Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทช12005 สุขภาพพลานามัย

ทช12005 สุขภาพพลานามัย

Published by yeng5304, 2021-01-24 06:25:37

Description: ทช12005 สุขภาพพลานามัย

Search

Read the Text Version

94    ใบงาน บทท่ี 13 ความปลอดภัยในชีวติ และการปอ้ งกันหลีกเลยี่ งและการให้ความชว่ ยเหลอื เมอ่ื เกดิ อบุ ตั เิ หตุ การเกิดอคั คีภัย มลพษิ และสารเคมี   คาํ สง่ั ใหน้ ักศกึ ษาตอบคาํ ถามและอธิบายคาํ ถามต่อไปนี้ 1. ใหน้ ักศกึ ษา บอกสาเหตุท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ ความเส่ยี งอย่างน้อยมา 5 ขอ้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 2. นกั ศกึ ษาจะมวี ิธีการหลกี เลีย่ งปจั จัยเสี่ยงอยา่ งไร อธิบายมาพอสงั เขป .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................  .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................        

95    แผนการเรียนรู้ประจาํ บท บทที่ 14 หลกั และวิธกี ารปฐมพยาบาลเบอ้ื งต้น สาระสาํ คญั หลักการและวิธีการปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นเป็นทักษะท่ีสําคัญในการปฏิบัติอย่างถูกต้อง เมื่อเกิด เหตุการณ์ เพอ่ื เป็นการปฐมพยาบาลเบือ้ งต้น ต่อตนเองและผ้อู น่ื จากอบุ ัตเิ หตุ มลพิษ สารเคมี ฯลฯ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั สามารถปอ้ งกัน ชว่ ยเหลือดแู ลตนเองจากอุบตั เิ หตุ มลพษิ สารเคมแี ละสามารถปฐมพยาบาลได้ ขอบขา่ ยเนื้อหา ตอนที่ 1 หลักการและวธิ กี ารปฐมพยาบาลเบื้องต้น กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ศกึ ษาเอกสารการเรียนรู้ 2. ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามทไี่ ด้รบั มอบหมายในเอกสารการสอน สอ่ื และอปุ กรณ์ประกอบการสอน 1. ใบงาน 2. เอกสารประกอบการเรียนรู้ 3. อนิ เทอรเ์ น็ต การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตความสนใจในการเรยี นการสอน 2. การอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น 3. ตรวจแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท

96    ตอนท่ี 1 หลกั การและวิธกี ารปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ หลักเบ้อื งต้นของการปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาลเป็นการช่วยเหลือแรกสุดเพอื่ ให้คนได้รบั อบุ ัตเิ หตปุ ลอดภัยโดยมขี อ้ ควรคํานึงถงึ ดงั นี้ 1. เพื่อป้องกันอนั ตราย 2. เพอ่ื ชว่ ยชีวิต 3. เพอ่ื ลดความเจบ็ ปวด 4. นาํ ส่งโรงพยาบาล เราต้องเก็บข้อมูลเบ้ืองต้น โดยดูจากผู้ป่วย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ อาการเป็นอย่างไร และประเมิน สถานการณ์ ดงั นี้ 1 . เมือ่ พบเห็นผูบ้ าดเจ็บ ควรดใู หแ้ นน่ อนวา่ ผู้ป่วยมีเลือดออกหรือไม่ ออกจากที่ใดบ้าง มีความรุนแรง ของบาดแผลแค่ไหน ถา้ มีเลอื ดออก ควรทําการห้ามเลอื ดเป็นอนั ดับแรก 2 . ถ้าผู้ป่วยไม่มีเลือดออก ให้ตรวจดูว่าร่างกายอบอุ่นหรือไม่ ถ้าร่างกายเย็นช้ืน แสดงว่าผู้ป่วยมี อาการช็อค ควรห่มผ้าใหอ้ บอนุ่ ให้นอนศีรษะต่ํากว่าลําตวั เล็กน้อย 3 . ควรตรวจดูปากผปู้ ่วยวา่ มีสง่ิ อาเจยี น หรอื สิง่ อนื่ ใดอดุ ตันหรือไม่ ถา้ มี ให้รบี ลว้ งออกเสียเพื่อมิให้อุด ตนั ทางเดนิ หายใจหรือมิใหส้ ําลักเข้าปอด 4 . ตรวจดูให้แน่ว่าผู้ป่วยหายใจขัดหรือหยุดหายใจหรือไม่ ถ้าหยุดหายใจให้รีบทําการผายปอด และ ตรวจ คลาํ ชีพจรของเส้นเลือดใหญ่บรเิ วณลําคอวา่ ยังเต้นเปน็ จังหวะหรือไม่ ถ้าคลําชีพจรไม่พบหรือเบามาก ให้ จัดการนวดหวั ใจด้วยวธิ กี ดหนา้ อกตอ่ ไป 5 . ตรวจดูส่วนต่าง ๆ ของร่างกายว่ามีบาดแผล รอยฟกชํ้า กระดูกหัก ข้อเคล่ือนหรือไม่ ถ้าพบสิ่ง ผดิ ปกติ ใหป้ ฏบิ ตั กิ ารปฐมพยาบาลแล้วแตก่ รณี เช่น ปดิ บาดแผล เข้าเฝือกชว่ั คราว เป็นตน้ 6 . ไม่ควรเคลื่อนยา้ ยผ้ปู ่วยโดยไม่จําเป็น ถ้าหากต้องการเคล่ือนย้ายควรทําให้ถูกวิธี และมีผู้ช่วยเหลือ หลายคนช่วยกัน 7 . คลายเสื้อผา้ ทร่ี ดั ร่างกายออก 8 . อย่าให้คนมามงุ ดุ เพราะจะทาํ ใหอ้ ากาศถา่ ยเทไมส่ ะดวก 9 . พยายามปลอบใจผู้ปว่ ยอย่างให้ตนื่ เต้นตกใจ อยา่ ใหผ้ ู้ป่วยมองเห็นบาดแผลและรอยเลือดของตน 10 . ตามแพทย์มาสถานที่เกดิ เหตุ หรือนําสง่ โรงพยาบาลโดยเรว็ การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล หมายถึง การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ณ สถานท่ีเกิดเหตุ โดยใช้ อุปกรณ์เท่าท่ีจะหาได้ในขณะนั้น ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะได้รับการดูแลรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์ หรือส่ง ตอ่ ไปยังโรงพยาบาล

97    การปฐมพยาบาลมวี ตั ถปุ ระสงคท์ สี่ าํ คัญคอื 1. เพอ่ื ช่วยชีวิต 2. เพือ่ เปน็ การลดความรนุ แรงของการบาดเจบ็ หรือการเจ็บปว่ ย 3. เพ่อื ทาํ ใหบ้ รรเทาความเจ็บปวดทรมาน และชว่ ยใหก้ ลบั สู่สภาพเดิมโดยเรว็ 4. เพื่อปอ้ งกนั ความพกิ ารทีจ่ ะเกิดข้ึนตามมาภายหลงั การปฐมพยาบาลแบบต่าง ๆ การปฐมพยาบาลบาดแผลอยา่ งถกู ตอ้ งจะช่วยปอ้ งกนั อันตรายและลดอาการแทรกซ้อนทจ่ี ะเกดิ ข้ึนได้ โดยปฏบิ ตั ิดงั น้ี ชนดิ ของบาดแผล แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ชนิดของบาดแผลบาดแผลปิด หมายถึง บาดแผลที่มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อภายใต้ผิวหนัง เช่น แผล ฟกช้ํา ห้อเลือด ขอ้ เท้าพลิก ขอ้ แพลง การดแู ล - ใน 24 ชั่วโมงแรก ใช้นาํ้ แขง็ หรอื ถงุ น้ําเยน็ ประคบ เพ่อื ไมใ่ หเ้ ลอื ดออก และชว่ ยระงับอาการปวด - หลงั 24 ชั่วโมง ควรประคบดว้ ยน้ําอุ่น เพอ่ื ชว่ ยละลายล่ิมเลอื ด บาดแผลเปิด หมายถงึ บาดแผลทีท่ าํ ให้เกิดรอยแยกของผวิ หนงั แบง่ เป็น5ชนิดคือ - แผลถลอก ผิวหนังถลอก เลอื ดออกเลก็ นอ้ ย - แผลฉกี ขาดขาด เกิดจากวตั ถุไม่มีคมแต่มีแรงพอ ใหผ้ ิวหนังฉีกขาด ขอบแผลมกั ขาดกระรงุ่ กระร่ิง - แผลตัด เกดิ จากวัตถมุ คี มตัด บาดแผลมักแคบ ยาว ขอบแผลเรียบ - แผลถูกแทง เกิดจากวัตถปุ ลายแหลมแทงเขา้ ไปบาดแผลจะลึก - แผลถูกยงิ เกดิ จากกระสุนปนื อันตรายมากนอ้ ยขึ้นอยู่กบั อวัยวะภายในทถี่ กู กระสุนปืน การปฐมพยาบาล บาดแผลเลือดออก - กรณีเลือดไหลมาก ๆ ควรจะรีบกดบาดแผลด้วยผ้าสะอาดให้เลือดหยุดก่อนต้องกดให้แน่นอยู่นาน 5-10 นาที อาจใช้ผ้ายดื พนั ทับก่อนท่ีจะไปโรงพยาบาล - กรณปี ากแผลแยกควรปดิ ปากบาดแผลดว้ ยพลาสเตอร์ - แผลถลอกหรือแผลฉีกขาดที่ผิวหนังและมีเลือดออกมาไม่มาก ใช้ผ้าสะอาดกดบริเวณเลือดออกให้ กระชบั แน่ พอประมาณเลอื ดจะหยุดภายใน 2-3 นาที ใช้น้ําประปา เปิดใหไ้ หลผ่านแผล - ชะลา้ งแผลและทําความสะอาดรอบๆ แผล ถ้าแผลสกปรกมาก ควรลา้ งด้วยนํ้าสะอาดและสบู่ - ใชผ้ า้ สะอาด หรอื ผา้ กอซสะอาด ซับบริเวณแผลใหแ้ หง้ - ใสย่ าฆา่ เชอื้ เชน่ เบตาดีน (Betadine) ไม่จําเป็นต้องปิดแผล ถ้าเป็นแผลถลอก หากมีเลือดซึม ควร ใชผ้ า้ กอซสะอาดปดิ แผลไว้ - ถา้ บาดแผลมขี นาดใหญ่ กวา้ งและลกึ มเี ลือดออกมาก ให้ห้ามเลอื ด และรบี นาํ ส่งโรงพยาบาล การดูแลบาดแผลท่ีเย็บ - ดแู ลแผลไม่ใหส้ กปรก ไม่ควรให้ถูกนํา้ เพราะจะทําให้แผลทเ่ี ย็บไมต่ ิด และเกิดการตดิ เช้ือไดง้ ่าย - การเปล่ียนผ้าปิดแผลควรทําให้น้อยท่ีสุดหรือทําเมื่อมีความจําเป็นเท่านั้น ถ้าแผลสะอาดไม่ต้อง เปล่ยี นผา้ ปดิ แผลจนถึงกาํ หนดตัดไหม ยกเวน้ แผลสกปรก อาจต้องล้างแผลบอ่ ยขน้ึ - ตามปกติ จะตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน แต่ถ้าแผลยังอักเสบ หรือยังไม่แน่ใจว่าแผลติดแล้ว อาจต้องรอ ต่อไปอีก 2 – 3 วัน ให้แผลติดกันดีจึงค่อยตัดไหม ยกเว้นรายท่ีมีการติดเชื้อ แผลเป็นหนอง จําเป็นจะต้องตัด ไหมออกก่อนกําหนด แผลไฟไหม้ นํ้าร้อนลวก หมายถึง การท่ีผิวหนังถูกทําลายด้วยความร้อน ที่อุณหภูมิสูง กวา่ 50 C ไดแ้ ก่ เปลวไฟ ไอน้าํ ร้อน นาํ้ เดอื ด สารเคมี กระแสไฟฟา้ และรังสตี า่ งๆ

98    ชนดิ ของแผลไหม้ เฉพาะชน้ั ผิวหนัง ผ้ปู ว่ ยจะมอี าการปวดแสบปวดรอ้ น ลกั ษณะแผลแหง้ แดง และถ้าลึกถึงหนังแท้ จะพองเป็นตุ่มนํ้าใสและบวม การดแู ล - ระบายความร้อนออกจากแผล โดยใช้ผา้ ชบุ น้าํ หม่นั ประคบบริเวณบาดแผล หรอื เปดิ ให้นํา้ ไหลผ่าน บรเิ วณบาดแผลตลอดเวลา นานประมาณ 10 นาที ซ่งึ จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดด้วย - ทาด้วยยาทาแผลไหม้ - หา้ มเจาะถุงนา้ํ หรือตัดหนังสว่ นที่พองออก - ปดิ ดว้ ยผ้าสะอาดเพือ่ ป้องกนั การติดเช้ือและพันผ้าไว้ - ถา้ แผลไหมเ้ ปน็ บรเิ วณกว้างหรอื เปน็ อวยั วะท่สี าํ คัญตอ้ งรบี นาํ ส่งโรงพยาบาล ลกึ ถงึ เนือ้ เยอื่ ใต้ผิวหนัง ได้แก่ ไขมัน กลา้ มเนอื้ เสน้ ประสาท กระดกู เปน็ ต้น ลกั ษณะแผลมสี ี น้ําตาลเทาหรือดาํ ผวิ หนังรอบๆ จะซดี มกี ลน่ิ ไหม้ อาจทําให้เกดิ ผลแทรกซอ้ น ถงึ เสยี ชีวติ ได้ การดแู ล - ไม่ต้องระบายความรอ้ นออกจากบาดแผลเพราะจะย่ิงทาํ ให้แผลตดิ เชือ้ มากข้นึ - หา้ มใส่ยาใดๆ ท้ังส้นิ ลงในบาดแผล - ใชผ้ ้าสะอาดปิดบรเิ วณแผลเพอื่ ป้องกนั สิง่ สกปรก ใหค้ วามอบอนุ่ และรบี นําส่งโรงพยาบาล * ห้ามใช้นาํ้ ปลา ยาสฟี นั ยาหมอ่ ง ทาแผล เพราะอาจเกิดการติดเช้ือทาํ ให้แผลอกั เสบได้ อนั ตรายจากสารเคมี เมอ่ื ถกู สารเคมหี กราดผวิ หนังหรอื ลาํ ตัวให้ปฏบิ ตั ิตัวดงั นี้ - ใชน้ ้าํ ล้าง โดยใช้วธิ ีตกั ราด หรือเปิดน้าํ ให้ไหลผ่านนานประมาณ 10 นาที หรือนานจนแน่ใจวา่ ลา้ ง ออกหมด - ถอดเส้อื ผา้ เครื่องประดับทเ่ี ปอื้ นสารเคมอี อกให้หมด - นําสง่ โรงพยาบาล สาํ หรบั ผูท้ ี่มอี าการเจบ็ สาหัส สงิ่ สาํ คญั - ถ้าสารเคมีเป็นผงใหถ้ อดเส้ือผ้าและเครอ่ื งประดับท่เี ปื้อนออกให้หมดแลว้ ล้างดว้ ยนาํ้ เพราะถา้ ใช้นํ้า ล้างทนั ที สารเคมีจะละลายนาํ้ ทําใหอ้ อกฤทธ์ิ เพ่มิ ขี้น สารเคมีเขา้ ตา ต้องรีบใหก้ ารชว่ ยเหลอื เพราะอาจทําใหต้ าบอดได้ ดงั นี้ - ล้างด้วยนํ้าสะอาด นานประมาณ 20 นาที โดยเปิดน้ําจากก๊อกเบาๆ ล้าง หรือเทน้ําจากแก้วล้าง ระวังอย่าให้น้ําเขา้ ตาอกี ขา้ งหนงึ่ - ปดิ ตาดว้ ยผ้าสะอาดห้ามขยตี้ า - นําสง่ โรงพยาบาลทนั ที หนา้ มดื เป็นลม เปน็ สภาวะทีอ่ าจเกดิ จากสาเหตทุ ี่ไมร่ ้ายแรง หรือจากสาเหตุที่ร้ายแรงก็เป็นได้ ดังน้ันผู้ ท่ีอย่ใู กล้ชิด ควรจะต้องทราบและเรียนรู้ ท่จี ะชว่ ยเหลอื ผู้ท่ีมอี าการหน้ามดื เปน็ ลมนนั้ ๆ ได้ทันทว่ งที อาการ มีอาการหมดสติไปช่ัวขณะประมาณ 1-2 นาที ภายหลังหน้ามืดเป็นลม แล้วรู้สึกตัวดีข้ึนใน เวลาต่อมา ส่วนใหญ่แสดงวา่ ไม่นา่ จะมอี ะไรร้ายแรง เชน่ พวกท่ียนื กลางแดดเป็นเวลานานอาจเสียเหงื่อมากทําให้มีอาการเป็นลมแดดได้แต่หากว่าหมดสติ ไปนานกว่านีค้ วรพาคนไขไ้ ปพบแพทย์จะเป็นวธิ ีที่ดที ่สี ดุ

99    การใชผ้ า้ สามเหลยี่ ม ( Triangular bandages) การใช้ผ้าสามเหลีย่ ม เม่อื มีบาดแผลต้องใช้ผา้ พันแผล ซง่ึ ขณะน้นั มผี า้ สามเหลยี่ ม สามารถใชผ้ า้ สามเหลยี่ มแทนผา้ พนั แผลได้ โดยพบั เก็บมุมให้เรยี บรอ้ ย และกอ่ นพนั แผลตอ้ งพบั ผา้ สามเหลี่ยมใหม้ ขี นาด เหมาะสมกับบาดแผล และอวยั วะ 1. การคลอ้ งแขน (Arm sling) ในกรณีทมี่ กี ระดูกตน้ แขนหัก หรือกระดูกปลายแขนหัก เมอื่ ตกแต่งบาดแผล และเขา้ เฝอื กช่ัวคราว เรยี บรอ้ ยแล้วจะคลอ้ งด้วยผา้ สามเหลีย่ มตามลาํ ดบั ดังน้ี 1.1 วางผา้ สามเหลีย่ มให้มุมยอดของสามเหล่ยี มอยูใ่ ต้ข้อศอกขา้ งที่เจบ็ ให้ชายผ้าด้านพบพาดไปทไ่ี หล่ อีกข้างหนึ่ง 1.2 จับชายผา้ ดา้ นล่างตลบกลับข้ึนข้างบน ใหช้ ายผา้ พาดไปทีไ่ หล่ข้างเดยี วกบั แขนขา้ งทเี่ จ็บ 1.3 ผกู ชายท้ังสองให้ปมอยตู่ รงรอ่ งเหนอื กระดกู ไหปลารา้

100    1.4 เกบ็ มุมสามเหลยี่ มโดยใช้เข็มกลัดติดใหเ้ รยี บร้อย 2. การพันมอื ใช้กรณที มี่ บี าดแผลท่มี ือ ทําตามลําดับดังนี้ 2.1 วางมือที่บาดเจ็บลงบนผ้าสามเหลี่ยม จับมุมยอดของผ้าสามเหล่ียมลงมาด้านฐานจรดบริเวณ ขอ้ มือ 2.2 หอ่ มือโดยจบั ชายผ้าทง้ั ดา้ นซา้ ยและขวาไขวก้ นั 2.3 ผูกเง่ือนพิรอดบริเวณขอ้ มือ แผลงูพษิ กัด 1. ดูรอยแผล ถ้างูไม่มีพิษแผลจะเป็นรอยถลอก ให้ทําแผลแบบ แผลถลอก แล้วถ้าแผลไม่ลุกลาม หรอื ไม่มีอาการอ่ืน ไม่ตอ้ งไปหาหมอ แผลจะหายเอง ถ้างมู พี ษิ จะมรี อยเขีย้ ว 1 หรอื 2 จุด ใหร้ กั ษาตามข้อ 2-7

101    2. พูดปลอบใจอย่าใหก้ ลวั หรือตกใจ, ให้นอนน่ิงๆ, ถา้ จาํ เป็นให้เคลอ่ื นไหวนอ้ ยทส่ี ดุ 3. หา้ มให้ดืม่ เหล้า ยาดองเหล้า หรอื ยากลอ่ มประสาท 4. ห้ามใช้มีดกรีดปากแผล ห้ามบีบเค้นบริเวณแผล เพราะจะทําให้แผลชํ้า สกปรก และทําให้พิษ กระจายเรว็ ข้นึ . 5. ห้ามขนั ชะเนาะรัดแขนหรอื ขา เพราะจะเกดิ อนั ตรายมากขึ้น 6. รีบพาไปหาหมอ, ถา้ เป็นไปไดค้ วรนาํ ซากงูทก่ี ดั ไปดว้ ย 7. ถ้าหยดุ หายใจ ให้ เป่าปากชว่ ยหายใจ ผงเขา้ ตา หา้ มขยตี้ า , รีบลืมตาในนาํ้ สะอาด , และกลอกตาไปมาหรอื เทน้ําให้ไหลผา่ นตา ท่ถี า่ งหนังตาไว้ ถ้ายังไม่ออก ให้คนช่วยใชม้ มุ ผ้าเชด็ หน้าทสี่ ะอาดเขยี่ ผงออกถา้ ไม่ออก ควรรีบไปหาหมอ บาดแผล - แผลต้นื หรือแผลมีดบาด (เลือดออกไม่มาก) 1. บบี ใหเ้ ลอื ดชะเอาสง่ิ สกปรกออกมาบา้ ง 2. ถ้ามฝี ุ่นผงหรือสกปรก ตอ้ งล้างออกดว้ ยนา้ํ สกุ กับสบู่ 3. ใส่ ทงิ เจอรใ์ สแ่ ผลสด หรือ นํ้ายาโพวิโดนไอโอดีน 4. พนั รัดใหข้ อบแผลตดิ กนั 5. ควรทาํ ความสะอาดแผลและเปลี่ยนผา้ กอซวันละ 1 ครงั้ จนกวา่ แผลจะหาย ความดนั ต่าํ หน้ามดื เวยี นศรี ษะ 1. ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง, ปวดท้องหรืออาเจียนรุนแรง, ถ่ายอุจจาระดํา,ใจหวิวใจส่ัน, ชีพจร เต้นเร็ว, เหงอื่ แตกท่วมตัว, หรือลกุ นง่ั มอี าการเปน็ ลม ตอ้ งไปหาหมอโดยเร็ว.

102    2. ถ้าไม่มีอาการในข้อ 1 ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั นี้ 2.1 ใหน้ อนลงสักครู่ แลว้ ลกุ ขึ้นใหม่โดยลุกช้าๆ อยา่ ลุกพรวดพราด เชน่ ค่อยๆลกุ จากท่านอน เป็นท่านั่ง แล้วนั่งพักสักครู่ ขยับและเกร็งขาหลายๆ ครั้ง, แล้วค่อย ๆ ลุกข้ึนยืน, ยืนนิ่งอยู่ สักครู่ แล้วจึงค่อย เดนิ 2.2 ถ้ายงั มอี าการใหก้ นิ ยาหอม หรือกดจุด 3. ถา้ เป็น ๆ หาย ๆ เรือ้ รัง ควรไปหาหมอเพอ่ื ตรวจหาสาเหตุ การป้องกนั ให้ออกกาํ ลงั กายเพ่มิ ขนึ้ ทลี ะน้อย, นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ, และดืม่ นาํ้ มาก ๆ สนุ ัขกัด 1. ให้รีบทําแผลทันที โดยล้างแผลด้วยน้ําสะอาด, ฟอกสบู่หลายๆ ครั้ง, แล้วชะแผลด้วย แอลกอฮอล์ หรอื ทงิ เจอร์ใสแ่ ผลสด หรอื น้าํ ยาโพวิโดนไอโอดนี 2. รีบพาไปหาหมอ เพอื่ พิจารณาฉดี ยาปอ้ งกนั บาดทะยัก, ฉดี ยาป้องกันโรคกลัวนํ้าและใช้ ยาปฏิชวี นะ การห้ามเลือด 1. ถ้าบาดแผลเลก็ กดปากแผลดว้ ยผา้ สะอาด แลว้ พนั ใหแ้ น่น 2. ถ้าบาดแผลใหญ่ เลือดออกพุ่ง ทําตามข้อ 1 แล้วเลือดยังไม่หยุด ใช้ผ้า เชือกหรือสายยางรัดเหนือ แผล (ระหว่างบาดแผลกับหัวใจ) ให้แน่นพอที่เลือดหยุดไหลเท่านั้น โดยอวัยวะส่วนปลายไม่เขียวคล้ํา หรือถ้า เป็นเลือดพุง่ ออกมาจากปลายหลอดเลือดท่ีขาดอยู่ ให้ใช้ก้อนผ้าเลก็ ๆ กดลงตรงนนั้ เลือดจะหยุดได้ 3. ยกสว่ นทีม่ ีเลือดออกให้สูงไว้ เป็นลม 1. ถ้าเป็นลมหมดสติ และหยุดหายใจ, หรือชัก , หรือเป็นลมอัมพาต (ส่วนหนึ่งส่วนใดของ ร่างกาย อ่อนแรงทันที), หรือเป็นลมแน่นอกหรือจุกอก จนหายใจไม่ออก, หรือมีอาการ รุนแรงอื่น ต้องไปหาหมอ โดยเรว็ 2. ถา้ เป็นลมหน้ามืด อาจหมดสติจนไมร่ ้สู กึ ตวั ได้โดยกอ่ นเปน็ ลมหน้ามดื อาจใจหวิวใจสั่น หรือเวียนศีรษะแล้วหมดแรงฟุบตัวลงกับพ้ืน (มักจะไม่ล้มฟาด) - ให้นอนหงายลงกับพื้น ( ศีรษะไมห่ นนุ หมอน) แขนขาเหยียด ใช้หมอนหรอื ส่ิงอนื่ รองขา และเทา้ ให้สงู กวา่ ลาํ ตัว - คลายเสอื้ ผ้าให้หลวมออก เอาฟันปลอมและของในปากออก - พัดโบกลมใหถ้ กู หนา้ และลําตัว หา้ มคนมุงดู. - ใหด้ มยาหม่องหรือยาดมอน่ื ๆ หรือกดจุด - ใช้ผ้าชุบนํา้ เยน็ หรอื นํา้ อนุ่ เชด็ หนา้ และบีบนวดแขนขา ถ้าไม่ดขี ้นึ ใน 30 นาที ให้ไปหาหมอ การปอ้ งกนั - รกั ษาสุขภาพใหแ้ ข็งแรง เชน่ กินอาหารและนอนหลบั พกั ผอ่ นใหเ้ พียงพอ ออกกําลงั กาย สมํ่าเสมอ - หลีกเลย่ี งชนวนทท่ี าํ ให้เป็นลมหน้ามดื เชน่ ทแี่ ออัดอบอ้าว 3. ถา้ เปน็ ลมแน่นท้อง เรอลมบอ่ ยๆ ผายลมบ่อยๆ - ดม่ื นา้ํ รอ้ น ๆ หรือน้าํ ขิง/ข่า/กระชาย (อย่างใดอย่างหนึง่ )

103    - กนิ ยาลดกรด ยาขับลม การป้องกนั - อย่ากินอาหารจนอิ่มมาก และหลีกเล่ียงอาหารที่เกิดลมง่าย เช่น นม ถ่ัว อาหารที่ย่อยยาก อาหาร ค้างหรือเรม่ิ บดู เป็นต้น - พูดหรือรอ้ งเพลงใหน้ อ้ ยลง - จบิ น้าํ บอ่ ยๆ เพอ่ื ไมใ่ หก้ ลืนลมโดยไมร่ ้ตู ัว - ผ่อนคลายความเครยี ดลง ดเู รือ่ งกงั วล-เครยี ด เลือดกําเดาไหล 1. ให้นั่งนิ่งๆ, หงายศีรษะไปด้านหลัง พิงพนักหรือผนัง, หรือนอนหนุนไหล่ให้สูงแล้วหงายศีรษะพิง หมอน 2. ปลอบใจใหส้ งบใจ ให้หายใจยาวๆ (ยงิ่ ต่นื เตน้ ตกใจ เลือดยง่ิ ออกมาก) 3. ใชน้ ว้ิ มือบีบจมูกท้ัง 2 ข้างให้แน่น โดยให้หายใจทางปากแทนหรือใช้ผ้าสะอาดม้วนอุดรูจมูกข้างน้ัน หรือ กดจุด 4. วางน้าํ แขง็ หรอื ผ้าเยน็ บนสันจมูก หนา้ ผาก และใตข้ ากรรไกร 5. ถ้าเลอื ดไมห่ ยดุ รีบพาไปโรงพยาบาล 6. ถ้ามีเลอื ดกําเดาออกบ่อย ควรปรึกษาหมอ, อาจเป็นความดันเลอื ดสงู หรอื โรคอ่นื ๆ ได้ การเคลอื่ นยา้ ยผู้ป่วย การเคล่ือนยา้ ยผูป้ ่วยโดยผชู้ ่วยเหลอื สองคน วิธีท่ี 1 อุ้มและยก เหมาะสําหรับผู้ป่วยรายในรายที่ไม่รู้สึกตัว แต่ไม่ควรใช้ในรายที่มีการบาดเจ็บของ ลาํ ตัว หรอื กระดูกหกั ภาพการเคลอ่ื นย้ายผปู้ ว่ ยดว้ ยวิธีอ้มุ และยก

104    วิธีท่ี 2 นั่งบนมือทั้งส่ีท่ีจับประสานกันเป็นแคร่ เหมาะสําหรับผู้ป่วยในรายท่ีขาเจ็บแต่รู้สึกดีและ สามารถใชแ้ ขนทง้ั สองขา้ งได้ วิธเี คล่อื นยา้ ย ผู้ช่วยเหลือท้ังสองคนใช้มือขวากําข้อมือซ้ายของตนเอง ขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายกํามือ ขวาซ่ึงกนั และกัน ใหผ้ ู้ปว่ ยใชแ้ ขนทง้ั สองยนั ตวั ขน้ึ นง่ั บนมอื ทัง้ สีท่ ี่จับประสานกนั เป็นแคร่ แขนทงั้ สองของผูป้ ่วย โอบคอผชู้ ่วยเหลอื จากนนั้ วางผู้ป่วยบนเข่าเป็นจงั หวะทีห่ นงึ่ และอมุ้ ยนื เป็นจังหวะทส่ี อง แล้วจึงเดินไปพร้อมๆ กนั ภาพการเคลอ่ื นยา้ ยผู้ปว่ ยดว้ ยวธิ นี ่งั บนมอื ทั้งส่ที ่ีประสานกนั เป็นแคร่ วิธที ่ี 3 การพยงุ เดนิ วิธีน้ใี ชใ้ นรายทไ่ี ม่มีบาดแผลรนุ แรง หรอื กระดูกหกั และผู้บาดเจ็บยงั รู้สกึ ตัวดี การเคลอ่ื นย้ายผูป้ ว่ ยดว้ ยวิธพี ยงุ เดิน การเคล่อื นยา้ ยผู้ปว่ ยโดยผชู้ ว่ ยเหลอื สามคน วิธีท่ี 1 อุ้มสามคนเรียง เหมาะสําหรับผู้ป่วยในรายท่ีไม่รู้สึกตัว ต้องการอุ้มข้ึนวางบนเตียงหรืออุ้มผ่าน ทางแคบ ๆ วธิ เี คลอ่ื นย้าย ผ้ชู ว่ ยเหลอื ทง้ั สามคนคกุ เขา่ เรยี งกันในท่าคกุ เข่าขา้ งเดียว ทุกคนสอดมือเข้าใต้ตัวผู้ป่วย และอุม้ พยุงไว้ตามส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายดังน้ี คนท่ี 1 สอดมอื ทัง้ สองเขา้ ใตต้ วั ผู้ปว่ ยตรงบริเวณคอและหลงั ส่วนบน

105    คนที่ 2 สอดมือทั้งสองเขา้ ใต้ตวั ผ้ปู ว่ ยตรงบรเิ วณหลังสว่ นล่างและก้น คนที่ 3 สอดมอื ท้ังสองเขา้ ใต้ขา ผู้ช่วยเหลือคนท่ีอ่อนแอทีส่ ุดควรเป็นคนท่ี 3 เพราะรับนํา้ หนกั น้อยท่ีสุด เมื่อจะยกผู้ป่วยผ้ชู ่วยเหลือท้งั สามคน จะตอ้ งทาํ งานพรอ้ มๆ กนั โดยให้คนใดคนหน่ึงเป็นออกคําสั่ง ข้ันแรก ยก ผู้ป่วยพร้อมกันและวางบนเข่า จากท่านี้เหมาะสําหรับจะยกผู้ป่วยขึ้นวางบนเปลฉุกเฉินหรือบนเตียง แต่ถ้าจะ อุ้มเคล่ือนที่ผู้ช่วยเหลือทั้งสามคน จะต้องประคองตัวผู้ป่วยในท่านอนตะแคง และอุ้มยืน เมื่อจะเดินจะก้าวเดิน ไปทางด้านขา้ งพร้อมๆ กนั และถ้าจะวาง ผ้ปู ่วยใหท้ ําเหมอื นเดมิ ทุกประการ คือ คุกเข่าลงก่อนและค่อย ๆ วาง ผูป้ ่วยลง การเคล่อื นย้ายผู้ปว่ ยด้วยวิธอี ุ้มสามคนเรียง วิธีท่ี 2 การใช้คน 3 คน วิธีนี้ใช้ในรายท่ีผู้บาดเจ็บนอนหงาย หรือ นอนคว่ําก็ได้ ให้คางของผู้บาดเจ็บ ยกสงู เพือ่ เปิดทางเดนิ หายใจ 1. ผู้ปฐมพยาบาล 2 คนคุกเข่าข้างลําตัวผู้บาดเจ็บข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่ง ผู้ปฐมพยาบาลอีก 1 คน คุกเขา่ ขา้ งลาํ ตัวผู้บาดเจบ็ 2. ผู้ปฐมพยาบาลคนที่ 1 ประคองที่ศรี ษะและไหล่ผู้บาดเจบ็ มืออกี ขา้ งหนึ่ง รองส่วนหลังผ้บู าดเจบ็ 3. ผ้ปู ฐมพยาบาลคนที่ 2 อย่ตู รงขา้ มคนที่ 1 ใชแ้ ขนข้างหนึง่ รองหลงั ผูบ้ าดเจบ็ เอามือไปจับมือคนท่ี 1 อีกมอื หน่ึงรองใตส้ ะโพกผูบ้ าดเจบ็ 4. ผู้ปฐมพยาบาลคนท่ี 3 มือหนึ่งอยู่ใต้ต้นขาเหนือมือคนท่ี 2 ท่ีรองใต้สะโพก แล้วเอามือไปจับกับมือ คนที่ 2 ท่รี องใตส้ ะโพกนั้น ส่วนมอื อกี ขา้ งหนง่ึ รองท่ีขาใต้เขา่ 5. มือคนที่ 1 และคนท่ี 2 ควรจับกันอยู่ระหว่างก่ึงกลางลําตัวส่วนบนของผู้บาดเจ็บ ผู้ปฐมพยาบาล จะต้องใหส้ ัญญาณลกุ ขนึ้ ยนื พรอ้ ม ๆ กัน

106    การเคลอ่ื นยา้ ยผู้ป่วยดว้ ยวธิ ใี ช้คน 3 คน การเคล่ือนย้ายผู้ป่วยโดยใชผ้ ้าห่ม ใชก้ รณีทไี่ ม่มีเปลหามแตไ่ มเ่ หมาะกับผู้ป่วยทีไ่ ดร้ ับบาดเจบ็ บริเวณหลงั วิธเี คลื่อนย้าย พบั ผ้าหม่ ตามยาวทบกนั เปน็ ชั้น ๆ 2-3 ทบ โดยวิธีการพับผ้าห่มพบั เช่นเดียวกบั การพบั กระดาษทาํ พดั วางผ้าห่มขนาบชิดตัวผู้ป่วยทางด้านข้าง ผู้ช่วยเหลือ คุกเข่าลงข้างตัวผู้ป่วยอีกข้างหน่ึง จับผู้ป่วยตะแคงตัวเพ่ือให้นอนบนผ้าห่ม แล้วดึงชายผ้าห่มท้ังสองข้างออก เสร็จแล้วจึงม้วนเข้าหากัน จากน้ันช่วยกันยกตัวผู้ป่วยข้ึน ผู้ช่วยเหลือคนหน่ึงต้องประคองศีรษะผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยท่ีสงสยั วา่ ได้รบั บาดเจบ็ ทคี่ อหรอื หลัง การเคล่ือนยา้ ยผู้ปว่ ยโดยใช้ผา้ หม่ การเคลื่อนยา้ ยผปู้ ว่ ยโดยใช้เปลหาม เปลหรือแคร่มีประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย อาจทําได้ง่ายโดยดัดแปลงวัสดุ การใช้เปลหามจะ สะดวกมากแต่ยงุ่ ยากบา้ งขณะท่จี ะอุม้ ผู้ป่วยวางบนเปลหรืออุ้มออกจากเปล วธิ ีการเคลอ่ื นย้าย เริ่มต้นด้วยการอุ้มผู้ป่วยนอนราบบนเปล จากนั้นควรให้ผู้ช่วยเหลือคนหน่ึง เป็นคนออกคําสั่งให้ยก และหามเดิน เพอ่ื ความพร้อมเพรยี งและนุ่มนวล ถา้ มีผชู้ ว่ ยเหลอื สองคน คนหนึ่งหามทางด้านศีรษะ อีกคนหาม ทางด้านปลายเท้าและหันหน้าไปทางเดียวกัน ซ่ึงหมายความว่าผู้ช่วยเหลือที่หามทางด้านปลายเท้าจะเดิน

107    นําหน้า หากมีผู้ช่วยเหลือ 4 คน ช่วยหาม อีก 2 คน จะช่วยหามทางด้านข้างของเปลและหันหน้าเดินไปทาง เดียวกนั การเคลอ่ื นยา้ ยผู้ป่วยโดยใชเ้ ปลหาม วสั ดทุ น่ี าํ มาดดั แปลงทาํ เปลหาม 1. บานประตูไม้ 2. ผ้าห่มและไม้ยาวสองอัน วิธีทําเปลผ้าห่ม ปูผ้าห่มลงบนพื้นใช้ไม้ยาวสองอันยาวประมาณ 2.20 เมตร - อันท่ี 1 สอดในผา้ ห่มท่ีได้พับไวแ้ ล้ว - อันที่ 2 วางบนผ้าห่ม โดยให้ห่างจากอันท่ี 1 ประมาณ 60 ซม. จากน้ันพับชายผ้าห่มทับไม้อันที่ 2 และอันที่ 1 ตามลําดับ การใช้ผ้าห่มมาดดั แปลงทําเปลหามผ้ปู ่วย 3. เสอื้ และไมย้ าว 2 อนั นําเสื้อท่ีมีขนาดใหญ่พอๆกันมาสามตัว ติดกระดุมให้เรียบร้อย ถ้าไม่แน่ใจ ว่ากระดุมจะแน่นพอให้ใช้ เข็มกลัดซอ่ นปลายชว่ ยดว้ ย แลว้ สอดไมส้ องอนั เขา้ ไปในแขนเสอ้ื

108    ใบงาน บทท่ี 14 หลกั และวธิ กี ารปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้   คําส่ัง ใหน้ กั ศกึ ษาตอบคาํ ถามและอธิบายคาํ ถามตอ่ ไปน้ี 1. การปฐมพยาบาล มคี วามสาํ คัญอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 2. เวลาถูกงูกดั จะมวี ธิ กี ารปฐมพยาบาลอย่างไร จงอธบิ ายมา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 3. ถ้าผู้เรียนเหน็ เลือดกําเดาเพ่ือนออก จะมวี ิธีการปฐมพยาบาลอย่างไร จงอธบิ ายมา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................

109 บรรณานกุ รม - ประเวศ วะส.ี บนเสน้ ทางใหม่ การส่งเสรมิ สขุ ภาพ : อภิวัฒนช์ ีวติ และสงั คม, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสขุ , พฤษภาคม 2541. - ปณธิ าน หลอ่ เลิศวศิ ย์ บรรณาธกิ าร. การจัดต้ังองค์กรระดบั ชาติ เพอ่ื การสง่ เสริมสุขภาพในประเทศไทย, สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสุข, พฤษภาคม 2541. - ลักขณา เติมศิรชิ ยั กลุ และสชุ าดา ตง้ั ทางธรรม. ส่ศู ตวรรณใหมข่ องการสง่ เสริมสขุ ภาพ, สถาบนั วจิ ัยระบบ สาธารณสุข, พฤษภาคม 2541. - อนุวัฒน์ ศภุ ชุติกลุ บรรณาธิการ. สุขภาพของโลก ค.ศ.2000, สถาบนั วจิ ัยระบบสาธารณสขุ , กรกฎาคม 2541. - จรัส สุวรรณเวลา. มมุ มองใหม่ ระบบสุขภาพ, สถาบันวจิ ยั ระบบสาธารณสขุ , พ.ศ.2543. - วิพธุ พูลเจริญ และคณะ. สู่การปฏริ ปู ระบบสุขภาพแหง่ ชาติ, สถาบนั วิจยั ระบบสาธารณสุข, สงิ หาคม 2543. - ประเวศ วะสี. สขุ ภาพในฐานะอดุ มการณข์ องมนษุ ย,์ สํานกั ปฏริ ปู ระบบสขุ ภาพแห่งชาติ, 2543. - จรสั สวุ รรณเวลา. สุขภาพพอเพียง ระบบสขุ ภาพที่พึงประสงค,์ สถาบนั พัฒนา และรับรองคุณภาพ โรงพยาบาล, มกราคม 2544. - พ.ร.บ.กองทุนสนบั สนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ พ.ศ.2544. - คณะอนกุ รรมการยกร่าง พ.ร.บ.สุขภาพแหง่ ชาติ. ร่าง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ...... ฉบบั ปรับปรุง 24 กนั ยายน 2545 และคําชี้แจงประกอบ. สํานักปฏิรปู ระบบสขุ ภาพแห่งชาต,ิ 2545. - อาํ พล จนิ ดาวัฒนะ. ปฏริ ปู สุขภาพ : ปฏิรูปชวี ิตและสงั คม. สํานักงานปฏิรูประบบสุขภาพแหง่ ชาติ, 2546. - บริษทั อักษรเจริญทัศน์ - แมบ่ ทมาตรฐาน สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ป.๕ พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๓ - คู่มือ การดแู ลสุขภาพ รวบรวมโดย นพ.เมธี พงษก์ ติ ติหล้า

110 คณะผู้จัดทํา ที่ปรึกษา กนั ทาโย ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอเวียงแหง นางสาววิจติ ร ธาตอุ นิ จนั ทร์ ครู คศ.1 กศน.อําเภอเวียงแหง ผจู้ ัดทาํ ศรีวิลยั ครู กศน.ตําบล กศน.อําเภอเวียงแหง 1. นายพิทยา ลาภเกิด ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอเวียงแหง 2. นางธนัชพร กิจชยั กุล ครู กศน.ตาํ บล กศน.อําเภอเวียงแหง 3. นางสาวไพลนิ 4. นางสาวจิรัชยา

111 ที่ปรึกษา คณะบรรณาธิการ/ปรับปรุงแก้ไข นายศภุ กร ศรีศักดา ผู้อํานวยการสาํ นกั งาน กศน.จังหวดั เชียงใหม่ นางมีนา กติ ิชานนท์ รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงาน กศน.จงั หวดั เชียงใหม่ คณะบรรณาธิการ/ปรบั ปรุงแกไ้ ข นางณัชชา ทะภมู ินทร์ ผูอ้ ํานวยการ กศน.อาํ เภอดอยเตา่ ประธานกรรมการ นายพทิ ยา ธาตุอินจันทร์ ครู คศ.1 กศน.อาํ เภอเวียงแหง กรรมการ นางสาวศิรพัชร์ วรเศรษฐกุลไชย ครู คศ.1 กศน.อําเภอพรา้ ว กรรมการ นางปภนิ ดา เอกชยั อาภรณ์ ครูอาสาสมคั รฯ กศน.อําเภอเมืองเชียงใหม่ กรรมการ นายสกล ศรีนา ครู กศน.ตําบล กศน.อาํ เภอสันกําแพง กรรมการ นางสาวพชั วรรณ อาํ พนั ธส์ ี ครู กศน.ตําบล กศน.อําเภอสันทราย กรรมการ นางเดือนฉาย แต้มมาก ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอหางดง กรรมการ นางสาวแสงระวี แกว้ รากมุก ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอหางดง กรรมการ นางสาวสุรัสวดี สวุ รรณพงศ์ ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอหางดง กรรมการ นางสาวจันทรจ์ ิรา อ่อนอน้ นกั วิเคราะหน์ โยบายและแผน สาํ นกั งาน กศน.จงั หวัดเชียงใหม่ กรรมการ และเลขานกุ าร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook