เทคโนโลยแี กป้ ัญหา Problem solving technology วิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 3 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3
เน้อื หาการเรยี นรู้ ▪ การนาเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาในอาชพี ▪ การระบุปญั หา ▪ การรวบรวมขอ้ มูลและคดั เลือกแนวคิด ▪ การออกแบบแนวคดิ ▪ การทดสอบและประเมนิ ผล ▪ การเขยี นรายงาน ▪ การนาเสนองาน 2
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ❑ ประยุกต์ใช้ความร้ใู นการแกป้ ัญหาหรือพัฒนางานอาชพี ตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ❑ เลอื กใชข้ ้อมูลโดยไมล่ ะเมดิ ทรพั ย์สินทางปญั ญา Company Information | www.example.com | +123 123-123-123 | Address of example | Country
การนาไปใช้ ❑ การแกป้ ญั หาในงานทเ่ี กยี่ วกับอาชพี สังคม หรือชุมชน ปญั ญหา เก่ียวกับใครบ้าง และบคุ คลใดได้รบั ผลกระทบ ❑ ตอ้ งมีการสารวจความต้องการหรือปญั หา ❑ กาหนดวิธกี ารแกป้ ัญหา ดาเนินการ และปรับปรงุ แก้ไข ❑ ให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์
การนาไปใช้ ตวั อย่างการแกป้ ัญหาอุบตั เิ หตจุ ราจร ❑ การแกป้ ญั หาอบุ ตั เิ หตจุ ราจรของโรงเรยี นในจังหวดั กาแพงเพชร โดย มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาแพงเพชร ❑ การสารวจและพูดคุยกับคนในชมุ ชน พบว่า ❖ มีผ้ใู ชเ้ สน้ ทางผ่านหน้าโรงเรยี นเป็นทางลดั ไปตลาดและศูนย์การคา้ ❖ ในช่วงเลกิ เรยี น นักเรียนขา้ มถนนไปซื้อขนม โดยไมม่ องรถ ❖ ผู้ปกครองมารอรับนกั เรียนอย่ฝู ัง่ ตรงขา้ ม ทาให้เกิดอบุ ัติเหตุ
การนาไปใช้ ตัวอย่างการแก้ปัญหาอบุ ัติเหตจุ ราจร ❑ พัฒนาชุดปฏิบตั กิ ารเรียนรูท้ ี่สง่ เสรมิ ให้เดก็ นักเรยี น เรียนรวู้ ธิ ีการขา้ มถนน อยา่ งปลอดภัย โดยใชเ้ กมจาลองการเรยี นรู้กฎจราจร ❑ สรา้ งทางม้าลายรูปแบบใหม่ เพื่อความปลอดภยั ในการขา้ มถนน ❑ ติดตัง้ ปา้ ยสญั ลกั ษณส์ าหรบั คนใชร้ ถใช้ถนน ❑ จัดพน้ื ทจี่ อดรถสาหรบั ผูป้ กครองด้านหลังโรงเรียน
ทบทวนความรู้กอ่ นเรยี น ❑ เทคโนโลยีมกี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาตั้งแตอ่ ดตี จนปัจจบุ ัน ❑ ปจั จยั ท่ีทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลง คอื ❑ ความต้องการของมนษุ ย์ ❑ ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ ่าง ๆ ❑ การเปล่ยี นแปลงทางด้านเศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม
ทบทวนความรกู้ อ่ นเรยี น ❑ เทคโนโลยมี คี วามสมั พันธ์กบั ศาสตรอ์ ื่น ๆ เช่น ❖ วิทยาศาสตร์ ❖ คณติ ศาสตร์ ❖ วิศวกรรมศาสตร์ ❖ สังคมศาสตร์ ❑ โดยนาความรู้ ความเข้าใจ มาเป็นพ้นื ฐานนาไปส่กู ารพฒั นาเทคโนโลยี
ทบทวนความร้กู ่อนเรียน ❑ กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม คือ กระบวนการทางานเพื่อแก้ปัญหา ❑ การระบุปัญหา ❑ การรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่เี กี่ยวข้องกับปญั หา ❑ การออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา ❑ การวางแผนและดาเนินการแกป้ ญั หา ❑ การทดสอบประเมนิ ผล ❑ การปรับปรุงแกไ้ ขวิธกี ารแก้ปัญหาหรอื ชิน้ งาน ❑ การนาเสนอวธิ กี ารแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา
ชวนคิด จากทีน่ กั เรยี นไดเ้ รียนรู้ตัวอยา่ งเทคโนโลยีโลจิสติกส์ การ สื่อสาร และพลงั งานไฟฟ้าจากแบตเตอรีใ่ นบทท่ี 1 นกั เรยี น คดิ ว่าจะนาความรู้มาใชใ้ นการแกป้ ัญหาในชุมชนอย่างไรบ้าง
บริการสง่ อาหาร (food delivery) ❑ ปญั หาของธุรกจิ อาหาร (ผใู้ ชบ้ รกิ าร) ❑ การรอตอ่ ควิ หลายชว่ั โมง ❑ บางรา้ นอยไู่ กล หรอื บริเวณน้ันรถติดมาก ❑ การเดินทางลาบาก ❑ เสียเวลา
บริการส่งอาหาร (food delivery) ❑ การแก้ไขปัญหา ❑ การบริการส่งอาหาร ❑ ทาให้ไมเ่ สยี เวลาไปตอ่ ควิ หรือขบั รถไปในที่รถติด ผซู้ อ้ื เลอื กรา้ นอาหารและเมนใู น ระบบรบั คาส่งั ซ้อื แลว้ แจง้ พนกั งานไปรับ พนกั งานจัดสง่ อาหารถึงมอื ผู้ซ้อื แอปพลิเคชั่นแล้วชาระเงิน อาหารท่รี า้ น
ชวนคดิ นักเรยี นคดิ วา่ ในกระบวนการจดั สง่ อาหาร ผ่านแอปพลิเคช่นั มีใครเป็นผเู้ ก่ยี วขอ้ งบา้ ง
แอปพลิเคชัน่ ทีด่ คี วรเป็นอย่างไร ❑ ใชง้ านง่าย ผใู้ ช้สามารถเข้าใจได้เอง ❑ การออกแบบดีไมซ่ บั ซอ้ น เรยี บง่าย จดั เรยี งขอ้ มลู เปน็ หมวดหมู่ ❖ ตวั อกั ษรตอ้ งอ่านงา่ ย สีสนั ไมฉ่ ูดฉาด ❑ มีฟงั ก์ช่ันการใชง้ านท่ีไมม่ ากจนเกนิ ความจาเปน็ จนใช้งานยาก ❑ ฟังก์ช่นั ต้องมคี วามสมบูรณ์ในตัวเอง
การขนสง่ สินค้า ❑ ธุรกิจทางด้านการขนส่งปัจจุบันมี การแขง่ ขนั สูงขนึ้ ❑ ธุรกิจต้องมีการปรับตัวเพื่อสร้าง โอกาสทางการคา้ ใหม้ ากขึน้ ❑ ดังนั้นจึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี มาช่วยเพม่ิ ประสิทธิภาพให้มากข้นึ
GPS tracking ❑ เป็นระบบติดตามตาแหน่งด้วยดาวเทียม โดยจะมีการติดตั้งตัว tracker ไว้ท่ี ยานพาหนะ ❑ และใชร้ ะบบ GPS คานวณหาตาแหน่งบนพ้ืนโลก โดยอาศัยดาวเทยี มในการอา้ งองิ ❑ ระบบจะสง่ สญั ญาณไปทเี่ สาสัญญาณเพ่ือสง่ ข้อมลู ไปเก็บท่ี Server
GPS tracking ช่วยแก้ปัญหาอย่างไรบา้ ง ❑ ทราบตาแหนง่ และความเรว็ ของรถยนต์ ❑ ชว่ ยควบคมุ พฤตกิ รรมการขบั รถทผี่ ดิ วัตถปุ ระสงคข์ องพนักงาน ❑ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการจดั สง่ สนิ ค้าถงึ มือผ้รู บั ❑ ควบคุมเรือ่ งความปลอดภยั ในการเดนิ ทาง ❑ ชว่ ยสรา้ งความมั่นใจใหแ่ ก่ลกู ค้าท่ีใชบ้ รกิ าร ❑ มรี ะบบชว่ ยในการรายงานใหเ้ ลอื กใช้หลายรูปแบบ
การผลิตไฟฟา้ ❑ เซลล์แสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์เซลล์ (Solar cell) ❑ เปน็ พลงั งานทางเลอื ก ❑ เปลย่ี นพลังงานจากดวงอาทติ ยเ์ ป็น พลังงานความร้อน ❑ เพ่ือส่งต่อไปใช้ยังบ้านเรือน หรือ สถานทต่ี า่ ง ๆ
องค์ประกอบของระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทติ ย์
องคป์ ระกอบของระบบผลิตไฟฟ้าเซลล์แสงอาทติ ย์ ❑ แผงเซลล์แสงอาทติ ย์ ❑ ใช้เปลีย่ นพลงั งานแสงอาทิตยเ์ ปน็ พลังงาน ไฟฟ้า ❑ ทาจากวสั ดุประเภทสารกึง่ ตัวนา ❑ เม่ือมีแสงตกกระทบ จะทาให้อิเล็กตรอน เคล่ือนที่ไปตามทศิ ทางทก่ี าหนด ❑ กา ร เ ค ล่ื อ น ท่ี ข อ ง อิ เ ล็ ก ต ร อน ก็ คื อ กระแสไฟฟา้ ทจี่ ะนาไปใชต้ อ่ ไป
องคป์ ระกอบของระบบผลิตไฟฟ้าเซลลแ์ สงอาทิตย์ ❑ แบตเตอร่ี ❑ ทาหนา้ ท่ีเกบ็ พลงั งานไฟฟา้ ❑ สารองไว้ใช้ยามไม่มีแสงแดดหรือมีเมฆ มาก ❑ อุปกรณค์ วบคมุ การประจุแบตเตอร่ี หรือ ชาร์จ เจอร์ ❑ เป็นส่วนควบคุมการอัดหรือคายประจุ ใหก้ ับแบตเตอรี่หรืออนิ เวอร์เตอร์
องคป์ ระกอบของระบบผลิตไฟฟา้ เซลลแ์ สงอาทติ ย์ ❑ อินเวอรเ์ ตอร์ ❑ ทาหน้าที่เปล่ียนไฟฟ้ากระแสตรง (DC) (DC) (DC) ที่มาจากเซลล์แสงอาทิตย์ให้ เป็นไฟฟา้ กระแสสลับ (AC) (AC) ❑ เพอื่ ปอ้ นใหก้ ับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ในบ้านเรือน
หลกั การทางานของวรจรการชาร์จแบตเตอร่ี ❑ เมอื่ แสงอาทิตย์ตกกระทบกบั เซลล์ แสงอาทิตย์จะเปล่ียนเป็นพลังงาน ไฟฟา้ และนากระแสไฟฟ้าไปเกบ็ ใน แบตเตอร่ี ❑ ไดโอด ทาหน้าทีค่ วบคุมทศิ ของ กระแสให้เคลอื่ นทไี่ ปทิศทางเดียวกนั ❑ ไดโอด ทาหนา้ ทปี่ ้องกนั ไฟไหล ยอ้ นกลบั ไปที่เซลล์แสงอาทติ ย์
การระบุปญั หา ❑ การระบปุ ญั หาเป็นจุดเริ่มต้นของการทางาน การรวบรวมข้อมูลทาได้ ครอบคลุม ตรงประเด็น มีการวิเคราะห์และเปรียบเทียบทางเลือกใน การแก้ปญั หา ❑ แนวคดิ แบบลีน (Lean Thinking) (Lean Thinking) ❑ การสารวจ ❑ การสังเกต ❑ การสมั ภาษณ์ หรือ การสอบถาม
ชวนคิด (ตัวอย่างสถานการณ์) ❑ “นักเรยี นได้ไปสารวจอาชีพขายอาหารตามสงั่ ที่รา้ นแหง่ หน่งึ พบวา่ ร้านแห่งนี้ มีลกู ค้ามาก รอคิวนานเม่ือสารวจในร้านพบว่า แมค่ รวั ทาอาหารได้ทลี ะจาน บางครั้งทาอาหารผิดรายการ การวางเครอื่ งปรงุ และสถานท่ปี รงุ อาหารไมเ่ ป็น ระเบียบ พนักงานเกบ็ เงินช้า ลูกคา้ ทานอาหารไม่หมด” ❑ นกั เรียนจะระบปุ ัญหาจากสถานการณน์ ี้ไดอ้ ยา่ งไร
5W1H
แนวคดิ แบบลนี (Lean Thinking)
ตวั อย่างแมค่ ้าขายอาหารตามส่ัง โดยนาแนวคิดแบบลีนมาใช้ ❑ งานทตี่ อ้ งแก้ไข ❑ ทาอาหารผิดจากทลี่ กู คา้ ส่งั มสี ่ิงแปลกปลอมหรอื วัตถดุ บิ ปนมาในอาหาร ❑ การผลิตสินค้าเกนิ ปรมิ าณความตอ้ งการ ❑ ปริมาณอาหารตอ่ จานมากเกนิ ไป ให้เครอื่ งปรุงหรือเคร่ืองเคยี งมาเกินไป ❑ การรอคอย ❑ ลูกคา้ รอนาน มเี ตาอาหารเพียงใบเดียว ทาอาหารชา้
ตวั อย่างแมค่ า้ ขายอาหารตามสั่ง โดยนาแนวคดิ แบบลนี มาใช้ ❑ การใชค้ นไมต่ รงกับงาน ❑ ให้พนักงานใหม่คิดราคาอาหาร พนักงานทางานหลายหน้าที่ ทาให้ ประสิทธิภาพการทางานลดลง ❑ การขนย้าย ❑ สถานที่ปรงุ อาหารกบั ตเู้ ยน็ อยหู่ ่างกนั เกบ็ วัตถดุ ิบไวห้ ลายที่ ❑ การมปี รมิ าณสนิ ค้าคงคลังมากเกินไป ❑ สั่งวัตถุดบิ และเครือ่ งปรงุ มากเกนิ ไป ทาให้เสอื่ มคณุ ภาพ
ตัวอย่างแม่คา้ ขายอาหารตามสัง่ โดยนาแนวคดิ แบบลีนมาใช้ ❑ การเคลื่อนไหว ❑ กระบวนการทางานทมี่ ากเกินไป ❑ ไมม่ ีการเตรียมวตั ถดุ บิ ใหพ้ รอ้ ม ❑ แมค่ รวั ทาอาหารได้ทีละจาน ไมส่ ามารถทารายการเดยี วกนั ในครง้ั เดียวได้
ชวนคิด นกั เรยี นคดิ วา่ เราสามารถนาความคิดแบบลนี มาใช้วเิ คราะห์ ปัญหาทอ่ี าจเกิดขึน้ จากสถานการณท์ ส่ี นใจ ได้อย่างไร
ชวนคิด นักเรยี นคิดว่า การสมั ภาษณม์ ีความจาเป็น ในการกาหนดปญั หาหรือไม่ อยา่ งไร
การรสัมภาษณ์ ❑ การเตรยี มการสมั ภาษณม์ ขี ้นั ตอนดังนี้ ❑ ระดมความคิดเก่ียวกับคาถาม รวบรวมคาถามทั้งหมดเก่ียวกับ ประเด็นปญั หา ❑ จัดกลุ่มของคาถามและประเด็นของคาถาม จัดกลุ่มคาถามท่ี คล้ายกนั ❑ จัดลาดับคาถามกอ่ นหลัง ❑ เรียบเรียงคาถาม คาถามที่ซ้าซ้อน คาถามเย่ินเยอ้ ไมช่ ดั เจน
ข้อคานงึ ในการสมั ภาษณ์ ❑ บอกจุดประสงค์ของการสัมภาษณ์ ❑ ถามทีละคาถาม ควรเป็นคาถามปลายเปิด ❑ ควรเปน็ คาถามทสี่ นั้ และกระชบั ❑ ไม่ช้นี าคาตอบ ❑ เตรียมสมุดจด บันทกึ สิ่งทีส่ ังเกตเห็น หรอื เตรยี มเคร่อื งบนั ทกึ ❑ ควรไปสัมภาษณ์อยา่ งนอ้ ย 2คน เพือ่ ช่วยเหลอื กัน
ตัวอยา่ งคาถามในการสมั ภาษณ์ ❑ มขี น้ั ตอนการทางานอย่างไร ❑ มีความร้สู กึ อยา่ งไรกับขน้ั ตอนนน้ั ๆ ❑ มขี น้ั ตอนไหนทรี่ ู้สึกว่าไม่สะดวก หรือ มปี ญั หามาก ❑ มสี งิ่ ใดในการทางานทตี่ ้องการปรบั ปรงุ หรอื พัฒนาใหด้ ขี ึ้นบา้ ง
ตวั อย่างคาถามในการสัมภาษณ์
2.3 การรวบรวมขอ้ มูลและคัดเลือกแนวคดิ ❑ การตั้งคาถามกบั สิ่งท่ีจาเปน็ ต้องร้ใู น การหาแนวทางการแก้ปัญหา ❑ เพ่อื รวบรวมข้อมูลใหต้ รงประเด็น ปญั หา ❑ ลดเวลาการหาข้อมูลทไ่ี ม่จาเปน็
วิธีการรวบรวมข้อมูลเพอ่ื หาแนวทางการแกป้ ญั หา ❖ การสอบถามผรู้ ู้ ❖ คน้ หาจากอนิ เทอร์เนต็ หรือแหลง่ เรียนร้ตู ่าง ๆ ❖ การระดมความคดิ (brainstorming) ❑ เป็นเทคนิคของการทางานเปน็ กลุม่ ❑ นาเทคนิคนมี้ าใช้ในขน้ั ตอนใดกไ็ ดท้ ต่ี อ้ งการปรกึ ษากนั ❑ หลังจากระดมความคดิ แล้ว จะต้องคัดเลือกแนวคิดของกลุ่ม เชน่ การโหวต การใช้ เง่ือนไขทรัพยากรทมี่ อี ยู่ การให้เหตผุ ลโนม้ น้าว
หลักการของการระดมความคิด ❑ รับฟังทุกแนวคดิ ไมต่ ัดสนิ ว่าแนวคิดนัน้ ดหี รอื ไมด่ ี ไมส่ รปุ โดยทนั ที ❑ สนับสนนุ แนวคดิ แปลกใหม่ ❑ ต่อยอดแนวคิดผูอ้ ่นื หากเหน็ ว่าแนวคดิ น้นั ดี ❑ ไม่ออกนอกเรอ่ื ง ใหย้ ดึ หัวขอ้ หรือประเด็นทต่ี ั้งไวเ้ ปน็ หลกั ❑ เนน้ จานวนแนวคิดทห่ี ลากหลาย คิดออกมาให้ไดม้ ากทส่ี ุด
เกร็ดความรู้ กาหนดหน้าท่ขี องสมาชิกในกลมุ่ ❑ กาหนดให้มีประธานหรือผนู้ าการประชมุ ทาหน้าทอี่ านวยความสะดวก ❑ กระตนุ้ ให้สมาชิกในกล่มุ แสดงความคดิ เหน็ ❑ กระจายการแสดงความคดิ เหน็ อย่างเท่าเทยี มกัน ❑ กาหนดให้มผี ู้จดบันทกึ ทาหน้าทบ่ี ันทึกความคิดเห็นของสมาชกิ ในกล่มุ
เกรด็ ความรู้ กาหนดหวั ขอ้ ในการระดมความคิด ❑ ควรเป็นหวั ข้อหรอื ประเดน็ ท่ีเฉพาะเจาะจง ไมก่ ว้างเกนิ ไป ระดมความคิด ❑ ควรกาหนดเป้าหมายในการระดมความคิด เชน่ จานวนความคิดเหน็ 30 ภายในเวลาทกี่ าหนด ❑ จดั เรียงความคิดท้ังหมดเปน็ หมวดหมู่ หรืออาจพจิ ารณาจากความเปน็ ไปได้
เกรด็ ความรู้ สรปุ ผล ❑ เลอื กแนวคิดท่ดี ีทีส่ ดุ จากการจดั เรียงหมวดหมู่และสอดคลอ้ งกับหวั ข้อหรอื ประเด็นทก่ี าหนด
2.4 การออกแบบแนวคดิ เมอื่ ไดแ้ นวทางการแกป้ ัญหาแลว้ จะนาแนวทางนั้นมาออกแบบเปน็ ภาพ รา่ ง ผงั งาน หรอื แผนภาพ เพ่อื นาไปส่กู ารสร้างแบบจาลอง ภาพร่าง 2 มติ ิ ภาพรา่ ง 3 มิติ
การออกแบบเป็นภาพร่าง สามารถทาได้ท้งั แบบ 2 มติ ิ คอื มีด้านกวา้ ง และดา้ นยาว และแบบ 3 มติ ิ คอื มที ั้งด้านกวา้ ง ดา้ นยาว และด้านสูง ผงั งาน แผนภาพ
เร่อื งการร่างภาพ 3 มติ ิ
เร่อื งการร่างภาพ 3 มติ ิ
เร่อื งการร่างภาพ 3 มติ ิ
เร่อื งการร่างภาพ 3 มติ ิ
เร่อื งการร่างภาพ 3 มติ ิ
เร่อื งการร่างภาพ 3 มติ ิ
Search
