การใช้โทรศัพท์ในห้องเรียน

โครงงาน วิชา IS เร่ือง การใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน จดั ทาํ โดย 1.นางสาว บญุ ยธิดา อนิ เขียวสาย เลขที่ 15 2.นางสาว อภิริญา ธิไหล เลขท่ี 32 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/2 รายวิชา I30202 ปี การศึกษา 2563 โรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา สาํ นกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต35

2 เกย่ี วกบั โครงงาน โครงงาน IS เรื่อง การใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ผู้จัดทาํ 1.นางสาวบุญยธิดา อินเขียวสาย เลขท่ี 15 2.นางสาว อภิริญา ธิไหล เลขท่ี 32 ครูทปี่ รึกษา 1.นางสาว พชั ราภรณ์ ทองสอาด ตาํ แหน่งครู วทิ ยฐานะชาํ นาญการพิเศษ สถานศึกษา โรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา อาํ เภอแมเ่ มาะ สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่ีการมธั ยมศึกษา เขต 35 ปี การศึกษา 2563

3 กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานน้ีสาํ เร็จข้ึนไดด้ ว้ ยความกรุณาจากคณุ ครู พชั ราภรณ์ ทองสอาด คุณครูท่ีปรึกษาโครงงานท่ี ไดใ้ หค้ าํ แนะนาํ แนวคิด ตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเล่มน้ีเสร็จสมบูรณ์ ผู้ ศึกษาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูง คณะผจู้ ดั ทาํ

4 หวั ข้อโครงงาน : การใชโ้ ทรศพั ทใ์ นห้องเรียน ประเภทโครงงาน : โครงงานพฒั นาการศึกษา ผู้เสนอโครงงาน : 1.นางสาว บญุ ยธิดา อินเขียวสาย ช้นั มธั ยม 4/2 เลขท่ี 15 2.นางสาว อภิริญา ธิไหล ช้นั มธั ยม 4/2 เลขที่ 32 ครูท่ปี รึกษาโครงงาน : นางสาว พชั ราภรณ์ ทองสอาด ปี การศึกษา : 2563 บทคดั ย่อ การจดั ทาํ โครงงานในคร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ (1) เพื่อให้นกั เรียนต้งั ใจเรียนมากข้ึนและไม่ใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลา เรียน (2) เพอื่ ไมใ่ ชส้ ุขภาพดา้ นสายตาเส่ือม ขอบเขตการศึกษาเรียนรู้ กลมุ่ เป้าหมาย นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษา ปี่ ท่ี 4/2 จาํ นวน 33 คน ระยะเวลาในการดาํ เนินงาน 8 มกราคม – 12 มีนาคม 2564 สถานที่ในการดาํ เนิน โครงงาน โรงเรียนแมเ่ มาะวิทยา ผลการศึ กษาโครงงานและจัดทําโครงงานการเก็บโทรศัพท์ในห้องเรี ยนพบว่ากิจกรรมน้ี มี ประโยชน์ มี เพือ่ นๆ จาํ นวนหน่ึงเห็นดว้ ยมากท่ีสุดเห็นดว้ ยมากและเห็นดว้ ยปานกลาง ที่ทาํ ใหน้ กั เรียนต้งั ใจ เรียนมากข้นึ เพ่ือนๆเห็นด้วยมากท่ีสุด ความพึงพอใจกิจกรรมในคร้ังน้ีทําให้นักเรียนลดการใช้ โทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน มีเพ่ือนๆเห็นดว้ ยมากท่ีสุดและปานกลาง ความพึงพอใจ ความพึงพอใจกิจกรรมใน คร้ังน้ีช่วยถนอมสุขภาพของดวงตา มีเพื่อนๆเห็นดว้ ยมากท่ีสุดและเห็นดว้ ยปานกลาง

