แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๖ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ พฒั นาทกั ษะสื่อสาร เร่อื ง การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๓๑๐๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลาเรียน ๒ ชัว่ โมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผสู้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิรมิ งคล กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรยี นมัธยมวดั สิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขียนสอื่ สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอื่ งราวในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงาน การศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. ตวั ชีว้ ดั ท ๒.๑ ม.๓/๑ คัดลายมอื ตัวบรรจงครง่ึ บรรทัด ท ๒.๑ ม.๓/๙ เขยี นรายงานจากการศึกษาคน้ ควา้ และโครงงาน ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ มมี ารยาทในการเขียน ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรูส้ ตู่ ัวช้ีวัด ๓.๑ อธบิ ายหลักการเขยี นรายงานได้ ๓.๒ เขียนโครงรา่ งรายงานจากการศึกษาค้นคว้าได้ ๔. สาระสาคัญ การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เป็นการเขียนรายงานผลการค้นคว้าเฉพาะเรื่องในวิชาต่าง ๆ โดยวิธีการค้นคว้าน้ันเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กว้างขวางยิ่งข้ึน อีกทั้งรายงานนับเป็นสิ่ง สาคัญในการศึกษา ค้นคว้า ผู้เขียนรายงานจะต้องรู้หลักการเขียนรายงานทั้งส่วนประกอบของรายงาน การเรียบเรียงเน้ือหา รวมทัง้ การเขยี นบรรณานกุ รมทถ่ี ูกตอ้ งตามหลักเกณฑ์ ๕. สาระการเรยี นรู้ ๕.๑ ความหมายของการเขยี นรายงานจากการศกึ ษาค้นคว้า ๕.๒ ข้ันตอนการเขียนรายงาน
๕.๓ ตวั อยา่ งการเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ คว้า ๖. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๖.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖.๔ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๗.๑ มวี ินยั ๗.๒ ใฝเ่ รียนรู้ ๗.๓ มุ่งม่ันในการทางาน ๗.๔ รกั ความเปน็ ไทย ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนา โดยครูใช้คาถามกระตุน้ ความสนใจ ดงั น้ี แล้ว • จดุ มุง่ หมายของการเขยี นรายงานจากการศกึ ษาคน้ ควา้ คอื อะไร (แนวทางการตอบ เพอ่ื ให้ร้จู กั รวบรวม เรียบเรียงข้อมลู ความรู้ ความคดิ นาเสนออยา่ งเป็นระบบ) ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้ เร่ือง การเขียนรายงานจากการค้นคว้า แล้วสรุปลงในสมุด บนั ทกึ ของตนเอง ๒. ครสู ุ่มเลขที่ เพอ่ื ถามนกั เรยี นว่ารายงานที่ดคี วรมลี ักษณะอย่างไร ๓. ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกนั สรุปขั้นตอนการเขยี นรายงาน เป็นแผนภาพความคิด ดังน้ี • เลอื กเรอ่ื งท่ีเขยี นรายงาน • วางโครงเรอ่ื ง • คน้ คว้าและรวบรวมข้อมูล • เรยี บเรียงเนอ้ื หา • ตรวจสอบและประเมนิ ผลงาน จดั ทาเปน็ รายงาน ๔. ครูนาตัวอย่างรูปเล่มรายงานหลาย ๆ เรื่อง มาให้นักเรียนดู และร่วมกันศึกษาการเขียน รายงานว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีส่วนประกอบใดบ้าง แต่ละส่วนเป็นอย่างไร เพ่ือเป็น แนวทางในการเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ คว้าในอนาคต
ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ หลักการ ดงั น้ี ท่ี • การเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ คว้า เป็นการเขยี นนาเสนอทีม่ าจาก การศึกษาค้นควา้ เพ่อื ส่งเสริมให้ผู้เรียนร้จู ักแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง การเขียน รายงานจะตอ้ งเรียบเรยี งขอ้ มูลเปน็ อยา่ งดี นาเสนอด้วยภาษาทเ่ี ข้าใจงา่ ย มีรูปแบบ ถูกต้องและแหล่งอ้างองิ ทน่ี า่ เช่อื ถือ ๙. สื่อการเรยี นรู้ หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน วิวธิ ภาษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๑๐. ภาระงาน/ช้ินงาน ครูใหน้ กั เรยี นอ่านทบทวนเนอ้ื หาท่ีเรยี นไปทง้ั หมด ๑๑. การวัดและประเมินผล วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การวัด นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมินการสงั เกต ไมน่ อ้ ยกวา่ ๘ คะแนน รายบุคคล พฤติกรรมการทางาน รายบุคคล
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๗ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ พฒั นาทกั ษะสือ่ สาร เร่ือง การเขียนรายงานโครงงาน รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๓๑๐๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลาเรยี น ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผูส้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ ิมงคล กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรยี นมัธยมวดั สิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียน เรอ่ื งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๒. ตวั ชีว้ ดั ท ๒.๑ ม.๓/๑ คดั ลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทดั ท ๒.๑ ม.๓/๙ เขยี นรายงานจากการศึกษาคน้ ควา้ และโครงงาน ท ๒.๑ ม.๓/๑๐ มมี ารยาทในการเขยี น ๓. จดุ ประสงค์การเรียนร้สู ตู่ ัวชี้วดั ๓.๑ อธบิ ายหลกั การเขยี นรายงานโครงงานได้ ๓.๒ บอกส่วนประกอบของการเขยี นเคา้ โครงของโครงงานได้ ๔. สาระสาคญั การเขียนรายงานโครงงานเปน็ รปู แบบหนึ่งของการนาเสนอผลงานของโครงงานทีผ่ ้เู รียน ได้ ศึกษาค้นคว้าและลงมือปฏิบัติอย่างเป็นระบบ เป็นการปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และ ความสามารถของผู้เรียน โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นข้ันตอน การกาหนดหัวข้อในการ เขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุตายตัวเหมือนกันทุกโครงงาน ส่วนประกอบของหัวข้อในรายงานต้อง เหมาะสมกบั ประเภทของโครงงานและระดับชัน้ ของผ้เู รยี น ๕. สาระการเรยี นรู้ ๕.๑ ความหมายของโครงงาน ๕.๒ วตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน ๕.๓ ประเภทของโครงงาน
๕.๔ ข้ันตอนการทาโครงงาน ๕.๕ ตวั อย่างการเขยี นเค้าโครงของโครงงาน ๖. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ๖.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๖.๕ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๗.๑ มวี ินัย ๗.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๗.๓ มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๗.๔ รกั ความเปน็ ไทย ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูและนักเรยี นร่วมกันสนทนา โดยครใู ช้คาถามกระตุน้ ความสนใจ ดงั นี้ • การเขียนรายงานท่ัวไปแตกตา่ งจากการเขียนรายงานโครงงานอย่างไร (แนวทางการตอบ การเขียนรายงานโครงงานเป็นการใหผ้ เู้ รียนได้ลงมือ ปฏบิ ัตจิ ริง อาจเปน็ การสารวจ ทดลอง แลว้ นาข้อมลู มาจดั ทาเปน็ รายงานตาม ข้นั ตอนการทาโครงงาน สว่ น การเขยี นรายงานทัว่ ไปเป็นการรวบรวมขอ้ มูลจาก แหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ แลว้ นามาเขยี นรายงาน ) ๑. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง การเขียนรายงานโครงงาน แล้วร่วมกันสนทนาเพ่ือสรา้ ง ความเข้าใจรว่ มกนั ๒. ครูใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับโครงงานท่นี กั เรียนเคยทาว่า มลี กั ษณะเป็นอยา่ งไรบา้ ง การทาโครงงานมีจุดประสงค์อย่างไร เพ่ือเป็นการแลกเปล่ียนความรูซ้ ่งึ กัน และกัน ๓. ครูนาตัวอย่างโครงงานหลาย ๆ ประเภทมาให้นักเรียนศึกษา แล้วร่วมกันวิเคราะห์ ประเภทของโครงงาน จากน้ันครูนาตัวอย่างการเขียนเค้าโครงของโครงงานมาให้นักเรียนอ่าน เพื่อ สรา้ งความเข้าใจรว่ มกัน ๔. ครใู ห้นกั เรียนสรปุ หวั ขอ้ การเขียนเค้าโครงของโครงงาน เปน็ แผนภาพความคิด
ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ หลักการ ดงั น้ี • การเขียนรายงานโครงการ เปน็ การเขยี นนาเสนอผลการศึกษาคน้ คว้าดว้ ย ตนเองจ า ก การสารวจ การทดลอง การประดิษฐผ์ ลงาน การนาเสนอองค์ความร้ใู หมใ่ นรปู ของ เอกสาร เพ่ืออธิบาย ให้ผอู้ น่ื ทราบที่มา รายละเอียดของขอ้ มูล ขน้ั ตอนการปฏิบัติงาน ผ ล ที่ เ กิ ด ขึ้ น ข อ ง โครงงานนั้น ๆ นักเรยี นจะตอ้ งเรยี บเรียงข้อมูลและใชภ้ าษาที่เข้าใจง่าย เพื่อเป็นประโยชน์แก่ ผ้ทู ม่ี าศึกษา ๙. สอ่ื การเรยี นรู้ หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน ววิ ธิ ภาษา ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ๑๐. ภาระงาน/ชน้ิ งาน ครูให้นักเรยี นอา่ นทบทวนเน้ือหาทเ่ี รียนไปทงั้ หมด ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารวดั ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมินการสงั เกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน ไม่น้อยกว่า ๘ คะแนน รายบคุ คล ๒ . สั ง เ ก ต ค ว า ม สน ใจและ แบบประเมินการสังเกตความ นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม การร่วมกิจกรรมกลุ่มของ สนใจและการร่วมกิจกรรมกลุ่ม ไม่นอ้ ยกว่า ๕ คะแนน นักเรียน ของนักเรียน
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๘ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ นิทานคากลอน พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนนี างผเี สื้อสมุทร เร่ือง โวหารภาพพจน์ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลาเรยี น ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ ผสู้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิรมิ งคล กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย โรงเรียนมัธยมวดั สงิ ห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามา ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจริง ๒. ตวั ชีว้ ัด ท ๕.๑ ม.๓/๒ วเิ คราะหว์ ิถไี ทยและคณุ ค่าจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรุปความรแู้ ละขอ้ คิดจากการอ่านเพ่ือนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ จรงิ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ บอกความหมายของโวหารภาพพจน์ได้ ๓.๒ อธบิ ายลักษณะโวหารภาพพจน์แตล่ ะชนิดได้ ๓.๓ ยกตวั อยา่ งโวหารภาพพจนแ์ ต่ละชนดิ ได้ ๔. สาระสาคญั โวหารภาพพจน์ คือ กลวิธีการนาเสนอสารโดยการพลิกแพลงภาษาท่ีใช้พูดหรอื เขียนใหแ้ ปลกออกไป จากภาษาตามตัวอักษรทาให้ผู้อ่านเกิดภาพในใจ เกิดความประทับใจ เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ เป็นการ เปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ลักษณะของโวหารภาพพจน์ ได้แก่ อุปมา อุปลักษณ์ ปฏิพากย์ อติพจน์ บคุ ลาธษิ ฐาน สญั ลักษณ์ นามนยั สทั พจน์ ซ่ึงโวหารแต่ละชนิด จะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑ ความหมายของโวหารภาพพจน์ ๕.๒ ประเภทของโวหารภาพพจน์ ๕.๓ หลกั การสังเกตโวหารภาพพจนใ์ นบทประพันธ์ ๖. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
๖.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖.๒ ความสามารถในการคดิ ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๗.๑ มวี ินยั ๗.๒ ใฝเ่ รียนรู้ ๗.๓ มุ่งมัน่ ในการทางาน ๗.๔ รักความเป็นไทย ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นา ๑. ครใู ห้นกั เรยี นดูตวั อย่างคาประพันธจ์ ากส่ือ Power point ซง่ึ เป็นตัวอย่าง คาประพนั ธท์ ม่ี ีการใช้โวหารภาพพจน์ ➢ ตัวอย่างคาประพนั ธ์ : “ฝงู มา้ น้าทาทา่ เหมือนม้าเผน่ ” ๒. ครูถามนักเรียนว่า บทประพันธ์นี้ถอดความไดว้ ่าอยา่ งไร ๓. เมื่อนักเรียนตอบคาถาม ครูอธิบายเพิ่มเติม จากนั้นครูให้นักเรียนสังเกต คาว่า “เหมือน” ปรากฏอยใู่ นบทกลอนทว่ี า่ “ฝูงมา้ น้าทาทา่ เหมอื นม้าเผน่ ” ซึ่งเปรยี บเทยี บ พ ฤ ติ ก ร ร ม ของม้าน้าทม่ี กี ริยาคักคกั คึกคะนอง เหมือน มา้ ขนั้ สอน ๑. ครูให้นักเรียนศึกษาความหมายและประเภทของโวหารภาพพจน์ในใบความรู้ จากนัน้ ครูอธิบายเพ่มิ เติม ซึ่งโวหารภาพพจน์ คอื การใช้ถ้อยคาสานวนโวหาร ทที่ าใหผ้ อู้ า่ น เ กิ ด มโนภาพเกิดจินตนาการ ถ่ายทอดอารมณต์ า่ ง ๆ ได้อยา่ งลึกซ้ึง ทาใหม้ คี วามรู้สึกรว่ ม ตรงตาม ความปรารถนาของผ้แู ตง่ ท้ังน้ีโวหารภาพพจนแ์ บ่งเป็น ๘ ประเภท ดงั น้ี ๑.๑ อปุ มา ๑.๒. อุปลกั ษณ์ ๑.๓ ปฏิพากย์ ๑.๔ อตพิ จน์
๑.๕ บุคลาธษิ ฐาน ๑.๖ สัญลักษณ์ ๑.๗ นามนัย ๑.๘ สัทพจน์ ๒. ครูสุ่มเรยี กให้นักเรยี นตอบคาถาม โดยครมู ปี ระโยคหรือบทประพนั ธจ์ ากเรื่อง พระ อภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี สื้อสมุทร แล้วใหน้ ักเรยี นตอบวา่ บทประพันธ์ที่ ย ก ม า เ ป็ น โวหารภาพพจน์ประเภทใด เช่น ➢ ครูคือแมพ่ ิมพข์ องชาติ (แนวคาตอบ อุปลักษณ์ สังเกตจากคาว่า “คือ” เปรียบว่าครูเป็นเหมือนแม่พิมพ์ท่ี สรา้ งคนจานวนมากใหม้ ีความร้คู วามสามารถนามาพัฒนาประเทศชาต)ิ ขนั้ สรปุ ๑. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัด เร่อื ง โวหารภาพพจน์ จานวน ๑๐ ข้อ ๒. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปลกั ษณะการสงั เกตโวหารภาพพจนใ์ นบทประพนั ธ์ หลักการสังเกต - อปุ มา สงั เกตจากการใช้คาเชอื่ ม เชน่ ดุจ ดงั่ ราว ราวกับ เปรียบ ประดุจ เฉก ฯลฯ - อุปลกั ษณ์ สังเกตจากการเปรียบเทียบเชือ่ มโยงความคิดหน่งึ กับความคิด หนงึ่ มักมีคาวา่ เป็น คือ เป็นคาเชอ่ื ม - ปฏิพากย์ สังเกตจากการเปรยี บเทียบโดยการใช้คาตัดกันหรือคาตรงกัน ข้ามกัน - อตพิ จน์ สังเกตจากโวหารท่กี ล่าวเกนิ ความจริง เนน้ ความรู้สกึ ทาให้ผ้ฟู งั เกดิ ความรู้สึกทล่ี ึกซงึ้ - บุคลาธษิ ฐาน หรือ บุคคลวตั สังเกตได้จากการทาส่งิ ท่ีไมม่ ชี ีวติ เช่น โต๊ะ เกา้ อ้ี ให้มชี วี ิตเหมือนมนษุ ย์ - สัญลักษณ์ สังเกตได้จากการเรียกช่ื อสิ่งๆหนึ่ งโ ดยใช้คา อ่ืน ม า แ ท น ไมเ่ รียกตรง ๆ - นามนัย สังเกตจากการใช้คาหรือวลีซ่ึงบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติของ สิ่งใดส่งิ หนึง่ แทนอีกสง่ิ หนงึ่ คลา้ ย ๆ สัญลกั ษณ์ แตต่ า่ งกนั ตรงที่นามนัยนัน้ จะดงึ เอา ลักษณะบางส่วนของส่งิ หนง่ึ มากล่าวให้หมายถงึ ส่วนท้ังหมด - สัทพจน์ สงั เกตจากการใช้ภาพพจนท์ ี่เลียนเสยี งธรรมชาติ เชน่ เสียงดนตรี เสียงสัตว์ เสียงคลน่ื เสยี งลม เสียงฝนตก เสยี งนา้ ไหล เปน็ ตน้
๙. สื่อการเรยี นรู้ ๑. หนงั สือเรยี นวิชาภาษาไทย วรรณคดีวจิ กั ษ์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ๒. สอื่ Power point เร่อื ง โวหารภาพพจน์ ๓. แบบฝึกหัด เรอ่ื ง โวหารภาพพจน์ ๑๐. ภาระงาน/ช้ินงาน แบบฝกึ หัด เรือ่ ง โวหารภาพพจน์ ๑๑. การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารวดั ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมนิ การสังเกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน ไมน่ ้อยกว่า ๘ คะแนน รายบุคคล ๒ . สั ง เ ก ต ค ว า ม สน ใจและ แบบประเมินการสังเกตความ นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม การร่วมกิจกรรมกลุ่มของ สนใจและการรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๕ คะแนน นักเรยี น ของนกั เรียน ๓. ตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง แบบฝกึ หัด เรื่อง โวหาร นั ก เ รี ย น ท า ไ ด้ ถู ก ต้ อ ง ต า ม เกณฑท์ ีก่ าหนด โวหารภาพพจน์ ภาพพจน์
แบบฝกึ หดั ที่ ๒ เรอ่ื ง โวหารภาพพจน์ คาชแี้ จง : ให้นักเรยี นพิจารณาขอ้ ความต่อไปน้วี า่ ใช้โวหารภาพพจนช์ นิดใด ๑. ชวี ติ คนเราไมย่ ืนยาวเหมือนเหลก็ เหมือนศลิ า ………….………………………………………………………………………………………… ๒. รฐั มนตรที งั้ หลายมัวแต่หวงเก้าอี้ ………….………………………………………………………………………………………… ๓. ดอกไม้ ดอกไมจ้ ะบาน บริสุทธก์ิ ลา้ หาญจะบานในใจ ………….………………………………………………………………………………………… ๔. ผะผัวะผะผุบผับปุบปบั แปะ ………….………………………………………………………………………………………… ๕. นางสาวไทยปนี สี้ วยอยา่ งรา้ ยกาจ ………….………………………………………………………………………………………… ๖. ในความรสู้ ึกของฉนั หล่อนคือภูเขานา้ แข็ง ………….………………………………………………………………………………………… ๗. เป็นหางราชสีหด์ ีกวา่ เป็นหวั หมา ………….………………………………………………………………………………………… ๘. ความบัดซบเสนียดจญั ไร ไปชวนความวินาศฉบิ หาย จุดประลยั กัลป์ทาลาย ล้างโลกไหม้ ………….…………………………………………………………………………………………
๙. เรยี มร่าน้าเนตรถ้วม ถงึ พรหม พาเทพเจา้ ตกจม จ่อมม้วย พระสเุ มรุเปื่อยเปน็ ตม ทบท่าว ลงนา หากอกกนษิ ฐพ์ รหมฉ้วย พ่ีไว้จึงคง ………………………………………………………………………………………… ๑๐. เปน็ กะลาใหถ้ ือ แมเ้ ธอคือขอทาน เป็นบัลลังก์ตระการแม้เธอคอื นางพญา …………………………………………………………………………………………
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๙ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ นิทานคากลอน พระอภยั มณี ตอนพระอภัยมณีหนนี างผีเส้อื สมุทร เร่อื ง รสวรรณคดไี ทย รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เวลาเรยี น ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ผ้สู อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิริมงคล กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรียนมัธยมวดั สิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามา ประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ ๒. ตวั ชี้วดั ท ๕.๑ ม.๓/๒ วิเคราะหว์ ิถีไทยและคณุ ค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรปุ ความร้แู ละขอ้ คิดจากการอ่านเพ่ือนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ บอกบอกรสในวรรณคดีไทยได้ ๓.๒ อธิบายลกั ษณะรสในวรรณคดีแตล่ ะชนดิ ได้ ๔. สาระสาคญั การศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมไทยนั้น จะต้องอธิบายลักษณะและคุณค่าด้านวรรณศิลป์ รวมถึง รสในวรรณคดีตามหลักการวจิ ารณ์เบ้ืองตน้ ดว้ ย เพอื่ สามารถรบั รู้ความรู้สึกของสารท่ีผ้สู ่งสารต้องการส่ือได้ ซึ่ง ในเร่อื งรสวรรณคดีของไทยมีท้ังหมด ๔ รส คอื เสาวรจนี นารปี ราโมทย์ พิโรธวาทัง และสัลลาปังคพสิ ยั ๕. สาระการเรยี นรู้ ๕.๑ ความหมายของรสในวรรณคดี ๕.๒ ประเภทของรสวรรณคดี
๖. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๗.๑ มวี นิ ัย ๗.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๗.๓ มงุ่ ม่ันในการทางาน ๗.๔ รกั ความเป็นไทย ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนา ครูถามนักเรียนวา่ “รสในวรรณคดี” หมายถึงอะไร เพ่ือโยงเขา้ สบู่ ทเรียน (แนวคาตอบ รสวรรณคดี หมายถึง อารมณ์สัมผสั รับรดู้ ้วยใจ เชน่ รส เสียง ถ้อยคา สมั ผัส ด้านอารมณ์ ความเคลอื่ นไหวของภาพใหช้ ัดเจน มชี วี ิตชวี าย่ิงข้นึ เพอ่ื ให้เขา้ ถึงรสภาพอยา่ งลึกซึง้ ) ขัน้ สอน ๑. ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษารสในวรรณคดจี าก ใบความรู้ เร่ืองรสวรรณคดีไทย ๓. ครูอธิบายศิลปะการประพันธ์ใน เร่ือง รสวรรณคดีไทย พร้อมยกตัวอย่าง คาประพนั ธจ์ ากใบความรู้ เพื่ออธบิ ายใหน้ ักเรยี นเข้าใจมากข้นึ ๓. ครสู ุม่ เรยี กเลขท่ีนกั เรียน เพ่อื ตอบคาถามตอ่ ไปนี้ - รสวรรณคดีแบบไทยมีท้ังหมดกีร่ ส ประกอบดว้ ยรสอะไรบ้าง - รสวรรณคดแี บบสนั สกฤตมีทั้งหมดก่ีรส ประกอบดว้ ยรสอะไรบ้าง ๔. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัด เร่อื งรสในวรรณคดี
ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปเกี่ยวกับรสในวรรณคดขี องไทย โดยนกั เรียนสรุปความรู้ ท่ีไดร้ บั ลงในสมุดบนั ทึก ๙. สือ่ การเรียนรู้ ๑. ใบความรู้ เรื่อง รสวรรณคดไี ทย ๒. แบบฝกึ หัด เรือ่ ง รสวรรณคดีไทย ๑๐. ภาระงาน/ชน้ิ งาน แบบฝกึ หัด เร่อื ง รสวรรณคดีไทย ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์การวัด ๑. สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมนิ การสังเกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน ไม่น้อยกว่า ๘ คะแนน รายบุคคล ๒ . สั ง เ ก ต ค ว า ม สน ใจและ แบบประเมินการสังเกตความ นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม การร่วมกิจกรรมกลุ่มของ สนใจและการร่วมกิจกรรมกลุ่ม ไมน่ อ้ ยกว่า ๕ คะแนน นกั เรียน ของนกั เรยี น ๓. ตรวจแบบฝึกหัด เร่ือง แบบฝึกหดั เร่อื ง รสวรรณคดี นักเรียนทาได้ถูกต้องตาม รสวรรณคดีไทย ไทย เกณฑ์ทกี่ าหนด
ใบความรู้ เรื่อง รสวรรณคดไี ทย ❖ รสทางวรรณคดไี ทย มอี ยู่ ๔ ชนดิ คือ เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พโิ รธวาทัง สลั ลาปังคพไิ สย ๑. เสาวรจนี (บทชมโฉม) คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเรื่อง ซึ่งอาจเป็นตัวละครท่ีเป็น มนุษย์ อมนุษย์ หรือสัตว์ซ่ึงการชมน้ีอาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของปราสาทราชวัง หรือความเจรญิ ร่งุ เรอื งของบา้ นเมือง เชน่ ➢ ชมนางเงอื ก ซง่ึ ตดิ ตามพอ่ แมม่ าเพอ่ื พาพระอภยั มณีหนนี างผีเส้อื สมุทร จากเรอื่ ง พระ อภยั มณี บทกษตั ริยท์ ัศนานางเงือกนอ้ ย ดูแชม่ ชอ้ ยโฉมลาทั้งเผา้ ผม ประไพพักตรล์ ักษณ์ล้าล้วนขาคม ทัง้ เนอ้ื นมนวลเปลปงออกเต่งทรวง ขนงเนตรเกศกรออ่ นสะอาด ดงั สรุ างค์นางนาฏในวังหลวง พระเพลนิ พศิ คดิ หมายเสยี ดายดวง แล้วหนกั หน่วงนกึ ทจ่ี ะหนีไป ➢ ชมโฉมศรสี ุวรรณ เม่ือปลอมตัวเปน็ พราหมณ์ข้าเมืองรมจักรวา่ ฝ่ายทั้งสี่พเี่ ลี้ยงเมยี งชม้อย เหน็ พราหมณน์ ้อยโสภาจะหาไหน ดูผิวเหลอื งเรอื งรองทองอุไร งามวไิ ลแลเลห่ ์เทวดา ขนงเนตรเกศกรรณและกรแก้ม แลแฉลม้ น่ารักเปน็ นักหนา พิศวงหลงลมื กระพรบิ ตา เสนห่ าปน่ั ปวนรญั จวนใจ ๒. นารีปราโมทย์ (บทเก้ียว โอ้โลม) คือการกล่าวข้อความแสดงความรัก ทั้งท่ีเป็นการพบกันใน ระยะแรก ๆ และในโอโ้ ลมปฏิโลมก่อนจะถงึ บทสงั วาสนั้นดว้ ย ➢ ศรีสวุ รรณสลักใบตองออ่ นเปน็ สารรกั ถงึ นางเกษราวา่ ในสารศรสี วุ รรณวงศ์พงศ์กษตั รยิ ์ บรู รี ตั นามหาสวรรย์ สวาทหวงั พระธดิ าวิลาวัณย์ สูด้ น้ ด้ันดงแดนแสนกันดาร พยายามข้ามมหามหรรณพ หวังประสบนงนุชสดุ สงสาร มาอาศัยในสวนอทุ ยาน บุญบนั ดาลดลจติ พระธิดา
เผอญิ ใหโ้ ฉมงามทรามสวาท มาประพาสชมพรรณบุปผา พ่ียลยอดเยาวเรศเกษรา ชา่ งโสภานม่ิ น้องละอองนวล ประไพพร้อมนิ่มน้อยกลอยสวาท ดังนางในไกรลาสมาเลน่ สวน เสดจ็ กลับลับไปให้รัญจวน เฝา้ อักอว่ นอาวรณ์ร้อนฤทยั ๓. พิโรธวาทัง (บทตัดพ้อ) คือการกล่าวข้อความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตั้งแต่น้อยไปจนมาก จึงเร่ิม ตัง้ แต่ ไมพ่ อใจ โกรธ ตดั พ้อ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสยี ดสี และด่าว่าอยา่ งรนุ แรง ➢ พระโยคโี กรธทน่ี างผเี สื้อสมุทร กลา่ วหาวา่ ไม่อยใู่ นศีล ว่า พระโยคชี ้หี น้าวา่ อุเหม่ ยงั โว้เวว้ ุ่นวายอตี ายโหง เพราะหวงผัวมวั เมาเฝ้าตะโกรง วา่ กโู กงมึงก็ตกนรกเอง อยี ักษาตาโตโมโหมาก รปู ก็กากปากก็เปราะไมเ่ หมาะเหมง นมสองขา้ งอยา่ งกระโปรงดโู ตงเตง ผวั ของเองเขาระอาไม่น่าชม จึงหนมี าอาศัยกูให้อยู่ มิใช่กรู ูเ้ ห็นเท่าเสน้ ผม มาตรชี าว่ากผู ิดในกิจกรม จะให้สมนา้ หนา้ สาแก่ใจ แล้วเสกทรายปรายขวา้ งมากลางคลื่น ดังลูกปืนยงิ ยักษ์ให้ตักษัย ผีเสือ้ กลัวตวั สน่ั เพียงบรรลยั กห็ ลบไปตามวนชลธาร ๔. สลั ลาปงั คพไิ สย (บทโศก) คอื การกลา่ วขอ้ ความแสดงอารมณโ์ ศกเศร้า อาลัยรัก ➢ สนุ ทรภู่คร่าครวญถงึ รัชกาลท่ี ๒ ซ่งึ สวรรคตแล้ว เป็นเหตใุ ห้สุนทรภู่ตอ้ งตกระกาลาบาก เพราะไม่ เปน็ ทโ่ี ปรดปรานของรชั กาลที่๓ ต้องระเห็จเตร็ดเตรไ่ ปอาศัยในทีต่ า่ งๆขณะลอ่ งเรือผา่ นพระราชวัง สุนทรภซู่ ่งึ ราลึกความหลังก็คร่าครวญอาลัยถึงอดตี ท่เี คยรุ่งเรืองจากนริ าศภเู ขาทอง เคยหมอบใกลไ้ ด้กลิน่ สคุ นธ์ตลบ ละอองอบรสรน่ื ชน่ื นาสา สนิ้ แผน่ ดินสน้ิ รสสคุ นธา วาสนาเรากส็ นิ้ เหมือนกลนิ่ สุคนธ์ ❖ รสในวรรณคดีนอกจาก ๔ รสหลกั แลว้ ยงั แบ่งโดยยดึ หลักแบบวรรณคดีสันสกฤตได้อีก ๙ รส รสวรรณคดสี นั สกฤต มปี รากฏใน ตารานาฏยศาสตร์ (นาฏยเวท) ของพระภรตมุนี ซึ่ง กลา่ วถงึ คณุ สมบัติของตวั ละครสนั สกฤตทด่ี ีกว่า ตอ้ งประกอบดว้ ยรส ๙ รส คือ ศฤงคารรส หาสยรส กรุณารส รทุ รรส วีรรส ภยานกรส พีภตั สรส อัพภูตรสและศานตริ ส โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้
๑. ศฤงคารรส (รสแห่งความรัก) เป็นการพรรณนาความรักระหว่างหนุ่มสาวระหว่างสามี ภรรยา ระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย บิดามารดากับบุตร ญาติกับญาติ ฯลฯ สามารถทาให้ผู้อ่าน พอใจรัก เห็นคุณค่าของ ความรักนึกอยากรักกับเขาบ้างเช่น รักฉันชู้สาว รักหมู่คณะ รักประเทศชาติ เป็นต้น อย่างเช่น เรื่องลิลิต พระลอ เต็มไปด้วยรสรกั (บาลี เรยี กรสน้วี ่า รติรส) ๒. หาสยรส (รสแห่งความขบขัน) เป็นการพรรณนาที่ทาให้เกิดความร่าเริง สดชื่น เสนาะ ขบขัน อาจทาให้ผู้อ่าน ผู้ดูย้ิมกับหนังสือ ยิ้มกับภาพท่ีเห็น ถึงกับลืมทุกข์ดับกลุ้มไปช่ัวขณะ เช่น เรื่องระเด่นลันได เป็นต้น (บาลีเรยี กรสนว้ี ่า หาสะรส) ๓. กรุณารส (รสแห่งความเมตตากรุณาท่ีเกิดภายหลังความเศร้าโศก) เป็นบทพรรณนาที่ทาให้ ผู้อ่านหดหู่เห่ียวแห้ง เกิดความเห็นใจถึงกับน้าตาไหล พลอยเป็นทุกข์ เอาใจช่วยตัวละคร เช่น เห็นใจนางสีดา เหน็ ใจจรกา และเหน็ ใจนางวนั ทอง เปน็ ต้น(บาลเี รียกรสนว้ี า่ โสกะรส) ๔. รุทรรส/เราทรรส (รสแห่งความโกรธเคือง) บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้ดูผู้อ่านขัดใจ ฉนุ เฉียว ขัดเคืองบุคคลบางคนในเรื่อง บางทีถึงกบั ขว้างหนงั สือทิ้ง หรือฉกี ตอนนัน้ กม็ ี เช่น โกรธขนุ ชา้ ง โกรธชู ชก(บาลีเรียกรสนวี้ า่ โกธะ) ๕. วีรรส (รสแห่งความกล้าหาญ) บทบรรยายหรือพรรณนาท่ีทาให้ผูอ้ ่าน ผู้ดู ผู้ฟังพอใจผลงานและ หนา้ ที่ ไมด่ หู มน่ิ งาน อยากเปน็ ใหญ่ อยากร่ารวย อยากมชี ่อื เสยี ง เลียนแบบสมเดจ็ พระนเรศวร ชอบความมขี ัต ติมานะของพระมหาอุปราชา จากเรอื่ งลิลิตตะเลงพา่ ย (บาลเี รยี กรสนวี้ า่ อตุ สาหะรส) ๖. ภยานกรส (รสแห่งความกลัว ตื่นเต้นตกใจ) บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่านผู้ฟัง ผู้ดู มองเห็นทกุ ข์ เห็นโทษ เห็นภัยในบาปกรรมทุจรติ เกดิ ความสะดุ้ง กลัวโรคภัยสตั ว์ร้าย ภูตผีปศี าจ บางคร้งั ต้อง หยุดอ่าน รูส้ กึ ขนลุกซู่ อา่ นเรือ่ ง ผีตา่ งๆ (บาลีเรยี กรสนว้ี ่า อุตสาหะรส) ๗. พีภัตสรส (รสแห่งความชัง ความรังเกียจ) บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผู้อ่านผู้ดู ผู้ฟังชัง น้าหน้าตัวละครบ้างตัว เพราะจิต(ของตัวละคร) บ้าง เพราะความโหดร้ายของตัวละครบ้างเช่น เกลียดนาง ผเี ส้ือสมุทร ในเรือ่ งพระอภยั มณที ี่ฆ่าพ่อเงือก เป็นตน้ (บาลเี รยี กรสนีว้ า่ ชคิ ุจฉะรส) ๘. อัทภูตรส (รสแห่งความพิศวงประหลาดใจ) บทบรรยายหรอื พรรณนาที่ทาใหน้ ึกแปลกใจ เอะใจ อย่างหนัก ตื่นเต้นนึกไม่ถึงว่าเป็นไปได้เช่นนั้น หรือ อัศจรรย์คาดไม่ถึงในความสามารถ ในความคมคายของ คารม ในอุบายหรือในศิลปวิทยาคุณแปลกใจในสุปฏิบัติ (ความประพฤติที่ดีงาม)แห่งขันติ เมตตา กตัญญู อัน ยากย่งิ ทค่ี นธรรมดาจะทาได้ (รสน้ีบาลีเรยี ก วมิ หะยะรส) ๙. ศานตริ ส (รสแหง่ ความสงบ) อันเป็นอุดมคติของเรือ่ ง เช่น ความสงบสขุ ในแดนสขุ าวดี ในเรอ่ื ง วาสิฏฐี อนั เป็นผลมุ่งหมายทางโลกและทางธรรม เป็นผลให้ผ้อู ่าน ผู้ดู ผู้ฟัง เกดิ ความสขุ สงบ ในขณะไดเ้ ห็นได้ฟัง ตอน นั้น ด้วย (บาลเี รียกรสนว้ี ่า สมะรส)
แบบฝกึ หัด เรื่อง รสวรรณคดไี ทย คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ๑. รสวรรณคดี มคี วามสาคญั อย่างไรตอ่ การอา่ นวรรณคดี ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................ ๒. รสวรรณคดไี ทย แบง่ เปน็ กี่ประเภท อะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................ ๓. จงยกตวั อย่างคาประพันธ์ทเี่ ป็นรสวรรณคดีประเภท \"นารีปราโมทย์\" พรอ้ มอธบิ าย ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................
๔. จงยกตวั อยา่ งคาประพนั ธ์ที่เปน็ รสวรรณคดีประเภท \"พิโรธวาทัง\" พรอ้ มอธิบาย .................................................................................................................................................................. ............ ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... ........................................................................................................ ๕. “พักตรน์ ้องละอองนวลปลง่ั เปลง่ ดังดวงจนั ทรว์ นั เพ็ญประไพศรี อรชรออ้ นแอน้ ทั้งอินทรีย์ ดงั กินนรลี งสรงคาลยั จากบทประพนั ธข์ ้างตน้ ปรากฏรสวรรณคดปี ระเภทใด ........................................................................................................ ........................................................ ๖. นกั เรียนสามารถนาความรู้ทีไ่ ดร้ บั จากการเรยี นเร่ือง รสวรรณคดไี ทย ไปใชป้ ระโยชน์อย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๐ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๒ นทิ านคากลอน พระอภยั มณี ตอนพระอภยั มณีหนีนางผเี สอื้ สมุทร เร่ือง เนอื้ เรื่องย่อและคาศัพท์ รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลาเรียน ๓ ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ผูส้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิริมงคล กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไท โรงเรียนมธั ยมวัดสิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามา ประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ๒. ตัวช้ีวดั ท ๕.๑ ม.๓/๑ สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถนิ่ ในระดับทีย่ ากย่ิงขึน้ ท ๕.๑ ม.๓/๒ วิเคราะห์วถิ ไี ทยและคณุ คา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรปุ ความรู้และข้อคดิ จากการอา่ นเพื่อนาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๓.๑ สรุปเนื้อเรอ่ื งพระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นนี างผีเส้ือสมทุ รได้ ๓.๒ อธิบายความหมายของคาศพั ทจ์ ากเรอื่ งพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณหี นนี างผเี สอื้ สมทุ รได้ ๔. สาระสาคญั การศึกษาเรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ซึ่งเป็นบทประพันธ์ท่ีมีคุณค่าแก่ การศึกษาอย่างยิ่ง การท่ีจะเข้าใจเน้ือหาของเรื่องได้นั้น จาเป็นต้องรู้คาศัพท์ท่ีปรากฏอยู่ในเร่ืองก่อน แล้วถอด คาประพันธเ์ พือ่ ท่จี ะสามารถเข้าใจเน้ือหาของเร่ืองได้อยา่ งถูกต้อง ๕. สาระการเรยี นรู้ ๕.๑ เนือ้ เรื่องยอ่ ของเรอ่ื งพระอภัยมณี ๕.๒ คาศพั ท์ในเรอ่ื งพระอภัยมณี
๖. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น ๖.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖.๒ ความสามารถในการคดิ ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๗.๑ มีวนิ ัย ๗.๒ ใฝ่เรยี นรู้ ๗.๓ มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๗.๔ รกั ความเปน็ ไทย ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นา ครูและนักเรี ยนร่ว ม กัน ท บทว น คว า มรู้ เรื่อง รสว รรณคดี ซ่ึงประกอ บ ด้ ว ย ๔ ประเภท ได้แก่ เสาวรจนี นารปี ราโมทย์ พโิ รธวาทัง สัลลาปังคพไิ สย ขั้นสอน ๑. ครูใหน้ กั เรยี นดูการ์ตูน เรือ่ ง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณหี นนี างผเี ส้อื สมทุ ร ๒. ครูเล่าเรอื่ งยอ่ พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนนี างผเี สื้อสมทุ รให้นกั เรียนฟัง ๓. นักเรียนค้นหาคาศัพท์ยาก จากเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนภาษาไทย วรรณคดี วจิ ักษ์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ แล้วบนั ทกึ ลงในสมุด พร้อมความหมายของคาศัพท์ ขน้ั สรุป ครูใหน้ ักเรยี นคดั บทอาขยานท่คี รกู าหนดให้ โดยคัดตวั บรรจงเต็มบรรทัดลงในสมดุ
บทอาขยานเลือก เรอ่ื ง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนนี างผีเส้ือสมุทร พระโฉมยงองค์อภัยมณีนาถ เพลินประพาสพศิ ดูหมู่มัจฉา เหลา่ ฉลามลว้ นฉลามตามกันมา ค่อยเคล่อื นคลาคล้ายคล้ายในสายชล ฉนากอยู่คฉู่ นากไม่จากคู่ ขน้ึ ฟ่องฟพู น่ ฟองละอองฝน ฝูงพิมพาพาฝงู เข้าแฝงวน บา้ งผดุ พน่ ฟองนา้ บ้างดาจร กระโห้เรยี งเคยี งกระโห้ข้นึ โบกหาง ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน มังกรเกยี่ วเลย้ี วลอดกอดมังกร ประชุมซ่อนแฝงชลข้นึ วนเวียน ฝงู มา้ นา้ ทาทา่ เหมอื นมา้ เผน่ ขน้ึ ลอยเล่นเล้ยี วลดั ฉวดั เฉวียน ตะเพียนทองทอ่ งนา้ นาตะเพยี น ดาษเดียรดูเพลินจนเกนิ มา เหน็ ละเมาะเกาะเขาเขยี วชอ่มุ โขดตะคุ่มเคยี งเคียงเรียงรกุ ขา จะเหลยี วซ้ายสายสมทุ รสุดสายตา จะแลขวาควนั คลุ้มกลุ้มโพยม จะเหลยี วดูสุรยิ ์แสงเข้าแฝงเมฆ ให้วิเวกหวาดองคพ์ ระทรงโฉม ฟงั สาเนยี งเสียงคลนื่ ดังครน้ื โครม ยงิ่ ทกุ ขโ์ ทมนสั ในฤทยั ทวี ๙. สือ่ การเรยี นรู้ ๑. ๑. หนังสอื เรียนวิชาภาษาไทย วรรณคดวี ิจกั ษ์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ๒. ส่อื การเรยี นรกู้ ารต์ นู เรอ่ื งพระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นนี างผเี สื้อสมทุ ร ๑๐. ภาระงาน/ชน้ิ งาน ครูใหน้ กั เรยี นคน้ หาคาศัพท์ยาก แลว้ บันทึกลงในสมุด พร้อมความหมายของคาศัพท์ ๒. ครใู ห้นกั เรยี นคดั บทอาขยานท่คี รกู าหนดให้ โดยคดั ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ลงในสมุด ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารวดั นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมินการสังเกต ไม่น้อยกว่า ๑๐ คะแนน รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่นอ้ ยกว่า ๘ คะแนน รายบุคคล ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมนิ การสังเกต กลมุ่ พฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๒ นทิ านคากลอน พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเสอื้ สมุทร เรอ่ื ง อ่านทานองเสนาะ รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๓๑๐๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลาเรยี น ๑ ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ ผสู้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ ิมงคล กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิด เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแก้ปญั หาในการ ดาเนินชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ๒. ตัวช้วี ัด ท ๑.๑ ม. ๓/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องและเหมาะสมกบั เรื่องท่ีอ่าน ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ เขา้ ใจหลักการอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ๓.๒ ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้องตามหลักฉนั ทลักษณ์ ๔. สาระสาคญั การอ่านทานองเสนาะ คือ วิธีการอ่านออกเสยี งอย่างไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรองประเภท โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน บางคนใหค้ วามหมายว่า การอ่านทานองเสนาะ คอื การอ่านตามทานอง เพ่อื ใหเ้ กิดความ เสนาะ ๕. สาระการเรยี นรู้ ๕.๑ ความหมายของ “การอ่านทานองเสนาะ” ๕.๒ วตั ถุประสงค์ในการอา่ นทานองเสนาะ ๕.๓ หลักในการอ่านทานองเสนาะ
๕.๔ ประโยชน์ที่ได้รับจากการอา่ นทานองเสนาะ ๖. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคดิ ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๗.๑ มีวินัย ๗.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๗.๓ ม่งุ ม่ันในการทางาน ๗.๔ รักความเปน็ ไทย ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นา ครูใหน้ กั เรยี นดวู ดิ ีโอ การอา่ นทานองเสนาะ จากเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระ อภยั มณีหนีนางผีเสอ้ื สมุทร จากน้นั ครูตง้ั คาถามให้นกั เรียนตอบ ดงั นี้ “การอา่ นทานอง เสนาะให้ไพเราะ มี หลักการอา่ นอยา่ งไรบ้าง” แนวคาตอบ - อา่ นแบบมเี สียงเอือ้ น - เวน้ วรรคตอนได้ถูกตอ้ ง - ออกเสยี งอกั ขระชดั เจน - ไม่อ่านเรว็ หรือชา้ จนเกินไป ขน้ั สอน ๑. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ เร่ือง การอา่ นทานองเสนาะ จากนั้นครูอธิบาย ประกอบ เพื่อให้นักเรยี นเขา้ ใจได้ดยี ่ิงข้นึ ในหวั ข้อต่อไปน้ี - ความหมายของการอ่านทานองเสนาะ - วัตถปุ ระสงคใ์ นการอา่ นทานองเสนาะ - หลกั การอา่ นทานองเสนาะ - ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั จากการอ่านทานองเสนาะ
๒. ครูใหน้ ักเรียนอา่ นบทอาขยานบทเลอื กในหนังสือเรยี นรายวิชาภาษาไทย ว ร ร ณ ค ดี วิ จกั ษ์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ โดย - อ่านออกเสียงธรรมดาให้ถูกต้องตามอักขรวิธี พร้อมทงั้ แบง่ วรรคตอนใหถ้ ูกตอ้ ง - อ่านทานองเสนาะพร้อม ๆ กนั ตามครูทีละบท - อ่านทานองเสนาะพรอ้ ม ๆ กัน ทั้งชั้นเรียน ๓. ครแู นะนาหลกั การอ่านให้นักเรยี นเพิ่มเตมิ วา่ มขี ้อผดิ พลาดหรือตอ้ งแกไ้ ข อย่างไรบ้าง ข้ันสรปุ ครูให้นักเรียนจับคู่ แล้วมาสอบอ่านบทอาขยานบทเลือก เร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ในหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ โดยสอบอา่ นนอกเวลาเรียน บทอาขยานเลือก เรื่อง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเสื้อสมุทร พระโฉมยงองคอ์ ภัยมณนี าถ เพลนิ ประพาสพิศดูหมู่มัจฉา เหล่าฉลามล้วนฉลามตามกนั มา คอ่ ยเคลือ่ นคลาคลา้ ยคล้ายในสายชล ฉนากอยู่คฉู่ นากไม่จากคู่ ขน้ึ ฟอ่ งฟูพน่ ฟองละอองฝน ฝงู พมิ พาพาฝงู เขา้ แฝงวน บ้างผดุ พ่นฟองน้าบ้างดาจร กระโห้เรียงเคยี งกระโห้ขึ้นโบกหาง ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน มังกรเก่ยี วเลี้ยวลอดกอดมงั กร ประชมุ ซ่อนแฝงชลขน้ึ วนเวียน ฝงู มา้ นา้ ทาทา่ เหมอื นมา้ เผน่ ขน้ึ ลอยเล่นเลีย้ วลดั ฉวัดเฉวยี น ตะเพียนทองทอ่ งนา้ นาตะเพยี น ดาษเดียรดูเพลินจนเกินมา เหน็ ละเมาะเกาะเขาเขียวชอ่มุ โขดตะคุม่ เคยี งเคยี งเรียงรุกขา จะเหลยี วซา้ ยสายสมทุ รสุดสายตา จะแลขวาควนั คลุม้ กลุม้ โพยม จะเหลียวดสู รุ ยิ แ์ สงเข้าแฝงเมฆ ให้วเิ วกหวาดองค์พระทรงโฉม ฟงั สาเนยี งเสียงคลนื่ ดังครืน้ โครม ยิ่งทกุ ข์โทมนสั ในฤทัยทวี
๙. สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื เรียนวชิ าภาษาไทย วรรณคดวี ิจกั ษ์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ๒. ใบความรู้ เรือ่ ง การอา่ นทานองเสนาะ ๓. วดิ โี อการอา่ นทานองเสนาะ ๑๐. ภาระงาน/ชิ้นงาน ครู ให้นักเรยี นจับคู่ แล้วมาสอบอ่านบทอาขยานบทเลือก เร่ือง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนนี างผีเสือ้ สมุทร ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การวัด ๑. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมินการสงั เกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม รายบุคคล พฤติกรรมการทางาน ไม่น้อยกวา่ ๑๐ คะแนน รายบุคคล ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมินการสงั เกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม กลุ่ม พฤติกรรมการทางานกลุม่ ไม่น้อยกว่า ๘ คะแนน ๓. การอ่านทานองเสนาะ บท แบบประเมินการอา่ นทานอง นักเรียนอ่านได้ถูกต้องตาม อาขยานเลือก เร่ือง พระอภัย เสนาะ บทอาขยานเลือก เรื่อง เกณฑท์ คี่ รูกาหนด มณี ตอน พระอภัยมณีหนีนาง พระอภยั มณี ตอนพระอภยั มณี ผเี สอื้ สมุทร หนีนางผีเสอื้ สมทุ ร
การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมินชิน้ งานนใี้ หผ้ ูส้ อนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่อื ง การอา่ นทานองเสนาะ ระดบั คะแนน ๔๓๒๑ เกณฑ์การ ประเมิน การอา่ นออก อ่านถูกตอ้ งตาม อา่ นถูกต้องตาม อา่ นถูกต้องตาม อ่านถูกตอ้ งตาม เสยี งบทรอ้ ย ลักษณะ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ลักษณะ ลกั ษณะ กรอง คาประพนั ธ์ มกี ารแบง่ วรรคตอน คาประพนั ธ์ คาประพนั ธ์ แต่แบ่ง มีการแบ่งวรรคตอน ถูกต้อง มีการแบง่ วรรคตอน วรรคตอนผดิ ถกู ต้อง ใช้น้าเสยี งไดด้ ี ถกู ต้อง แต่ใชน้ ้าเสียง ใชน้ ้าเสยี งไม่ ใชน้ า้ เสียงได้ดีมาก เหมาะสมกบั ลกั ษณะ ได้ไม่เหมาะสมกบั เหมาะสมกบั ลักษณะ เหมาะสมกบั ลักษณะ คาประพนั ธ์ ลักษณะคาประพันธ์ คาประพันธ์ คาประพนั ธแ์ ละ และเนอ้ื หา และเนอื้ หา เน้อื หา เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ดีมาก = ๔ คะแนน ดี = ๓ คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ พอใช้ = ๒ คะแนน ปรบั ปรงุ = ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช้ ต่ากว่า ๘ ปรับปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๒ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ นิทานคากลอน พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณหี นีนางผีเส้อื สมุทร เร่ือง การถอดคาประพนั ธ์ เรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณหี นนี างผีเส้อื สมุทร รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๓๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ เวลาเรยี น ๕ ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ ผู้สอน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ ิมงคล กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่า และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ ๒. ตัวช้วี ัด ท ท ๕.๑ ม.๓/๑ สรปุ เนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ในระดบั ท่ียากยง่ิ ขึ้น ๕.๑ ม.๓/๒ วเิ คราะห์วถิ ีไทยและคุณคา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอา่ น ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรุปความรแู้ ละข้อคดิ จากการอ่านเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ จริง ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ แลว้ ๓.๑ สามารถถอดคาประพันธ์ เรื่องพระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร สรปุ จับใจความได้ ๓.๒ สามารถเขียนถอดคาประพันธเ์ น้ือเร่ืองได้ ๔. สาระสาคญั การถอดคาประพันธ์ คือ การนาความเดิมจากคาประพันธ์มาเขียนใหม่เป็นร้อยแก้วท่ีใช้ภาษา สละสลวย โดยคงเนอ้ื ความเดมิ ไว้ ซง่ึ ในเร่ืองพระอภยั มณเี ป็นบทกลอนที่ทรงคุณค่าใชภ้ าษาท่ีเข้าใจง่าย แต่ยัง เป็นลกั ษณะของบทกลอนอยู่ นักเรียนจงึ จาเปน็ ต้องถอดคาประพันธเ์ พอ่ื ใหเ้ ข้าในเนื้อหาได้อย่างลึกซ้งึ ๕. สาระการเรียนรู้
๕.๑ หลกั การถอดคาประพันธ์ ๕.๒ การสรุปความและการถอดคาประพนั ธ์ ๖. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๖.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา ๖.๔ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๗.๑ มวี นิ ัย ๗.๒ ใฝเ่ รียนรู้ ๗.๓ ม่งุ มน่ั ในการทางาน ๗.๔ รักความเป็นไทย ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี ๑ ขั้นนา ครูอธิบายหลักการถอดคาประพันธใ์ หน้ ักเรยี นทุกคนฟัง พรอ้ มบันทึกลงสมุด ขนั้ สอน ๑. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ บทที่ ๒ นิทานคากลอน พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร หน้า ๕๖ – ๕๙ จากน้ันชว่ ยกันถอดคาประพนั ธไ์ ปพร้อม ๆ กัน เชน่ ➢ บทประพันธ์ทีย่ กมา จะกล่าวกลับจับความไปตามเรื่อง ถึงบาทเบื้องปรเมศพระเชษฐา องค์อภยั มณีศรโี สภา ตกยากอยูค่ ูหามาชา้ นาน กบั ดว้ ยนางอสรุ นี รี มติ เปน็ คชู่ ดิ เชยชมสมสมสมาน ตอ้ งรกั ใครไ่ ปตามยามกันดาร จนนางมารมีบุตรบรุ ุษชาย ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนองค์พระทรงเดช แตด่ วงเนตรแดงดูดังสุรยิ ฉ์ าย ทรงกาลังดงั พระยาคชาพลาย มีเข้ียวคล้ายชนนมี ีศักดา
➢ ถอดคาประพันธ์ กล่าวถึงพระอภัยมณีอยู่กับนางผีเส้ือจนมีลูกชาย มีหน้าตาเหมือนพ่อ แตด่ วงตาแดงดงั ดวงอาทติ ย์ มีกาลังดังพระยาชา้ งพลาย มีเขี้ยวคลา้ ยแม่ มพี ละกาลงั มาก ขนั้ สรปุ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปการถอดคาประพนั ธ์ในช่ัวโมงท้ังหมด ช่ัวโมงที่ ๒ ขน้ั นา ครูตั้งคาถามกระตุ้นความสนใจให้กบั นักเรยี น ดงั น้ี • จากคาประพนั ธต์ อนทีพ่ ระอภยั มณีเลา่ ความจริงให้สนิ สมุทรฟังวา่ แมเ่ ป็น ผีเสื้อสมุทร สะท้อนความคิด ความรู้สึกของพระอภยั มณที ี่มีต่อนางผเี ส้ือสมทุ ร อยา่ งไร • สินสมุทรรูส้ ึกอย่างไรเม่ือร้วู ่าแมเ่ ป็นยักษ์ ขน้ั สอน ๑. ครูให้นักเรียนช่วยกันต้ังคาถามและตอบคาถามเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน โดยครูเป็น ผูแ้ นะนา เช่น • คาประพนั ธใ์ นหนา้ ๕๑ พรรณนาถงึ มหาสมุทรและการเดินทางไปยังเกาะ แก้วพิสดารว่าอยา่ งไร • คาประพนั ธ์ในหนา้ ๕๒ พระอภัยมณีกับนางผเี สื้อสมุทร แบง่ บทบาท หน้าทข่ี องพ่อแมอ่ ย่างไรบ้าง • สนิ สมุทรสุดแสนสงสารแม่ ด้วยรู้แนว่ า่ บดิ าจะพาหนี ให้ห่วงหลงกังวลด้วยชนนี เจ้าโศกีกราบกมั บงั คมคัล คาประพันธน์ ้ี สะทอ้ นความร้สู ึกของแม่ท่มี ตี อ่ ลูกอย่างไร • พระอภัยมณีใชโ้ อกาสตอนใดหนีนางผเี สอื้ สมุทร • พระอภยั มณีหนอี อกนอกถา้ ได้อยา่ งไร ๒. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ บทบาทหน้าท่ขี องพ่อแม่ในปจั จุบัน เหมือนหรือ แตกตา่ งจากนทิ านคากลอน เรอ่ื ง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณหี นนี างผีเสอ้ื สมทุ ร อย่างไร ขั้นสรุป ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปการถอดคาประพนั ธ์ในชว่ั โมงทัง้ หมด
