Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 10-ชาญชนก สีแดงน้อย

10-ชาญชนก สีแดงน้อย

Published by RanculuS, 2019-05-31 02:25:14

Description: 10-ชาญชนก สีแดงน้อย

Search

Read the Text Version

ค�ำ น�ำ อิ นเทอร์เน็ตคือเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ มีการเช่ือมต่อระหว่างเครอื ข่ายท่วั โลก ผ้ใู ช้เครอื ขา่ ยสามารถสอ่ื สารถงึ กนั ได้ในหลายๆ ทาง เช่น อเี มล เว็บบอร์ด และสามารถสบื คน้ เผยแพร่ขอ้ มูลและขา่ วสารตา่ ง ๆ รวมทั้งคัดลอก แฟม้ ขอ้ มลู และโปรแกรมมาใชไ้ ด้ หนังสอื เลม่ นจี้ ะอธบิ ายถึงขอ้ มลู ขนั้ พื้นฐานและรายละเอยี ดตา่ งๆของอนิ เทอร์และ การใช้อินเทอรเ์ น็ตเขา้ มาช่วยทางการศกึ ษา คอมพิวเตอรเ์ พือ่ การศกึ ษา คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน และ Youtube ทใ่ี นปจั จุบนั สามารถเรียนรู้ด้วยตวั เองได้และสามารถเผยแพร่นำ�ไปใชช้ ่วยในการเรยี น การสอนได้จะทำ�ให้ผ้ทู ่ีดหู รอื ศึกษาเขา้ ใจได้ง่ายขน้ึ สุดท้ายน้ขี อให้ผอู้ า่ น น�ำ ความร้ตู ่างๆที่ ได้จากส่ือการเรียนเพ่อื การสอนน้ี สามารถนำ�ไป ประยุกต์ใชไ้ ด้อย่างเกดิ ประโยชนแ์ ละมปี ระสิทธิภาพ สงู สุด

สารบญั 2 3 บทท่ี1 4 คอมพวิ เตอรเ์ พือ่ การศึกษา 5 พัฒนาการคอมพิวเตอรเ์ พือ่ การศึกษา บทบาทคอมพวิ เตอรท์ ี่มตี อ่ การศกึ ษา ลักษณะการใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พ่อื การศกึ ษา บทท2ี่ 18 คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 19 ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 21 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน 22 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 24 โครงสร้างของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 27 องคป์ ระกอบบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI) 33 ส่วนประกอบบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) บทท่ี 3 40 อินเทอรเ์ นต็ 40 อินเทอร์เน็ตคอื อะไร 40 อินเทอร์เนต็ เกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร 40 อินเทอรเ์ นตทำ�อะไรไดบ้ ้าง 41 ยุคของอนิ เทอร์เน็ต 43 บริการตา่ งๆของอนิ เทอร์เนต็ 44 หากจะใช้ Internet ควรต้องมอี ะไรบา้ ง 45 การเชอื่ มตอ่ อนิ เทอรเ์ น็ต บทที่ 4 50 อินเทอรเ์ นต็ กับการศึกษา 52 อนิ เตอร์เน็ตกับการเรียนร้ไู ร้พรมแดน 54 การศึกษาทางไกล 55 ความสำ�คญั ของการศึกษาทางไกล 56 หลกั การใช้อินเทอร์เนต็ 57 ประโยชนข์ องอนิ เตอรเ์ นต็ เพ่อื การสอ่ื สาร

บทที่ 5 60 YouTube 60 ความเป็นมา 61 รปู แบบวิดีโอ 61 รูปแบบเสียง 62 การแสดงผล 63 การใชง้ าน YouTube 65 การอพั โหลดไฟลว์ ดิ ีโอ 66 วิธีการเพิม่ ขอ้ ความปอ๊ บอัพระหว่างดูวดิ โี อ





บทท่ี 1 คอมพวิ เตอรเ์ พอื่ การศกึ ษา ปจั จบุ นั มีการนาํ คอมพิวเตอร์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานดา้ นต่างๆ อย่างมากมาย เชน่ งานด้านส่อื สารมวลชน งานด้านวิทยาศาสตร์ งานด้านการแพทยส์ าธารณสขุ งานด้าน การคา้ การลงทนุ งานดา้ นความปลอดภยั งานดา้ นการทหาร และงานด้านการศึกษา การนําคอมพิวเตอรไ์ ปประยุกต์ใช้ดา้ นการศกึ ษา เชน่ งานบรหิ าร งาน หลกั สูตร งานห้องสมุด งาน พฒั นาวชิ าชีพ งานแนะแนว งานทดสอบ และงานสอื่ การ สอน งานตา่ งๆ เหลา่ นี้มีการนาํ เคร่ือง คอมพวิ เตอรแ์ ละโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปประยกุ ต์ ในลกั ษณะตา่ งๆ ดังจะกลา่ วตอ่ ไปน้ี 1.1 พฒั นาการคอมพิวเตอรเ์ พอ่ื การศกึ ษาได้ 1.2 บทบาทคอมพิวเตอร์ทม่ี ีตอ่ การศกึ ษาได้ 1.3 ลกั ษณะการใช้คอมพิวเตอร์เพือ่ การศึกษาได้ 2

1.1 พัฒนาการคอมพิวเตอรเ์ พ่ือการศกึ ษา ภาคเทคโนโลยแี ละสอ่ื การศึกษา (2557) ไดก้ ลา่ วถึงการนําคอมพิวเตอร์มาใชใ้ น วงการศึกษานั้น ในตา่ งประเทศไดน้ าํ มาใชน้ านแล้วตั้งแต่ปลายปี ค.ศ. 1950 โดยเร่ิม นํามาใช้ในมหาวทิ ยาลยั หลายแหง่ ในสหรัฐอเมรกิ าซ่ึงได้นาํ มาใชใ้ นด้านการบริหารจัดการ เรยี นการสอน ตลอดจนการวิจัยการเรียน การสอนในปี ค.ศ. 1960 มหาวทิ ยาลยั Illinois ไดเ้ รม่ิ โครงการ PLATO (ยอ่ มาจาก Programmed Logic for Automatic-Teching Operations) เพ่ือออกแบบคอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นการเรยี นการสอน และยงั พัฒนา คอมพิวเตอร์ช่วยสอนในรายวิชาตา่ งๆ ตัง้ แต่ระดับอนบุ าลจนถงึ บัณฑติ วิทยาลยั รวมท้งั การฝกึ อบรมทางธุรกจิ และอุตสาหกรรม ในปี ค.ศ. 1972 ไดม้ โี ครงการ TICCIT ของบรษิ ัท MitreCorporation ไดเ้ สนอ การเรียนการสอนโดยใช้คอมพวิ เตอร์ช่วยในระบบมนิ ิคอมพิวเตอร์ ทาํ ให้ผู้เรยี นสามารถ ควบคุมการเรียนไดด้ ้วยตนเอง (Learner-Controlled)ชว่ งกลางทศวรรษที่ 1970 บรษิ ทั คอมพิวเตอรท์ ้งั หลายไดค้ ิดคน้ ปะดิษฐเ์ คร่ืองไมโครคอมพิวเตอรข์ น้ึ จนไดน้ ํามาใช้วงการศกึ ษา อย่างแพรห่ ลาย เน่ืองจากเครื่องมขี นาดเล็กลง และราคากไ็ มส่ ูงมากนัก จงึ ทาํ ให้ มีการพัฒนาวิจยั การนาํ คอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการศกึ ษาอย่างไมห่ ยุดน่ิง ประกอบกับ ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ท่พี ัฒนา ให้ง่ายต่อการใช้งาน ประสทิ ธภิ าพในการประมวลผล สูง ขนาดเลก็ ลงคณุ ภาพของภาพเสยี งมีความ คมชัด และมคี วามเปน็ จริงเสมือนมากขึน้ จึงเกิดนวัตกรรมขนึ้ อีกหลายดา้ นทีค่ วรคา่ แก่การนาํ มา ประยุกตใ์ ชเ้ พื่อใหเ้ กดิ การเรียนรูใ้ น มนษุ ย์อย่าง ต่อเนือ่ งในปัจจุบัน คอมพวิ เตอรช์ ่วยในระบบมินิคอมพิวเตอร์ ทําใหผ้ ู้เรียนสามารถ ควบคมุ การเรียนไดด้ ว้ ยตนเอง (Learner-Controlled)ช่วงกลางทศวรรษท่ี 1970 บรษิ ัท คอมพิวเตอรท์ ้ังหลายได้คดิ ค้นปะดษิ ฐเ์ ครอ่ื ง ไมโครคอมพวิ เตอรข์ ้ึนจนได้นาํ มาใชว้ ง การศกึ ษาอย่างแพร่หลาย เน่ืองจากเครื่องมีขนาดเลก็ ลง และ ราคากไ็ มส่ งู มากนัก จงึ ทาํ ให้ มีการพฒั นาวจิ ยั การนาํ คอมพวิ เตอร์มาใช้ในการศกึ ษาอยา่ งไม่หยดุ นง่ิ ประกอบกบั วิวฒั นาการของคอมพวิ เตอรท์ พ่ี ัฒนาให้ง่ายตอ่ การใชง้ าน ประสทิ ธิภาพในการประมวลผล สูง ขนาดเลก็ ลงคณุ ภาพของภาพเสียงมีความคมชัด และมคี วามเปน็ จริงเสมือนมากขน้ึ จึงเกดิ นวัตกรรม ขน้ึ อีกหลายดา้ นที่ควรค่าแก่การนํามาประยุกตใ์ ช้เพือ่ ให้เกดิ การเรยี นรูใ้ น มนษุ ย์อยา่ ง ต่อเน่อื งในปัจจุบนั 3

1.2 บทบาทคอมพิวเตอร์ท่ีมีตอ่ การศึกษา 1. งานบริหาร (Administrative Application) ไดแ้ ก่ การใช้คอมพวิ เตอร์เกีย่ วกับ การบริหารองคก์ าร เชน่ งานการเงิน บญั ชี พสั ดุ ทะเบียน และสารบรรณ 2. งานหลักสูตร (Curriculum Application) ได้แก่ การใชค้ อมพิวเตอรเ์ ก็บขอ้ มูล ตา่ ง ๆ เพือ่ นาํ มา ปรบั ปรุงหลักสตู ร เช่น ผลการเรียน อตั ราส่วนระหวา่ งผเู้ รียนต่อครู 3. งานห้องสมดุ (Library Application) ได้แก่ การใชค้ อมพิวเตอรช์ ว่ ยเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการบรกิ าร เช่น การคน้ หนงั สอื แทนการใช้บตั รรายการ เป็นตน้ 4. งานพฒั นาวชิ าชีพ (Professional Development Application) คอื การให้ ความรู้เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์แก่ครูเพอ่ื นํามาปรับปรุงการเรยี นการสอน 5. งานวจิ ยั (Research Application) ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ่วยในการเกบ็ ผลการวิเคราะห์ 6. งานแนะแนวและบริการพิเศษ (Guidance and Special Service Application) ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอรเ์ พือ่ ชว่ ย ในการเกบ็ รายงาน ผลการเรียนและ พฤตกิ รรมผเู้ รยี น เปน็ ตน้ 7. งานทดสอบ (Testing Application) ได้แก่ การใชค้ อมพิวเตอรช์ ว่ ยสรา้ ง ข้อสอบ วิเคราะห์และ ประเมินผลการเรียน 8. สือ่ การสอน (Instructional Aids Application) ได้แก่ การใชค้ อมพิวเตอร์ สือ่ ในการเรียนการสอน 9. คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน (Computer-Assisted Instruction) ได้แก่ การใช้ คอมพวิ เตอรใ์ นการสอน การฝกึ หดั การแก้ปัญหาโจทย์วชิ าตา่ ง ๆ 4

1.3 ลักษณะการใชค้ อมพิวเตอร์เพ่ือการศกึ ษา สารานุกรมไทยสำ�หรบั เยาวชนฯ. (2557). ได้กลา่ วถึงการใช้คอมพวิ เตอรเ์ พ่ือการศกึ ษาพอสงั เขปดัง ตอ่ ไปน้ี เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ได้ถกู นาํ มาใช้ทุกวงการโดย มีการพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอื่ งเริม่ ตัง้ แตก่ าร ใชค้ อมพวิ เตอรข์ นาดใหญค่ ือ ขนาดเมนเฟรม งาน ส่วนใหญเ่ ปน็ งานคดิ คํานวณตวั เลขตา่ ง ๆ ต่อ มาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เร่ิมเลก็ ลงเป็น ขนาดมินคิ อมพวิ เตอรใ์ นขณะนน้ั ผู้ใชส้ ว่ นใหญย่ ังคงเป็น โปรแกรมเมอร์ เม่ือมกี ารพฒั นา ไมโคร คอมพิวเตอร์ข้ึนมาทาํ ใหก้ ารใชง้ านสามารถขยายขอบเขตของ การใช้มาเปน็ บคุ คล ธรรมดาทไ่ี มใ่ ช่โปรแกรมเมอร์มากข้นึ ในขณะเดียวกนั โปรแกรมสําเรจ็ รูปต่าง ๆ ก็ได้เกิด และพัฒนาขนึ้ มาใช้งานควบคูไ่ ปกบั ไมโครคอมพวิ เตอรท์ ําใหก้ ารใช้งานคอมพวิ เตอร์น้ันยิง่ ขึ้น ได้แผก่ วา้ งไปสูบ่ ุคคลในหลายอาชพี เพราะคอมพิวเตอรม์ ีศักยภาพในการทาํ งานมาก คอมพิวเตอร์ การศึกษา ตามนัยแลว้ เปน็ การนําคอมพิวเตอร์เพือ่ ช่วยให้เกิดการ ในมนษุ ย์ดังนั้นถา้ เทคโนโลยีและ นวัตกรรมใดกต็ ามทีม่ คี อมพิวเตอรเ์ ป็นส่วนร่วม ชว่ ยกอ่ ใหเ้ กดิ กระบวนการเรียนรู้ก็น่าจะนับไดว้ ่าเป็น คอมพวิ เตอร์การศึกษา การนาํ คอมพวิ เตอร์มาใชเ้ พ่อื การศึกษาสามารถแบ่งตามลักษณะการนาํ ไปใช้ได้ ดงั น้ี 1.3.1. คอมพิวเตอรเ์ พอ่ื การบริหารการศึกษา 1) ระบบสารสนเทศเพือ่ การบรหิ ารการศกึ ษา 2) การพัฒนาระบบสารสนเทศ 1.3.2. คอมพวิ เตอร์เพอื่ การเรยี นการสอน 1) คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการเรยี นการสอน 2) คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 3) คอมพวิ เตอร์ชว่ ยการเรียนการสอน 4) คอมพิวเตอรเ์ พอ่ื การนําเสนอเนื้อหา 1.3.3. คอมพวิ เตอร์ชว่ ยติดตอ่ สื่อสารและสบื ค้น 1.3.4. คอมพิวเตอรเ์ พ่ือการวจิ ัย 5