สารบญั 5 เรื่อง หน้า เก่ียวกบั โครงงาน 2 กิตติกรรมประกาศ 3 บทคดั ยอ่ 4 บทที่ 1 บทนาํ 6 - ท่ีมาและความสาํ คญั โครงงาน 7 - วตั ถุประสงค์ 10 - ขอบเขตการศึกษาคน้ ควา้ -ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 12 บทท่ี 2 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวขอ้ ง 14 บทท่ี 3 วธิ ีการจดั ทาํ โครงงาน - วสั ดุอปุ กรณ์ 15 - วธิ ีการจดั ทาํ โรงงาน บทที่ 4 ผลการศึกษา บทที่ 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ - สรุปผลการศึกษา - ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากโครงงาน - ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม

6 บทท่ี 1 ปัจจุบนั ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี และการส่ือสารส่งผลใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงในหลายรูปแบบ การค้นคว้าสามารถทําได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต การใช้เทคโนโลยีในด้าน Smart phone เพ่ือใช้ในการติดต่อต่อสื่อสารถูกนํามาใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มประชากรของประเทศ โดยเฉพาะวยั ทาํ งานและวยั เรียนซ่ึงทาํ ใหเ้ กิดประโยชน์ของการปฏิบตั ิงาน และการคน้ ควา้ ของกลมุ่ นกั เรียน แต่ในทางกลบั กนั การใช้เทคโนโลยีกระทบในดา้ นลบโดยเฉพาะในกลุ่มของนกั เรียนท่ีนาํ ไปใช้ในทางที่ ส่งผลกระทบดา้ นลบต่อตนเองหรือใชใ้ นเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้ในเวลาเรียนและเวลาท่ีทาํ กิจกรรม ต่างๆ จากการศึกษาในหอ้ งเรียนพบวา่ มีนกั เรียนบางส่วนท่ีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการใชโ้ ทรศพั ทใ์ น เวลาเรียนซ่ึงส่งผลให้การเรียนการสอนในชว่ั โมงน้ันๆของผูเ้ รียนไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร แมจ้ ะมี กฎระเบียบของโรงเรียนคอยกระตุน้ ในการใช้ Smart phone แลว้ ก็ตามจากปัญหาดงั กลา่ วทางเราไดม้ องเห็น ปัญหาท่ีเกิดข้ึน จากการศึกษาคน้ ควา้ ของเราทาํ ให้เกิดแนวทางในการใช้โทรศพั ท์มือถือให้ถูกเวลาเพ่ือ กระตุน้ จิตสํานึกการใช้โทรศพั ท์อยา่ งถูกตอ้ ง ถูกกาลเทศะ และใหน้ กั เรียนต้งั ใจเรียนและไม่ทาํ ให้สุขภาพ สายตาเส่ือม วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ใหน้ กั เรียนต้งั ใจเรียนมากข้นึ และไม่ใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน 2. เพอ่ื ไม่ใชส้ ุขภาพดา้ นสายตาเส่ือม ขอบเขตการศึกษาเรียนรู้ 1. กลุ่มเป้าหมาย นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี่ ท่ี 4/2 จาํ นวน 33 คน 2.ระยะเวลาในการดําเนินงาน 8 มกราคม – 12 มีนาคม 2564 3.สถานท่ใี นการดาํ เนินโครงงาน โรงเรียนแม่เมาะวิทยา

7 บทท่ี 2 เอกสารและงานท่ีเกยี่ วข้อง ประเด็นหรือองคค์ วามรู้เพ่มิ เติมที่ตอ้ งการศึกษาเพม่ิ หรือมีความเก่ียวขอ้ งกบั โครงงาน ประเด็น 1.จิตใจวยั รุ่นตอ่ โทรศพั ท์ 2.คา่ นิยมของการใชโ้ มรศพั ทข์ องนกั เรียน 3.ผลเสียของการใชโ้ ทรศพั ทม์ ีมากกวา่ จาํ เป็น องค์ความรู้เพมิ่ เตมิ ท่ตี ้องสืบค้น 1.สาเหตุที่ทาํ ใหเ้ กิดการใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน 2.โรคภยั ท่ีเกิดจากการใชโ้ ทรศพั ท์ บทความหรืองานวจิ ัยเกย่ี วกบั โครงงาน พฤติกรรมดา้ นบวก มือถือกลายเป็นอีกปัจจยั หน่ึงของวยั รุ่น เพราะมือถือก็มีขอ้ ดีอยไู่ ม่นอ้ ย เป็นท้งั เครื่องมือส่ือสารที่ยน่ ท้งั ระยะทางและระยะเวลาระหว่างกนั เทคโนโลยกี ารสื่อสารผ่านมือถือน้ันสร้างความสะดวกสบายให้กบั วยั รุ่นได้อย่างมาก บางคร้ังที่มีอุบตั ิเหตุ หรือตอ้ งการความช่วยเหลือด่วนมือถือก็จะมีประโยชน์มากใน ช่วงเวลาน้นั หรือบางทีมือถือยงั ทาํ หนา้ ที่สร้าง และกระชบั ความสมั พนั ธ์ของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่นอ้ ง หรือกลุ่มเพ่ือน ถึงแมจ้ ะอยหู่ ่างไกลกนั มากแต่ก็เชื่อมความสัมพนั ธ์กนั ไดด้ ว้ ยมือถือ ยิง่ ปัจจุบนั น้ีมือ ถือมีเทคโนโลยีกา้ วหนา้ กว่าเดิมมาก ซ่ึงนอกจากจะดูหนังฟังเพลงแลว้ ยงั สามารถใชอ้ ินเทอร์เน็ต และยงั สามารถเล่นได้เกือบทุกที่ทุกเวลา ย่ิงทําให้การติดต่อส่ือสารง่ายข้ึนไปอีก อย่างไรก็ตามการใช้ โทรศพั ทม์ ือถือให้เกิดประโยชน์สูงสุดน้นั ตอ้ งคาํ นึงถึงความจาํ เป็ น ใชแ้ ต่พอเพียงเท่าน้ันเพื่อไม่ใหต้ กเป็ น ทาสของมือถือ พฤติกรรมด้านลบจากสํานักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ(สวช.) กระทรวง วฒั นธรรม (วธ.) พบวา่ ปัจจุบนั โทรศพั ทม์ ือถือ กาํ ลงั จะกลายเป็นส่วนหน่ึงของคนยุคโลกาภิวตั น์ที่จะขาด

8 ไม่ได้ จนกลายเป็ นอวยั วะส่วนท่ี 33 โดยเฉพาะในเด็กวยั รุ่นซ่ึงเป็นกลุ่มเส่ียง ให้ ขอ้ เสียหากผูใ้ ช้ นาํ ไปใช้ ในทางท่ีผิดหรือใช้ไม่เป็ นทําให้เกิดโรคใหม่ๆ ตามมาหลาย โรคที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่มี ผลกระทบ ในเชิงวฒั นธรรมและวิถีชีวติ คนไทย ไดแ้ ก่ 1. โรคเห่อตามแฟชน่ั โดยเฉพาะกลุ่มวยั รุ่นนิยมเปลี่ยนมือถือตามแฟชน่ั เพื่อใหอ้ ินเทรนด์ ดูทนั สมยั ไม่ตกรุ่นทดั เทียมเพ่อื น ดงั น้นั มือถือจึงกลายเป็นเคร่ืองประดบั ที่บ่งบอกสถานภาพทางสังคมอีกทางหน่ึง 2. โรคทรัพยจ์ าง ซ่ึงหลายคนตอ้ งหาเงินเพอื่ มาซ้ือมือถือรุ่นใหม่ ท้งั น้ีบางคนไมม่ ีเงิน แต่รสนิยมสูง จึงเกิดสภาวะทรัพยจ์ างตอ้ งไปกยู้ มื หน้ียมื สินมาซ้ือมือถือ เป็นตน้ 3.โรคขาดความอดทนและใจร้อน เนื่องจากคุณสมบตั ิของโทรศพั ทม์ ือถือกดป๊ ุบตอ้ ง ติดปั๊บ ทาํ ให้ หลายคนกลายเป็ นคนไม่มีความอดทน แมแ้ ต่เรื่องเล็กๆ เช่น นัดเพื่อนไวช้ ้าแค่ 5 นาที ตอ้ งโทรตาม จึง กลายเป็นคนเร่งรีบ ร้อนรน และไมร่ อบคอบ 4.โรคขาดกาลเทศะและไร้มารยาท ซ่ึงการโทรศพั ทไ์ ปหาบุคคลท่ีเราอยากจะพูด ทุกเวลา โดยไม่ดู เวลาหรือกาลเทศะที่ควรโทร บางคนโทรขายประกนั ขายเคร่ืองกรองน้าํ ชวนสมคั รบตั รเครดิตท้งั ๆท่ีไม่รู้จกั กนั ทาํ ใหผ้ รู้ ับสายเกิดความรําคาญใจ 5.โรคขาดมนุษยส์ ัมพนั ธ์ คนส่วนใหญ่จะใชม้ ือถือพูดคุยกบั ญาติสนิท ขาดความใส่ใจ ที่จะสร้าง สัมพนั ธ์กบั ผูอ้ ื่น หลบมุมโทรไปคุยกับเพื่อนแทนท่ีจะพูดคุยกบั พ่อแม่ผูป้ กครองหรือทาํ กิจกรรมที่ทาํ ให้ ความสัมพนั ธ์ในบา้ นห่างเหิน ซ่ึงจะเกิดอาการเฉาหรือเหงาหงอย กลายเป็นคนแยกตวั ออกจากสังคมมีโลก ของตวั เองและเป็นโรคติดโทรศพั ทใ์ นท่ีสุด 6.โรคไมจ่ ริงใจ เน่ืองจากการพูดคุยทางโทรศพั ทไ์ ม่ตอ้ งเห็นหนา้ ตา ทา่ ทาง สายตาและ ปฏิสัมพนั ธ์ ท่ีมีต่อกนั ทาํ ให้หลายคนสามารถใชค้ าํ หวานหลอกลวง หรือพูดโกหกผูอ้ ่ืน หรือนิยมส่ง sms ไปยงั อีกฝ่ าย ทาํ เสมือนรักใคร่ ผกู พนั หรือห่วงใย วตั ถปุ ระสงคข์ องการใชโ้ ทรศพั ท์ วตั ถุประสงคข์ องการใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือกบั วยั รุ่นในปัจจุบนั ไม่ใช่ เพียงเคร่ืองมือสื่อสารเพียงอย่างเดียวเท่าน้นั จะเห็นไดว้ ่าบริษทั ผูผ้ ลิตโทรศพั ทม์ ือถือต่างๆในตอนน้ีต่างก็ แข่งขนั กนั ทาํ ลูกเล่นใหม่ๆข้ึนมาเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ เพราะในยุคที่มีการแข่งขนั สูงการ นาํ เทคโนโลยีท่ีทนั สมยั มาประยุกตใ์ ชก้ บั โทรศพั ทม์ ือถือน้ันยิง่ ทาํ ใหม้ ีความน่าสนใจมากข้ึน นอกจาก จะ โทรออกหรือรับสายไดแ้ ลว้ ยงั สามารถทาํ อย่างอื่นได้ เช่นถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ ฟังเพลง เล่นเกม รวมถึงการ เชื่อมตอ่ อินเทอร์เน็ตและรับส่งอีเมล์ ซ่ึงเป็นการกา้ วเขา้ สู่ยุคแห่งการส่ือสารที่ไร้พรมแดนจากผลสํารวจของ กรุงเทพโพล์ โดยเก็บขอ้ มูลจากวยั รุ่นในเขตกรุงเทพมหานครที่ใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ จาํ นวนท้งั สิ้น 1,700 คน เป็นเพศชายร้อยละ 48.8 และเพศหญิงร้อยละ 51.2 สรุปผลวา่ มีดงั น้ี -พดู คยุ และส่ง SMS ร้อยละ 57.7

9 -ฟังเพลง ฟังวิทยุ ร้อยละ 20.3 -ถา่ ยรูป ถ่ายคลิปวดี ีโอ ร้อยละ 11.6 -เล่นเกม ร้อยละ 5.6 -เล่นอินเทอร์เนต็ ร้อยละ 4.8 ผลกระทบจากการใชโ้ ทรศพั ท์ ขอ้ ดีจากการใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ 1. ช่วยใหก้ ารติดต่อส่ือสารมีความสะดวกรวดเร็ว 2. สะดวกตอ่ การทาํ งานทางธุรกิจตา่ งๆ 3. ทาํ ใหเ้ กิดความเพลิดเพลินจากการใชโ้ ทรศพั ทฟ์ ังเพลง หรือเลน่ เกม 4. ทาํ ใหช้ ่วยประหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ ่ายในการที่จะตอ้ งเดินทางไปติดต่อธุระดว้ ยตนเอง

10 บทท่ี 3 วิธีดาํ เนินการวจิ ัย 1.ประชากรท่ีใชใ้ นการศึกษา นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4/2 2.การมอบหมายภาระงาน/ระยะเวลาในการปฏิบตั ิงาน ปฏทิ นิ การปฏบิ ัติงาน วนั /เดือน/ปี รายการปฏิบตั ิ ผลที่ไดร้ ับ ผรู้ ับผดิ ชอบ 08/01/64 จบั ค่คู ิดช่ือเรื่อง ไดห้ วั ขอ้ เร่ืองท่ีจะทาํ บญู ยธิดา อภิริญา 15/01/64 ปรึกษาหารือคิด วตั ถุประสงคแ์ ละ บูญยธิดา วตั ถปุ ระสงค์ ข้นั ตอน วธิ ีการทาํ งาน อภิริญา 22/01/64 ปรึกษาหารือ วิเคราะห์ ขอบเขตในการทาํ งาน บูญยธิดา ขอ้ มลู จดั การโครงงาน ทราบแนวทางการ อภิริญา ดาํ เนินงาน บูญยธิดา อภิริญา 29/01/64 เร่ิมสาํ รวจปัญหาและ ไดร้ ับขอ้ มูลของปัญหา บญู ยธิดา 19/02/64 เกบ็ ขอ้ มูล อภิริญา รายงาน 5 บท เสร็จ 05/03/64 เร่ิมทาํ โครงงาน บูญยธิดา 12/03/64 5 บท และเตรียมทาํ รูปเลม่ รายงานเสร็จ อภิริญา สมบรู ณ์และถูกตอ้ ง บญู ยธิดา รูปเลม่ โครงงานถกู ตอ้ งและ อภิริญา ประเมินรูปเลม่ รายงาน เสร็จสมบรู ณ์ นาํ เสนอโครงงาน

11 3.งบประมาณ ไม่มีงบประมาณในการใชจ้ ่าย

12 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล การนาํ เสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดา้ นการศึกษาวิจยั เร่ือง การเล่นโทรศพั ทม์ ือถือในห้องเรียน ผู้ศึกษาได้นาํ การเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลและแปรผลข้อมูลตามลาํ ดับดังนี้ 1.ข้นั ตอนการนาํ เสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 2.ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ข้ันตอนการนําเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกบั การสอบถามความพึงพอใจ แบบประเมินความพงึ พอใจ ในกานเก็บโทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน ช่ือ.............................................สกุล........................... เลขท่ี.............ช้นั .......... ระดบั ความพงึ พอใจ ที่ ความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ที่สุด กลาง ที่สุด 1 การจดั กิจกรรมในคร้ังน้ีมีประโยชน์ 2 กิจกรรมในคร้ังน้ีทาํ ให้นักเรียนต้งั ใจเรียน มากข้ึน 3 กิจกรรมในคร้ังน้ีทําให้นักเรียนลดการใช้ โทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน 4 กิจกรรมในคร้ังน้ีช่วยถนอมสุขภาพของ ดวงตา

13 ตอนที่ 2 กิจกรรมน้ีมีประโยชน์ มี เพื่อนๆ จาํ นวนหน่ึงเห็นดว้ ยมากท่ีสุดเห็นดว้ ยมากและเห็นดว้ ยปานกลาง ความพึงพอนกั เรียนต้งั ใจเรียนมากข้ึนใจเพื่อนๆเห็นดว้ ยมากที่สุด ความพึงพอใจกิจกรรมในคร้ังน้ีทาํ ให้ นกั เรียนลดการใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน มีเพ่ือนๆเห็นดว้ ยมากที่สุดและปานกลาง ความพึงพอใจ ความพึง พอใจกิจกรรมในคร้ังน้ีช่วยถนอมสุขภาพของดวงตา มีเพือ่ นๆเห็นดว้ ยมากที่สุดและเห็นดว้ ยปานกลาง

14 บทท่ี 5 สรุป อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษา ผลการศึกษาวิจยั เร่ือง การใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน จากจาํ นาวนนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4/2 โรงเรียนแม่ เมาะวทิ ยาท้งั หมด 33 คนสามารถสรุปผลไดด้ งั น้ี 1.ผลการวิเคราะห์ขอ้ เสนอของปัญหา จากกการทดลองทาํ กลองมาเกบ็ โทรศพั ทใ์ นเวลาเรียนพบวา่ มีนกั เรียนบางส่วนท่ีใหค้ วามร่วมมือและไม่ให้ ความร่วมมือต่อการเกบ็ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน 2.ผลการวเิ คราะ 3 อนั ดบั ส่วนใหญท่ ่ีเห็นดว้ ยและไม่เห็นดว้ ยตอ่ การเกบ็ โทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน จากนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4/2 โรงเรียนแม่เมาะวทิ ยาจาํ นวน 33 ตอบแบบสาํ รวจน้นั พบวา่ มี นกั เรียน เห็นดว้ ยปานกลางเป็นอนั ดบั 1 และอนั ดบั 2 คือ มาก และอนั ดบั 3 คือมาก่ีสุด อภปิ รายผลการศึกษา การศึกษาคร้ังน้ีผศู้ ึกษาไดค้ น้ พบประเด็นที่ควรนาํ มาอภิปรายดงั น้ี 1.ในการศึกษาขอ้ มูลพบวา่ ผลการวิเคราะหข์ อ้ เสนอของปัญหาน้นั มีมากมากมายยงั สามารถสรุปได้ 2.จากการศึกษาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการตอบแบบสาํ รวจน้นั พบวา่ มีการเห็นดว้ ยมากท่ีสุดที่ ดา้ นการใชโ้ ทรศพั ท์ ทาํ ใหส้ ายตาเสีย และปานกลางคือ ทาํ ใหน้ กั เรียนลดการใชโ้ ทรศพั ทใ์ นเวลาเรียน และ ทาํ ใหน้ กั เรียนต้งั ใจ เรียนมากข้นึ ข้อเสนอแนะ อยากใหท้ ุกคนงดใชโ้ ทรศพั ทน์ เวลาเรียนและต้งั ใจเรียนและทาํ กิจกรรมมากข้นึ และยงั ทาํ ใหเ้ ราน้นั ไมเ่ สีย สุขภาพจองดสวงตาอีกดว้ ย

15 บรรณานุกรม https://sites.google.com/site/karchithorsaphthmuxthux/bth-thi-1- bthna https://smartphoneppk.files.wordpress.com/2013/03/is-pre.pdf