สารบญั บทท1ี่ คอมพวิ เตอรเ์ พื่อการศกึ ษา 2 พฒั นาการคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา 3 บทบาทคอมพวิ เตอร์ทม่ี ีตอ่ การศกึ ษา 4 ลักษณะการใช้คอมพวิ เตอร์เพื่อการศึกษา 5 บทที2่ 18 คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 19 ความหมายของคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน 21 ววิ ัฒนาการของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 22 ประเภทของคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 24 โครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 27 องค์ประกอบบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (CAI) 33 ส่วนประกอบบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI) บทที่ 3 อนิ เทอรเ์ น็ต 40 อนิ เทอรเ์ นต็ คอื อะไร 40 อินเทอรเ์ น็ตเกดิ ขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร 40 อินเทอรเ์ นตทำ�อะไรได้บา้ ง 40 บรกิ ารตา่ งๆของอินเทอรเ์ น็ต 41 หากจะใช้ Internet ควรต้องมอี ะไรบ้าง 42 การเช่อื มตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ 43 บทท่ี 4 อนิ เทอรเ์ นต็ กับการศึกษา 48 หลกั การใชอ้ ินเทอร์เนต็ 73 ประโยชนข์ องอินเตอรเ์ นต็ เพ่อื การสอ่ื สาร 75
บทท่ี 5 YouTube 59 ความเป็นมา 80 รปู แบบวดิ โี อ 81 รปู แบบเสยี ง 82 การแสดงผล 82 การใชง้ าน YouTube เบื้องตน้ 83 การอพั โหลดไฟลว์ ดิ โี อ 85
บทท่ี 1 คอมพวิ เตอรเ์ พอื่ การศกึ ษา ปจั จบุ นั มีการนาํ คอมพิวเตอร์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานดา้ นต่างๆ อย่างมากมาย เชน่ งานด้านส่อื สารมวลชน งานด้านวิทยาศาสตร์ งานด้านการแพทยส์ าธารณสขุ งานด้าน การคา้ การลงทนุ งานดา้ นความปลอดภยั งานดา้ นการทหาร และงานด้านการศึกษา การนําคอมพิวเตอรไ์ ปประยุกต์ใช้ดา้ นการศกึ ษา เชน่ งานบรหิ าร งาน หลกั สูตร งานห้องสมุด งาน พฒั นาวชิ าชีพ งานแนะแนว งานทดสอบ และงานสอื่ การ สอน งานตา่ งๆ เหลา่ นี้มีการนาํ เคร่ือง คอมพวิ เตอรแ์ ละโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปประยกุ ต์ ในลกั ษณะตา่ งๆ ดังจะกลา่ วตอ่ ไปน้ี 1.1 พฒั นาการคอมพิวเตอรเ์ พอ่ื การศกึ ษาได้ 1.2 บทบาทคอมพิวเตอร์ทม่ี ีตอ่ การศกึ ษาได้ 1.3 ลกั ษณะการใช้คอมพิวเตอร์เพือ่ การศึกษาได้ 2
1.1 พัฒนาการคอมพิวเตอร์เพอ่ื การศึกษา ภาคเทคโนโลยีและสื่อการศกึ ษา (2557) ไดก้ ลา่ วถงึ การนําคอมพวิ เตอรม์ าใช้ใน วงการศกึ ษานนั้ ใน ต่างประเทศได้นํามาใช้นานแล้วตง้ั แต่ปลายปี ค.ศ. 1950 โดยเร่มิ นํามาใชใ้ นมหาวิทยาลัยหลายแหง่ ใน สหรฐั อเมริกาซึง่ ได้นํามาใชใ้ นด้านการบรหิ ารจดั การ เรยี นการสอน ตลอดจนการวิจยั การเรยี นการสอน ในปี ค.ศ. 1960 มหาวทิ ยาลัย Illinois ไดเ้ รม่ิ โครงการ PLATO (ย่อมาจาก Programmed Logic for Automatic-Teching Operations) เพื่อออกแบบคอมพวิ เตอรม์ าใช้ในการเรยี นการสอน และยังพัฒนา คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนในรายวชิ าตา่ งๆ ต้ังแตร่ ะดับอนบุ าลจนถึงบณั ฑติ วทิ ยาลัย รวมทง้ั การฝกึ อบรม ทางธุรกจิ และอตุ สาหกรรม ในปี ค.ศ. 1972 ไดม้ โี ครงการ TICCIT ของบรษิ ทั MitreCorporation ได้ เสนอ การเรียนการสอนโดยใช้คอมพวิ เตอรช์ ่วยในระบบมินิคอมพวิ เตอร์ ทําให้ผเู้ รียนสามารถ ควบคมุ การเรียนได้ด้วยตนเอง (Learner-Controlled)ช่วงกลางทศวรรษท่ี 1970 บรษิ ัท คอมพิวเตอร์ทง้ั หลาย ไดค้ ิดค้นปะดษิ ฐ์เครือ่ งไมโครคอมพิวเตอร์ข้นึ จนได้นํามาใชว้ ง การศึกษาอย่างแพรห่ ลาย เนอื่ งจากเครอ่ื ง มีขนาดเล็กลง และราคาก็ไม่สูงมากนกั จงึ ทําให้ มีการพฒั นาวจิ ยั การนาํ คอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการศกึ ษา อยา่ งไม่หยุดนงิ่ ประกอบกับ ววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ทพี่ ัฒนาใหง้ ่ายต่อการใช้งาน ประสทิ ธิภาพใน การประมวลผล สูง ขนาดเล็กลงคณุ ภาพของภาพเสียงมคี วามคมชัด และมีความเป็นจรงิ เสมอื นมากข้ึน จงึ เกิดนวตั กรรมข้นึ อีกหลายดา้ นทค่ี วรคา่ แก่การนาํ มาประยกุ ตใ์ ช้เพ่ือให้เกดิ การเรียนรใู้ น มนษุ ย์อย่าง ตอ่ เนือ่ งในปจั จุบัน คอมพวิ เตอร์ชว่ ยในระบบมนิ คิ อมพวิ เตอร์ ทําใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถ ควบคุมการเรยี นไดด้ ้วยตนเอง (Learner-Controlled)ช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 บรษิ ัท คอมพิวเตอรท์ ง้ั หลายได้คิดค้นปะดษิ ฐเ์ ครอ่ื ง ไมโครคอมพิวเตอรข์ น้ึ จนไดน้ าํ มาใชว้ ง การศึกษาอย่างแพร่หลาย เนอ่ื งจากเครอื่ งมขี นาดเลก็ ลง และ ราคากไ็ ม่สูงมากนัก จึงทําให้ มีการพฒั นาวจิ ยั การนาํ คอมพิวเตอรม์ าใช้ในการศึกษาอย่างไมห่ ยุดนิง่ ประกอบกับ ววิ ัฒนาการของคอมพวิ เตอรท์ ี่พฒั นาให้ง่ายต่อการใช้งาน ประสิทธิภาพในการประมวลผล สูง ขนาดเลก็ ลงคณุ ภาพของภาพเสยี งมีความคมชดั และมีความเปน็ จริงเสมอื นมากขนึ้ จึงเกดิ นวตั กรรม ขนึ้ อกี หลายด้านท่คี วรค่าแกก่ ารนาํ มาประยุกตใ์ ช้เพ่อื ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ใน มนษุ ยอ์ ยา่ ง ต่อเนื่องในปัจจบุ นั 3
1.2 บทบาทคอมพวิ เตอร์ท่มี ตี ่อการศึกษา 1. งานบริหาร (Administrative Application) ได้แก่ การใชค้ อมพวิ เตอร์เกย่ี วกบั การบรหิ ารองค์การ เชน่ งานการเงนิ บญั ชี พัสดุ ทะเบียน และสารบรรณ 2. งานหลกั สูตร (Curriculum Application) ได้แก่ การใชค้ อมพวิ เตอร์เก็บขอ้ มูล ต่าง ๆ เพอ่ื นาํ มา ปรบั ปรงุ หลักสูตร เชน่ ผลการเรยี น อตั ราส่วนระหวา่ งผู้เรยี นต่อครู 3. งานห้องสมดุ (Library Application) ไดแ้ ก่ การใช้คอมพวิ เตอร์ชว่ ยเพม่ิ ประสิทธิภาพในการบริการ ห้องสมดุ เช่น การคน้ หนังสอื แทนการใช้บตั รรายการ เปน็ ต้น 4. งานพฒั นาวชิ าชีพ (Professional Development Application) คอื การให้ ความรูเ้ กยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์แกค่ รูเพ่อื นํามาปรับปรุงการเรยี นการสอน 5. งานวิจยั (Research Application) ได้แก่ การใช้คอมพวิ เตอร์ช่วยในการเก็บ ผลการวเิ คราะห์ 6. งานแนะแนวและบรกิ ารพิเศษ (Guidance and Special Service Application) ได้แก่ การใช้ คอมพวิ เตอรเ์ พือ่ ชว่ ย ในการเก็บรายงาน ผลการเรยี นและ พฤติกรรมผู้เรยี น เป็นตน้ 7. งานทดสอบ (Testing Application) ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอรช์ ่วยสร้าง ข้อสอบ วเิ คราะหแ์ ละ ประเมินผลการเรยี น 8. สื่อการสอน (Instructional Aids Application) ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพวิ เตอร์ สือ่ ในการเรยี นการสอน 9. คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (Computer-Assisted Instruction) ไดแ้ ก่ การใช้ คอมพวิ เตอร์ในการสอน การฝึกหดั การแกป้ ญั หาโจทยว์ ชิ าตา่ ง ๆ 4
1.3 ลกั ษณะการใช้คอมพิวเตอร์เพ่อื การศึกษา สารานกุ รมไทยสำ�หรับเยาวชนฯ. (2557). ไดก้ ลา่ วถึงการใชค้ อมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาพอสังเขปดัง ต่อไปน้ี เทคโนโลยีคอมพิวเตอรไ์ ด้ถูกนาํ มาใชท้ ุกวงการโดย มกี ารพัฒนาอยา่ งตอ่ เน่ืองเรมิ่ ตัง้ แต่การ ใช้คอมพวิ เตอร์ขนาดใหญค่ อื ขนาดเมนเฟรม งาน สว่ นใหญเ่ ป็นงานคดิ คาํ นวณตัวเลขต่าง ๆ ต่อ มาฮารด์ แวร์คอมพิวเตอร์เรม่ิ เลก็ ลงเปน็ ขนาดมินคิ อมพวิ เตอรใ์ นขณะนั้นผู้ใชส้ ว่ นใหญ่ยังคงเปน็ โปรแกรมเมอร์ เมอ่ื มีการพฒั นา ไมโคร คอมพิวเตอร์ขึน้ มาทาํ ใหก้ ารใช้งานสามารถขยายขอบเขตของ การใช้มาเปน็ บุคคล ธรรมดาที่ไมใ่ ชโ่ ปรแกรมเมอร์มากขึ้นในขณะเดยี วกนั โปรแกรมสําเร็จรปู ตา่ ง ๆ กไ็ ด้ เกดิ และพฒั นาข้นึ มาใชง้ านควบคู่ไปกับไมโครคอมพวิ เตอร์ทาํ ให้การใช้งานคอมพิวเตอร์นนั้ ยิ่งขึ้น ไดแ้ ผ่กวา้ งไปสบู่ คุ คลในหลายอาชพี เพราะคอมพวิ เตอรม์ ศี ักยภาพในการทาํ งานมาก คอมพิวเตอร์ การศกึ ษา ตามนยั แล้วเป็นการนําคอมพิวเตอร์เพอ่ื ช่วยให้เกิดการ ในมนุษยด์ ังนนั้ ถา้ เทคโนโลยีและ นวตั กรรมใดก็ตามทม่ี คี อมพวิ เตอรเ์ ป็นสว่ นร่วม ช่วยก่อให้เกดิ กระบวนการเรียนรกู้ น็ ่าจะนบั ไดว้ ่าเปน็ คอมพิวเตอร์การศกึ ษา การนาํ คอมพิวเตอร์มาใช้เพือ่ การศกึ ษาสามารถแบง่ ตามลกั ษณะการนาํ ไปใช้ได้ ดังน้ี 1.3.1. คอมพวิ เตอร์เพ่อื การบรหิ ารการศกึ ษา 1) ระบบสารสนเทศเพอ่ื การบรหิ ารการศกึ ษา 2) การพัฒนาระบบสารสนเทศ 1.3.2. คอมพวิ เตอร์เพอ่ื การเรยี นการสอน 1) คอมพิวเตอรช์ ่วยจดั การเรยี นการสอน 2) คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 3) คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยการเรียนการสอน 4) คอมพวิ เตอรเ์ พื่อการนาํ เสนอเนอ้ื หา 1.3.3. คอมพวิ เตอร์ช่วยตดิ ตอ่ ส่อื สารและสบื คน้ 1.3.4. คอมพิวเตอร์เพือ่ การวิจยั 5
