Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore -แบบฝึก-วิทย-ป3-เล่ม1

-แบบฝึก-วิทย-ป3-เล่ม1

Published by panadda6484, 2020-07-14 23:01:15

Description: 1338012AN-แบบฝึก-วิทย-ป3-เล่ม1

Keywords: -แบบฝึก-วิทย-ป3

Search

Read the Text Version

แบบฝก หัด รายวชิ าพ้นื ฐาน ÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ 3áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ ». 1 àÅ‹Á 3ª¹Ñé »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»·‚ èÕ เฉฉบลับย µÒÁÁҵðҹ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙáÅеÇÑ ªÇÕé Ñ´ ¡Å‹ÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒÇ·Ô ÂÒÈÒʵÃᏠÅÐà·¤â¹âÅÂÕ (©ººÑ »ÃºÑ »Ã§Ø ¾.È. 2560) µÒÁËÅ¡Ñ ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾¹×é °Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª 2551 ¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§ ´Ã.¾ÅÍ·ÃÒ âÍÎÒÁ‹Ò ´Ã.à¾Þç ¾¡Ñ µÃ ÀÈÙ‹ ÔŻР¹Ò§ÊÒÇÍÀÞÔ ÞÒ ÍÔ¹äË¢§Ô ¼µÙŒ ÃǨ ¹Ò§ÊÒÇÈÃÔ ÔÃµÑ ¹ ǧÈȏ ÔÃÔ ¹Ò§¨ÔµµÔÁÒ ä·ÃᡌǴǧ ¹Ò°һ¡Ã³ ¤íÒËÍÁ¡ØÅ พมิ พค รง้ั ท่ี 1 สงวนลขิ สิทธต์ิ ามพระราชบญั ญัติ รหสั สนิ คา 1343801325

คําแนะนําในการใชส อ่ื แบบฝก หดั รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 จดั ทาํ ขน้ึ สาํ หรบั ใชป ระกอบ การเรียนการสอน ชั้นประถมศึกษาปท่ี 3 ซ่ึงสอดคลองตามมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด กลุมสาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซง่ึ ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู โดยเนน กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร กระบวนการสบื เสาะหาความรู และกระบวนการ แกป ญ หา รวมทัง้ สงเสรมิ การประยุกตใ ชความรูและฝกทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 ดวยกจิ กรรมทีห่ ลากหลาย แบบฝก หดั รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปท่ี 3 น้ี คณะผเู รยี บเรยี งได จดั ทําและแบงแบบฝก หดั ออกเปน 2 เลม ไดแ ก Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ ÃÒÂÇªÔ Ò¾¹é× °Ò¹ÇÔ·ÂÒÈÒʵÃᏠÅÐ 2Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ ÃÒÂÇªÔ Ò¾¹×é °Ò¹Ç·Ô ÂÒÈÒʵÃᏠÅÐ 1à·¤â¹âÅÂÕ ª¹éÑ »ÃжÁÈ¡Ö ÉÒ»·‚ èÕ 3 àÅÁ‹ à·¤â¹âÅÂÕ ª¹éÑ »ÃжÁÈ¡Ö ÉÒ»·‚ Õè 3 àÅÁ‹ ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ·èÕ 1-4 ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ·Œ Õè 5-7 ͧ¤» ÃСͺµÒ‹ §æ ã¹áµÅ‹ Ð˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÌٻÃСͺ´ŒÇ เฉฉบลบั ย 1¡ÒÃËàùÕÂÇ‹ ¹Ì·Ù Õè àÃÂÕ ¹Ãnj٠·Ô ÂÒÈÒʵÏ º··Õè 1 ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ¡น¨Ôําส¡ูกÃÃาÁรเรียน áŌǡšÊѧࡵNjҡ،§à¨ÃÔÞ กิจกรรมนําสูก ารเรียน àµÔºâµÍ‹ҧäôŒÇ¤ÃѺ ดภู าพและอานสถานการณ แลว ตอบคําถาม ¤‹Ð àÃÒª‹Ç¡ѹËÒ ¡Ô¨¡ÃÃÁµÃǨÊͺ¤ÇÒÁÃÙŒ¡‹Í¹àÃÕ¹ ¢ŒÍÁÙÅ¡ÒÃàÅéÕ§¡ØŒ§ ËÃ×Íàªè×ÍÁâ§ÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ à´š¡ æ ´Ùʹء¡Ñº¡ÒÃàÅÕé§¡ØŒ§ÁÒ¡àÅ¹ШÐ เฉฉบลับย ´ÕÁÒ¡àŨŒÐ·èÕÃÙŒ¨Ñ¡Êѧࡵ ÃÙŒ¨Ñ¡ËÒ ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ áÅŒÇÁÕÍÐäúŒÒ§¤ÃѺ ¢ŒÍÁÙÅáÅйíÒÁÒÇÔà¤ÃÒÐˏ ¹èÕ໚¹ ໚¹Í‹ҧääРʋǹ˹Ö觢ͧ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧ ÇÔ·ÂÒÈÒʵÏàÅ¹ШÐ 1. ก ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรค อื อะไร ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 1. »¨˜ ¨Ñ·¨Õè Òí ໚¹µ‹Í¡ÒôÒí çªÕÇÔµ¢Í§Á¹ØÉ บºั¹นÑ ท·¡กÖึ ¢ขŒ้อÍมÁÅÙูล ตµอÍน¹ท·Õีè่ 1 วิธีการและขน้ั ตอนทใี่ ชในการคน ควา หาความรแู ละแกป ญหาทางวิทยาศาสตร แบง เปน............................................................................................................................................................................................................................................................................................ 1) วิธีการทางวิทยาศาสตร 3) จิตวทิ ยาศาสตร............................................................................................................................................................................................................................................................................................ ¡¨Ô ¡ÃÃÁท·èÕ 1 ¡ÒôÒí çªÇÕ Ôµ¢Í§Á¹ØÉ ระบุปญั หา : ส่ิงท่ีจํ�าำเป็นต่อกาำรดํ�าำรงชีวิตและกาำรเจริญเติบโตของมนุษย์มีอะไรบ้าำง 2) ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร............................................................................................................................................................................................................................................................................................ และแตล่ ะสงิ่ มีควาำมสํำ�าคัญอยำ่างไร 2. ในชีวิตประจํ�าวัน นักเรียนมีการใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรหรือไม ถ้ามี สมมติฐาน : (แนวคาํ ตอบ) อาหารชว ยใหรา งกายแข็งแรงและเจริญเตบิ โต นา้ํ ชวยใหร างกาย............................................................................................................................................................................................................................................................. ยกตัวอยางประกอบ ทํางานไดต ามปกติ และอากาศใชในการหายใจ............................................................................................................................................................................................................................................................. มีการใช เชน สังเกตเหน็ วาผกั สวนครัวทีแ่ มปลูกไมคอยเจริญเตบิ โต จึงตงั้ คําถามวา เปน............................................................................................................................................................................................................................................................................................ เพราะอะไร แลวรวบรวมขอมูลจากแหลงตาง ๆ รวมถึงสาเหตุท่ีอาจเกิดขึ้นดวยความ.................................................................................................................................................................................................................................................................................... ตµÒารÃÒาง§ท·ีÕ่è 1 บนั ทกึ กาำรเปล่ยี นแปลงของน้�ำาํ หนักและส่วนสงู ของตนเอง 2 รอบคอบและสนใจใฝร ู......................................................................................................................................................................................................................................... ¨Ø´»ÃÐʧ¤ ทกั ษะกระบวนการ ปี นาํ�้ หนักและสว่ นสงู ทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลง 1. สังเกตและอธิบาำยสง่ิ ทจ่ี ํา�ำเปน็ ตอ่ กำารดำํ�ารงชวี ติ ทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่ใช้ 1. กาำรวัด ชอ่ื -นามสกลุ 2562 2563 น�ํา้ หนัก สว่ นสูง และกาำรเจรญิ เติบโตของมนุษย์ 2. กาำรสงั เกต น(�้ำาํกหกน.)กั ส(ว่ซนมส.)ูง น(าํ�้ำกหกน.)ัก ส(่วซนมส.)งู เพม่ิ ขึ้น ลดลง เพม่ิ ขึ้น ลดลง 2. ตระหนกั ถึงประโยชน์ข องอาำหำาร นำ้�าํ และอาำกาำศ 3. กำารใช้จ ํ�ำานวน 4. กาำรลงควาำมเห็นจำากขอ้ มูล (ขน้ึ อยูกับผลการเปรยี บเทยี บ) 5. กาำรตีควาำมหมำายขอ้ มลู และลงขอ้ สรปุ 6. กาำรหำาควำามสมั พนั ธ์ของสเปซกับเวลำา 7. กาำรจดั กระท�ำาํ และสอ่ื ควาำมหมาำยขอ้ มูล กิจกรรมพฒั นาทกั ษะ µตÍ้Œอง§àเµตÃรีÕยÂมÁตµŒ้อͧง㪌้ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร 1. กระดาำษแข็ง 1 แผน่ 4. เครอ่ื งวัดสว่ นสงู 1 เครอ่ื ง 2. เครื่องช่ังนํ้า�ำหนัก 1 เครอื่ ง 5. แหลง่ ขอ้ มลู เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต µตÒาÃราÒ§ง·ท่Õีè 2 บันทึกกาำรเปลย่ี นแปลงของน�้าํำหนกั และสว่ นสงู ของเพอื่ นร่ว มช้นั เรยี น ¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè์¹ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ 3. ข้อมูลนา้ำ�ํ หนักและสว่ นสงู จำากสมุดราำยงาำนสุขภำาพประจ�ำาํ ป เฉฉบลับย 䴌ŧÁ×Í»¯ÔºÑµÔ â´Â㪌 µตอÍน¹·ทèÕ่ี 1 เฉฉบลับย ปี นา้ํ� หนักและสว่ นสงู ทม่ี ีการเปลยี่ นแปลง ¡Ãкǹ¡ÒÃÊ׺àÊÒÐ ËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ·Ò§ÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ ÅลÍอ§งท·íÒา´ดูÙ ชื่อ-นามสกลุ 2562 2563 นํา้� หนกั สว่ นสูง 1. นกั เรยี นแตล่ ะคนชง่ั นำา้�ํ หนกั และวดั สว่ นสงู ของตนเอง แลว้ บนั ทกึ ผล นำ้ํา� หนัก สว่ นสงู น้ำ�ําหนกั ส่วนสงู เพม่ิ ขึน้ ลดลง เพม่ิ ข้นึ ลดลง 2. จดบนั ทึกข้อ มูลนํำา้� หนักและส่ว นสูงของตนเองในปท ีผ่ ำา่ นมำาจำากครู (กก.) (ซม.) (กก.) (ซม.) 3. เปรยี บเทยี บนาำ้�ํ หนกั และสว่ นสงู ทเ่ี ปลยี่ นแปลงไปจำากปท แี่ ลว้ แลว้ บนั ทกึ ผล 4. สำาํ� รวจเพอื่ นอกี 4 คน วาำ่ มกี าำรเปลย่ี นแปลงของนำา�้ํ หนกั และสว่ นสงู เหมอื นตนเอง (ขน้ึ อยูกบั ผลการเปรยี บเทียบ) หรอื ไม่ แลว้ บนั ทกึ ผล ÊสÃร»ปุØ ¼ผÅล จาำกกาำรทําำ� กจิ กรรม พบวา่ำ รำา่ งกำายของตนเองและเพื่อน ๆ มกี ำารเจรญิ เติบโต ตµÍอน¹·ทีÕè่ 2 เพรำาะ มีน้ําหนกั และสว นสูงเพ่ิมข้นึ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 1. แบ่งกลมุ่ จาำกนัน้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เก่ียวกับปจั จัยที่จํ�าำเปน็ ต่อกาำรด�าำํ รง 16 ชีวติ และกำารเจรญิ เตบิ โตของมนุษย์ 2. รว่ มกนั อภปิ รำายและสรปุ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ำากกาำรสบื คน้ แลว้ นาำํ� ขอ้ มลู มาำจดั กระทาำํ� ใน รปู แบบตาำ่ ง ๆ เชน่ แผนผงั แผนภาำพ ลงในกระดาำษแขง็ และตกแตง่ ใหส้ วยงาำม 3. นํำา� เสนอผลงำานเพือ่ แลกเปล่ยี นขอ้ มูลกบั เพ่อื นกลุ่มอ่ืนภาำยในช้ันเรียน 15 3

