การประชมุ วชิ าการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ท่ี 2) วันท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เอกสารการประชมุ ทางวิชาการเพื่อนาเสนอ ผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของ ผูบ้ รหิ าร ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังที่ 2) Conference Proceeding The Second NIDTEP’s Academic 2021 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 2
การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 2) วันท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สารบญั หนา้ สาส์นจากทปี่ รึกษาโครงการ 11-14 รองศาสตราจารย์ ดร.ชชู าติ พ่วงสมจิตร์ 11 รองศาสตราจารย์ ดร.กลุ ชลี จงเจรญิ 12 รองศาสตราจารย์ ดร.ปณติ า วรรณพริ ุณ 13 รองศาสตราจารย์ ดร.อนิรุทธ์ สติมัน่ 14 15-16 รายนามคณะกรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิพจิ ารณาคัดเลือกผลงานและนวตั กรรม ทางวิชาการ 17-18 กาหนดการประชุมทางวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ 19-26 ของผู้บรหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 27-91 กาหนดการนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการ (แยกตามหอ้ ง) 28 บทคัดยอ่ ผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการของผ้บู รหิ าร ครู และบคุ ลากรทาง 29 การศึกษา 30 1. ชื่อบทความ รูปแบบของการจดั องคก์ รแหง่ นวตั กรรมทางการศกึ ษา ยุคดจิ ิทัล สาหรบั การจัดการศึกษาทางเลือกท่ีเหมาะสมในประเทศไทย 32 ช่อื ผู้เขยี น สรุ ยิ ะ วชิรวงศไ์ พศาล ฤทธิเดช พรหมดี พงษศ์ ักดิ์ ผกามาศ 2. ชอ่ื บทความ ข้อเสนอเชงิ นโยบายเพือ่ พัฒนานวตั กรรมเครือข่ายการเรียนรู้ โรงเรียนเอกชน จังหวัดขอนแกน่ ชื่อผเู้ ขียน เสมา บงุ้ ทอง 3. ช่อื บทความ แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ในการสร้างคา่ นิยมตา้ นทุจรติ ในสถานศกึ ษา ระดับมธั ยมศกึ ษา เขตกรุงเทพมหานคร ชอื่ ผู้เขียน ณัฐรนิ เจริญเกียรติบวร 4. ชอื่ บทความ รปู แบบการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาแบบบูรณาการ มีส่วนร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรยี นบา้ นคลีกล้ิง ตาบลคลกี ล้งิ อาเภอศิลาลาด จงั หวดั ศรสี ะเกษ สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา ประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 2 ช่ือผ้เู ขียน วชิ ัย โพธิศ์ รี 3
การประชุมวชิ าการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 2) วนั ท่ี 22 มิถุนายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 5. ชื่อบทความ การประเมนิ โครงการพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพ หนา้ ทรัพยากรมนุษยท์ ุกช่วงวัยกจิ กรรมพฒั นาบทบาทความเป็นพ่อแมผ่ ู้ปกครอง 33 เดก็ ปฐมวยั สู่มหัศจรรย์ 1,000 วันแรกของชีวิต : กจิ กรรมพัฒนาบทบาท ความเปน็ พ่อแมผ่ ปู้ กครองเดก็ ปฐมวยั ยุคใหม่ไทยแลนด์ 4.0 ของสานักงาน ศึกษาธิการจงั หวัดบุรีรัมย์ ช่อื ผ้เู ขยี น วริศรา มนูขจร มนตรี นวิ ฒั นวุ งศ์ อานวย พทุ ธชาด ปสุตา ไชยสงคราม 6. ช่ือบทความ รูปแบบการดาเนนิ งานเพือ่ ยกระดับคณุ ภาพผ้เู รยี นโดยใช้ 35 ชุมชนการเรยี นรูท้ างวิชาชีพเป็นฐานของโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวัดยโสธร ชอ่ื ผเู้ ขยี น กติ ติภทั ท์ ไกรเพชร ย่งิ ยศ บญุ ยศ กวสิ รา ชน่ื อรุ า 7. ชื่อบทความ การพัฒนาสถานศกึ ษาต้นแบบปฐมวัยเชิงบูรณาการในพืน้ ที่ 36 จงั หวัดสงขลาโดยใช้ “Super Model” ปีการศกึ ษา 2562-2563 ชือ่ ผเู้ ขียน อนงคน์ ชุ ผลยะฤทธิ์ 8. ช่ือบทความ เครือข่ายนเิ ทศในการพฒั นาครูด้านการจดั การเรยี นรู้ 38 ทส่ี ่งเสรมิ ทักษะการรู้หนงั สือของผู้เรยี น จังหวดั หนองคาย ชื่อผ้เู ขียน ปิยพร ชุมจันทร์ 9. ชือ่ บทความ นวัตกรรมการบริหารงานวชิ าการโรงเรยี นมธั ยมศึกษา 39 มงุ่ สูก่ ารพฒั นาทกั ษะการคิดเชิงนวัตกรรมของนกั เรยี น ชื่อผู้เขยี น อนุพงษ์ คล้องการ 10. ช่อื บทความ การพฒั นารูปแบบการจดั การเรียนรู้ของครูโรงเรยี นนิคม 40 สร้างตนเองจงั หวดั ระยอง 10 ชอื่ ผ้เู ขียน ฉตั รมน อนิ ทศร 11. ชอ่ื บทความ การพฒั นาระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาด้วย 41 กระบวนการนิเทศแบบ APCER ช่อื ผเู้ ขียน สภุ า แสงสวุ รรณ 12. ชอ่ื บทความ แนวทางการบริหารจัดการระบบไอซีทีเพ่ือพัฒนานวตั กรรม 43 ทางการศึกษาในสถานศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานของประเทศไทย ช่อื ผู้เขียน พงษศ์ ักดิ์ ผกามาศ ฤทธิเดช พรหมดี สุริยะ วชิรวงศไ์ พศาล เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ 4
การประชมุ วชิ าการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ท่ี 2) วันท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 13. ชื่อบทความ การเสรมิ สรา้ งทักษะการแก้ปญั หาเชิงสร้างสรรค์สาหรับครู หน้า สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสิงห์บรุ ี 44 ชื่อผเู้ ขียน กลุ ธิดา ออ่ นมี 14. ชื่อบทความ ปญั หาและแนวทางการส่งเสริมการบริหารงานธุรการของ 45 โรงเรียนบา้ นวงั เต่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ชื่อผู้เขยี น อจั จมิ า รกั ษาสัตย์ 15. ช่อื บทความ การพัฒนารปู แบบการบริหารจัดการโรงเรยี นปลอดขยะ 46 (รักษโ์ ลก) อย่างมปี ระสิทธภิ าพของโรงเรียนทงุ่ สมิ วทิ ยาคม ชอ่ื ผเู้ ขยี น สถาน ปรางมาศ 16. ชอ่ื บทความ การพฒั นาแบบวัดพฤตกิ รรมการสร้างชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ 48 ทางวชิ าชีพในสถานศกึ ษา ช่อื ผเู้ ขียน ขจรศกั ด์ิ เขียวน้อย 17. ช่อื บทความ การพฒั นาสมรรถนะผู้นาทางการศึกษาท่ยี งั่ ยนื เพ่อื ความ 49 เป็นประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก รุน่ ท่ี 4 ชือ่ ผูเ้ ขยี น วรพจน์ ร่งุ อรณุ 18. ชื่อบทความ การใช้เทคนคิ Active Learning ในการพฒั นาสมรรถนะครู 51 ประจาการกลมุ่ สาระวิชาคณติ ศาสตรร์ ะดบั ประถมศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานในศตวรรษที่ 21 ชอ่ื ผเู้ ขยี น ณัฐชนนั ท์ จันทคุปต์ 19. ชือ่ บทความ การพฒั นาหลักสตู รเชื่อมโยงการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานกับ 52 อาชีวศกึ ษา ช่ือผเู้ ขียน กวิสรา ชนื่ อุรา 20. ชอ่ื บทความ รายงานผลการพัฒนาสมรรถนะครูวทิ ยาศาสตร์ดา้ น 53 การจดั การเรียนรเู้ ชิงรกุ (Active Learning) โดยใชก้ ารนเิ ทศมสี ่วนร่วม ชอ่ื ผู้เขยี น อนงค์ คาแสงทอง 5
การประชุมวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 2) วันที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 21. ชื่อบทความ การพฒั นาหลักสตู รเสริมสรา้ งสมรรถนะครดู ้านการจัด หน้า การเรียนร้ทู ักษะการฟงั และการพดู ภาษาอังกฤษบูรณาการเน้ือหาอาเซียน 54 สานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั รอ้ ยเอด็ ชอื่ ผเู้ ขยี น สุทัศน์ สังคะพนั ธ์ 22. ชื่อบทความ การพฒั นารูปแบบการจดั การเรยี นการสอน Coding 55 ตามความต้องการของครแู ละนักเรียน โรงเรียนสหสั ขันธศ์ กึ ษา สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 24 ชื่อผ้เู ขียน กนก ยนต์ชัย มลฤดี ภยู ง่ิ 23. ชื่อบทความ การพัฒนารปู แบบ NSW_TFE Model ยกระดับผลสมั ฤทธิ์ 57 ทางการเรยี นของนกั เรยี นในจังหวดั นครสวรรค์ 58 ชอ่ื ผู้เขียน สายสนุ ยี ์ เทพสุขเอีย่ ม 59 24. ชือ่ บทความ ชดุ กิจกรรมการเรียนรฟู้ สิ ิกสเ์ ชงิ รุก (Active Physics) วชิ าปฏิบตั กิ ารฟิสกิ สย์ ุคใหม่ สาหรบั นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 หอ้ งเรียนวิทยาศาสตร์เข้มขน้ ช่อื ผู้เขยี น ณฐั วิญญ์ สิรเดชธราทิพย์ มยรุ ัตน์ ต้งั วิชัย 25. ชอ่ื บทความ การพฒั นาหลักสตู รฝกึ อบรมเสรมิ สร้างความสามารถ การจัดการเรียนรูข้ องครโู รงเรียนมธั ยมศึกษาเพอ่ื พัฒนาความเป็น พลโลกของนักเรียน โดยจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบโครงงานบนฐาน การบรกิ ารสังคมรว่ มกับการสร้างชุมชนการเรยี นรทู้ างวชิ าชีพ ชอื่ ผเู้ ขียน จกั รพงษ์ พร่องพรมราช 26. ช่อื บทความ การพฒั นาความสามารถในการคดิ เชงิ เหตุผลของนกั เรียน 60 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 โดยใช้การจดั การเรยี นรตู้ ามแนวพุทธวิธีท่ีเน้น 62 การเรียนรู้เชิงรกุ ชื่อผเู้ ขียน เมธาสทิ ธ์ิ ธญั รตั นศรีสกลุ 27. ชื่อบทความ การพฒั นาทักษะการแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ของนักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 โดยใช้การจัดการเรยี นรูแ้ บบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน ชอ่ื ผู้เขยี น วรกมล วงศธรบญุ รศั มิ์ 6
การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 2) วันท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 28. ช่อื บทความ ผลการจัดการเรยี นรู้โดยใชว้ ธิ ีสอนแบบเนน้ ภาระงาน หนา้ เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพอ่ื การสือ่ สารของผตู้ อ้ งขัง 63 ห้องเรียนพิเศษ เรอื นจาจังหวัดพงั งา ชอ่ื ผเู้ ขียน บญุ ชัช เมฆแกว้ 29. ชื่อบทความ การศกึ ษาการจัดการเรียนร้โู ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน 64 เพอ่ื ส่งเสริมความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ เร่อื ง อาหารและสารอาหาร สาหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ชอ่ื ผเู้ ขียน อรุณรชั ช์ ศาสตรส์ กุล 30. ชื่อบทความ การพฒั นาแบบฝึกทกั ษะกีฬาฟุตบอลด้านความคล่องแคล่ว 65 ว่องไว ด้วยชดุ บันไดลิง 4 ทิศ สาหรบั นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 โรงเรียนบา้ นวงั เตา่ ช่อื ผู้เขยี น สาธติ ด้วงนยุ้ 31. ช่ือบทความ ผลของการจัดการเรียนรแู้ บบ Active learning โดยใช้วจิ ยั 67 เปน็ ฐาน ทม่ี ตี อ่ ความสามารถดา้ นการอ่านวรรณคดไี ทย เรือ่ งรามเกียรต์ิ ตอนศกึ ไมยราพของนกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียนบา้ นวงั เตา่ ชื่อผูเ้ ขยี น สริ ิพกั ตร์ กฐินหอม 32. ชอ่ื บทความ การพฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นและความสามารถ 68 ในการคดิ วิเคราะห์ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เพื่องานเครือ่ งกลและการผลิต ของนักศกึ ษาแผนกชา่ งกลโรงงาน ปวส.2 วิทยาลัยเทคโนโลยไี ออารพ์ ซี ี โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ข้นั ร่วมกบั เทคนิคการต้ังคาถาม 5W1H ชือ่ ผู้เขยี น สวุ ภาพ อารยิ ะกุล 33. ชื่อบทความ ผลของการจัดการเรยี นรแู้ บบปฏิบัตกิ ารโดยใช้สถานการณ์ 69 จาลองทมี่ ีตอ่ ความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. และพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ของนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นบ้านวงั เตา่ ชื่อผเู้ ขยี น อารมณ์ แกว้ เซ่ง 7
การประชุมวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ท่ี 2) วันที่ 22 มิถุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 34. ชื่อบทความ การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียนเร่อื ง เงา อุปราคา หนา้ เทคโนโลยีอวกาศ วิชาวิทยาศาสตร์ สาหรบั นักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 70 โรงเรียนบา้ นวงั เต่า ชือ่ ผูเ้ ขียน พวงรัชต์ เพชรา 35. ชื่อบทความ การพัฒนาชดุ กิจกรรมการเรียนการสอน เรือ่ งท่ารามโนราห์ 71 ข้นั พ้ืนฐาน สาหรบั นกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3-6 โรงเรียนบ้านวงั เตา่ ช่ือผเู้ ขียน นรินทร์ เพ็งกลางเดือน 36. ชอ่ื บทความ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน CAI เรือ่ ง การใช้ 73 อัลกอรทิ ึมในการแกไ้ ขปัญหาการเขยี นโปรแกรมเบ้ืองตน้ ของนกั เรยี น ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนบา้ นวงั เต่า ช่ือผูเ้ ขียน กรรณิกา เทพดารงค์ 37. ชอื่ บทความ การพฒั นาชดุ การเรยี นรู้เร่ือง ศาสนา สาหรับนักเรยี น 74 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรียนบา้ นวังเต่า ชอ่ื ผู้เขียน พรนวิ ฒั น์ สงั ขโชติ 38. ชอ่ื บทความ ผลการพฒั นาทกั ษะการคดิ โดยใช้เทคนิคการต้ังคาถาม 75 เร่อื ง ตามรอยหมอยาปราจีน รายวิชาเพมิ่ เตมิ ปราจีนบุรศี กึ ษา ของ 76 นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนกบนิ ทร์วิทยา จงั หวดั ปราจนี บรุ ี 77 ชอ่ื ผเู้ ขียน ธนั ย์ชนก พรมภักดี 79 39. ช่ือบทความ ผลของการจดั กจิ กรรมการเรียนร้รู ูปแบบออนไลนท์ ่ีมีต่อ พัฒนาการดา้ นผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นคณติ ศาสตร์ของนักเรยี นระดบั ช้ันมธั ยมศึกษา ชื่อผู้เขียน กตกิ ร กมลรัตนะสมบตั ิ 40. ชือ่ บทความ ผลการจดั การเรียนร้ตู ามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ทมี่ ีตอ่ การพฒั นาทกั ษะชวี ิตของเด็กปฐมวัยโรงเรยี นบ้านวงั เตา่ ช่อื ผเู้ ขยี น ปิยนุช รตั นพงษ์ สุชาดา จติ กล้า 41. ช่ือบทความ การพฒั นาชดุ กิจกรรมการคณู แบบตารางตามแนวคิด เนเปยี ร์ แกป้ ญั หาการคูณไม่ตรงหลกั สาหรับนกั เรยี นระดับช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรยี นบ้านวงั เตา่ ชื่อผเู้ ขยี น จรุ ารัตน์ คาแหง 8
การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ท่ี 2) วันท่ี 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา หน้า 42. ช่อื บทความ การพฒั นาแบบฝกึ ทักษะการเล่นวอลเลย์บอลขนั้ พื้นฐาน 80 (ลูกสองมือล่าง ) สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5-6 โรงเรียนบ้านวังเต่า ชือ่ ผเู้ ขียน ยศนนท์ อกั ษรนา 43. ชอ่ื บทความ ผลของการจดั กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคท์ ่มี ตี ่อทักษะสมอง 81 EF (Executive Functions) ของนักเรยี นชนั้ อนุบาลปที ี่ 3 โรงเรียน บ้านวงั เตา่ ชอื่ ผู้เขียน สชุ าดา จติ กลา้ 44. ชอื่ บทความ ความพึงพอใจของผปู้ กครองเด็กปฐมวัยระดับชัน้ อนบุ าลปีที่ 1 82 ท่ีได้รับการเรยี นรจู้ ากรูปแบบการเรียนรู้แบบ Hybrid Learning System ชุดปน่ิ โตความรู้ (LA-OR Plus Learning Box) ชอ่ื ผเู้ ขียน กาญจนา ธรรมลังกา ประไพพรรณ แก้ววิเชียร วชิ ชุดา สมนึกตน 45. ชอ่ื บทความ การพัฒนานวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ในรปู แบบการวจิ ัย 83 เชิงปฏิบตั ิการโดยใชว้ งจร PAOR เพือ่ พฒั นาทักษะการสอ่ื สาร ภาษาอังกฤษ สาหรบั โรงเรยี นเอกชนในระบบสังกัดสานักงานการศกึ ษา เอกชน จงั หวัดสงขลา ช่ือผู้เขียน ปทติ ตา กนกกช ปรีดา เบญ็ คาร 46. ช่อื บทความ การพฒั นาแพลตฟอรม์ การเรยี นการสอนออนไลน์เกี่ยวกับ 84 กฎหมายธรุ กจิ โดยใชเ้ ทคนิคการจัดการเรยี นรูแ้ บบใชก้ ิจกรรมเป็นฐาน สาหรับผู้เรยี นหลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ช้ันสงู ชื่อผู้เขยี น สรุ ิยะ วชริ วงศไ์ พศาล พงษ์ศกั ด์ิ ผกามาศ 47. ชอื่ บทความ การพัฒนาบทเรยี นออนไลน์ด้วยโปรแกรม Moodle 86 เก่ยี วกับการออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยรายวิชาวิทยาการ คานวณสาหรบั นักเรียนระดบั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ชอื่ ผเู้ ขียน อดุลย์ ไชยเสนา สุริยะ ไชยเสนา พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ 48. ชอื่ บทความ การพัฒนาบทเรียนออนไลนด์ ้วย Google Site เรื่องการสรา้ งคา 87 ในภาษาไทย สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 ชอื่ ผเู้ ขยี น เสาวณีย์ ดงั ก้อง 9
การประชมุ วชิ าการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 2) วนั ท่ี 22 มิถุนายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 49. ชื่อบทความ การผลติ สือ่ โมชันกราฟกิ เพอ่ื ส่งเสริมความรู้ การปอ้ งกัน หน้า ตนเองจากยาเสพตดิ 88 ชอื่ ผูเ้ ขียน วรี ะ สภุ ะ กรศรณั ย์ ปุณบญุ เรอื ง ชญานศิ กลน่ิ บัวทอง 50. ชอื่ บทความ การผลิตสอื่ โมชนั กราฟกิ เร่ืองการปฐมพยาบาลและ 89 การเคลอ่ื นยา้ ยสาหรบั ผู้ป่วยประสบอุบัตเิ หตุของหนว่ ยกู้ภยั ช่ือผ้เู ขียน วรี ะ สภุ ะ ปยิ ฉตั ร เพ็ญราตรี วรรณภรณ์ ข้องธญั ญากรณ์ 51. ชื่อบทความ การใช้รปู แบบการเรยี นรแู้ บบ Hybrid Learning System 90 ชุดหม้อชาบูแห่งการเรยี นร้ใู นกระบวนการเรียนรขู้ องนกั เรียน ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1 ชื่อผู้เขียน อาภากรณ์ ภพู่ วงไพโรจน์ ดจุ เดอื น จริ านนท์ ณรงค์ศกั ด์ิ ชยั สวสั ดี น้าค้าง ยนิ ดขี นั ธ์ คณะผจู้ ัดทา 92 10
การประชุมวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังท่ี 2) วนั ที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สาส์นจากทปี่ รกึ ษาโครงการประชมุ ทางวิชาการ การประชุมทางวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ คร้ังที่ 2 (สคบศ. วิชาการ คร้ังท่ี 2) น้ี เป็นการจัดกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องจากปีที่แลว้ ซงึ่ ถอื เปน็ กา้ วย่างสาคญั ของ สคบศ. ทใ่ี ห้ความสาคญั ตอ่ การส่งเสริมบรรยากาศ ทางวิชาการให้เข้มแข็งในแวดวงของครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา นับเป็นการเปิดช่องทางให้บุคลากรในวงการน้ีได้แสดงศักยภาพด้านวิชาการ ให้สังคมได้รับรู้อีกช่องทางหนึ่ง ซ่ึงตรงกับบทบาทสาคัญของ สคบศ.ท่ีมีหน้าที่ ในการส่งเสริมการวิจัย การพฒั นานวัตกรรมและส่อื ท่ีใช้ในการพัฒนาการศึกษา โดยกิจกรรมของการประชุมทางวิชาการช่วยให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้และ ขยายเครือข่ายทางวิชาการให้กว้างขวางย่ิงข้ึน ซ่ึงนาไปสู่การยกระดับคุณภาพ และความเขม้ แขง็ ทางวชิ าการใหก้ บั บคุ ลากรทางการศึกษาได้อย่างดี ในฐานะที่ปรึกษาโครงการท่ีเห็นการก่อเกิดโครงการมาตั้งแต่เร่ิมต้น รู้สึกช่ืนชมต่อผู้บริหารสถาบัน พัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาและคณะทางานที่วิริยะอุตสาหะและต้ังใจที่จะพัฒนา โครงการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อวงการครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และขอเป็นกาลังใจให้ผู้เสนอผลงานและผู้มีส่วนรว่ มในการประชุมทางวิชาการคร้ังนปี้ ระสบความสาเร็จและ ได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงคท์ กุ ประการ รองศาสตราจารย์ ดร. ชูชาติ พ่วงสมจิตร์ อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช 11
การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ที่ 2) วนั ท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สาส์นจากที่ปรกึ ษาโครงการประชุมทางวิชาการ การส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นยทุ ธศาสตร์ หนึ่งของการพัฒนาการบริหารและการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีเปา้ หมายเพ่ือให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาสมรรถนะ ให้สามารถขับเคล่ือนและยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อการพัฒนาคุณภาพ และทกั ษะทจ่ี าเป็นในศตวรรษท่ี 21 ของผเู้ รยี น ขอขอบคุณสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรทางการ ศึกษา โดยการจัดประชุมทางวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทาง วิชาการ คร้ังท่ี 2 ข้ึน โดยคานึงถึงประโยชน์ในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางการวิจัยสู่สาธารณชน ซ่ึงถือเป็น การพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยของครูและบุคลากรทางการศึกษา และเป็นการยกระดับผลงาน ทางวิชาการสู่เวทีการประชุมทางวิชาการระดับประเทศ และขอชื่นชมผู้บริหารโครงการและทีมบุคลากรของ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาท่ีได้ร่วมกันสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อการพัฒนา งานวชิ าการ และคงไว้ซ่งึ เกยี รตภิ มู ขิ องสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาสบื ไป รองศาสตราจารย์ ดร. กุลชลี จงเจริญ อาจารย์ประจาสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช 12
การประชุมวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 2) วนั ท่ี 22 มิถุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สาสน์ จากท่ีปรึกษาโครงการประชุมทางวชิ าการ “…ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสาคัญในการสร้าง ความเจริญของบ้านเมือง เราจึงควรสนับสนุนให้มีการคิดค้นเทคโนโลยี ทเ่ี หมาะสมกับสภาวะและความต้องการของประเทศขน้ึ ใช้เองอย่างจริงจงั ถา้ เรา สามารถคิดค้นได้มากเท่าไร ก็จะเป็นการประหยัดและช่วยให้สามารถนาไปใช้ ในงานต่าง ๆ ไดก้ วา้ งขวางยง่ิ ข้นึ เท่านน้ั …” พระราชดารัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระบิดาแหง่ เทคโนโลยีไทย พระราชทานเน่อื งในสัปดาหว์ ิทยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ และครบรอบ 120 ปี หว้ากอ ของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน 1 สิงหาคม 2531 การวจิ ัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม (Innovation) เป็นกระบวนการเสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจแกม่ นุษย์ เพื่อนาไปปรับปรุงและพฒั นาวิถีการดารงชีวิตทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม การเมืองและวัฒนธรรม ให้ดีข้ึน นาไปสู่การปรับตัวเพ่ือเปลี่ยนแปลงและเปล่ียนผ่านตามอารยธรรมของโลกท่ีเปลี่ยนไปภายใต้บรบิ ท ของสังคมอุดมปัญญา (Wisdom-Based Society) ซ่ึงมีบทบาทสาคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในยุค NEXT Normal สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ในฐานะเป็นหน่วยงานในการพัฒนา ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และมีภารกิจในการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางวิชาการ ได้จัดกิจกรรมการประชุมทางวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการของผู้บริหาร ครูและ บุคลากรทางการศึกษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 2) ในรูปแบบของกิจกรรมทางวิชาการ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับชาติและการนาเสนอผลงานวิจัยเพ่ือเผยแพร่องค์ความรู้จากการวิจัยทางการศึกษาของผู้บริหาร ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาสู่สาธารณชน ในรูปแบบของระบบนิเวศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ท่ีขับเคล่ือนด้วยนวัตกรรมและการวิจัย ซ่ึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเดน็ การวิจยั และพัฒนานวัตกรรม โดยมี เป้าหมายคือ การปรับเปล่ียนระบบการเรียนรู้ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสาหรับศตวรรษที่ 21 และสร้าง ระบบการศกึ ษาเพอ่ื เปน็ เลศิ ทางวชิ าการระดับนานาชาติ แลกเปลย่ี นประสบการณท์ างวชิ าการรว่ มกนั คณะทางานขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ วิทยากร ผู้บริหาร ครู อาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา สถาบันการศึกษา และผเู้ กี่ยวข้องทกุ ภาคส่วนสาหรับการร่วมแลกเปลี่ยนเรยี นร้แู ละการสนับสนนุ การประชุม ทางวิชาการครั้งน้ี ขออวยพรให้การประชุมทางวิชาการประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ของ การดาเนินงานทกุ ประการ รองศาสตราจารย์ ดร. ปณติ า วรรณพริ ุณ หัวหน้าศนู ย์วิจัยการจดั การนวตั กรรมและเทคโนโลยี สานกั วิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ (มจพ.) 13
การประชมุ วชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ท่ี 2) วนั ที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สาสน์ จากทีป่ รึกษาโครงการประชมุ ทางวิชาการ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุน ให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้พัฒนาความรู้ ทักษะและ สมรรถนะในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความก้าวหน้าทางวิชาชีพโดยมีระบบและ กลไกการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ตามความเช่ียวชาญและถนัด ความรับผิดชอบและคุณลักษณะที่จาเป็นต่อการเรียนรู้ และสานักงา น ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีสมรรถนะ ทส่ี ่งผลต่อการพัฒนาทักษะที่จาเป็นของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 โครงการประชุมทางวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการของผู้บริหาร ครูและ บุคลากรทางการศึกษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 2) เป็นโครงการท่ีตอบสนองต่อแผนและยุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นโครงการที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้พัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพตนเองตามความเชี่ยวชาญและถนัด โดยเฉพาะการเสริมสร้างศักยภาพด้านการวจิ ยั เพ่ือพัฒนาผลงานและนวัตกรรมทางการศึกษาของตนเองอย่างต่อเน่ือง สามารถนาเอาความรู้และ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมการประชุมวิชาการไปต่อยอดประยุกต์ใช้เพ่ือพัฒนาคุณภาพการเรียน การสอน ปรับเปล่ียนระบบการเรียนรู้ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะในศตวรรษท่ี 21 และการแก้ปัญหา ดา้ นการศึกษาไดอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ ขอขอบคุณ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) สานักงาน ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ทไ่ี ดร้ เิ รม่ิ และดาเนนิ โครงการประชุมทางวชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรม ทางวิชาการของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา อีกคร้ังในปีที่ 2 ขอบคุณและชื่นชมผู้บริหารและ คณะกรรมการดาเนินโครงการทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์เวทีในการประชุมวิชาการเพื่อเผยแพร่ผลงาน และนวัตกรรมทางการศึกษาในระดับชาติ ซ่ึงเป็นเวทีแลกเปล่ียนประสบการณ์ทางวิชาการในครั้งน้ีร่วมกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนาของครู คณาจารย์และบุคลากร ทางการศึกษา ขอแสดงความยินดี ชื่นชมกับผู้ได้รับการคัดเลือกผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ และยินดีกับความสาเร็จในการจัดงานประชุมทางวิชาการในครั้งน้ี ท่ีดาเนินการได้สาเร็จลุล่วงและบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ในการดาเนินโครงการ ช่วยสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการและพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างตอ่ เนอื่ งต่อไป รองศาสตราจารย์ ดร.อนริ ุทธ์ สตมิ นั่ อาจารย์ประจาภาควชิ าเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร 14
การประชุมวิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งท่ี 2) วันที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา รายนาม คณะกรรมการผ้ทู รงคณุ วฒุ ิพจิ ารณาคดั เลอื กผลงานและนวัตกรรมทางวชิ าการ รองศาสตราจารย์ ดร.กลา้ หาญ ณ นา่ น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี รองศาสตราจารย์ ดร.กุลชลี จงเจริญ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช รองศาสตราจารย์ ดร.ชชู าติ พ่วงสมจิตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศักดิ์ จินดานุรกั ษ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจนั บาน มหาวิทยาลัยนเรศวร จงั หวดั พิษณโุ ลก รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิตา วรรณพิรณุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื รองศาสตราจารย์ ดร.ปรยิ าภรณ์ ตง้ั คณุ านันต์ สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบงั รองศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ สถริ ยากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา วภิ าววิ ัฒน์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อินสะอาด มหาวิทยาลัยรามคาแหง รองศาสตราจารย์ ดร.สรัญญา เชื้อทอง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล บญุ ลอื มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี รองศาสตราจารย์ ดร.อนิรุทธ์ สติมนั่ มหาวิทยาลัยศลิ ปากร วทิ ยาเขตพระราชวังสนามจนั ทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชา แดงจารูญ มมหาวิทยาลัยรามคาแหง ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กติ ตพิ งษ์ สุวรรณราช มหาวิทยาลัยราชภฏั พิบลู สงคราม จงั หวดั พษิ ณโุ ลก ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ขวญั หญิง ศรปี ระเสริฐภาพ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย แก้วกิริยา สถาบันการจดั การปัญญาภิวฒั น์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พชั รภรณ์ สนุ ทรวบิ ูลย์ สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจา้ คณุ ทหารลาดกระบงั ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระ สภุ ะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจกั รพงษภวู นารถ ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สยาม แกมขนุ ทด มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สริ ิพร อั้งโสภา มหาวิทยาลัยเทคโนโยลีราชมงคลธัญบุรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาภาพรรณ ตันตนิ าครกูล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบงั ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ กุลวงษ์ มหาวิทยาลยั บูรพา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ พิสทุ ธิ์ พวงนาค มหาวิทยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม อาจารย์ ดร.กรรณิการ์ ภริ มยร์ ตั น์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา อาจารย์ ดร.ชลิดา ตระกลู สุนทร มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม จังหวัดนครปฐม อาจารย์ ดร.ดวงกมล แกว้ แดง มหาวิทยาลยั นอร์ทกรงุ เทพ วิทยาเขตสะพานใหม่ อาจารย์ ดร.พิบลู ย์ ชุมพลไพศาล มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล อาจารย์ ดร.เมธี ดสิ วสั ด์ิ มหาวิทยาลัยทักษณิ จังหวัดสงขลา อาจารย์ ดร.สริ ิกร กรมโพธิ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จงั หวัดนครราชสีมา ดร.จริยา เอยี บสกุล วิทยาลัยเทคนิคภเู ก็ต จงั หวดั ภูเก็ต ดร.ทศั นาพร กนั พรหม ข้าราชการผูร้ บั บานาญ 15
การประชมุ วชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้งั ที่ 2) วนั ที่ 22 มิถุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ดร.นงลักษณ์ ชัยชูมนิ ทร์ สานกั งานศึกษาธกิ ารภาค 13 ดร.นวลพรรณ วรรณสุธี ศนู ย์ประสานงานและบริหารการศกึ ษา จงั หวัดชายแดนภาคใต้ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร ดร.วนั เพ็ญ ผอ่ งกาย จงั หวดั ปัตตานี ดร.สุขพชั รา ซ้มิ เจรญิ ข้าราชการผรู้ ับบานาญ ดร.อรทยั ทองฤกษ์ฤทธิ์ สานกั งานศึกษาธิการจงั หวดั กรงุ เทพมหานคร สานกั นโยบายและยทุ ธศาสตร์ สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ********************************* 16
การประชมุ วิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังที่ 2) วนั ท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา กาหนดการ การประชมุ ทางวชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผูบ้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 (สคบศ. วิชาการ คร้ังที่ 2) วันที่ 22 มิถนุ ายน 2564 ********************************* วันอังคารท่ี 22 มิถุนายน 2564 07.00 - 08.20 น. ผูน้ าเสนอผลงานและผเู้ ขา้ ประชมุ ทางวิชาการลงทะเบียน 08.20 - 08.30 น. พิธเี ปิด โดย ดร.สภุ ัทร จาปาทอง ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 08.30 - 09.30 น. บรรยายพิเศษ โดย ดร.สุทิน แก้วพนา รองปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ หวั ข้อ “การพัฒนาการศึกษาในยุคเปล่ยี นผ่าน” 09.30 - 12.30 น การเสวนาพเิ ศษ หวั ขอ้ \"นวัตกรรมพัฒนาการเรียนร้ขู องผเู้ รยี นเพ่อื ความเปน็ พลโลก\" วทิ ยากรเสวนา 1. ศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญนนั ท์ นิลสขุ ภาควิชาครุศาสตรเ์ ทคโนโลยแี ละ สารสนเทศ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนอื 2. ศาสตราจารย์ ดร.จินตวีร์ คล้ายสงั ข์ ภาควชิ าเทคโนโลยีและส่อื สารการศึกษา คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย 3. คณุ ศริ ินชุ ศรารชั ต์ ผู้อานวยการฝ่ายการศึกษา 4. ดร.รังสรรค์ วิบูลอปุ ถัมภ์ บริษทั ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) นกั วิชาการศกึ ษา องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย 12.00 - 13.00 น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวนั 13.00 - 16.30 น. การนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการ (แบง่ ออกเป็น 6 ห้อง) วทิ ยากรประจาห้องท่ี 1 1. รองศาสตราจารย์ ดร.ชชู าติ พ่วงสมจิตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช 2. รองศาสตราจารย์ ดร.กลุ ชลี จงเจรญิ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช 17
การประชมุ วชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครงั้ ที่ 2) วนั ท่ี 22 มิถุนายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา วทิ ยากรประจาห้องท่ี 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี 1. รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิตา วรรณพิรุณ พระจอมเกลา้ พระนครเหนอื 2. ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ศกั ด์ิสิทธิ์ กลุ วงษ์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา วิทยากรประจาหอ้ งท่ี 3 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี 1. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สยาม แกมขุนทด พระจอมเกลา้ พระนครเหนือ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 2. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระ สุภะ ตะวันออก วิทยากรประจาหอ้ งท่ี 4 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยี 1. รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล บุญลอื พระจอมเกลา้ ธนบุรี มหาวิทยาลยั ศิลปากร 2. รองศาสตราจารย์ ดร.อนริ ุทธ์ สติมั่น วิทยาเขตพระราชวงั สนามจันทร์ วิทยากรประจาห้องท่ี 5 มหาวิทยาลัยรามคาแหง 1. รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อินสะอาด มหาวทิ ยาลัยนอร์ทกรุงเทพ 2. ดร.ดวงกมล แกว้ แดง วิทยาเขตสะพานใหม่ วิทยากรประจากล่มุ ที่ 6 สถาบันการจัดการปญั ญาภิวัฒน์ 1. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย แก้วกิรยิ า มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครราชสีมา 2. อาจารย์ ดร.สริ ิกร กรมโพธิ์ 16.30 - 17.00 น. พิธีปิดการประชมุ หมายเหตุ : กาหนดการนอ้ี าจเปลย่ี นแปลงได้ตามความเหมาะสม 18
การประชุมวชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 2) วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา กาหนดการนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวชิ าการ (แยกตามห้อง) หอ้ งท่ี 1 วทิ ยากรประจากล่มุ ท่านท่ี 1 รองศาสตราจารย์ ดร.ชูชาติ พว่ งสมจิตร์ วิทยากรประจากลุ่มทา่ นท่ี 2 รองศาสตราจารย์ ดร.กุลชลี จงเจรญิ วทิ ยากรประจากลุม่ ทา่ นท่ี 3 นางสาวนพมาศ ณะมาชิต (วิทยากรผู้ชว่ ย) วทิ ยากรประจากล่มุ ทา่ นที่ 4 นายอเุ ทน นวสุธารัตน์ (วิทยากรผูช้ ่วย) ลาดับ เวลา บทความ ชอ่ื บทความ ชอื่ ผเู้ ขยี น ที่ เลขท่ี สุรยิ ะ วชิรวงศ์ไพศาล ฤทธเิ ดช พรหมดี 1 13.00-13.20 น. 1 รปู แบบของการจัดองค์กรแห่งนวัตกรรม พงษศ์ กั ดิ์ ผกามาศ เสมา บงุ้ ทอง ทางการศกึ ษายคุ ดิจทิ ัล สาหรับการจัด ณฐั รนิ เจริญเกยี รตบิ วร การศึกษาทางเลือกท่ีเหมาะสมในประเทศไทย วชิ ยั โพธ์ศิ รี 2 13.20-13.40 น. 2 ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายเพอื่ พัฒนานวัตกรรม วริศรา มนูขจร เครือขา่ ยการเรยี นรู้ โรงเรียนเอกชน จงั หวดั มนตรี นวิ ัฒนุวงศ์ อานวย พุทธชาติ ขอนแก่น ปสตุ า ไชยสงคราม 3 13.40-14.00 น. 3 แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผูบ้ รหิ าร กิตติภทั ท์ ไกรเพชร ย่งิ ยศ บุญยศ สถานศึกษาในการสร้างค่านยิ มต้านทจุ ริต กวสิ รา ชืน่ อุรา ในสถานศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาเขต กรุงเทพมหานคร 4 14.00-14.20 น. 4 รปู แบบการบรหิ ารจดั การสถานศึกษาแบบ บูรณาการมีส่วนรว่ ม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรยี นบ้านคลีกลงิ้ ตาบลคลกี ล้งิ อาเภอ ศิลาลาด จังหวดั ศรสี ะเกษ สานกั งานเขตพืน้ ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาศรีสะเกษ เขต 2 5 14.20-15.00 น. 5 การประเมนิ โครงการพฒั นาและเสริมสรา้ ง ศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์ทกุ ชว่ งวัยกจิ กรรม พัฒนาบทบาทความเปน็ พอ่ แม่ผู้ปกครอง เด็กปฐมวัยสมู่ หศั จรรย์ 1,000 วนั แรกของ ชีวติ : กิจกรรมพัฒนาบทบาทความเปน็ พอ่ แม่ ผ้ปู กครองเด็กปฐมวัยยคุ ใหม่ไทยแลนด์ 4.0 ของสานักงานศกึ ษาธิการจังหวัดบรุ รี ัมย์ 6 15.00-15.20 น. 6 รปู แบบการดาเนินงานเพ่ือยกระดบั คณุ ภาพ ผเู้ รียนโดยใช้ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพเป็น ฐานของโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจงั หวัดยโสธร 19
การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 2) วันที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดบั เวลา บทความ ชือ่ บทความ ช่ือผเู้ ขยี น ท่ี เลขท่ี อนงค์นชุ ผลยะฤทธิ์ 7 15.20-15.40 น. 7 การพฒั นาสถานศกึ ษาตน้ แบบปฐมวยั ปิยพร ชมุ จนั ทร์ เชงิ บรู ณาการในพ้ืนที่จังหวัดสงขลา โดยใช้ “Super Model” ปกี ารศึกษา 2562- 2563 8 15.40-16.00 น. 8 เครอื ข่ายนเิ ทศในการพฒั นาครูดา้ นการ จดั การเรยี นรู้ทีส่ ่งเสรมิ ทกั ษะการรหู้ นงั สือ ของผู้เรียน จังหวัดหนองคาย ห้องท่ี 2 วิทยากรประจากลุ่มทา่ นที่ 1 รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิตา วรรณพิรณุ วทิ ยากรประจากลมุ่ ทา่ นที่ 2 ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ศักด์ิสทิ ธิ์ กลุ วงษ วทิ ยากรประจากลมุ่ ทา่ นที่ 3 นางสาวรตั ตกิ ร ผรณสวุ รรณ (วทิ ยากรผู้ชว่ ย) วทิ ยากรประจากลุ่มทา่ นที่ 4 นายวรพจน์ รงุ่ อรณุ (วิทยากรผชู้ ว่ ย) ลาดบั เวลา บทความ ชือ่ บทความ ชื่อผเู้ ขียน ท่ี เลขท่ี 1 13.00-13.20 น. 9 นวัตกรรมการบรหิ ารงานวิชาการโรงเรยี น อนุพงษ์ คล้องการ มัธยมศกึ ษามุ่งสกู่ ารพฒั นาทักษะการคดิ เชงิ นวัตกรรมของนักเรียน 2 13.20-13.40 น. 10 การพัฒนารปู แบบการจัดการเรยี นรขู้ องครู ฉัตรมน อินทศร 3 13.40-14.00 น. โรงเรียนนิคมสรา้ งตนเองจังหวดั ระยอง 10 11 การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน สุภา แสงสุวรรณ สถานศกึ ษาด้วยกระบวนการนเิ ทศแบบ APCER 4 14.00-14.20 น. 12 แนวทางการบริหารจัดการระบบไอซีที พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ เพือ่ พัฒนานวตั กรรมทางการศกึ ษาใน ฤทธเิ ดช พรหมดี สถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานของประเทศไทย สรุ ิยะ วชริ วงศ์ไพศาล เชดิ ศกั ดิ์ ศุภโสภณ 5 14.20-15.00 น. 13 การเสรมิ สร้างทกั ษะการแก้ปญั หาเชงิ กลุ ธดิ า ออ่ นมี 6 15.00-15.20 น. สรา้ งสรรค์สาหรบั ครู สังกดั สานักงานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาสงิ ห์บุรี 14 ปญั หาและแนวทางการสง่ เสรมิ การบริหาร อจั จิมา รกั ษาสัตย์ งานธุรการของโรงเรยี นบา้ นวังเตา่ จงั หวัด นครศรีธรรมราช 20
การประชมุ วชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ท่ี 2) วันท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดับ เวลา บทความ ช่ือบทความ ชอ่ื ผเู้ ขยี น ท่ี เลขท่ี สถาน ปรางมาศ 7 15.20-15.40 น. 15 การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การโรงเรียน ขจรศักด์ิ เขยี วนอ้ ย วรพจน์ รงุ่ อรณุ ปลอดขยะ (รกั ษ์โลก) อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ของโรงเรียนท่งุ สิมวิทยาคม 8 15.40-16.00 น. 16 การพัฒนาแบบวดั พฤตกิ รรมการสร้างชมุ ชน 9 16.00-16.20 น. แห่งการเรียนรู้ทางวิชาชพี ในสถานศึกษา 17 การพัฒนาสมรรถนะผู้นาทางการศึกษา ทยี่ ่ังยนื เพอ่ื ความเป็นประชาคมอาเซียนและ ประชาคมโลก รุน่ ที่ 4 ห้องท่ี 3 ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สยาม แกมขุนทด วิทยากรประจากลุ่มท่านที่ 1 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วรี ะ สภุ ะ นางสาวณัฐชนันท์ จนั ทคุปต์ (วิทยากรผู้ช่วย) วทิ ยากรประจากลมุ่ ท่านที่ 2 นายณัฐวญิ ญ์ สิรเดชธราทพิ ย์ (วิทยากรผู้ชว่ ย) วทิ ยากรประจากลุม่ ท่านท่ี 3 วิทยากรประจากลมุ่ ทา่ นที่ 4 ลาดบั เวลา บทความ ชอื่ บทความ ชือ่ ผเู้ ขยี น ท่ี เลขท่ี ณฐั ชนนั ท์ จนั ทคปุ ต์ 1 13.00-13.20 น. 18 การใช้เทคนิค Active Learning ในการพฒั นา กวิสรา ชืน่ อรุ า อนงค์ คาแสงทอง สมรรถนะครปู ระจาการกลุม่ สาระวิชา สุทศั น์ สงั คะพนั ธ์ คณติ ศาสตรร์ ะดับประถมศึกษาในสถานศกึ ษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้นื ฐานในศตวรรษท่ี 21 2 13.20-13.40 น. 19 การพฒั นาหลกั สูตรเชื่อมโยงการศึกษา 3 13.40-14.00 น. ข้ันพื้นฐานกบั อาชวี ศึกษา 4 14.00-14.20 น. 20 รายงานผลการพฒั นาสมรรถนะครูวิทยาศาสตร์ ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) โดยใช้การนิเทศมีส่วนร่วม 21 การพฒั นาหลกั สูตรเสริมสรา้ งสมรรถนะครู ดา้ นการจัดการเรยี นรทู้ ักษะการฟังและ การพูดภาษาอังกฤษบูรณาการเน้ือหาอาเซยี น สานักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั ร้อยเอ็ด 21
การประชุมวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งท่ี 2) วันที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดบั เวลา บทความ ชื่อบทความ ชือ่ ผเู้ ขยี น ที่ เลขที่ กนก ยนตช์ ัย มลฤดี ภยู ่ิง 5 14.20-15.00 น. 22 การพฒั นารปู แบบการจัดการเรียนการสอน สายสุนีย์ เทพสุขเอ่ยี ม Coding ตามความตอ้ งการของครู และ ณัฐวญิ ญ์ สิรเดชธรา นกั เรียนโรงเรยี นสหสั ขนั ธ์ศึกษา สานักงาน ทิพย์ มยรุ ัตน์ ต้งั วิชัย เขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 24 จกั รพงษ์ พร่องพรมราช 6 15.00-15.20 น. 23 การพฒั นารปู แบบ NSW_TFE Model เมธาสทิ ธ์ิ ธัญรัตนศรีสกลุ 7 15.20-15.40 น. ยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนักเรยี น ในจังหวัดนครสวรรค์ 24 ผลการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ฟิสิกส์เชิงรกุ (Active Physics) วชิ าปฏิบัติการฟิสกิ ส์ ยุคใหม่ สาหรับนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ห้องเรียนวิทยาศาสตร์เขม้ ข้น 8 15.40-16.00 น. 25 การพัฒนาหลกั สูตรฝึกอบรมเสริมสรา้ ง ความสามารถการจัดการเรียนร้ขู องครู โรงเรียนมัธยมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็น พลโลกของนกั เรียน โดยจัดกจิ กรรมการ เรยี นรแู้ บบโครงงานบนฐานการบรกิ ารสังคม ร่วมกับการสร้างชุมชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพ 9 16.00-16.20 น. 26 การพัฒนาความสามารถในการคิดเชงิ เหตผุ ล ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โดยใช้การ จดั การเรยี นร้ตู ามแนวพุทธวธิ ี ทเี่ นน้ การเรียนรู้เชิงรกุ หอ้ งท่ี 4 วทิ ยากรประจากล่มุ ท่านที่ 1 รองศาสตราจารย์ ดร.สรุ พล บญุ ลอื วทิ ยากรประจากลุ่มท่านที่ 2 รองศาสตราจารย์ ดร.อนริ ทุ ธ์ สตมิ ่นั วทิ ยากรประจากลมุ่ ท่านท่ี 3 นางณพรชยาศลิ ป์ เจรญิ ผล (วทิ ยากรผู้ช่วย) วิทยากรประจากลมุ่ ทา่ นที่ 4 นางสาวจตุณี ประภาสะวัต (วิทยากรผู้ช่วย) ลาดับ เวลา บทความ ชือ่ บทความ ช่อื ผเู้ ขียน ท่ี เลขที่ วรกมล วงศธรบุญรัศม์ิ 1 13.00-13.20 น. 27 การพัฒนาทักษะการแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การ จดั การเรยี นรู้แบบใช้ปญั หาเป็นฐาน 22
การประชมุ วชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังที่ 2) วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดบั เวลา บทความ ช่ือบทความ ช่อื ผเู้ ขยี น ที่ เลขท่ี 2 13.20-13.40 น. 28 ผลการจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้วธิ ีสอนแบบ บญุ ชัช เมฆแก้ว เน้นภาระงานเพอื่ พฒั นาทกั ษะการเขยี น ภาษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสารของผตู้ ้องขัง ห้องเรยี นพิเศษ เรอื นจาจงั หวดั พังงา 3 13.40-14.00 น. 29 การศึกษาการจดั การเรียนร้โู ดยใช้ปญั หา อรุณรัชช์ ศาสตรส์ กุล เปน็ ฐานเพ่อื สง่ เสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ เรือ่ งอาหารและสารอาหารสาหรบั นกั เรยี น ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 4 14.00-14.20 น. 30 การพฒั นาแบบฝกึ ทักษะกฬี าฟุตบอล สาธิต ดว้ งน้ยุ ด้านความคล่องแคล่ววอ่ งไวด้วยชุดบันไดลิง 4 ทิศ สาหรบั นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 1-3 โรงเรียนบ้านวังเต่า 5 14.20-15.00 น. 31 ผลของการจัดการเรียนร้แู บบ Active learning สิริพกั ตร์ กฐินหอม โดยใชว้ จิ ยั เป็นฐานทมี่ ีตอ่ ความสามารถด้านการ อ่านวรรณคดไี ทย เร่ืองรามเกยี รต์ิ ตอน ศกึ ไมยราพ ของนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านวังเต่า 6 15.00-15.20 น. 32 การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นและ สวุ ภาพ อารยิ ะกลุ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ เพ่อื งานเคร่ืองกลและการผลติ ของนักศกึ ษาแผนกชา่ งกลโรงงาน ปวส.2 วทิ ยาลัยเทคโนโลยไี ออาร์พีซี โดยใช้ กระบวนการเรียนรูแ้ บบสบื เสาะหา ความรู้ 7 ข้นั รว่ มกับเทคนิคการต้งั คาถาม 5W1H 7 15.20-15.40 น. 33 ผลของการจดั การเรยี นรู้แบบปฏิบัตกิ าร อารมณ์ แก้วเซ่ง 8 15.40-16.00 น. โดยใชส้ ถานการณ์จาลองทมี่ ีตอ่ ความสามารถ ในการแก้โจทย์ปญั หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น.และ พฤติกรรมการทางานกลุม่ ของนักเรยี นชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบา้ นวงั เตา่ 34 การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียนเร่ือง พวงรัชต์ เพชรา เงา อุปราคา เทคโนโลยีอวกาศ วิชาวิทยาศาสตร์ สาหรับนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียน บ้านวังเต่า 23
การประชมุ วชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครงั้ ที่ 2) วนั ท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดับ เวลา บทความ ชื่อบทความ ชอื่ ผเู้ ขียน ท่ี เลขที่ นรินทร์ เพ็งกลางเดือน 9 16.00-16.20 น. 35 การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรยี นการสอน เรื่อง ท่ารามโนราหข์ ้นั พ้นื ฐาน สาหรบั นักเรียนชั้น ประถมศึกษาปที ี่ 3-6 โรงเรียนบ้านวงั เต่า ห้องท่ี 5 วิทยากรประจากลุม่ ทา่ นที่ 1 รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อินสะอาด วิทยากรประจากลมุ่ ท่านท่ี 2 ดร.ดวงกมล แก้วแดง วทิ ยากรประจากลมุ่ ท่านท่ี 3 นายเจริญ ภวู จิ ติ ร์ (วทิ ยากรผู้ช่วย) วิทยากรประจากล่มุ ทา่ นที่ 4 นางสาวสรุ รี ัตน์ ขอพ่ึงกลาง (วิทยากรผชู้ ว่ ย) ลาดบั เวลา บทความ ชื่อบทความ ชือ่ ผเู้ ขียน ที่ เลขท่ี กรรณิกา เทพดารงค์ 1 13.00-13.20 น. 36 การพัฒนาบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน CAI พรนิวัฒน์ สงั ขโชติ ธันย์ชนก พรมภกั ดี เรื่อง การใช้อัลกอรทิ มึ ในการแก้ไขปญั หา กติกร กมลรัตนะสมบัติ การเขียนโปรแกรมเบอื้ งต้น ของนกั เรยี น ปิยนุช รัตนพงษ์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านวังเต่า สุชาดา จติ กล้า 2 13.20-13.40 น. 37 การพัฒนาชดุ การเรียนรเู้ รื่อง ศาสนา สาหรับ 3 13.40-14.00 น. นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียน บ้านวงั เตา่ 38 ผลการพฒั นาทักษะการคดิ โดยใชเ้ ทคนิค การตงั้ คาถาม เร่ือง ตามรอยหมอยาปราจนี รายวิชาเพมิ่ เติม ปราจนี บรุ ีศกึ ษา ของ นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี น กบนิ ทร์วทิ ยา จังหวัดปราจนี บุรี 4 14.00-14.20 น. 39 ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนร้รู ปู แบบ 5 14.20-15.00 น. ออนไลนท์ ่ีมีต่อพฒั นาการด้านผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี นคณติ ศาสตร์ของนักเรียน ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษา 40 ผลการจัดการเรียนรูต้ ามแนวปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งทม่ี ีต่อการพฒั นาทกั ษะชวี ติ ของเดก็ ปฐมวยั โรงเรียนบ้านวงั เตา่ 24
การประชมุ วิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ที่ 2) วันที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดับ เวลา บทความ ชือ่ บทความ ช่อื ผเู้ ขยี น ที่ เลขท่ี จรุ ารตั น์ คาแหง 6 15.00-15.20 น. 41 การพฒั นาชุดกิจกรรมการคณู แบบตาราง ยศนนท์ อักษรนา ตามแนวคิดเนเปยี ร์ แก้ปัญหาการคณู สุชาดา จิตกล้า ไมต่ รงหลกั สาหรับนกั เรียนระดบั ช้ัน กาญจนา ธรรมลงั กา ประไพพรรณ แกว้ ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรยี นบา้ นวังเตา่ วเิ ชียร วิชชุดา สมนกึ ตน 7 15.20-15.40 น. 42 การพัฒนาแบบฝกึ ทักษะการเล่นวอลเลยบ์ อล 8 15.40-16.00 น. ข้นั พนื้ ฐาน (ลูกสองมอื ล่าง ) สาหรับนักเรยี น ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5-6 โรงเรียนบ้านวังเต่า 43 ผลของการจดั กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ ทีม่ ตี ่อทกั ษะสมอง EF (Executive Functions) ของนกั เรียนช้ันอนบุ าลปที ่ี 3 โรงเรียนบา้ นวงั เต่า 9 16.00-16.20 น. 44 ความพึงพอใจของผปู้ กครองเดก็ ปฐมวัย ระดบั ช้นั อนบุ าลปที ่ี 1 ท่ีไดร้ ับการเรียนรจู้ าก รปู แบบการเรียนร้แู บบ Hybrid Learning System ชุด ปิ่นโตความรู้ (LA-OR Plus Learning Box) ห้องท่ี 6 วทิ ยากรประจากลุ่มทา่ นที่ 1 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธงชยั แก้วกิรยิ า วิทยากรประจากลุ่มทา่ นท่ี 2 อาจารย์ ดร.สริ ิกร กรมโพธิ์ วิทยากรประจากลมุ่ ทา่ นท่ี 3 นายธนพล ขนั ธวชิ ัย (วิทยากรผชู้ ว่ ย) วิทยากรประจากลมุ่ ทา่ นที่ 4 นางสาวภชั ราภรณ์ ตาสา (วิทยากรผู้ช่วย) ลาดบั เวลา บทความ ชื่อบทความ ชอ่ื ผเู้ ขียน ที่ เลขที่ ปทิตตา กนกกช 1 13.00-13.20 น. 45 การพฒั นานวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ในรูปแบบ ปรีดา เบญ็ คาร การวิจยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารโดยใช้วงจร PAOR เพอื่ พฒั นาทกั ษะการสอ่ื สารภาษาองั กฤษสาหรบั โรงเรียนเอกชนในระบบสงั กัดสานักงานการศกึ ษา เอกชนจงั หวดั สงขลา 25
การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครัง้ ท่ี 2) วันท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ลาดบั เวลา บทความ ช่ือบทความ ชื่อผเู้ ขยี น ท่ี เลขที่ 2 13.20-13.40 น. 46 การพฒั นาแพลตฟอร์มการเรยี นการสอน สรุ ิยะ วชิรวงศ์ไพศาล ออนไลน์เก่ียวกับกฎหมายธุรกจิ โดยใชเ้ ทคนิค พงษศ์ ักด์ิ ผกามาศ การจัดการเรียนรแู้ บบใชก้ ิจกรรมเป็นฐาน สาหรบั ผู้เรยี นหลกั สูตรประกาศนียบตั ร วชิ าชีพชนั้ สงู 3 13.40-14.00 น. 47 การพัฒนาบทเรียนออนไลนด์ ้วยโปรแกรม Moodle อดลุ ย์ ไชยเสนา 4 14.00-14.20 น. เกี่ยวกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย สุริยะ วชริ วงศไ พศาล 5 14.20-15.00 น. รายวชิ าวทิ ยาการคานวณสาหรบั นักเรียนระดับ พงษศ กั ด์ิ ผกามาศ 6 15.00-15.20 น. ประถมศกึ ษาปีที่ 6 7 15.20-15.40 น. 48 การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ดว้ ย Google Site เสาวณีย์ ดังก้อง เรอ่ื งการสร้างคาในภาษาไทย สาหรับนกั เรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 49 การผลติ สือ่ โมชันกราฟิกเพื่อสง่ เสริมความรู้ วรี ะ สภุ ะ การปอ้ งกันตนเองจากยาเสพติด กรศรณั ย์ ปุณบญุ เรอื ง ชญานิศ กลิ่นบัวทอง 50 การผลติ สอ่ื โมชนั กราฟิก เรอื่ งการ วรี ะ สภุ ะ ปฐมพยาบาลและการเคล่อื นยา้ ยสาหรบั ปยิ ฉตั ร เพญ็ ราตรี ผปู้ ว่ ยประสบอุบตั เิ หตขุ องหน่วยกู้ภยั วรรณภรณ์ ข้องธัญญากรณ์ 51 การใช้รปู แบบการเรียนรแู้ บบ Hybrid อาภากรณ์ ภ่พู วงไพโรจน์ Learning System ชดุ หมอ้ ชาบแู หง่ การ ดจุ เดือน จริ านนท์ เรยี นรใู้ นกระบวนการเรียนรู้ของนกั เรียน ณรงค์ศักดิ์ ชยั สวัสดี ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1 น้าคา้ ง ยนิ ดีขันธ์ 26
การประชมุ วิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังที่ 2) วนั ท่ี 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา บทคดั ย่อ ผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการ ของผู้บริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศึกษา (เร่อื งที่ 1 – 51) 27
การประชมุ วชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งท่ี 2) วันท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา รูปแบบของการจัดองคก์ รแหง่ นวตั กรรมทางการศึกษายคุ ดจิ ิทลั สาหรับการจัดการศึกษาทางเลือกทเ่ี หมาะสมในประเทศไทย The Model of Educational Innovative Organization in the Digital Era for Appropriate Alternative Education in Thailand สรุ ยิ ะ วชิรวงศ์ไพศาล ฤทธิเดช พรหมดี พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ บทคัดย่อ วัตถุประสงค์ของการวิจัยคร้ังน้ีเพื่อการศึกษารูปแบบของการจัดองค์กรแห่งนวัตกรรมทางการศึกษา ยุคดิจิทัลสาหรับการจัดการศึกษาทางเลือกที่เหมาะสมในประเทศไทย การวิจัยใช้ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพโดย การสัมภาษณ์เชิงลกึ ผู้บริหารสถาบันการศึกษาทางเลอื กที่เป็นเลิศในประเทศไทย 15 แห่ง จานวน 15 คน จากการ เลือกผู้บรหิ ารแบบเจาะจงตามคุณสมบัติท่ีกาหนด การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยใช้แบบสมั ภาษณ์แบบมีโครงสร้างแบบ เปิด การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสารัตถภาพและสัมพันธภาพ วิธีดาเนินการวิจัยมี 4 ข้ันตอน ได้แก่ 1) ข้ันการศึกษา เอกสารและรายงานการวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2) ขั้นการเก็บข้อมูลและกาหนดองค์ประกอบ 3) ขั้นการวิเคราะห์และ สังเคราะห์องค์ประกอบ และ 4) ข้ันการตรวจสอบและยืนยันรูปแบบท่ีเหมาะสมโดยการสัมมนาอิงผู้เช่ียวชาญ จานวน 9 คน ผลการศึกษาวิจัยพบว่า รูปแบบของการจัดองค์กรแห่งนวัตกรรมทางการศึกษายุคดิจิทัลสาหรับการจัดการศึกษาทางเลือก ทีเ่ หมาะสมในประเทศไทยมอี งค์ประกอบท่สี าคัญ 9 องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) การกาหนดวสิ ัยทศั น์และยทุ ธศาสตร์ที่จะ นาไปสู่องค์กรแห่งนวัตกรรมทางการศึกษา 2) การกาหนดโครงสร้างองค์กรแห่งนวัตกรรมทางการศึกษาท่ีเหมาะสม 3) การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนนวัตกรรมทางการศึกษาทุกมิติ 4) รูปแบบ กระบวนการ การปฏิบัติและ การบริการที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา 5) ทีมผู้นาเชิงนวัตกรรมท่ีมุ่งม่ันไปสู่การเป็นองค์กร แห่งนวัตกรรมทางการศึกษาท่ีมีประสิทธิภาพ 6) บรรยากาศ ระบบนิเวศและทีมงานในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ทางการศึกษา 7) การส่งเสริมบุคลากรในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพ 8) การสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่อสังคมที่หลากหลาย และ 9) การสร้างทางเลือกใหม่เพื่อการ เรยี นรแู้ ละการพัฒนาอาชีพในยุคดจิ ทิ ลั คำสำคญั : องค์กรแห่งนวัตกรรมทางการศกึ ษา ยคุ ดจิ ทิ ัล การศึกษาทางเลือก ABSTRACT The research aimed to study the model of educational innovative organization in the digital era for appropriate alternative education in Thailand through a qualitative research methodology with in-depth interviews of 15 administrators from 15 best alternative education institutions in Thailand, selected by purposive sampling. Data were collected by structured open-ended interview and were analyzed by emphasis and coherence. The research comprised four steps; 1) study of relevant documents and research papers; 2) data collection and composition identification; 3) composition analysis and synthesis; 4) assessment and identification of the appropriate model through connoisseurship with nine experts. The research revealed that the model of educational 28
การประชมุ วิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครัง้ ท่ี 2) วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา innovative organization in the digital era for appropriate alternative education in Thailand comprised nine key elements 1) vision and mission toward educational innovative organization; 2) appropriate structure of educational innovative organization; 3) organization culture supporting all dimensions of education innovation; 4) supportive model, process, practices, and services towards education innovation; 5) innovative leadership team committed to become efficient educational innovative organization; 6) supportive environment, ecosystem, and teamwork for education innovation; 7) personnel support for creative thinking and development of quality education innovation; 8) learning inspiration for diverse communities and; 9) creation of alternative learning and professional development in the digital era. Keywords: educational innovative organization, digital era, alternative education. ขอ้ เสนอเชิงนโยบายเพอื่ พัฒนานวัตกรรมเครือข่ายการเรียนรโู้ รงเรียนเอกชนจงั หวัดขอนแกน่ The Policy Recommendations for the Development of Learning Network Innovation of Private Schools in Khon Kaen เสมา บุ้งทอง บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้เป็นการวิจัยเชิงนโยบาย (Policy Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างข้อเสนอเชิงนโยบาย เพ่ือพฒั นานวัตกรรมเครือข่ายการเรียนรู้ของโรงเรียนเอกชนจังหวัดขอนแก่น ดาเนินการวิจัย 2 ระยะ โดยระยะท่ี 1 เปน็ การศึกษาเพอ่ื สรา้ งข้อเสนอเชิงนโยบายเพอ่ื พัฒนานวัตกรรมเครือข่ายการเรียนรู้โรงเรียนเอกชนจังหวัดขอนแก่น โดยการศึกษาเอกสาร ศึกษาพหุกรณี สัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 3 คน ทาให้ได้ร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย เพ่ือพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายการเรียนรู้โรงเรียนเอกชนจังหวัดขอนแก่น และระยะที่ 2 ตรวจสอบข้อเสนอ เชิงนโยบายโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 5 คน เพื่อประเมินความเหมาะสม (Propriety) ความเป็นไปได้ (Feasibility) และความเปน็ ประโยชน์ (Utility) ของข้อเสนอเชิงนโยบาย ผลการวิจัยพบว่า ข้อเสนอเชิงนโยบายเพ่ือพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายการเรียนรู้โรงเรียนเอกชนจังหวัด ขอนแก่น ประกอบไปด้วย 1) วิสัยทัศน์ 2) พันธกิจ 3) เป้าหมาย 4) วัตถุประสงค์ 5) กลยุทธ์ และ 6) แนวปฏิบัติ ซ่ึงมาจากการสงั เคราะห์องคป์ ระกอบนวตั กรรมเครือข่ายการเรียนรู้ จานวน 7 ด้าน ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นการรับร้แู ละมุมมอง ที่เหมือนกัน 2) ด้านการมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน 3) ด้านความสนใจหรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน 4) ด้านการมีส่วนร่วมของ สมาชิกทุกคนในเครือข่าย 5) ด้านการเสริมสร้างซึ่งกันและกัน 6) ด้านการเก้ือหนุนพ่ึงพากัน และ 7) ด้านการ มีปฏิสัมพนั ธ์กันในเชิงแลกเปลีย่ น โดยภาพรวมมีความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับ มากทสี่ ดุ คำสำคัญ: ขอ้ เสนอเชิงนโยบาย นวตั กรรมเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ โรงเรียนเอกชน 29
การประชมุ วชิ าการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ที่ 2) วันที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ABSTRACT This policy research aimed to draft policy recommendations for the development of learning network innovation of private schools in Khon Kaen. The research comprised two phases: 1) the draft of policy recommendations through the study of documents, multiple cases, and in-depth interviews of three experts and; 2) the study of policy recommendations by five experts on its propriety, feasibility and utility. The research found that the policy recommendations comprised: 1) vision; 2) missions; 3) goals; 4) objectives; 5) strategy and; 5) practices derived from seven aspects of learning network innovation, which were: 1) common perceptions; 2) shared vision; 3) common interests or benefits; 4) stakeholder engagement; 5) interdependence and; 7) quid pro quo interaction. Overall, the proposal had propriety, feasibility and utility at the highest level. Keywords: policy recommendations, learning network innovation, private schools แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาในการสรา้ งคา่ นยิ มตา้ นทจุ รติ ในสถานศกึ ษาระดบั มัธยมศกึ ษาเขตกรุงเทพมหานคร The Guidelines to Improve School Administrators’ Ability to Promote Corruption Awareness in Secondary Schools in Bangkok ณัฐริน เจริญเกยี รติบวร บทคัดยอ่ วิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในการสร้างค่านิยมการต่อต้าน การทุจริตในสถานศึกษา 2) เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในการสร้างค่านิยม การต่อต้านการทุจริตในสถานศึกษา ประชากรได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มัธยมศึกษา เขต 1 และ 2 จานวน 119 คน กลุ่มตัวอย่างที่ได้จากการสัมภาษณ์ที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ จานวน 5 ท่าน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาท่ีดาเนินโครงการโรงเรียนสุจริต จานวน 3 ท่าน และศึกษานิเทศก์ ท่ีรับผิดชอบโครงการโรงเรียนสุจริต จานวน 2 ท่าน เครื่องมือวิจัยได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติท่ีใช้ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ได้แก่ ความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในการสร้างค่านิยมการต่อต้านการทุจริ ต ในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาเขตกรุงเทพมหานครในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (µ = 4.07, σ = 0.52) เรียงลาดบั ค่าเฉล่ียดังน้ี การมีวิสัยทัศน์ (µ = 4.24, σ = 0.57) การเป็นผู้นาการเปล่ียนแปลง (µ = 4.19, σ = 0.61) การทางาน เปน็ ทมี (µ = 4.14, σ = 0.61) ทักษะการบริหาร (µ = 4.06, σ = 0.58) และการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (µ = 3.71, σ = 0.62) และ 2. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาในการสร้างค่านิยมการต่อต้านการทุจริต ในสถานศึกษา 1) สพม. ส่งเสริมให้ผู้บริหารเร่งพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรต้านทุจริต 2) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การดูงาน 30
การประชุมวชิ าการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 2) วันท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การบรรยาย การเรียนรู้ผ่านสื่อต่าง ๆ แก่ผู้บริหาร 3) กาหนดให้ผู้บริหารประกาศเจตจานงในการต่อต้านการทุจริต 4) จัดสรรงบประมาณเพื่อกิจกรรมต้านทุจริตของสถานศึกษา 5) รณรงค์สร้างจิตสานึกให้แก่ผู้บริหารด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มตามหลกั ธรรมาภิบาล 6) ผูบ้ ริหารควรกาหนดแผนพัฒนาตนเอง (IDP) ระยะส้ัน-ระยะยาว 7) ผ้บู ริหาร ควรพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี application และช่องทางการติดต่อส่ือสารเก่ียวกับการต่อต้านการทุจริต 8) ส่งเสริม ใหม้ กี ารศึกษา วเิ คราะห์ ตดิ ตาม ตรวจสอบการทจุ รติ ในสถานศกึ ษาอยา่ งจรงิ จัง 9) ผูบ้ ริหารควรพัฒนาตนเองผา่ นชุมชน แห่งการเรียนรู้ (PLC) มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์และนวัตกรรมการบริหารท่ีมีประสิทธิผล โปร่งใสและ เป็นไปตามหลกั ธรรมาภบิ าล คำสำคญั : สมรรถนะ การตอ่ ต้านทุจรติ ในสถานศกึ ษา ABSTRACT The purposes of this study were: 1) to study school administrators’ ability to promote corruption awareness in secondary schools and; 2) to propose guidelines to improve school administrators’ ability to promote corruption awareness in secondary schools. The research population were 119 school administrators under Secondary Educational Service Area Offices (SESAO), Area 1 and 2. The research samples for qualitative interview were three administrators of schools under the upright school project and two supervisors responsible for the upright school project. The research tools were questionnaire and interview from. The data were analyzed by using frequency, percentage, mean, and standard deviation. The research found that: 1) school administrators had ability to promote corruption awareness at high level (µ = 4.07, σ = 0.52) with mean scores for vision at (µ = 4.24 , σ = 0.57), change leadership at (µ = 4.19 , σ = 0.61), teamwork at (µ = 4.14 , σ = 0.61), management skills at (µ = 4.06 , σ = 0.58), and IT skills at ( µ = 3 . 7 1 , σ = 0.62) ; 2) the guidelines to improve school administrators’ ability to promote corruption awareness in secondary schools included: (1) SESAOs’ encouragement for integrating corruption awareness in school organization culture; (2) workshops, study visits, lectures, and learning through different media for school administrators; (3) the requirement for school administrators to affirm anti-corruption vision; (4) budget allocation for anti-corruption campaigns; (5) awareness-building among school administrators on virtue, ethics, and value of good governance; (6) short and long-term IDPs set by school administrators; (7) skill development on IT application and communication channels for anti-corruption purpose; (8) the support for studies, analysis, follow ups, and monitoring of corruption in schools and; (9) school administrators’ self-development through PLC experience sharing and effective administration innovations based on transparency and good governance. Keywords: ability, anti-corruption in schools 31
การประชุมวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครัง้ ที่ 2) วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา รูปแบบการบริหารจดั การสถานศึกษาแบบบูรณาการมีสว่ นรว่ ม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรียนบ้านคลกี ล้ิง ตาบลคลกี ลิ้ง อาเภอศิลาลาด จังหวัดศรสี ะเกษ สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 2 The Use of Six PA Model for Integrated Participatory School Administration at Ban Kleekling School, Kleekling Sub-district, Silalad District, Sisaket Province Sisaket Primary Educational Service Area Office 2 วชิ ยั โพธิศ์ รี บทคดั ย่อ การศึกษารูปแบบการบริหารจดั การสถานศึกษาแบบบูรณาการมีส่วนร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรียน บ้านคลกี ลงิ้ ตาบลคลกี ลง้ิ อาเภอศลิ าลาด จังหวัดศรสี ะเกษ สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาศรสี ะเกษ เขต 2 มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ 1) ศึกษาและสร้างรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาแบบบูรณาการมีส่วนร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรียนบ้านคลีกลิ้ง ตาบลคลีกลิ้ง อาเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 2 2) ประเมินรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาแบบบูรณาการมสี ่วนร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรยี นบา้ นคลีกล้ิง วธิ ดี าเนนิ การศกึ ษาแบง่ ออกเป็น 3 ข้ันตอน ดงั น้ี ขน้ั ตอนที่ 1 การศึกษา รูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาแบบบูรณาการมีส่วนร่วม ข้ันตอนที่ 2 การสร้างรูปแบบการบริหารจัดการ สถานศึกษาแบบบูรณาการมีส่วนร่วมโดยใช้ SIX PA MODEL ข้ันตอนที่ 3 การประเมินรูปแบบการบริหารจัดการ สถานศึกษาแบบบูรณาการมีส่วนร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL ผลการศึกษาพบว่า 1) รูปแบบการบริหารจัดการ สถานศึกษาแบบบูรณาการมสี ว่ นร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรียนบา้ นคลกี ล้ิงฯ ใชว้ ิธรี ะบบ (System Approach) เป็นแนวทางในการพัฒนาสถานศึกษา มีข้ันตอนประกอบด้วย ขั้นท่ี 1 ร่วมคิด(Thinking Participation) ขั้นที่ 2 ร่วมวางแผน (Planning Participation) ข้ันท่ี 3 ร่วมปฏิบัติ(Implementing Participation) ข้ันท่ี 4 ร่วมตรวจสอบ (Checking Participation) ขั้นที่ 5 ร่วมปรับปรุง แก้ไข สะท้อนผล(Improve and Reflect Participation) ข้ันท่ี 6 ร่วมภาคภูมิใจก้าวไกลสู่ความย่ังยืน(Proud to Sustainability Participation) 2) ผลการประเมินรูปแบบการบริหาร จัดการสถานศึกษาแบบบูรณาการมีส่วนร่วม โดยใช้ SIX PA MODEL โรงเรียนบ้านคลีกลิ้งมีคุณภาพด้าน ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และเกิดประโยชนก์ บั ผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี ทุกดา้ นอย่ใู นระดบั มากท่ีสดุ และในปีการศึกษา 2562 โรงเรียนบ้านคลีกล้ิงมีผลงานท่ีโดดเด่นคือ 1) ค่าเฉลี่ยคะแนน NT ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 และ ONET ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 สูงกว่าระดับประเทศ 2)โรงเรียนได้รับรางวัลโรงเรียนต้นแบบโรงเรียนศีลห้าตามรอยพ่อ อยา่ งพอเพียงจาก สพฐ. 3) โรงเรียนบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อยระดับประเทศ. คำสำคัญ: รูปแบบการบริหารจดั การสถานศึกษา, SIX PA MODEL ABSTRACT The study of the use of Six PA Model for integrated participatory school administration at Ban Kleekling School, Kleeling Sub-district, Silalad District, Sisaket Province, Sisaket Primary Educational Service Area Office 2 aimed 1) to study and develop an integrated participatory school 32
การประชมุ วชิ าการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้งั ท่ี 2) วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา administration based on Six PA Model at Ban Kleekling School and; 2) to evaluate the developed model. The study comprised three steps; 1) the study of the model; 2) the development of integrated participatory school administration based on Six PA Model and; 3) the model evaluation. The study found that; 1) the system approach adopted for school development included six steps; (1) brainstorming; (2) joint planning; (3) collaboration; (4) joint evaluation and; (6) shared commitment for sustainability and; 2) the evaluation showed that the use of Six PA Model for integrated participatory school administration at Ban Kleekling School was appropriate, practical, and beneficial to stakeholders at the highest level. In academic year 2019, the school’s highlighted achievements were; 1) higher average scores of third graders’ NI and sixth graders’ O-NET than the national level; 2) an OBEC award as a model school for five precepts towards the King’s sufficiency economy and; 3) a national award as a home for junior scientists. Keywords: school administration model, SIX PA MODEL การประเมินโครงการพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรพั ยากรมนษุ ยท์ ุกชว่ งวยั กิจกรรมพัฒนาบทบาท ความเป็นพอ่ แมผ่ ปู้ กครองเดก็ ปฐมวัยส่มู หัศจรรย์ 1,000 วนั แรกของชีวิต : กิจกรรมพัฒนาบทบาท ความเปน็ พอ่ แม่ผปู้ กครองเดก็ ปฐมวยั ยุคใหมไ่ ทยแลนด์ 4.0 ของสานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั บุรรี ัมย์ Evaluation of the Human Capacity Building Project on Parents’ Roles in the First 1,000 Days of Preschool Kids: the Development of Preschool Parents under Thailand 4.0 by Buriram Provincial Education Office วริศรา มนูขจร มนตรี นวิ ัฒนุวงศ์ อานวย พุทธชาติ ปสุตา ไชยสงคราม บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังนี้มีความมุ่งหมายเพื่อประเมินโครงการการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ช่วงวัย กิจกรรม พฒั นาบทบาทความเป็นพอ่ แมผ่ ปู้ กครองเดก็ ปฐมวัยสู่มหัศจรรย์ 1,000 วัน แรกของชวี ิต : กิจกรรม พัฒนาบทบาทความเป็นพ่อแมผ่ ปู้ กครองเด็กปฐมวัยยคุ ใหม่ ไทยแลนด์ 4.0 ของสานักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั บรุ รี มั ย์ ใน 4 ดา้ น ได้แก่ ดา้ นบริบท (Context) ด้านปัจจัยปอ้ น (Input) ด้านกระบวนการ (Process) ดา้ นผลผลติ (Product) กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ คือ 1) ประชากรเป็นบุคลากรในหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในการจัดการศึกษาระดบั ปฐมวัย (อนุบาล 1 – 3) รวมถึงผู้บริหาร ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดบุรีรัมย์ จานวน 80 คน และ 2) ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย อายุ 3 – 6 ปี (อนุบาล 1 – 3) มาจากสถานศึกษาที่มีบุตร/ธิดาท่ีกาลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 และ 2 ปีการศึกษา 2563 อยู่ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 – 4 สถานศึกษา เอกชน และ เทศบาลเมืองบุรีรัมย์จานวน 320 คน กาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของ Krecie & Morgan (1970) และใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างจานวน 175 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามจานวน 4 ฉบับ เป็นลักษณะมาตราส่วน 5 ระดับ 2) แบบสัมภาษณ์ก่งึ โครงสร้าง 4 ฉบับ 3) แบบเก็บข้อมูลภาคสนาม โดยใช้การวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Method) 33
การประชุมวิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 2) วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ในลกั ษณะ The Triangulation Design : Convergence Model (Creswell, 2007) วิเคราะห์ขอ้ มลู เชงิ ปริมาณโดย ใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เน้ือหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการประเมินด้านบริบท พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมาก รายการที่มีคะแนนเฉลี่ย ความคดิ เหน็ มากทส่ี ดุ 3 อันดับแรก คอื วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการสอดคลอ้ งกบั ความต้องการจาเป็นของหลกั การและ เหตุผล หลักการและเหตุผลของโครงการสอดคล้องกับความต้องการจาเป็นของสังคมและผู้เช่ียวชาญที่ปรึกษา โครงการมีความเช่ียวชาญ ส่วนรายการท่ีมีคะแนนความคิดเห็นเฉล่ียน้อยที่สุดคือระยะเวลาในการดาเนินโครงการ 2) การประเมินปัจจัยป้อนเข้า พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยกิจกรรมท่ีมีความคิดเห็นเฉลี่ยมากท่ีสุด คือ กิจกรรม Wonder Kids รองลงมาคือกิจกรรมหนูทาได้และกิจกรรมการเดินทางของ Jaja โดยกิจกรรมท่ีมีคะแนน ความคิดเห็นน้อยที่สุด คือ กิจกรรม Art for Kids 3) การประเมินกระบวนการ พบว่า ภาพรวมผู้ปกครองมีความ คิดเห็นเฉลี่ยอยูใ่ นระดับมากทสี่ ุด โดยกิจกรรมทีผ่ ปู้ กครองมีความคดิ เห็นเฉลยี่ มากท่สี ุด คอื กิจกรรมกิจวัตรประจาวนั รองลงมา คือ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะและกิจกรรม Kid Farming & Cooking ส่วนกิจกรรมที่ผู้ปกครอง มีความคิดเห็นเฉล่ียน้อยท่ีสุด คือ กิจกรรมนิทานหรรษา 4) การประเมินผลผลิต พบว่า ผู้ปกครองมีความคิดต่อ ขั้นตอน/กระบวนการอบรมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่ากิจกรรมท่ีท่ีเหมาะสม และเป็นประโยชน์คือกิจวัตรประจาวัน (ร้อยละ 50.51) รองลงมาคือ กิจกรรม Wonder Kids (ร้อยละ 16.50) และ กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ (Art for Kids) (ร้อยละ 12.37) โดยกิจกรรมท่ีมีความเหมาะสมน้อยสุดเป็นกิจกรรม Kid Farming & Cooking (รอ้ ยละ 4.12) คำสำคญั : บทบาทพอ่ แม่ผ้ปู กครอง เดก็ ปฐมวัย ไทยแลนด์ 4.0 การประเมินโครงการ ทรัพยากรมนุษย์ ABSTRACT The purpose of this research was to evaluate the human capacity building project on parents’ roles in the first 1,000 days of preschool kids: the development of preschool parents under Thailand 4.0 by Buriram Provincial Education Office in four areas: context, input, process, and outcome. The target group included: 1) populations comprising 80 staffs from organizations relevant to preschool education (kindergarten 1-3), administrators, teachers, and education related personnel in Burirum and; 2) 320 parents of preschool kids aged 3-6 (kindergarten 1-3) from the first and second semesters of the academic year 2020 under Buriram Provincial Education Offices 1-4, private schools, and Buriram Municipality. Sample size was determined using Krejcie and Morgan table and 175 were selected by purposive sampling. The research tools were: 1) four 5-point scale questionnaires; 2) four semi-structure interview forms and; 3) field notes. The research adopted mixed method triangulation design, Convergence model (Creswell, 2007). The data were analyzed using mean and standard deviation. Content analysis was used for qualitative data. The research found that: 1) The overall context evaluation was at high level. The top three elements with highest mean scores were the project objectives that were in line with needs and rationales, the project rationales that were relevant with needs of the society, and high caliber project consultants. The element with lowest mean score was the project period. 2) The overall input evaluation was at high level. The activity “Wonder Kids” had the highest mean score, followed 34
การประชุมวชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังท่ี 2) วันที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา by “I Can Do” and “Jaja’s Travel”. The activity with lowest mean score was “Art for Kids”. 3) The overall process evaluation was at the highest level. The daily activities had the highest mean score, followed by movement and rhythm activities and Kid Farming & Cooking. The activity with lowest mean score was storytelling. 4) The output evaluation showed that parents rated training steps/process at the highest level. Most of the parents thought that the most appropriate and useful activities was daily activities (50.51%), followed by “Wonder Kids” (16.50%) and “Art for Kids” (12.37%). “Kid Farming & Cooking” was consider the least appropriate (4.12%). Keywords: parents’ role, preschool kids, Thailand 4.0, project evaluation, human resource. รปู แบบการดาเนนิ งานเพอ่ื ยกระดับคุณภาพผู้เรียนโดยใชช้ มุ ชนการเรียนรทู้ างวิชาชีพเปน็ ฐาน ของโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจังหวดั ยโสธร The PLC based Operational Model for Learner Development in Small Schools in Yasothon กติ ติภทั ท์ ไกรเพชร ยิ่งยศ บุญยศ กวิสรา ชนื่ อรุ า บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีเป็นการดาเนินการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods) วัตถุประสงค์ (1) ศึกษาสภาพ ปัจจุบัน ปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของผู้บริหาร ครูผู้สอน ของโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดยโสธร (2) สรา้ งและพัฒนารูปแบบการดาเนินงานเพ่อื ยกระดับคุณภาพผูเ้ รยี นโดยใชช้ มุ ชนการเรยี นรู้ทางวชิ าชีพเป็นฐานของ โรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดยโสธร (3) ศึกษาผลการดาเนินงานเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ชุมชนการเรียนรู้ ทางวิชาชีพเป็นฐานของโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดยโสธร กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารการศึกษา ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในจังหวัดยโสธร เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกและแบบประเมิน สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลย่ี และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า (1) การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนหลังพัฒนามีคุณภาพโดยรวมอยู่ใน ระดับดีมาก (2) การจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนหลังพัฒนามีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับดี (3) ผลการทดสอบ วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจากแบบทดสอบที่สร้างข้ึน คะแนนเฉล่ียหลังพัฒนามีค่าเท่ากับ 19.60 คิดเป็นร้อยละ 63.55 คุณภาพระดับดี และผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตขิ ั้นพ้ืนฐาน (O-Net) ของนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 ใน 5 วิชาหลัก หลังพัฒนาตามรูปแบบ เฉล่ียโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 43.56 คุณภาพระดับดี (4) ความพึงพอใจของ ครแู ละผบู้ รหิ ารโรงเรยี นทีม่ ีต่อรปู แบบโดยรวมอยใู่ นระดบั มากท่สี ุด. คำสำคัญ: การยกระดบั คุณภาพผู้เรียน ชุมชนการเรียนรูท้ างวิชาชีพ โรงเรียนขนาดเลก็ 35
การประชุมวชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ที่ 2) วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ABSTRACT This mixed method research aimed: (1) to study current situation and problems regarding learner development of administrators and teachers in small schools in Yasothon; (2) to develop the Professional Learning Community (PLC) based operational model for learner development in small schools in Yasothon and; (3) to study the model implementation. The research samples were educational administrators, supervisors, school administrators, and teachers in Yasothon. The research tools comprised survey, interview, record, and evaluation. The data were analyzed using percentage, mean, and standard deviation. The research found that: (1) school administrators had overall academic administration after the model implementation at very good level; (2) teachers’ overall learning management after the model implementation was at good level; (3) from the learning achievement test, an average score after the model implementation was at 19.60% or 6 3. 55% or at good quality. The sixth graders’ average score for five core subjects under the Ordinary National Educational Test (O-Net) after the model implementation was at good quality at 43.56% and; (4) teachers’ and school administrators’ satisfaction on the model was at the highest level. Keywords: the development of learners, Professional learning communities (PLC), small schools การพัฒนาสถานศึกษาตน้ แบบปฐมวัยเชงิ บรู ณาการ ในพื้นท่ีจังหวดั สงขลา โดยใช้ “Super Model” ปกี ารศึกษา 2562-2563 The Use of “Super Model” to Develop Integrated Model Preschool in Songkhla for Academic Years 2019-2020 อนงค์นชุ ผลยะฤทธ์ิ บทคดั ยอ่ การวิจัยน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาสถานศึกษาต้นแบบปฐมวัยเชิงบูรณาการ ในพื้นที่จังหวัดสงขลาโดยใช้ “Super Model” ศึกษาระดับคุณภาพสถานศึกษาต้นแบบปฐมวัย ด้านบริหารจัดการศึกษา ด้านพฤติกรรม การจดั ประสบการณ์ ดา้ นคณุ ภาพของเดก็ ศึกษาความพงึ พอใจของผบู้ รหิ าร ครูผ้สู อน และเครือข่ายนิเทศ ระยะเวลา ในการวิจัย ปีการศึกษา 2562-2563 กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร จานวน 10 คน ครูผู้สอน จานวน 86 คน นกั เรียนระดับช้ันอนบุ าลปีท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2562 จานวน 801 คน และปีการศึกษา 2563 จานวน 818 คน เครอื ข่ายนิเทศ จานวน 25 คน เคร่ืองมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามคุณภาพการพัฒนาสถานศึกษาต้นแบบ แบบสอบถามคุณภาพ สถานศึกษาต้นแบบ ด้านบริหารจัดการศึกษา ด้านพฤติกรรมการจัดประสบการณ์ แบบบันทึกผลการประเมิน พัฒนาการ แบบสอบถามความพงึ พอใจ ผลการวิจัย พบว่า คุณภาพการพัฒนาสถานศึกษาต้นแบบปฐมวัยเชิงบูรณาการ ในพื้นที่จังหวัดสงขลาโดยใช้ “Super Model” ปีการศึกษา 2562 มีคุณภาพระดับมาก ปีการศึกษา 2563 มีคุณภาพระดับมากท่ีสุด คุณภาพ 36
การประชุมวชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครัง้ ท่ี 2) วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สถานศึกษาต้นแบบปฐมวัย ด้านบรหิ ารจดั การศึกษา ด้านพฤติกรรมการจัดประสบการณ์ ปีการศึกษา 2562 มีคุณภาพ ระดับดี ปีการศึกษา 2563 มีคุณภาพระดับดีมาก คุณภาพสถานศึกษาต้นแบบปฐมวัย ด้านคุณภาพของเด็ก ปีการศึกษา 2562 ระดับดีขึ้นไป เฉล่ียร้อยละ 95.38 ปีการศึกษา 2563 ระดับดีข้ึนไป เฉลี่ยร้อยละ 93.77 ผู้บริหาร สถานศึกษา ครูผู้สอน และเครือข่ายนิเทศ มีความพึงพอใจต่อการพัฒนาสถานศึกษาต้นแบบปฐมวัย ปีการศึกษา 2562 ระดบั มาก ปกี ารศึกษา 2563 ระดับมากที่สุด คำสำคญั : พัฒนา สถานศกึ ษาตน้ แบบ คณุ ภาพเดก็ ABSTRACT The objective of this research was to develop an integrated model preschool in Songkhla using “Super Model”. The quality of the model preschool was evaluated from its education administration, student learning management, quality of students, and satisfaction of administrators, teachers, and supervisor network. The research period covered the academic year 2019-2020. The sample group included ten administrators, 86 teachers, 801 K-3 students of academic year 2019, 818 K-3 students of academic year 2020, and 25 supervisors from supervisor network. The research tools were a questionnaire on quality of model preschool development, a questionnaire on quality of the model preschool in terms of education administration and student learning management, a record of development progress evaluation, and a satisfaction survey. The research found that quality of the model preschool development was at very high level for academic year 2019 and was at the highest level for academic year 2020. The quality of the model preschool in terms of education administration and student learning management was at good level for academic year 2019 and at very good level for academic year 2020. The average of students with good quality or higher were at 95.38% for academic year 2019 a nd at 93.77% for academic year 2020. School administrators, teachers, and supervisor network had satisfaction on the model preschool development at high level for academic year 2019 and at the highest level for academic year 2020. Keywords: development, model preschool, quality of students 37
การประชุมวชิ าการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 2) วนั ที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เครอื ขา่ ยนเิ ทศในการพัฒนาครูดา้ นการจัดการเรียนรูท้ ่สี ่งเสรมิ ทกั ษะการรูห้ นงั สอื ของผเู้ รียน จังหวดั หนองคาย The Supervisor Network for the Development of Teacher Learning Management to Improve Student Literacy Skills in Nong Khai ปยิ พร ชุมจนั ทร์ บทคัดยอ่ การวิจัยมวี ัตถปุ ระสงค์เพือ่ 1) สร้างเครือข่ายนิเทศในการพัฒนาครู 2) พัฒนาสมรรถนะครูในการออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมทักษะการรู้หนังสอื และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผมู้ ีส่วนเก่ียวข้อง กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการศึกษา ฝ่ายวิชาการ ครูผู้สอนและนักเรียน รวมท้ังสิ้น 156 คน จากหน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดหนองคาย 5 สังกัด ผลวิจยั พบว่า มีการสร้างเครือข่ายนิเทศ ท้ังหมด 20 ทีม โดยใช้กระบวนการ PICER ได้แก่ การเตรียมการ (Preparing: P) การบูรณาการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ (Integrating: I) การปฏิบัติการชี้แนะ(Coaching :C) การประเมินผล (Evaluating : E) และ การเสริมแรง (Reinforcing : R) ผลการประเมินสมรรถนะครู ด้านความรู้ และด้านทักษะ อยู่ในระดับดี ส่วนด้านเจตคติ อยู่ในระดับดีมาก ผู้บริหารและครูมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนนกั เรยี นมคี วามพึงพอใจอยูใ่ นระดบั มาก คำสำคญั : เครอื ข่ายนิเทศ การพัฒนาครู ทกั ษะการรู้หนงั สือ ABSTRACT The purposes of this research were: 1) to develop a supervisor network for teacher development; 2) to improve teacher’s ability to design learning activities to promote literacy skills and; 3) to study stakeholders’ satisfaction. The target groups were 156 education administrators, school administrators, supervisors, educators, academic officers, teachers, and students from five education related institutions in Nong Khai. The research found that there were 20 supervisor networks developed through PICER process (Preparing, Integrating, Coaching, Evaluating, and Reinforcing). Teacher competency assessments were at good level for knowledge and skills and at very good level for attitude. Administrators and teachers had overall satisfaction at the highest level while student satisfaction was at high level. Keywords: supervisor network, teacher development, Literacy skills 38
การประชมุ วชิ าการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 2) วนั ท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา นวัตกรรมการบริหารงานวชิ าการโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาทักษะการคดิ เชงิ นวัตกรรมของนักเรียน Innovation in the Academic Management of Secondary Schools for the Development of Students’ Innovative Thinking Skills อนพุ งษ์ คล้องการ บทคดั ยอ่ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาความต้องการจาเป็นในการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียน มัธยมศึกษาเพื่อการพัฒนาทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของนักเรียน 2) พัฒนานวัตกรรมการบริหารงานวิชาการโรงเรียน มธั ยมศึกษาเพ่ือพฒั นาทักษะการคิดเชงิ นวัตกรรมของนกั เรียน ใช้ระเบียบวธิ ีวิจยั แบบผสมผสานวธิ ีพหุระยะ ประชากร คอื โรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จานวน 2,358 โรงเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ โรงเรียน มัธยมศึกษา จานวน 342 โรงเรียน ได้จากการสุ่มแบบแบ่งชั้นตามภูมิภาค และสุ่มอย่างง่าย ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้อานวยการ/ รองผ้อู านวยการ หวั หนา้ ฝ่ายวิชาการ และครโู รงเรยี นมัธยมศึกษา รวมโรงเรยี นละ 3 คน จานวนท้งั สนิ้ 1,026 คน เคร่อื งมือ วิจัย คือ แบบประเมินกรอบแนวคิดการวิจัย แบบสอบถาม และแบบประเมินความเหมาะสมและเป็นไปได้ของนวัตกรรม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความต้องการจาเป็น (PNImodified) ผลการวิจัยพบว่า 1) ความต้องการจาเป็นสูงสุด คือ การพัฒนาหลักสูตร รองลงมาคือ การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมิน ตามลาดับ เม่ือจาแนกตามทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของนักเรียน พบว่า ความต้องการจาเป็น สูงสุด คือ การคิดขั้นสูง รองลงมาคือ ภาวะผู้นาเชิงสร้างสรรค์ การคิดสร้างสรรค์ การร่วมมือสืบเสาะ และการคิด เชิงประยุกต์ ตามลาดับ 2) นวตั กรรมการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมัธยมศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของ นักเรียนท่ีพัฒนาขึ้นคือ “นวัตกรรมบ่มเพาะทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม” ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ (1) การพัฒนา หลักสูตรบ่มเพาะทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม 5 ด้าน (2) การจัดการเรียนการสอนบ่มเพาะทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม 6 แนวทาง และ (3) การวัดและประเมินผลเพื่อบ่มเพาะทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม 4 แนวทาง คำสำคัญ: การบริหารงานวิชาการ ทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม โรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา ABSTRACT This research aimed: 1) to study needs for the development of secondary school academic management to improve students’ innovative thinking skills and; 2) to develop innovation in secondary school academic management to improve students’ innovative thinking skills. The research applied multi- phase mixed method approach. The population was 2,358 secondary schools under the Secondary Educational Service Area. The samples were 342 secondary schools selected by stratified random sampling and then by simple random sampling. There were 1,026 informants comprising three director/deputy director, head of academic affairs, and teacher from each school. The research tools were evaluation of research conceptual framework, questionnaire, and evaluation of appropriateness and feasibility of the 39
การประชุมวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ที่ 2) วนั ท่ี 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา innovation. The data were analyzed using frequency, percentage, mean, standard deviation, and PNI modified. The research found that: 1) the highest priority needs were curriculum development, learning and teaching management, and assessment and evaluation respectively. The highest priority needs in term of students’ innovative thinking skills were advance thinking skill, creative leadership, creative thinking, group investigation, and applicative thinking respectively and; 2) the innovation in the academic management of secondary schools for the development of students’ innovative thinking skills or “Innovation for Innovative Thinking Skills” consisted of three main components: (1) five aspects for curriculum development for innovative thinking skills; (2) six ways for teaching and learning management for the development of innovative thinking skills and; (3) four evaluation guidelines to measure innovative thinking skills. Keywords: academic management, innovative thinking skills, secondary schools การพฒั นารปู แบบการจดั การเรยี นรู้ของครูโรงเรียนนิคมสรา้ งตนเองจังหวัดระยอง 10 The Development of Teacher’s Learning Management Model at Nikomsangtonaeng Rayong 10 ฉตั รมน อินทศร บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1)ศึกษาสภาพและปัญหาการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง จงั หวัดระยอง 10 2) สรา้ งและตรวจสอบรูปแบบและคมู่ อื การดาเนนิ งานตามรูปแบบจดั การเรียนรู้ 3) ทดลองใช้และ ประเมินผลการใช้รูปแบบจัดการเรียนรู้ วิธีดาเนินการวิจัยใช้การวิจัยและพัฒนา(R&D) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและผปู้ กครอง ครูผู้สอน และคณะกรรมการสภานักเรียน เคร่ืองมือที่ใช้ในการ วิจัย คือ กระบวนการ PLC แบบบันทึกเอกสาร และแบบสอบถาม ผลการวิจัยพบว่า 1).สภาพความต้องการ พัฒนาการจัดการเรียนรู้ทค่ี วรพฒั นามี 4 ดา้ น คือ การจัดการเรยี นรแู้ บบโครงงาน กระบวนการชมุ ชนแห่งการเรียนรู้ ทางวิชาชพี หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และจิตศกึ ษา 2) ผลสร้างรปู แบบและคู่มอื การดาเนนิ งานตามรูปแบบ การจดั การเรียนร้ขู องครู ทาให้ไดร้ ปู แบบการจัดการเรียนรู้ของครู คือ APPLE Model ประกอบด้วยสาระเรยี นรู้ทั้ง 4 ด้าน ข้นั ตอนการจัดการเรยี นร้มู ี 5 ข้นั ได้แก่ ขนั้ ท่ี 1 การศึกษาความต้องการจาเปน็ (Awareness: A) ขน้ั ตอนท่ี 2 การเข้าถงึ ความรู้ (Profession Learning Community: PLC) ข้ันที่ 3 การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรู้ (Project based Learning Plan: P) ข้ันที่ 4 การปฏิบัติการ (Lead to Implementation: L) และขั้นที่ 5 การประเมินผล (Evaluation: E) และมีคู่มือการดาเนินงานสามารถนาไปใช้ได้จริง ผลตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบ ในภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก รูปแบบสามารถนาไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ รูปแบบมีความเหมาะสม ในการนาไปใช้ในการปฏิบัติงานรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครูอยู่ในระดับมากที่สุด และคู่มือการดาเนินงาน ตามรปู แบบการจัดการเรียนรขู้ องครใู นภาพรวมมคี วามเหมาะสมอยู่ในระดับมาก 3) ผลการทดลองใช้และประเมินผล 40
การประชุมวชิ าการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 2) วันที่ 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การใช้รปู แบบการจัดการเรยี นร้ขู องครู ผลการประเมนิ ความถูกตอ้ งเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบโครงงาน อยใู่ นระดับดีมาก ผลการประเมนิ ความพึงพอใจในภาพรวมอยูใ่ นระดบั มาก คำสำคัญ: การพัฒนา รปู แบบการจดั การเรียนรขู้ องครู รปู แบบ ABSTRACT The research aimed 1) to study the learning management and its challenges at Nikomsangtonang Rayong 10 School; 2) to develop and evaluate the implementation and manual of learning management and; 3) to test and evaluate the learning management model. The study adopted research and development method with the Office of the Basic Education Commission, parents, teachers, and student council committees as core informant groups. The research instruments included PLC process, recorded documents, and questionnaire. The research found that 1) there were four aspects of learning management development including project-based learning management, Professional Learning Community (PLC), sufficiency economy philosophy, and mind study; 2) the model development and evaluation yielded an APPLE Model, which included four content components. The learning management comprised five steps; 1) awareness (A); 2) Professional Learning Community (PLC); 3) project-based learning plan (P); 4) lead to implementation (L) and: 5) evaluation (E) and practical manual. From the quality evaluatoin, the model, in general, had high level of appropriateness and practical. The appropriateness was at highest level for model implementation and at high level for the manual. Evaluation of validity and appropriateness on the project-based learning plan was a high level. The overall satisfaction evaluation was also at high level. Keywords: development, teacher’s learning management, model การพฒั นาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบ APCER The Development of Internal Quality Assurance System in Education Institutions with APCER Supervision สุภา แสงสวุ รรณ บทคัดย่อ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาผลการใช้คู่มือการพัฒนาระบบประกันคุณภาพ ภายใน สถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบ APCER ดาเนินการวิจัย 3 ข้ันตอน ได้แก่ 1) การสร้างและพัฒนาคู่มือ การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 2) ศึกษาผลการใช้คู่มือการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษาด้วยกระบวนการนิเทศแบบ APCER 3) ศกึ ษาความพึงพอใจของผู้บริหารและครูทมี่ ตี ่อกระบวนการนิเทศ แบบ APCER ระยะเวลาในการวิจัย ปีการศึกษา 2561 – 2563 กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหาร 41
การประชมุ วชิ าการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครัง้ ที่ 2) วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สถานศกึ ษาจานวน 54 คน ครวู ชิ าการ/ครทู ่รี บั ผิดชอบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาจานวน 54 คน และตวั แทน ครูผู้สอนจานวน 108 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ 1) คู่มือการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาด้วย กระบวนการนิเทศแบบ APCER 2) แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจ 3) แบบประเมิน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ สาหรับเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เน้อื หา ผลการวิจัยพบว่า คู่มือการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา มีประสิทธิภาพ E1/ E2 89.03/91.00 สูงกวา่ เกณฑ์ประสิทธิภาพทก่ี าหนด ผลการใช้คมู่ ือการพฒั นาระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ด้วยกระบวนการนิเทศแบบ APCER หลังการใช้คู่มือและการนิเทศ ( X = 13.64, S.D. = 1.02) สูงกว่าก่อนการใช้ คมู่ อื และการนิเทศด้วยกระบวนการนิเทศแบบ APCER แตกต่างกนั อย่างมีนัยสาคัญท่ีระดบั .05 และความพึงพอใจของ ผบู้ รหิ ารและครทู ี่มตี ่อกระบวนการนเิ ทศแบบ APCER อยูใ่ นระดับมากที่สุด ( X = 4.82, S.D. = 0.30) คำสำคญั : การพัฒนา คู่มือ ระบบประกัน ABSTRACT The objectives of this research were to develop and study the use of a handbook for the development of internal quality assurance system in education institutions with APCER supervision. The research comprised three stages: 1) the development of a handbook; 2) the study of the use of the handbook and; 3) the study of administrators’ and teachers’ satisfaction with APCR supervision. The research period covered an academic years 2018 to 2020. The samples were 54 school administrators, 54 academic teachers/teachers responsible for internal quality assurance, and 108 teacher representatives. The research tools included: 1) the handbook; 2) the test for knowledge and understanding on the handbook; 3) the evaluation and; 4) the satisfaction survey. The research applied quantitative data analysis and qualitative content analysis. The research found that the handbook had efficiency at E1/ E2 89.03/91.00 higher than the criteria. After the use of the handbook with APCER supervision ( X = 13.64, S.D. = 1.02), the result was statistically significantly higher than before the use at 0.5. Administrators’ and teachers’ satisfaction with APCER supervision was at the highest level ( X = 4.82, S.D. = 0.30). Keywords: development, handbook, quality assurance system 42
การประชุมวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ท่ี 2) วันท่ี 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา แนวทางการบรหิ ารจัดการระบบไอซีทเี พือ่ พฒั นานวตั กรรมทางการศึกษา ในสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานของประเทศไทย The ICT System Management Guidelines for Education Innovation Development in Thailand’s Basic Educational Institutions พงษศ์ กั ดิ์ ผกามาศ ฤทธิเดช พรหมดี สุรยิ ะ วชริ วงศไ์ พศาล เชิดศกั ดิ์ ศุภโสภณ บทคดั ยอ่ วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้ 1) เพ่ือสร้างรูปแบบของฟังก์ชันการบริหารจัดการระบบไอซีทีเพ่ือพัฒนา นวัตกรรมทางการศึกษาในสถานศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน และ 2) เพ่ือเสนอแนวทางการบรหิ ารจดั การระบบไอซีทีเพ่อื พัฒนา นวัตกรรมทางการศึกษาในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ีเหมาะสม การวิจัยคร้ังน้ีใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี กลมุ่ ตัวอย่าง ได้แก่ ครูผสู้ อนและผ้มู สี ่วนเก่ียวข้องกบั ระบบไอซที เี พ่อื การศกึ ษา จานวน 45 คน และผทู้ รงคุณวฒุ ิด้าน ระบบไอซีทีเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา จานวน 10 คน วิธีดาเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ และแบบสนทนากลมุ่ สถิติทใี่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู เชิงปริมาณ ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี และร้อยละ สว่ นเชิงคุณภาพเปน็ การวิเคราะห์เชงิ เนอ้ื หา ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบของฟังก์ชันการบริหารจัดการระบบไอซีทีเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา 5 ด้าน ได้แก่ (1) หลักสูตร (2) วิธีการเรียนการสอน (3) ส่ือการสอน (4) การวัดและการประเมินผล และ (5) การบริหาร จัดการ ส่วนแนวทางการบริหารจัดการระบบไอซีทีเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ท่ีเหมาะสมประกอบด้วย 1) การออกแบบและใช้งานควรให้ตอบสนองต่อการทางานทุกฟังก์ชัน 2) การใช้วิธีการ มาตรฐานในการพัฒนาระบบท่ีมีประสิทธิภาพ 3) การสร้างสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ท้ังในส่วนของผบู้ ริหาร ครูผู้สอน บุคลากร และนักเรียน และ 4) การวางแผนและกาหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและตอบสนองต่อการใช้งานเป็นสาคัญ โดยจะทาใหก้ ารจัดการเรียนการสอนในสถานศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานมีคณุ ภาพดีขน้ึ ไดใ้ นอนาคต คำสำคญั : การบริหารจัดการ ระบบไอซีที นวัตกรรมทางการศึกษา สถานศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ABSTRACT The objectives of this research were: 1) to develop an ICT system management model for education innovation development in basic educational institutions and; 2) to propose appropriate ICT system management guidelines for education innovation development in basic educational institutions. The research adopted mixed-method approach. The sample group comprised 45 teachers and those involved in ICT system for education as well as 10 experts in ITC for education innovation. The research consisted of four steps. The research instruments were questionnaires, interview form, and group interview form. Quantitative data were analyzed using frequency and percentage while qualitative data were analyzed by content analysis. The research found that the ICT management system included five areas: (1) curriculum; (2) teaching and learning method; (3) instructional media; (4) evaluation and: (5) management. The guidelines for appropriate ICT management system for education innovation development in 43
การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ท่ี 2) วันท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา basic educational institutions consisted of; 1) design and application, which must response to all functions; 2) standard system development for efficiency; 3) learning support for administrators, teachers, personnel, and students and; 4) clear plan and goal with the focus on practicality. These could improve teaching and learning quality of the basic educational institutions in the future. Keywords: management, ICT system, education innovation, basic educational institutions การเสริมสรา้ งทักษะการแกป้ ญั หาเชิงสร้างสรรค์สาหรบั ครู สังกดั สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสงิ ห์บุรี The Development of Creative Problem Solving Skills for Teachers under Singburi Primary Educational Service Area Office กลุ ธิดา ออ่ นมี บทคัดย่อ งานวิจัยน้ีเป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพ่ือ1) เพ่ือศึกษาสภาพปัจจุบันและความคาดหวังของ ทักษะการแก้ปัญหาเชิงสรา้ งสรรค์ฯ 2) เพ่ือสร้างชุดฝึกอบรมเพือ่ เสริมสร้างทักษะการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ และ 3) เพ่ือศึกษาประสิทธิผลของการฝึกอบรม ฯ กลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์ข้อ 1 และ 3 จานวน 326 คน และ 20 คน ตามลาดับ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบประเมินสภาพปัจจุบัน และสภาพความคาดหวัง ค่าความ เชื่อมั่นท้ังฉบับเท่ากับ .966 และ .970 และชุดฝึกอบรมฯมีแบบประเมินทักษะฯ และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน ดัชนีลาดับความ ตอ้ งการจาเปน็ และการทดสอบที ผลการวิจับพบว่า 1)การประเมินสภาพปัจจุบันและสภาพความคาดหวัง พบว่า ด้านการสารวจปัญหา มีค่าความต้องการจาเป็นมากท่ีสุด รองลงมา คือ การสร้างความคิดสร้างสรรค์ การค้นหาความจริง การดาเนินการ แกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ และการเลือกวิธีการอย่างสร้างสรรค์ 2) การสร้างชุดฝึกอบรมฯโดยใช้กระบวนการสนทนากลุ่ม พบว่า ทุกกิจกรรมมีความเหมาะสม และ 3) การศึกษาประสิทธิผลของชุดฝึกอบรม พบว่า ครูหลังเข้าร่วมอบรม มที กั ษะการแกป้ ญั หาเชิงสร้างสรรค์สงู กวา่ ก่อนการเขา้ ร่วมอยา่ งมีนยั สาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 และมีความพึงพอใจ โดยรวมสงู กวา่ เกณฑ์ทีก่ าหนดอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05 คำสำคัญ: ชดุ ฝกึ อบรม ทักษะการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ ครู สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสิงหบ์ ุรี ABSTRACT The research and development project aimed: 1) to study current situation on creative problem solving skills of teachers under Singburi Primary Educational Service Area Office and their expectations; 2) to develop a training package to promote creative problem solving skills and; 3) to evaluate effectiveness of the training package. The sample group included 326 subjects for the 1st objective and 20 subjects for the 3rd objective. The research tools were an in-depth interview, 44
การประชมุ วชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครงั้ ท่ี 2) วันท่ี 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา an evaluation of teachers’ creative problem solving skills and their expectations, the training package, an evaluation of teachers’ creative problem solving skills, and a teacher satisfaction survey. The data were analyzed using percentage, mean, standard deviation, PNI, and dependent t-test. The research found that: 1) from the study of current situation and expectations, problem identification was at the highest need, followed by creative thinking, fact finding, creative problem solving in action, and creative selection of the solution; 2) from the development of the training package through focus group, it was found that all activities were appropriate and; 3) from the evaluation of effectiveness, teacher’s creative problem solving skills from the post-test were statistically significantly higher than the pre-test at 0.5 while overall teacher satisfaction was also statistically significantly higher at .05. Keywords: training package, creative problem solving skills, teacher, Singburi Primary Educational Service Area Office ปญั หาและแนวทางการส่งเสริมการบริหารงานธรุ การของโรงเรยี นบ้านวังเต่า จงั หวัดนครศรีธรรมราช Problems and Guideline on the Support for General Affairs Administration at Banwangtao School, Nakhon Si Thammarat อจั จิมา รกั ษาสัตย์ บทคัดยอ่ การวจิ ยั คร้ังนี้มีวตั ถุประสงค์เพือ่ 1) ศกึ ษาระดบั ปญั หาการบรหิ ารงานธุรการของโรงเรียนบ้านวงั เต่า จังหวัด นครศรีธรรมราช 2) เปรียบเทียบระดบั ปัญหาการบริหารงานธุรการของโรงเรียนบ้านวังเต่า จังหวัดนครศรีธรรมราช จาแนกตามสถานภาพ และ 3) ศึกษาแนวทางการส่งเสริมการบริหารงานธุรการของโรงเรียนบ้านวังเต่า จังหวัด นครศรีธรรมราช กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน บ้านวังเต่า คณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน จานวน 112 คน ซ่ึงได้มาจากประชากรทั้งหมด เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามท่ีมีค่าความเช่ือม่ัน เทา่ กบั .962 แล้ววเิ คราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถ่ี คา่ ร้อยละ คา่ เฉลยี่ ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนอื้ หา ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาการบริหารงานธุรการของโรงเรียนบ้านวังเต่า จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และผลการเปรยี บเทียบความแตกต่างของระดบั ปญั หาการบริหารงานธุรการของ โรงเรียนบ้านวังเต่า จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพรวมและด้านการบริหารงานสารบรรณไม่แตกต่างกัน ในทุกสถานภาพ ส่วนด้านการบริหารงานพัสดุและด้านการบริหารงานข้อมูลและสารสนเทศมีความแตกต่างกัน ตามสถานภาพ ส่วนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับแนวทางการส่งเสริมการบริหารงานธุรการของโรงเรียน บ้านวังเต่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีความถ่ีมากท่ีสุด คือ ควรมีการเสนอหนังสือราชการตามลาดับความจาเป็น และท่ัวถึง คำสำคัญ: การบริหารงานธุรการ 45
การประชุมวิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ที่ 2) วนั ที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ABSTRACT The purposes of this research were: 1) to study problems on general affairs administration at Banwangtao School, Nakhon Si Thammarat; 2 ) to compare the problems based on different groups of informants and; 3) to study guideline on the support for general affairs administration at Banwangtao School. The target group comprised 112 teachers and educators at Banwangtao School, school committee, and parents. The research tools was a questionnaire with reliability at .962. The data were analyzed using frequency, percentage, mean, standard deviation, and content analysis. The research found that the overall problem on general affairs administration at Banwangtao School was at medium level. By comparison, the overall problem and the problems on correspondence were considered not different by all informant groups. The problems on procurement and the problems on information and information technology were different depending on informant groups. The comment and suggestion that had the highest frequency was that the official letters should be delivered in priority order and to all target audiences. Keywords: general affairs administration การพฒั นารปู แบบการบริหารจดั การโรงเรียนปลอดขยะ (รกั ษ์โลก) อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ของโรงเรียนทุ่งสิมวิทยาคม The Development of Efficient Zero Waste School Management (Save the World) Model by Thungsimwittayakom School สถาน ปรางมาศ บทคัดย่อ การวิจัยเรือ่ งนี้มวี ตั ถุประสงคเพือ่ 1) ศกึ ษาสภาพและปญหาการจดั การขยะมูลฝอยของโรงเรียนทุ่งสมิ วิทยาคม 2) ศึกษาประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอยของโรงเรียนทุ่งสิมวิทยาคม 3) ศึกษาการพัฒนารูปแบบการบริหาร จัดการโรงเรียนปลอดขยะ (รักษ์โลก) อยางมีประสิทธิภาพของโรงเรียนทุ่งสิมวิทยาคม ผูวิจัยใชวิธีการวิจัยแบบ ผสมผสานวธิ ี (Mixed Methods Research) ระหวางวธิ กี ารวจิ ยั เชิงปรมิ าณและการวจิ ยั เชงิ คุณภาพ ประชากรในการ วิจัยเชิงปริมาณ คือ นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา จานวน 393 คน โดยเปน็ การศกึ ษาจากทงั้ ประชากร ส่วนผู้ให้ขอ้ มลู สาคญั ในการวิจัยเชิงคณุ ภาพ คอื ตวั แทนนักเรยี น ครแู ละ บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา และผูป้ กครองจานวน 10 คน ท่ีเลอื กโดยวิธเี จาะจง ผลการศึกษาพบวา 1) สภาพการจดั การขยะในโรงเรียนทุ่งสิมวทิ ยาคม พบวา ขยะสวนใหญ เปนขยะอนิ ทรีย์ ใบไม้ กงิ่ ไม้ วชั พชื เศษอาหาร/ผกั /ผลไม รองลงมาไดแกขยะรีไซเคลิ เศษกระดาษ ขวดนา้ ด่ืม ปญหาทีพ่ บ คือ ไม่มีวิธี ที่ดีและเหมาะสมในการนาขยะไปใช้ประโยชน์ คัดแยกขยะเปนบางครั้ง ไมสนใจการคัดแยกขยะ ไมคอยท้ิงขยะ ตามประเภทของถังขยะ 2) ประสิทธิภาพการจดั การขยะตามหลกั การ 5R พบวา โดยภาพรวมอยูในระดับปานกลาง 46
การประชุมวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังท่ี 2) วันที่ 22 มถิ ุนายน 2564 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยการนาวัสดุหมุนเวียนกลับมาใชใหม (Recycle) มีประสิทธิภาพในการจัดการได เปนอันดับแรก รองลงมา คือ การลดปริมาณขยะ (Reduce) การนาวัสดุกลับมาใชซ้า (Reuse) การซ่อมแซมแก้ไขสิ่งของต่าง ๆ ให้สามารถใชง้ าน ต่อได้ (Repair) ตามลาดบั และอันดบั สุดทายคอื การหลกี เล่ียงใช้สิง่ ท่กี ่อใหเ้ กดิ มลพษิ (Reject) 3)การพฒั นารูปแบบ การบริหารจัดการโรงเรียนปลอดขยะ (รักษ์โลก) อยางมีประสิทธิภาพ คือการจัดกิจกรรมการจัดการขยะหลัก 4 กิจกรรม ได้แก่ 1) กิจกรรมการร่วมกาหนด นโยบาย การสนับสนุนและแผนการดาเนินงานจัดการขยะโรงเรียน ปลอดขยะ (รักษ์โลก) ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหาร THUNGSIM Model (สง่างามอย่างสิม) ที่ชัดเจนและ นาสู่การปฏิบัติได้ 2) กิจกรรมการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมจัดการขยะ 3) กิจกรรมการจัดการ ขยะโดยใช้หลัก 5R และ 4) กิจกรรมการจัดการขยะอินทรีย์ โดยการนามารีไซเคิลผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ไบโอชาร์ ขยะหมักรักษโ์ ลก” คำสำคญั : การพฒั นา รปู แบบ การบรหิ ารจัดการ โรงเรียนปลอดขยะ (รกั ษ์โลก) ประสิทธภิ าพ ABSTRACT The research aimed: 1) to study situation and problems of waste management at Thungsimwittayakom School; 2) to study efficiency of school waste management and; 3) to study the Zero Waste School Management Model (Save the World) at Thungsimwittayakom School. The mixed methods research applied both quantitative and qualitative approaches. The population for quantitative approach comprised 393 students, teachers, educational personnel, parents, school board members. The informants for qualitative approach were 10 students, teachers, educational personnel, school board members, and parents, selected by purposive sampling. The research found that: 1) school waste mostly consisted of organic waste such as leaves, branches, weeds, and leftover food/vegetable/fruits, followed by recyclable waste such as pieces of paper and drinking water bottles. The problems found were an absence of appropriate waste recycling method, inconsistent practice of waste sorting, ignorance of waste sorting, and incorrect waste sorting behavior; 2) the overall waste management with 5R had efficiency at medium level. Material recycle had the highest management efficiency, followed by waste reduction, reuse, repair, and rejection of products that cause pollutions and; 3) the efficient Zero Waste School Management Model consisted of four major waste management activities: 1) participatory activities for policy setting, support, and work plan in line with THUNGSIM Model which was clear and practical; 2) activities for knowledge sharing and participation in waste management; 3) waste management activities with 5R and; 4) waste management activities to recycle waste for biochar and organic fertilizers Keywords: development, model, Zero Waste School Management (Save the World), efficiency 47
การประชมุ วิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ท่ี 2) วันที่ 22 มถิ นุ ายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การพฒั นาแบบวัดพฤติกรรมการสร้างชุมชนแห่งการเรยี นรทู้ างวิชาชพี ในสถานศึกษา The Development Professional Learning Community (PLC) Assessment in Education Institutions ขจรศักด์ิ เขียวน้อย บทคัดยอ่ การวิจัยคร้ังนี้ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธีแบบสารวจตามกาลเวลา ตามแนวคิดของ เครสเวลล์ และพลาโน คลาก โดยเร่ิมจากวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพซ่ึงทาการสัมภาษณ์เชิงลึกและการสนทนากลุ่ม จากผู้ให้ข้อมูลหลัก จานวน 4 คน และผู้ให้ข้อมูลรอง จานวน 13 คน เพื่อทาความเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นพ้ืนฐานในการวางแนวคิด นิยามตัวแปร รวมถึงการสร้างแบบวัด PLC เพื่อทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ องคป์ ระกอบเชิงยืนยัน และนาคะแนนจากการหาคุณภาพแบบวัดหาคะแนนทปี กติ จากกลุม่ ตัวอย่าง คือ ขา้ ราชการ ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาท่ีกาลังปฏิบัตงิ านอยู่ในสถานศึกษาสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน จงั หวดั นครศรีธรรมราช จานวน 1,200 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทาตามบทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบ เพื่อดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมาย ปรับเปลี่ยนการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์เง่ือนไข หรือส่ิงแวดล้อมโดยมีกระบวนการทางานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้งานสาเร็จและผู้ร่วมงานพึงพอใจในการทา งาน มีการผลักดันสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีการรวมตัวกันเป็นทีมด้วยความเต็มใจเพื่อสร้างพลังของ การเป็นชุมชนนักปฏิบัติ เรียนรู้ร่วมกัน เป็นผู้นาร่วมกันบนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร ท่ีมีวิสยั ทัศน์ คุณค่า เป้าหมาย และภารกจิ ร่วมกัน สู่คณุ ภาพการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นความสาเร็จหรือประสิทธผิ ลของ ผู้เรียนเปน็ สาคญั ตลอดจนทางานรว่ มกนั อยา่ งมีความสขุ และ 2) แบบวดั PLCB มีองคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ 1) พฤตกิ รรม การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม 2) พฤติกรรมการสร้างทีมร่วมแรงร่วมใจ 3) พฤติกรรมการสร้างภาวะผู้นา 4) พฤติก รรม การเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพ 5) พฤติกรรมการสร้างชุมชนกัลยาณมิตร และ 6) พฤติกรรมการสร้างโครงสร้าง สนับสนนุ ชมุ ชน โดยมเี กณฑ์ปกติของแบบวดั ระหวา่ ง T17.75 – T62.99 คำสำคญั : การพัฒนาแบบวัด ชุมชนแห่งการเรยี นร้ทู างวชิ าชพี ABSTRACT The research adopted a sequential exploratory mixed methods design by Creswell and Plano Clark (2011). The study adopted a sequential exploratory mixed methods design by Creswell and Plano Clark (2011). The qualitative research was done by in-depth interviews and focus group with four key informants and 13 secondary key informants to gain understanding on the situation. Based on the findings, the concept framework was done, research variables were identified, and PLC assessment was developed for hypothesis testing by confirmatory factor analysis (CFA). Quality assessment was done by t-test among sample groups comprising 1,200 teachers, education personnel in education institutions under OBEC in Nakhon Si Thammarat. 48
การประชมุ วชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครงั้ ท่ี 2) วนั ท่ี 22 มิถนุ ายน 2564 สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา The research found that 1 ) Teachers and education personnel performed their assigned duties to achieve their goals with some adjustments depending on the situations and contexts. They worked systematically to complete their tasks, ensure satisfaction of their colleagues, and pushing their schools towards learning organizations. They worked as a team empowering community of practice (CoP), learning, and leading together based on friendship and common visions, values, goals, and missions. The quality knowledge management focused on achievement or learning effectiveness as well as pleasant collaboration and; 2) PLC assessment with T-score of T17.75 – T62.99 included 1) creating shared visions; 2) building teamwork; 3) nurturing leadership; 4) learning and professional development; 5) creating a community of friendship and; 6) building community support structure. Keywords: assessment development, Professional Learning Community (PLC) การพัฒนาสมรรถนะผูน้ าทางการศึกษาท่ีย่งั ยนื เพ่อื ความเปน็ ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก รนุ่ ที่ 4 The Forth Batch of the Capacity Building for Sustainable Education Leaders towards Becoming Regional and Global Citizens (CBSEL) วรพจน์ รงุ่ อรุณ บทคัดย่อ รายงานการดาเนินโครงการพัฒนาสมรรถนะผู้นาทางการศึกษาท่ียั่งยืน เพื่อความเป็นประชาคมอาเซียนและ ประชาคมโลก รุ่นที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลการดาเนินโครงการพัฒนาสมรรถนะผู้นาทางการศึกษาที่ยั่งยืน เพื่อความเป็นประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก รุ่นที่ 4 ใน 2 องค์ประกอบ คือ ประเมินผลสัมฤทธ์ิการพัฒนาสมรรถนะ ผู้นาทางการศึกษาและประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักสูตร มีกระบวนการวิจัย 2 ขั้นตอน ได้แก่ กระบวนการศึกษาข้อมลู เชิงปริมาณ กระบวนการ ศึกษาข้อมลู เชิงคณุ ภาพ ประชากรที่ศึกษา ไดแ้ ก่ ผู้เขา้ รับการพัฒนา ซึ่งเป็นผบู้ รหิ ารสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธกิ าร จานวน 32 คน ผ้ใู ห้ข้อมูลสาคัญ ประกอบดว้ ยที่ปรึกษาประจา หลักสูตร จานวน 2 คน และผู้บริหารโครงการ จานวน 5 คน รวมท้ังสิ้นจานวน 39 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมลู ไดแ้ ก่ แบบสอบถาม จานวน 6 ฉบับ โดยข้อมลู เชงิ ปรมิ าณ วเิ คราะหด์ ้วยสถติ เิ ชิงบรรยาย ได้แก่ คา่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน สว่ นข้อมลู เชงิ คุณภาพ วิเคราะหโ์ ดยการวิเคราะห์เชิงเนอ้ื หา ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลการประเมินผลสัมฤทธิ์การพัฒนา มีผู้เข้ารับการพัฒนา 32 คน ผ่านเกณฑ์ การประเมินผลสัมฤทธ์ิในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 94.73 และระยะเวลาเข้ารับการพัฒนา ผู้เข้ารับการพัฒนา ผ่านเกณฑ์ครบหมดทั้ง 32 คน คิดเป็นร้อยละ 100 2. ผลการประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงปริมาณ ในภาพรวมจะเห็นว่ามีพึงพอใจทุกด้าน ได้แก่ ด้านการประเมินผลการดาเนินการพัฒนา และด้านการประเมินผล ดา้ นหลกั สตู ร ในสว่ นของการประเมินผลการดาเนินการพัฒนาท้ังการประเมินรายหัวข้อ ด้านกระบวนการและขั้นตอน การให้บริการ ด้านผู้บริหารโครงการ/เจ้าหน้าท่ีผู้ให้บริการ ด้านสิ่งอานวยความสะดวก ด้านคุณภาพการให้บริการ และในส่วนของการประเมินผลด้านหลักสูตร ซ่ึงมีหัวข้อในการประเมิน จานวน 5 หัวข้อ คือ ด้านโครงสร้างของ 49
การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ที่ 2) วันท่ี 22 มิถุนายน 2564 สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา หลักสูตร ด้านเน้ือหาวิชาของหลักสูตรมีความเหมาะสม ด้านเน้ือหาสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของหลักสูตร ด้านเน้อื หาสาระการเรียนรขู้ องหลกั สูตรเป็นประโยชนต์ ่อการนาไปพัฒนางาน และด้านกิจกรรมการพัฒนาของ หลักสูตรเอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของผู้เข้ารับการพัฒนา ทุกหัวข้อล้วนแต่มีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับ ความพึงพอใจมากท่ีสุด และจากการประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการสนทนากลุ่มพบว่า 1) ผู้เข้ารับ การพัฒนาสามารถพัฒนาความรู้และประสบการณ์ และทักษะการบริหารจากการฟังบรรยาย ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ในการให้ความสาคญั กับดา้ นสุขภาพท้งั กายและใจสาหรบั ผู้บริหารทีต่ ้องมคี วามสมดลุ กับความรู้ความสามารถในการ บริหารวิชาการ 2) การศึกษาดูงานในประเทศผู้เข้ารับการพัฒนามีโอกาสได้เรียนรู้สถานศึกษาต้นแบบ ได้รับ ประสบการณ์ตรงและเข้าใจประเด็นจดุ แข็ง จดุ อ่อน ปญั หาและอปุ สรรคได้อย่างลึกซ้ึง มกี ระบวนการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ สามารถนาไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาสถานศึกษาของตนเอง 3) ผู้เข้ารับการพัฒนาส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าวิทยากรของหลักสูตรทุกคนล้วนเป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ สามารถบูรณาการองค์ความรู้และ ประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยใหผ้ ูเ้ ขา้ รบั การพฒั นาเกิดการเรียนรู้และเข้าใจทกั ษะและวิธีการบริหารทสี่ ามารถตกผลึกเสริม ความเข้าใจของผู้เข้ารับการพัฒนาใหช้ ัดเจนขน้ึ และสรา้ งวธิ ีคดิ เทคนิคการจบั ประเด็น การต้งั คาถาม การบรหิ ารจดั การ จากวิทยากร จากเพื่อนที่เข้ารับการพัฒนา ซึ่งสามารถนาไปใช่ในการพัฒนาตนเอง และพัฒนาหน่วยงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4) ผู้บริหารโครงการดูแลผู้เข้ารับการพัฒนาอย่างใกล้ชิด มีกัลยาณมิตร มีความขยัน เอาใจใส่และ อยรู่ ่วมกบั ผ้เู ขา้ รบั การพฒั นาตลอดทุกกิจกรรม ให้การดแู ลผูเ้ ข้ารบั การพัฒนาอย่างเสมอภาค คำสำคัญ: การพฒั นาสมรรถนะ สมรรถนะผนู้ าทางการศกึ ษา ความยัง่ ยนื ประชาคมอาเซียน ประชาคมโลก ABSTRACT The report on the forth batch of Capacity Building for Sustainable Education Leaders towards Becoming Regional and Global Citizens (CBSEL) aimed to study the project implementation in two aspects: the evaluation of project achievement in capacity building of education leaders; and the evaluation of learning activities under the curriculum. The research consisted of two processes: the quantitative data analysis; and the qualitative data analysis. The research population included 32 participating education leaders under the Ministry of Education. The key informants were two program advisors and five project managers. The research tools were six questionnaires. The quantitative data were analyzed by descriptive statistics including frequency, percentage, mean, and standard deviation while the qualitative data were analyzed by content analysis. The research found that: 1. from the evaluation of project achievement, 94.73% of the total 32 participants passed the achievement criteria. All or 100% of them completed their attendance requirement; 2) from the evaluation of learning activities, all were satisfied with evaluations of both project implementation and curriculum. The project implementation evaluation consisted of service process and procedure, project managers/service staff, facilities, and quality of services. The curriculum evaluation covered five areas: curriculum structure; appropriateness of contents; alignment between learning lessons and objectives of the curriculum; applicability of learning lessons to professional development; and benefits of learning lessons on participants’ learning and capacity building. The average scores for all these were at the highest satisfactory level. The evaluation on learning activities through focus group found that: 1) participants gained knowledge, 50
Search