1.3.1. คอมพิวเตอร์เพอื่ การบริหารการศกึ ษา การบรหิ ารการศึกษา เป็นเรอ่ื งทมี่ ีความจาํ เป็นอยา่ งยิ่งทางดา้ นการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสถาบนั การศึกษา ทม่ี นี กั ศึกษาจาํ นวนมาก หรือมีวิชาจํานวนมากท่ี เปดิ ใหน้ กั ศึกษาเลอื กเรียนตามความถนัด และความต้องการ ดงั นนั้ ผบู้ รหิ ารการศึกษาจงึ มคี วามจําเป็นทจ่ี ะตอ้ งทราบขอ้ มูลต่างๆ เพ่ือใช้ในการ จัดเตรยี มงบประมาณ จัดเตรยี ม ห้องเรยี นได้ตามความต้องการ จัดครูหรืออาจารย์ผ้สู อนได้ตามความ ถนัดของผ้สู อน และ มีชวั่ โมงการสอนพอเหมาะทุกคน รวมท้ังการวิเคราะห์คา่ ใชจ้ า่ ยในแตล่ ะสาขาวิชา เพอ่ื ท่จี ะไดท้ ราบว่า ในปีต่อๆ ไป ถ้าเราจะผลติ นักศกึ ษาเหล่าน้นั จะต้องลงทุนอีกเทา่ ใด และถ้าเพ่ิม จํานวนนักศกึ ษาขนึ้ อีก จะมผี ลทาํ ใหต้ อ้ งเพม่ิ บุคลากร อาคาร หอ้ งเรยี น และ งบประมาณเปน็ เทา่ ใด นอกจากนยี้ ังสามารถพิจารณาได้วา่ วชิ าการประเภทใดบ้าง ท่ี นกั ศกึ ษาไมค่ อ่ ยนยิ มเรียน อาจจะต้องหา ทางชแ้ี จงให้นักศึกษาเขา้ ใจ หรือพิจารณาปิด วชิ าเหล่านน้ั โดยท่วั ไปแล้ว ในการนําคอมพิวเตอรม์ าใช้ ทางการบรหิ ารการศกึ ษาน้ันจะแบ่งขอ้ มูล ออกเป็น 5 ด้าน คือ ดา้ นนักศึกษา ด้านแผนการเรียน ดา้ น บุคลากร การเงิน และดา้ นอาคารสถานทแ่ี ละอปุ กรณ์ 1. ข้อมูลด้านนกั ศกึ ษา เป็นขอ้ มลู ที่เกย่ี วกบั ประวัตสิ ่วนตัวของนักศกึ ษาวา่ เมือ่ ใด ทีไ่ หน ช่ือบดิ ามารดา อาชีพบิดามารดา เคยเรยี นมาจากทไ่ี หนบา้ ง เปน็ ตน้ 5 สว่ นหนง่ึ เป็นประวัติการศึกษาในระหวา่ งศึกษา อยู่ ณ สถาบันนน้ั ๆ วา่ เคยลงทะเบียน เรยี นวิชาอะไร ผลการศึกษาเป็นอยา่ งไรในแตล่ ะภาคการศึกษา เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มูลดังกล่าว ครบถ้วน สว่ นใหญเ่ ขาจะนยิ มใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยในงานลงทะเบยี น 2. ข้อมูลด้านแผนการเรยี น เปน็ ขอ้ มูลท่เี ก่ียวกับวิชาทเ่ี ปดิ สอนวา่ แต่ละวชิ ามี รหัสช่ือวชิ า หน่วยกิต เวลาเรยี นและสอนท่ไี หน และวิธสี อนเป็นบรรยาย หรือปฏิบตั ิ เปน็ ต้น 3. ขอ้ มูลด้านบุคลากร เป็นข้อมูลที่เก่ียวกบั ครูผสู้ อนวา่ มวี ุฒอิ ะไร มาจากทไ่ี หน เพศหญิงหรือเพศชาย สอนวิชาอะไรบา้ ง กําลังวิจัย หรือเขยี นตาํ ราเรือ่ งอะไรและเงนิ เดือนเท่าใด เป็นต้น 4. ขอ้ มลู ดา้ นการเงนิ เปน็ ข้อมูลทส่ี ถานการศึกษาน้นั ได้รบั เงินจากอะไรบ้าง ได้ ใช้เงนิ เหลา่ นัน้ แตล่ ะ เดอื นเท่าไร ใช้ซอ้ื อะไรบา้ ง และยังเหลือเงินอยูเ่ ปน็ จํานวนเทา่ ใด เปน็ ต้น 6
5. ขอ้ มลู ด้านอาคารสถานทแี่ ละอุปกรณ์ เปน็ ขอ้ มลู ท่ีเก่ียวกับอาคาร หอ้ งแตล่ ะ หอ้ งเป็นห้องปฏบิ ตั กิ าร หรือหอ้ งบรรยาย ห้องพักนกั ศกึ ษา หอ้ งทาํ งาน ความจุของแตล่ ะ หอ้ ง มีโตะ๊ และเก้าอ้ีกี่ตวั ขนาดห้อง กวา้ งและยาวเท่าใด และในแต่ละหอ้ งมีอปุ กรณ์ เครือ่ งมอื อะไรบ้าง เป็นต้น รปู แบบการ จาํ แนก การเก็บรวบรวม และพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการ จากขอ้ มลู เพ่อื การบริหารการศึกษาข้างตน้ น้นั เราสามารถนาํ เอาข้อมลู มาวเิ คราะห์และดาํ เนินการจดั ทาํ ระบบฐานขอ้ มลู เพอ่ื ใชใ้ นระบบบริหารการศึกษา หรือที่ อยกว่าระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการ ศกึ ษานน้ั เอง 1) ระบบสารสนเทศเพ่ือการบรหิ ารการศกึ ษา ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจดั การโรงเรยี น มี วัตถปุ ระสงคใ์ นการจดั ทาํ ข้ึน เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาในการบรหิ ารจัดการโรงเรียน โดยระบบสารสนเทศจะต้อง ตอบสนอง แสดงผลสรุป สถิติข้อมลู เพอ่ื สนับสนนุ ผู้บริหารโรงเรียน ในการแกไ้ ขปัญหาอย่าง ทันทว่ งที ต้องมีหน้าตาและการใชง้ านท่ีเรียบงา่ ย ไมซ่ บั ซอ้ น มคี วามแมน่ ยาํ ลดคน ลดกระดาษ ได้รับความเชือ่ ถือ ยอมรับทั้งจากผู้ใช้งาน คณะครู ผบู้ ริหาร และนกั เรียน/ นักศกึ ษา ทั้งยงั ตอ้ งครอบคลมุ การบรหิ าร จดั การทกุ ดา้ นของการบริหารโรงเรยี น ปัจจุบัน ได้พฒั นาให้สอดคลอ้ งต่องานประกนั คณุ ภาพ สมศ. โดย สามารถจดั พิมพเ์ ป็นรายงาน SAR ประจําปกี ารศกึ ษา ตามขอ้ กาํ หนดของ สช. ได้อย่างถกู ตอ้ ง ในการพัฒนาระบบสารสนเทศ Management Information System School (Mis-School) นใี้ ช้เวลา มากกว่า 5 ปี และผา่ นการทดลองใช้รว่ มกันหลายโรงเรียน เพ่อื พัฒนาความยืดหย่นุ ในแงข่ องความแตก ตา่ ง ของโรงเรียนแต่ละโรง ทาํ ให้มคี วาม นา่ เชอ่ื ถอื มากกว่าการจ้างโปรแกรมเมอร์ มาเขยี นโปรแกรม ใหโ้ รงเรยี น ซ่ึงเป็นปญั หาของ หลายโรงเรียน ทงั้ เร่อื งของการใชร้ ะยะเวลาในการพัฒนามาก และยัง ต้องทดลองใชเ้ พ่ือ แกไ้ ขบคั ของโปรแกรม อกี ทั้งวันดี คืนดี โปรแกรมเมอร์ลาออก หรือสอบไดท้ ่ีอืน่ ถูก ซอื้ ตัว ไป ทงิ้ งานไป สรา้ งความปวดเศียร เวยี นเกลา้ ให้กับผูบ้ ริหารและเจ้าของโรงเรียนเป็น อย่างยงิ่ โปรแกรมที่มคี วามซับซอ้ นขนาดใหญข่ องโรงเรียน ทางเราไมข่ อแนะนาํ ใหจ้ า้ ง โปรแกรมเมอร์เขยี นเอง ดงั เหตุผลขา้ งต้น การบริหารงานที่ประสบผลสาํ เร็จได้ผลงานทม่ี ีประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ล ผ้บู รหิ าร จําเป็นต้องเอาการบริหารเชงิ ระบบมาใช้ การจัดระบบสารสนเทศถอื เปน็ กุญแจ นาํ ไปสู่ความสาํ เร็จอยา่ ง หน่งึ จากการทําวิจัยสภาพและปัญหาการใชร้ ะบบuสารสนเทศ เพื่อการบรหิ ารของผู้บรหิ ารโรงเรยี น พบ วา่ ผู้บรหิ ารและผู้ปฏิบตั ิงานมีความรูเ้ กี่ยวกับ ระบบสารสนเทศดว้ ยตนเอง ฝา่ ยวิชาการเปน็ ผใู้ ช้ระบบ สารสนเทศเพ่อื การบรหิ ารมาก ทีส่ ดุ ส่วนใหญไ่ มม่ ีการเชือ่ มโยงระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์กับภายนอก รูปแบบการ จําแนก การเก็บรวบรวม และพัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในการวิเคราะหบ์ อนมอง การ นาํ เสนอข้อมูลและสารสนเทศยังมกี ารใช้ระบบคอมพิวเตอรเ์ ปน็ สว่ นน้อย ปญหากค็ อื ขาด แคลนบุคลา การทมี่ คี วามรู้ อปุ กรณ์เคร่อื งมอื ล้าสมยั และไมเ่ พยี งพอ โรงเรยี นแตล่ ะแห่งมี แนวทางปฏบิ ตั แิ ตกตางกัน ระบบสารสนเทศเพ่อื การบริหารไม่เป็นมาตรฐานเดยี วกนั 7
การจัดระบบสารสนเทศมีความสาํ คญั ต่อการบริหารและการดําเนินงานของ สถานศกึ ษาโดยเฉพาะงาน ดา้ นวชิ าการซึง่ จัดเป็นหัวใจของงานดา้ นการศึกษาผ้ปู กครอง และหน่วยงานตา่ งๆ ใหค้ วามสนใจและ ต้องการทราบข้อมลู ท่ถี กู ต้องรวดเร็ว เช่อื ถือได้ ดังนั้นการจดั ระบบงานสารสนเทศภายในสถานศึกษาจงึ เปน็ สงิ่ จําเปน็ อยา่ งย่ิง เพราะ จะต้องใชข้ อ้ มูลท่ีเปน็ ระบบ ทนั สมัย ครบถ้วน เปน็ ปจั จุบัน ผวู้ ิจัยจงึ ทาํ การ ศึกษาการ จดั ระบบสารสนเทศของสถานศกึ ษาเพอื่ เป็นข้อมลู ทีจ่ ะใชใ้ นการพฒั นาระบบสารสนเทศ ของ สถานศกึ ษาใหม้ ีประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล มมี าตรฐาน 1.บุคลากร การเตรยี มบคุ ลากรให้พรอ้ มท้ังผู้บรหิ าร ครูอาจารย์ และนกั คโนโลยี เป็นสงิ่ สําคญั ต่อการ สรา้ งและพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยจะตอ้ งสรา้ งเจตคติ ที่ดีตอ่ ระบบสารสนเทศ และพฒั นาบุคลากร ใหม้ คี วามร้แู ละทกั ษะดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศโดยการพฒั นาตนเอง และจัดการฝกึ อบรม 2.การวางแผน ต้งั คณะทํางานวางแผน การสร้าง และการพัฒนาระบบ สนเทศ ทงั้ ระยะสน้ั และระยะยาว ตลอดจนแหล่งสนับสนนุ ตา่ ง ๆ โดยคณะทํางานอาจ ประกอบด้วย ผูบ้ รหิ าร ครูอาจารย์ นกั ออกแบบ ระบบ และผ้เู ชี่ยวชาญจากภายนอก แลว้ นาํ แผนเสนอคณะกรรมการสถานศกึ ษาให้ความเห็นชอบ 3.งบประมาณ เตรียมการด้านเงนิ งบประมาณทจ่ี ะใช้ในการสร้าง พัฒนาระบบ สารสนเทศ และการ พฒั นาบุคลากร ตลอดจนการปรบั ปรงุ ในอนาคต หากสถานศกึ ษามี งบประมาณจาํ กดั อาจต้องพิจารณา แหลง่ สนบั สนนุ ทัง้ เงนิ เครื่องคอมพิวเตอร์ และ อปุ กรณ์ประกอบจากแหล่งตา่ ง ๆ เพอื่ ใหก้ ารพฒั นา ระบบสารสนเทศบรรลุผลตามแผนที่ วางไว้ 2.) การพฒั นาระบบสารสนเทศ การพฒั นาระบบสารสนเทศเพอ่ื ใชใ้ นสถานศกึ ษาด้านต่าง ๆ การพฒั นา ระบบ สารสนเทศเพอ่ื ใชใ้ นสถานศกึ ษาดา้ นต่าง ๆ ทั้งงานวิชาการ งานกิจการนักเรียน งาน บุคลากร งานธรุ การ การเงนิ พสั ดุ และครภุ ณั ฑ์ งานอาคารสถานที่ และงานชุมชน งาน แตล่ ะงานจะเกยี่ วขอ้ งกบั บคุ ลากรทง้ั ในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ดังนี้ 1. ระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในงานวิชาการ ระบบสารสนเทศสาํ หรบั งานวชิ าการ จะมขี ้อมลู สารสนเทศ เก่ียวกบั หลักสตู ร แผนการเรยี นการสอน คมู่ อื สือ่ การเรียนรู้ ตารางสอน และผลการเรยี นของ ผู้เรยี นทุก วิชา สามารถนํามาใชป้ ระเมินผลได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ นอกจากนี้อาจมี CD-ROM บทเรยี นสาํ เร็จรปู และความรู้ต่าง ๆ เพ่อื เสรมิ การเรียนรู้ด้วยตนเอง ครูสามารถเรยี กใชข้ อ้ มูลทางวชิ าการได้ตลอดเวลา 2. ระบบสารสนเทศเพอ่ื ใช้ในงานกิจการนกั เรียน ระบบสารสนเทศสำ�หรั กจิ การนกั เรียน จะมที ะเบียน ผเู้ รียน มีขอ้ มลู สารสนเทศเกยี่ วกบั ประวัติผเู้ รียนทกุ คน ความสนใจ ความถนัด ความประพฤตลิ ักษณะ นิสยั ฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพ การกระทําความดี การกระทําความผดิ ปญั หาด้านสขุ ภาพ ปญั หาครอบ หารายได้พเิ ศษ สถติ กิ ารมาเรยี น สถานท่อี ยอู่ าศยั ชื่อและทอ่ี ย่ขู องผปู้ กครอง และชอื่ เพอื่ นสนทิ ตลอด จนปญั หาและความต้องการของผู้เรยี น ซึง่ สามารถน�ำ มาใช้ประโยชนใ์ นการบริหารงานกิจการนกั เรียน ทง้ั การให้บรกิ ารและสวสั ดกิ ารแกผ่ เู้ รียนผู้ปกครองเพือ่ ชว่ ยเหลือแก้ปญั หา และพฒั นาผูเ้ รียน ครูอาจารย์ ผู้เรียน เพ่อื นํามาใชใ้ นการใหค้ าํ ปรกึ ษา แก้ปญั หา และพฒั นาผเู้ รียน 8
3. สนเทศเพอใช้ในงานบุคลากร ระบบสารสนเทศสาํ หรับงาน ประวัติครูและบุคลากรในสถานศกึ ษาทุกคน มขี อ้ มลู สารสนเทศ ประวตั สิ ่วนตัว ประวตั ิการศกึ ษา ประวัติการฝกึ อบรม ประวัตกิ ารทาํ งาน ประวตั ิเงินเดอื น และสวสั ดกิ าร ความถนดั ความสนใจ และ ความสามารถพิเศษ ตลอดจนอตั รากําลงั คนใน ปัจจุบันและแผนกาํ ลังคนในอนาคต สามารถนาํ สารสนเทศนม้ี าใช้ประโยชน์ในการ บรหิ ารงานบคุ คลใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพสูง ทงั้ การสรรหา การพฒั นา การรกั ษาไว้ และการ ใชป้ ระโยชน์จากบคุ ลากร 4. ระบบสารสนเทศเพือ่ ใชใ้ นงานธรุ การ การเงนิ พัสดุ และครภุ ัณฑ์ ระบบ สารสนเทศสาํ หรบั งานธรุ การ การเงนิ พัสดแุ ละครภุ ัณฑ์ จะมีขอ้ มลู สารสนเทศเกี่ยวกบั ระเบยี บขอ้ บงั คับการปฏบิ ัติงาน แบบฟอร์ม งานสารบรรณทะเบยี นหนงั สอื รา รายงานการประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษา รายรบั รายจา่ ยเงนิ งบประมาณแล งบประมาณ การเบิกจา่ ยเงนิ การจัดซอื้ จัดจ้าง การเบกิ จ่ายพสั ดุ ทะเบยี นครภุ ัณฑ์ สา มารถนําสารสนเทศนี้ มาใช้ประโยชน์ในการบริหารงานธรุ การและการเงินให้มปี ระสทิ ธิภาพสูงสุดทั้ง การวางแผนงบประมาณให้เกดิ ประโยชนส์ ูงตอ่ การ ตอ่ การพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รียน และการอาํ นวยความ สะดวกรวดเรว็ ในการใหบ้ ริการแก่บุคลากรภายในสถานศกึ ษา ตลอดจนบคุ คลและหนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง 5.ระบบสารสนเทศเพอื่ ใชใ้ นงานอาคารสถานที่ ระบบสารสนเทศสาํ หรับงาน อาคารสถานทีจ่ ะมขี ้อมลู สารสนเทศเกีย่ วกบั แผนผงั อาคารและบริเวณ รายการห้องต่าง ๆ เชน่ ห้องทํางาน ห้องประชุม หอ้ งเรยี น ห้องปฏบิ ตั ิการ หอ้ งสมุด หอ้ งส่อื การเรยี น ห้องอาหาร ห้องกฬี าในร่ม ฯลฯ ตารางและสถิติการใช้ หอ้ ง ประวตั กิ ารซ่อมบํารุง แผนการ สรา้ งอาคารและตกแต่งบรเิ วณ ซ่ึงสามารถนาํ สารสนเทศน้ี มาใช้ ประโยชนใ์ นการ บริหารงานอาคารสถานที่ ทงั้ ด้านการวางแผนในอนาคต การจดั สภาพแวดล้อม และ ใช้ อาคารสถานที่เพ่ือประโยชน์ต่อการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ตลอดจนการใชป้ ระโยชน์อยา่ ง คมุ้ คา่ และ ประหยัด 6.ระบบสารสนเทศเพื่อใช้ในงานชุมชน ระบบสารสนเทศสาํ หรับงานชมุ ชน จะมี ข้อมูลสารสนเทศเกย่ี ว กบั แผนท่แี สดงท่ีตงั้ สถานศึกษาและสถานท่ีอ่ืน ๆ ที่ใกล้เคียง แผนผังชุมชนรอบสถานศกึ ษา แหล่งเรยี น รู้ในชุมชน ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น บคุ คลสําคัญใน ชมุ ชน สภาพปัจจุบัน ปัญหา และความตอ้ งการของชมุ ชน ท้งั ด้านเศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม และประเพณี รวมท้งั สรา้ ง Website ของสถานศกึ ษา 9
1.3.2. คอมพิวเตอรเ์ พ่อื การเรียนการสอน การนาํ คอมพิวเตอรม์ าใช้ในวงการศึกษาในการชว่ ยผู้สอนทํา การสอนนนั้ เรียกวา่ การสอน Computer - Based instruction (CBI) หรอื “การสอนให้ คอมพวิ เตอร์ช่วยการสอน Com- puter - Based Ins/ คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ ฐาน” บางครัง้ ก็เรยี กวา่ คอมพิวเตอร์ชว่ ยการเรียนรู้ Computer – Based commputer - Aided Learning (CBL) na Computer - Assisted Learning 150 com- put Learning (CAL) ซ่งึ สามารถแบ่งได้ 3 ลกั ษณะใหญด่ ังนี้ 1), คอมพวิ เตอร์ช่วยจัดการการสอน Computer-Managed Instruction (CMI) คอมพิวเตอร์ ช่วยจดั การการสอนหมายถึงการนาํ เอาคอมพิวเตอร์มาชว่ ยควบคมุ กระบวนการเรียนการสอนใหม้ ี ประสิทธิภาพมากขึน้ โดยเนน้ ที่การจัดการการนาํ เสนอ ความรสู้ ือ่ และกจิ กรรมการเรยี นใหส้ อดคล้องกบั ความต้องการความสามารถและความ ถนดั ของผูเ้ รยี นแต่ละคน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการเรียนการสอน เป็นการเรียนการสอน เป็นการ จดั การสอนทางคอมพวิ เตอรซ์ ่ึง เป็นการนำ�มาใชน้ าํ มาใชใ้ นการ วเิ คราะห์ความต้องการลักษณะ ของผเู้ รยี นตลอดจนความสามารถ และความถนดั ของผูเ้ รยี นแต่ละ คนหลงั จากที่คอมพวิ เตอร์ วิเคราะหข์ ้อมูลเหลา่ นีแ้ ลว้ กจ็ ะ จดั สถานการณ์ หรอื กิจกรรมการ เรยี นการสอนให้เหมาะสมกบั ผเู้ รยี นแตล่ ะคนและเปิดโอกาสให้ ผ้เู รยี นได้เรียนรตู้ ามความสามารถ ในการนําเสนอกิจกรรมการเรียนนั้น นอกจากใชโ้ ปรแกรมบทเรียนคอมพิวเตอร์ใน ใช้สอ่ื อ่นื ประกอบ ไปดว้ ย เชน่ หนงั สือเรยี น การพบผูส้ อน ทําแบบฝึกหดั ซึง่ แตล่ ะสือน้ันจะตอ้ งระบุดว้ ยวา่ ครอบคลมุ วตั ถปุ ระสงคข์ อง บทเรียนในวตั ถปุ ระสงค์ใดบา้ งและจะต้องเรียนจนครบวัตถปุ ระสงค์ 2) คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน Computer-Assisted Instruction หรือ Computer-Aided Instruction (CAI) คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน เปน็ การนาเอาคอมพิวเตอร์มา เสนอการเรยี นการสอนในลักษณะของการ ผสมผสานระหวา่ งเนือ้ หา (Content) โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ (Software) และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) ทมี่ ลี ักษณะการสอนแบบ โปรแกรม (Programmed Instruction) เพือ่ ช่วยการสอนของ ครทู ัง้ หมดหรือบางสว่ น อาจจะเปน็ ส่อื หลกั หรอื สอ่ื เสรมิ ซง่ึ เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนเรยี นตามความต้องการ ระดบั ความสามารถ และมปี ฏสิ มั พันธก์ ับบทเรยี นได้ดว้ ยตนเอง ในปัจจุบนั จะมกี ารนําเอาเทคโนโลยีสือ่ ประสม(Multimedia)เข้ามารว่ มดว้ ยทาํ ให้บทเรยี นแพรห่ ลายมากขน้ึ 10
2) คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน Computer-Assisted Instruction หรอื Computer-Aided Instruction (CAI) คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน เปน็ การนาเอาคอมพวิ เตอรม์ า เสนอการเรยี นการสอนในลกั ษณะของการ ผสมผสานระหวา่ งเนอ้ื หา (Content) โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ (Software) และอปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) ทม่ี ีลักษณะการสอนแบบ โปรแกรม (Programmed Instruction) เพือ่ ช่วยการสอนของ ครทู ้งั หมดหรือบางสว่ น อาจจะเปน็ ส่อื หลักหรือส่ือเสรมิ ซงึ่ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเรยี นตามความต้องการ ระดบั ความสามารถ และมีปฏสิ ัมพนั ธ์กับบทเรยี นได้ดว้ ยตนเอง ในปัจจุบันจะมกี ารนําเอาเทคโนโลยสี อ่ื ประสม(Multimedia)เขา้ มาร่วมดว้ ยทาํ ใหบ้ ทเรยี นแพร่หลายมากขึ้น 3) คอมพิวเตอรช์ ่วยการเรียนการสอน Computer-Based Learning Aids ZCBLA) เปน็ การใช้ คอมพิวเตอรเ์ ปน็ อปุ กรณห์ รอื เคร่ืองมือชว่ ยการเรียนการสอน ในลักษณะการนาเสนอเน้ือหา (Presentation) การสร้างสอ่ื การสอนและการสร้าง ฐานข้อมลู บนคอมพิวเตอร์ 4). คอมพวิ เตอร์เพอ่ื การนาํ เสนอเนอื้ หา เป็นการนาํ คอมพิวเตอรม์ า ช่วยในการบรรยายหรอื การนํา เสนอเน้อื หาใหน้ ่าสนใจมากขนึ้ โดย อาศยั เทคโนโลยีสือ ประสม ที่เสนอ ท้ังขอ้ ความ ภาพ และเสยี ง และต้อง อาศัยอปุ กรณ์แสดงผลเพิ่มเติมเช่น จอ โทรทศั น์ทีม่ จี อภาพขนาดใหญ่ หรอื LCD Projector เพื่อขยายสญั ญานภา พฉายไปบน จอภาพการสร้างส่อื การ สอน เปน็ การน�ำ คอมพวิ เตอร์มาชว่ ย ผใู้ นการพิมพ์เอกสารประกอการสอน คมู่ อื การใชง้ าน ผลติ แผน่ โปร่งใส หรอื สร้างสอื่ การสอนรปู แบบอ่นื ๆการสร้าง ฐานข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ เปน็ การนาํ คอมพวิ เตอร์มาชว่ ยเกบ็ ขอ้ มูลตา่ งๆ เชน่ ทําบรรณานุกรม สารานุรม พจนานกุ รม เปน็ ตน้ 1.3.3. คอมพวิ เตอรเ์ พ่อื การตดิ ตอ่ สอ่ื สารและสืบคน้ คอมพิวเตอรเ์ พื่อการตดิ ตอ่ สือ่ สารและสืบค้น เปน็ การนําคอมพิวเตอร์มาช่วย ผสู้ อน ผ้เู รียนผบู้ รหิ าร บุคลากรทางการศกึ ษา ตลอดจนผ้สู นใจท่ัวไปที่ตอ้ งการศึกษาหา ความรู้ แลกเปลี่ยนขา่ วสาร การวจิ ยั ขอ้ คิดเห็นซึ่งกันและกันทั้งในสถาบนั เดยี วกนั ต่างสถาบนั ทว่ั โลก โดยการเชือ่ มต่อเป็นเครือขา่ ย (Network) เช่น LAN WAN Intranet Internet ปัจจุบนั เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ทเี่ ชือ่ มโยงท่ัวโลก คอื Internet 11
1.3.4. คอมพิวเตอร์เพอ่ื การวิจยั คอมพวิ เตอร์เพือ่ การศกึ ษาในสว่ นคอมพิวเตอรเ์ พ่ือการวิจัยน้ัน มสี ่วนชว่ ย อาํ นวยความสะดวกตา่ งๆ ใน งานวจิ ัยเปน็ อยา่ งมากไม่วา่ จะเป็นการวิเคราะห์และ ประมวลผลข้อมลู ทางสถติ ิ อาทิโปรแกรมสถิตติ า่ งๆ เช่น SPSS, Epinfo, LISREL นอกจากน้จี ากนี้ยังช่วยอาํ นวยการจัดการอีกหลายด้าน เช่น ช่วยในการเก็บ รวบรวมขอ้ มลู ใช้ในการ สรปุ รวบยอดความคดิ ใช้ในการนําเสนอข้อมลู วจิ ัย ใชใ้ นการ แลกเปล่ยี นไฟล์และสง่ ขอ้ มลู ทางวชิ าการ ผ่านระบบ Cloud ช่วยในการแปลเอกสาร ต่างประเทศ ใชใ้ นการหาหนังสอื หรือข้อมูล e-Book วารสาร และสารสนเทศต่างๆ ใชใ้ น การติดต่อสอื่ สารและสรา้ งสงั คมออนไลน์ ดงั จะกล่าวตอ่ ไปนี้ 1. ชว่ ยในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยลกั ษณะการใชแ้ บบสอบถามออนไลน์ ซึ่ง ในปจั จุบันมีหลายเวบไซต์ ให้บริการในการสรา้ งแบบสอบถามออนไลน์ได้ อย่างเช่น Surveymonkey.com Esurveyspro.com หรอื Polldaddy.com เว็บไซต์เหลา่ นี้ นักวิจยั สรา้ งแบบสอบถามไดฟ้ รี แตว่ ่าจะไม่ยอมให้คณุ export ข้อมูลออกมาขอ้ มลู ออกมาแบบฟรๆี แต่ถ้า นกั วิจยั ตอ้ งการแบบฟรี อาจใช้บริการของ GoogleDoc ก็ได้ 2. ใช้ในการสรุปรวบยอดความคดิ สร้าง Concept ในการวจิ ัย เชน่ แผนทคี่ วามคิด Mind Map, Mind- Helper เปน็ ต้น 12
3. ใชใ้ นการนําเสนอข้อมูลวจิ ยั ที่น่าสนใจและน่าดงึ ดูด เชน่ การใช้ Pages หรอื Keynote, Ms Power- Point ช่วยในการนําเสนอรายงานการวจิ ัยในท่ปี ระชมุ วิชาการต่างๆ การใช้โปรแกรม Adobe Illustra- tor ในการสรา้ งโปสเตอร์นําเสนอการวจิ ยั ทส่ี วยงามนา่ ดงึ ดูด 4. ใชใ้ นการแลกเปล่ยี นไฟลแ์ ละสง่ ขอ้ มูลทางวชิ าการผ่านระบบ Cloud ซง่ึ ระบบ Cloud Application นี้ มมี าสักระยะหนึง่ แล้ว นกั วจิ ยั อาจใช้ DropBox, iCloud ในการ แลกเปลยี่ น Material ในการวจิ ยั สง่ ผ่านขอ้ มลู ระหว่างทมี วจิ ัย และประโยชน์อนื่ ๆ 5. ชว่ ยในการแปลเอกสารตา่ งประเทศ ซ่งึ ในสมยั ก่อนนกั วิจยั ไทยบางคนอาจมี อุปสรรคในการอ่าน Journal หรอื Text ภาษาต่างประเทศ แต่ในปัจจุบนั ด้วยเทคโนโลยี แปลภาษาทม่ี มี ากมาย และมคี วาม ถกู ต้องในการแปลมากย่ิงขึน้ เช่น Google Translate ทาํ ให้นักวิจัยสามารถอ่านหนังสอื และบทความ ตา่ งประเทศดีๆได้เขา้ ใจและมีประสิทธภิ าพมากข้นึ 13
6. ใช้ในการหาหนังสอื e-book ดๆี ซงึ่ ในสมัยกอ่ นการอ่าน TextBook ดๆี สัก เล่มเปน็ เร่อื งทยี่ ากและ สน้ิ เปลอื งค่าใชจ้ ่ายทีส่ ูง ในปัจจบุ ัน ถ้านกั วิจัยรจู้ ักการใช้ e-Book - Google การดาว์นโหลด หนงั สือดีๆ ไมใ่ ชเ่ ร่ืองยากอีกต่อไป นอกจากนฐ้ี านขอ้ มลู ทางวชิ าการดีๆท่ฟี รี เช่น Google Scholar ก็ยงั เปดิ โอกาส ให้นักวจิ ัยสามารถเข้าไปใช้ขอ้ มลู ท่ี เปน็ ประโยชนจ์ าก google ได้ 7. ใช้ในการติดต่อส่ือสารและสรา้ งสังคมออนไลน์ นกั วจิ ัยสามารถใช้โปรแกรม เพือ่ สร้างสงั คมการสอ่ื สาร วจิ ัยออนไลนด์ ้วย Application ต่างๆ มากมาย เช่น Facebook, Twitter, Line ซ่งึ โปรแกรมต่างๆเหลา่ นี้ ทาํ ให้ผวู้ จิ ยั สามารถส่ือสารกบั ผ้ชู ว่ ยวจิ ยั นกั วทิ ยาศาสตร์ ผ้เู ชย่ี วชาญ และเจา้ หนา้ ท่ีทเี่ กยี่ วข้องกับ งานวิจัยได้รวดเรว็ และมี ประสทิ ธภิ าพมากย่งิ ขน้ึ 14
15
บทท่ี 2 คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน จากสาระตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 กล่าว 5.ถึงสอ่ื การเรยี นการสอน ที่นบั ว่าเปน็ ปัจจยั สําคญั อยา่ งยิ่ง อันท่จี ะสง่ เสริมและสนบั ส ให้ผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลางการเรียนรทู้ ผี่ เู้ รยี น เปน็ สําคญั สอ่ื การเรยี นการสอนประเภท คอมมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน” นับวา่ เปน็ สอ่ื ประเภทหน่งึ ทใี่ ห้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสง เน่อื งจาก คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนมคี ณุ สมบัตใิ นการนําเสนอไดห้ ลากหลาย และยังเป็น เครอื่ งมอื เป็นทช่ี ่วยเพิม่ ความนา่ สนใจใหแ้ ก่ผ้เู รยี น 2.1 ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนได้ 2.2 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้ 2.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนได้ 2.4 โครงสรา้ งของบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนได้ 2.5 องค์ประกอบบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (CAI) ได้ 2.6 สว่ นประกอบบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI) ได้ บทเรียนตัวอย่างคอมพิวเตอรช์ ว่ ยการสอน 18
2.1 ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ ซีเอไอ (CAI) มผี ู้ สรุปความหมายไว้ คล้ายคลึงกนั หลายความหมาย ดังต่อไปน้ี คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนหรอื โปรแกรมชว่ ยสอน คอื สอ่ื ท่ใี ช้ในการเรียนการสอน อนั หนง่ึ ง CAI คลา้ ยกบั ส่อื การสอนอน่ื ๆ เชน่ วดิ ีโอชว่ ยสอน บัตรคําช่วยสอน โปสเตอร์ แตค่ อมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนจะดีกวา่ ตรงที่ ตัวสอ่ื การสอน ซง่ึ กค็ ือคอมพิวเตอร์น้นั สามารถ โต้ตอบกับนักเรยี นได้ ไมว่ า่ จะเปน็ การรบั คาํ สัง่ เพือ่ มา ปฏบิ ตั ิ ตอบคาํ ถามหรือไมเ่ ช่นนั้น คอมพวิ เตอร์กจ็ ะเป็นฝา่ ยป้อนคาํ ถาม (นัยนา เอกบรู ณวฒั น์, 2539) คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน Computer Assisted Instruction (CAI) หมายถึง ประยกุ ตน์ ําคอมพวิ เตอรม์ า ช่วยในการเรยี นการสอน โดยมีการพฒั นาโปรแกรมท่ี นาํ เสนอเนอ้ื หาในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ การเสนอ แบบตวิ เตอร์ (Tutorial) แบบจําลอง สถานการณ์ (Simulations) หรือแบบการแกไ้ ขปัญหา (Problem Solving) เปน็ ต้น การ เสนอเนอื้ หาดังกลา่ วเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผเู้ รยี นผ่านทางจอภาพหรือแปน้ พิมพ์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้มีสว่ นร่วม วัสดุทางการสอนคือโปรแกรมหรอื Courseware ซึ่ง ปกติ จะถกู จดั เก็บไว้ในแผ่นดสิ กห์ รอื หนว่ ยความจาํ ของเคร่ืองพร้อมท่จี ะเรยี กใช้ได้ ตลอดเวลา การเรยี นใน ลักษณะน้ี ในบางคร้งั ผู้เรียนจะต้องโตต้ อบ หรอื ตอบคาํ ถามเครือ่ ง คอมพิวเตอร์ดว้ ยการพิมพ์ การตอบ คําถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์ และจะ เสนอแนะขน้ั ตอนหรอื ระดบั ในการเรียนข้ันตอ่ ๆ ไป กระบวนการเหลา่ นเี้ ป็นปฏิกิริยาที่ เกิดขนึ้ ระหว่างผเู้ รียนกบั คอมพวิ เตอร์ (ศริ ชิ ยั สงวนแกว้ , 2534) คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนหรือ CAI คือ การนาํ คอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนโดยใช้ โปรแกรมการเรยี น การเรยี นการสอนทผ่ี า่ น คอมพวิ เตอร์ประเภทใดก็ตาม กลา่ วไดว้ า่ เป็น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรอื CAI มคี าํ ทใี่ ชใ้ น ความหมายเดยี วกนั กับ CAI ไดแ้ ก่ Computer-Assisted Learning (CAL) , Computer-Aided instruction computer-Aided Learning (CAL) เป็นต้น (Hannafin & Peck, 1988: 221) คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน หรือบทเรยี นซเี อไอ (Computer-Assisted Instruction, Computer-Aided instruction : CAI) คอื การจัดโปรแกรมเพอ่ื การเรยี นการสอนโดยใช้ คอมพวิ เตอรเ์ ป็นสือ่ ช่วยถ่ายโยงเนอ้ื หาความรู้ไปส่ผู ูเ้ รยี น และปจั จุบนั ได้มีการ บญั ญตั ิศัพท์ทีใ่ ช้เรียกสอ่ื ชนิดนว้ี า่ “คอมพิวเตอรช์ ว่ ยการสอน” (วุฒิชยั ประสารสอน 2543) 19
จากความดังกล่าว สามารถสรปุ ความหมายของ “คอมพิวเตอร์ชว่ ย สอน” หรอื CAI คอื การนํา คอมพวิ เตอร์มาเป็นเคร่ืองมอื สรา้ งให้เปน็ โปรแกรม คอมพวิ เตอร์เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นนําไปเรยี นด้วยตนเองและ เกิดการเรยี นรู้ในโปรแกรมประกอบ ไปดว้ ย เนอ้ื หาวชิ า แบบฝกึ หัด แบบทดสอบ ลกั ษณะของการนาํ เสนอ อาจมีทง้ั ตัวหนังสือ ภาพกราฟฟกิ ภาพเคลือ่ นไหว สหี รือเสยี ง เพ่ือดึงดดู ให้ผ้เู รียนเกดิ ความสนใจ มากยง่ิ ขน้ึ รวมทั้งการแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทดี ว้ ยข้อมลู ยอ้ นกลบั (Feedback) แก่ผู้เรยี น และ ยังมีการจดั ลําดบั วิธกี ารสอนหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผ้เู รียนในแต่ละ คน ทั้งนจ้ี ะต้องมี การวางแผนการในการผลิตอย่างเปน็ ระบบในการนําเสนอเน้ือหาใน รปู แบบที่แตกตา่ งกัน คําภาษาอังกฤษท่ีใชเ้ รยี ก คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ไดแ้ ก่ Computer Ae Instruction (CAI), Computer Aided Instruction (CAI), Computer Assisted Lear (CAL), Computer Aided Learning (CAL), Computer Based Instruction (CRI) Computer Based Training (CBT), Computer Adminis- tered Education (CAE) Computer Aided Teaching (CAT) แต่คําที่นิยมใช้ท่ัวไปในปจั จโคุบรันงกไาดรTแ้ ICกC่ IT Computer Assisted Instruction หรอื CAI 20
2.2 ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ววิ ัฒนาการและประวตั คิ วามเป็นมาของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนหรือ CAI สามารถ สรุปความเปน็ มาของ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนพอสังเขป ไดด้ ังน้ี (ศนู ย์คอมพิวเตอรแ์ ละ อเิ ล็กทรอนิกสแ์ ห่งชาติ, 2545) ปี ค.ศ. 1950 ศูนย์วิจัยของ IBM ได้พัฒนาบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยงาน ด้าน จติ วิทยา นบั เป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ปี ค.ศ. 1958 มหาวิทยาลยั ฟลอริดา สหรัฐอเมรกิ า พัฒนา คอมพวิ เตอรช์ ว่ ย สอน ช่วยทบทวนวิชา ฟิสิกส์ และสถิติ พร้อม ๆ กับมหาวทิ ยาลัยสแตนฟอรด์ ได้นํา คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน มาใชใ้ นวชิ า คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ สาํ หรับนักเรยี นระดบั มัธยมศึกษา ปี ค.ศ. 1960 มหาวทิ ยาลัยอลิ นิ อย จัดทํา คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ด้านจติ วทิ ยา การศกึ ษา และ วศิ วกรรมศาสตร์ ภายใต้ชอื่ PLATA CAI - Programmed Learning for Automated Teaching Op- erations CAI ปี ค.ศ. 1970 มกี ารนําคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน มา ใชใ้ นทวปี ยุโรป โดยฝร่ังเศส และอังกฤษ เปน็ ผู้เรมิ่ ตน้ ปี ค.ศ. 1671 มหาวิทยาลยั Taxes และ Brigham Young รว่ มกันพัฒนา วเตอรช์ ่วยสอน กับมนิ ิ คอมพิวเตอร์ โดยผสมผสานคอมพวิ เตอร์กับโทรทัศน์ ชว่ ยสอนวิชาภาษาองั กฤษ และคณติ ศาสตร์ ภาย ใตโ้ ครงการ TICCIT Interactive Computer Controlled Information Television ปัจจบุ ัน คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ได้เข้ามามบี ทบาทมากขึ้น เพราะคะ เจริญกา้ วหน้าของเทคโนโลยตี า่ ง ๆ อันได้แก่ เทคโนโลยีมัลติมเี ดยี เทคโนโลยี ฮาร์ดแวร์และซอฟตแ์ วรค์ อมพิวเตอร์ เทคโนโลยกี ารติดต่อ สอ่ื สารข้อมลู ทําให้สามาร ผลติ คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนและทาํ การเผยแพรบ่ ทเรยี นไดอ้ ย่างประสทิ ธภิ าพ มากย่งิ ขึ้น ซ่งึ แนวโน้มในอนาคตตอ่ ไปอันใกล้นี้ เราอาจพบเหน็ บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนนําเสนอ ผา่ นทางเครือขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ตมากขึ้น ซึง่ เราเรียกวา่ CAI on Web 21