1.3.1. คอมพิวเตอรเ์ พื่อการบรหิ ารการศึกษา การบริหารการศกึ ษา เปน็ เรอื่ งทมี่ ีความจาํ เป็นอย่างยิ่งทางด้านการศกึ ษา โดยเฉพาะอย่างย่ิงใน สถาบันการศึกษา ที่มนี ักศกึ ษาจาํ นวนมาก หรือมีวิชาจํานวนมากที่ เปดิ ใหน้ ักศกึ ษาเลือกเรียนตาม ความถนดั และความต้องการ ดงั นั้น ผู้บริหารการศึกษาจงึ มีความจําเปน็ ทจ่ี ะต้องทราบขอ้ มูลตา่ งๆ เพ่ือใชใ้ นการจดั เตรียมงบประมาณ จดั เตรียม ห้องเรยี นได้ตามความต้องการ จดั ครหู รืออาจารย์ผู้สอนได้ ตามความถนดั ของผสู้ อน และ มชี ่ัวโมงการสอนพอเหมาะทกุ คน รวมท้งั การวิเคราะห์ค่าใชจ้ า่ ยใน แต่ละสาขาวชิ า เพอ่ื ท่ีจะไดท้ ราบว่า ในปีต่อๆ ไป ถา้ เราจะผลติ นกั ศึกษาเหลา่ น้นั จะต้องลงทุนอีกเทา่ ใด และถ้าเพ่มิ จํานวนนกั ศึกษาข้นึ อีก จะมผี ลทําให้ต้องเพ่ิมบุคลากร อาคาร หอ้ งเรียน และ งบประมาณ เปน็ เท่าใด นอกจากน้ยี ังสามารถพิจารณาไดว้ ่า วชิ าการประเภทใดบา้ ง ท่ี นักศกึ ษาไมค่ อ่ ยนิยมเรยี น อาจจะต้องหาทางชแี้ จงใหน้ ักศึกษาเขา้ ใจ หรอื พิจารณาปดิ วชิ าเหลา่ นน้ั โดยทั่วไปแล้ว ในการนาํ คอมพิวเตอรม์ าใชท้ างการบรหิ ารการศึกษานัน้ จะแบง่ ข้อมูล ออกเปน็ 5 ดา้ น คอื ด้านนักศึกษา ด้านแผนการเรียน ด้านบุคลากร การเงิน และด้านอาคารสถานทีแ่ ละอปุ กรณ์ 1. ขอ้ มลู ดา้ นนักศกึ ษา เป็นข้อมลู ที่เก่ียวกับประวัตสิ ว่ นตัวของนกั ศึกษาว่า เมอื่ ใด ทไี่ หน ช่ือบดิ ามารดา อาชพี บิดามารดา เคยเรยี นมาจากที่ไหนบ้าง เป็นตน้ 5 สว่ นหนึ่งเปน็ ประวัตกิ ารศึกษาในระหวา่ งศกึ ษา อยู่ ณ สถาบนั นัน้ ๆ วา่ เคยลงทะเบยี น เรียนวชิ าอะไร ผลการศึกษาเป็นอยา่ งไรในแตล่ ะภาคการศกึ ษา เพ่ือให้ไดข้ อ้ มลู ดังกล่าว ครบถว้ น สว่ นใหญเ่ ขาจะนิยมใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ยในงานลงทะเบยี น 2. ขอ้ มลู ดา้ นแผนการเรียน เป็นขอ้ มลู ท่เี กย่ี วกบั วชิ าทเ่ี ปิดสอนวา่ แตล่ ะวชิ ามี รหสั ชอื่ วชิ า หนว่ ยกิต เวลาเรยี นและสอนท่ีไหน และวธิ สี อนเป็นบรรยาย หรือปฏิบตั ิ เปน็ ตน้ 3. ข้อมลู ดา้ นบคุ ลากร เป็นข้อมลู ที่เกยี่ วกบั ครผู ้สู อนวา่ มีวฒุ ิอะไร มาจากที่ไหน เพศหญงิ หรือเพศชาย สอนวชิ าอะไรบา้ ง กําลังวจิ ัย หรอื เขยี นตําราเรอื่ งอะไรและเงินเดือนเท่าใด เปน็ ต้น 4. ขอ้ มลู ดา้ นการเงิน เป็นขอ้ มูลทส่ี ถานการศกึ ษานัน้ ไดร้ บั เงนิ จากอะไรบา้ ง ได้ ใช้เงินเหล่านน้ั แตล่ ะ เดอื นเทา่ ไร ใชซ้ ือ้ อะไรบา้ ง และยงั เหลอื เงินอยูเ่ ป็นจํานวนเท่าใด เป็นตน้ 6

5. ข้อมลู ดา้ นอาคารสถานทแี่ ละอปุ กรณ์ เป็นข้อมลู ที่เกย่ี วกบั อาคาร ห้องแต่ละ ห้องเป็นห้องปฏบิ ัติการ หรอื หอ้ งบรรยาย หอ้ งพกั นกั ศกึ ษา ห้องทํางาน ความจุของแต่ละ หอ้ ง มโี ตะ๊ และเก้าอี้ก่ตี วั ขนาดหอ้ ง กว้างและยาวเทา่ ใด และในแตล่ ะหอ้ งมีอุปกรณ์ เคร่อื งมืออะไรบา้ ง เปน็ ต้น รปู แบบการ จาํ แนก การเกบ็ รวบรวม และพัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอรใ์ นการ จากข้อมลู เพ่ือการบริหารการศกึ ษาขา้ งตน้ นนั้ เราสามารถนาํ เอาข้อมลู มาวเิ คราะหแ์ ละดําเนินการจดั ทําระบบฐานขอ้ มูลเพื่อใช้ในระบบบรหิ ารการศกึ ษา หรือที่ อยกว่าระบบสารสนเทศเพือ่ การบริหารการ ศกึ ษาน้ันเอง 1) ระบบสารสนเทศเพ่อื การบริหารการศกึ ษา ระบบสารสนเทศเพอ่ื การบรหิ ารจดั การโรงเรียน มี วัตถปุ ระสงคใ์ นการจัดทาํ ข้นึ เพ่ือแก้ไขปัญหาในการบริหารจัดการโรงเรยี น โดยระบบสารสนเทศจะตอ้ ง ตอบสนอง แสดงผลสรุป สถิติข้อมูล เพ่อื สนบั สนนุ ผ้บู ริหารโรงเรียน ในการแกไ้ ขปัญหาอย่าง ทนั ทว่ งที ตอ้ งมีหนา้ ตาและการใช้งานทเ่ี รียบง่าย ไม่ซบั ซ้อน มคี วามแมน่ ยาํ ลดคน ลดกระดาษ ได้รบั ความเชอื่ ถอื ยอมรบั ทั้งจากผูใ้ ชง้ าน คณะครู ผู้บริหาร และนักเรียน/ นักศกึ ษา ท้ังยงั ตอ้ งครอบคลมุ การบรหิ ารจัดการ ทุกดา้ นของการบรหิ ารโรงเรียน ปจั จบุ นั ไดพ้ ฒั นาใหส้ อดคลอ้ งตอ่ งานประกนั คณุ ภาพ สมศ. โดยสามารถจัดพิมพเ์ ปน็ รายงาน SAR ประจําปกี ารศึกษา ตามข้อกาํ หนดของ สช. ได้อย่างถกู ต้อง ในการพัฒนาระบบสารสนเทศ Management Information System School (Mis-School) นใี้ ชเ้ วลา มากกวา่ 5 ปี และผ่านการทดลองใช้รว่ มกันหลายโรงเรยี น เพ่อื พัฒนาความยดื หยนุ่ ในแง่ของความแตก ตา่ ง ของโรงเรยี นแตล่ ะโรง ทําใหม้ ีความ น่าเช่อื ถอื มากกว่าการจา้ งโปรแกรมเมอร์ มาเขียนโปรแกรมให้ โรงเรียน ซ่งึ เป็นปัญหาของ หลายโรงเรียน ทงั้ เรอ่ื งของการใช้ระยะเวลาในการพฒั นามาก และยงั ตอ้ ง ทดลองใชเ้ พอื่ แก้ไขบัคของโปรแกรม อกี ทั้งวันดี คนื ดี โปรแกรมเมอรล์ าออก หรือสอบได้ทอี่ นื่ ถกู ซอื้ ตัว ไป ทิ้งงานไป สรา้ งความปวดเศยี ร เวยี นเกลา้ ให้กับผบู้ ริหารและเจา้ ของโรงเรียนเปน็ อยา่ งยิ่ง โปรแกรมท่ีมีความซับซอ้ นขนาดใหญ่ของโรงเรยี น ทางเราไมข่ อแนะนําใหจ้ า้ ง โปรแกรมเมอร์เขียนเอง ดงั เหตผุ ลข้างต้น การบริหารงานทปี่ ระสบผลสําเร็จได้ผลงานท่มี ปี ระสิทธิภาพและประสิทธผิ ล ผ้บู ริหาร จาํ เป็นต้องเอาการบรหิ ารเชิงระบบมาใช้ การจัดระบบสารสนเทศถอื เป็นกุญแจ นําไปสูค่ วามสาํ เรจ็ อย่าง หนึง่ จากการทาํ วจิ ยั สภาพและปญั หาการใช้ระบบuสารสนเทศ เพื่อการบริหารของผูบ้ ริหารโรงเรยี น พบว่าผูบ้ รหิ ารและผปู้ ฏบิ ัติงานมีความรู้เกีย่ วกบั ระบบสารสนเทศดว้ ยตนเอง ฝา่ ยวิชาการเปน็ ผ้ใู ชร้ ะบบ สารสนเทศเพือ่ การบรหิ ารมาก ที่สดุ ส่วนใหญไ่ ม่มีการเชือ่ มโยงระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรก์ ับภายนอก รูปแบบการ จําแนก การเก็บรวบรวม และพัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอรใ์ นการวิเคราะห์บอนมอง การ นาํ เสนอข้อมูลและสารสนเทศยังมกี ารใชร้ ะบบคอมพวิ เตอรเ์ ปน็ ส่วนนอ้ ย ปัญหาก็คอื ขาดแคลน บคุ ลาการที่มีความรู้ อปุ กรณเ์ ครื่องมอื ล้าสมัยและไมเ่ พียงพอ โรงเรียนแต่ละแหง่ มี แนวทางปฏบิ ตั ิแตก ตางกนั ระบบสารสนเทศเพ่อื การบริหารไมเ่ ป็นมาตรฐานเดยี วกนั 7

การจดั ระบบสารสนเทศมีความสาํ คัญตอ่ การบริหารและการดาํ เนนิ งานของ สถานศกึ ษาโดยเฉพาะงาน ด้านวิชาการซ่งึ จัดเปน็ หวั ใจของงานดา้ นการศกึ ษาผู้ปกครอง และหน่วยงานตา่ งๆ ให้ความสนใจและ ต้องการทราบข้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ งรวดเร็ว เช่อื ถือได้ ดังนน้ั การจดั ระบบงานสารสนเทศภายในสถานศึกษาจึง เปน็ สิ่งจําเป็นอย่างย่ิง เพราะ จะต้องใช้ข้อมลู ทเ่ี ป็นระบบ ทนั สมัย ครบถว้ น เปน็ ปัจจบุ นั ผู้วิจยั จึงทาํ การ ศึกษาการ จดั ระบบสารสนเทศของสถานศกึ ษาเพอ่ื เปน็ ขอ้ มูลทีจ่ ะใชใ้ นการพัฒนาระบบสารสนเทศ ของสถานศึกษาให้มีประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล มีมาตรฐาน 1.บคุ ลากร การเตรียมบคุ ลากรใหพ้ ร้อมทงั้ ผบู้ รหิ าร ครูอาจารย์ และนกั คโนโลยี เปน็ สิง่ สาํ คัญตอ่ การ สร้างและพฒั นาระบบสารสนเทศ โดยจะต้องสร้างเจตคติ ทด่ี ตี อ่ ระบบสารสนเทศ และพฒั นาบคุ ลากร ให้มคี วามรู้และทักษะดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศโดยการพัฒนาตนเอง และจัดการฝกึ อบรม 2.การวางแผน ต้งั คณะทํางานวางแผน การสร้าง และการพัฒนาระบบ สนเทศ ท้ังระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนแหล่งสนบั สนนุ ตา่ ง ๆ โดยคณะทาํ งานอาจ ประกอบด้วย ผู้บรหิ าร ครอู าจารย์ นักออกแบบ ระบบ และผูเ้ ชีย่ วชาญจากภายนอก แล้ว นาํ แผนเสนอคณะกรรมการสถานศกึ ษาใหค้ วามเห็นชอบ 3.งบประมาณ เตรียมการดา้ นเงินงบประมาณทจ่ี ะใช้ในการสรา้ ง พฒั นาระบบ สารสนเทศ และการ พัฒนาบุคลากร ตลอดจนการปรับปรงุ ในอนาคต หากสถานศึกษามี งบประมาณจาํ กดั อาจตอ้ งพจิ ารณา แหลง่ สนบั สนนุ ทง้ั เงิน เคร่อื งคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณป์ ระกอบจากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพือ่ ใหก้ ารพัฒนา ระบบสารสนเทศบรรลุผลตามแผนที่ วางไว้ 2.) การพฒั นาระบบสารสนเทศ การพัฒนาระบบสารสนเทศเพอื่ ใช้ในสถานศึกษาด้านตา่ ง ๆ การพฒั นา ระบบ สารสนเทศเพอ่ื ใช้ในสถานศกึ ษาด้านต่าง ๆ ทง้ั งานวิชาการ งานกิจการนักเรยี น งาน บุคลากร งานธรุ การ การเงนิ พสั ดุ และครภุ ัณฑ์ งานอาคารสถานท่ี และงานชมุ ชน งาน แตล่ ะงานจะเก่ียวข้องกบั บุคลากรท้ังในสถานศึกษาและนอกสถานศกึ ษา ดงั นี้ 1. ระบบสารสนเทศเพอื่ ใชใ้ นงานวิชาการ ระบบสารสนเทศสําหรับงานวิชาการ จะมขี อ้ มูลสารสนเทศ เก่ียวกับหลักสูตร แผนการเรียนการสอน ค่มู ือ สือ่ การเรยี นรู้ ตารางสอน และผลการเรียนของ ผเู้ รียนทุก วิชา สามารถนํามาใช้ประเมินผลได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ นอกจากนี้อาจมี CD-ROM บทเรียนสําเรจ็ รูป และความร้ตู า่ ง ๆ เพ่ือเสรมิ การเรยี นร้ดู ้วยตนเอง ครูสามารถเรยี กใช้ขอ้ มูลทางวิชาการได้ตลอดเวลา 2. ระบบสารสนเทศเพอ่ื ใช้ในงานกิจการนกั เรยี น ระบบสารสนเทศส�ำ หรั กจิ การนกั เรียน จะมีทะเบยี น ผูเ้ รียน มขี ้อมูลสารสนเทศเกีย่ วกบั ประวตั ิผ้เู รียนทุกคน ความสนใจ ความถนดั ความประพฤตลิ กั ษณะ นิสยั ฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพ การกระทําความดี การกระทําความผิด ปัญหาด้านสุขภาพ ปญั หาครอบ หารายไดพ้ ิเศษ สถติ กิ ารมาเรยี น สถานท่อี ยอู่ าศยั ช่ือและท่อี ยขู่ องผปู้ กครอง และชอ่ื เพื่อนสนทิ ตลอด จนปญั หาและความตอ้ งการของผู้เรยี น ซ่ึงสามารถน�ำ มาใช้ประโยชน์ในการบรหิ ารงานกจิ การนักเรียน ทง้ั การใหบ้ ริการและสวัสดกิ ารแกผ่ เู้ รยี นผู้ปกครองเพ่ือช่วยเหลอื แก้ปญั หา และพัฒนาผ้เู รียน ครอู าจารย์ ผเู้ รียน เพ่ือนํามาใชใ้ นการใหค้ าํ ปรกึ ษา แกป้ ญั หา และพัฒนาผู้เรียน 8

3. สนเทศเพอใชใ้ นงานบคุ ลากร ระบบสารสนเทศสาํ หรบั งาน ประวัตคิ รแู ละบุคลากรในสถานศึกษาทุกคน มีขอ้ มลู สารสนเทศ ประวัตสิ ่วนตัว ประวตั กิ ารศึกษา ประวัตกิ ารฝึกอบรม ประวตั กิ ารทํางาน ประวัตเิ งินเดือน และสวัสดกิ าร ความถนดั ความสนใจ และ ความสามารถพเิ ศษ ตลอดจนอัตรากําลังคนใน ปจั จุบันและแผนกําลังคนในอนาคต สามารถนํา สารสนเทศนี้มาใชป้ ระโยชนใ์ นการ บริหารงานบุคคลใหเ้ กิดประสิทธภิ าพสูง ทง้ั การสรรหา การพัฒนา การรกั ษาไว้ และการ ใช้ประโยชน์จากบุคลากร 4. ระบบสารสนเทศเพอ่ื ใช้ในงานธรุ การ การเงิน พัสดุ และครุภณั ฑ์ ระบบ สารสนเทศสําหรบั งานธุรการ การเงิน พัสดแุ ละครุภัณฑ์ จะมีข้อมลู สารสนเทศเกีย่ วกบั ระเบียบข้อบังคบั การปฏิบตั งิ าน แบบฟอรม์ งานสารบรรณทะเบยี นหนังสอื รา รายงานการประชุมคณะกรรมการสถานศกึ ษา รายรบั รายจา่ ยเงิน งบประมาณแล งบประมาณ การเบิกจ่ายเงนิ การจดั ซ้ือจัดจ้าง การเบกิ จ่ายพสั ดุ ทะเบยี นครภุ ณั ฑ์ สา มารถนาํ สารสนเทศนี้ มาใชป้ ระโยชน์ในการบริหารงานธรุ การและการเงินใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุดทง้ั การวางแผนงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงตอ่ การ ตอ่ การพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น และการอาํ นวยความ สะดวกรวดเร็วในการให้บรกิ ารแก่บคุ ลากรภายในสถานศึกษา ตลอดจนบุคคลและหนว่ ยงานท่เี ก่ยี วขอ้ ง 5.ระบบสารสนเทศเพือ่ ใช้ในงานอาคารสถานท่ี ระบบสารสนเทศสําหรบั งาน อาคารสถานท่ีจะมขี ้อมลู สารสนเทศเก่ียวกบั แผนผงั อาคารและบริเวณ รายการห้องตา่ ง ๆ เช่น ห้องทํางาน หอ้ งประชุม ห้องเรยี น หอ้ งปฏบิ ตั ิการ ห้องสมุด ห้องส่อื การเรยี น หอ้ งอาหาร หอ้ งกีฬาในรม่ ฯลฯ ตารางและสถิตกิ ารใช้ ห้อง ประวตั ิการซ่อมบํารุง แผนการ สร้างอาคารและตกแต่งบริเวณ ซึง่ สามารถนําสารสนเทศน้ี มาใช้ ประโยชนใ์ นการ บรหิ ารงานอาคารสถานที่ ท้งั ดา้ นการวางแผนในอนาคต การจัดสภาพแวดล้อม และใชอ้ าคารสถานทีเ่ พอ่ื ประโยชน์ตอ่ การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน ตลอดจนการใช้ประโยชนอ์ ยา่ ง คุ้มคา่ และประหยัด 6.ระบบสารสนเทศเพ่ือใชใ้ นงานชมุ ชน ระบบสารสนเทศสําหรับงานชมุ ชน จะมี ข้อมูลสารสนเทศเก่ียว กับแผนที่แสดงที่ตัง้ สถานศกึ ษาและสถานที่อื่น ๆ ท่ใี กล้เคยี ง แผนผังชุมชนรอบสถานศกึ ษา แหลง่ เรียน รูใ้ นชมุ ชน ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน บคุ คลสาํ คญั ใน ชมุ ชน สภาพปัจจบุ นั ปัญหา และความต้องการของชมุ ชน ทงั้ ด้านเศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม และประเพณี รวมทั้งสรา้ ง Website ของสถานศึกษา 9

1.3.2. คอมพิวเตอร์เพือ่ การเรยี นการสอน การนาํ คอมพวิ เตอร์มาใชใ้ นวงการศึกษาในการช่วยผสู้ อนทํา การสอนนัน้ เรยี กวา่ การสอน Computer - Based instruction (CBI) หรือ “การสอนให้ คอมพวิ เตอร์ช่วยการสอน Com- puter - Based Ins/ คอมพิวเตอร์เป็นฐาน” บางคร้งั ก็เรียกวา่ คอมพวิ เตอร์ชว่ ยการเรยี นรู้ Computer – Based commputer - Aided Learning (CBL) na Computer - Assisted Learning 150 com- put Learning (CAL) ซ่ึงสามารถแบ่งได้ 3 ลกั ษณะใหญ่ดังน้ี 1), คอมพิวเตอรช์ ว่ ยจดั การการสอน Computer-Managed Instruction (CMI) คอมพิวเตอร์ ชว่ ยจัดการการสอนหมายถงึ การนําเอาคอมพิวเตอรม์ าช่วยควบคุม กระบวนการเรียนการสอนให้มี ประสทิ ธภิ าพมากข้นึ โดยเนน้ ท่ีการจัดการการนาํ เสนอ ความร้สู อ่ื และกจิ กรรมการเรียนให้สอดคล้องกบั ความต้องการความสามารถและความ ถนดั ของผเู้ รียนแต่ละคน คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยจดั การเรยี นการสอน เปน็ การเรียนการสอน เปน็ การ จดั การสอนทางคอมพวิ เตอรซ์ ่งึ เปน็ การน�ำ มาใชน้ ํามาใช้ในการ วิเคราะห์ความตอ้ งการลกั ษณะ ของผเู้ รยี นตลอดจนความสามารถ และความถนัดของผเู้ รียนแตล่ ะ คนหลังจากทีค่ อมพิวเตอร์ วิเคราะห์ขอ้ มลู เหลา่ นแ้ี ลว้ ก็จะ จดั สถานการณ์ หรือกิจกรรมการ เรยี นการสอนให้เหมาะสมกบั ผเู้ รียนแตล่ ะคนและเปิดโอกาสให้ ผู้เรยี นได้เรียนรตู้ ามความสามารถ ในการนําเสนอกิจกรรมการเรียนน้ัน นอกจากใช้โปรแกรมบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ใน ใชส้ ื่ออื่นประกอบ ไปด้วย เชน่ หนงั สือเรียน การพบผ้สู อน ทําแบบฝึกหัด ซ่ึงแต่ละสอื นั้นจะต้องระบดุ ้วยว่าครอบคลุม วัตถุประสงคข์ อง บทเรยี นในวตั ถุประสงคใ์ ดบา้ งและจะตอ้ งเรยี นจนครบวตั ถุประสงค์ 2) คอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer-Assisted Instruction หรือ Computer-Aided Instruction (CAI) คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เป็นการนาเอาคอมพิวเตอรม์ า เสนอการเรียนการสอนในลกั ษณะของการ ผสมผสานระหวา่ งเนอื้ หา (Content) โปรแกรม คอมพิวเตอร์ (Software) และอุปกรณค์ อมพิวเตอร์ (Hardware) ทมี่ ลี ักษณะการสอนแบบ โปรแกรม (Programmed Instruction) เพื่อชว่ ยการสอนของ ครทู ง้ั หมดหรอื บางสว่ น อาจจะเปน็ สอ่ื หลักหรอื สอ่ื เสรมิ ซ่ึงเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นเรยี นตามความตอ้ งการ ระดบั ความสามารถ และมีปฏสิ ัมพันธ์กับบทเรียนไดด้ ้วยตนเอง ในปัจจุบันจะมีการนําเอาเทคโนโลยสี ื่อ ประสม(Multimedia)เข้ามาร่วมดว้ ยทาํ ใหบ้ ทเรยี นแพร่หลายมากขน้ึ 10

2) คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน Computer-Assisted Instruction หรอื Computer-Aided Instruction (CAI) คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน เปน็ การนาเอาคอมพวิ เตอรม์ า เสนอการเรยี นการสอนในลกั ษณะของการ ผสมผสานระหวา่ งเนอ้ื หา (Content) โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ (Software) และอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) ทม่ี ีลักษณะการสอนแบบ โปรแกรม (Programmed Instruction) เพือ่ ช่วยการสอนของ ครทู ้งั หมดหรือบางสว่ น อาจจะเปน็ ส่อื หลักหรือส่ือเสรมิ ซงึ่ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเรยี นตามความต้องการ ระดบั ความสามารถ และมีปฏสิ ัมพนั ธ์กับบทเรยี นได้ดว้ ยตนเอง ในปัจจุบันจะมกี ารนําเอาเทคโนโลยสี อ่ื ประสม(Multimedia)เขา้ มาร่วมดว้ ยทาํ ใหบ้ ทเรยี นแพร่หลายมากขึ้น 3) คอมพิวเตอรช์ ่วยการเรียนการสอน Computer-Based Learning Aids ZCBLA) เปน็ การใช้ คอมพิวเตอรเ์ ปน็ อปุ กรณห์ รอื เคร่ืองมือชว่ ยการเรียนการสอน ในลักษณะการนาเสนอเน้ือหา (Presentation) การสร้างสอ่ื การสอนและการสร้าง ฐานข้อมลู บนคอมพิวเตอร์ 4). คอมพวิ เตอร์เพอ่ื การนาํ เสนอเนอื้ หา เป็นการนาํ คอมพิวเตอรม์ า ช่วยในการบรรยายหรอื การนํา เสนอเน้อื หาใหน้ ่าสนใจมากขนึ้ โดย อาศยั เทคโนโลยีสือ ประสม ที่เสนอ ท้ังขอ้ ความ ภาพ และเสยี ง และต้อง อาศัยอปุ กรณ์แสดงผลเพิ่มเติมเช่น จอ โทรทศั น์ทีม่ จี อภาพขนาดใหญ่ หรอื LCD Projector เพื่อขยายสญั ญานภา พฉายไปบน จอภาพการสร้างส่อื การ สอน เปน็ การน�ำ คอมพวิ เตอร์มาชว่ ย ผใู้ นการพิมพ์เอกสารประกอการสอน คมู่ อื การใชง้ าน ผลติ แผน่ โปร่งใส หรอื สร้างสอื่ การสอนรปู แบบอ่นื ๆการสร้าง ฐานข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ เปน็ การนาํ คอมพวิ เตอร์มาชว่ ยเกบ็ ขอ้ มูลตา่ งๆ เชน่ ทําบรรณานุกรม สารานุรม พจนานกุ รม เปน็ ตน้ 1.3.3. คอมพวิ เตอรเ์ พ่อื การตดิ ตอ่ สอ่ื สารและสืบคน้ คอมพิวเตอรเ์ พื่อการตดิ ตอ่ สือ่ สารและสืบค้น เปน็ การนําคอมพิวเตอร์มาช่วย ผสู้ อน ผ้เู รียนผบู้ รหิ าร บุคลากรทางการศกึ ษา ตลอดจนผ้สู นใจท่ัวไปที่ตอ้ งการศึกษาหา ความรู้ แลกเปลี่ยนขา่ วสาร การวจิ ยั ขอ้ คิดเห็นซึ่งกันและกันทั้งในสถาบนั เดยี วกนั ต่างสถาบนั ทว่ั โลก โดยการเชือ่ มต่อเป็นเครือขา่ ย (Network) เช่น LAN WAN Intranet Internet ปัจจุบนั เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทเี่ ชือ่ มโยงท่ัวโลก คอื Internet 11

1.3.4. คอมพิวเตอร์เพอ่ื การวิจยั คอมพวิ เตอร์เพือ่ การศกึ ษาในสว่ นคอมพิวเตอรเ์ พ่ือการวิจัยน้ัน มสี ่วนชว่ ย อาํ นวยความสะดวกตา่ งๆ ใน งานวจิ ัยเปน็ อยา่ งมากไม่วา่ จะเป็นการวิเคราะห์และ ประมวลผลข้อมลู ทางสถติ ิ อาทิโปรแกรมสถิตติ า่ งๆ เช่น SPSS, Epinfo, LISREL นอกจากน้จี ากนี้ยังช่วยอาํ นวยการจัดการอีกหลายด้าน เช่น ช่วยในการเก็บ รวบรวมขอ้ มลู ใช้ในการ สรปุ รวบยอดความคดิ ใช้ในการนําเสนอข้อมลู วจิ ัย ใชใ้ นการ แลกเปล่ยี นไฟล์และสง่ ขอ้ มลู ทางวชิ าการ ผ่านระบบ Cloud ช่วยในการแปลเอกสาร ต่างประเทศ ใชใ้ นการหาหนังสอื หรือข้อมูล e-Book วารสาร และสารสนเทศต่างๆ ใชใ้ น การติดต่อสอื่ สารและสรา้ งสงั คมออนไลน์ ดงั จะกล่าวตอ่ ไปนี้ 1. ชว่ ยในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยลกั ษณะการใชแ้ บบสอบถามออนไลน์ ซึ่ง ในปจั จุบันมีหลายเวบไซต์ ให้บริการในการสรา้ งแบบสอบถามออนไลน์ได้ อย่างเช่น Surveymonkey.com Esurveyspro.com หรอื Polldaddy.com เว็บไซต์เหลา่ นี้ นักวิจยั สรา้ งแบบสอบถามไดฟ้ รี แตว่ ่าจะไม่ยอมให้คณุ export ข้อมูลออกมาขอ้ มลู ออกมาแบบฟรๆี แต่ถ้า นกั วิจยั ตอ้ งการแบบฟรี อาจใช้บริการของ GoogleDoc ก็ได้ 2. ใช้ในการสรุปรวบยอดความคดิ สร้าง Concept ในการวจิ ัย เชน่ แผนทคี่ วามคิด Mind Map, Mind- Helper เปน็ ต้น 12

3. ใชใ้ นการนําเสนอข้อมูลวจิ ยั ที่น่าสนใจและน่าดงึ ดูด เชน่ การใช้ Pages หรอื Keynote, Ms Power- Point ช่วยในการนําเสนอรายงานการวจิ ัยในท่ปี ระชมุ วิชาการต่างๆ การใช้โปรแกรม Adobe Illustra- tor ในการสรา้ งโปสเตอร์นําเสนอการวจิ ยั ทส่ี วยงามนา่ ดงึ ดูด 4. ใชใ้ นการแลกเปล่ยี นไฟลแ์ ละสง่ ขอ้ มูลทางวชิ าการผ่านระบบ Cloud ซง่ึ ระบบ Cloud Application นี้ มมี าสักระยะหนึง่ แล้ว นกั วจิ ยั อาจใช้ DropBox, iCloud ในการ แลกเปลยี่ น Material ในการวจิ ยั สง่ ผ่านขอ้ มลู ระหว่างทมี วจิ ัย และประโยชน์อนื่ ๆ 5. ชว่ ยในการแปลเอกสารตา่ งประเทศ ซ่งึ ในสมยั ก่อนนกั วิจยั ไทยบางคนอาจมี อุปสรรคในการอ่าน Journal หรอื Text ภาษาต่างประเทศ แต่ในปัจจุบนั ด้วยเทคโนโลยี แปลภาษาทม่ี มี ากมาย และมคี วาม ถกู ต้องในการแปลมากย่ิงขึน้ เช่น Google Translate ทาํ ให้นักวิจัยสามารถอ่านหนังสอื และบทความ ตา่ งประเทศดีๆได้เขา้ ใจและมีประสิทธภิ าพมากข้นึ 13

6. ใช้ในการหาหนงั สอื e-book ดๆี ซ่งึ ในสมยั ก่อนการอา่ น TextBook ดีๆสัก เลม่ เป็นเร่ืองท่ียากและ สิน้ เปลืองคา่ ใช้จา่ ยทีส่ ูง ในปจั จุบัน ถา้ นักวิจัยรจู้ ักการใช้ e-Book - Google การดาว์นโหลด หนังสอื ดๆี ไม่ใชเ่ รอ่ื งยากอีกต่อไป นอกจากน้ีฐานขอ้ มลู ทางวิชาการดีๆทีฟ่ รี เชน่ Google Scholar กย็ งั เปดิ โอกาส ใหน้ กั วิจัยสามารถเข้าไปใชข้ ้อมลู ท่ี เปน็ ประโยชนจ์ าก google ได้ 7. ใช้ในการติดต่อสอื่ สารและสร้างสังคมออนไลน์ นกั วิจยั สามารถใชโ้ ปรแกรม เพื่อสร้างสงั คมการส่ือสาร วิจัยออนไลนด์ ้วย Application ต่างๆ มากมาย เชน่ Facebook, Twitter, Line ซง่ึ โปรแกรมต่างๆเหลา่ นี้ ทําให้ผ้วู ิจยั สามารถส่อื สารกบั ผูช้ ว่ ยวจิ ัย นักวทิ ยาศาสตร์ ผเู้ ชยี่ วชาญ และเจา้ หน้าท่ที ่ีเกยี่ วขอ้ งกบั งานวิจัยได้รวดเรว็ และมี ประสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขึน้ Facebook Line 14

15





บทท่ี 2 คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน จากสาระตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 กล่าว 5.ถึงสอ่ื การเรยี นการสอน ที่นบั ว่าเปน็ ปัจจยั สําคญั อยา่ งยิ่ง อันท่จี ะสง่ เสริมและสนบั ส ให้ผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลางการเรียนรทู้ ผี่ เู้ รยี น เปน็ สําคญั สอ่ื การเรยี นการสอนประเภท คอมมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน” นับวา่ เปน็ สอ่ื ประเภทหน่งึ ทใี่ ห้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสง เน่อื งจาก คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนมคี ณุ สมบัตใิ นการนําเสนอไดห้ ลากหลาย และยังเป็น เครอื่ งมอื เป็นทช่ี ่วยเพิม่ ความนา่ สนใจใหแ้ ก่ผ้เู รยี น 2.1 ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนได้ 2.2 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้ 2.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนได้ 2.4 โครงสรา้ งของบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนได้ 2.5 องค์ประกอบบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (CAI) ได้ 2.6 สว่ นประกอบบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI) ได้ บทเรียนตัวอย่างคอมพิวเตอรช์ ว่ ยการสอน 18

2.1 ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ ซีเอไอ (CAI) มผี ู้ สรุปความหมายไว้ คล้ายคลึงกนั หลายความหมาย ดังต่อไปน้ี คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนหรอื โปรแกรมชว่ ยสอน คอื สอ่ื ท่ใี ช้ในการเรียนการสอน อนั หนง่ึ ง CAI คลา้ ยกบั ส่อื การสอนอน่ื ๆ เชน่ วดิ ีโอชว่ ยสอน บัตรคําช่วยสอน โปสเตอร์ แตค่ อมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนจะดกี วา่ ตรงที่ ตัวสอ่ื การสอน ซง่ึ กค็ ือคอมพิวเตอร์น้นั สามารถ โต้ตอบกับนักเรยี นได้ ไมว่ า่ จะเปน็ การรบั คาํ สัง่ เพือ่ มา ปฏบิ ตั ิ ตอบคาํ ถามหรือไมเ่ ช่นนั้น คอมพวิ เตอร์กจ็ ะเป็นฝา่ ยป้อนคาํ ถาม (นัยนา เอกบรู ณวฒั น์, 2539) คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน Computer Assisted Instruction (CAI) หมายถึง ประยกุ ตน์ ําคอมพวิ เตอรม์ า ช่วยในการเรยี นการสอน โดยมีการพฒั นาโปรแกรมท่ี นาํ เสนอเนอ้ื หาในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ การเสนอ แบบตวิ เตอร์ (Tutorial) แบบจําลอง สถานการณ์ (Simulations) หรือแบบการแกไ้ ขปัญหา (Problem Solving) เปน็ ต้น การ เสนอเนอื้ หาดังกลา่ วเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผเู้ รยี นผ่านทางจอภาพหรือแปน้ พิมพ์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้มีสว่ นร่วม วัสดุทางการสอนคือโปรแกรมหรอื Courseware ซึ่ง ปกติ จะถกู จดั เก็บไว้ในแผ่นดสิ กห์ รอื หนว่ ยความจาํ ของเคร่ืองพร้อมท่จี ะเรยี กใช้ได้ ตลอดเวลา การเรยี นใน ลักษณะน้ี ในบางคร้งั ผู้เรียนจะต้องโตต้ อบ หรอื ตอบคาํ ถามเครือ่ ง คอมพิวเตอร์ดว้ ยการพิมพ์ การตอบ คําถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์ และจะ เสนอแนะขน้ั ตอนหรอื ระดบั ในการเรียนข้ันตอ่ ๆ ไป กระบวนการเหลา่ นเี้ ป็นปฏิกิริยาที่ เกิดขนึ้ ระหว่างผเู้ รียนกบั คอมพวิ เตอร์ (ศริ ชิ ยั สงวนแกว้ , 2534) คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนหรือ CAI คือ การนาํ คอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนโดยใช้ โปรแกรมการเรยี น การเรยี นการสอนทผ่ี า่ น คอมพวิ เตอร์ประเภทใดก็ตาม กลา่ วไดว้ า่ เป็น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรอื CAI มคี าํ ทใี่ ชใ้ น ความหมายเดยี วกนั กับ CAI ไดแ้ ก่ Computer-Assisted Learning (CAL) , Computer-Aided instruction computer-Aided Learning (CAL) เป็นต้น (Hannafin & Peck, 1988: 221) คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน หรือบทเรยี นซเี อไอ (Computer-Assisted Instruction, Computer-Aided instruction : CAI) คอื การจัดโปรแกรมเพอ่ื การเรยี นการสอนโดยใช้ คอมพวิ เตอรเ์ ป็นสือ่ ช่วยถ่ายโยงเนอ้ื หาความรู้ไปส่ผู ูเ้ รยี น และปจั จุบนั ได้มีการ บญั ญตั ิศัพท์ทีใ่ ช้เรียกสอ่ื ชนิดนว้ี า่ “คอมพิวเตอรช์ ว่ ยการสอน” (วุฒิชยั ประสารสอน 2543) 19

จากความดังกล่าว สามารถสรปุ ความหมายของ “คอมพิวเตอร์ชว่ ย สอน” หรอื CAI คอื การนํา คอมพวิ เตอร์มาเป็นเคร่ืองมอื สรา้ งให้เปน็ โปรแกรม คอมพวิ เตอร์เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นนําไปเรยี นด้วยตนเองและ เกิดการเรยี นรู้ในโปรแกรมประกอบ ไปดว้ ย เนอ้ื หาวชิ า แบบฝกึ หัด แบบทดสอบ ลกั ษณะของการนาํ เสนอ อาจมีทง้ั ตัวหนังสือ ภาพกราฟฟกิ ภาพเคลือ่ นไหว สหี รือเสยี ง เพ่ือดึงดดู ให้ผ้เู รียนเกดิ ความสนใจ มากยง่ิ ขน้ึ รวมทั้งการแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทดี ว้ ยข้อมลู ยอ้ นกลบั (Feedback) แก่ผู้เรยี น และ ยังมีการจดั ลําดบั วิธกี ารสอนหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผ้เู รียนในแต่ละ คน ทั้งนจ้ี ะต้องมี การวางแผนการในการผลิตอย่างเปน็ ระบบในการนําเสนอเน้ือหาใน รปู แบบที่แตกตา่ งกัน คําภาษาอังกฤษท่ีใชเ้ รยี ก คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ไดแ้ ก่ Computer Ae Instruction (CAI), Computer Aided Instruction (CAI), Computer Assisted Lear (CAL), Computer Aided Learning (CAL), Computer Based Instruction (CRI) Computer Based Training (CBT), Computer Adminis- tered Education (CAE) Computer Aided Teaching (CAT) แต่คําที่นิยมใช้ท่ัวไปในปจั จโคุบรันงกไาดรTแ้ ICกC่ IT Computer Assisted Instruction หรอื CAI 20

2.2 ววิ ัฒนาการของคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ววิ ฒั นาการและประวตั คิ วามเป็นมาของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนหรือ CAI สามารถ สรุปความเป็นมาของ คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนพอสงั เขป ได้ดังนี้ (ศูนย์คอมพิวเตอร์และ อิเลก็ ทรอนกิ ส์แหง่ ชาติ, 2545) ปี ค.ศ. 1950 ศนู ยว์ ิจัยของ IBM ไดพ้ ฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยงาน ดา้ น จิตวทิ ยา นับเป็นจุดเรม่ิ ตน้ ของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ปี ค.ศ. 1958 มหาวิทยาลัยฟลอรดิ า สหรัฐอเมรกิ า พฒั นา คอมพิวเตอรช์ ่วย สอน ชว่ ยทบทวนวชิ า ฟิสกิ ส์ และสถติ ิ พร้อม ๆ กับมหาวทิ ยาลัยสแตนฟอร์ด ไดน้ ํา คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน มาใชใ้ นวชิ า คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ สาํ หรับนักเรียนระดับ มธั ยมศกึ ษา ปี ค.ศ. 1960 มหาวทิ ยาลยั อิลนิ อย จัดทาํ คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน ดา้ นจิตวทิ ยา การศกึ ษา และ วิศวกรรมศาสตร์ ภายใตช้ ื่อ PLATA CAI - Programmed Learning for Automated Teaching Operations CAI ปี ค.ศ. 1970 มีการนาํ คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน มา ใช้ในทวปี ยุโรป โดยฝรัง่ เศส และ อังกฤษ เป็นผู้เริ่มตน้ ปี ค.ศ. 1671 มหาวทิ ยาลยั Taxes และ Brigham Young ร่วมกันพฒั นา วเตอร์ชว่ ยสอน กบั มนิ ิ คอมพิวเตอร์ โดยผสมผสานคอมพิวเตอรก์ ับโทรทัศน์ ชว่ ยสอนวชิ าภาษาองั กฤษ และคณติ ศาสตร์ ภาย ใตโ้ ครงการ TICCIT Interactive Computer Controlled Information Television ปจั จุบัน คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ไดเ้ ข้ามามีบทบาทมากข้นึ เพราะคะ เจริญก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีตา่ ง ๆ อันได้แก่ เทคโนโลยีมลั ติมีเดยี เทคโนโลยี ฮารด์ แวร์และซอฟตแ์ วรค์ อมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการตดิ ต่อ สอื่ สารข้อมลู ทําให้สามาร ผลติ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนและทําการเผยแพร่บทเรยี นไดอ้ ย่างประสทิ ธภิ าพ มากยิง่ ข้นึ ซึ่ง แนวโน้มในอนาคตตอ่ ไปอันใกลน้ ี้ เราอาจพบเหน็ บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนําเสนอ ผ่านทางเครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ น็ตมากขึ้น ซึ่งเราเรยี กว่า CAI on Web 21

2.3 ประเภทของคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2541) ไดแ้ บง่ ประเภทของคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนตามลกั ษณะของวิธกี ารนาํ เสนอเนือ้ หาและกระบวนการเรยี นการสอน สามารถสรุปได้เปน็ 8 ประเภท ดงั น้ี 1. แบบการสอน (Instruction) เพ่อื ใชส้ อนความรูใ้ หม่แทนครู ซ่งึ จะเปน็ การ พฒั นาแบบ Self Study Package เป็นรปู แบบของการศกึ ษาด้วยตนเอง จะเปน็ ชดุ การ สอนทจี่ ะต้องใชค้ วามระมดั ระวัง และ ทกั ษะในการพฒั นาทส่ี งู มาก เพราะจะยากเป็นทวีคณู กวา่ การพัฒนาชุดการสอนแบบโมดูลหรือแบบ โปรแกรมทเี่ ป็นตาํ รา ซ่งึ คาดว่าจะมี กมากในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี โดยเฉพาะ IMMCAI : Interaction Multi Media CAN บน Internet 2. แบบสอนซ่อมเสรมิ หรือทบทวน (Tutorial) เป็นบทเรียนเพ่ือทบทวนการ เรยี นจากหอ้ งเรยี นหรอื จากผสู้ อนโดยวธิ ใี ด ๆ จากทางไกล หรอื ทางใกล้กต็ าม การเรยี น มกั จะไม่ใช่ความรู้ใหม่ หากแต่จะเปน็ ความร้ทู ีเ่ คยไดร้ ับมาแล้วในรูปแบบอ่นื ๆ แลว้ ใช้ บทเรยี นซอ่ มเสริมเพอื่ ตอกยํา้ ความเข้าใจทถี่ ูกตอ้ งและ สมบรู ณ์ดขี ึ้น สามารถใชท้ ้งั ใน ห้องเรียนและนอกหอ้ งเรียนดังนัน้ CAI ประเภทนจ้ี งึ ไม่สามารถนํามาสอน แทนครไู ด้ ทงั้ หมด เพยี งแต่นาํ มาใชส้ อนเสริมหรอื ใช้ทบทวนในรายวิชาท่ีมกี ารจดั การเรียนการสอน มาแลว้ ในชั้นเรียนปกติ 3. แบบฝกึ หัดและฝึกปฏบิ ตั ิ (Drill and Prac- tice) เพอ่ื ใชเ้ สรมิ การปฏิบัตหิ รอื เสรมิ ทกั ษะ กระทําบางอย่างใหเ้ ข้าใจยง่ิ ข้ึนและเกดิ ทกั ษะ ที่ต้องการได้ เป็นการเสรมิ ประสทิ ธผิ ลการ เรยี นของผเู้ รยี น สามารถใช้ในหอ้ งเรยี น เสรมิ ขณะทสี่ อนหรือนอก ห้องเรียน ณ ทใ่ี ด เวลาใด กไ็ ด้ สามารถใช้ฝึกหัดทงั้ ทางดา้ นทกั ษะการแก้ ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมทั้ง ทางชา่ งอตุ สาหกรรมด้วย 4. แบบสร้างสถานการณจ์ าํ ลอง (Simulation) เพื่อใช้สาํ หรบั การเรียนรู้ หรอื ทดลองจาก สถานการณท์ ีจ่ าํ ลองจากสถานการณ์จรงิ ซ่ึง อาจจะหาไมไ่ ด้หรอื อยไู่ กล ไม่สามารถนาํ เขา้ มา ในห้องเรยี นได้ หรอื มีสภาพอนั ตราย หรอื อาจ สน้ิ เปลอื งมากทต่ี อ้ งใช้ ของจริงซ้ํา ๆ สามารถ ใช้สาธติ ประกอบการสอน ใชเ้ สรมิ การสอนใน หอ้ งเรยี น หรือใช้ซ่อ เสริมภายหลงั การเรียน นอกหอ้ งเรียน ทใ่ี ด เวลาใด กไ็ ด้ 22

5. แบบสร้างเปน็ เกม (Game) การเรยี นรบู้ างเรือ่ ง บางระดบั บางครง้ั การ พัฒนาเปน็ ลักษณะเกม สามารถเสรมิ การเรียนรู้ไดด้ ีกว่า การใช้เกมเพอ่ื การเรียน สามารถ ใช้สําหรบั การเรียนรคู้ วามรู้ใหมห่ รือ เสรมิ การเรยี นในหอ้ งเรยี นกไ็ ด้ รวมท้ังสามารถสอนทดแทนครูในบางเร่ืองไดด้ ว้ ย จะเป็นการเรียนรู้ จากความเพลดิ เพลิน เหมาะสําหรบั ผู้เรยี นทมี่ ีระยะเวลาความสนใจส้นั เช่น เด็ก หรอื ในภาวะสภาพ แวดลอ้ มท่ีไมอ่ ํานวย เป็น ตน้ 6. แบบการแกป้ ัญหา (Problem Solving) เป็นการฝกึ การคิด การตัดสินใจ สามารถใชก้ ับวชิ าการตา่ ง ๆ ท่ตี ้องการให้สามารถคดิ แก้ปญั หา ใชเ้ พื่อเสรมิ การสอนใน หอ้ งเรียน หรอื ใช้ในการฝกึ ทั่ว ๆ ไป นอกห้องเรยี นก็ได้ เปน็ ส่อื สําหรบั การฝึกผ้บู ริหารไดด้ ี 7.แบบทดสอบ (Test) เพอ่ื ใช้สาํ หรับตรวจวดั ความสามารถของผู้เรยี น สามารถ บการสอนในห้องเรยี น หรอื ใช้ตามความตอ้ งการของครู หรือของผเู้ รยี นเองรวมท้งั สามารถใชน้ อกหอ้ งเรียน เพอ่ื ตรวจวัดความ สามารถของตนเองได้ด้วย แบบทดสอบ 8. แบบสร้างสถานการณ์ เพือ่ ให้ค้นพบ (Discovery) เป็นการจดั ทาํ เพือ่ ใหส้ ามารถเรียนร้จู าก ประสบการณ์ของตนเอง โดยการลองผดิ ลองถกู หรอื เป็นการ จดั ระบบ นาํ รอ่ งเพอ่ื ชี้นําสกู่ ารเรยี นรู้ สามารถใช้เรียนร้คู วามรูใ้ หมห่ รือเปน็ การทบทวน ความรเู้ ดมิ และใช้ ประกอบการสอนในห้องเรียนหรือ การเรยี นนอกหอ้ งเรียน สถานทใี่ ดเวลาใด กไ็ ด้ 23

2.4 โครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน มนต์ชัย เทียนทอง (2549) ได้กลา่ วถงึ โครงสร้างของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วย สอนดังน้จี ากแนวความ คดิ ของรปู แบบการนาํ เสนอบทเรียนสําเร็จรูปทงั้ 3 รูปแบบ อนั ไดแ้ ก่ แบบเรียงลาํ ดบั เชงิ เสน้ แบบขนาน และแบบแอ็ดจังท่ีฟท่ผี า่ นมาแล้ว สามารถนํามา ประยกุ ต์ใช้เป็นโครงสรา้ งของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ได้ 4 แบบ ดงั ต่อไปนี้ 1. แบบเชงิ เสน้ (Linear Type) 2. แบบสาขา (Branching Type) 3. แบบลําดบั ชน้ั (Hierarchical Type) 4. แบบผสม (Composite) รายละเอียดของโครงสร้างแตล่ ะแบบ มีดังน้ี 1. แบบเชิงเส้น (Linear Type) โครงสรา้ งของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเชิงเสน้ เปน็ โครงสร้างพ้ืนฐานทง่ี ่าย ทสี่ ุดในการจดั การ เฟรม เนอื้ หา เฟรมคําถามและเฟรมกจิ กรรมแต่ละเฟรมจะเรียงตามลําดบั ตงั้ แต่ตน้ จนจบท่มี โี ครงสรา้ งแบบ นี้ จงึ ใชซ้ อฟต์แวรค์ อมพิวเตอรใ์ ดๆจัดการได้นบั ตั้งแตซ่ อฟตแ์ วรป์ ระเภทนําเสนอขอ้ มูล (Presentation Software) จนถงึ ระบบนิพนธ์บทเรียน ข้อเสยี ของบทเรียนคอมพิวเตอร์รปู แบบน้ีกค็ ือ ผู้เรียนจะจาํ เน้อื หาได้ ขายเมือ่ เรยี นซํ้าอกี ครง้ั หนึ่ง จงึ ทําให้เกิดความเบอื่ หน่าย และไมต่ อบสนองตอ่ ความแตกต่าง ระหว่างบคุ คลเทา่ ที่ควร ภาพโครงสรา้ งแบบเชิงเสน้ 24

2. แบบสาขา (Branching Type) ลกั ษณะของโครงสรา้ งของบทเรียนคอมพวิ เตอรแ์ บบสาขา เป็นโครงสรา้ งที่ ผู้เรียนมอี ิสระในการเลอื ก ทางเดนิ ของบทเรียน การเปลย่ี นเส้นทางของบทเรยี นขนึ้ อยกู่ ับ ผลของการปฏสิ ัมพนั ธ์ท่ีผ้เู รียนมตี อ่ บท เรียน ถา้ ผู้เรียนตอบคําถามถกู หรือทําแบบทดสอบ ผ่านตามเกณฑ์ จะได้รบั เนอ้ื หาที่แตกตา่ งจากผเู้ รยี น ทไ่ี มป่ ระสบความสําเร็จในการตอบ คาํ ถามหรือไม่ผา่ นการทดสอบ ลักษณะของโครงสร้างจึงแตกสาขา เป็นส่วนย่อย ๆ ตาม ความตอ้ งการของผพู้ ฒั นา บทเรียนคอมพวิ เตอร์ท่มี ีโครงสรา้ งแบบสาขา จึงสรา้ ง โดย ดกี ว่า กวา่ แบบเชิงเสน้ แตม่ ขี อ้ ดกี ค็ ือ สามารถตอบสนองตอ่ ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล ภาพโครงสรา้ งแบบสาขา 3. แบบลําดบั ชั้น (Hierarchical Type) โครงสร้างแบบน้ี มลี กั ษณะคลา้ ยกบั รายการเมนูทางเลอื ก ทีแ่ บง่ เปน็ รายการ หลกั และรายการย่อย ลกั ษณะ ลักษณะเป็นลําดบั ช้นั เหมอื นรปู ทรงปิรามดิ ใชก้ บั เนื้อหาท่ี แบง่ เป็นหมวดหมู่และมีอสิ ระตอ่ กนั ความสมั พันธข์ องเนอ้ื หาแตล่ ะส่วนมีค่อนข้างนอ้ ย สามารถเลอื กเรียนสว่ นใดสว่ นหนึ่งก่อนกไ็ ด้ โดย ไมม่ ีผลถงึ สว่ นอนื่ ๆ ท่ีเหลอื จดั ว่าเปน็ โครงสร้างท่งี ่ายกวา่ แบบสาขา สามารถตอบสนองความต้องการ ของผู้เรยี นได้ดี ผเู้ รียนจะ เลอื กเรียนสว่ นหน่งึ ก่อนกไ็ ด้หรือจะเลอื กทาํ กจิ กรรมใดๆ กอ่ นกไ็ ด้ โดยไมม่ ผี ล ต่อบทเรียน ภาพโครงสร้างแบบลําดบั ชน้ั 25

4. แบบผสมผสาน (CompositeType) โครงสรา้ งของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบผสม มีลกั ษณะผสมผสานกันระหว่าง โครงสร้างท้ัง 3 แบบดัง กลา่ วขา้ งตน้ บทเรียนบางสว่ นอาจนาํ เสนอในลกั ษณะเชิงเสน้ กรณี ทเี่ ปน็ เชิงเนอ้ื หาเชิงทฤษฎี บางส่วนอาจนาํ เสนอในแบบสาขา กรณที ี่ตอ้ งการสรา้ งเสริม โอกาสให้ผ้เู รยี นมีปฏสิ มั พนั ธ์กับบทเรยี น และบางสว่ นอาจนาํ เสนอในแบบลําดบั ชัน้ กรณที ี่ เป็นรายการทางเลือก ท้งั นที้ ี่เพอ่ื ประยกุ ต์ใช้จดุ เด่นของ โครงสร้างแต่ละรูปแบบ โดย พิจารณาถงึ เปา้ หมายในการพัฒนาบทเรียนเปน็ หลกั สว่ นใดจะใช้โครงสรา้ ง แบบใด โครงสรา้ งแบบผสมจึงไมม่ ีรปู แบบตายตัว ภาพโครงสร้างแบบผสมผสาน 26

2.5 องคป์ ระกอบบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) ภาสกร (2557) ได้กลา่ วถึงสือ่ และกจิ กรรมทถ่ี ูกบรรจใุ น บทเรยี นบน Tablet PCและe book บน คอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา ท้งั บทเรียนบน Tablet PC และ e Book บนคอมพิวเตอรแ์ บบพกพา จัดเปน็ สือประเภทบทเรียนคอมพวิ เตอร์ จึงขอนาํ มากล่าวรว่ มเป็นองคป์ ระกอบของบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ย สอน ดังน้ี 1. สื่อ เพอื่ การนําเสนอ การนําเสนอท้ังตวั อกั ษร (Text) และ กราฟฟกิ Grarehic) เปน็ ส่ือพน้ื ฐานท่ี e-Book โดยทั่วไปทั้งบนระบบ Android และ iOS สามารถ นาํ เสนอไดโ้ ดยท่วั ไปในรูปแบบ epub โดยทั้ง Text และ Graphic มีความเหมาะสมท่จี ะ นําเสนอเนือ้ หาเพ่อื การเรียนรูใ้ ห้บรรลุตามจดุ ประสงค์ การเรยี นรู้ท่แี ตกตา่ งกนั Text เปน็ การนําเสนอเนื้อหาทีม่ ่งุ เนน้ เฉพาะตวั อกั ษรหรือตัวหนังสือ สามารถ นาํ เสนอได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสมการนาํ เสนอแผนการสอนท่แี จ้งวตั ถุประสงค์ ลําดบั ข้ัน การเรียน การนําเสนอเนอ้ื หาและการ ประเมิน รวมถงึ เนอื้ หาเชงิ บรรยายหรือพรรณนา ที่ อยใู่ นขอบข่ายวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนการสอน พุทธพิสยั และจิตพสิ ัย Graphic เป็นการนําเสนอเน้อื หาท่ีมงุ่ เนน้ กราฟิก การนําเสนอค่อนข้างชา้ เพราะตอ้ งเสียเวลาดาวนโ์ หลด ขอ้ มูลนาน ในการน้ีก็ตอ้ งขึน้ อยู่กบั ความศักยภาพของอุปกรณภ์ ายในเครื่อง Tablet PC สอื่ Graphic เหมาะสมกบั นาํ เสนอเนื้อหาทต่ี อ้ งการอธิบายใหเ้ ห็นส่วนประกอบตา่ งๆ ในภาพร่วม เชน่ ภาพกราฟิก ดอกไม้ ภาพกราฟกิ ระบบสืบพันธ์ ภาพกราฟิกการ์ตูนเพื่อการสอนเดก็ เลก็ ภาพกราฟิกร่างแบบก่อสร้าง เป็นตน้ Picture เป็นการนาํ เสนอเนอ้ื หาที่ มงุ่ เน้นรปู ภาพจริง มีความเสมือนจรงิ สามารถแสดง ขน้ั ตอนตา่ งๆ อย่างชดั เจน เชน่ การผ่าตัด การวา่ ยนำ้� เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ยังสามารถเชอ่ื มโยงเหตกุ ารณส์ ถานท่ีได้ ตามสภาพความเปน็ จริง เชน่ ภาพสถานท่ปี ระวัติศาสตร์ ภาพเหตกุ ารณ์สาํ คัญ 27

Multimedia เปน็ การนาเสนอสอื่ ท่เี ปน็ ภาพเคลอื่ นไหวพร้อมเสยี ง การนาํ เสนอMultimedia บน e-Book นีน้ บั วา่ เปน็ การตอบสนองกิจกรรมการเรยี นร้ไู ดอ้ ยา่ งสมจรงิ เปน็ การเชอื่ มโยงประสบการณ์ การเรียนรใู้ หผ้ ู้เรยี นไดส้ มั ผัส เหตกุ ารณจ์ ริงพร้อมภาพและเสยี ง ทไ่ี ดม้ ีการบนั ทกึ ตดั ต่อไวอ้ ยา่ ง สมบูรณส์ อดคล้องตามจดุ ประสงค์ การเรยี นรู้ สื่อประเภทMulti- mediaนส้ี ามารถตอบสนองจุด ประสงค์การเรยี นรู้ ทักษะพิสัยได้ อย่างดี เช่นการน�ำ เสนอเพอื่ สอน และฝกึ ทักษะประสบการณ์ทาง ช่างเชน่ การถอดประกอบอปุ กรณ์ ทางการแพทย์เชน่ การผา่ ตดั ทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การบานของ ดอกไม้ หรือการกําเนดิ ของ พืชจากเมลด็ พันธุ์ เปน็ ตน้ โปรแกรมประยุกตท์ ี่ช่วยพัฒนา Multimedia e-Book ไดด้ บี นระบบ iOS คอื iBooks Author และบน ระบบ Android คือโปรแกรม Adobe Indesign เป็นตน้ อยา่ งไรก็ ตามสอื่ Multimedia น้ีจําเปน็ ต้อง แทรกลงใน e-Book สง่ ผลให้ e-Book มีขนาดใหญใ่ น ขณะทเ่ี ครือ่ ง Tablet PC มีขนาดหน่วยความจาํ ที่ จํากดั Streaming เปน็ การนาํ เสนอสื่อที่เปน็ ภาพเคล่อื นไหวประกอบเสยี งเช่นเดียวกบั Multimedia แตแ่ ตก ต่างตรงที่เปน็ การนําเสนอผ่านระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เนต เพยี งแค่ นําข้อความ link หรือแหลง่ ข้อมูล URL เช่อื มโยงไปวางลงบน e-Book ไปโดยทไี่ ม่ตอ้ งนํา ข้อมลู ไฟล์ Video ท่มี ีขนาดใหญบ่ ันทึกลงไป พรอ้ มกับ e-Book ชว่ ยให้ไฟลข์ ้อมลู e-Book มีขนาดไม่ใหญ่ ผู้ให้บริการ Streaming หลกั คอื Youtube การ Streaming 28

2. กจิ กรรมการสอ่ื สาร กจิ กรรมทใ่ี ชบ้ นระบบเครอื ขา่ ยสว่ นใหญ่มีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื การส่อื สารทั้งในเวลาพรอ้ มเพยี งกัน Synchronous เชน่ บรกิ าร Chat ใน Facebook และไมพ่ รอ้ มเพยี งกนั Asynchronous เชน่ บริการ Webboard ท่ใี นลกั ษณะการฟีดขา่ วสารใน Facebook นอกจากนี้แลว้ กจ็ ะเป็นสือ่ เพื่อการนําเสนอ ถา่ ยทอดประสบการณค์ วามรู้และรบั ฟงั ขอ้ คดิ เห็นที่เห็นพ้องและแตกตา่ งกัน เช่น Blog, Instragram รวมท้งั ส่ือเพอ่ื การอธิบายและบนั ทึกข้อคิดเหน็ เพิม่ เติมในเชิงสารานกุ รมเชน่ Wikipedia กิจกรรมเพือ่ การส่ือสาร ท้งั หมดน้ีปจั จบุ นั มีพัฒนาการไปเปน็ อยา่ งมากและเรามักจะเรียกรวมกนั ว่า Social Media Social Media นี้เราเคยนาํ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในบทเรยี นบน Tablet PC ที่ผ้เู ขยี น เคยเขยี นถงึ ไปแลว้ ใน หนังสอื การพัฒนาบทเรยี นบน Tablet PC ท่ผี านมา และบนweb based instructionที่เราทราบกันดี อยา่ งไรก็ตามเราควรท่จี ะเขา้ ใจถึงลักษณะเฉพาะและความเหมาะสมเพ่ือการนาํ ไปประยกุ ต์ใช้งานบน e-Book ได้(Passkorn, 2555)พอสงั เขปดังนี้ 29

1. Social Network เครือข่ายสังคมสอ่ื สาร เปน็ การตดิ ต่อสื่อสารทพี่ ฒั นามาจาก Mail Webboard Chat และ Web Conference โดยรวมท้งั สามบรกิ ารเข้ามาไว้ในท่ี เดยี วกนั มรี ะบบสมาชกิ โดยสมาชกิ เปน็ เพอ่ื นกันแดละเกิดเพอื่ นตา่ งๆขึน้ มากมาย ลกั ษณะคล้ายดาวกระจาย เมอื่ มีการสือ่ สารเกดิ ขนึ้ ระบบ กจ็ ะกระจายข่าวสารแจ้งสมาชิก มีการตดิ ตอ่ แบบเพอ่ื นถึงเพอ่ื นๆ One to Many และแบบติดตอ่ เพือ่ น ถงึ เพ่ือน แบบ one to one และยังสามารถแบง่ ปั้น สอ่ื ขอ้ มูล ตา่ งๆได้อกี ด้วย เหมาะสาํ หรับใช้ตดิ ตอ่ สอื่ สารในรูปแบบการจดั การในชนั้ เรียน โดยผู้สอน ามารถติดต่อสือ่ สารส่งั การ ควบคุมชัน้ เรียนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เชน่ ครสู ่งั งานใหผ้ ูเ้ รยี น ยภาพตามใบงาน แล้วนาํ มา post บน Board จากนั้นผ้สู อนก็เข้ามาวจาก หนได้ เชน่ Facebook Hi5 Instagram Line 2. Knowledge Sharing เป็นบริการเสมือนธนาคารคลังความรทู้ ท่ี ุกคนใน เครือขา่ ย สามารถเข้ามารว่ ม กนั เขยี นให้ความหมายคํานยิ ามต่าง ๆ อธิบาย เขียน บรรบยาย ต่างๆ ในสิ่งทต่ี นเองศึกษาค้นคว้า ใน เร่ืองทเ่ี ป็นเร่ืองเดยี วกบั คนอน จนเกิดความคลังความร้ขู นาดใหญ่ เชน่ ประวตั ิของพระพทุ ธเจ้าบรกิ ารน้ี ได้แก่ Wikipedia Webboard เหมาะสําหรบั ใช้เปน็ แหล่งให้ผเู้ รียนเรียนร้ไู ดอ้ ยา่ งดเี สมอื นวา่ มีครผู ูส้ อน มากมายทั่วโลกท่มี าช่วยกนั สอน อย่างไรกต็ ามผสู้ อนจะต้องกล่นั กรองเนือ้ หาท่เี ก่ยี ว ขอ้ ง กอ่ นวา่ เขา้ ขา่ ยการเรียนรู้ ถกู ต้องหรือไมอ่ ย่างไร 30

3. Blog จะคล้ายคลงึ กบั knowledge Sharing แต่แตกต่างตรงท่ี เปน็ แหล่งท่ี เขียนประสบการณ์ความ รู้ความสนใจของแตล่ ะบุคคล ไม่ไดร้ ่วมกันเขยี น โดยทผี่ ูส้ นใจก็ สามารถเขา้ อา่ นและเสนอความคิดเหน็ ได้ เชน่ Gotoknow Blogger.com Oknation เหมาะสําหรบั ใชเ้ ป็นแหลง่ ให้ผเู้ รยี นเรียนรไู้ ดอ้ ย่างดเี สมอื นว่ามีครูผ้เู ช่ียวชาญใน เร่ืองนนั้ ๆ มาสอน ถ่ายทอดความรู้จรงิ ๆ อยา่ งไรก็ตามผสู้ อนจําเป็นจะต้องกลน่ั กรอง เนื้อหาทเี่ กีย่ วขอ้ งวา่ เขา้ ขา่ ยเพ่ือการ เรยี นรู้ และถกู ต้องหรอื ไมอ่ ยา่ งไร 4. Social Media Entertainment เป็นบริการนําเสนอ VDO Clip โดยทีส่ มาชกิ สามารถนําขอ้ มูล VDO หรือ ภาพยนตร์ ของตนเองขน้ึ ไป post และเผยแพร่ไดอ้ ยา่ งดี โดยผู้ทีส่ นใจไม่จําเป็นตอ้ งเปน็ สมาชกิ กส็ ามารถรับชม VDO Clip ได้ เปน็ บริการท่ี เปน็ ที่นยิ มอยา่ งมาก เป็นชอ่ งทางเผยแพรข่ ้อมูลประเภท Multimedia ไดอ้ ย่างดีมาก การนําไปใชง้ านผู้สอนสามารถสรา้ ง VDO Clip เพ่ือการเรียนการสอนและนาํ ไป และให้ผู้เรียนเขา้ มารับ ชม ไดท้ ุกทที่ ุกเวลา นอกจากนแ้ี ล้วผสู้ อนยังสามารถค้นหา แ00 Clip ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั เนอื้ หาการสอนทมี่ ผี ู้ พัฒนาขึ้นอยา่ งมากมายและสงั่ การให้ผ้เู รียน เข้าไปรับชมศึกษาไดอ้ ยา่ งดีเยีย่ ม อย่างไรก็ตามผสู้ อนเองจํา เป็นตอ้ งคดั เลือกกล่ันกรอง VDO Clip เหลา่ นัน้ เสยี กอ่ น เช่น Youtube Socialcam 31

5. Web Application เป็นบริการที่นําเอาโปรแกรมประยกุ ตเ์ ดมิ ทั้งหมดทเี่ คยอยู่ 24เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ local นาํ ไปใหบ้ ริการบนระบบเครือข่ายโดยทีเ่ คร่อื งคอมพิวเตอรท์ ี่ เขาไปเชื่อมตอ่ ก็สามารถขอเขา้ ใช้ บรกิ าร Application นน้ั ไดเ้ ลยโดยไม่จําเปน็ ตอ้ งมี Application นนั้ ๆ บนเคร่อื งของตนเอง เชน่ Google Doc, Google Drive, Google Map 900gle translation, App Inventor ฯลฯ 6. Video Conference เปน็ กจิ กรรมการสนทนา สนทนาท่เี หมอื นกบั Chat แต่แตกตา่ ง ตรงที่สามารถมองเหน็ ภาพซงึ่ กนั และกนั ได้ด้วย เหมาะสําหรบั ผู้ เรียนและผสู้ อนทีม่ ีเวลาวา่ งตรงกัน (Synchronous) โดยต้องนัดหมายเวลากนั การนําไปใช้ สามารถนําไปใชใ้ ห้คําปรกึ ษา ตอบคําถามทผ่ี ้เู รยี นสงสยั อธิบายเพิ่มเติมในส่วนทยี่ ังไม่เข้าใจ ในเนอื้ หา ได้ อย่างดี เน่อื งจากมองเห็นภาพซงึ่ กนั และกันความร้สู กึ จงึ ไม่ตา่ งกบั อยใู่ นชนั้ เรียนเลยทีเดียว เช่น Tango Skype 32

7. Search Engine เป็นบริการการสืบคน้ ข้อมูล ท่ีสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลจาก Website ต่างๆ ไดท้ ่ัวโลก โดยโปรแกรมสืบคน้ จะทาํ การสาํ รวจข้อมูล Website ทุกแหง่ ท่วั โลก และนําขอ้ มลู โดยสรุปมาจัดเกบ็ ไว้ เปน็ ฐานข้อมลู ภายใน Search Engine ผู้ ให้บรกิ ารการสบื ค้น เชน่ google.com yahoo.com เปน็ ต้น การนาํ ไปใช้ในการเรียน ผูเ้ รียนจะต้องกําหนดคาํ สําคญั Keyword ที่เชื่อมโยงสูห่ วั ขอ้ หรอื เนอ้ื หาวชิ าท่ี ตอ้ งการการ สบื คน้ เพ่อื ทําการสบื ค้นตอ่ ไป 2.6 สว่ นประกอบบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน (CAI) ภาสกร (/2556) กลา่ วถึงส่อื ส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอรใ์ ดๆ อาทิ คอมพวิ เตอร์ของ สอน(CAI), เวปช่วยสอน (WBI), บทเรยี นบน Tablet PC ล้วนมสี ว่ นประกอบทส่ี าํ คัญดังนี้ แผนจดั การเรียนรู้ สว่ นนีจ้ ะบรรจุไปด้วย วตั ถุประสงคบ์ ทเรียน (Objective) ทคี่ าดหวังของบทเรยี นเมอื่ ผู้เรยี น การศึกษาบทเรยี นจน เสรจ็ สิน้ ลง โดยวัตถุประสงค์บทเรยี นจะต้องสะท้อนพฤตกิ รรม เรียนท่เี ราเรียกว่า วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม และครอบคลมุ ทง้ั พทุ ธพสิ ยั จติ พิสยั และ ทักษะพสิ ัย สังเขปเน้อื หา (Content) ส่วนน้ีจะบอกสังเขปเนื้อหาโดยรวมทีแ่ ยกออกแบบ บทเรียนและ หวั ขอ้ ทีเ่ ป็นตอนเรียนต่างๆ แยกย่อยออกไป กจิ กรรม (Activity) ส่วนน้จี ะบอกว่า กอ่ นเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรยี นดว้ ย บทเรียน คอมพิวเตอรแ์ ล้ว ผู้เรียนจะตอ้ งทาํ กจิ กรรมอะไรบ้าง เช่นทาํ กจิ กรรมการเรียนรู้ รว่ มกับผู้เรยี นดว้ ยกัน หรอื จะตอ้ งไปทาํ อะไร เชน่ สบื คน้ เขียนสรุป อภิปราย เป็นตน้ สอ่ื (Media) สว่ นนจี้ ะบอกวา่ ผู้เรยี นวา่ จะตอ้ งใชส้ ่ืออะไรรว่ มกับบทเรียนคอมพิวเตอร์บ้าง การประมินผล (Evaluation) สว่ นน้ีจะบอกว่า กอ่ นเรียน ระหว่างเรียน และหลงั เรยี น ผู้เรยี น จะตอ้ งทําการประเมนิ โดยใช้แบบประเมนิ อะไร ทีไ่ หน เมือ่ ไร บ้าง 33

แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre Test) สว่ นประเมินความรขู้ นั้ ต้นของผู้เรียน เพ่อื ดวู ่าผู้เรียนมคี วามร้พู ื้น ฐานในระดับใด รายการเน้ือหาบทเรียน (Main Menu) แสดงบทเรยี นตา่ งๆ ท่ผี เู้ รยี นสามารถ เชือ่ มโยงคลกิ หรือแตะ เข้าไปทําการเรยี นรู้ได้ กิจกรรม (Activity) สว่ นนจี้ ะแยกออกมาจากแผนจัดการเรยี นรขู้ ้างต้น เพือ่ อธิบายเพิ่มรายละเอยี ด ของกจิ กรมให้ชดั เจนข้ึน แบบทดสอบท้ายบทเรยี น (Post Test) ส่วนน้จี ะทําการประเมินเพอ่ื วดั สัมฤทธิ์ การเรยี นรู้ของผู้เรียน วา่ สอดคล้องจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ตู ามเกณฑ์กาํ หนดไว้ใหเ้ พยี งใด ข้อดขี องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอนมขี อ้ ดหี รอื ข้อได้เปรียบหลายประการ เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั สอื่ การเรยี นการ สอนประเภทอื่น ๆ สรุปไดด้ งั นี้ (Hannafin & Peck 1988) 1. บทเรยี น CAI มีการโต้ตอบปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผ้เู รยี นกับบทเรยี นในขณะท่ี เรียนมากกวา่ สือ่ การเรียน การสอนประเภทอน่ื ๆ เนือ่ งจากใชค้ อมพิวเตอร์ในการนําเสนอ บทเรยี น 2. บทเรียน CAI สนบั สนุนการเรียนแบบรายบุคคล (Individualization) 3. บทเรียน CAI ช่วยลดตน้ ทุนในด้านการจดั การเรยี นการสอนได้ เพราะการ เรยี นด้วย CAI ไมต่ อ้ งใชค้ รู ผ้สู อน เมอ่ื สร้างบทเรียนแล้ว การทําซาํ้ เพอ่ื การเผยแพรใ่ ช ต้นทนุ ตาํ่ มาก และสามารถใช้กับผเู้ รยี นไดเ้ ป็น จาํ นวนมาก เม่อื เทยี บการสอนโดยใช ครูผสู้ อน 4. บทเรียน CAI มแี รงจงู ใจใหผ้ ู้เรยี นสนใจเรียนเพ่ิมข้ึน เนือ่ งจากบทเรียน CAI ใชค้ อมพวิ เตอร์เป็น อุปกรณใ์ นการนําเสนอบทเรยี น เป็นส่ิงแปลกใหม่ มีการปฏิสมั พันธ์ กบั บทเรียนตลอดเวลา ผู้เรียนไมเ่ บื่อ หนา่ ย ทาํ ให้ชว่ ยเพม่ิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของ ผูเ้ รยี นด้วย 5. บทเรยี น CAI ใหผ้ ลยอ้ นกลบั (Feedback) แกผ่ ูเ้ รียนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ผู้เรยี น ทราบความก้าวหนา้ ของ ตนเองได้ทนั ที 6.บทเรียน CAI สะดวกต่อการตดิ ตามประเมนิ ผลการเรยี น โดยมกี ารออกแบบสร้างโโปรแกรมใหส้ ามารถ เกบ็ ขอ้ มลู คะแนนหรอื ผลการเรยี นของผ้เู รียนแตล่ ะคนสามารถนํามาวิเคราะหเ์ พอ่ื ประเมินผลไดอ้ ยา่ ง รวดเร็วและถกู ต้องเมือ่ เปรยี บเทยี บกับครูผู้สอน 7.บทเรยี น CAI มีเน้อื หาทคี่ งสภาพแน่นอน เนือ่ งจากเน้อื หาของบทเรยี น CAI ได้ผ่านการตรวจสอบให้ มเี นือ้ หาที่ครอบคลมุ จัดลําดับความสัมพนั ธข์ องเนื้อหาอยา่ งถูกต้อง มีความคงสภาพเหมือนเดมิ ทกุ คร้งั ทีเ่ รยี น ทําให้เชอ่ื ม่ันได้วา่ ผเู้ รยี นเม่อื ได้เรยี นบทเรยี น CAI ทุกครั้งจะไดเ้ รยี นเน้ือหาทีค่ งสภาพเดิมไวท้ กุ ประการ ต่างจากการสอนด้วย ครูผสู้ อนท่ีมโี อกาสที่การสอนแตล่ ะครัง้ ของครูผสู้ อนในเน้อื หาเดียวกนั อาจมีลาํ ดับเนอื้ หาไมเ่ หมอื นกันหรือข้ามเน้อื หาบางสว่ นไป 34

2.8 บทบาท คณุ ค่า และความสาํ คัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ปัจจบุ นั เทคโนโลยีสารสนเทศกาํ ลังมีบทบาทอยา่ งกวา้ งขวางในดา้ นต่าง ๆ โดยเฉพาะดา้ นเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การบรกิ ารสงั คม ส่งิ แวดล้อม ไปจนถงึ ด้าน การศกึ ษา เหตุทเี่ ทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Information Technology มีบทบาทมากมาย เช่นนี้ เพราะเปน็ เสมอื นเครื่องจกั รท่ีขับดันให้ทุกสง่ิ ทกุ อยา่ งท่มี าเก่ยี วขอ้ งด้วยการกา้ ว รดหนา้ ไปอย่างรวดเรว็ ในดา้ นการศกึ ษาบทบาทของเทคโนโลยี สารสนเทศสามารถนํา เทคโนโลยสี ารสนเทศมาประยกุ ต์ใชก้ ับการศึกษาในลักษณะตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ การใช้ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction หรอื CAI) ระบบฐานขอ้ มลู Database (Multimedia) ระบบสารสนเทศ (Information System) ระบบปญญาประดษิ ฐ์ (Artificial Intelligence หรอื AI) และระบบ Internet เปน็ ตน้ ลกั ษณะการจัดการศกึ ษาในอนาคตจะเป็นการจดั การศกึ ษาเน้นท่ีผู้เรียน สําคญั ในการเรยี นรูใ้ น ลักษณะของการศกึ ษารายบุคคล (Individual Study)โดยนำ� เทคโนโลยี สมยั ใหม่ อนั ไดแ้ ก่ เทคโนโลยี สารสนเทศ เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ และ เทคโนโลยีการสือ่ สารโทรคมนาคม เขา้ มาประยุกต์ใชท้ างดา้ น การศึกษา การจดั การศกึ ษา รายบคุ คลเป็นการจดั การศกึ ษาทีพ่ ิจารณาถึงความแตกตา่ ง ความต้องการ และ ความสามารถ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะคนเรียนรใู้ นสิ่งทีต่ นสนใจตามกําลังความสามารถของตน ตาม วิธีการและสอ่ื การสอนทีเ่ หมาะสมเพอ่ื บรรลถุ งึ วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นทกี่ าํ หนดไว้ และการที่จะสาํ เรจ็ ได้ น้นั ยอ่ มตอ้ งอาศยั การจดั ระบบการจดั การและการวางแผนการสอน ท่ดี ี โดยจดั ใหผ้ เู้ รยี นเป็นศูนยก์ ลาง ของ การเรียน มกี ารจดั เตรียมทรพั ยากรคอื สือ่ การ เรยี นประเภทตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ สอื่ สงิ่ พิมพ์ โสตทศั นวัสดุ คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน วิดีโอ เปน็ ตน้ โดยเฉพาะสือ่ ที่เป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนบั เป็นสอ่ื ทีก่ ําลงั มีบทบาทสําคญั ท้งั นี้ เน่อื งจากข้อไดเ้ ปรียบของบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนท่เี หนอื กวา่ ส่ือการเรียน ประเภท อืน่ กค็ ือการเปิดโอกาสใหผ้ ้มู ีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) กับบทเรียนไดต้ ลอดเวลา (กิดานันท์ มลทิ อง, 2535) 35

ในด้าน คุณค่าของ CAI ต่อการศึกษา น้นั คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction: CAI) มคี ุณคา่ ต่อการจดั การเรียนการสอนหลายประการ ดังน้ี 1. คอมพวิ เตอร์ชว่ ยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน เน่อื งจากการเรียน ด้วยคอมพิวเตอร์น้นั เปน็ ประสบการณท์ แี่ ปลกและใหม่ 2. การใชส้ ี ภาพลายเสน้ ทแ่ี ลดคู ล้ายเคล่ือนไหว ตลอดจนเสียงดนตรจี ะเปน็ การ กิจกรรมตา่ งๆเหลา่ นี้ เปน็ ตน้ เพิม่ ความเหมอื นจริงและเร้าใจผเู้ รยี นใหเ้ กดิ ความอยากเรียนรู้ ทําแบบฝึกหัดหรือทํากิจกรรม ตา่ งๆเปน็ ต้น 3. ความสามารถของหน่วยความจําของเคร่อื งคอมพิวเตอรช์ ว่ ยในการบนั ทึกคะแนนและพฤติกรรมตา่ ง ๆ ของผูเ้ รียนได้เพอื่ ใชใ้ นการวางแผนบทเรยี นในขนั้ ต่อไปได้ 4. ความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มูลของเครอ่ื ง ทําใหส้ ามารถนาํ มาใช้ได้ใน แตล่ ะคน และแสดงผลก้าวหนา้ ให้เห็นได้ทันที ลกั ษณะของการศกึ ษารายบุคคลได้เปน็ อยา่ งดี โดยสามารถกาํ หนดบทเรยี นให้แกผ่ เู้ รียน 5. ลักษณะของโปรแกรมบทเรียนทใ่ี หค้ วามเป็นส่วนตวั แกผ่ ู้เรยี น เปน็ การช่วยให้ผูเ้ รยี นทีเ่ รียนชา้ สามารถ เรียนไปไดต้ ามความสามารถของตนโดยสะดวกอยา่ งไม่รีบเรง่ โดยไมต่ อ้ งอายผูอ้ ่ืน และไมต่ อ้ งอายเครือ่ ง เม่ือตอบคาํ ถามผิด 6. เปน็ การชว่ ยขยายขีดความสามารถของผสู้ อนในการควบคมุ ผูเ้ รียนได้อยา่ ง ใกลช้ ิด เน่ืองจากสามารถ บรรจุขอ้ มูล ไดง้ ่ายและสะดวกในการนาํ ออกมาใช้ 36

บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน หรือ CAI จึงนับว่ามีประโยชนแ์ ละมีคณุ ค่าตอ่ การ เรยี นการสอนเป็นอย่าง ยงิ่ แตก่ ารพฒั นา CAI ในเมืองไทยยังไม่แพรห่ ลายเทา่ ทค่ี วร เนอ่ื งจากปัญหาและขอ้ จาํ กดั ตา่ ง ๆ ทีไ่ ดก้ ล่าวมา การสรา้ งและทาํ การศึกษาวจิ ัย CAI ที่มี เนอ้ื หาครอบคลมุ ทงั้ รายวชิ า ตรงตามหลกั สตู รใน ลกั ษณะเปน็ บทเรียนสําเรจ็ รปู การสอน (Instruction) เนือ้ หาหรอื ความร้ใู หม่ ดําเนินหาประสิทธภิ าพ ของบทเรยี นตามเกณฑ์ตามท่ี กาํ หนดไวแ้ ละหาประสิทธิผลของการเรยี นรู้ จงึ เป็นเรื่องที่น่าสนใจทาํ การ ศึกษาวิจยั อยา่ งย่ิงในปจั จบุ ัน 37





บทที่ 3 อนิ เทอร์เน็ต อินเทอรเ์ นต็ คืออะไร อินเทอร์เนต (Internet) คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ใี หญ่ทส่ี ดุ ในโลก เกดิ ขน้ึ จากระบบเครอื ข่าย คอมพิวเตอรเ์ ล็ก ๆ รวมกันเป็นระบบเครอื ขา่ ยใหญ่ เพื่อใชใ้ นการตดิ ต่อสอ่ื สาร แลกเปล่ียนข้อมลู กนั ทั่วโลก อินเทอรเ์ น็ตเกิดขึ้นได้อยา่ งไร รากฐานของอนิ เทอร์เนต เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ประมาณ 20 ปมี าแลว้ โดยเรม่ิ จากเครอื ขา่ ย ARPANET ของ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ซ่ึงมีความประสงคท์ ี่จะแลกเปลย่ี นขอ้ มูลวจิ ัยทางการทหาร หลัก จากนน้ั ระบบเครือข่ายย่อยอืน่ ๆ ก็ได้ทำ�การตอ่ เชื่อมและขยายแวดวงออกไปทัว่ โลก ดังนน้ั อินเทอรเ์ นต จงึ ไม่ได้เป็นของใครหรือของกล่มุ ใดโดยเฉพาะ อนิ เทอร์เนตทำ�อะไรได้บ้าง ? เดิมทกี ารใชบ้ รกิ ารจำ�กดั ใหใ้ ชใ้ นดา้ นการศกึ ษาวิจัยและอยใู นแวดวงการศึกษาเท่าน้ัน ต่อมาไดม้ ีการ ขยายในเชิงธุรกจิ มากข้นึ ทำ�ให้ขอบขา่ ยการใช้ Internet มีมากมาย เช่น 1.สามารถติดตอ่ กับคนไดท้ ั่วโลก 2.สามารถใชเ้ พือ่ แลกเปลยี่ นขอ้ มูล , ความคดิ เห็น 3.สามารถใชช้ ่วยในการคน้ หาและโอนยา้ ย Software ตา่ ง ๆ มาได้ฟรี 4.สามารถค้นคว้าวิจยั เปรียบเหมือนคณุ เข้าห้องสมุดไปศกึ ษาค้นควา้ หนังสอื ต่าง ๆ โดยที่ตวั คนเองไม่ ตอ้ งไปยงั ห้องสมุดนนั้ 5.สามารถอา่ นข่าวสารของกลมุ่ สนทนาตา่ ง ๆ 6.สามารถท่องเที่ยวไปยังสถานทต่ี า่ ง ๆ ได้ท่วั โลก เช่น พพิ ิธภัณฑ์ , สวนสัตว์ เปน็ ต้น 40

หน้าตาของเว็บไซต์ตา่ งๆ ยุคของอนิ เทอรเ์ น็ต อนิ เตอร์เนต็ เปน็ ระบบเครอื ข่ายทมี่ ีการพัฒนามาต่อเนือ่ งไมน่ ้อยกวา่ สามสบิ ปีแลว้ ในตลอดช่วง พัฒนาการของอินเตอรเ์ น็ตน้นั สามารถแบง่ ไดเ้ ป็นสามยุคดว้ ยกัน “Internet 1.0” ยคุ แรกเปน็ ยุคของการเชื่อมต่อเพอ่ื การสอื่ สารระหว่างบคุ คล (Human-to-Human Com- munication) ในยุคนพ้ี ฒั นาการของอนิ เตอร์เนต็ จะเป็นเพ่อื การสือ่ สารระหวา่ งบคุ คลที่ใชอ้ ปุ กรณ์ คอมพิวเตอรท์ ่ีเชื่อมตอ่ กบั อนิ เตอรเ์ นต็ เทคโนโลยีท่ีส�ำ คญั ทพ่ี ฒั นาใช้งานกบั อนิ เตอร์เน็ตเพ่อื การสอ่ื สาร ในยคุ น้ีได้แก่ อเี มล (Email) และ ยสู เนต็ (UseNet) “Internet 2.0” ยคุ ตอ่ มาเป็น ยุคของการเช่อื มตอ่ เพื่อส่ือสารระหว่างบคุ คลกับคอมพิวเตอร์ (Human-to-Com- puter Communication) เทคโนโลยีส�ำ คญั ท่ีพฒั นาขึ้นเพ่อื ใช้งานอนิ เตอรเ์ นต็ ในยคุ นไ้ี ด้แก่ เว็บ (Web หรอื World Wide Web) เวบ็ เปดิ โอกาสให้บคุ คลสามารถเขา้ ใชค้ อมพิวเตอร์เพ่ือท�ำ งานใดงานหน่งึ จาก ระยะไกลไดผ้ ่านกระบวนการใช้งานที่เป็นมาตราฐานเดยี วกนั กอ่ นหน้าเทคโนโลยเี ว็บ การใช้งานคอมพวิ เตอร์จากระยะไกลจะเปน็ การใช้งาน “เคร่อื งคองาน อินเตอร์เน็ตเปลยี่ นจากการอยู่บนพ้นื ฐานของ “เครอ่ื ง” เป็น “ระบบ” 41

\"Internet 3.0\" ยคุ ทส่ี ามของอนิ เตอร์เนต็ เป็นยุคทีเ่ รากำ�ลังจะก้าวไปสูเ่ ปน็ ยุคของการสื่อสารเพอื่ การเชือ่ มตอ่ ระหว่างคอมพิวเตอร์กบั คอมพิวเตอร์ (Computer-to-Computer Communication) รายละเอียดใน เชงิ แนวความคดิ ของยุคนเี้ ป็นเรื่องราวทตี่ อ้ งท�ำ ความเขา้ ใจกันมากทเี ดียว เนือ่ งจากยคุ นี้ “ยังมาไม่ถึง” และจะเปน็ ยคุ ท่ีสำ�คญั มากของการใช้งานอนิ เตอรเ์ นต็ เพ่ือประโยชน์แกม่ นุษยชาตทิ เี ดียว “Web 2.0” จะเหน็ ได้ว่าในยุคท่สี ามนี้จะมีการกล่าวถงึ “บริการ” ระหว่างกันและในการติดตอ่ สอื่ สารของ ข้อมูลในระบบนกี้ ็ยังผ่านเทคโนโลยีพืน้ ฐานบางอยา่ งของเว็บ ดังนั้นนักการตลาดของหลายบริษัทจึงใช้ คำ�วา่ “Web Services” แทนความหมายของยคุ ทสี่ ามนี้ ในขณะน้ศี พั ทท์ ี่เป็นทนี่ ิยมอกี ค�ำ หน่ึงที่จะแทน ความหมายของยคุ นี้คอื “Web 2.0” (ควรอา่ นว่า Web Two Point Oh อย่าอ่านวา่ เวบ็ สองจดุ ศูนย)์ ขอใหผ้ ู้อ่านเขา้ ใจวา่ ศพั ทเ์ หลา่ นเ้ี ป็นศัพท์กวา้ งๆ เพอ่ื ความหมายเชิงการตลาดมากกวา่ ที่จะมีความหมาย เชงิ เทคโนโลยี ในค�ำ อธบิ ายในสถานะของผู้ใช้นน้ั ในยุคแรกของเว็บจะเป็นยุค “เวบ็ เพ่อื อ่านอย่างเดียว” (Read-Only Web) ในยุคนผี้ อู้ ่านและผเู้ ขยี นจะแยกกันอย่างชัดเจน คนเขยี นจะมหี นา้ ทเ่ี ขยี นสว่ นคน อ่านจะมีหน้าท่ีอา่ น ไมป่ ะปนกัน ส่วนในยคุ ท่สี องจะเปน็ ยุค “เว็บเพือ่ การอ่านและเขยี น” (Read-Write Web) ในยคุ นี้ผู้อา่ นและผเู้ ขยี นจะเปน็ บคุ คลเดียวกัน สว่ นค�ำ อธิบายว่าด้วยการเขา้ ถงึ ขอ้ มูลนน้ั ในยุคแรกเว็บจะมี “Site” เปน็ เว็บไซต์ (Web Site) นั่นคือสารสนเทศจะมที ี่อยู่ทแี่ นน่ อน แตใ่ นยุคท่สี องเวบ็ จะไมม่ ี “Site” อีกตอ่ ไป สารสนเทศจะเกิดการ แลกเปลี่ยนกันโดยระบบงานเพ่อื ไปหาผู้ใช้ กลา่ วอกี มมุ หนง่ึ คือ ในยคุ แรกผู้ใชต้ อ้ ง “ไปหา” สารสนเทศ แตย่ ุคทส่ี องสารสนเทศจะ “มาหา” ผู้ใชน้ นั่ เอง “Outlook from Thailand” ในขณะน้อี นิ เตอรเ์ นต็ ก�ำ ลงั กา้ วสูย่ คุ ทส่ี าม และ เว็บซง่ึ เปน็ ส่วนหน่ึงของยุคของอินเตอรเ์ น็ตนนั้ ก็กำ�ลัง กา้ วส่ยู ุคท่ีสอง ความหวงั ของเราในฐานะนักพัฒนา ซอฟท์แวร์ในประเทศไทยคือเราจะได้เป็นผู้ส่งออก เทคโนโลยีทเ่ี ป็นสว่ นหนึ่งของยคุ ใหม่ท่กี ำ�ลังจะมาถึง นี้ นำ�พาประเทศไทยให้ปรากฎในแผนทโี่ ลกวา่ เรากเ็ ปน็ หนึ่งใน “ผู้ให้” เทคโนโลยีแก่ชาวโลกเชน่ เดยี วกัน 42

บรกิ ารต่าง ๆ ของอนิ เทอร์เนต็ 1. ไปรษณยี ์อิเลคทรอนคิ ส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail) เปน็ บรกิ ารหนง่ึ บนอินเทอร์เนตท่คี นนิยมใชก้ ันมากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพวิ เตอรถ์ ึงผทู้ ่มี ีบัญชี อนิ เทอร์เนต ด้วยกันไมว่ า่ จะอยูใ่ กล้หรอื ไกลคนละซกี โลกจดหมายกจ็ ะไปถึงอย่างสะดวกรวดเรว็ และ ง่ายดายโปรแกรมทีใ่ ช้ ในการรบั -ส่งจดหมายอิเลคทรอนคิ ส์นั้นมี หลายโปรแกรมดว้ ยกันแล้วแต่จะเลือก ใชต้ าม ความ ชอบหรอื ความถนดั โปรแกรมทพ่ี ูดถงึ กเ็ ชน่ Eudora, Pine, Netscape Mail, Micorsoft Explorer และอ่ืน ๆ อีกมากมาย เปน็ ตน้ 2. World Wide Web (WWW) เป็นการเข้าสรู่ ะบบข้อมลู อยา่ งหนงึ่ ที่ก�ำ ลังเปน็ ทีฮ่ ติ สดุ บนอินเทอรเ์ นต ขอ้ มลู นจี้ ะอยใู่ นรปู ของ Interactive Multimedia คอื มที ้ังรูปภาพ ขอ้ ความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และ วีดโี อ อกี ทง้ั ข้อมลู เหล่านี้ยงั ใช้ระบบท่ีเรียกวา่ hypertext กลา่ วคือ จะมคี ำ�สำ�คญั หรือรปู ภาพในข้อมูล นน้ั ที่จะชว่ ยให้ทา่ นเขา้ สรู่ ายละเอยี ดท่ลี กึ และกวา้ งขวางย่ิงขนึ้ คำ�ส�ำ คัญดงั กลา่ วจะเป็นค�ำ ที่เปน็ ตัวหนา หรอื ขดี เสน้ ใต้ เพียงแตท่ ่านเลือกกดทคี่ ำ�ทเ่ี ปน็ ตวั หนาหรอื ขีดเส้นใต้ นน้ั ๆ ท่านก็สามารถเข้าส่ขู ้อมลู เพมิ่ เตมิ ได้ (ขอ้ มูลเหล่าน้ีจะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไวใ้ นคอมพวิ เตอร์ตา่ ง ๆ ทว่ั โลก) Uniform Resource Locator (URL) คอื ที่อยขู่ องขอ้ มูลบน WWW ซ่ึงถ้าเราจะหาข้อมลู เราต้องทราบท่ี อยขู่ อง homepage หรอื URL ก่อน ตวั อยา่ งท่ีอยขู่ อง homepage ของกลุ่มเซนต์จอห์นคอื http://www.stjohn.ac.th ส่วนโปรแกรมทช่ี ว่ ยให้เขา้ สขู่ ้อมูลท่ีอยูบ่ น WWW ได้ คอื Netscape และ Microsoft Explorer เปน็ ต้น 3. FTP (File Transfer Protocol) คอื บริการท่ีใช้ในการโอนย้าย file หรอื ข้อมลู จากคอมพวิ เตอร์หน่งึ ไปยังอกี คอมพวิ เตอรห์ น่งึ ในเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นตถา้ เครื่องน้นั ๆตอ่ เขา้ กบั ระบบทเ่ี ปน็ อนิ เทอรเ์ นตก็ สามารถโอนย้ายข้อมูลกันไดเ้ ครื่อง คอมพวิ เตอรบ์ างท่ีนัน้ จะทำ�หน้าท่ี เปน็ ศนู ยร์ วมของขอ้ มลู ต่าง ๆ เชน่ รปู ภาพ , ข้อความ , บทความ , คู่มอื และโปรแกรมต่าง ๆ ที่เปน็ Freeware หรือ Shareware เและเปดิ ใหเ้ ขา้ ไปโอนย้านมาได้ฟรี โปรแกรมที่จะช่วยในการโอนยา้ ยข้อมลู ก็เชน่ Netscape, Telnet WSFTP เป็นต้น 43

4.Telnet เปน็ บรกิ ารท่ชี ่วยให้เราสามารถเข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์อนื่ เสมอื นหนึง่ ไปนัง่ ใชเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ ของท่ีนัน่ โปรแกรมทีช่ ว่ ยใหท้ า่ นใช้บรกิ ารนี้ไดค้ อื โปรแกรม NCSA Telnet เม่อื เปดิ โปรแกรมแลว้ ให้ พิมพค์ �ำ สงั่ Telnet ดังในรปู ภาพข้างลา่ งเมื่อทา่ นใช้ค�ำ ส่ัง Telnet แลว้ ให้พิมพ์ทอ่ี ย๋ขู องแหล่งข้อมลู นัน้ ท่านก็จะสามารถเขา้ สูร่ ะบบขอ้ มูลนน้ั ๆ ไดเ้ สมอื นทา่ นไปนั่งอย่หู นา้ จอคอมพวิ เตอรข์ องเครอ่ื ง ๆ นั้นเลย ทีเดยี ว ระบบ Telnet 5. Usenet / News groups เป็นบรกิ ารทช่ี ว่ ยให้ทา่ นเข้าสู่ขา่ วสารขอ้ มูลของกลมุ่ สนทนาแลกเปล่ยี นปญั หาขอ้ สงสยั ขา่ วสาร ตา่ ง ๆ กลุ่มเหล่านี้จะมีสารพัดกล่มุ ตามความสนใจ โปรแกรมทช่ี ว่ ยให้ท่านใชบ้ รกิ ารน้ี คือ โปรแกรม Netscape News ที่อย่ใู น โปรแกรม Netscape Navigator Gold 3.0 เมือเปดิ โปรแกรมดังกล่าว จาก นั้นรายชื่อของกลุ่มสนทนาจะปรากฎขึน้ ใหท้ า่ นเลอื กอา่ นตามใจชอบ หากจะใช้ Internet ควรต้องมอี ะไรบ้าง ? 1. เคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ต่ี อ่ เชอ่ื มอยใู่ นเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต การตอ่ เคร่ืองเครือ่ งคอมพิวเตอรเ์ ขา้ กบั ระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นตนั้น ลักษณะการต่อจะขึ้นอยกู่ บั ความเร็วของสายท่ีตอ่ เชอ่ื ม 2. หากท่านตอ้ งการใช้บรกิ ารอนิ เทอรเ์ นตจากทบ่ี า้ น โดยการตอ่ คอมพวิ เตอร์ทบี่ า้ นใหเ้ ขา้ สู่ ระบบเครือ ข่ายอนิ เทอร์เนต ท่านต้องมี Modem (โมเดม็ ) หรือตัวแปลงสัญญาณ โมเดม็ จะเป็นตวั ชว่ ยให้เคร่ือง คอมพิวเตอร์ของท่านรบั ขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ นต ได้ความเรว็ ของ Modem ควรจะเป็นอย่างต่ำ� 14.1 kbps หรอื มากกวา่ น้ัน (kilobyte per second = อตั ราความเร็วในการส่งขอ้ มูล) 3. หากทา่ นใช้บรกิ ารอินเทอรเ์ นตจากที่ทำ�งาน มหาวิทยาลยั หรือโรงเรยี น ส�ำ หรับหนว่ ยงานใหญ่ ๆ มัก จะมกี ารต่อเชอื่ มเข้ากับระบบอนิ เทอร์เนตด้วยการใช้สายเชา่ ซ่งึ มคี วามเรว็ ในการสง่ สัญญาณสงู แทน โมเดม็ และจะตอ้ งมีโปรแกรมท่ีชว่ ยใหท้ า่ นเขา้ สรู่ ะบบอินเทอรเ์ นต ข้นึ อยกู่ ับวา่ ท่านจะเลือกใชบ้ ริการ อะไร ตัวอย่างเช่น หารกจะใช้ E-Mail (Electronic Mail) หรอื จดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ โปแกรมทีจ่ ะใช้ได้ เชน่ Pine , Eudora , Netscape Mail, Microsoft Explorer แตถ่ า้ จะใช้ WWW กต็ อ้ งใช้โปรแกรม Netscape เป็นตน้ 4. Internet Account ทา่ นต้องเปิดบญั ชีอนิ เทอร์เนต เหมอื นกับตอ้ งจดทะเบยี นมชี ื่อและทีอ่ ย่บู นอิน เทอรเ์ นต เพือ่ ท่วี ่าเวลาตดิ ต่อสื่อสารกบั ใครบนอินเทอรเ์ นต จะไดม้ ขี ้อมูลส่งกลบั มาหาท่านไดถ้ กู ที่ 44


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook