คู่มือ แนวทางการปฏบิ ัตงิ านสภานักเรยี น ประจาปกี ารศึกษา 2563 สภานักเรยี นโรงเรียนสมเดจ็ งานสง่ เสรมิ ประชาธิปไตยในโรงเรยี น โรงเรียนสมเด็จ จงั หวดั อบุ ลราชธานี
ก คานา คู่มือแนวทางการปฏิบัตงิ านสภานักเรียน ประจาปกี ารศึกษา 2563 นี้ จัดทาขึน้ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการ ปฏบิ ัติงานสภานกั เรยี น โรงเรยี นสมเดจ็ จังหวดั อบุ ลราชธานี ให้สามารถนาความรไู้ ปประยกุ ต์ใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสมและ เกดิ รูปธรรม ในการดาเนินกิจกรรมของสภานักเรยี นโรงเรยี นสมเดจ็ คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานสภานักเรียน ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 บทนา ส่วนที่ 2 สภานักเรียน โรงเรียนสมเด็จ สว่ นท่ี 3 หลักการดาเนนิ งานสภานักเรียน และสว่ นที่ 4 แนวทางการดาเนนิ กจิ กรรมสภานักเรียน โดย คณะผู้จัดทาได้รวบรวม หลักการแนวคิด และรูปแบบการดาเนินงานจาก เอกสารคู่มือ สภานักเรียน สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ คู่มือการปฏิบัติงานสภานักเรียน โรงเรียนขุขันธ์ ประจาปีการศึกษา 2561 และมกี ารเรียบเรียงขน้ึ มาใหม่ เพอ่ื ใหม้ คี วามสอดคลอ้ งตอ่ บริบทของโรงเรยี นสมเดจ็ จงั หวัดอุบลราชธานี ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือฉบับนี้จะเป็นกรอบแนวทางในการดาเนินกิจกรรมสภานักเรียน ของ โรงเรยี นสมเด็จ จังหวดั อุบลราชธานี ได้เปน็ อยา่ งดี คณะกรรมการสภานกั เรียนโรงเรยี นสมเดจ็ 2563
ข สารบัญ เรอื่ ง หน้า คานา..............................................................................................................................................................ก สารบัญ ..........................................................................................................................................................ข สว่ นท่ี 1 บทนา ..............................................................................................................................................1 1.1 ประวตั โิ รงเรียน.............................................................................................................................................. 1 1.2 ขอ้ มูลทว่ั ไปของโรงเรียน................................................................................................................................ 2 1.3 หลักการและเหตุผล....................................................................................................................................... 4 1.4 จดุ มงุ่ หมายของการจดั ต้ังสภานกั เรยี น.......................................................................................................... 5 1.5 คณุ คา่ และความสาคัญของสภานกั เรยี น........................................................................................................ 7 สว่ นท่ี 2 สภานกั เรียนโรงเรยี นสมเด็จ .................................................................................................................... 8 2.1 คาขวญั สภานักเรียน ...................................................................................................................................... 8 2.2 ปรชั ญาสภานักเรยี น...................................................................................................................................... 8 2.3 วสิ ยั ทัศนส์ ภานกั เรียน.................................................................................................................................... 8 2.4 พันธกิจของสภานกั เรยี น................................................................................................................................ 9 2.5 เปา้ ประสงคข์ องสภานกั เรยี น ........................................................................................................................ 9 2.6 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องสภานกั เรยี น.................................................................................................. 9 2.7 ทมี่ าของสภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ .......................................................................................................... 10 2.8 โครงสรา้ งการบริหารงานสภานักเรยี นโรงเรยี นสมเดจ็ ................................................................................ 11 2.9 สทิ ธขิ องคณะกรรมการสภานกั เรียนโรงเรยี นสมเดจ็ ................................................................................... 19 ส่วนท่ี 3 หลักการดาเนินงานสภานักเรยี น ........................................................................................................... 21 3.1 การนาหลกั ธรรมาภบิ าลสกู่ ารปฏบิ ัติ........................................................................................................... 21
ค สารบัญ (ตอ่ ) 3.2 การใช้หลกั ความสมานฉันท์......................................................................................................................... 22 3.3 การใช้แนวทางสนั ติวิธีในการดาเนนิ งาน...................................................................................................... 23 3.4 การใช้หลกั การทรงงานของในหลวงรัชการที่ 9 ในการดาเนินงานกจิ กรรม ................................................ 24 3.5 การพฒั นาทักษะการเปน็ ผู้นา...................................................................................................................... 27 3.6 การสรา้ งและสร้างลกั ษณะนิสยั การมจี ติ อาสาและมีสานกึ สาธารณะ.......................................................... 28 สว่ นที่ 4 แนวทางการดาเนนิ กจิ กรรมสภานักเรยี น.............................................................................................. 29 4.1 รปู แบบวารประชมุ สภานกั เรียน .................................................................................................................. 29 4.2 กิจกรรมเสนอแนะเพิม่ เติม .......................................................................................................................... 37 4.3 การเสนอโครงการ ....................................................................................................................................... 38 4.4 แบบฟอรม์ การเขยี นโครงการของโรงเรยี นสมเดจ็ ....................................................................................... 41 4.5 การประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมสภานักเรียน ............................................................................................... 45 เอกสารอา้ งองิ ........................................................................................................................................................ 51 ภาคผนวก .............................................................................................................................................................. 52
1 ส่วนที่ 1 บทนา 1.1 ประวัติโรงเรยี น โดยฉันทานมุ ตั ขิ องสมเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ (ตสิ โส อว้ น) มบี ัญชาใหจ้ ดั ตงั้ โรงเรียน เม่อื วันท่ี 17 พฤษภาคม พุทธศักราช 2489 นามว่า “โรงเรียนอุบลวิชาคม” ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสุปัฏนารามวรวิหาร เลขที่ 1 ถนนสุปัฏน์ ตาบลในเมือง อาเภอเมอื งอุบลราชธานี จังหวัดอบุ ลราชธานี - ปกี ารศึกษา 2498 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร รบั รองวทิ ยฐานะเทียบเทา่ โรงเรียนรัฐบาล - ปีการศึกษา 2505 เปลี่ยนชื่อจาก “โรงเรียนอุบลวิชาคม” เป็น “โรงเรียนสมเด็จ” เพื่อเป็นอนุสรณ์ แด่ เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อว้ น) ตามท่ี มล. ปิ่น มาลากุล ปลดั กระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นเป็นผู้เสนอ - แปรสภาพเป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพทุ ธศาสนา เม่อื วันท่ี 9 เมษายน 2534 ตามระเบยี บ กระทรวงศึกษาธิการวา่ ด้วยโรงเรียนการกศุ ลของวดั ในพระพทุ ธศาสนา พ.ศ. 2532
2 1.2 ข้อมลู ทัว่ ไปของโรงเรยี น ปัจจุบัน โรงเรียนสมเด็จ มีเนื้อที่ 9 ไร 2 งาน โรงเรียนสมเด็จเปิดทาการสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้รับอนุญาตให้รับนักเรียนได้ 1,545 คน ตามใบอนุญาตเลขที่ อบ.118/2545 ลงวันท่ี 3 กนั ยายน 2545 ปกี ารศึกษา 2560 - ปกี ารศึกษา 2559 มคี รู 60 คน มนี กั เรยี น 1,102 คน - ปีการศกึ ษา 2560 มีครู 59 คน มีนกั เรยี น 1,095 คน - ปีการศกึ ษา 2563 มคี รู 60 คน มนี กั เรยี น 864 คน ทาเนยี บผรู้ ับใบอนุญาต 1. พระศาสนดลิ ก (ญาณ ญาณชาโล) พ.ศ. 2489-2506 2. พระเทพกวี (นัด เสนโก) พ.ศ. 2506-2517 3. พระราชสุเมธี (สิงห์ สุทธจติ โต) พ.ศ. 2517-2519 4. พระโพธญิ าณมณุ ี (ภา ปภาโส) พ.ศ. 2519-2522 5. พระราชสเุ มธี (สงิ ห์ สุทธิจติ โต) พ.ศ. 2523-2525 6. พระครวู ิจติ รธรรมภาณี (สงิ ห์ สขุ ปญุ โญ) พ.ศ. 2525- 7. พระรัตนมงคลมุณี พ.ศ. – 2549 8. พระครูปุญญากตาธคิ ุณ พ.ศ. 2550-2557 9. พระวบิ ูลธรรมาภรณ์ พ.ศ. 2558-ปัจจบุ ัน ทาเนยี บผู้จัดการ 1. ขุนวเิ ลขกิจโกศล พ.ศ. 2. ขนุ พรมประศาสตร์ พ.ศ. 3. ขุนทยาประศาสตร์ พ.ศ. 4. นายไลย ชูกาแพง พ.ศ. 2506-2532
3 5. พระมหาทองจันทร์ แก้ววงษา พ.ศ. 2533-2557 6. นายอภิชาติ เคนประจง พ.ศ. 2558-2559 7. นายสมร ไชยงาม พ.ศ. 2560-2563 8. นายชัชวาลย์ วาระนุช พ.ศ. 2563-ปัจจุบนั ทาเนยี บครูใหญ่ 1. นายนอ้ ม ณ จาปา พ.ศ. 2. นายวรสทิ ธ์ สิทธิธรรม พ.ศ. 3. นายประเสรฐิ โพธิ์ศรี พ.ศ. 4. นายเฉลิม สุขเสรมิ พ.ศ. 5. นายโกสยี ์ แก้วคณู พ.ศ. -2502 6. นายสุวรรณ คูณพงศ์ พ.ศ. 2502-2525 7. นายชัยวุฒิ ทองเจริญบัวงาม พ.ศ. 2526-2535 8. นายนิสงค์ ดอกจนั รี พ.ศ. 2536-2549 9. นายประสิทธ์ิ สมปาน พ.ศ. 2549-2550 ทาเนยี บผู้อานวยการ 1. นายสรุ ัตน์ สรรพสาร พ.ศ. 2551-2559 2. นายประดิษฐ์ ไขแสง พ.ศ. 2560 - 2563 3. นายสมร ไชยงาม พ.ศ. 2563-ปจั จุบัน คณะผู้บริหารโรงเรยี นสมเดจ็ ชดุ ปจั จบุ นั 1. พระวิบูลธรรมาภรณ์ ผู้รบั ใบอนญุ าต วุฒิ น.ธ.เอก 2. นายชัชวาลย์ วาระนชุ 3. นายสมร ไชยงาม ผจู้ ัดการ วฒุ ปิ ริญญาเอก (ดร.) 4. นางสาวสรุ ีย์รัศม์ คาภาปตั น์ ผู้อานวยการ วฒุ ิ ปรญิ ญาโท รองผู้อานวยการ วุฒิ ปริญญาตรี
4 1.3 หลกั การและเหตุผล เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่ายิ่ง หากได้รับโอกาสในการพัฒนาความสามารถอย่างเต็ม ตามศกั ยภาพ ยอ่ มเป็นกาลงั สาคญั ในการสืบทอดความเปน็ ชาติ สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า เทียบเท่า นานาอารยประเทศ เด็กและเยาวชนจึงเป็นความหวังในการจรรโลง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มให้อยู่คูส่ งั คมไทยสบื ไป ด้วยความตระหนักถึงความสาคัญของเด็กและเยาวชน โรงเรียนสมเด็จ จังหวัดอุบลราชธานี โดยงาน ส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน จึงได้ขับเคลื่อนการดาเนินงานกิจกรรม สภานักเรียน เพื่อเป็นแนวทางในการ นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการส่งเสริมและสร้างความตระหนกั ให้นักเรยี นได้เรยี นร้บู ทบาทหนา้ ท่ีความเป็นพลเมืองดแี ละ ถูกต้องและวิถีประชาธิปไตย อันได้แก่ คารวธรรม สามัคคีธรรม ปัญญาธรรม รวมทั้งหลักธรรมาภิบาล การมี จิตอาสาและพัฒนาตนเองอย่างเต็มตามศักยภาพ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษา รวมถึง ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ องค์การสหประชาชาติลงนามในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็ก ปีพุทธศักราช 2533 รับรองอนุสัญญา ว่า ดัวยสิทธิเด็ก ให้คามั่นว่าจะปกป้องคุ้มครองเด็กทุกคนให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ภายใต้การดูแลเลี้ยงดู จากครอบครัว ด้วยความรัก ความอบอุ่น ให้มีสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี โดยได้ให้การรับรองสิทธิ พื้นฐานเด็ก 4 ประการ คือ 1. สิทธิท่ีจะมีชีวติ (Right to life) 2. สทิ ธิที่จะได้รบั การปกปอ้ ง (Right to be protected) 3. สทิ ธิทจ่ี ะไดร้ ับการพัฒนา (Right to be developed) 4. สิทธิทจ่ี ะมีสว่ นร่วม (Right to be participate) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศกั ราช 2560 รบั รองศกั ดศิ์ รีความเป็นมนุษย์ ใหท้ ุกคนมีสิทธไิ์ ด้รับ การปฏิบัตทิ ีเ่ ปน็ ธรรม มสี ทิ ธเิ ขา้ ไปมีสว่ นรว่ มพัฒนาสังคมทุกระดับ ตัง้ แต่การรว่ มรับร้ขู อ้ มลู การแสดงความคิดเห็น การตัดสินใจ การตรวจสอบ ผ่านกระบวนการตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนสานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานมีความเห็นสอดคล้องกัน จึงกาหนด ยทุ ธศาสตร์กลยทุ ธ์ท่ีหน่งึ เรอ่ื ง การเร่งรดั การปฏิรูปการศกึ ษาโดยยดึ คุณธรรมนาความรูต้ ามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง ความสมานฉันท์ สันติวิธี วิถีชีวิตประชาธิปไตย ในจุดเน้นด้านการส่งเสริมกิจกรรมนักเรียน และกลยุทธ์ที่ห้า เรื่อง การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน ภาคเอกชนและท้องถิ่น ในการจัดการศึกษา มีจุดเน้นในการ เสริมสร้างความเขม้ แขง็ ให้แก่องค์กรนกั เรียน
5 ด้วยความตระหนักถึงความสาคัญของเด็กและเยาวชน โรงเรียนสมเด็จ จึงกาหนดแนวทางในการพัฒนา กิจกรรม “สภานักเรียน” ให้โรงเรียนได้นาไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ บทบาทหน้าที่ความเปน็ พลเมอื งและวิถีประชาธิปไตยกนั ไดแ้ ก่ คารวธรรม สามคั คีธรรม ปญั ญาธรรม การดาเนนิ งานสภานักเรยี นเปรียบเสมอื นเวทสี าหรบั ฝกึ ใหน้ ักเรียนเปน็ นกั ประชาธิปไตยอย่างแท้จรงิ คือรู้จัก เป็นผู้ให้และผู้รับ ผู้นาและผู้ตามที่ดี มีความรับผิดชอบในหน้าที่และเป็นประโยชน์ในการปกครอง โดยช่วยแบ่งเบา ภาระของครูได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจวิถีชีวิต แบบประชาธิปไตย มุ่งเน้นให้เด็กคิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และส่งเสริมความสามัคคี ในหมู่คณะ อีกทั้ง สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนตามหลักสตู รปัจจุบนั ท่มี ่งุ เน้นความเป็นไทยความเปน็ พลเมืองดีของชาติ ดังนั้น โรงเรียนสมเด็จ ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาจึงจะต้องขับเคลื่อน กิจกรรม สภานักเรยี น ส่ผู ้เู รยี นอยา่ งเป็นรปู ธรรมต่อไป 1.4 จดุ มุ่งหมายของการจัดตั้งสภานักเรยี น 1. ให้นักเรยี นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและพฒั นาดว้ ยกระบวนการประชาธิปไตย ให้เป็นวัฒนธรรม การอยูร่ ่วมกันและเปน็ กลไกการจัดกิจกรรมตา่ ง ๆ ของโรงเรียน 2. ให้นักเรียนสามารถใช้หลกั ของความเป็นประชาธิปไตยในการสร้างประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม ความ สงบสุขในสงั คม ตัง้ แต่ในโรงเรียน ครอบครัว ชุมชนจนถงึ ระดับประเทศและโลก 3. เป็นรากฐานที่มีความหมาย มีความสาคัญต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เตบิ โตขึ้นเป็นพลังที่เข้มแขง็ ในการสร้างสรรคค์ วามเป็นประชาธิปไตยในระดบั โรงเรียน ชุมชน ประเทศและสากล 4. เพื่อใหน้ ักเรยี นมีส่วนร่วมกันจัดตัง้ สภานักเรียนในทุกระดับ เพื่อเป็นกระบวนการสรา้ งคุณลักษณะ ของ นกั เรยี นทส่ี ังคมคาดหวงั โดยเฉพาะดา้ นความเปน็ ประชาธปิ ไตยทม่ี จี ติ วญิ ญาณแหง่ ความสมานฉนั ท์ 5. เพื่อเป็นเครือ่ งมือในการพัฒนานักเรยี น โรงเรยี น และสังคม ในมิตติ ่าง ๆ ดังนี้ ดา้ นการพัฒนาตวั นักเรียน 1) กิจกรรมสภานักเรียนช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะชีวิต ด้านการวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าของตนเอง การรู้จักเห็นใจผู้อ่ืน การเคารพคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การตระหนัก ในการ รับผิดชอบต่อส่วนร่วม การสร้างสัมพันธภาพและรู้จักสื่อสารอย่างเหมาะสม การตัดสินใจและแก้ไขปัญหา โดย สันติวิธี มีทักษะการควบคุมอารมณ์และความเครียด สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องต่อวิสยั ทัศน์ของโรงเรยี นสมเด็จ คือ โรงเรียนสมเด็จจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสาเร็จโดยเน้นทักษะ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยใช้กระบวนการ การเรียนการสอน
6 ที่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญให้นักเรียนไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ให้เดก็ มปี ระสบการณ์ ฝกึ ให้ร้จู ักหน้าท่ีมีความรับผิดชอบ ฝึก ความเป็นผ้นู า ผู้ตามที่ดี ตามระบบประชาธิปไตย รู้จกั อนรุ กั ษส์ งิ่ แวดล้อม มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มีความคิดริเร่ิม สร้างสรรค์ รจู้ ักแก้ปัญหา เพอ่ื นาไปเปน็ พืน้ ฐาน ในการดารงชวี ติ อย่างมีความสุข 2) สภานักเรียนมีกิจกรรมหลากหลาย ที่ส่งเสริมใหส้ มาชิกมคี ุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่ดีงาม เช่น ความรับผิดชอบ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ สุจริต กตัญญูกตเวที เมตตา กรุณา เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ร้จู ักพอเพียง มที กั ษะชีวติ ละเอยี ดรอบคอบและสามารถทางานรว่ มกับผู้อนื่ ได้ 3) สภานักเรียนเป็นกลไกสาคัญในการพัฒนาสภานักเรียนให้มีทักษะในการดูแลปกป้อง คุ้มครอง สิทธแิ ละเสรีภาพของตนเองและเพอ่ื นนกั เรยี นในโรงเรียน 4) การมีส่วนร่วมในสภานักเรียน ช่วยสร้างลักษณะการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี และถูกต้องมีจิตสานึก สาธารณะ เห็นคุณค่าของระบบการปกครองตามหลักธรรมาภิบาล เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบยี บ ขอ้ ตกลงของหมคู่ ณะ รู้จกั ยอมรับและชนื่ ชมการกระทาของผอู้ ่นื อยา่ งเปน็ ผูม้ นี ้าใจนักกีฬา ดา้ นการพฒั นาโรงเรยี น 1) สภานักเรียนสามารถเสนอความคิดเห็นในการดาเนินงานด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าประสงคข์ องสภานักเรยี นและของโรงเรียนสมเด็จ 2) เปน็ กลไกการพจิ ารณา กล่ันกรอง ใหค้ วามเห็นชอบตอ่ โครงการ/กิจกรรมของสภานักเรียน 3) ช่วยครู ผู้ปกครองในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั่วไป ให้การพิทักษ์ ปกป้อง คุ้มครองสิทธิ เสรภี าพและรักษาผลประโยชนข์ องโรงเรียน 4) เป็นลังสาคัญในการป้องกันแกไ้ ขปญั หา ข้อขัดแยง้ ต่าง ๆ โดยยึดหลักสมานฉันทแ์ ละแนวทางสันติวิธี 5) ช่วยเหลือครบู รหิ ารจดั การทรัพยากรให้เกดิ ประโยชน์คุม้ คา่ สูงสุด 6) เปน็ พลงั ขบั เคลอื่ นกิจกรรมต่าง ๆ รว่ มกบั นกั เรียนในโรงเรียน 7) เป็นเสียงสะท้อนการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนให้มีคุณภาพเกิดประโยชน์ สงู สดุ ต่อนกั เรยี นทกุ คน 8) ประสานความร่วมมือกับบุคคล หน่วยงาน เครือข่ายสภานักเรียนเพื่อพัฒนาความเข้มแข็ง แกส่ ภานกั เรยี น 9) รว่ มพฒั นาระบบข้อมูลขา่ วสารอยา่ งสรา้ งสรรค์ ทันเหตกุ ารณ์ ตรงประเดน็ เกดิ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นา 10) เปน็ องค์ประกอบของบรรยากาศประชาธิปไตยทสี่ อดคล้องกับระบอบการปกครองของประเทศไทย
7 ด้านการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ 1) ช่วยใหข้ อ้ เสนอแนะตอ่ โรงเรียนในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาดา้ นตา่ ง ๆ 2) ร่วมสืบสานความรู้ ภูมปิ ัญญาไทย วัฒนธรรมและเอกลักษณข์ องชาติ 3) ช่วยเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการพิทักษ์ปกป้องและคุ้มครองสิทธิเด็ก การจัดระเบียบสื่อ การ แก้ปัญหายาเสพติดและอบายมุข การใช้ความรุนแรง และการแก้ไขปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ของเด็กและเยาวชน 4) เป็นผ้นู าในการรเิ รมิ่ สร้างสรรค์ การชว่ ยเหลือ บาเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสงั คม 1.5 คุณคา่ และความสาคญั ของสภานักเรียน 1) เป็นกลไกสาคญั เพ่ือการพัฒนาสงั คมให้เปน็ สงั คมแห่งประชาธปิ ไตย 2) เป็นกระบวนการหนงึ่ ในการพฒั นาศกั ยภาพความเปน็ ผนู้ าและผตู้ ามท่ดี แี ละถูกตอ้ ง 3) เปน็ เวทใี หน้ ักเรยี นฝกึ ทักษะและประสบการณว์ ถิ ีชีวติ ประชาธปิ ไตยและการใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าล 4) สรา้ งโอกาสให้นกั เรียนไดเ้ รยี นรู้การอยรู่ ่วมกันในสังคมประชาธปิ ไตยอย่างสงบสุขและเปน็ สุข 5) เปน็ ยุทธศาสตร์ในการปลูกฝังจิตวญิ ญาณประชาธปิ ไตยและการใชห้ ลักธรรมาภิบาลแก่นกั เรียน
8 ส่วนที่ 2 สภานักเรยี นโรงเรยี นสมเด็จ โรงเรียนสมเด็จ จัดให้มีสภานักเรียนขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนเป็นผู้ที่มีความ รับผิดชอบมีภาวะความเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีและถูกต้อง มีน้าใจ เสียสละเพื่อส่วนรวม มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน มีความหนักแน่น สามารถรับและแก้ไขปัญหาอย่างมีหลักการและเหตุผล มีความ รักและความภูมิใจในเกียรติของสถาบัน ปกป้องและเชิดชูศักดิ์ศรีของสถาบนั และมีความรู้ความเข้าใจ เลื่อมใสต่อ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย 2.1 คาขวญั สภานักเรยี น เรียนรู้ คคู่ ณุ ธรรม สรา้ งสรรค์กิจกรรม นาพาประชาธปิ ไตย 2.2 ปรชั ญาสภานักเรยี น สขุ า สงฺฆสสฺ สามคฺคี ความสามคั คขี องหมู่คณะ นามาซงึ่ ความสาเร็จ 2.3 วสิ ัยทศั น์สภานกั เรยี น สภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ มุ่งส่งเสริมวิถีประชาธิปไตยตามกระบวนการนิติธรรมตั้งมั่นบนหลัก ธรรมาภิบาล หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการมีส่วนร่วม เน้นประชาธิปไตยโดยการปฏิบัติจริง ให้ นักเรียนเข้าใจบทบาทหน้าที่ความเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในสังคม ส่งเสริม คุณธรรมจริยธรรมให้กับนักเรียนผ่านกระบวนการจัดกิจกรรมวิถีพุทธ และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นในโรงเรียน พฒั นาส่กู ารเปน็ โรงเรียนแหง่ คณุ ธรรมค่ทู ้องถิน่ ของจงั หวัดอบุ ลราชธานี
9 2.4 พนั ธกิจของสภานักเรียน 1. จดั กจิ กรรมทีส่ ่งเสริมและพัฒนาใหน้ ักเรียนมีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของโรงเรยี น 2. ส่งเสริมและปลูกฝังประชาธิปไตยให้กับนักเรียน เกิดความรู้และเข้าใจในการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข 3. จดั ประสบการณ์ใหน้ กั เรยี นมีสว่ นร่วมและฝกึ การบรหิ ารงานสภานกั เรียนโดยการปฏบิ ตั ิจริง 4. สง่ เสริมใหเ้ กิดความร่วมมือทด่ี ีและถูกต้องระหวา่ งนักเรยี นในโรงเรยี น ชมุ ชนและหน่วยงานภายนอก 5. ทานุบารงุ ศลิ ปวัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ของจงั หวดั อุบลราชธานี 6. พัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของกิจกรรมสภานักเรยี นอย่างเตม็ ตามศักยภาพ สามารถเป็น ตน้ แบบสภานกั เรียนแก่โรงเรยี นอื่น ๆ ได้ 2.5 เป้าประสงคข์ องสภานักเรียน 1. เพอ่ื สง่ เสริมกจิ กรรมการเรียนรรู้ ะบอบประชาธิปไตยในโรงเรียนใหแ้ กน่ ักเรียน 2. เพื่อฝกึ ความเปน็ ผนู้ าและผู้ตามท่ีดแี ละถกู ตอ้ งใหแ้ ก่นักเรียน 3. เพอื่ ส่งเสริมใหน้ กั เรียนได้ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมท่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ สงั คมและส่วนรวม 2.6 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องสภานกั เรยี น 1. มีทักษะภาวะผ้นู า และผ้ตู ามท่ีดีและถูกตอ้ ง ๒. กลา้ คิด กลา้ ทา กล้านา กลา้ ประสาน กลา้ แสดงออก 3. รักษาพทิ ักษส์ ทิ ธขิ องตนเองและเพ่อื นนักเรยี น 4. สานกึ ในคุณคา่ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5. ดารงชวี ิตตามวิถีประชาธิปไตยไดถ้ กู ต้องและเหมาะสม 6. ยึดหลักธรรมาภิบาล ความสมานฉนั ท์ และสนั ตวิ ธิ ี ในการทางาน 7. ร่วมสบื ทอดความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ และวัฒนธรรมไทย
10 2.7 ที่มาของสภานักเรียนโรงเรยี นสมเดจ็ โรงเรียนสมเด็จได้ดาเนินการปลูกฝังวิถีประชาธิปไตยให้กับนักเรียน โดยการส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้ และร่วมกิจกรรม นาหลักปฏิบัติตามวิถีประชาธิปไตยไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ มีการส่งเสริม การเลือกต้ัง เช่น การเลือกตัง้ หวั หนา้ หอ้ งเรยี น และการเลอื กตงั้ ประธานสภานักเรียน โดยมีวธิ ีการดาเนนิ การดงั ตอ่ ไปนี้ แผนผงั แสดงวิธีการ ขนั้ ตอนการดาเนนิ การรบั สมคั รและการเลือกตงั้ ประธานสภานักเรยี นโรงเรยี นสมเด็จ แตง่ ตั้งคณะกรรมการดาเนินการจัดการเลือกตั้ง งานส่งเสริมประชาธปิ ไตยในโรงเรยี น ประกาศรบั สมัครประธานสภานักเรยี น คณะกรรมการดาเนนิ การจดั การเลือกตั้ง นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 จัดต้งั พรรคและสมคั ร จานวนสมาชกิ พรรคไม่น้อยกว่า 17 คน หวั หน้าพรรคและสมาชิกหาเสียงแถลงการณ์นโยบาย ผสู้ มคั รประธานสภานกั เรยี นและสมาชกิ พรรค ดาเนินการเลือกต้ังประธานสภานกั เรียน นักเรยี นโรงเรียนสมเด็จ ชั้น ป. 1 – ม. 6 ประกาศผลการเลอื กตัง้ ประธานสภานกั เรยี น ผู้อานวยการโรงเรยี นสมเด็จ ออกคาสง่ั แตง่ ต้ังคณะกรรมการสภานกั เรยี น ผู้อานวยการโรงเรียนสมเด็จ พธิ แี ต่งต้ังคณะกรรมการสภานักเรียน คณผบู้ ริหาร/งานส่งเสริมประชาธิปไตย
11 แผนผงั แสดงวธิ กี าร ขนั้ ตอนการดาเนนิ การเลอื กตั้งหวั หน้าห้องเรียนและกรรมการห้องเรยี นของโรงเรียนสมเด็จ รับสมคั ร หรือ เสนอรายช่ือหัวหน้าห้อง ครูท่ปี รึกษา/นกั เรยี นในห้อง เลอื กตัง้ หัวหนา้ ห้อง (แบบยกมอื นับคะแนน) นักเรียนในหอ้ งเรยี น ประกาศผลการเลอื กตั้ง ครูทีป่ รึกษา แต่งต้ังหวั หน้าห้องเรยี นและคณะกรรมการหอ้ งเรียน สภานักเรยี น 2.8 โครงสรา้ งการบรหิ ารงานสภานกั เรยี นโรงเรยี นสมเด็จ โรงเรียนสมเด็จ โดยงานส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน ได้กาหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการสภา นักเรียนไว้ ตามระเบียบโรงเรียนสมเด็จ ว่าด้วยสภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ พุทธศักราช 2563 หมวด 3 ข้อ 7 ขอ้ 8 ขอ้ 9 ขอ้ 10 ขอ้ 11 ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 14 และข้อ 15 และมแี ผนภมู ิโครงสรา้ งการบริหารงานสภานักเรียน โรงเรยี นสมเด็จ ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี
12 โดย คณะกรรมการบริหารงานสภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ กาหนดให้มีบทบาท ตามระเบียบ โรงเรียนสมเด็จ วา่ ด้วยสภานกั เรียนโรงเรยี นสมเดจ็ พทุ ธศกั ราช 2563 หมวด 4 ข้อ 16 ดังตอ่ ไปนี้ ประธานสภานกั เรียน มีหน้าทีร่ ับผิดชอบ ดังน้ี 1) เป็นผู้นาและเป็นผู้แทนของนักเรียนในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน โรงเรียน และเป็นผู้นาในการดาเนนิ โครงการและกจิ กรรมของสภานักเรยี น 2) เปน็ ผนู้ าของสภานักเรียนในการสง่ เสริมและดูแลกิจกรรมของกล่มุ บริหารต่าง ๆ ให้เป็นไปตาม แผนปฏิบตั ิงานอย่างมีประสิทธภิ าพ ตัดสินชข้ี าด และแกป้ ญั หาท่เี กดิ ข้นึ ในการปฏบิ ัตงิ านของสภานักเรยี น 3) บริหารจัดการดูแลในแตล่ ะสว่ นงาน 4) จัดทาระเบียบวาระการประชุม เสนอรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารกิจการนักเรียนก่อน การประชุม เพือ่ ขออนุมัติการประชมุ 5) จัดทารายงานการประชุมสภานักเรียนสมัยสามัญ การประชุมสภานักเรียนสมัยวิสามัญเสนอ และรายงานตอ่ ประธานครทู ปี่ รึกษาสภานกั เรียนเพ่อื ตรวจรายงานการประชุมเม่อื เสรจ็ สนิ้ การประชมุ ทกุ ครงั้ 6) เปน็ ประธานในการประชุมต่าง ๆ ของสภานักเรยี น คุณสมบัติ : มีภาวะผู้นา กล้าคิด กล้าตัดสินใจ เปิดกว้างทางความคิด ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เขา้ ถึงทกุ คนในสภานกั เรียนได้ ร้จู ักแบ่งงานและดึงเอาศกั ยภาพของผูอ้ น่ื มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ที่สดุ รองประธานสภานักเรยี น มีหนา้ ท่ีรับผิดชอบ ดงั น้ี 1) รับผิดชอบงานในหน้าที่ร่วมกับประธานสภานักเรียน หน้าที่ใดที่ระบุไว้ว่าเป็นหน้าที่ของ ประธานสภานักเรียน ให้ถอื วา่ เป็นหน้าที่ของรองประธานสภานักเรียนท่จี ะต้องชว่ ยเหลือ 2) รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานสภานักเรียนในกลุ่มบริหารตามที่ได้รับการแต่งตั้ง เพ่อื ดูแลความเรียบรอ้ ยของงานในกลุม่ บรหิ ารให้เกิดประสทิ ธภิ าพสูงสุด
13 3) ช่วยแบ่งเบาภาระของประธานสภานักเรียน ช่วยคิดและแก้ปัญหา รวมถึงกลั่นกรองความคิด ของประธานสภานกั เรียน 4) รับผิดชอบหน้าที่แทนประธานสภานักเรียนเมื่อประธานสภานักเรียนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ในกรณนี ใี้ หร้ องประธานสภานักเรยี นทป่ี ฏิบตั หิ น้าทแ่ี ทนมอี านาจในการตัดสนิ ใจเสมอื นประธานสภานักเรยี น คุณสมบัติ : มีลักษณะนิสัยในส่วนที่ประธานสภานักเรียนขาด สามารถถ่วงดุลทางความคิด ในเชิง สรา้ งสรรค์กบั ประธานสภานักเรียนได้ เลขานกุ ารสภานกั เรยี น มหี นา้ ท่รี บั ผดิ ชอบ ดงั น้ี 1) นัดหมายและเชิญประชุมในการประชุมสภานักเรียนสมัยสามัญ การประชุมสภานักเรียนสมัย วสิ ามัญ และการประชุมของคณะกรรมการบรหิ ารสภานักเรียน 2) จดบันทึกการประชุมสภานักเรียนสมัยสามัญ การประชุมสภานักเรียนสมัยวิสามัญและการ ประชุมคณะกรรมการบริหารสภานักเรียน และนาเสนอต่อประธานสภานักเรียนเป็นผู้ตรวจบันทึกการประชุม หลงั เสร็จส้ินการประชุมทกุ คร้ัง 3) รับผิดชอบ จดั ทา และเกบ็ รกั ษาบนั ทึกการประชมุ รายงานการประชุมทเ่ี ป็นของสภานกั เรยี น 4) ดูแลเกี่ยวกับการจัดประชุมที่สภานักเรียนได้กาหนดขึ้น เช่น การจองห้องประชุม การจัดหา อุปกรณท์ จ่ี าเป็นต่อการประชมุ นัดหมายและยา้ เตือนผู้เขา้ ร่วมประชุม 5) ประสานงานกบั สมาชกิ คณะกรรมการสภานักเรียนและกลุม่ งานที่เกี่ยวขอ้ ง คุณสมบัติ : ละเอียด รอบคอบ รับผิดชอบ ตรงต่อเวลา และมีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ พมิ พ์เอกสารได้ในระดบั ดี เหรัญญิก มหี น้าทรี่ ับผิดชอบ ดงั นี้ 1) จดั ทาบญั ชีการเบิกจ่ายของสภานกั เรยี นให้เป็นไปดว้ ยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ 2) จดั ซื้อ และจัดหาวสั ดอุ ุปกรณ์ เพอ่ื ใช้ในการดาเนนิ กิจกรรมของสภานักเรียน
14 3) รายงานบัญชีรายรับรายจ่าย และรายการทรัพย์สินของสภานักเรียนในการประชุมสภา นกั เรยี นสมยั สามญั การประชมุ สภานกั เรยี นสมัยวสิ ามญั และการประชมุ คณะกรรมการบรหิ ารสภานกั เรยี น คณุ สมบตั ิ : ละเอียด รอบคอบ และมคี วามซอื่ สัตย์ กลุม่ บรหิ ารอานวยการ ประกอบดว้ ย 2 งาน ได้แก่ 1) งานสานกั งานและธรุ การ มหี นา้ ท่รี บั ผิดชอบ ดงั น้ี 1.1) จัดสภาพแวดลอ้ มของห้องสานักงานสภานกั เรียนให้มีความสะอาด เรียบรอ้ ย พรอ้ มสาหรับ การใชง้ านและพฒั นากิจกรรม 5 ส ของสานกั งานสภานกั เรียนโดยการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสภานักเรยี น 1.2) จัดหาและตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์สานักงาน เพื่อใช้ในการดาเนินงานของ สภานกั เรียนให้มคี วามเพียงพอและพร้อมใชง้ านอย่เู สมอ 1.3) จัดทาบันทึกหนังสือรับและส่งของสภานักเรียน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และใหเ้ ป็นปจั จุบนั เสมอ 1.4) รับผิดชอบจัดทาคาสั่ง บันทึกข้อความ ประกาศ และเอกสารอื่นใดในการดาเนินกิจกรรม สภานักเรยี นให้เปน็ ไปดว้ ยความเรียบร้อย ถูกต้อง และตรวจสอบได้ 1.5) จัดทาและเก็บรักษาแฟ้มประวัติ แฟ้มสะสมผลงานของคณะกรรมการสภานักเรียน รายบุคคลให้เป็นปจั จุบนั และพรอ้ มสาหรบั การใช้งาน คณุ สมบัติ : มคี วามรับผดิ ชอบ อัธยาศัยดี รักการบรกิ าร 2) งานวัดและประเมินผล มีหน้าทรี่ บั ผิดชอบ ดังน้ี 2.1) จัดทาแบบสอบถามระดับความพึงพอใจและใช้กับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อประเมินผล โครงการ/ กิจกรรมท่ีคณะกรรมการสภานกั เรียนรับผิดชอบและดาเนินการ 2.2) ดาเนินการจัดทารูปเล่มสรุปและรายงานผลการดาเนินโครงการ/กิจกรรม ที่คณะกรรมการ สภานักเรียนรับผิดชอบ เสนอประธานสภานักเรียน ครูที่ปรึกษาสภานักเรียน เพื่อนาเสนอต่อ รองผู้อานวยการ กลมุ่ บรหิ ารงานที่สนบั สนุนงบประมาณ และผอู้ านวยการเพื่อรับทราบและลงนาม
15 2.3) นาเสนอผลการดาเนินกิจกรรมสภานักเรยี นจากผลการประเมินตอ่ ทปี่ ระชุมทีค่ ณะกรรมการ สภานกั เรียนดาเนินการ เพ่ือรบั ฟังขอ้ เสนอแนะ พฒั นาต่อยอดและปรบั ปรุงให้ดียิ่งขึน้ คณุ สมบตั ิ : มีความละเอียด รอบคอบ รู้จักคดิ แกไ้ ขปญั หาและพัฒนา กลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ ประกอบดว้ ย 2 งาน ไดแ้ ก่ 1) งานนโยบายและแผนงาน มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบ ดังนี้ 1.1) รวบรวม ศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะและประสานงาน การจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับ นโยบายและแผนงานของสภานกั เรยี น 1.2) วางแผนและจดั รูปแบบโครงการตา่ ง ๆ ของโรงเรียนผา่ นคณะกรรมการสภานักเรียน 1.3) ประสานงานและจาทาแผนโครงการ แผนปฏบิ ตั ิงาน และคาของบประมาณ 1.4) ควบคมุ การทางาน ติดตอ่ ประสานงาน ดูแลฝ่ายต่าง ๆ 1.5) ประสานงานและบรณู าการงานร่วมกนั กับหัวหนา้ ช้ันเรยี น คณุ สมบตั ิ : มีทกั ษะในการวางแผน รกั การประสานงาน 2) งานทานบุ ารุงศลิ ปวฒั นธรรมและพทุ ธศาสนา มหี นา้ ทร่ี ับผิดชอบ ดังนี้ 2.1) สง่ เสริมความรู้ศิลปวัฒนธรรมภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ผา่ นสื่อต่าง ๆ ท่ีนกั เรียนสามารถเขา้ ถงึ ได้ 2.2) ส่งเสริมความรพู้ ทุ ธศาสนา และออกแบบกิจกรรมในวันสาคญั ในพทุ ธศาสนา 2.3) รบั ผดิ ชอบงานพิธีการทางพุทธศาสนา 2.4) สง่ เสรมิ กจิ กรรมทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นในโรงเรียน คุณสมบัติ : เป็นผู้มีความรู้ความสารถด้านศิลปวัฒนธรรม รักในงานด้านศาสนา และมีความประพฤติ เรียบร้อย ทง้ั กาย วาจา ใจ
16 กลมุ่ บริหารกจิ การนกั เรยี น ประกอบดว้ ย 4 งาน ไดแ้ ก่ 1) งานสหกรณโ์ รงเรยี น มหี นา้ ที่รับผดิ ชอบ ดงั น้ี 1.1) รบั สมัครสมาชกิ สหกรณโ์ รงเรยี น สหกรณร์ ้านค้า และสหกรณ์การผลิต 1.2) บริหารจดั การจัดสรรทุนกาไรในสหกรณร์ า้ นคา้ 1.3) สง่ เสรมิ การผลติ ในรูปแบบของสหกรณก์ ารผลติ ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.4) จัดสรรสวัสดิการให้กับสมาชิก โดยแบ่งเป็น ปันผลสมาชิก และสาธารณะประโยชน์ ใน กจิ การสภานกั เรยี น ในรปู แบบกิจกรรมโครงการ คณุ สมบัติ : ซอื่ สัตย์ เสียสละ อดทน มีวนิ ัย มคี วามรบั ผิดชอบ มที ักษะด้านการบัญชแี ละการจัดสวสั ดิการ 2) งานกิจกรรมและนนั ทนาการ มีหนา้ ท่ีรับผิดชอบ ดงั นี้ 2.1) วางแผนและออกแบบกิจกรรม เกม และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความบันเทิง ในการ ดาเนินกจิ กรรมสภานักเรยี นและในโอกาสต่าง ๆ 2.2) เป็นพิธีกรและนักประชาสัมพันธ์ในโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนและหน่วยงาน ภายนอกท่ีสภานกั เรียนมสี ว่ นรว่ มดาเนนิ งาน 2.3) ประสานงานกับประธานคณะสี เพื่อดาเนินโครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริมการดาเนินงาน ของคณะสีให้เกดิ ความเปน็ รูปธรรมและมปี ระสทิ ธิภาพ 2.4) ประสานงานกบั กล่มุ สาระการเรียนร้สู ุขศกึ ษาและพลศึกษา ในการดาเนนิ กิจกรรม ด้านกีฬา กรีฑา กจิ กรรมนันทนาการ หรอื กิจกรรมอ่ืน ๆ ท่ีเก่ยี วข้อง 2.5) เปน็ ผนู้ าในการดาเนนิ กิจกรรมสันทนาการในโอกาสตา่ ง ๆ ท่ไี ด้รับการประสานงาน คณุ สมบัติ : เป็นนักกจิ กรรม มีความความคดิ สร้างสรรค์ รักและสนใจในกิจกรรมนนั ทนาการ 3) งานระดบั ช้นั และระเบยี บวนิ ยั มหี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบ ดงั น้ี 3.1) วางแผนและดาเนินกิจกรรมงานระดับชั้นร่วมกับหัวหน้าระดับชั้น หัวหน้าห้อง และครู ทีป่ รกึ ษาชน้ั เรียน โดยคาแนะนาของกลุม่ บริหารกิจการนกั เรยี นของโรงเรียน 3.2) ประสานงานกับหัวหน้าห้องเรียน เพื่อดาเนินโครงการ/กิจกรรมที่ส่งเสริม และสนับสนุนให้ การดาเนินงานของหอ้ งเรียนร่วมกบั คณะกรรมการสภานกั เรียนให้เกิดเปน็ รปู ธรรม
17 3.3) วางแผนและดาเนินโครงการ/กิจกรรมด้านระเบียบวินัยที่คณะกรรมการสภานักเรียน รบั ผดิ ชอบและได้รับมอบหมาย 3.4) ส่งเสริมการใช้กฎระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน และควบคุมดูแลนักเรียนทั้งหมด ให้ปฏิบัติ ตามระเบยี บวนิ ยั ของโรงเรยี น รวมถงึ การชว่ ยเหลอื และดูแลนักเรียนตามคาส่งั ของครทู ีป่ รกึ ษาชัน้ เรยี น 3.5) สง่ เสริมโครงการ/กิจกรรมท่ีเกย่ี วข้องกบั การต่อต้านยาเสพติดและการทุจรติ ทุกประเภท คณุ สมบตั ิ : มีความเปน็ ผู้นา สามารถประสานความรว่ มมือให้เกดิ ความเปน็ เอกภาพ มีวนิ ยั และปฏบิ ตั ิตน เปน็ ตวั อยา่ งท่ดี ีแก่ผอู้ น่ื 4) งานประชาสมั พันธ์ มีหน้าท่รี ับผดิ ชอบ ดงั น้ี 4.1) ประชาสัมพันธง์ านกิจกรรมของสภานักเรยี น 4.2) จัดรายการเสียงตามสายของโรงเรยี น 4.3) ดูแลรบั ผิดชอบกจิ กรรมหนา้ เสาธงของโรงเรียน คุณสมบัติ : มคี วามสามารถและทักษะการส่อื สารท่ดี ี รักงานบรกิ าร กลุ่มบริหารทวั่ ไป ประกอบดว้ ย 3 งาน ไดแ้ ก่ 1) งานโสตทศั นศกึ ษาและเทคโนโลยี มีหน้าทร่ี บั ผิดชอบ ดงั น้ี 1.1) รับผิดชอบ ควบคุม และตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ ในการจัด โครงการ/กิจกรรม ทีค่ ณะกรรมการสภานักเรียนดาเนนิ การให้เปน็ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย 1.2) รับผิดชอบบันทึกภาพ จัดทาวีดิทัศน์ ออกแบบ ตัดต่อ และนาเสนอ เพื่อใช้เป็น หลักฐาน ขอ้ มูลในการดาเนินโครงการ/กจิ กรรมทีค่ ณะกรรมการสภานกั เรยี นรับผิดชอบ 1.3) รับผิดชอบการนาเสนอผลการดาเนินงานสภานักเรียน โดยใช้ Fan page Facebook ของ คณะกรรมการสภานักเรียน และจัดทาวารสารสภานักเรียน เพื่อนาเสนอความเคลื่อนไหวและผลการดาเนินงานท่ี คณะกรรมการสภานกั เรยี นรบั ผดิ ชอบใหส้ าธารณชนไดร้ บั ทราบ คณุ สมบัติ : มีความคดิ สร้างสรรค์ มคี วามร้เู บ้ืองต้นดา้ นการออกแบบส่อื ภาพ และเสยี ง
18 2) งานอาคารและสถานท่ี มหี นา้ ทีร่ บั ผิดชอบ ดงั นี้ 2.1) ประสานงานกับกลุ่มบริหารบริการของโรงเรียน เพื่อขอใช้สถานที่ในการจัดโครงการ/ กิจกรรมท่คี ณะกรรมการสภานกั เรียนรบั ผิดชอบ 2.2) รับผดิ ชอบเรอื่ งความสะอาดของทศั นียภาพและสิง่ แวดลอ้ มภายในโรงเรยี นและในห้องเรยี น 2.3) ให้บริการจัดสถานที่ในการดาเนินโครงการ/กิจกรรม ที่คณะกรรมการสภานักเรียน รับผิดชอบหรือกจิ กรรมท่ีไดร้ ับมอบหมายจากทางโรงเรียน 2.4) ส่งเสริม สนับสนุน และเป็นผู้นาในการดาเนินโครงการ/กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม คณุ สมบัติ : เสียสละ ละเอียด รอบคอบ และรักในงานบริการ 3) งานปฏิคม มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบ ดงั นี้ 3.1) วางแผนการต้อนรับผู้มาติดต่อ มาร่วมกิจกรรมของโรงเรียน หรือมาศึกษาดูงานการ ดาเนนิ งานและกจิ กรรมของสภานักเรยี น ใหเ้ กดิ ความเปน็ ระบบตามที่ได้รับมอบหมาย 3.2) จัดเตรียมอาหาร น้าดื่ม ให้เพียงพอสาหรับผู้มาติดต่องาน ณ สานักงานสภานักเรียน และ หนว่ ยงานทงั้ ภาครัฐและเอกชนท่มี าศึกษาดงู านโรงเรยี นหรืองานสภานกั เรียน 3.3) สนับสนุนโครงการ/กิจกรรม ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการบริการที่ดีและเหมาะสม กับการ ดาเนนิ งานของสภานักเรยี น คุณสมบัติ : บุคลิกดี มีมนษุ ยส์ มั พันธ์ดีและรักในงานบริการ ทป่ี รกึ ษาสภานกั เรยี น มหี นา้ ทีร่ ับผิดชอบ ดงั นี้ 1) ให้ครูที่ปรึกษาสภานักเรียน เป็นผู้ตรวจรายงานการประชุมสภานักเรียน และนาเสนอ ประธานท่ี ปรกึ ษาสภานกั เรียน คือ รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารกิจการนกั เรียน ได้ลงนามรับทราบ 2) เสนอความคดิ เหน็ ในฐานะที่ปรึกษาสภานักเรียนในการประชมุ สภานักเรยี น
19 3) ให้คาปรึกษา แนะนา ช่วยเหลือ แก่คณะกรรมการสภานักเรียน เพื่อให้สามารถดาเนินโครงการ/ กจิ กรรม ของสภานักเรียนสาเร็จลลุ ่วงไปไดด้ ้วยดี 4) นาเสนอผลการดาเนินงานโครงการ/กิจกรรมของสภานักเรียนต่อการประชุมกลุ่มบริหารกิจการ นกั เรยี นและการประชมุ ของโรงเรยี น คณะกรรมการผแู้ ทนชั้นเรียน คอื หัวหนา้ ห้องเรียน มหี น้าท่ีรบั ผดิ ชอบ ดงั น้ี 1) เป็นผดู้ ูแลและเป็นผนู้ าในการทากิจกรรมของสมาชิกในชัน้ เรยี นให้เปน็ ไปด้วยความเรียบร้อย 2) นาเสนอโครงการ/กิจกรรม ที่เป็นประโยชน์แก่คณะกรรมการสภานักเรียน เพื่อที่คณะกรรมการสภา นกั เรยี นจะไดพ้ จิ ารณา และนาเสนอโครงการ/กจิ กรรม เพอ่ื พจิ ารณาอนมุ ตั จิ ากผอู้ านวยการโรงเรียนต่อไป 3) เข้าร่วมการประชุมสามัญของสภานักเรียน เพื่อรับทราบแนวปฏิบัติการดาเนินการของสภานักเรียนสู่ ชัน้ เรียน และรว่ มแสดงความคดิ เห็นทีเ่ ป็นประโยชน์ในการพัฒนากจิ กรรมของนกั เรยี นในโรงเรียน 2.9 สิทธขิ องคณะกรรมการสภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ โรงเรียนสมเด็จ โดยงานส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียนได้กาหนดสิทธิของคณะกรรมการสภานักเรียน โรงเรียนสมเด็จ ไว้ตามระเบียบโรงเรียนสมเด็จ ว่าด้วยสภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ พุทธศักราช 2563 หมวด 9 ข้อ 27 ดังรายละเอียดต่อไปน้ี 1. สทิ ธใิ นการเสนอโครงการหรือกจิ กรรมเพ่อื การพฒั นานักเรียนและโรงเรียน 2. สิทธใิ นการดาเนนิ งานตามโครงการและกิจกรรมเม่ือโครงการและกจิ กรรมผา่ นการพิจารณาตามข้อ 1 3. สิทธิในการออกเสียงและแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสภานักเรียนและในการดาเนินงานของ สภานกั เรยี น 4. สิทธใิ นการแสดงตนเปน็ คณะกรรมการสภานักเรยี น 5. สทิ ธใิ นการตักเตือนแนะนาในขอบเขตทต่ี นสามารถกระทาได้ 6. สทิ ธิในการเสนอความคดิ เหน็ ตอ่ ผบู้ ริหารในกจิ การอันเก่ียวข้องกับนักเรยี นและสภานักเรียน 7. สิทธใิ นการเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรยี น
20 8. สิทธิในการเปิดเผยอภิปรายทั่วไปประธานสภานักเรียน รองประธานสภานักเรียนหัวหน้ากลุ่ม หวั หน้างานในกรณีทก่ี ารบรหิ ารงานผดิ พลาดและกระทบต่อผลประโยชนข์ องคณะกรรมการสภานักเรียน 9. สทิ ธิในการเสนอถอดถอนกรรมการสภานกั เรียน 10. สิทธิในการขอความร่วมมือจากครูในโรงเรียนในการดาเนินกิจการกิจกรรมและโครงการของ คณะกรรมการสภานกั เรียน 11. สิทธิในการคัดค้านมติข้อบังคับที่เสนอโดยที่ประชุมสภานักเรียนเมื่อเห็นว่ามติ หรือ ข้อบังคับนน้ั ขัดหรอื แย้งกับกฎระเบียบของโรงเรยี นหรอื ศีลธรรมอันดแี ละถูกต้องและความสงบเรียบรอ้ ย
21 ส่วนท่ี 3 หลกั การดาเนินงานสภานักเรียน การดาเนินงานกิจกรรมสภานักเรียนให้เกิดรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดจาเป็นต้องมีหลักการในการ ดาเนินงานเพื่อที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่สภานักเรียน โดยการนาหลักธรรมาภิบาลสู่การปฏิบัติ การใช้หลัก ความสมานฉันท์ การใช้แนวทางสันติวิธีในการดาเนินงาน การใช้หลักการทรงงานของในหลวงรัชการที่ 9 ในการ ดาเนินงานกิจกรรม อีกทั้งยังต้องมีการพัฒนาทักษะการเป็นผู้นาการสรา้ งและสรา้ งลักษณะนิสัยให้นักเรียนเป็นผู้มี จิตอาสาและมสี านึกสาธารณะซึ่งองคค์ วามรู้แต่ละเรอื่ งมีสาระสาคญั ดังต่อไปน้ี 3.1 การนาหลกั ธรรมาภิบาลสู่การปฏบิ ตั ิ ธรรมาภิบาล ( Good Governance) คือ การปกครอง การบริหาร การจัดการการควบคุมดูแล กิจการ ต่าง ๆ ให้เป็นไปในครรลองธรรม นอกจากนี้ยังหมายถึงการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งสามารถนาไปใช้ได้ทั้งภาครัฐและ เอกชน รวมถึงการนามาปรับใช้ในกิจการของสภานักเรียน ธรรมที่ใช้ในการบริหารงานนี้ มีความหมายอย่างกว้าง กล่าวคือ หาได้มีความหมายเพียงหลักธรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่รวมถึง ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และ ความถูกต้องชอบธรรมทั้งปวง ซึ่งวิญญูชนพึงมีและพึงประพฤติปฏิบัติ อาทิ ความโปร่งใสตรวจสอบได้ การปราศจากการแทรกแซงจากองคก์ รภายนอก เปน็ ต้น จุดร่วมสาคัญของธรรมาภิบาล คือ การให้ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในโรงเรียน ไม่วา่ จะเป็นผู้บริหาร ครู คณะกรรมสภานักเรียน และนักเรียนในโรงเรียน ให้มีปฏิสัมพันธ์กัน และเกิดการถ่วงดุล พลังต่าง ๆ ของทั้งผ้บู ริหาร ครู และองค์กรสภานักเรียน หลักสาคัญของธรรมมาภบิ าล หลักธรรมาภิบาลมีความสาคัญต่อการดาเนินงานภายในองค์กร สภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ โดยงาน ส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียนสามารถนาหลักธรรมาภิบาลจากระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้าง ระบบบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งและสงั คมท่ดี ี พุทธศกั ราช 2542 นามาประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนินกิจกรรมดงั ต่อไปน้ี 1. หลักนิติธรรม คือ การตรากฎหมาย กฎ ระเบียบขอบังคับ และกติกาต่าง ๆ ใหทันสมัยและเป็นธรรม ตลอดจนเป็นทีย่ อมรบั ของสังคมและสมาชิก โดยมีการยนิ ยอมพรอมใจและถือปฏบิ ัติรว่ มกันอย่างเสมอภาคและเปน็ ธรรม 2. หลักคุณธรรม คือ การยึดถือและเชื่อมั่นในความถูกต้องดีงาม โดยการรณรงคเพื่อสร้างค่านิยมที่ดีงาม ให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์การหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ ความอดทน ขยันหม่ันเพยี ร ความมรี ะเบียบวนิ ัย เป็นตน้
22 3. หลักความโปร่งใส คือ การทาให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา และ สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการปรับปรุงระบบและกลไกการทางานขององค์การให้มีความโปร่งใส มีการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก ตลอดจนมีระบบ หรือ กระบวนการตรวจสอบและประเมนิ ผลทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ซึง่ จะเป็นการสรา้ งความไวว้ างใจซ่ึงกันและกัน และช่วยให้ การทางานของภาครัฐและภาคเอกชนปลอดจากการทุจริตคอรัปช่นั 4. หลักความมีส่วนร่วม คือ การทาให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และร่วมเสนอ ความเห็นในการตัดสินใจสาคัญ ๆ ของสังคม โดยเปิดโอกาสใหประชาชนมีช่องทางในการเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ การแจ้ง ความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชาพจิ ารณ์ การแสดงประชามติหรืออืน่ ๆ และขจัดการผูกขาดท้ังโดยภาครัฐหรือ โดยภาคธรุ กจิ เอกชน ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ กิดความสามัคคีและความรว่ มมือกันระหว่างภาครฐั และภาคธรุ กิจเอกชน 5. หลักความรับผิดชอบ ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้างต้องตั้งใจปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่อย่างดียิ่ง โดย มงุ่ ใหบรกิ ารแกผมู้ ารับบริการ เพื่ออานวยความสะดวกตา่ ง ๆ มีความรบั ผิดชอบต่อความบกพร่องในหน้าท่ีการงาน ท่ีตนรบั ผิดชอบอยู่ และพรอ้ มทจี่ ะปรบั ปรุงแกไ้ ขไดท้ ันท่วงที 6. หลักความคุ้มคา่ ผู้บรหิ ารตอ้ งตระหนกั ว่ามีทรัพยากรค่อนขา้ งจากัด ดงั น้ันในการบริหารจัดการจาเป็น จะตองยึดหลกั ความประหยัดและความคมุ้ คา ซ่ึงจาเป็นจะต้องตง้ั จุดมงุ่ หมายไปทผี่ ู้รบั บรกิ ารหรอื ประชาชนโดยส่วนรวม 3.2 การใช้หลกั ความสมานฉนั ท์ ความสมานฉันท์ หมายถึง ความสามัคคีปรองดอง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันการมีความเห็นพ้องต้องกัน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี เพื่อนาไปสู่ผลลัพธ์ที่ถูกต้องโดยอยู่บนพื้นฐานความดี ความเป็นจริง ความเป็นธรรม ความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน ความเมตตากรุณา รวมทั้งการแก้ปัญหาด้วย กระบวนการสันติวิธี ซึ่งควรจะต้องร้อยรัดด้วยวิธีที่ดีที่จะช่วยประสานเชื่อมโยงและนาไปสู่การมีทัศนคติที่ดี สานสามัคคีให้เกิดขึ้นทุกที่ของสังคมการจะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น ควรประกอบด้วยแนวคิดหลัก 9 ประการไดแ้ ก่ 1. การเปดิ เผยความจรงิ 2. ความยตุ ิธรรม 3. ความพรอ้ มในการรับผิดชอบ 4. การใหอ้ ภัย 5. การเคารพความหลากหลายทางศาสนาวฒั นธรรม
23 6. การยึดหลกั สันติวิธีเปน็ ทางเลือกในการแกไ้ ขความขดั แยง้ 7. การเปิดพ้ืนทใ่ี หค้ วามทรงจาท่ีเจบ็ ปวด 8. การแกไ้ ขในอนาคตด้วยจนิ ตนาการ 9. การยอมรับความเสีย่ งทางสังคมเพอ่ื เสริมสรา้ งความไวใ้ จระหวา่ งกัน 3.3 การใช้แนวทางสันตวิ ิธใี นการดาเนนิ งาน สันติวิธี หมายถึง วธิ กี ารทไ่ี ม่ใช้ความรุนแรงเพอื่ การแกป้ ัญหาความขัดแย้งหรอื วิธกี ารปฏบิ ัติท่ีไม่รุนแรงใน การดาเนนิ ชวี ิตเพอื่ นาไปสคู่ วามยตุ ิธรรมและความสงบสขุ สันติวิธี ไม่ใช่ความอ่อนแอหนีปัญหาหรือยอมถูกกระทา แต่ทว่า เป็นวิธีเผชิญปัญหาความขัดแย้ง ด้วยสติปัญญา เพื่อเปลี่ยนความขัดแย้งที่รุนแรงเป็นลักษณะอืน่ ที่ไม่ก่อให้เกิดความเสยี หายแก่ผู้ที่เกีย่ วข้อง อีกทั้ง นาไปสู่โอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และระดมความคิดเชิงสร้างสรรค์ เริ่มต้นด้วยการสร้างความไว้วางใจ ด้วยการ เปิดใจรับฟังมุมมองของอีกฝ่ายและเริ่มปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์โดยไม่ต้องรอคาร้องขอ เพื่อนาไปสู่โอกาส พจิ ารณาข้อขัดแยง้ ร่วมกนั รวมทงั้ ลดละเจตนคตแิ ละพฤตกิ รรมทางลบระหว่างกนั ผู้นาสันติวิธี ต้องใช้สติปัญญาความคิดสร้างสรรค์ และขันติธรรมในการจัดการความขัดแย้งท่ีเหมาะสมกับ เงือ่ นไขบรบิ ทบนหลักการพน้ื ฐานคอื หลีกเล่ยี งการใช้ความรุนแรง
24 3.4 การใชห้ ลกั การทรงงานของในหลวงรชั การท่ี 9 ในการดาเนนิ งานกิจกรรม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตรยิ ์ ที่นอกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรมแล้ว ทรงยังเป็นพระราชาที่เป็น แบบอย่างในการดาเนินชีวิต และการทางานแก่พสกนิกรของพระองค์ และนานาประเทศอีกด้วย ผู้คนต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพของ พระองค์ และมีความสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเปน็ ล้นพน้ อันหาท่ีสดุ มิได้ ซึ่งแนวคิดหรือหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความ น่าสนใจที่สมควรนามาประยุกต์ใช้กับชีวิตการทางานเป็นอย่างย่ิง สภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ สามารถนาหลักการทรงงานของพระองค์ ไปปรับใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ได้ ดังนี้ 1. จะทาอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูล เบื้องต้น ทั้งเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และราษฎรในพื้นที่ให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้อง เพือ่ นาข้อมลู เหล่านนั้ ไปใชป้ ระโยชน์ได้จรงิ อย่างถกู ต้อง รวดเรว็ และตรงตามเปา้ หมาย 2. ระเบิดจากภายใน จะทาการใด ๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจาก ภายในให้เกิดความเข้าใจและอยากทา ไม่ใช่การสั่งให้ทา คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ทาก็เป็นได้ ในการทางานนั้นอาจจะ ตอ้ งคุยหรอื ประชมุ กับลูกน้อง เพือ่ นรว่ มงาน หรอื คนในทีมเสียกอ่ น เพ่ือให้ทราบถงึ เปา้ หมายและวธิ กี ารตอ่ ไป 3. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่ คนมักจะมองข้าม แล้วเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็ก ๆ เสียก่อน เมื่อสาเร็จแล้วจึงค่อย ๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อย ๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกตใ์ ช้กับการทางานได้ โดยมองไปที่เป้าหมายใหญ่ของงานแตล่ ะชิ้น แล้วเริ่มลงมือ ทาจากจุดเล็ก ๆ ก่อน ค่อยๆ ทา ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุล่วงไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ “ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องแก้ไขการปวดหัวนี้ก่อน มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่ต้องแก้ปัญหาท่ี ทาให้เราปวด หวั ให้ได้เสียกอ่ น เพอื่ จะให้อยู่ในสภาพทีด่ ไี ด…้ ” 4. ทาตามลาดับขั้น เริ่มต้นจากการลงมือทาในสิ่งที่จาเป็นก่อน เมื่อสาเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่งที่จาเป็น ลาดับต่อไป ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทาตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสาเร็จได้โดยง่าย
25 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จาเป็นที่สุดของประชาชนเสียก่อน ได้แก่ สุขภาพสาธารณสุข จากนั้นจึง เป็นเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งจาเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้าเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนาไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด “การพัฒนาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนส่วน ใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อม พอสมควร สามารถปฏิบัติได้แล้วจึงค่อยสร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลาดับต่อไป …” พระบรมราโชวาทของในหลวงรชั กาลท่ี 9 เม่อื วันที่ 18 กรกฎาคม 2517 5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การพัฒนาใด ๆ ต้องคานึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่า เป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นที่มีความ แตกต่างกัน “การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ ในสังคม วิทยา คือนิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนา เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไร จริง ๆ แลว้ กอ็ ธิบายให้เขาเขา้ ใจหลักการของการพฒั นานก้ี ็จะเกิดประโยชนอ์ ย่างยงิ่ ” 6. ทางานแบบองค์รวม ใชว้ ธิ ีคดิ เพ่อื การทางาน โดยวธิ คี ิดอยา่ งองคร์ วม คอื การมองสงิ่ ต่าง ๆ ทีเ่ กดิ อย่าง เปน็ ระบบครบวงจร ทกุ ส่งิ ทุกอย่างมมี ิตเิ ชอ่ื มต่อกนั มองส่ิงท่ีเกิดขึน้ และแนวทางแก้ไขอยา่ งเชือ่ มโยง 7. ไม่ติดตารา เมื่อเราจะทาการใดนั้น ควรทางานอย่างยืดหยุ่นกับสภาพและสถานการณ์นั้น ๆ ไม่ใช่การ ยดึ ติดอยกู่ บั แค่ในตาราวชิ าการ เพราะบางท่ีความรูท้ ่วมหวั เอาตวั ไมร่ อด บางครัง้ เรายึดตดิ ทฤษฎีมากจนเกินไปจน ทาอะไรไม่ไดเ้ ลย สง่ิ ทเี่ ราทาบางคร้งั ตอ้ งโอบออ้ มต่อสภาพธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และจติ วทิ ยาด้วย 8. รู้จกั ประหยดั เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสดุ ในการพัฒนาและช่วยเหลือราษฎร ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทรง ใช้หลักในการแก้ปัญหาด้วยความเรียบง่ายและประหยัด ราษฎรสามารถทาได้เอง หาได้ในท้องถิ่นและประยุกต์ใช้ สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไข ปรับปรุง โดยไม่ต้องลงทุนสูงหรือใช้เทคโนโลยีที่ยุ่งยากมากนัก ดังพระราชดารัส ตอนหนึ่งว่า “…ให้ปลูกป่าโดยไมต่ อ้ งปลกู โดยปลอ่ ยให้ข้นึ เองตามธรรมชาติจะได้ประหยัดงบประมาณ…” 9. ทาใหง้ ่าย ทรงคดิ คน้ ดดั แปลง ปรับปรงุ และแก้ไขงาน การพฒั นาประเทศตามแนวพระราชดารไิ ปได้ โดยงา่ ย ไม่ย่งุ ยากซบั ซ้อนและทสี่ าคญั อยา่ งยิง่ คือ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอย่ขู องประชาชนและระบบนเิ วศ โดยรวม “ทาให้ง่าย” 10. การมีส่วนร่วม ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุก ระดับได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สาคัญที่สุดจะต้องหัดทาใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น
26 แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่างฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาละประส บการณ์อัน หลากหลายมาอานวยการปฏบิ ัตบิ รหิ ารงานใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ที่สมบูรณน์ ่ันเอง” 11. ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสาคัญ ดังพระราชดารัสตอนหนึ่งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม อันนี้ฟังจนเบื่อ อาจราคาญ ด้วยซ้าว่า ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้ อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เป็นเพื่อส่วนรวมนั้น มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็นการให้เพื่อตัวเองสามารถที่จะมี สว่ นรวมท่ีจะอาศยั ได้…” 12. บริการที่จุดเดียว ทรงมีพระราชดาริมากว่า 20 ปีแล้ว ให้บริหารศูนย์ศึกษาการพัฒนาหลายแห่งท่ัว ประเทศโดยใช้หลักการ “การบริการรวมที่จุดเดียว : One Stop Service” โดยทรงเน้นเรื่องรู้รักสามัคคีและการ รว่ มมือรว่ มแรงรว่ มใจกันดว้ ยการปรับลดช่องวา่ งระหว่างหนว่ ยงานทีเ่ กีย่ วข้อง 13. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติและ ต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับทรัพยากรธรรมชาติ ทรงมองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดยหากเราต้องการ แกไ้ ขธรรมชาติจะต้องใชธ้ รรมชาตเิ ขา้ ชว่ ยเหลือเราดว้ ย 14. ใช้อธรรมปราบอธรรม ทรงนาความจริงในเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑข์ องธรรมชาตมิ าเป็นหลักการ แนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงสภาวะที่ไม่ปกติเข้าสู่ระบบที่ปกติ เช่น การบาบัดน้าเน่าเสียโดยให้ ผักตบชวา ซ่ึงมีตามธรรมชาตใิ หด้ ูดซมึ สิง่ สกปรกปนเปือ้ นในนา้ 15. ปลูกป่าในใจคน การจะทาการใดสาเร็จต้องปลูกจิตสานึกของคนเสียก่อน ต้องให้เห็นคุณค่า เห็นประโยชน์กับสิ่งที่จะทา…. “เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากัน ปลกู ต้นไม้ลงบนแผ่นดินและจะรักษาต้นไม้ดว้ ยตนเอง” 16. ขาดทุนคือกาไร หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ที่มีต่อพสกนกิ รไทย “การให้” และ “การเสยี สละ” เป็นการกระทาอันมีผลเป็นกาไร คือความอยู่ดมี ีสขุ ของราษฎร 17. การพึ่งพาตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดาริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้มีความแข็งแรงพอที่จะดารงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาให้ประชาชน สามารถอย่ใู นสังคมไดต้ ามสภาพแวดล้อมและสามารถ พง่ึ ตนเองไดใ้ นทีส่ ุด
27 18. พออยู่พอกิน ใหป้ ระชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยพู่ อกิน” ให้ไดเ้ สยี กอ่ น แลว้ จงึ ค่อยขยับขยายให้มี ขีดสมรรถนะทีก่ า้ วหนา้ ต่อไป 19. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดารัสชี้แนะแนวทางการ ดาเนินชีวิต ให้ดาเนนิ ไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพน้ และสามารถดารงอยู่ไดอ้ ย่างมั่นคงและยัง่ ยืนภายใต้กระแส โลกาภิวตั นแ์ ละการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึง่ ปรชั ญานีส้ ามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ไดท้ ้งั ระดับบุคคล องค์กร และชุมชน 20. ความซ่ือสัตย์สุจรติ จริงใจต่อกนั ผู้ทีม่ ีความสุจริตและบริสทุ ธใ์ิ จ แม้จะมคี วามรู้น้อย ก็ย่อมทาประโยชน์ ให้แกส่ ว่ นรวมไดม้ ากกวา่ ผู้ท่ีมคี วามรู้มาก แต่ไม่มคี วามสุจริต ไมม่ คี วามบริสทุ ธ์ิใจ 21. ทางานอย่างมีความสุข ทางานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทาอย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามี ความสุขเราจะชนะ สนกุ กบั การทางานเพยี งเท่าน้ัน ถือวา่ เราชนะแลว้ หรือจะทางานโดยคานงึ ถงึ ความสุขที่เกิดจากการ ได้ทาประโยชน์ให้กับผู้อ่ืนกส็ ามารถทาได้ “…ทางานกับฉนั ฉนั ไมม่ ีอะไรจะให้ นอกจากการมคี วามสุขรว่ มกัน ในการทา ประโยชน์ใหก้ ับผอู้ ่ืน…” 22. ความเพียร การเริ่มต้นทางานหรือทาสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความอดทน และความม่งุ มั่น ดงั เช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษตั รยิ ์ผูเ้ พียรพยายามแม้จะไม่เหน็ ฝั่งกจ็ ะว่ายน้าต่อไป เพราะ ถา้ ไมเ่ พียรว่ายก็จะตกเป็นอาหารปู ปลาและไมไ่ ด้พบกับเทวดาทชี่ ่วยเหลือมิใหจ้ มน้า 23. รู้ รัก สามัคคี รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมี ความรัก ที่จะลงมือทา ลงมือแก้ไขปัญหานั้น สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่สามารถลงมือทาคนเดียวได้ ต้องอาศัยความรว่ มมือร่วมใจกัน (ขอบคุณขอ้ มลู จาก https://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th) 3.5 การพัฒนาทกั ษะการเป็นผ้นู า กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะการเป็นผู้นา เป็นกจิ กรรมท่ีมงุ่ ใหน้ ักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจในสภาวะการณ์การเปน็ ผู้นาและมีทักษะความเปน็ ผนู้ าสามารถนาความรู้ท่ไี ด้จากการจัดกจิ กรรมไปใชป้ ระโยชนใ์ นการสร้างสภานกั เรียนให้ เข้มแขง็ เชน่ แบง่ กลุ่มให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับลกั ษณะผู้นาท่กี ลุม่ ตอ้ งการหรือการเปน็ ผ้นู าท่ดี หี รอื จัดกล่มุ walk rally เรียนร้ตู ามฐานการเรยี นรู้ แล้วจึงนามาสรปุ เปน็ องค์ความรทู้ ่ีสามารถนามาประยกุ ตใ์ ช้ได้จรงิ
28 กจิ กรรมสาคญั ท่ีพฒั นาทักษะการเป็นผู้นาได้ดี คือ กจิ กรรมคา่ ยอบรมภาวะผนู้ าคณะกรรมการสภานักเรยี น ธรรมาภิบาล และกิจกรรมอบรมเครอื ข่ายผู้นานกั เรยี นธรรมาภบิ าล 3.6 การสรา้ งและสรา้ งลกั ษณะนสิ ัยการมีจติ อาสาและมสี านกึ สาธารณะ จิตอาสา หมายถึง การมีจิตที่ช่วยเหลือผู้อื่นนึกถึงส่วนรวมอยู่เสมอ แสดงออกด้วยการกระทา โดยไม่หวัง สิ่งตอบแทนอยากเห็นความสุขความสาเร็จของผู้อื่นและปรารถนาจะเห็นส่วนรวมมีความสุขกับการได้ทาสิ่งดี ๆ มีจิตใจ ท่แี นว่ แน่มน่ั คงคานงึ ถึงกจิ กรรมทตี่ นทาจะกอ่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ขุ แก่ผู้อื่น ความเป็นผู้มีจิตอาสา/สานึกสาธารณะเกิดจากการซึมซับบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของสถาบันต่าง ๆ เชน่ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถาบันสังคม การเรียนรู้จากการได้รับโอกาสที่ได้คิดได้สร้างสรรค์ได้ทดลอง ซึ่งสถาบันต่าง ๆ มอบโอกาสให้ การมีส่วนร่วมของนักเรียนในกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนและการ กระตุ้นจากสถาบันการเมืองการปกครอง และสือ่ มวลชน แนวทางในการพัฒนาให้นกั เรยี นเป็นผมู้ ีจิตอาสา/สานกึ สาธารณะของสถาบนั การศกึ ษา 1) การสง่ เสริมสนบั สนุนให้นกั เรยี นสร้างปญั ญาและพิจารณาจากการกระทาสูก่ ารเรียนรู้ 2) การสรา้ งความคิดจิตสานึกให้ยดึ ม่นั ในสถาบันหลักของชาติคือสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์สถาบนั ศาสนาและสถาบนั ครอบครัว 3) การสร้างเมตตาธรรมให้เกิดข้นึ แกน่ กั เรียน 4) การสรา้ งความเขา้ ใจทถ่ี กู ต้องในเรอื่ งจติ สานกึ เพอื่ ส่วนรวม 5) การสรา้ งกจิ กรรมพัฒนาบ่อย ๆ และต่อเนื่อง 6) การไดร้ บั ความรว่ มมอื จากหลายฝา่ ย 7) การสร้างความคดิ เหน็ ทถี่ กู ต้อง 8) การสร้างความอดทนอดกลัน้ ความรบั ผิดชอบ 9) การสรา้ งวินัยในตนเองและมเี มตตาธรรม
29 สว่ นที่ 4 แนวทางการดาเนนิ กิจกรรมสภานกั เรยี น สภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ ได้เน้นกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการคิด การพูด การวางแผนในการ ทางาน และให้มีโอกาสได้แสดงออกในบทบาทต่าง ๆ เช่น เป็นประธาน เป็นรองประธาน เป็นสมาชิก เป็นผู้นา หรือ ผู้ตามที่ดีและถูกต้อง เพื่อพัฒนาวิถีประชาธิปไตยด้านคารวธรรม ด้านสามัคคีธรรม ด้านปัญญาธรรม และการใช้หลัก ธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาระงานให้เข้าใจ ให้มีประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติจริง ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะ ชีวิตในการจัดการตนเอง และการจัดการงานในสถานการณ์ต่าง ๆ ตามแนวปฏิบัติระเบียบของโรงเรียนสมเด็จ ว่าด้วย เรื่องสภานักเรียนโรงเรียนสมเด็จ มีคุณครูงานส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบดูแลควบคุมแนะนาให้ คาปรกึ ษาการดาเนนิ งานโครงการกิจกรรมต่าง ๆ ของสภานกั เรียนและที่สภานกั เรยี นเข้าไปมสี ่วนร่วมในการดาเนินงาน และกิจกรรมนนั้ ๆ ซง่ึ มแี นวทางการจัดกิจกรรมดังต่อไปนี้ 4.1 รูปแบบวารประชมุ สภานกั เรยี น รปู แบบและการกาหนดระเบยี บวาระการประชุม คาว่า “ระเบียบวาระ” หมายความว่า ลาดับรายการที่กาหนด ไว้เสนอที่ประชุม (พจนานุกรมฉบับราช บณั ทิตยสถาน 2542 : 674) คาน้ี จึงใชส้ าหรบั การประชมุ โดยเฉพาะ บางหน่วยงานใชค้ าวา่ “วาระ” ซึ่งอาจเพราะ เห็นว่าเป็นคาสั้น ๆ แต่คาน้ี ใช้เพราะเห็นว่าเป็นคาสั้น ๆ แต่คานี้ควรใช้เฉพาะในภาษาพูดเท่านั้น ไม่ควรใช้ใน รายงานการประชมุ เพราะมิไดม้ คี วามหมายเกีย่ วการประชมุ แตอ่ ยา่ งใด ระเบียบวาระการประชุมมีความสาคัญหลายประการ กล่าวคือ ทาให้ผู้เข้าประชุมทราบขอบเขต ของการ ประชุมและทราบประเด็นล่วงหน้าสามารถเตรียมข้อมูลและความคิดเห็นเพ่อื เสนอที่ประชมุ หากไมเ่ ข้าประชุมควร มอบหมายผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ เข้าประชุมแทน นอกจากนั้นยังเป็นการจัดระเบียบ การประชุมให้ตามไป ตามลาดับ ป้องกันการพูดข้ามระเบียบวาระ หรืออภิปรายนอกเรื่อง ประธานสามารถจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสมกับ ระเบียบวาระต่าง ๆ หากไม่มีระเบียบวาระชัดเจน อาจมีอภิปรายมากเกินจาเป็นทาให้ไม่สามารถประชุม ใหแ้ ลว้ เสร็จตามเวลาทก่ี าหนด
30 รปู แบบการประชมุ สภานกั เรียน 1. การจดั โต๊ะประชุม 2. รปู แบบและการกาหนดระเบยี บวาระการประชุม 3. ข้ันตอนการดาเนินการประชุม 4. การรายงานผลการประชมุ 5. แนวทางการประเมินรูปแบบการประชมุ สภานักเรยี น การประชมุ เปน็ กิจกรรมทีท่ าให้บุคลากรในองค์กรเกิดความเข้าใจที่ตรงกนั ไดร้ วบรวมความคิดเห็น วิธีการ แก้ปัญหาต่าง ๆ จากสมาชิกอย่างทั่งถึง สมาชิกผู้ประชุมต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตน ทั้งผู้ทาหน้าที่ ประธานต้อง สามารถใช้เทคนิคในการนาและควบคมุ การประชุมเพื่อให้ ผู้เข้าประชุมมีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น มีการเสนอ คิดเห็นความคิดท่ที าใหเ้ กิดการยอมรับและเป็นประโยชน์ตอ่ องค์กร 1. การจดั รูปแบบโต๊ะประชมุ 1.1 โต๊ะประชุมของสภานักเรียน หรือ คณะกรรมการบริหารสภานักเรียน กับโต๊ะของครูที่ปรึกษา หรือ ผเู้ ข้ารว่ มประชมุ อื่นท่ีสภานักเรยี นเชิญเข้ารว่ มประชมุ ด้วยในครัง้ นั้น ตอ้ งแยกออกจากกนั 1.2 ตอ้ งมีป้าย ชอ่ื - สกลุ ตาแหนง่ ของคณะกรรมสภานักเรียน/ครทู ป่ี รกึ ษา 1.3 การจัดโต๊ะประชุม เพื่อให้เกิดความสะดวกในการนั่งประชุม และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน สามารถมองเห็นประธาน รองประธาน และเลขานุการ รวมถึงผูเ้ ข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ การจัดโต๊ะประชุมมีหลาย รูปแบบ แบบการจดั ประชุมทเ่ี ปน็ ที่นิยมใช้ มีใช้ 9 แบบ ดงั นี้
31 แบบที่ 1 จัดแบบตวั อกั ษรไอใน แบบที่ 2 จัดแบบตัวอกั ษรยใู น แบบที่ 3 จดั แบบตัวอักษรทใี น ภาษาองั กฤษ ( I ) ภาษาอังกฤษ ( U ) ภาษาองั กฤษ ( T ) แบบท่ี 4 จดั แบบตวั อักษรโอใน แบบท่ี 5 จดั แบบเกือกม้า แบบท่ี 6 จดั แบบคร่ึงวงกลม ภาษาอังกฤษ ( O ) แบบที่ 7 จดั แบบรูปสเี่ หล่ยี ม แบบที่ 8 จดั แบบรูปสเี่ หลี่ยม แบบท่ี 9 จดั แบบออดทิ อเลีย่ ม
32 2. รูปแบบและการกาหนดระเบียบวาระการประชุม 1) รปู แบบการประชุมทเี่ ป็นทางการ มีการกาหนดระเบียบวาระการประชมุ ไว้ดังนี้ ระเบยี บวาระการประชุมสภานักเรยี นโรงเรยี นสมเดจ็ คร้ังท่ี....../........ วันที่........ เดอื น ..................... พ.ศ. ...............เวลา......................... ณ ...................................... ระเบยี บวาระที่ 1 เรอื่ ง ประธานแจ้งทีป่ ระชมุ ทราบ ...................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ระเบยี บวาระท่ี 2 เรื่อง รับรองรายงานการประชมุ ครง้ั ท่ี ...... /.......... ...................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ระเบยี บวาระที่ 3 เรอ่ื ง เสนอทป่ี ระชุมทราบ ...................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ระเบยี บวาระที่ 4 เรื่อง เสนอท่ีประชุมพจิ ารณา ...................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ระเบยี บวาระที่ 5 เร่อื ง อืน่ ๆ (ถ้ามี) ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
33 2) รูปแบบทไ่ี ม่เปน็ ทางการ ท่ีประชมุ อาจกาหนดรูปแบบง่าย ๆ โดยไม่ตอ้ งมีระเบียบวาระครบถ้วน ในการประชุม หรอื การประชมุ เฉพาะกลุ่มงาน (หัวขอ้ การประชุมเพียงแต่เรยี งลาดับ 1-2-3-4-5) 3) รูปแบบที่หน่วยงานกาหนด บางหน่วยงานอาจกาหนดรูปแบบเฉพาะ เช่น เพิ่มระเบียบวาระ “เรื่องทักท้วง” ในกรณีที่เป็นเรื่องพิจารณาตามปกติประจาทุกครั้ง ไม่ต้องมีการอภิปราย หากไม่มีการทักท้วง กถ็ อื ว่าเหน็ ชอบ ทั้งน้ี เพือ่ ประหยัดเวลาในการประชมุ 3. ข้นั ตอนการดาเนินการประชมุ 1) ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประชุมแจ้งให้ท่ีประชุมทราบ เมื่อประธานกลา่ วเปดิ ประชุมแล้วหากไม่ มีเรื่องแจ้งเพื่อทราบก็เขียนว่า “ไม่มี” ระเบียบวาระที่ 1 นี้ ไม่ต้องมีการ “ลงมติ” เพราะไม่ใช่เรื่องพิจารณา แต่ อาจมี “ขอ้ สังเกต” ได้ ระเบียบวาระนี้ จะลงท้ายวา่ “ทีป่ ระชุมรบั ทราบ” ทีป่ ระชมุ บางแหง่ ใชค้ าวา่ “เรอ่ื งแจ้งเพ่ือ ทราบ” ซึ่งไม่ชัดเจนว่าผู้ใดแจ้ง บางแห่งนาระเบียบวาระที่ 3 มารวมด้วย คือกรรมการต่าง ๆ แจ้งหรือรายงาน ท่ีประชุมด้วย ซง่ึ อาจทาให้สับสน ฉะนนั้ หากเปน็ การประชุมทสี่ าคัญ ควรแยกระเบยี บวาระที่ 1 ให้ประธาน เป็นผแู้ จง้ 2) ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องการรับรองรายงานการประชุม ประธานจะเป็นผู้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา รายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา หรือประธานมอบหมายให้เลขานุการแจ้งให้ท่ีประชุมทราบ โดยอาจพิจารณาทีละหนา้ ในกรณีที่ไม่ได้แจกล่วงหน้า หรือรวบยอดทั้งฉบับในกรณีที่แจกล่วงหน้าแล้ว หากมีผู้เสนอแก้ไข เลขานุการจะต้อง บันทึกข้อความที่แก้ไขใหม่ อย่างละเอียด และข้อความใหม่จะต้องปรากฏในรายงานการประชุมครั้งใหม่ด้วย ระเบียบ วาระนี้ลงท้ายว่า “ท่ีประชุมพิจารณาแล้วรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ......... โดยไม่มีการแก้ไข (หรือ มีการแก้ไข)” การรบั รองรายงานการประชมุ อาจทาได้ 3 วธิ ี ดงั นี้ 2.1 รับรองในการประชมุ คร้ังน้นั ใชส้ าหรับกรณเี รือ่ งเรง่ ดว่ น ให้ประธานหรอื เลขานุการของทป่ี ระธาน อ่านสรุปมติใหท้ ่ปี ระชมุ พจิ ารณารับรอง 2.2 รับรองในการประชุมครั้งต่อไป ประธานหรือเลขานุการเสนอรายงาน การประชุมครั้งที่แล้วมาให้ท่ี ประชุมพจิ ารณารับรอง 2.3 รบั รองโดยการแจง้ เวยี น ใช้ในกรณีท่ีไม่มีการประชุมครั้งตอ่ ไป หรอื มีแต่ยังกาหนดเวลาประชมุ ครง้ั ต่อไปไมไ่ ด้ หรอื มรี ะยะเวลาห่างจากการประชมุ ครัง้ นน้ั นานมาก ใหเ้ ลขานกุ ารส่งรายงานการประชมุ ไปให้บุคคล ในคณะกรรมการพิจารณารบั รอง ภายในระยะเวลาท่กี าหนด 3) ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเสนอที่ประชุมทราบ บางแห่งใช้คาว่า “เรื่องสืบเนื่อง” คือ สืบเนื่องจากการ ประชุมครั้งที่แล้ว เป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายในการประชุมครั้งก่อน ๆ แต่การใช้คาว่า “เรื่อง สืบเนื่อง” อาจทาให้เกิดความผิดพลาด โดยมีการนาเรื่องที่เลื่อนจากการพิจารณาครั้งก่อนมาพิจารณาและลงมติ
34 ในระเบียบวาระนี้ทาให้สับสนกับระเบียบวาระที่ 4 ซึ่งเป็นเรื่องพิจารณาโดยเฉพาะในการประชุม ส่วนใหญ่ ระเบียบ วาระท่ี 3 เป็นเร่อื งท่ีเขา้ ประชมุ จะรายงานผลงาน หรอื เรอ่ื งราวสาคญั ในหน่วยงานของตน ทป่ี ระชมุ เพยี งแต่ “รับทราบ” หรอื “มีข้อสังเกต” เชน่ เดียวกับระเบยี บวาระท่ี 1 4) ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องเสนอที่ประชุมพิจารณา ระเบียบวาระนี้เป็นหัวใจของการประชุม เลขานุการ จะต้องส่งข้อมูลประกอบพิจารณาให้คณะกรรมการให้ศึกษาล่วงหน้า หากข้อมูลมากจะต้องสรุปสาระสาคัญ ให้คณะกรรมการอ่านด้วยหัวข้อต่าง ๆ ที่จะนามาพิจารณาจะต้องตั้งชื่อเรื่องให้กระชับ ชัดเจนทุกเรื่อง เมื่อผู้เกี่ยวข้อง อา่ นกจ็ ะทราบทันทีวา่ เป็นเรื่องใด ทาให้ประหยดั เวลาอ่าน และในท่ปี ระชมุ ก็จะอภปิ รายได้ตรงประเดน็ ตัวอย่างการตง้ั ชือ่ เรือ่ ง เชน่ การจัดสรรงบประมาณในกิจกรรมดา้ นการพัฒนาทกั ษะนกั เรยี น, การจัดงานปฐมนเิ ทศนักเรียน เป็นต้น 5) ระเบียบวาระที่ 5 เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี) ระเบียบวาระนี้อาจเป็นเรื่องเร่งด่วนที่มิได้แจ้งล่วงหน้า ไม่ได้ บรรจุไว้ในระเบียบวาระที่ 4 ประธานอาจนามาพิจารณาในระเบียบวาระที่ 5 หรืออาจเป็นเรื่องเสนอเพิ่มเติมที่ไม่มีการ ลงมติก็ได้ ภาษาพูดเรยี กวา่ “วาระจร” 4. การรายงานผลการประชมุ 1) ความหมายของการรายงานการประชุม คาว่า “รายงานการประชุม” เป็นคานาม หมายความว่า รายละเอียดหรือสาระของการประชุมที่จดไว้ เปน็ ทางการ (พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน 2542 : 953 ) 2) ความสาคญั ของการรายงานการประชุม รายงานการประชมุ เป็นรายงานประเภทหนึง่ ทีม่ คี วามสาคัญอย่างยิ่ง สรุปได้ดงั น้ี 2.1 เป็นองค์ประกอบของการประชุม การประชุมอย่างเป็นทางการมีองค์ประกอบ 8 ประการ ได้แก่ ประธาน, องค์ประชุม, เลขานุการ, ญัตต,ิ ระเบียบวาระการประชุม, มต,ิ รายงานการประชุม และ หนังสือเชญิ ประชมุ 2.2 เป็นหลักฐานการปฏิบัติงาน การปฏิบัติงานในองค์กรใด ๆ ก็ตาม ย่อมมีการประชุมเพื่อรายงานผล การปฏิบัติงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กาหนดนโยบาย พิจารณาข้อเสนอ ฯลฯ รายงานการประชุมจะเป็นหลักฐาน สาคญั ท่แี สดงผลการปฏิบัตงิ าน หรอื กิจการของหน่วยงานท่ผี า่ นมา เพอ่ื เป็นหลักฐานขององคก์ รตอ่ ไป 2.3 เป็นเครือ่ งมอื ติดตามงาน รายงานการประชุมท่ีมกี ารบันทึกมติไวอ้ ยา่ งชดั เจนจะเปน็ หลกั ฐานสาคัญ ให้เลขานุการหรือผู้ที่รับได้รบั มอบหมายได้ตดิ ตามงานตามมตทิ ่ีประชุม การประชุมส่วนใหญ่จะมีระเบยี บวาระ “เรื่องท่ี เสนอให้ที่ประชุมทราบ” ซึ่งผู้ปฏิบัติ จะรายงานผลหรือความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานตามมติที่ประชุมครั้งก่อน ทั้งน้ี จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่องค์กร ให้สามารถเร่งรดั พฒั นางานอยา่ งเต็มท่ี 2.4 เป็นหลักฐานอ้างอิง รายงานการประชุมทีม่ ีการรับรองจากที่ประชุมแล้ว ถือเป็นเอกสารท่ีใช้อา้ งอิง ได้ตามกฎหมาย หากมีปัญหาหรือความขัดแย้งในการปฏิบัติ สามารถใช้มติการประชุมเพื่อยุติข้อขัดแย้งได้
35 หรือหากมีปัญหาทางกฎหมาย เช่น บุคคลหรือหน่วยงานปฏิบัติงานไม่เป็นไป ตามมติ ก็สามารถใช้รายงานการประชุม เปน็ หลกั ฐานสว่ นหนงึ่ ในกาดาเนินการตามกฎหมายได้ 2.5 เป็นข้อมูลข่าวสาร เลขานุการจะส่งรายงานการประชุมให้ผู้เข้าประชุมได้รับทราบข้อมูล หรือ ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในการประชุมครั้งก่อนเพื่อให้ต่อเนื่องกับการประชุมครั้งต่อไป นอกจากนั้น ยังเป็นประโยชน์ สาหรบั ผไู้ มม่ าประชุมไดศ้ กึ ษาขอ้ มูลและรับทราบมติทปี่ ระชุมด้วย 3) การเขยี นรายงานการประชมุ มรี ายละเอยี ด ดังนี้ 3.1 รายงานการประชุม ให้ลงชื่อคณะที่ประชุมหรือชื่อการประชุมนั้น เช่น รายงานการประชุม คณะกรรมการ......................... 3.2 คร้งั ท.่ี ...... ใหล้ งครง้ั ทป่ี ระชมุ เปน็ รายปี โดยเริ่มครัง้ แรกจากเลข 1 เรยี งตามลาดับไปจนส้ินปีปฏทิ ิน ทับเลขท่ีปีพทุ ธศักราชที่ประชมุ เมื่อข้ึนปปี ฏทิ ินใหมใ่ หเ้ ริ่มครั้งที่ 1 ใหม่ เรียงไปตามลาดบั เช่น ครง้ั ท่ี 1/2563 3.3 เมื่อ........ ให้ลง วัน เดือน ปี และเวลาที่ประชมุ โดยลงวันที่พรอ้ มตัวเลข ของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน ตัวเลขของปีพุทธศักราช และเวลาที่ประชุม เช่น เม่อื วันที่ 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2563 เวลา 10.00 น. เปน็ ตน้ 3.4 ณ............................ให้ลงชอ่ื สถานที่ ท่ีประชมุ 3.5 ผู้มาประชมุ ให้ลงชือ่ หรือตาแหน่งของผู้ไดร้ บั แตง่ ต้ังเป็นคณะท่ีประชุมซึ่งเข้าประชมุ ในกรณีท่ีมีผู้ เข้าประชมุ แทนใหล้ งชื่อ ผเู้ ข้าประชุมแทนและลงวา่ เขา้ ประชมุ แทนผใู้ ด หรอื ตาแหน่งใด 3.6 ผู้ไม่มาประชุม ให้ลงชื่อและหรือตาแหน่งของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะที่ประชุม ซึ่งมิได้เข้า ประชมุ (ถ้ามี) 3.7 ผู้เข้าร่วมประชุม ให้ลงชื่อและหรือตาแหน่งของผู้ที่มิได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะท่ีประชุม ซึ่งได้เข้า รว่ มประชุม (ถ้าม)ี 3.8 เริ่มประชมุ เวลา ให้ลงเวลาท่เี รมิ่ ประชมุ 3.9 ข้อความ ให้บันทึกข้อความที่ประชุม โดยปกติให้เริ่มต้นด้วย ประธานกล่าวเปิดประชุม และเรื่องที่ ประชมุ กบั มติหรอื ข้อสรุปของที่ประชุมในแต่ละเรื่องตามลาดับประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดังน้ี 3.9.1 เร่อื งทปี่ ระธานแจ้งทีป่ ระชมุ ทราบ 3.9.2 เรื่องรับรองรายงานการประชุมคร้งั ท่ีผ่านมา 3.9.3 เรื่องทเ่ี สนอให้ท่ีประชมุ ทราบ 3.9.4 เรือ่ งท่ีเสนอให้ทปี่ ระชมุ พิจารณา 3.9.5 เรือ่ งอ่ืน ๆ 3.10 เลกิ ประชมุ เวลา ให้ลงเวลาทีเ่ ลกิ ประชมุ 3.11 ผู้บันทึกการประชุม ให้ลงผู้บันทึกการประชุมครั้งนั้น (ควรพิมพ์ชื่อเต็มและนามสกุลไว้ใต้ลายมือ ช่อื ในรายงานการประชุมครง้ั นนั้ )
36 3.12 ผตู้ รวจรายงานการประชมุ ให้ลงชอ่ื ผู้ตรวจรายงานการประชุม (ควรพมิ พช์ อ่ื เต็มและนามสกลุ ไวใ้ ต้ ลายมือชอื่ ในรายงานการประชุมครั้งน้นั ดว้ ย) 5. แนวทางการประเมนิ รปู แบบการประชุมสภานกั เรียน การประเมินรูปแบบการประชุมสภานักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียนจะต้องดาเนินการตามขั้นตอน และ กระบวนการ ดงั น้ี 5.1 ก่อนดาเนนิ การประชมุ 1) การจดั เตรยี มสถานทป่ี ระชมุ 2) การจดั เตรยี มระเบียบวาระการประชุม/เอกสารที่เก่ียวขอ้ ง 3) การเชิญผเู้ ก่ยี วขอ้ งเข้ารว่ มประชุม 5.2 ระหว่างดาเนนิ การประชมุ 1) ถ้ามโี ต๊ะหมู่บชู า สภานักเรียนควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร 2) การทาหนา้ ที่ของสภานกั เรยี น 3) การทาหนา้ ท่ขี องเลขานุการ 4) การทาหนา้ ทข่ี องสมาชิก 5) การเริ่มต้นการประชุม ประธานตรวจสอบความพรอ้ มและองค์ประชุม เปิดการประชุม โดยเริ่มต้นใน ระเบียบวาระท่ี 1 หรือเกริ่นนาแล้วมอบให้รองประธานหรือกรณีประธานไม่อยู่ในที่ประชุม ให้เลือกผู้ทาหน้าท่ีเป็น ประธาน ในครัง้ นี้ เพอื่ ดาเนินการประชุมตามระเบียบวาระการประชุม 6) ระเบียบวาระที่ 2 ประธานจะดาเนินการเอง หรือมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเลขานุการเป็นคน ดาเนนิ การกไ็ ด้ แต่ในขัน้ ตอนทีใ่ หท้ ป่ี ระชมุ พิจารณาแลว้ รบั รองรายงานการประชุมต้องเป็นหน้าท่ขี องประธาน 7) ประธานหรือผูท้ าหนา้ ทเ่ี ป็นประธาน ดาเนินการประชมุ ตามระเบียบวาระท่ปี ระชมุ กาหนด 8) การจดบันทึกการประชุม เป็นหน้าที่ของเลขานุการ/ผู้ช่วยเลขานุการโดยตรง ให้สังเกตว่า สมาชิกมี การจดบันทึกการประชุมหรือไม่หากไม่จด ควรเสนอแนะให้สมาชิกจดบันทึก เพื่อเป็นการทบทวนบทบาทหน้าที่ของ ตนเองหรอื งานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 9) ประธานควบคุมการประชุมให้ดาเนินไปตามวาระการประชุม ต้องสามารถสรุปประเด็นจากการ ประชุม และหยุดข้อโต้แย้งในที่ประชุม และที่สาคัญ ทุกครั้งที่มีการลงมติในที่ประชุม ต้องเป็นบทบาทของประธาน เทา่ นน้ั เร่อื งบางเรอ่ื งไม่จาเปน็ ต้องลงมตกิ ็ได้ หากสมาชกิ ทุกคนเห็นชอบ เมื่อมขี ้อขัดแยง้ จึงขอมตใิ นทป่ี ระชุม 10) สมาชิกแสดงความคิดเห็น ต้องเคารพสิทธิ์และให้เกียรติ ในที่ประชุมโดยการยกมือ ประธาน อนุญาต ให้พูดจงึ พูดได้ แนะนาตวั เอง ตาแหน่ง แลว้ จงึ พูด
37 5.3 การลงมตใิ นที่ประชมุ เปน็ บทบาทหนา้ ทขี่ องประธานต้องดาเนนิ การ ดงั นี้ 1) ประธานเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนได้อภิปรายเสนอความคิดเห็นโดยเสมอภาคตามประเด็น ทเ่ี สนอในทปี่ ระชุม 2) ประธานสรุปประเด็นว่าใครเสนออะไรในที่ประชุม แล้วจึงถามความเห็นในที่ประชุม และสรุปผล เป็นเร่ือง ๆ ไปในคราวเดยี วกัน 5.4 เม่อื จบการประชมุ 1) เมอ่ื ประธานสอบถามความคิดเหน็ ประเด็นอ่นื ๆ ในท่ีประชมุ เพิม่ เตมิ ก่อนมอบหมายเลขานุการสรุป รายงานการประชุม ปิดการประชุม 2) เมอ่ื จบการประชมุ แลว้ ตอ้ งปฏบิ ัติตามขั้นตอนลักษณะเดียวกบั การเรมิ่ ต้นการประชุม 3) นารายงานการประชมุ เสนอผบู้ รหิ ารสถานศึกษาเพือ่ โปรดทราบและพจิ ารณาโดยผ่านครูทปี่ รึกษา 4) จัดเอกสารรายงานการประชุมเพื่อนาเสนอในที่ประชุม รับรองรายงานการประชุม ในการประชุม คณะกรรมการสภานักเรียนคร้ังต่อไป 4.2 กจิ กรรมเสนอแนะเพ่ิมเติม ความเข้มแข็งของสภานักเรียน สามารถปลูกฝังได้ด้วยกิจกรรมที่ให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง โรงเรยี นควรปลูกฝงั การมีส่วนร่วมรบั ผิดชอบ ดังตวั อย่างตอ่ ไปนี้ 1.กิจกรรมฝึกทักษะการวิเคราะห์ข่าว เหตุการณ์โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองและ ปัญหาสงั คม อยา่ งสมา่ เสมอ 2. กิจกรรมส่งเสริมให้นักเรียนทาโครงงานศึกษาปัญหาและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนเพื่อเรียนรู้ ชุมชนและสรา้ งความรับผดิ ชอบต่อชมุ ชนและสังคม สร้างสานึกสาธารณะ สานกึ รกั บา้ นเกดิ โดยอาจจดั กจิ กรรมให้ นกั เรยี นออกสมั ผสั กบั ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ในชมุ ชน 3. กิจกรรมค่ายอาสาเพื่อชว่ ยเหลือผ้ดู ้อยโอกาสคนพกิ ารผ้สู ูงอายหุ รอื ผูป้ ระสบภัยพบิ ตั ใิ นโอกาสต่าง ๆ 4. อาสาสมคั รชว่ ยงานการเลอื กตั้งในท้องถนิ่ ทุกครง้ั ท่ีมกี ารเลอื กต้งั 5. นาสภานักเรียนออกสู่ชุมชน เพื่อให้ความรู้เข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติด เอดส์การใช้ความรุนแรงในครอบครวั และอ่นื ๆ 6. กจิ กรรมร่วมกบั กลมุ่ กับชาวบ้าน ทาโครงการตา่ ง ๆ เชน่ การออมทรัพย์การหารายได้การพัฒนาอาชีพ การจดั การทรัพยากรในท้องถน่ิ การอนุรักษ์ศิลปวฒั นธรรม เป็นตน้ 7. กจิ กรรมการมีส่วนรว่ มในการช่วยเหลือ/การแกไ้ ขปญั หาให้กบั เพ่ือน ๆ ในโรงเรียนโดยกาหนดกฎกตกิ า เพือ่ การอย่รู ว่ มกันในสงั คม ชุมชน
38 8. กิจกรรมการนานักเรียนไปศึกษาดูงานเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากองค์การบริหาร ส่วนตาบล จังหวัด เทศบาล เพอื่ เตรยี มคนไปสกู่ ารเมอื งท้องถนิ่ 9. กิจกรรมสร้างเสริมความเป็นประชาธิปไตย โดยจัดหาหนังสือประเภทเรื่องสั้น นวนิยายประวัติชีวิต บุคคลสาคัญท่มี ีเนอื้ หาเกย่ี วกบั การเมืองการปกครอง เพ่ือเปน็ การปลกู ฝงั อดุ มการณ์ประชาธิปไตยให้แกน่ กั เรยี น 10. กจิ กรรมการพัฒนาจิตใจ พฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรมใหแ้ กน่ ักเรียน 4.3 การเสนอโครงการ โครงการเป็นกิจกรรมการวางแผนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาการดาเนินงานกิจกรรม สภานักเรียน โดยการมีส่วนร่วมของสภานักเรียนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีเป้าหมาย เพื่อให้สภานักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และวิธีการในการเสนอโครงการเพื่อขอรับงบประมาณจากโรงเรียน/หน่วยงาน/เครือข่ายอื่น ๆ สนบั สนุนการดาเนินงานกจิ กรรมสภานกั เรียนมอี งคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. ชอื่ โครงการ 2. วตั ถุประสงค์ 3. ข้ันตอนการปฏบิ ัติ 3.1 สภานกั เรยี นระดมปัญหาเพื่อจดั ทาโครงการ 3.2 จัดทารายละเอยี ดโครงการ 3.3 เสนอโครงการต่อสภานักเรียน 3.4 สภานักเรียนรว่ มกันพิจารณาวางแผนให้ความเห็นชอบ 3.5 ประธานสภานกั เรียนเสนอโครงการตอ่ โรงเรยี น/หน่วยงาน/เครอื ขา่ ยอน่ื ๆ เพอ่ื อนมุ ตั โิ ครงการ 3.6 โรงเรียน/หนว่ ยงาน/เครือข่ายอนื่ ๆ อนุมตั โิ ครงการ 3.7 ดาเนนิ งานตามโครงการ 3.8 สรปุ ผลรายงานผลการดาเนินงาน 4. ผงั งาน (Flow Chart) การเสนอโครงการ สภานักเรยี นดาเนินการตามลาดบั ดังน้ี
39 แผนภูมิการนาเสนอโครงการ
40 วธิ ีการและข้ันตอนการดาเนนิ งาน 1. การศกึ ษา/วิเคราะหป์ ญั หา 2. จัดทารายละเอยี ดโครงการ 3. เสนอโครงการตอ่ ทปี่ ระชมุ คณะกรรมการสภานกั เรียนโดยผ่านความเหน็ ชอบจากครทู ี่ปรกึ ษา 4. สภานักเรยี นใหค้ วามเหน็ ชอบ 5. สภานักเรียน(ประธาน)เสนอโครงการตอ่ ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา 6. ผู้บริหารสถานศกึ ษา/หน่วยงาน/เครือขา่ ยอนื่ ๆ พจิ ารณาอนุมัติโครงการ 7. ดาเนินกิจกรรมตามโครงการ 8. สรุปรายงานผลการดาเนินโครงการ
41 4.4 แบบฟอรม์ การเขยี นโครงการของโรงเรยี นสมเด็จ โครงการตามแผนงานงบประมาณ 2563 โรงเรยี นสมเดจ็ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื ง จงั หวดั อุบลราชธานี *********************** 1. ช่อื โครงการ................................................................................................................................................... 2. หนว่ ยงานรับผดิ ชอบ..................................................................................................................................... 3. ผรู้ ับผิดชอบโครงการ.................................................................................................................................... 4. สถานภาพของโครงการ โครงการใหม่ โครงการเดมิ โครงการต่อเนือ่ ง 5. หลักการและเหตผุ ล (อธิบายหลักการ ความสาคัญ ทม่ี าและเหตผุ ลควรมีการอ้างองิ เชน่ นโยบายหรือกระวชิ าการ) ...................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 6. วตั ถปุ ระสงค์โครงการ 1.......................................................................................................................................................... 2.......................................................................................................................................................... 3.......................................................................................................................................................... 7. เป้าหมาย
42 เชงิ ปรมิ าณ ................................................................................................................................................................. เชิงคณุ ภาพ ................................................................................................................................................................. 8. ตวั ชว้ี ัดความสาเรจ็ เชงิ ปรมิ าณ ................................................................................................................................................................. เชิงคณุ ภาพ ................................................................................................................................................................. 9. ระยะเวลาดาเนนิ งานโครงการ ...................................................................................................................................................................... 10. สถานท่ีดาเนนิ โครงการ ...................................................................................................................................................................... 11. แผนการดาเนนิ งาน กจิ กรรม/วธิ ีดาเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ/ ผู้รบั ผดิ ชอบ ข้ันตอน (ว/ด/ป) ทรัพยากร (บคุ คล/กลุ่มงาน) 1. วางแผน (Plan) 2. ดาเนินการ (DO) 3. ตรวจสอบ (Chack) 4. ประเมนิ ผลและ รายงานผล (Action) 12. งบประมาณ
43 งบประมาณในการดาเนนิ งานท้งั สิน้ ...................................................................................... บาท โดยงบประมาณในการดาเนนิ โครงการครงั้ น้ี ไดร้ บั จาก.............................................................................................. กิจกรรม/รายการใช้ งบประมาณ รวม ผู้รบั ผิดชอบ งบประมาณ คา่ ตอบแทน ค่าใช้สอย คา่ วสั ดุ ค่าครุภัณฑ์ รวมทง้ั สน้ิ .............................................บาท (................................................................................) 13. การประเมินผลโครงการ วิธีจดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมอื ทใ่ี ชว้ ดั ตัวชว้ี ัด 14. การติดตามผลการดาเนนิ โครงการ/ตวั บง่ ชี้ความสาเรจ็ โครงการ 1.......................................................................................................................................................... 2.......................................................................................................................................................... 3.......................................................................................................................................................... 15. สาเหตุหรอื ปจั จัยความเสยี่ งทอ่ี าจจะเกดิ ข้นึ ในการดาเนนิ โครงการ
สาเหตุหรือปจั จัยความเสย่ี ง 44 แนวทางการแก้ไข/การป้องกนั ความเสย่ี ง 16. ผลทคี่ าดว่าจะได้รบั 1.......................................................................................................................................................... 2.......................................................................................................................................................... 3.......................................................................................................................................................... ลงช่ือ...................................................ผู้เสนอโครงการ ลงชือ่ ......................................................ผู้เห็นชอบโครงการ (นายเจษฎาภร จาปาสา) (นายศรายุทธ ไชยวงศ์) ประธานสภานักเรยี นโรงเรียนสมเด็จ รองผูอ้ านวยการโรงเรยี นสมเดจ็ กล่มุ บริหารงานบุคคล ลงช่อื ...................................................ผ้เู ห็นชอบโครงการ ลงชือ่ ...................................................ผ้เู หน็ ชอบโครงการ (นายปฐพงศ์ ทองธณชยั ) (ดร.ชัชวาลย์ วาระนชุ ) ทป่ี รกึ ษาสภานกั เรยี นโรงเรยี นสมเดจ็ ผูจ้ ดั การโรงเรยี นสมเดจ็ อนุมัติ ไม่อนมุ ตั ิ เน่ืองจาก............................................................... ลงช่ือ...................................................ผู้อนุมตั ิโครงการ (นายสมร ไชยงาม) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสมเดจ็
45 4.5 การประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมสภานกั เรียน การประเมินผลการจัดกิจกรรมสภานักเรียน เป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนาผลมาใช้เป็น แนวทางกาหนดวิธีการพัฒนางาน ซึ่งรูปแบบการประเมินจะต้องสอดรับกับการดาเนินกิจกรรม จึงจาเป็นท่ี คณะกรรมการสภานักเรียนจะต้องเรียนรู้แนวทางการประเมินการดาเนินงานกิจกรรมสภานักเรียน เพื่อใช้เป็น เครื่องมอื ในการขบั เคลอื่ นกจิ กรรมสภานกั เรียนให้มคี วามสมบรู ณ์รอบดา้ น 4.5.1 การประเมินผลการดาเนนิ กิจกกรมสภานกั เรยี น กาหนดขั้นตอนไว้ดังนี้ 1) วางแผนการดาเนินงาน 2) กาหนดรปู แบบการประเมิน 3) สรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมิน 4) วดั และประเมนิ ผล 5) สรปุ รายงานผล เพื่อเป็นการตรวจสอบผลการดาเนินงานกิจกรรมสภานักเรียน ดาเนินไปตามวัตถุประสงค์ จึงได้ กาหนดข้นั ตอนการประเมินไว้ ดังน้ี 1) วางแผนการดาเนินงาน ในการวางแผนประเมนิ กจิ กรรมสภานกั เรยี น มขี ั้นตอน ดังน้ี 1.1 แตง่ ตง้ั คณะกรรมการประเมินกจิ กรรม 1.2 ประชมุ คณะกรรมการรับผดิ ชอบการดาเนนิ งาน 1.3 กาหนดแนวทางการประเมิน/ส่งิ ทต่ี ้องการประเมิน/เคร่อื งมือการประเมนิ 1.4 สรา้ งเคร่ืองมือการประเมิน 1.5 นาเคร่ืองมือไปปรับใช้ 1.6 รวบรวมสรุปผลการประเมนิ 1.7 การรายงานผลกิจกรรม
Search