2.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2541) ได้แบง่ ประเภทของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนตามลกั ษณะของวิธกี ารนาํ เสนอเนื้อหาและกระบวนการเรยี นการสอน สามารถสรปุ ได้เป็น 8 ประเภท ดงั น้ี 1. แบบการสอน (Instruction) เพอ่ื ใชส้ อนความรู้ใหมแ่ ทนครู ซึ่งจะเปน็ การ พัฒนาแบบ Self Study Package เปน็ รูปแบบของการศึกษาด้วยตนเอง จะเปน็ ชดุ การ สอนทจ่ี ะต้องใชค้ วามระมดั ระวัง และ ทกั ษะในการพัฒนาทีส่ ูงมาก เพราะจะยากเป็นทวคี ูณกว่าการพัฒนาชุดการสอนแบบโมดลู หรือแบบ โปรแกรมที่เปน็ ตาํ รา ซึ่งคาดวา่ จะมี กมากในอนาคตอนั ใกล้นี้ โดยเฉพาะ IMMCAI : Interaction Multi Media CAN บน Internet 2. แบบสอนซอ่ มเสรมิ หรอื ทบทวน (Tutorial) เป็นบทเรียนเพอ่ื ทบทวนการ เรียนจากหอ้ งเรียนหรอื จากผสู้ อนโดยวิธใี ด ๆ จากทางไกล หรอื ทางใกล้กต็ าม การเรยี น มกั จะไม่ใชค่ วามรใู้ หม่ หากแต่จะเปน็ ความรู้ทเ่ี คยได้รบั มาแล้วในรปู แบบอ่นื ๆ แลว้ ใช้ บทเรยี นซอ่ มเสรมิ เพ่อื ตอกยํ้า ความเข้าใจที่ถกู ต้องและ สมบรู ณด์ ีข้ึน สามารถใชท้ ้งั ใน ห้องเรยี นและนอกห้องเรียนดังนั้น CAI ประเภทนจ้ี ึงไม่สามารถนาํ มาสอน แทนครไู ด้ ท้งั หมด เพยี งแตน่ าํ มาใช้สอนเสริมหรือใชท้ บทวนในรายวิชาทมี่ ีการจัดการเรียนการสอน มา แล้วในชนั้ เรยี นปกติ 3. แบบฝกึ หดั และฝกึ ปฏิบตั ิ (Drill and Prac- tice) เพื่อใช้เสรมิ การปฏิบตั ิหรือ เสรมิ ทักษะ กระทาํ บางอยา่ งใหเ้ ขา้ ใจยิง่ ขึ้นและเกดิ ทักษะ ท่ีต้องการได้ เปน็ การเสรมิ ประสิทธผิ ลการ เรียนของผู้เรยี น สามารถใชใ้ นหอ้ งเรียน เสริม ขณะที่สอนหรอื นอก หอ้ งเรียน ณ ท่ีใด เวลาใด กไ็ ด้ สามารถใช้ฝึกหดั ทัง้ ทางดา้ นทกั ษะการแก้ ปญั หาทาง คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ รวมทง้ั ทางชา่ งอุตสาหกรรมด้วย 4. แบบสรา้ งสถานการณจ์ ําลอง (Simulation) เพ่อื ใช้สาํ หรบั การเรยี นรู้ หรือ ทดลองจาก สถานการณ์ทจ่ี ําลองจากสถานการณ์จริง ซึง่ อาจจะหาไมไ่ ด้หรอื อย่ไู กล ไมส่ ามารถนาํ เข้ามา ในหอ้ งเรยี นได้ หรือมีสภาพอันตราย หรืออาจ สน้ิ เปลอื งมากท่ีตอ้ งใช้ ของจริงซํา้ ๆ สามารถ ใช้สาธติ ประกอบการสอน ใช้เสรมิ การสอนใน ห้องเรียน หรอื ใช้ซ่อ เสริมภายหลงั การเรียน นอกห้องเรียน ทใ่ี ด เวลาใด ก็ได้ 22
5. แบบสร้างเป็นเกม (Game) การเรยี นร้บู างเร่อื ง บางระดับ บางครงั้ การ พัฒนาเป็นลกั ษณะเกม สามารถเสรมิ การเรยี นร้ไู ด้ดกี ว่า การใช้เกมเพอ่ื การเรยี น สามารถ ใช้สําหรับการเรยี นร้คู วามรู้ใหมห่ รอื เสริมการเรยี นในหอ้ งเรียนกไ็ ด้ รวมท้ังสามารถสอนทดแทนครใู นบางเรอื่ งไดด้ ้วย จะเปน็ การเรยี นรู้ จากความเพลิดเพลิน เหมาะสําหรบั ผ้เู รยี นทม่ี ีระยะเวลาความสนใจส้ัน เชน่ เดก็ หรือในภาวะสภาพ แวดล้อมท่ไี มอ่ าํ นวย เป็น ต้น 6. แบบการแกป้ ญั หา (Problem Solving) เป็นการฝึกการคิด การตดั สนิ ใจ สามารถใชก้ บั วชิ าการต่าง ๆ ที่ตอ้ งการให้สามารถคิด แก้ปญั หา ใช้เพ่ือเสริมการสอนใน ห้องเรียน หรอื ใช้ในการฝกึ ท่วั ๆ ไป นอก ห้องเรียนกไ็ ด้ เป็นสอื่ สําหรบั การฝึกผู้บริหารไดด้ ี 7.แบบทดสอบ (Test) เพื่อใชส้ าํ หรบั ตรวจวดั ความสามารถของผเู้ รยี น สามารถ บการสอนในหอ้ งเรียน หรอื ใช้ตามความต้องการของครู หรอื ของผูเ้ รียนเองรวมทัง้ สามารถใช้นอกหอ้ งเรยี น เพอ่ื ตรวจวัดความ สามารถของตนเองไดด้ ว้ ย แบบทดสอบ 8. แบบสร้างสถานการณ์ เพ่ือใหค้ ้นพบ (Discovery) เป็นการจัดทําเพ่อื ใหส้ ามารถเรยี นรจู้ าก ประสบการณ์ของตนเอง โดยการลองผิดลองถกู หรอื เป็นการ จัดระบบ นาํ รอ่ งเพ่อื ช้นี ําส่กู ารเรียนรู้ สามารถใช้เรียนรคู้ วามรูใ้ หมห่ รือเปน็ การทบทวน ความรู้เดมิ และใช้ ประกอบการสอนในหอ้ งเรียนหรอื การเรยี นนอกหอ้ งเรียน สถานที่ใดเวลาใด กไ็ ด้ 23
2.4 โครงสร้างของบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน มนต์ชยั เทยี นทอง (2549) ไดก้ ล่าวถงึ โครงสร้างของบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วย สอนดังนจ้ี ากแนวความ คดิ ของรูปแบบการนาํ เสนอบทเรียนสาํ เรจ็ รปู ทง้ั 3 รปู แบบ อัน ไดแ้ ก่ แบบเรียงลาํ ดบั เชิงเส้น แบบขนาน และแบบแอด็ จงั ที่ฟทีผ่ า่ นมาแล้ว สามารถนาํ มา ประยกุ ตใ์ ช้เป็นโครงสร้างของบทเรียนคอมพิวเตอรไ์ ด้ 4 แบบ ดังตอ่ ไปนี้ 1. แบบเชิงเส้น (Linear Type) 2. แบบสาขา (Branching Type) 3. แบบลาํ ดับช้นั (Hierarchical Type) 4. แบบผสม (Composite) รายละเอียดของโครงสร้างแต่ละแบบ มดี งั น้ี 1. แบบเชงิ เส้น (Linear Type) โครงสร้างของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์แบบเชิงเสน้ เป็นโครงสรา้ งพ้ืนฐานท่ีง่าย ท่สี ดุ ในการจดั การ เฟรม เนื้อหา เฟรมคําถามและเฟรมกจิ กรรมแต่ละเฟรมจะเรยี งตามลําดบั ตั้งแตต่ ้นจนจบทมี่ โี ครงสร้างแบบ น้ี จงึ ใชซ้ อฟต์แวร์คอมพิวเตอรใ์ ดๆจัดการไดน้ ับตัง้ แต่ซอฟต์แวร์ประเภทนําเสนอขอ้ มูล (Presentation Software) จนถงึ ระบบนิพนธบ์ ทเรียน ข้อเสยี ของบทเรยี นคอมพิวเตอรร์ ูปแบบนี้กค็ อื ผเู้ รียนจะจาํ เน้ือหาได้ ขายเมอื่ เรยี นซ้าํ อกี คร้งั หนึง่ จึงทําใหเ้ กิดความเบอ่ื หนา่ ย และไม่ตอบสนองต่อความแตกต่าง ระหว่างบคุ คลเทา่ ทคี่ วร ภาพโครงสรา้ งแบบเชิงเสน้ 24
2. แบบสาขา (Branching Type) ลกั ษณะของโครงสรา้ งของบทเรียนคอมพิวเตอรแ์ บบสาขา เป็นโครงสรา้ งท่ี ผเู้ รียนมีอิสระในการเลือก ทางเดนิ ของบทเรยี น การเปลย่ี นเสน้ ทางของบทเรียนข้นึ อยู่กบั ผลของการปฏิสมั พนั ธ์ทีผ่ ู้เรยี นมีตอ่ บท เรยี น ถา้ ผ้เู รียนตอบคําถามถูกหรอื ทําแบบทดสอบ ผ่านตามเกณฑ์ จะไดร้ ับเน้อื หาท่ีแตกต่างจากผเู้ รียนท่ี ไม่ประสบความสําเรจ็ ในการตอบ คําถามหรือไมผ่ ่านการทดสอบ ลักษณะของโครงสรา้ งจงึ แตกสาขาเปน็ สว่ นยอ่ ย ๆ ตาม ความตอ้ งการของผพู้ ฒั นา บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ทมี่ ีโครงสรา้ งแบบสาขา จึงสรา้ งโดย ดี กว่า กว่าแบบเชงิ เส้น แต่มขี ้อดกี ็คอื สามารถตอบสนองตอ่ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ภาพโครงสร้างแบบสาขา 3. แบบลําดบั ช้นั (Hierarchical Type) โครงสร้างแบบน้ี มลี ักษณะคลา้ ยกบั รายการเมนูทางเลอื ก ทแี่ บง่ เปน็ รายการ หลักและรายการยอ่ ย ลกั ษณะ ลกั ษณะเปน็ ลําดบั ช้นั เหมือนรปู ทรงปริ ามิด ใช้กบั เน้ือหาที่ แบง่ เป็นหมวดหมูแ่ ละมีอสิ ระตอ่ กนั ความสัมพันธข์ องเนือ้ หาแต่ละส่วนมคี อ่ นขา้ งนอ้ ย สามารถเลือกเรียนสว่ นใดส่วนหนึง่ กอ่ นก็ได้ โดยไม่มี ผลถึงสว่ นอื่นๆ ที่เหลือ จัดว่าเป็น โครงสร้างท่ีง่ายกวา่ แบบสาขา สามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้ เรียนได้ดี ผู้เรียนจะ เลอื กเรยี นส่วนหน่ึงก่อนก็ไดห้ รือจะเลอื กทาํ กจิ กรรมใดๆ กอ่ นกไ็ ด้ โดยไมม่ ผี ลตอ่ บท เรียน ภาพโครงสร้างแบบลาํ ดบั ชน้ั 25
4. แบบผสมผสาน (CompositeType) โครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพิวเตอรแ์ บบผสม มีลกั ษณะผสมผสานกนั ระหว่าง โครงสร้างท้ัง 3 แบบ ดังกล่าวขา้ งต้น บทเรียนบางส่วนอาจนาํ เสนอในลักษณะเชิงเสน้ กรณี ที่เปน็ เชิงเน้อื หาเชงิ ทฤษฎี บาง ส่วนอาจนําเสนอในแบบสาขา กรณที ่ีต้องการสร้างเสรมิ โอกาสให้ผู้เรยี นมีปฏิสัมพันธ์กบั บทเรียน และ บางส่วนอาจนําเสนอในแบบลําดับชนั้ กรณที ่ี เปน็ รายการทางเลือก ทั้งนี้ทเ่ี พ่อื ประยุกต์ใชจ้ ดุ เด่นของ โครงสร้างแตล่ ะรปู แบบ โดย พิจารณาถึงเปา้ หมายในการพัฒนาบทเรยี นเปน็ หลัก สว่ นใดจะใชโ้ ครงสรา้ ง แบบใด โครงสรา้ งแบบผสมจึงไม่มรี ูปแบบตายตวั ภาพโครงสร้างแบบผสมผสาน 26
2.5 องคป์ ระกอบบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) ภาสกร (2557) ได้กลา่ วถึงสอ่ื และกิจกรรมท่ีถกู บรรจุใน บทเรียนบน Tablet PCและe book บน คอมพวิ เตอร์แบบพกพา ทั้งบทเรียนบน Tablet PC และ e Book บนคอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา จัดเปน็ สือประเภทบทเรียนคอมพวิ เตอร์ จงึ ขอนาํ มากลา่ วร่วมเปน็ องคป์ ระกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย สอน ดงั นี้ 1. สอ่ื เพอื่ การนาํ เสนอ การนาํ เสนอทงั้ ตวั อักษร (Text) และ กราฟฟกิ Grarehic) เป็นสอ่ื พน้ื ฐานที่ e-Book โดยทวั่ ไปทั้งบนระบบ Android และ iOS สามารถ นาํ เสนอไดโ้ ดยท่วั ไปในรูปแบบ epub โดย ทั้ง Text และ Graphic มีความเหมาะสมท่ีจะ นาํ เสนอเน้อื หาเพื่อการเรยี นรู้ใหบ้ รรลตุ ามจุดประสงคก์ าร เรยี นรทู้ แ่ี ตกตา่ งกนั Text เป็นการนําเสนอเนอื้ หาทม่ี งุ่ เน้นเฉพาะตัวอักษรหรือตวั หนังสือ สามารถ นาํ เสนอได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสมการนําเสนอแผนการสอนทแี่ จ้งวัตถปุ ระสงค์ ลําดบั ขน้ั การเรยี น การนาํ เสนอเน้ือหาและการ ประเมนิ รวมถึงเนือ้ หาเชิงบรรยายหรือพรรณนา ที่ อยู่ในขอบขา่ ยวัตถุประสงค์การเรียนการสอนพุทธ พิสยั และจติ พิสัย Graphic เปน็ การนําเสนอเนอ้ื หาที่มุง่ เน้นกราฟิก การนาํ เสนอค่อนขา้ งชา้ เพราะตอ้ งเสียเวลาดาวนโ์ หลด ขอ้ มูลนาน ในการน้กี ็ตอ้ งขน้ึ อยู่กับความศกั ยภาพของอปุ กรณภ์ ายในเครื่อง Tablet PC สื่อ Graphic เหมาะสมกับนาํ เสนอเนื้อหาทีต่ ้องการอธบิ ายให้เห็นสว่ นประกอบต่างๆ ในภาพรว่ ม เชน่ ภาพกราฟิก ดอกไม้ ภาพกราฟิกระบบสบื พนั ธ์ ภาพกราฟกิ การ์ตนู เพอื่ การสอนเด็กเล็ก ภาพกราฟิกรา่ งแบบกอ่ สรา้ ง เปน็ ตน้ Picture เปน็ การนาํ เสนอเน้อื หาที่ มุ่งเนน้ รปู ภาพจรงิ มคี วามเสมอื นจรงิ สามารถแสดง ขัน้ ตอนตา่ งๆ อย่างชดั เจน เชน่ การผา่ ตดั การว่ายน�้ำ เปน็ ต้น นอกจากน้ี ยังสามารถเช่ือมโยงเหตกุ ารณส์ ถานทไ่ี ด้ ตามสภาพความเปน็ จริง เชน่ ภาพสถานที่ประวัตศิ าสตร์ ภาพเหตกุ ารณส์ าํ คัญ 27
