งาน ebook เรื่อง ยโุ รป โดย ภูภัท พานชิ ยะมนตรี ม ⅗ เลขท่ี 20
ยคุ กลางหรอื ยุคมดื (medieval) ยุคกลาง (Middle Ages) หรือ ( Medieval Age ) ถูกระบุวา เปน ยคุ มืด (Dark Age) ในประวตั ิศาสตรของชาวยโุ รป ซ่งึ มีระยะเวลายาวนานกวา หนึง่ พันป ไดม ี เหตกุ ารณตางๆเกิดขึ้นมาก เชน การเส่ือมและการลม สลายของอาณาจักรโรมนั สงครามครูเสด (Crusades)ระยะเวลาเกือบ 300 ป ระหวา งพวกคริสเตยี นใน ยโุ รปกบั พวกมสุ ลมิ ทีย่ ดึ ครองนครเยรูซาเล็มในปาเลสไตน ซ่ึงเปนดินแดนอัน ศักด์สิ ทิ ธ์ขิ องศาสนาคริสต สงคราม 100 ปร ะหวา งองั กฤษและฝรงั่ เศส เกิด กาฬโรคทําใหช าวยุโรปจํานวน 3 ใน 4 ตอ งเสยี ชวี ิตลง ความรนุ แรงตางๆทไ่ี ด เกดิ ข้ึนในยคุ กลางมีผลทําใหท วีปยโุ รปเกดิ ความเสยี หาย ทรดุ โทรม อยาง กวางขวาง
ยุคฟน ฟูศลิ ปะวทิ ยาการหรือ ยคุ เรเนซซองซ ยุคเรเนสซองส (Renaissance ) เปน ยคุ ท่ตี อ จากยคุ กลาง หลังจากท่ีบานเมืองในทวปี ยโุ รปตกอยูในความทรดุ โทรม ขาดการทะนุบาํ รุงรักษามาเปนระยะเวลานาน ในยุค เรเนสซองสช าวยุโรปเริ่มใหความสนใจหนั กลบั มาฟน ฟูพัฒนาบานเมืองใหม เพ่ือให มคี วามรงุ เรืองเหมือนในยุคกรีกและโรมนั ไดม ีการนาํ เอาศิลปะวิทยาที่ดใี นอดีตกลบั มาใชพ ฒั นาใหม จนทําใหมีการเรียกช่อื ยุคเรเนสซองสอ กี ช่ือหนงึ่ วา “ยคุ ฟนฟูศิลปะ วิทยา” ซ่งึ มคี วามหมายวา การเกดิ ใหม (Rebirth) ศูนยก ลางยุคเรเนซองสคืออติ าลี ผคู นในยุคเรเนสซองส เชือ่ ในเรอื่ งเหตผุ ลมากขนึ้ แสวงหาขอ เทจ็ จริง เลกิ เชื่อผูนาํ ศาสนาจักรอยางงมงาย แสวงหาความสขุ ความสวย ความงาม ความโออา ยอมรับ ความจริงของชีวติ กบั ธรรมชาติ สนใจเรอ่ื งกายวภิ าค มติ ิสัมพันธ การจัด องคประกอบ สง่ิ ตางๆเหลานีไ้ ดสะทอนออกมาทางงานสถาปต ยกรรม สิง่ กอ สราง ผล งานทางศลิ ปะ ผลงานทางดนตรี วรรณกรรม และการคนพบทางวิทยาศาสตร ผมู ี ฐานะทางสงั คม พอคา ขนุ นาง เรมิ่ ใหค วามสนใจกบั ผลงานทางศิลปะดนตรีมากข้นึ
ยคุ ลาอาณานคิ ม มีเหตุผลในลาอาณานคิ ม คือ มกี ารแสวงหาอาณานคิ มแบบใหมซ ึง่ มคี วามรวดเร็วในการครอบครองดินแดน , จํานวนของ มหาอาํ นาจอาณานิคมมีจํานวนเพ่มิ ขึ้น , หาแหลงทรพั ยากรใหม , หาตลาดใหม จกั รวรรดินยิ มใหมเ ขา ยดึ ครองเกอื บท้ังทวปี แอฟริกา เขา ยึดครองดินแดนที่มคี วามอดุ มสมบูรณของเอเชีย และเกาะ มากมายในมหาสุมทรแปซฟิ ก ตน คริสตศ ตวรรษท่ี 20 : ศตวรรษแหงสงคราม หลงั ครสิ ตศ ตวรรษท่ี 19 มหาอาํ นาจในยโุ รปเกดิ ขัดแยงกนั เองดังเห็นไดจ ากการพยายามแผอิทธิพลเขาไปในคาบสมทุ ร บอลขานของจกั รวรรดริ สั เซยี จักรวรรดิออตโตมาน จกั รวรรดอิ อสเตรยี -ฮงั การี และอติ าลี เมอื่ มีศัตรูมากก็ยอ มตองการ มติ รมาก จงึ มกี ารทําสญั ญาพันธมิตรข้นึ เปนสองกลุมคอื 1.ฝา ยพันธมิตร อังกฤษ ฝร่งั เศส และรัสเซีย 2.ฝายมหาอาํ นาจกลาง มี จกั รวรรดิเยอรมนี จกั รวรรดอิ อสเตรยี -ฮงั การี และอติ าลี
ท้ังสองฝา ยตางพยายามหาพรรคพวก กลา วโจมตอี กี ฝายจนสงครามโลกครง้ั ทีห่ นงึ่ ระเบดิ ขึน้ ใน พ.ศ. 2457 (ค.ศ.1914) ประเทศคูส งครามมฝี ายพันธมติ ร 23 ประเทศ ฝา ยมหาอํานาจกลาง 4 ประเทศ ชวงตน เยอรมนีบุกฝร่งั เศสตามแผนของชลฟี เฟน จนอยหู า งจากปารีสเพียง 10 ไมลแต ฝรั่งเศสกห็ ยดุ เยอรมนั ไดท่ีแมน้ํามารน หลังจากน้นั ตา งฝายตา งขุดสนามเพลาะยาวกวา 600 ไมลจ ากชายแดนสวสิ เซอรแลนดถ งึ ทะเลเหนือเรียกวา “สงครามสนามเพลาะ” สว นดา น ตะวันออก จกั รวรรดริ ัสเซียพยายามเขา ตีเยอรมันนีและออสเตรียแตก พ็ า ยแพ วา กนั วา รสั เซี ยเปนชาติที่สูญเสยี มากท่ีสุด การรบอยา งนองเลือดยงั ดําเนินตอไป การรบทซี่ อมมมีคนตายกวา 1,300,000 ศพ การรบทีก่ ัลลิโปลีฝายพันธมติ รตาย 200,000 ศพ พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) สหรฐั อเมริการวมสงครามอยฝู ายพันธมติ ร พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) เยอรมนที าํ การบุกครงั้ ใหญ แตกถ็ กู ฝายพันธมติ รโตก ลับจนเกอื บถึงชายแดนเยอรมันนี
พฒั นาการดานสังคม สมยั โบราณ กรกี และโรมันเปน สังคมชนช้ัน โดยแบงพลเมืองเปน ชนชนั้ ปกครอง ไดแก ผนู ําทาง การเมือง เชน กษัตริย กงสลุ จักรพรรดิ รวมถงึ ทหารและขนุ นาง และชนชนั้ ทถ่ี ูกปกครอง ไดแก เสรีชนทปี่ ระกอบอาชพี ตา ง ๆ เชน พอคา เกษตรกร ชางฝมอื รวมถึงทาส สมัยกลาง เปน สงั คมแมนเนอรทมี่ ีปราสาทของขุนนางเปน ศูนยกลางชุมชน แบงออกเปน 2 ชน้ั คอื ชนช้ันปกครองประกอบดว ยกษัตรยิ ขุนนาง และบาทหลวง และชนช้ันสามญั ชน สมยั ใหม ลกั ษณะทางสังคมและวัฒนธรรมเจริญกาวหนา โดยเฉพาะทางความรูดา นตา ง ๆ มีการ ร้ือฟน วิทยาการสาขาตา ง ๆ ของกรีกและโรมนั ทําใหเ กดิ การปฏวิ ัตวิ ทิ ยาศาสตร การประดษิ ฐ แทนพิมพขนึ้ ใชไดผ ลเปนครั้งแรกในยโุ รป เมื่อ ค.ศ. 1454 ทาํ ใหมกี ารอา นหนังสอื กนั อยา ง กวางขวาง
พัฒนาการดา นการปกครอง ระบอบท่ีใชใ นอดีต- ระบอบแบบฟวดัล ระบอบกษตั ริยภ์ ายใตร้ ัฐธรรมนูญ ระบอบกษตั ริยแ์ บบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ ระบอบทีใ่ ชใ นปจ จุบัน- ระบอบประชาธปิ ไตย ระบอบคอมมิวนสิ ต
พัฒนาการของเศรฐกจิ ระบบเศรฐกจิ ของยโุ รป เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม (mercantilism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่เกิดข้ึนและพฒั นาพร้อมๆ กบั การก่อตวั ของรัฐชาติ เป็นรูป แบบของเศรษฐกิจคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๖-๑๘ โดยรัฐเขา้ ควบคุมอุตสาหกรรมและการคา้ ภายในประเทศ ส่งเสริมการดาํ เนิน ธุรกิจของพอ่ คา้ การส่งสินคา้ ออก และกีดกนั การนาํ เขา้ สินคา้ จากต่างประเทศลทั ธิพาณิชยนิยมเป็นผลจากความเช่ือวา่ การ ควบคุมและการดาํ เนินธุรกิจต่างๆ จะทาํ ใหร้ ัฐมนั่ คง เขม้ แขง็ ดงั น้นั จึงถือเป็นหนา้ ที่และความจาํ เป็นของรัฐท่ีจะตอ้ งดาํ เนิน การทุกวถิ ีทางเพอ่ื เป็นเจา้ ของทรัพยากรและโภคทรัพยต์ ่างๆ และเขา้ ครอบครองดินแดนต่างๆ แลว้ จดั ต้งั เป็นอาณานิคม เผยแผ่ ศาสนา ทา้ ยที่สุดกก็ ่อใหเ้ กิดความขดั แยง้ กนั เองและเขา้ สู่สงคราม กลายเป็นสงครามท่ีลุกลามในภมู ิภาคอ่ืนๆ ของโลก เช่น สงครามเจด็ ปี (Seven Year’ War, ค.ศ. ๑๗๕๖-๑๗๖๓) ระหวา่ งฝรั่งเศสและออสเตรีย กบั องั กฤษและปรัสเซีย ก่อใหเ้ กิดการ รบกนั ท้งั ในทวปี ยโุ รป อเมริกา และเอเชีย
เศรษฐกิจแบบทุนนิยม-ปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๘ ไดเ้ กิดแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์และการเมืองท่ีสาํ คญั คือ แนวคิด ไลส์เซ-แฟร์ (laissez-faireเป็นคาํ ฝร่ังเศส หมายถึง ปล่อยใหเ้ ป็นเอง) และแนวคิดการคา้ เสรี (free trade) ของแอดมั สมิท (Adam Smith) ชาวสกอ ต เจา้ ของผลงานเร่ือง The Wealth of Nations (ค.ศ. ๑๗๗๖) ท่ีกาํ หนดใหอ้ ุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) เป็นตวั กาํ หนด กลไกของตลาด ดา้ นเศรษฐกิจน้นั ไลส์เซ-แฟร์ หมายถึง การดาํ เนินนโยบายภายในที่รัฐบาลไม่ควรเขา้ ไปกา้ วก่ายกบั การคา้ เป็น ธุรกิจของภาคเอกชนท้งั ในดา้ นอุตสาหกรรมและการเงิน ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมส่งเสริมใหน้ ายทุนแข่งขนั กนั อยา่ งเสรี ผู้ บริโภคจะทาํ ใหก้ ลไกของตลาดเคลื่อนไหวและนาํ ความมง่ั คงั่ มาสู่รัฐได้ อยา่ งไรกด็ ี ท้งั แนวคิดไลส์เซ –แฟร์ และการคา้ เสรีดงั กล่าว ไดร้ ับการสนบั สนุนจากชนช้นั นายทุนอีกท้งั สอดคลอ้ งกบั ลทั ธิเสรีนิยม จึงทาํ ใหเ้ กิดการสะสมทุน การลงทุน และขยายทุนอยา่ ง กวา้ งขวาง เกิดระบบตลาดการคา้ เสรีแบบทุนนิยม (free market capitalism) ไปทวั่ โลก โดยรัฐใหก้ ารสนบั สนุนและออกกฎหมาย ต่างๆ เพ่อื คุม้ ครองสิทธิเสรีภาพในการทาํ ธุรกิจและการคา้ การครอบครองทรัพยส์ ิน และการทาํ สญั ญาต่างๆ ในโลกปัจจุบนั ระบบ ทุนนิยมและแนวคิดไลส์เซ แฟร์ และการคา้ เสรีกย็ งั คงเป็นนโยบายเศรษฐกิจที่สาํ คญั ของประเทศประชาธิปไตย โดยรัฐเขา้ มามี บทบาทในดา้ นการวางนโยบาย การควบคุมคุณภาพและวธิ ีการผลิต ตลอดจนการดูแลในเรื่องสวสั ดิการของผใู้ ชแ้ รงงานดว้ ย
เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม (socialism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่พฒั นามาจากแนวความคิดทางการเมืองของคาร์ล มากซ์ (Karl Marx) นกั สงั คมนิยมท่ีมีช่ือเสียงของยโุ รป เกิดข้ึนกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ เพอื่ ตอบโตก้ ารขยายตวั ของลทั ธิทุนนิยมและการเอารัดเอาเปรียบ ชนช้นั แรงงาน เขาตอ้ งการสร้างระบบเศรษฐกิจท่ีเสมอภาค คือ การยกเลิกกรรมสิทธ์ิทรัพยส์ ินส่วนบุคคล และใหม้ ีการจดั การ ทางการผลิตโดยชนช้นั แรงงาน ซ่ึงชนช้นั แรงงานจะใชอ้ าํ นาจเผดจ็ การในการปกครองเพอ่ื ผลกั ดนั นโยบายสงั คมนิยมใหบ้ รรลุผล สาํ เร็จ
อิทธพิ ลที่ยโุ รปมตี อโลก ในดา้ นการเมอื งการปกครอง อดุ มการณป์ ระชาธปิ ไตยซง่ึ เรมิ่ จากสมยั กรกี ทสี่ ง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนตระหนกั ถงึ สทิ ธิหนา้ ท ่ีและ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ รฐั นบั วา่ มคี วามสาํ คญั เปน็ อยา่ งยงิ่ ถอื เปน็ แมแ่ บบของระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย ทง้ั ยงั กอ่ ใหเ้กดิ ระบอบกษตั รยิ ภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู อกี ดว้ ย ทย่ี กยอ่ งกษตั รยิ เ์ปน็ พระประมขุ ของประเทศแตใ่ หอ้ าํ นาจการปกครองและบรหิ าร ประเทศแกป่ ระชาชน สว่ นโรมนั กม็ ชี อื่ เสยี งในเรอ่ื งการรกั สทิ ธิเสรภี าพสว่ นบคุ คล และการมรี ะเบยี บวนิ ยั ของสงั คมกฎหมายสบิ สองโตะ๊ ของโรมนั ไดใ้ หค้ วามยตุ ธิ รรมแกพ่ ลเมอื งทกุ ชนชน้ั อยา่ งทดั เทยี มกนั และเปน็ แมแ่ บบของการออกประมวลกฎหมายใน นานาประเทศทว่ั โลก สว่ นงานศลิ ปะแขนงตา่ งๆ ของกรกี -โรมนั กถ็ อื เปน็ ตน้ แบบในงานสรา้ งสรรคท์ ว่ั โลก รวมทง้ั อาคารสถานท ี่ คฤหาสน ์พระราชวงั โบสถว์ หิ ารทม่ี ใี หเ้หน็ กนั ทว่ั ไปทย่ี งั คงนยิ มรปู แบบสถาปตั ยกรรมกรกี -โรมนั อยจู่ นถงึ ปจั จบุ นั
ในสมยั กลาง แมว้ า่ ช่วงเวลาระหวา่ งการล่มสลายของจกั รวรรดิโรมนั ใน ค.ศ. ๔๗๖ จนถึงการฟ้ื นตวั ของเมืองในคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๑ แสง ของอารยธรรมตะวนั ตกจะริบหรี่ลงเพราะเกิดจากการรุกรานของพวกอนารยชนจนแทบมืดสนิทน้นั แต่เม่ือยโุ รปฟ้ื นตวั ข้ึนอีกคร้ัง การ สร้างสรรคค์ วามเจริญและอารยธรรมของยโุ รปกร็ ุดหนา้ อยา่ งรวดเร็ว เมืองในสมยั กลางของยโุ รปไดก้ ลายเป็นแม่แบบของเมืองในปัจจุบนั ท้งั ไดร้ ูปแบบและการจดั ระบบการปกครองแบบเทศาภิบาล มีการเกบ็ ภาษีจากชาวเมือง การจดั การป้ องกนั ตนเอง มีการจดั ต้งั ธนาคาร การ จดั ตลาดนดั การกาํ หนดวนั ท่ี ๑ มกราคม เป็นวนั ข้ึนปี ใหม่ และอ่ืนๆ รวมท้งั การเกิดชนช้นั กลางและการสร้างค่านิยมของชนช้นั กลางที่เนน้ บทบาทและหนา้ ท่ีที่มีต่อสงั คม เช่น การเสียภาษีอากรเพอื่ นาํ รายไดไ้ ปบริหารและป้ องกนั เมือง ตลอดจนการใฝ่ การศึกษาจนก่อใหเ้ กิด มหาวทิ ยาลยั ข้ึน อีกท้งั ยงั มีการสร้างมหาวหิ ารกอทิกที่มีลกั ษณะโดดเด่นเฉพาะและพฒั นามาจากรูปแบบสถาปนาโรมนั และ ถ่ายทอดสู่ นานาประเทศทวั่ โลกพร้อมกบั การเผยแผค่ ริสตศ์ าสนาซ่ึงเป็นที่ยอมรับกนั ต้งั แต่ตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๔ ในสมยั จกั รวรรดิโรมนั อิทธิพลของอารยธรรมตะวนั ตกเป็นที่ประจกั ษม์ ากข้ึนในคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๖ เม่ือยโุ รปกา้ วเขา้ สู่ยคุ แห่งการคน้ พบและการสาํ รวจ และการปฏิรูปศาสนา ทาํ ใหช้ าวคริสตม์ ีทางเลือกท่ีจะปฏิบตั ิตามกฎเกณฑข์ องนิกายโรมนั คาทอลิกท่ีเนน้ พธิ ีกรรมและยกยอ่ งให้ สนั ตะปาปาเป็นผนู้ าํ สูงสุดในคริสจกั ร หรือนิการโปรเตสแตนตท์ ี่มุ่งการมีศรัทธาหรือความเชื่อ และยดึ ถือพระคมั ภีร์ไบเบิลเป็นหลกั ปฏิบตั ิสูงสุด
มีการจดั ต้งั อาณานิคมและสถาบนั การคา้ ข้ึนท้งั ในทวปี เอเชียและทวปี อเมริกา เกิดการแข่งขนั กนั ในการขยายอาํ นาจของชาติตะวนั ตกและ การเกิดลทั ธิพาณิชยนิยมและการปฏิวตั ิทาวการคา้ ซ่ึงทาํ ใหช้ ่องวา่ งระหวา่ งคนรวยกบั คนจนขยายตวั มากข้ึน ส่วนอารยธรรมและภาษา ตะวนั ตก ไดแ้ ก่ ภาษาสเปน โปรตุเกส องั กฤษ และฝรั่งเศส กไ็ ดร้ ับการเผยแพร่อยา่ งกวา้ งขวางรวมท้งั สตั ว์ เช่น มา้ ววั ลา และพืช เช่น สม้ ขา้ วโอต๊ และผลเบอร์รี่ เป็นตน้ อีกท้งั การเผยแผค่ ริสตศ์ าสนานิกายโรมนั คาทอลิกและโปรเตสแตนตก์ ใ็ ชม้ ิชนั นารีและวธิ ีการรุนแรง ขณะ เดียวกนั กม็ ีการละเมิดวถิ ีชีวติ ของคนทอ้ งถ่ินจนถึงข้นั เชา้ ทาํ ลายอารยธรรมดงั ที่เกิดข้ึนกบั ชนพ้ืนเมืองในทวปี อเมริกา นอกจากน้ี ชาวยโุ รป ยงั ไดน้ าํ เช้ือโรคต่างๆ เช่น โรคไขท้ รพษิ โรคมาลาเรีย และโรคหดั ไปติดชาวพ้ืนเมืองจนเกิดการลม้ ตายจาํ นวนมากอีกดว้ ย นบั ต้งั แต่คริสตว์ รรษท่ี ๑๗ เป็นตน้ มา ไดเ้ กิดการเปล่ียนแปลงในยโุ รปหลายดา้ น ไดแ้ ก่ การปฏิวตั ิวทิ ยาศาสตร์ การปฏิวตั ิอุตสาหกรรม การปฏิวตั ิทางภมู ิปัญญาในยคุ ภมู ิธรรม และการปฏิวตั ิฝร่ังเศส ซ่ึงลว้ นแต่ปทู างใหย้ โุ ปกา้ วสู่การเป็นผนู้ าํ ของโลกการปฏิวตั ิวทิ ยาศาสตร์ ทาํ ใหส้ งั คมตะวนั ตกกา้ วหนา้ ดา้ นเทคโนโลยแี ละวทิ ยาการต่างๆ มากกวา่ ดินแดนอื่นๆ ของโลก ส่วนการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมกท็ าํ ใหย้ โุ รปเปลี่ยนแปลงจากสงั คมเกษตรกรรมเป็นสงั คมอุตสาหกรรมท่ีทนั สมยั ประชาชนมีการกินดีอยดู่ ี ทาํ ใหเ้ ศรษฐกิจแบบทุนนิยมขยายตวั อยา่ งมากและคนจนถูกอดั เอาเปรียบมากยงิ่ ข้ึน
ขณะเดียวกนั กเ็ กิดลทั ธิสงั คมนิยมท่ีพยายามสร้างความทดั เทียมทางดา้ นเศรษฐกิจ ต่อมาในปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ ๑๙ เกิดลทั ธิ จกั รวรรดินิยมใหม่และการล่าอาณานิคมโพน้ ทะเล ซ่ึงมีผลต่อการขยายตวั ของตลาดการคา้ และการยา่ํ ยอี าํ นาจอธิปไตยของประเทศที่ อ่อนแอกวา่ การเผยแพร่วฒั นธรรมและภาษาตะวนั ตกและความเช่ือในคริสตศ์ าสนาท้งั นิกายโรมนั คาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์ ใหก้ วา้ งขวางยง่ิ ข้ึน ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ ยงั เป็นยคุ ของการเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นธรรมของนกั ปรัชญาเมธี (philosophe) ในยคุ ภมู ิธรรม ที่นาํ ไปสู่การปฏิวตั ิอเมริกนั ค.ศ. ๑๗๗๖ และการปฏิวตั ิฝร่ังเศส ค.ศ. ๑๗๘๙ ของชนช้นั กลางเพอื่ ความเป็นประชาธิปไตยตาม แนวทางของเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพต่อมายงั นาํ ไปสู่การเกิดลทั ธิชาตินิยมที่ชนชาติเดียวกนั ตอ้ งการรวมดินแดนของ ตนใหเ้ ป็นชาติข้ึนหรือกาํ จดั อิทธิพลของต่างชาติออกไป ในคริสตศ์ ตวรรษที่ ๒๐ มหาอาํ นาจยโุ รปไดเ้ กิดความขดั แยง้ กนั ในดา้ นผลประโยชนแ์ ละการพยายามจดั ระเบียบโลกตามความ ตอ้ งการของแต่ละประเทศจนเกิดสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ (ค.ศ. ๑๙๑๔-๑๙๑๘) และสงครามโลกคร้ังที่ ๒ (ค.ศ. ๑๙๓๙-๑๙๔๕) หลงั สงครามโลกคร้ังที่ ๒ สิ้นสุดลง ไดม้ ีความพยายามจดั ต้งั องคก์ ารระหวา่ งประเทศข้ึนเพือ่ เสริมสร้างสนั ติภาพและความร่วมมือของ โลก โดยเฉพาะองคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations) ซ่ึงยงั คงมีบทบาทต่อประชาชาติในปัจจุบนั
นอกจากน้ี ผลของลทั ธิสงั คมนิยมท่ีตอ้ งการสร้างสงั คมแห่งความเสมอภาคท่ีปราศจากชนช้นั กก็ ่อใหเ้ กิดการปฏิวตั ิ รัสเซีย ค.ศ. ๑๙๑๗ ทาํ ใหร้ ัสเซียเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสตเ์ ป็นประเทศแรกของโลก และได้ ขยายตวั จากยโุ รปไปสู่ดินแดนต่างๆ ของโลกในเวลาต่อมา ขณะเดียวกนั สหรัฐอเมริกากเ็ ร่ิมมีบทบาทในการเมืองโลก มากข้ึน ในช่วงหลงั สงครามโลกคร้ังที่ ๒ ยโุ รปตอ้ งสูญเสียสถานภาพการเป็นมหาอาํ นาจอนั ดบั หน่ึงของโลก และถกู แบ่งแยก ออกเป็นยโุ รปตะวนั ตกที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และยโุ รปตะวนั ออกปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ อยา่ งไรกด็ ี ประเทศยโุ รปตะวนั ตกไดว้ างแผนพฒั นาตวั เองไปสู่ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เพือ่ รักษาความเป็นประเทศ ผนู้ าํ โลกไวโ้ ดยจดั ต้งั สหภาพยโุ รปหรืออียู (European Union : EU ) ข้ึนใน ค.ศ.๑๙๙๓ ในปัจจุบนั กเ็ ป็นแม่แบบใหแ้ ก่ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตห้ รืออาเซียน (ASEAN ก่อต้งั ใน ค.ศ. ๑๙๗๖) ในการรวมตวั เป็นอนั หน่ึง อนั เดียวกนั ดว้ ยการสร้างความเขม้ แขง็ ในดา้ นเศรษฐกิจของภูมิภาคของตนโดยมีการจดั ต้งั เขตการคา้ เสรีแห่งอาเซียน หรืออาฟตา (AFTA) และมีการประกาศกฎบตั รอาเซียน (ASEAN Charter) ข้ึนใน ค.ศ. ๒๐๐๙ ท่ีจงั หวดั เพชรบุรี ประเทศไทย
จบการ speedrunปน นงานนนแตเ พยี งเทานี้ สวัสดีครับ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: