ความขัดแย้งและความรว่ มมือของโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถงึ ปัจจบุ นั • ความขดั แย้งในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 ถึงปัจจบุ นั • ความร่วมมือในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 20 ถึงปจั จบุ ัน
สงครามโลกคร้งั ที่ 1 (ค.ศ. 1914-1919) ชนวนของสงคราม เหตกุ ารณ์ลอบปลงพระชนม์อารช์ ดกุ๊ ฟรานซิส เฟอรด์ ินานด์ มกฎุ ราชกุมาร แหง่ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮงั การีและพระชายา ขณะเสด็จเยอื นกรุงซาราเยโว เมอื งหลวง ของแคว้นบอสเนียเม่ือวนั ที่ 28 มิถนุ ายน ค.ศ. 1914 ทาให้เกิดความขัดแยง้ ข้นึ ระหวา่ งรัฐบาล ออสเตรยี -ฮังการีกับเซอร์เบีย และขยายตัวกลายเป็นสงครามไปยงั ดินแดนส่วนต่างๆ ของโลก ในทสี่ ดุ อาร์ชดุ๊ก ฟรานซสิ เฟอรด์ นิ านด์ และพระชายา ขณะเสด็จเยือนกรุงซาราเยโว
สาเหตขุ องสงคราม 1. ลัทธิชาตนิ ิยม 2. ลัทธิจกั รวรรดินิยม 3. ลทั ธนิ ิยมทหาร 4. การแบง่ เปน็ 2 ค่าย • กลุม่ สนธสิ ญั ญาไตรภาคี • กลุม่ สนธิสญั ญาพนั ธมิตรไตรภาคี
ลกั ษณะการรบในสงคราม ลกั ษณะสนามเพลาะของกองทัพรัสเซยี ทีใ่ ช้ในการสรู้ บและป้องกันอาวธุ 1. เปน็ สงครามในสนามเพลาะ ซ่งึ สว่ นใหญร่ บกนั จากฝา่ ยตรงขา้ ม ในพนื้ ทข่ี องทวปี ยโุ รป มีท้ังการรบทางอากาศ ทางบก และทางเรือ ซึง่ รว่ มรบกันอยา่ งเป็น เอกภาพ โดยใชร้ ะยะเวลาในการรบยาวนาน ถึง 4 ปี 2. มกี ารแข่งขันกนั ประดิษฐแ์ ละผลิตอาวุธ ยุทโธปกรณใ์ หมๆ่ ของประเทศคสู่ งคราม ซึ่งมี อานาจในการทาลายล้างสงู หลายประเภท เชน่ เครอื่ งบนิ ต่อสู้ รถถงั หมุ้ เกราะ เรือดาน้า ปืนกล แก๊สพิษ เป็นตน้
ความเสียหายจากสงคราม สภาพความเสยี หายของประเทศในยโุ รป ภายหลังจากสงครามโลกครัง้ ท่ี 1 สน้ิ สดุ 1. มที หารเสยี ชวี ิตจากสงครามประมาณ 13 ลา้ นคน บาดเจ็บกวา่ 20 ล้านคน และอีกกวา่ 9 ลา้ นคนตอ้ งทพุ พลภาพ 2. มีพลเรอื นเสียชีวติ ประมาณ 9 ลา้ นคน และอีก 9 ลา้ นคนเสียชีวิตโดยตรง ในสงคราม 3. มที รพั ยส์ นิ ทีเ่ สยี หายจากสงครามในประเทศ ต่างๆ รวมกันเป็นมลู คา่ กวา่ 300,000 ลา้ น ดอลลาร์สหรฐั และระบบเศรษฐกิจ ของประเทศตา่ งๆ ตอ้ งพังพินาศ 4. จกั รวรรดิยิ่งใหญ่ 4 จกั รวรรดิของยุโรป ล่มสลายลง
ผลของสงคราม 1. เกดิ การจัดตัง้ องคก์ ารสนั นิบาตชาติ (The League of Nations) ขน้ึ เพ่อื ทาหน้าทีป่ ระสาน ผลประโยชนแ์ ละแก้ไขข้อขัดแย้งระหวา่ งประเทศ พร้อมทัง้ สร้างสันติภาพและความ ร่วมมอื ระหว่างชาติเพอ่ื ป้องกันการเกดิ สงครามขน้ึ ซา้ อกี นับเป็นองคก์ ารระหว่างประเทศ องคก์ ารแรกของโลก 2. เกดิ ประเทศขน้ึ ใหมใ่ นยโุ รปตะวันออก 7 ประเทศ ได้แก่ เชโกสโลวะเกยี โปแลนด์ ฮังการี บลั แกเรีย โรมาเนยี แอลเบเนีย และยูโกสลาเวยี การประชมุ สนั ตภิ าพท่กี รงุ ปารีส ค.ศ. 1919 ของฝา่ ยพนั ธมติ ร และมกี ารทาสนธิสญั ญาแวร์ซาย
สงครามโลกครง้ั ที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945) ชนวนของสงคราม ภาพเหตกุ ารณข์ ณะเยอรมนบี กุ โปแลนด์ เม่ือ ค.ศ. 1939 สงครามเกิดขึน้ เม่ือเยอรมนบี ุกโปแลนด์ ในวันท่ี 3 กนั ยายน ค.ศ. 1939 ทาให้อังกฤษ และฝรั่งเศสซง่ึ สนับสนนุ โปแลนดป์ ระกาศ สงครามต่อเยอรมนี สงครามในยุโรป จงึ ขยายตัวและภายในระยะเวลาอันสนั้ นานาประเทศกถ็ ูกดงึ ใหเ้ ข้าร่วมในสงคราม กลายเป็นสงครามโลกท่ีมปี ระเทศสาคัญ อย่างญี่ปุน่ และสหรัฐอเมรกิ าเข้ารว่ มดว้ ย
สาเหตขุ องสงคราม 1. ความไมเ่ ปน็ ธรรมของ สนธสิ ญั ญาสันตภิ าพ 2. ความลม้ เหลวของ องคก์ ารสันนิบาตชาติ 3. การขยายตวั ของลัทธิ ฟาสซิสตแ์ ละลัทธนิ าซี 4. การมบี ทบาทมากข้ึนของลัทธินยิ ม ทหารและการแข่งขันทางเศรษฐกจิ
แผนท่ยี ุโรปในชว่ งสงครามโลกคร้ังท่ี 2
การรบในสงคราม • เยอรมนีบุกครอง ค.ศ. 1941 • ญี่ป่นุ บกุ ยึด ยโุ รปไดท้ ัง้ หมด สิงคโปร์ซงึ่ เปน็ ยกเวน้ อังกฤษ • เยอรมนีบุกสหภาพโซเวยี ต ฐานทัพสาคญั • ญีป่ นุ่ บกุ โจมตอี า่ วเพิร์ล ขององั กฤษ ค.ศ. 1939 - 1940 ท่ีหมู่เกาะฮาวาย ทาใหส้ หรัฐ ค.ศ. 1941 อเมริกาประกาศสงคราม กบั ญี่ป่นุ
• ฝ่ายพนั ธมติ รยกพลขน้ึ บก ค.ศ. 1945 ในวนั ด-ี เดย์ • เยอรมนียอมแพแ้ ละยตุ สิ งคราม ค.ศ. 1944 ในทวปี ยโุ รป • สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมณูถล่ม เมืองฮิโระชิมะและนะงะซะกิ ทาให้ญ่ีปนุ่ ยอมแพ้ สงครามจงึ ยุตลิ ง
ผลของสงคราม 1. ประเทศมหาอานาจยโุ รปสูญเสยี สถานภาพความเป็นประเทศมหาอานาจ สหรัฐอเมรกิ า และสหภาพโซเวยี ตกลายเป็นประเทศอภมิ หาอานาจทีม่ บี ทบาทและอิทธพิ ลในยุโรป 2. การแข่งขนั กันขยายอทิ ธิพลและอุดมการณ์ทางการเมืองของสหรัฐเอมรกิ าและสหภาพ โซเวยี ต ทาให้ยโุ รปถกู แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น คือ ยโุ รปตะวันตกกบั ยุโรปตะวันออก สภาพความเสียหายของเมืองฮโิ ระชิมะ ประเทศญ่ปี นุ่ หลงั จากสหรัฐอเมริกาทง้ิ ระเบิดปรมาณใู นเดอื นสงิ หาคม ค.ศ. 1945
3. ประเทศพันธมติ รท่ีชนะสงครามจดั การพจิ ารณาความผดิ ของผู้นาพรรคนาซี ที่เมอื งนเู รมเบิรก์ ประเทศเยอรมนี และตดั สินว่าผนู้ าพรรคนาซมี ีความผดิ ดว้ ยการ กอ่ อาชญากรรมตอ่ สนั ตภิ าพและกอ่ สงคราม และพิจารณาวา่ องค์การของพรรคนาซี เป็นองค์การอาชญากรสงคราม 4. มกี ารจัดตง้ั องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ขน้ึ เพื่อเป็นองคก์ าร ระหวา่ งประเทศ ทาหนา้ ที่รกั ษาสันติภาพ และเสรมิ สร้างความรว่ มมือระหวา่ ง ประเทศระดบั โลก การพจิ ารณาคดีนเู รมเบริ ก์ ทป่ี ระเทศเยอรมนี ระหวา่ ง ค.ศ. 1945 - 1949
สงครามเย็น (ค.ศ. 1945-1991) ชนวนและสาเหตขุ องสงคราม หลังจากส้ินสดุ สงครามโลก สหรฐั อเมรกิ าเขา้ มาชว่ ยเหลอื ยุโรปตะวนั ตกในการฟนื้ ฟู ประเทศและขัดขวางการขยายอทิ ธพิ ลของสหภาพโซเวยี ต สง่ ผลใหเ้ กิดความขดั แยง้ ทาง การเมืองและอดุ มการณร์ ะว่างกลมุ่ ประเทศประชาธิปไตยที่นาโดยสหรฐั อเมริกา กับกลุ่ม ประเทศคอมมิวนสิ ต์ทนี่ าโดยสหภาพโซเวยี ต กลายเปน็ สงครามเยน็ ทข่ี ยายขอบเขตไปยังพนื้ ที่ ต่างๆ ทวั่ โลก
การเร่มิ ขึ้นของสงคราม สงครามเยน็ เกดิ ขึน้ อยา่ งชัดเจนใน ค.ศ. 1947 เมอื่ เกิดสงครามกลางเมอื งกรีซ ซ่ึงมผี ลให้ สหรัฐอเมรกิ าประกาศหลกั การทรแู มน (Truman Doctrine) มีสาระสาคัญ คือ การช่วยเหลือ ประเทศต่างๆ ทีถ่ กู ลัทธคิ อมมวิ นิสตค์ ุกคาม และพร้อมให้ความช่วยเหลือดา้ นกาลงั อาวุธ และการเงินแก่ประเทศนน้ั ๆ ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส ทรูแมน ลงนามในแผนการ มารแ์ ชลล์ อนุมัตใิ หค้ วามช่วยเหลอื ประเทศ ในยโุ รปตะวันตก ทีไ่ ดร้ ับความเสยี หายจากสงคราม
วิธีการรบในสงคราม กองกาลังสหภาพโซเวยี ตในเกาหลี 1. ประเทศครู่ บในสงครามเย็นไมใ่ ช้อาวธุ ทาสงครามกนั อย่างเปดิ เผย แต่มกี ารสะสมกาลงั อาวุธและกาลังรบ ควบคู่ไปกบั การตอ่ สู้ด้วยวิธกี ารแข่งขนั แยง่ ชงิ อานาจ และอิทธพิ ลในด้านต่างๆ เช่น ด้านการทตู ดา้ นการทหาร ด้านการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นตน้ 2. วิกฤตการณ์ครงั้ สาคญั ในสงครามเยน็ เชน่ การปิดกนั เบอร์ลิน สงครามเกาหลี วกิ ฤตการณ์ขปี นาวธุ ท่ีควิ บา การบุกเชโกส โลวะเกีย สงครามเวียดนาม เปน็ ตน้ กองกาลงั สหรฐั อเมรกิ าในเกาหลี
การผอ่ นคลายความตงึ เครียดของสงคราม (ขวา) ประธานาธบิ ดรี ิชาร์ต นกั สนั แหง่ สหรัฐอเมรกิ ากาลังสนทนากบั ค.ศ. 1969 - 1979 ประธานาธบิ ดีดเี ลโอนิด เบรจเนฟ แหง่ สหภาพโซเวียต (ซา้ ย) ในโอกาสทผี่ ู้นา สหรัฐอเมรกิ าและสหภาพ สหภาพโซเวียตเดนิ ทางเยอื นสหรัฐอเมริกา โซเวียตปรับเปลย่ี นนโยบายจากการ เมอื่ วนั ที่ 19 มถิ ุนายน ค.ศ. 1973 แข่งขนั กันขยายอานาจและสะสม อาวธุ มาเปน็ การสรา้ งความสมั พนั ธ์ ตอ่ กนั และร่วมมือกนั ในดา้ น เศรษฐกิจ การค้า สังคม และวัฒนธรรม ทาใหบ้ รรยากาศ ตงึ เครยี ดของสงครามผอ่ นคลายลง
กองกาลังของสหภาพโซเวียตบุกรกุ ราน ค.ศ. 1975 อัฟกานิสถาน เมื่อ ค.ศ. 1979 กลุม่ ประเทศคา่ ยโลกเสรีและค่ายโลก คอมมวิ นสิ ตจ์ ดั การประชมุ เพอื่ ความมนั่ คงและ ความรว่ มมือกนั ในยโุ รป หรือ ซเี อสซีอี เนน้ การเคารพในอานาจอธิปไตยของ นานาประเทศ และแกไ้ ขข้อพิพาทระหวา่ ง ประเทศดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี แต่ภาวะสงครามเย็น กลบั มาอกี คร้งั ใน ค.ศ. 1979 เมื่อสหภาพ โซเวียตบุกรกุ รานอัฟกานิสถาน เพ่ือครอบ ครองอ่าวเปอรเ์ ซยี และแหล่งนา้ มนั ดบิ ใน ตะวนั ออกกลาง
การส้ินสุดของสงคราม • ค.ศ. 1985 • ค.ศ. 1989 ประเทศ • ค.ศ. 1985 - 1989 เกดิ ประธานาธบิ ดมี ฮี าอลิ ยโุ รปตะวันออก การประชมุ เจรจา กอร์บาชอฟ ปฏริ ูป เคลื่อนไหวแยกตัว หลายคร้งั ระหวา่ ง สหภาพโซเวียตใหเ้ ปน็ ออกจากสหภาพ สหรัฐอเมรกิ า ประชาธิปไตยมากข้ึน โซเวยี ต โดยไมม่ กี าร กับสภาพโซเวียต และ และเน้นการดาเนนิ ขดั ขวางจากสหภาพ ตกลงกนั ลดกาลังอาวุธ นโยบายร่วมมือกบั โซเวียต นิวเคลียร์ และหา นานาประเทศ แนวทาง เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ยตุ คิ วามขัดแย้งทาง การเมืองร่วมกัน
การสน้ิ สุดของสงคราม • ค.ศ. 1990 กาแพงเบอร์ลนิ ถูกทาลาย • ค.ศ. 1991 สหภาพโซเวียตล่มสลาย สงครามเย็นสิ้นสดุ ลง
นโยบายของประเทศอภมิ หาอานาจหลงั สงคราม หลงั ส้ินสดุ สงครามเยน็ สหรัฐอเมรกิ ากลายเป็นประเทศ อภิมหาอานาจเพยี งประเทศเดยี วในโลก แต่ก็ไม่สามารถผกู ขาดอานาจ ไวไ้ ดท้ ้งั หมด จึงจาเป็นต้องดาเนินนโยบายโดยอาศยั กรอบความร่วมมอื ในองค์การระหวา่ งประเทศตา่ งๆ โดยเฉพาะองค์การสหประชาชาติ และองค์การนาโต
องค์การสหประชาชาติ (United Nation : UN) ความเปน็ มา ช่วงปลายสงครามโลกคร้งั ที่ 2 ผแู้ ทน จากประเทศจนี สหรัฐอเมรกิ า สหภาพโซเวยี ต และอังกฤษ ได้ประชมุ รว่ มกนั เพื่อวางแนวทาง ในการจัดต้ังองคก์ ารระหวา่ งประเทศขึน้ จากน้นั ผแู้ ทนจาก 50 ประเทศไดป้ ระชมุ รว่ มกนั เพอ่ื รา่ งกฎ บตั รขององคก์ ารสหประชาชาติ ทาใหอ้ งคก์ าร สหประชาชาตกิ อ่ ต้ังขน้ึ อยา่ งเป็นทางการในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เมอื่ กฎบตั รไดร้ ับสตั ยาบัน จากชาติตา่ งๆ ทีล่ งนามในกฎบตั รเปน็ สว่ นใหญ่ สานักงานใหญอ่ งค์การสหประชาชาติ ต้งั อยใู่ นนครนิวยอร์ก ประเทศสหรฐั อเมรกิ า
วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ขององคก์ ารสหประชาติ รักษาสนั ตภิ าพ พฒั นาความสมั พนั ธ์ฉันมิตร และความมน่ั คงของโลก ระหว่างประเทศ รว่ มมือแก้ปญั หาระหว่างประเทศ และสง่ เสรมิ การเคารพสทิ ธมิ นษุ ยชน เป็นศนู ยก์ ลางในการสร้างสมานฉนั ท์ ในการดาเนินนโยบายของชาตติ า่ งๆ
แนวทางการดาเนินงานขององคก์ ารสหประชาชาตใิ นครสิ ต์วรรษท่ี 21 ธารงสนั ติภาพ พฒั นาคุณภาพ สง่ เสริม คุ้มครอง เพม่ิ ความ และความม่นั คง ชวี ิตและลด สิทธมิ นษุ ยชน ผู้อ่อนแอหรือ เขม้ แขง็ ให้แก่ และลดการใช้ ความยากจน ประชาธิปไตย ผู้ท่ีเสยี เปรยี บ สหประชาชาติ ธรรมาภิบาล อาวุธ พทิ ักษ์ ใหค้ วาม สิง่ แวดลอ้ มโลก ชว่ ยเหลือ ประเทศใน ทวปี แอฟรกิ า
สหภาพยุโรป (Eropean Union : EU) ความเป็นมา สหภาพยโุ รปสถาปนาอย่างเปน็ ทางการในต้นทศวรรษ 1990 สืบเนอ่ื งมาจากการ ดาเนนิ งานขององค์กรความร่วมมอื ในยโุ รปทีก่ ่อตั้งมากอ่ น โดยมีการทาสนธสิ ัญญาก่อต้ัง สหภาพยุโรปข้ึนท่เี มืองมาสตริกต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เม่ือ ค.ศ. 1993 มสี มาชิกรว่ มกอ่ ตง้ั 15 ประเทศ ปัจจบุ ันมีสมาชิก 28 ประเทศ มีสานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยยี ม และมีคาขวญั ประจาองคก์ รว่า “United in Diversity” สภายโุ รป ตั้งอยู่ที่เมืองสตราสบูรก์ ประเทศฝรั่งเศส
วตั ถุประสงคห์ ลกั ของสหภาพยโุ รป การรวมกลมุ่ เปน็ สหภาพยุโรปของประเทศในทวปี ยโุ รป เปน็ ไปเพ่อื ร่วมมือกนั สรา้ ง เอกภาพในการดาเนินนโยบายดา้ นการเมือง เศรษฐกิจ การเงนิ สังคม วฒั นธรรม ความมน่ั คง และการตา่ งประเทศ โดยคาดหวังว่าจะนาไปสู่การสรา้ งสหรัฐยโุ รป (United States of Europe) หรอื ยโุ รปท่ีไร้พรมแดนอยา่ งแท้จริงในอนาคต
กลไกการบริหารและแนวทางดาเนนิ งานของสหภาพยุโรป รัฐสภา การบรหิ ารงาน คณะมนตรี มตี วั แทนประจา ของสหภาพ อยูต่ ามประเทศต่างๆ คณะ และในหนว่ ยงาน ยุโรป กรรมาธกิ าร ระหวา่ งประเทศอ่นื ๆ ศาลยุตธิ รรม ธนาคารกลาง
ใน ค.ศ. 2009 ไดม้ กี ารบังคบั ใช้สนธสิ ญั ญาลิสบอน เพ่ือรองรับการทางานขององค์กรท่ีมีสมาชิกเพิ่มมากข้ึน และเพ่ือยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อันมีผลต่อ สหภาพยโุ รปดงั นี้ ยกระดับ เพ่มิ ศักยภาพ สร้างคณุ ค่า เน้นการ ความโปรง่ ใส ภายใน และความเปน็ เป็นผู้นา และความเป็น ในระดับโลก ประชาธิปไตย ปกึ แผน่ ภายใน การประชุมผูน้ าสหภาพยุโรปเพ่อื ผา่ นสนธิสญั ญลสิ บอน ที่ประเทศโปรตเุ กส เมือ่ ค.ศ. 2007
องค์การการคา้ โลก (World Trade Organization : WTO) ความเป็นมา • องค์การการคา้ โลก เปน็ องคก์ ารระหวา่ งประเทศในช่วงหลงั สงครามโลกครั้งท่ี 2 พัฒนา มาจากความตกลงทั่วไปวา่ ดว้ ยพกิ ดั อตั ราศลุ กากรและการคา้ หรอื แกตต์ โดย WTO ได้กอ่ ตงั้ ขนึ้ อยา่ งเปน็ ทางการในวนั ที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1995 หลงั จากการเจรจาการคา้ รอบอุรุกวัยจบลง มสี มาชกิ เรม่ิ แรก 81 ประเทศ และปัจจบุ ันมีสมาชกิ ท้ังสิน้ 159 ประเทศ (ถงึ วันท่ี 2 มนี าคม ค.ศ. 2013) สานักงานใหญอ่ งคก์ ารการคา้ โลก ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวติ เซอร์แลนด์
วตั ถุประสงคห์ ลกั ขององคก์ ารการค้าโลก องค์การการค้ามวี ัตถปุ ระสงคห์ ลัก คอื การเปดิ เสรีการค้าระหวา่ ประเทศอยา่ งคอ่ ยเป็น ค่อยไปตามความพรอ้ มและระดบั การพฒั นาของประเทศสมาชิก โดยมกี ตกิ ากาหนดใหป้ ฏบิ ตั ิ อยา่ งเปน็ พิเศษแก่ประเทศกาลังพัฒนา เพอ่ื สนับสนุนใหเ้ ข้าร่วมในระบบ การค้าพหุภาคี ดงั น้ัน ประเทศ สมาชิกมพี นั ธะท่จี ะต้องปฏบิ ัติตน ภายใต้กรอบความตกลงต่างๆ ขององค์การ ดร.ศภุ ชยั พานิชภักดิ์ อดีตผ้อู านวยการใหญ่ องค์การการคา้ โลก ดารงตาแหน่งระหวา่ งเดอื นกันยายน ค.ศ. 2002 - สิงหาคม ค.ศ. 2005
การดาเนนิ งานขององค์การการคา้ โลก • องคก์ ารการคา้ โลกทาหนา้ ท่ีเกีย่ วกบั ข้อตกลงด้านการคา้ ระหว่างประเทศ เปน็ เวทีสาหรับ การเจรจาตกลง ตอ่ รอง และขจดั ขอ้ พพิ าทในเงอ่ื นไขและกฎเกณฑท์ างการค้าและการบรกิ าร ระหว่างประเทศสมาชกิ โดยตอ้ งดแู ลความตกลง 3 ประการ ไดแ้ ก่ •ความตกลงท่ัวไปว่าด้วยพิกัดอตั ราศลุ กากร และการคา้ • ความตกลงท่ัวไปว่าดว้ ยการค้าภาคบริการ • ความตกลงทวั่ ไปวา่ ดว้ ยการค้าเก่ยี วกับทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา
• องคก์ ารการค้าโลกยงั ทาหนา้ ท่ี • องค์การการค้าโลกจะจัดประชมุ ระดบั คอยติดตามสถานการณก์ ารค้า รัฐมนตรีอย่างนอ้ ยทกุ ๆ 2 ปี เพอ่ื ทบทวน ระหวา่ งประเทศและจัดตง้ั ให้มี ปญั หาในการปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ผูกพนั ของ การทบทวนนโยบายการค้าของ สมาชิก คณะมนตรีใหญ่ คณะมนตรี ประเทศสมาชกิ อย่างสมา่ เสมอ และคณะกรรมาธิการตา่ งๆ การประชมุ รัฐมนตรีขององคก์ ารการคา้ โลก ครง้ั ท่ี 9 ทเี่ มืองบาหลี ประเทศอนิ โดนเี ซยี เม่ือเดอื นธันวาคม ค.ศ. 2013
สมาคมประชาชาตแิ หง่ เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตห้ รืออาเซียน (Association of Sountheast Asian Nation : ASEAN) ความเป็นมา อาเซียนก่อตงั้ ขน้ึ โดยปฏิญญากรงุ เทพ เม่อื วันที่ 8 สงิ หาคม ค.ศ. 1967 ซงึ่ พัฒนามาจาก สมาคมอาสา (ASA) มีประเทศสมาชกิ รว่ มก่อตงั้ 5 ประเทศ ไดแ้ ก่ ไทย สงิ คโปร์ มาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และอนิ โดนีเซยี ปจั จุบนั มี ประเทศสมาชิกท้งั ส้ิน 10 ประเทศ และจะขยายขอบเขตเปน็ ประชาคม เศรษฐกจิ อาเซียนภายใน ค.ศ. 2015 มีคาขวญั ประจาองคก์ รวา่ หนึง่ วิสยั ทศั น์ สานักเลขาธิการอาเซยี น ตง้ั อยทู่ ีก่ รงุ จาการต์ า หนึ่งเอกลักษณ์ ประเทศอินโดนเี ซีย หนึ่งประชาคม
วตั ถุประสงค์หลกั ของอาเซียน 1. ส่งเสรมิ ความร่วมมอื และความชว่ ยเหลอื ทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม วชิ าการ เทคโนโลยี และการบริหาร 2. สง่ เสริมสันติภาพและความมน่ั คงของภมู ภิ าค 3. สง่ เสริมความรว่ มมอื ระหวา่ งอาเซียนกับต่างประเทศและองคก์ รระหวา่ งประเทศ การประชมุ สดุ ยอดอาเซียน คร้งั ท่ี 27 ทป่ี ระเทศมาเลเซีย เมื่อเดือนพฤศจกิ ายน ค.ศ. 2015
การดาเนนิ งานของอาเซียน • อาเซียนมีสานักเลขาธิการ อาเซยี นเปน็ ศูนยก์ ลางในการ • การประกาศใชก้ ฎบัตรอาเซยี น ตดิ ตอ่ ระหว่างประเทศสมาชกิ เมื่อ ค.ศ. 2008 ทาใหก้ าร และมีสานักงานอาเซียน ดาเนินงานของอาเซียนเปน็ ไป แหง่ ชาติทาหนา้ ทป่ี ระสาน ภายใต้กฎหมายเดยี วกัน กิจการอาเซียนในประเทศนนั้ ๆ และนาไปสกู่ ารเป็นประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนใน ค.ศ. 2015
• รปู แบบการพฒั นา ดา้ นความ ของอาเซียนเป็นไป มน่ั คง ในทิศทางเดียวกับ สหภาพยุโรป คอื ดาเนนิ การตาม 3 เสาหลกั ไดแ้ ก่ ด้านสงั คม วัฒนธรรม ดา้ นการรวมตัว ทางเศรษฐกจิ
Search