Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สคบศ.1_Proceedings_2020_Final

สคบศ.1_Proceedings_2020_Final

Published by Suriya W., 2021-11-17 05:35:19

Description: สคบศ.1_Proceedings_2020_Final

Search

Read the Text Version

การประชุมวชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วนั ที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การประชมุ ทางวชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวัตกรรม ทางวชิ าการของผ้บู รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังที่ 1) 1st NIDTEP’s Academic 2020 Sharing Visions and Solution for Transformational Era CONFERENCE PROCEEDINGS 3 สงิ หาคม 2563 ณ ห้องพทุ ธรกั ษา อาคารอเนกประสงค์ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 2

การประชุมวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สารบญั สารจากผู้อานวยการสถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษา หน้า 10 สารจากทปี่ รกึ ษาโครงการ 11-12 รองศาสตราจารย์ ดร.ปณติ า วรรณพริ ณุ 11 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กลุ ชลี จงเจริญ 12 13-15 รายนาม คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพจิ ารณาคัดเลือกผลงานและนวัตกรรม ทางวชิ าการ 16-17 กาหนดการการประชุมทางวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ 18-25 ของผ้บู รหิ าร ครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 26-89 กาหนดการนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ (แยกตามหอ้ ง) 27 บทคัดย่อ ผลงานและนวัตกรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทาง 28 การศึกษา 29 1. ชื่อบทความ รูปแบบการนิเทศเพอื่ กากับติดตามการจดั การระบบดูแล ช่วยเหลอื นักเรยี นในสถานศกึ ษา สังกดั สานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา 31 มัธยมศกึ ษา เขต 25 โดยใชก้ ระบวนการช้แี นะและระบบพ่เี ลยี้ ง ชื่อผู้เขยี น จีรฐั ตกิ ลุ ดอนวจิ ารณข์ จร 2. ชื่อบทความ รูปแบบการบรหิ ารสู่ความเป็นเลิศของโรงเรยี นวิทยาศาสตร์ สงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ชื่อผเู้ ขียน พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ ดรุณี ปญั จรตั นากร อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกยี รติ 3. ชอ่ื บทความ การพฒั นารูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพือ่ อาชีพโรงเรียน ป้อมนาคราชสวาทยานนท์ ชื่อผูเ้ ขียน ภูมสิ ษิ ฐ์ สุคนธวงศ์ 4. ชอ่ื บทความ รูปแบบการดาเนินงานเพิม่ โอกาสการเข้าถึงบรกิ ารทาง การศกึ ษาของเดก็ ดอ้ ยโอกาส จงั หวัดมหาสารคาม ชอื่ ผู้เขยี น รชั พร วรรณคา กนั ตธี เนื่องศรี 3

การประชุมวชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้งั ท่ี 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 5. ช่ือบทความ รูปแบบการบริหารท่ีมีประสทิ ธผิ ลในการพัฒนาทักษะชวี ติ หน้า ของผเู้ รียนโรงเรยี นวัดลาดเค้า (ประชารัฐวทิ ยา) 32 ช่ือผู้เขยี น กานตฤ์ ทัย ชลวิทย์ เนตรจันทร์ 6. ช่ือบทความ การศึกษารปู แบบการบริหารจดั การโรงเรยี นขนาดเลก็ พืน้ ท่ี 34 จังหวัดกาฬสินธ์ุ ชอื่ ผู้เขยี น นุชรัตน์ ประสิทธิศลิ ป์ชยั สมหวัง พนั ธะลี คาแปลง บ่งุ อุทุม สง่ ศรี นาถมทอง ศภุ ัค ดอนกระสิทธุ์ จฑุ ารัตน์ สุพลแสง 7. ชื่อบทความ การประเมินโครงการสง่ เสรมิ ค่านยิ มความพอเพยี งของ 35 นกั เรียนโรงเรยี นบา้ นสุขสาราญ ช่ือผูเ้ ขยี น อนสุ รณ์ คงเจริญเมือง 8. ชอื่ บทความ รปู แบบการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา 36 ตามมาตรฐานการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี มของโรงเรยี นบ้านวงั เตา่ จงั หวดั นครศรธี รรมราช ชื่อผู้เขยี น ขจรศกั ด์ิ เขยี วนอ้ ย 9. ชื่อบทความ รปู แบบการพฒั นาระบบงานประกันคุณภาพการศกึ ษา 37 ในโรงเรียน สงั กัดสานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 ช่อื ผเู้ ขียน วีระเดช มณนี พ 10. ชือ่ บทความ การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาโรงเรยี นบึงไทรพทิ ยาคม 39 โดยใช้นวัตกรรม BUENGSAI NGAM MODEL ชือ่ ผเู้ ขยี น เสถียร พะโยธร 11. ช่อื บทความ โมดลู การบรหิ ารงานระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นของ 40 โรงเรียนในพระราชปู ถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ช่ือผ้เู ขยี น ณัฐรนิ เจริญเกียรตบิ วร 12. ชื่อบทความ การพฒั นารปู แบบนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการบริหาร 41 การจัดการศกึ ษาที่มีความสอดคล้องเหมาะสมตามบรบิ ทเชงิ พ้นื ที่จงั หวดั แพร่ ชอื่ ผูเ้ ขียน พิชญา ดมี ี 4

การประชุมวชิ าการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 13. ช่อื บทความ การพัฒนารูปแบบการนิเทศโดยใช้กระบวนการช้แี นะและ หนา้ ระบบพ่เี ลยี้ งเพอื่ ส่งเสริมการจัดการศึกษาแบบเรียนรวม ห้องเรยี นคู่ขนาน 43 สาหรับบุคคลออทสิ ติก สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 25 ชอื่ ผู้เขียน สิรินันท์ สรุ ไพฑรู ย์ แซ่ผุง 14. ช่อื บทความ การพัฒนากรอบหลกั สูตรระดบั ทอ้ งถ่นิ ของ 44 สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 ชอ่ื ผู้เขียน สภุ คั พร เรอื โป๊ะ สมหวงั พนั ธะลี 15. ช่อื บทความ ผลการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนลกู เสือสามญั 45 ร่นุ ใหญใ่ นโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 24 ชื่อผเู้ ขยี น จรญั น่วมมะโน สมหวัง พันธะลี 16. ชอ่ื บทความ การเสริมสร้างทักษะการจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 47 ทเ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ สาหรับครูวิทยาลัยอาชีวศึกษาสงิ ห์บุรี ช่อื ผเู้ ขียน นิติ นาชิต 17. ชอ่ื บทความ การพัฒนาหลกั สูตรภาวะผูน้ าทางการศึกษา ความรว่ มมอื 48 ทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยซหี นาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ชื่อผเู้ ขยี น เตม็ จิต จันทคา 18. ชอ่ื บทความ การพฒั นารปู แบบการนิเทศแบบมีสว่ นร่วมที่ส่งเสรมิ 50 หลกั สูตรสาระการเรยี นรู้ท้องถ่ินและการจัดการเรยี นการสอนอาชพี 51 ที่เปน็ มิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม 52 ชื่อผูเ้ ขียน ยุพาพร หรเสรฐิ สมหวงั พันธะลี ฉลาด เสรมิ ปญั ญา 19. ชือ่ บทความ การพัฒนาแนวทางการนิเทศภายในสถานศกึ ษาในพื้นที่ อาเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรรี มั ย์ ช่ือผ้เู ขียน ชศู กั ดิ์ ชืน่ เยน็ 20. ชอื่ บทความ การพฒั นาครูเพ่อื เสรมิ สรา้ งสมรรถนะแห่งศตวรรษท่ี 21 ชอื่ ผเู้ ขยี น เจรญิ ภูวจิ ิตร์ 5

การประชุมวิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 21. ชื่อบทความ การพัฒนาสมรรถนะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หนา้ ระดับประถมศกึ ษาในศตวรรษท่ี 21 สงั กัดสานักงานคณะกรรมการ 53 การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ชือ่ ผเู้ ขยี น ณฐั ชนนั ท์ จนั ทคปุ ต์ 22. ชื่อบทความ การพัฒนาระบบบริหารจัดการเรยี นรูเ้ พอื่ สนบั สนนุ 55 การศึกษาทางเลอื ก สาหรับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานระดบั มธั ยมศึกษา ชือ่ ผเู้ ขยี น สรุ ยิ ะ วชิรวงศ์ไพศาล ดรุณี ปัญจรัตนากร พงษศ์ กั ดิ์ ผกามาศ 23. ชือ่ บทความ การสอนภาษาองั กฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนย่อหนา้ 56 ภาษาองั กฤษ (Paragraph Writing) ดว้ ย Google Apps for Education ชอื่ ผู้เขยี น นฤิ มล วรสุทธ์ิ 24. ชื่อบทความ การใช้เครือข่ายการเรียนรูเ้ อดโมโดเพ่อื พฒั นาผลสัมฤทธิ์ 57 ทางการเรยี นวชิ าชีววทิ ยาและเจตคตขิ องนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ชือ่ ผู้เขยี น สลับศรี เจริญเวช 25. ช่อื บทความ การพฒั นาแพลตฟอรม์ เพื่อสนบั สนนุ การจัดการความรู้ 58 เก่ยี วกับระเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั ในระดบั บัณฑิตศึกษา 59 ช่ือผเู้ ขยี น ดรุณี ปญั จรัตนากร พงษศ์ กั ดิ์ ผกามาศ 26. ชอ่ื บทความ แนวทางการพฒั นาทักษะชีวติ ของนักเรยี นตามองคป์ ระกอบ ทกั ษะชวี ิตของสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ชือ่ ผเู้ ขียน ยุตติชน บุญเพศ 27. ชอ่ื บทความ รูปแบบการจดั การเรียนรเู้ พอื่ เพ่มิ ทกั ษะการส่ือสาร 60 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจาวัน โดยใชก้ ารวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั กิ ารแบบ 62 มีสว่ นรว่ มสาหรบั สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั จงั หวดั สงขลา ชือ่ ผเู้ ขียน ปทติ ตา กนกกช ปรีดา เบ็ญคาร 28. ชอ่ื บทความ การพัฒนาทกั ษะการนาเสนอและการทางานเปน็ ทีม โดยใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้บรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และกระบวนการ 5Steps (QSCCS) แกน่ ักเรียนโรงเรยี นเฉลมิ ขวัญสตรี สังกดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 39 ชื่อผเู้ ขยี น ผกามาศ บุญเผือก 6

การประชุมวิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งท่ี 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 29. ชอ่ื บทความ การสงั เคราะหง์ านวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้องกบั การพัฒนารปู แบบ หน้า การจดั การเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ 63 ชื่อผ้เู ขยี น เมธาสิทธิ์ ธัญรัตนศรสี กุล วรกมล วงศธรบญุ รัศมิ์ พรรณนิภา สนิทดี 30. ชอ่ื บทความ ผลการพฒั นาการจดั การเรยี นรสู้ าระเทคโนโลยี (วิทยาการ 64 คานวณ) ของครผู ู้สอน ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1,2,4,5 และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1,2,4,5 สังกัดสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์เขต 2 ช่ือผเู้ ขียน พชิ ญ์อนงค์ ผดงุ ศิลปไ์ พโรจน์ 31. ชอื่ บทความ การศกึ ษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นรู้ภาษาองั กฤษของ 65 นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรียนสุรศกั ดิ์มนตรี โดยใช้กระบวนการ เรียนรแู้ บบรวมพลัง 5 ขัน้ ตอนรว่ มกบั เทคนคิ การใช้ผงั กราฟกิ และ แพลตฟอรม์ แห่งการเรยี นรู้ PLC ชื่อผเู้ ขยี น ธานี เขยี ดทอง วิสุทธ์ิ อ่างคา 32. ชื่อบทความ ผลการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนร้แู บบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 5 ข้นั (5E) 66 เพ่ือพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการคิดวิเคราะหโ์ ดยใช้ ผังมโนทัศน์ ชื่อผูเ้ ขยี น เพอ่ื นจติ สิงหเ์ ผ่น 33. ชือ่ บทความ การพัฒนาชุดสือ่ ประสมเรอื่ งพระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระ 68 การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม สาหรบั นักเรยี น ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 โดยใช้เทคนคิ การสอนแบบไตรสิกขา ชอ่ื ผู้เขยี น พศิ วาส จนั ทรพรหมรนิ ทร์ 34. ช่อื บทความ ผลของการจดั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแนวทางสะเต็มศกึ ษา 69 ท่ีมีตอ่ พัฒนาการความสามารถในการแกป้ ัญหาตามกระบวนการออกแบบ เชิงวศิ วกรรมของนักเรียนระดบั มธั ยมศกึ ษา ชอ่ื ผเู้ ขยี น กฤตเมธ ธีระสุนทรไท กตกิ ร กมลรตั นะสมบตั ิ 35. ชอ่ื บทความ การพฒั นาองค์ประกอบความผูกพันของนกั เรียนชั้นมธั ยม ศึกษาปที ี่ 6 70 ช่ือผ้เู ขยี น เมธาสทิ ธ์ิ ธญั รัตนศรีสกุล วรกมล วงศธรบุญรัศมิ์ ณัฐกานต์ โรจนพรประสทิ ธ์ิ ปยิ ธิดา แจ่มสวา่ ง ชุตมิ า แชม่ แก้ว 7

การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังท่ี 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 36. ชื่อบทความ การพัฒนารูปแบบการนเิ ทศท่ีส่งเสริมทักษะการสอน หนา้ ภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สารโดยการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบกลมุ่ 71 รว่ มมือท่ีเน้นประสบการณข์ องครูในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพนื้ ที่ การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 24 ช่ือผ้เู ขยี น จรญั น่วมมะโน สมหวัง พนั ธะลี 37. ชอ่ื บทความ ผลของการจัดกิจกรรมกลุ่มแบบรว่ มมือทม่ี ตี อ่ การยอมรบั ความ 72 เหมอื นและความแตกต่างระหว่างบคุ คลของเด็กปฐมวัย โรงเรยี นบา้ นคลองคราม ชื่อผ้เู ขียน ปยิ นุช รตั นพงษ์ สชุ าดา จิตกล้า 38. ชอื่ บทความ การพฒั นาชดุ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ เี่ น้นทกั ษะการเล่นฟตุ บอล 73 ข้นั พ้ืนฐานสาหรบั นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4-6 โรงเรยี นบ้านวงั เต่า ชอื่ ผเู้ ขยี น ยศนนท์ อกั ษรนา 39. ช่อื บทความ การพฒั นาแบบฝกึ ทกั ษะการอา่ นคาที่มตี วั สะกดไมต่ รง 75 มาตรา สาหรับนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี นบ้านวงั เต่า ชอ่ื ผ้เู ขียน สิริพักตร์ กฐินหอม 40. ชื่อบทความ รูปแบบทักษะการเรยี นรทู้ ีม่ ีผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของ 76 ผู้เรียน มหาวิทยาลัยเอกชนในเขตภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย ชอ่ื ผูเ้ ขยี น กฤตย์ษุพชั สารนอก ศรุดา ชยั สุวรรณ ประภัสสร กองทอง ศริ ะนนั ท์ บญุ ยะผลานันท์ 41. ช่ือบทความ การพฒั นาผลการเรยี นรู้เรอ่ื งทกั ษะภูมิศาสตร์ ดว้ ยการสอน 77 โดยใชช้ ุดการเรียนรู้สาหรับนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นบ้านวังเต่า 78 ชอ่ื ผเู้ ขยี น พรนวิ ฒั น์ สังขโชติ 42. ชอ่ื บทความ การพัฒนาบทเรยี นเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต Class Start วิชา วิทยาการคานวณสาหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนบา้ นวังเต่า ชอ่ื ผเู้ ขียน กรรณิกา เทพดารงค์ 43. ชอื่ บทความ การพัฒนาหลักสตู รท้องถนิ่ เรอ่ื งมโนราห์ สาหรบั นักเรยี น 79 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 โรงเรียนบ้านวังเตา่ ช่ือผเู้ ขยี น นรนิ ทร์ เพง็ กลางเดอื น 8

การประชมุ วิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังท่ี 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 44. ชอ่ื บทความ การพฒั นาชดุ การเรียนรู้ประกอบภาพการต์ ูนทบ่ี รู ณาการ หนา้ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม วชิ ากฎหมายธรุ กจิ สาหรับนักศกึ ษาหลักสตู ร 80 ประกาศนียบตั รวิชาชีพช้ันสงู วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาสิงห์บุรี ชอ่ื ผู้เขียน สุภาวดี ภิรมยร์ ัตน์ 45. ชอ่ื บทความ ทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักศกึ ษาระดบั 82 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู ประเภทวชิ าบรหิ ารธุรกจิ วิทยาลยั เทคโนโลยีสมทุ รปราการ (ช.เทค) ชือ่ ผเู้ ขยี น สดุ ใจ เขยี นภักดี อรอมุ า วิวัฒรางกลู 46. ชื่อบทความ การพฒั นารปู แบบการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนา 83 ความสามารถในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ของนักเรียน ในระดับชัน้ ประถมศกึ ษา ช่อื ผู้เขียน ทิพวรรณ เหมอารญั 47. ชอ่ื บทความ การยกระดบั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นโดยใชโ้ ปงลางโมเดล 85 ชื่อผู้เขียน สมหวัง พนั ธะลี จรญั นว่ มมะโน 48. ชื่อบทความ การพัฒนาคูม่ ือการเขียนรายงานการวจิ ยั ในชัน้ เรียน 86 สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 4 ช่ือผู้เขียน จันทรา ด่านคงรักษ์ 49. ชื่อบทความ การพฒั นาส่ือการสอนรายวชิ าวิทยาการคานวณโดยใช้ 87 หลกั การคิดเชงิ วเิ คราะห์ผ่านระบบบริหารจัดการเรยี นรสู้ าหรบั นักเรียน ระดับประถมศึกษา ช่อื ผเู้ ขียน อดุลย์ ไชยเสนา ดรณุ ี ปญั จรัตนากร พงษ์ศกั ดิ์ ผกามาศ 50. ชือ่ บทความ การพัฒนาแบบฝกึ ทักษะภาษาองั กฤษเพื่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 89 ผ่านระบบบริหารจัดการเรยี นรูส้ าหรบั นกั เรยี นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชอ่ื ผู้เขยี น ชัยภัทร เพ็งเล็ง ดรุณี ปัญจรตั นากร พงษศ์ ักดิ์ ผกามาศ คณะผู้จดั ทา 90 9

การประชมุ วิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้งั ท่ี 1) วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สารจากผู้อานวยการสถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา การศึกษาเป็นองค์ประกอบท่ีมีความสาคัญและมีการเช่ือมโยงกับ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ มีศักยภาพในการแข่งขัน เพ่ือเป็นรากฐาน ในการสง่ เสรมิ และสนับสนุนการพฒั นาประเทศในทกุ ด้านอย่างยั่งยนื เจตนารมณ์ของ กระทรวงศึกษาธิการ มุ่งเสริมสร้างและวางระบบการวิจัย พัฒนาและสร้างนวัตกรรม ใ นส ถา บั นก า ร ศึ ก ษ า แล ะ ห น่ ว ย ง า น ท่ี เ กี่ ย ว ข้ อ ง ที่ พ ร้ อ ม ผ ลั ก ดั น ใ ห้ มี ก า ร นา ไ ป ใ ช้ ประโยชน์เพ่ือให้บรรลุผลสัมฤทธ์ิและเป้าหมายการพัฒนาการศึกษา ท้ังน้ี ความ เจริญกา้ วหนา้ ทางวิชาการ นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ง่ ผลใหก้ ารดาเนินชวี ติ ประจาวัน เปล่ียนแปลงไปจากอดีตและมีแนวโน้มจะพฒั นาต่อไปโดยไม่มีวันสิ้นสุดจะเห็นว่า เราได้ใช้เทคโนโลยีหลายรูปแบบ โดยไม่รู้ตัวและได้ยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหน่ึงในชีวิต เนื่องจากความง่ายและให้ประโยชน์ มากมายจึงทาให้เป็นเร่อื ง ปกตใิ นชีวิตประจาวัน การนาเสนอผลงานทางวิชาการเป็นการสรุปความสาคัญของผลงานและนวัตกรรมท่ีผู้นาเสนอ ได้ศึกษา ค้นคว้ามาอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสาระสาคัญท่ีเกี่ยวข้องในรูปแบบที่เข้าใจง่าย โดยใช้ส่ือประกอบ อยา่ งเหมาะสมและมคี ณุ ภาพ การนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการเปนพันธกิจท่สี าคัญอยางหนึ่ง ทน่ี ักวิชาการและ นักวิจยั ควรปฏิบัตเิ มอื่ เสร็จสิ้นการวจิ ยั หรอื พฒั นานวัตกรรมและจัดทารายงานเสร็จเรยี บรอยแลว การนาเสนอผลงาน เป็นการนาความร้แู ละเผยแพร่ส่งิ ที่ผู้วจิ ยั พฒั นาขึ้นให้ผู้อ่ืนได้ทราบและสามารถนาผลวิจัยน้ันไปประยกุ ต์ใช้ในบริบท ของการพัฒนางาน ตลอดจนการอา้ งอิงเอกสารอื่น ๆ ได้ เปน็ การแสดงถึงความรู้ ความสามารถทางด้านวิชาการของ ผู้วิจัย ถือว่าเป็นหลักฐานการบันทึกองค์ความรู้ท่ีได้จากการวิจัยไปสู่ผู้ที่จะทาวิจัยต่อไป ซึ่งจะเป็นส่ือกลางระหว่าง ผู้วิจัยกับผู้อ่านหรือผู้นาผลไปใช้ประโยชน์ เป็นการนาเสนอในลักษณะของส่ิงท่ีได้กระทาไปแล้ว มีลักษณะเป็นงาน ทางวิชาการและเป็นสากล สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ในฐานะศูนย์กลางประสานงานการพัฒนาครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศึกษาและเป็นหน่วยงานในการพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ซึง่ มี ภารกจิ ในการศกึ ษา วจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมทางวชิ าการ การประชมุ ทางวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวัตกรรม ทางวิชาการคร้ังน้ีเป็นเวทีในการสร้างเครือข่าย การเผยแพร่ผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ และเป็นการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซ่ึงกันและกันอันจะก่อให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้เชิงนวัตกรรมและ เชิงวิชาการซ่ึงนาไปสู่ การพฒั นาการศึกษาของผ้บู รหิ าร ครู บคุ ลากรทางการศึกษา หน่วยงาน สถานศึกษาและประเทศชาตติ อ่ ไป ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ วิทยากร ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษา คณะทางาน และผ้เู ก่ียวขอ้ งทุกฝา่ ยในการประชมุ ทางวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการของผ้บู ริหาร ครูและ บุคลากรทางการศึกษาครั้งน้ี ขออวยพรให้การประชุมทางวิชาการประสบความสาเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ของ การดาเนินงานทุกประการ ดร. สัมนาการณ์ บุญเรือง ผู้อานวยการสถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 10

การประชุมวิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 1) วนั ท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สารจากท่ีปรึกษาโครงการประชมุ ทางวชิ าการ “…ปัจจุบันน้ีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสาคัญใน การสร้างความเจริญของบ้านเมือง เราจึงควรสนับสนุนให้มีการคิดค้นเทคโนโลยี ที่เหมาะสมกับสภาวะและความต้องการของประเทศขึ้นใช้เองอย่างจริงจัง ถ้าเรา สามารถคิดค้นได้มากเท่าไร ก็จะเป็นการประหยัดและช่วยให้สามารถนาไปใช้ใน งานตา่ ง ๆ ไดก้ ว้างขวางย่ิงข้นึ เท่านนั้ …” พระราชดารัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย พระราชทานเน่ืองในสัปดาห์ วิทยาศาสตรแ์ ห่งชาติ และครบรอบ 120 ปี หว้ากอ ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน 1 สิงหาคม 2531 การวิจัยเพ่ือพัฒนานวัตกรรม (Innovation) เป็นกระบวนการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่มนุษยเ์ พอ่ื นาไปปรบั ปรงุ และพฒั นาวถิ ีการดารงชวี ติ ทงั้ ในด้านการศึกษา เศรษฐกจิ สังคม การเมือง และวฒั นธรรม ให้ดีข้ึน นาไปสู่การปรับตัวเพื่อเปล่ียนแปลงและเปล่ียนผ่านตามอารยธรรมของโลกที่เปล่ียนไปภายใต้ บริบทของ สังคมอดุ มปัญญา (Wisdom-Based Society) ซง่ึ มีบทบาทสาคญั ยิ่งต่อการพัฒนาประเทศในทุกดา้ น สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ในฐานะเป็นหน่วยงานในการพัฒนา ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และมีภารกิจในการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางวิชาก าร จึงจัด กิจกรรมการประชุมวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการของผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในรูปแบบของกิจกรรมทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิระดับชาติ และการนาเสนอผลงานวิจัยเพอ่ื เผยแพร่องค์ความรู้ จากการวจิ ัยทางการศกึ ษาของผูบ้ รหิ าร ครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการศึกษาส่สู าธารณชน ในรูปแบบของระบบ นิเวศการแลกเปลย่ี นเรียนรู้ที่ขับเคล่ือนดว้ ยนวตั กรรมและการวิจัย ซ่ึงสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ชาติ ดา้ นการพฒั นา และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม โดยมีเป้าหมายคือ การปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ให้เอ้ือต่อการพัฒนาทักษะสาหรับศตวรรษที่ 21 และสร้างระบบการศึกษาเพอ่ื เปน็ เลศิ ทางวิชาการระดบั นานาชาติ แลกเปล่ยี นประสบการณท์ างวิชาการร่วมกัน คณะทางานขอขอบคุณผูท้ รงคณุ วฒุ ิ วทิ ยากร ผบู้ รหิ าร ครู อาจารย์ บคุ ลากรทางการศกึ ษา สถาบันการศึกษา และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนสาหรับการร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้และการสนับสนุนการประ ชุม ทางวิชาการคร้ังน้ี ขออวยพรให้การประชุมทางวิชาการประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ของการดาเนินงาน ทุกประการ รองศาสตราจารย์ ดร. ปณติ า วรรณพิรณุ หวั หน้าศนู ย์วิจัยการจดั การนวตั กรรมและเทคโนโลยี สานกั วจิ ยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนอื (มจพ.) 11

การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สารจากทป่ี รกึ ษาโครงการประชุมทางวิชาการ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาเป็น องค์กรชั้นนาในการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา โดยมีพันธกิจ ท่ีสาคัญประการหนึ่ง คือ การวิจัยและพฒั นานวัตกรรมการพฒั นาครูและบคุ ลากร ทางการศึกษา เพ่ือพัฒนาองค์ความรู้ในการขับเคล่ือนนโยบายการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดสัมฤทธ์ิผลในทางปฏิบัติ ซ่ึงการจัด ประชุมทางวชิ าการเพื่อการนาเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวชิ าการทจ่ี ดั ข้ึนในคร้ังนี้ ถือเป็นกิจกรรมริเร่ิมที่สาคัญของสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการ ศึกษา ท่ีได้ตระหนักถึงความสาคัญในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางการวิจัยสู่สาธารณชน โดยเป็นการรวมตัวกันของ นักวิจัย นักวิชาการ และบุคลากรทางการศึกษา หรือที่เรียกได้ว่าเป็น “ชุมชนของนักวิชาการ” จากหลากหลาย สถาบันการศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษาเพื่อนาผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการมาแลกเปล่ียนเรียนรู้กัน ช่วยกันให้คาแนะนา ถือเป็นการสร้างบรรยากาศทางวิชาการและพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยให้กับนักวิจัย นักวชิ าการ และบคุ ลากรทางการศึกษา และที่สาคญั เปน็ การยกระดบั ผลงานทางวชิ าการส่เู วทีการประชุมทางวชิ าการ ระดบั ประเทศ ซ่ึงเปน็ กลไกทีส่ าคัญของการพฒั นาองค์ความรู้ทางวชิ าการใหม้ ีคุณภาพยง่ิ ข้นึ ดิฉันขอแสดงความชื่นชมสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาท่ีได้จดั การ ประชุมทางวิชาการนี้ขึ้น และมีความเช่ือมั่นว่าการจดั ประชุมครั้งน้ีจะเป็นจุดเร่ิมต้นที่ดีในการเสริมสร้างภารกิจของ สถาบนั พัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศึกษาใหเ้ ปน็ องคก์ รชัน้ นาในการพฒั นาครู คณาจารย์ และบุคลากร ทางการศกึ ษาท่ีเขม้ แขง็ เพ่ือให้สามารถขบั เคลอื่ นยุทธศาสตร์การยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยได้อย่าง มปี ระสิทธภิ าพ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. กุลชลี จงเจรญิ อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 12

การประชมุ วิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ท่ี 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา รายนาม คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิพจิ ารณาคดั เลือกผลงานและนวัตกรรมทางวิชาการ รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจันบาน มหาวทิ ยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณโุ ลก รองศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ สถริ ยากร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนอื รองศาสตราจารย์ ดร.ชูชาติ พว่ งสมจติ ร์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร.ทวีศักดิ์ จินดานุรกั ษ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร.ปรยิ าภรณ์ ตั้งคุณานนั ต์ สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบัง รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิตา วรรณพิรณุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล บญุ ลอื มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี รองศาสตราจารย์ ดร.อนริ ุทธ์ สตมิ นั่ มหาวิทยาลัยศลิ ปากร วทิ ยาเขตพระราชวังสนามจนั ทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา วภิ าวิวัฒน์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ รองศาสตราจารย์ ดร.กลา้ หาญ ณ น่าน มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กุลชลี จงเจรญิ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สยาม แกมขนุ ทด มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนอื ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อาภาพรรณ ตนั ตินาครกูล สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิรพิ ร อ้งั โสภา มหาวิทยาลยั เทคโนโยลีราชมงคลธญั บรุ ี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย แก้วกิรยิ า สถาบนั การจดั การปัญญาภิวฒั น์ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กิตตพิ งษ์ สุวรรณราช มหาวิทยาลยั ราชภัฏพบิ ูลสงคราม จังหวดั พิษณุโลก ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ พ.ต.อ.หญงิ ดร.กัญญฐ์ ิตา ศรีภา โรงเรียนนายร้อยตารวจ จังหวดั นครปฐม อาจารย์ ดร.เมธี ดสิ วัสดิ์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ จังหวดั สงขลา อาจารย์ ดร.กรรณิการ์ ภิรมยร์ ตั น์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสนุ นั ทา อาจารย์ ดร.วัยวุฒิ บุญลอย มหาวิทยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี จังหวัดจนั ทบุรี อาจารย์ ดร.สิริกร กรมโพธิ์ มหาวิทยาลัยราชภฏั นครราชสมี า จังหวัดนครราชสมี า อาจารย์ ดร.ชลิดา ตระกลู สุนทร มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม จังหวัดนครปฐม อาจารย์ ดร.วีระ สภุ ะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขตจกั รพงษภวู นารถ อาจารย์ ดร.พิบูลย์ ชมุ พลไพศาล มหาวิทยาลยั มหดิ ล อาจารย์ ดร.ดวงกมล แก้วแดง มหาวทิ ยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วทิ ยาเขตสะพานใหม่ นางสาวนาฎฤดี จิตรรังสรรค์ โรงเรยี นสจุ ปิ ุลิ จงั หวดั ฉะเชิงเทรา นางจริยา เอียบสกุล วิทยาลยั เทคนิคภเู ก็ต จังหวัดภูเกต็ นายนิติ นาชิต วทิ ยาลยั เทคนิคสรุ นารี จังหวดั นครราชสมี า ว่าที่เรือตรี ชูชีพ อรุณเหลือง วิทยาลยั เทคนิคระยอง จงั หวดั ระยอง นายจกั รภพ เนวะมาตย์ วิทยาลัยเทคนิคตาก จังหวัดตาก นางสาววิลาวัณย์ เลศิ วีระวฒั น์ วทิ ยาลัยสารพัดชา่ งนครหลวง 13

การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ท่ี 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา นางวันเพ็ญ ผอ่ งกาย ข้าราชการผรู้ บั บานาญ นายเจตนา แดงอนิ ทวัฒน์ ขา้ ราชการผู้รับบานาญ นางสาวทัศนาพร กันพรหม ข้าราชการผรู้ บั บานาญ นายบุญเลศิ ค่อนสอาด สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน นางสาวนวลพรรณ วรรณสุธี ศูนยป์ ระสานงานและบรหิ ารการศกึ ษา จังหวดั ชายแดนภาคใต้ สป. จงั หวดั ปัตตานี นางสาวอรทยั ทองฤกษ์ฤทธิ์ สานักนโยบายและยุทธศาสตร์ สป. นายชาญวุฒิ วงศเ์ พ็ง สานักบรู ณาการกิจการการศกึ ษา สป. นายองอาจ จูมสมี า โรงเรียนลือคาหาญวารินชาราบ สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาเขต 29 นางจุฑามาศ รอดภัย โรงเรียนวัดใหญ่ชยั มงคล (ภาวนารังสี) สานกั งานเขตพนื้ ท่ี การศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรอี ยุธยาเขต 1 นางมาตา แก้วเซง่ สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษากรุงเทพมหานคร นางมาลี พณิ สาย สานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั สระแกว้ นางวริศรา มนูขจร สานักงานศึกษาธิการจงั หวัดบุรีรัมย์ นายมนตรี นวิ ฒั นุวงค์ สานกั งานศึกษาธิการจงั หวดั บุรรี มั ย์ นางสาวปสตุ า ไชยสงคราม สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั บุรรี มั ย์ นางสายสมร ศักด์ิคาดวง โรงเรยี นมญั จาศึกษา สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 25 นายสนั ติพงศ์ ชินประดิษฐ โรงเรียนราชวินิตบางแคปานขา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต 1 นายวรนันท์ ขันแขง็ โรงเรยี นมธั ยมวัดดสุ ติ าราม สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 1 นายบุณยพงศ์ โพธิวฒั น์ธนัต โรงเรยี นมธั ยมวัดสิงห์ สานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต 1 นายอฎั ฐผล ถิรพรพงษศ์ ริ ิ โรงเรยี นลาดปลาเค้าพทิ ยาคม สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษาเขต 2 นายประวัติ สุทธปิ ระภา โรงเรียนสารวิทยา สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 นายวัชราบรู ณ์ บัญชู โรงเรียนมัธยมวัดธาตทุ อง สานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 2 นายชนินทร์ คะอังกุ โรงเรยี นธนบุรวี รเทพีพลารกั ษ์ สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต 1 นางสาวอรุณี จริ มหาศาล โรงเรยี นมหาวรี านุวัตร สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษากรุงเทพมหานคร นายภาษกร แจม่ หมอ้ โรงเรียนวงั แขมวทิ ยาคม สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต 41 14

การประชุมวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งที่ 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา นายสันติ มุกดาสนทิ โรงเรียนชานาญสามัคคีวทิ ยา สานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 18 นายประจวบ อนิ ทแย้ม โรงเรยี นชานพิ ทิ ยาคม สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 32 นายเสรมิ ฤทธิ์ หวายฤทธ์ธิ นกุล สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี ัมย์เขต 2 ว่าที่ ร.ต.พัฒนา นพตลงุ โรงเรียนวดั แจ้ง (เศียรคุรุราษฎร์บารงุ ) สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี ัมย์เขต 2 นายสวงษ์ ไชยยา โรงเรยี นอนุบาลเชียงใหม่ สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาเชยี งใหม่เขต 1 15

การประชมุ วชิ าการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 1) วนั ท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา กาหนดการ การประชุมทางวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการ ของผ้บู รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังที่ 1) วนั ที่ 2 - 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา วันอาทิตยท์ ี่ 2 สงิ หาคม 2563 14.00 - 15.00 น ผู้นาเสนอผลงานลงทะเบียน 16.00 -18.00 น. ประชมุ ช้แี จงเพือ่ เตรียมความพรอ้ มการนาเสนอผลงาน วันจันทรท์ ี่ 3 สิงหาคม 2563 07.00 - 07.45 น. ลงทะเบยี น ณ หอ้ งประชุมพุทธรักษา อาคารอเนกประสงค์ 07.45 - 08.00 น. พธิ เี ปิด 08.00 - 09.00 น. บรรยายพิเศษ เรื่อง “วถิ ชี ีวติ ใหม่ New Normal” โดย พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวัดไรข่ ิง พระอารามหลวง รองเจา้ คณะจงั หวัดนครปฐม 09.00 - 12.00 น การเสวนาพิเศษ หวั ข้อ \"นวัตกรรมเพอ่ื การบรหิ ารการศกึ ษาในยุคเปล่ยี นผา่ น\" (Innovation for Educational Administration in the Transformational Era) วทิ ยากรเสวนา 1. อาจารย์พรทิพย์ กาญจนนยิ ต อดตี ผู้อานวยการบริหาร มลู นิธิการศึกษาไทย-อเมริกนั (ฟลุ ไบรท์) 2. รองศาสตราจารยด์ ร.พรอ้ มพไิ ล บวั สุวรรณ รองผอู้ านวยการ สานักบริการคอมพวิ เตอร์ 3. ดร. วริ ิยะ ฤาชัยพาณิชย์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ นักวิชาการอสิ ระ นักคิด นักเขียน 4. ดร.รังสรรค์ วิบูลอปุ ถมั ภ์ ผกู้ ่อต้งั เวบ็ ไซต์ www.eduzones.com นักวชิ าการศกึ ษา องค์การยูนเิ ซฟ ประเทศไทย 12.00 - 12.30 น. พธิ ีมอบเกยี รตบิ ตั รผ้ทู รงคณุ วุฒแิ ละผ้นู าเสนอผลงานและนวัตกรรมทางวชิ าการ โดย ดร.สัมนาการณ์ บญุ เรอื ง ผอู้ านวยการสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 16

การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งท่ี 1) วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 12.30 - 13.00 น. พกั รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 - 16.30 น. การนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการ (แบง่ ออกเปน็ 6 กล่มุ ย่อย) 16.30 - 17.00 น. วทิ ยากรประจากลุ่มท่ี 1 1. รองศาสตราจารย์ ดร.ชชู าติ พ่วงสมจติ ร์ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช 2. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กุลชลี จงเจริญ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช วิทยากรประจากลมุ่ ท่ี 2 1. รองศาสตราจารย์ ดร.พรอ้ มพไิ ล บัวสุวรรณ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ 2. ดร.ดวงกมล แกว้ แดง มหาวิทยาลัยนอรท์ กรงุ เทพ วทิ ยากรประจากลมุ่ ที่ 3 วทิ ยาเขตสะพานใหม่ 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สยาม แกมขุนทด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี 2. ดร.วรี ะ สุภะ พระจอมเกลา้ พระนครเหนือ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล วิทยากรประจากลมุ่ ที่ 4 ตะวันออก 1. รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิตา วรรณพริ ุณ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี 2. ดร.พบิ ลู ย์ ชุมพลไพศาล พระจอมเกลา้ พระนครเหนือ วทิ ยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล วทิ ยากรประจากลมุ่ ท่ี 5 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยี 1. รองศาสตราจารย์ ดร.สรุ พล บญุ ลือ พระจอมเกล้าธนบรุ ี มหาวิทยาลยั ศิลปากร 2. รองศาสตราจารย์ ดร.อนริ ุทธ์ สตมิ ัน่ วทิ ยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ วทิ ยากรประจากลมุ่ ที่ 6 โรงเรียนเตรียมอดุ มศกึ ษาพฒั นาการ 1. ดร.ทัศนาพร กนั พรหม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม 2. ดร.ชลิดา ตระกูลสุนทร พธิ ีปิดการประชุม หมายเหตุ : กาหนดการนี้อาจเปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสม 17

การประชมุ วิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครัง้ ที่ 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา กาหนดการนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการ (แยกตามหอ้ ง) หอ้ งย่อยที่ 1 วทิ ยากรประจากลุม่ ท่านท่ี 1 รองศาสตราจารย์ ดร.ชชู าติ พว่ งสมจิตร์ วทิ ยากรประจากลุ่มท่านท่ี 2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กลุ ชลี จงเจรญิ วิทยากรประจากลมุ่ ทา่ นท่ี 3 นางสาวนพมาศ ณะมาชิต วทิ ยากรประจากลุ่มท่านที่ 4 นายอเุ ทน นวสทุ ธารัตน์ เวลา บทความเลขท่ี ชื่อบทความ ชอื่ ผเู้ ขยี น 13.00-13.20 น. 1 รปู แบบการนิเทศเพอ่ื กากบั ติดตามการจดั การ จีรัฐตกิ ลุ ระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียนในสถานศึกษา ดอนวิจารณข์ จร สงั กัดสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยม ศกึ ษา เขต 25 โดยใชก้ ระบวนการชี้แนะ และระบบพ่ีเล้ียง 13.20-13.40 น. 2 รูปแบบการบรหิ ารสู่ความเป็นเลศิ ของ พงษ์ศกั ด์ิ ผกามาศ โรงเรียนวทิ ยาศาสตรส์ ังกัดสานักงาน ดรุณี ปญั จรัตนากร คณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน อดุ มวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ 13.40-14.00 น. 3 การพฒั นารูปแบบการบริหารจัดการศึกษา ภมู ิสษิ ฐ์ สุคนธวงศ์ เพ่ืออาชพี โรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ 14.00-14.20 น. 4 รปู แบบการดาเนนิ งานเพม่ิ โอกาสการเข้าถงึ รัชพร วรรณคา บรกิ ารทางการศึกษาของเด็กดอ้ ยโอกาส กันตธี เนือ่ งศรี จงั หวดั มหาสารคาม 14.20-15.00 น. 5 รูปแบบการบรหิ ารที่มปี ระสิทธิผลในการ กานตฤ์ ทัย พัฒนาทกั ษะชวี ิตของผูเ้ รียนโรงเรียนวดั ลาดเคา้ ชลวิทย์ เนตรจนั ทร์ (ประชารฐั วทิ ยา) 15.00-15.20 น. 6 การศกึ ษารปู แบบการบรหิ ารจดั การโรงเรยี น นชุ รัตน์ ประสทิ ธิศลิ ป์ชยั ขนาดเล็กพ้นื ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธุ์ สมหวงั พนั ธะลี คาแปลง บ่งุ อุทมุ ส่งศรี นาถมทอง ศุภคั ดอนกระสทิ ธุ์ จุฑารตั น์ สุพลแสง 15.20-15.40 น. 7 การประเมนิ โครงการส่งเสริมค่านยิ มความ อนุสรณ์ คงเจริญเมอื ง พอเพยี งของนกั เรียนโรงเรยี นบา้ นสขุ สาราญ 18

การประชมุ วิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ท่ี 1) วนั ท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เวลา บทความเลขท่ี ชอ่ื บทความ ช่ือผเู้ ขียน ขจรศกั ดิ์ เขียวนอ้ ย 15.40-16.00 น. 8 รูปแบบการพฒั นาระบบประกันคุณภาพ ภายในสถานศกึ ษาตามมาตรฐานการจัด การศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทียมของโรงเรยี น บ้านวังเต่า จงั หวดั นครศรีธรรมราช ห้องย่อยที่ 2 รองศาสตราจารย์ ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ วิทยากรประจากลุม่ ทา่ นท่ี 1 ดร.ดวงกมล แกว้ แดง ดร.ดเิ รก ทรพั ย์ประเสริฐ วทิ ยากรประจากลมุ่ ทา่ นที่ 2 วทิ ยากรประจากลุม่ ทา่ นที่ 3 เวลา บทความเลขท่ี ชอื่ บทความ ช่อื ผเู้ ขยี น 13.00-13.20 น. 9 รปู แบบการพฒั นาระบบงานประกัน วีระเดช มณีนพ คุณภาพการศกึ ษาในโรงเรียน สงั กัด สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เลย เขต 1 13.20-13.40 น. 10 การพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาโรงเรยี น เสถยี ร พะโยธร บงึ ไทรพทิ ยาคม โดยใชน้ วัตกรรม BUENGSAI NGAM MODEL 13.40-14.00 น. 11 โมดลู การบรหิ ารงานระบบดแู ลช่วยเหลอื ณัฐริน เจรญิ เกียรตบิ วร นกั เรยี นของโรงเรยี นในพระราชูปถมั ภ์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร 14.00-14.20 น. 12 การพฒั นารูปแบบนิเทศ ตดิ ตามและ พชิ ญา ดมี ี ประเมนิ ผลการบริหารการจัดการศึกษา ทีม่ ีความสอดคล้องเหมาะสมตามบรบิ ท เชิงพนื้ ท่ีจังหวัดแพร่ 14.20-15.00 น. 13 การพัฒนารปู แบบการนเิ ทศโดยใช้ สิรินันท์ สุรไพฑรู ย์ แซผ่ งุ กระบวนการช้ีแนะและระบบพ่เี ลยี้ งเพอื่ สง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษาแบบเรยี นรวม หอ้ งเรียนคขู่ นานสาหรับบุคคลออทิสติก สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 25 19

การประชมุ วชิ าการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เวลา บทความเลขที่ ชอื่ บทความ ช่ือผเู้ ขยี น สุภัคพร เรอื โปะ๊ 15.00-15.20 น. 14 การพฒั นากรอบหลกั สูตรระดบั ทอ้ งถ่ิน สมหวัง พนั ธะลี จรญั น่วมมะโน ของสานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา สมหวงั พันธะลี ประถมศึกษาบรุ ีรัมย์ เขต 3 นิติ นาชิต 15.20-15.40 น. 15 ผลการนิเทศการจดั กิจกรรมการเรียน เตม็ จิต จนั ทคา การสอนลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ในโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 24 15.40-16.00 น. 16 การเสรมิ สรา้ งทกั ษะการจดั การเรยี นรู้ ในศตวรรษท่ี 21 ที่เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคญั สาหรับครวู ิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บรุ ี 16.00-16.20 น. 17 การพัฒนาหลักสตู รภาวะผ้นู าทาง การศกึ ษาความรว่ มมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัยซีหนาน สาธารณรัฐ ประชาชนจนี ห้องย่อยท่ี 3 ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สยาม แกมขุนทด วิทยากรประจากลุ่มทา่ นท่ี 1 ดร.วรี ะ สุภะ ดร.รัตติกร ผรณสวุ รรณ วทิ ยากรประจากลุ่มท่านท่ี 2 วิทยากรประจากลุ่มท่านท่ี 3 เวลา บทความเลขที่ ชื่อบทความ ช่ือผเู้ ขียน ยพุ าพร หรเสริฐ 13.00-13.20 น. 18 การพัฒนารปู แบบการนเิ ทศแบบมสี ว่ น สมหวัง พนั ธะลี ฉลาด เสริมปญั ญา ร่วมท่สี ง่ เสรมิ หลกั สูตรสาระการเรียนรู้ ชูศกั ด์ิ ชืน่ เยน็ ท้องถน่ิ และการจัดการเรียนการสอน เจรญิ ภวู จิ ติ ร์ อาชพี ที่เป็นมติ รกับสิ่งแวดล้อม ณฐั ชนนั ท์ จนั ทคปุ ต์ 13.20-13.40 น. 19 การพัฒนาแนวทางการนเิ ทศภายใน สถานศกึ ษาในพนื้ ทอ่ี าเภอโนนดนิ แดง จังหวัดบุรีรัมย์ 13.40-14.00 น. 20 การพัฒนาครูเพ่อื เสริมสร้างสมรรถนะ แหง่ ศตวรรษที่ 21 14.00-14.20 น. 21 การพฒั นาสมรรถนะครูกล่มุ สาระการ เรยี นรู้คณิตศาสตร์ระดับประถมศกึ ษา ในศตวรรษท่ี 21 สงั กดั สานกั งาน คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 20

การประชมุ วิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 1) วันที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เวลา บทความเลขท่ี ช่ือบทความ ชอ่ื ผเู้ ขยี น 14.20-15.00 น. สรุ ิยะ วชิรวงศไ์ พศาล 15.00-15.20 น. 22 การพัฒนาระบบบริหารจดั การเรยี นรู้ ดรณุ ี ปัญจรตั นากร พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ 15.20-15.40 น. เพอ่ื สนับสนุนการศึกษาทางเลอื ก สาหรับ นิฤมล วรสทุ ธิ์ 15.40-16.00 น. การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานระดบั มัธยมศกึ ษา สลบั ศรี เจรญิ เวช 23 การสอนภาษาองั กฤษโดยใช้แบบฝกึ ดรุณี ปญั จรตั นากร พงษ์ศกั ดิ์ ผกามาศ ทกั ษะการเขยี นยอ่ หน้าภาษาองั กฤษ (Paragraph Writing) ดว้ ย Google Apps for Education 24 การใชเ้ ครือข่ายการเรยี นรูเ้ อดโมโดเพื่อ พัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นวิชา ชวี วทิ ยาและเจตคติของนักเรยี น ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 25 การพัฒนาแพลตฟอร์มเพ่ือสนับสนนุ การจัดการความรู้เกย่ี วกบั ระเบยี บวธิ ี การวิจยั ในระดบั บัณฑติ ศกึ ษา หอ้ งย่อยที่ 4 รองศาสตราจารย์ ดร.ปณติ า วรรณพิรุณ วทิ ยากรประจากลุ่มทา่ นท่ี 1 ดร.พบิ ูลย์ ชุมพลไพศาล ดร.ดวงพร เจียมอมั พร วทิ ยากรประจากลุม่ ทา่ นท่ี 2 วทิ ยากรประจากลมุ่ ท่านท่ี 3 เวลา บทความเลขท่ี ชอ่ื บทความ ชอ่ื ผเู้ ขยี น ยุตติชน บุญเพศ 13.00-13.20 น. 26 แนวทางการพฒั นาทักษะชีวิตของนักเรียน ปทติ ตา กนกกช ตามองค์ประกอบทกั ษะชวี ิตของสานักงาน ปรีดา เบ็ญคาร คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน 13.20-13.40 น. 27 รูปแบบการจัดการเรียนรเู้ พอื่ เพมิ่ ทักษะ การสอื่ สารภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน โดยใชก้ ารวจิ ัยเชิงปฏิบัติการแบบมสี ่วน รว่ มสาหรับสานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย จงั หวัดสงขลา 21

การประชุมวชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เวลา บทความเลขที่ ชื่อบทความ ชอ่ื ผเู้ ขียน 13.40-14.00 น. 28 การพัฒนาทักษะการนาเสนอและการ ผกามาศ บุญเผอื ก ทางานเปน็ ทมี โดยใชแ้ ผนการจัดการ เรียนร้บู ูรณาการหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง และกระบวนการ 5Steps (QSCCS) แกน่ กั เรยี นโรงเรียน เฉลิมขวญั สตรี สังกัดสานกั งานเขตพน้ื ท่ี การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 39 14.00-14.20 น. 29 การสังเคราะหง์ านวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ งกับ เมธาสทิ ธ์ิ ธัญรตั นศรีสกลุ การพัฒนารปู แบบการจดั การเรียนรู้ วรกมล วงศธรบุญรศั ม์ิ คณิตศาสตร์ พรรณนิภา สนทิ ดี 14.20-15.00 น. 30 ผลการพฒั นาการจดั การเรียนรูส้ าระ พิชญอ์ นงค์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ของ ผดงุ ศิลป์ไพโรจน์ ครูผสู้ อน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1,2,4,5 และชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1,2,4,5 สงั กัด สานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา เพชรบรู ณ์ เขต 2 15.00-15.20 น. 31 การศึกษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นรู้ ธานี เขียดทอง ภาษาองั กฤษของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษา วิสทุ ธิ์ อา่ งคา ปที ่ี 1 โรงเรยี นสรุ ศักด์มิ นตรี โดยใช้ กระบวนการเรียนรแู้ บบรวมพลงั 5 ขน้ั ตอนรว่ มกบั เทคนคิ การใช้ผงั กราฟกิ และแพลตฟอรม์ แห่งการเรียนรู้ PLC 15.20-15.40 น. 32 ผลการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบวัฏจักร เพอื่ นจิต สงิ หเ์ ผน่ การเรยี นรู้ 5 ขัน้ (5E) เพอื่ พฒั นา ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นและทักษะการคดิ วิเคราะหโ์ ดยใช้ผงั มโนทศั น์ 15.40-16.00 น. 33 การพัฒนาชดุ สอ่ื ประสมเร่ืองพระพุทธ พิศวาสจนั ทรพรหมรนิ ทร์ ศาสนา กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม สาหรับนักเรียน ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โดยใช้เทคนิค การสอนแบบไตรสิกขา 22

การประชมุ วิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้งั ที่ 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ห้องย่อยท่ี 5 รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล บญุ ลอื รองศาสตราจารย์ ดร.อนริ ทุ ธ์ สติมนั่ วิทยากรประจากลมุ่ ท่านที่ 1 นางสาวณัฐชนันท์ จันทคปุ ต์ วทิ ยากรประจากลุ่มท่านท่ี 2 นายเจริญ ภูวิจิตร์ วทิ ยากรประจากลมุ่ ท่านที่ 3 วทิ ยากรประจากล่มุ ท่านท่ี 4 เวลา บทความเลขท่ี ช่อื บทความ ชอ่ื ผเู้ ขียน กฤตเมธ ธรี ะสุนทรไท 13.00-13.20 น. 34 ผลของการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ตาม กติกร กมลรัตนะสมบัติ แนวทางสะเตม็ ศกึ ษา ท่ีมีตอ่ พฒั นาการ เมธาสทิ ธ์ิ ธัญรัตนศรีสกุล วรกมล วงศธรบญุ รัศม์ิ ความสามารถในการแก้ปัญหาตาม ณัฐกานต์ โรจนพรประสิทธ์ิ ปยิ ธดิ า แจม่ สวา่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมของ ชตุ มิ า แช่มแกว้ จรญั นว่ มมะโน นกั เรยี นระดบั มธั ยมศึกษา สมหวงั พันธะลี 13.20-13.40 น. 35 การพัฒนาองคป์ ระกอบความผูกพนั ของ ปิยนุช รตั นพงษ์ สุชาดา จิตกลา้ นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ยศนนท์ อกั ษรนา 13.40-14.00 น. 36 การพัฒนารูปแบบการนิเทศท่ีส่งเสรมิ ทักษะการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการ สือ่ สารโดยการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ แบบกลุม่ รว่ มมอื ที่เน้นประสบการณ์ของ ครูในโรงเรยี นสังกดั สานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 24 14.00-14.20 น. 37 ผลของการจัดกิจกรรมกลมุ่ แบบรว่ มมอื ทม่ี ีต่อการยอมรบั ความเหมอื นและ ความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของ เดก็ ปฐมวยั โรงเรยี นบ้านคลองคราม 14.20-15.00 น. 38 การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรยี นรูท้ ีเ่ น้น ทักษะการเล่นฟตุ บอลขน้ั พ้นื ฐานสาหรับ นักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6 โรงเรยี นบา้ นวงั เตา่ 23

การประชมุ วชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ท่ี 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เวลา บทความเลขที่ ชอื่ บทความ ชื่อผเู้ ขียน 15.00-15.20 น. 39 การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอา่ นคาทีม่ ี สริ พิ กั ตร์ กฐนิ หอม ตัวสะกดไมต่ รงมาตรา สาหรับนกั เรยี น ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบา้ นวงั เต่า 15.20-15.40 น. 40 รปู แบบทกั ษะการเรียนรูท้ ีม่ ผี ลต่อ กฤตยษ์ ุพัช สารนอก ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของผู้เรียน ศรดุ า ชยั สวุ รรณ มหาวทิ ยาลัยเอกชนในเขตภาค ประภสั สร กองทอง ตะวันออกเฉียงเหนอื ของประเทศไทย ศิระนันท์ บุญยะผลานนั ท์ 15.40-16.00 น. 41 การพัฒนาผลการเรยี นรู้ เร่ือง ทกั ษะ พรนิวฒั น์ สังขโชติ ภมู ิศาสตร์ ด้วยการสอนโดยใช้ชุดการ เรียนรู้สาหรับนกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษา ปีที่ 6 โรงเรยี นบ้านวังเตา่ หอ้ งยอ่ ยที่ 6 ดร.ทศั นาพร กันพรหม วิทยากรประจากลุม่ ทา่ นที่ 1 ดร.ชลดิ า ตระกูลสุนทร นายวรพจน์ รงุ่ อรณุ วทิ ยากรประจากลุ่มทา่ นที่ 2 วทิ ยากรประจากลุม่ ทา่ นที่ 3 เวลา บทความเลขที่ ชอื่ บทความ ช่อื ผเู้ ขยี น 13.00-13.20 น. 42 การพฒั นาบทเรียนเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็ กรรณิกา เทพดารงค์ Class Start วิชาวทิ ยาการคานวณสาหรบั นักเรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรยี น บา้ นวงั เต่า 13.20-13.40 น. 43 การพฒั นาหลักสูตรทอ้ งถิน่ เรอ่ื ง มโนราห์ นรินทร์ เพง็ กลางเดือน สาหรบั นักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1-6 โรงเรียนบา้ นวงั เต่า 13.40-14.00 น. 44 การพฒั นาชุดการเรยี นรปู้ ระกอบภาพ สภุ าวดี ภริ มย์รัตน์ การต์ นู ทบ่ี ูรณาการคุณธรรม จริยธรรม วิชากฎหมายธรุ กิจ สาหรบั นกั ศกึ ษา หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ช้นั สงู วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาสิงหบ์ ุรี 14.00-14.20 น. 45 ทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ของ สดุ ใจ เขยี นภกั ดี นกั ศึกษาระดับประกาศนยี บตั รวชิ าชพี อรอมุ า วิวฒั รางกูล ชนั้ สงู ประเภทวิชาบรหิ ารธรุ กิจวิทยาลัย เทคโนโลยีสมุทรปราการ (ช.เทค) 24

การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วนั ที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เวลา บทความเลขท่ี ชอื่ บทความ ชือ่ ผเู้ ขียน 14.20-15.00 น. 46 การพฒั นารปู แบบการเรียนการสอนเพื่อ ทพิ วรรณ เหมอารัญ พัฒนาความสามารถในการแก้ปญั หา คณติ ศาสตร์อยา่ งสรา้ งสรรคข์ องนกั เรียน ในระดบั ชั้นประถมศกึ ษา 15.00-15.20 น. 47 การยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นโดย สมหวงั พันธะลี ใช้โปงลางโมเดล จรัญ น่วมมะโน 15.20-15.40 น. 48 การพัฒนาค่มู ือการเขยี นรายงานการวิจยั จันทรา ด่านคงรกั ษ์ ในชัน้ เรยี น สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา ประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 4 15.40-16.00 น. 49 การพฒั นาสอ่ื การสอนรายวชิ าวทิ ยาการ อดลุ ย์ ไชยเสนา คานวณโดยใชห้ ลักการคิดเชงิ วิเคราะห์ ดรณุ ี ปญั จรัตนากร ผา่ นระบบบรหิ ารจัดการเรียนรสู้ าหรับ พงษศ์ ักดิ์ ผกามาศ นกั เรยี นระดับประถมศึกษา 16.00-16.20 น. 50 การพฒั นาแบบฝกึ ทกั ษะภาษาอังกฤษเพ่ือ ชัยภัทร เพ็งเลง็ การเรียนรดู้ ้วยตนเอง ผ่านระบบบริหาร ดรุณี ปัญจรัตนากร จดั การเรียนรสู้ าหรับนกั เรยี นระดบั พงษศ์ กั ด์ิ ผกามาศ มัธยมศึกษาปีที่ 1 25

การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 1) วันที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา บทคดั ย่อ ผลงานและนวัตกรรมทางวชิ าการ ของผูบ้ รหิ าร ครูและบคุ ลากรทางการศึกษา (เร่อื งที่ 1 – 50) 26

การประชุมวิชาการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา รปู แบบการนเิ ทศเพอ่ื กากบั ติดตามการจดั การระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นในสถานศึกษา สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 25 โดยใช้กระบวนการชแ้ี นะและระบบพ่เี ลย้ี ง The Coaching and Mentoring Supervision Model for Students Support System in Schools under the Secondary Educational Service Area Office 25 จรี ัฐตกิ ุล ดอนวจิ ารณข์ จร บทคัดยอ่ การวิจัยคร้งั นี้มีจดุ ประสงค์เพ่อื ศึกษา 1) สภาพปัญหา และความต้องการจาเป็นของการพัฒนารูปแบบการ นิเทศ ฯ 2) การพัฒนารูปแบบการนิเทศฯ 3) การทดลองใช้รูปแบบการนิเทศฯ 4) การประเมินรูปแบบการนิเทศฯ โดยเมื่อรูปแบบการนิเทศผ่านผู้เชี่ยวชาญได้นามาทดลองใช้กับสถานศึกษาขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ทไี่ ด้มาจากการสุ่มแบบแบง่ ชน้ั กล่มุ ตัวอย่าง จานวน 60 คน เคร่อื งมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบบันทึกผล การวเิ คราะห์เอกสาร แบบบนั ทึกการสนทนากลุม่ แบบสอบถาม แบบประเมนิ ผลการดาเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน 5 ด้าน แบบบันทึกผลการนิเทศฯ และแบบประเมินรูปแบบการนิเทศฯ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ียและส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ัยพบวา่ ไดร้ ปู แบบการนิเทศฯ ชื่อว่า เอ-พาเฌอ พลสั (A-PACER Plus) ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ หลักการ เง่ือนไขสาคัญ และองค์ประกอบของรูปแบบ โดยมี 6 องค์ประกอบ คือ 1. ข้ันเตรียมการก่อนการนิเทศ (Analysis : A) 2. ข้ันวางแผนและออกแบบการนิเทศ (Planning: P) 3. ขั้นเรียนรู้และแลกเปล่ียนในการปฏิบัติการ นิเทศ (Acting : A) 4. ขั้นการนิเทศด้วยกระบวนการช้ีแนะและระบบพ่ีเล้ียง (Coaching and Mentoring : C) 5. ข้ันประเมินผล (Evaluation : E) และ 6. ข้ันสะท้อนคิดหลังการนิเทศ (After Action Review : A) นอกจากนี้ยังน้อม นาหลักการทรงงานและศาสตร์พระราชาของ รัชกาลท่ี 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติจนได้ “พลัส” (Plus) ข้ึน ผลการใชร้ ปู แบบการนิเทศฯ พบวา่ ผ้รู บั การนิเทศ สามารถการดาเนนิ การระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น 5 ดา้ น ไดใ้ น ระดบั ดมี าก คดิ เป็นรอ้ ยละ 82.57 สว่ นผลการตรวจสอบพฤตกิ รรมการชแ้ี นะและระบบพเ่ี ล้ียง พบวา่ อยใู่ นระดบั มาก โดยมีคา่ เฉลี่ยเท่ากับ 2.63 , 2.70 และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากบั 0.55 0.48 คำสำคญั : รูปแบบการนิเทศ ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การชี้แนะและระบบพเี่ ลยี้ ง ABSTRACT The research objectives were: 1) to study current challenges and need of the supervision model development; 2) to develop the supervision model; 3) to try out the supervision model and; 4) to assess the supervision model after it was approved by experts and was tried out with large, medium, and small schools selected by stratified random sampling. There were 60 samples. The research tools were document analysis form, group discussion record, questionnaires, five dimensional evaluation form on student support system, supervision form, and evaluation form on the supervision model. The data were analyzed using percentage, mean, and standard deviation. 27

การประชุมวชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครงั้ ที่ 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา From the research, the supervision model “A-PACER Plus” was developed. It consisted of three main parts: principles, key conditions, and the model comprising six elements; 1) preparation (Analysis: A); 2) planning and designing (Planning: P); 3) learning and sharing on the supervision (Acting: A); 4) coaching and mentoring supervision practice (Coaching and Mentoring: C) ; 5) evaluation (Evaluation: E) and; 6) reflection (After Action Review: A). Furthermore, the work principles and philosophy of King Rama IX were applied in each element as a “plus”. From the tryout, supervisees could manage all five dimension of student support system at a very good level, equivalent to 82.57%. The evaluation of coaching and mentoring behaviors was at a high level with mean at 2.63 and 2.70 and standard deviation at 0.55 and 0.48. Keywords: supervision model, student support system, coaching and mentoring รูปแบบการบริหารส่คู วามเป็นเลศิ ของโรงเรียนวิทยาศาสตร์ สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน An Administration for Excellence in Schools for Science under the Office of the Basic Education Commission พงษ์ศกั ดิ์ ผกามาศ ดรณุ ี ปญั จรัตนากร อุดมวทิ ย์ ไชยสกุลเกยี รติ บทคดั ยอ่ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดของการบริหารสู่ความเป็นเลิศของ โรงเรียนวิทยาศาสตร์ และ 2) นาเสนอรูปแบบการบรหิ ารสคู่ วามเปน็ เลิศของโรงเรียนวทิ ยาศาสตร์ โดยการใช้ระเบียบ วิธีวิจัยแบบผสานวิธี วิธีดาเนินการวิจัยมี 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาเพ่ือหาข้อสรุปองค์ประกอบและตัวชี้วัด การบริหารสู่ความเป็นเลิศ กลุ่มตัวอย่างเลือกจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2562 จานวน 13 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้บริหารโรงเรียนวิทยาศาสตร์ จานวน 18 คน โดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือท่ีใช้ ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างและแบบสังเกต ระยะที่ 2 การสร้างรูปแบบของการบริหาร สถานศกึ ษาสคู่ วามเปน็ เลิศ โดยการเกบ็ ขอ้ มลู จากผู้บริหารโรงเรียนวิทยาศาสตร์ จานวน 9 คน การเลอื กกลุ่มตวั อย่าง แบบก้อนหิมะและใช้เคร่ืองมือแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ในขั้นตอนสุดท้ายใช้วิธีการสัมมนาอิงผู้เชี่ยวชาญ จานวน 7 คน เพื่อตรวจสอบ ปรับปรุง และสรุปพร้อมข้อเสนอแนะ ผลการวิจัยพบว่า 1) องค์ประกอบการบรหิ าร สู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนวิทยาศาสตร์มี 8 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ผู้บริหาร (2) ครูผู้สอน (3) ผู้เรียน (4) แหล่ง เรียนรู้ (5) การบริหารจัดการ (6) เครือข่ายร่วมพัฒนา (7) การพัฒนาระบบไอซีทีเพ่ือการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และ (8) การพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ 2) รูปแบบการบริหารสู่ความเป็นเลิศของโรงเรียนวิทยาศาสตร์สังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานท้ัง 8 องค์ประกอบ 34 ตัวบ่งชี้ โดยมีความเหมาะสม ถูกต้อง เป็นไปได้ และ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้สอดคลอ้ งกับกรอบแนวคดิ ทฤษฎีการวจิ ยั คำสำคญั : การบรหิ ารสูค่ วามเป็นเลิศ โรงเรยี นวิทยาศาสตร์ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน 28

การประชมุ วิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา Abstract The research objectives were: 1) to study components and indicators of administration for excellence in schools for science and; 2) to propose a model of administration for excellence in schools for science. The research was conducted by mixed methods in two stages. The first stage focused on a study of components and indicators of administration for excellence. Sample group comprised 13 schools of science in 2019 academic year. The informants were 18 school administrators by purposive sampling. The research tools were unstructured interview and observation. The second stage was the development of an administration model for excellence by collecting data from nine administrators of schools for science using snowball sampling and structured interview techniques. Then, seven experts were engaged in connoisseurship for examining, improving, and evaluating the model with recommendations. The research found that: 1) there were eight components for administration for excellence in schools for science (1) administrators (2) teachers (3) students (4) learning resources (5) management (6) collaborative network (7) ICT system development for science learning (8) science skills development; 2) all the eight components and 34 indicators for administration for excellence in schools for science under the Office of Basic Education were relevant, accurate, realistic, and practical in accordance with the research conceptual framework. Keywords: administration for excellence, school of science, Office of the Basic Education Commission. การพัฒนารปู แบบการบรหิ ารจดั การศึกษาเพื่ออาชีพของโรงเรยี นป้อมนาคราชสวาทยานนท์ The Development of Educational Administration Model for Employability at Pomnakarachsawatyanon School ภมู ิสิษฐ์ สุคนธวงศ์ บทคัดยอ่ การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารจดั การศกึ ษาเพื่ออาชพี ของโรงเรียนปอ้ มนาคราชสวาทยานนท์ มวี ตั ถุประสงค์ 1) เพ่ือพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพื่ออาชีพโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ 2) เพ่ือประเมินความ สนใจ ความถนดั และทกั ษะทางอาชพี ของนักเรยี นท่เี กิดจากรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพื่ออาชีพโรงเรยี นป้อม นาคราชสวาทยานนท์ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจของครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียน และผู้ปกครองที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพ่ืออาชีพโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ วธิ ดี าเนนิ การวจิ ัยมี 5 ข้ันตอน ประกอบด้วย ข้ันตอนท่ี 1 การศกึ ษาสภาพการบริหารจดั การศึกษาของโรงเรยี นป้อม นาคราชสวาทยานนท์ ขั้นตอนท่ี 2 การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพื่ออาชีพโรงเรียนป้อมนาคราชสวาท ยานนท์ ข้ันตอนที่ 3 การทดลองใช้และตรวจสอบผลการใช้รูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพื่ออาชีพโรงเรียนป้อม 29

การประชมุ วชิ าการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครัง้ ท่ี 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา นาคราชสวาทยานนท์ ขนั้ ตอนที่ 4 การพฒั นารูปแบบการบริหารจดั การศึกษาเพอื่ อาชีพโรงเรียนปอ้ มนาคราชสวาทยานนท์ ฉบับสมบูรณ์ และขั้นตอนที่ 5 การใช้รูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพือ่ อาชีพโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ครูและบุคลากร จานวน 76 คน นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 - ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จานวน 316 คน ผู้ปกครองนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 – ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 จานวน 316 คน ได้มาโดยวิธีการ สุ่มอย่างง่าย (simple random sampling) เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ทไ่ี ม่มีโครงสร้าง แบบสอบถามความคิดเห็น แบบทดสอบความสนใจของนักเรยี น แบบทดสอบทักษะ อาชีพ และแบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้ค่าความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน การวเิ คราะห์ค่าเฉล่ยี (t- test independent) และการวิเคราะหเ์ นอื้ หา (content analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1.รูปแบบการบริหารจัดการศึกษาเพื่ออาชีพโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์มีความ ตรงและความเหมาะสมมาก ประกอบด้วยองค์ประกอบของกระบวนการบริหารจัดการศึก ษาเพื่ออาชีพ 8 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) การกาหนดนโยบายการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ 2) การเสริมพลังอานาจครู 3) การพัฒนา หลักสูตรการจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ 4) การเตรียมสภาพแวดล้อม 5) การจัดการเรียนการสอน 6) การส่งเสริม สนบั สนุน 7) การนเิ ทศตดิ ตาม และ 8) การปรบั ปรงุ และพัฒนา 2.ผลการศกึ ษาความสนใจและความถนดั ของนกั เรยี น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่านักเรียนมีความสนใจและความถนัดบุคลิกภาพแบบนิยมความจริง(Realistic) อาชีพ วิศวกร สถาปนิก มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 21.38 ผลการศึกษาทักษะทางอาชีพตามแผนการเรียนเตรียมอาชีพของ นกั เรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 พบว่า คา่ เฉลีย่ ของทักษะอาชพี ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5 มคี วาม แตกต่างกับค่าเฉลี่ยของทักษะอาชีพของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ในทุก แผนการเรียน 3.ผลการประเมินความพงึ พอใจของครแู ละบคุ ลากร คณะกรรมการสถานศกึ ษา นกั เรยี นและผ้ปู กครอง พบว่า มีความพงึ พอใจตอ่ รปู แบบการบริหารจดั การศกึ ษาเพ่ืออาชีพโรงเรยี นป้อมนาคราชสวาทยานนท์อยู่ในระดับมากทส่ี ุด คำสำคัญ: รูปแบบการบรหิ ารจดั การศึกษาเพอื่ อาชีพ Abstract The development of educational administration model for employability at Pomnakarachsawatyanon School aimed: 1) to develop an educational administration model for the school; 2) to assess students’ career relevant interests, aptitude, and skills after the implementation of the model; 3) to assess satisfaction of teachers, the Basic Education Commission officers, students, and parents on the model. The research was divided into five steps: 1. the study of educational administration at Pomnakarachsawatyanon School; 2. the development of educational administration model for employability; 3. the model tryout and evaluation; 4. completion of the model development and; 5. the model implementation. The samples were 76 school teachers and staffs, 316 seventh to eleventh graders (Mattayomsuksa 1-5), and 316 parents selected by simple random sampling. The data were collected through document analysis, unstructured interview, questionnaire, students’ interest test, career aptitude test, and satisfaction survey form. The research applied quantitative analysis method using frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test dependent, and content analysis. The research found that: 1. The educational administration model for employability at Pomnakarachsawatyanon School had high validity and appropriateness with eight elements: 1) the 30

การประชุมวชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งท่ี 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา policy on educational administration for employability; 2) teacher empowerment; 3) curriculum development on educational administration for employability; 4) supportive environment; 5) instructional design; 6) support; 7) monitoring and supervision and; 8) improvement; 2. The interest and aptitude tests of ninth graders (Mattayomsuksa 3) showed realistic results with engineer and architect on the top list or equivalent to 21.38%. The study on career related skills among tenth and eleventh graders (Mattayomsuksa 4 and 5) found that the mean score of eleventh graders’ skills was higher than that of tenth graders with statistically significance at .05 in all lessons and; 3. School teachers and staffs, the Basic Education Commission officers, students, and parents had the highest level of satisfaction on the model. Keywords: educational administration model for employability รูปแบบการดาเนนิ งานเพ่ิมโอกาสการเขา้ ถงึ บริการทางการศึกษาของเด็กดอ้ ยโอกาส จงั หวัดมหาสารคาม The Operational Model to Increase Access to Education Services for Disadvantage Students in Maha Sarakham รัชพร วรรณคา กันตธี เนอื่ งศรี บทคดั ยอ่ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพ่ือศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการเข้าถึงบริการทาง การศึกษาของเด็กดอ้ ยโอกาส 2) เพ่ือสร้างรูปแบบการดาเนินงานเพมิ่ โอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาของเดก็ ดอ้ ยโอกาส และ 3) เพ่ือประเมินรปู แบบการดาเนินงานเพม่ิ โอกาสการเขา้ ถึงบรกิ ารทางการศึกษาของเดก็ ดอ้ ยโอกาส มีขั้นตอนการดาเนินการวิจัย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการ ข้ันตอนที่ 2 การสร้างรูปแบบการดาเนินงาน ด้วยเทคนิคการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก และ ขั้นตอนท่ี 3 การประเมินรูปแบบ การดาเนินงานเพ่ิมโอกาส การวิเคราะหข์ ้อมูลใช้การวเิ คราะหเ์ นอ้ื หา ผลการวิจยั พบวา่ 1. สภาพปญั หาและความตอ้ งการในการเขา้ ถงึ บรกิ ารทางการศึกษา ประกอบดว้ ย สภาพปญั หา พบว่า มีประเด็นดังน้ี 1) ปัจจัยเก่ียวกับบุคคลตัวเด็ก 2) ปัจจัยเก่ียวกับครอบครัว 3) ปัจจัยเกี่ยวกับสถานศึกษา และ 4) ปัจจัยเก่ียวกับส่ิงแวดล้อม ส่วนในด้านความต้องการ ดังนี้ 1) จัดครูมาสอนในชุมชน 2) หลักสูตรควรนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวันได้ 3) ควรสอนงานวิชาชีพใหแ้ ก่นกั เรียนเพ่อื ท่ีจบมาสามารถนาไปใช้ในการประกอบอาชพี ได้ 2. รปู แบบการดาเนนิ งานเพ่ิมโอกาสการเขา้ ถึงบรกิ ารทางการศกึ ษาของเดก็ ด้อยโอกาสประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ 1) ปัจจัยนาเขา้ 2) กระบวนการ 3) ผลผลิต และ 4) สภาพแวดลอ้ ม 3. รปู แบบการดาเนินงานเพ่ิมโอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาของเดก็ ด้อยโอกาสทพี่ ฒั นาขน้ึ เป็น รปู แบบทม่ี คี วามเป็นไปได้และมีความเหมาะสมอยูใ่ นระดบั มากที่สดุ คำสำคญั : รูปแบบการดาเนินงาน การเพ่มิ โอกาสทางการศกึ ษา เด็กด้อยโอกาส 31

การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังที่ 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา Abstract This research aimed 1 ) to study challenges and needs of disadvantaged students in accessing to education services; 2) to develop an operational model to increase access to education services for disadvantaged students and; 3) to assess the developed operational model. The research was divided into three steps: 1. the study of challenges and needs; 2. the development of an operational model using in-depth interview and; 3. the model assessment by content analysis. The results showed that 1. Challenges of disadvantaged students in accessing to education services were: 1) personal challenges; 2) family factors; 3) school factors and; 4) environmental factors. Students’ needs included: 1) teachers to teach in the community; 2) curriculum for daily life application; 3) vocational skill training to prepare graduates for the job market. 2. The operational model to increase access to education services for disadvantaged students comprised four components: 1) inputs; 2) process; 3) products and; 4) environment. 3. The developed operational model to increase access to education services for disadvantaged students had highest level of feasibility and appropriateness. Keywords: a model/ increase access to education services/disadvantaged students รูปแบบการบรหิ ารทม่ี ปี ระสิทธผิ ลในการพัฒนาทักษะชวี ติ ของผู้เรยี นโรงเรียนวัดลาดเค้า (ประชารัฐวทิ ยา) The Effective Administration Model for the Development of Students’ Life Skills at Wat Ladkhao (Pracharatwittaya) School กานต์ฤทยั ชลวทิ ย์ เนตรจนั ทร์ บทคดั ย่อ งานวิจัยเร่ืองรูปแบบการบริหารท่ีมีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเค้า (ประชารัฐวิทยา) มีวัตถุประสงค์ 1. เพ่ือสร้างรูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเคา้ (ประชารัฐวิทยา) 2. เพอื่ ทดลองใช้รปู แบบการบรหิ ารทมี่ ีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของ ผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเค้า(ประชารัฐวิทยา) และ 3. เพื่อประเมินความพึงพอใจของครู บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน นักเรียนและผู้ปกครองที่มีต่อรูปแบบการบริหารที่มปี ระสิทธิผลในการพฒั นา ทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเค้า(ประชารัฐวิทยา) มีวิธีดาเนินการวิจัยแบ่งออกออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนท่ี 1 การสร้างรูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเค้า (ประชารัฐวิทยา) ขั้นตอนที่ 2 การทดลองใช้รูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวดั ลาดเค้า(ประชารฐั วิทยา) และขัน้ ตอนท่ี 3 การประเมนิ ความพึงพอใจของครูและบุคลากร คณะกรรมการ สถานศึกษาข้ันพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองท่ีต่อรูปแบบการบริหารที่มีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของ ผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเค้า(ประชารัฐวิทยา) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครู บุคลากรทางการศึกษา จานวน 32

การประชุมวิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ที่ 1) วนั ที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 7 คน คณะกรรมการสถานศกึ ษาจานวน 8 คน นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 - 6 จานวน 28 คน ผปู้ กครองนกั เรียน ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 - 6 จานวน 28 รวมกลุ่มตัวอย่างจานวน 71 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็น แบบวเิ คราะห์เอกสาร แบบสอบถามความคิดเห็น แบบสอบถามทักษะชีวิต และแบบประเมินความพงึ พอใจ สถิติทใ่ี ช้ ในการวิเคราะหข์ ้อมูล ไดแ้ ก่ คา่ ความถี่ รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การวเิ คราะห์องค์ประกอบเชงิ ยืนยัน การวเิ คราะหค์ ่าเฉล่ยี และการวเิ คราะห์ ผลการวิจัยพบว่า 1. รูปแบบการบริหารท่ีมีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวัดลาดเค้า (ประชารัฐวิทยา) มีความตรงและความเหมาะสมมากประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. การพัฒนาคุณภาพการเรยี น การสอน 2. การพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา 3. การพัฒนาระบบการบริหารจัดการท่ีมีคุณภาพ 4. การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ และ 5. การส่งเสริมความร่วมมือของชุมชนในการจัดการศึกษา 2. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบรหิ ารท่มี ีประสทิ ธผิ ลในการพฒั นาทักษะชวี ติ ของผเู้ รียน โรงเรียนวัดลาดเค้า (ประชา รัฐวิทยา) พบว่านักเรียนมีทักษะชีวิตและผลสัมฤทธิท์ างการเรียนสูงข้ึน 3. ผลการประเมินความพึงพอใจของครูและ บคุ ลากรทางการศกึ ษา คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน นักเรียน และผูป้ กครองนักเรยี นพบวา่ มคี วามพงึ พอใจ ต่อรปู แบบการบริหารท่มี ีประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน โรงเรียนวดั ลาดเคา้ (ประชารฐั วิทยา) อยูใ่ น ระดับมาก คำสำคัญ: รปู แบบการบรหิ ารทีม่ ีประสทิ ธิผล ทกั ษะชีวิตของผ้เู รียน Abstract The research objectives were: 1) to develop an effective administration model for students’ life skills development at Wat Ladkhao (Pracharatwittaya) school; 2) to try out the developed model and; 3) to assess satisfaction of teachers, educators, basic education school board, students, and parents on the developed model. The research was divided into three stages: 1) the development of an effective administration model for students’ life skills development at Wat Ladkhao (Pracharatwittaya) school; 2) the model tryout and; 3) the assessment of satisfaction of teachers, educators, basic education school board, students, and parents on the developed model. The 71 samples comprised seven teachers and educators, eight members of basic education school board, 28 third to sixth graders (Prathomsuksa 3-6), and 28 parents. The research tools were content analysis form, questionnaires on feedbacks and life skills, and satisfaction survey form. The data were analyzed by using frequency, percentage, mean, standard deviation, and confirmatory factor analysis (CFA). The research found that: 1) The developed model was appropriate with five strategies: 1. the improvement of teaching and learning quality; 2. the development of teachers and educators; 3. the development of quality management; 4. the enhancement of supportive learning environment and; 5. the promotion of community cooperation in education administration; 2) Results of the model tryout indicated that students had higher level of life skills and learning achievement and; 3) Satisfaction of teachers, educators, basic education school board, students, and parents on the developed model was at a high level. Keywords: The effective administration model, students’ life skills 33

การประชมุ วิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ที่ 1) วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การศึกษารปู แบบการบรหิ ารจดั การโรงเรียนขนาดเล็กพน้ื ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ The Study of Small School Management in Kalasin นชุ รตั น์ ประสิทธิศลิ ป์ชัย สมหวงั พนั ธะลี คาแปลง บ่งุ อทุ ุม ส่งศรี นาถมทอง ศุภัค ดอนกระสนิ ธ์ุ จุฑารตั น์ สุพลแสง บทคดั ยอ่ การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธ์ุ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา สภาพปจั จบุ ันปญั หาและสภาพความคาดหวังของโรงเรยี นขนาดเลก็ จังหวดั กาฬสินธ์ุ เพ่ือศึกษารปู แบบการควบรวม โรงเรียนขนาดเล็กจังหวัดกาฬสนิ ธุ์ กลุ่มเป้าหมายในระยะท่ี 1 เป็นคณะกรรมการตามคาส่งั จังหวดั กาฬสนิ ธุ์ จานวน 834 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ระยะท่ี 2 เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มีวิธีปฏิบัติท่ีดีด้าน วชิ าการ จานวน 12 โรงเรยี น รวม 167 คน เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ แบบสอบถามสภาพปัจจบุ นั ปญั หา และ ความคาดหวัง เป็นแบบสอบถามมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) และคาถามปลายเปิด และแบบสมั ภาษณก์ ่ึง โครงสร้าง ผลการศึกษา พบว่า จานวนโรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียน 1-120 คน) เป็นขนาดโรงเรียนท่ีมีจานวนมาก ท่ีสุด คือ ร้อยละ 64.06 คะแนนทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน O-NET ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ปี การศึกษา 2560 - 2562 ของโรงเรียนขนาดเล็กจังหวัดกาฬสินธ์ุ มีภาพรวมเฉลี่ยต่ากว่าระดับประเทศ ทุกปี ผลการศึกษาโรงเรียนท่ีมีวธิ ีปฏิบัติที่ดีในการควบรวมโรงเรียน มี 3 รูปแบบ คือ รูปแบบท่ี 1 โรงเรียนขนาดเล็กรวม กับโรงเรียนขนาดเล็ก เรยี นรวมที่โรงเรียนหลกั เสมือนเป็นโรงเรียนเดียว รปู แบบท่ี 2 โรงเรยี นขนาดเล็กเรียนรวมกับ โรงเรยี นขนาดเล็กเฉพาะงานวิชาการ รูปแบบที่ 3 โรงเรียนขนาดเล็กรวมกับโรงเรียนขนาดกลาง เรียนรวมท่ีโรงเรียน หลักเสมอื นเป็นโรงเรียนเดียว ผลการศึกษาไดน้ าเสนอต่อคณะกรรมการศกึ ษาธิการจงั หวัดเพ่อื จัดทาขอ้ เสนอแนะเชิง นโยบายการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเลก็ โดยใชง้ านวิจยั เป็นฐาน คำสำคญั : โรงเรียนขนาดเลก็ รปู แบบ จังหวดั กาฬสนิ ธุ์ ควบรวม Abstract The research objectives were to study current situation, challenges, and expectations of small schools in Kalasin as well as to study school merger models for the province. The research targets 834 members of the committee appointed by the province for the first phase and 167 of those involving in education management in 12 schools with academic good practice for the second phase. The research tools included rating-scale questionnaire on current situations, challenges, and expectations; open-ended questions and; semi-structured interviews. It was founded that 64.06% of schools in the province were small schools (with 1-120 students) and that O-NET scores of sixth graders (pratomsuksa 6) in the academic year 2018-2019 from small schools in Kalasin were lower than the national average. The study on school merger models indicated three models: 1. merging small schools together as a single school; 2. merging small schools together but only for academic aspect and; 3. merging small school with medium-sized school together as a single school. The 34

การประชุมวิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครง้ั ที่ 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา research result was presented to the Provincial Education Office for the development of policy recommendation paper on research-based small school management. Keywords: - small school, model, Kalasin province การประเมนิ โครงการส่งเสรมิ ค่านิยมความพอเพียงของนักเรยี นโรงเรยี นบ้านสขุ สาราญ Evaluating the Project on Enhancement of Self-sufficiency Values among Students at Bansuksamran School อนสุ รณ์ คงเจรญิ เมอื ง บทคดั ยอ่ การประเมินโครงการส่งเสริมค่านิยมความพอเพียงของนักเรียน โรงเรียนบ้านสุขสาราญคร้ังนี้ มีวัตถุประสงคเ์ พ่อื ประเมนิ บรบิ ทของโครงการเก่ยี วกบั ความต้องการจาเป็น และความเปน็ ไปได้ของโครงการ ประเมนิ ปัจจยั นาเข้าของโครงการ เก่ยี วกบั ความเหมาะสมของบคุ ลากรและความเหมาะสมของกจิ กรรม ประเมินกระบวนการ ของโครงการเกี่ยวกับกิจกรรมที่ดาเนินการและการติดตามโครงการ ประเมินผลผลิตของโครงการเก่ียวกับความรู้ ความเข้าใจเร่ืองค่านิยมความพอเพียงของนักเรียน ตลอดจนความพึงพอใจของผู้เก่ียวข้องท่ีมีต่อโครงการ โดยใช้ รปู แบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) กล่มุ ตวั อย่างท่ีใช้ในการศึกษา ไดแ้ ก่ นักเรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 จานวน 83 คน ครแู ละกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน จานวน 15 คน ผปู้ กครอง จานวน 83 คน รวมทั้งสน้ิ จานวน 181 คน เคร่อื งมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ประกอบด้วย แบบสอบถาม จานวน 5 ฉบับ แบบสมั ภาษณ์ จานวน 2 ฉบับ และแบบทดสอบ จานวน 1 ฉบับ รวมทั้งสิ้นจานวน 8 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซ่ึงได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test แบบไม่อิสระ ผลการประเมินโดยภาพรวม พบว่าผลการประเมินด้าน บริบท ดา้ นปัจจัยนาเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิต พบว่ามีความเหมาะสมผ่านเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับมาก พิจารณาเป็นรายตวั ช้ีวัด พบวา่ ทุกตวั ช้วี ัดมีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน นักเรียนมคี วามรู้ ความเข้าใจค่านิยมความพอเพียง หลังจากเข้าร่วมโครงการมีคะแนนเพิ่มข้ึนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ท่ีระดับ .05 และผา่ นเกณฑก์ ารประเมินอยใู่ นระดับมากทีส่ ดุ ความพึงพอใจของผเู้ กีย่ วข้อง พบว่า มคี วามเหมาะสมและผา่ นเกณฑ์ การประเมิน คำสำคัญ: การประเมนิ โครงการ ค่านิยม ความพอเพียง Abstract The research were to use CIPP evaluation model Of Students Bansuksamran School in evaluating the project in terms of needs, feasibility, inputs, appropriateness of personnel and activities, implementation and follow-up processes, outputs on student’s knowledge and understanding on self-sufficiency values, as well as stakeholder satisfaction. The 181 samples comprised 83 first to sixth graders (Prathomsuksa 1-6), 15 teachers and the Basic School Commissioners, and 83 parents. The research tools were five questionnaires, two interview forms, and a test. The data were analyzed using percentage, mean, standard deviation, and dependent t- 35

การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครั้งที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา test. The overall evaluation of context, inputs, process, and outputs was at high level. Individually, each had high level of appropriateness. Student’s knowledge and understanding on self-sufficiency values were statically significant at .05, higher than those before the project started, and passed the evaluation standard at the highest level. Stakeholder satisfaction also passed the evaluation standard. Keywords: the project evaluation, values, self-sufficiency รูปแบบการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาตามมาตรฐานการจดั การศกึ ษา ทางไกลผ่านดาวเทยี มของโรงเรยี นบ้านวังเตา่ จังหวดั นครศรธี รรมราช The Development of Internal Quality Assurance System Model based on Distance Learning Television Standards at Banwangtao School, Nakhon Si Thammarat ขจรศกั ด์ิ เขียวน้อย บทคัดย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ตามมาตรฐานการจดั การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมของโรงเรียนบ้านวังเต่า จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยแบ่งการ ดาเนินงานออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ การวิเคราะห์รูปแบบ การสร้างรูปแบบ การทดลองใช้รูปแบบ และ การประเมินรูปแบบ เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายโดยใช้เครื่องมือในการวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบจาก ผู้เชี่ยวชาญ แล้ววิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เน้ือหาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการวิเคราะห์รูปแบบ พบว่า สาระสาคัญท่ีนามากาหนดองค์ประกอบในการสร้างรูปแบบ ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ หลักการ กลไกในการดาเนินการ วิธีดาเนินการ และการประเมินผล 2) ผลการสร้างรูปแบบ พบว่า การตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงพินิจจากผู้เช่ียวชาญ มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.80 ถึง 1.00 ส่วนผลการ ประเมินความเหมาะสมของคู่มือการดาเนินการตามรูปแบบ พบว่า คู่มือการดาเนินการตาม รูปแบบ ท่ีจัดทาข้ึน โดยภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมากท่ีสุด (������=5.24, ������=1.16) 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบ ในสภาพจริง พบว่า ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนและหลังการทดลองใช้รูปแบบ พบว่าคะแนนหลังทดลองใช้ สูงกวา่ ก่อนทดลองใช้อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.01 และ 4) ผลประเมนิ รูปแบบ พบวา่ มีข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ และข้อสังเกตจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิธีดาเนินการ โด ยให้ นาเกณฑ์ระดับ คุณภาพมาเป็นคาชี้ แ จ ง ก่อนดาเนินการ และผลการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และมีประโยชน์ของรูปแบบ พบว่า อยใู่ นระดบั มากที่สดุ ทกุ ประเด็น (5.19 ≤ ������ ≤ 5.46) คำสำคัญ: ระบบประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา การจัดการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม 36

การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งที่ 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา Abstract The purpose of this research was to develop an internal quality assurance system model based on Distance Learning Television (DLTV) standards at Banwangtao School, Nakhon Si Thammarat. It was divided into four stages including model analysis, model development, model tryout, and model assessment. The data were collected from target group using research tools approved by experts and analyzed by using content analysis and quantitative data analysis. Face validity measured by experts had the index of item objective congruence between 0.80-1.00. The model implementation manual had overall appropriateness at the highest level ( ������=5.24, ������=1.16); 3) The score after the tryout was at 0.01, statistically significantly higher than that before the tryout and; 4) The model assessment yielded additional suggestions and notes from experts on operating process. It was suggested that quality criteria could be used for model clarification prior actual implementation. The analysis of appropriateness, feasibility, and usefulness of the model was all at the highest level (5.19 ≤ ������ ≤ 5.46). Keywords: internal quality assurance system, Distance Learning Television รูปแบบการพัฒนาระบบงานประกนั คณุ ภาพการศึกษาในโรงเรยี น สังกดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาเลยเขต 1 The Development of Internal Quality Assurance System in Schools under Loei Primary Educational Service Office Area 1 วีระเดช มณีนพ บทคดั ยอ่ การวิจยั คร้ังน้ี มวี ตั ถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระบบประกันคุณภาพการศึกษาในโรงเรียน สังกดั สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 1 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน 3) สรา้ งรปู แบบระบบประกันคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรียน 4 ) ประเมนิ รปู แบบระบบประกันคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรียน ด้านความครอบคลุม ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods) ด้วยแบบแผนเชงิ อธบิ าย (Explanatory design)แบ่งการวจิ ยั ออกเป็น 3 ขน้ั ตอน คือ ขั้นตอนท่ี 1 ศกึ ษา กลไกระบบประกันคณุ ภาพการศึกษาในโรงเรียน ขัน้ ตอนท่ี 2 ศึกษาปจั จัย ท่มี ีอทิ ธพิ ลตอ่ ระบบประกันคุณภาพการศึกษา ในโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จานวน 360 คน ซ่ึงได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน และขนั้ ตอนท่ี 3 การพัฒนารูปแบบระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในของโรงเรียน โดยการสมั ภาษณ์ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ 5 ทา่ น และจัดประชุมอภิปรายหาฉันทามติจากพหุคณุ ลกั ษณะ (Multi- Attribute Consensus Reaching : MACR) กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ จานวน 11 คน ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าสถิติพ้ืนฐาน ได้แก่ ความถี่ 37

การประชุมวิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ร้อยละ ค่าเฉลี่ย วิเคราะห์เน้ือหาแล้วสรุปและนาเสนอรูปแบบการพัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในของ โรงเรียน ผลการวิจยั พบว่า 1) สภาพ การดาเนนิ งาน โดยรวมอยูใ่ นระดบั น้อย ด้านท่ีต้องการพัฒนา ประกอบด้วย 2) ปัจจัยที่มีผลต่อ ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียน ประกอบด้วย ปัจจัยระดับโรงเรียน และปัจจัยระดับบุคคล 3) รูปแบบการพัฒนาระบบงานประกันคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ (3) กระบวนการ และ(4) ตัวช้ีวัดความสาเร็จ กระบวนการพัฒนา มี 7 ข้ันตอน (1) การมีส่วนร่วม (Participation) (2) ชวนปฏบิ ัติ (Action) (3) ดูผล (Refection) (4) สะท้อนกลับ (Window) (5) ยอมรับ พูดคยุ (Intervention) (6) ฝึกฝนเพิ่มเติม (Teaching) และ (7) ประเมินพัฒนา (Evaluation) 4) รูปแบบระบบประกันคุณภาพการศึกษา ด้านความเหมาะสม ด้านความครอบคลุม ด้านความเป็นไปได้ และด้านความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากทส่ี ุด ทุกด้าน และผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ คำสำคญั : รูปแบบ ระบบประกันคุณภาพการศึกษา Abstract The research objectives were: 1) to study the internal quality assurance system in schools under Loei Primary Educational Service Office Area 1; 2) to study factors affecting the internal quality assurance system in schools; 3) to develop an internal quality assurance system in schools; 4 ) to assess the internal quality assurance system in schools for its inclusiveness, appropriateness, practicality, and usefulness. The research was conducted by mixed methods with explanatory design. It was divided into three stages: (1) the study of internal quality assurance system in schools; ( 2 ) the study of factors influencing internal quality assurance system using multi-stage sampling of 360 teachers and educators; (3) the development of internal quality assurance system in schools by interviews of five experts and Multi- Attribute Consensus Reaching (MACR) among sample group of 11 experts. The data were analyzed using frequency, percentage, and mean. The results were analyzed, summarized, and then presented for the development of internal quality assurance system in schools. The research found that: 1) The level of overall implementation was low; 2) Internal quality assurance system in schools was affected by school factors and individual factors; 3) Education quality assurance system development comprised (1) principles (2) objectives (3) process (4) success indicators. The development process included seven steps (1) participation (2) action (3) refection (4) window (5) intervention (6) teaching and (7) evaluation and; 4) The internal quality assurance system received highest score in terms of appropriateness, inclusiveness, practicality, and usefulness. It passed the assessment. Keywords: model, education quality assurance 38

การประชมุ วิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ คร้ังที่ 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาโรงเรียนบงึ ไทรพิทยาคม โดยใชน้ วัตกรรม Buengsai Ngam Model Educational Quality Development for Buengsai Phittayakom School through the Buengsai Ngam Model เสถียร พะโยธร บทคัดย่อ การวจิ ัยครัง้ น้ีมีจดุ มงุ่ หมายเพือ่ 1. พัฒนานวตั กรรมขับเคล่อื นคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนบงึ ไทรพิทยาคม 2. ศึกษาผลการทดลองใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษา โรงเรยี นบึงไทรพทิ ยาคม เครอื่ งมือที่ ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู ประกอบด้วย แบบประเมนิ ความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา และประเมนิ ระดับความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์ของของนวัตกรรม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) นวัตกรรมขับเคล่ือนคุณภาพการศึกษาที่มีความเหมาะสม และ สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียนบึงไทรพิทยาคม คือ นวัตกรรม BUENGSAI NGAM MODEL 2) ผลการทดลองใช้ นวัตกรรม BUENGSAI NGAM MODEL ของโรงเรียนบึงไทรพิทยาคม พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพ่ิม สูงขึ้น และนวัตกรรมส่งผลให้สถานศึกษา นักเรียน ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติจากหน่วยงาน ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การศกึ ษา คำสำคัญ: นวัตกรรม บงึ ไทรงามโมเดล Abstract The objectives of this research were: 1. to develop an innovation for educational quality development for Buengsai Phittayakom School and; 2) to study the innovation tryout. The research tools were content validity evaluation form and evolution of appropriateness, feasibility, and usefulness. The data were analyzed by using mean, percentage, and standard deviation. The research found that: 1) The “Buengsai Ngam Model” was appropriateness and relevant to the context of Buengsai Phittayakom School and; 2) From the tryout, student’s learning achievement was higher and the innovation contributed to awards given to school, students, teachers, and school administrators by education related agencies. Keywords: innovation, the Buengsai Ngam Model. 39

การประชมุ วิชาการเพอ่ื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครงั้ ที่ 1) วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา โมดลู การบรหิ ารงานระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นของโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร The Administration Modules for Student Support of Schools under the Royal Patronage of His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn ณัฐรนิ เจรญิ เกียรตบิ วร บทคดั ยอ่ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือทราบองค์ประกอบโมดูลการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร 2) เพ่ือสร้างโมดูล การบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร 3) เพ่ือยืนยันโมดูลการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ผู้ให้ข้อมูลท่ีใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่มสาระ การเรยี นรแู้ ละครโู รงเรียนในพระราชูปถัมภข์ องสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ จานวน 14 โรงเรียน โรงเรยี นละ 20 คน รวมผู้ให้ข้อมูล 280 คน วิธีเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการจับคู่กลุ่ม (group matching) เลือกข้อคาถามที่มีค่า IOC ที่มากกว่า 0.5 ข้ึนไป เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถามความคิดเห็น ได้ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามท้ังฉบับ 0.993 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสารวจ ประโยชน์ที่ได้รับจากงานวิจัยได้โมดูลการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียนของโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพ่ือพัฒนาคุณภาพ การศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียน นาไปประยุกต์ใช้กับระบบ สารสนเทศข้อมูลของโรงเรียนได้ และช่วยผู้บริหารในการวิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนครบทุกด้าน เป็นระบบท่ีช่วย สนบั สนนุ การตดั สินใจของผู้บรหิ าร ผลการวจิ ัยพบวา่ 1. องค์ประกอบของโมดูลการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารมี 4 องค์ประกอบดังนี้ 1) ระบบข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน 2) การ บริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3) การสนับสนุนระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 4) การป้องกันและแก้ไขปัญหา นักเรยี น สามารถนาไปใชไ้ ด้ 2. สรา้ งโมดูลการบรหิ ารงานระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นของโรงเรยี นในพระราชูปถัมภ์ของสมเดจ็ พระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ภาษาท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม PHP ลักษณะเป็น embedded script ซ่งึ ประกอบไปด้วยรายละเอียดของสว่ นตา่ ง ๆ ดังนี้ คาช้แี จง องค์ประกอบโมดูลการบริหารงานระบบดแู ล 3. ผลการยืนยนั โมดลู การบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรยี นในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพบว่า โมดูลการบริหารงานระบบดูแลช่วยเหลอื นักเรียนของโรงเรียนใน พระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความเป็นประโยชน์และถูกต้อง ครอบคลุม คำสำคญั : โมดูลระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน 40

การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้ังที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา Abstract The objectives of this research were: 1) to explore administration module for student support of schools under the Royal Patronage of His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn; 2) to develop administration module for student support of schools under the Royal Patronage of His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn; 3) to verify the developed administration module for student support. There were 280 informants comprising 20 administrators, heads of departments, and teachers from each of 14 schools under the Royal Patronage of His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn. A matched group design was used with questions that had the IOC value more than 0.5. Research tool was questionnaire with reliable index of 0.993. The data were analyzed by using frequency, percentage, arithmetic mean, standard deviation, and exploratory factor analysis. The research benefits were quality improvement of student’s education and life, student problem solving and prevention, application of the module in school information system, complete student data analysis for administrators, and decision-making support for administrators. The research findings were: 1. The module comprised: 1) student database system; 2) system administration; 3) system support; 4) student problem solving and prevention 2. The developed module was written in PHP script and consisted of explanation and components of the student support system module. 3. It was confirmed that the administration module for student support of schools under the Royal Patronage of His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn was appropriate, feasible, useful, and correct. Keyword: student support system/administration module การพฒั นารปู แบบการนิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการบริหารการจัดการศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน ท่ีมคี วามสอดคล้องเหมาะสมตามบริบทของพ้นื ทใ่ี นจงั หวดั แพร่ The Development of Supervision, Monitoring, and Evaluation of Basic Education Administration Model in Accordance with Phrae Provincial Context พิชญา ดีมี บทคัดย่อ การวิจัยนี้ วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการนิเทศ ติดตามและประเมินผล 2) พัฒนารปู แบบนเิ ทศ ติดตามและประเมินผลท่ีสอดคลอ้ งกับบรบิ ทเชิงพ้ืนท่ีจังหวดั แพร่ 3) ทดลองใชร้ ปู แบบฯ และ 4) ศึกษาความพึงพอใจในการใช้รูปแบบ ฯ ผู้ให้ข้อมูลคือ ครู ผู้บริหาร และศึกษานิเทศก์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดย 41

การประชมุ วชิ าการเพือ่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สังเคราะห์เอกสาร สัมภาษณ์ และสอบถาม ทาการวิเคราะห์เน้ือหาและวิเคราะห์ทางสถิติ ผลการศึกษาพบว่า 1) สภาพปัจจุบันปัญหา มี 4 ด้าน คือ สถานศึกษา ครู นักเรียน และการจัดการศึกษา และต้องการรูปแบบนิเทศที่ สอดคล้องกับบริบทเชิงพื้นท่ีจังหวัดแพร่ 2) รูปแบบที่พัฒนาข้ึนคือ PHRAE ICT+ Coaching Model ประกอบด้วย (1) การวิเคราะห์สภาพปัจจุบันและวางแผนพัฒนา (Analyze to Plan) (2) การสร้างความตระหนัก เพื่อความเป็น เอกภาพ (Awareness to Homogineity) (3) สัมพันธภาพสู่การโค้ช (Relationship to Coach) (4) การเช่ือมโยง ชนื่ ชม เสริมแรง (Attach to Admire) และ (5) การประเมนิ ผลเพอ่ื พฒั นา เผยแพร่ (Evaluation for development to share) รวมท้ังส่งเสรมิ ใหใ้ ช้ ICT 3) ผลทเ่ี กิดคอื ผู้บริหารและครูมคี วามรู้ในการยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษา มกี าร ทา PLC เพื่อพัฒนานวตั กรรม นกั เรียนพงึ พอใจตอ่ การจัดการเรียนรูข้ องครู เกดิ คุณภาพการเรยี นรู้ สถานศึกษามีผล การวิเคราะห์ O-NET ด้วยโปรแกรม Profile เข้าใจสภาพปัญหา วางแผนพัฒนาตรงตามสภาพปัญหา 4) ความพึง พอใจต่อการใช้รูปแบบอยู่ในระดับมาก และเพ่ือให้เกิดประสิทธิผลมากข้ึนควรเน้นการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ควบค่ไู ปกบั ICT คำสำคัญ: รปู แบบนเิ ทศ Abstract The purpose of this research were: 1) to study current situations and needs for supervision, monitoring, and evaluation; 2 ) to develop supervision, monitoring, and evaluation model in accordance with Phrae provincial context; 3) to try out the model and; 4) to study user’s satisfaction. The informants consisted of teachers, administrators, and educational supervisors. The data were collected through document synthesis, interviews, and questionnaires. Content analysis and statistical analysis were used as research methods. The research found that: 1) There were currently four challenges – schools, teachers, students, and educational administration. There was also need for an educational supervision model that response to Phrae context; 2) The model developed was PHRAE ICT+ Coaching Model comprising: (1) situation analysis for planning (Analyze to Plan); (2) awareness building for unity enhancement (Awareness to Homogineity); (3) relationship building for coaching (Relationship to Coach); (4) drawing links with admiration and encouragement (Attach to Admire) and; (5) evaluation for further development (Evaluation for development to share) and sharing with the use of ICT; 3) For the outcomes of the model application, administrators and teachers gained knowledge to improve quality of education. PLC method was used to promote innovation. Students were satisfied with instructional management which resulted in quality learning. Schools used Profile to analyze O-NET results for the understanding of their challenges so that they could plan accordingly and; 4) User’s satisfaction on the model was at high level. For more effectiveness, morality and ethics should be developed in parallel with ICT. Keyword: educational supervision 42

การประชุมวิชาการเพ่ือนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 1) วันท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การพัฒนารูปแบบการนเิ ทศโดยใชก้ ระบวนการชี้แนะและระบบพเี่ ล้ียงเพอ่ื สง่ เสรมิ การจัดการศึกษา แบบเรียนรวม หอ้ งเรยี นคูข่ นานสาหรับบคุ คลออทิสติก สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 25 The Development of Coaching and Mentoring Supervision to Promote Inclusive Education and Parallel Classroom for Autistic Students in Schools under the Secondary Educational Service Area Office 25 สริ นิ ันฺท์ สุรไพฑรู ย์ แซผ่ ุง บทคดั ยอ่ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพอ่ื 1) ศึกษาสภาพและความต้องการรูปแบบการนิเทศในการจัดการศึกษาพิเศษ แบบเรียนรวมห้องเรียนคู่ขนานบุคคลออทิสติก สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 2) พัฒนารูปแบบ การนิเทศโดยใช้กระบวนการชี้แนะและระบบพี่เลี้ยงเพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาพิเศษแบบเรียนรวม ห้องเรียน คขู่ นานบคุ คลออทิสตกิ สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 25 และ 3) ศกึ ษาผลการใชร้ ูปแบบการนิเทศ โดยใช้กระบวนการชี้แนะและระบบพ่ีเลยี้ งเพอื่ ส่งเสริมการจัดการศึกษาพิเศษแบบเรียนรวม ห้องเรียนคู่ขนานบคุ คล ออทิสติก สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยได้มาโดยการเลอื กแบบเจาะจง ได้แก่ ผู้บริหาร ครู โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย 2 ปีการศึกษา 2562 จานวน 16 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดย การสัมภาษณ์ สังเกต และสอบถาม เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) แบบสังเกตช้ันเรียน แบบบันทึกการนิเทศช้ีแนะและพ่ีเล้ียง และแบบประเมินรูปแบบการนิเทศ สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า โรงเรียนสภาพและความต้องการรูปแบบการนิเทศในการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมห้องเรียน คขู่ นานบคุ คลออทิสตกิ ท่มี ุ่งเน้นการนามาใช้ประโยชน์ได้จริงอย่ใู นระดับมากท่สี ุด รปู แบบการนิเทศทพี่ ฒั นาข้ึนมีชื่อ ว่า รูปแบบการนิเทศ 4 cooperation ประกอบด้วย 1. ร่วมวิเคราะห์และวางแผน (collaboration and co- planning) 2. ร่วมเรียนรู้และปฏิบัติ (cooperation) 3. ร่วมวัดประเมินสะท้อนผล (co-measure and refection) และ 4. ร่วมคิดค้นวิธีปรับปรุงพัฒนาพายั่งยืน (co-development) โดยมีศึกษานิเทศก์คอยช้ีแนะและเป็นพ่ีเล้ียง และผลการใช้รูปแบบการนิเทศ 4 cooperation โดยใช้กระบวนการช้ีแนะและระบบพ่ีเล้ียงเพื่อส่งเสริมการจัด การศึกษาแบบเรียนรวมห้องเรียนคู่ขนานบุคคลออทิสติก พบว่า ผู้บริหาร และครู มีความพึงพอใจต่อรูปแบบ การนิเทศ มีความเข้าใจและสามารถนาไปใช้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเกิดประโยชน์ต่อการจัดการจดั การ เรียนการสอนแก่นกั เรียนออทิสติกอยใู่ นระดับมาก คาสาคัญ รูปแบบการนเิ ทศ กระบวนการชแ้ี นะ ระบบพ่ีเล้ียง การจดั การศึกษาแบบเรียนรวม บคุ คลออทิสตกิ Abstract The purposes of this research were: 1) to study the situation and need for coaching and mentoring supervision to promote inclusive education and parallel classroom for autistic students in schools under the Secondary Educational Service Area Office 25; 2) to develop coaching and mentoring supervision model to promote inclusive education and parallel classroom for autistic students in schools under the Secondary Educational Service Area Office 25 and; 3) to study the 43

การประชมุ วิชาการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา application of the model. The samples were selected by purposive sampling and comprised 16 administrators and teachers at Kaennakhon Witthayalai School. The research tools were structured interview, rating-scale questionnaire, class observation forms, as well as coaching and mentoring supervision records. The data were analyzed using mean, percentage, and standard deviation. The research found that the need for coaching and mentoring supervision to practically promote inclusive education and parallel classroom for autistic students was at the highest level. The developed supervision model called the 4 cooperation model comprising: 1. collaboration and co- planning; 2) cooperation and implementation; 3) co-measure and refection and; 4) co-development for sustainability. Educational supervisors acted as coaches and mentors. In application of the 4 cooperation supervision model, administrators and teachers were satisfied with high level of clear understanding and appropriate implementation. Keywords: supervision model, coaching, mentoring, inclusive education การพฒั นากรอบหลกั สตู รระดบั ท้องถนิ่ ของสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต 3 The Development of Local Curriculum Framework by Buriram Primary Educational Service Area office 3 สุภัคพร เรือโป๊ะ สมหวัง พันธะลี บทคัดยอ่ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา และความต้องการพัฒนากรอบหลักสูตร ระดับท้องถ่ิน 2) เพ่ือพัฒนากรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น 3) เพื่อศึกษาผลการใช้กรอบหลักสูตรระดับท้องถ่ิน ของสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาบรุ ีรัมย์ เขต 3 มี 3 ข้ันตอน คือ 1) การศกึ ษาสภาพปัจจบุ นั ปัญหา และ ความต้องการพัฒนากรอบหลักสตู รระดับท้องถิ่น 2) การพัฒนากรอบหลกั สูตรระดับท้องถ่ิน 3) การศึกษาผลการใช้ กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่นของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 3 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บ ข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็น แบบสัมภาษณ์ เครื่องมือนิเทศติดตามและประเมนิ ผล แบบประเมินผลการ ใช้กรอบหลักสูตรระดับท้องถ่ิน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยสรุปว่า 1) สภาพปจั จุบันปัญหาพัฒนากรอบหลกั สูตรระดับท้องถ่ิน อย่ใู นระดับมากทส่ี ุด ค่าเฉล่ยี เทา่ กับ 4.88 และความต้องการพัฒนากรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่นอยู่ในระดับมากท่ีสุด ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.86 2) การพัฒนากรอบหลักสตู รระดบั ทอ้ งถน่ิ ผลการประเมนิ โดยผู้เช่ียวชาญ พบวา่ โดยรวมมีความเหมาะสมอยูใ่ นระดับ มากท่ีสุด 3) ผลการใช้กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น อยู่ในระดับ เหมาะสมมากที่สดุ ทุกรายการ และนักเรียนมคี วาม พงึ พอใจ ในการเรียนรายวิชาเพิม่ เตมิ หน่วยการเรียนรเู้ ก่ยี วกับหลักสตู รทอ้ งถนิ่ อยู่ในระดับมากทสี่ ุด คำสำคัญ: การพฒั นากรอบหลกั สูตร ระดบั ทอ้ งถ่ิน เขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา 44

การประชุมวิชาการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครัง้ ท่ี 1) วนั ที่ 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา Abstract The research objectives were: 1) to study current situation, challenges, and needs for the development of local curriculum framework; 2) to develop local curriculum framework and; 3) to study the use of local curriculum framework in schools under Buriram Primary Educational Service Area Office 3. The research was divided into three phases: 1) the study of current situation, challenges, and need for the development of local curriculum framework; 2) the development of local curriculum framework and; 3) the study on the implementation of local curriculum framework in schools under Buriram Primary Educational Service Area office 3. The research tools were questionnaires, interviews, supervisory tools, monitoring and evaluation, and evaluation form on the use of local curriculum development. The data were analyzed by using percentage, mean, and standard deviation. The research found that: 1)The current challenges in developing local curriculum were at the highest level (M=4 . 8 8 ) . Also, the need for the framework development was at the highest level (M=4.86); 2) Overall, appropriateness of the developed framework was rated at the highest level by experts and; 3) The implementation results showed appropriateness at the highest level in all aspects. Student satisfaction on additional learning units was also at the highest level. Keywords: curriculum framework development, local, Educational Service Area Office ผลการนเิ ทศการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนลกู เสือสามัญรุน่ ใหญ่ ในโรงเรยี นสังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 24 Supervision Report on the Organization of Senior Scout Learning Activities in Schools under the Secondary Educational Service Area Office 24 จรัญ นว่ มมะโน สมหวัง พนั ธะลี บทคดั ย่อ งานวิจัยนี้วัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวทางการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนลูกเสือสามัญรุ่น ใหญ่ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 และ 2) ศึกษาผลการนิเทศการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 1) กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาสภาพการดาเนินงานการนิเทศการจัดกจิ กรรมการเรยี น การสอนลกู เสอื สามญั ร่นุ ใหญ่ในโรงเรียนสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 24 ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ าร และ ครผู สู้ อนลูกเสอื สามัญรุ่นใหญใ่ นโรงเรยี นสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 24 2) กล่มุ เปา้ หมายใน การประชุมระดมความคิดเพ่ือหาแนวทางการนิเทศการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่ในโรงเรียน สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 ได้แก่ ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 รองผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 และประธานสหวิทยาเขตทุกแห่ง 3) กลุ่มเป้าหมายในการ 45

การประชุมวชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครง้ั ที่ 1) วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา นเิ ทศการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 24 ตามจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 ได้แก่ ผูป้ ฏบิ ตั งิ านในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 24 ผู้ปฏบิ ตั ิงานในสถานศึกษาสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 24 สถติ ทิ ่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล โดยหาค่าเฉลย่ี และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการศึกษา 1. แนวทางการนิเทศ ประกอบด้วย ขั้นการวางแผน (Plan) มีการสร้างความตระหนัก ศึกษาและวิเคราะห์ ข้อมูล แต่งต้ังคณะกรรมการดาเนินงาน ข้ันปฏิบัติ (Do) ชี้แจงแนวทางการนิเทศ “สพม. 24 PLC เสวนาพาทีพี่เพ่ือนครู” โดยใช้หลักกัลยาณมิตร (ให้ใจ ร่วมใจ ตั้งใจ และเปิดใจ) ประชุม PLC กาหนดแนวทางการดาเนินงานตามจุดเน้น 4 จุดเนน้ สาคญั และขั้นสะทอ้ นคดิ (See) จัดประกวดระเบยี บแถวลูกเสือ สรุปผลการดาเนินงานตามจุดเนน้ 2. ผลการประเมินผลการนิเทศ อยู่ในระดับมากที่สุด ผลการศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการนิเทศ อยู่ใน ระดับมากทสี่ ดุ 3. ผลการนเิ ทศ 3.1 ลกู เสือสามัญรุน่ ใหญ่มีคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ตามหลกั สูตร 3.2 ครู มีการกาหนดเป้าหมายคุณภาพผู้เรียนด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ สมรรถนะ และ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ วางแผนการจดั การเรยี นรเู้ พอ่ื พัฒนาศักยภาพของผเู้ รียนได้เหมาะสม 3.3 ผู้บริหาร มีวสิ ยั ทัศน์ ภาวะผู้นาและความคดิ รเิ ร่มิ ทเ่ี นน้ การพฒั นาผเู้ รยี น 3.4 สถานศึกษา มีหลักสูตรทเ่ี หมาะสม สอดคลอ้ งกบั ท้องถิ่น 3.5 ผู้ปกครอง/ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดทาแผนพัฒนา ให้การสนับสนุนและให้ข้อเสนอแนะแนวทาง การพัฒนาการจดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นของสถานศึกษา คำสำคญั : การนเิ ทศ การจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่ Abstract The objectives of this study were: 1) to study supervision on the organization of senior scout learning activities in schools under the Secondary Educational Service Area Office 24 and; 2) to study the supervision report. There were three groups of research targets: 1) schools administrators and senior scout teachers for the study of supervision; 2) director and deputy director of the Secondary Educational Service Area Office 24 as well as presidents of all school consortiums for the brainstorming conference for supervision guidelines on the organization of senior scout learning activities and; 3) officers of the Secondary Educational Service Area Office 24 and officers in education institutions under the Secondary Educational Service Area Office 24 for the supervision on the organization of senior scout learning activities. The data were analyzed by using mean and standard deviation. The research found that 1. Supervision guidelines included: 1) planning with awareness raising, data analysis, and operation committee and; 2) promoting the supervision guideline through “SPM 24 PLC forum for teachers” with friendly approach (consideration, collaboration, focus, and open-minded) and organizing PLC meeting for laying operating directions towards the four key focuses and; 3) reflection by scout lineup competition and operational summary. 46

การประชุมวิชาการเพอื่ นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ ครงั้ ท่ี 1) วันท่ี 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา 2. The supervision result was at the highest level. Satisfaction on the supervision was also at the highest level. 3. Supervision report showed that: 3.1 Senior scouts had desirable quality in accordance with the curriculum. 3.2 Teachers appropriately set learning objectives on knowledge, process skill, competencies, and desirable qualities. They also made appropriate lesson plan for the development of learners’ potential. 3.3 School administrators had a vision, leadership, and initiative on student centered development. 3.4 Schools had appropriate curriculum in response to the local context. 3.5 Parents/community were engaged in the development planning. They also provided support and gave recommendations. Keywords: supervision, senior scout learning management การเสรมิ สร้างทักษะการจัดการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ทเี่ น้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ สาหรบั ครวู ิทยาลยั อาชวี ศึกษาสงิ ห์บุรี Enhancing Student-Centered Learning Management in the 21st Century among Teachers at Singburi Vocational College นิติ นาชติ บทคัดย่อ การวิจัยการเสริมสร้างทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญสาหรับครูวิทยาลยั อาชีวศึกษาสิงห์บุรี เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์การวิจัยคือ 1) เพ่ือศึกษาความต้องการพัฒนาทักษะ การจดั การเรยี นร้ใู นศตวรรษท่ี 21 ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสาคญั ของครูวทิ ยาลัยอาชีวศึกษาสงิ ห์บรุ ี 2) เพ่อื ฝึกอบรมทกั ษะ การจดั การเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21 ทเี่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั สาหรบั ครวู ิทยาลยั อาชีวศกึ ษาสิงหบ์ ุรี และ 3) เพอื่ ศกึ ษาผล การนาไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของครูวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี สมมุติฐาน การวิจัย คือ ครูท่ีผ่านการฝึกอบรมพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ นาไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 กลุ่มผใู้ ห้ขอ้ มูล คือ ครวู ทิ ยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บรุ ี ปีการศึกษา 2561 จานวน 44 คน ซึ่งมีวิธีการได้มาด้วยการเลือกแบบเจาะจง เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีเป็น 1) แบบบันทึก เอกสาร และ 2) แบบสอบถาม จานวน 2 ฉบบั มีท้ังหมด 3 ตอน ลกั ษณะของคาถามเปน็ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) มี 5 ระดบั และวเิ คราะหข์ ้อมูลโดยการหาค่ารอ้ ยละ คา่ เฉล่ีย และคา่ ความเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ผลการศึกษาความต้องการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ท่ีเน้นผู้เรียน เปน็ สาคัญของครวู ิทยาลัยอาชวี ศึกษาสิงหบ์ รุ ี ในภาพรวมมีค่าเฉลย่ี อยูใ่ นระดับมากทส่ี ดุ (4.63) ผลการฝึกอบรมทักษะ การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญของครูวิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี พบว่า ครูเข้ารับการ 47

การประชมุ วชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ที่ 1) วันที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ฝึกอบรมร้อยละ 93.18 และความพึงพอใจต่อการฝึกอบรมพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญของครูวิทยาลัยอาชีวศึกษา ในภาพรวมมีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมากที่สุด และผลการศึกษาผลการ นาไปใช้ในการจัดการเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ท่เี นน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั ของครูวิทยาลยั อาชีวศกึ ษาสงิ ห์บุรี พบว่า มคี รทู ่ี ผ่านการฝึกอบรม นาเทคนิคการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญไปประยุกต์ใช้ในการจัดการ เรียนรู้ รอ้ ยละ 90.24 สูงกว่าสมมุติฐานที่ต้งั ไว้ คอื รอ้ ยละ 80 คำสำคญั : ทกั ษะการจดั การเรยี นรู้ ศตวรรษท่ี 21 ผเู้ รียนเปน็ สาคัญ Abstract The objectives of this descriptive research on enhancing student-centered learning management in the 21st century among teachers at Singburi Vocational College were: 1) to study the needs of teachers on the enhancement of student-centered learning management in the 21st century; 2) to provide teacher training on the student-centered learning management in the 21st century; 3) to study application after the training. The Research hypothesis was that 80% of teachers applied knowledge from the training to their learning management. The target group comprised 44 teachers at Singburi Vocational College in academic year 2019 selected by purposive sampling. The research tools were: 1) memo forms and; 2) two five-point rating-scale surveys, each of which was divided into three parts. The data were analyzed using percentage, mean, and standard deviation. The research found that the mean of overall needs for student-centered learning management in the 21st century among teachers at Singburi Vocational College was at the highest level (4.63). Also, 93.18% of the teachers attended the training. The mean of overall teacher satisfaction on the training was at the highest level. In term of knowledge application, 90.24% of the trained teachers applied the knowledge to their learning management. The number was higher than the hypothesis (80%). Keywords: learning management, the 21st Century, student-center การพัฒนาหลักสูตรภาวะผนู้ าทางการศึกษา ความรว่ มมอื ทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยซีหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน The Curriculum Development for Educational Leadership in Collaboration with Southwest University, People’s Republic of China เตม็ จติ จนั ทคา บทคดั ยอ่ การพัฒนาหลักสูตรภาวะผู้นาทางการศึกษาความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยซีหนาน สาธารณรัฐ ประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) พัฒนาหลักสูตรภาวะผู้นาทางการศึกษา 2) ทดลองใช้และตรวจสอบ ประสิทธภิ าพของหลักสูตร และ 3) การตดิ ตามและประเมินผลหลักสูตร กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใช้ คอื ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา 48

การประชุมวชิ าการเพ่อื นาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวิชาการของผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วชิ าการ คร้งั ท่ี 1) วนั ท่ี 3 สิงหาคม 2563 ณ สถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา จานวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดความรู้ 2) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อ หลักสูตร และการจัดฝึกอบรม สถิติทใ่ี ช้ ได้แก่ ค่าเฉลีย่ คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการวิจัย พบว่า 1) หลักสูตร ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล ปรัชญาและแนวคิด หลักการเรียนร้แู ละ พัฒนา วัตถุประสงค์ของหลักสูตร ขั้นตอนการฝึกอบรม โครงสร้างและหน่วยการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ แนวทางการฝึกอบรม สือ่ ทใี่ ช้ในการฝึกอบรม ระยะเวลา คณุ สมบัตขิ องผู้เข้ารับการฝึกอบรม วิธีการคัดเลอื ก การวัด และประเมินผล และแผนการเรียนรู้ 2) หลักสูตรมีความเหมาะสมของหลักสูตร อยู่ในระดับมากที่สุด หลักสูตรมี ประสิทธิภาพ เทา่ กบั 91.33/90.50 คะแนนหลังการฝกึ อบรมสูงกว่ากอ่ นการฝกึ อบรม การประเมนิ ความพึงพอใจที่มี ต่อหลกั สูตร และการจดั ฝึกอบรม อยใู่ นระดบั มากท่ีสุด 3) การติดตามและประเมินผลหลกั สูตร ผ้เู ขา้ รบั การฝึกอบรม ได้นาความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ พัฒนาตนเอง พัฒนาสถานศึกษา และ การจัดการเรียนการสอน สาหรับการปรับปรุงหลักสูตร ควรเพ่ิมหน่วยการเรียนรู้ กาหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารบั การ พัฒนา และควรใหส้ านักงานศกึ ษาธิการจงั หวัดดาเนินการคัดเลอื ก คำสำคญั : หลกั สูตร การพัฒนา ผู้นาทางการศกึ ษา Abstract The objectives of the research on curriculum development for educational leadership in collaboration with Southwest University, People’ s Republic of China, were: 1) to develop the curriculum on educational leadership; 2) to try out and assess effectiveness of the developed curriculum and; 3) to monitor and assess implementation of the curriculum. The samples were 30 school administrators. The research tools were: 1) knowledge assessment test; 2) satisfaction survey form on the curriculum and the training. The data were analyzed using mean, standard deviation, and t-test. The research found that: 1) The curriculum comprised principles and rationale, philosophy and concept, learning method and development, learning objectives, training process, learning structure and units, knowledge areas, training guidelines, training materials, training period, qualifications of the trainees, recruitment, assessment and evaluation, and lesson plan and; 2) The overall appropriateness of the curriculum was at the highest level with effectiveness at 91.33/90.50. The trainees gain higher scores after the training. The satisfaction on the curriculum and the training was at the highest level and; 3) The trainees applied knowledge and experience from the training on their duties, self- development, school development, and lesson planning. In term of the curriculum development, it was suggested that there should be more learning unit and standard qualification for trainee recruitment. Also, the recruitment should be done by the Provincial Education Office. Keywords: curriculum, development, educational leaders 49

การประชุมวชิ าการเพื่อนาเสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา (สคบศ. วิชาการ ครั้งท่ี 1) วนั ที่ 3 สงิ หาคม 2563 ณ สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา การพฒั นารปู แบบการนเิ ทศแบบมสี ่วนร่วมทสี่ ่งเสริมหลักสตู ร สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่ และการจัดการเรียนการสอนอาชพี ที่เปน็ มติ รกับสิง่ แวดล้อม The Development of Participatory Supervision Model for Local Curriculum and Instructional Management in Eco-Friendly Careers ยพุ าพร หรเสริฐ สมหวงั พันธะลี ฉลาด เสริมปัญญา บทคดั ย่อ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างรูปแบบการนิเทศแบบมีส่วนร่วมท่ีส่งเสริมหลักสูตรสาระการเรียนรู้ ทอ้ งถน่ิ และการจัดการเรียนการสอนอาชพี ทีเ่ ป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม 2) ศึกษาผลการพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบมี ส่วนร่วมที่ส่งเสริมหลักสูตรสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น และการจัดการเรียนการสอนอาชีพท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม กลมุ่ เป้าหมายในการวิจยั โรงเรียนสงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต 3 ใช้ระเบยี บวธิ วี ิจัย และพัฒนา (Research and Development) ที่ผสมผสาน ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology) และ กระบวนการพัฒนาอยา่ งต่อเน่ืองเป็นวงจร การวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ กลุ่มเป้าหมายและการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ระยะท่ี 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานเพ่ือสร้างรูปแบบการนิเทศ ระยะท่ี 2 การออกแบบรูปแบบ ระยะที่ 3 การทดลองใช้ รูปแบบในสถานการณ์จริงกับโรงเรียนแกนนาส่ิงแวดล้อมศึกษา ระยะที่ 4 การประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใช้คา่ เฉลี่ย สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน คา่ ร้อยละ และการวิเคราะห์เอกสาร การสารวจความคิดเห็น การสมั ภาษณ์ การสนทนากลมุ่ และการสังเกตพฤตกิ รรม ผลการวจิ ัยพบวา่ รปู แบบการนิเทศแบบมีส่วนรว่ มทีส่ ่งเสริมหลักสูตรสาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่นและการจัดการเรียน การสอนอาชีพท่ีเป็นมิตรกับสงิ่ แวดลอ้ ม ประกอบด้วย 5 ข้ันตอน ดังน้ี ข้ันท่ี 1 จุดประกายความคิด (Enthusiastic) ข้ันที่ 2 ตดิ อาวุธทางปัญญา (Capability) ขน้ั ท่ี 3 นาพาส่กู ารปฏิบตั จิ ริงอิงความร่วมมือ (Obviously learning) ขัน้ ท่ี 4 พัฒนาทักษะ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Friendly) ข้ันท่ี 5 ถอดรหัสสู่อาชีพท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม (Career) ผลการศึกษาความพึงพอใจผูม้ ีส่วนเกี่ยวข้องต่อรูปแบบ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด พฤติกรรมการจัดการเรียนการสอน ของครูโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด พฤติกรรมของนักเรียนต่อการใช้ทรัพยากรและพลังงาน โดยผ่านกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์หรอื สนิ ค้าทเี่ ป็นมติ รกับสิง่ แวดล้อม โดยรวมอยู่ในระดับมาก คำสำคญั : รปู แบบการนิเทศแบบมีสว่ นรว่ ม หลักสตู รสาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น อาชพี ทีเ่ ป็นมติ รกับสิ่งแวดลอ้ ม Abstract The objectives of this research were: 1) to develop participatory supervision model for local curriculum and instructional management in eco-friendly careers and; 2) to study results of the model implementation. The target group comprised schools under the Office of Khon Kaen Primary Educational Service Area 3. It was a research and development project with mixed methods combining research methodology and PDCA. There were four stages: 1) basic data analysis for the model development; 2) model design; 3) model tryout in schools and; 4) assessment of the model effectiveness. The data were analyzed by using mean, standard deviation, percentage, document analysis, survey, interview, group discussion, and behavioral observation. 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook