หนงั สือส่งเสริมการเรยี นรู้ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ โดย คุณครูรชั พล ฟองฤทธ์ิ ครู วิทยฐานะครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนเคหะท่งุ สองหอ้ งวทิ ยา ๑ เขตหลักสี่ กทม.
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ นิราศภเู ขาทองเปน็ วรรณคดีประเภทนริ าศ ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ นริ าศเร่อื งท่ดี ที ่ีสุดของสนุ ทรภู่ ท่านแตง่ นิราศเร่ืองน้ี จากการเดินทาง ไปนมสั การเจดยี ภ์ ูเขาทอง ทก่ี รงุ เก่า (จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยาในปัจจุบนั ) เม่ือเดือนสบิ เอ็ด ปี ชวด (พ.ศ. ๒๓๗๑) ขณะบวชเป็นพระภิกษุ
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ สารบญั เรอื่ ง หนา้ ความเป็นมาของนิราศภเู ขาทอง ......................................................... ๑ ประวัติผแู้ ต่ง ...................................................................................... ๓ ผลงานของผแู้ ต่ง ................................................................................๕ ลกั ษณะคาประพันธ์ ............................................................................๑๒ เรอื่ งยอ่ ................................................................................................๑๓ แผนท่ีการเดนิ ทางของสนุ ทรภู่ .............................................................๑๔ สถานท่สี ุนทรภเู่ ดินทางผ่าน ................................................................๑๕ เนือ้ เรื่อง .............................................................................................๓๑ คาศพั ท์ ...............................................................................................๕๓ บทวเิ คราะห์ .......................................................................................๕๗ คณุ ค่าดา้ นเนือ้ หา .........................................................................๕๗ คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์ ....................................................................๖๔ ขอ้ คิดจากนริ าศภูเขาทอง ...............................................................๖๘ บรรณานกุ รม .......................................................................................๖๙
๑ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ความเป็นมา สนุ ทรภู่แต่งนิราศภเู ขาทองในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้า เจา้ อยหู่ ัว เม่ือราวปลายพ.ศ. ๒๓๗๓ หลังจากที่พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั เสด็จสวรรคตไปแล้ว ๖ ปี (สวรรคต ปี พ.ศ. ๒๓๖๗) โดยเลา่ ถงึ การเดินทางเพื่อไปนมัสการเจดีย์ภเู ขาทอง ท่เี มืองกรุงเกา่ หรอื จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยาในปจั จบุ นั หลังจากจาพรรษา อยทู่ ีว่ ดั ราชบูรณะหรอื วดั เลียบ นริ าศ นริ าศเป็นงานประพนั ธ์ประเภทหนงึ่ ของไทย มมี าตง้ั แตส่ มัยโบราณ เท่าทีป่ รากฏหลกั ฐานในปจั จุบัน นริ าศเรื่องแรกของไทยนนั้ ไดแ้ ก่ โคลงนิราศหรภิ ุญชยั ซ่ึงแต่งขน้ึ ในสมยั กรุงศรอี ยุธยาเน้ือหาของนริ าศ สว่ นใหญม่ ักเป็นการคร่าครวญของกวี (ชาย) ต่อสตรอี ันเปน็ ที่รัก เน่อื งจากตอ้ งพลดั พรากจากนางมาไกล อย่างไรกต็ าม นางในนิราศ ทก่ี วีพรรณนาวา่ จากมานัน้ อาจมีตวั ตนจริงหรือไม่กไ็ ด้ แตก่ วสี ว่ นใหญ่ ถือว่านางผเู้ ปน็ ทีร่ กั เปน็ ปจั จัยสาคัญทจี่ ะเออื้ ให้กวแี ต่งนิราศไดไ้ พเราะ แม้ในสมยั หลงั กวอี าจไม่ได้ให้ความสาคญั เร่อื งการคร่าครวญถงึ นาง แต่เนน้ ที่การบันทึกระยะทางเหตุการณ์ และอารมณ์ แตก่ ็ยงั คงมี บทครวญถงึ นางแทรกอยู่
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๒ ดงั เชน่ ทีส่ ุนทรภแู่ ตง่ นริ าศภูเขาทองทง้ั ๆ ที่กาลงั บวชอยู่ สนุ ทรภู่ กย็ ังเห็นว่าการครวญถงึ สตรเี ป็นสิง่ จาเปน็ ในการแตง่ นิราศ จงึ กล่าวไว้ ในกลอนตอนท้ายนิราศเรื่องนว้ี ่า ใช่จะมที ี่รกั สมัครมาด แรมนิราศรา้ งมิตรพิสมัย ซง่ึ ครา่ ครวญทาทีพิรีพ้ ไิ ร ตามนสิ ัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา เหมือนแมค่ รัวคั่วแกงพะแนงผดั สารพัดเพียญชนงั เครือ่ งมงั สา อนั พรกิ ไทยใบผกั ชีเหมอื นสกี า ต้องโรยหน้าเสียสักหนอ่ ยอร่อยใจ จงทราบความตามจรงิ ทกุ ส่งิ สน้ิ อยา่ นกึ นินทาแกลง้ แหนงไฉน นักเลงกลอนนอนเปลา่ ก็เศร้าใจ จงึ ร่าไรเรื่องรา้ งเล่นบ้างเอย
๓ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ประวัตผิ แู้ ต่ง สนุ ทรภู่ มีนามเดิมว่า ภู เกดิ ใน รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช เม่อื วนั ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ในวัยเด็กสนุ ทรภู่ไดอ้ าศยั อยู่กบั มารดาซ่ึงถวายตัวเป็นพระนม ในพระองค์เจ้าหญงิ จงกล พระธดิ า ในกรมพระราชวงั บวรสถานพมิ ุข และได้รับการศกึ ษาขัน้ ต้นท่วี ดั ชีปะขาว ซง่ึ ปัจจุบนั คือ วัดศรสี ุดาราม ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย สุนทรภู่ ไดเ้ ขา้ รบั ราชการและไดแ้ สดงความสามารถด้านการประพันธ์ จนเปน็ ที่ พอพระราชหฤทยั จงึ ไดร้ บั พระราชทานบรรดาศักด์เิ ปน็ ขนุ สนุ ทรโวหาร แต่เม่อื สนิ้ รชั กาล สุนทรภู่ได้ออกบวชเปน็ เวลาร่วม ๒๐ ปี ในระหว่างน้ี สุนทรภไู่ ด้มีโอกาสเดนิ ทางไปยังหวั เมอื งต่าง ๆ และแต่งนิราศขึ้นหลาย เร่ืองซ่งึ รวมถึงนริ าศภูเขาทอง
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๔ เม่อื ลาสิกขาบทแลว้ สุนทรภไู่ ดก้ ลับเขา้ รบั ราชการอีกคร้ังในปลาย รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเปน็ อาลกั ษณ์ในสมเด็จ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ จุธามณี กรมขนุ อิศเรศรงั สรรคใ์ นรชั กาลท่ี ๔ สุนทรภูไ่ ด้รบั พระราชทานบรรดาศักดิเ์ ป็นพระสนุ ทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ ฝา่ ยพระราชวงั บวรสถานมงคล ซึ่งเป็นตาแหน่งราชการสดุ ทา้ ยก่อนถึง แกก่ รรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘ รวมอายไุ ด้ ๖๙ ปี สนุ ทรภูไ่ ด้รับการยกย่องว่าเป็นกวที ีม่ ีความสามารถในการแต่งกลอน เน่อื งจากกลอนท่สี ุนทรภูแ่ ตง่ มลี กั ษณะเฉพาะเป็นของตนเอง จึงไดร้ ับ ความนยิ มอย่างกวา้ งขวาง และถือเปน็ แบบอยา่ งทมี่ ผี ู้แต่งตามตลอดมา นอกจากนีผ้ ลงานของสุนทรภูอ่ ีกหลายเร่อื ง ยังมีการนาไปแปลและดดั แปลงเป็นการต์ นู ภาพยนตร์ เพลง และละคร ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบ ๒๐๐ ปชี าตกาล สุนทรภู่ ไดร้ บั การยกยอ่ งจากองค์การการศึกษาวทิ ยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแหง่ สหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientificand Cultural Organization) หรือยเู นสโก (UNESCO) ให้เปน็ บุคคล ที่มผี ลงานดีเด่นของโลกดา้ นวรรณกรรม
๕ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ สาหรบั ผลงานของสนุ ทรภู่ เท่าทม่ี ีหลักฐานปรากฏในปัจจุบัน มอี ยู่ ด้วยกัน ๒๓ เรอื่ ง ดงั น้ี
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๖ นิราศ นิราศเมอื งแกลง (พ.ศ. ๒๓๔๙) – แต่งเม่อื หลังพ้นโทษจากคุก และ เดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง นริ าศพระบาท (พ.ศ. ๒๓๕๐) - แตง่ หลังจากกลับจากเมืองแกลง และ ตอ้ งตามเสด็จพระองคเ์ จ้าปฐมวงศ์ ไปนมัสการรอยพระพทุ ธบาทท่ีจังหวดั สระบรุ ีในวันมาฆบชู า นริ าศภเู ขาทอง (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๑) - แต่งโดยสมมตุ ิวา่ เณรหนู พัด เป็นผ้แู ตง่ ไปนมสั การพระเจดยี ์ ภูเขาทองท่ีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิราศสพุ รรณ (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๔) - แต่งเมือ่ ครั้งยังบวชอยู่ และไป คน้ หายาอายวุ ฒั นะที่จังหวัดสุพรรณบรุ ี เป็นผลงานเรอ่ื งเดียวของสุนทรภทู่ ่ี แต่งเป็นโคลง นริ าศวดั เจา้ ฟา้ (ประมาณ พ.ศ. ๒๓๗๕) - แตง่ เมือ่ คร้งั ยงั บวชอยู่ และไป คน้ หายาอายุวัฒนะตามลายแทงทีว่ ัดเจ้าฟา้ อากาศ (ไมป่ รากฏว่าท่ีจริงคือ วัดใด) ทจ่ี งั หวัดอยธุ ยา
๗ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ นิราศอเิ หนา (ไม่ปรากฏ, คาดวา่ เปน็ สมัยรชั กาลที่ ๓) – แตง่ เป็นเนอ้ื เรือ่ งอิเหนา ราพันถงึ นางบษุ บา ราพนั พิลาป (พ.ศ. ๒๓๘๕) – แต่งเม่ือคร้ังจาพรรษาอย่ทู ่ี วัดเทพธิดาราม แลว้ เกิดฝนั รา้ ย วา่ ชะตาขาดจึงบันทึกความฝนั พรอ้ มราพันความอาภพั ของตวั ไวเ้ ปน็ \"ราพนั พิลาป\" จากนน้ั จงึ ลาสกิ ขาบท นิราศพระประธม (พ.ศ. ๒๓๘๕) – เชอื่ ว่าแต่งเมื่อหลังจาก ลาสกิ ขาบทและเข้ารบั ราชการในพระบาทสมเดจ็ พระปิ่นเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ไปนมสั การพระประธมเจดยี ์ (หรอื พระปฐมเจดยี ์) ทเ่ี มอื งนครชัยศรี นริ าศเมอื งเพชร (พ.ศ. ๒๓๘๘) - แต่งเมอื่ เขา้ รบั ราชการใพระบาท สมเดจ็ พระป่ินเกล้าเจา้ อยหู่ ัวเชอ่ื วา่ ไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนง่ึ นิราศเรือ่ งนี้มฉี บบั คน้ พบเนอ้ื หาเพ่ิมเตมิ ซ่ึง ล้อม เพง็ แกว้ เช่อื วา่ บรรพบุรษุ ฝ่ายมารดาของสุนทรภเู่ ป็นชาวเมืองเพชร
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๘ นิทาน โคบุตร : เช่อื ว่าเปน็ งานประพนั ธ์ชิ้นแรกของสนุ ทรภู่ เป็นเรื่องราว ของ \"โคบตุ ร\" ซ่งึ เป็นโอรสของพระอาทติ ยก์ ับนางอปั สร แต่เติบโตข้นึ มา ดว้ ยการเล้ียงดขู องนางราชสหี ์ พระอภยั มณี : คาดว่าเร่มิ ประพันธ์ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ แต่ง ๆ หยุด ๆ เร่อื ยมาจนถึงสมยั รัชกาลที่ ๔ เป็นผลงานช้ินเอกของสุนทรภู่ ไดร้ บั ยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสร ให้เป็นสดุ ยอดวรรณคดไี ทย กลอนนทิ าน พระไชยสรุ ยิ า : เปน็ นิทานทสี่ นุ ทรภ่แู ต่งด้วยฉันทลกั ษณ์ประเภทกาพย์ หลายชนดิ ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ กาพยฉ์ บัง ๑๖ และกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ เปน็ นิทานสาหรบั สอนอ่าน เนอ้ื หาเรยี งลาดบั ความงา่ ยไปยาก จากแม่ ก กา แม่กน กง กก กด กบ กม และเกย เชื่อว่าแตง่ ข้นึ ประมาณ พ.ศ. ๒๓๘๓ - ๒๓๘๕
๙ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ ลกั ษณวงศ์ : เปน็ นทิ านแนวจักร ๆ วงศ์ ๆ ทีน่ าโครงเรื่องมาจากนิทาน พืน้ บา้ น แตม่ ีตอนจบท่แี ตกตา่ งไปจากนิทานท่วั ไปเพราะไม่ไดจ้ บดว้ ย ความสขุ แตจ่ บด้วยงานสมโภชศพนางทิพเกสรชายาของลกั ษณวงศ์ ท่ีสิน้ ชวี ิตดว้ ยการสงั่ ประหารของลกั ษณวงศ์เอง สงิ หไกรภพ : เช่อื ว่าเริ่มประพนั ธ์เมอื่ คร้ังถวายอกั ษรแด่เจ้าฟา้ อาภรณ์ ภายหลังจงึ แตง่ ถวายกรมหมนื่ อัปสรสดุ าเทพ และน่าจะหยุดแต่งหลงั จาก กรมหม่ืนอัปสรสุดาเทพสน้ิ พระชนม์ สงิ หไตรภพเปน็ ตวั ละครเอกที่ แตกตา่ งจากตัวพระในเร่อื งอืน่ ๆ เน่ืองจากเปน็ คนรกั เดยี วใจเดยี ว สภุ าษติ สวัสดริ กั ษา : คาดวา่ ประพันธ์ในสมยั รชั กาลท่ี ๒ ขณะเปน็ พระ อาจารยถ์ วายอกั ษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์ เพลงยาวถวายโอวาท : คาดว่าประพันธ์ ในสมยั รัชกาลท่ี ๓ ขณะเปน็ พระอาจารย์ ถวายอกั ษรแด่เจ้าฟา้ กลางและเจา้ ฟา้ ปิ๋ว สภุ าษติ สอนหญิง : เปน็ หนงึ่ ในผลงาน ซงึ่ ยงั เป็นที่เคลอื บแคลงวา่ สนุ ทรภู่ เปน็ ผ้ปู ระพนั ธ์จรงิ หรอื ไม่
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๑๐ บทละคร มีการประพนั ธไ์ วเ้ พยี งเรอ่ื งเดยี วคอื อภัยนรุ าช ซง่ึ เขยี นข้ึนในสมัย รชั กาลท่ี ๔ เพือ่ ถวายพระองคเ์ จา้ ดวงประภา พระธดิ าในพระบาทสมเด็จ พระปิน่ เกล้าเจา้ อยู่หวั บทเสภา ขุนชา้ งขนุ แผน (ตอน กาเนดิ พลายงาม) เสภาพระราชพงศาวดาร บทเหก่ ลอ่ มพระบรรทม น่าจะแตง่ ขนึ้ สาหรับใชข้ ับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลกั ขณานุคุณ กบั พระเจ้าลกู ยาเธอในพระบาทสมเดจ็ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี ๔ เร่ืองคอื - เห่เรื่องพระอภัยมณี - เหเ่ รือ่ งโคบตุ ร - เหเ่ ร่ืองจบั ระบา - เหเ่ รอื่ งกากี
๑๑ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ การแปลผลงานเปน็ ภาษาอนื่ ผลงานของสุนทรภ่ไู ด้รบั การแปลเปน็ ภาษาต่าง ๆ ดังนี้ ภาษาไทยถนิ่ เหนอื : พญาพรหมโวหาร กวีเอกของล้านนาแปล พระอภยั มณีคากลอน เปน็ ค่าวซอตามความประสงคข์ องเจา้ แมท่ พิ เกสร แตไ่ ม่จบเรอื่ ง ถึงแค่ตอนทีศ่ รสี วุ รรณอภเิ ษกกบั นางเกษรา ภาษาเขมร : ผลงานของสนุ ทรภู่ทแ่ี ปลเปน็ ภาษาเขมรมสี ามเรอื่ งคือ พระอภยั มณี ไมป่ รากฏชื่อผู้แปล แปลถึงแคต่ อนท่นี างผเี สือ้ สมุทร ลกั พระอภยั มณไี ปไว้ในถา้ เทา่ นน้ั ลักษณวงศ์ แปลโดย ออกญาปัญญาธบิ ดี (แยม) สุภาษิตสอนหญิง หรอื สภุ าษติ ฉบบั สตรี แปลโดย ออกญา สตุ ตันตปรชี า (อินทร)์ ภาษาอังกฤษ : พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ เปรมบรุ ฉตั ร ทรงแปล เร่อื ง พระอภัยมณี เป็นภาษาอังกฤษท้งั เร่ือง เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๙๕
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๑๒ ลักษณะคาประพนั ธ์ นิราศภูเขาทอง แตง่ ด้วยคาประพนั ธป์ ระเภทกลอนนิราศซ่งึ มลี ักษณะ คล้ายกลอนสภุ าพ แต่มคี วามแตกต่างกนั ตรงทก่ี ลอนนิราศจะแต่งขน้ึ ตน้ เร่ืองด้วยกลอนวรรครับและจะแตง่ ตอ่ ไปอีก โดยไมจ่ ากัดจานวนบท แตต่ ้องให้คาสดุ ทา้ ยซ่งึ อยูใ่ นวรรคสง่ จบลงด้วยคาวา่ “เอย”
๑๓ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ เรอ่ื งย่อ นิราศภเู ขาทองมีความยาว ๑๗๖ คากลอน เป็นนริ าศเรื่องทีส่ ้ัน ที่สุดของสุนทรภู่ เร่ิมเรอื่ งด้วยการปรารภถงึ สุนทรภูเ่ ร่ิมเรอ่ื งดว้ ยการ ปรารภถงึ สาเหตุทตี่ อ้ งออกจากวัดราชบรู ณะและการเดนิ ทางโดยเรือ พรอ้ มหนพู ัดซงึ่ เป็นบุตรชาย ลอ่ งไปตามลานา้ เจา้ พระยาผา่ น พระบรมมหาราชวัง จนมาถึงวัดประโคนปกั ผา่ นโรงเหลา้ บางจาก บางพลู บางพลดั บางโพ บา้ นญวน วัดเขมา ตลาดแกว้ ตลาดขวัญ บางธรณี เกาะเกรด็ บางพูด บางเดือ่ บางหลวง เชิงราก สามโคก บา้ นง้ิว เกาะใหญร่ าชคราม จนถึง กรุงเก่าเม่ือเวลาเย็นโดยจอด เรอื พกั ทท่ี ่าน้าวัดพระเมรุ คร้ันรงุ่ เชา้ จึงไปนมัสการเจดยี ์ ภเู ขาทองส่วนขากลบั สุนทรภู่ กล่าวแต่เพยี งว่า เมอื่ ถงึ กรงุ เทพฯ ได้จอดเทยี บเรอื ท่ที า่ น้าหน้าวดั อรุณราช วรารามราชวรมหาวิหาร
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๑๔ แผนทกี่ ารเดินทาง ของสนุ ทรภู่
๑๕ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ สถานท่สี นุ ทรภ่เู ดนิ ทางผ่าน
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๑๖
๑๗ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๑๘
๑๙ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๒๐
๒๑ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๒๒
๒๓ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๒๔
๒๕ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๒๖
๒๗ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๒๘
๒๙ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๓๐
๓๑ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ เนอื้ เรอื่ ง เน้อื เร่ือง ถอดคำประพนั ธ์ เดอื นสิบเอด็ เสร็จธรุ ะพระวสา ถึงเดอื น ๑๑ ซึ่งออกจากการจา รับกฐินภญิ โญโมทนา พรรษาแล้ว เมื่อรับกฐนิ อยา่ งยินดีเสรจ็ ชุลีลาลงเรอื เหลืออาลัย แล้ว ก็ตอ้ งลงเรอื ไปด้วยเศรา้ โศก ออกจากวดั ทัศนาดอู าวาส ออกจากวัดกม็ องดวู ัดทีเ่ คย เม่ือตรษุ สารทพระพรรษาไดอ้ าศยั อาศยั อยุ่เม่ือปีท่ผี า่ นมา อีกท้งั ๓ ฤดู สามฤดูอยดู่ ไี ม่มีภยั ทอี่ ย่มู าก็ไม่มีอะไรมากวนใจ มาจาไกลอารามเม่อื ยามเยน็ วดั ราชบูรณะพระวหิ ารนี้คงอกี โออ้ าวาสราชบุรณะพระวหิ าร นานกว่าจะไดม้ าเห็น นึกแล้วเศรา้ ใจยิง่ แตน่ ี้นานนับทวิ าจะมาเหน็ นักท้ังนี้เปน็ เพราะมคี นพาลมารงั แก เหลอื ราลกึ นกึ น่าน้าตากระเด็น ใสร่ า้ ย เพราะขกุ เข็ญคนพาลมารานทาง คิดจะใหผ้ ู้ใหญ่คอยชว่ ยเหลอื ท่าน จะยกหยิบธิบดเี ปน็ ท่ีต้ัง ก็ไมม่ คี วามยุตธิ รรม จงึ ต้องอาลาวัดไป กใ็ ชถ้ งั แทนสดั เหน็ ขัดขวาง จนตอ้ งมาอ้างว้างอย่กู ลางสายน้า จ่ึงจาลาอาวาสนิราศร้าง มาอ้างวา้ งวิญญาณใ์ นสาคร
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๓๒ เนื้อเร่ือง ถอดคำประพนั ธ์ ถงึ หน้าวงั ดงั หนงึ่ ใจจะขาด ถึงหนา้ วงั ก็เศร้าโศกคิดถงึ ร.๒ คดิ ถึงบาทบพิตรอดิศร ผซู้ ง่ึ มีพระคณุ กบั สุนทรภอู่ ย่างมาก โอผ้ ่านเกล้าเจา้ ประคณุ ของสุนทร เมื่อก่อนเคยเขา้ เฝ้าพระองคอ์ ย่าง แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทกุ เช้าเย็น ใกลช้ ิดและบอ่ ยครง้ั พระนิพพานปานประหนง่ึ ศีรษะขาด เมื่อพระองคส์ วรรคตกเ็ หมอื นกบั ดว้ ยไรญ้ าตยิ ากแคน้ ถึงแสนเขญ็ สนุ ทรภู่ตายไปด้วยเพราะไมม่ คี นคอย ทง้ั โรคซ้ากรรมซัดวบิ ัติเปน็ ช่วยเหลอื ชวี ิตจึงยากแค้นแสนเขญ็ อีก ไม่เล็งเหน็ ทซ่ี ึง่ จะพ่งึ พา ท้งั มโี รคภัยเข้ามารุมล้อม ไมม่ ีคนพึง่ พา จึงสร้างพรตอตสา่ ห์สง่ ส่วนบญุ ถวาย จงึ ไดบ้ วชเพ่อื อทุ ิศส่วนกุศลให้แก่ ประพฤติฝา่ ยสมถะท้งั วสา ร.๒ ประพฤตติ นอย่ใู นศีลธรรมเพือ่ เปน็ เป็นสงิ่ ของฉลองคุณมลุ กิ า ส่งิ ทดแทนคณุ พระองค์ แม้เกดิ ชาตใิ ด ขอเป็นข้าเคยี งบาททกุ ชาติไป ก็ขอใหเ้ ป็นข้ารับใช้พระองค์ตลอดไป ถงึ หนา้ แพแลเห็นเรอื ทนี่ งั่ เม่ือถึงหน้าแพแลเห็นเรอื ทนี่ ง่ั คดิ ถึงครัง้ กอ่ นมานา้ ตาไหล คิดถึงเมื่อกอ่ นกเ็ ศร้าจนน้าตาไหล เคยหมอบรับกบั พระจม่ืนไวย เคยหมอบกรา ร.๒ กบั พระจมนื่ ไวย แล้วลงในเรอื ที่น่ังบลั ลงั กท์ อง ซงึ่ เปน้ เพือ่ น แล้วกล็ งไปในเรอื บงั ลังกท์ อง
๓๓ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๑ เน้ือเรือ่ ง ถอดคำประพนั ธ์ เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยแตง่ แปลงบทความ เคยรบั เคยรบั ราชโองการอา่ นฉลอง ราชโองการอา่ นในงานฉลอง จนเรอื จนกฐินสิ้นแมน่ า้ ในลาคลอง ที่มาทอดกฐินหมด กม็ ไิ ดท้ าให้ มไิ ด้ขอ้ งเคืองขัดหัทยา พระองคข์ ัดใจแต่อย่างใด เคยหมอบใกลไ้ ด้กล่ินสคุ นธ์ตรลบ เคยหมอบกราบใกลจ้ นได้กลน่ิ ละอองอบรสรนื่ ชื่นนาสา หอมจากพระวรกาย จนตดิ จมกู แต่ ส้ินแผ่นดินสน้ิ รสสุคนธา เม่ือพระองคส์ วรรคตก็สน้ิ กล่นิ หอมไป วาสนาเราก็สิ้นเหมอื นกลิน่ สคุ นธ์ ทงั้ ยังเหมือนวาสนากส็ ้นิ ตามกลิ่นไป ดใู นวงั ยังเหน็ หอพระอัฐิ มองไปยังเหน็ หอท่ีเกบ็ พระอัฐิของ ตงั้ สติเตมิ ถวายฝ่ายกศุ ล ร.๒ กต็ ้งั สตถิ วายส่วนบุญสว่ นกศุ ล ทั้งปิ่นเกล้าเจา้ พิภพจบสากล ทง้ั ส่งสว่ นกศุ ลไปให้ ร.๓ ให้พน้ ภยั ใน ใหผ้ ่องพ้นภยั สาราญผ่านบรุ ินทร์ การปกครองบ้านเมือง ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ถงึ วดั ประโคนปกั กม็ องไปไมเ่ หน็ ไม่เหน็ หลกั ลือเล่าว่าเสาหนิ เสาหนิ ทล่ี อื กัน เป็นเสาทส่ี าคญั ใน เป็นสาคญั ปันแดนในแผ่นดิน แผ่นดิน มิรูส้ ิ้นสดุ ชื่อที่ลือชา
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๓๔ เนอื้ เรอื่ ง ถอดคำประพนั ธ์ ขอเดชะพระพุทธคณุ ชว่ ย ถงึ จะไมเ่ ห็นก็ขอเดชะ แม้นมอดมว้ ยกลบั ชาตวิ าสนา พระพุทธคุณชว่ ย ขอใหอ้ ายุยนื อายุยืนหมื่นเท่าเสาศลิ า หมนื่ ๆ ปดี งั เสาศลิ า อยคู่ ่ฟู ้าดนิ ได้ อยคู่ ู่ฟา้ ดินไดด้ งั ใจปอง ตลอดไป ไปพ้นวัดทศั นาริมท่าน้า มองดูริมท่าน้า มีแพมาจอด แพประจาจอดรายเขาขายของ ขายของอยเู่ รียงราย มขี ายทัง้ มีแพรผา้ สารพดั สมี ่วงตอง ผา้ แพรสมี ่วงและสีอื่น ๆ ท้ังสงิ่ ของ ทั้งสิง่ ของขาวเหลอื งเครื่องสาเภา ที่มาจากเมอื งจีน ถงึ โรงเหลา้ เตากลั่นควนั โขมง ถึงโรงเหลา้ ก็มีควนั ออกมาจาก มคี นั โพงผกู สายไวป้ ลายเสา เตากล่ันมากมาย มีเคร่อื งตกั นา้ ผูก โอ้บาปกรรมนา้ นรกเจยี วอกเรา ไว้ปลายเสา สนุ ทรภูเ่ คยด่มื นา้ เหลา้ ให้มวั เมาเหมอื นหนง่ึ บา้ เป็นนา่ อาย จนเมาเหมอื นคนบ้า ทาบญุ บวชกรวดนา้ ขอสาเรจ็ จึงไดบ้ วชเพ่อื จะได้พ้นจาก พระสรรเพชญโพธญิ าณประมาณหมาย อบายมุข ขอให้ได้ตรสั ร้ดู ัง ถงึ สรุ าพารอดไม่วอดวาย พระพุทธเจา้ แต่เหลา้ เคยทาให้ ไมใ่ กล้กรายแกล้งเมนิ กเ็ กินไป รอดชีวิตดงั น้ันจะเมินไปกเ็ กนิ ไป
๓๕ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑ เน้ือเรอื่ ง ถอดคำประพนั ธ์ ไมเ่ มาเหล้าแล้วแตเ่ รายังเมารัก ถงึ จะไมเ่ มาเหล้าแต่ยังเมารักอยู่ สุดจะหกั ห้ามจติ คดิ ไฉน หักห้ามจิตใจไมใ่ หร้ ักไมไ่ ด้ การเมา ถึงเมาเหล้าเชา้ สายก็หายไป เหล้านั้นพอรุ่งข้นึ กห็ ายไปแต่การเมา แต่เมาใจน้ปี ระจาทุกคา่ คืน รกั นีจ้ ะเปน็ ทกุ ๆ คนื ถงึ บางจากจากวดั พลัดพ่นี ้อง ถึงบางจากไม่อยากไดย้ นิ คาว่า มามวั หมองม้วนหน้าไม่ฝา่ ฝนื จาก เพราะสนุ ทรภู่จากหลาย ๆ เพราะรักใคร่ใจจืดไมย่ ดื ยนื อย่างมา ตอ้ งมีใจมวั หมองเพราะรัก จงึ ตอ้ งขนื ใจพรากมาจากเมอื ง นั้นไม่ยนื ยาว ต้องจากเมืองพรากมา ถงึ บางพลคู ิดถึงคู่เม่อื อยคู่ รอง ถงึ บางพลูคดิ ถึงนางจนั เมอ่ื เคยใส่ซองสง่ ให้ล้วนใบเหลือง แต่งงานกนั เคยส่งหมากพลโู ดย ถงึ บางพลดั เหมอื นพพี่ ลดั มาขัดเคอื ง ใสซ่ องให้ท้ังหมดเปน็ ใบเหลอื ง ท้งั พลดั เมืองพลัดสมรมาร้อนรน ถงึ บางพลัดก็ไม่อยากพลดั จาก นางจัน ท้ังยงั พลดั จากเมอื ง ถงึ บางโพโอ้พระศรีมหาโพธิ และอืน่ ๆ อยา่ งรอ้ นรน ร่มนิโรธรุกขมลู ให้พนู ผล ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ถึงบางโพกค็ ิดถึงต้นโพธ์ิ ใหผ้ อ่ งพ้นภัยพาลสาราญกาย ใหร้ ม่ เงา ใหค้ วามรม่ เย็นทั้งยงั ทาให้ โคนตน้ ไม้งอกงามได้ ขอเดชะของ พระพุทธเจ้า ใหพ้ น้ ภัยพาลตลอดไป
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๓๖ เนอื้ เร่ือง ถอดคำประพนั ธ์ ถึงบ้านญวนลว้ นแต่โรงแลสะพรั่ง ถงึ บา้ นญวนเหน็ มีโรงเรือนมากมาย มขี ้องขงั กุ้งปลาไว้คา้ ขาย มคี นขายของเช่นกงุ้ หรือปลาโดยการขงั ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย ไวใ้ นขอ้ ง ขา้ งหนา้ โรงวางที่สาหรบั ดกั พวกหญงิ ชายพร้อมเพรยี งมาเมยี งมอง ปลาวางเรียงไว้ ท้งั หญิงและชายมา จบั จา่ ยซือ้ ของ จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหมฤ้ ทยั หมอง จะมองกลบั ไปยงั ประเทศบ้านเกิดก็ ถงึ เขมาอารามอร่ามทอง ทรมานเหมอื นโดนไฟสุมในใจ ลอ่ งเรอื พึ่งฉลองเลกิ งานเมื่อวานซนื มาจนถงึ วัดเขมา กร็ ู้วา่ พง่ึ เลิกงานฉลอง โอป้ างหลงั ครัง้ สมเดจ็ บรมโกศ คิดถงึ เมอ่ื ก่อนซง่ึ ร.๒ ได้มาตัด มาผูกโบสถ์กไ็ ดม้ าบูชาชน่ื หวายลกู นติ ิ ได้ชมพระพมิ พ์ท้ัง ชมพระพิมพ์รมิ ผนงั ยังย่ังยนื ๘๔,๐๐๐ องค์ซ่ึงเท่ากบั จานวนพระ ทั้งแปดหม่นื สพี่ ันไดว้ นั ทา ธรรมทอี่ ยูใ่ นพระไตรปฎิ กท่อี ยูร่ ิมผนงั โอค้ รัง้ น้มี ิไดเ้ หน็ เลน่ ฉลอง แต่ครงั้ นไี้ มไ่ ดเ้ หน็ การเลน่ ฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา เพราะสุนทรภตู่ อ้ งหมดวาสนาและ เป็นบญุ นอ้ ยพลอยนกึ โมทนา ลาบาก เป็นเพราะบุญนอ้ ยก็นกึ เศร้า พอนาวาตดิ ชลเข้าวนเวียน แตแ่ ลว้ เรอื กต็ ดิ น้าวน
๓๗ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ เนอ้ื เรอ่ื ง ถอดคำประพนั ธ์ ดูน้าว่ิงกลิ้งเชยี่ วเปน็ เกลยี วกลอก มองเหน็ น้าวงิ่ เช่ยี วหมุนเปน็ เกลียว กลบั กระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน พุ่งไปมาตดั กนั บางส่วนก็พุง่ วนเหมือน บา้ งพล่งุ พลงุ่ วุ้งวงเหมือนกงเกวียน กงเกวยี น ดเู วียนๆเป็นเหมอื นพายุวน ดเู วยี นเวยี นควา้ งควา้ งเปน็ หวา่ งวน ทั้งหัวทา้ ยเรอื ไดร้ บี แจวเรอื ดงั นน้ั ท้งั หวั ท้ายกรายแจวกระชากจว้ ง เรอื จึงหลุดน้าวนออกมาได้ แตถ่ ึงเรอื ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน จะพ้นน้าวนมาแล้วแต่ใจสนุ ทรภกู่ ็ยงั ไม่ โอเ้ รือพน้ วนมาในสาชล พ้นจากวงั วนของความรกั ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา ถึงตลาดแก้วแตไ่ มเ่ หน็ มีตลาดตง้ั ตลาดแกว้ แล้วไมเ่ ห็นตลาดต้ัง ขายเหน็ แตต่ ้นไมพ้ ชื พันธุ์ต่าง ๆ ได้ สองฟากฝง่ั กแ็ ตล่ ว้ นสวนพฤกษา กล่ินดอกไม้หอมตลอดทางและกล่ิน โอ้รนิ รินกล่นิ ดอกไม้ใกลค้ งคา เหมอื นผ้าแพรที่ยอ้ มด้วยมะเกลือ เหมือนกลน่ิ ผ้าแพรดาร่ามะเกลือ เหน็ ต้นโศกใหญแ่ ละต้นระกาเป็น เห็นโศกใหญใ่ กล้น้าระกาแฝง แผงแต่แปลกท่ีมตี น้ รกั ขน้ึ แซมอย่ดู ้วย ทง้ั รกั แซงแซมสวาทประหลาดเหลือ เหมอื นความโศกเศร้าระกาใจท่สี ุนทรภู่ เหมอื นโศกพี่ทีช่ ้าระกาเจือ ตอ้ งเป็นเพราะรักแมจ่ ัน เพราะรกั เร้อื แรมสวาทมาคลาดคลาย
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๓๘ เนื้อเรอ่ื ง ถอดคำประพันธ์ ถงึ แขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ ถึงจังหวัดนนทบรุ กี ็เหน็ มตี ลาดนา้ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย มีแพอยู่ซึง่ ขายเส้ือผา้ เคร่อื งนงุ่ ห่ม ท้งั ของสวนลว้ นเรืออยู่เรยี งราย มที ้ังเรอื จอดอยมู่ ที ้งั ผ้หู ญงิ ผชู้ ายมา พวกหญงิ ชายประชุมกันทุกวนั คืน ประชุมซอ้ื ของกนั อยทู่ ุกวนั ทกุ คืน มาถึงบางธรณีทวโี ศก มาถึงหม่บู ้านบางธรณีกโ็ ศกเศรา้ ยามวิโยคยากใจให้สะอนื้ มาก เพราะตอนลาบากพาให้ใจสะอืน้ โอส้ ุธาหนาแนน่ เปน็ แผ่นพื้น มาก ทง้ั ทแี่ ผ่นดนิ หนาขนาดสองแสน ถึงสีห่ ม่นื สองแสนทง้ั แดนไตร สี่หมนื่ โยชน์ เมือ่ เคราะห์รา้ ยกายเรากเ็ ทา่ น้ี แตเ่ มือ่ ถึงคราวลาบากแม้แต่แผ่นดนิ ไม่มีที่พสธุ าจะอาศยั กไ็ มม่ ที ่อี าศยั เหมือนโดนหนามเสยี ด ลว้ นหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ แทงเจ็บแสบมาก เหมือนกับนกไม่มรี ัง เหมอื นนกไร้รงั เรอ่ ยเู่ อกา ทีจ่ ะอาศยั ตอ้ งเร่ร่อนไปเรือ่ ย ๆ ถงึ เกร็ดย่านบา้ นมอญแต่กอ่ นเกา่ ถึงตาบลปากเกรด็ ซึ่งเปน็ บริเวณที่ ผู้หญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา ชาวมอญอพยพมา ตามธรรมเนียม เดี๋ยวนมี้ อญถอนไรจุกเหมือนตกุ๊ ตา ผหู้ ญิงมอญจะเกลา้ ผม แตส่ มยั นี้ ทง้ั ผัดหนา้ จบั เขม่าเหมอื นชาวไทย ผู้หญงิ มอญมาถอนไรผมเหมือนตกุ๊ ตา ท้งั ยังใชเ้ คร่ืองสาอาง ใช้แป้งผัดหน้า ซงึ่ เหมอื นกับชาวไทย
๓๙ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ เนือ้ เรอื่ ง ถอดคำประพันธ์ โอ้สามญั ผนั แปรไม่แทเ้ ท่ยี ง ทุกส่งิ ทุกอย่างไมม่ ีความเท่ียงแท้ เหมอื นอย่างเยย่ี งชายหญิงทงิ้ วสิ ัย เหมือนดงั ท่ชี าวมอญละทงิ้ ประเพณี นี่หรอื จิตคดิ หมายมหี ลายใจ วัฒนธรรมของตนเองแลว้ จะนับประสา ทีจ่ ติ ใครจะเปน็ หนึง่ อยา่ พึงคดิ อะไรกับจิตใจของคนซงึ่ ยากจะมใี จเดยี ว ถงึ บางพูดพูดดเี ป็นศรศี ักดิ์ ถึงหมูบ่ ้านบางพดู กน็ กึ ถงึ คาวา่ พดู มคี นรกั รสถ้อยอร่อยจิต ถา้ ใครพดู ดีกจ็ ะมคี นรัก แตถ่ า้ พูดไม่ดี แมน้ พูดชว่ั ตวั ตายทาลายมิตร ก็อาจจะเป็นภยั ต่อตนเอง ทงั้ การจะดู จะชอบผดิ ในมนุษย์เพราะพดู จา ว่าใครดไี ม่ดดี ไู ด้จากการพดู ถึงบา้ นใหม่ใจจิตกค็ ดิ อา่ น ถึงหมู่บ้านบ้านใหมก่ ็คดิ อยากจะได้ จะหาบ้านใหม่มาดเหมอื นปรารถนา บ้านซกั หลังตามทีต่ ้องการโดยขอกบั ขอใหส้ มคะเนเถดิ เทวา เทวดาใหส้ มดงั ปรารถนา จะไดม้ ี จะได้ผาสกุ สวัสดก์ิ าจัดภยั ความสุขและมีทอ่ี าศยั อยา่ งปลอดภัย ถึงบางเดอื่ โอ้มะเด่อื เหลือประหลาด ถึงหมู่บ้านบางเด่อื กค็ ดิ ถงึ บงั เกดิ ชาติแมลงหว่ีมีในไส้ ลูกมะเด่ือทีภ่ ายนอกน้ันดสู วยงาม เหมอื นคนพาลหวานนอกย่อมขมใน นา่ รบั ประทานแตภ่ ายในกลับมีแมลง อปุ ไมยเหมือนมะเดือ่ เหลือระอา มหี นอนชอนไชอยู่ เหมือนกับคนพาล ท่ีปากพูดดแี ต่ในใจคิดทาอันตราย
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๔๐ เนอ้ื เร่อื ง ถอดคำประพนั ธ์ ถึงบางหลวงเชิงรากเหมอื นจากรัก ถงึ บางหลวงเหมือนจากนางจนั มา สเู้ สยี ศักดิ์สงั วาสพระศาสนา นานแลว้ เราต้องสละจากยศถาบรรดา เป็นลว่ งพน้ รนราคราคา ศักดิ์เพ่อื มาบวชจะไดพ้ น้ จากกเิ ลสท้ัง ถงึ นางฟ้าจะมาให้ไมไ่ ยดี ถึงจะมีนางฟา้ มายั่วก็ไม่สนใจ ถงึ สามโคกโศกถวลิ ถึงปิน่ เกลา้ ถงึ สามโคกกค็ ดิ ถงึ ร.๒ ซงึ่ พระองค์ พระพุทธเจา้ หลวงบารุงซ่ึงกรงุ ศรี ปกครองเมืองและไดพ้ ระราชทานนาม ประทานนามสามโคกเป็นเมอื งตรี เมอื งจากสามโคกซง่ึ เป็นหัวเมอื งชัน้ ช่ือปทุมธานีเพราะมีบวั สามเป็นเมืองปทุมธานเี พราะมีบัวเยอะ โอพ้ ระคุณสญู ลบั ไม่กลับหลัง ถึง ร.๒ สวรรคตไปแลว้ แตช่ อ่ื แต่ชอ่ื ตงั้ กย็ งั อยู่เขารู้ทว่ั ปทมุ ธานคี งอยูต่ ลอดไป แต่ขนุ สุนทร แต่เรานท้ี ส่ี นุ ทรประทานตวั โวหารท่ีได้รบั พระราชทานนามมากลบั ไมร่ อดชวั่ เช่นสามโคกยง่ิ โศกใจ ไม่มชี ่ือในแผ่นดนิ หลงั จากพระองค์ สวรรคตเลย ซ่งึ ตา่ งกบั ปทมุ ธานี สิน้ แผ่นดินสิน้ นามตามเสด็จ ตอ้ งเท่ยี วเตรด็ เตร่หาทีอ่ าศัย สนุ ทรภู่ตอ้ งเร่รอ่ นหาทอี่ าศยั เพราะ แม้นกาเนดิ เกิดชาตใิ ดใด ขณะนี้ไมม่ บี า้ น สุนทรภ่ขู อใหเ้ กดิ ขอให้ได้เปน็ ขา้ ฝ่าธุลี ทกุ ชาติไดเ้ ปน็ ขา้ รับใช้พระองคต์ ลอดไป
๔๑ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ เนื้อเรอ่ื ง ถอดคำประพนั ธ์ ส้ินแผน่ ดินขอใหส้ ิ้นชีวิตบ้าง พอพระองค์สวรรคตสนุ ทรภกู่ ็ขอ อยา่ รู้ร้างบงกชบทศรี อยากตายตามบา้ งเพอ่ื จะได้รับใช้ เหลืออาลยั ใจตรมระทมทวี และพงึ่ พระองค์ เดยี๋ วนก้ี เ็ ศร้าโศกใจ ทุกวันนกี้ ซ็ ังตายทรงกายมา ต้องเรร่ อ่ น ชีวติ ไมม่ ีจุดมุง่ หมาย ถงึ บา้ นง้ิวเห็นแตง่ ิ้วละลิ่วสูง ถึงหม่บู า้ นบ้านงวิ้ กเ็ หน็ มแี ต่ ไมม่ ีฝงู สตั ว์สงิ ก่ิงพฤกษา ต้นงิ้วซึ่งไมม่ ีนกหรือสตั วอ์ น่ื ๆ ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา อยบู่ นกงิ่ เลยเพราะตน้ งว้ิ มหี นาม นึกก็น่ากลวั หนามขามขามใจ ข้นึ อยู่มากมายนกึ ถึงกน็ ่ากลวั หนาม ง้วิ นรกสิบหกองคุลีแหลม งว้ิ ในนรกยาวถึง ๑๖ ข้อนวิ้ ดังขวากแซมเส้ยี มแทรกแตกไสว แหลมเหมอื นกบั ไมไ้ ผเ่ หลาทากับดัก ใครทาชูค้ ู่ท่านคร้ันบรรลัย ซึง่ ใครมชี ูเ้ มอื่ ตายไปแลว้ ก็ต้องไปปนี กต็ ้องไปปนี ตน้ น่าขนพอง ตน้ ง้ิวในนรก เราเกิดมาอายเุ พียงน้แี ล้ว แตส่ นุ ทรภู่เกดิ มาอายมุ าก ยังคลาดแคลว้ ครองตวั ไมม่ ัวหมอง แล้วแตย่ ังครองตัวอยู่ในศลี ธรรม ทุกวนั น้วี ิปริตผิดทานอง ไม่มีชู้ แตท่ ุกวันน้ีผคู้ นวปิ ริตมชี กู้ นั เจยี นจะต้องปนี บา้ งหรอื อยา่ งไร มากคงตอ้ งไปปีนตน้ งว้ิ ในนรกกันบา้ ง
นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๔๒ เนื้อเรอื่ ง ถอดคำประพันธ์ โอค้ ดิ มาสารพดั จะตดั ขาด ทงั้ หมดทคี่ ดิ มานั้นสนุ ทรภูส่ ามารถ ตดั สวาทตดั รกั มิยักไหว ตดั ขาดได้แต่การตัดความรกั น้นั ยากย่ิง ถวิลหวังนงั่ นึกอนาถใจ นัก นงั่ นกึ อนาถใจไปจนเย็นกถ็ ึงเกาะ ถงึ เกาะใหญร่ าชครามพอยามเย็น ใหญ่ราชคราม ดหู ่างยา่ นบา้ นชอ่ งทงั้ สองฝ่ัง มองไปเหน็ บา้ นเรอื นต่าง ๆ อยหู่ ่าง ระวังทัง้ สัตว์น้าจะทาเข็ญ จากสองฝ่ังมาก ในทน่ี ้ีต้องระวงั จระเข้ เปน็ ท่อี ยูผ่ ูร้ า้ ยไม่วายเว้น จะทารา้ ย ทัง้ เปน็ ที่อยู่ของผู้รา้ ยซึ่งมา เที่ยวซ่อนเรน้ ตเี รือเหลอื ระอา ดกั ตีเรอื สนุ ทรภู่คดิ แลว้ น่าเบอ่ื ยิง่ นกั พระสรุ ิยงลงลับพยับฝน เมื่อพระอาทติ ย์ตกก็มีเมฆมดื ครม้ึ ดูมัวมนมดื มดิ ทุกทศิ า มาจนดมู ดื มัวไปทกุ ทิศทาง พายเรือ ถึงทางลดั ตัดทางมากลางนา ถงึ ทางลดั ซ่งึ เป็นทางตัดกลางนาก็เหน็ ทั้งแฝกคาแขมกกขน้ึ รกเรี้ยว มตี น้ แฝกตน้ คาตน้ แขมตน้ กกขึน้ อยมู่ าก เป็นเงาง้านา้ เจิง่ ดูเวิ้งวา้ ง เงาของต้นพวกนี้ทอดลงนา้ ทาให้ ทงั้ กวา้ งขวางขวัญหายไม่วายเหลยี ว ดูเวง้ิ ว้างดกู ว้างขวางเหลียวมองทไี รก็รูส้ กึ เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสยี งกราวเกรยี ว ขวญั หายทกุ ที มองเห็นเงาของหญิงชาย ลว้ นเรอื เพรียวพร้อมหนา้ พวกปลาเลย ท้ังยงั มเี สยี งคุยกัน เรือของพวกเขา เพรียวเล็กและมีปลาอยู่บนเรืออกี ด้วย
๔๓ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๑ เนื้อเร่ือง ถอดคำประพนั ธ์ เขาถอ่ คล่องว่องไวไปเปน็ ยดื พวกเขาถ่อเรือคลอ่ งแคล่วเดินทาง เรือเราฝดื เฝอื มานิจจาเอ๋ย ไปอยา่ งรวดเร็ว แตเ่ รือของสนุ ทรภู่ ต้องถ่อคา้ ร่าไปลว้ นไม่เคย ไปชา้ มากลกู ศษิ ย์ทถี่ อ่ เรือกเ็ หนด็ เหนอ่ื ย ประเดยี๋ วเสยสวบตรงเข้าพงรก บางทีเรือก็เสยเข้าพงหญ้ารกรุงรงั กลบั ถอยหลงั ร้งั รอเฝา้ ถ่อถอน จะถอยหลงั กถ็ อยยาก เรือกโ็ คลง เรือขยอ้ นโยกโยนกระโถนหก จนกระโถนใสห่ มากหก พอเงย่ี หฟู งั ก็ เงยี บสงดั สัตวป์ า่ คณานก ไมไ่ ดย้ นิ เสียงสตั วเ์ ลยสักตัว มแี ต่ น้าคา้ งตกพรา่ งพรายพระพายพดั นา้ ค้างตกเพราะลมพดั ไม่เหน็ คลองต้องค้างอย่กู ลางทุง่ มองไปไม่เห็นคลองเลยตอ้ งคา้ งอยู่ พอหยุดยุงฉู่ชุมมารมุ กดั กลางทงุ่ แตพ่ อหยดุ เรือยงุ กม็ ารมุ กัด เปน็ กลุ่มกลมุ่ กลมุ้ กายเหมือนทรายซัด เจบ็ เหมือนโดนทรายซดั เลยไม่ไดน้ อน ต้องนงั่ ปดั แปะไปมไิ ด้นอน เพราะตอ้ งน่งั ปัดยุง แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง สนุ ทรภูร่ ู้สกึ อ้างวา้ งมาก มองไป ในทงุ่ กวา้ งเหน็ แตแ่ ขมแซมสลอน ในทุ่งกวา้ งเหน็ มีแต่ต้นแขมขนึ้ อยปู่ ะปน จนดกึ ดาวพราวพรา่ งกลางอมั พร กัน จนดึกก็มีดาวอยู่กลางทอ้ งฟ้า กระเรียนร่อนรอ้ งก้องเมื่อสองยาม มนี กกระเรียนบินรอ่ นและรอ้ งก้องเมื่อ ตอนเที่ยงคืน
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๔๔ เน้อื เร่อื ง ถอดคำประพนั ธ์ ท้ังกบเขียดเกรยี ดกรดี จังหรีดเรอื่ ย มเี สยี งกบเขียดรอ้ งเรอื่ ย ๆ มลี มพดั พระพายเฉ่ือยฉวิ ฉวิ วะหววิ หวาม เฉอื่ ย ๆ สุนทรภรู่ ูส้ กึ วงั เวงก็คิดราพึง วงั เวงจิตคดิ คะนึงราพึงความ เมื่อตอนมียศถาบรรดาศกั ดิ์ ถึงเมอ่ื ยามยังอดุ มโสมนสั ได้หัวเราะเฮฮากบั เพอ่ื น มีคนคอย สารวลกบั เพ่อื นรกั สะพรักพรอ้ ม ปรนนิบัติรบั ใช้ แตย่ ามลาบากเหน็ แต่ อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิบัติ หนูพัดลกู ชายคอยชว่ ยนง่ั ปดั ยุงให้ โอ้ยามเขญ็ เห็นอยู่แตห่ นพู ดั ชว่ ยนั่งปัดยงุ ให้ไม่ไกลกาย จนพระจนั ทร์ข้นึ ก็เห็นตน้ กระจบั จอก มีดอกบวั เผอื่ นขึน้ มากเมื่อคนื เดอื น จนเดอื นเดน่ เหน็ เหลา่ กระจบั จอก หงาย มองเห็นคลองทง้ั สองดา้ น ระดะดอกบวั เผอื่ นเม่อื เดือนหงาย หวั ทา้ ยเรอื ก็รบี ถอ่ เรอื ลงคลอง เห็นรอ่ งนา้ ลาคลองทั้งสองฝ่าย ขา้ งหนา้ ทา้ ยถ่อมาในสาคร จนพระอาทติ ย์ขนึ้ ก็เหน็ พนั ธุผ์ ักดู นา่ รกั ส่งเกสรแก่กัน มีบวั เผื่อนอยู่สอง จนแจม่ แจ้งแสงตะวนั เห็นพันธุ์ผัก ขา้ งทางทีเ่ รือพายไป มีตน้ ก้ามกงุ้ ขนึ้ อยู่ ดูนา่ รกั บรรจงส่งเกสร กับสาหร่ายใต้น้า เหลา่ บวั เผ่อื นแลสล้างรมิ ทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสยี ดสาหรา่ ยใต้คงคา
๔๕ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ เนื้อเร่อื ง ถอดคำประพันธ์ สายติ่งแกมแซมสลับต้นตบั เต่า มตี น้ สายตงิ่ ขน้ึ สลับกบั ตน้ เปน็ เหลา่ เหลา่ แลรายทัง้ ซา้ ยขวา ตบั เตา่ เป็นกลมุ่ ๆ มองไป กระจับจอกดอกบวั บานผกา เหมอื นกับดาวบนทอ้ งฟา้ ดาษดาดขู าวดงั ดาวพราย เหล่านถ้ี า้ ผหู้ ญงิ ได้มาเหน็ ก็คง โอ้เชน่ นสี้ ีกาได้มาเหน็ จะลงเลน่ กลางทงุ่ ท่ีมเี รือก็คงจะ จะลงเล่นกลางทงุ่ เหมือนม่งุ หมาย พายไปเกบ็ สายบัว ที่มีเรอื นอ้ ยน้อยจะลอยพาย เทย่ี วถอนสายบัวผันสนั ตะวา ถา้ สนุ ทรภมู่ โี ยมผหู้ ญงิ กค็ งไม่ นิง่ เฉยใหอ้ ายดอกไม้ คงจะใชใ้ ห้ ถงึ ตวั เราเล่าถา้ ยงั มีโยมหญงิ ศษิ ยไ์ ปเกบ็ ของฝากเท่าทท่ี าได้ ไหนจะน่ิงดูดายอายบุปผา ในตอนน้ี คงจะใช้ใหศ้ ิษย์ท่ีติดมา อตุ ส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน แตน่ ่ีจนใจไม่มีผ้หู ญงิ สักคน ข้เี กยี จเก็บจงึ เลยมา พอมีแสง นจ่ี นใจไม่มเี ท่าข้เี ลบ็ อ่อน ๆ ของพระอาทิตยก์ ถ็ งึ ข้ีเกยี จเกบ็ เลยทางมากลางหน กรงุ ศรอี ยุธยา สุนทรภูร่ ู้สึกเศร้าใจ พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุรยิ น ถงึ ตาบลกรุงเกา่ ยิ่งเศรา้ ใจ
นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๔๖ เนอื้ เรือ่ ง ถอดคำประพันธ์ มาทางทา่ หน้าจวนจอมผู้รั้ง เมอ่ื ถึงหน้าจวนของเพ่ือนสนุ ทรภู่ คดิ ถึงครัง้ กอ่ นมาน้าตาไหล เขากค็ ิดถงึ เม่ือก่อนจนนา้ ตาไหล จะแวะหาถ้าท่านเหมอื นเมื่อเปน็ ไวย สุนทรภตู่ ้ังใจจะแวะหาถา้ ยังเหมอื น ก็จะได้รับนิมนต์ขึน้ บนจวน เมอ่ื กอ่ นก็คงจะไดร้ ับนมิ นต์ขึน้ บนจวน แต่ยามยากหากวา่ ถา้ ทา่ นแปลก แต่ถ้าหากว่าทา่ นแปลกไปก็คง อกมแิ ตกเสียหรือเราเขาจะสรวล จะโดนหัวเราะเยาะจะต้องอายมาก เหมือนเขญ็ ใจใฝ่สูงไม่สมควร รสู้ กึ ไมก่ ล้าใฝส่ งู เปน็ เพอื่ นได้ จึงได้ จะตอ้ งม้วนหน้ากลับอปั ระมาณ เดนิ ทางต่อไปยงั เจดยี ภ์ เู ขาทอง มาจอดท่าหนา้ วัดพระเมรุขา้ ม จอดเรอื ท่ีข้างวดั พระเมรซุ งึ่ รมิ วดั ริมอารามเรอื เรยี งเคยี งขนาน มีเรือจอดเรียงอยู่ บางลามีคนร้องเล่น บ้างขน้ึ ล่องรอ้ งราเล่นสาราญ เต้นสาราญ บางลากร็ อ้ งเพลงเก้ียวกนั ทัง้ เพลงการเกี้ยวแก้กันแซเ่ ซ็ง บางลาฉลองผ้าป่าดว้ ยการขบั เสภา บ้างฉลองผ้าปา่ เสภาขบั ทง้ั ยงั มคี นตีระนาดซ่งึ ตีเกง่ เหมอื นนาย ระนาดรบั รวั คล้ายกับนายเส็ง เสง็ (คนเกง่ ระนาดสมยั สนุ ทรภู่) มโี คม มีโคมรายแลอรา่ มเหมือนสามเพง็ แขวนอยเู่ รยี งรายเหมือนอยู่สามเพง็ เมื่อคราวเครง่ กม็ ใิ คร่จะไดด้ ู เมอื่ คราวเคร่งในพระศาสนากไ็ ม่ได้ดู
๔๗ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ เนอ้ื เรอื่ ง ถอดคำประพันธ์ ไอล้ าหน่งึ คร่ึงทอ่ นกลอนมนั มาก มีเรือลาหนง่ึ กลอนมันมาก ชา่ งยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนือ่ ยหู รอ้ งกลอนยากลากเลอ้ื ยฟงั แล้ว ไม่จบบทลดเล้ียวเหมอื นเงี้ยวงู เหน่อื ยหู กลอนลดเลย้ี วเหมือน จนลูกค่ขู อทเุ ลาวา่ หาวนอน ทางงูจนลูกคู่บอกวา่ งว่ งนอน ไดฟ้ งั เลน่ ตา่ งต่างท่ขี ้างวดั ได้ฟังการละเลน่ ต่าง ๆ ทขี่ ้างวดั ดึกสงัดเงยี บหลับลงกบั หมอน พอดึกก็นอน ประมาณสามยาม ประมาณสามยามคล้าในอมั พร ก็มีโจรขึน้ เรือ อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรอื พอมเี สียงกุกกกั สนุ ทรภู่กล็ กุ ขน้ึ นาวาเอยี งเสยี งกุกลกุ ขึ้นรอ้ ง โวยวาย โจรกร็ ีบดาน้าไปอย่างวอ่ งไว มันดาล่องน้าไปช่างไวเหลอื มองไปไม่เหน็ หนา้ ลกู ศษิ ยก์ ็รู้สึก ไมเ่ หน็ หนา้ สานุศิษย์ท่ีชดิ เชอ้ื ทาอะไรไม่ถกู ด้วยความกลวั เหมอื นเน้ือเบอ้ื บ้าเลอะดูเซอะซะ แตห่ นูพดั จุดเทียนสอ่ งดวู า่ มีอะไร แตห่ นพู ัดจัดแจงจดุ เทยี นส่อง หายไปบา้ ง แตไ่ มม่ เี ลยแม้แต่เครือ่ ง ไมเ่ สียของขาวเหลอื งเครื่องอฏั ฐะ อฐั บรขิ าร ทง้ั น้ีดว้ ยเดชะตบะบญุ และ ดว้ ยเดชะตบะบญุ กับคณุ พระ คณุ พระท่คี มุ้ ครอง ทาให้ชนะมารได้ ชยั ชนะมารได้ดังใจปอง
Search