ชว่ั โมงท่ี ๓ ขัน้ สอน ๑. ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั ตั้งคาถามและตอบคาถามเก่ยี วกับเรือ่ งท่ีอา่ น โดยครูเป็น ผู้แนะนา เชน่ • พระอภัยมณีและสนิ สมุทรเดนิ ทางหนีนางผีเสือ้ สมทุ ร อย่างไร • พงศ์กษัตริย์ตรสั ชวนสินสมุทร สอนใหบ้ ุตรขอสมาอัชฌาสัย พระทรงบา่ เงือกนา้ งามวิไล พระหน่อไทขอสมาข้นึ บา่ นาง จากคาประพนั ธ์นี้ สะทอ้ นค่านยิ มสังคมไทยอย่างไร • จากคาประพนั ธ์ในหนา้ ๕๔ นกั เรยี นคิดวา่ ตัวละครมีความรสู้ ึกอย่างไร • จากคาประพนั ธ์ในหน้า ๕๔ ช่อื ปลาท่ีพระอภยั มณีพรรณนา มอี ะไรบา้ ง ๒. ครูให้นักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะห์คาประพันธ์ในหน้า ๕๕ ว่ามีวรรคใดทท่ี าให้เกิด ภาพ บา้ ง จากนัน้ จงึ รว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คาประพันธน์ ัน้ เช่น ตวั อยา่ งคาประพันธ์ทท่ี าใหเ้ กิดภาพ - อุตส่าห์ยนื ฝืนใจใหป้ ระทัง ค่อยเซซังซวนทรงไมต่ รงตัว - พลางราพึงถึงจะไปไมไ่ กลนัก จะตามหักคอกินเหมือนช้ินหมู ข้นั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการถอดคาประพันธ์ในชัว่ โมงท้ังหมด ชวั่ โมงท่ี ๔ ข้นั สอน ๑. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ตั้งคาถามและตอบคาถามเกยี่ วกับเร่อื งท่ีอา่ น โดยครเู ปน็ ผแู้ นะนา เช่น • นางผีเส้ือสมุทรรู้ได้อย่างไรว่า ครอบครัวเงือกพาพระอภัยม ณีแล ะ สนิ สมทุ รหนี • คาประพันธใ์ นหนา้ ๕๖ ใหค้ วามรสู้ ึกอยา่ งไร • คาประพนั ธ์ในวรรคใดทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความระทึกใจ เช่น - เสยี งครกึ ครืน้ คล่ืนคลมุ้ ขึ้นกล้มุ กลาย - เหน็ ทะมืน่ มาข้างหลังดังสะเทือน ๒. ถ้านักเรียนเป็นนางเงือกจะช่วยพระอภัยมณีหนีตามที่พ่อเงือกสั่งไว้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
๓. นักเรียนคิดว่า สินส มุท รรั ก พร ะ อภั ย มณี หรื อน า งผีเส้ื อ สมุ ทร ม า กก ว่ า กั น เพราะเหตุใด ๔. ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันพิจารณาเน้ือเรื่อง จับประเดน็ สาคัญจากเรื่อง และอภิปรายประเด็น ที่คน้ พบ โดยครูเปน็ ผ้รู ว่ มอภปิ รายและคอยกระต้นุ ให้นักเรยี นคิด เชน่ • เพราะเหตใุ ด แม่ทีไ่ มไ่ ด้เลย้ี งดลู กู ลกู จึงไมผ่ ูกพนั ๕. จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างประสบการณ์ตรงหรือประสบการณ์ทางอ้อมของ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งแม่กบั ลกู ทีห่ า่ งเหินกันในสงั คมใหเ้ ห็นอย่างชัดเจน ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปการถอดคาประพันธใ์ นชั่วโมงทัง้ หมด ชั่วโมงท่ี ๕ ข้นั สอน ๑. ครใู หน้ กั เรียนช่วยกนั ตงั้ คาถามและตอบคาถามเกีย่ วกับเร่อื งที่อ่าน โดยครเู ปน็ ผู้แนะนา เช่น • นางยกั ษต์ ามมาทนั หรอื ไม่ แล้วเกิดเหตกุ ารณ์อะไรขนึ้ • จากคาประพันธ์หน้า ๖๐ มคี าประพันธ์วรรคใดที่ถา่ ยทอดอารมณ์ สะเทือนใจมากทีส่ ดุ อยา่ งไร • นักเรยี นมวี ิธีใดทีจ่ ะพาพระอภัยมณหี นนี างผเี สื้อสมุทร โดยไม่ต้องเสย่ี ง อนั ตรายและใหไ้ ดร้ ับความสญู เสยี เชน่ นน้ั • ถ้านักเรียนเป็นนางผเี สอ้ื สมทุ รจะแก้ไขสถานการณท์ ี่เกิดข้ึนอยา่ งไร ๒. ครูใหน้ ักเรียนช่วยกนั เขียนแผนภาพความคิดจากเรอ่ื ง โดยมหี วั ข้อดังนี้ • ตัวละครสาคัญ • ฉาก • ปญั หา • เหตกุ ารณ์ ขน้ั สรุป ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปเน้ือหาในชัว่ โมง ๙. สือ่ การเรยี นรู้ หนังสอื เรียนวชิ าภาษาไทย วรรณคดวี จิ กั ษ์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓ ๑๐. ภาระงาน/ชิน้ งาน ครู และนักเรยี นช่วยกันถอดคาประพันธไ์ ปพร้อม ๆ กนั ๑๑. การวดั และประเมินผล
วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์การวดั นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ๑. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมินการสังเกต ไม่น้อยกว่า ๑๐ คะแนน รายบุคคล พฤติกรรมการทางาน นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๘ คะแนน รายบุคคล ๒. สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมินการสังเกต กลมุ่ พฤติกรรมการทางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๓ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ นิทานคากลอน พระอภัยมณี ตอนพระอภยั มณหี นีนางผเี สอื้ สมุทร เร่อื ง วิเคราะห์คุณคา่ และข้อคิด เรือ่ งพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนนี างผีเสอ้ื สมุทร รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๓๑๐๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต เวลาเรียน ๒ ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ผู้สอน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ ิมงคล กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ ๒. ตัวชีว้ ัด ท ๕.๑ ม.๓/๒ วเิ คราะหว์ ิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรปุ ความรูแ้ ละขอ้ คดิ จากการอา่ นเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ จริง ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ วเิ คราะห์คณุ ค่าและข้อคิดจากเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี สื้อได้ ๓.๒ บอกคุณค่าและข้อคดิ ท่ีไดจ้ ากเรื่องพระอภยั มณี ตอนพระอภยั มณหี นนี างผเี ส้ือสมุทร ๔. สาระสาคัญ การอ่านวรรณคดีแต่ละเรื่องจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องเรียนรู้ประวัติผู้แต่ง สามารถวิเคราะห์วรรณคดี แล้วนามาบรูณาการกับหลักภาษาไทยเพื่อนาไปใช้ในชีวิต อีกท้ังยังเป็นการยกย่องช่ืนชมและราลึกคุณงาม ความดีความรู้ความสามารถของผู้แต่งที่ได้สร้างสรรค์มรดกทางภาษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และเกิด ความภาคภมู ิใจในฝมี อื คนไทย ๕. สาระการเรียนรู้ การวิเคราะห์คณุ ค่าด้านต่าง ๆ จากเรอ่ื งพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณหี นนี างผีเสื้อสมุทร
๖. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคดิ ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ๖.๕ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๗.๑ มวี ินัย ๗.๒ ใฝ่เรยี นรู้ ๗.๓ มงุ่ มั่นในการทางาน ๗.๔ รักความเป็นไทย ๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนา ครตู ้งั คาถามกระต้นุ ให้นกั เรียนตอบ เพอ่ื เป็นการนาเข้าสู่บทเรยี น ดังน้ี • จากวรรณคดีเร่ืองพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร นักเรียน คิดวา่ ปรากฏคุณค่าและขอ้ คิดในด้านใดบ้าง ข้นั สอน พระ ๑. ครแู ละนักเรียนร่วมกันวเิ คราะหค์ ณุ คา่ และขอ้ คิดในด้านต่าง ๆ ของเรื่อง ไป ใ ฝ่ รู้ อภัยมณี ตอน พระอภัยมณหี นีนางผีเสอื้ สมุทร ผ่านสอ่ื Power Point ๒. ครูสมุ่ ถามนกั เรียนให้บรู ณาการคิดว่าจะนาคณุ ค่าหรอื ข้อคิดดา้ นตา่ ง ๆ ทปี่ รากฏ ปรับใช้ในชีวิตประจาวันอยา่ งไร แนวคาตอบ เชน่ คณุ ค่าด้านสตปิ ญั ญา นามาปรบั ใชใ้ นด้านการเรยี นคือเปน็ คนที่ ใฝ่เรยี น มสี ติรอบคอบ และพยายามฝึกฝนเพื่อสรา้ งสรรคจ์ นิ ตนาการตา่ ง ๆ ขั้นสรุป ครูใหน้ กั เรียนทบทวนความรู้ท่เี รยี นไปท้ังหมด โดยการทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณหี นนี างผีเส้อื สมทุ ร จานวน ๓๐ ข้อ ๙. สอ่ื การเรยี นรู้ หนังสือเรยี นวิชาภาษาไทย วรรณคดีวิจกั ษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
๑๐. ภาระงาน/ช้นิ งาน ครู ให้นักเรยี นทบทวนความรูท้ ีเ่ รียนไปท้ังหมด โดยการทดสอบหลังเรียน เรื่อง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณี หนีนางผีเส้ือสมุทร จานวน ๓๐ ขอ้ ๑๑. การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารวัด ๑. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมนิ การสังเกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม รายบุคคล พฤติกรรมการทางาน ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ คะแนน รายบคุ คล ๒. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมินการสงั เกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม กลุ่ม พฤติกรรมการทางานกลมุ่ ไมน่ ้อยกว่า ๘ คะแนน ๓. ทดสอบหลงั เรียน เรอ่ื ง พระ ข้อสอบหลังเรียน เร่ือง พระ นักเรียนต้องทาได้อย่างน้อย อภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนี อภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนี ๑๕ คะแนนขึ้นไป จึงจะผ่าน นางผีเสือ้ สมทุ ร นางผเี สอ้ื สมทุ ร เกณฑท์ ่กี าหนด
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๔ เรอ่ื ง การพดู โฆษณา รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๓๑๐๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ จานวน ๑.๕ หน่วยกติ เวลาเรียน ๒ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผู้สอน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ มิ งคล กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย โรงเรียนมธั ยมวดั สงิ ห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงและดอู ยางมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู ความคดิ และความรูสกึ ในโอกาสตาง ๆ อยางมีวจิ ารณญาณและสรางสรรค ๒. ตวั ชี้วัด ท ๓.๑ ม.๓/๒ วเิ คราะหและวจิ ารณเรอ่ื งท่ีฟงและดู เพือ่ นาขอคิดมาประยุกตใชในการ ดาเนนิ ชวี ติ ท ๓.๑ ม.๓/๕ พดู โนมนาวโดยนาเสนอหลักฐานตามลาดับเนื้อหาอยางมเี หตผุ ลและ นาเช่ือถือ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การ ๓.๑ นกั เรียนสามารถบอกความหมายของการโฆษณาได้ ๓.๒ นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดงความรู้ ความคิดเหน็ หรอื โตแ้ ย้ง เก่ยี วกบั โฆษณาได้ ๓.๓ นักเรยี นสามารถพูดโฆษณาสินคา้ หรอื บรกิ ารได้ ๔. สาระสาคัญ โฆษณามีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้รับสารเช่ือและคล้อยตาม ผู้อ่านจึงควรวิเคราะห์ความสมเหตุสมผลด้วยใจ เปน็ ธรรม เพอ่ื ให้เลอื กซื้อสนิ ค้าและบรกิ ารได้ตรงตามความต้องการมากทีส่ ุด ๕. สาระการเรียนรู้ ๕.๑ ความหมายของการโฆษณา ๕.๒ ลักษณะของการโฆษณา ๕.๓ วตั ถปุ ระสงค์ของการโฆษณา
๕.๔ ส่วนประกอบของโฆษณา ๕.๕ ตวั อย่างการโฆษณาสินค้า ๖. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖.๔ ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ๖.๕ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๗.๑ มีวนิ ัย ๗.๒ ใฝเ่ รียนรู้ ๗.๓ ม่งุ มน่ั ในการทางาน ๗.๔ รกั ความเป็นไทย ๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ ๑ ขั้นนา ครใู ห้นกั เรยี นดโู ฆษณาสัน้ จากนนั้ ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่ รู้สกึ อย่าง ไ ร กั บ โฆษณาดงั กล่าว ขน้ั สอน ๑. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ ราย เรือ่ ง ความหมายของการโฆษณา ลักษณะของ การ โฆษณา และวตั ถปุ ระสงคข์ องการโฆษณา ตัวอย่างคาตอบ ลกั ษณะของการโฆษณา ๑. การโฆษณาเปน็ การสอื่ สารจูงใจ ๒. การโฆษณาเป็นการจูงใจหรอื โน้มนา้ วใจ ๓. การโ ฆษณาเป็นการน าเสน อผ่า นสื่ อมว ลช นป ระ เภ ทต่ าง ๆ เช่น วิทยกุ ระจายเสยี ง วิทยุโทรทศั น์ หนงั สือพิมพ์ วารสารและนิตยสาร เปน็ ตน้ วตั ถปุ ระสงค์ของการโฆษณา
๑. เพ่ือแนะนาใหร้ จู้ ักสนิ คา้ หรอื บรกิ ารใหม่ ๆ ๒. เพ่ือเสนอข้อมลู เก่ยี วกับสนิ ค้าหรอื บรกิ าร ๓. เพอ่ื สรา้ งจุดเด่นใหเ้ ปน็ เอกลักษณ์เฉพาะตวั ของสินคา้ หรือบรกิ าร ๔. เพ่ือสรา้ งแรงจงู ใจ กระตุ้นใหผ้ ู้บริโภคเกดิ ความสนใจ ๕ . เ พื่ อ เ ป็ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม จ า เ น้ น ย้ า ใ ห้ สิ น ค้ า ห รื อ บ ริ ก า ร น้ั น อ ยู่ ใ น ความทรงจาของผ้บู ริโภคตลอดไป ๒. ครูให้นักเรียนศึกษาส่วนประกอบของโฆษณา แล้วร่วมกันสนทนาเพ่ือสร้างความ เขา้ ใจร่วมกัน ๓. ครยู กตวั อยา่ งภาพการโฆษณาสนิ คา้ และบรกิ ารท่ีน่าเชอ่ื ถือและไมน่ ่าเชอื่ ถือ พร้อมอธิบาย ขอ้ ดี ขอ้ เสีย ของโฆษณาดังกล่าว ขน้ั สรุป ๑. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้ • โฆษณามีจุดประสงคเ์ พอ่ื ใหผ้ ู้รับสารเชื่อและคลอ้ ยตาม ผู้อา่ นจงึ ควร วิ เ ค ร า ะ ห์ ความสมเหตสุ มผลด้วยใจ เพอื่ ให้เลือกซอ้ื สินคา้ และบริการไดต้ รงตาม ความ ตอ้ งการมากทีส่ ุด ๒. ครูให้นักเรียนทาแบบทดสอบ เร่ือง การโฆษณา เพื่อทดสอบความเข้าใจ ของนกั เรยี น ๓. ครูฝากข้อคิดใหน้ ักเรยี นทุกคนใช้วิจารณญาณในการตัดสนิ ใจซื้อสนิ ค้าและ บริการ ๔. ครูให้นักเรียนดโู ฆษณาทส่ี รา้ งสรรค์ เพื่อเตอื นสตนิ กั เรียนว่าคนทีเ่ รารักมากทส่ี ดุ คื อ แมข่ องเราเทา่ น้ัน ๕. ครูมอบหมายงาน โดยให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน ออกแบบสินค้าหรือ บริการ กลุ่มละ ๑ อย่าง พร้อมทั้งออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียนกลุ่มละไม่เกิน ๓ นาที ครูและเพ่ือนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ และใหก้ าลงั ใจ ชว่ั โมงที่ ๒ ขนั้ นา ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั ทบทวนความท่เี รียนเมอ่ื ชว่ั โมงที่แล้ว ในประเด็นตอ่ ไปนี้ • ความหมายของการโฆษณา • ลกั ษณะของการโฆษณา
• วัตถุประสงคข์ องการโฆษณา • สว่ นประกอบของโฆษณา • ตัวอยา่ งโฆษณาสนิ ค้าและบรกิ ารทนี่ ่าเชอ่ื ถือและไม่น่าเชื่อถือ ขน้ั สอน ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอช้นิ งานเกีย่ วกบั การโฆษณาสินค้าหรอื บริการ หน้า ช้นั เรียนกลมุ่ ละไมเ่ กนิ ๓ นาที ครูและเพื่อนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นและให้ กาลังใจ ขั้นสรุป ๑. ครูสุม่ ตวั แทนนักเรยี นพูดแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั การนาเสนอชน้ิ งานของ เพื่อนแต่ละกุ ลม่ ๒. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ท้ังหมด เรื่อง การพูดโฆษณา โดยครูได้ฝาก ขอ้ คดิ กบั นกั เรยี นไวว้ า่ กอ่ นจะตดั สนิ ใจซอื้ สินคา้ หรอื บริการควรใช้วจิ ารณญาณของตนเองใน การ ตัดสินใจ ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาท่เี กินจรงิ ๙. ส่ือการเรียนรู้ ๑. Power point เร่ือง การโฆษณา ๒. วดิ โี อ โฆษณาส้ัน ๒ เร่ือง ๑๐. ภาระงาน/ชิน้ งาน นักเรยี นจบั กลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน ออกแบบสนิ ค้าหรือบริการ กลุ่มละ ๑ อยา่ ง พร้อมท้ังออกมา นาเสนอหนา้ ชน้ั เรียนกลมุ่ ละไม่เกนิ ๓ นาที
๑๑. การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารวดั ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมินการสังเกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน ไมน่ ้อยกว่า ๑๐ คะแนน รายบคุ คล ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมินการสังเกต นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม กลมุ่ พฤติกรรมการทางานกล่มุ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๘ คะแนน ๓. ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบ นักเรียนต้องทาได้อย่างน้อย เรื่อง การโฆษณา แบบทดสอบ เรอ่ื ง การโฆษณา ๕ คะแนนข้ึนไป จึงจะผ่าน เกณฑท์ ี่กาหนด ๔. ให้นักเรียนออกแบบสินค้า นักเรียนต้องทาได้อย่างน้อย หรือบริการ กลุ่มละ ๑ อย่าง แบบประเมนิ การพดู โฆษณา ๗ คะแนนข้ึนไป จึงจะผ่าน พร้อมท้ังออกมานาเสนอหน้า เกณฑ์ทีก่ าหนด ชัน้ เรียน
การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมินชน้ิ งานนใี้ ห้ผ้สู อนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เร่อื ง การพูดโฆษณา ระดบั คะแนน ๔๓๒๑ เกณฑ์การ (๑๐ คะแนน) (๙ คะแนน) (๗-๘ คะแนน) (๕-๖ คะแนน) ประเมิน การพดู โฆษณา พูดตรงประเดน็ พูดตรงประเด็น พดู ไม่ค่อยตรงประเดน็ พดู ไม่ตรงประเด็น เนอ้ื หาของสนิ ค้าหรือ เน้อื หาของสินคา้ หรือ เนอื้ หาของสินคา้ หรือ เนื้อหาของสนิ ค้าและ บรกิ ารมคี วามต่อเน่ือง บรกิ ารมคี วามต่อเน่ือง บริการไม่ค่อยมคี วาม บรกิ ารไม่มคี วาม ใช้ภาษาโนม้ นา้ วใจได้ ใชภ้ าษาโนม้ น้าวใจได้ ตอ่ เน่ือง ใชภ้ าษาไม่ ตอ่ เนือ่ ง ใชภ้ าษาท่ีไม่ ถูกต้อง ถกู ต้อง โน้มน้าวใจให้เช่อื ถือ โน้มน้าวใจให้เช่ือถือ มเี หตุผลน่าเชอ่ื ถือ มีเหตผุ ลคอ่ นข้าง หรือเชอ่ื มโยงใหเ้ ห็น หรือเชื่อมโยงใหเ้ ห็น เชื่อมโยงใหเ้ ห็น น่าเชอื่ ถอื เช่ือมโยงให้ ความตอ้ งการ ความตอ้ งการ ความต้องการ เหน็ ความตอ้ งการ ขน้ั พ้ืนฐานของมนุษย์ ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ข้นั พ้ืนฐานของมนุษย์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ดมี าก = ๔ คะแนน ดี = ๓ คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ พอใช้ = ๒ คะแนน ปรบั ปรุง = ๑ คะแนน ๑๔ – ๑๖ ดมี าก ๑๑ – ๑๓ ดี ๘ – ๑๐ พอใช้ ต่ากว่า ๘ ปรบั ปรุง
0แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๕ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ บทละครพดู เร่ือง เห็นแกล่ ูก เร่ือง ประวตั ิความเป็นมาของเรอ่ื ง รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๓๑๐๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ เวลาเรียน ๒ ชวั่ โมง ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ผูส้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศิรมิ งคล กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยมวัดสงิ ห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ คา่ และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ิตจริง ๒. ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม. ๓/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดวี รรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถิ่น ในระดบั ที่ยาก ย่งิ ขนึ้ ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ สามารถอธบิ ายประวัตคิ วามเปน็ มาของบทละครพดู เรื่อง เห็นแกล่ ูก ๓.๒ บอกคณุ ค่าของประวัติความเป็นมาของบทละครพูด เรื่อง เหน็ แก่ลูก ๔. สาระสาคญั บทละครเรื่องเห็นแก่ลูกเป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสะท้อนให้ เห็นถึงความรักและความเสียสละท่ีมีต่อลูก แฝงข้อคิดในการดาเนินชีวิต เป็นบทละคร ที่สามารถ นาแนวทางมาปรับใช้ในการดาเนินชีวติ ในปัจจบุ นั ๕. สาระการเรยี นรู้ ๕.๑ ผ้แู ตง่ ๕.๒ ที่มาของเรื่อง ๕.๓ จุดมุ่งหมายในการประพันธ์
๖. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ๖.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๖.๒ ความสามารถในการคิด ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๗.๑ มีวนิ ยั ๗.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๗.๓ มุ่งม่นั ในการทางาน ๗.๔ รักความเป็นไทย ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ตาม ขั้นนา ครตู ง้ั คาถามกระต้นุ ให้นักเรียนตอบ เพอ่ื เป็นการนาเขา้ ส่บู ทเรียน ดงั น้ี • “นักเรียนเขา้ ใจลักษณะของบทละครพดู หรือไม่” แลว้ ให้นักเรยี นบอกบทละคร ความคดิ ของแตล่ ะคน ขั้นสอน ๑. นักเรยี นและครรู ่วมกนั วิเคราะหว์ รรณคดี บทละครพดู เรอ่ื ง เห็นแก่ลูก จากหนังสือเรียน รายวิชาภาษาไทย ชุดวรรณคดวี จิ กั ษ์ ในหวั ข้อดงั น้ี - ผู้แต่งคือใคร : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ทรงพระราช- นพิ นธ์ ใช้พระนามแฝง พระขรรคเ์ พชร) - มีจุดประสงค์ในการแต่งเพื่ออะไรใช้เป็นบทละครพูด แสดงเพ่ือความ บนั เทิงทแ่ี ฝงข้อคดิ ใหเ้ หน็ ถึงความรัก ความเสยี สละของพ่อที่มีตอ่ ลกู - ลกั ษณะการประพันธเ์ ปน็ แบบใด : ร้อยแกว้ ประเภทบทละคร ๒. ครูนาหนงั สน้ั การแสดงเรอื่ ง “เหน็ แก่ลกู ” ใหน้ ักเรยี นได้ชมเพอ่ื วิเคราะห์เรือ่ งตามแนวคิด ของนกั เรยี น ๓. นกั เรยี นช่วยกันสรปุ ว่าไดอ้ ะไร จาก บทละครพูด เรอ่ื ง เห็นแก่ลูก โดยสุ่มเรียก ตอบ ทีละคน เพื่อทดสอบความรู้ของนกั เรียน
๔. นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด วเิ คราะห์บทละครพูด เรื่อง เห็นแกล่ ูก ขน้ั สรุป นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ และวเิ คราะห์ความรเู้ กย่ี วกบั วรรณคดี เรอ่ื ง บทละครพูด เรอื่ ง เห็นแก่ลกู พร้อมเฉลยแบบฝึกหัด ๙. ส่ือการเรียนรู้ ๑. หนงั สอื เรยี น รายวิชาภาษาไทย ชุดวรรณคดีวจิ ักษ์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ ๒. Power point เรอ่ื ง การโฆษณา ๓. หนงั ส้นั เร่อื ง เห็นแกล่ ูก ๑๐. ภาระงาน/ช้นิ งาน ครู ใหน้ ักเรยี นทบทวนความรูท้ ีเ่ รียนไปทงั้ หมดลงในสมดุ ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารวัด นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ๑. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมินการสงั เกต ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๐ คะแนน รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไมน่ อ้ ยกว่า ๘ คะแนน รายบุคคล นักเรียนต้องทาได้คะแนนตาม เกณฑ์ทีก่ าหนด ๒. สังเกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมนิ การสังเกต กล่มุ พฤติกรรมการทางานกลมุ่ ๓. ตรวจแบบฝึกหดั วเิ คราะห์ แบบฝกึ หดั วิเคราะห์ บทละครพูด เรือ่ ง เหน็ แกล่ กู บทละครพดู เร่ือง เห็นแก่ลูก
แบบฝกึ หดั เรื่อง วเิ คราะหบ์ ทละครพูด เรอื่ ง เห็นแกล่ กู คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง ๑. ผู้แต่ง ............................................................................................................................. .................................. ๒. ลกั ษณะการประพันธ์ ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... .................................................................................................................................... ๓. ท่มี าของวรรณคดี เร่ืองบทพากย์เอราวณั ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. ................................................................................................................................... ๔. จดุ ประสงคใ์ นการแตง่ ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................... .................... ................................................................................................................................... ๕. มเี น้ือหาเกี่ยวกับเรื่องใด ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................. ............................................................. .................................................................................................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๖ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ บทละครพดู เร่อื ง เห็นแก่ลูก เรื่อง วิเคราะห์ตวั ละคร รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๓๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ เวลาเรยี น ๑ ช่วั โมง ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ผูส้ อน นางสาวมณฑกาญจน์ ศริ ิมงคล กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย โรงเรียนมธั ยมวดั สงิ ห์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สกึ ในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจริง ๒. ตวั ชีว้ ดั ท ๓.๑ ม. ๓/๑ แสดงความคิดเห็นและประเมนิ เร่อื งจากการฟังและการดู ท ๕.๑ ม. ๓/๑ สรปุ เนอื้ หาวรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถ่ิน ในระดบั ที่ยาก ย่ิงข้นึ ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ สามารถอธบิ ายลกั ษณะของตัวละครในบทละครพดู เร่ือง เห็นแกล่ ูก ได้ ๓.๒ สามารถเขียนวิจารณ์ตวั ละครแตล่ ะตัวได้ ๔. สาระสาคัญ บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก รัชกาลท่ี ๖ ทรงผูกเร่ืองอย่างรัดกุมและดาเนินเร่ืองโดยใช้บทสนทนา ของตัวละครโต้ตอบกัน ทาให้ทราบเร่ืองราวท่ีดาเนินไป และทราบเบื้องหลังของตัวละครแต่ละตัว นอกจากนี้ ยังทรงบรรยายกริยาท่าทางของตวั ละครแต่ละตัวไว้ในวงเล็บ เพื่อช่วยให้นักแสดง แสดงตามบทได้สะดวกและ สมบทบาทย่ิงขน้ึ ภาษาท่ใี ช้ในบทละครนใ้ี ชค้ าพดู ง่าย ๆ แตใ่ หค้ วามหมายคมคายลึกซ้ึง
๕. สาระการเรียนรู้ ตัวละครในบทละครพูดเร่อื ง “เห็นแก่ลูก” ๖. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๖.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๖.๒ ความสามารถในการคดิ ๖.๓ ความสามารถในการแก้ปัญหา ๖.๔ ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ๖.๕ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๗. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๗.๑ มวี นิ ัย ๗.๒ ใฝเ่ รยี นรู้ ๗.๓ มุ่งม่ันในการทางาน ๗.๔ รักความเป็นไทย ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นา ครูตง้ั คาถามกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนตอบ เพอ่ื เป็นการนาเขา้ สบู่ ทเรยี น ดงั น้ี • โดยบอกตัวละครจากการชมวีดิโอการแสดงละคร เร่ือง เห็นแก่ลูก และบอกว่า ช่นื ชอบตวั ละครตวั ใด เพราะเหตผุ ลใด ข้นั สอน มา ๑. นักเรยี นศึกษาการวิเคราะหต์ วั ละครแตล่ ะตัวจากสือ่ Power Point ทค่ี รูเตรยี ม ซ่ึงมีทั้งข้อดแี ละขอ้ เสยี ของตัวละคร ตวั อยา่ งเชน่ นายลา้ ขอ้ ดี คอื เป็นคนที่มคี วามเสียสละ มคี วามเปน็ บดิ า มารดาของรกั โดยไม่หวังผล สามารถกลบั ตวั กลับ ใจได้ ข้อเสีย นายลา้ เคยเปน็ คนไม่ดีมาก่อน รับสินบน และ ตอนแรกทีม่ ามีความคดิ ท่ีหวงั จะมาพ่ึงพาลูก
๒. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน จากน้ันให้แต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ ละครท่ีกลุ่มของตนเองช่ืนชอบ พร้อมท้ังอธิบายลักษณะ บอกข้อดี ข้อเสีย และตัวละครน้ัน สะทอ้ นแนวคดิ อย่างไรตอ่ นกั เรยี น ขั้นสรุป ๑. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอตัวละครที่กลุ่มตนเองเลือก พร้อมท้ัง อธบิ ายข้อดีและข้อเสยี ของตวั ละครทเี่ ลือก ๒. ครชู ี้แนะเพิ่มเตมิ พรอ้ มท้งั สรปุ นิสัยของตวั ละครในเรื่องแต่ละตวั ๙. ส่ือการเรยี นรู้ สือ่ Power point เรื่อง ลกั ษณะนิสยั ตัวละคร ๑๐. ภาระงาน/ชิน้ งาน นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั วิเคราะห์ละครทก่ี ลุ่มของตนเองชื่นชอบ พรอ้ มทัง้ อธิบายลกั ษณะ บอกข้อดี ขอ้ เสีย และตัวละครน้นั สะทอ้ นแนวคิดอยา่ งไรต่อนกั เรยี น ๑๑. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารวัด นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ๑. สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบประเมินการสังเกต ไม่น้อยกว่า ๑๐ คะแนน รายบคุ คล พฤติกรรมการทางาน นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่น้อยกว่า ๘ คะแนน รายบุคคล นักเรียนต้องทาได้คะแนนตาม เกณฑ์ทีก่ าหนด ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบประเมนิ การสังเกต กล่มุ พฤติกรรมการทางานกลมุ่ ๓. การวิเคราะห์ละครทก่ี ลุม่ แบบประเมนิ การนาเสนอ ของตนเองชืน่ ชอบ ผลงานหน้าช้ันเรยี น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123