Ëหน¹ตµูÙ Íอบºไäด´้Œ 3. ตดิ ภาำพวิธกี ำารดูแลรกั ษำาวฏั จักรชวี ิตของสตั ว์มาำ 2 วธิ ี พรอ้ มอธิบาำยกาำรดูแล 1. ดูภำาพ แล้วบอกว่ำา สัตวท์ ัง้ 2 ชนิด มีวัฏจักรชีวิตเหมอื นกันหรอื ไม่ อยาำ่ งไร รักษาำวัฏจักรชวี ิตของสตั วม์ ำาพอสังเขป 1 จำากภาำพ เป็นกาำรดูแลวัฏจักรชีวิตของสัตว์ หนตู อบได อย่ำา งไร ¤íÒ¶ÒÁáÅÐẺ½ƒ¡ËÑ´ เปนการอนุบาลสัตวท่ีเปนตัวออน เพ่ือใหรางกาย......................................................................................................................................................................... à¾×è͵ÃǨÊͺ¤ÇÒÁÃÙŒ แขง็ แรง พรอ มเจริญเตบิ โตเปน ตัวเต็มวยั ได......................................................................................................................................................................... ¤ÇÒÁࢌÒã¨ËÅѧ¨Ò¡·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁ วัฏจักรชีวิตของมากับต๊ักแตนแตกตางกัน เพราะมาออกลูกเปนตัว และมีวัฏจักรชีวิต...................................................................................................................................................................................................................................................................................... (ติดภาำพ) ......................................................................................................................................................................... 2 ระยะ คอื ระยะตวั ออนและระยะตัวเต็มวยั สวนตั๊กแตนออกลูกเปน ไข และมีวฏั จกั รชีวิต...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 3 ระยะ คือ ระยะไข ระยะตวั ออ น และระยะตวั เตม็ วัย...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 2 จำากภาำพ เป็นกาำรดูแลวัฏจักรชีวิตของสัตว์ อย่ำา งไร 2. ดภู าำพ แลว้ บอกวำา่ วฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว์ 2 ชนดิ มคี วาำมเหมอื นและแตกตาำ่ งกนั การติดปายหามจับปลาในฤดูวางไข เปนการปองกัน......................................................................................................................................................................... เฉฉบลับย อยาำ่ งไร วฏั จกั รชีวิตของสัตวใหดาํ เนนิ ตอ ไปจนครบสมบรู ณ......................................................................................................................................................................... เฉฉบลับย (ติดภาำพ) ......................................................................................................................................................................... ความเหมือนกัน ความแตกตา่ งกนั 4. หำากนักเรียนต้องเลือกศึกษำาวัฏจักรชีวิตของสัตว์ชนิดหน่ึง นักเรียนจะเลือก กบและผีเสอ้ื ออกลกู เปนไขเ หมอื นกัน.................................................................................................................................. 1) วัฏจักรชีวิตของกบและผีเส้ือตางกัน.................................................................................................................................. ศกึ ษำาปลำาหาำงนกยงู หรอื ผีเสอ้ื เพรำาะเหตุใด คือ กบมวี ัฏจักรชวี ิต 3 ระยะ สว น.................................................................................................................................. .................................................................................................................................. ผเี สอ้ื มวี ฏั จกั รชวี ติ 4 ระยะ.................................................................................................................................. ปลาหางนกยงู เพราะเปน สัตวทีห่ าไดงาย วัฏจักรชวี ิตไมซ บั ซอน มวี ัฏจกั รชวี ติ 2 ระยะ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. 2) ระยะตัวออนของกบเจริญเติบโตใน.................................................................................................................................. คือ ระยะตัวออ นและระยะตัวเตม็ วัย และใชระยะเวลาในการศกึ ษาไมนาน...................................................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. น้าํ สวนของผีเสอ้ื เจริญเติบโตบนบก.................................................................................................................................. ผเี สือ้ เพราะผเี สือ้ สามารถพบไดตามธรรมชาติ มีวฏั จักรชีวติ 4 ระยะ คือ ระยะไข ระยะ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ทุกระยะ.................................................................................................................................. ตัวออน ระยะดักแด และระยะตวั เตม็ วยั ใชร ะยะเวลาในการศกึ ษาพฒั นาการของผีเสอ้ื...................................................................................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ไมน านมาก...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 2. ตอบค�าํ ถามต่อไปนี้ 1) วัฏจกั รชีวติ ของสตั วค์ ืออะไร ¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... หมายเหตุ : ขอ 4. นกั เรียนเลอื กตอบขอ ใดกไ็ ด ใหครูพจิ ารณาเหตุผลสนบั สนุน 34 35 (แนวคําตอบ) เปน ลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงรปู รางของสตั ว ตง้ั แตระยะแรกเกิดจน............................................................................................................................................................................................................................................................................ ºบท·ท·Õè่ี 2 มกี ารเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาไปเปนระยะตวั เตม็ วัย สามารถสบื พันธแุ ละใหกาํ เนดิ ไข............................................................................................................................................................................................................................................................................ 1. ดูภาพสตั ว์ แลว้ ตอบค�าํ ถามตอ่ ไปน้ี 12 3 หรอื ตัวออ นใหมได โดยจะเกิดวนซํ้าตอไปเรอ่ื ย ๆ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) ยกตวั อยำา่ งชนดิ ของสตั วท์ มี่ กี ำารเปลย่ี นแปลงรปู รำา่ งของวฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว์ เหมอื นกบั วฏั จกั รชวี ติ ของตกั๊ แตนมาำ 2 ชนดิ พรอ้ มเขยี นวฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว์ ชนิดน้นั ลงในกรอบ (แนวคาํ ตอบ) 456 วัฏจักรชวี ติ ของ ไก…………………………………………….. กจิ กรรมฝก ทกั ษะ 䢋 Ẻ½ƒ¡ËÑ´·º·Ç¹¤ÇÒÁÃÙŒ¤ÇÒÁࢌÒ㨠เฉฉบลับย เฉฉบลบั ย áÅоѲ¹Ò·Ñ¡ÉСÒäԴ¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ 1) จาำกภาำพ มวี ฏั จักรชีวิตของสตั ว์ก ช่ี นิด อะไรบ้าำง µÇÑ àµçÁÇÑ µÇÑ ÍÍ‹ ¹ 2 ชนิด คือ กวางและเตา............................................................................................................................................................................................................................................................................ (วาำดภำาพ) 2) นา�ำํ หมาำยเลขของสตั วแ์ ตล่ ะภาำพมำาเขยี นวัฏจกั รชีวิตของสัตวใ์ ห้ถกู ตอ้ ง วฏั จักรชีวติ ของ เตา................................................ วัฏจักรชีวิตของ กวาง............................................... วัฏจกั รชีวิตของ ปลา…………………………………………….. 6................. 䢋 4................. 1................. 5................. 3................. เฉฉบลับย 3) จาำกขอ้ 2) วฏั จักรชวี ติ ของสัตว์มคี วำามเหมอื นกนั หรอื ไม่ เพราำะเหตใุ ด µÇÑ àµÁç ÇÑ µÇÑ Í‹Í¹ (แนวคําตอบ) ไมเ หมอื นกนั เพราะเตา ออกลูกเปน ไข แตก วางออกลูกเปน ตวั ซึ่งการ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ท¡·Ô¨ÒŒา้ ·ท¡ÒาÃÂÃก¡ÁาÒรä´Ô ข¢éัÑน¹Êส§ูÙง ออกลูกไมเ หมอื นกันทาํ ใหม ีวัฏจกั รชีวติ แตกตางกนั............................................................................................................................................................................................................................................................................ (วำาดภำาพ) 37 36 ¾พ¨ิจารณ³า¢ขÍŒอมÙลู ทกèี่¡าíํ หËน´ด แลวŒ ตอÍบºคาํí ¶ถาม แม็คและแอนช่วยกันหาวิธีนํ�าแท่งแม่เหล็กเข้าใกล้เข็มทิศอันหนึ่งท่ีวางอยู่บนโต๊ะ ดังภาพ เมื่อวางแท่งแม่เหล็กเข้าใกล้เข็มทิศแล้ว ทิศทางการช้ีของเข็มทิศจะ ต้องคงเดิม áÁš¤ àÃÒ¨ÐàÅ×Í¡ ©Ñ¹Ç‹ÒàÃÒµŒÍ§´Ù·ÔÈ·èÕÍÂÙ‹ กิจกรรมทาทายการคิดข้นั สงู áÁ‹àËÅš¡áººä˹´Õ µíÒá˹‹§º¹à¢šÁ·ÔÈ¡‹Í¹¹Ð áŌǵŒÍ§ÇÒ§µÃ§ä˹ ¡Ô¨¡ÃÃÁà¾è×ÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹à¡Ô´·Ñ¡ÉСÒäԴÇÔà¤ÃÒÐˏ NjҪÕéä»·ÔÈä˹ ¡ÒäԴÊÌҧÊÃä áÅСÒäԴÍ‹ҧÁÕÇÔ¨ÒóÞÒ³ N เฉฉบลบั ย W E s ให้นักเรียนวาดภาพการน�ําแท่งแม่เหล็กเข้าใกล้เข็มทิศ เพ่ือช่วยแก้ปญหาของ แมค็ และแอน พร้อ มบอกเหตุผล (แนวคาํ ตอบ) N เลอื กใชแ้ มเ่ หล็กแบบ ทรงสเ่ี หลยี่ ม.................................................................... ท·ºบท·Çว¹น ·ทาŒ้ÒÂยËห¹น่‹วÇยÂก¡ÒารÃเàรÃÕีÂยน¹Ãร้ŒÙู จํา� นวนแทง่ แมเ่ หลก็ ทใี่ ช้ 1........................................แทง่ E เหตผุ ลการวางแทง่ แม่เ หลก็ เน่ืองจาก........................................... W เขม็ ทศิ ชไี้ ปทางทศิ เหนอื จงึ นาํ แทง แมเ หลก็ ขว้ั ใต.................................................................................................................................................. วางดานเหนือเข็มทิศ ทําใหเกิดแรงดึงดูด.................................................................................................................................................. s ระหวางเข็มทิศกับแทงแมเหล็กเปนผลใหเข็ม.................................................................................................................................................. ทิศชท้ี ิศทางเดิม.................................................................................................................................................. 4. นา�ํ แทง่ แมเ่ หลก็ 2 แทง่ มาทดลองเพอ่ื ระบขุ ว้ั แมเ่ หลก็ แตล่ ะแทง่ ไดผ้ ลดงั ตาราง วง ลอ้ มรอบคํา� ตอบที่ถกู ตอ้ งทสี่ ดุ การทดลอง ผลการทดลอง (วาดภาพ) 1. ขอ้ ใดกลา่ วเกี่ยวกบั แม่เ หล็กไมถ่ ูกตอ้ ง a Ab B เกิดแรงผลกั ก. แมเ่ หลก็ สามารถดึงดดู ตะปไู ด้ .................................................................................................................................................. ข. แมเ่ หลก็ ข้ัวเดยี วกนั จะมีแรงผลกั กัน B ba A ค. แมเ่ หลก็ สามารถดงึ ดูดโลหะบางชนดิ ได้ 87 ง. แมเ่ หล็กสามารถดึงดูดกระป๋อ งน้�าํ อัดลมได้ เกดิ แรงดงึ ดดู 2. ถา้ ใช้แ ทง่ แมเ่ หล็กคัดแยกวตั ถจุ ะสามารถคดั แยกวตั ถชุ นิดใดออกจากกนั ได้ ข้อใดกลา่ วถึงข้วั แม่เหล็กถกู ตอ้ ง ก. คัดแยกตะปอู อกจากประแจ ก. ข้วั A = ขวั้ เหนอื ขวั้ b = ข้ัวใต้ ข. คัดแยกยางออกจากพลาสตกิ ข. ข้ัว a = ขว้ั เหนอื ข้วั B = ขัว้ ใต้ ค. คัดแยกขวดแกว้ ออกจากขวดพลาสติก ค. ขวั้ A = ขว้ั ใต้ ข้ัว B = ข้ัวเหนือ ง. คัดแยกกระป๋องเหล็กออกจากแกนกระดาษทิชชู ง. ขว้ั a = ขวั้ ใต้ ขว้ั b = ขว้ั เหนอื เฉฉบลับย 5. แทง่ แมเ่ หลก็ มแี รงอยกู่ ี่ชนดิ อะไรบา้ ง เฉฉบลบั ย 3. ใช้แ ทง่ แมเ่ หล็กดงึ ดูดวัสดุ 3 ชนิด ไดผ้ ลดงั ตาราง ก. 1 ชนดิ มีแรงดงึ ดูด ข. 1 ชนดิ มแี รงผลกั ค. 2 ชนดิ มีแรงดึงดูดกับมแี รงผลกั ง. ถกู ทง้ั ก. และ ข. ผลการใชแ้ ทง่ แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู ทบทวนทา ยหนวยการเรยี นรู วัสดุ ดงึ ดูด ไมด่ งึ ดูด 6. ถา้ นา�ํ กระดาษสมดุ มาคนั่ ระหวา่ งแทง่ แมเ่ หลก็ กบั ตะปู จะเกดิ เหตกุ ารณใ์ นขอ้ ใด Ẻ·´Êͺà¾è×Í㪌»ÃÐàÁÔ¹ A✓ ก. แทง่ แมเ่ หลก็ ดงึ ดดู ตะปู ข. แท่งแมเ่ หลก็ ไมด่ ึงดดู ตะปู ¼ÅÊÑÁÄ·¸Ôì·Ò§¡ÒÃàÃÕ¹¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ ค. แทง่ แมเ่ หล็กผลักตะปู ง. ถูกทุกข้อ B✓ C✓ 7. ข้อใดไมใ่ ช่สมบตั ิของแมเ่ หลก็ ขอ้ ใดกลา่ วถึงวสั ดุ A B และ C ตามลา�ํ ดบั ได้ถกู ตอ้ ง ก. มีความแขง็ กว่า เหล็กกลา้ จึงใช้ใ นการกอ่ สร้า ง ก. ลวด โซ่ และตะปู ข. สามารถดูดสารแม่เ หลก็ จึงใช้แยกทองแดงได้ ข. ตะปู แกว้ และลวด ค. ขว้ั เหนือชีไ้ ปทางทิศเหนือและขว้ั ใตช้ ้ีไปทางทิศใตเ้ สมอ ค. ชอ้ น ตะปู และผ้ายาง ง. ภายนอกแทง่ แมเ่ หลก็ จะมเี สน้ แรงแมเ่ หลก็ มที ศิ พงุ่ ออกจากขว้ั เหนอื วน ง. กระป๋อ งอะลมู ิเนยี ม ชอ้ น และกระเบอ้ื ง เขา้ หาขวั้ ใต้ 88 89

สารบญั วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ».3 àÅ‹Á 1 1หนวยการเรยี นรูท ี่ àÃÂÕ ¹Ãnj٠·Ô ÂÒÈÒʵÏ 2 º··èÕ 1 ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ 2 กิจกรรมนําสกู ารเรียน 2 กิจกรรมฝกทักษะ 3 กิจกรรมทา ทายการคดิ ข้นั สูง 9 ทบทวนทา ยหนว ยการเรยี นรู 10 หนวยการเรียนรทู ี่ 2 ªÕÇÔµ¢Í§Á¹ÉØ ÂáÅÐÊѵǏ 14 º··Õè 1 »¨˜ ¨ÑÂ㹡ÒôÓçªÕÇµÔ ¢Í§Á¹ØÉáÅÐÊµÑ Ç 14 เฉฉบลับย กิจกรรมนาํ สูการเรียน กจิ กรรมท่ี 1 การดํารงชีวิตของมนุษย 14 15 กิจกรรมที่ 2 ปจ จยั ที่จําเปน ตอการดาํ รงชวี ิตของสัตว 19 23 กจิ กรรมฝก ทกั ษะ 27 กจิ กรรมทาทายการคดิ ข้นั สงู 28 º··èÕ 2 Ç¯Ñ ¨¡Ñ êÇÕ Ôµ¢Í§ÊѵǏ 28 กจิ กรรมนาํ สกู ารเรียน 29 กจิ กรรมท่ี 1 วฏั จกั รชีวติ ของสัตว 36 40 กจิ กรรมฝกทกั ษะ 41 กจิ กรรมทาทายการคดิ ขั้นสงู ทบทวนทายหนวยการเรยี นรู

3หนวยการเรียนรูที่ ÇÊÑ ´Ø¹Ò‹ ÃÙŒ 44 º··Õè 1 ¡ÒûÃСͺÇѵ¶áØ ÅСÒÃà»ÅÂèÕ ¹á»Å§¢Í§ÇÑÊ´Ø 44 กิจกรรมนําสกู ารเรียน กจิ กรรมท่ี 1 การประกอบวัตถุ 44 กิจกรรมที่ 2 ชอ็ กโกแลตแปลงรา ง 45 50 กจิ กรรมฝกทกั ษะ กจิ กรรมทา ทายการคดิ ขัน้ สงู 54 ทบทวนทา ยหนวยการเรยี นรู 57 58 2หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 áçáÅСÒÃà»ÅÂèÕ ¹á»Å§¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹·¢èÕ Í§ÇµÑ ¶Ø º··èÕ 1 áç¡ºÑ ¡ÒÃà¤Åè×͹·Õè¢Í§ÇµÑ ¶Ø 62 62 กิจกรรมนําสูก ารเรยี น กิจกรรมที่ 1 ชวยกันดึง ชวยกนั ผลัก 63 กิจกรรมท่ี 2 การเคล่ือนทข่ี องวัตถุ 66 กจิ กรรมที่ 3 แรงสมั ผัสและแรงไมส ัมผัส 69 เฉฉบลับย กิจกรรมฝกทกั ษะ 72 กจิ กรรมทาทายการคิดขนั้ สงู 74 º··Õè 2 áçáÁ‹àËÅç¡ 75 กิจกรรมนาํ สูการเรียน 75 กจิ กรรมที่ 1 สารแมเหลก็ 76 กิจกรรมที่ 2 แรงระหวา งแมเหลก็ 79 85 กจิ กรรมฝกทกั ษะ 87 กิจกรรมทา ทายการคดิ ขน้ั สงู 88 ทบทวนทา ยหนวยการเรียนรู 92 แบบบันทกึ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น

