·ËèÕ Ã×Íà¤Åè×͹äËÇä´Œàͧ • à¤Åè×͹·èÕËÃ×Íà¤ÅèÍ× ¹äËÇàͧäÁä‹ ´Œ กระบวนการ ......................................................................................................................................................................................... • ÁÕ¡ÒÃÊº× ¾Ñ¹¸ØáÅТÂÒÂ་Ҿѹ¸Ø • äÁÁ‹ ¡Õ ÒÃÊ׺¾Ñ¹¸Ø ทางวทิ ยาศาสตร • Á¡Õ ÒÃà¨ÃÞÔ àµºÔ âµ • äÁ‹Á¡Õ ÒÃà¨ÃÞÔ àµÔºâµ µตÒารÃÒาง§ บันทกึ การสงั เกตลักษณะของสงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ ไม่มชี วี ติ (ตวั อยา ง) ¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè์¹ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ 䴌ŧÁ×Í»¯ÔºÑµÔ â´Â㪌 สิ่งทส่ี งั เกต ผลกำารสังเกต KYE KYE • ÁÕ¡ÒõͺʹͧµÍ‹ Êè§Ô àÃŒÒ • äÁ‹µÍºÊ¹Í§µÍ‹ ÊèÔ§àÃÒŒ ¡Ãкǹ¡ÒÃÊ׺àÊÒÐ 1. กำารเคลือ่ นไหว กำารกนิ อาำหำาร • µŒÍ§¢Ñº¶‹Ò¢ͧàÊÕÂÍÍ¡¨Ò¡ÃÒ‹ §¡Ò • äÁÁ‹ Õ¡ÒâѺ¶Ò‹ ¢ͧàÊÕ ËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ·Ò§ÇÔ·ÂÒÈÒʵà (วาดแผนผงั ) กอ นหนิ จะอยนู งิ่ กบั ที่ ไมม ี กอ นหนิ จะอยนู ง่ิ กบั ท่ี และ........................................................................... ........................................................................... สÊรÃป»Øุ ¼ผลÅ การเคลอ่ื นไหวและเคลอ่ื นท่ี ไมก นิ อาหารปลาทใี่ สล งไป........................................................................... ........................................................................... ในขวดโหล........................................................................... ........................................................................... จากการทาํ� กิจกรรม พบว่า ปลาหางนกยงู จดั เปน็ ...........ส.....่งิ....ม....ชี....วี...ติ................................ เพราะ ปลาหางนกยูงสามารถเคลอ่ื นท่แี ละเคลื่อนไหวเองได และกินอาหารได..................................................................................................................................................................................................................................... กอ้ นหินในขวดโหล ........................................................................... ........................................................................... สว่ นกอ้ นหินจัดเปน็ เพราะส่ิงไมมชี ีวิต.…...…..…...…...…....…...…..…...…....…...…...…..…...…....….. เคลอ่ื นท่ีเองไมได และไมกินอาหาร......................................................................................................... 2. ปลามีการเคลื่อนไหวและ ปลาจะวายไปกินอาหารที่........................................................................... ........................................................................... ดังนั้น สงิ่ มชี วี ิตและส่งิ ไม่มีชวี ิตจงึ มลี ักษณะสาํ� คญั แตกตา งกนั............................................................................... เคลอื่ นทโี่ ดยการโบกครบี ใสลงไปในขวดโหลและ........................................................................... ........................................................................... โดยลักษณะส�ําคญั ของสงิ่ มีชวี ติ คอื ตอ งหายใจ ตอ งกนิ อาหาร ตอ งขบั ถา ยของเสยี................................................................................................................................. และโบกหาง เคล่อื นที่ไปมา........................................................................... ........................................................................... มีการเจริญเตบิ โต มีการสืบพันธุ มกี ารเคล่อื นทไ่ี ดเอง และมีการตอบสนองตอ สิ่งเรา............................................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................... ........................................................................... หรือสิ่งกระตุน…....…..…...…...…...…...…...…....…...…..…...…....…..…...…....…...…...….. สว่ นสง่ิ ไมม่ ชี วี ติ จะมลี กั ษณะสา�ํ คญั ตรงขา้ มกบั สงิ่ มชี วี ติ ปลาในขวดโหล และผลการทา�ํ กจิ กรรมนี้ ตามคา�ํ ตอบที่คาดคะเนไว้ตรง…....…...…..…....…..…...…....…..…....…...…..…...…....…..…...…....…..…....…...…..…...…... 17 18
Ëหน¹ตÙูµÍอบºäไ´ด้Œ 2. ว เิ คราะหล์ กั ษณะสา�ํ คญั ทกี่ าํ� หนดให ้ แลว้ จา�ํ แนกวา่ เปน็ ของ “สง่ิ มชี วี ติ ” หรอื “ส่งิ ไม่ม ีชีวติ ” โดยขีด ✓ ลงในตาราง 1. ดภู าพ แล้ว พิจารณาวา่ เปน็ “ส่งิ มีชวี ิต” หรือ “สิ่งไมม่ ชี ีวติ ” โดยขดี ✓ ลงในช่อง ลักษณะสาำ�ํ คญั เปน็ ลักษณะของ 123 สิ่งมีชีวิต สิง่ ไมม่ ีชวี ติ ✓ 1. ตอ้ งการอากาศหายใจเพือ่ การด�ํารงชีวติ หนูตอบได ✓ 2. ไมต่ ้องใช้อากาศหายใจหรอื สร้างอาหาร ¤íÒ¶ÒÁáÅÐẺ½ƒ¡ËÑ´ 3. ตอ้ งการอาหารและน�ํา้ เพอ่ื ให้ร่า งกายเติบโต ✓ à¾è×͵ÃǨÊͺ¤ÇÒÁÃÙŒ ✓ ¤ÇÒÁࢌÒã¨ËÅѧ¨Ò¡·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁ ✓ สง่ิ มชี วี ติ สง่ิ มชี วี ติ ✓ สิง่ มชี วี ติ 4. ไม่ต ้อ งการอาหารและนา�้ํ ในการดํา� รงชวี ติ ส่งิ ไมม่ ีชวี ิต ✓ สิง่ ไมม่ ีชีวิต สิง่ ไมม่ ชี ีวิต ✓ 2. ดูภำาพ แลว้ บนั ทกึ ข้อมลู ลงในชอ่ งวำา่ ง KYE KYE 5687....ป รไมเไจะมมีลหรม่ส่กูญิยากีหดัมเาดลตนาราูิบแรขา้ํนลโถบั ตเรเพถคเักร่า่อืล่ือษยเื่อยปขาน งอน็ๆทางก ี่หยเแาสรกลรียือระวอเักจาคอะษตลหกาอไือ่จยเมงผนาดุ กตก่าไเหามพอรรา่วอื่งันนงไรโธกดตํ้าดุ์ าน้เเนอตยอ ง็ม้ํายทวัยุกวัน ✓ 1. สงิ่ มีชวี ิตในภาพ คอื ปลาทอง.......................................... 4 5 6 ชว✓ยประหยัดเวลาและ มีลักษณะสา�ํ คัญของสงิ่ มชี วี ิต คือ ✓ เคล่ือนที่และเคลื่อนไหวได กินอาหาร............................................................................................................... ✓ หายใจ ขบั ถา ย มกี ารเจรญิ เตบิ โต มลี กู ได............................................................................................................... 9. มีการสบื พนั ธ์ุเพอื่ ขยายเผา่ พนั ธุ์ มีการตอบสนองตอสิ่งเรา............................................................................................................... ✓ 10. ไมม่ ีการตอบสนองต่อสิง่ เร้า ส่ิงไมม่ ชี ีวติ ในภาพ คือ...ก.....อ....น.....ห.....นิ........... ม ลี กั ษณะสา�ํ คญั ของสง่ิ ไมม่ ชี วี ติ คอื ส่งิ มีชวี ิต ✓ สงิ่ มีชีวิต สิง่ มชี วี ติ 3. เ ปรียบเทียบลักษณะความแตกตา่ งของสิง่ มชี วี ิตและสิ่งไมม่ ีชวี ติ โดย ✓ สิ่งไมม่ ชี วี ิต ส่ิงไม่ม ีชีวติ ✓ สิง่ ไมม่ ีชีวิต การรวบรวมข้อมลู จากข้อ 2. ลงในตาราง เ ค ลื่ อ น ที่ แ ล ะ เ ค ล่ื อ น ไ ห ว เ อ ง ไ ม ไ ด ............................................................................................................... ไมก นิ อาหาร ไมหายใจ ไมเ จริญเตบิ โต............................................................................................................... 7 8 9 ลักษณะควำามแตกต่าำงของสิ่งมชี ีวิตและสงิ่ ไมม่ ชี วี ิต ไมขับถายKYE ............................................................................................................... สงิ่ มชี วี ติ สิง่ ไมม่ ีชีวติ หายใจ กนิ อาหาร ขับถา ย เคล่ือนไหว ไมหายใจ ไมตองกินอาหาร ไมขับถาย................................................................................................................ ................................................................................................................ 2. ส่ิงมชี วี ติ ในภาพ คือ สุนขั.......................................... ม ลี ักษณะส�าํ คัญของสงิ่ มชี วี ิต คือ และเคล่ือนที่เองได มีการเจริญเติบโต เคล่ือนไหวเองไมได ไมเจริญเติบโต................................................................................................................ ................................................................................................................ เคล่ือนที่และเคล่ือนไหวได กินอาหาร............................................................................................................... สง่ิ มชี ีวติ สิง่ มีชวี ิต ✓ ส่ิงมชี วี ติ มีลูกได สืบพันธุและขยายเผาพันธุได มีลูกไมได สืบพันธุและขยายพันธุไมได................................................................................................................ ................................................................................................................ หายใจ ขบั ถา ย มกี ารเจรญิ เตบิ โต มลี กู ได............................................................................................................... ✓ ส่ิงไมม่ ีชวี ติ ✓ ส่งิ ไม่มชี ีวิต สิ่งไม่ม ชี ีวิต มกี ารตอบสนองตอสง่ิ เรา............................................................................................................... มีการตอบส¡นอÔ¨ง¡ตอÃสÃง่ิ เÁรา ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐไมมีการตอบสนองตอ ส่ิงเรา................................................................................................................ ................................................................................................................ 19 สงิ่ ไม่ม ีชีวติ ในภาพ คอื ...ต.....ะ...ก....ร....อ.............. 20 บº·ทท·ีèÕ่ 1 มลี กั ษณะสา�ํ คญั ของสง่ิ ไมม่ ชี วี ติ คอื 1. ด ภู ำาพ แลว้ ตอบคา�ำํ ถาำม เ ค ล่ื อ น ที่ แ ล ะ เ ค ล่ื อ น ไ ห ว เ อ ง ไ ม ไ ด ............................................................................................................... ไมกินอาหาร ไมหายใจ ไมขับถาย............................................................................................................... กจิ กรรมฝก ทักษะ KYE ไมมกี ารตอบสนองตอสง่ิ เรา............................................................................................................... Ẻ½ƒ¡ËÑ´·º·Ç¹¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁࢌÒ㨠1. จ ากภาพ นกั เรียนเหน็ ส่ิงใดบา้ ง 28 áÅоѲ¹Ò·Ñ¡ÉСÒäԴ¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ คน สนุ ขั แมว นก ผเี สอื้ ตน ไม ดอกไม กอ นหนิ ถงั ขยะ มา นง่ั กอ นเมฆ............................................................................................................................................................................................................................. ¡·Ô¨ŒÒ·¡ÒÃÂáÁÒäԴ¢é¹Ñ ÊÙ§ ดวงอาทติ ย เครอ่ื งเลน ตา ง ๆ หญา............................................................................................................................................................................................................................. ดูภาพ แลว ตอบคาํ ถาม 2. ถ า้ นาํ� สง่ิ ที่เห็นจากภาพในขอ้ 1. มาจํ�าแนกเป็น กลมุ่ สิ่งมีชวี ติ และ KYE กลมุ่ สงิ่ ไมม่ ชี วี ติ จะจดั กลุม่ ไดอ้ ย่างไร กลุ่ม สงิ่ มชี วี ิต กลมุ่ สง่ิ ไมม่ ชี วี ติ คน สนุ ขั แมว นก ผีเสอ้ื ตน ไม...................................................................................................... กอ นหนิ ถังขยะ มา นัง่ กอนเมฆ...................................................................................................... ดอกไม หญา...................................................................................................... ดวงอาทิตย เคร่อื งเลนตา ง ๆ...................................................................................................... ...................................................................................................... ...................................................................................................... 27 KYE กจิ กรรมทาทายการคดิ ข้ันสงู (ตวั อยาง) ¡Ô¨¡ÃÃÁà¾è×ÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹à¡Ô´·Ñ¡ÉСÒäԴÇÔà¤ÃÒÐË ¡ÒäԴÊÌҧÊÃä áÅСÒäԴÍ‹ҧÁÕÇÔ¨ÒóÞÒ³ 1. ถา้ นกั เรยี นไปเท่ียวสถานทใ่ี นภาพ นกั เรยี นคิดว่า จะพบสิ่งมชี วี ติ ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ปลา ปู กุง ปเู สฉวน หอย หมกึ แมงกะพรนุ ตนมะพราว ปะการัง สาหราย............................................................................................................................................................................................................................ ·º·Ç¹ ·ท้ÒาŒ ÂËหน¹Ç‹  6. ข้อใดแสดงถงึ ลักษณะของสงิ่ มีชวี ิต ก. รถยนต์แลน่ ได้เ รว็ บนถนนท่เี รียบ นกั ทอ งเทย่ี ว สุนขั นก............................................................................................................................................................................................................................................... วง ลอ้ มคำ�าํ ตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุด ข. นอ้ งตาลเหง่ือไหลเพราะอากาศรอ้ น ค. ล ูกโป่ง มขี นาดใหญข่ น้ึ เมือ่ ถูกเติมลม 2. นักเรียนคิดว่า สิ่งไม่มีชีวิตท่ีนักเรียนจะพบได้ในสถานท่ีแห่งน้ี ได้แก่ 1. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะส�ําคัญของสงิ่ มีชีวติ ทัง้ หมด ก. หายใจได้ ไม่ข ยายเผา่ พันธ ุ์ ไมข่ ับถ่ายของเสีย 7. ขอ้ ใดคือลกั ษณะส�ําคัญท่บี ่งบอกว่า ภาพน้คี อื สง่ิ มีชีวติ ไดช้ ดั เจนที่สุด ทราย นา้ํ ทะเล กอ นหนิ รม ชายหาด เตยี งผา ใบ โตะ ลกู บอล จกั รยาน เรอื หว งยาง............................................................................................................................................................................................................................................... ข. ไม่ต ้องกินอาหาร ไม่ต อ้ งการอากาศ ไมเ่ จริญเตบิ โต ก. เคล่ือนทีแ่ ละเคล่อื นไหวไดเ้ อง วาว ขวดนา้ํ รองเทา หมวก แวน ตา เมฆ ภูเขา ดวงอาทิตย............................................................................................................................................................................................................................................... ค. ตอ้ งการอาหาร ตอ้ งการอากาศหายใจ เคล่ือนไหวไดเ้ อง ข. ออกลูกไดค้ รงั้ ละหลายตัว ค. อ าศยั อยใู่ นทะเลไดเ้ ปน็ เวลานาน 3. สง่ิ ไมม่ ชี วี ติ ทเี่ กดิ ขนึ้ เองตามธรรมชาตทิ น่ี กั เรยี นสามารถพบไดใ้ นสถานท่ี 2. สงิ่ มีชีวติ และส่ิงไมม่ ีชีวิตตอ่ ไปนีส้ ามารถพบไดใ้ นสภาพแวดลอ้ มใด แหง่ น้ี ได้แ ก่ นา้ํ ทะเล ทราย กอนหนิ เมฆ ภูเขา ดวงอาทติ ย.................................................................................................................................................................................................... “ทราย ก้อนหิน ปูลม เปลอื กหอย ต้น มะพร้าว และกอ้ นเมฆ” ............................................................................................................................................................................................................................................... ก. นาํ้� ตก ภเู ขา ข. ชายหาด ทะเล ค. ถ้�าํ แมน่ �ํ้า 8. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะสา�ํ คญั ทบ่ี ง่ บอกวา่ ภาพนคี้ อื สงิ่ ไมม่ ชี วี ติ ไดช้ ดั เจนทส่ี ดุ 32 3. ขอ้ ใดจดั เปน็ สงิ่ มีชวี ติ ท้งั หมด KYE KYE ก. ไ มม่ กี ารเจริญเตบิ โตเพิม่ ขนึ้ ทบทวนทา ยหนวย ก. นกเงอื ก ลูกแกว้ กุหลาบ ข. เคล่อื นทแี่ ละเคลื่อนไหวไดเ้ รว็ ข. กระเปา ลกู โปง่ ลกู ออด ค. ใ ช้น้�ํามันเป็นพลังงานในการ Ẻ·´Êͺà¾×èÍ㪌»ÃÐàÁÔ¹ ค. ลูกน้ํ�า สาหรา่ ย ตน้ สน ทาํ� งาน ¼ÅÊÑÁÄ·¸Ôì·Ò§¡ÒÃàÃÕ¹¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ 4. ขอ้ ใดจัดเป็น สิง่ ไมม่ ชี ีวติ ทัง้ หมด 9. ขอ้ ใดคือส่งิ จาํ� เป็นท่ีส่งิ มชี วี ติ ขาดไม่ได้ใ นการดา�ํ รงชีวิต ก. ลูกแก้ว ลกู บอล ลกู โปง่ ก. น�้าํ เสอ้ื ผา้ ยารักษาโรค ข. ม้า นง่ั ปลาหมอ นกหวีด ข. อากาศ น้ํ�า อาหาร ค. นกแก้ว ปากกา ตกุ ตาหมี ค. อาหาร ยารักษาโรค ทีอ่ ยอู่ าศยั 5. ขอ้ ใดแสดงถึงลกั ษณะของสง่ิ ไมม่ ชี ีวติ 10. สิ่งจ�ําเป็นในการดํ�ารงชีวิตในข้อใดท่ีสิ่งมีชีวิตขาดแล้วจะตายอย่าง ก. มา้ นง่ั ต้ังอยูห่ นา้ บา้ น รวดเร็ว ข. หมอี ดอาหารในฤดหู นาว ก. น า�้ํ ข. อาหาร ค. อ ากาศ ค. ต น้ กุหลาบมีดอกหลายดอก 33 34
สารบญั วิทยาศาสตร ».2 àÅ‹Á 1 1หนวยการเรยี นรูที่ àÃÕ¹ÃÇÙŒ ·Ô ÂÒÈÒʵà 2 º··Õè 1 ¡ÒÃÊº× àÊÒÐËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ 2 กจิ กรรมนําสกู ารเรียน 2 3 กิจกรรมฝก ทกั ษะ 11 12 กิจกรรมทา ทายการคดิ ข้นั สูง 16 ทบทวนทา ยหนวย 16 2หนวยการเรยี นรทู ่ี ʧèÔ áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÇÑ àÃÒ 16 KYE º··Õè 1 ÊèÔ§ÁªÕ ÕÇÔµáÅÐÊè§Ô äÁ‹ÁÕªÇÕ µÔ 17 22 กิจกรรมนําสูก ารเรยี น 27 กิจกรรมท่ี 1 สงั เกตสง่ิ มชี ีวติ และส่งิ ไมม ีชีวิต 32 33 กิจกรรมท่ี 2 สํารวจสิ่งมชี วี ติ และสิ่งไมม ชี วี ิต กจิ กรรมฝก ทกั ษะ กจิ กรรมทาทายการคิดขน้ั สงู ทบทวนทายหนว ย
3หนว ยการเรียนรูท่ี àÃÕ¹Ì٪ÕÇµÔ ¾×ª 36 º··èÕ 1 ¡ÒôÓçªÕÇµÔ ¢Í§¾×ª 36 กจิ กรรมนาํ สูการเรยี น 36 กิจกรรมที่ 1 แสงมีความสาํ คญั กบั พชื หรือไม 37 กิจกรรมที่ 2 นา้ํ มีความสําคญั กับพชื หรอื ไม 41 กจิ กรรมฝกทักษะ 45 กิจกรรมทา ทายการคิดข้นั สูง 53 º··Õè 2 ÈÖ¡ÉÒªÇÕ Ôµ¢Í§¾×ª´Í¡ 54 54 กิจกรรมนาํ สูการเรียน KYE กจิ กรรมท่ี 1 ศกึ ษาพชื ดอก 55 กิจกรรมที่ 2 วัฏจกั รชีวิตของพชื ดอก 61 กิจกรรมฝกทักษะ 65 กจิ กรรมทา ทายการคดิ ข้ันสงู 71 ทบทวนทา ยหนว ย 72 แบบบนั ทกึ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 76 วิทยาศาสตร ».2 àÅ‹Á 2 4หนว ยการเรียนรูท ่ี ÇÑÊ´ØÃͺµÇÑ àÃÒ 5หนว ยการเรยี นรูที่ áʧ㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇ¹Ñ 6หนวยการเรยี นรูท่ี ´Ô¹ã¹·ÍŒ §¶Ô蹢ͧàÃÒ
¡ÒÃËàùՋǹ̷٠Õè 1 àÃÂÕ ¹Ãnj٠·Ô ÂÒÈÒʵà º··èÕ 1 ¡ÒÃÊº× àÊÒÐËÒ¤ÇÒÁÌ٠¡นÔ¨ําส¡ูกÃÃาÁรเรียน นักเรียนคะ ทราบหรือไมวา ดูภาพสถานการณ แลวตอบคําถาม คุณสมบัติที่นักวิทยาศาสตร ทุกคนตอ งมคี อื อะไรบาง ตอ งมจี ติ วิทยาศาสตรค ะ ตองมีวิธีการทาง และตอ งมที กั ษะกระบวนการ วิทยาศาสตรค ะ ทางวิทยาศาสตรด วยครบั KYE 1. คุณสมบัติท่นี กั วิทยาศาสตรท ่ีดจี ะตอ งมี ไดแก มจี ติ วทิ ยาศาสตร รขู นั้ ตอน............................................................................. ของวิธกี ารทางวิทยาศาสตร และมที กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร............................................................................................................................................................................................................................................ 2. พฤตกิ รรมทางจิตวทิ ยาศาสตรท่ีนักวิทยาศาสตรควรมี มดี งั น้ี อยากรู........................... อยากเหน็ ใจกวาง มเี หตุผล รบั ผิดชอบ มรี ะเบียบรอบคอบ และซอ่ื สตั ย............................................................................................................................................................................................................................................ 3. วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรท น่ี กั วทิ ยาศาสตรใ ชม ี 5 ขน้ั ตอน ตามลาํ ดบั ดงั นี้ 1) 2) 3)…ต…้งั …ค…ํา…ถ……าม……………………… …ค…า…ด…ค……ะเ…น…ค……ํา…ต…อ…บ……… …ร…ว…บ…ร…ว…ม…ข…อ…ม……ูล…………… 4) 5)…ว…เิ ค……ร…า…ะห……ข…อ …ม…ลู …………… สรปุ ผล………………………………………… 2
¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ º··Õè 1 1. พจิ ารณาขอ ความเกยี่ วกบั วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร แลว ขดี ✓ ใน หนาขอ ความท่ถี ูก และกา ✗ ใน หนาขอความท่ีผิด ✓ 1. วิธีการทางวิทยาศาสตร เปนข้ันตอนการทํางานอยางเปน ระบบของนักวิทยาศาสตร ✗ 2. สามารถนําความรูเดิมมาใชสรุปผลเพ่ือหาคําตอบเกี่ยวกับ ปญหาทางวิทยาศาสตรไดทนั ที ✓ 3. การตง้ั คาํ ถามของวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรเ กดิ จากความสงสยั หรือปญ หาที่พบ KYE ✓ 4. ทกั ษะการตคี วามหมายขอ มลู และลงขอ สรปุ มคี วามสาํ คญั ใน การวเิ คราะหขอ มูลทางวิทยาศาสตร ✗ 5. การคาดคะเนคําตอบที่ดีจะตองตรวจสอบไดโดยการทดลอง เทา น้นั 2. ดภู าพ แลว ตอบคําถาม จากภาพใชวิธีการทางวิทยาศาสตร ขน้ั ตอนที่ คือ3 รวบรวมขอ มูล……………… ........................................................ การทาํ งานในขัน้ ตอนนี้ คอื แสวงหา............................... คาํ ตอบ โดยใชว ธิ กี ารตา ง ๆ เชน การสงั เกต.............................................................................................................................. การสาํ รวจ การทดลอง เพอื่ ใหไ ดข อ มลู และ.............................................................................................................................. บันทึกผลไว.............................................................................................................................. 3
3. อา นสถานการณท กี่ าํ หนดให แลว บอกวา ตรงกบั วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร ข้ันตอนใด วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร/ ข้นั ตอน 1. นวิ อธิบายผลการทดลองทีไ่ ดว า เปนอยางไร และสาเหตทุ มี่ ผี ลเชน นเี้ ปนเพราะสาเหตใุ ด วเิ คราะหข อ มลู.................................................................. 2. เนยปลูกตนหญาในบริเวณท่ีมีแสงและไมมี แสง เพอื่ สงั เกตความสําคัญของแสงตอ พืช รวบรวมขอมูล.................................................................. 3. นอ งสงสยั วา ถา สงิ่ แวดลอ มมกี ารเปลยี่ นแปลง พฤติกรรมในการหาอาหารของผึ้งจะมีการ KYE เปลย่ี นแปลงไปดว ยหรอื ไม ตง้ั คาํ ถาม.................................................................. 4. นนุ นาํ ผลการทดลองทไี่ ดม าจดั ทาํ เปน กราฟ สรปุ ผล.................................................................. เพือ่ เผยแพรขอ มูลใหบุคคลอน่ื ทราบ 5. นิดคิดวา ถา สง่ิ แวดลอมมกี ารเปล่ียนแปลง คาดคะเนคําตอบ.................................................................. พฤติกรรมในการหาอาหารของผ้ึงก็จะมี การเปลย่ี นแปลงไปดว ย 6. นุชตองการทราบวา ปุย ชนิดใดทส่ี งผลดตี อ ต้งั คาํ ถาม.................................................................. การออกดอกของตนดาวเรอื งมากที่สดุ 7. นุยทําการทดลอง โดยกําหนดตัวแปรตน รวบรวมขอมลู.................................................................. คือ แสงแดด และกําหนดตัวแปรตาม คือ การเจรญิ เตบิ โตของตนพชื 4
4. จาํ แนกทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ดว ยการระบายสลี งใน โดยกําหนดใหระบายสีฟาในภาพที่เปนทักษะข้ันพ้ืนฐาน และระบาย สีสม ในภาพที่เปนทกั ษะขน้ั สูงหรือข้ันผสม การใชจ ํานวน การพยากรณ การวัด การทดลอง การสังเกต KYE การจาํ แนกประเภท การสรา งแบบจาํ ลอง การตัง้ สมมตฐิ าน การกําหนด การลงความเหน็ การกําหนดนิยาม และควบคุมตวั แปร จากขอ มูล เชิงปฏิบัติการ การจดั กระทาํ และ การตแคี ลวะาลมงหขมอสายรุปขอ มูล การหาความสมั พันธ สอื่ ความหมายขอมูล ของสเปซกับเวลา 5
5. เลือกหมายเลขหนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท่ีกําหนดให เตมิ ลงใน ของภาพใหส ัมพนั ธกัน 1. ทกั ษะการวดั 2. ทกั ษะการทดลอง 3. ทกั ษะการใชจ าํ นวน 4. ทักษะการต้งั สมมตฐิ าน 5. ทกั ษะการตีความหมายและลงขอสรุป 2 4อกี นิดเดยี วการทดลอง เราคิดวา วัตถทุ ีล่ อยน้ําไมไ ด ก็จะสาํ เร็จแลว นาจะเปน ทห่ี นีบกระดาษนะ KYE 3 ถา เทนาํ้ จากบกี เกอร ใบที่ 1 รวมกบั 1 ขา วสารถุงนหี้ นกั ใบท่ี 2 ปรมิ าตรของนา้ํ จะเทา กบั นาํ้ 1 กิโลกรมั ในบีกเกอร ใบที่ 3 ใชแลว นำ้ ตาล แปง ¢ÒŒ ÇÊÒà 12 3 2 kg 6
6. ดูภาพ แลว เตมิ ขอมูลลงในชอ งวางใหถ กู ตอง 1. ชอื่ เรยี ก เคร่ืองช่งั สปริงแบบตั้ง.......................................................................................................... ใชว ดั มวลของส่ิงของตาง ๆ.................................................................................................................... ........................................................................................................................................ หนว ยทใ่ี ชวดั กรมั หรือกโิ ลกรมั......................................................................................... 2. ชอ่ื เรียก เทอรม อมิเตอร.......................................................................................................... KYE ใชวดั อณุ หภูมิของอากาศ..................................................................................................................... ........................................................................................................................................ หนวยทใี่ ชว ัด องศาเซลเซียสหรอื ฟาเรนไฮต......................................................................................... 3. ชื่อเรยี ก ถว ยตวง.......................................................................................................... ใชวดั ปรมิ าตรของของเหลวชนิดตา ง ๆ..................................................................................................................... ........................................................................................................................................ หนว ยท่ีใชวัด มิลลิลติ ร หรือลติ ร......................................................................................... 4. ชื่อเรยี ก ตลบั เมตร.......................................................................................................... ใชว ดั ความกวา ง ความสูง และความยาวของ..................................................................................................................... สิ่งของตาง ๆ........................................................................................................................................ หนวยที่ใชว ัด มิลลเิ มตร เซนติเมตร หรือนิ้ว......................................................................................... 7
7. นําตัวอกั ษร ก.-ฉ. เตมิ ลงหนา ขอความใหสัมพันธก ัน ก. ข. ค. ถว ยตวง ไมบรรทดั สายวดั ง. จ. ฉ. ตลบั เมตร เทอรม อมเิ ตอร เครอื่ งช่งั สปริงแบบต้งั KYE ฉ.................................. 1. แมซื้อเนอ้ื หมูที่ตลาดมา 1 กิโลกรมั ก.................................. 2. ขวดใบน้มี คี วามจไุ ด 250 มิลลิลติ ร ง.................................. 3. กาํ แพงโรงเรียนมีความยาว 400 เมตร ค.................................. 4. ชา งตัดเสื้อวัดรอบอกของวรตุ ได 28 นิว้ ข.................................. 5. หนังสอื เลม นมี้ ีความยาว 25 เซนตเิ มตร ข.................................. 6. กลองใสดนิ สอของธิดากวา ง 3 นิว้ สูง 2 นิ้ว ก.................................. 7. ญาดาวัดปริมาตรของน้ําอดั ลมขวดน้ไี ด 1.5 ลติ ร ง.................................. 8. ชา งไมว ัดความสงู ของตูเกบ็ ของใบน้ีได 1.5 เมตร ฉ.................................. 9. อุษาซื้อขา วสารน้ําหนักมากกวานํ้าตาล 3 กโิ ลกรมั จ.................................. 10. วนั นอี้ ากาศหนาวเยน็ อณุ หภมู ลิ ดลง 5 องศาเซลเซยี ส 8
8. ศกึ ษาขอ มลู จากภาพ แลวเตมิ คําตอบลงในชองวา ง 70 มล. 90 มล. 10 มล. 20 มล. ใบที่ 1 ใบท่ี 2 ใบท่ี 3 ใบท่ี 4 หมายเหตุ : มล. คือ มิลลิลิตร KYE 1. กระบอกตวงใบท่ี 3.....................มนี า้ํ ปรมิ าตรมากทส่ี ุด คอื มลิ ลลิ ติ ร90...................... 2. กระบอกตวงใบที่ 2.....................มีน้าํ ปรมิ าตรนอ ยท่ีสุด คือ มลิ ลลิ ติ ร10..................... 3. ปริมาตรของนํ้าในกระบอกตวงใบท่ีมากที่สุดแตกตางกับปริมาตร ของนา้ํ ในกระบอกตวงใบทนี่ อ ยทส่ี ดุ 80…………………………………………………มลิ ลลิ ติ ร 4. ถา เทนาํ้ ในกระบอกตวงใบท่ี 1 รวมกบั นาํ้ ในกระบอกตวงใบท่ี 4 จะได น้าํ ปรมิ าตร 90...........................มิลลิลิตร เทา กบั น้ําในกระบอกตวงใบท่ี.........3........... 5. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท่ีนักเรียนสามารถนํามาใช ในการหาคาํ ตอบ ขอ 1.-4. ไดแก ทักษะการวัด ทักษะการใชจํานวน........................................................................................................... และทกั ษะการทดลอง............................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................. 9
9. เลือกลักษณะของผูมีจิตวิทยาศาสตรเติมลงในชองวางใหสัมพันธ กับขอ ความ ความมเี หตุผล ความใจกวาง ความอยากรอู ยากเหน็ ความซอื่ สัตย ความรบั ผิดชอบ ความละเอียดรอบคอบ 1. แกว มคี วามพยายามทจ่ี ะแสวงหาความรใู นสถานการณใ หม ๆ เสมอ แสดงวา แกว มลี กั ษณะของจติ วทิ ยาศาสตร คอื ความอยากรอู ยากเหน็........................................................... 2. กลายอมรับการวิจารณเกี่ยวกับผลงานของเขาจากบุคคลอ่ืนเสมอ แสดงวากลามีลักษณะของจิตวิทยาศาสตร คอื ความใจกวา ง........................................................... KYE 3. เกง ไมเ ชอ่ื เรอ่ื งโชคลาง คาํ ทาํ นายของหมอดู และสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธต์ิ า ง ๆ แสดงวาเกง มีลกั ษณะของจิตวทิ ยาศาสตร คือ ความมเี หตผุ ล........................................................... 4. ทกุ ครง้ั ทที่ าํ การทดลอง เกมจะบนั ทกึ ผลทสี่ งั เกตไดอ ยา งตรงไปตรงมา แสดงวาเกมมีลักษณะของจติ วทิ ยาศาสตร คอื ความซอ่ื สตั ย........................................................... 5. กุกวางแผนกอนปฏิบัติงานจริงและตรวจทานเมื่องานเสร็จทุกครั้ง แสดงวากกุ มีลกั ษณะของจติ วิทยาศาสตร คือ ความละเอยี ดรอบคอบ................................................................ 6. แกมจะพยายามทําการทดลองที่ไดรับมอบหมายจนสําเร็จทุกคร้ัง แสดงวา แกม มลี กั ษณะของจติ วทิ ยาศาสตร คอื ความรับผดิ ชอบ........................................................... 7. กก๊ิ เปน คนชอบซกั ถาม และคน หาความรโู ดยวธิ กี ารตา ง ๆ อยเู สมอ แสดงวาก๊ิกมีลักษณะของจติ วิทยาศาสตร คอื ความอยากรอู ยากเหน็................................................................ 10
·¡Ô¨ÒŒ ·¡ÒÃÂáÁÒä´Ô ¢Ñ¹é ÊÙ§ วดั ความยาวภาพท่ีกาํ หนด แลวตอบคําถาม กรรไกร ทเี่ ยบ็ กระดาษ ยางลบ ปากกา ดินสอ KYE 1. จากการสังเกต นกั เรยี นสามารถเรียงลําดับภาพท่ีมคี วามยาวมากท่สี ุด ไปหาภาพทีม่ ีความยาวนอยที่สุด โดยใชก ารคาดคะเนได ดงั นี้ กรรไกร............................ …ด…ิน…ส……อ……ป…า…ก…ก……า…ท……เ่ี ย……็บ…ก…ร…ะ…ด……าษ………ย…า…ง…ล…บ………….และเมื่อวดั ดวยเครอื่ งมอื สามารถ เรยี งลาํ ดบั ภาพทมี่ คี วามยาวนอ ยทส่ี ดุ ไปหาภาพทม่ี คี วามยาวมากทส่ี ดุ ได ดงั นี้ ยางลบ ทีเ่ ย็บกระดาษ ปากกา ดนิ สอ กรรไกร................................................................................................................................................................................................................................ 2. ภาพท่ยี าวมากทีส่ ุด คือ ภาพ ยาว เซนตเิ มตรกรรไกร.......................................................... 14............................ ภาพทีย่ าวมากท่ีสดุ แตกตางกบั ภาพทีย่ าวนอยทส่ี ดุ 10...........................เซนตเิ มตร 3. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท่ีนักเรียนใชในการทํากิจกรรมน้ี ไดแ ก ทกั ษะการสงั เกต ทกั ษะการวดั ทกั ษะการใชจ าํ นวน และทกั ษะการพยากรณ............................................................................................................................................................................................................................ 11
·º·Ç¹ ·ÒŒ Â˹Nj  วง ลอมคําตอบทถี่ กู ตองท่ีสุด 1. ขน้ั ตอนการทาํ งานอยา งเปน ระบบทน่ี กั วทิ ยาศาสตรใ ชใ นการแสวงหา ความรูท างวิทยาศาสตร เรยี กวา อะไร ก. จิตวิทยาศาสตร ข. วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร ค. กระบวนการทางวิทยาศาสตร 2. แบมสงสัยวา “เพราะเหตุใดบอลลูนจึงลอยได” ความสงสัยของแบม ตรงกบั วิธีการทางวทิ ยาศาสตรข้นั ตอนใด KYE ก. การต้ังคําถาม ข. การคาดคะเนคาํ ตอบ ค. การวิเคราะหข อ มูล อา นสถานการณท่กี าํ หนดให แลว ตอบคาํ ถาม ขอ 3. - 4. สถานการณท่ี 1 สรปุ วา ตน พลดู า งเจรญิ เตบิ โตไดด ที สี่ ดุ ในนา้ํ เปลา สถานการณท ี่ 2 ทดลองปลกู พลดู า งในแกว ทใ่ี สน า้ํ เปลา นาํ้ อดั ลม และนาํ้ เกลอื สถานการณที่ 3 นาํ ขอ มลู ทจี่ ดบนั ทกึ ไดจ ากการสงั เกต การทดลองมาวเิ คราะห สถานการณท ี่ 4 สงสัยวา ตนพลดู างเจริญเติบโตไดด ีท่สี ดุ ในนํา้ ชนิดใด 3. สถานการณใ ด ตรงกบั วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรข นั้ รวบรวมขอ มลู ก. สถานการณท่ี 1 ข. สถานการณที่ 2 ค. สถานการณท ี่ 3 12
4. ถา ตอ งการปฏิบัติตามวธิ ีการทางวิทยาศาสตร จะตอ งเร่มิ ปฏิบตั ติ าม ลาํ ดับสถานการณอยา งไร ก. สถานการณท่ี 1 สถานการณท ่ี 2 สถานการณท่ี 3 สถานการณท ่ี 4 ข. สถานการณที่ 4 สถานการณที่ 3 สถานการณท่ี 2 สถานการณท ่ี 1 ค. สถานการณท่ี 4 สถานการณท ี่ 2 สถานการณท่ี 3 สถานการณท่ี 1 5. ขอ ใดเปนขั้นตอนของวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรท ้ังหมด ก. การตง้ั คาํ ถาม การรวบรวมขอมลู ข. การทดลอง การลงความเห็นขอมลู ค. การพยากรณ การกาํ หนดและควบคมุ ตวั แปร 6. ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรสําคญั ตอนักวิทยาศาสตรอ ยางไร KYE ก. ชว ยใหมลี กั ษณะความเปนนกั วิทยาศาสตรท่ดี ี ข. ชวยในการสืบเสาะหาความรทู างวิทยาศาสตร ค. ชวยในการคาดคะเนคําตอบทางวทิ ยาศาสตร 7. จากภาพ เปนการใชทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข้ันพ้ืนฐาน หรอื ข้ันสูง และใชท ักษะในดา นใด ก. ทกั ษะขน้ั พน้ื ฐานทกั ษะการสงั เกต ข. ทักษะข้ันพน้ื ฐาน ทกั ษะการวดั ค. ทกั ษะข้ันสงู ทักษะการทดลอง 13
8. ออมตองการวัดความกวางของสนามหนาบาน ออมตองเลือกใช เครื่องมือชนิดใดจงึ จะเหมาะสมทส่ี ดุ ก. ข. ค. อา นสถานการณทีก่ าํ หนดให แลวตอบคําถาม ขอ 9. - 11. KYE กอ ยทาํ การสาํ รวจสง่ิ มชี วี ติ ในบรเิ วณรอบ ๆ หมบู า น แลว นาํ มาจาํ แนก ประเภทออกเปนกลมุ พืชและกลมุ สตั ว จากน้นั จึงทําการเปรียบเทียบวา สง่ิ มีชวี ติ ที่พบในบรเิ วณรอบ ๆ หมบู านเปนสิ่งมชี ีวิตกลมุ ใดมากกวา กนั 9. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท่ีไมถูกนํามาใชในสถานการณน้ี คอื ทกั ษะในขอ ใด ก. ทักษะการวดั ข. ทักษะการสังเกต ค. ทักษะการจาํ แนกประเภท 10. จากสถานการณ ตอ งนําทักษะการสงั เกตมาใชในขนั้ ตอนใดมากทสี่ ุด ก. จาํ แนกประเภทสง่ิ มชี ีวติ ข. สาํ รวจสง่ิ มีชีวิตในบริเวณรอบ ๆ หมบู า น ค. เปรยี บเทยี บวา พบสิ่งมชี ีวติ กลุมใดมากกวากนั 14
11. จากสถานการณน ี้ การเปรยี บเทยี บวาพบสงิ่ มชี วี ิตกลุมใดมากกวากนั จะตองใชท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรในขอใด ก. ทกั ษะการใชจ ํานวน ข. ทกั ษะการจาํ แนกประเภท ค. ทักษะการกาํ หนดนยิ ามเชิงปฏบิ ัติการ 12. ขอ ใดเปน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข้นั สูงหรือขั้นผสม ก. ทกั ษะการทดลอง ข. ทกั ษะการใชจาํ นวน ค. ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ มลู 13. บคุ คลในขอ ใดขาดคณุ ลกั ษณะของผมู จี ติ วทิ ยาศาสตร KYE ก. ออยเปน คนชอบซักถาม ข. แอนเช่ือเฉพาะความคิดของตวั เอง ค. แอมวางแผนการทํางานอยา งเปน ระบบ 14. แววมักจะนําความรูที่สืบคนไดไปเลาใหเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนฟงเสมอ แววมีลกั ษณะของผมู จี ิตวิทยาศาสตรขอ ใด ก. ความมีเหตุมผี ล ข. ความรบั ผิดชอบ ค. ความใจกวาง 15. ขอใดเปนลักษณะของผมู ีจิตวิทยาศาสตรทั้งหมด 1155ไไดดค ค ะะแแนนนน คคะะแแนนนนเตเต็ม็ม ก. กลาหาญ รักษาคําพูด ข. ใจกวาง มคี วามรับผดิ ชอบ 15 ค. มน่ั ใจในตนเอง กลาแสดงออก
¡ÒÃËàùՋǹ÷ŒÙ èÕ 2 ʧÔè áÇ´ÅÍŒ ÁÃͺµÇÑ àÃÒ º··Õè 1 ÊèÔ§ÁªÕ ÇÕ µÔ áÅÐÊÔ§è äÁ‹ÁªÕ ÇÕ µÔ น¡¨Ôําส¡ูกÃÃาÁรเรียน ดภู าพสถานการณ แลว ตอบคําถาม KYE 1. จากภาพ นักเรียนเหน็ สง่ิ ใดในภาพบา ง คน นก สนุ ขั แมว กาํ แพง มานั่ง มด................................................................................................................ ผเี สอ้ื ตนไม ดอกไม รังนก ร้ัว บอ น้าํ สมุด ดนิ สอ............................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................ 2. ส่ิงมชี ีวิตท่พี บในภาพ มีท้ังหมด 8…………………… ชนดิ ไดแก คน นก สนุ ขั แมว มด.................................................................. ผเี สื้อ ตน ไม ดอกไม............................................................................................................................................................................................................................................ 3. สิง่ ไมมชี ีวติ ทีพ่ บในภาพ มีทง้ั หมด 8…………………… ชนิด ไดแก กาํ แพง มา นง่ั รงั นก......................................................... ร้วั บอนํา้ สมุด ดนิ สอ รังมด............................................................................................................................................................................................................................................ 16
Å¡Ñ É³Ð¢Í§ÊÔ§è ÁÕªÇÕ ÔµáÅÐÊè§Ô äÁ‹ÁªÕ ÇÕ Ôµ ¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè 1 Ê§Ñ à¡µÊ§èÔ ÁÕªÕÇÔµáÅÐÊè§Ô äÁ‹ÁÕªÕÇµÔ º¹Ñ ·Ö¡¢ŒÍÁÙÅ (ดขู ้นั ตอนการทาํ กิจกรรมจากหนังสือเรยี น) การทาํ กิจกรรม เรือ่ ง การสังเกตลักษณะสงิ่ มชี วี ติ และสงิ่ ไมม ีชีวิต ตง้ั คําถาม : สิง่ มชี วี ติ และส่งิ ไมมชี ีวติ มลี กั ษณะสาํ คญั แตกตา งกนั หรอื ไม คาดคะเนคาํ ตอบ : สงิ่ มีชีวิตและสิง่ ไมมีชีวติ มีลักษณะสาํ คัญแตกตา งกัน......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... µÒÃÒ§ บันทึกการสงั เกตลกั ษณะของสิง่ มีชีวติ และสง่ิ ไมม ีชีวิต (ตัวอยาง) สิง่ ทสี่ งั เกต ผลการสังเกต KYE 1. การเคลือ่ นไหว การกินอาหาร กอ นหนิ จะอยนู งิ่ กบั ท่ี ไมม ี กอ นหนิ จะอยนู งิ่ กบั ท่ี และ........................................................................... ........................................................................... การเคลอ่ื นไหวและเคลอื่ นที่ ไมก นิ อาหารปลาทใ่ี สล งไป........................................................................... ........................................................................... ในขวดโหล........................................................................... ........................................................................... กอนหนิ ในขวดโหล ........................................................................... ........................................................................... 2. ปลามีการเคล่ือนไหวและ ปลาจะวายไปกินอาหารท่ี........................................................................... ........................................................................... เคลอ่ื นทโ่ี ดยการโบกครบี ใสลงไปในขวดโหลและ........................................................................... ........................................................................... และโบกหาง เคลือ่ นท่ีไปมา........................................................................... ........................................................................... ปลาในขวดโหล ........................................................................... ........................................................................... 17
วาดแผนผงั หรอื แผนภาพแสดงการเปรยี บเทยี บลกั ษณะสาํ คญั ของสง่ิ มชี วี ติ และส่ิงไมมชี วี ติ Å¡Ñ É³ÐÊÒí ¤ÞÑ (ตัวอยา ง) ÊèÔ§ÁªÕ ÇÕ µÔ ÊÔ§è äÁÁ‹ ÕªÇÕ Ôµ • µŒÍ§ËÒÂ㨠• äÁË‹ ÒÂ㨠• µÍŒ §¡ÒÃÍÒËÒÃáÅйÒíé • äÁµ‹ ŒÍ§¡ÒÃÍÒËÒÃáÅйéÒí • à¤ÅèÍ× ¹·èËÕ Ã×Íà¤ÅÍ×è ¹äËÇä´àŒ ͧ • à¤Åè×͹·èÕËÃÍ× à¤Åè×͹äËÇàͧäÁ‹ä´Œ • ÁÕ¡ÒÃÊ׺¾¹Ñ ¸áØ ÅТÂÒÂ་Ҿѹ¸Ø • äÁÁ‹ ¡Õ ÒÃÊº× ¾¹Ñ ¸Ø • Á¡Õ ÒÃà¨ÃÔÞàµºÔ âµ • äÁ‹Á¡Õ ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµ • Á¡Õ Òõͺʹͧµ‹ÍÊèÔ§àÃÒŒ • äÁ‹µÍºÊ¹Í§µ‹ÍÊèÔ§àÃŒÒ KYE • µŒÍ§¢Ñº¶Ò‹ ¢ͧàÊÕÂÍÍ¡¨Ò¡Ã‹Ò§¡Ò • äÁ‹ÁÕ¡ÒâºÑ ¶‹Ò¢ͧàÊÕ (วาดแผนผงั ) ÊÃ»Ø ¼Å จากการทาํ กิจกรรม พบวา ปลาหางนกยงู จัดเปน สิง่ มชี ีวติ............................................................... เพราะ ปลาหางนกยงู สามารถเคล่อื นทแี่ ละเคล่ือนไหวเองได และกินอาหารได..................................................................................................................................................................................................................................... สว นกอ นหนิ จัดเปน เพราะ………ส……ิง่ …ไ…ม…ม …ชี …วี …ิต………… เคลอ่ื นที่เองไมได และไมกินอาหาร......................................................................................................... ดงั น้นั ส่งิ มีชวี ิตและสิง่ ไมม ชี วี ติ จงึ มลี ักษณะสาํ คญั แตกตางกนั............................................................................... โดยลกั ษณะสาํ คญั ของสิง่ มชี วี ติ คือ ตอ งหายใจ ตอ งกนิ อาหาร ตอ งขบั ถา ยของเสยี................................................................................................................................. มกี ารเจริญเติบโต มกี ารสบื พนั ธุ มกี ารเคลอ่ื นทไี่ ดเอง และมกี ารตอบสนองตอ สงิ่ เรา............................................................................................................................................................................................................................................................ …ห…ร…ือ…ส…่งิ……ก…ร…ะ…ต…ุน…………………สว นสง่ิ ไมม ชี วี ติ จะมลี กั ษณะสาํ คญั ตรงขา มกบั สง่ิ มชี วี ติ และผลการทํากิจกรรมน้ี ตรง………………………………………………………… ตามคาํ ตอบท่ีคาดคะเนไว 18
˹µÙ ͺ䴌 1. ดูภาพ แลว พิจารณาวาเปน “สง่ิ มชี ีวิต” หรือ “สง่ิ ไมมชี ีวิต” โดยขดี ✓ ลงในชอ ง 123 ✓ สิง่ มีชวี ติ สิ่งมีชีวติ ✓ สิง่ มชี ีวิต KYE สิ่งไมมชี วี ิต ✓ สง่ิ ไมม ชี วี ติ สิ่งไมมีชีวิต 4 5 6 สิ่งมชี ีวิต ✓ สิง่ มีชีวิต สิ่งมชี วี ติ ✓ สิง่ ไมมชี ีวติ สิ่งไมมชี วี ิต ✓ สง่ิ ไมม ชี วี ิต 7 8 9 สง่ิ มชี ีวติ สง่ิ มชี ีวติ ✓ ส่งิ มีชีวติ ✓ สิ่งไมมีชวี ติ ✓ สง่ิ ไมม ีชวี ิต สิ่งไมม ชี วี ิต 19
2. วเิ คราะหล กั ษณะสาํ คญั ทก่ี าํ หนดให แลว จาํ แนกวา เปน ของ “สง่ิ มชี วี ติ ” หรอื “สงิ่ ไมม ีชีวติ ” โดยขดี ✓ ลงในตาราง ลักษณะสําคญั เปนลักษณะของ สิ่งมีชวี ิต สง่ิ ไมมีชีวติ ✓ 1. ตอ งการอากาศหายใจเพอื่ การดํารงชีวิต ✓ 2. ไมต อ งใชอ ากาศหายใจหรอื สรา งอาหาร 3. ตองการอาหารและนํ้าเพ่ือใหรางกายเตบิ โต ✓ ✓ 4. ไมตอ งการอาหารและนํ้าในการดํารงชวี ติ ✓ KYE 6785....ปรเไไมจะมมลีหรสมูกญิยาีกหัดมเาดลตนาราูบิแรขํ้านลโถับตเรเพถคเักราือ่ลอ่ืษยเ่อื ยปขานงอนๆทางกี่หยเแาสรกลรยีือระวอเกัจาคอะษตลหกาอไอ่ืจยเมงผนาุดกตกาไเหามพอรราว่อืงันนงไรโธกดตํ้าดุ านเเนอตยองม็้ํายทวยัุกวัน ✓ ชว✓ยประหยัดเวลาและ ✓ 9. มีการสืบพันธเุ พือ่ ขยายเผาพนั ธุ ✓ 10. ไมมีการตอบสนองตอ สิง่ เรา ✓ 3. เปรียบเทยี บลักษณะความแตกตางของส่ิงมชี วี ติ และสิง่ ไมม ชี วี ติ โดย การรวบรวมขอ มูล จากขอ 2. ลงในตาราง ลักษณะความแตกตา งของสง่ิ มีชวี ติ และส่งิ ไมม ชี วี ิต ส่ิงมชี ีวติ สิง่ ไมม ีชวี ิต หายใจ กินอาหาร ขับถา ย เคลือ่ นไหว ไมหายใจ ไมตองกินอาหาร ไมขับถาย................................................................................................................ ................................................................................................................ และเคล่ือนที่เองได มีการเจริญเติบโต เคล่ือนไหวเองไมได ไมเจริญเติบโต................................................................................................................ ................................................................................................................ มีลูกได สืบพันธุและขยายเผาพันธุได มีลูกไมได สืบพันธุและขยายพันธุไมได................................................................................................................ ................................................................................................................ มีการตอบสนองตอสิ่งเรา ไมม กี ารตอบสนองตอ สิ่งเรา................................................................................................................ ................................................................................................................ 20
4. ดภู าพและขอ ความทก่ี าํ หนดให แลว ตอบคาํ ถาม 1 รถยนตเ คลอ่ื นทบี่ นถนนได ดงั นนั้ รถยนตจัดเปน สิง่ มชี ีวิต ขอ ความน้ี ถกู ตอ ง ✓ ไมถ ูกตอง เพราะ รถยนตไ มก นิ อาหาร ไมห ายใจ.......................................................................................... และมลี ูกไมได................................................................................................................ 2 ตนไมเคล่ือนท่ีเองไมได ดังน้ัน ตน ไมจดั เปนสิง่ ไมมีชวี ิต ขอความน้ี ถกู ตอ ง KYE ✓ ไมถูกตอง เพราะ ตน ไมต อ งหายใจ ตอ งการอาหาร.......................................................................................... และเจริญเตบิ โตได................................................................................................................ 3 แมแมวมีลูกแมวหลายตัว ดงั นัน้ แมวจัดเปน สง่ิ มชี วี ิต ขอ ความนี้ ✓ ถูกตอง ไมถูกตอ ง เพราะ แมวมีลูกได ขยายเผาพันธุได.......................................................................................... กนิ อาหาร หายใจ และเจริญเติบโตได................................................................................................................ 21
¡¨Ô ¡ÃÃÁ·èÕ 2 ÊÒí ÃǨʧÔè ÁªÕ ÇÕ µÔ áÅÐʧÔè äÁÁ‹ ªÕ ÇÕ µÔ º¹Ñ ·Ö¡¢ÍŒ ÁÅÙ (ดูขน้ั ตอนการทํากจิ กรรมจากหนังสอื เรียน) การทาํ กจิ กรรม เร่ือง การสาํ รวจสิ่งมชี ีวิตและส่ิงไมมชี วี ิต ต้งั คาํ ถาม : เราสามารถพบส่ิงมชี วี ิตและส่งิ ไมมชี ีวติ ในบริเวณใดไดบ าง คาดคะเนคําตอบ : เราสามารถพบส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตไดตามส่ิงแวดลอมตาง ๆ........................................................................................................................................................................................ รอบตวั เรา......................................................................................................................................................................................... µÒÃÒ§·Õè 1 บนั ทกึ ผลการสาํ รวจสง่ิ มชี วี ติ และสงิ่ ไมม ชี วี ติ บรเิ วณโรงเรยี น (ตัวอยาง) บริเวณทส่ี ํารวจ ส่งิ ที่สาํ รวจพบ 1. สนามเดก็ เลน นกรกั ะเรดยีานนหตกนไกมร ระบงั นะทกรานยก มชางิ หชามุนกรระดั้วานมลา่ืนนั่งผีเสมดื้อKYE .......................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ดอกไม............................................................................................................................................................... 2. สนามฟุตบอล.......................................................... ลกู บอล ตนหญา เสาธง นก ตนไม รว้ั แมลงเตาทอง............................................................................................................................................................... มด กอนหนิ สนุ ขั............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... 3. โรงอาหาร.......................................................... แมค รวั โตะ เกา อ้ี จาน ชอน แกว น้าํ แมลงวัน ผึ้ง แมว............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... 4. หอ งเรียน.......................................................... ครู นกั เรียน แปรงลบกระดาน สมดุ หนงั สือเรยี น............................................................................................................................................................... ดนิ สอ ยางลบ ไมบรรทดั ตไู ม โตะ เกา อ้ี ถังขยะ............................................................................................................................................................... 22 ...............................................................................................................................................................
วาดภาพส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมชีวิตที่พบบริเวณโรงเรียน อยางละ 1 ชนิด พรอ มบอกช่อื และลักษณะที่สังเกตได (ตัวอยา ง) (วาดภาพ) ช่ือ แมว.............................................................................................................. เปน ✓ ส่ิงมีชีวิต ส่ิงไมม ชี วี ิต ลักษณะทีส่ งั เกตได เคล่ือนไหวเองได......................................................... กินอาหาร ขับถาย มีการเจรญิ เติบโต.......................................................................................................................... .......................................................................................................................... (วาดภาพ) ชื่อ ลูกฟุตบอล.............................................................................................................. KYE เปน ส่ิงมชี วี ติ ✓ สิ่งไมม ีชวี ติ ลักษณะที่สงั เกตได เคล่ือนท่ีเองไมได......................................................... ไมหายใจ ไมก ินอาหาร ไมตอบสนองตอ.......................................................................................................................... สง่ิ เรา.......................................................................................................................... µÒÃÒ§·Õè 2 จาํ แนกสง่ิ ทส่ี าํ รวจพบบรเิ วณโรงเรยี นเปน กลมุ สงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ ไมม ชี วี ติ ตารางจําแนกกลมุ ส่งิ มีชวี ิตและกลมุ ส่ิงไมม ีชีวติ กลุมสิ่งมีชวี ิต กลุมสิง่ ไมมชี วี ิต นกั เรียน ตนไม นก ผีเสือ้ มด ดอกไม...................................................................................................................... รงั นก ชงิ ชา กระดานลนื่ กระดานหก สมดุ ตู...................................................................................................................... ผง้ึ ตน หญา แมครัว สนุ ัข แมลงเตา ทอง...................................................................................................................... มา หมุน กระบะทราย รั้ว มา นัง่ ลกู บอล...................................................................................................................... แมลงวนั แมว ครู...................................................................................................................... จาน เสาธง ร้ัว กอนหนิ โตะ เกาอี้ ชอน...................................................................................................................... แกว นาํ้ กระดานดาํ แปรงลบกระดาน ยางลบ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... หนงั สือเรียน ดินสอ ไมบ รรทดั ถงั ขยะ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... 23
วาดแผนผงั หรือแผนภาพแสดงการจาํ แนกกลุมส่ิงมชี วี ติ และสงิ่ ไมม ชี วี ิต ¨Òí ṡÊÔè§ÁÕªÇÕ ÔµáÅÐÊè§Ô äÁÁ‹ ªÕ ÇÕ Ôµ (ตัวอยาง) ÊèÔ§ÁÕªÕÇµÔ ÊÔ§è äÁÁ‹ ªÕ ÕÇÔµ µ¹Œ äÁŒ ÃéÇÑ ¼ÕàÊÍé× Êع¢Ñ KYE ോҷͧ áÁÇ ´Í¡äÁŒ Âҧź ÊÁ´Ø ÅÙ¡ºÍÅ ËÞÒŒ ´¹Ô ÊÍ (วาดแผนผัง) ÊÃ»Ø ¼Å จากการทํากิจกรรม พบวา บริเวณท่ีพบส่ิงมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตใน โรงเรยี น ไดแก บริเวณ สนามเด็กเลน สนามฟตุ บอล โรงอาหาร หองเรียน............................................................................................................................................................................ โดยสิง่ มชี ีวิตท่ีพบ เชน คน ตน ไม นก ผีเสอื้ ดอกไม สนุ ขั แมลง............................................................................................................................................................................. สง่ิ ไมมีชวี ติ ทีพ่ บ เชน รังนก มา นง่ั เสาธง กอ นหนิ ลูกบอล ถังขยะ สมดุ................................................................................................................................................................................. ดงั น้นั จงึ สรปุ ไดวา เราสามารถพบสงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ ไมม ชี วี ติ ไดต ามบรเิ วณตา ง ๆ รอบ.......................................................................................................................................................................................... ตัวเรา............................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................ และผลการทาํ กิจกรรมน…ี้ ……ต……ร…ง………ตามคําตอบทค่ี าดคะเน 24
˹ٵͺ䴌 (ตวั อยา ง) 1. ถา นกั เรียนสํารวจรอบ ๆ บรเิ วณบา นของตนเอง จะพบสิง่ มชี ีวติ ไดแก สุนัข แมว ตน ไม ไก นก มด ผงึ้ แมลงวัน ปลา กระรอก จงิ้ หรีด.................................................................................................................................................................................................................. ตน หญา....................................................................................................................................................................................................................................... สาเหตทุ ีจ่ ดั เปนสิ่งมีชวี ติ เพราะ สิง่ เหลานตี้ องหายใจ กนิ อาหาร ขบั ถา ย......................................................................................................................... มีการเจริญเติบโต เคล่ือนที่หรือเคล่ือนไหวเองได มีการตอบสนองตอส่ิงเรา....................................................................................................................................................................................................................................... และขยายเผาพนั ธไุ ด....................................................................................................................................................................................................................................... จะพบสิ่งไมมีชีวติ ไดแก โตะ เกา อ้ี ถงั ขยะ กอ นหนิ บอ นา้ํ ไมก วาด จกั รยาน................................................................................................................................................... รถยนต รองเทา ราวตากผา....................................................................................................................................................................................................................................... KYE สาเหตุท่จี ัดเปนสิง่ ไมมชี วี ติ เพราะ ส่ิงเหลาน้ีไมหายใจ ไมกินอาหาร................................................................................................................ ไมขับถาย ไมมีการเจริญเติบโต เคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวเองไมได ไมมีการ....................................................................................................................................................................................................................................... ตอบสนองตอ สิ่งเรา และขยายเผา พนั ธไุ มไ ด....................................................................................................................................................................................................................................... 2. อา นขอ ความทก่ี าํ หนดให แลว เตมิ คาํ ตอบวา “ถกู ตอ ง” หรอื “ไมถ กู ตอ ง” ลงในตาราง ขอ ความ ถูกตองหรอื ไมถ กู ตอ ง 1. นกเปนส่ิงมีชีวิตทบ่ี นิ ได เครื่องบินสามารถบนิ ไมถูกตอ ง............................................................... ไดเ หมือนนก ดังน้ัน เครอ่ื งบนิ เปน ส่ิงมชี ีวิต 2. ตน ไมเ ปน สง่ิ มชี วี ติ เกา อแี้ ละตทู าํ มาจากตน ไม ไมถ ูกตอง............................................................... ดังนน้ั เกาอแ้ี ละตเู ปนสิง่ มีชีวิต 3. สุนัขและตนกุหลาบเปน สง่ิ มชี วี ิต เพราะมีการ ถูกตอง................................................................... ขับถา ยของเสยี ออกจากรา งกายเหมอื นกนั 25
3. ดูภาพ แลว ระบวุ า เปนส่งิ มชี ีวติ หรือสิ่งไมม ชี วี ติ พรอ มอธิบายเหตผุ ล 12 เปน สิง่ มชี ีวิต เปน ✓ สิง่ มชี วี ติ ✓ ส่งิ ไมมชี วี ติ สิ่งไมม ชี ีวติ เพราะ เคล่ือนท่ีและเคล่ือนไหวเอง...................................................................................... เพราะ มีการขับถาย ตองหายใจ...................................................................................... ไใหมไเ คดลต ่อือนงใทช่ีนักบินควบคมุ หรอื บังคับ เตคอลงือ่ นกิทนแี่ อลาะหเคาลรือ่ นเไจหรวิเญองเตไดิบ โตไดKYE ............................................................................................................. ............................................................................................................. ............................................................................................................. ............................................................................................................. 34 เปน ✓ สง่ิ มชี ีวติ เปน ✓ ส่งิ มชี วี ิต ส่ิงไมมีชีวิต สง่ิ ไมม ีชีวติ เพราะ เ ค ลื่ อ น ท่ี แ ล ะ เ ค ลื่ อ น ไ ห ว...................................................................................... เพราะ ตองกินอาหาร ตองขับถาย...................................................................................... เองได มีลูกได ขยายเผาพันธุได............................................................................................................. ตอ งหายใจ มกี ารเจรญิ เตบิ โต มลี กู ได............................................................................................................. ตองกินอาหาร มีการเจริญเตบิ โต............................................................................................................. เคลอ่ื นทเี่ องได............................................................................................................. 26
¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ º··èÕ 1 1. ดูภาพ แลว ตอบคาํ ถาม KYE 1. จากภาพ นักเรยี นเหน็ ส่งิ ใดบาง คน สนุ ขั แมว นก ผเี สอ้ื ตน ไม ดอกไม กอ นหนิ ถงั ขยะ มา นง่ั กอ นเมฆ............................................................................................................................................................................................................................. ดวงอาทติ ย เครอื่ งเลน ตา ง ๆ หญา............................................................................................................................................................................................................................. 2. ถา นําส่งิ ทเี่ ห็นจากภาพในขอ 1. มาจาํ แนกเปน กลมุ ส่ิงมชี ีวติ และ กลมุ สิ่งไมมีชีวิต จะจัดกลมุ ไดอยางไร กลมุ ส่ิงมชี ีวติ กลุมสง่ิ ไมมีชวี ติ คน สนุ ัข แมว นก ผเี สือ้ ตนไม...................................................................................................... กอ นหนิ ถังขยะ มานัง่ กอนเมฆ...................................................................................................... ดอกไม หญา...................................................................................................... ดวงอาทิตย เครอื่ งเลนตา ง ๆ...................................................................................................... ...................................................................................................... ...................................................................................................... 27
2. ดูภาพ แลวบนั ทึกขอมลู ลงในชองวาง 1. สิ่งมีชีวติ ในภาพ คือ ปลาทอง.......................................... มลี ักษณะสําคัญของสงิ่ มีชีวติ คอื เคลื่อนที่และเคล่ือนไหวได กินอาหาร............................................................................................................... หายใจ ขบั ถา ย มกี ารเจรญิ เตบิ โต มลี กู ได............................................................................................................... มกี ารตอบสนองตอสิ่งเรา............................................................................................................... สิ่งไมมีชีวติ ในภาพ คือ กอนหิน................................. มลี กั ษณะสาํ คญั ของสง่ิ ไมม ชี วี ติ คอื เ ค ล่ื อ น ท่ี แ ล ะ เ ค ล่ื อ น ไ ห ว เ อ ง ไ ม ไ ด ............................................................................................................... ไมกนิ อาหาร ไมหายใจ ไมเ จริญเตบิ โต............................................................................................................... ไมข ับถายKYE ............................................................................................................... 2. ส่ิงมชี ีวิตในภาพ คอื สนุ ัข.......................................... มลี ักษณะสาํ คญั ของส่ิงมีชวี ิต คือ เคล่ือนที่และเคล่ือนไหวได กินอาหาร............................................................................................................... หายใจ ขบั ถา ย มกี ารเจรญิ เตบิ โต มลี กู ได............................................................................................................... มกี ารตอบสนองตอ สง่ิ เรา............................................................................................................... ส่งิ ไมมชี วี ติ ในภาพ คอื ตะกรอ................................. มลี กั ษณะสาํ คญั ของสงิ่ ไมม ชี วี ติ คอื เ ค ลื่ อ น ที่ แ ล ะ เ ค ลื่ อ น ไ ห ว เ อ ง ไ ม ไ ด ............................................................................................................... ไมกินอาหาร ไมหายใจ ไมขับถาย............................................................................................................... ไมมีการตอบสนองตอสิ่งเรา............................................................................................................... 28
3. สิง่ มีชีวติ ในภาพ คอื ก้ิงกือ.......................................... มีลักษณะสาํ คญั ของสิ่งมีชีวิต คือ เคล่ือนไหวและเคล่ือนที่ได หายใจ............................................................................................................... กนิ อาหาร ขบั ถา ย เจรญิ เตบิ โต ตอบสนอง............................................................................................................... ตอ สง่ิ เรา............................................................................................................... สิ่งไมมชี ีวิตในภาพ คอื กอนหิน................................. มลี กั ษณะสาํ คญั ของสง่ิ ไมม ชี วี ติ คอื เคลอ่ื นทเ่ี องไมไ ด ไมก นิ อาหาร ไมห ายใจ............................................................................................................... ไมขับถาย และไมตอบสนองตอสิ่งเรา............................................................................................................... ไมเ จริญเติบโต............................................................................................................... 4. สงิ่ มีชีวิตในภาพ คอื ดอกไม.......................................... KYE มีลกั ษณะสาํ คญั ของสิ่งมชี วี ิต คอื เจริญเติบโตได กินอาหาร หายใจ............................................................................................................... ขยายเผา พนั ธไุ ด............................................................................................................... ............................................................................................................... สิง่ ไมม ชี ีวิตในภาพ คอื กระถาง................................. มลี กั ษณะสาํ คญั ของสง่ิ ไมม ชี วี ติ คอื เคลอ่ื นทเ่ี องไมไ ด ไมก นิ อาหาร ไมห ายใจ............................................................................................................... ไมเจริญเติบโต ไมมีการตอบสนองตอ............................................................................................................... สิ่งเรา............................................................................................................... 29
3. นาํ ตวั อกั ษร ก.-ช. หนา ขอ ความลกั ษณะสาํ คญั ของสง่ิ มชี วี ติ ทกี่ าํ หนดให เตมิ ลงใน ใหสัมพันธกบั ภาพ ก. กนิ อาหาร ข. ขับถา ย ค. หายใจ ง. เจริญเติบโต จ. สืบพันธุ ฉ. เคลื่อนไหว/เคล่ือนที่ ช. ตอบสนองตอสง่ิ เรา จง ขKYE ค ฉก 30
4. เขียนช่ือสิ่งมีชีวิตหรือส่ิงไมมีชีวิตท่ีมีลักษณะตรงตามท่ีกําหนดให ลงในชอ งวางอยา งนอยลกั ษณะละ 5 ชือ่ (ตัวอยา ง) ลักษณะทกี่ าํ หนด สง่ิ มชี ีวิตหรอื สงิ่ ไมมชี ีวิต 1. เปน สงิ่ มชี วี ติ เคลอื่ นไหวได ตนกหุ ลาบ ตน มะพรา ว ตนกลวย....................................................................................................................... แตเ คล่อื นท่ไี มไ ด ตน ขนนุ ตน ทานตะวนั....................................................................................................................... 2. เปน สง่ิ ไมม ชี วี ติ เคลอ่ื นทไ่ี ด รถยนต เครอื่ งบนิ โดรน หนุ ยนตบ งั คบั....................................................................................................................... โดยอาศัยการควบคุม วาว รถจกั รยานยนต บอลลนู....................................................................................................................... 3. เปนสิ่งมีชีวิต มีการตอบ ตน ไมยราบ ตน กระถนิ ตน กระเฉด กงิ้ กอื....................................................................................................................... สนองเมื่อไดร ับการสัมผัส หนอนแกว....................................................................................................................... 4. เปน สงิ่ มชี วี ติ ใชป ก สาํ หรบั นกนางแอน ไก คา งคาว นกพริ าบ....................................................................................................................... KYE เคลื่อนท่ีในอากาศ นกเปดน้าํ ผึง้ ผเี สื้อ....................................................................................................................... 5. เปน สงิ่ ไมม ชี วี ติ ไมเ คลอื่ นท่ี ตุกตาหมี ลกู บอล แกว น้ํา เตียงนอน....................................................................................................................... และไมต อ งการอาหาร กระเปา หนังสอื โตะ....................................................................................................................... 5. ขดี ✓ หนาขอความท่ถี ูกตอ ง และกา ✗ หนา ขอความที่ไมถ กู ตอง ✗………………. 1. ลกู โปง สวรรคเปน สิ่งมีชวี ิต เพราะลอยอยูในอากาศได ✗………………. 2. กระดาษเปน สง่ิ มชี วี ติ เพราะทาํ มาจากตน ไมซ งึ่ เปน สงิ่ มชี วี ติ ✓………………. 3. กง้ิ กือมวนตวั เม่อื โดนสัมผัส เปน การตอบสนองตอ สง่ิ เรา ✓………………. 4. แมวและสุนัขเปน ส่ิงมีชีวติ เพราะตองขบั ถายเหมอื นกัน ✓………………. 5. วาฬเปนส่งิ มีชีวิต เพราะออกลกู เปน ตัวเหมอื นมนษุ ย 31
·¡Ô¨ÒŒ ·¡ÒÃÂáÁÒäԴ¢¹éÑ ÊÙ§ ดูภาพ แลวตอบคาํ ถาม KYE (ตัวอยาง) 1. ถานกั เรยี นไปเทยี่ วสถานทใ่ี นภาพ นักเรยี นคิดวา จะพบสิ่งมีชวี ติ ตาง ๆ ไดแ ก ปลา ปู กุง ปูเสฉวน หอย หมึก แมงกะพรุน ตน มะพราว ปะการงั สาหรา ย............................................................................................................................................................................................................................ นักทอ งเทีย่ ว สุนขั นก............................................................................................................................................................................................................................................... 2. นักเรียนคิดวา สิ่งไมมีชีวิตท่ีนักเรียนจะพบไดในสถานท่ีแหงน้ี ไดแก ทราย นา้ํ ทะเล กอ นหนิ รม ชายหาด เตยี งผา ใบ โตะ ลกู บอล จกั รยาน เรอื หว งยาง............................................................................................................................................................................................................................................... วาว ขวดน้าํ รองเทา หมวก แวน ตา เมฆ ภเู ขา ดวงอาทติ ย............................................................................................................................................................................................................................................... 3. สงิ่ ไมม ชี วี ติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาตทิ น่ี กั เรยี นสามารถพบไดใ นสถานที่ แหง นี้ ไดแ ก นาํ้ ทะเล ทราย กอ นหิน เมฆ ภเู ขา ดวงอาทิตย.................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................... 32
·º·Ç¹ ·ÒŒ Â˹‹Ç วง ลอมคําตอบทถ่ี ูกตองท่ีสดุ 1. ขอใดเปนลักษณะสําคัญของสงิ่ มชี ีวติ ทั้งหมด ก. หายใจได ไมขยายเผา พันธุ ไมขับถายของเสีย ข. ไมต อ งกินอาหาร ไมต อ งการอากาศ ไมเ จรญิ เติบโต ค. ตอ งการอาหาร ตองการอากาศหายใจ เคล่อื นไหวไดเอง 2. สง่ิ มีชีวิตและสิง่ ไมม ชี วี ติ ตอ ไปนี้สามารถพบไดในสภาพแวดลอ มใด “ทราย กอนหิน ปลู ม เปลอื กหอย ตนมะพราว และกอ นเมฆ” ก. นํ้าตก ภูเขา ข. ชายหาด ทะเล ค. ถ้าํ แมน ้าํ 3. ขอ ใดจดั เปน สิ่งมชี ีวิตทัง้ หมด KYE ก. นกเงือก ลูกแกว กหุ ลาบ ข. กระเปา ลูกโปง ลูกออ ด ค. ลกู น้าํ สาหรา ย ตน สน 4. ขอใดจัดเปนส่งิ ไมมชี ีวิตทงั้ หมด ก. ลูกแกว ลกู บอล ลูกโปง ข. มา นัง่ ปลาหมอ นกหวีด ค. นกแกว ปากกา ตุก ตาหมี 5. ขอใดแสดงถงึ ลกั ษณะของสิ่งไมม ชี วี ิต ก. มา นัง่ ต้ังอยหู นา บา น ข. หมีอดอาหารในฤดหู นาว ค. ตนกหุ ลาบมีดอกหลายดอก 33
6. ขอ ใดแสดงถึงลกั ษณะของส่งิ มีชีวติ ก. รถยนตแลนไดเรว็ บนถนนทเี่ รยี บ ข. นองตาลเหงอ่ื ไหลเพราะอากาศรอ น ค. ลูกโปงมีขนาดใหญข ้ึนเมอ่ื ถกู เตมิ ลม 7. ขอ ใดคือลักษณะสําคญั ทบี่ งบอกวา ภาพน้คี ือสงิ่ มชี ีวติ ไดช ดั เจนที่สุด ก. เคล่ือนท่แี ละเคล่อื นไหวไดเ อง ข. ออกลกู ไดครั้งละหลายตวั ค. อาศยั อยใู นทะเลไดเ ปน เวลานาน KYE 8. ขอ ใดคอื ลกั ษณะสาํ คญั ทบี่ ง บอกวา ภาพนค้ี อื สงิ่ ไมม ชี วี ติ ไดช ดั เจนทสี่ ดุ ก. ไมมกี ารเจรญิ เติบโตเพ่ิมข้นึ ข. เคลือ่ นทแ่ี ละเคลอื่ นไหวไดเร็ว ค. ใชนํ้ามันเปนพลังงานในการ ทาํ งาน 9. ขอใดคือสิ่งจาํ เปน ทส่ี ง่ิ มชี วี ติ ขาดไมไดในการดาํ รงชีวติ ก. นํ้า เสอ้ื ผา ยารักษาโรค ข. อากาศ นา้ํ อาหาร ค. อาหาร ยารกั ษาโรค ท่อี ยูอ าศยั 10. สิ่งจําเปนในการดํารงชีวิตในขอใดที่ส่ิงมีชีวิตขาดแลวจะตายอยาง รวดเรว็ ก. นํ้า ข. อาหาร ค. อากาศ 34
11. เฮลิคอปเตอรบ นิ ได จงึ จัดเปน สง่ิ มชี ีวติ ใชหรอื ไม เพราะเหตใุ ด ก. ใช เพราะเฮลคิ อปเตอรเคลื่อนที่ได ข. ใช เพราะเฮลิคอปเตอรก นิ นาํ้ มนั ได ค. ไมใ ช เพราะเฮลคิ อปเตอรห ายใจไมไ ด 12. จากภาพ เปนปฏิกริ ิยาทส่ี ัมพนั ธก ับลกั ษณะสาํ คัญใดของส่งิ มีชีวติ ก. การเจรญิ เตบิ โต ข. การขยายเผา พันธุ ค. การตอบสนองตอ สิง่ เรา อานขอความ แลว ตอบคําถาม ขอ 13.-15. KYE แกมสํารวจบริเวณหลังบานและพบสิ่งตาง ๆ ดังน้ี นก ตนมะพราว กระรอก จงิ้ หรดี มา นงั่ ถงั ขยะ ตน มะมว ง ตน มะลิ ไมก วาด มด ผง้ึ ตน กหุ ลาบ สนุ ขั แมว ตนคุณนายตนื่ สาย กอ นอฐิ ถงั น้าํ ไกแจ บวั รดนา้ํ จกั รยาน 13. แกมสํารวจพบสง่ิ มชี ีวติ ทีเ่ ปน สัตวบ ริเวณหลังบา นกชี่ นดิ ก. 8 ชนิด ข. 10 ชนิด ค. 12 ชนิด 14. แกม สาํ รวจพบสิง่ ไมม ชี วี ิตบริเวณหลงั บา นกช่ี นิด ก. 5 ชนิด ข. 7 ชนิด ค. 9 ชนดิ 15. ขอใดถกู ตอ งเก่ยี วกบั สิ่งมีชีวิตที่แกมสาํ รวจพบบริเวณบา น ก. กระรอก มะลิ ผงึ้ ไกแจ ข. มานั่ง ถงั ขยะ ไมก วาด จักรยาน ค. บวั รดนาํ้ กหุ ลาบ มะยม คณุ นายตน่ื สาย 15คะแนนเตม็ ไดค ะแนน 35
¡ÒÃËàùՋǹ̷٠Õè 3 àÃÂÕ ¹ÃªŒÙ ÇÕ µÔ ¾ª× º··èÕ 1 ¡ÒôíÒçªÇÕ µÔ ¢Í§¾ª× น¡Ô¨ําส¡ูกÃÃาÁรเรียน ศกึ ษาขอ มลู แลว ตอบคําถาม ประโยชนทางตรง เชน คุณลงุ คะ พืชมีประโยชน ใชเปนอาหาร ใชสรางบาน ตอ เราอยา งไรบา งคะ เรือน ใชทาํ เคร่ืองนงุ หม และ ยารกั ษาโรค ประโยชนทางออม เชน KYE เ ป น แ ห ล ง กํ า เ นิ ด ต น น้ํ า ลําธาร ชวยทําใหฝนตก ตรงตามฤดูกาล เปนแหลง พักผอ น บรรเทาและปอ งกนั ความรนุ แรงของภยั ธรรมชาติ 1. จากขอมูล นักเรียนคิดวา เราควรปลูกพืชใหมีจํานวนเพิ่มมากขึ้น เพราะ พืชชวยผลิตแกสออกซิเจนใหมนุษยและสิ่งมีชีวิตอ่ืน ๆ ใชหายใจ และมี..................................................................................................................................................................................................................... ประโยชนตาง ๆ เชน ใชเปนอาหาร ที่อยูอ าศยั เครอ่ื งนงุ หม ยารักษาโรค............................................................................................................................................................................................................................................ 2. ถาปริมาณพืชลดลงจะสงผลกระทบตอ ส่ิงมชี วี ติ เพราะ จะทาํ ใหเ กดิ การ................................................. ขาดแคลนอาหาร เกดิ ภยั ธรรมชาตติ า ง ๆ สง่ิ มชี วี ติ จะดาํ รงชวี ติ ดว ยความยากลาํ บาก............................................................................................................................................................................................................................................ นกั เรยี นมแี นวทางในการเพ่มิ ปรมิ าณพชื เชน3. ชวยกันปลูกพืชใหมีปริมาณ.............................................................................. มากขึน้ ชวยกันอนุรกั ษปา ไม ไมต ัดไมทาํ ลายปา............................................................................................................................................................................................................................................ 36
»˜¨¨Ñ·èÕ¨Òí ໹š µÍ‹ ¡ÒôÒí çªÕÇµÔ ¢Í§¾×ª ¡Ô¨¡ÃÃÁ·èÕ 1 áʧÁ¤Õ ÇÒÁÊÒí ¤ÞÑ ¡Ñº¾×ªËÃ×ÍäÁ‹ ºÑ¹·Ö¡¢ÍŒ ÁÙÅ (ดูขั้นตอนการทํากิจกรรมจากหนังสอื เรียน) การทดลอง เรอ่ื ง ความสําคญั ของแสงตอการเจริญเตบิ โตของพืช ต้ังคาํ ถาม : แสงมผี ลตอ การเจรญิ เติบโตของพชื หรอื ไม คาดคะเนคาํ ตอบ : แสงมีผลตอการเจริญเติบโตของพชื......................................................................................................................................................................................... µÒÃÒ§·èÕ 1 บนั ทึกผลการสังเกตลกั ษณะตนถ่ัวเขียวกอ นทาํ การทดลอง ลกั ษณะของตน ถ่วั เขียวกอ นทําการทดลอง KYE ลกั ษณะทสี่ ังเกต กระปองใบท่ี 1 กระปอ งใบท่ี 2 (ตามที่วดั จรงิ )......................................... 1. ความสงู ของลาํ ตน เซนติเมตร เซนติเมตร(ตามท่วี ดั จริง)......................................... 2. จํานวนใบ (ตามท่นี ับจริง) ใบ (ตามท่นี บั จรงิ ) ใบ...................................................................... ...................................................................... 3. ขนาดของใบ ใบมีขนาดเลก็ ใบมีขนาดเล็ก.............................................................................. .............................................................................. 4. สีของใบ ใบสีเขยี วออ น ใบสีเขยี วออน.............................................................................. .............................................................................. 37
µÒÃÒ§·èÕ 2 บันทึกผลการสังเกตลักษณะตน ถว่ั เขยี วหลังการทดลองผานไป 10 วนั การทดลอง ลักษณะของตนถ่วั เขยี ว กระปอ งใบที่ 1 ความสงู ของลําตน …(…ต…า…ม…ท…่ีว…ัด…จ……ร…งิ …). เซนติเมตร จาํ นวนใบ ใบ……………(ต……า…ม…ท…ีน่ ……บั …จ…ร…ิง…)………………………………. 㺷èÕ 1 ขนาดของใบ ใบมีขนาดใหญ....................................................................................................... สขี องใบ บางใบมสี เี ขยี วออ น บางใบมสี เี ขยี วสด....................................................................................................................... ไดร บั แสงแดด ..................................................................................................................................................... กระปอ งใบที่ 2 ความสงู ของลําตน …(…ต…า…ม…ท…ี่ว…ดั …จ……ร…งิ …). เซนตเิ มตร ขจาํนนาวดนขใอบงใบ ใ(ตบามมขี ทนน่ีาดับเจรรยี ิงว)เลก็ ใบKYE …………………………………………………………………………. ....................................................................................................... สีของใบ มสี เี หลอื งซดี บางใบมสี เี หลอื งออ นเกอื บ㺷Õè 2 ....................................................................................................................... เปน สีขาว..................................................................................................................................................... ไมไ ดร บั แสงแดด ÊÃ»Ø ¼Å จากการทดลอง พบวา ตน ถว่ั เขียวท่ีไดรับแสงแดด มีการเจรญิ เติบโต........................................................... โดยตนถ่วั เขยี วจะมีไดด ี……………………………………………… ลาํ ตน แขง็ แรง มใี บสเี ขียวขนาดใหญ และ...................................................................................................................... สว นตนถว่ั เขียวทีไ่ มไ ดรบั แสงแดด…ม…ีใ…บ…ท…่ีง…อ……ก…ใ…ห…ม…เ …พ…ม่ิ …ข…้ึน…… มกี ารเจรญิ เติบโตชา.................................................................. โดยตนถว่ั เขยี วจะมี ลาํ ตนผอมซีด ไมแข็งแรง มใี บสเี หลืองซดี เรยี วเล็ก ไมสมบรู ณ........................................................................................................................................................................................ ดังนั้น แสดงวา แสง มีผลตอ การเจรญิ เติบโตของพืช……………………………………………… ....................................................................................................... และผลการทดลองนี้ ตรง……………………………………………… ตามคําตอบที่คาดคะเนไว 38
˹µÙ ͺ䴌 1. ขีด ✓ ใน หนา ขอ ความทถ่ี กู ตอ ง (ตอบไดมากกวา 1 ขอ) 1. แสงมคี วามสําคญั ตอ พชื อยางไรบา ง ✓ ชวยใหพชื เจรญิ เตบิ โต ✓ เปน พลงั งานในการสรางอาหารของพชื ชว ยละลายธาตอุ าหารในดินเพื่อใหพชื ดดู ซึมไดงายขนึ้ ✓ กระตุนใหพ ืชสรางสารสเี ขียวเพอ่ื ใชในการสรางอาหาร 2. ถา ภาพน้ี คอื ภาพตน พชื ทขี่ าดแสงมาเปน ระยะเวลานาน นกั เรยี น คิดวา ผลกระทบทีพ่ ืชตน นี้ไดรบั คอื อะไรบา ง ✓ ขาดพลงั งานในการสรางอาหาร KYE ดดู ธาตอุ าหารไดน อยกวาปกติ ✓ ไมเจริญเตบิ โตเพราะขาดอาหาร ✓ ขาดสารสีเขียวสําหรับใชสราง อาหาร 3. นักเรียนจะปองกันและแกไขไมใหพืชท่ีปลูกมีลักษณะเหมือนตน พชื ในขอ 2. ไดอยา งไร วางในบรเิ วณที่มแี สงสองถงึ นําออกมารบั แสงทกุ วนั ✓ วางไวท ่ีเดิมแตร ดนํ้าเพม่ิ ขึ้น ✓ ใสปุยและรดนํ้าเพ่มิ ข้นึ 39
2. ดูภาพ แลวตอบคําถาม 2 3 5 1 64 KYE 1. บริเวณท่ีเหมาะสมในการต้ังตนพืชเพ่ือการเจริญเติบโตมากที่สุด คอื บริเวณหมายเลข เพราะ1………………….. มีแสงสวางสองถึง ตนพืชจะใช................................................................................................. 40 แสงในกระบวนการสรา งอาหาร ทําใหพชื เจริญเตบิ โตไดด ี............................................................................................................................................................................................................................. 2. บรเิ วณทไ่ี มเ หมาะสมในการตง้ั ตน พชื เพอื่ การเจรญิ เตบิ โตมากทส่ี ดุ คือ บริเวณหมายเลข เพราะ5…………………. มีแสงสองถึงนอย ตนพืชจะใช................................................................................................. แสงในกระบวนการสรางอาหารไดนอ ย ทําใหต น พืชเจริญเตบิ โตชา หรืออาจ............................................................................................................................................................................................................................. เหี่ยวเฉาและตายได............................................................................................................................................................................................................................. 3. นักเรียนคิดวา ตนพชื ที่อยบู รเิ วณหมายเลข 4 นา จะเจริญเตบิ โต ไดดีกวาตนพืชทีอ่ ยบู ริเวณหมายเลข 2, 3, 5 และ 6……………………………………………………. เพราะ บรเิ วณหมายเลข 4 ไดร บั แสงท่สี อ งมาจากหนาตา ง.............ม.....า...ก.....ก....ว....า.......... ดังนั้น ตนพชื ในบริเวณน้ีจะสรางอาหารไดมากกวา ทําให......................... ตนพืชเจรญิ เตบิ โตไดด ีกวา.............................................................................................................................................................................................................................
¡¨Ô ¡ÃÃÁ·èÕ 2 ¹Òíé Á¤Õ ÇÒÁÊÒí ¤ÞÑ ¡ºÑ ¾ª× ËÃÍ× äÁ‹ º¹Ñ ·Ö¡¢ÍŒ ÁÙÅ (ดูข้นั ตอนการทาํ กิจกรรมจากหนงั สอื เรยี น) การทดลอง เร่ือง ความสาํ คัญของนํ้าตอการเจรญิ เติบโตของพืช ต้งั คําถาม : นํ้ามีผลตอการเจรญิ เติบโตของพชื หรือไม คาดคะเนคาํ ตอบ : นา้ํ มผี ลตอการเจริญเติบโตของพชื........................................................................................................................................................................................ µÒÃÒ§·èÕ 1 บนั ทึกผลการสงั เกตลักษณะการเจรญิ เติบโตของตนถ่ัวเขียว เปนเวลา 10 วนั วนั ทบี่ ันทึกผล ลักษณะตน ถ่วั เขียว การทดลอง กระปอ งใบที่ 1 (ไดร ับน้าํ ) กระปอ งใบท่ี 2 (ไมไ ดร บั นา้ํ ) KYE วนั แรก .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... วนั ท่ี 2 .......................................................................................... .......................................................................................... วนั ท่ี 4 .......................................................................................... .......................................................................................... วันท่ี 6 บนั ทกึ ผลตามลกั ษณะทีส่ งั เกตเหน็ จริง.......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... วนั ท่ี 8 .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... วนั ท่ี 10 .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... 41
µÒÃÒ§·èÕ 2 บันทึกผลการสงั เกตลกั ษณะตน ถว่ั เขียวหลงั การทดลองผานไป 10 วัน 㺷èÕ 1 การทดลอง ลักษณะตน ถ่วั เขียว กระปอ งใบท่ี 1 มกี ารเจรญิ เตบิ โตงอกงามไดด ี โดยลาํ ตน..................................................................................................................... - วางบรเิ วณทม่ี ีแสง จะสงู ขน้ึ เรือ่ ย ๆ และมีจํานวนใบเพ่ิมขึน้..................................................................................................................... สอ งถงึ - ไดร ับนํ้า วนั ละ 2 ..................................................................................................................... เวลา คอื เวลาเชา และเวลาเย็น ..................................................................................................................... ..................................................................................................................... ..................................................................................................................... มีการเจริญเติบโตชา ใบและลําตน..................................................................................................................... ก- รวะาปงอบงรใเิ บวทณ่ี ท2ี่มีแสง เหีย่ วเฉา และบางใบจะรวงหลนจากตนKYE ..................................................................................................................... ..................................................................................................................... 㺷Õè 2 สอ งถงึ ..................................................................................................................... - ไมไ ดร บั นาํ้ ..................................................................................................................... ..................................................................................................................... ÊÃ»Ø ¼Å จากการทดลอง พบวา ตน ถว่ั เขียวท่ไี ดร บั นํา้ จะ มีการเจรญิ เติบโตไดดี....................................................................... โดยตนถั่วเขยี วจะมี ลําตน สงู ข้นึ ใบมีสเี ขียว ขนาดใหญข ึน้ และมีจาํ นวนเพ่มิ ขึน้........................................................................................................................................................................................ สว นตน ถ่ัวเขยี วที่ไมไ ดรับนํา้ จะมี การเจริญเตบิ โตชา.......................................................................................................................................... โดยตน ถัว่ เขยี วจะมี ลาํ ตนและใบเห่ียวเฉา บางใบจะรว งหลน จากตน........................................................................................................................................................................................ ดังนั้น แสดงวา น้าํ มผี ลตอ การเจริญเติบโตของพชื……………………………………………… ....................................................................................................... และผลการทดลองน้ี ตรง……………………………………………… ตามคําตอบท่ีคาดคะเนไว 42
˹µÙ ͺ䴌 1. ขดี ✓ ใน หนา ขอความทถ่ี กู ตอง (ตอบไดม ากกวา 1 ขอ) 1. นา้ํ เปน ปจจยั ในการเจรญิ เตบิ โตของพืชไดอยางไรบาง ✓ ชวยในการสรา งอาหาร ✓ ชว ยใหต น พชื ไมเ หยี่ วเฉา ✓ ชว ยลําเลียงธาตอุ าหาร ชว ยใหคายนาํ้ ไดม ากข้ึน 2. ถาพชื ขาดนา้ํ เปน เวลานาน จะเกิดผลกระทบตอ พืชอยา งไรบาง ✓ พชื จะสรางอาหารไมไ ด รากของพืชจะเนา ใบจะมสี ซี ีดทั้งหมด ✓ ตน และใบพชื จะเหย่ี วเฉา 3. ถานักเรียนปลูกตนสตรอวเบอรรีในกระถาง แลววางไวบริเวณท่ี KYE มีแสงสองถึงและรดนา้ํ ทุกวัน แตต นสตรอวเ บอรรขี องนกั เรียนมี ลกั ษณะดังภาพ นักเรยี นคดิ วา อาจเกิดจากสาเหตุใดไดบาง ✓ รดนํ้านอ ยเกินไป ✓ รดน้าํ มากเกินไป ✓ รากพชื เนา จากการรดนํา้ ไดรับแสงสวางมากเกินไป นักเรยี นมหี ลกั ปฏบิ ัตใิ นการรดนํ้าตน พชื ทีถ่ ูกตองอยา งไรบา ง ✓ รดในปรมิ าณที่เหมาะสม รดเวลาท่แี ดดจัด รดใหไดป รมิ าณมากทีส่ ุด ✓ รดทกุ วันอยา งสมํ่าเสมอ ✓ รดตามความตอ งการของพชื รดทกุ ๆ ชวั่ โมง 43
2. ดูขอมูลในตาราง แลว ตอบคําถาม พชื ประเภทตอ งการนา้ํ มาก พืชประเภทตอ งการนา้ํ นอ ย พลดู าง เตยหอม เผอื ก มะละกอ ถ่วั ลิสง ฟกทอง บวั ขา ว ผกั ตบชวา แกวมงั กร สบั ปะรด ตะบองเพชร โสน ผักบุง ผักกระเฉด ออย ขา วโพด มะพรา ว 1. ถา ตอ งเลอื กปลกู พชื ตามประเภททกี่ าํ หนดใหใ นตาราง นกั (ตเรัวยีอยนาจงะ) เลอื กปลกู พืชประเภท เพราะ……ต……อ …ง…ก…า…ร…น……า้ํ …น…อ…ย………… ดูแลรักษางายกวา........................................................ ไมต อ งรดนาํ้ ทุกวนั ชวยประหยดั เวลาและประหยดั น้าํ............................................................................................................................................................................................................................. 2. พชื ตองการนา้ํ มาก 3 ชนิด ท่ีนักเรยี นตองการปลูก ไดแ ก บัว...................... พใบลใูดชาหงออแาลหะาผรักบพงุลดู า งใชตกแตงบเพานราผะักบุงบใวั ชมท ดี ําออกาหสาวรย เมลด็ ทานไดKYE …………………………………………………………………….. ...................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................. 3. พชื ตองการนาํ้ นอ ย 3 ชนดิ ทีน่ ักเรียนตอ งการปลกู ไดแกมะละกอ..................... ตะบองเพชร และมะพราว เพราะ มะละกอไวกนิ ผล ตะบองเพชร…………………………………………………………………….. ...................................................................................................... ไวตกแตงบา น มะพรา วผลไวทาํ อาหาร ใบใชหอ ขนม ตน ใชทาํ ของใชในบาน............................................................................................................................................................................................................................. 4. วาดภาพพชื ทีน่ ักเรยี นเลือกปลกู ลงในกรอบ ประเภทละ 1 ชนิด พชื ประเภทตองการนาํ้ มาก พืชประเภทตองการนาํ้ นอ ย ชอื่ พืช บวั……………………………………….. ชอ่ื พชื ………ต……ะ…บ…อ…ง…เ…พ…ช…ร……….. (วาดภาพ) (วาดภาพ) 44
¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ º··Õè 1 1. บอกวิธีการปลูกและดูแลพืชตามลําดับข้ันตอน พรอมผลที่จะไดรับ ใหต รงกบั ภาพท่กี ําหนดให 1. 2. เตรียมอุปกรณ ดิน เมลด็ พันธุ............................................................................................................... แยกตนกลาปลูกลงในอุปกรณท่ี............................................................................................................... KYE สาํ หรบั เพาะเปนตน กลา............................................................................................................... เตรยี มไว............................................................................................................... 3. 4. นํากระถางตนพืชท่ีปลูกไปต้ังใน............................................................................................................... พรวนดนิ ใสป ยุ และรดนาํ้ อยาง............................................................................................................... บรเิ วณทมี่ ีแสงแดดสอ งถึง............................................................................................................... สมํ่าเสมอ............................................................................................................... 5. ตน พชื เจรญิ เตบิ โต แข็งแรง และ............................................................................................................... ออกดอก ออกผล............................................................................................................... 45
Search