Multimedia เปน็ การนาเสนอสอื่ ท่เี ปน็ ภาพเคลอื่ นไหวพร้อมเสยี ง การนาํ เสนอMultimedia บน e-Book นีน้ บั วา่ เปน็ การตอบสนองกิจกรรมการเรยี นร้ไู ดอ้ ยา่ งสมจรงิ เปน็ การเชอื่ มโยงประสบการณ์ การเรียนรใู้ หผ้ ู้เรยี นไดส้ มั ผัส เหตกุ ารณจ์ ริงพร้อมภาพและเสยี ง ทไ่ี ดม้ ีการบนั ทกึ ตดั ต่อไวอ้ ยา่ ง สมบูรณส์ อดคล้องตามจดุ ประสงค์ การเรยี นรู้ สื่อประเภทMulti- mediaนส้ี ามารถตอบสนองจุด ประสงค์การเรยี นรู้ ทักษะพิสัยได้ อย่างดี เช่นการน�ำ เสนอเพอื่ สอน และฝกึ ทักษะประสบการณ์ทาง ช่างเชน่ การถอดประกอบอปุ กรณ์ ทางการแพทย์เชน่ การผา่ ตดั ทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การบานของ ดอกไม้ หรือการกําเนดิ ของ พืชจากเมลด็ พันธุ์ เปน็ ตน้ โปรแกรมประยุกตท์ ี่ช่วยพัฒนา Multimedia e-Book ไดด้ บี นระบบ iOS คอื iBooks Author และบน ระบบ Android คือโปรแกรม Adobe Indesign เป็นตน้ อยา่ งไรก็ ตามสอื่ Multimedia น้ีจําเปน็ ต้อง แทรกลงใน e-Book สง่ ผลให้ e-Book มีขนาดใหญใ่ น ขณะทเ่ี ครือ่ ง Tablet PC มีขนาดหน่วยความจาํ ที่ จํากดั Streaming เปน็ การนาํ เสนอสื่อที่เปน็ ภาพเคล่อื นไหวประกอบเสยี งเช่นเดียวกบั Multimedia แตแ่ ตก ต่างตรงที่เปน็ การนําเสนอผ่านระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เนต เพยี งแค่ นําข้อความ link หรือแหลง่ ข้อมูล URL เช่อื มโยงไปวางลงบน e-Book ไปโดยทไี่ ม่ตอ้ งนํา ข้อมลู ไฟล์ Video ท่มี ีขนาดใหญบ่ ันทึกลงไป พรอ้ มกับ e-Book ชว่ ยให้ไฟลข์ ้อมลู e-Book มีขนาดไม่ใหญ่ ผู้ให้บริการ Streaming หลกั คอื Youtube การ Streaming 28
2. กจิ กรรมการส่อื สาร กจิ กรรมทใ่ี ช้บนระบบเครือข่ายสว่ นใหญม่ ีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื การส่ือสารท้งั ในเวลาพร้อมเพยี งกนั Syn- chronous เชน่ บรกิ าร Chat ใน Facebook และไม่พรอ้ มเพียงกัน Asynchronous เชน่ บรกิ าร Web- board ทีใ่ นลักษณะการฟีดขา่ วสารใน Facebook นอกจากนแ้ี ล้วกจ็ ะเป็นสือ่ เพ่ือการนาํ เสนอถา่ ยทอด ประสบการณ์ความร้แู ละรบั ฟัง ขอ้ คดิ เห็นท่ีเหน็ พอ้ งและแตกต่างกัน เช่น Blog, Instragram รวมท้ังส่ือ เพือ่ การอธิบายและบนั ทกึ ขอ้ คิดเหน็ เพม่ิ เตมิ ในเชงิ สารานกุ รมเชน่ Wikipedia กิจกรรมเพอื่ การสอื่ สาร ทงั้ หมดนีป้ จั จุบนั มีพฒั นาการไปเปน็ อย่างมากและเรามักจะเรยี กรวมกนั วา่ Social Media Social Media นเี้ ราเคยนําไปประยุกต์ใชใ้ นบทเรียนบน Tablet PC ที่ผูเ้ ขยี น เคยเขยี นถึงไปแลว้ ใน หนงั สือการพัฒนาบทเรียนบน Tablet PC ท่ผี านมา และบนweb based instructionท่ีเราทราบกันดี อยา่ งไรกต็ ามเราควรทจ่ี ะเข้าใจถงึ ลกั ษณะเฉพาะและความเหมาะสมเพอ่ื การนาํ ไปประยุกตใ์ ชง้ านบน e-Book ได้(Passkorn, 2555)พอสังเขปดังน้ี 29
1. Social Network เครือข่ายสังคมสอ่ื สาร เปน็ การตดิ ต่อสื่อสารทพี่ ฒั นามาจาก Mail Webboard Chat และ Web Conference โดยรวมท้งั สามบรกิ ารเข้ามาไว้ในท่ี เดยี วกนั มรี ะบบสมาชกิ โดยสมาชกิ เปน็ เพอ่ื นกันแดละเกิดเพอื่ นตา่ งๆขึน้ มากมาย ลกั ษณะคล้ายดาวกระจาย เมอื่ มีการสือ่ สารเกดิ ขนึ้ ระบบ กจ็ ะกระจายข่าวสารแจ้งสมาชิก มีการตดิ ตอ่ แบบเพอ่ื นถึงเพอ่ื นๆ One to Many และแบบติดตอ่ เพือ่ น ถงึ เพ่ือน แบบ one to one และยังสามารถแบง่ ปั้น สอ่ื ขอ้ มูล ตา่ งๆได้อกี ด้วย เหมาะสาํ หรับใช้ตดิ ตอ่ สอื่ สารในรูปแบบการจดั การในชนั้ เรียน โดยผู้สอน ามารถติดต่อสือ่ สารส่งั การ ควบคุมชัน้ เรียนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เชน่ ครสู ่งั งานใหผ้ ูเ้ รยี น ยภาพตามใบงาน แล้วนาํ มา post บน Board จากนั้นผ้สู อนก็เข้ามาวจาก หนได้ เชน่ Facebook Hi5 Instagram Line 2. Knowledge Sharing เป็นบริการเสมือนธนาคารคลังความรทู้ ท่ี ุกคนใน เครือขา่ ย สามารถเข้ามารว่ ม กนั เขยี นให้ความหมายคํานยิ ามต่าง ๆ อธิบาย เขียน บรรบยาย ต่างๆ ในสิ่งทต่ี นเองศึกษาค้นคว้า ใน เร่ืองทเ่ี ป็นเร่ืองเดยี วกบั คนอน จนเกิดความคลังความร้ขู นาดใหญ่ เชน่ ประวตั ิของพระพทุ ธเจ้าบรกิ ารน้ี ได้แก่ Wikipedia Webboard เหมาะสําหรบั ใช้เปน็ แหล่งให้ผเู้ รียนเรียนร้ไู ดอ้ ยา่ งดเี สมอื นวา่ มีครผู ูส้ อน มากมายทั่วโลกท่มี าช่วยกนั สอน อย่างไรกต็ ามผสู้ อนจะต้องกล่นั กรองเนือ้ หาท่เี ก่ยี ว ขอ้ ง กอ่ นวา่ เขา้ ขา่ ยการเรียนรู้ ถกู ต้องหรือไมอ่ ย่างไร 30
3. Blog จะคล้ายคลงึ กบั knowledge Sharing แต่แตกต่างตรงท่ี เปน็ แหล่งท่ี เขียนประสบการณ์ความ รู้ความสนใจของแตล่ ะบุคคล ไม่ไดร้ ่วมกันเขยี น โดยทผี่ ูส้ นใจก็ สามารถเขา้ อา่ นและเสนอความคิดเหน็ ได้ เชน่ Gotoknow Blogger.com Oknation เหมาะสําหรบั ใชเ้ ป็นแหลง่ ให้ผเู้ รยี นเรียนรไู้ ดอ้ ย่างดเี สมอื นว่ามีครูผ้เู ช่ียวชาญใน เร่ืองนนั้ ๆ มาสอน ถ่ายทอดความรู้จรงิ ๆ อยา่ งไรก็ตามผสู้ อนจําเป็นจะต้องกลน่ั กรอง เนื้อหาทเี่ กีย่ วขอ้ งวา่ เขา้ ขา่ ยเพ่ือการ เรยี นรู้ และถกู ต้องหรอื ไมอ่ ยา่ งไร 4. Social Media Entertainment เป็นบริการนําเสนอ VDO Clip โดยทีส่ มาชกิ สามารถนําขอ้ มูล VDO หรือ ภาพยนตร์ ของตนเองขน้ึ ไป post และเผยแพร่ไดอ้ ยา่ งดี โดยผู้ทีส่ นใจไม่จําเป็นตอ้ งเปน็ สมาชกิ กส็ ามารถรับชม VDO Clip ได้ เปน็ บริการท่ี เปน็ ที่นยิ มอยา่ งมาก เป็นชอ่ งทางเผยแพรข่ ้อมูลประเภท Multimedia ไดอ้ ย่างดีมาก การนําไปใชง้ านผู้สอนสามารถสรา้ ง VDO Clip เพ่ือการเรียนการสอนและนาํ ไป และให้ผู้เรียนเขา้ มารับ ชม ไดท้ ุกทที่ ุกเวลา นอกจากนแ้ี ล้วผสู้ อนยังสามารถค้นหา แ00 Clip ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั เนอื้ หาการสอนทมี่ ผี ู้ พัฒนาขึ้นอยา่ งมากมายและสงั่ การให้ผ้เู รียน เข้าไปรับชมศึกษาไดอ้ ยา่ งดีเยีย่ ม อย่างไรก็ตามผสู้ อนเองจํา เป็นตอ้ งคดั เลือกกล่ันกรอง VDO Clip เหลา่ นัน้ เสยี กอ่ น เช่น Youtube Socialcam 31
5. Web Application เป็นบริการที่นําเอาโปรแกรมประยกุ ตเ์ ดมิ ทั้งหมดทเี่ คยอยู่ 24เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ local นาํ ไปใหบ้ ริการบนระบบเครือข่ายโดยทีเ่ คร่อื งคอมพิวเตอรท์ ี่ เขาไปเชื่อมตอ่ ก็สามารถขอเข้าใช้ บรกิ าร Application นน้ั ไดเ้ ลยโดยไม่จําเปน็ ตอ้ งมี Application นนั้ ๆ บนเคร่อื งของตนเอง เชน่ Google Doc, Google Drive, Google Map 900gle translation, App Inventor ฯลฯ 6. Video Conference เปน็ กจิ กรรมการสนทนา สนทนาท่เี หมอื นกบั Chat แต่แตกตา่ ง ตรงที่สามารถมองเหน็ ภาพซงึ่ กนั และกนั ได้ด้วย เหมาะสาํ หรับผู้ เรียนและผสู้ อนทีม่ ีเวลาวา่ งตรงกัน (Synchronous) โดยต้องนัดหมายเวลากนั การนําไปใช้ สามารถนําไปใชใ้ ห้คําปรกึ ษา ตอบคําถามทผ่ี ้เู รยี นสงสยั อธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไมเ่ ข้าใจ ในเนอื้ หา ได้ อย่างดี เน่อื งจากมองเห็นภาพซงึ่ กนั และกันความร้สู กึ จงึ ไม่ตา่ งกบั อยใู่ นชนั้ เรยี นเลย ทเี ดียว เช่น Tango Skype 32
7. Search Engine เป็นบริการการสืบคน้ ข้อมูล ท่ีสามารถสบื คน้ ขอ้ มูลจาก Website ต่างๆ ไดท้ ่ัวโลก โดยโปรแกรมสืบคน้ จะทาํ การสาํ รวจข้อมูล Website ทุกแหง่ ท่วั โลก และนําขอ้ มลู โดยสรุปมาจัดเกบ็ ไว้ เปน็ ฐานข้อมลู ภายใน Search Engine ผู้ ให้บรกิ ารการสบื ค้น เชน่ google.com yahoo.com เปน็ ต้น การนาํ ไปใช้ในการเรียน ผูเ้ รียนจะต้องกําหนดคาํ สําคญั Keyword ที่เชื่อมโยงสูห่ วั ขอ้ หรอื เนอ้ื หาวชิ าท่ี ตอ้ งการการ สบื คน้ เพ่อื ทําการสบื ค้นตอ่ ไป 2.6 สว่ นประกอบบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน (CAI) ภาสกร (/2556) กลา่ วถึงส่อื ส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอรใ์ ดๆ อาทิ คอมพวิ เตอร์ของ สอน(CAI), เวปช่วยสอน (WBI), บทเรยี นบน Tablet PC ล้วนมสี ว่ นประกอบทส่ี าํ คัญดังนี้ แผนจดั การเรียนรู้ สว่ นนีจ้ ะบรรจุไปด้วย วตั ถุประสงคบ์ ทเรียน (Objective) ทคี่ าดหวังของบทเรยี นเมอื่ ผู้เรยี น การศึกษาบทเรยี นจน เสรจ็ สิน้ ลง โดยวัตถุประสงค์บทเรยี นจะต้องสะท้อนพฤตกิ รรม เรียนท่เี ราเรียกว่า วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม และครอบคลมุ ทง้ั พทุ ธพสิ ยั จติ พิสยั และ ทักษะพสิ ัย สังเขปเน้อื หา (Content) ส่วนน้ีจะบอกสังเขปเนื้อหาโดยรวมทีแ่ ยกออกแบบ บทเรียนและ หวั ขอ้ ทีเ่ ป็นตอนเรียนต่างๆ แยกย่อยออกไป กจิ กรรม (Activity) ส่วนน้จี ะบอกว่า กอ่ นเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรยี นดว้ ย บทเรียน คอมพิวเตอรแ์ ล้ว ผู้เรียนจะตอ้ งทาํ กจิ กรรมอะไรบ้าง เช่นทาํ กจิ กรรมการเรียนรู้ รว่ มกับผู้เรยี นดว้ ยกัน หรอื จะตอ้ งไปทาํ อะไร เชน่ สบื คน้ เขียนสรุป อภิปราย เป็นตน้ สอ่ื (Media) สว่ นนจี้ ะบอกวา่ ผู้เรยี นวา่ จะตอ้ งใชส้ ่ืออะไรรว่ มกับบทเรียนคอมพิวเตอร์บ้าง การประมินผล (Evaluation) สว่ นน้ีจะบอกว่า กอ่ นเรียน ระหว่างเรียน และหลงั เรยี น ผู้เรยี น จะตอ้ งทําการประเมนิ โดยใช้แบบประเมนิ อะไร ทีไ่ หน เมือ่ ไร บ้าง 33
แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre Test) สว่ นประเมินความรขู้ นั้ ต้นของผู้เรียน เพ่อื ดวู ่าผู้เรียนมคี วามร้พู ื้น ฐานในระดับใด รายการเน้ือหาบทเรียน (Main Menu) แสดงบทเรยี นตา่ งๆ ท่ผี เู้ รยี นสามารถ เชือ่ มโยงคลกิ หรือแตะ เข้าไปทําการเรยี นรู้ได้ กิจกรรม (Activity) สว่ นนจี้ ะแยกออกมาจากแผนจัดการเรยี นรขู้ ้างต้น เพือ่ อธิบายเพิ่มรายละเอยี ด ของกจิ กรมให้ชดั เจนข้ึน แบบทดสอบท้ายบทเรยี น (Post Test) ส่วนน้จี ะทําการประเมินเพอ่ื วดั สัมฤทธิ์ การเรยี นรู้ของผู้เรียน วา่ สอดคล้องจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้ตู ามเกณฑ์กาํ หนดไว้ใหเ้ พยี งใด ข้อดขี องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอนมขี อ้ ดหี รอื ข้อได้เปรียบหลายประการ เมอ่ื เปรียบเทยี บกบั สอื่ การเรยี นการ สอนประเภทอื่น ๆ สรุปไดด้ งั นี้ (Hannafin & Peck 1988) 1. บทเรยี น CAI มีการโต้ตอบปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผ้เู รยี นกับบทเรยี นในขณะท่ี เรียนมากกวา่ สือ่ การเรียน การสอนประเภทอน่ื ๆ เนือ่ งจากใชค้ อมพิวเตอร์ในการนําเสนอ บทเรยี น 2. บทเรียน CAI สนบั สนุนการเรียนแบบรายบุคคล (Individualization) 3. บทเรียน CAI ช่วยลดตน้ ทุนในด้านการจดั การเรยี นการสอนได้ เพราะการ เรยี นด้วย CAI ไมต่ อ้ งใชค้ รู ผ้สู อน เมอ่ื สร้างบทเรียนแล้ว การทําซาํ้ เพอ่ื การเผยแพรใ่ ช ต้นทนุ ตาํ่ มาก และสามารถใช้กับผเู้ รยี นไดเ้ ป็น จาํ นวนมาก เม่อื เทยี บการสอนโดยใช ครูผสู้ อน 4. บทเรียน CAI มแี รงจงู ใจใหผ้ ู้เรยี นสนใจเรียนเพ่ิมข้ึน เนือ่ งจากบทเรียน CAI ใชค้ อมพวิ เตอร์เป็น อุปกรณใ์ นการนําเสนอบทเรยี น เป็นส่ิงแปลกใหม่ มีการปฏิสมั พันธ์ กบั บทเรียนตลอดเวลา ผู้เรียนไมเ่ บื่อ หนา่ ย ทาํ ให้ชว่ ยเพม่ิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของ ผูเ้ รยี นด้วย 5. บทเรยี น CAI ใหผ้ ลยอ้ นกลบั (Feedback) แกผ่ ูเ้ รียนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ผู้เรยี น ทราบความก้าวหนา้ ของ ตนเองได้ทนั ที 6.บทเรียน CAI สะดวกต่อการตดิ ตามประเมนิ ผลการเรยี น โดยมกี ารออกแบบสร้างโโปรแกรมใหส้ ามารถ เกบ็ ขอ้ มลู คะแนนหรอื ผลการเรยี นของผ้เู รียนแตล่ ะคนสามารถนํามาวิเคราะหเ์ พอ่ื ประเมินผลไดอ้ ยา่ ง รวดเร็วและถกู ต้องเมือ่ เปรยี บเทยี บกับครูผู้สอน 7.บทเรยี น CAI มีเน้อื หาทคี่ งสภาพแน่นอน เนือ่ งจากเน้อื หาของบทเรยี น CAI ได้ผ่านการตรวจสอบให้ มเี นือ้ หาที่ครอบคลมุ จัดลําดับความสัมพนั ธข์ องเนื้อหาอยา่ งถูกต้อง มีความคงสภาพเหมือนเดมิ ทกุ คร้งั ทีเ่ รยี น ทําให้เชอ่ื ม่ันได้วา่ ผเู้ รยี นเม่อื ได้เรยี นบทเรยี น CAI ทุกครั้งจะไดเ้ รยี นเน้ือหาทีค่ งสภาพเดิมไวท้ กุ ประการ ต่างจากการสอนด้วย ครูผสู้ อนท่ีมโี อกาสที่การสอนแตล่ ะครัง้ ของครูผสู้ อนในเน้อื หาเดียวกนั อาจมีลาํ ดับเนอื้ หาไมเ่ หมอื นกันหรือข้ามเน้อื หาบางสว่ นไป 34
2.8 บทบาท คณุ คา่ และความสาํ คัญของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ปจั จบุ ันเทคโนโลยสี ารสนเทศกําลังมีบทบาทอย่างกว้างขวางในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะดา้ นเศรษฐกิจ อตุ สาหกรรม การบริการสังคม สิ่งแวดลอ้ ม ไปจนถึงดา้ น การศึกษา เหตุท่เี ทคโนโลยีสารสนเทศ หรอื Information Technology มบี ทบาทมากมาย เชน่ น้ี เพราะเป็นเสมือนเครือ่ งจกั รท่ขี บั ดนั ให้ทกุ ส่งิ ทกุ อย่างท่มี าเก่ียวข้องด้วยการกา้ ว รดหนา้ ไปอย่างรวดเร็วในดา้ นการศึกษาบทบาทของเทคโนโลยี สารสนเทศสามารถนํา เทคโนโลยีสารสนเทศมาประยกุ ตใ์ ช้กบั การศกึ ษาในลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้แก่ การใช้ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction หรอื CAI) ระบบฐานข้อมลู Database (Multimedia) ระบบสารสนเทศ (Information System) ระบบปญญาประดษิ ฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) และระบบ Internet เปน็ ต้น ลกั ษณะการจดั การศึกษาในอนาคตจะเป็นการจดั การศกึ ษาเนน้ ทผี่ ูเ้ รยี น สําคัญในการเรยี นรู้ใน ลกั ษณะของการศึกษารายบคุ คล (Individual Study)โดยนำ� เทคโนโลยี สมัยใหม่ อนั ได้แก่ เทคโนโลยี สารสนเทศ เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ และ เทคโนโลยกี ารสือ่ สารโทรคมนาคม เขา้ มาประยุกตใ์ ช้ทางด้าน การศกึ ษา การจดั การศึกษา รายบุคคลเปน็ การจัดการศกึ ษาทีพ่ ิจารณาถงึ ความแตกตา่ ง ความต้องการ และ ความสามารถ เพือ่ ให้ผูเ้ รยี นแต่ละคนเรียนรู้ในสงิ่ ทตี่ นสนใจตามกําลังความสามารถของตน ตาม วธิ กี ารและสื่อการสอนท่เี หมาะสมเพือ่ บรรลถุ ึงวัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นทกี่ าํ หนดไว้ และการท่จี ะสําเร็จได้ นัน้ ย่อมต้องอาศยั การจัดระบบการจดั การและการวางแผนการสอน ที่ดี โดยจัดใหผ้ ้เู รยี นเป็นศูนย์กลาง ของ การเรียน มกี ารจัดเตรยี มทรพั ยากรคอื สือ่ การ เรยี นประเภทต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ส่อื สิ่งพิมพ์ โสตทัศนวัสดุ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน วิดโี อ เปน็ ต้น โดยเฉพาะสื่อท่เี ปน็ บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนนบั เปน็ ส่อื ที่กาํ ลัง มีบทบาทสําคัญ ทง้ั น้ี เนอ่ื งจากขอ้ ได้เปรยี บของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนที่เหนอื กวา่ สื่อการเรียน ประเภท อ่ืน กค็ อื การเปดิ โอกาสให้ผ้มู ีปฏิสัมพนั ธ์ (Interactive) กับบทเรยี นไดต้ ลอดเวลา (กิดานันท์ มลิทอง, 2535) 35
ในด้าน คุณค่าของ CAI ต่อการศึกษา น้นั คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction: CAI) มคี ุณคา่ ต่อการจดั การเรียนการสอนหลายประการ ดังน้ี 1. คอมพวิ เตอร์ชว่ ยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน เน่อื งจากการเรียน ด้วยคอมพิวเตอร์น้นั เปน็ ประสบการณท์ แี่ ปลกและใหม่ 2. การใชส้ ี ภาพลายเสน้ ทแ่ี ลดคู ล้ายเคล่ือนไหว ตลอดจนเสียงดนตรจี ะเปน็ การ กิจกรรมตา่ งๆเหลา่ นี้ เปน็ ตน้ เพิม่ ความเหมอื นจริงและเร้าใจผเู้ รยี นใหเ้ กดิ ความอยากเรียนรู้ ทําแบบฝึกหัดหรือทํากิจกรรม ตา่ งๆเปน็ ต้น 3. ความสามารถของหน่วยความจําของเคร่อื งคอมพิวเตอรช์ ว่ ยในการบนั ทึกคะแนนและพฤติกรรมตา่ ง ๆ ของผูเ้ รียนได้เพอื่ ใชใ้ นการวางแผนบทเรยี นในขนั้ ต่อไปได้ 4. ความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มูลของเครอ่ื ง ทําใหส้ ามารถนาํ มาใช้ได้ใน แตล่ ะคน และแสดงผลก้าวหนา้ ให้เห็นได้ทันที ลกั ษณะของการศกึ ษารายบุคคลได้เปน็ อยา่ งดี โดยสามารถกาํ หนดบทเรยี นให้แกผ่ เู้ รียน 5. ลักษณะของโปรแกรมบทเรียนทใ่ี หค้ วามเป็นส่วนตวั แกผ่ ู้เรยี น เปน็ การช่วยให้ผูเ้ รยี นทีเ่ รียนชา้ สามารถ เรียนไปไดต้ ามความสามารถของตนโดยสะดวกอยา่ งไม่รีบเรง่ โดยไมต่ อ้ งอายผูอ้ ่ืน และไมต่ อ้ งอายเครือ่ ง เม่ือตอบคาํ ถามผิด 6. เปน็ การชว่ ยขยายขีดความสามารถของผสู้ อนในการควบคมุ ผูเ้ รียนได้อยา่ ง ใกลช้ ิด เน่ืองจากสามารถ บรรจุขอ้ มูล ไดง้ ่ายและสะดวกในการนาํ ออกมาใช้ 36
บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน หรอื CAI จึงนบั วา่ มปี ระโยชน์และมีคณุ ค่าต่อการ เรยี นการสอนเปน็ อย่างยิ่ง แตก่ ารพัฒนา CAI ในเมอื งไทยยังไม่แพรห่ ลายเทา่ ที่ควร เนอ่ื งจากปัญหาและข้อจํากัดตา่ ง ๆ ที่ ได้กล่าวมา การสร้างและทาํ การศกึ ษาวจิ ยั CAI ที่มี เนอ้ื หาครอบคลมุ ทัง้ รายวชิ า ตรงตามหลักสตู รใน ลกั ษณะเปน็ บทเรียนสาํ เร็จรูปการสอน (Instruction) เนื้อหาหรือความรใู้ หม่ ดาํ เนินหาประสิทธิภาพ ของบทเรยี นตามเกณฑต์ ามที่ กาํ หนดไว้และหาประสิทธิผลของการเรยี นรู้ จึงเปน็ เรอื่ งท่นี า่ สนใจทําการ ศกึ ษาวจิ ัยอย่างย่ิงในปจั จุบนั 37
บทท่ี 3 อนิ เทอร์เนต็ อินเทอรเ์ นต็ คืออะไร อินเทอรเ์ นต (Internet) คือ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ท่ีใหญ่ทส่ี ุดในโลก เกดิ ขึน้ จากระบบเครอื ข่าย คอมพิวเตอรเ์ ล็ก ๆ รวมกันเป็นระบบเครือข่ายใหญ่ เพ่อื ใชใ้ นการติดตอ่ สอ่ื สาร แลกเปลย่ี นข้อมูลกนั ทวั่ โลก อินเทอร์เนต็ เกดิ ข้ึนไดอ้ ย่างไร รากฐานของอินเทอรเ์ นต เกิดขึน้ เมอื่ ประมาณ 20 ปีมาแล้ว โดยเริ่มจากเครอื ขา่ ย ARPANET ของ กระทรวงกลาโหมของสหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ มีความประสงค์ที่จะแลกเปล่ยี นข้อมูลวิจยั ทางการทหาร หลกั จากนัน้ ระบบเครือข่ายย่อยอืน่ ๆ กไ็ ดท้ �ำ การต่อเชอื่ มและขยายแวดวงออกไปทั่วโลก ดังน้ันอนิ เทอร์เนต จึงไมไ่ ดเ้ ป็นของใครหรอื ของกลุ่มใดโดยเฉพาะ อินเทอรเ์ นตทำ�อะไรได้บา้ ง ? เดิมทีการใช้บริการจ�ำ กัดใหใ้ ชใ้ นดา้ นการศกึ ษาวิจยั และอยใู นแวดวงการศกึ ษาเท่านั้น ตอ่ มาไดม้ ีการ ขยายในเชงิ ธรุ กิจมากขนึ้ ทำ�ให้ขอบข่ายการใช้ Internet มีมากมาย เช่น 1.สามารถตดิ ตอ่ กบั คนไดท้ ั่วโลก 2.สามารถใช้เพอื่ แลกเปลี่ยนขอ้ มลู , ความคิดเห็น 3.สามารถใช้ช่วยในการค้นหาและโอนย้าย Software ตา่ ง ๆ มาได้ฟรี 4.สามารถคน้ คว้าวจิ ัย เปรียบเหมือนคุณเขา้ หอ้ งสมดุ ไปศึกษาค้นควา้ หนงั สอื ต่าง ๆ โดยที่ตวั คนเองไม่ ตอ้ งไปยงั ห้องสมุดนน้ั 5.สามารถอา่ นขา่ วสารของกลมุ่ สนทนาตา่ ง ๆ 6.สามารถท่องเท่ยี วไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไดท้ ่วั โลก เชน่ พิพิธภณั ฑ์ , สวนสัตว์ เปน็ ต้น
บรกิ ารต่าง ๆ ของอินเทอรเ์ นต็ 1. ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail) เปน็ บริการหน่ึงบนอนิ เทอร์เนตทีค่ นนิยมใชก้ นั มากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพิวเตอร์ถึงผ้ทู ีม่ ีบัญชี อนิ เทอรเ์ นต ด้วยกันไมว่ า่ จะอยใู่ กล้หรือไกลคนละซีกโลกจดหมายก็จะไปถงึ อย่างสะดวกรวดเร็วและ ง่ายดายโปรแกรมทใี่ ช้ ในการรับ-สง่ จดหมายอิเลคทรอนิคส์น้ันมี หลายโปรแกรมดว้ ยกนั แลว้ แตจ่ ะเลือก ใชต้ าม ความ ชอบหรือความถนัด โปรแกรมท่ีพูดถึงก็เช่น Eudora, Pine, Netscape Mail, Micorsoft Explorer และอนื่ ๆ อกี มากมาย เป็นต้น 2. World Wide Web (WWW) เปน็ การเข้าส่รู ะบบขอ้ มลู อยา่ งหนงึ่ ที่ก�ำ ลังเป็นทฮี่ ิตสุดบนอินเทอรเ์ นต ข้อมลู นจ้ี ะอยู่ในรปู ของ Interactive Multimedia คอื มที ัง้ รปู ภาพ ข้อความ ภาพเคล่อื นไหว เสียง และ วีดีโอ อกี ท้งั ขอ้ มูลเหล่านีย้ งั ใช้ระบบท่ีเรียกว่า hypertext กลา่ วคอื จะมคี �ำ สำ�คัญหรอื รปู ภาพในข้อมูล นนั้ ทจ่ี ะชว่ ยให้ทา่ นเข้าสู่รายละเอียดท่ลี กึ และกว้างขวางย่งิ ข้ึน คำ�สำ�คัญดังกล่าวจะเป็นค�ำ ท่ีเป็นตัวหนา หรอื ขีดเสน้ ใต้ เพยี งแต่ทา่ นเลือกกดทีค่ ำ�ทเ่ี ปน็ ตัวหนาหรอื ขีดเสน้ ใต้ นน้ั ๆ ทา่ นก็สามารถเขา้ สู่ข้อมูลเพ่ิม เติมได้ (ข้อมลู เหล่านี้จะมผี ู้สรา้ งข้นึ มาและเกบ็ ไว้ในคอมพิวเตอรต์ า่ ง ๆ ทั่วโลก) Uniform Resource Locator (URL) คอื ท่อี ยู่ของขอ้ มูลบน WWW ซงึ่ ถา้ เราจะหาขอ้ มูลเราตอ้ งทราบ ทอี่ ยู่ของ homepage หรอื URL ก่อน ตัวอย่างท่อี ย่ขู อง homepage ของกลุ่มเซนตจ์ อหน์ คอื http:// www.stjohn.ac.th สว่ นโปรแกรมที่ช่วยใหเ้ ขา้ สู่ข้อมลู ท่อี ยู่บน WWW ได้ คอื Netscape และ Micro- soft Explorer เปน็ ตน้ 3. FTP (File Transfer Protocol) คอื บริการทใ่ี ชใ้ นการโอนยา้ ย file หรอื ขอ้ มูลจากคอมพวิ เตอรห์ น่ึง ไปยังอกี คอมพิวเตอร์หนึง่ ในเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนตถา้ เครือ่ งนนั้ ๆตอ่ เข้ากบั ระบบทีเ่ ปน็ อนิ เทอรเ์ นตก็ สามารถโอนยา้ ยขอ้ มลู กนั ได้เครื่อง คอมพิวเตอรบ์ างท่ีน้ันจะทำ�หนา้ ที่ เป็นศูนยร์ วมของข้อมลู ต่าง ๆ เชน่ รปู ภาพ , ข้อความ , บทความ , คู่มือ และโปรแกรมตา่ ง ๆ ทเี่ ป็น Freeware หรือ Shareware เและเปิดใหเ้ ข้าไปโอนยา้ นมาไดฟ้ รี โปรแกรมทจี่ ะช่วยในการโอนย้ายขอ้ มูล ก็เชน่ Netscape, Telnet WSFTP เป็นต้น
4.Telnet เปน็ บรกิ ารท่ชี ว่ ยใหเ้ ราสามารถเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์อ่ืนเสมือนหนึ่งไปนัง่ ใชเ้ ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ของท่ีน่นั โปรแกรมทีช่ ว่ ยใหท้ ่านใช้บริการนไี้ ด้คอื โปรแกรม NCSA Telnet เมอ่ื เปิดโปรแกรมแลว้ ให้ พิมพ์คำ�สัง่ Telnet ดงั ในรูปภาพขา้ งล่างเม่ือทา่ นใชค้ �ำ ส่งั Telnet แล้วใหพ้ มิ พท์ ่ีอยู๋ของแหลง่ ข้อมลู น้นั ท่านกจ็ ะสามารถเขา้ สรู่ ะบบขอ้ มลู นน้ั ๆ ไดเ้ สมือนท่านไปน่งั อยูห่ น้าจอคอมพวิ เตอรข์ องเคร่อื ง ๆ นั้นเลย ทเี ดยี ว ระบบ Telnet 5. Usenet / News groups เป็นบริการทีช่ ่วยใหท้ า่ นเข้าส่ขู า่ วสารขอ้ มูลของกลุ่มสนทนาแลกเปลย่ี นปญั หาขอ้ สงสัยข่าวสาร ตา่ ง ๆ กลุม่ เหลา่ นจ้ี ะมสี ารพัดกลมุ่ ตามความสนใจ โปรแกรมท่ีชว่ ยให้ท่านใช้บริการน้ี คือ โปรแกรม Netscape News ทอี่ ยใู่ น โปรแกรม Netscape Navigator Gold 3.0 เมือเปดิ โปรแกรมดังกลา่ ว จาก น้ันรายช่ือของกลมุ่ สนทนาจะปรากฎขนึ้ ให้ท่านเลอื กอ่านตามใจชอบ หากจะใช้ Internet ควรตอ้ งมอี ะไรบ้าง ? 1. เครอื่ งคอมพิวเตอร์ท่ตี อ่ เชอ่ื มอยู่ในเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต การต่อเครอื่ งเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์เขา้ กบั ระบบเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นตนนั้ ลกั ษณะการตอ่ จะข้ึนอย่กู บั ความเร็วของสายที่ต่อเช่ือม 2. หากท่านต้องการใช้บริการอนิ เทอร์เนตจากที่บ้าน โดยการต่อคอมพิวเตอร์ทบ่ี า้ นให้เขา้ สู่ ระบบเครือ ขา่ ยอนิ เทอร์เนต ท่านตอ้ งมี Modem (โมเดม็ ) หรอื ตวั แปลงสญั ญาณ โมเด็มจะเปน็ ตวั ชว่ ยใหเ้ คร่ือง คอมพวิ เตอร์ของทา่ นรบั ขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต ได้ความเรว็ ของ Modem ควรจะเปน็ อย่างต่ำ� 14.1 kbps หรือมากกว่านน้ั (kilobyte per second = อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล) 3. หากท่านใชบ้ รกิ ารอนิ เทอรเ์ นตจากทีท่ ำ�งาน มหาวิทยาลัยหรือโรงเรยี น สำ�หรบั หนว่ ยงานใหญ่ ๆ มกั จะมกี ารต่อเชือ่ มเข้ากบั ระบบอินเทอร์เนตด้วยการใชส้ ายเชา่ ซง่ึ มีความเร็วในการส่งสญั ญาณสงู แทน โมเดม็ และจะตอ้ งมีโปรแกรมท่ีชว่ ยใหท้ า่ นเขา้ สู่ระบบอนิ เทอรเ์ นต ขนึ้ อยู่กับว่าทา่ นจะเลอื กใชบ้ รกิ าร อะไร ตวั อย่างเช่น หารกจะใช้ E-Mail (Electronic Mail) หรอื จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ โปแกรมที่จะใช้ได้ เช่น Pine , Eudora , Netscape Mail, Microsoft Explorer แต่ถ้าจะใช้ WWW ก็ตอ้ งใชโ้ ปรแกรม Netscape เป็นต้น 4. Internet Account ทา่ นต้องเปดิ บญั ชอี ินเทอรเ์ นต เหมอื นกบั ต้องจดทะเบยี นมชี อ่ื และท่อี ยู่บนอนิ เทอร์เนต เพอื่ ทว่ี า่ เวลาติดต่อสือ่ สารกับใครบนอนิ เทอรเ์ นต จะไดม้ ขี ้อมลู ส่งกลับมาหาท่านได้ถูกที่
การเช่อื มต่ออนิ เทอรเ์ นต็ การเชอ่ื มต่ออินเทอรเ์ นตสามารถเชือ่ มต่อได้สองลกั ษณะด้วยกันได้แก่ •การเชอ่ื มต่อโดยหมนุ โมเดม็ (Remote Access) •การเช่ือมตอ่ แบบระบบ LAN ส่วนใหญก่ ารเชอ่ื มต่อแบบหมนุ โมเด็ม (Remote Access) จะเป็นการเชื่อมตอ่ มาจากทางบา้ น และการเชอื่ มต่อแบบ LAN จะเป็นการเช่อื มต่อภายในองค์กร โดยจะขอกล่าวถงึ การเชอื่ มต่อแบบ หมุนโมเดม็ ก่อน ดังน้ี การเชอ่ื มตอ่ โดยหมนุ โมเดม็ (Remote Access) การเชอื่ มตอ่ อนิ เทอรแ์ บบนส้ี ง่ิ ท่ีจ�ำ เปน็ จะต้องมีไดแ้ ก่ 1.การขออนุญาตและเสียคา่ บรกิ ารให้ผู้บรกิ ารอินเทอรเ์ นต็ Internet Service Provider (ISP) หรือท่สี ถาบนั ทีท่ ่านศกึ ษา หรือหน่วยงานท่ที ่านท�ำ งานอยู่ โดยสิง่ ทีไ่ ดค้ อื ชอื่ ผูใ้ ช้ (Internet Account ) และรหสั ผา่ น (Password) 2.สายโทรศัพท์ 3.โมเด็ม อาจจะเป็น Internal Modem หรอื External Modemเคร่อื งคอมพิวเตอรโ์ ปรแกรมสื่อสาร ขอ้ มลู (Communication Program) ระบบเครือขา่ ยไร้สาย (Wireless LAN) ระบบเครือขา่ ยไร้สาย (WLAN = Wireless Local Area Network) คอื ระบบการสือ่ สาร ข้อมลู ท่ีมีความคลอ่ งตัวมาก ซง่ึ อาจจะนำ�มาใชท้ ดแทนหรือเพิ่มต่อกบั ระบบเครือขา่ ยแลนใช้สายแบบ ด้ังเดิม โดยใช้การส่งคลน่ื ความถ่วี ทิ ยุในย่านวิทยุ RF และ คลน่ื อนิ ฟราเรด ในการรบั และสง่ ข้อมูล ระหว่างคอมพวิ เตอรแ์ ตล่ ะเครอื่ ง ผา่ นอากาศ, ทะลกุ ำ�แพง, เพดานหรือสงิ่ ก่อ สร้างอ่นื ๆ โดยปราศจากความตอ้ งการของ การเดินสาย นอกจากน้ันระบบเครอื ข่าย ไรส้ ายกย็ ังมคี ณุ สมบัติครอบคลุมทุกอยา่ ง เหมือนกบั ระบบ LAN แบบใชส้ าย ท่สี ำ�คัญกค็ ือ การที่มนั ไมต่ อ้ งใชส้ าย ทำ�ใหก้ ารเคล่ือนยา้ ยการ ใช้งานท�ำ ได้โดยสะดวก ไมเ่ หมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ท่ตี ้องใชเ้ วลาและการลงทนุ ในการปรับเปลย่ี น ต�ำ แหน่งการใช้งานเครอื่ งคอมพิวเตอร์
ประโยชน์ของระบบเครอื ข่ายไรส้ าย 1. mobility improves productivity & service มีความคลอ่ งตัวสงู ดังนน้ั ไมว่ า่ เราจะเคลื่อนที่ไป ทีไ่ หน หรอื เคล่ือนยา้ ยคอมพิวเตอรไ์ ปตำ�แหน่งใด กย็ งั มีการเช่อื มต่อ กับเครอื ขา่ ยตลอดเวลา ตราบใดท่ี ยงั อย่ใู นระยะการสง่ ขอ้ มูล 2. installation speed and simplicity สามารถติดตง้ั ไดง้ ่ายและรวดเรว็ เพราะไมต่ ้องเสียเวลาติดต้งั สายเคเบลิ และไมร่ กรุงรงั 3. installation flexibility สามารถขยายระบบเครอื ขา่ ยไดง้ า่ ย เพราะเพียงแคม่ ี พซี ีการด์ มาตอ่ เขา้ กบั โนต๊ บคุ๊ หรอื พซี ี กเ็ ข้าสู่เครือข่ายได้ทนั ที 4. reduced cost- of-ownership ลดคา่ ใชจ้ า่ ยโดยรวม ที่ผู้ลงทนุ ต้องลงทุน ซ่งึ มีราคาสูง เพราะใน ระยะยาวแล้ว ระบบเครือข่ายไร้สายไม่จำ�เปน็ ต้องเสยี คา่ บำ�รงุ รักษา และการขยายเครือขา่ ยก็ลงทุนน้อย กว่าเดมิ หลายเท่า เน่ืองดว้ ยความงา่ ยในการตดิ ตั้ง 5. scalability เครอื ขา่ ยไรส้ ายท�ำ ให้องคก์ รสามารถปรับขนาดและความเหมาะสมได้ง่ายไมย่ ุง่ ยาก เพราะสามารถโยกย้ายตำ�แหน่งการใชง้ าน โดยเฉพาะระบบที่มีการเช่ือมระหวา่ งจุดต่อจุด เชน่ ระหว่าง ตกึ ระบบเครือข่ายไร้สาย เป็นระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรข์ นาดเลก็ ท่ีประกอบไปดว้ ยอปุ กรณ์ไม่ มากนกั และมกั จำ�กัดอยู่ในอาคารหลังเดยี วหรืออาคารในละแวกเดยี วกัน การใช้งานที่น่าสนใจทีส่ ุดของ เครอื ขา่ ยไรส้ ายก็คือ ความสะดวกสบายท่ีไมต่ ้องตดิ อยู่กับท่ี ผูใ้ ช้สามารถเคล่ือนท่ีไปมาได้โดยที่ยงั ส่ือสาร อยใู่ นระบบเครอื ขา่ ย
Search