¡ÒÃËàùÕÂÇ‹ ¹Ì·Ù èÕ 1 àÃÂÕ ¹Ãnj٠·Ô ÂÒÈÒʵÏ º··èÕ 1 ¡Ãкǹ¡ÒÃ·Ò§Ç·Ô ÂÒÈÒʵÏ ¡น¨Ôําส¡ูกÃÃาÁรเรียน áŌǡšÊѧࡵNjҡ،§à¨ÃÔÞ àµÔºâµÍ‹ҧäôŒÇ¤ÃѺ ดูภาพและอา นสถานการณ แลวตอบคําถาม ¤‹Ð àÃÒª‹Ç¡ѹËÒ ¢ŒÍÁÙÅ¡ÒÃàÅÕé§¡ØŒ§ à´š¡ æ ´Ùʹء¡Ñº¡ÒÃàÅÕé§¡ØŒ§ÁÒ¡àÅ¹ШÐ เฉฉบลบั ย ´ÕÁÒ¡àŨŒÐ·ÕèÃÙŒ¨Ñ¡Êѧࡵ ÃÙŒ¨Ñ¡ËÒ ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧÇÔ·ÂÒÈÒʵÏ áÅŒÇÁÕÍÐäúŒÒ§¤ÃѺ ¢ŒÍÁÙÅáÅйíÒÁÒÇÔà¤ÃÒÐˏ ¹Õè໚¹ ໚¹Í‹ҧääРʋǹ˹Ö觢ͧ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧ ÇÔ·ÂÒÈÒʵÏàÅ¹ШÐ 1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรค อื อะไร ประกอบดวยอะไรบา ง วธิ ีการและขั้นตอนท่ีใชในการคน ควาหาความรแู ละแกป ญ หาทางวทิ ยาศาสตร แบง เปน............................................................................................................................................................................................................................................................................................ 1) วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร 3) จิตวิทยาศาสตร............................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร............................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2. ในชีวิตประจําวัน นักเรียนมีการใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรหรือไม ถามี ยกตวั อยา งประกอบ มกี ารใช เชน สงั เกตเห็นวา ผกั สวนครัวท่ีแมปลกู ไมค อ ยเจริญเตบิ โต จงึ ตง้ั คาํ ถามวาเปน............................................................................................................................................................................................................................................................................................ เพราะอะไร แลวรวบรวมขอมูลจากแหลงตาง ๆ รวมถึงสาเหตุท่ีอาจเกิดขึ้นดวยความ.................................................................................................................................................................................................................................................................................... 2 รอบคอบและสนใจใฝรู.........................................................................................................................................................................................................................................

¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ º··èÕ 1 1. อานสถานการณ แลวตอบคาํ ถาม หนูปุยซื้อช็อกโกแลตจากตลาด ขณะกําลังเดินกลับบาน ทามกลางอากาศรอนอบอาว หนูปุยไดแวะดูของอีกหลาย อยางตามรา นขางทาง เม่ือกลบั มาถงึ บา นหนปู ุยเปดกลอง ชอ็ กโกแลต พบวา ชอ็ กโกแลตเหลว หนูปยุ จึงเกดิ ขอสงสยั วา ชอ็ กโกแลตในกลอ งเหลวไดอ ยางไร จากสถานการณ ใหนักเรียนชวยหนูปุยหาคําตอบของขอสงสัยน้ี โดยใชวิธี การทางวิทยาศาสตร แลวเขียนอธิบายมาเปนขั้นตอนของกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร 1) ระบุปญหา เฉฉบลับย ทาํ ไมชอ็ กโกแลตในกลอ งจงึ เหลว............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 2) สมมติฐาน หากชอ็ กโกแลตเหลวเกดิ จากการไดร บั ความรอ น ดงั นน้ั เมอ่ื วางชอ็ กโกแลตไวก ลางแดด............................................................................................................................................................................................................................................................................. ชอ็ กโกแลตจะเหลว............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 3) รวบรวมขอ มูล ทดลองนาํ ชอ็ กโกแลตไปวางไวก ลางแดดและวางไวใ นตเู ยน็ สงั เกตการเปลย่ี นแปลงท่ี............................................................................................................................................................................................................................................................................. เกดิ ขนึ้ และเปรยี บเทยี บผล จากนนั้ หาขอ มลู เพม่ิ เตมิ............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 3

4) วิเคราะหข อ มลู ช็อกโกแลตที่วางไวกลางแดดจะเหลว เพราะกลางแดดมีความรอน สวนในตูเย็น............................................................................................................................................................................................................................................................................ มคี วามเยน็ ชอ็ กโกแลตจงึ แขง็ ตวั............................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 5) สรุปผล ความรอ นและความเยน็ มผี ลตอ การเหลวและการแขง็ ตวั ของชอ็ กโกแลต............................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 2. อานสถานการณ แลว ตอบคําถาม เฉฉบลับย ปอนดกําลังเปรียบเทียบความสามารถในการดูดซับน้ําของ ฟองนาํ้ 2 กอ น ทม่ี ขี นาดตา งกนั คอื ขนาดเลก็ และขนาดใหญ วากอ นใดสามารถดดู ซบั นาํ้ ไดป ริมาณมากท่ีสุด เม่อื ต้งั ทิ้งไว ในน้าํ นาน 2 นาที ใหนักเรยี นระบแุ ละกําหนดสง่ิ ตา ง ๆ ตามหัวขอการทดลองตอ ไปนี้ ¡Ò÷´ÅͧàÃè×ͧ à»ÃÕºà·Õº¤ÇÒÁÊÒÁÒö㹡Òôٴ«Ñº¹Òíé ¢Í§¿Í§¹Òéí 2 ¡ŒÍ¹ Ãкػ˜ÞËÒ ¢¹Ò´¢Í§¿Í§¹íéÒ Áռŵ͋ ¡Òôٴ«ºÑ ¹íéÒËÃÍ× äÁ‹ ÊÁÁµÔ°Ò¹ ËÒ¡¢¹Ò´¢Í§¿Í§¹íéÒÁռŵ͋ ¡Òô´Ù «Ñº¹Òéí ´§Ñ ¹Ñé¹ ¿Í§¹éíÒ¢¹Ò´ ãËÞ‹ ÊÒÁÒö´´Ù «Ñº¹Òéí ä´ŒÁÒ¡¡Ç‹Ò¿Í§¹Òéí ¢¹Ò´àÅ¡ç 4

1) ออกแบบการทดลองของกิจกรรมนี้ เฉฉบลับย วางแผนการทดลองโดยกาํ หนดวสั ดอุ ปุ กรณแ ละวธิ กี ารทดลอง โดยนาํ ฟองนาํ้ 2 กอ น............................................................................................................................................................................................................................................................................ ทม่ี ขี นาดตา งกนั คอื ขนาดเลก็ และขนาดใหญ ไปตงั้ ทงิ้ ไวใ นถาดทม่ี นี าํ้ ปรมิ าณเทา กนั............................................................................................................................................................................................................................................................................ ใบละ 1 กอ น นาน 2 นาที แลว บนั ทกึ ผลการสงั เกต............................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) กาํ หนดและควบคุมตัวแปรของกจิ กรรมนี้ • ตวั แปรตน ขนาดของฟองนาํ้.................................................................................................................................................................................................................................................................. • ตัวแปรตาม ความสามารถในการดดู ซบั นา้ํ ของฟองนา้ํ.................................................................................................................................................................................................................................................................. • ตวั แปรควบคมุ ปรมิ าณนา้ํ และระยะเวลาในการแชน า้ํ.................................................................................................................................................................................................................................................................. 3) กําหนดนิยามเชงิ ปฏิบัตกิ ารของกิจกรรมนี้ การดดู ซบั นา้ํ คอื ความสามารถหรอื สมบตั เิ ฉพาะตวั อยา งหนงึ่ ของฟองนาํ้ โดยสามารถ............................................................................................................................................................................................................................................................................ เปรยี บเทยี บการดดู ซบั นาํ้ ของฟองนาํ้ ไดจ ากการสงั เกตระดบั นาํ้ หรอื ปรมิ าณนาํ้ ทเี่ หลอื............................................................................................................................................................................................................................................................................ อยใู นถาด............................................................................................................................................................................................................................................................................ 4) การจดั กระทาํ และสอื่ ความหมายขอมลู ของกิจกรรมน้ี (ขึน้ อยกู บั การนาํ เสนอขอมูลของนักเรยี นแตละคน ใหอ ยใู นดลุ ยพินจิ ของครผู ูสอน) 5

3. ขีด ✓ ลงในชอ งรูป 2 มิติ และ 3 มติ ิ ทีส่ มั พนั ธกบั วัตถุ รูป 2 มติ ิ รปู 3 มติ ิ วัตถุ 1) ✓ ✓ 2) ✓ ✓ เฉฉบลับย 3) ✓ ✓✓ 4) ✓✓ 6

4. อา นขอมูล แลวตอบคาํ ถาม เวลา 10.00 น. มานะเหน็ อารยี ืนอยูท่หี นา บานของตนเอง และเม่อื เวลาผา นไป 5 นาที มานะก็เหน็ อารียืนคุยกบั ฟาใสอยทู ่หี นาบานของสมใจ การเปลี่ยนตําแหนงของอารีเปนความสัมพันธระหวางสเปซกับเวลาหรือไม เพราะเหตใุ ด เปนความสัมพันธระหวางสเปซกับเวลา เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตําแหนงท่ีอยูของอารี........................................................................................................................................................................................................................................................................................ กบั เวลาทผี่ า นไป........................................................................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................................................................ 5. ขีด ✓หนาขอทีเ่ ปนลกั ษณะของผูที่มจี ิตวทิ ยาศาสตรท ี่ดี และกา ✗ หนาขอ เฉฉบลบั ย ท่ีไมใชล กั ษณะของผทู ีม่ จี ติ วทิ ยาศาสตรท ่ดี ี ✗………………. 1) ตน กลา เลนเกมในโทรศพั ทม ือถือระหวา งที่ครกู ําลงั สอน ✓………………. 2) พลอยใสกับเพื่อน ๆ รวมกันออกแบบและวางแผนการ ทดลองกอ นทําการทดลองจรงิ ✓………………. 3) ศจยี อมรบั ฟง ความคดิ เหน็ ของเพอื่ น ๆ จากการอภปิ ราย และสรุปผลการสาํ รวจบรเิ วณโรงเรียน ✓………………. 4) ปุยทําการทดลอง เรื่อง ปจจัยการเจริญเติบโตของปลา โดยสงั เกตและจดบนั ทึกการเปลีย่ นแปลงทกุ วนั ✗………………. 5) แมวาฝนจะอภิปรายผลการทดลองรวมกับเพ่ือน ๆ แลว แตฝนก็ยังยืนยันที่จะทําตามความคิดเห็นของตนเอง โดยไมส นใจความคดิ เหน็ ของเพอ่ื น 7

6. สํารวจสมาชกิ ในหอ งเรียนวามีจํานวนเทาใด แลว จาํ แนกสมาชกิ โดยใชเ กณฑ ท่ีกําหนดเอง แลวนําขอมูลมาจัดกระทําในรูปแบบตาง ๆ เพ่ือนําเสนอขอมูล ใหเขา ใจงาย (แนวคาํ ตอบ : ขึ้นอยูกับเกณฑท่ีนักเรียนกําหนด และการนําเสนอขอมูลของแตละคน ใหอ ยใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู อน) (แนวคาํ ตอบ) สมาชิกของชั้น ป.3 ทงั้ หมด 30 คน...................................................... ................................................. เกณฑท ่ีใชจําแนก คือ เพศชาย เพศหญิง........................................................................................................................ เฉฉบลับย เพศชาย 14 คน เพศหญงิ 16 คน 8

·¡Ô¨ŒÒ·¡ÒÃÂáÁÒäԴ¢¹Ñé ʧ٠ศกึ ษาขอ มลู การทดลอง แลวตอบคาํ ถาม นชิ าตอ งการศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงรปู รา งของนาํ้ แขง็ เมอ่ื ตงั้ ทง้ิ ไวใ นระยะเวลาตา ง ๆ นชิ าจงึ นาํ นาํ้ แขง็ 1-2 กอ น ใสล งในบกี เกอรต ง้ั ไวท อี่ ณุ หภมู หิ อ ง จากนน้ั ทาํ การทดลอง และบันทึกผล ดังตาราง การทดลอง ผลการทดลอง ภาพผลการทดลอง ต้ังนํ้าแข็ง นาํ้ แข็งเร่มิ กลายเปนน้ํา ท้ิงไว 1 นาที ต้ังนํ้าแข็ง นํา้ แขง็ กลายเปน นํ้าเพ่ิมข้ึน ทิ้งไว 3 นาที ต้ังน้ําแข็ง นาํ้ แขง็ มขี นาดเลก็ ลง แตม นี าํ้ เพมิ่ ขนึ้ เฉฉบลบั ย ท้ิงไว 5 นาที 1. การทดลองของนิชาเกี่ยวของกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใดมาก ท่สี ดุ เพราะอะไร (แนวคําตอบ) ทักษะการหาความสัมพันธของสเปซกับเวลา เพราะเม่ือเวลาผานไปรูปราง......................................................................................................................................................................................................................................................................................... ของนํ้าแข็งจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ......................................................................................................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................................................................................................... 2. นิชาสามารถสรุปผลการทดลองนวี้ า อยางไร (แนวคําตอบ) จากการทดลอง พบวา เมื่อต้ังน้ําแข็งทิ้งไวเปนเวลา 5 นาที ขนาดของ......................................................................................................................................................................................................................................................................................... น้ําแข็งเปล่ียนแปลงไป คือ มีขนาดเล็กลง ดังน้ัน รูปรางของนํ้าแข็งจึงมีความสัมพันธ......................................................................................................................................................................................................................................................................................... กับเวลาที่เปลี่ยนไป......................................................................................................................................................................................................................................................................................... 9

·º·Ç¹ ·ÒŒ Â˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹Ì٠วง ลอ มรอบคาํ ตอบท่ีถูกตอ งท่สี ดุ 1. ขอใดเปน วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร ก. การวัด ข. การใชจํานวน ค. การตั้งปญหา ง. การพยากรณ 2. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข ัน้ ตอนใดทีน่ าํ ไปสูการสรุปผล ก. การทดลอง ข. การตง้ั สมมตฐิ าน ค. การกาํ หนดตวั แปร ง. การสรางแบบจาํ ลอง เฉฉบลบั ย 3. ขอใดเปน การตง้ั สมมตฐิ าน ก. นา้ํ มีความสาํ คญั ตอ การเจรญิ เตบิ โตของพืชหรือไม ข. ดังนัน้ นํา้ จึงเปน ปจจัยที่สาํ คัญตอการดาํ รงชีวติ ของพชื ค. หากพืชไดร ับน้ํามากเกนิ ความตองการ จะเกิดผลอยางไร ง. นาํ้ มคี วามสําคญั ตอพชื พชื จะเจริญเตบิ โตไดดีเม่อื ไดร ับนํ้า 4. กระบวนการทใี่ ชท กั ษะตา ง ๆ เชน การสงั เกต การจาํ แนก การวดั การพยากรณ เปน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ ด ก. การทดลอง ข. การตง้ั สมมตฐิ าน ค. การกําหนดและควบคุมตวั แปร ง. การกําหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัติการ 10

5. การบันทึกผลการทดลองทางวทิ ยาศาสตร ควรปฏิบตั ิอยา งไร ก. ซ่ือตรง ละเอียด วอ งไว ข. ซอ่ื ตรง รอบคอบ รวดเรว็ ค. รอบคอบ ซอื่ ตรง ละเอยี ด ง. รอบคอบ รวดเร็ว ละเอียด 6. ขอ ใดคอื ตัวแปรตามของการทดลองที่วา ปริมาณนาํ้ มผี ลตอ การเจรญิ เติบโต ของพืชหรือไม ก. ปริมาณการใหนํ้า ข. การเจรญิ เตบิ โตของพืช ค. พชื ที่นาํ มาทดลองมขี นาดเทา กนั ง. ปริมาณนา้ํ และการเจรญิ เตบิ โตของพชื 7. สเปซของวตั ถุคืออะไร เฉฉบลบั ย ก. มวลของวตั ถุ ข. นํ้าหนักของวตั ถุ ค. ความสูงของวตั ถุ ง. ทว่ี า งที่วตั ถคุ รอบครองอยู 8. ถา นักเรยี นหันหนา เขาหาดวงอาทิตยใ นตอนเย็น แลวทางดา นขวามือของ นกั เรยี นเปน ทิศใด ก. ทศิ ใต ข. ทศิ เหนือ ค. ทิศตะวนั ตก ง. ทิศตะวนั ออก 11

9. ภาพในขอใดเปนรปู 3 มิติ ทรงกระบอก ก. ข. ค. ง. 10. จากภาพ แกว นาํ้ อยูทางดา นใดของเดก็ หญงิ เฉฉบลบั ย ก. ดานหลงั ของเดก็ หญิง ข. ดา นหนาของเดก็ หญิง ค. ดานซา ยมือของเดก็ หญงิ ง. ดา นขวามือของเด็กหญิง 11. ขอมูลใดเปนการแสดงความสัมพนั ธร ะหวางสเปซกบั เวลาที่ถูกตอง ก. นํ้าแข็งละลาย ข. นา้ํ แขง็ กลายเปน น้าํ ค. น้าํ แขง็ ละลายทอี่ ุณหภูมิหอ ง ง. เม่อื ตง้ั นาํ้ แข็งทงิ้ ไว 5 นาที นํ้าแขง็ จะกลายเปน น้ํา 12

12. ฟา : ดใู บไมน ส่ี ิ มีหนอนกําลงั กินใบไม เฉฉบลบั ย ปยุ : กรดี๊ ! ฟา ฉันกลวั หนอน เอก: โธ ! ปยุ เราวา นา รักดีนะ ตัวอว นเปน ปลอ ง ๆ สเี ขยี ว วิว : พวกเรา นมี่ ันคอื หนอนผเี สื้อยงั ไงละ จากบทสนทนาดงั กลา ว คาํ พูดของใครเปน การลงความเห็นขอมลู ก. วิว ข. ฟา ค. ปยุ ง. เอก 13. ขอใดคือลักษณะของการจัดกระทาํ และสอื่ ความหมายขอ มลู ก. การแสดงความสัมพนั ธข องขอ มูลทั้งหมด ข. การลงขอสรุปของขอ มลู ทไี่ ดจากการสังเกต ค. การแปลความหมายหรอื บรรยายลกั ษณะขอมูลทีม่ ีอยู ง. การนาํ เสนอขอมูลดวยวธิ กี ารตา ง ๆ เชน แผนภาพ ตาราง 14. ขอใดเปน การใชทักษะการสรางแบบจาํ ลอง ก. อารีวาดรูปเพือ่ อธิบายการเจริญเตบิ โตของตนขา วโพด ข. ประพันธห าความสัมพันธของขอ มลู ท่ไี ดจากการสงั เกต ค. ธนาธรสงสยั วา ปุย มลู สัตวมปี ระโยชนตอ ตน ผักบุงหรอื ไม ง. มณแี ปลความหมายของขอ มูลทั้งหมดจากการบันทกึ ผลการทดลอง 15. บุคคลในขอ ใดขาดคณุ ลักษณะของผมู ีจติ วิทยาศาสตร ก. ปุยชอบสงั เกตสิ่งทอ่ี ยูรอบตวั ข. ฉายวางแผนการทาํ งานอยา งเปน แบบแผน ค. ฝนเชอ่ื วา ความคิดของตนเองเปนสิ่งถกู ตอ ง ง. เมยชอบแสวงหาความรแู ละพิสูจนความจริง 15 15คไะดแค นะนแเนตน็ม คไะดแค นะนแเนตนม็ 13

¡ÒÃËàùÕÂÇ‹ ¹÷ŒÙ Õè 2 ªÇÕ µÔ ¢Í§Á¹ÉØ ÂᏠÅÐÊµÑ Ç º··Õè 1 ỨŘ ¨ÐÊÂÑ Ñµã¹Ç¡ ÒôÒí çªÇÕ µÔ ¢Í§Á¹ÉØ Â ¡น¨Ôําส¡ูกÃÃาÁรเรียน ดภู าพและอา นสถานการณ แลว ตอบคําถาม ¶ŒÒÍÂÒ¡ãˌËҧ¡Ò¢ͧ¹Ñ¡àÃÕ¹à¨ÃÔÞàµÔºâµ ʋǹÊÙ§áÅÐ ¹éíÒ˹ѡà¾èÔÁ¢Öé¹ à´Ô¹áÅÐÇÔè§àÅ‹¹ä´Œ àÃҨеŒÍ§·íÒÍ‹ҧäúŒÒ§¤Ð เฉฉบลับย ´è×Á¹éíÒ ´×èÁ¹Á¤‹Ð ËÒÂã¨ÃѺÍÒ¡ÒȺÃÔÊØ·¸Ô줋Р¹¡Ñ àÃÂÕ ¹ÃäŒÙ ËÁ¤Ð ¡Ô¹¢ŒÒÇ ¡Ô¹¢¹Á¤ÃѺ Ç‹Ò ¢ŒÒÇ ¢¹Á ¹Á ÍÒ¡ÒÈ ºÃÔÊ·Ø ¸àÔì ËŋҹÕé àÃÕ¡ÃÇÁ¡Ñ¹ Ç‹ÒÍÐäà กา ✗ ทบั ภาพปจ จัยท่จี าํ เปน ตอการดาํ รงชวี ติ ของมนุษย 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 14

1. »˜¨¨ÂÑ ·è¨Õ Òí ໚¹µ‹Í¡ÒôíÒçªÇÕ Ôµ¢Í§Á¹ØÉ ¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè 1 ¡ÒôíÒçªÕÇÔµ¢Í§Á¹ØÉ ทักษะกระบวนการ ¨´Ø »ÃÐʧ¤ ทางวทิ ยาศาสตรท่ใี ช 1. สงั เกตและอธิบายสง่ิ ทีจ่ ําเปนตอการดํารงชวี ิต 1. การวัด 2. การสงั เกต และการเจริญเติบโตของมนษุ ย 3. การใชจาํ นวน 2. ตระหนักถึงประโยชนของอาหาร นํ้า และอากาศ 4. การลงความเหน็ จากขอมลู 5. การตีความหมายขอ มูลและลงขอ สรปุ 6. การหาความสัมพันธของสเปซกบั เวลา 7. การจดั กระทาํ และสื่อความหมายขอ มลู µÍŒ §àµÃÕÂÁµŒÍ§ãªŒ 1. กระดาษแข็ง 1 แผน 4. เครื่องวัดสว นสงู 1 เคร่อื ง 2. เคร่ืองชั่งน้าํ หนัก 1 เคร่อื ง 5. แหลง ขอ มูล เชน อนิ เทอรเนต็ 3. ขอ มูลนํ้าหนักและสว นสูงจากสมดุ รายงานสุขภาพประจําป เฉฉบลบั ย µÍ¹·Õè 1 Åͧ·íÒ´Ù 1. นกั เรยี นแตล ะคนชง่ั นา้ํ หนกั และวดั สว นสงู ของตนเอง แลว บนั ทกึ ผล 2. จดบันทึกขอมูลนํ้าหนกั และสว นสูงของตนเองในปทผ่ี า นมาจากครู 3. เปรยี บเทยี บนา้ํ หนกั และสว นสงู ทเี่ ปลย่ี นแปลงไปจากปท แ่ี ลว แลว บนั ทกึ ผล 4. สาํ รวจเพอ่ื นอกี 4 คน วา มกี ารเปลยี่ นแปลงของนา้ํ หนกั และสว นสงู เหมอื นตนเอง หรอื ไม แลว บนั ทกึ ผล µÍ¹·èÕ 2 1. แบง กลมุ จากน้นั ใหแ ตล ะกลมุ สบื คน ขอ มลู เกยี่ วกับปจจยั ที่จาํ เปนตอ การดาํ รง ชวี ติ และการเจริญเตบิ โตของมนษุ ย 2. รว มกนั อภปิ รายและสรปุ ขอ มลู ทไี่ ดจ ากการสบื คน แลว นาํ ขอ มลู มาจดั กระทาํ ใน รปู แบบตา ง ๆ เชน แผนผงั แผนภาพ ลงในกระดาษแขง็ และตกแตง ใหส วยงาม 3. นาํ เสนอผลงานเพ่ือแลกเปลีย่ นขอมลู กับเพ่อื นกลมุ อื่นภายในชัน้ เรยี น 15

ºÑ¹·¡Ö ¢ÍŒ ÁÅÙ µÍ¹·èÕ 1 ระบุปญ หา : ส่ิงที่จําเปนตอการดํารงชีวิตและการเจริญเติบโตของมนุษยมีอะไรบาง และแตล ะสิ่งมคี วามสําคญั อยางไร สมมตฐิ าน : (แนวคําตอบ) อาหารชว ยใหร างกายแขง็ แรงและเจรญิ เตบิ โต น้ําชวยใหร า งกาย............................................................................................................................................................................................................................................................. ทํางานไดต ามปกติ และอากาศใชใ นการหายใจ............................................................................................................................................................................................................................................................. µÒÃÒ§·Õè 1 บนั ทึกการเปลี่ยนแปลงของน้ําหนกั และสว นสูงของตนเอง ช่อื -นามสกุล ป นาํ้ หนกั และสวนสูงทม่ี กี ารเปล่ยี นแปลง 2562 2563 นํา้ หนัก สวนสูง น(้ํากหกน.)ัก ส(วซนมส.)งู น(าํ้กหกน.)กั ส(วซนมส.)งู เพมิ่ ขน้ึ ลดลง เพิ่มข้ึน ลดลง (ข้ึนอยูกับผลการเปรียบเทยี บ) µÒÃÒ§·èÕ 2 บันทึกการเปล่ยี นแปลงของนาํ้ หนกั และสวนสงู ของเพ่ือนรว มชน้ั เรียน เฉฉบลบั ย ป นํา้ หนกั และสวนสงู ที่มกี ารเปล่ียนแปลง ชอ่ื -นามสกุล 2562 2563 นา้ํ หนัก สว นสูง น้าํ หนกั สว นสงู น้าํ หนัก สวนสงู เพม่ิ ข้ึน ลดลง เพิ่มขึ้น ลดลง (กก.) (ซม.) (กก.) (ซม.) (ขน้ึ อยูก บั ผลการเปรยี บเทียบ) ÊÃ»Ø ¼Å จากการทํากจิ กรรม พบวา รา งกายของตนเองและเพอื่ น ๆ มีการเจริญเติบโต เพราะ มีน้าํ หนักและสว นสูงเพ่มิ ข้นึ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 16

µÍ¹·èÕ 2 สืบคนขอมูลปจจัยท่จี ําเปน ตอการดาํ รงชีวิตและการเจรญิ เตบิ โตของมนุษย 1. สบื คนขอ มูลการดาํ รงชวี ติ และการเจรญิ เตบิ โตของมนษุ ย (แนวคําตอบ) ปจตจอัยมทน่ีจุษําเยป น ประโยแชลนะข กอางรปเจจ รจิญยั เทต่ีมบิ ีผโตลขตออ งกมานรดษุ ํายร งชวี ติ อาหาร........................................................................ อาหารทคี่ วรรบั ประทานทุก ๆ วนั คอื อาหารหลัก 5 หมู............................................................................................................................................................................................ เพราะอาหารหลัก 5 หมู จะทําใหรางกายมีพลังงาน............................................................................................................................................................................................ ........................................................................ เจริญเติบโตแขง็ แรง และดํารงชีวิตอยูได............................................................................................................................................................................................ ........................................................................ นา้ํ........................................................................ เปน สว นประกอบทส่ี าํ คญั ของรา งกายและชว ยในการลาํ เลยี ง............................................................................................................................................................................................ เฉฉบลับย และขบั ถายของเสียออกจากรา งกาย............................................................................................................................................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ............................................................................................................................................................................................ อากาศ........................................................................ แกส ออกซเิ จนทอี่ ยใู นอากาศมคี วามจาํ เปน ตอ รา งกาย ทาํ ให............................................................................................................................................................................................ ระบบอวัยวะตาง ๆ ในรางกายทาํ งานไดต ามปกติ............................................................................................................................................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ............................................................................................................................................................................................ 2. นาํ ขอ มลู ทไี่ ดม าวาดภาพและเขยี นอธบิ ายลงในกระดาษแขง็ และนาํ เสนอผลงาน ÊÃ»Ø ¼Å จากการทาํ กจิ กรรม พบวา เปนปจ จยั ทจี่ ําเปนอาหาร นํ้า และอากาศ............................................................................................................... ตอการดํารงชีวิตและการเจริญเติบโตของมนุษย เพราะอาหารชวยใหรางกาย เจรญิ เตบิ โตและแข็งแรง นา้ํ ชวยใหรางกาย ทาํ งานไดอ ยางปกติ........................................................................................................................ .................................................................................................................... และอากาศใชใ นการหายใจเพอื่ ใหด ํารงชวี ิตอยไู ด............................................................................................................................................................................................. 157

˹µÙ ͺ䴌 1. ดภู าพ แลว บอกวา แตล ะภาพมคี วามสาํ คญั ตอ การดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ยอ ยา งไร 1 มนษุ ยต อ งการอาหารในการดาํ รงชวี ติ หากตอ งการ....................................................................................................................................... ใหร า งกายเจรญิ เตบิ โตและแขง็ แรง ตอ งรบั ประทาน....................................................................................................................................... อาหารใหค รบ 5 หมู....................................................................................................................................... อาหาร ....................................................................................................................................... 2 มนษุ ยต องดมื่ นา้ํ สะอาดอยางนอ ยวันละ 6-8 แกว....................................................................................................................................... เพราะน้ําชวยลําเลียงสารอาหารไปเล้ียงสวนตาง ๆ....................................................................................................................................... 3เฉฉบลบั ย น้าํ ของรา งกาย และชว ยในการลาํ เลยี งของเสยี ออกจาก....................................................................................................................................... รา งกาย ทําใหร า งกายทํางานไดต ามปกติ....................................................................................................................................... มนุษยตองการอากาศเพ่ือหายใจ หากขาดอากาศ....................................................................................................................................... เพยี ง 2-3 นาที อาจทาํ ใหเ สียชีวิตได....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... อากาศ ....................................................................................................................................... 2. ถาขาดอาหาร น้ํา หรืออากาศ จะสง ผลตอการดาํ รงชีวติ ของมนษุ ยอยา งไร รา งกายจะไมเจรญิ เติบโต ดาํ รงชวี ติ อยูอยางลาํ บาก และทําใหเสียชีวติ ได........................................................................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................................................................ 3. ในวันท่ีอากาศรอน หากไมมีนํ้าเปลา นักเรียนจะเลือกด่ืมนํ้าแตงโมปนหรือ น้ําสมปน เพราะเหตใุ ด นํา้ แตงโมปน เพราะเปน ผลไมท มี่ ีน้าํ มากและมรี สหวาน เมอ่ื ด่มื แลว ทาํ ใหรูส ึกสดชน่ื........................................................................................................................................................................................................................................................................................ น้าํ สม ปน เพราะเปน ผลไมท่ีมรี สเปรย้ี วและหวานกลมกลอม เม่ือดื่มแลวทาํ ใหรูสกึ สดช่ืน........................................................................................................................................................................................................................................................................................ หมายเหตุ : ขอ 3. นักเรยี นเลือกตอบขอ ใดก็ได ใหค รูพจิ ารณาเหตผุ ลสนับสนุน 168

2. »¨˜ ¨Ñ·Õè¨íÒà»¹š µ‹Í¡ÒôÒí çªÕÇµÔ ¢Í§ÊµÑ Ǐ ¡Ô¨¡ÃÃÁ·Õè 2 »¨˜ ¨Ñ·èÕ¨Òí ໚¹µÍ‹ ¡ÒôíÒçªÇÕ Ôµ¢Í§ÊµÑ Ǐ ทกั ษะกระบวนการ ¨Ø´»ÃÐʧ¤ ทางวิทยาศาสตรที่ใช 1. สงั เกตและอธิบายสง่ิ ทจ่ี ําเปนตอการดาํ รงชวี ติ 1. การวัด 2. การสงั เกต และการเจรญิ เตบิ โตของสัตวไ ด 3. การใชจ ํานวน 2. ตระหนักถึงประโยชนของอาหาร นาํ้ และอากาศ 4. การพยากรณ µÍŒ §àµÃÕÂÁµŒÍ§ãªŒ 5. การลงความเหน็ จากขอ มูล 6. การตีความหมายขอมูลและลงขอ สรุป 7. การหาความสมั พนั ธข องสเปซกับเวลา 8. การจดั กระทําและสือ่ ความหมายขอมลู 1. สําลี 1 แผน 5. แหลง ขอมลู เชน อินเทอรเน็ต หองสมดุ 2. ถาด 1 ใบ 6. โหลพรอ มของตกแตง 1 ใบ 3. สายวดั 1 เสน 7. ลูกปลาหางนกยูง 1 ตัว เฉฉบลบั ย 4. อาหารปลา 1 ซอง 8. กระชอนชอ นปลา 1 อัน Åͧ·íÒ´Ù µÍ¹·Õè 1 1. แบง กลมุ แลว ชว ยกนั จดั โหลปลาใหเ หมาะกบั การเปน แหลง ทอี่ ยขู องปลาหางนกยงู 2. สืบคน ขอมลู การเลยี้ งและการใชเคร่ืองมือวดั ความยาวของปลาหางนกยูง 3. คาดคะเนวา อกี 4 สปั ดาห ปลาหางนกยงู จะเปลย่ี นแปลงหรอื ไม แลว บนั ทกึ ผล 4. สงั เกตและวดั ความยาวของปลาหางนกยงู ทกุ สปั ดาห แลว บนั ทกึ ผล 5. แตละกลมุ รว มกนั อภิปรายและสรปุ ผล และนําเสนอหนาชั้นเรียน µÍ¹·Õè 2 1. แบง กลมุ แลว สบื คน ขอ มลู เกย่ี วกบั ประโยชนข องอาหาร นาํ้ และอากาศ ทมี่ ผี ล ตอการดาํ รงชวี ติ และการเจริญเติบโตของสตั ว 2. นําขอมูลมาจดั ทาํ เปนแผนภาพลงในกระดาษแข็ง แลว นําเสนอหนา ชัน้ เรยี น 19

º¹Ñ ·Ö¡¢ŒÍÁÙÅ µÍ¹·Õè 1 ระบุปญ หา : ถา ปลาหางนกยงู ไดร บั อาหาร นา้ํ และอากาศแลว จะมกี ารเปลย่ี นแปลง อยางไร สมมตฐิ าน : (แนวคาํ ตอบ) ปลาหางนกยูงจะมกี ารเปล่ียนแปลง โดยมีการเจริญเติบโตหรอื............................................................................................................................................................................................................................................................. มีขนาดใหญขึน้............................................................................................................................................................................................................................................................. สืบคน ขอมูลเกยี่ วกบั การเลย้ี งปลาหางนกยงู วิธีการเลย้ี งปลาหางนกยูง (ขึน้ อยกู ับนกั เรยี นสบื คน)............................................................................................................................................................................................................... เครือ่ งมือในการวัดการเจรญิ เติบโตของปลาหางนกยูง (ขึน้ อยกู ับนกั เรียนสบื คน).......................................................................................................... µÒÃÒ§ บันทกึ การเจริญเติบโตของปลาหางนกยูง (แนวคาํ ตอบ) เวลา คาดคะเน ผลการทดลอง สปั ดาหท่ี 1 ปลามกี ารเจรญิ เตบิ โต ปลามีลําตัวยาวกวา เดมิ 0.5 เซนตเิ มตรเฉฉบลับย .................................................................................... ......................................................................................................................................................... สัปดาหท่ี 2 ปลามีการเจริญเตบิ โต ปลามีลําตัวยาวกวา เดิม 1 เซนตเิ มตร.................................................................................... ......................................................................................................................................................... สปั ดาหท ี่ 3 ปลามีการเจริญเตบิ โต ปลามีลําตวั ยาวกวา เดิม 1.5 เซนติเมตร.................................................................................... ......................................................................................................................................................... สัปดาหที่ 4 ปลามกี ารเจรญิ เติบโต ปลามีลําตัวยาวกวา เดิม 2 เซนตเิ มตร.................................................................................... ......................................................................................................................................................... ÊÃ»Ø ¼Å จากการทํากิจกรรม พบวา เมื่อใหอาหารปลาหางนกยูงและเปลี่ยนน้ําทุก สัปดาห ปลาหางนกยูงมีรา งกาย เจรญิ เติบโตข้นึ..................................................................................................................................................................................... โดยปลาหางนกยูง มีความยาวของลําตวั ยาวข้ึนกวากอ นเริม่ เลย้ี ง.......................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................... 20

µÍ¹·Õè 2 สบื คนขอมูลปจจัยท่ีจําเปนตอการเจริญเตบิ โตของสัตว 1. ปจ จยั และประโยชนข องปจ จยั ทม่ี ผี ลตอ การดาํ รงชวี ติ และการเจรญิ เตบิ โต(ขแนอวงคสาํตั ตวอ บ) ปจจตัยอทส่จีัตาํ วเปน ประโยชแนลขะอกงาปรเจจจรยัิญทเมี่ติบผี โลตตขออกงาสรัตดวาํ รงชีวติ อาหาร ทําใหรา งกายเจริญเติบโตและดาํ รงชีวติ อยูได............................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................... ........................................................................................................................................................................... น้าํ............................................................................... ทําใหรางกายทํางานไดตามปกติ เพราะนํ้าเปน........................................................................................................................................................................... เฉฉบลับย สวนประกอบสาํ คญั ของรา งกาย หากขาดน้ําเปนเวลา........................................................................................................................................................................... ............................................................................... นาน สัตวจะตายได........................................................................................................................................................................... ............................................................................... แกสออกซิเจนท่ีมีอยูในอากาศมีความจําเปนตอ........................................................................................................................................................................... อากาศ............................................................................... รา งกายของสัตว ทําใหส ามารถดํารงชีวิตอยไู ด........................................................................................................................................................................... ............................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................... 2. นาํ ขอ มลู มาจดั ทาํ เปน แผนภาพลงในกระดาษแขง็ และนาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น ÊÃ»Ø ¼Å จากการทํากิจกรรม พบวา เปนปจจยั ทีจ่ ําเปนอาหาร นํา้ และอากาศ.................................................................................................................. ตอการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว เพราะอาหารชวยทําใหรางกาย เจริญเตบิ โตและแข็งแรง น้ําชวยใหรางกาย ทาํ งานไดอ ยา งปกติ และอากาศใช................................................................................................. .......................................................................................... ในการหายใจเพอื่ ใหส ามารถดาํ รงชีวติ อยูได.............................................................................................................................................................................................................................................. 21

˹µÙ ͺ䴌 1. เขยี นอธิบายความสําคัญของปจ จัยในการดาํ รงชีวิตของสัตว อาหาร นํ้า อากาศ สตั วท กุ ชนดิ ตอ งการอาหาร................................................................................... สตั วท ุกชนิดตองการนาํ้................................................................................... สตั วท ุกชนดิ ตอ งการ................................................................................... เพ่ือสรางพลงั งานสาํ หรบั................................................................................... ในการดาํ รงชีวติ ถา ขาด................................................................................... อากาศในการหายใจ เพือ่................................................................................... ทาํ กิจกรรมตาง ๆ ทําให................................................................................... น้าํ อาจทาํ ใหต ายได เพราะ................................................................................... ใหรา งกายทํางานไดตาม................................................................................... รา งกายเจรญิ เตบิ โต หาก................................................................................... น้ําเปน สว นประกอบ................................................................................... ปกติ หากไมมีอากาศ................................................................................... ขาดอาหาร สตั วจ ะตายได................................................................................... สําคัญในรางกาย................................................................................... สตั วจะตายได................................................................................... 2. จดั กลุมสตั วท่ีกาํ หนดให โดยใชการกินอาหารเปน เกณฑ เสอื ววั เปด เหย่ียว จระเข ฉลาม กวาง หมู สิงโต ชา ง มา เฉฉบลบั ย กระตา ย ไก กบ หนนู า กระรอก ฮปิ โป ยีราฟ หมี งู สัตวกินพืช สัตวกนิ สตั ว สัตวก นิ ทัง้ พืชและสตั ว ววั กวาง ชา ง กระตา ย มา................................................................................... จระเข เสอื สงิ โต ฉลาม งู................................................................................... เปด หมู ไก หมี หนนู า................................................................................... ฮปิ โป ยรี าฟ กระรอก................................................................................... กบ เหยย่ี ว................................................................................... ................................................................................... 3. สตั วท อ่ี าศัยอยใู นนํ้าตองการอาหารและนํ้าในการดาํ รงชีวติ นักเรยี นเห็นดว ย หรือไม อยางไร เห็นดวย เพราะสัตวท่ีอาศัยอยูในนํ้าเปนสิ่งมีชีวิตท่ีตองการอาหารและนํ้าเหมือนกับ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... สตั วท ่อี าศยั อยบู นบก...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ไมเ ห็นดว ย เพราะสตั วท อ่ี าศยั อยใู นนาํ้ ไมไ ดต อ งการแคอ าหารและนาํ้ แตต อ งการอากาศ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ที่อยใู นนาํ้ เพ่อื ดํารงชีวิต...................................................................................................................................................................................................................................................................................... หมายเหตุ : ขอ 3. นกั เรียนเลือกตอบขอใดก็ได ใหครพู จิ ารณาเหตุผลสนบั สนุน 22

¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ º··èÕ 1 1. สาํ รวจพฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารของตนเอง แลว บันทึกผลลงในตาราง พฤตกิ รรมการรับประทานอาหาร การกระทํา เปนประจาํ เปน บางครง้ั ไมเคยทาํ 1) ดม่ื นมสดอยางนอ ยวันละ 1 กลอง ....................................... ....................................... ....................................... 2) ด่มื น้าํ อยา งนอ ยวันละ 8 แกว (ขึ้นอยกู ับผลการสํารวจ)....................................... ....................................... ....................................... เฉฉบลับย 3) รบั ประทานอาหารรสจดื 4) รับประทานอาหารชนดิ เดียวซ้ํา ๆ ....................................... ....................................... ....................................... 5) รับประทานอาหารทท่ี งิ้ คา งคนื ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... 2. สาํ รวจและสงั เกตอาหารทต่ี นเองรบั ประทานใน 1 วัน และบอกชอื่ อาหารทมี่ ี น้ําเปนสว นประกอบในปริมาณมาก อาหารมื้อเชา อาหารมื้อกลางวนั อาหารม้ือเย็น ....................................................................................... (ข้นึ อยูกับผลการสาํ รวจ)....................................................................................... ...................................................................................... ....................................................................................... ...................................................................................... ....................................................................................... ....................................................................................... ...................................................................................... ....................................................................................... ....................................................................................... ....................................................................................... ...................................................................................... (แนวคาํ ตอบ) อาหารท่มี ีนา้ํ เปน สวนประกอบในปริมาณมาก ไดแ ก แกงจดื เตา หหู มสู บั........................................................................................ กว ยเตย๋ี ว ขา วตม ปลา แกงจดื กระดกู หมู และแกงจดื มะระยดั ไส........................................................................................................................................................................................................................................................................................ 23

3. โยงเสนภาพและขอความทีส่ ัมพันธกนั ÍÒËÒÃËÅÑ¡ 5 ËÁ‹Ù »ÃÐ⪹ ÀÒ¾ÍÒËÒà ᵋÅÐËÁÙ‹ คารโบไฮเดรต ใหพ ลงั งานสงู และให ความอบอุนแกรางกาย วิตามนิ จากผกั ใหพลงั งานและ ความอบอุน แกร างกาย เฉฉบลบั ย ไขมัน ชวยซอมแซมเน้ือเย่ือ สว นทีส่ กึ หรอ สรางกระดกู และกลา มเน้ือ ชว ยควบคมุ การทาํ งานของ โปรตีน รางกายใหเปนปกติ และมี ใยอาหารชว ยในการขบั ถา ย วิตามิน ชวยบํารุงผิว สขุ ภาพตา จากผลไม ปาก เหงอื ก และฟน 24

4. วาดภาพหรอื ตดิ ภาพบริเวณทม่ี อี ากาศบรสิ ุทธิ์ 2 ภาพ และตอบคําถาม (วาดภาพ/ตดิ ภาพ) ภาพนเ้ี ปน ภาพบรเิ วณ นํ้าตก............................................................. บริเวณนี้มีอากาศบริสุทธิ์ เพราะ มตี น ไมม าก จงึ ชว ยดดู ซบั แกส คารบ อนไดออกไซด.................................................................................................................................................. และคายแกส ออกซิเจน.................................................................................................................................................. อากาศทบี่ รสิ ุทธม์ิ ีผลดตี อรางกาย ดงั น้ี ทาํ ใหรา งกายสดช่นื สขุ ภาพแขง็ แรง.................................................................................................................................................. ภาพนเ้ี ปนภาพบรเิ วณ ภูเขา............................................................. เฉฉบลับย บริเวณนี้มอี ากาศบริสุทธิ์ เพราะ (วาดภาพ/ตดิ ภาพ) ไมค อ ยมผี คู นอาศยั หา งจากตวั เมอื ง ไมม กี ารปลอ ย.................................................................................................................................................. ควนั พษิ จากรถยนตและโรงงานอุตสาหกรรม.................................................................................................................................................. อากาศทบี่ รสิ ทุ ธิ์มีผลดตี อรา งกาย ดังน้ี ทาํ ใหรางกายสดชื่น สขุ ภาพแขง็ แรง.................................................................................................................................................. 5. ขีด ✓ หนา ขอความทถ่ี กู ตอง และกา ✗ หนา ขอ ความที่ไมถูกตอง ✓………………… 1) คนเราตองการอาหาร นา้ํ และอากาศ เพ่อื การดํารงชวี ติ และการ เจรญิ เตบิ โต ✗………………… 2) ใน 1 วนั เราควรด่ืมนํ้าวันละ 2-3 แกว ซึ่งจะเพยี งพอตอ การดาํ รง ชวี ติ ของเรา ✓………………… 3) เราตองรบั ประทานอาหารวันละ 3 ม้อื คือ มื้อเชา มอ้ื กลางวัน และม้อื เย็น ✓………………… 4) สัตวทกุ ชนิดถา ขาดอาหารเปนเวลานานจะทาํ ใหต ายได ✗………………… 5) สัตวตอ งการแกส คารบอนไดออกไซดใ นการหายใจ ✗………………… 6) สตั วท อ่ี าศยั อยใู นนาํ้ ตอ งการอาหารและนาํ้ เทา นนั้ ในการดาํ รงชวี ติ 25

6. ตอบคําถามตอ ไปน้ี 1) แกสท่ีสัตวใชในการหายใจเปน แกสชนดิ ใด แกส ทส่ี ตั วใ ชใ นการหายใจเขา ไป คอื แกส ออกซเิ จน............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 2) สัตวแ ตล ะชนดิ กนิ อาหารเหมอื นกันหรือไม อยา งไร สัตวแตละชนิดกินอาหารไมเหมือนกัน เพราะสัตวบางชนิดกินพืชเปนอาหาร............................................................................................................................................................................................................................................................................. สตั วบ างชนดิ กนิ สตั วเ ปน อาหาร และสตั วบ างชนดิ กนิ ทง้ั พชื และสตั วเ ปน อาหาร............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 3) สิง่ ใดบา งท่จี ําเปน ตอ การดํารงชีวิตและการเจริญเติบโตของสตั ว สง่ิ ทจี่ าํ เปน ตอ การดาํ รงชวี ติ ของสตั ว ไดแ ก อาหาร นา้ํ และอากาศ............................................................................................................................................................................................................................................................................. เฉฉบลบั ย ............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 4) เคนสังเกตเห็นวา นกกระจิบกินหนอนและผลไม ดังน้ัน หนอนและ ผลไมมคี วามสําคัญตอ นกกระจิบอยางไร หนอนและผลไมเ ปน อาหารสาํ หรบั นกกระจบิ ดงั นนั้ หนอนและผลไมจ ะชว ยใหร า งกาย............................................................................................................................................................................................................................................................................. ของนกกระจบิ เจรญิ เตบิ โต............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 5) แอนทดลองเลี้ยงแมลงสาบ 3 ตวั ไวใ นขวดแกว โดยใสอ าหารและนาํ้ ไว จากนน้ั แอนปด ฝาขวดจนแนน เพราะกลวั แมลงสาบจะหนอี อกจากขวดแกว จากการทดลองน้ี แมลงสาบขาดปจจยั ใดในการดํารงชีวติ เพราะเหตใุ ด แมลงสาบขาดอากาศ เพราะแอนปด ฝาขวดแกว อยา งสนทิ ทาํ ใหไ มม อี ากาศผา นเขา ไป............................................................................................................................................................................................................................................................................. หมนุ เวยี นในขวดแกว จงึ ทาํ ใหแ มลงสาบตายเมอ่ื อากาศในขวดแกว หมด............................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................. 26

·¡Ô¨ŒÒ·¡ÒÃÂáÁÒäԴ¢é¹Ñ ʧ٠พจิ ารณาขอมูลทก่ี ําหนด แลวตอบคําถาม ¤³Ø áÁ¤‹ Ð à¾×èÍãˌËҧ¡ÒÂÁÕ¾Åѧ§Ò¹ ·Òí äÁàÃҵ͌ § ÊíÒËÃѺ·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁáÅÐ ÃѺ»Ãзҹ ÍÒËÒÃãˤŒ ú ´íÒçªÕÇԵ䧨Ð 3 Á×éÍ ´ÇŒ ¤РÍÒËÒÃÍËÍÂáÅÐ ÍÒ¡ÒÈ´ÕÁÒ¡¤ÃѺ เฉฉบลับย 1. การรบั ประทานอาหารนอ ยกวา 3 ม้อื ตอวนั มีผลตอรางกายอยา งไร (แนวคาํ ตอบ) รา งกายไดร บั พลงั งานจากอาหารไมเ พยี งพอตอ ความตอ งการ และอาจขาดสาร................................................................................................................................................................................................................................................................................................ อาหารเพอื่ ชว ยซอ มแซมรา งกายทถี่ กู ใชง านในการทาํ กจิ กรรมระหวา งวนั................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2. นอกจากอาหาร น้าํ และอากาศ ยงั มีปจ จัยใดอกี บา งที่จําเปนตอ การดาํ รงชวี ิต ของมนุษย และแตละปจ จัยมีความสาํ คญั อยางไร (แนวคาํ ตอบ) ปจ จยั อน่ื ทจี่ าํ เปน ตอ การดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ย ไดแ ก................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 1) เครอ่ื งนงุ หม สาํ หรบั สวมใสร า งกาย เพอ่ื ปกปอ งรา งกายจากสภาพแวดลอ มรอบ ๆ ตวั................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) ทอ่ี ยอู าศยั สําหรบั ปอ งกนั อนั ตรายจากภัยตาง ๆ และเพือ่ การพกั ผอน................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 3) ยารกั ษาโรค เพอ่ื รกั ษาหรอื บรรเทาอาการเจ็บปว ย................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 27

º··èÕ 2 Ç¯Ñ ¨Ñ¡ÃªÕÇµÔ ¢Í§ÊµÑ Ǐ น¡¨Ôําส¡ูกÃÃาÁรเรียน à͍Ð... áÅŒÇÊѵǏ š٠Åͧ¤¹Œ ËÒ ª¹Ô´Í×è¹ æ ¢ÍŒ ÁÅÙ ´ÊÙ Ô ¶ÒŒ Ì٠ดูภาพและอา นสถานการณ แลวตอบคาํ ถาม ·ÕèäÁ‹ãª‹áÁŧ áÅŒÇÁÒàÅ‹Ò ãËŒ¤Ø³áÁ‹¿˜§ ¤Ø³áÁ‹¤Ð áÁŧµ‹Ò§ª¹Ô´¡Ñ¹ ઋ¹ ¹¡ áÁÇ ´ŒÇ¹ШÐ ¨ÐÁÕÇѯ¨Ñ¡ÃªÕÇÔµàËÁ×͹¡Ñ¹äËÁ¤Ð »ÅÒ ¾Ç¡¹Õé¨ÐÁÕ Çѯ¨Ñ¡ÃªÕÇԵ໚¹ Í‹ҧäáѹ¤Ð เฉฉบลบั ย äÁ‹àËÁ×͹¡Ñ¹¨ÐŒ ¼àÕ Ê×éÍ áÁŧ»Í ¼Öé§ ¡šÁÕÇѯ¨Ñ¡ÃªÕÇÔµäÁ‹àËÁ×͹¡Ñ¹¹Ð¨Ð นาํ คําที่กาํ หนดให เติมลงในชองวา งของวัฏจกั รชวี ติ ของสตั วแ ตละชนิด ตัวออ น ไข ดกั แด ตัวเตม็ วยั 1. ไข........................................ ตวั ออ น........................................ 2. ตวั เตม็ วยั........................................ ตวั เตม็ วยั........................................ ตวั เตม็ วยั........................................ ตวั ออ น........................................ 3. ตวั ออ น........................................ ดกั แด........................................ 4. ไข........................................ ตวั ออ น........................................ ตวั เตม็ วยั........................................ 28

Çѯ¨Ñ¡ÃªÇÕ µÔ ¢Í§ÊµÑ Ǐ ¡Ô¨¡ÃÃÁ·èÕ 1 Ç¯Ñ ¨Ñ¡ÃªÕÇÔµ¢Í§ÊµÑ Ǐ ทกั ษะกระบวนการ ¨´Ø »ÃÐʧ¤ ทางวิทยาศาสตรที่ใช 1. การสงั เกต 2. การสรา งแบบจําลอง 1. สรางแบบจําลอง เพือ่ บรรยายวฏั จกั รชวี ิตของสตั ว 3. การลงความเหน็ จากขอ มลู 2. เปรียบเทียบวฏั จกั รชีวติ ของสัตวบ างชนดิ 4. การตคี วามหมายขอมูลและลงขอสรุป 5. การหาความสมั พนั ธของสเปซกับเวลา 3. ตระหนกั ถงึ คณุ คา ของชวี ติ สตั ว โดยไมท าํ ใหว ฏั จกั ร 6. การจดั กระทําและส่ือความหมายขอมลู ชวี ติ ของสัตวเปล่ียนแปลง µŒÍ§àµÃÕÂÁµŒÍ§ãªŒ 1. โหล 1 ใบ 4. สายวัด 1 เสน เฉฉบลับย 2. ลูกปลาหางนกยูง 5. อาหารของปลาหางนกยงู 3. แหลงขอ มูล เชน อินเทอรเน็ต 6. อปุ กรณท ใ่ี ชใ นการสรา งแบบจาํ ลอง หอ งสมุด µÍ¹·Õè 1 Åͧ·Òí ´Ù 1. ครูแนะนาํ วิธกี ารเลยี้ งปลาหางนกยงู ใหน กั เรียนฟง 2. แบงกลุม จากน้ันใหแตละกลุมเลี้ยงปลาหางนกยูงเปนเวลา 3-4 สัปดาห เพอื่ ศกึ ษาวฏั จกั รชีวติ ของปลาหางนกยูง 3. สังเกตการเจรญิ เติบโตของปลาหางนกยูงทกุ วนั แลวบนั ทึกผล 4. นําขอ มลู ทสี่ งั เกตไดมาเขยี นแผนภาพแสดงวฏั จกั รชีวติ ของปลาหางนกยูง 5. นําเสนอแผนภาพและบรรยายวฏั จักรชีวิตของปลาหางนกยูงหนาชัน้ เรยี น หมายเหตุ : ครอู าจใหน กั เรยี นทดลองเลยี้ งสตั วช นดิ อนื่ เชน ยงุ แมลงสาบ ผเี สอ้ื 29

µÍ¹·èÕ 2 1. ตัวแทนของแตล ะกลุม ออกมาจบั สลากหวั ขอ เพื่อสบื คนขอมลู เกย่ี วกับวฏั จกั ร ชวี ติ ของสตั ว ดังนี้ วัฏจักรชวี ิต วฏั จกั รชีวติ ของยงุ ของกบ วัฏจักรชวี ิต วฏั จักรชีวิต ของผีเส้อื ของมนุษย เฉฉบลบั ย วฏั จกั รชีวิต วฏั จักรชวี ติ ของไก ของชาง 2. สืบคนขอมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับการดูแลรักษาวัฏจักรชีวิตของสัตวที่จับสลากได แลวบนั ทกึ ผล 3. นําขอมูลท่ีไดจากการสืบคนมาสรางแบบจําลองวัฏจักรชีวิตของสัตวชนิดน้ัน แลวเปรียบเทียบกบั วัฏจกั รชีวติ ของปลาหางนกยูงจากกิจกรรมตอนที่ 1 4. นําเสนอผลการเปรียบเทียบวัฏจักรชีวิตของสัตว พรอมบอกวิธีการดูแลรักษา วฏั จักรชวี ิตของสตั วหนา ชั้นเรยี น 5. รว มกนั อภปิ รายและสรปุ เกย่ี วกบั วฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว และการดแู ลรกั ษาวฏั จกั ร ชวี ติ ของสัตวแตล ะชนดิ หนาชน้ั เรยี น 30

º¹Ñ ·¡Ö ¢ŒÍÁÅÙ µÍ¹·Õè 1 ระบปุ ญ หา : หากสัตวทุกชนิดไดรับปจจัยในการดํารงชีวิตเหมือนกัน สัตวทุกชนิด จะมีวัฏจกั รชวี ติ เหมอื นกันหรือไม สมมตฐิ าน : (แนวคาํ ตอบ) สตั วอ าจมีวฏั จกั รชีวิตเหมือนหรอื แตกตางกันได............................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................. µÒÃÒ§ บันทกึ ผลการเจรญิ เติบโตของปลาหางนกยงู สปัสดปั าดหาห วนั วทนั ี่ท่ี ลักลษกัณษะณขอะขงปอลงปาหลางหนากงนยกงู ยูง สปั ดสาปัหด าหว ันทว่ี ันที่ลักลษักณษะณขอะขงปอลงปาหลางหนากงนยกงู ยูง 11 1 1 22 2 2 สัปสดปั าดหาทหี่ท ่ี 33 สปั ดสาัปหดท า่ี หท ี่ 33 11 44 33 4 4 เฉฉบลบั ย 55 55 66 (ขนึ้ อยูก ับผลการทดลอง) 6 6 77 7 7 11 1 1 22 2 2 สัปสดัปาดหาทหี่ท่ี 33 สปั ดสาปัหดทาี่ หที่ 33 22 44 44 4 4 55 55 66 6 6 77 7 7 31

µÍ¹·Õè 2 วาดแผนภาพวฏั จักรชวี ิตของปลาหางนกยงู µÑÇ͋͹ µÑÇàµçÁÇÑ (วาดภาพ) สืบคนขอ มลู เก่ยี วกับวฏั จักรชวี ติ ของสตั ว (แนวคาํ ตอบ) 1. สบื คน ขอ มลู เกย่ี วกบั วฏั จกั รชวี ติ ของสตั วแ ละการดแู ลรกั ษาวฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว • วัฏจกั รชวี ติ ของ ผีเส้ือ.............................................................................................................................................................................................................................. วัฏจักรชวี ติ ของผีเสือ้ แบง ออกเปน 4 ระยะ คอื ระยะไข ระยะตวั ออ น ระยะดกั แด และ........................................................................................................................................................................................................................................................................................ เฉฉบลบั ย ระยะตัวเต็มวยั........................................................................................................................................................................................................................................................................................ • การดูแลรักษาวัฏจกั รชีวิตของ ผีเส้ือ.......................................................................................................................................................................... ไมควรทําลายระยะใดระยะหน่ึงของวัฏจักรชีวิตของผีเส้ือ ไมใชยาฆาแมลงในพ้ืนที่........................................................................................................................................................................................................................................................................................ การเกษตร........................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2. นาํ ขอ มลู ที่สบื คนมาสรางแบบจําลองวฏั จกั รชวี ิตของสัตว Ç¯Ñ ¨¡Ñ êÇÕ µÔ ¢Í§¼àÕ Ê×éÍ (แนวคาํ ตอบ) 䢋 µÇÑ àµçÁÇÂÑ µÇÑ Í‹Í¹ ´¡Ñ á´Œ (วาดภาพ) 32

(แนวคําตอบ) 3. เปรียบเทียบวัฏจักรชวี ติ ของสตั วท สี่ บื คนกบั วฏั จกั รชวี ิตของปลาหางนกยูง 䢋 µÇÑ Í‹Í¹ µÇÑ ÍÍ‹ ¹ µÇÑ àµÁç ÇÑ µÇÑ àµÁç ÇÑ (วาดภาพ) ´Ñ¡á´Œ (วาดภาพ) รายการเปรียบเทียบ ปลาหางนกยงู ผีเสื้อ...................................................................................... เปนไข................................................................................................... การออกลกู.................................................... เปนตวั................................................................................................... ................................................................................................... .................................................... ................................................................................................... เฉฉบลบั ย มี 4 ระยะ คอื ระยะไข ระยะตวั ออ น................................................................................................... วัฏจักรชีวิต.................................................... มี 2 ระยะ คือ ระยะตวั ออ น................................................................................................... ระยะดักแด และระยะตวั เต็มวัย................................................................................................... ของสตั ว.................................................... และระยะตวั เตม็ วยั................................................................................................... มลี กั ษณะแตกตา งกนั ตวั ออ นมี................................................................................................... มลี ักษณะคลา ยคลงึ กนั................................................................................................... การเปลี่ยนแปลงรูปรา ง................................................................................................... ตัวออ นกับ.................................................... เจริญเติบโตบนบกทุกระยะ................................................................................................... ตัวเตม็ วัย.................................................... ................................................................................................... ................................................................................................... แหลง ทอ่ี ยู.................................................... เจรญิ เตบิ โตในนํ้าทุกระยะ................................................................................................... .................................................... ................................................................................................... ÊÃ»Ø ¼Å จากการทาํ กิจกรรม พบวา เมื่อไขข องสตั ว เชน ไดร ับการผสมพันธุผีเส้ือ ยุง.................................. และตวั ออ นเจรญิ เติบโต ซ่ึงในชวงน้ตี ัวออ นจะ…จ…ะ…เจ……ร…ญิ ……เป……น…ต……วั …อ…อ…น…….. มีการเปลย่ี นแปลง................................................................... ร……ูป…ร…า…ง……อ…ย…า …ง…เ…ห…น็……ไ…ด…ช……ัด…..สว นสตั ว เชน …ป…ล……า…ห…า…ง…น……ก…ย…งู ……ช…า …ง……ไ…ม…ม …กี ……าร……เป……ล…ย่ี …น……แ…ป…ล…ง……ร…ปู …ร…า…ง…ข…อ…ง……ต…วั …อ…อ …น…. เม่ือสัตวเ หลา นี้กลายเปนตวั เตม็ วยั จะสามารถสืบพันธุได.............................................................................................................................................................................. แลว หมุนเวยี นเปนวัฏจักรของสัตวท เี่ หมอื นหรอื แตกตางกนั 33

˹ٵͺ䴌 1. ดภู าพ แลว บอกวา สัตวท้ัง 2 ชนดิ มีวัฏจักรชวี ติ เหมือนกนั หรอื ไม อยา งไร วัฏจักรชีวิตของมากับต๊ักแตนแตกตางกัน เพราะมาออกลูกเปนตัว และมีวัฏจักรชีวิต...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 2 ระยะ คอื ระยะตวั ออ นและระยะตัวเตม็ วยั สว นตก๊ั แตนออกลกู เปน ไข และมีวฏั จักรชีวิต...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 3 ระยะ คอื ระยะไข ระยะตัวออน และระยะตวั เตม็ วยั...................................................................................................................................................................................................................................................................................... 2. ดภู าพ แลว บอกวา วฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว 2 ชนดิ มคี วามเหมอื นและแตกตา งกนั เฉฉบลบั ย อยางไร ความเหมอื นกนั ความแตกตางกัน กบและผเี สอ้ื ออกลกู เปนไขเหมอื นกัน.................................................................................................................................. 1) วัฏจักรชีวิตของกบและผีเสื้อตางกัน.................................................................................................................................. คือ กบมีวัฏจักรชีวติ 3 ระยะ สว น.................................................................................................................................. .................................................................................................................................. ผเี สอ้ื มวี ฏั จกั รชวี ติ 4 ระยะ.................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 2) ระยะตัวออนของกบเจริญเติบโตใน.................................................................................................................................. .................................................................................................................................. นํา้ สวนของผีเสอื้ เจริญเติบโตบนบก.................................................................................................................................. .................................................................................................................................. ทุกระยะ.................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 34

3. ตดิ ภาพวธิ ีการดแู ลรกั ษาวฏั จกั รชีวติ ของสตั วม า 2 วธิ ี พรอมอธบิ ายการดแู ล รักษาวฏั จักรชีวติ ของสตั วมาพอสังเขป 1 จากภาพ เปนการดูแลวัฏจักรชีวิตของสัตว อยา งไร เปนการอนุบาลสัตวท่ีเปนตัวออน เพื่อใหรางกาย......................................................................................................................................................................... แขง็ แรง พรอ มเจริญเติบโตเปน ตวั เตม็ วัยได......................................................................................................................................................................... (ติดภาพ) ......................................................................................................................................................................... 2 จากภาพ เปนการดูแลวัฏจักรชีวิตของสัตว อยางไร การติดปายหามจับปลาในฤดูวางไข เปนการปองกัน......................................................................................................................................................................... วฏั จกั รชวี ติ ของสัตวใหดาํ เนนิ ตอ ไปจนครบสมบูรณ......................................................................................................................................................................... เฉฉบลบั ย (ติดภาพ) ......................................................................................................................................................................... 4. หากนักเรียนตองเลือกศึกษาวัฏจักรชีวิตของสัตวชนิดหนึ่ง นักเรียนจะเลือก ศึกษาปลาหางนกยูงหรอื ผเี สือ้ เพราะเหตุใด ปลาหางนกยูง เพราะเปน สัตวท ่ีหาไดงาย วฏั จักรชวี ิตไมซ ับซอน มีวฏั จักรชีวติ 2 ระยะ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... คอื ระยะตัวออนและระยะตัวเตม็ วยั และใชระยะเวลาในการศึกษาไมน าน...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ผีเส้ือ เพราะผีเส้อื สามารถพบไดตามธรรมชาติ มวี ฏั จักรชีวติ 4 ระยะ คอื ระยะไข ระยะ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ตัวออ น ระยะดักแด และระยะตัวเตม็ วยั ใชระยะเวลาในการศกึ ษาพัฒนาการของผเี ส้ือ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ไมน านมาก...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................................................... หมายเหตุ : ขอ 4. นักเรยี นเลอื กตอบขอ ใดกไ็ ด ใหครูพิจารณาเหตุผลสนับสนนุ 35

¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ 3 º··Õè 2 1. ดูภาพสตั ว แลว ตอบคาํ ถามตอไปนี้ 12 456 เฉฉบลบั ย 1) จากภาพ มวี ฏั จกั รชีวิตของสตั วก ี่ชนิด อะไรบา ง 2 ชนดิ คอื กวางและเตา............................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) นาํ หมายเลขของสัตวแตล ะภาพมาเขยี นวฏั จกั รชวี ติ ของสัตวใหถูกตอ ง วฏั จกั รชวี ติ ของ เตา................................................ วัฏจักรชีวิตของ กวาง............................................... 6................. 4................. 1................. 5................. 3................. 3) จากขอ 2) วฏั จักรชวี ิตของสตั วม คี วามเหมือนกันหรือไม เพราะเหตุใด (แนวคาํ ตอบ) ไมเ หมอื นกนั เพราะเตา ออกลกู เปน ไข แตก วางออกลกู เปนตัว ซง่ึ การ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ออกลูกไมเหมอื นกนั ทาํ ใหมีวัฏจักรชีวิตแตกตา งกนั............................................................................................................................................................................................................................................................................ 36

2. ตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี 1) วฏั จกั รชีวติ ของสัตวคอื อะไร (แนวคาํ ตอบ) เปนลักษณะการเปลี่ยนแปลงรูปรางของสตั ว ตง้ั แตระยะแรกเกดิ จน............................................................................................................................................................................................................................................................................ มกี ารเจรญิ เติบโตและพฒั นาไปเปนระยะตวั เตม็ วัย สามารถสบื พนั ธุแ ละใหกําเนดิ ไข............................................................................................................................................................................................................................................................................ หรอื ตัวออนใหมได โดยจะเกดิ วนซ้าํ ตอ ไปเร่ือย ๆ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 2) ยกตวั อยา งชนดิ ของสตั วท ม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงรปู รา งของวฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว เหมอื นกบั วฏั จกั รชวี ติ ของตกั๊ แตนมา 2 ชนดิ พรอ มเขยี นวฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว ชนดิ น้ันลงในกรอบ (แนวคาํ ตอบ) วัฏจกั รชวี ิตของ ไก…………………………………………….. 䢋 เฉฉบลับย µÇÑ àµçÁÇÑ µÇÑ ÍÍ‹ ¹ (วาดภาพ) วฏั จักรชีวิตของ ปลา…………………………………………….. 䢋 µÇÑ àµÁç ÇÂÑ µÇÑ Í‹Í¹ (วาดภาพ) 37

3) วาดภาพวัฏจักรชีวิตของกบลงในกรอบ พรอมบอกช่ือสถานะแตละระยะ ของวฏั จักรชวี ิตของกบ 䢋 (แนวคาํ ตอบ) µÑÇàµÁç ÇÂÑ µÑÇ͋͹ (วาดภาพ) 4) การเจริญเติบโตของกบในระยะตัวเต็มวัยชวยใหกบสามารถมีชีวิตรอดใน สง่ิ แวดลอ มไดอ ยางไร (แนวคําตอบ) กบสามารถหาอาหารไดเอง สามารถปองกันตัวเองและหลบภัยจาก............................................................................................................................................................................................................................................................................ ศัตรใู นธรรมชาติได............................................................................................................................................................................................................................................................................ เฉฉบลบั ย 5) เปรียบเทียบวัฏจักรชีวิตของสัตวเล้ือยคลานวาเหมือนหรือแตกตางจาก วฏั จกั รชีวิตของกบลงในตาราง (แนวคําตอบ) 38 รายการเปรียบเทยี บ กบ สตั วเลอ้ื ยคลาน การออกลูก เปนไข........................................................................................ เปน ไข........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ วฏั จักรชวี ติ มี 3 ระยะ คอื ระยะไข ระยะ........................................................................................ มี 3 ระยะ คอื ระยะไข ระยะ........................................................................................ ตัวออน และระยะตวั เตม็ วัย........................................................................................ ตวั ออน และระยะตวั เต็มวยั........................................................................................ ตัวออ นกับ ตัวออนมีการเปลี่ยนแปลง........................................................................................ ไมม กี ารเปลยี่ นแปลงรปู รา ง........................................................................................ ตวั เต็มวัย รปู ราง........................................................................................ ........................................................................................ แหลง ที่อยู ไขแ ละตวั ออ นจะเจรญิ เตบิ โต........................................................................................ วางไขบ นบก สามารถเจรญิ........................................................................................ ในนํา้ เมื่อตัวเต็มวยั จะเจริญ........................................................................................ เตบิ โตไดท งั้ ในนา้ํ และบนบก........................................................................................ เตบิ โตบนบก........................................................................................ ........................................................................................ วัฏจกั รชีวติ กบ https://www.aksorn.com/interactive3D/RB321

3. วาดรูปสตั วเ ลย้ี งทต่ี นเองชอบ แลวตอบคาํ ถาม 1) วาดวฏั จกั รชวี ติ ของสตั วเ ลย้ี งทตี่ นเองชอบลงในกรอบ พรอ มอธบิ ายแตล ะระยะ วัฏจักรชีวติ ของ แมว.............................................................. (แนวคาํ ตอบ) µÇÑ ÍÍ‹ ¹ µÇÑ àµçÁÇÂÑ (วาดภาพ) 2) อ(แานหวาครําขตอองบส) ัตอวาหช านริดเมนด็ ้ี สไําดหแ รกบั อ แะมไวรเบนา ้อื งปลา เนื้อปรุงสกุ ขา ว............................................................................................................................................................................................................................................................................ เฉฉบลบั ย ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 3) วธิ กี ารเล้ียงดูและดูแลสตั วชนิดน้ี (แนวคาํ ตอบ) ใหอ าหารทถี่ กู ตอ งเหมาะสมในแตล ะชว งวยั และความตอ งการของสายพนั ธุ............................................................................................................................................................................................................................................................................ ฝก ใหก ินเปนเวลา ฝก ใหขับถายเปน ท่ีเปน ทาง และจดั หาพนื้ ทใี่ หว่งิ ออกกําลัง สวน............................................................................................................................................................................................................................................................................ วิธกี ารดูแล แปรงขนบอย ๆ เพือ่ กําจัดขนที่หลุดรว ง ฉีดวคั ซนี และตรวจสุขภาพอยา ง............................................................................................................................................................................................................................................................................ สมํา่ เสมอ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 4) ในชวี ิตประจําวันของนกั เรียนการเลยี้ งสตั วม ีประโยชนหรือไม อยา งไร (แนวคําตอบ) มปี ระโยชนใ นชีวิตประจาํ วัน เพราะฝกใหเ รารูจ กั รับผดิ ชอบในการให............................................................................................................................................................................................................................................................................ อาหาร อาบนาํ้ พาไปเดนิ เลน นอกจากนี้ ยังฝก ใหเ ราเปนคนออ นโยน รูจ กั การ............................................................................................................................................................................................................................................................................ เสยี สละ เหน็ อกเหน็ ใจ และมเี มตตาตอ สตั ว............................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................................ 39

¡·Ô¨ÒŒ ·¡ÒÃÂáÁÒä´Ô ¢Ñé¹Ê§Ù พิจารณาขอมลู ท่ีกําหนด แลว ตอบคําถาม ¨Ò¡ÍÒ¡ÒÃàºé×ͧµŒ¹ ä´Œ¤‹Ð ¤Ø³ËÁÍ ¹ÍŒ §ÍͿ໚¹ »Ç´ËÑǨѧ¤ÃѺ 䢌àÅ×Í´ÍÍ¡¹Ð¤ÃѺ µÍ¹¹éÕ¡íÒÅѧÃкҴÍÂÙ‹ ¤Ø³áÁ‹¡ÅѺºŒÒ¹ä» ¨ÐµŒÍ§¡íҨѴáËÅ‹§·ÕèÍÂÙ‹ ¢Í§ÂاÅÒ¹ФÃѺ เฉฉบลบั ย 1. หากแมของนองออฟกําจัดยุงลายในบานดวยสเปรยฉีดยุง จะสามารถกําจัดยุง ที่เปน พาหะนาํ โรคไขเ ลอื ดออกใหหมดไปไดห รือไม เพราะเหตุใด (แนวคําตอบ) ไมสามารถกําจัดไดหมด เพราะการฉดี สเปรยเปนการกําจดั ตวั เต็มวยั ของยงุ................................................................................................................................................................................................................................................................................................ แตยงั คงเหลอื แหลงเพาะพันธทุ ไี่ มไ ดก ําจัด ซึ่งทาํ ใหลูกนาํ้ เจริญเติบโตเปนยงุ ลายตอไป................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 2. หากวัฏจักรชีวิตของยุงลายชวงใดชวงหนึ่งถูกกําจัด จะสงผลกระทบกับยุงลาย อยา งไร และนักเรยี นควรกําจัดวัฏจกั รชีวติ ของยุงลายในบานหรอื ไม อยา งไร (แนวคาํ ตอบ) ทาํ ใหว ฏั จกั รของยงุ ลายหยดุ ชะงกั และไมส ามารถแพรพ นั ธไุ ด ควรกาํ จดั วฏั จกั ร................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ชวี ติ ของยงุ ลายในบา น โดยทาํ ลายแหลง นา้ํ ขงั ทเ่ี ปน แหลง เพาะพนั ธขุ องยงุ ลายซงึ่ เปน สาเหตุ................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ของโรคไขเลอื ดออก................................................................................................................................................................................................................................................................................................ 40

·º·Ç¹ ·ŒÒÂ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹Ì٠วง ลอ มรอบคาํ ตอบทีถ่ ูกตองทีส่ ุด 1. ขอ ใดเปนปจ จัยจําเปน ตอการดาํ รงชีวติ และการเจริญเตบิ โตของมนุษยแ ละสตั ว ก. นาํ้ อาหาร อากาศ ข. อาหาร อากาศ เสือ้ ผา ค. นาํ้ อาหาร ยารกั ษาโรค ง. อาหาร อากาศ ยารักษาโรค 2. อาการใดท่ีแสดงวารางกายของเรากําลังขาดนา้ํ ก. ปากแหง ข. หาวบอย ค. ปส สาวะบอ ย ง. เล็บมอื เปนดา งขาว 3. แกวทดลองเลย้ี งหนอนผีเสอ้ื 3 ตัว ในขวดแกวที่ปด ฝาสนิท โดยมีใบไมแ ละน้ํา ไวให ผา นไประยะเวลาหนง่ึ หนอนผีเสอ้ื ตายเปนเพราะสาเหตใุ ด ก. น้าํ ไมเพียงพอ ข. ใบไมไมเ พียงพอ ค. ขาดอากาศหายใจ ง. หนอนผเี สอ้ื กัดกันเอง เฉฉบลับย 4. บุคคลในขอใดทไ่ี ดร ับอากาศบริสทุ ธิ์ ก. กบชว ยกอ ยแยกขยะจากกองขยะ ข. ฝน นง่ั ขายพวงมาลยั อยใู นเพิงพักริมถนน ค. นํา้ นง่ั อยูร มิ ทะเล เพ่อื มองพระอาทิตยต กดิน ง. ดินเกบ็ ผักตบชวาทที่ บั ถมเนาเสยี ใหพ นเสนทางนา้ํ ไหล 5. การรับประทานอาหารครบ 5 หมู รา งกายจะไดร ับประโยชนจากขอ ใดมากทสี่ ุด ก. เพือ่ ใหอมิ่ และไมเกดิ การเบอื่ อาหาร ข. เพอ่ื ใหไ ดร ับรสชาติอาหารที่หลากหลาย ค. เพ่ือใหรา งกายเจริญเติบโตและมคี วามตา นทานตอโรค ง. เพ่ือใหไดร ับรสชาตอิ าหารครบถว นและไมเกิดอาการหิวบอย 41

6. ปรมิ าณอาหารประเภทใดมสี ว นสมั พนั ธต อ การเจรญิ เตบิ โตของรา งกายมากทส่ี ดุ ก. ไขมนั ข. โปรตนี ค. วติ ามนิ ง. คารโบไฮเดรต 7. จากภาพ ถากําหนดใหหมายเลข 1 เปนตวั เต็มวัยของแมลงวนั หมายเลข 3 และ 4 จะเปน การเจรญิ เติบโตในชวงระยะใด 2 ก. ไขแ ละหนอน ข. หนอนและตวั โมง 1 3 ค. ตวั โมงและดกั แด 4 ง. หนอนและดกั แด 8. สตั วคูใดมวี ัฏจกั รชวี ติ ของสัตวตามการเปลี่ยนแปลง ดงั แผนภาพ เฉฉบลับย ไข ตวั ออ น ดกั แด ตัวเต็มวัย ก. ตกั๊ แตน ยงุ ข. ผีเสอ้ื ผงึ้ ค. กบ แมลงวัน ง. มด แมลงปอ 9. สัตวในขอใดมวี ัฏจกั รชวี ิตของสตั วเ หมอื นจระเข ก. วาฬ ข. โลมา ค. เตา ง. พะยนู 10. สัตวค ูใ ดมกี ารเปล่ียนแปลงรูปรางแบบสมบรู ณเ ปน 4 ระยะ หลังจากทฟี่ ก ออกจากไข ก. แมลงหว่ี มด ข. แมลงวนั ต๊กั แตน ค. ดวงกนกระดก ปลวก ง. แมลงปอ แมลงเตา ทอง 42

11. สตั วช นดิ ใดทม่ี วี ฏั จกั รของชวี ติ เรมิ่ ตน อยใู นนาํ้ เมอื่ เจรญิ เตบิ โตจนเปน ตวั เตม็ วยั จึงขน้ึ มาอาศยั อยบู นบก ก. งู ข. กบ ค. เตา ง. จระเข 12. “การกําจัดยงุ ลายตอ งชวยกันกาํ จดั แหลงนํา้ ขงั และปดฝาโองน้าํ ” จากขอความ ขางตน เปน การปอ งกนั และการจาํ กดั การแพรพ ันธขุ องยงุ ลายไดอ ยางไร ก. ปองกันไมใหย ุงลายเขาไปวางไข ข. ปองกนั ไมใหย งุ ลายเขา ไปอยอู าศัย ค. ปอ งกันยงุ ลายตัวเตม็ วัยไมใหบ ินออกสสู ่ิงแวดลอ ม ง. ปอ งกนั ยุงลายตัวเต็มวัยไมใ หบ นิ ออกมาดูดเลอื ดสง่ิ มชี ีวติ 13. บคุ คลในขอใดมีพฤตกิ รรมทําลายวฏั จกั รชวี ิตของสัตว เฉฉบลับย ก. เกง ชอบตกปลา แลว ปลอยกลับคนื สูธรรมชาติ ข. วินชอบจบั หนอนมาแกลงเพื่อน ๆ แลว ทาํ ใหหนอนตาย ค. แมนจับลูกปลาแยกกบั ปลาตัวโต เพ่อื ไมใ หลูกปลาถกู กิน ง. ตนชอบถายรปู ผีเสื้อต้งั แตเปน ไข เพ่อื ทําสมุดภาพวฏั จักรชีวิตของสัตว 14. การกระทําของบคุ คลใดสงผลกระทบตอ สตั วน ้ํามากท่สี ุด ก. นกทงิ้ ขยะลงแหลงนํ้า ข. ไกชอบไปตกปลาชวงสุดสปั ดาห ค. เสอื จบั ปลาในฤดูวางไขเ พ่ือนํามาขาย ง. เอกจบั ปลาทใ่ี กลส ญู พนั ธมุ าเลย้ี งเพอ่ื ขยายพนั ธุ แลว นาํ ไปปลอ ยลงแหลง นา้ํ 15. ขอใดไมใ ชประโยชนทีไ่ ดจากการศกึ ษาขอมูลเกยี่ วกบั วัฏจักรชีวติ ของสตั ว ก. เพื่อใชในการพฒั นาประเทศชาติ ข. เพอื่ ใชใ นการเลยี้ งสตั วชนดิ ตา ง ๆ ค. เพื่อใชเ พาะพันธสุ ัตวท ใี่ กลส ญู พันธุ ง. เพื่อใชก าํ จัดสตั วบ างชนดิ ท่ีเปนศัตรูของพชื 15ไดค ะแนน คะแนนเตม็ 43

¡ÒÃËàùՋǹ÷ŒÙ èÕ 3 ÇÊÑ ´¹Ø Ò‹ Ì٠¡ÒûÃСͺÇѵ¶ØáÅÐ º··Õè 1 ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§ÇÑÊ´Ø น¡Ô¨ําส¡ูกÃÃาÁรเรียน ¡íÒÅѧª‹Ç¡ѹ·íÒàŤÃѺ¤Ø³áÁ‹ ดภู าพและอา นสถานการณ แลวตอบคําถาม ໚¹Í‹ҧäáѹºŒÒ§ ºÕÁáÅкÍÅ»ÃСͺ ö¹µ¡Ñ¹ä´ŒäËÁ¨Ð เฉฉบลบั ย ¹Í¡¨Ò¡àÃҨйíÒäÁŒ¡Ñº¾ÅÒʵԡÁÒ»ÃСͺ ¡Ñ¹à»š¹Ã¶Â¹µä´ŒáÅŒÇ ºÕÁ¡ÑººÍÅÅͧ Êѧࡵ´Ù¹ÐÇ‹Ò ¢Í§ãªŒã¹ºŒÒ¹àÃÒ»ÃСͺ ¢Ö鹨ҡªÔé¹Ê‹Ç¹Â‹Í´ŒÇÂàËÁ×͹¡Ñ¹ ดูภาพ แลวแยกชิ้นสวนยอยออกจากสิ่งของ ไมแ ละโลหะ........................................................................................ กระดาษ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ โลหะ พลาสตกิ และกระจก........................................................................................ ไม โลหะ และยาง........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ 44

1. ¡ÒûÃÐ¡ÍºÇµÑ ¶Øª¹Ôé ãËÁ¨‹ Ò¡ªÔé¹ÊÇ‹ ¹ÂÍ‹  ¡Ô¨¡ÃÃÁ·èÕ 1 ¡ÒûÃСͺÇѵ¶Ø ทักษะกระบวนการ ¨´Ø »ÃÐʧ¤ ทางวทิ ยาศาสตรท ี่ใช 1. การสังเกต 2. การทดลอง สังเกตและอธิบายวา วัตถุประกอบข้ึนจากช้ินสวน 3. การตง้ั สมมติฐาน ยอย ๆ สามารถแยกออกจากกันและประกอบเปนวัตถุ 4. การลงความเหน็ จากขอ มูล 5. การตีความหมายขอมูลและลงขอ สรปุ ชิ้นใหมได µŒÍ§àµÃÕÂÁµÍŒ §ãªŒ บลอ็ กไมท รงเรขาคณติ 1 ชุด µÍ¹·Õè 1 Åͧ·Òí ´Ù เฉฉบลบั ย 1. แบงกลุม ครแู จกบล็อกไมใหกลุมละ 1 ชดุ สงั เกตรูปทรงของบลอ็ กไม 2. ต้งั สมมตฐิ านวา บล็อกไม 1 ชุด ประกอบเปนวตั ถุรูปแบบตาง ๆ ไดม ากกวา 1 รปู แบบหรอื ไม 3. วางแผนและออกแบบบลอ็ กไมป ระกอบเปน 3 รปู แบบ แลว บนั ทกึ ผล 4. เลอื กมา 1 รปู แบบ ไมใ หซํ้ากับกลมุ อน่ื และนําบล็อกไมม าประกอบกนั 5. นําเสนอผลงานการนําช้ินสวนยอย ๆ ของวัตถุมาประกอบเปนวัตถุช้ินใหม หนา ชั้นเรยี น พรอ มจัดประกวดผลงานภายในช้นั เรยี น 6. อภปิ รายและสรปุ ผลเกยี่ วกบั การนาํ ชน้ิ สว นยอ ย ๆ ของวตั ถมุ าประกอบเปน วตั ถุ ชน้ิ ใหม µÍ¹·èÕ 2 1. แบง กลมุ สํารวจส่ิงของ 6 ชนิ้ ประกอบจากชิน้ สว นยอ ยใดบาง แลว บันทึกผล 2. รวมกันวางแผน ออกแบบ สรางวัตถุใหม 1 ชิ้น โดยใชช้ินสวนยอยจาก ส่งิ ของ 3 ช้ิน มาประกอบกัน แลวบนั ทกึ ผล 3. นาํ เสนอผลงานหนา ชัน้ เรยี น เพ่อื แลกเปลยี่ นความคิดกับเพอ่ื นกลุมอื่น 45


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook