Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

เอกสารประกอบการสอนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

Published by NATTAPORN, 2018-05-03 00:53:27

Description: วิชา อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

Keywords: ท่องเที่ยว

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน อุตสาหกรรมท่องเที่ยว นางสาวณฐั พร ขนั ทะสมี า แผนกวิชาการโรงแรม วทิ ยาลยั เทคนิคนครขอนแกน่

1 บทท1่ี ความหมายและคาจากดั ความของการท่องเท่ียว จุดประสงค์ เมื่อจบบทเรียนน้ีแลว้ นกั ศึกษาสามารถ1. ใหค้ าจากดั ความคาศพั ทท์ ี่เก่ียวกบั การท่องเที่ยว2. เปรียบเทียบความแตกต่างของอุตสาหกรรมท่องเท่ียวกบั อุสาหกรรมอ่ืน3. อธิบายองคป์ ระกอบของการท่องเที่ยว และความสาคญั ของแต่ละองคป์ ระกอบ4. บ่งบอกปัจจยั ที่ช่วยสนบั สนุนทาใหเ้ กิดการท่องเที่ยว5. อธิบายขอ้ กาหนดต่างๆ ท่ีทาใหท้ ่องเที่ยวมีลกั ษณะที่แตกต่างกนั

2ความสาคญั และคาจากดั ความของการท่องเทย่ี ว ผูใ้ หญ่สมยั ก่อนยอ้ นหลงั ไปเพียง 50-60ปี มกั จะสั่งสอนลูกหลานวา่ “อยา่ เที่ยวเตร่ ให้มากนักจะเสียผูเ้ สียคน “ ท้งั น้ี เพราะภาพลกั ษณ์ของคาว่า “ท่องเท่ียว” ในสมยั ท่ีการคมนาคมถนนหนทางยงั ไม่สะดวก จะเป็นการเที่ยวเสเพลตามบ่อนเบ้ียในละแวกบา้ น หรือไปนอนตามศาลาวดั กนั ในสมยั เดียวกบั ที่ผูใ้ หญ่ห้ามลูกหลานเท่ียวเตร่น้นั ผูใ้ หญ่ก็ออกเดินทางรอนแรมไปกบั กองเกวียนในแลง้เพื่อไปไหวพ้ ระพุทธบาท ไปทาบุญยงั วดั วาอารามที่อยู่ห่างไกลจากถ่ินที่อยู่ของตน หรือ ล่องเรือไปทอดผา้ ป่ า ทอดกฐิน ยงั วดั ริมน้าในจงั หวดั ไกลๆ เพียงแต่เขามาพูดกนั วา่ ไปเที่ยวพระบาทหรือไปเท่ียววดั เพราะฟังดูขดั จากความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนที่ถือว่าวดั เป็ นสถานที่ศกั ด์ิสิทธ์ิไม่ควรนบั เป็ นท่ีเที่ยว ดงั น้นั การจึงเป็นการเดินทางที่เกิดข้ึน ตามเง่ือนไข 3ประการ คือ 1. เป็นการเดินทางจากที่อยปู่ กตอไปยงั ที่อื่นเป็นการชว่ั คราว 2.เ ป็ น ก า ร เ ดิ น ท า ง ด้ ว ย ค ว า ม ส มั ค ร ใ จ 3. เป็ นการเดินทางดว้ ยวตั ถุประสงคใ์ ดก็ตาม ที่มิใช่ประกอบอาชีพ หรือ หารายได้เมื่อเอ่ยถึงคาวา่ “ท่องเท่ียว”ในปัจจุบนั เรามกั จะมองเห็นภาพชาวต่างประเทศสะพายกลอ้ งถ่ายรูปเดินกนัเป็ นกลุ่มใหญ่บา้ งเล็กบา้ งอยู๋ตามวดั วงั โบราณสถาน หรือนุ่งน้อยห่มนอ้ ย อาบแดดอยู่ตามชายหาดและอีกจานวนไม่นอ้ ยที่ไปเท่ียวชมป่ าเขาลาเนาไพร เรามกั จะมองเห็นว่าชาวต่างประเทศเหล่าน้ีไดใ้ ช้เงินเป็นคา่ ที่พกั ค่าอาหาร คา่ เดินทางไปชมสถานที่ต่างๆ คา่ ซ้ือของฝากท่ีระลึก โดยที่เราอาจไม่ไดค้ ิดว่าน้ันเป็ นการนาเงินตราต่างประเทศเขา้ มาใช้จ่ายในบา้ นเมืองของเรา ในขณะเดียวกนั เราอาจจะไม่ได้คิดถึงคนไทยท่ีเดินทางท่องเที่ยวอยใู่ นประเทศท้งั ๆ ที่นกั ท่องเที่ยวคนไทยเหล่าน้ีจานวนเพ่ิมมากข้ึนทุกปี เพราะการเดินทางท่องเท่ียวน้ันเป็ นการผ่อนคลายความเคร่งเครียดพร้อมๆ กับการได้รัยความรู้เก่ียวกบั วฒั นธรรมประเพณี ไดเ้ ห็นภูมิประเทศท่ีแปลกตาและไดส้ ร้างความสัมพนั ธ์กบั คนต่างถิ่นดว้ ยเมื่อมีคมนาคมสะดวก การเดินทางท่องเที่ยวกลายเป็ นความนิยม ธุรกิจต่างๆ ก็เกิดข้ึนเพ่ือรองรับการเดินทางท่องเทียวมากมาย ท้งั ธุรกิจที่เก่ียวขอ้ งโดยตรง เช่น ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจท่ีพกั และอาหาร ธุรกิจนาเที่ยว ธุรกิจการคา้ ของที่ระลึก ธุรกิจเหล่าน้ีขายบริการให้กบั ตวั นกั ท่องเที่ยวเอง และยงั มีธุรกิจที่เก่ียวขอ้ งทางออ้ ม เช่น การก่อสร้าง ที่พกั ร้านอาหาร การผลิตสินคา้ เกษตรกรรม เพ่ือขายใหแ้ กธุรกิจที่พกั และอาหาร การผลิตสินคา้ หัตถกรรมพ้ืนบา้ นเพ่ือส่งร้านคา้ ของท่ีระลึก เป็ นตน้ ธุรกิจเหล่าน้ีจะ

3ก่อใหเ้ กิดงานอาชีพใหม่ๆ และการกระจายเงินตราซ่ึงถือเป็นการเสริมสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจและสงั คมใหก้ บั ประเทศน้นั เอง (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2529: 3)ความหมายของการท่องเทยี่ ว (Tourism) ในปี พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) องคก์ ารสหประชาชาติไดจ้ ดั ประชุมว่าดว้ ยการเดินทางและท่องเที่ยวระหวา่ งประเทศข้ึนท่ีกรุงโรม ประเทศอิตาลี และไดใ้ หค้ าจากดั ความของคาวา่ “การท่องเที่ยว”ไวว้ ่า “การเดินทางเพ่ือความบนั เทิงร่ืนเริงใจ เยี่ยมญาติ หรือการไปร่วมประชุมแต่มิไดเ้ ป็ นการไปประกอบอาชีพเป็นหลกั ฐานหรือไปพานกั อยเู่ ป็นการถวาร”ตวั อย่างเหตุการณ์ทไ่ี ด้ช่ือว่าเป็ นการท่องเทยี่ ว 1. การเดินทางเพ่ือพกั ผอ่ นหยอ่ นใจเพือ่ สุขภาพ เช่น การไปเที่ยวทะเลในงนั หยดุ การเดินทางไปอาน้า 2. การเดินทางไปประชุมหรือประกอบภารกิจอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เช่น การไปเล่นกีฬาการไปสมั มนา การไปจาริกแสวงบุญทางศาสนา เป็นตน้ 3. การเดินทางเพอ่ื ธุรกิจบางอยา่ ง เช่น การสารวจตลาด การตรวจสิ่งของที่สง่ั การติดต่อธุรกิจ เป็นตน้ ตวั อย่างเหตูการณ์ทไ่ี ม่จัดว่าเป็ นการท่องเทยี่ ว 1. การเดินทางไปประกอบอาชีพอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดในประเทศน้นั ๆ 2. การเขา้ มาต้งั ถิ่นฐานถาวรในประเทศน้นั 3. การเดินทางไปทางานต่างประเทศ ไม่วา่ ผไู้ ปอยปู่ ระจาหรือไปเชา้ เยน็ กลบั(กรณีอยชู่ ายแดน) 4. การเดินทางไปเพือ่ การศึกษา ไปเป็นนกั เรียน นกั ศึกษาท่ีอยหู่ อพกั 5. การเดินทางโดยมิไดล้ งจากยวดยานพาหนะ 6. ผลู้ ้ีภยั ทางการเมือง หรือการศาสนา

4คาศัพท์ทางการท่องเทย่ี ว • เที่ยวหรือท่องเท่ียว (Tour) หมายถึง การท่องเที่ยวไปยงั สถานท่ีต่างๆ • การเดินทาง (Travel) หมายถึง การเดินทางจากสถานที่หน่ึงไปยงั อีกสถานท่ีหน่ึง โดยหน้าท่ีการงานหรือการจางงาน หรือเป็ นการใช้เวลาว่างหรือไม่ว่าจะ วตั ถุประสงคใ์ ดกต็ ามการท่องเท่ียวท้งั หมดเป็นการเดินทาง และการเดินทางบาง ลกั ษณะก่อใหเ้ กิดการท่องเท่ียว แต่การเดินทางไม่ใช่การท่องเที่ยวท้งั หมด • การท่องเท่ียว (Tourism) หมายถึง การเดินทางเพื่อความบนั เทิงร่ืนเริงใจ เยี่ยม ญาติ หรือการไปร่วมประชุม แต่มิใช่เพ่ือไปประกอบอาชีพเป็ นหลกั ฐาน ไป ทางานประจาหรือหารายได้ หรือเรียนหนงั สือ หรือไปพานกั อยเู่ ป็นการถาวร • นักท่องเที่ยว (Tourist) หมายถึง ผู้ท่ีเดินทางสู่จุดหมายนอกภูมิลาเนา โดยมี กาหนดการในการกลับภูมิลาเนาเดิมของตนข้ึนอยู่กับวตั ถุประสงค์ในการ เดินทาง • การอพยพ (Migration) หมายถึง การเดินทางโดยตอ้ งการที่จะต้งั หลกั แหล่งถาวร หรือระยะในประเทศอ่ืนและมีการโยกยา้ ยถ่ินออกจากถิ่นเดิมไปต้งั บา้ นเรือนใน ถิ่นใหม่ การอพยพไม่จดั เป็นการท่องเที่ยวท้งั การยา้ ยถิ่นตามฤดูกาล และแรงงาน ยา้ ยถิ่นกไ้ ม่เรียกวา่ เป็นการท่องเท่ียวเช่นเดียวกนั • เวลาว่าง (Leisure Time) หมายถึง เวลาท่ีบุคคลปลอดจากภาระงานท่ีตน รับผดิ ชอบไม่วา่ จะเป็นงานในหนา้ ท่ีหรือส่วนตวั • นันทนาการ (Recreation) หมายถึง การพกั ผ่อนหย่อนใจที่เป็ นกิจกรรมของ มนุษยใ์ นยามว่างตามความสนใจของตนแลว้ ก่อมห้เกิดผลการพฒั นาอารมณ์ ความสุขความสนุกสนาน เช่น กิจกรรมประเภทเกท กีฬา ศิลปะ ดนตรี การแสดง ละคร การเดินท่องเที่ยว เป็นตน้ • แหล่งท่องเที่ยว (Tourist Destination) หมายถึง จุดหมายปลายทางทางการ ท่องเที่ยวหรือสถานที่ท่องเท่ียวท่ีนกั ท่องเท่ียวให้ความสนใจและเลือกท่ีจะไป เยอื น

5 • ธุรกิจท่องเท่ียว (Tourism Business) หมายถึง การดาเนินกิจกรรมบริการทางดา้ น ท่องเที่ยว ไดแ้ ก่ บริการดา้ นการเดินทาง บริการดส้ นอาหาร การพกั โรงแรม และ บริการดา้ นการนาเที่ยวซ่ึงเป็นการดาเนินการโดยหวงั ผลกาไร • อุตสาหกรรมท่องเท่ียว (Tourism Industry) หมายถึง อุตสาหกรรมบริ การ ประเภทหน่ึง ซ้ึงประกอบดว้ ยธุรกิจหลายประเภทที่ตอ้ งการอาศยั แรงงานและ การลงทุนสูงในการจดั กิจกรรมต่างๆ ท่ีสามารถให้ผลผลิตและการบริการเพ่ือ อานวยความสะดวกสบาย และตอบสนองความตอ้ งการให้แก่นกั ท่องเที่ยวท้งั ทางดา้ นจิตใจและร่างกายลกั ษณะของอตุ สาหกรรมท่องเทยี่ ว อุตสาหกรรมท่องเท่ียว (Tourism Industry) นยั เป็ นอุตสาหกรรมหน่ึงในอุตสาหกรรมบริการท่ีมีกระบวนการผลิตเช่นเดียวกบั อุตสาหกรรมการผลิตทวั่ ไป 4 ประการ คือ โรงงาน สินคา้ลูกคา้ และการขนส่ง แต่จะมีความแตกต่างกนั ในส่วนของรายละเอียด ซ่ึงสามารถเปรียบเทียบไดด้ งั น้ี 1.โรงงาน ซ่ึงจะเป็นที่ผลิตสินคา้ ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในที่น้ีหมายถึง พ้ืนท่ีท่ีใชป้ ระกอบกิจกรรมการท่องเที่ยว หรือ อาณาบริเวณที่นกั ท่องเท่ียวเดินทางมาเท่ียวชมหรือมาเยอื น 2. สินคา้ หรือวตั ถุดิบในที่น้ี หมายถึง ทรัพยากรการท่องเท่ียวที่ดึงดูดใหน้ กั ท่องเท่ียวสนใจมาเที่ยวชม สินคา้ ในสายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอาจไม่จาเป็นที่ตอ้ งมีการเปล่ียนกรรมสิทธ์เสมอไป เช่น การซ้ือบริการยานพาหนะ ท่ีพกั แรม ความสวยงามทางธรรมชาติ โบราณสถาน ฯลฯ สิ่งที่ได้คือความพ่ึงพอใจ ความประทบั จบั และประสบการณ์ ท่ีมอบใหแ้ ก่ผซู้ ้ือสินคา้ ท่ีมีการเปล่ียนกรรมสิทธ์ิเช่น การซ้ือขายอาหารและเครื่องด่ืม การซ้ือสินคา้ ของท่ีระลึกบางอย่าง เป็ นตน้ ในสายอุตสาหกรรมทว่ั ไปสินคา้ เมื่อมีการตกลงซ้ือขายกรรมสิทธ์ิยอ่ มตกเป็นของผซู้ ้ือ แต่สาหรับสินคา้ ในสายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบางอยา่ ง สามารถนามาขายแลว้ ขายต่อไดอีกเรื่อยไป จึงนบั ว่าเป็นขอ้ ไดเ้ ปรียบอยา่ งหน่ึงของตวั สินคา้ 3. ผูซ้ ้ือหรือลูกค้าในที่น้ี หมายถึง นักท่องเที่ยวทวั่ ไปที่เดินทางมาชมความชองบา้ นเมือง ธรรมชาติ ศิลปวฒั นธรรม ฯลฯ

6 4.การขนส่งในท่ีน้ี หมายถึง การท่ีผผ็ ลิตจะตอ้ งส่งสินคา้ ไปยงั ลูกคา้ หรือผูบ้ ริโภคแต่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลบั ตรงขา้ มกนั เพราะทรัพยากรในอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวน้ีจะเป็ นท้งัโรงงาน วตั ถุดิบ และสิ้นคา้ ในตวั เองพร้อมสรรพซ่ึงไม่สามารถเคล่ือนที่ได้ ผูซ้ ้ือหรือนกั ท่องเที่ยว จึงจะตอ้ งเดินทางไปซ้ือสินคา้ หรือบริการน้นั ณ แหล่งผลิตโรงงาน ซ่ึงอาจจะเดินทางไปโดยทางบก ทางน้า หรือทางอากาศตามความสะดวกของนกั ท่องเท่ียวเองลกั ษณะพเิ ศษของอตุ สาหกรรมท่องเทยี่ ว 1. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมบริการ สินคา้ คือการบริการ (Service) และการบริการ ท่ีไดร้ ับน้นั เป็นส่ิงท่ีไม่มีตวั ตน ไม่สามารถจบั ตอ้ งได้ ดงั น้นั การบริการที่ดร้ ับตคือความรู้สึก และความคาดหวงั ที่ไดร้ ับจากการอานวยความสะดวกในดา้ นต่างๆ 2. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็ นอุตสาหกรรมที่สินคา้ ไม่อาจจัดส่งให้แก่ผูซ้ ้ือได้ ผูซ้ ้ือจะต้อง เดินทางมาซ้ือสินคา้ หรือมาใชบ้ ริการดว้ ยตวั เองไม่วา่ จะเป็นการบริการทางดา้ นการขนส่งท่ีพกั แรมหรือไปยงั แหล่งท่องเท่ียวต่างๆ 3. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมท่ีไม่มีขีดจากดั ในการผลิตและจาหน่ายเพราะวตั ถุดิบ ที่ใช้ในการผลิตจะไม่สิ้นเปลือง โดยวตั ถุดิบในอุตสาหกรรมท่องเท่ียวคือ ทรัพยากรการ ท่องเที่ยว (Tourism Resource) ซ่ึงเป็นสิ่งที่มีอยแู่ ลว้ และใหผ้ ลผลิตอยา่ งไม่มีวนั สิ้นสุด 4. อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเป็นอุตสาหกรรมท่ีเก่ียวขอ้ งกบั อุตสาหกรรมอื่นๆ แทบทุกประเภท ซ่ึงก่อให้เกิดการลงทุนทางอุตสาหกรรมในการนาเอาทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิด ประโยชนอ์ ยา่ งสูงสุด องค์ประกอบของการท่องเทย่ี ว(Factors of Tourism) การท่องเที่ยวจะสมบรูณ์ไดน้ ้นั จะตอ้ งมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั 5 ประการ คือ 1. ผมู้ าเยอื น (Visitors) 2. การขนส่ง(Transportation) 3. สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเท่ียว(Tourist Attractions) 4. แรงจูงใจทางการท่องเท่ียว(Tourist Motivations) 5. ปัจจยั สนบั สนุนทางการท่องเท่ียว(Factors Support on Tourism)

7 1.ผู้มาเยือน (Visitors) หมายถึง ผทู้ ่ีเดินทางจากท่ีอยอู่ าศยั ปกติไปยงั ท่ีอ่ืนเป็นการชว่ั คราวดว้ ยความสมคั รใจ และดว้ ยวตั ถุประสงคใ์ ดก็ตาม เช่น เพ่ือการพกั ผ่อนหย่อนใจ เพ่ือธุรกิจ เพ่ือการศึกษาเพ่ือประกอบกิจประชุม เพ่ือเยยี่ มญาติ/มิตร เพื่อกิจกรรมทางศาสนา เพ่ือกีฬา ฯลฯ แต่มิใช่เพื่อประกอบอาชีพ หรือหารายได้ ณ สถานที่น้นั ในความหมายของคาวา่ “ผมู้ าเยอื น” แบ่งออกเป็น2กลุ่ม คือ - นักท่องเที่ยว(Tourists) หรือโดยทว่ั ไปเรียกว่า “นักท่องเท่ียวท่ีคา้ งคืน” หมายถึง ผูท้ ่ีมา เยือนชว่ั คราว ซ่ึงพกั อยู่ ณ สถานที่มาเยือนต้งั แต่ 24 ชวั่ โมงข้ึนไป และมีการพกั คา้ งคืน อยา่ งนอ้ ย 1 คืน แต่อยา่ งมากไม่เกิน 60 วนั ซ่ึงไดแ้ ก่ - ผทู้ ี่ไม่มีถ่ินพานกั อยใู่ นสถานท่ีที่ไปเยอื น -ผูท้ ี่มีสัญชาติของประเทศน้นั หรือเดิมเป็ นคนในทอ้ งถ่ินน้นั แต่ปัจจุบนั ไม่ไดม้ ีถ่ิน พานกั อยู่ ณ สถานท่ีท่ีไปเยือนน้นั แลว้ เช่น คนท่ีมีสัญชาติไทย แต่ปัจจุบนั ไปอาศยั อยใู่ น ประเทศอเมริกา แลว้ เดินทางกลบั มาเที่ยวประเทศไทย เป็นตน้ -ผูท้ ี่เป็ นลูกเรือ (พนกั งานท่ีปฏิบตั ิหน้าท่ีบนเคร่ืองบินและเรือโดยสาร) ซ่ึงไม่มีถ่ินพานกั ณ สถานท่ีไปเยอื น ซ่ึงเขา้ ไปพกั คา้ งคืน ณ สถานท่ีท่ีไปเยอื นน้นั นกั ท่องเที่ยวประเภทน้ีแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.International Tourist (นักท่องเท่ียวระหว่างประเทศ) หมายถึง นักท่องเท่ียวชาวต่างประเทศท่ีเดินทางเขา้ มาในประเทศไทยและพานกั อย่คู ร้ังหน่ึงๆ ไม่นอ้ ยกว่า 1 คืน หรือ 24 ชวั่ โมงและไม่มากกวา่ 60วนั 2.Domestic Tourist (นกั ท่องเที่ยวภายในประเทศที่คา้ งคืน) หมายถึง คนไทยหรือคนต่างดา้ วที่อยใู่ นประเทศไทย เดินทางจากต่างจงั หวดั ซ่ึงเป็นที่อยอู่ าศยั ปกติของตนไปยงั จงั หวดั อื่นและระยะเวลาท่ีพานกั อยไู่ ม่เกิน 60 วนั 1.2 นักท่องเท่ียวที่ไม่ค้างคืน (Excursionists) หรือโดยทว่ั ไปน้นั เรียกว่า “นกั ทศั นาจร”หมายถึง ผมู้ าเยอื นชว่ั คราวและอยใู่ นประเทศท่ีมาเยอื นนอ้ ยกวา่ 24 ชวั่ โมง ซ่ึงไดแ้ ก่ -ผโู้ ดยสารเรือสาราญ หรือเรือสมุทร (curies passenger) ซ่ึงแวะพกั แค่เพียงชวั่ คราวและไม่ไดพ้ กั คา้ งคืน -ผทู้ ี่มาเยอื นที่จากสถานท่ีน้นั ภานในวนั เดียวกนั (same-day visitor)

8 -ผูท้ ่ีเป็ นลูกเรือ (พนกั งานท่ีปฏิบตั ิงานบนเครื่องบินและบนเรือโดยสสาร) ซ่ึงไม่ไดม้ ีถ่ินที่อยอู่ าศยั ณ ประเทศ หรือสถานที่น้นั และแวะพกั เพยี งชว่ั คราวในเวลาไม่เกิน 24 ชวั่ โมง นกั ท่องเที่ยวประเภทน้ี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.International Excursionist หมายถึง นกั ทศั นาจรต่างประเทศหรือต่างชาติท่ีเขา้ มาเยอื นประเทศน้นั ๆ นอ้ ยกว่า 24 ชว่ั โมง และไม่พกั คา้ งคืน เช่น การท่องเท่ียวชายแดนหรือประเทศใกลเ้ คียงเช่น พม่า ลาว มาเลเซีย เป็นตน้ ซ่ึงสามารถท่องเที่ยวแบบเชา้ ไปเยน็ กลบั ได้ 2.Domestic Excursionist หมายถึง นกั ทศั นาจรภายในประเทศ คือคนไทยหรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทย เดินทางกลบั สู่จงั หวดั ซ้ึงเป็ นท่ีอยู่อาศยั ปกติของตนไปยงั จงั หวดั อื่นๆและระยะเวลาที่พานกั นอ้ ยกวา่ 24 ชว่ั โมง หรือมีการท่องเท่ียวแบบเชา้ ไปเยน็ กลบั เช่น ไปเที่ยวต่างจงั หวดัใกลเ้ คียง เที่ยวน้าตก เท่ียวทะเล เป็นตน้ 2.การขนส่ง (Transportation ) หมายถึง ยานพาหนะท่ีนานกั ท่องเที่ยวไปสู่จุดหมายปลายทางการขนส่งในปัจจุบนั มีท้งั ทางบก ทางน้าและทางอากาศ สาหรับการขนส่งท่ีนิยมใชใ้ นการเดินทางท่องเที่ยวมากท่ีสุด คือ ทางรถยนต์ เพราะมีความสะดวก รวดเร็วและเขา้ ถึงแหหล่งท่องเที่ยวได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การจะเลือกใชย้ านพาหนะการขนส่งประเภทใดในการท่องเที่ยวน้นั นกั ท่องเที่ยวจะตอ้ งคานึงถึงองคป์ ระกอบต่อไปน้ีเป็นสาคญั - ความสะดวก (Convenience) - ความปลอดภยั ( Safety) - ความรวดเร็ว (Quickness) - ความประหยดั (Economy) การอานวยความสะดวกดา้ นการคมนาคมจะส่งผลให้การท่องเที่ยวขยายตวั มากข้ึนทางหน่ึง การอานวยความสะดวกเหล่าน้นั ไดแ้ ก่ 1. มีการตดั และสร้างถนน เพื่อโครงข่ายการคมนาคมท่ีดีในการเดินทางด้วย ยานพาหนะประเภทต่างๆ 2. มีการจดั บริการประเภทรถยนตโ์ ดยสารประเภทต่างๆ สาหรับนกั ท่องเที่ยว เช่น รถรับจา้ ง รถนาเท่ียว รถเช่าประเภทต่างๆ

9 3. มีการจดั บริการการขนส่งทางเรือ และมีการสร้างท่าเรือและส่ิงอานวยความ สะดวกในการข้ึน-ลงเรือ 4. มีการปรับปรุงเคร่ืองบินให้มีประสิทธิภาพในการขนส่ง ท้งั ประหยดั และ ปลอดภยั รวมท้งั การจดั เที่ยวบินและท่ีน่งั สาหรับนักท่องเที่ยว และเที่ยวบิน ภายในประเทศใหเ้ พยี งพอ 5. มีการอานวยความสะดวก และรักษาความปลอดภยั บริเวณสถานีขนส่งท่าเรือ และสนามบิน 3.สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว (Tourist Attractions) หมายถึง ทรัพยากรการท่องเที่ยวที่ดึงดูดความสนใจให้ผคู้ นมาเที่ยวหรือมาเยยี่ มชม องคป์ ระกอบของทรัพยากร การท่องเท่ียวท่ีมีคุณภาพควรมีลกั ษณะดงั น้ี คือ - ความน่าสนใจและดึงดูด (Attractions) เช่น มีความงามตามธรรมชาติหรือเหตุการณ์ เทศกาลงานประเพณีต่างๆ ที่สาคญั - การเขา้ ถึงง่าย (Accessibility) มีความสะดวกสบายในการคมนาคมขนส่งการเดินทางท่องเที่ยวไดง้ ่าย - ความอภิรมย์ (Amenities) กล่าวคือ ณ จุดหมายปลายทางน้ันจะตอ้ งมีความสนุกสนาน ต่ืนเตน้ เร้าใจและประทบั ใจในการบริการ เช่น ท่ีพกั ความบนั เทิงต่างๆ เป็นตน้ ทรัพยากรการท่องเที่ยว (Torism Resource) หมายถึง ส่ิงดึงดูดใจก่อใหเ้ กิดการเดินทางท่องเท่ียว เช่น สถานที่ท่องเท่ียว กิจกรรม และวฒั นธรรมประเพณีทีสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึง อารยธรรมทอ้ งถ่ินท่ีมีลกั ษณะโดดเด่น ทรัพยากรการท่องเท่ียวสามารถจาแนกออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆดงั น้ี -ทรัพยากรท่องเที่ยวประวิติศาสตร์ โบราณสถานและโบราณวตั ถุ (HistoricalTourism Resource) เช่น วดั พิพธิ ภณั ฑ์ พระราชวงั กาแพงเมือง อนุสาวรีย์ เป็นตน้ - ทรัพยากรการท่องเที่ยวประเภทศิลปวฒั นธรรม ประเพณี และกิจกรรม (Culturaland Activity of Human Tourism Resource) เช่น เทศกาล ประเพณี พิธี ทางศาสนาทางศาสนาศิลปหตั ถกรรม การละเล่น สภาพบา้ นเรือน วิถีชีวติ เป็นตน้

10 4. แรงจูงใจทางการท่องเที่ยว (Tourism Motivations) หมายถึง เหตุผลหรือส่ิงกระตุน้ ท่ีทาใหเ้ กิดความตอ้ งการท่ีจะเดินทางท่องเท่ียว โดยเกิดจากเหตุผลแรงจูงใจต่อไปน้ี 4.1 แรงจูงใจทางกายภาพ (Physical Motivation) ไดแ้ ก่ การท่องเท่ียวเพ่ือ การพกั ผอ่ น การกีฬา การรักษาสุขภาพ การแสวงหาความสุขแปลกๆใหม่ๆ เป็นตน้ 4.2 แรงจูงใจทางวฒั นธรรม (Cultural Motivation) ไดแ้ ก่ การท่องเท่ียว เพ่ือจาริกแสวงหาบุญศาสนา การศึกษาเรียนรู้วฒั นธรรมประเพณีในภูมิภาคต่างๆ เป็นตน้ 4.3 แรงจูงใจระหว่างบุคคล (Interpersonal Motivation) ได้แก่ การ ท่องเที่ยวเพ่อื การเยยี่ มญาติ พบปะเพอ่ื นฝงู เป็นตน้ 4.4 แรงจูงใจดา้ นสถานภาพและช่ืนเสียง (Status and Prestige Motivation ) เหตุผลในการท่องเท่ียวคือเพื่อเกียรติยศช่ือเสียงและพฒั นาบุคคล เช่น การเดินทางไป ประชุมสมั มนาไปศึกษา เจรจาธุรกิจ หรือเปิ ดตวั สินคา้ เป็นตน้ 5. ปัจจัยสนับสนุนการท่องเท่ียว (Factors Support on Tourism) หมายถึง ปัจจยั อ่ืนๆ ท่ีช่วยส่งเสริมใหม้ ีการท่องเท่ียวเกิดข้ึน ซ่ึงปัจจยั ท่ีจะกล่าวถึงต่อไปน้ีแบ่งออกเป็น ปัจจยั ภายในและภายนอกที่มีส่วนช่วยส่งเสริมและสนบั สนุนใหม้ ีการท่องเที่ยวมากข้ึน 5.1 ปัจจัยภายใน 1.โครงสร้างพ้ืนฐานการท่องเท่ียว เป็นปัจจยั สนบั สนุนใหก้ ารท่องเที่ยวสามารถดาเนินไปดว้ ยดี และทาใหเ้ กิด ความสะดวกรวดเร็วในการดาเนินธุรกิจเก่ียวกบั การท่องเที่ยว แหล่งท่องเท่ียวใดท่ีขาดการจดั โครงสร้างพ้ืนฐานในการรองรับที่ดีก็จะไม่ไดร้ ับความสนใจจากนกั ลงทุนการนกั ท่องเท่ียว โครงสร้างพ้นื ฐานดงั กล่าวหมายถึงส่ิงต่างๆ ต่อไปน้ี -โครงสร้างพ้นื ฐาน(Infrastructure) โครงสร้างพ้ืนฐานในการท่องเท่ียว ประกอบดว้ ย โครงสร้างท่ีเป็นสิ่งก่อสร้างหลกั ๆ และระบบสาธารณูปโภคที่อานวยความ สะดวกและสร้างความปลอดภยั แก่นกั ท่องเท่ียวในการเดินทาง เช่น ถนน สะพาน สนามบิน สถานีรถโดยสารหรือสถานีรถไฟ ท่าเรือ ระบบส่ือสารคมนาคมและอ่ืนๆ โดยปกติโครงสร้าง พ้นื ฐานเหล่าน้ีรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่ส่งเสริมและสนบั สนุนการท่องเท่ียวจะเป็นผสู้ ร้าง

11ไวใ้ ห้ โดยอาศยั เงินงบประมาณท่ีไดจ้ ากภาษีของประชาชนในประเทศ และเงินรายไดท้ ่ีมาจากธรรมเนียมการเขา้ ชมต่างๆ -โครงระดบั สูงทางการท่องเที่ยว (Superstructure) โครงสร้างระดับสูงทางการท่องเท่ียวน้ี ประกอบดว้ ยส่ิงอานวยความสะดวกสบายหรือบริการต่างๆ ท่ีจดั ไว้ให้แก่นกั ท่องเท่ียว เช่น สถานท่ีโรงแรม ภตั ตาคารหรือร้านอาหาร บริษทั นาเที่ยว ร้านขายสินคา้ ของท่ีระลึก แหล่งบนั เทิงศูนยข์ องมูลขา่ วสารการท่องเที่ยวและอื่นๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งตามปกติแหล่งอานวยความสะดวกเหล่าน้ีเอกชนจะเป็ นผูจ้ ัดสร้าง หรือจัดหาไวค้ อยบริการแก่นกั ท่องเท่ียวในรูปแบบของการประกอบธุรกิจแต่อาจมีหลายแห่งท่ีรัฐบาลเขา้ ไปดูแล หรือให้เงินสนบั สนุนการดาเนินงานดว้ ย โครงสร้างท้งั สองน้ีเม่ือรวมกนั เขา้ กบั แหล่งท่องเที่ยวแลว้ กจ็ ะส่งผลให้เกิดความสาเร็จในการดึงดูดนกั ท่องเที่ยวใหเ้ ขา้ มาท่องเท่ียวเป็นอยา่ งมาก 2. ขอ้ มูลขา่ วสารทางการท่องเที่ยว ขอ้ มูลข่าวสารทางการท่องเที่ยว เป็ นขอ้ มูลข่าวสารท่ีมีจุดประสงคเ์ พื่อการพฒั นาและส่งเสริมการท่องเท่ียวใหแ้ ก่ผเู้ ก่ียวขอ้ งกบั การท่องเที่ยว ท้งั คนในทอ้ งถิ่นซ่ึงเป็นผใู้ หบ้ ริการทางการท่องเที่ยวและตวั นกั ท่องเที่ยวซ่ึงเป็นผใู้ ชบ้ ริการทางการท่องเที่ยว เช่น การใหข้ อ้ มูลข่าวสารที่เห็นถึงความสาคญั ของการท่องเท่ียว และนาเสนอสิ่งท่ีคนในทอ้ งถ่ินควรมีส่วนร่วมในการพฒั นาการท่องเที่ยว รวมท้งั ส่ิงที่ควรปฏิบตั ิเพื่อตอ้ นรับนกั ท่องเที่ยว เช่นการรนณรงคไ์ ม่ทาลายแหล่งท่องเท่ียว ไม่โก่งราคานกั ท่องเท่ียว ความเป็ นมิตรในทอ้ งถ่ินการให้ขอ้ มูลรายละเอียดเกี่ยวกบั แหล่งท่องเท่ียว งานเทศกาล รวมท้งั แผนที่ท่องเที่ยวเพื่อใช้เป็นคูม่ ือประกอบการเดินทางท่องเที่ยว 3. ความปลอดภยั และอานวยความสะดวกในการเขา้ เมือง -ความปลอดภยั นบั เป็นปัจจยั หลกั ส่วนหน่ึงท่ีมีผลต่อการตดั สินใจเลือกแหล่งท่องเท่ียวของนกั ท่องเที่ยว หากแหล่งท่องเที่ยวเกิดภาวะสงคราม การประทว้ งการก่อการร้ายขา้ มชาติ การลอบวา่ งระเบิด หรือมีสถิติการก่ออาชญากรรมในระดบั สูง แหล่งท่องเท่ียวน้นั กม็ กั จะไม่ไดร้ ับความสนใจจากนกั ท่องเท่ียว

12 -การอานวยความสะดวกในการเขา้ เมือง เป็นอีกปัจจยั หน่ึงในการดึงดูด นกั ท่องเที่ยว เพราะเป็นปัจจยั ท่ีสร้างความประทบั ใจใหน้ กั ท่องเท่ียว ต้งั แต่กา้ วแรกที่ไดเ้ ดิน ทางเขา้ สู่ประเทศน้นั ๆหน่วยงานที่สาคญั ที่เป็ นเสมือนด่านแรกที่นกั ท่องเที่ยวสามารถสัมผสั ไดถ้ ึงการตอ้ นรับท่ีดีของประเทศน้นั ไดแ้ ก่ ท่าอากาศนานระหว่างประเทศ สานกั งานตรวจ คนเขา้ เมืองและกรมศุลกากร 4. สินคา้ ของท่ีระลึก จะตอ้ งมีการควบคุมคุณภาพ กาหนดราคา รวมท้งั การส่งเสริมการใช้ วตั ถุพ้ืนบา้ น การออกแบบสินคา้ ใหม้ ีเอกลกั ษณ์ รวมท้งั การบรรจุหีบห่อท่ีสวยงาม 5. การโฆษณาเผยแพร่และประชาสมั พนั ธ์ เป็นปัจจยั สาคญั ต่อการขยายตวั ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นกรรมวิธีที่จะทาใหแ้ หล่งท่องเท่ียวของเราเป็นที่รู้จกั และสนใจของนกั ท่องเที่ยวท้งั จากต่างประเทศและภายในประเทศ 6. ภาพลกั ษณ์ของประเทศ ภาพลกั ษณ์ของประเทศที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวท่ีสวยงาม ยอ่ มดึงดูดความสนใจแก่นกั ท่องเท่ียวใหเ้ ขา้ มาเท่ียวชม เช่น ภาพลกั ษณ์ของประเทศไทยคือปัจจยั 3S อยา่ ง SunSand Sea ซ่ึงสิ่งสวยงามเหล่าน้ีจะมีส่วนช่วยส่งเสริมละสนบั สนุนใหน้ กั ท่องเท่ียวทีชื่อชอบธรรมชาติเขา้ มาท่องเท่ียวไทยมากข้ึน 5.5ปัจจยั ภายนอก 1 สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของโลก มีส่วนสาคญั ในการกาหนดกระแสการเดินทางของนักท่องเท่ียวสภาวะเศรษฐกิจท่ีตกต่าจะทาให้การเดินทางท่องเที่ยวอ่อนตวั ลง โดยเฉพาะการเดินทางท่องเท่ียวระยะไกลเช่นเดียวเคล่ือนไหวทางการเมืองในบางประเทศอาจก่อให้เกิดความรู้สึกความไม่มน่ั คงเป็นผลให้เดินทางออกนอกประเทศชะลอตวั ลงในระยะน้นั ในทางตรงขา้ มการฟื นตวั ทางเศรษฐกิจและสภาพความมน่ั คงทางการเมือง จะเป็นตวั กระตุน้ กระแสการเดินทางใหข้ ยายตวั อยา่ งกวา้ งขวาง

13 2. ความนิยมในการท่องเท่ียว ในช่วงเวลาสามสิบปี ที่ผ่านมาทีองคป์ ระกอบหลายประการ ท่ีช่วยให้รายไดข้ องครอบครัวดีข้ึน รวมท้งั ครอบครัวมีขนาดเล็กลงในขณะที่ค่าใชจ้ ่ายในการท่องเที่ยวลดต่าลงเป็ นผลจากการท่องเที่ยวไดป้ รับปรุงรูปแบบการบริการให้มีค่าใชจ้ ่ายแบบเบด็ เสร็จในราคาที่ประหยดั ทาใหผ้ ทู้ ่ีรักการเดินทางท่องเที่ยวมีโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยวมากข้ึน 3. การขยายเส้นทางคมนาคม ในโลกยคุ ใหม่การคมนาคมขนส่งจะตอ้ งมีความสะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโครงข่ายของระบบการคมนาคมเพื่อการเดินทางท้งั ทางบก ทางน้าหรือทางอากาศจะตอ้ งมีการเชื่อมต่อระหว่างกนั รวมท้งั ระบบการคมนาคมทางอากาศไดร้ ับการพฒั นาท้งั ในดา้ นท่าอากาศยาน เครื่องบิน และเส้นทางบินส่งผลใหก้ ารเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปดว้ ยความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภยั และประหยดั มากยง่ิ ข้ึน 4.การเปล่ียนแปลงนโยบายทางการเมือง ระบบคมนาคมขนส่งที่มีการพฒั นาใหม้ ีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งข้ึน ทาให้ดูเหมือนโลกจะหดตวั เล็กลง รัฐบาลของทุกประเทศต่างให้ความสนใจความร่วมมือระหว่างประเทศ เพ่ืออานวยความสะดวกในการเดินทางท่องเท่ียวและการแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสารขอ้ มูลข่าวสารซ่ึงเป็ นผลทาให้เกิดการแข่งขนั กันท้งั ในแง่การส่งเสริมการตลาด และการวางแผนพฒั นาการท่องเท่ียวแต่ละประเทศที่ประกอบกนั เพื่อเป็ นแรงจูงใจเพ่ือให้เกิดความตอ้ งการในการเดินทางท่องเท่ียวมากยง่ิ ข้ึน การท่องเท่ียวจะดาเนินไปไดอ้ ย่างสมบรูณ์และประสิทธ์ภาพ จะตอ้ งมีองค์ประกอบท่ีได้กล่าวมาแลว้ อย่างครบถว้ น อย่างไรก็ตาม มีผูค้ นอีกจานวนมากท่ีไม่มีโอกาสได้ท่องเท่ียวดว้ ยเหตุผลต่อไปน้ี 1. มีทศั นคติวา่ การท่องเท่ียวเป็นการสิ้นเปลือง มีภาระการใชจ้ ่ายในทางอ่ืนและนอกน้ีเกรงวา่เมื่อมีการท่องเที่ยวแลว้ จะตอ้ งใชจ้ ่ายในทางท่ีไม่สมควร เช่น การพนนั หรือ การบริการอื่นๆ 2. ไม่มีเวลาที่สามารถจดั สรรสาหรับการท่องเที่ยวได้ 3. มีปัญหาทางสุขภาพอนั เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว เช่น พิการทางร่างกาย เป็นตน้ 4. ตอ้ งรับผดิ ชอบต่อครอบครัว เช่น บุตรยงั เลก็ ตอ้ งเล้ียงดู เป็นตน้

14 5. เป็นบุคคลท่ีไม่สนใจอยากจะท่องเท่ียวหรือไม่ใฝ่ รู้ 6. เกรงกลวั วา่ จะไม่ปลอดภยั อนั เกิดจากอุบตั ิเหตุระหวา่ งเดินทางหรือภยั จากมนุษยด์ ว้ ยกนั 7. มีคา่ นิยมท่ีผดิ ๆเช่นสมยั โบราณมกั จะมองวา่ การเที่ยวเตร่ทาใหเ้ สียเวลา เสียผเู้ สียคน การท่องเท่ียวไดม้ ีการพฒั นาและเจริญรุดหนา้ ไปรวดเร็ว ท่องเท่ียวเป็นส่ิงหน่ึงที่ตอบสนองความตอ้ งการของมนุษยไ์ ดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ซ่ึงในปัจจุบนั นกั ท่องเที่ยวมีแรงจูงใจและวตั ถุประสงคใ์ นการท่องเท่ียวต่างกนั ซ่ึงสามารถจาแนกไดด้ งั น้ี1. การท่องเท่ียวเพ่ือความสนุกสนานและความบนั เทิง ไดแ้ ก่ การท่องเท่ียวเพ่ือเปล่ียนบรรยากาศจากการทางานและเพื่อไดพ้ บเห็นสิ่งแปลกใหม่ในเมืองใหญ่ หรือเมืองที่เป็ นศูนยก์ ลางการท่องเที่ยว เพื่อเกบ็ ความทรงจาท่ีสนองตอบความตอ้ งการของตน2. การท่องเที่ยวเพื่อพกั ผ่อนหรือเพื่อสุขภาพ นกั ท่องเที่ยวกลุ่มน้ีคือกลุ่มที่ใชว้ นั หยดุ งานเพ่ือพกั ผ่อนโดยไม่ทาอะไร ท้งั น้ีเพื่อขจดั ความเหน่ือยลา้ ท้งั ทางร่างกายและทางจิตใจที่เกิดข้ึนในช่วงเวลาทางานให้หมดสิ้นไป บางคนกอ็ าจไปพกั ฟ้ื นเพราะป่ วยไขห้ รือไม่สบายนกั ท่องเที่ยวกลุ่มน้ีมกั จะไปพกั ณ ท่ีใดท่ีหน่ึงพือ่ ใหไ้ ดค้ วามสงบจริงๆ เช่น ชายหาดท่ีไกลผคู้ นหรือบนเขาบนดอยที่ห่างไกลความจอแจ เป็นตน้3. การท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วฒั นธรรม เป็ นการเดินทางเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกบั วฒั นธรรมประเพณีของชาติต่างๆ ท่ีตนสนใจ หรือเพื่อนมสั การศูนยศ์ าสนาที่สาคญั รวมถึงการร่วมงานมหกรรมทางศิลปะ ดนตรีละคร เป็นตน้4. การท่องเท่ียวเพื่อการกีฬา แบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ชนิด คือ การท่องเท่ียวเพ่ือไปชมการแข่งขนั กีฬาคร้ังใหญ่ๆ ของโลก เช่น กีฬาโอลิมปิ ก กีฬาเอเซียนเกมส์ การแข่งขนั ฟุตบอลโลก ฯลฯ อีกชนิดหน่ึงไดแ้ ก่การท่องเท่ียวเพื่อไปเล่นกีฬาที่ตนเองช่ืนชอบตามถ่ินที่มีการเล่นกีฬาชนิดน้นั ๆ เช่น ในฤดูหนาวก็ไปเล่นสกี พน้ ฤดูมรสุมอาจไปเล่นเรือใบ หน้าร้อนก็เป็ นฤดูปี นเขา และในฤดูกาลอื่นๆ ท่ีเหมาะสมนกั ท่องเที่ยวอาจเขา้ ป่ ายงิ สตั ว์ ข่ีมา้ ตกปลา เป็นตน้5. การท่องเท่ียวเพื่อธุรกิจและการประชุมสัมมนา นกั ท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจและการประชุมสัมมนาส่วนใหญ่มกั จะจดั เวลาให้เหลือไวส้ าหรับการท่องเที่ยวดว้ ย ซ่ึงเป็นเวลาว่างหลงั จากเสร็จสิ้นภาระงานของตน โดยถือโอกาสอยทู่ ่องเท่ียวต่ออีก2-3 วนั นกั ท่องเท่ียวประเภทน้ีถือไดว้ ่า สามารถทาเงินตราให้กบัประเทศเจา้ บา้ นมากกว่ากลุ่มนกั ท่องเที่ยวทวั่ ไป เพราะเป็ นกลุ่มที่ใชจ้ ่ายเงินเพ่ือการท่องเที่ยวมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

156. การท่องเที่ยวเพ่ือการศึกษา ไดแ้ ก่ บุคคลท่ีเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทาการวิจยั ดูงานต่างประเทศการแลกเปล่ียนนกั ศึกษา การเดินทางของนกั ท่องเที่ยวเหล่าน้ีเป็นพวกท่ีนาเงินตราต่างประเทศมาให้แก่ประเทศเจา้ บา้ นมากกว่าประเภทอ่ืน เพราะเป็นนกั ท่องเท่ียวท่ีจะตอ้ งเขา้ ไปอยู่ในประเทศเจา้ บา้ นนานกวา่ นกั ท่องเที่ยวประเภทอื่นนบั เดือนหรือปี ท่ีเดียวคุณลกั ษณะพืน้ ฐานในการกาหนดการท่องเทย่ี วมนุษยม์ ีการเดินทางท่องเท่ียวหลายลกั ษณะดว้ ยกนั ท้งั กนั น้ีข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั หลายอยา่ งตามเหตุจูงใจและพฤติกรรมการท่องเท่ียวของแต่ละคน ในการจดั แบ่งคุณลกั ษณะพ้ืนฐานการท่องเที่ยวในท่ีน้ีสามารถรวบรวมลกั ษณะของการท่องเที่ยวไดต้ ามขอ้ กาหนดต่างๆต่อไปน้ี 1. กาหนดตามระยะทางของการท่องเทย่ี ว • การท่องเท่ียวระยะไกล (Long-haul) หมายถึง การเดินทางท่องเที่ยวในระยะทางมากกว่า 3,000 กิโลเมตร ไม่วา่ การเดินทางน้นั จะอยภู่ ายในหรือออกนอกประเทศกต็ าม • การท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short-haul) หมายถึง การเดินทางท่องเที่ยวในระยะนอ้ ยกว่าหรือ เท่ากบั 3,000 กิโลเมตร จากภูมิลาเนาของนกั ท่องเที่ยว 2.กาหนดตามสภาพภูมิศาสตร์การเดนิ ทาง • การท่องเที่ยวระหวา่ งประเทศ (Interactional Tourism) หมายถึง การเดินทางท่องเท่ียว ไปในต่างประเทศหรือการท่องเที่ยวไปยงั สถานท่ีที่ต่างจากประเทศตน การท่องเที่ยวภายในประเทศ (Internal Tourism หรือ Domestic Tourism ) หมายถึง การ ท่องเที่ยวภายในอาณาเขตของประเทศน้นั ๆ โดยหมายรวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวของบุคคล ท้งั ท่ีมีถ่ินพานกั อาศยั ถาวรและมิไดม้ ีถิ่นพานกั อาศยั ถาวรในประเทศน้นั ดว้ ย 3. กาหนดการตามตามความต้องการของนักท่องเทย่ี ว • การท่องเท่ียวเพ่ือการพกั ผ่อนหย่อนใจ (Leisure Tour หรือ Recreation Tour) มี จุดมุ่งหมายในการพกั ผอ่ นในวนั หยดุ หรือการแสวงหาความสุนกสนานบนั เทิง • การท่องเท่ียวเพื่อทาธุรกิจ (Business Tour) เป็ นการเดินทางของนักธุรกิจโดยมี กิจกรรมทางดา้ นธุรกิจเป็ นจุดหมายหลกั ในขณะเดียวกนั อาจมีการพกั ผ่อนหย่อนใจ ประกอบดว้ ยกไ็ ด้

16• การท่องเที่ยวเพื่อเป็ นรางวลั จูงใจ (Incentive Tour) มกั จดั ให้แก่หน่วยงานของบริษทั ต่างๆ หรือผูท้ ่ีทาประโยชน์ให้แก่บริษัทและหน่วยงานน้ัน ๆ การเดินทางอาจมี วตั ถุประสงคเ์ พอ่ื การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจหรือเพือ่ ธุรกิจรวมอยดู่ ว้ ยกไ็ ด้• การท่องเที่ยวเพื่อการประชุมสัมมนา (Convention Tour) นักท่องเท่ียวมีจุดประสงค์ เพื่อเขา้ ร่วมประชุมสัมมนา หรือไปชมการแสดงสินคา้ การจดั นิทรรศการในโอกาส ต่างๆ• การท่องเท่ียวเพ่ือความสนใจพิเศษกลุ่ม ( Special-lnterest Group tour ) คือ จดั ข้ึนป็ น พิเศษสาหรับกลุ่มบุคคลที่มีความสนใจในเร่ืองไดเรื่องหน่ึงโดยเฉพาะ เช่นการ ท่องเท่ียวเชิงสุขภาพและกีฬา การท่องเท่ียวเชิงศิลปะวฒั นะรรม และการท่องเท่ียวเพื่อ การศึกษาเป็ นตน้ 4. การกาหนดตามวธิ ิการการจกั การเดนิ ทาง• การท่องเท่ียวแบบอิสระ ( Indepndent Tour ) เป็ นการท่องเท่ียวท่ีนักท่องเท่ียว สามารถกาหนดเอาว่าจะไปท่ีไหนบา้ ง ไปเมื่อได หยุดท่องเที่ยวที่ไหนบา้ ง หรือจะ เปลี่ยนแปลงอยา่ งไรก็ไดต้ ามท่ีปรารถนา โดยจดั ใหบ้ ริการต่างๆ เอาเองดดยไม่ตอ้ งพ่งึ บริษทั นาเท่ียวหรือพ่ึงเพียงบางสวน• การท่องเท่ียวแบบเบด็ เสร็จ ( Inclusive Tour ) เป็นการท่องเที่ยวที่มีการกาหนดไวเ้ ป็น รายการท่ีแน่นอน นกั ท่องเที่ยวไม่ตอ้ งจกั การอะไรอีกเลย บริษทั นาเที่ยวจะจดั ให้ หมดทุกอย่าง ต้งั แต่การเดินทาง ที่พกั อาหาร ตลอดจนการนาชมสถานที่ การ ท่องเที่ยวแบบน้ีจะรวม ค่าใชจ้ ่ายทุกอยา่ ง บริษทั นาเที่ยวอาจจดั รายการท่องเที่ยวไว้ หลายๆ รายการใหล้ ูกคา้ เลือดตามความสนใจและความตอ้ งการไปตามที่กาหนดไวใ้ น แต่ละรายการท่องเท่ียว จะเปลี่ยนแปลงรายการตามชอบใจไม่ได้ 5 กาหนดตามจานวนนักท่องเทย่ี ว• การท่องเท่ียวแบบเดียวหรือแบบเป็ นส่วน ( Individual Tour หรือ Private Tour ) เป็นการท่องเท่ียวสามารถวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวดว้ ยตนเองหรือซ้ือบริการของ บริษทั นาเที่ยวก็ได้แต่เป็ นไปตามความตอ้ งการจองตนโดยเฉพาะโดยไม่รวมกับ

17 นกั ท่องเที่ยวคนอื่น การเดินทางไปตามลาพงั ไปกบั ครอบครัว หรือไปกนั เป็ นกลุ่ม เลก็ ๆ ที่สนิทชิดชอบกนั กไ็ ด้• การท่องเท่ียวแบบกลุ่ม ( Group Tour ) เป็นการท่องเท่ียวต้งั แต่10ข้ึนไปซ้ึงอาจจะเป็น กลุ่มเพื่อน พี่น้อง หรือเพื่อนร่วนงาน โดยอาจจดั การวางแผนการเดินทางท่องเท่ียว เฉพาะกลุ่มท่ีอาจจะซ้ือหรือไม่ซ้ือบริการของบริษทั ทวั ร์นาเที่ยวกไ็ ด้ 6. การกาหนดช่วงเวลาของการเดนิ ทาง• การท่องเที่ยวคาบเวลายาว ( Staving Visits) เป็ นการท่องเที่ยวจากถ่ินท่ีอยู่อาศยั ของ ตนเองละพกั อยู่ ณ ท่ีไดท่ีหน่ึงเป็ นระยะเวลายาวนานเป็ นสัปดาห์ หรือเป็ นเดือน เช่น อาจใช้เวลา 2-3 เดือนสาหรับการท่องเที่ยว 11-12 ประเทศในยุโรป โดยเป็ นการ ท่องเท่ียวเพอื่ การศึกษาศิลปวฒั นธรรมเป็นตน้• การท่องเที่ยวคาบส้ัน (Visits) เป็ นการท่องเท่ียวที่ใชเ้ วลา 2-3 วนั ถึงประมาน 10 วนั ท้งั น้ี ข้ึนอยู่กบั สาเหตุต่างๆหลายสาเหตุ เช่น ฐานะทางการเงินของผูเ้ ดินท่องเท่ียว ระยะเวลาในการลาพนกั งาน ค่าใชจ้ ่ายครองชีพของประเทศตนหรือสถานที่ท่ีไปเยือน เป็ นตน้• การท่องเท่ียวแบบทศั นาจร ( Excursion) ซ้ึงเป็นการเดินทางท่ีใชเ้ วลาไม่เกิน 24 ชงั่ โมง และไม่มีการพกั คา้ งคืน หรือเรียกว่าเป็ นการเดินทางแบบเช้าไปเยน็ กลบั เช่น การ ท่องเท่ียวในชนบทที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหรือชุมชนมากนัก รวมถึงการขา้ มแดน ประเทศเพอ่ื ซ้ือสินคา้ หรือเปล่ียนบรรยากาศกไ็ ด้ รูปแบบของการท่องเทยี่ ว รูปแบบการท่องเท่ียวสามารถจาแนกกวา้ งๆ ได้ 2 ประเภท คือ 1. การท่องเท่ียวแบบอิสระ (Independent Tourism) เป็ นการท่องเที่ยวนกั ท่องเท่ียว กาหนดรายการท่องเที่ยว ติดต่อที่พกั แรม และเลือกวธิ ีการเดินทางเองโดยไม่ใชบ้ ริการ ของบริษทั นาเท่ียวแต่ในปัจจุบนั การท่องเที่ยวแบบอิสระน้ี หมายรวมถึง การท่องเท่ียว ท่ีท่องเที่ยวอาจเลือกใชบ้ ริษทั การของบริษทั นาเท่ียว เพียงส่วนในการท่องเท่ียวก็ได้ เพื่อประหยดั ค่าใช้จ่าย เช่นการซ้ือบริการในส่วนของตว๋ั โดยสาร และการสารอง หอ้ งพกั เท่าน้นั

182. การท่องเที่ยวแบบมวลชน ( Mass Tourism) เป็ นการเดินทางท่ีนักท่องเที่ยวใช้บริการของบริษทั นาเท่ียวในการเลือกรายการท่องเที่ยว ที่พกั แรม วิธีการเดินทาง หรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่าเป็ นการท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ ( Inclusive Tour หรือ PackageTour) ท้งั การท่องเท่ียวแบบอิสระและการท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จ นกั ท่องเที่ยวอาจเลือกไปเป็นกลุ่ม ( Group Travel ) หรือไปเพียงลาพงั ( Inclusive Tour ) ก็ได้ ดงั เช่นท่ีแสดงในแผนภูมิที่1.1 (สุภาพร มากแจง้ ,2539: 15-16) รูปแบบของการท่องเท่ียว (Kind of Tourism) การท่องเที่ยวแบบอิสระ (การท่องเท่ียวแบบมวนชน )(Independent Tourism) ( Mass Tourism : InclusiveTour )การท่องเท่ียวเดี่ยว การท่องเที่ยวกลุ่ม(Individual Travel) (Group Travel) แผนภูมิ 1.1 รูปแบบของการท่องเทยี่ วชนิดของนกั ท่องเท่ียวชนิดของนกั ท่องเที่ยว สามารถจาแนกไดต้ ามรูปแบบของการจดั การเดินทางท่องเที่ยวซ้ึงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ1. นกั ท่องเที่ยวแบบอิสระ ( Independent Tourists)2. นกั ท่องเที่ยวแบบกลุ่ม (Group Tourists)

19 ท้งั นกั ท่องเท่ียวแบบอิสระแบบกลุ่ม อาจเลือกท่ีจะท่องเท่ียวโดยใชบ้ ริการของบริษทั นาเท่ียวแบบเบด็ เสร็จหรือเลือกใชบ้ ริการเพยี งบางส่วนกไ็ ด้ โดยเลือกท่ีจะทาการติดต่อธุรกิจบริการท่ีเก่ียวขอ้ งดว้ นตนเอง ( สุภาพร มากแจง้ , 2539: 16 – 17 )คาถามท้ายบท1. อธิบายความหมาย “การท่องเที่ยว” ตามคาจากดั ความขององคก์ ารสหประชาชาติที่ใหไ้ วเ้ มื่อปี พ.ศ5062. “ ผมู้ าเยอื น” หมายถึงบุคคลประเภทใด แต่ละประเทศมีลกั ษณะอยา่ งไร3. อธิบายคาจากดั ความ “Tourists” กบั “Excursionists” วา่ แตกต่างกนั อยา่ งไร4. องคป์ ระกอบที่สาคญั ของการท่องเที่ยวประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง5. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเหมือนหรือแตกต่างกนั จากอุตสาหกรรมอ่ืนอยา่ งไร6. ผเู้ ดินทางมาเยอื นชวั่ คราวและอยใู่ นประเทศท่ีมาเยอื นนอ้ ยกวา่ 24 ชวั่ โมง หมายถึงนกั ท่องเท่ียวประเภท ใด7. การพฒั นาความสะดวกในดา้ นใดบา้ งที่ส่งผลใหก้ ารท่องเท่ียวมีการขยายตวั มากข้ึน8. วธิ ีการจกั การเดินทางของนกั ท่องเที่ยวแบ่งออกเป็นก่ีประเภท แต่ละประเภทมีลกั ษณะในการจกั การเดินทางอยา่ งไร9. อะไรคือสาเหตุสาคญั ท่ีทาใหเ้ กิดแรงจูงใจทางการท่องเท่ียว10. มีปัจจยั ใดบา้ งที่ช่วยส่งเสริมและสนบั สนุนใหม้ ีการท่องเท่ียว และในแต่ละปัจจยั มีส่วนช่วยส่งเสริมและสนบั สนุนใหม้ ีการท่องเท่ียวอยา่ งไร11. ใหย้ กตวั อยา่ งสิ่งท่ีเป็นโครงสร้างพ้นื ฐานทางการท่องเที่ยว (Infrastructure) และโครงสร้างระดบั สูงทางการท่องเที่ยว ( Superstructure)12. อธิบายความสาคญั ของโครงสร้างพ้ืนฐานทางการท่องเที่ยว

20 บทท2่ี ความเป็ นมาของการท่องเท่ยี วจุดประสงค์เม่ือเรียนจบบทน้ีแลว้ นกั ศึกษาสามรถ1. วเิ คราะห์ประวตั ิความเป็นมาของการท่องเที่ยว2. วิเคราะห์ประวตั ิความเป็นมาของการท่องเที่ยวไทย3. เปรียบเทียบววิ ฒั นาการของการท่องเท่ียวต้งั แต่สมยั โบราณ ปัจจยั และ อนาคต4. ทราบและสามารถวเิ คราะห์เหตุการณ์สาคญั ท่ีเกิดข้ึนในอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว

21ความเป็ นมาของการท่องเทย่ี ว ในสมยั ดึกดาบรรพ์ มนุษยย์ งั ไม่มีถ่ินที่อยอู่ าศยั ถาวรจึงมกั จะเดินทางเร่ร่อนไปตามท่ีต่างๆที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์และทาใหช้ ีวิตของตนปลอดภยั จากศตั รู แต่เมื่อใดท่ีอาการการกินหมดลงหรือการพานกั อาศยั อยู่ ณ สถานที่น้นั ไม่ปลอดภยั แลว้ มนุษยก์ ็จะเดินทางเร่ร่อนต่อไป ลกั ษณะการดารงชีวิตอยอู่ ยา่ งเร่ร่อนแบบน้ีเป็นอยกู่ บั มนุษยม์ านบั แสนปี เลยทีเดียว การดารงชีวิตเช่นน้ีตามหลกั จิตวิทยานบัไดว้ า่ เป็นคาบเวลาท่ีนานพอที่พฤติกรรมเช่นน้ี จะเขา้ ไปอยใู่ นระบบประสาทของมนุษย์ ในกระบวนการดดั แปลงเพ่ือให้เขา้ กบั ธรรมชาติ จากทฤษฎีดงั กล่าวให้กล่าวไดว้ ่ามนุษยใ์ นปัจจุบนั มีความปรารถนาและมีแนวโนม้ จิตใจที่เป็นธรรมชาติอยแู่ ลว้ ท่ีอยากจะเดินทางร่อนเร่ไปตามท่ีต่างๆ อยากจะเดินทางไปไหนต่อไหนเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นน้นั เอง วัตถุประสงค์และเหตูจูงใจในการเดินทางของคนในสังคมบัน ย่อมไม่เหมือนกับวตั ถุประสงคแ์ ละแรงจูงใจของคนในสังคมยคุ ก่อน ซ้ึงแปรผนั ไปตามสถานภาพของนกั ท่องเท่ียวตามสภาวะสิ่งแวดลอ้ มบา้ ง ตามลกั ษณะของสถานที่ท่องเที่ยวบา้ ง ตามลกั ษณะของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในโลก อาจเป็นการเร่ิมตน้ จากความอยากรู้อยากเห็นเป้นอยากเปล่ียนบรรยากาศอยากพกั ผอ่ น อยากปฏิบตั ิธุรกิจใหส้ าเร็จลุล่วงไปดว้ ยดีและอ่ืนๆววิ ฒั นาการของการท่องเทย่ี ว การท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมา ต้งั แต่สมยั โบราณจนกระท้งั ถึงสมยั ปัจจุบนั ซ่ึงพอจาแนกกออกไดเ้ ป็น 4 ช่วงเวลาดว้ ยกนั คือ สมยั โบราณ สมยั กลางหรือมธั ยสมยั สมยั ก่อนปัจจุบนั และสมยั ปัจจุบนั ดงั มีรายละเอียดต่อไปน้ี ( ตุย้ ชุมสายและญิบพนั พรมโยธี, 2527 : 9 -21 ) 1. การท่องเทย่ี วในสมัยโบราณ ยคุ น้ีซ้ึงต้งั ตน้ ประมาณปี ท่ี 10,000 ก่อนคริสตส์ านาและสิ้นสุดลงเม่ือประมาณ 3,000ปี หรือ 4,000 ปี ก่อนคริสตศ์ าสนา นกั วชิ าการเรียกกวา่ ช่วงเวลาก่อนประวตั ิสาสตร์ (Prehistoric Period)มนุษยย์ ุคน้ีเปล่ียนวิธีการดารงชีวิตแบบเดินทางเร่ร่อน มาเป็ นอย่างมีที่พานกั อาศยั ถาวรมากข้ึน ท่ีจะพฒั นาและทานุบารุงส่ิงแวดลอ้ มนอกเหนือไปจากการกินอย่แู ละป้องกนั ภยั การมีเวลา เพราะไม่ตอ้ งเดินทางเร่ร่อนทาให้คนเร่ิมคิดและสังเกตพิจารณาสิ่งแวดลอ้ ม และเปล่ียนแปลงประดิษฐ์วสั ดุในส่ิงแวดลอ้ มให้รับใช้คนไดม้ ากกว่าท่ีไดเ้ คยรับใช้อยู่แลว้ ตามธรรมชาติส่ิงท่ีแสดงถึงศิลปะจึงเกิดข้ึนเท่าที่ทราบกิจกรรมประจาวนั ของคนในสมยั น้นั ไดแ้ ก่ ผูช้ ายออกไปล่าสัตว์ หญิงหว่านพืชและเก็บ

22เก่ียว มีการสร้างท่ีอยอู่ าศยั ริมทางน้า มีการสร้างหมู่บา้ น มีการคา้ ขายดว้ ยวธิ ีแลกเปล่ียนสินคา้ มีการทาสงครามกนั ระหว่างเผา่ ในดา้ นศิลปะการขดั ฝนหินใหเ้ รียบร้อยข้ึนและคมข้ึนกวา่ ในยคุ หินกลาง มีการทาอุปกรณ์การไถดินอยา่ งหยาบๆ และการทาเครื่องป้ันดินเผา กเ็ ร่ิมมีแลว้ ในยคุ น้ี นกั วิชาการกาหนดว่ายคุ น้ีเป็นยคุ เริ่มตน้ ที่คนมีอารยธรรมในยคุ น้ียงั ไม่มีขีดเขียนรูปใดๆ เพ่ือการส่ือสารระหว่างบุคคล แต่มีภาพวาดตามผนงั ของถ้าซ้ึงผวู้ าดอาจกระทาข้ึนใหเ้ ป็นส่ือชนิด ในสมยั เร่ิมมีอารยธรรมน้ี คนตอ้ งอยงุ่ อยกู่ ารสร้างแบบแผนของการดารงชีวิตใหม่ในสมยัสังคมใหม่ไม่มีความคิดและเวลาที่จะเดินทางท่องเท่ียวไปไหนต่อไหนมากนกั เรียกไดว้ ่าคนใชเ้ วลาอยู่กับที่เพื่อสร้างแบบแผนใหม่ของการดารงชีวิตไม่น้อยกว่า 6,000 ถึง 7,000 ปี และแล้วความอยากเดินทางท่องเท่ียวก็รุนแรงข้ึนอีก เร่ิมตน้ เมื่อประมาณ 4,000 ปี ก่อนคริสตศ์ าสนา มีคนเผ่าต่างๆสร้างบา้ นเมืองข้ึนทุกหนทุกแห่งทวั่ โลก เช่น ในเอเชีย (หมายถึง Asia Minor ) ชนเผา่ ซูเมเรียนสร้างประเทศบาบิลอนข้ึน ชาวคานาอนั ไนทส์ ร้างกรุงปาเลสไตน์ ชนเผ่าผิวไม่คล้านกั สร้างอาณาจกั รอียิปตโ์ บราณชนผวิ ขาวสร้างอาณาจกั รครีต(Crete) ขน้ ที่เกาะครีต และอาราจกั รเลก็ ๆ นอ้ ยๆ อีก มากมายท้งั ในทวีปเอเชีย ทวีปยโุ รป และทวีปอาฟริกา อาณาจกั รต่างๆ เหล่าน้ีเร่ิมทะเลาะวิวทาและชิงความเป็นใหญ่กนัการเดินทางจึงเริ่มมีข้ึนอีกคือการเดินทางไปทาสงครามแยง่ ชิงอาณาจกั รเชลยสงคราม และทรัพยส์ ินท่ีแต่ละอาณาจกั รสะสมไวก้ ารเดินทางไปทาสงครามในสมยั ปัจจุบนั นกั วิชาการทางการท่องเที่ยวไม่นบั ว่าเป็ นการท่องเที่ยว แต่สมยั 2,000-3,000 ปี ก่อนโน้นการเดินทางไปทาสงครามคนท่ีเดินทางอาจเห็นว่าเป็นเร่ืองสนุกสนานท่ีจะไดผ้ จญภยั ท้งั ยงั มุง้ ที่จะไปจบั เอาเชลยสงคราม และทรัพยส์ ินที่แต่ละอาณาจกั รสะสมไว้ การเดินทางไปทาสงครามในสมยั ปัจจุบนั นกั วิชาการทางการท่องเท่ียวไม่นบั วา่ เป็นการท่องเที่ยว แต่ในสมัย 2,000-3,000 ปี ก่อนโน้นไปจับเอาเชลยมาเป็ นทาสบริ วาน ซ่ึงเป็ นวตั ถุประสงคเ์ ชิงสุขารมณ์อยา่ งหน่ึงอีกดว้ ย ทะเลเป็นอีกสิ่งหน่ึงที่ทาให้คนอยากรู้อยากเห็นวา่ สุดขอบฟ้าน้นั มีอะไรและใตน้ ้ามีอะไรบา้ ง และดว้ ยเหตุดงั กล่าวชาวอียปิ ตโ์ บราณซ้ึงมีประทศอยตู่ ิดกบั ทะเลได้สร้างเรือเพื่อออกไปสารวจทะเลเป็นชาติแรก แต่การเดินทางท่องทะเลยากกว่าการเดินทางบนพ้ืนดินเพราะมีคล่ืนลมและอา้ งวา้ งปราศจากท่ีหมายใดๆ ชาวอียปิ ตก์ ็ไม่กลา้ ออกไปไกลๆ จนมองไม่เห็นฝ่ังจึงเดินทางไปไดไ้ กลเพยี งแค่ทะเลแดงเท่าน้นั อยา่ งไรดี เร่ืองของทะเลก็ยงั เป็นส่ิงที่ล้ีลบั และทา้ ทายการออกสารวจตรวจสอบคน้ ของคนอยู่โดยเฉพาะคนของอาณาจกั รต่างๆ ท่ีต้งั อยู่รอบๆ ทะเลเมติเตอร์เรเนียน และโดยเฉพาะชนชาติ

23กรีกโบราณผูเ้ ขียนเร่ืองเก่ียวกับการเดินทางในลักษณะของการเดินท่องเที่ยวคนแรก คงจะเป็ นนกั ปราชญช์ าวกรีก ชื่อโฮเมอร์ ( Home) ซ้ึงมีชีวติ อยเู่ มื่อประมาณ 850 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช โฮเมอร์เขียนเป็ นบทกวีและเขียนเป็ นทานองมหากาพย์ (Epic) มีชื่อ โอดิสซีย์ (Odyssey) หรื อถ้าแปลงเป็ นภาษาองั กฤษก็ใชช้ ื่อว่ายูลิสชิส (Ulyesses) โฮเมอร์ไดเ้ ล่าถึงการเดินทางเดินทางท่องเท่ียวไปในทะเลของโอดีสซียร์ ะหว่างเมืองทรอยและเมืองอิธะกะ ไดเ้ ล่าถึงสิ่งประหลาดพิสดารต่างๆ มากมายและอุบตั ิการณ์แปลกๆ ท่ีเกิดข้ึนแก่ลูกเรือของเขา เช่น ยกั ษ์ตาเดียว (Cyclop) นางเงือกไซเรน ( Siren)มนุษยก์ ินคน (Laistrygones) และดินแดนท่ีมีลกั ษณะแปลกประหลาดต่างๆ จะเห็นว่าบางส่วนอาจจะเป็ นการจินตนาการข้ึน แต่เขา้ ใจว่าโฮเมอร์คงจะเดินทางจริงระหว่างเมืองทรอยกบั อิธิกะมากกว่าอยา่ งไรก็ตาม มหากาพยข์ องโฮเมอร์ เป็นเอกสารฉบบั แรกที่แสดงความปรารถนาในการอยากเดินทางท่องเท่ียวของคนอย่างชัดเจน และอาจเป็ นเอกสารที่ส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวข้ึนในสมยั น้ันและส่งเสริมบทประพนั ธ์บนั ทึกการท่องเที่ยวที่ปัจจุบนั เรียกว่า “สารคดีท่องเท่ียว” (Travelogue) ข้ึนเพราะการผจญภยั ของโอดิสยต์ ามที่โฮเมอร์ไดบ้ รรยายไวน้ ้ันสนุกสนานตื่นเตน้ อย่างย่ิงแมใ้ นปัจจุบนั ก็มีภาพยนตร์หลายเรื่องท่ีสร้างข้ึนโดยดดั แปลงจากเหตุการณ์บางตอนในมหากาพยข์ องโฮเมอร์ อีกประมาณ 800 ปี ต่อมา นกั ปราชญโ์ รมนั ช่ือ เวอร์จิล (Virgil) ก็ไดป้ ระพนั ธ์บทกวีมหากาพยเ์ ลียนแบบเรื่องโอดิสซียข์ องโฮเมอร์ และในตอนหน่ึงของมหากาพยไ์ ดก้ ล่าวถึงการผจญภยัในการเดินทางจากเมืองทรอยไปยงั เมืองซิซิลีและเมืองคาร์เทจจนถึงแม่น้าไทเบอร์ในประเทศอิตาลี จากขอ้ เท็จจริงในประวตั ิศาสตร์สมยั โบราณ (ช่วงเวลากว่าพนั ปี ก่อนคริสต์ศกั ราชจนถึงประมาณ ค.ศ 500 ) มีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายท่ีเก่ียวกบั การเดินทางดว้ ยเหตุจูงใจนานปั การอนัอาจแบ่งไดเ้ ป็น 5 ปรพเภทใหญ่ๆ ดงั น้ี 1. การเดินทางเพื่อประโยชน์ทางการเมือง มีการสู้รบกนั เพ่ือขยายอาณาเขตเพื่อแยง่ ชิงดินแดนและความเป็ นใหญ่ และความจาเป็ นที่จะตอ้ งมีความสัมพนั ธ์ดีในการอยู่ร่วมกนั ของรัฐและประเทศต่างๆ ทาให้มีการเดินทางของทูตสันถวไมตรีไปมาระหว่างรัฐและประเทศเหล่าน้นั เช่น ได้ปรากฏวา่ มีทูตของอาณาจกั รโรมนั เดินทางไปประเทศจีน เป็นตน้ 2. การเดินทางเพ่ือประโยชน์ในการคา้ ขายและแลกเปล่ียนสินคา้ พวกพ่อคา้ และเปลี่ยนสินคา้ พวกพ่อคา้ ไดอ้ อกเดินทางไปทวั่ สารทิศเสาะหาสินคา้ แปลกๆ ซ้ึงไม่มีในประเทศของตน เช่นชาวฟิ นีเซียน (Phoenicican) ท่ีมีเส้นทางท่ีเช่ือระหวา่ งทางทะเลกบั ทางบกในบริเวณฝ่ังทะเลเมดิเตอร์เร

24เนียน มีการขนสินคา้ ท่ีมีราคาสูง เช่น เพชรพลอย เครื่องเทศ น้าหอมและสินคา้ หตั ถกรรมต่างๆ พวกอาหรับกเ็ คยไปถึงเมืองจีนและนาสินคา้ แปลกๆ จากเมืองจีนเพอ่ื นาไปขายใหแ้ ก่ชาวยโุ รป 3. การเดินทางเพื่อประโยชน์ทางศาสนา ชาวกรีกและชาวโรมนั พากนั ยกขบวนไปโบสถเ์ ดลฟายเพ่ือฟังคณะคนทรง ซ้ึงพระเจา้ ค่างๆ ของกรีกและของโรมนั ลงมาเขา้ ทรง เพ่ือพยากรณ์เหตุการณ์ภายหน้า พระถงั ซัมจง๋ั กบั ศิษยอ์ ีก 3 คน คือ เห้งเจีย โป๊ ยก่าย ซัวเจ๋ง ได้เดินทางจากประเทศจีนไปยงั ประเทสศรีลงั กา ผา่ นประเทศอินเดียเพอ่ื อญั เชิญพระไตรปิ ฎก ไปยงั ประเทศจีนในยคุอาณาจกั รโรมนั โบราณตอนปลายคริสตส์ าสนาไดม้ ีการสถาปนาอยา่ งมนั่ คง ทาใหเ้ กิดการเดินทางเพื่อจาริกแสดงบุญไปยงั ดินแดนศกั ด์ิสิทธ์ิท่ีเมืองเจจูซาเลมและเมืองเบธลาเฮม ( Jerusalem and Bethlehem)เป็ นตน้ 4. การเดินทางเพ่ือประโยชน์ทางความสนุกสนานเพลิดเพลินและพกั ผ่อน เป็ นเวลา1,200 ปี ( คือระหว่าง 776 ปี ก่อนคริสต์ศกั ราช จนถึงคริสต์ศกั ราช 393 ) ประเทศกรีกไดจ้ ดั การแข่งขนั กีฬาโอลิมปิ กข้ึนท่ีกรุงเอเธนส์ ชาวโรมนั และชาวประเทศอื่นๆ ใกลเ้ คียงเดินทางกนั มาชนมากมาย จึงมีความตอ้ งการใชส้ ถานท่ีพกั และบริการอาหารเป็นจานวนมาก นอกจากน้นั ชาวโรมนั นิยมเดินทางขา้ มทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากอิตาล่ี โดยการแล่นเรือเขา้ สู่ลุ่มแม่น้าไนลเ์ พื่อชมประเทศอียปิ ตม์ ีโบราณสถานและสิ่งมหศั จรรยต์ ่างๆ เช่น ปิ ดร้านและสฟิ งค์ หรือที่อ่าวเนเปิ้ ลซ้ึงมีระยะทางประมาน100 ไมล์ จากกรุงโรมเมื่อสองร้อยปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช ไดม้ ีการก่อสร้างสถานที่พกั หรือบา้ นพกั ผ่อนและมีการใชจ้ ่ายเงินอยา่ งสนุกสนานในรูปของสิ่งของที่ระลึก อาหารและเครื่องด่ืมต่างๆ กิจกรรมการดึงดูดใจนกั ท่องเท่ียวจึงเริ่มขยายตวั ข้ึนอยา่ งรวดเร็ว 5. การเดินทางเพ่ือประโยชน์ทางสุขภาพและอานามยั ชาวกรีกและชาวโรมนั เช่ือ กนั วา่มีบ่อน้าศกั ด์ิสิทธ์ิอยหู่ ลายแหล่ง จึงต่างพากนั เดินทางเพอื่ คน้ หาบ่อน้าศกั ด์ิสิทธ์ิเพื่อเพ่มิ อายขุ ยั และรักษาสุขภาพอนามยั นอกจากน้นั ในอาณาจกั รโรมนั มีถนนที่ตดั มุง้ หนา้ ไปยงั จุดสาคญั ต่างๆ ทวั่ อาณาจกั รที่มีชื่อเสียงวา่ เป็นถนนหรือไฮเวยส์ ายแรกท่ีก่อสร้างไดด้ ีท่ีสุดในยคุ น้นั กค็ ือ เวียแอพเพียน ( Via Appia)หรือแอพเพียน เวย์ (Appian Way) มีความยาวประมาณ 560 กิโลเมตร จากกรุงโรมถึงเมืองบรันดิเซียม ( Brundisum) หรือเมืองบรินดิซี ( Brindisi) ในปัจจุบนั ชาวโรมนั จึงเดินทางไปด้วยเหตุจูงใจนานาประการทว่ั อาณาจกั ร

25 ภาพถนน Via Appia หรือ Appian Way 2. การท่องเทย่ี วในมัธยมสมยั เกิดข้ึนในยุโรประหว่าง ค.ศ. 500 ถึง 1500 เป็ นยุคซ่ึงนักประวตั ิศาสตร์ เรียกว่า “ยุคกลาง” หรือ “มธั ยสมยั ” (The Middle Age) ในช่วงตน้ ของยคุ น้ีเรียกวา่ “ยคุ มืด”(The Dark Age) แทบทุกประเทศวุ่นวายดว้ ยขอ้ พิพาทต่างๆ เป็ นช่วงหัวเล้ียวหัวต่อระหว่างการสิ้นสุดลงของอาณาจกั รโรมนัโบราณ (ค.ศ.476)ที่มีการสู้รบแยง่ ชิงดินแดนและทรัพยส์ มบตั ิ ศีลธรรมเริ่มเสื่อมราษฏรสามญั ถูกกดข่ีข่มแหง ผูค้ นมีความทุกขม์ ากกว่ามีความสุข จึงเป็ นเหตุจูงใจอย่างหน่ึงท่ีทาให้ผูค้ นอยากจะอพยพหนีไปอยทุ่ ่ีอ่ืน ประชาชนจึงเร่ิมเขา้ สู่ความนิยมในคริสตศ์ าสนา ประมาณ ค.ศ 1271 มีการเดินทางคร้ังสาคญั ของโลกเกิดข้ึน พ่อคา้ ชาวเวนิสนามมาร์โคโปโล (Marco Polo) ไดเ้ ดินทางจากเวนิสไปยงั ประเทศจีนในสมยั ที่กุบไลข่าน (กษตั ริยเ์ ช้ือชาตมองโกเลียปกครองอาณาจกั รจีน) โดยเดินทางท้งั ทางบกและทางเรือ ผ่านเมืองและประเทศต่าง หลายแห่งเช่น เปอร์เซีย ปามีร์ ธิเบต แหลมมลายู ลงั กา ส่ิงสาคญั ท่ีสุดในการเดินทางของมาร์โคโปโลกค็ ือ บนั ทึกอุบตั ิการณ์ต่างๆ และสถานที่ทุกแห่งที่เขาไดพ้ บเห็นตลอดเวลาถึง24 ปี ท่ีเขาจากกรุงเวนิชไป บนั ทึกของมาร์โคโปโลมีชื่อเป็ นภาษาอิตาเลียน ซ่ึงแปลเป็ นอังกฤษได้ว่า The Book of Marco Polo,Citzen of

26Venice, Called Million, Wherein is Recounted the Wonders of the World ต่อมาเมื่อมีผูแ้ ปลบนั ทึกเป็นภาษาองั กฤษ ก็ให้ช่ือส้ันๆ เพียงว่า “การเดินทางของมาร์โคโปโล” (the Travels of Marco Polo) นบั ได้อย่างไม่มีขอ้ โตแ้ ยง้ ว่าเป็ น “สารคดีท่องเท่ียว”ท่ีเป็ นสารคดีฉบบั บุกเบิกที่สาคญั ของโลกอยา่ งแทจ้ ริงแมว้ ่าจะมีผตู้ าหนิกนั ไม่นอ้ ยว่ามีหลายขอ้ เป็นเร่ืองโป้ปดมดเทจ็ เหลือท่ีจะเชื่อได้ นอกจากน้ีนกั วิชาการในสมยั โน้นยงั ถือว่า “สารคดีท่องเท่ียว(Travelogue)”ของมาร์โคโปโลเป็ นเอกสารในเชิงภูมิศาสตร์อย่างเป็ นวิทยาศาสตร์ดว้ ยม่ใช่แต่เพียงจินตนาการ การเดินทางของมาร์โคโปโลนบั เป็ นการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และเหตุจูงใจน้นั สันนิฐานว่าเกิดจากเจตนารมณ์แห่งการอยากรู้อยากเห็นและอยากผจญภยั ในยคุ น้ี การเดินทางท่องเท่ียวเป็นกลุ่มไดเ้ ริ่มข้ึนคร้ังแรกท่ีถูกกรุงเวนิส เพือ่ เดินทางไปยงั ดินแดนอนั ศกั ด์ิสิทธ์ิทางศาสนา มีการคิดค่าใชจ้ ่ายในการเดินทางรวมเบด็ เสร็จ ท้งั ค่าเดินทางค่าท่ีพกั ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่ายานพาหนะที่ใชใ้ นการเดินทาง ค่าสินบนเพ่ือป้องกนั ความลา้ ชา้ และค่านขนส่งหีบห่อสัมภาระต่างๆ ซ่ึงการจดั การเดินทางเป็นกลุ่มน้ีไดก้ ่อปะโยชน์แก่นกั ท่องเที่ยวเป็นอยา่ งมาก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ไดค้ านึงถึงการรักษาความปลอดภยั แก่นกั ท่องเที่ยวดว้ ย เอกสารการท่องเที่ยวภายในประเทศเร่ืองแรกไดแ้ ก่บทกวีเร่ือง “นวนิยายแห่งแคนเทอร์รี”(Geoffrey Chaucer) นกั ประพนั ธ์ชาวองั กฤษ ซ่ึงมีชีวิตอยู่ใน ค.ศ. 1340-1400 เหตุจูงใจในการเดินทางของโชสเซอร์และเพื่อนฝงู อีก 30 คน คือการไปนมสั การสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ ในบทกวีเร่ืองน้ีโชสเซอร์ไดเ้ ล่าถึงการเดินทางจากเมืองเชาวทว์ าค์ (Southwark) ซ่ึงอยทู่ างฝ่ังใตข้ องแม่น้าเทมส์ ไปยงั ท่ีฝังศพของ“โทมสั เบคเกต” (Thomas Becket) ผูย้ อมตายอย่างกลา้ หาญท่ีเมืองแคนเทอร์เบอร่ี ความจริงเรื่องน้ีมีเร่ืองเกี่ยวกบั การท่องเที่ยวและภูมิประเทศไดพ้ บเห็นนอ้ ย ส่วนมากจะเป็นนิทานต่างๆ ที่ผูร้ ่วมเดินทางผลดั กนั เล่าแต่ความสาคญั ของนวนิยายแห่งแคนเทอร์เบอร์น้ี ยงั คงมีแก่อุตสาหกรรมท่องที่ยวปัจจุบนั ก็คือว่าเป็ นส่ิงท่ีแสดงออกถึงความปรารถนาของนักท่องเที่ยวเม่ือ 600 ปี มาแลว้ ที่จะตอ้ งทาให้การเดินทางเป็นสิ่งท่ีเพลิดเพลินและมีความสุขดว้ ย ในช่วงศตวรรษที่ 15 น้ี การตีพิมพแ์ ละหนงั สือท่ีเก่ียวกบั การเดินท่องเที่ยวใหเ้ กิดการประดิษฐแ์ ท่นพิมพ์ และมีส่วนกระตุน้ ใหผ้ ทู้ ่ีรักการอ่านมีความรู้สึกอยากเดินทางท่องเท่ียวไปยงั ดินแดนท่ีห่างไกลออกไป ซ่ึงมีอยู่หลายเร่ืองที่ไดร้ ับการแปลออกพิมพเ์ ผยแพร่หลายภาษ ไดแ้ ก่ หนงั สือชื่อ

27“การเดินทางของเซอร์จอห์น แมนด์วิลส์ (Sir John Mandeville’s: Travels) ซ่ึงตีพิมพใ์ นปี ค.ศ. 1357เป็นหนงั สือที่บรรยายถึงการเดินทางท่องเท่ียวไปยงั ดินแดนอนั ไกลแสนไกลถึงเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ในกลางมธั ยสสมยั มีมหกรรมและนิทรรศการสินคา้ เป็ นงานประจาท่ีเมืองแซงต์เดนีสย์ เมืองช่องปายน์และเมืองเอ็กซ์-ลาซาเปลล์ในประเทศฝรั่งเศส เมืองแฟรงเฟิ รต์ในประเทศเยอรมันนี ก็เป็ นศูนยก์ ารค้าและการแลกเปลี่ยนสินค้าของพวกพ่อคา้ ชาวละติน ชาวอาหรับชาวอาร์เมเนียน ชาวบุลกาเรียน ชาวเคลเดี่ยน ชาวอียิปต์ ชาวเปอร์เซียนและชาวรรัสเซียน มีการจดั สถานที่แสดงสินคา้ และธุรกิจการพิมพส์ ิ่งต่างๆ การจดั งานแสดงสินคา้ ดงั กล่าวไดก้ ลายเป็นจุดเด่นท่ีสาคญั ในการเชิญชวนนกั ท่องเท่ียวเดินทางไปท่องเที่ยว จนกระท้งั ถึงปัจจุบนั น้ี ในปลายมธั ยมสมยั น้นั เป็นยคุ ที่เรียกว่า “ยคุ ฟ้ื นฟู” (The Renaissance) ซ่ึงถือเป็นยคุ “เกิดใหม่” ทางศิลปและวิทยาการ จิตใจของคนงดงามข้ึน ศิลปกรรมทุกสาขาไดร้ ับการฟ้ื นฟขู ้ึนจากความคิดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็ นวรรณกรรม การดนตรี การวาดรูป การปั่นและการแกะสลกั ตลอดจนสถาปัตยกรรมต่างๆ นกั วิชาการคนหน่ึงชื่อ กาลิเลโอ (Galileo) เป็นชาวอิตาเลียนไดย้ นื ยนั วา่ โลกน้ีกลมและประกาศวา่ ถา้ จะมีผใู้ ดแล่นเรือไปทางทิศตะวนั ออกเรือก็จะแล่นกลยั ฃบมาท่ีเก่าไดโ้ ดยไม่ตอ้ งกลบัลาเรือ คาประกาศเชิงวิทยาการน้ีทาให้นกั ผจนญภยั หลายคนหลายชาติอยากจะแล่นเรือไปตามคาที่กาลิเลโอไดก้ ล่าวไว้ ขณะน้นั ประเทศไดต้ ิดต่อคา้ ขายกบั ประเทศอินเดียทางบกคือ เดินทางตามเส้นทางที่มาร์โคโปโปโลเดินทางแต่วกลงใตเ้ ขา้ สู่ประเทศอินเดีย การเดินทางบกเป็ นเส้นทางท่ีลาบากและจะบรรทุกสินคา้ ไปมากไ็ ม่สะดวกและบรรทุกไดไ้ ม่มาก นกั ผจญภยั จึงพยายามที่จะออกแล่นเรือเพื่อคน้ หาเส้นทางน้าไปอินเดียและอาจจะไดพ้ บดินแดนใหม่ๆ เอามาถวายเป็ นอาณานิคมของพระเจา้ แผ่นดินของตน จึงเกิดการเดินทางทางเรือโดยมีเหตุจูงใจท่ีจะสารวจคน้ หาดินแดนใหม่ๆ หาเส้นทางคมนาคมใหม่ๆ และหาแหล่งการคา้ ใหม่ๆ นกั เดินทางสารวจได้นาเรื่องเล่าเก่ียวกบั การเดินทางในดินแดนที่ห่างไกลมาศึกษาและสารวจ จึงไดเ้ ริ่มออกเดินทางไปยงั ดินแดนต่างๆ เพิ่มมากข้ึนตามลาดบั บุคคลสาคญั ที่เป็นผนู้ าในการเดินทางอยา่ งมีเหตุจูงใจดงั กล่าว ประกอบกบั มีจิตใจชอบผจญภยั อยแู่ ลว้ เกิดข้ึนมากมายในยุคน้ี และนบั ไดว้ ่าเป็ นผูน้ าให้การท่องเท่ียวทางเรือในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1451-1506 ที่สมควรกล่าวชื่อไดแ้ ก่ “คริสตโ์ ฟเฟอร์” โคลมั บสั (Cristopher Columbus ) ซ่ึงเป็นผเู้ ดินทางโดยทางเรือขา้ มฝ่ังแอตแลนติค และเป็นผูท้ ี่คน้ พบหมู่เกาะเวสต์ อินดีส วาสโก ดากามา (Vasco da Gama) เป็นผทู้ ่ี

28โดยทางเรือไปถึงประเทศอินเดียระหว่างปี ค.ศ. 1469-1524 และอเมรีโก เวสปุซซี (Amerigo Vespucci)เป็นผคู้ นพบทวปี อเมริกาเหนือระหวา่ งปี ค.ศ. 1451-1512 อยา่ งไรก็ดี การเดินทางทางบกก็ยงั เดินทางกนั อยไู่ ม่นอ้ ยเท่าที่ภาวะทางการเมืองการคา้และทางภูมิศาสตร์จะอานวย ในสมยั น้ีมีการรุกรานและก่อความไม่สงบให้แก่ชาวยุโรปอย่ตู ลอดเวลาโดยพวกชาวอาหรับ ชาวนอร์สแมนและพวกฮนั่ ทาให้การเดินทางไม่ว่าจะไปในทิศทางใดไม่ค่อยจะปล่อยภยั นกั แต่คนกย็ งั เดินทางกนั อยเู่ มื่อมีโอกาสและช่องทาง เช่น ในปี ค.ศ.797 สังฆราชแห่งกรุงโรมส่งพระนิกายฟรานซิสกนั สองรูปไปดาเนินภารกิจทางศาสนาท่ีมองโกเลีย น่ีเป็นเรื่องของผูย้ ่ิงใหญ่ท่ีมีการบนั ทึกไวใ้ นประวตั ิศาสตร์ และการเดินทางของราษฎรสามญั ก็คงมีอยไู่ ม่นอ้ ยเหมือนกนั เช่น การเดินทางไปมาคา้ ขายพร้อมดว้ ยสินคา้ ของพ่อคา้ เราไดเ้ ห็นจากประวตั ิศาสตร์ตอนน้ีวา่ เหตุจูงใจที่ทาให้คนเดินทางเป็ นเร่ืองความอยากรู้อยากเห็นความอยากผจญภยั และประสบส่ิงต่ืนเตน้ และแทรกดว้ ยการคา้ เหมือนอยา่ งที่เป็นมาแลว้ ในช่วงเวลาก่อนน้ี ในยคุ น้ีการเดินทางท่องเท่ียวเกิดข้ึนอยา่ งแขง็ ขนั และยอมสละชีพได้ ในอีกสายหน่ึงคือการเดินทางของผูจ้ าริกแสวงบุญทางศาสนา ศาสนาคริสเตียนและศาสนาอิสลามเกิดข้ึนในเวลาไล่เลี่ยกนัศาสนาจารยใ์ นท้งั สองศาสนา แข่งขนั กนั ถึงข้นั แตกหักในการแยง่ ชิงคนและแย่งชิงสถานที่ศกั ด์ิสิทธ์เป็ นเหตุจูงใจรุนแรงของผูน้ ับถือศาสนาท้งั สอง สถานท่ีสาคญั ทางศาสนาที่ดึงดูดให้คนเดินทางไปนมสั การอย่างมากเรื่อยมาจนถึงปัจจุบนั ได้แก่ กรุงเยรูซาเล็มในเขตปาเลสไตน์ซ่ึงเป็ นสถานท่ีอนัศกั ด์ิสิทธ์ิท้งั ของชาวอิสลามและชาวคริสเตียน กรุงเมกกะในประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นตน้ ในช่วงน้ีเองได้มีการส่งเสริมการจาริกแสวงบุญเป็ นอย่างมาท้งั ศาสนาคริสเตียนและศาสนาอิสลาม เช่น มีการจดั ต้งั หน่วยรักษาวามปลอดภยั ตามเส้นทางท่ีผจู้ าริกแสวงบุญจะเดินทางไป ผู้มีอานาจทางศาสนาสั่งให้โบสถ์และวดั จดั ที่ในเขตวดั ให้นักจาริกแสวงบุญที่ยากจนได้พกั ที่พกั ฟรีดงั กล่าวเรียกว่า”โฮสเทล”(Hostel) หรือ “ฮอสไพส” (Hospice) และคงจะเรียกไดว้ า่ เป็นตน้ ตระกูลของโรงแรมในปัจจุบนั 3. การท่องเทยี่ วสมัยก่อนปัจจุบนั หรือ การท่องเทย่ี วสมัยใหม่ (Modern Times) การท่องเท่ียวสมยั ก่อนปัจจุบนั หมายถึง สมยั ที่ไดผ้ า่ นไปแลว้ เมื่อไม่ชา้ ไม่นานมาน้ีกาหนดช่วงเวลาอยู่ระหว่างคริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ถึงเวลาประมาณหน่ึงร้อยปี ถอยหลงั ไปจากปัจจุบนั ในยุคน้ีมีอาณาจกั รใหม่ๆ เกิดข้ึนเพราะมีการพบเดินแดนใหม่หลายแห่ง เช่น ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย การ

29คน้ พบดินแดนใหม่เป็นเหตุจูงใจใหอ้ าณาจกั รท่ีมีอานาจออกล่าเมืองมากข้ึนเพ่ือนามาต้งั เป็นอาณานิคมกระแสการคา้ ขายเปลี่ยนแปลงไปโดยพ่อค้าท่ีนาสินค้ามาจากต่างเมืองที่เร่ขายปลีกแบบเดิมๆ ก็กลายเป็ นนามาขายส่งให้แก่ร้านคา้ ย่อยต่อไป เส้นทางการขนส่งสินคา้ แบบเดิม ก็รกร้างไปเพราะมีเสน้ ทางใหม่ที่สะดวกกวา่ การเดินทางของผู้จาริ กแสวงบุญทางศาสนา ท่ีได้พักอยู่ตามที่พักแรมโดยไม่เสี ยค่าธรรมเนียม ซ่ึงเรียกว่า “ฮอสไพล”(Hospice) ก็สิ้นสุดลง เพราะผูน้ าทางศสานาหมดอานาจและขาดความความอุปการะจากพระเจา้ แผ่นดิน แต่การเดินทางแสวงบุญยงั ดาเนินอยู่ จึงมีผูต้ ้งั โรงแรมข้ึนเรียกว่า “อินน์” (Inn) เป็ นที่พกั ชาวบา้ นต้งั ข้ึนมาสาหรับคนเดินทาสง ซ่ึงมีการเก็บค่าธรรมเนียมท่ีพกัและจาหน่ายอาหาร ส่วนคาวา่ “Hotel” น้นั มาจากคาวา่ “Hostel” และเริ่มใชม้ าต้งั แต่คริสตศ์ ตวรรษท่ี 18อยา่ งไรกด็ ี สามารถสรุปไดว้ า่ การเดินทางท่องเที่ยวช่วยส่งเสริมใหเ้ กิดธุรกิจโรมแรมเกิดข้ึน ในคริสตศ์ ตวรรษที่ 16-19 บา้ นเมืองหลายประเทศสวยงามข้ึนอยา่ งมาก ทาใหเ้ กิดนกั เดินทางประเภทใหม่ข้ึน เป็นนกั เดินทางท่องเที่ยวเพิอความบนั เทิง เพอื่ ขนานไปกบั การพฒั นาการของบา้ นเมืองดงั เช่นประเทศฝร่ังเศสเป็นประเทศที่เอาใจใส่พฒั นาบา้ นเมืองใหง้ ดงามน่าดูยงิ่ กวา่ ประเทศอ่ืนๆ และยงัเป็ นประเทศท่ีมีสถานท่ีท่องเที่ยวมากมาย จึงไดม้ ีการจดั ทาหนงั สือนาเที่ยวข้ึนซ่ึงมีการบรรยายสภาพถนนหนทางของสถานที่ท่องเที่ยว มีการจดั รายการการท่องเท่ียวและไดเ้ ร่ิมใชค้ าว่า “ทวั ร์” (Tour) เป็นคร้ังแรกในคริสตศ์ ตวรรษที่ 18 และในประเทศองั กฤษมีผนู้ าคาวา่ “ทวั ร์” (Tour) ในภาษาฝรั่งเศส (อ่านวา่ “ตูร์”) ไปใชใ้ นการท่องเท่ียวที่เนน้ หนกั ไปในทางการศึกษาและในภาษาอ่ืนๆ กไ็ ดน้ าเอาคาวา่ “ทวั ร์”(Tour) ไปใช้กันแพร่หลาย และใช้วลีว่า “To Make A Grand Tour” ซ่ึงหมายถึง คนผูด้ ีที่จะได้รับการศึกษาอยา่ งสมบูรณ์จะตอ้ งขา้ มไปท่องเท่ียวในประเทศต่างๆในยโุ รป บุคคลผูท้ ่องเที่ยวไปกบั “แกรนดท์ วั ร์” (Grand Tour) ภาษาองั กฤษใชค้ าว่า “ทวั ริสต”์ (Tourist) และคาว่า “ทวั ริสซ่ึม” (Tourism) ก็เกิดข้ึน โดยกาหนดใหม้ รความหมายถึงการท่องเที่ยวโดยผูท้ ่องเที่ยวไม่มุ่งหวงั ท่ีจะไดร้ ับผลตอบแทนแต่ส่ิงที่ตอ้ งการคือการท่องเท่ียวเพ่ือการพกั ผ่อนความสนุกสนานบนั เทิง เพ่ือรักษาสุขภาพ และเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น 5.การท่องเทย่ี วในสมัยปัจจุบนั คือช่วงกาล 100 ปี ที่ผา่ นมาจนถึงปัจจุบนั ทวีปยโุ รปไดเ้ กิดการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมในช่วงระหวา่ งปี ค.ศ.1750 ถึง ค.ศ.1850 ผลจากการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมคร้ังน้นั ทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงคร้ังยิง่ ใหญ่

30ในดา้ นการผลิต การตลาดและการจดั การ เช่น มีการนาเอาเครื่องจกั รกลต่างๆ เขา้ มาใชใ้ นการผลิต การนาเอาพลงั งานชนิดใหม่ท่ีทาให้เคร่ืองจกั รกลสามารถทางานได้ เช่น รถไฟ เรือกลไฟ รถยนต์ ฯลฯ ซ่ึงผลของการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมน้ีมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและชีวิตความเป็ นอยู่ของมนุษย์ตลอดจนแนวความคิดและค่านิยมต่างๆ เช่น การเปล่ียนจากภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมในการผลิตสินคา้ เกิดกลุ่มชนช้ันกลางที่มีการศึกษาดีและท่ีสาคญั ผูค้ นเริ่มมีเวลาว่างมากข้ึนเพื่อการเดินทาง รวมท้งั การขนส่งเร่ิมเปลี่ยนแปลงโดยมีการนาเอาพลงั และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใชใ้ หเ้ กิดการเดินทางสะดวกและรวดเร็วมากข้ึน นอกจากน้ีผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิวตั ิอุตสาหกรรมมีผลต่ออุตสาหกรรมท่องเท่ียวในหลายดา้ น ทาให้อุตสาหกรรมท่องเท่ียวมีการพฒั นาส่ิงใหม่ๆ มีส่ิงอานวยความสะดวกเกิดข้ึนมากมายเช่น การออกแบบโรงแรมท่ีพกั ให้มีความสะดวกสบายข้ึน มีโทรทศั น์บริการในหอ้ งพกั มีระบบไฟฟ้ามีการก่อสร้างหอ้ งน้าภายในหอ้ งพกั (จากแต่เดิมในยคุ ก่อนๆ ที่มีหอ้ งน้าและหอ้ งสว้ มอยนู่ อกหอ้ งพกั สาหรับแขกท่ีมาพกั ) เป็นตน้การท่องเทยี่ วของไทย การท่องเที่ยวท่ีเป็นลกั ษณะตน้ กาเนิดของการท่องเท่ียวปัจจุบนั คือ ในเชิงสังคมสาหรับชนทุกระดบั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในประเทศท่ีพฒั นา เพิง่ จะเร่ิมเมื่อตน้ ศตวรรษท่ี 20 สาหรับในประเทศไทย การท่องเที่ยวเพิ่งจะเป็ นกิจกรรมของมวลชนเพียงเม่ือประมาณ 50-60 ปี มาน้ีเอง เมื่อเริ่มมีการคมนาคมขนส่งทางบก ท้งั ทางรถยนตแ์ ละทางรถไฟท่ีเชื่อมต่อภาคต่างๆ ทวั่ ประเทศการท่องเท่ียวก่อนหนา้ น้นั จะเป็ นกิจกรรมผูกขาดของผูท้ ่ีมียศฐาบรรดาศกั ด์ิเท่าน้นั หรืออาจมีเหตุจูงใจในดา้ นการคา้ การเมือง การทูต หรือการศาสนา ด้งั น้นั การท่องเท่ียวของไทยในระยะแรกจึงเป็นผลพลอยไดม้ ากกวา่ และมีคนไทยหน่ึงไดบ้ นั ทึกเรื่องราวของการเดินทางในวรรณกรรมต่างๆ ทาให้ทราบว่าการเดินทางท่องเท่ียวของไทยในสมยั ก่อนน้นั มีเหตุผลต่อไปน้ี 1. ถูกกวาดตอ้ นไปเป็นเชลย เช่น โคลงมงั ตรารบเชียงใหม่ 2. ไปทาสงคราม เช่น นิราศรบพม่าท่ีท่าดินแดง 3. ไปเยย่ี มญาติ เช่น นิราศเมืองแกลง (สุนทรภู่ไปเยย่ี มบิดา) 4. การจาริกแสวงบุญ เช่น นิราศพระบาท นิราศพระประธม 5. การแสวงโชค เช่น นิราศวดั เจา้ ฟ้า (สุนทรภู่เดินทางไปหาแร่ปรอท) 6. การรักษาสุขภาพ เช่น นิราศสุพรรณ (สุนทรภู่ไปหายาอายวุ ฒั นะ)

31 7. การชื่นชมธรรมชาติ เช่น นิราศธารทองแดง ของเจา้ ฟ้าธรรมาธิเบศ (เจา้ ฟ้ากงุ้ ) และพระราช นิพนธ์ไกลบา้ นของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 8. การเช่ือมสมั พนั ธไมตรี เช่น นิราศลอนดอน นิราศกวางตุง้ การเดินทางของสุนทรภู่กอ็ าจนบั เป็นการท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะในคราวที่มิไดถ้ ูกบงั คบั หรือเนรเทศตอ้ งให้เดินทาง แต่นิราศต่างๆ ของสุนทรภู่เน้นไปในทางวรรณกรรมมากกว่าที่จะบนั ทึกสิ่งสนุกสนานและน่าสนใจที่ไดพ้ บเห็นระหวา่ งทาง การเดินทางของสุนทรภู่ท่ีแต่งหนงั สือเรียกว่า “นิราศเมืองแกลง” ซ่ึงเป็นนิราศเร่ืองแรกเม่ือปี พ.ศ. 2430 ท่ีไดบ้ รรยายการเดินทางพกั แรม ซ่ึงอาจถือไดว้ า่ เป็น“คู่มือการท่องเที่ยว” (Travelogue) ฉบบั หน่ึงของไทย คนไทยสมยั ก่อนยงั ไม่คุน้ หรือเขา้ ใจกบั คาว่าการท่องเท่ียว เช่น การไปนมสั การพระพทุ ธบาท เขาจะไม่พูดกนั วา่ ไปเที่ยวพระพุทธบาทหรือเที่ยววดั ซ่ึงดูขดั ความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนซื่งถือว่าวดั เป็ นสถานที่ศกั ด์ิสิทธ์ิไม่ควรนับเป็ นท่ีเที่ยว และถา้ จะกล่าวถึงววิ ฒั นาการการท่องเท่ียวของไทยสามารถสรุปไดเ้ ป็นยคุ ต่างๆ ต่อไปน้ี 1. สมยั สุโขทยั - พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช ไดข้ ้ึนครองราชยแ์ ละไดเ้ สดจ็ เมืองจีนถึง 2 คร้ังเมื่อ พ.ศ. 1837 และพ.ศ. 1834 ซ่ึงตรงกบั ราชวงศห์ ยวนของจีน - ในราชกาลต่อๆ มาไดเ้ ดินทางติดต่อกบั ประเทศใกลเ้ คียง เช่น เมาะตะมะ มลายู ชวา เนื่องจากมีเหตุจูงใจในการคา้ ขาย การสงคราม และการศาสนา 2. สมยั กรุงศรีอยธุ ยาและธนบุรี - สมยั น้ีกษตั ริยไ์ ดม้ ีการติดต่อกบั ประเทศต่างๆ อยา่ งแพร่หลาย - สมยั น้ีเร่ิมที่จะมีการเดินทางเพอ่ื ความสราญใจหรือการท่องเที่ยวมากข้ึน เช่น ในรัชกาลพระเจา้ อยหู่ วั บรมโกษฐ์ เจา้ ธรรมาธิเบศไดเ้ สดจ็ ประพาสธาร ทองแดงโดยทางเรือพระเพทราชาเป็นกษตั ริยท์ ี่ชอบประพาสตามท่ีตามๆ และชอบตกปลา พระเจา้ เสือชอบการผจญภยั ต่อยมวยและล่าสตั ว์ เป็นตน้ 3. สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ - สมยั น้ีมีการติดต่อคา้ ขายกบั ประเทศในเอเชียและยโุ รปมากข้ึน - สมยั รัชกาลท่ี 2 ประเทศไทยไดส้ ่งสมณทูตออกไปยงั ลงั กาทวีป

32 - สมยั รัชกาลที่ 3 เกิดพุทธศาสนานิกายธรรมยุติ ซ่ึงต้งั โดยเจา้ ฟ้ามงกุฎ (ร.4) โดยส่งเสริมให้พระภิกษุสงฆ์เดินทางธุดงค์แสวงหาธรรมะ จนทาให้เกิด ประโยชนต์ ่างๆ ตามมามากมาย - สมยั รัชกาลท่ี 4 ไดส้ ่งทูตไปเจริญพระราชไมตรีกบั องั กฤษในสมยั สมเดจ็ พระ นางเจ้าวิคต่อเรียดังจะเห็นได้จากหนังสือ “จดหมายเหตุราชทูตไทยไป องั กฤษ” ของหม่อมราโชทยั และไดท้ าการบนั ทึกเร่ืองราวต่างๆ ไวม้ ากมาย ระหวา่ งการเดินทาง ซ่ึงต่อมาไดถ้ ูกดดั แปลงเป็น “นิราศลอนดอน” - สมยั รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงเป็ นกษตั ริยน์ ักท่องเที่ยวที่ย่ิงใหญ่ที่สุดของ ประเทศไทย การเสด็จพระราชดาเนินประพาสหัวเมืองหลายคร้ังหลายหน ถือเป็ นพระราชกรณียกิจที่ทาให้ทรงทราบสภาวะความเป็ นอยู่ของราษฎร การเสด็จพระราชดาเนินประพาสประเทศใกลเ้ คียง เช่น ประเทศชวาและ สิงคโปร์ และประเทศยุโรป นับเป็ นการท่องเท่ียวที่สาคญั อย่างยิ่ง และ หนงั สือเร่ืองไกลบา้ นก็ดี พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดารงราชานุภาพ เร่ืองจดหมายเหตุประพาสตน้ ก็ดีลว้ นเรียกไดว้ ่าเป็นหนงั สือท่ีเป็นกาเนิดของ สารคดีท่องเที่ยวของไทยตามามากมาย กระทงั่ ปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลไทยมีการติดต่อทางการคา้ และความสัมพนั ธ์กับต่างประเทศเพิ่มมากข้ึน จึงมองเห็นความสาคญั ของการท่องเท่ียว จึงให้กรมโฆษณารับโอนมาจากกระทรวงพาณิชยแ์ ละคมนาคม โดยมีส่วนงานที่เรียกว่า “สานกั งานส่งเสริมการท่องเท่ียว” ต้งั ข้ึนแทนโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกาแพงเพชรอัครโยธิน เม่ือปี พ.ศ. 2467 ต่อมาเปล่ียนช่ือเป็ น“สานกั งานการท่องเท่ียว” และในปี พ.ศ. 2502 ไดจ้ ดั ต้งั เป็นองคก์ ารอิสระ เรียกชื่อว่า “องคก์ ารส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” มีช่ือยอ่ ว่า “อ.ส.ท.” โดยมีขอบเขตการปฏิบตั ิงานกวา้ งขวางย่งิ ข้ึน ท้งัในการดา้ นพฒั นา การอนุรักษท์ รัพยากรทางการท่องเที่ยวและการส่งเสริมเผยแพร่หลงั จากน้นั จึงไดม้ ีการนาเสนอร่างพระราชบญั ญตั ิการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและร่างพระราชบญั ญตั ิจดั ระเบียบธุรกิจเก่ียวกบั อุตหาหกรรมท่องเท่ียว ปรากฎว่าเฉพาะร่างพระราชบญั ญตั ิการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทยเท่าน้นั ท่ีผา่ นการพิจารณาจากนิติบญั ญตั ิและไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบบั พิเศษเล่มที่ 96 ตอนท่ี 72 วนั ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 จดั ต้งั “การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย” ข้ึน โดยใชช้ ื่อยอ่ วา่ “ททท.”

33ธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยไดพ้ ฒั นาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยเป็ นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีช่ือเสียงเป็นท่ีรู้จกั กนั ทว่ั โลก จากสถิติดา้ นการท่องเท่ียวของประเทศไทยจะเห็นไดช้ ดั ว่า ช่วงระยะเวลาเพียง 40 ปี เริ่มต้งั แต่ปี พ.ศ. 2503 ประเทศไทยมีจานวนนกั ท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเพียง 81,340 คน และปี พ.ศ. 2543 มีนกั ท่องเที่ยวชาวต่างประเทศท้งั สิ้น9,578,826 คน ซ่ึงทวีจานวนข้ึนถึง 120 เท่าตวั จึงนบั ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งไดด้ าเนินไปโดยถูกทิศทาง และถูกตอ้ งตามสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึนเหตุการณ์สาคญั ทเี่ กดิ ขนึ้ ในอตุ สาหกรรมการท่องเทยี่ ว (การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย ,2540: 116-121)อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความสาคญั ต่อการเจริญ ความทนั สมยั ความมนั่ คง และสร้างชื่อเสียงใหก้ บั ประเทศ ตลอดจนการนารายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศเหตุการณ์สาคญั ที่แสดงถึงการพฒั นาในอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวไทยมีดงั น้ี1. จดั ประชุมของสมาคมการท่องเที่ยวภูมิภาคแปซิฟิ กหรือพาตา้ (PacificArea Travel Association: PATA) คร้ังที่ 18 ของสมาคมแต่เป็นคร้ังแรกในประเทศไทยระหวา่ งวนั ที่ 23-31 มกราคม พ.ศ 2511 ที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ การเป็นเจา้ ภาพการจดั การประชุมพาตา้ คร้ังน้ีมีผลใหป้ ระเทศไทยรับประโยชนจ์ ากการโฆษณาประเทศออกไปทว่ั โลก2. เดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2514 มีการขยายสนามบินเชียงใหม่เป็นสนามบินนานาชาติ และวนั ท่ี 5 ตุลาคม พ.ศ. 2514 เครื่องบินจมั โบเ้ จต็ ( โบอิ้ง 747 )ของสายการบิน บี.โอ.เอ.ซี. ทดลองจอดท่ีสนามบินดอนเมืองเป็นคร้ังแรก3. ปี พ.ศ. 2523 คณะรัฐมนตรีไดป้ ระกาศใหเ้ ป็นปี ท่องเที่ยวไทย เพื่อส่งเสริมใหค้ นไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากข้ึน มีการจดั งานแสดงวฒั นธรรมในภูมิภาคทวั่ ประเทศในภาคกลางมีการจดั งาน “ เทศกาลเท่ียวเมืองไทยและเสริมสร้างเอกลกั ษณ์ไทย ” ท่ีสวนอมั พรเป็นคร้ังแรก และต่อมางานน้ีไดจ้ ดั เป็นประจาทุกปี และไดร้ ับความสนใจจากประชาชนคนไทยเป็นอยา่ งมาก4. ปี พ.ศ. 2525 มีการจดั งานเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีการจดั กิจกรรมส่งเสริมท่องเที่ยว และส่งเสริมฟื นฟูการจดั งานประเพณีสู่

34จงั หวดั ต่างๆทว่ั ประเทศ จดั ประชุมสมั มนาทางวิชาการท้งั การประชุมระดบั ประเทศและการประชุมนานาชาติเพ่อื ส่งเสริมและพฒั นาการท่องเที่ยว อาทิเช่น ระหวา่ งวนั ท่ี15 – 17 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2525 สมาคมพาตา้ ( PATA ) เลือกประเทศไทยจดัประชุมใหญ่ประจาปี คร้ังที่ 31 และในปี พ.ศ. 2539 อนั เป็นปี ร่วมฉลองพระราชพธิ ีกาญจนาภิเษกพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั สมาคมพาตา้ ใหค้ วามร่วมมือจดั ประชุมใหญ่ประจาปี คร้ังที่ 45 อีกคร้ังระหวา่ งวนั ท่ี 21-25เมษายน พ.ศ. 2539 เป็นตน้5. ปี พ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรีไดป้ ระกาศใหเ้ ป็นปี ท่องเท่ียวไทย เพ่อื ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในพระราชพธิ ีมหามงคลพิธีเฉลิมพระชนพรรษา 5 รอบ วนั ท่ี 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2530 และพระราชพธิ ีรัชมงั คลาพิเษกวนั ท่ี 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 การประกาศใหเ้ ป็นปี ท่องเท่ียวไทยในช่วงหลงั น้ี ก่อใหเ้ กิดผลดีใหแ้ ก่ประเทศไทยเป็นอยา่ งมากเพราะมีนกั ท่องเที่ยวท้งั ชาวไทยและชาวต่างประเทศเพิม่ มากข้ึน6. วนั ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 มีประกาศพระราชบญั ญตั ิธุรกิจนาเท่ียวและมคั คุเทศก์ มีผลบงั คบั ใชใ้ หผ้ ปู้ ระกอบธุรกิจนาเท่ียวยน่ื ขอจดทะเบียนและขอรับใบอนุญาตใหเ้ สร็จภายในวนั ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ 2535 เพื่อเป็นการยกมาตรฐานการจดั นาเท่ียวในระดบั สากล7. ปี พ.ศ. 2537 องคก์ ารท่องเท่ียวโลก (WTO) ไดจ้ ดั ใหป้ ระเทศไทยอยใู่ นระดบั ท่ี22ของโลก เม่ือพจิ ารณาดา้ นจานวนของนกั ท่องเท่ียวระหวา่ งประเทศ และอยใู่ นลาดบั ที่ 21 เม่ือพิจารณาในดา้ นรายไดข้ องนกั ท่องเท่ียว8. ปี พ.ศ.2538-2539 รัฐบาลไดป้ ระกาศใหเ้ ป็นปี ร่วมเฉลิมฉลองพระราชพธิ ีกาญจนาภิเษก ในวโรกาสที่พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงครองราชย์สมบตั ิชิครบ50ปี มีกิจกรรมเทิดพระเกียรติและรณรงคอ์ นุรักษ์ สิ่งแวดลอ้ มและเฉลิมฉลองทว่ั ประเทศ นอกจากน้นั ในปี พ.ศ. 2538 ยงั เป็นปี แห่ง

35 เทคโนโลยสี ารสนเทศ IT’95 มีเป้าหมายวา่ การส่ือสารกา้ วไกลเมืองไทย กา้ วหนา้ จากอย่างเหตุการณ์สาคญั ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนทาให้ประเทศไทยเริ่มเป็ นท่ีรู้จกั ของ ชาวต่างประเทศ ซ่ึงนับได้ว่าเป็ นความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมการ ท่องเท่ียวตามหลกั วิชาการที่ว่า การพฒั นาการท่องเท่ียว คือการส่งเสริมการ ท่องเท่ียวให้มีความเจริ ญก้าวหน้าทางด้านการติดต่อส่ื อสารและเทคโนโลยีท่ี เรียกวา่ เป็นยคุ โลกาภิวตั นห์ รือยคุ ของโลกท่ีไร้พรมแดน(Giobalization) การท่องเทย่ี วในอนาคต ต้งั แต่ช่วงหลงั สงครามโลกคร้ังที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945) การท่องเที่ยวของโลกได้มีการจัดระเบียบมีการพฒั นาเป็ นอุตสาหกรรมที่ใหญ่โตมาอย่างต่อเนื่ององคก์ ารท่องเที่ยวโลก (WTO) ไดส้ รุปสถานการณ์ท่องเที่ยวโลกไวว้ า่ ในปี ค.ศ. 1960 มีผเู้ ดินทางท่องเท่ียวทวั่ โลกเพียง 69 ลา้ นคนและไดเ้ พ่ิมเป็น 166 ลา้ นคนในปี ค.ศ. 1970เป็ น 458 ลา้ นคนในปี ค.ศ.1990 และในปี ค.ศ.1993 จานวน 500 ลา้ นคน น้ันคือ โดยเฉล่ียการท่องเท่ียวของโลกในช่วงสามทศววษที่ผา่ นมามีอตั ราเพ่ิมข้ึนร้อยละ 6.2 ต่อปีหรื อประมาน 11 ล้านคนต่อปี ท้ังน้ียังไม่รวมนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศตนเองที่รวมกนั มีจานวนถึง 10 เท่าของจานวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ในส่วนรายได้ท่ีเกิดข้ึนจากการใช้จ่ายของนักเท่ียวท่วั โลก มีอัตราเพ่ิมประมาณร้อยละ 12.4 19 ต่อปี ซ่ึงประมาณวา่ นกั ท่องเที่ยวทว่ั โลกใชจ้ ่ายเงินเกือบวนั ละ1 พนั เหรียญสหรัฐในปี ค.ศ. 1993 ศูนยพ์ ฒั นาพาณิชยอ์ ิเลคทรอนิกส์ (17) ไดก้ ล่าวว่าองคก์ ารท่องเท่ียวโลก (WTO) ไดพ้ ยากรณ์ว่า จานวนนกั ท่องเท่ียวทว่ั โลกจะเพ่ิมข้ึนถึง1,018 ลา้ นคนในปี ค.ศ. 2010 และ 1,600 ลา้ นคนในปี ค.ศ.2020 โดยจะมีนกั ท่องเท่ียวเดินทางจากตลาดหลกั 5 ตลาดสาคญั คือ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจกั ร ญ่ีป่ ุนฝรั่งเศสตามลาดบั ท้งั น้ี มีปัจจยั ท่ีจะส่งผลต่อการเดินทางท่องเท่ียวโลกเพิ่มสูงข้ึนในช่วงสิบปี ขา้ งหนา้ ดูไดจ้ ากตารางท่ี 2.1-2.3 ดงั น้ี

36 - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางดา้ นประชากรในประเทศอุตสาหกรรม - ระบบขอ้ มูลข่าวสารที่ทนั สมยั และกา้ วหนา้ มากข้ึน - นกั ท่องเท่ียวมีโอกาสรับทราบขอ้ มลู ข่าวสารท่องเท่ียวมากข้ึน จึงหนั มาสนใจและมีโอกาสเลือกบริการดา้ นการท่องเท่ียวมากข้ึน -การลดขอ้ จดั กดั และข้นั ตอนต่างๆ ของการเดินทางและการจดั การดา้ นการท่องเที่ยว -ความพร้อมดา้ นการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคพ้ืนฐาน ดา้ นส่ิงอานวยความสะดวกสาหรับนกั ท่องเที่ยว และแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเท่ียวมีความพร้อมมากข้ึน -นกั ท่องเท่ียวและคนในทอ้ งถิ่น มีความรับผดิ ชอบต่อผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการพฒั นาการท่องเที่ยวโดยเฉพาะดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม -ธุรกิจท่องเที่ยวมีแข่งขนั มากข้ึน เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของนกั ท่องเท่ียวทุกระดบั คาถามท้ายบท1. การเดินทางในสมยั โบราณเกิดข้ึนดว้ ยอะไร2. นกั ปราชญช์ าวกรีกผเู้ ขียนเรื่องเกี่ยวกบั การเดินทางในลกั ษณะของการท่องเท่ียวคนแรกคือใคร3. การเดินทางของบุคคลใดในช่วงมธั ยมสมยั ท่ีไดช้ ่ือวา่ เป็นการเดินทางคร้ังสาคญั ของโลก4. ในยคุ สมยั ใดท่ีไดเ้ ริ่มมีการประดิษฐแ์ ท่นพิมพข์ ้ึนมาใชด้ ป็นคร้ังแรก5. สารคดีท่องเท่ียวของมาร์โคโปโลมีความสาคญั อยา่ งไร6. ฮอสไพส “Hospice” เกิดข้ึนในสมยั ใด มีความสาคญั อยา่ งไร7. กิจกรรมท่องเที่ยวในยคุ เร่ิมตน้ เป็นกิจกรรมท่ีนิยมของคนกลุ่มใด8. นิราศเมืองแกลงเป็นวรรณกรรมท่ีกล่าวถึงการเดินทางดว้ ยเหตุผลใด9. กษตั ริยพ์ ระองคใ์ ดของไทยท่ีทรงเป็นกษตั ริยน์ กั ท่องเที่ยวท่ียง่ิ ใหญ่ที่สุดของประเทศ

37


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook