Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 8.หลักสูตรสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

8.หลักสูตรสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

Published by TANAWICH SEANGRAM, 2022-07-07 02:31:13

Description: 8.หลักสูตรสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ

Search

Read the Text Version

หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรับปรุง 2565) 95 ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั (ช.ม.) คะแนน 1 People เขียนนาํ เสนอข้อมูลเกยี่ วกับวธิ ีการ 18 30 พยากรณ์อากาศ Vocabulary: family & relatives, everyday activities, school subjects, places to go, carnival, the weather, clothes, parts of the body, physical appearance, sports, cricket, weather prediction, Grammar: have got, ’s (possessive case) present simple, like, think prepositions of time (at, on, in), present continuous can, comparative forms Mid – Year Examination 2 10 2 Shop & Products มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: offering foods 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 and drinks, talking about มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 food and drinks, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 talking about shopping list; มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 making a shopping list, asking มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 about prices, shopping for มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 clothes; asking about prices มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 describing celebrations, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 ordering food, asking and มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 giving directions มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 describing how to cook something, making a speech โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวิทย์ สาํ นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 96 ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน 2 Shop & Products มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 Listening: ฟังเพ่ือจบั ใจความ 18 30 มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 สาํ คญั และหาขอ้ มูลเฉพาะ มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 Speaking: พูดเสนอ ตอบรับ และ มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 ปฏิเสธ, พดู บอกปรมิ าณอาหาร มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 และเครอ่ื งด่ืมในชีวติ ประจาํ วนั , มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 สนทนาเกี่ยวกับการซื้อของใน มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 แผนกตา่ ง ๆ ในซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ , มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 พดู ถาม-ตอบเก่ยี วกับราคาสินคา้ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 การชาํ ระเงิน และการส่ังอาหาร, มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 สนทนาเกีย่ วกับการซือ้ เสื้อผา้ และ ราคาสินค้า, พูดขอและบอก ทิศทางเก่ียวกบั สถานทต่ี ่าง ๆ, พูด บอกข้ันตอนวธิ กี ารทําอาหาร, พดู สุนทรพจน์ Reading: อา่ นเพอื่ จับใจความ สําคญั และหาข้อมลู เฉพาะ, อา่ น เพอ่ื ความเข้าใจ Writing: เขียนบรรยายสนั้ ๆ เก่ียวกบั งานเลีย้ งวนั เกิดใน ประเทศไทย, เขียนเกีย่ วกับการ เฉลมิ ฉลองวันเกดิ ในประเทศไทย และอาหารทคี่ นไทยรับประทาน, เขียนบรรยายเก่ียวกับอาหารที่ รับประทานในแต่ละวนั , เขียน บรรยายส่งิ ของทีม่ แี ละไม่มี,เขียน เพ่อื ทํารายการสิ่งของทีต่ ้องการซอื้ , เขียนบรรยายเกี่ยวกับนิสยั การซ้ือ ของของครอบครวั ตนเอง, เขียนบท สนทนาเกยี่ วกบั การซ้อื สนิ ค้า, โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษาสรุ ินทร์

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 97 ท่ี ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 2 Shop & Products เขียนโปสตก์ ารด์ ให้ขอ้ มูลเกยี่ วกับ 18 30 การเฉลมิ ฉลองในประเทศไทย, เขยี นบรรยายเกีย่ วกับละแวกบ้าน ที่อยูอ่ าศัย, เขยี นบอกวิธีการ ทําอาหาร, เขียนสนุ ทรพจน์ Vocabulary: food & drinks, containers, supermarket, UK currency, celebrations, tastes/texture/flavorings, places to buy food/drinks, food preparation/kitchen utensils, past activities, American food, food technology Grammar: quantifiers there is/there are, this/these – that/those, present simple & present continuous, can/could/may, the imperatives, past simple Final Examination 2 30 Total in year round 40 100 โรงเรียนทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 98 โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ อ 31102 ภาษาอังกฤษ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1 หนว่ ยกิต ท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Out & About มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: talking about 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 extreme places, making , พดู เกี่ยวกบั สงิ่ ที่จาํ เป็นต มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 comparisons, talking about มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 chores, talking about มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 school rules, giving advice, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 making suggestions, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 talking about weekend มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 plans, expressing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 certainty/uncertainty, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 expressing plans for the มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 future’s life มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 Listening: ฟังเพื่อหาข้อมลู มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 เฉพาะ มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 Speaking: พูดถาม-ตอบ มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 เก่ยี วกับลักษณะภูมปิ ระเทศ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 ต่างๆ, พดู เปรยี บเทียบสถานที่ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 ตา่ งๆ, สนทนาเก่ยี วกบั การซอื้ มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 ตั๋วรถไฟพูดใหค้ าํ แนะนํา มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 สนทนาเก่ียวกับสงิ่ ทต่ี ง้ั ใจจะทาํ , มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 พูดอภปิ รายเกีย่ วกับเร่อื งทอ่ี า่ น, มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 พูดแสดงความแน่ใจ/ไมแ่ น่ใจ เกย่ี วกับเหตกุ ารณ์ในอนาคต, พดู เปรียบเทียบแผนการใน อนาคตของตนเองกบั ผอู้ ืน่ , พดู ให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับ Buckingham Palace, โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรับปรุง 2565) 99 ท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Out & About พดู ใหข้ อ้ มลู เก่ยี วกบั ประมุขแห่ง 18 30 รัฐของสหราชอาณาจักร Reading: อา่ นเพอื่ จับใจความ สําคญั และหาข้อมลู เฉพาะ, อา่ นเพื่อตีความ, อา่ นเพื่อความ เข้าใจ Writing: เขียนคําถาม (quiz) เกย่ี วกับลกั ษณะภมู ปิ ระเทศต่าง ๆ, เขยี นบรรยายเปรยี บเทียบ ลักษณะของสมาชิกใน ครอบครัว, เขียน email ถงึ เพื่อนตา่ งชาติ, เขียนเกยี่ วกบั งานบ้านท่จี าํ เปน็ ต้องทําหรือไม่ จาํ เปน็ ต้องทาํ , เขยี นกฎเกณฑ์ ต่าง ๆ ในโรงเรยี น, เขียน คําแนะนาํ เก่ยี วกับความ ปลอดภยั ในการใชอ้ นิ เทอร์เน็ต, เขยี น email ให้คาํ เสนอแนะ, เขยี นเกี่ยวกับแผนการใน วนั หยุดสดุ สัปดาห์, เขยี น ทาํ นายจากความคิดของตนเอง เกยี่ วกบั เหตุการณ์ในอนาคต, เขียน blog เลา่ เกย่ี วกบั แผนการในอนาคต, เขียน เปรยี บเทียบเกีย่ วกบั ระบอบ การเมืองการปกครองของไทย กบั สหราชอาณาจักร, เขียน เผยแพร่ขอ้ มูลเกย่ี วกับ พระราชวังของไทย โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 100 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Out & About Vocabulary: geographical 18 30 features, places in a city, means of transport, chores, school rules, accidents, environmental problems, eco-tourism activities, the future, stages of life, Grammar: superlative degree, comparative & superlative, comparison, have to, must/mustn’t, should/shouldn’t, be going to, will, will – be going to 2 True Stories Mid – Year Examination 2 10 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: talking about 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 ancient civilisations, giving มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 and reacting to bad news มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 asking information มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 questions, narrating a มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 story, describing a มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 person’s life, describing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 experience, talking about มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 experience, describing a มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 person that you admire, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 describing a dream job มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 Listening: ฟงั เพ่ือจับใจความ สาํ คญั และหาข้อมลู เฉพาะ โรงเรียนทบั โพธ์พิ ฒั นวิทย์ สํานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 101 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน 2 True Stories มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 Speaking: พูดเพอื่ บอกและ 18 30 มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 ตอบรับขา่ วร้าย, พูดขอและให้ มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 ข้อมูลเกย่ี วกับอาชพี ของบุคคล มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 สําคัญในอดีตประสบการณ์, มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 พดู บรรยายภาพจากเรอ่ื งทอ่ี ่าน, มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 พูดแกไ้ ขข้อมูลท่ผี ิด, พูดขอและ มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 ใหข้ ้อมลู เกีย่ วกบั เรือ่ งท่อี า่ น, มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 เลา่ เร่อื ง/เหตุการณ์, สรปุ ย่อ, มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 แสดงความคิดเห็นและ ความร้สู ึกเกยี่ วกับเรอื่ งที่อ่าน, พดู บอกส่งิ ทีท่ ําไปแล้วและยัง ไม่ไดท้ ําในวันน,้ี พูดให้ขอ้ มูล เกี่ยวกับหน้าที่ใช้สอยของ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยตี ่าง ๆ และอาชีพ, สนทนาสั้น ๆ เกยี่ วกบั ประสบการณ์, พดู นาํ เสนอบคุ คลจากเรอื่ งทีอ่ า่ น และ the Incas Reading: อา่ นเพ่ือจบั ใจความ สําคัญและหาขอ้ มลู เฉพาะ, อา่ นและเรียงลาํ ดบั เหตกุ ารณ์ Writing: เขียนเล่า ประสบการณใ์ นอดตี , เขยี นให้ คาํ แนะนําเพ่ือใหป้ ลอดภัยจาก อุบตั เิ หตุเรอื จม, เขยี น แบบทดสอบ (quiz), เขยี นเรื่อง เลา่ สั้น ๆ, เขยี นการต์ ูนเลา่ เรือ่ ง สืบสวน,เขียนชวี ประวัติของ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา, โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 102 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั (ช.ม.) คะแนน 2 True Stories เขียนนําเสนอเกี่ยวกบั the 18 30 Incas, สงครามกลางเมืองของ ประเทศในอาเซียน กล่มุ หรอื องค์กรท่ชี ว่ ยเหลือเหย่ือและ ผูป้ ระสบภัยพบิ ัติทางธรรมชาติ, ผปู้ ระสบภัยพบิ ัตทิ างธรรมชาติ, วนั ทหารผา่ นศกึ ของไทยและ เปรียบเทียบกบั Remembrance Day ของ อังกฤษ, เขยี น blog เกยี่ วกบั เทศกาลของไทย, เขยี นบรรยาย เกีย่ วกบั ผหู้ ญงิ ท่ชี น่ื ชม, อาชีพ ในฝนั Vocabulary: ancient civilisations, accidents & disasters, jobs, the supernatural, Private eye, Famous Americans, festival activities, technology, activities with gadgets, politics, Careers Grammar: past simple, present perfect, present perfect & past simple, compound nouns Final Examination 2 30 Total in year round 40 100 โรงเรยี นทับโพธิ์พฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรับปรงุ 2565) 103 โครงสร้างหนว่ ยการเรยี นรู้ อ 32101 ภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1 หนว่ ยกิต ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Cause & Effect มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: talking about 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 water facts, describing มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 general truths and routine, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 expressing annoyance; มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 agreeing and disagreeing, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 giving and reacting to มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 news, giving advice and มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 expressing results, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 expressing intentions & มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 arrangements, giving มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 advice; talking about มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 health, asking about มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 future plans and make มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 predictions, comparing มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 and contrasting, shopping มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 for clothes, describing มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 facts about clouds มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 Listening: ฟงั เพอื่ ระบขุ อ้ มูล มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 เฉพาะ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 Speaking: พูดอธบิ ายและ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 บรรยายวฏั จกั รของนํ้าและ ลักษณะของดาวเสาร์, พูดบอก สิ่งทมี่ กั จะทําใหร้ ู้สึกรําคาญใจ, พูดแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ปัญหาส่งิ แวดล้อมทร่ี นุ แรงทส่ี ดุ , พูดโตต้ อบและสนทนาเกย่ี วกบั สภาพอากาศ โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวิทย์ สาํ นกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 104 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Cause & Effect สิง่ ที่ทาํ ใหร้ ําคาญใจ, การบอก 18 30 และตอบรบั ข่าวทไ่ี ด้ฟัง อาการ เจ็บป่วย แผนการในอนาคต และการซื้อเส้อื ผ้า, พดู นําเสนอ เกยี่ วกับสภาพอากาศในเมือง/ หมบู่ ้าน หรือจังหวัดทีอ่ าศยั อยู่, พูดให้ข้อมูล เปรยี บเทยี บ และ แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เรื่อง ท่อี า่ น, พูดอธบิ ายและ เปรียบเทยี บข้อมูลจากสือ่ ท่ี ไม่ใช่ความเรยี ง Reading: อ่านเพ่ือจบั ใจความ และหาข้อมูลเฉพาะ, อา่ นบท สนทนาเพ่ือความเข้าใจ, อ่าน เพื่อระบุจดุ มุ่งหมายของผ้เู ขยี น Writing: เขยี นนําเสนอข้อมลู เก่ียวกบั ป่าไมข้ องไทย ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ระบบสรุ ิยะจกั รวาล มารยาท ทางสงั คมในประเทศอังกฤษ หรอื ประเทศสหรฐั อเมริกากบั ประเทศไทย และข้อมูลเก่ยี วกับ วิธกี ารรักษาสิง่ แวดลอ้ ม, เขียน บรรยายกิจวตั รประจําวันของ นกั บินอวกาศ บุคลกิ ลักษณะ ของตนเองและเพอื่ น สภาพ อากาศ และลกั ษณะการแต่ง กายของวัยรนุ่ ไทย, เขียนบอก สิง่ ทมี่ กั ทําให้สมาชิกใน โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวิทย์ สํานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรับปรงุ 2565) 105 ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน 1 Cause & Effect ครอบครัวรู้สึกราํ คาญใจ, 18 30 เขยี นบอกเหตกุ ารณ์ที่เปน็ ไปได้ ในปจั จุบนั หรอื อนาคต รวมท้งั ผลท่ีจะเกดิ ขึน้ , เขยี นให้ คาํ แนะนาํ สัน้ ๆ และส่งิ ท่ีจะ เกดิ ข้นึ , เขยี น email เพ่ือให้ คาํ แนะนาํ , เขยี นบทสนทนา เกยี่ วกับอาการเจ็บปว่ ย, เขยี น แนะนําวยั รนุ่ เก่ยี วกบั วธิ กี าร ดูแลตนเองใหม้ ีสุขภาพแข็งแรง, เขียนบลอ็ ก (blog) สั้น ๆ เกี่ยวกบั ชีวติ ของตนเองใน อนาคต, เขยี นเปรยี บเทยี บ ความเหมือนและความแตกต่าง ของตนเองกบั บคุ คลจากเรือ่ งที่ อา่ นได้, เขยี นเกยี่ วกบั สง่ิ ที่ตงั้ ใจ จะทําและวางแผนไว้แล้ว Vocabulary: verbs related to water, the solar system, bad habits, environmental problems, hobbies, the weather, aches & pains, future plans, shopping for clothes, character adjectives Grammar: conditional type 0, present simple, will, be going to& present continuous, โรงเรยี นทบั โพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 106 ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน 1 Cause & Effect the imperative 18 30 both … and, too, as well, whereas, but, comparison Mid – Year Examination 2 10 2 Moments in the มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: comparing 18 30 Past มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 present and past activities มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 buying a train ticket, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 comparing towns in the มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 past and at present, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 ordering an appliance on มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 the phone, comparing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 lifestyles; summarizing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 complimenting, expressing มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 feelings offering, accepting มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 & declining helps inviting, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 accepting & declining มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 invitations, giving a มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 presentation on D-Day, มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 talking about school มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 Listening: ฟังเพ่อื ระบขุ ้อมลู มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 เฉพาะ มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 Speaking: พูดเลา่ เกยี่ วกบั ชีวิต มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 ของบคุ คลในอดตี จากเรือ่ งที่ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 อ่าน, สนทนาในสถานการณ์ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 เกีย่ วกับการซอ้ื ตวั๋ รถไฟและ ส่ังซื้อของทางโทรศพั ท์, พูด เปรยี บเทยี บเมือง Los Angeles โรงเรียนทับโพธิพ์ ฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษาสรุ นิ ทร์

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 107 ท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 2 Moments in the สนทนาเก่ยี วกับการถามความ 18 30 Past คดิ เห็นและแสดงความชืน่ ชม เก่ยี วกับการเลือกซือ้ เสื้อผ้า, พดู เกีย่ วกับแฟชัน่ ในยคุ อดตี ของเจ้าของภาษา จากเร่อื งที่อา่ น, พดู แสดง ความรูส้ ึกและความคิดเหน็ เก่ยี วกับกฬี าตา่ ง ๆ, พูดเสนอ ความช่วยเหลือ พร้อมทงั้ ตอบ รับและปฏิเสธความชว่ ยเหลือ, พูดชกั ชวน พรอ้ มทั้งการตอบ รับและปฏเิ สธการชกั ชวน, พูด ใหข้ อ้ มลู แสดงความคิดเห็น และความรู้สึกเกยี่ วกบั เร่ืองที่ อา่ น, พูดนําเสนอข้อมลู เก่ียวกบั วนั D-Day, พดู บอกความทรง จําของการไปโรงเรียนในวนั แรก พดู เกี่ยวกบั สิง่ ที่ไดท้ าํ ไปแลว้ และยงั ไม่ได้ทาํ , พดู บอกข้อมลู ทจี่ ําได้เก่ียวกบั Blackpool สถานท่ที ่องเทย่ี วทีม่ ีชื่อเสียง ของอังกฤษ Reading: อ่านเพอื่ จบั ใจความ สาํ คัญและหาขอ้ มูลเฉพาะ, ทาํ ตารางข้อมลู จากเรือ่ งทอี่ า่ น, อ่านเพือ่ ความเข้าใจ Writing: เขยี นบรรยายเพื่อ เปรียบเทยี บชวี ติ ในวัยเด็กและ ปจั จบุ นั , โรงเรยี นทับโพธ์ิพฒั นวิทย์ สํานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรับปรุง 2565) 108 ท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 2 Moments in the ,เขยี นเพอ่ื บอกเล่าวธิ กี าร 18 30 Past เดนิ ทางในชีวิตประจาํ วัน เขยี น เปรียบเทียบเมอื งและแฟช่นั ใน อดตี กบั ปัจจบุ นั , เขยี นประโยค โดยใช้ too/enough, เขยี นสรุปยอ่ เร่ืองท่ีอา่ น, เขยี น แบบทดสอบเกีย่ วกับกีฬาใน อดีต, เขียน email แบบไมเ่ ป็น ทางการเพื่อให้ขอ้ มลู ข่าวสาร, เขยี นบรรยายเกย่ี วกบั วัน D- Day, เขยี นเกย่ี วกบั สิ่งทท่ี ําไป แล้วและยงั ไม่ได้ทาํ , เขยี น เผยแพรป่ ระวตั ขิ องโรงเรียน และสถานที่ทอ่ งเท่ียวในท้องถิ่น Vocabulary: life in the past, means of transport, busy towns, electrical devices, phrases about Australian aborigines, clothes and fashion, sports, holiday activities, phrases related to war, school Grammar: past simple vs present simple, used to, too/enough, quantifiers -ed and -ing adjectives, present perfect, present perfect vs past simple โรงเรียนทบั โพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษาสรุ ินทร์

หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรงุ 2565) 109 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน Final Examination Total in year round 2 30 40 100 โรงเรยี นทับโพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ สาํ นักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 110 โครงสรา้ งหนว่ ยการเรียนรู้ อ 32102 ภาษาองั กฤษ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 40 ชัว่ โมง จานวน 1 หน่วยกิต ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Disasters & มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: interviewing 18 30 Mysteries มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 narrating an event, a ghost มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 story, expressing surprise, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 describing strange creatures, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 giving directions, describing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 past events, reporting what มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 someone มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 said/asked/commanded/reque มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 sted, summarizing a story; มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 writing a story, talking about มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 mining accidents มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 Listening: วาดภาพตามทีไ่ ดฟ้ งั มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 เรียงลาํ ดับภาพจากเร่อื งท่ฟี ัง, มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 จดบนั ทึกจากการฟงั , ฟังเพอ่ื หา มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 ขอ้ มูลเฉพาะ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 Speaking: สนทนาเกี่ยวกบั ภัยพบิ ัติ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 , พดู แสดงความประหลาดใจตอ่ ข่าว มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 ท่ไี ด้ยิน, พูดถาม-ตอบเก่ยี วกบั มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 ประสบการณ์การพบเจอสัตว์ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 ประหลาด, พูดเล่าอุบัตเิ หตุจากเรือ่ ง มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 ทอี่ า่ น, พดู นําเสนอเกีย่ วกบั เร่ืองผี, พูดรายงานคาํ พดู คําถาม คําสง่ั และ ขอรอ้ งของผ้อู น่ื , พดู แสดงความ คิดเห็นและความรู้สกึ เกีย่ วกับ เหตกุ ารณ์จากเร่อื งท่ีอ่าน,พูด รายงานเหตกุ ารณ์ โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวิทย์ สาํ นักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษาสุรนิ ทร์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรงุ 2565) 111 ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั (ช.ม.) คะแนน 1 Disasters & Mysteries ที่เกดิ ขึ้นจากจากเรอ่ื งที่อ่าน, พูด ชักชวนหรอื แนะนาํ ใหไ้ ปเทีย่ ว พพิ ิธภณั ฑ์จากเรื่องทอี่ ่าน Reading: อ่านเพือ่ จบั ใจความ สําคัญและหาข้อมลู เฉพาะ, อา่ นและ ปฏิบัติตามคําสัง่ , อา่ นเพอื่ เรียงลําดบั เน้ือเร่ือง, อ่านเพอื่ ความ เข้าใจ, ระบฉุ ากของเรื่องท่อี า่ น Writing: เขียนบทสนทนาเกีย่ วกบั ภัยพิบตั ิ, เขยี นประโยคบรรยายสิง่ ท่ี กําลังทาํ ในอดีตของตนเองและ บุคคลใกล้ตวั , เขยี น email เลา่ เหตกุ ารณไ์ ฟไหมท้ ีเ่ ปน็ พยานเหน็ เหตกุ ารณ์, เขียนตอนจบของเรื่องที่ ฟงั ใหม,่ เขยี นสรุปย่อ, เขียนข่าว, 18 30 เขียนย่อหนา้ สน้ั ๆ เล่าการ เผชญิ หนา้ กับสัตว์ประหลาด, เขยี น บอกทศิ ทาง โดยใช้ prepositions of movement, เขยี นเลา่ เหตกุ ารณ์ ในอดตี โดยใช้ past perfect กบั past simple , เขยี นรายงานคาํ พูด คาํ ถาม คําส่ัง และคําขอร้องของ ผู้อนื่ , เขยี นประโยคโดยใช้คาํ เช่อื ม, เขียนเร่ืองเล่า, เขียนรายงาน เหตกุ ารณ์ที่เกดิ ขน้ึ จากเร่ืองท่อี า่ น ,เขยี นบทความสั้นๆ เก่ยี วกบั พพิ ิธภัณฑใ์ นท้องถนิ่ หรอื ประเทศ ค้นคว้าและเขยี นและเขียนนาํ เสนอ ข้อมลู เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิตวั ก่อน/ โรงเรยี นทับโพธพ์ิ ฒั นวิทย์ สาํ นกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษาสรุ ินทร์

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 112 ท่ี ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Disasters & Mysteries การปฏบิ ตั ิตัวกอ่ น/ระหว่าง/ 18 30 หลังเกิดภัยพบิ ตั ิ, อัคคภี ยั ครงั้ ใหญ่ใน กรุงลอนดอนในอดตี , สตั ว์ในตาํ นาน, เรอ่ื งลี้ลับ, เกาะ Easter Island Vocabulary: natural disasters, crime, Encounters, accidents, fantasy characters, Mystery zone, Story time, materials, Rescue, Grammar: past continuous, prepositions of movement, past continuous and past simple, while/when, past perfect and past simple, linkers, reported speech (statements, questions, commands, requests) Mid – Year Examination 2 10 2 The Way We Live มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: making offers and 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 requests, asking and giving มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 information at the airport, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 giving information about มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 school, writing a memo, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 making complaints/requests, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 asking for confirmation and มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 answers, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 โรงเรียนทับโพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 113 ท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคญั เวลา น้าหนัก (ช.ม.) คะแนน 2 The Way We Live มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 reprimanding/reminding, 18 30 มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 talking about films, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 advertisements, manners ,and มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 traffic signs, making requests, มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 agreeing & refusing มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 Listening: ฟังเพอ่ื หาข้อมูลเฉพาะ, มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 ฟงั เพ่อื ยืนยนั คาํ ตอบ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 Speaking: พดู โตต้ อบสั้น ๆ มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 เกีย่ วกับการเสนอและขอรอ้ งอย่าง มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 สภุ าพ, สนทนาในสถานการณ์ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 เกีย่ วกับการซ้อื ของ สถานการณ์ท่ี มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 เกิดขนึ้ ท่สี นามบิน การคืนสนิ คา้ /เงนิ และการสงั่ อาหารในร้านอาหาร, สนทนาเกี่ยวกบั การเตือน/ตอ่ วา่ , การขอร้อง, พดู เปรียบเทียบโรงเรยี น ของตนเองกบั เรอื่ งทอ่ี า่ น, พูดให้ ขอ้ มูล บอกสิ่งท่ีประทับใจ และ แสดงความคิดเกย่ี วกบั เร่อื งท่ีอา่ น พูดใหข้ ้อมูลเก่ียวกับวิธีการปฏบิ ัติตัว เมือ่ ไปเรียนตอ่ ทีป่ ระเทศองั กฤษ, พูดเปรียบเทยี บเก่ยี วกับการทกั ทาย หรือมารยาทในการรับประทาน อาหารนอกบา้ นของคนอังกฤษกบั คนไทย Reading: อา่ นเพ่ือจับใจความ สาํ คญั และหาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขยี นบทสนทนาสัน้ ๆ เขยี นประโยคโดยใชโ้ ครงสรา้ งภาษา ที่เรยี น, เขยี นรายการ โรงเรียนทับโพธพ์ิ ฒั นวิทย์ สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรับปรงุ 2565) 114 ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั 2 The Way We Live (ช.ม.) คะแนน สง่ิ ของต้องห้ามและตอ้ งจาํ กดั ในการ 18 30 เข้าหรอื ออกประเทศไทย องั กฤษ หรอื สหรัฐอเมรกิ า, เขยี นเก่ียวกบั แนวทางปฏิบตั ขิ องโรงเรียน, คน้ ควา้ และเขียนแนะนาํ กจิ กรรมเพือ่ ทาํ ให้ โรงเรยี นเป็นโรงเรียนสีเขยี ว สัญลักษณ์ในการดูแลเส้อื ผ้า และ การซักผา้ อยา่ งถูกวิธี, เขียน memo และ note, เขียนเกีย่ วกบั การผลิต ภาพยนตร์ โดยใช้ passive voice, เขียนวิเคราะห์โฆษณา, เขียน จดหมายแบบกงึ่ ทางการเพอื่ ขอ ความอนเุ คราะห์, เขยี นนําเสนอ เกี่ยวกบั มารยาทหรอื วธิ กี ารปฏิบตั ิ ตวั ในประเทศไทยสําหรบั ชาว ตา่ งประเทศ,เขยี นเปรียบเทยี บ อาหารของไทยกบั ของเจา้ ของภาษา Vocabulary: places, at the airport, school facilities, in the workplace, clothing care symbols, helping at home, eating out, types of films, activities, ads – verbs Grammar: modals relatives, subject/object pronouns – possessive, determiners/pronouns, question tags, โรงเรียนทบั โพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ สาํ นักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสุรินทร์

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 115 ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน Final Examination Total in year round 2 30 40 100 โรงเรียนทับโพธพ์ิ ฒั นวิทย์ สาํ นักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาสุรินทร์

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 116 โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ อ 33101 ภาษาองั กฤษ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1 หน่วยกิต ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Express likes & มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: describing 18 30 preferences มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 festivals, a sport, a picture, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 your holidays, a famous มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 person and your favorite มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 books, expressing general มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 preferences and specific มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 preferences, expressing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 opinions, making, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 comparisons, commenting มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 on films, reporting the มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 statistics มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 Listening: ฟงั เพือ่ หาข้อมูล มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 เฉพาะ, ฟงั ข้อมูลเก่ยี วกับประเภท มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 ของวนั หยุด มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 Speaking: สนทนาเกยี่ วกับ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 รายการโทรทศั น์ท่ชี อบและ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 อยากจะดูและภาพยนตร์,สนทนา มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 เก่ียวกับกีฬาท่อี ยากจะเลน่ และ มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 อปุ กรณท์ ่ีจําเปน็ , พูดให้ข้อมลู มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 เรือ่ งท่ีอ่าน, พูดบอกสิง่ ท่ี ประทับใจและตัวละครท่ชี อบจาก เรื่องท่อี า่ น, พูดโตต้ อบสน้ั ๆ โดย ใช้โครงสรา้ งภาษาท่ีเรยี น และ แสดงความคิดเหน็ , อธิบาย แผนภมู แิ ท่ง, โรงเรยี นทบั โพธ์ิพฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาสรุ ินทร์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 117 ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคญั เวลา น้าหนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Express likes & preferences พูดใหข้ ้อมูลเกยี่ วกบั เทศกาล 18 30 นักเขยี นชาวอเมริกนั และหนงั สือที่ อยากอ่านสิ่งทที่ าํ ให้ราํ คาญใจ, การบอกและตอบรับข่าวท่ไี ด้ฟัง อาการเจบ็ ป่วย แผนการใน อนาคต และการซ้อื เสื้อผ้า, พดู นําเสนอเกี่ยวกับสภาพอากาศใน เมอื ง/หมบู่ า้ น หรอื จังหวดั ท่ีอาศยั อย,ู่ พูดใหข้ ้อมลู เปรียบเทยี บ และ แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เร่ืองที่ อา่ น, พูดอธบิ ายและเปรียบเทยี บ ขอ้ มูลจากส่ือทีไ่ มใ่ ช่ความเรยี ง Reading: อ่านเพอื่ จับใจความ สําคัญ หาขอ้ มลู เฉพาะ และระบุ จุดประสงค์ของผู้เขียน, อ่านเพอ่ื เรียงลาํ ดับเหตกุ ารณจ์ าก เรื่องท่อี ่าน Writing: เขียนโปสต์การด์ เก่ียวกบั เทศกาลท่ีไปเทย่ี วและ วนั หยุดของตนเอง, เขยี นบท สนทนาสน้ั ๆ เก่ียวกบั รายการ โทรทัศน์ท่ชี อบและอยากจะดู, เขียนประโยคโดยใชค้ ําศัพท์และ โครงสร้างภาษาท่ีเรยี น, เขยี นให้ ข้อมลู เก่ยี วกบั เรื่องทอ่ี ่าน, เขียน บรรยายภาพผกั หรอื ผลไม้ แกะสลกั ของไทย, โรงเรยี นทบั โพธิ์พฒั นวิทย์ สํานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษาสรุ ินทร์

หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 118 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Express likes & preferences , เขียนบรรยายส้ัน ๆ เกี่ยวกับ 18 30 หนังสอื ทีช่ น่ื ชอบ เขยี น เปรยี บเทียบสถานที่ในเมืองที่ อาศยั อยู่ เขยี น email วิจารณ์ ภาพยนตร์ เขยี นรายงานการ สํารวจ เขียนนาํ เสนอเกีย่ วกบั เทศกาลของ ไทย, เขียนนําเสนอเก่ยี วกบั นกั เขียนของไทยหรอื อาเซยี น, Vocabulary: historical re- enactments, TV program, sports equipment, food/drinks, books, types of buildings, types of holidays, types of films, free-time activities, festive activities Grammar: present simple, present continuous -ing form & (to-)infinitive form, there is/there are ร่วมกับ a/an – some/any – a few/a little, comparisons verbs taking to-infinitive or - ing form with a change in meaning, plural/group nouns, will/be going to/present continuous tense Mid – Year Examination 2 10 โรงเรียนทบั โพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรงุ 2565) 119 ท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั (ช.ม.) คะแนน 2 Experiences มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: describing life 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 experiences, reminding and มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 reassuring, expressing มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 embarrassment & มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 responding, expressing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 opinions, describing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 complete actions in the มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 past, describing on-going มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 actions, describing actions มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 completed before a point in มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 time in the past, writing an มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 informal email, writing an มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 autobiography/a biography, มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 describing a festival, มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 describing a past action that มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 already completed when มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 another past action มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 happened, summarizing มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 Listening: ฟงั เพ่อื หาข้อมูล มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 เฉพาะ, ฟังเพ่อื ยนื ยนั คาํ ตอบ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มูล เกีย่ วกับประสบการณ์, พดู ให้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ประสบการณ์ท่ีน่า อบั อายและพดู ตอบ,พดู แสดง ความคิดเหน็ เกยี่ วกับ ประสบการณแ์ ละลกั ษณะนสิ ยั ของบุคคลจากเรอื่ งท่อี า่ น, พดู ให้ ข้อมลู เกย่ี วกับตนเองและผูอ้ ่ืนโดย ใช้ present perfect โรงเรยี นทับโพธ์ิพฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 120 ท่ี ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก 2 Experiences (ช.ม.) คะแนน Continuous พดู เก่ียวกับความ 18 30 เช่ือเร่อื งโชคลางของตะวันตกและ ของไทย, สนทนาเกี่ยวกบั บคุ คลที่ น่าสนใจ, พดู อุทานในสถานการณ์ ที่กําหนด, พูดให้ข้อมูล นําเสนอ และสรปุ ย่อเรอ่ื งทอี่ ่าน พูดแสดงความรสู้ ึกและบรรยาย เหตกุ ารณข์ ณะทร่ี อความ ช่วยเหลือ Reading: อา่ นเพ่อื จับใจความ สําคัญและหาขอ้ มลู เฉพาะ, อ่าน เพอื่ สรุปขอ้ มูล Writing: เขยี นเลา่ ประสบการณ์ การเลน่ กีฬา/กิจกรรมท่ีท้าทาย ประสบการณ์ชวี ติ ประสบการณ์ที่ นา่ อบั อาย ชวี ประวัติ, เขียน ประโยคโดยใช้โครงสรา้ งภาษาที่ เรียน, เขยี นบทความสัน้ ๆ เก่ยี วกับเทศกาลของไทย, เขียน email แบบไมเ่ ป็นทางการ,เขียน สรุปยอ่ , เขยี นจดหมายและบท สนทนาเล่าประสบการณ์การไป เทย่ี วโดยใช้ past perfect และ past simple, เขยี นนาํ เสนอ วธิ กี ารปฏบิ ตั ิเพอื่ เอาตัวรอดจาก ภัยพบิ ตั ิ Vocabulary: activities, wildlife experiences, holiday preparation, embarrassing โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวิทย์ สาํ นกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 121 ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก 2 Experiences (ช.ม.) คะแนน situations, achievements, 18 30 situations, holiday activities, nasty accidents, hobbies, extreme weather Grammar: present perfect present perfect vs past simple, present perfect continuous; like/as present perfect vs present perfect continuous indirect question, past perfect, past perfect vs past simple, past simple and past continuous Final Examination 2 30 Total in year round 40 100 โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบับปรบั ปรงุ 2565) 122 โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ อ 33102 ภาษาองั กฤษ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1 หนว่ ยกิต ท่ี ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคญั เวลา น้าหนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Describing Things, มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: describing 19 40 Places & People มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 appearance, talking about มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 character, describing มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 clothes, describing มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 yourself, talking about มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 favorite things, buying มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 things, making plans, มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 writing a for-and-against มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 essay and a survey report, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 describing something is มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 done by somebody, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 describing something is มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 done for us มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 Listening: ฟังเพ่ือจบั ใจความ มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 สาํ คญั และหาข้อมลู เฉพาะ, ฟัง มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 เพ่ือยนื ยันคาํ ตอบ มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 Speaking: พูดบรรยาย มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 ลกั ษณะรปู ร่างหนา้ ตา, เส้อื ผ้า มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 และเคร่อื งประดบั , พดู ขอและ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 ให้ข้อมลู เก่ียวกบั ลักษณะนสิ ัย มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 ของบคุ คลใกลต้ ัว, พดู โตต้ อบ สั้น ๆ โดยใช้ relative pronouns, สนทนาเก่ยี วกบั การแจง้ ของหาย วางแผนหรอื นัดหมาย และซ้ือของ, พดู ขอ และใหข้ อ้ มลู โรงเรยี นทับโพธิพ์ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์

หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 123 ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ช.ม.) คะแนน 1 Describing Things, Places & People แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั เรอื่ ง 19 40 ท่อี า่ น, พูดคาดเดาหรือบอก ความเปน็ ไปได้ Reading: อา่ นเพ่อื จับใจความ สําคัญและหาข้อมลู เฉพาะ Writing: เขยี นบรรยาย ลกั ษณะรูปรา่ งหน้าตาของคน ในครอบครัว, เขยี นบทความสัน้ ๆ เก่ยี วกบั เพ่ือน และสิ่งท่พี ก ตดิ ตัวเป็นประจํา, เขยี น เปรียบเทียบตนเองกับบคุ คล จากเร่อื งทอี่ ่าน, เขียนเก่ียวกบั ตนเองและบุคคลใกล้ตัว, เขยี นแผ่นพับแนะนําสถานท่ี ทอ่ งเทีย่ วในเมืองหรือจงั หวัด ของตนเอง, เขียนความเรียง เกี่ยวกับข้อดีและขอ้ เสีย เกี่ยวกบั การอาศยั อยูใ่ นแฟลต, เขียนนาํ เสนอเก่ียวกับ สงิ่ ประดษิ ฐ์หรือผลิตภัณฑ์ใน ชุมชนหรือจงั หวดั ของไทย, การศึกษาต่อของตนเองและ การทําผิวสีแทนและผลกระทบ, เขียนนาํ เสนอการคน้ คว้าและ การทําแบบสํารวจ, เขยี น เผยแพร่ข้อมลู เกี่ยวกบั สภาพ อากาศในแต่ละภาคของไทย หรือเมือง/จังหวดั ท่มี ชี ือ่ เสียง ของไทย, เขยี นประโยคโดยใช้ โรงเรยี นทับโพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์

หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรบั ปรงุ 2565) 124 ท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 1 Describing Things, โครงสร้างภาษาท่เี รียน 19 40 Places & People Vocabulary: appearance, character & feelings, clothes & accessories – style/pattern/material, personal belongings, quantifiers, landmarks & attractions, city and country living, weather, everyday objects, teen jobs and duties Grammar: relative pronouns and relative adverb; relative clauses prefix and suffix; order of adjectives, quantifiers linkers, must-can’t- may/might (logical assumptions/possiblility) the passive, the causative (have sth done) Mid - Year Examination 2 10 2 Imaginary Situations มฐ ต 1.1 ม. 4-6/1 Functions: talking about 18 30 มฐ ต 1.1 ม. 4-6/2 possible situation in the มฐ ต 1.1 ม. 4-6/3 present or future, talking มฐ ต 1.1 ม. 4-6/4 about a real or very มฐ ต 1.2 ม. 4-6/1 porbable situation in the มฐ ต 1.2 ม. 4-6/2 present or future, โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 125 ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคญั เวลา น้าหนัก (ช.ม.) คะแนน 2 Imaginary Situations มฐ ต 1.2 ม. 4-6/3 talking about an imaginary 18 30 มฐ ต 1.2 ม. 4-6/4 situation contrary to the มฐ ต 1.2 ม. 4-6/5 facts in the present and in มฐ ต 1.3 ม. 4-6/1 the past, giving advice, มฐ ต 1.3 ม. 4-6/2 expressing wishes in the มฐ ต 1.3 ม. 4-6/3 present and in the past, มฐ ต 2.1 ม. 4-6/1 describing a holiday มฐ ต 2.1 ม. 4-6/2 experience and a nasty มฐ ต 2.1 ม. 4-6/3 experience, talking about มฐ ต 2.2 ม. 4-6/1 coral reefs and moral มฐ ต 2.2 ม. 4-6/2 dilemmas, narrating events มฐ ต 3.1 ม. 4-6/1 Listening: ฟงั เพ่ือจบั ใจความ มฐ ต 4.1 ม. 4-6/1 สําคญั และหาขอ้ มูลเฉพาะ, ฟัง มฐ ต 4.2 ม. 4-6/1 เพ่อื ยืนยันคาํ ตอบ มฐ ต 4.2 ม. 4-6/2 Speaking: พูดใหข้ ้อมูลและ เลา่ เรื่องที่อา่ น, พดู ขอและให้ คําแนะนํา พดู อภิปรายเก่ยี วกบั วธิ กี ารแกป้ ัญหา พูดแสดง ความรสู้ กึ ของบุคคลทรี่ อดชวี ติ จากอบุ ัติภัยได้ พูดบอกสง่ิ ท่ีทาํ ได้เพอ่ื ปกปอ้ งแนวปะการงั พดู ใหข้ อ้ มูลเกีย่ วกับสิง่ ทจี่ ะทํา ถ้าตกอยูใ่ นสถานการณ์เดียวกับ บคุ คลในบทอา่ น พดู นาํ เสนอ และสรปุ ย่อเรือ่ งทอี่ า่ นสนทนา เลา่ อาชญากรรมที่เกดิ ข้ึน Reading: อา่ นเพ่อื จบั ใจความ และหาขอ้ มูลเฉพาะ, โรงเรียนทบั โพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษาสุรินทร์

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 126 ท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 2 Imaginary Situations สรปุ ยอ่ เรอื่ งทีอ่ า่ น 18 30 Writing: เขยี นสนั้ ๆ เกย่ี วกบั สิง่ ท่ีจะทําหรอื ไม่ทาํ เพื่อชว่ ยให้ ละแวกบา้ นของตนเองดขี น้ึ เขียนจดหมายให้คําแนะนํา คน้ ควา้ และเขยี นนําเสนอข้อมูล เกยี่ วกับคําแนะนําในการ แก้ปัญหาของวัยรนุ่ ปะการงั องค์กรท่ีช่วยเหลือสงั คม เขียนเกี่ยวกบั ส่ิงทเี่ สียใจทไี่ ด้ทํา หรอื ไมไ่ ด้ทําในอดตี เขียนประโยคโดยใชโ้ ครงสร้าง ภาษาท่เี รยี น เขยี นวิเคราะห์ส่ิง ที่ตัดสนิ ใจจะทาํ ในประเด็นท่ี หม่ินเหม่ทางศีลธรรม/ จรยิ ธรรม เขยี นเล่า ประสบการณก์ ารไปเทยี่ วทีไ่ มด่ ี และประสบการณ์ที่นา่ กลวั เขียนบทความสนั้ ๆ เก่ียวกับ การกระทําทผ่ี ิดกฎหมาย Vocabulary: neighbourhood problems, global problems, family problems, teenage problems, difficult situations, crime, holiday problems, scary situations, environmental dangers, everyday ethics, โรงเรยี นทบั โพธ์ิพฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 127 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช.ม.) คะแนน 2 Imaginary Situations Grammar: would, first, 18 30 second and third conditional wish/if only (present & past) , past simple and past continuous, so/such, adjective and adverb Final Examination 2 30 Total in year round 40 100 โรงเรยี นทบั โพธพ์ิ ฒั นวิทย์ สาํ นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสุรินทร์

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 128 โครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ อ 30201 ภาษาองั กฤษฟงั -พูด กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 20 ช่ัวโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกติ ท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั (ชัว่ โมง) คะแนน Greeting –Introduction ม.4/1 ฟงั และพูดภาษาองั กฤษที่ใชใ้ น (การทกั ทายและ การสนทนาโต้ตอบข้อมูลเกย่ี วกับ 1 แนะนาํ ตัว) ตนเอง บคุ คลใกล้ตวั 3 10 ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว เหตกุ ารณ์ Invitation(การชกั ชวน) ม.4/1 ม.4/2 ใชภ้ าษาองั กฤษในการนาํ เสนอ 2 ข้อมลู เก่ยี วกับตนเอง โรงเรียน 3 10 ชุมชน ทอ้ งถน่ิ และประเทศชาติ Appointment ม.4/1 ม.4/2 จับใจความ ตีความ วิเคราะห์ 3 (การนดั พบ) ความ สรปุ ความเร่ืองทเี่ ป็นสาร 3 10 คดแี ละบนั เทงิ คดี สอบกลางภาค 1 10 Seeing someone ม.4/2 ม.4/4 ฟังและพดู ภาษาองั กฤษ (การเข้าพบบุคคล) ม.4/6 ม.4/5 ทใี่ ช้ในการสนทนาโตต้ อบข้อมูล 4 เก่ยี วกบั ตนเอง บุคคลใกลต้ วั 4 10 ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว เหตุการณ์ Expressing ม.4/2 ม.4/3 ฟงั และพูดภาษาองั กฤษที่ใชใ้ น Goodwill ม.4/6 การสนทนาโต้ตอบข้อมูลเกยี่ วกบั (การแสดงความร้สู กึ ) ตนเอง บุคคลใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว 5 เหตุการณ์ แสดงความรู้สกึ 4 20 ความคิดเห็นและให้เหตผุ ล ประกอบ ใช้ภาษาสื่อสารใน สถานการณ์จริงหรอื สถานการณ์ จําลองทเ่ี กดิ ขน้ึ ในห้องเรียน สอบปลายภาค 2 30 โรงเรยี นทับโพธพ์ิ ฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 129 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก รวมตลอดภาค (ชวั่ โมง) คะแนน 20 100 โรงเรียนทับโพธิ์พฒั นวิทย์ สํานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาสุรินทร์

หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 130 โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ อ 30202 ภาษาอังกฤษเพอื่ การสอ่ื สาร กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 20 ชัว่ โมง จานวน 0.5 หนว่ ยกติ ท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั (ชว่ั โมง) คะแนน 1 Daily & Life ม.5/1 ม.5/2 Daily Schedule, Borrowing ม.5/3 Money, Going to the Beach, 4 10 What's on TV., Time for a Nap, A nice place to live 2 Food & Drink ม.5/1 ม.5/2 I Feel Like Chinese, A Good 4 10 ม.5/5 ม.5/3 Lunch, A Bad Manners, Bad Service, No More for me 10 20 สอบกลางภาค 1 3 Weather ม.5/1 ม.5/6 A long Day 4 How’s the weather today? Which season do you like best? 4 Travel ม.5/1 ม.5/2 Beautiful Hawaii, Row your boat 5 20 ม.5/3 ม.5/4 The airport, Hotel Hell A free trip, Fear of flying สอบปลายภาค 2 30 รวมตลอดภาค 20 100 โรงเรยี นทบั โพธ์ิพฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาสรุ ินทร์

หลักสูตรกลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรับปรุง 2565) 131 โครงสร้างหนว่ ยการเรียนรู้ อ 30203 ภาษาอังกฤษอา่ น-เขยี น กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 20 ชว่ั โมง จานวน 0.5 หน่วยกิต ท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 Rubbish and ม.6/1 การอา่ นแบบ scanning 2 10 recycling ม.6/2 เพ่ือหาข้อมูลเฉพาะ, การใช้ ม.6/3 ความรู้เดมิ เพ่อื ช่วยในการ ม.6/4 อา่ น, การใช้for example, ม.6/5 for instance, การเขียน diagram, การเขียน ประโยคที่มี ตัวอยา่ ง, การ อ่านและเขยี น ขอ้ ความที่ แสดงข้นั ตอน 2 Explorers and ม.6/1 การวเิ คราะห์แนวของเร่อื ง 2 10 Travelers ม.6/2 ที่อา่ นการเดาความหมาย ม.6/3 ของข้อความหรอื คาํ โดยใช้ ม.6/4 บรบิ ท, การใช้ suffix – ม.6/5 ness, การเขียนต่อเตมิ เร่ือง ท่กี ําหนดให้ 3 Relationships ม.6/1 การอ่านแบบ skimming 2 10 ม.6/2 เพอ่ื หาใจความสําคญั ของ ม.6/3 สง่ิ ท่อี า่ น,การอา่ นเพ่อื ม.6/4 จําแนก ขอ้ เท็จจริงจาก ม.6/5 ความคิดเห็น, การอา่ นเพอ่ื วเิ คราะหโ์ ครงสร้างของ ข้อมูลท่อี ่าน เช่น การ เรยี งลําดับของ ขอ้ ความ, การอา่ นจดหมายขอ คําปรกึ ษา, การอา่ นเพ่ือ วิเคราะหบ์ คุ ลิกลกั ษณะ ของคน, โรงเรียนทบั โพธ์พิ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษาสรุ ินทร์

หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 132 ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก (ช่ัวโมง) คะแนน 3 Relationships ม.6/1 การเขยี นลําดบั ข้อความ, ม.6/2 การเขยี นจดหมายเพื่อให้ 3 10 ม.6/3 คาํ แนะนํา, การเขยี นจด ม.6/4 หมายถงึ pen – friend ม.6/5 สอบกลางภาค การอา่ นเรอ่ื งทแ่ี สดง 1 10 เหตผุ ล 4 10 4 Mysteries and spy ม.6/1 เดาคําศัพท์จาก ปรบิ ท stories ม.6/2 การสรปุ เรื่องท่อี ่านโดยใช้ 4 10 ม.6/3 เหตผุ ลการเขยี นขอ้ ความ ม.6/4 แสดงเหตุผล ม.6/5 การเขยี นต่อเตมิ เรื่อง ประเภทลึกลับที่กาํ หนดให้ 5 Sport ม.6/1 การอ่านแบบ skimming ม.6/2 เพ่อื หา key word, การ ม.6/3 อา่ นแบบ scanning เพ่ือ ม.6/4 หาข้อมลู เฉพาะการอา่ น ม.6/5 เพอ่ื วิเคราะห์หา Tense หลักของประโยคและหา compound adjectives การวิเคราะหท์ ศั นะของ ผู้เขียนการเขยี นถ่ายโอน จากรูปแบบ diagram เป็น การเขยี นแบบบรรยาย, การเขยี นรายงาน ขอ้ เท็จจริง สอบปลายภาค 2 30 รวมตลอดภาค 20 100 โรงเรยี นทับโพธ์พิ ฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรุง 2565) 133 การจัดการเรียนรู้/กระบวนการเรียนรู้ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีหลายแนวคิด มีท้ังแนวคิดเกี่ยวกับการจัด หลกั สูตร แนวคดิ เก่ียวกบั แนวการสอน และแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ แนวคิดทั้ง 3 น้ี มีส่วนช่วยครูผู้สอนใน การตดั สนิ ใจวางแผนจดั การเรยี นการสอน การคัดเลือกกิจกรรมประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนเลือกส่ือ การเรียนรู้ ซ่ึงเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับครูผู้สอนที่จะต้องศึกษาทําความเข้าใจเพ่ือช่วยให้การสอนของตนเองมี ประสิทธภิ าพย่งิ ขน้ึ แนวคดิ สาํ คญั ที่ครคู วรศึกษาทําความเขา้ ใจมดี งั ตอ่ ไปนี้ คือ 1. หลกั สตู รภาษาที่เน้นผ้เู รยี นเป็นสําคญั (Lerner – Centered Language Curriculum) 2. แนวการสอนภาษาเพอ่ื การส่ือสาร (Communicative Language Teaching) 3. การสอนภาษาเพ่ือวัตถุประสงค์เฉพาะ (Language for Specific Purposes) 4. การจัดการเรยี นรู้แบบบูรณาการ (Integrated Learning) 5. การจัดการเรียนรู้แบบรว่ มมอื (Cooperative Learning) 6. การจดั การเรียนการสอนแบบภาษาท่ีเน้นเนือ้ หา (Content-Based Instruction) 7. การสอนภาษาแบบองค์รวม (Whole Language Approach) 8. การเรียนรจู้ ากการทําโครงงาน (Project-Based Learning) 9. การเรียนรทู้ ีเ่ น้นภาระงาน (Task-Based Language) 10. การสรา้ งองค์ความรู้ (Constructivism) 11. วธิ กี ารสอนด้วยการตอบสนองด้วยท่าทาง (Total Physical Response) 12. การเรยี นการสอนภาษาองั กฤษแบบไฟรแ์ มท็ ซิสเต็ม (4 MATS Language System) กระบวนการจัดการเรยี นรภู้ าษาองั กฤษ เทคนิควธิ กี ารท่ีสําคัญท่ีครผู สู้ อนภาษาอังกฤษควรร้แู ละนาํ ไปใช้มีดังน้ี การสอนทักษะการฟงั (Listening) การสอนฟงั ผูส้ อนจะตอ้ งฝึกให้ผูฟ้ ังสามารถแยกเสียงทีไ่ ดร้ บั ฟัง รบั รู้ และเขา้ ใจความหมายเร่อื งทฟ่ี งั วิธสี อนท่ี ใชก้ ันทั่วไปในการสอนฟังมกี ิจกรรม 3 ข้ันตอน คอื กจิ กรรมก่อนฟัง กจิ กรรมขณะฟงั และกจิ กรรมหลงั ฟงั การสอนออกเสยี ง (Pronunciation) 1. ส่งิ ทีผ่ ู้เรยี นไดย้ ิน เพราะผู้เรียนบางคนไม่สามารถแยกความแตกตา่ งของเสียง ซ่ึงอาจเปน็ เพราะเสยี ง น้นั ไม่มีในภาษาเดมิ ของเขา ทาํ ให้ฟงั เสยี งทแี่ ตกต่างเปน็ เสยี งเดยี วกัน ผู้สอนตอ้ งพยายามให้เขารบั รู้ความ แตกต่างของเสยี ง ซึ่งอาจทําโดยการแสดงแผนภาพ แผนภมู ิ การสาธิตและการอธิบาย เพือ่ ฝึกหูของผูฟ้ ังทีละ นอ้ ย จนกระทงั่ เขาสามารถแยกเสียงท่ีแตกต่างกันได้ 2. การออกเสยี งสงู – ตํา่ ผู้สอนตอ้ งให้ผู้เรยี นร้จู กั การจาํ แนกอารมณ์ (Moods) และความตั้งใจ (Intention) โดยใช้แถบเสียง (Tape) หรอื พดู ใหฟ้ ัง เพ่ือใหผ้ เู้ รียนสังเกตว่าคนพูดภาษาอังกฤษกันอย่างไรใน อารมณ์ ความรู้สึก และสถานการณ์ทีแ่ ตกต่างกัน 3. ตวั อกั ษรแทนเสยี ง (The Phonetics Alphabet) ผู้เรยี นภาษาองั กฤษจาํ นวนมากมปี ญั หาในการออก เสียงตัวสะกด จงึ จําเป็นต้องรูจ้ กั หน่วยเสยี งท่แี ตกตา่ งกนั ซงึ่ วิธีทีด่ ที ีส่ ดุ ในการส่งเสริมการรบั ร้เู หล่านี้คือ การ โรงเรยี นทบั โพธพิ์ ฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรับปรงุ 2565) 134 นําเสนอด้วยสัญลักษณ์ (Phonetics Symbol) ซงึ่ เมื่อผู้เรียนสามารถอ่านสญั ลักษณไ์ ดก้ จ็ ะสามารถรับรู้ว่า คาํ ถามเหลา่ นน้ั ออกเสียงอย่างไร การสอนออกเสียงอาจทาํ ไดห้ ลายลักษณะ เช่น 1. Whole Lessons คอื การที่ครสู อนเน้นเรอ่ื ง Stress และ Intonation ขณะดาํ เนินกจิ กรรมตาม แผนการจดั การเรยี นรู้ ให้ผู้เรยี นฝกึ จํารูปแบบการออกเสียงสูง – ต่าํ ออกเสยี งวลีทีจ่ ําเป็น แลว้ พฒั นาตอ่ ไปจน สามารถแสดงละครสั้น ๆ ได้ 2. Discrete Slots คอื การแทรกกจิ กรรมการออกเสยี งสั้น ๆ ไม่ต่อเน่อื งกันลงในบทเรียน ทงั้ ในรปู แบบ ฝึกเสียงเด่ยี ว และฝกึ เสยี งคู่ทีแ่ ตกต่างกัน ในชว่ งสนั้ ๆ ขณะสอนภาษาองั กฤษ Integrated Phases คือ การที่กําหนดให้การออกเสยี งเป็นส่วนหนง่ึ ของบทเรยี น โดยให้ฟังเทปแลว้ ฝึกออก เสียงตามให้ถูกต้อง 3. Opportunistic Phases เป็นการสอนออกเสียงคําบางคําทีน่ า่ สนใจขณะสอนไวยากรณ์ หรือคาํ ศัพท์ โดยไมต่ อ้ งใชเ้ วลามาก การสอนไวยากรณ์ (Grammar) การสอนไวยากรณผ์ สู้ อนต้องนาํ เทคนิคการสอนท่ีหลากหลายมาใชใ้ นขนั้ ตอนสาํ คัญ 4 ข้ันตอน คอื 1. การนําเสนอ (Presentation) เพื่อใหผ้ ู้เรยี นเข้าใจรูปแบบและความหมายทัง้ ในภาษาพดู และภาษา เขยี น 2. การสอนเป็นตอน ๆ และการอธบิ าย (Isolation and Explanation) เปน็ การเน้นเรอ่ื งส่วนประกอบ ของไวยากรณ์ ทง้ั ด้านการออกเสยี ง รูปแบบ ความหมาย และหนา้ ท่ี หรอื กฎเกณฑ์ ในบางชน้ั เรยี นครูอาจ จาํ เปน็ ต้องอธิบาย แปล หรอื ทําให้เห็นภาพรวมโดยใช้ภาษาแม่ของผเู้ รียน 3. การฝกึ ฝน (Practice) เพ่อื ให้ผเู้ รียนเขา้ ใจโครงสรา้ งภาษาไดอ้ ยา่ งลกึ ซง้ึ ครูควรจดั ให้มีแบบฝกึ หัดทั้งที่ ให้ทําในช้นั เรียน และทใ่ี ห้ทาํ เป็นการบ้าน ให้มคี วามหลากหลายครอบคลมุ เนื้อหาทเี่ รียน 4. การทดสอบ (Test) เป็นการตรวจสอบขอ้ มูลย้อนกลบั ในสงิ่ ที่เรยี นไปแลว้ เพ่ือทราบวา่ ผู้เรียนพฒั นาไป มากน้อยเพยี งใด ครคู วรปรบั ปรุงการสอนอยา่ งไรต่อไป การสอนเกมทางภาษา (Language games) เกมทางภาษาแบ่งได้เปน็ 1. Number Games เกมทีเ่ สริมความรู้ ฝึกความจํา ตลอดจนปฏิภาณและความเร็วในการคดิ เกีย่ วกับ ตวั เลข 2. Vocabulary Games เกมท่ีใชท้ ดสอบความจําและความรู้เดมิ ดา้ นภาษา ทั้งการออกเสียง การสะกด คํา ความหมาย และ part of speech 3. Structure Games เกมท่ฝี ึกเกยี่ วกับเน้อื หาและโครงสรา้ งของภาษา 4. Spelling Games เกมท่ชี ่วยเสริมความสามารถในการจาํ คําศัพท์และเขียนคําศพั ทไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง 5. Conversation Games เกมท่ีชว่ ยสรปุ เน้ือหาระหวา่ งผ้พู ูดและผฟู้ ังให้สามารถเกบ็ ใจความและสอื่ ความหมาย 6. Writing Games เกมทช่ี ่วยเสรมิ ทักษะในการเขียนMiscellaneous Games เกมท่แี ยกออกมาเปน็ โรงเรยี นทับโพธ์ิพฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสุรินทร์

หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 135 กลุ่มพเิ ศษ ผู้สอนสามารถประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ กจิ กรรมพเิ ศษนอกหอ้ งเรียน เชน่ การแสดงบทบาทสมมติ การเลน่ ละคร การโต้วาที กิจกรรมในงานสงั สรรค์ เปน็ ตน้ สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. Dictionary 2. ชุดแบบเรียนสําเร็จรปู 3. เอกสารประกอบการอ่าน 4. Tape ประกอบการสอน 5. VCD ประกอบการสอน 6. Audio ประกอบการสอน 7. หนงั สือเรียนภาษาองั กฤษ 8. https://dictionary.cambridge.org/ 9. https://www.oxfordlearnersdictionaries.com/ การวดั ผลและประเมินผล การวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ 1. การวัดและประเมินผลการเรียนรูตามกลุมสาระการเรยี นรู ผูสอนวดั และประเมินผลการเรียนรูผู้ เรยี นเปนรายวิชาบนพน้ื ฐานของตวั ชว้ี ดั ในรายวิชาพืน้ ฐาน และผลการเรียนรูในรายวิชาเพ่ิมเติมตามท่ีกําหนด ในหนวยการเรยี นรู ผสู อนใชวิธีการท่ีหลากหลายจาก แหลงขอมูลหลาย ๆ แหลง เพ่ือใหไดผลการประเมินที่ สะทอนความรูความสามารถทแ่ี ทจริงของผูเรียนโดยวัดและประเมินการเรียนรูอยางตอเนื่องไปพรอมกับการ จัดการเรียนการสอน สังเกตพัฒนาการและความประพฤติ ของผูเรียน สังเกตพฤติกรรมการเรียน การรวม กิจกรรม ผูสอนควรเนนการประเมนิ ตามสภาพจรงิ เชน การประเมนิ การปฏิบตั ิงาน การประเมินจากโครงงาน หรือการประเมินจากแฟมสะสมงาน ฯลฯ ควบคูไปกับ การใชการทดสอบแบบตาง ๆ อยางสมดุล ตองให ความสําคัญกับการประเมินระหวางเรียนมากกวาการประเมิน ปลายป ปลายภาค และใชเปนขอมูลเพ่ือ ประเมนิ การเล่อื นชัน้ เรยี นและการจบการศึกษาระดบั ตาง ๆรายละเอียดดงั น้ี 1.1 กําหนดสดั สวนคะแนนระหวางเรียนกับคะแนนปลายป ปลายภาค โดยใหความสําคญั ของคะแนน ระหวางเรียนมากกวาคะแนนปลายป ปลายภาค เชน 70 : 30 เปนตน 1.2 กําหนดเกณฑการตัดสินผลการเรยี น โดยพิจารณาความเหมาะสมตามระดับชนั้ เรยี น เชน ระดับ ประถมศึกษาอาจกําหนดเปนระดับผลการเรียน หรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผูเรียน เปนระบบตัวเลข ระบบตัวอกั ษร ระบบรอยละ หรือระบบที่ใชคาํ สาํ คัญสะทอนมาตรฐาน สําหรับระดับมัธยมศึกษากําหนดเปน ระดับผลการเรยี น ๘ ระดับ และกําหนดเงื่อนไขตาง ๆ ของผลการเรียน เชน การประเมินที่ยังไมสมบูรณ (ร) การไมมีสิทธิเขารับการสอบปลายภาค (มส) เปนตน นอกจากนี้ สถานศึกษาอาจกําหนดคุณลักษณะของ ความสาํ เรจ็ ตามมาตรฐานการศกึ ษาแตละช้ันปเปนระดับคุณภาพเพ่ิมอกี กไ็ ด โรงเรยี นทับโพธพิ์ ฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 136 1.3 กําหนดแนวปฏบิ ตั ใิ นการสอนซอมเสริมระหวางเรียน กรณผี ูเรียนมผี ลการประเมนิ ตัวชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรูไมผานตามเกณฑทส่ี ถานศกึ ษากําหนด 1.4 กาํ หนดแนวปฏบิ ัตใิ นการสอนซอมเสรมิ การสอบแกตัว กรณผี ูเรยี นมรี ะดับผลการเรียน “๐” หรือ มีระดับคุณภาพตํ่ากวาเกณฑ และแนวดําเนินการกรณีผูเรียนมีผลการเรียนที่มีเงื่อนไข คือ “ร” หรือ “มส” 1.5 กําหนดแนวปฏิบตั ิในการอนุมัติผลการเรียน 1.6 กําหนดแนวทางในการรายงานผลการประเมินตอผูเก่ียวของ 2. การประเมนิ การอาน คดิ วเิ คราะห และเขียน การประเมินการอาน คิดวิเคราะห และเขยี น เปนการ ประเมนิ ศักยภาพของผูเรยี นในการอาน หนังสือ เอกสาร และสื่อตาง ๆ เพื่อหาความรู เพ่ิมพูนประสบการณ ความสุนทรียและประยุกตใช แลวนําเน้ือหา สาระที่อานมาคิดวิเคราะห นําไปสูการแสดงความคิดเห็น การ สังเคราะห สรางสรรค การแกปญหาในเร่ืองตาง ๆ และถายทอดความคิดนั้นดวยการเขียนที่มีสํานวนภาษา ถกู ตอง มีเหตุผลและลําดบั ขน้ั ตอนในการนาํ เสนอ สามารถ สรางความเขาใจแกผอู านไดอยางชัดเจนตามระดับ ความสามารถในแตละระดบั ชั้น กรณผี ูเรยี นมคี วามบกพรองในกระบวนการดานการเห็นหรือท่ีเก่ียวของทําให เปนอุปสรรคตอ การอาน สถานศึกษาสามารถปรับวิธีการประเมินใหเหมาะสมกับผูเรียนกลุมเปาหมายน้ัน การประเมินการอาน คดิ วเิ คราะห และเขยี น สถานศกึ ษาตองดาํ เนินการอยางตอเน่ืองและ สรุปผลเปนรายป รายภาค เพื่อวินิจฉัยและใชเปนขอมูลในการพัฒนาผูเรียนและประเมินการเลื่อนช้ัน ตลอดจน การจบ การศกึ ษาระดับตาง ๆ หลักการประเมนิ การอาน คดิ วิเคราะห และเขียน 2.1 เปนการประเมนิ เพ่ือการปรบั ปรุงพฒั นาผูเรยี นและประเมินเพ่อื การตดั สินการเลื่อนช้นั และจบ การศึกษาระดับตาง ๆ 2.2 ใชวิธกี ารประเมนิ ท่หี ลากหลาย เพอื่ ใหผเู รยี นมีโอกาสไดแสดงออกซง่ึ ความสามารถดังกลาวอยาง เต็มตามศกั ยภาพและทําใหผลการประเมินทไ่ี ดมีความเช่อื มัน่ 2.3 การกําหนดภาระงานใหผูเรียนไดปฏบิ ัติ ควรสอดคลองกบั ขอบเขตและประเด็นการประเมินท่ี กาํ หนด 2.4 ใชรูปแบบ วิธกี ารประเมินและเกณฑการประเมนิ ทีไ่ ดจากการมสี วนรวมของผูเกยี่ วของ 2.5 การสรุปผลการประเมนิ เพอื่ รายงาน เนนการรายงานคณุ ภาพของความสามารถในการอาน คดิ วิ เคราะห และเขยี น เปน 4 ระดับ คอื ดีเย่ยี ม ดี ผาน และไมผาน 3. การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค การประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค เปนการประเมิน คุณลักษณะท่ีตองการใหเกดิ ขนึ้ กับ ผูเรียน อันเปนคุณลักษณะทส่ี ังคมตองการในดานคุณธรรม จรยิ ธรรม คานิยม จิตสํานึก สามารถอยูรวมกับ ผูอ่ืนในสังคมไดอยางมีความสุข ทั้งในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กําหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค 8 คุณลักษณะ โรงเรยี นทบั โพธิพ์ ฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2565) 137 ในการประเมินใหประเมินแตละคุณลักษณะ แลวรวบรวมผลการประเมินจากผูประเมินทุกฝายและแหลงข อมลู หลายแหลงเพอื่ ใหไดขอมลู นาํ มาสูการสรปุ ผล เปนรายป รายภาค และใชเปนขอมูลเพ่ือประเมินการเลื่อน ช้ันและการจบการศึกษาระดับตางๆ การวัดและประเมินผลการเรียนรูตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เปนการ ประเมินผลการเรียนรูตามกลุมสาระ ผลการเรียนรูดานการอาน คิดวิเคราะห และเขียน ผลการพัฒนา พฤติกรรมตามคุณลักษณะอันพึงประสงค และผลการเรียนรูท่ีเกิดจากการจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียนนั้น มี ความเหมาะสมกับวิธีการและเครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผลแบบไมเปนทางการน้ี ขอมลู ท่ไี ดจะเปนประโยชน ใน การพัฒนาการเรียนรูของผูเรยี นเปนรายบุคคล ชวยใหผูสอนเขาใจพฤติกรรมของผูเรยี นไดอยางลึกซ้ึงกวา การ ประเมนิ แบบเปนทางการ และเปนวธิ ีการทย่ี ืดหยนุ ตามสถานการณและบรบิ ท วธิ ีการประเมินแบบตาง ๆ ที่ผู สอนสามารถเลือกใชได มีดังตอไปน้ี 1. การสังเกตพฤตกิ รรม เปนการเก็บขอมลู จากการดูการปฏิบัติกิจกรรมของผูเรยี น โดยไมขัดจงั หวะการ ทาํ งานหรอื การคิดของผูเรียน การสังเกตพฤตกิ รรมเปนสงิ่ ทท่ี ําไดตลอดเวลา แตควรมีกระบวนการและจุดประ สงคที่ชัดเจนวาตองการประเมินอะไร โดยอาจใชเคร่ืองมือ เชน แบบมาตรประมาณคา แบบตรวจสอบ รายการ สมุดจดบันทกึ เพอื่ ประเมินผูเรียนตามตวั ชี้วัด และควรสังเกตหลายครั้ง หลายสถานการณ หลายชวง เวลาเพื่อขจัดความลาํ เอียง 2. การสอบปากเปลา เปนการใหผูเรียนไดแสดงออกดวยการพดู ตอบประเดน็ เกยี่ วกับการเรยี นรู ตาม มาตรฐาน ผูสอนเก็บขอมูล จดบนั ทกึ รปู แบบการประเมินน้ผี ูสอนและผูเรียนมปี ฏิสัมพันธกันโดยตรง สามารถ มีการอภปิ ราย โตแยง ขยายความ ปรับแกไขความคิดกันได มีขอท่ีพึงระวัง คือ อยาเพ่ิงขัดความคิด ขณะท่ีผู เรยี นกาํ ลังพดู 3. การพดู คุย เปนการสื่อสาร 2 ทางอกี ประเภทหนง่ึ ระหวางผูสอนกบั ผูเรยี น สามารถดําเนนิ การ เปน กลุมหรือรายบุคคลก็ได โดยทั่วไปมักใชอยางไมเปนทางการเพื่อติดตามตรวจสอบวาผูเรียนเกิดการเรียนรู เพยี งใด เปนขอมลู สําหรับพัฒนา วธิ ีการนี้อาจใชเวลา แตมปี ระโยชนตอการคนหา วินิจฉัยขอปญหา ตลอดจน เรื่องอื่น ๆ ทอี่ าจเปนปญหาอปุ สรรคตอการเรียนรู เชน วิธกี ารเรียนรูที่แตกตางกัน เปนตน 4. การใชคําถาม การใชคาํ ถามเปนเร่อื งปกติมากในการจดั การเรยี นรู แตขอมูลงานวิจยั บงช้วี าคาํ ถาม ที่ ครูใชเปนดานความจาํ และเปนเชงิ การจดั การทั่ว ๆ ไปเปนสวนใหญ เพราะถามงายแตไมทาทายใหผูเรียนตอง ทําความเขาใจและเรยี นรูใหลกึ ซึ้ง การพฒั นาการใชคาํ ถามใหมปี ระสิทธิภาพแมจะเปนเรื่องที่ยาก แตสามารถ ทาํ ไดผลรวดเร็วขน้ึ หากผูสอนมกี ารเปล่ียนแปลงวิธีการประเมินในชั้นเรียน โดยทําการประเมินเพ่ือพัฒนา ให แขง็ ขัน (Clarke, 2005) Clarke ยงั ไดนาํ เสนอวิธีการฝกถามใหมปี ระสทิ ธภิ าพ 5 วธิ ี ดังนี้ วิธที ี่ 1 ใหคําตอบท่เี ปนไปไดหลากหลาย เปนวธิ ีทีง่ ายท่สี ดุ ในการเรม่ิ ตนเปลยี่ นการถามแบบ ความจําใหเป นคําถามที่ตองใชการคิดบาง เพราะมีคําตอบท่ีเปนไปไดหลายคําตอบ (แตพึงระวังวาการใชคําถาม แบบนี้ผู เรียนตองผานการเรียนรู มีความเขาใจพ้ืนฐานตามตัวชี้วัดที่กําหนดใหเรียนรูมาแลว) คําถามแบบนี้ทําให ผู โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ฒั นวิทย์ สํานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาสรุ นิ ทร์

หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 138 เรยี นตองตดั สนิ ใจวา คาํ ตอบใดถกู หรือใกลเคยี งทสี่ ดุ เพราะเหตใุ ด และท่ีไมถูกเพราะเหตใุ ด นอกจากน้ี การใช คาํ ถามแบบนจี้ ะทาํ ใหผูเรยี นเรยี นรูย่ิงข้นึ อีก หากมกี จิ กรรมใหผูเรยี นทําเพ่ือพสิ ูจนคําตอบ วิธีที่ 2 เปลี่ยนคําถามจาํ ใหเปนประโยคบอกเลา เพื่อใหผเู รยี นระบุวาเหน็ ดวย ไมเหน็ ดวย พรอมเหตผุ ล การใชวิธีนี้จะตองใหผูเรียนไดอภิปรายกัน ผูเรียนตองใชการคิดที่สูงขึ้นกวาวิธีแรก เพราะผูเรียน จะตองยก ตวั อยางสนบั สนุนความเหน็ ของตน ประโยคของผูเรียนจะตองสะทอนความคิดเห็น ผูเรยี นจะตอง ปกปองหรือ อธิบายทัศนะของตน การฝกดวยวธิ กี ารนี้บอย ๆ จะเปนการพฒั นาผูเรยี นใหเปนผูฟงทด่ี ี มจี ติ ใจ เปดกวางพรอมรบั ฟงและเปลยี่ นแปลงความคิดเหน็ ผานกระบวนการอภปิ ราย ครูใชวิธีการนี้กดดันใหเกิด การ อภิปรายอยางมีคณุ ภาพสงู ระหวางเดก็ ตอเด็ก และใหขอมูลเพื่อการพัฒนาแกทุกคนในชั้นเรยี น วิธที ี่ 3 หาสง่ิ ตรงกันขาม หรือส่ิงท่ีใช ถูก สง่ิ ที่ไมใช ผดิ และถามเหตุผล วธิ ีการนี้ใชไดดี กับเนือ้ หาท่ี เปนขอเทจ็ จริง เชน จํานวนในวิชาคณติ ศาสตร การสะกดคํา โครงสรางไวยากรณในวิชาภาษา เปนตน เม่ือได รับคําถามวาทําไมทําเชนนี้ถูก แตทาํ เชนนี้ผิด หรือทําไมผลบวกน้ีถูก แตผลบวกนี้ผิด หรือทําไมประโยคนี้ ถูก ไวยากรณ แตประโยคนผ้ี ิดไวยากรณ เปนตน จะเปนโอกาสใหผเู รียนคิดและอภปิ รายมากกวาเพียงการถาม วา ทําไมโดยไมมกี ารเปรียบเทียบกัน และวิธกี ารนี้จะใชกับการทํางานคูมากกวาถามท้งั หอง แลวใหยกมือตอบ วธิ ีท่ี 4 ใหคําตอบประเด็นสรุปแลวตามดวยคาํ ถามใหคดิ เปนการใหผเู รียนตองอธบิ ายเพม่ิ เตมิ วิธที ่ี 5 ต้ังคาํ ถามจากจุดยืนทเ่ี หน็ ตาง เปนวธิ ีทต่ี องใชความสามารถมากท้ังผูสอนและผูเรยี น เพราะมี ประเดน็ ทต่ี องอภปิ รายโตแยงเชิงลกึ เหมาะทจ่ี ะใชอภิปรายในประเด็นทีเ่ ก่ียวกบั สภาพเศรษฐกิจ สังคม ปญหา สุขภาพ ปญหาเชงิ จริยธรรม เปนตน นอกจากนี้ การใช Bloom’s Taxonomy เปนกรอบแนวคดิ ในการตั้งคําถาม ก็เปนวิธีการท่ีดี ในการเก็บขอมู ลการเรียนรูจากผูเรยี น 5. การเขยี นสะทอนการเรยี นรู Journals) เปนรปู แบบการบนั ทึกการเขียนอกี รปู แบบหนงึ่ ทใ่ี ห ผเู รียน เขยี นตอบกระทู หรือคาํ ถามของครู ซึ่งจะตองสอดคลองกับความรู ทักษะที่กําหนดในตัวช้ีวัด การเขียน สะท อนการเรียนรูนี้ นอกจากทําใหผูสอนทราบความกาวหนาในผลการเรียนรูแลว ยังใชเปนเครื่องมือประเมิน พฒั นาการดานทักษะการเขยี นไดอกี ดวย 6. การประเมนิ การปฏิบตั ิ (Performance Assessment) เปนวธิ ีการประเมินงานหรอื กจิ กรรม ทผี่ ูสอน มอบหมายใหผูเรียนปฏิบัติงานเพื่อใหทราบถึงผลการพัฒนาของผูเรียน การประเมินลักษณะนี้ ผูสอน ตอง เตรียมสิ่งสําคัญ ๒ ประการ คือ ภาระงาน (Tasks) หรือกิจกรรมท่ีจะใหผูเรียนปฏิบัติ เชน การทําโครงการ/ โครงงาน การสํารวจ การนําเสนอ การสรางแบบจาํ ลอง การทองปากเปลา การสาธิต การทดลองวิทยาศาสตร การจัดนิทรรศการ การแสดงละคร เปนตน และเกณฑการใหคะแนน (Scoring Rubrics) การประเมิน การ ปฏิบตั ิ อาจจะปรบั เปลีย่ นไปตามลกั ษณะงานหรอื ประเภทกจิ กรรม ดงั น้ี - ภาระงานหรอื กจิ กรรมท่ีเนนข้ันตอนการปฏบิ ตั ิและผลงาน เชน การทดลองวิทยาศาสตร การจดั โรงเรียนทบั โพธ์ิพฒั นวทิ ย์ สํานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสรุ ินทร์

หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 139 นิทรรศการ การแสดงละคร แสดงการเคล่ือนไหว การประกอบอาหาร การประดิษฐ การสํารวจ การนําเสนอ การจดั ทําแบบจาํ ลอง เปนตน ผูสอนจะตองสังเกตและประเมินวิธีการทํางานท่ีเปนขั้นตอน และผลงานของผู เรียน -ภาระงานหรอื กจิ กรรมทมี่ ุงเนนการสรางลกั ษณะนิสัย เชน การรักษาความสะอาด การรักษาสาธารณ สมบัต/ิ ส่ิงแวดลอม กิจกรรมหนาเสาธง เปนตน จะประเมินดวยวิธีการสังเกต จดบันทึก เหตุการณเกี่ยวกับผู เรียน -ภาระงานท่มี ีลักษณะเปนโครงการ/โครงงาน เปนกจิ กรรมท่ีเนนข้นั ตอนการปฏิบตั ิและ ผลงานทีต่ องใช เวลาในการดําเนินการ จึงควรมีการประเมินเปนระยะ ๆ เชน ระยะกอนดําเนินโครงการ/โครงงาน โดย ประเมินความพรอมการเตรียมการและความเปนไปไดในการปฏิบัติงาน ระยะระหวางดําเนินโครงการ/ โครงงาน จะประเมินการปฏิบัติจริงตามแผน วิธีการและขั้นตอนท่ีกําหนดไว และการปรับปรุงระหวางการ ปฏิบัติ สําหรับระยะส้ินสุดการดําเนินโครงการ/โครงงาน โดยการประเมินผลงาน ผลกระทบและวิธีการ นาํ เสนอ ผลการดําเนนิ โครงการ/โครงงาน -ภาระงานทเี่ นนผลผลิตมากกวากระบวนการขั้นตอนการทํางาน เชน การจัดทาํ แผนผัง แผนที่ แผนภูมิ กราฟ ตาราง ภาพ แผนผังความคิด เปนตน อาจประเมินเฉพาะคุณภาพของผลงานก็ได ในการประเมินการ ปฏิบัติงาน ผูสอนตองสรางเครื่องมือเพื่อใชประกอบการประเมิน เชน แบบ มาตรประมาณคา แบบบันทึก พฤตกิ รรม แบบตรวจสอบรายงาน แบบบันทึกผลการปฏบิ ัติ เปนตน 7. การประเมนิ ดวยแฟมสะสมงาน (Portfolio Assessment) แฟมสะสมงานเปนการเก็บรวบรวม ชิ้นงา ของผูเรียนเพ่ือสะทอนความกาวหนาและความสําเร็จของผูเรียน เชน แฟมสะสมงานที่แสดงความกาวหนา ของผูเรียน ตองมผี ลงานในชวงเวลาตาง ๆ ทแ่ี สดงถึงความกาวหนาของผูเรยี น หากเปนแฟมสะสมงานดีเดน ต องแสดงผลงานทีส่ ะทอนความสามารถของผูเรียน โดยผูเรียนตองแสดงความคิดเห็นหรือเหตุผลท่ีเลือกผลงาน นนั้ เก็บไวตามวตั ถปุ ระสงคของแฟมสะสมงาน แนวทางในการจดั ทําแฟมสะสมงาน มีดงั น้ี - กาํ หนดวัตถปุ ระสงคของแฟมสะสมงาน วาตองการสะทอนเกยี่ วกับความกาวหนา และความสาํ เร็จของ ผเู รยี นในเรือ่ งใดดานใด ท้งั นี้ อาจพิจารณาจากตวั ช้ีวดั /มาตรฐานการเรียนรู -วางแผนการจัดทาํ แฟมสะสมงานทีเ่ นนการจดั ทาํ ชิน้ งาน กาํ หนดเวลาของการจดั ทาํ แฟมสะสมงาน แล เกณฑการประเมิน -จัดทาํ แผนแฟมสะสมงานและดาํ เนนิ การตามแผนทก่ี ําหนด -ใหผเู รียนเก็บรวบรวมช้ินงาน -ใหมีการประเมินช้ินงานเพอ่ื พัฒนาชน้ิ งาน ควรประเมินแบบมสี วนรวม โดยผูประเมนิ ไดแก ตนเอง เพื่อน ผูสอน ผูปกครอง บคุ คลท่ีเกีย่ วของ -ใหผเู รยี นคัดเลือกชน้ิ งาน ประเมนิ ชิ้นงานตามเง่อื นไขท่ผี ูสอนและผูเรยี นรวมกันกําหนด เชน ชิ้นงานท่ี ยากท่สี ดุ ช้ินงานที่ชอบท่ีสุด เปนตน โดยดาํ เนินการเปนระยะ อาจจะเปนเดือนละคร้งั หรือบทเรยี น ละ โรงเรยี นทบั โพธ์พิ ฒั นวิทย์ สาํ นกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 140 คร้ังก็ได -ใหผูเรียนนาํ ชนิ้ งานทค่ี ดั เลอื กแลวจดั ทาํ เปนแฟมทีส่ มบูรณ ซึ่งควรประกอบดวย หนาปก คาํ นํา สารบัญ ชน้ิ งาน แบบประเมนิ แฟมสะสมงาน และอ่ืน ๆ ตามความเหมาะสม -ผเู รยี นตองสะทอนความรูสกึ และความคิดเหน็ ตอชนิ้ งานหรอื แฟมสะสมงาน -สถานศึกษาควรจัดใหผูเรียนแสดงแฟมสะสมงานและชิ้นงานเม่ือสิ้นภาคเรียน/ปการศึกษา ตามความ เหมาะสม 8. การวดั และประเมินดวยแบบทดสอบ เปนการประเมนิ ตวั ชี้วัดดานการรบั รูขอเท็จจริง (Knowledge) ผูสอน ควรเลือกใชแบบทดสอบใหตรงตามวัตถุประสงคของการวัดและประเมินน้ัน ๆ เชน แบบทดสอบเลือกตอบ แบบทดสอบถูก-ผดิ แบบทดสอบจับคู แบบทดสอบเติมคํา แบบทดสอบความเรียง เปนตน ทั้งน้ี แบบทดสอบ ที่จะใชตองเปนแบบทดสอบท่ีมีคุณภาพ มีความเท่ียงตรง (Validity) และเชื่อม่ันได Reliability) ๙. การ ประเมนิ ดานความรูสึกนึกคิด เปนการประเมินคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะ และเจตคติ ท่ีควรปลูกฝงใน การจัดการเรยี นรู ซง่ึ การวัดและประเมนิ ผลเปนลาํ ดบั ข้นั จากตา่ํ สดุ ไปสูงสดุ ดังน้ี -ข้ันรับรู เปนการประเมินพฤตกิ รรมที่แสดงออกวารูจกั เตม็ ใจ สนใจ -ขนั้ ตอบสนอง เปนการประเมนิ พฤติกรรมทแ่ี สดงวาเชอ่ื ฟง ทําตาม อาสาทํา พอใจที่จะทาํ -ขนั้ เห็นคุณคา (คานิยม) เปนการประเมินพฤติกรรมท่ีแสดงความเช่ือ ซึ่งแสดงออก โดยการกระทําหรือ ปฏบิ ัติอยางสมํ่าเสมอ ยกยองชมเชย สนบั สนุน ชวยเหลือ หรือทํากิจกรรมท่ีตรงกับ ความเช่ือของตน ทําดวย ความเชอ่ื มั่น ศรัทธา และปฏเิ สธทีจ่ ะกระทําในสิง่ ที่ขดั แยงกับความเช่ือของตน -ข้ันจัดระบบคุณคา เปนการประเมินพฤติกรรมการเขารวมกิจกรรม อภิปราย เปรียบเทียบ จนเกิด อดุ มการณในความคดิ ของตนเอง -ขั้นสรางคุณลักษณะ เปนการประเมินพฤติกรรมท่ีมีแนวโนมวาจะประพฤติปฏิบัติเชนนั้น อยูเสมอใน สถานการณเดยี วกัน หรอื เกดิ เปนอุปนสิ ัย การวัดและประเมินผลดานจติ พิสยั ควรใชการสังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติเปนหลัก และสังเกต อยางตอเนื่องโดยมีการบันทึกผลการสังเกต ทั้งนี้ อาจใชเครื่องมือการวัดและ ประเมินผล เชน แบบมาตรประมาณคา แบบตรวจสอบรายการ แบบบนั ทึกพฤติกรรม แบบรายงานพฤติกรรม ตนเอง เปนตน นอกจากนี้ อาจใชแบบวัดความรูและความรูสึกเพื่อรวบรวมขอมูลเพิ่มเติม เชน แบบวัด ความรู โดยสรางสถานการณเชิงจริยธรรม แบบวัดเจตคติ แบบวัดเหตุผลเชิงจริยธรรม แบบวัดพฤติกรรมเชิง จริยธรรม เปนตน 10. การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) เปนการประเมินดวยวิธีการที่ หลากหลายดังท่ีกล าวมาแลวขางตน เพ่อื ใหไดผลการประเมินท่ีสะทอนความสามารถท่ีแทจริงของผูเรียน จึงควร ใชการประเมิน การปฏบิ ตั ิ (Performance Assessment) รวมกับการประเมินดวยวิธีการอื่น ภาระงาน (Tasks) ควรสะทอน สภาพความเปนจรงิ หรอื ใกลเคียงกบั ชวี ติ จรงิ มากกวาเปนการปฏิบัตกิ ิจกรรมทวั่ ๆ ไป ดังนนั้ การประเมินตามสภาพจริงจะตองออกแบบการจดั การเรียนรูและการประเมินผลไปดวยกัน และกําหนดเกณฑ การประเมิน (Rubrics) ใหสอดคลองหรอื ใกลเคียงกับชีวิตจริง โรงเรยี นทับโพธ์ิพฒั นวทิ ย์ สํานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ (ฉบับปรบั ปรุง 2565) 141 11. การประเมินตนเองของผูเรียน (Student Self-assessment) การประเมินตนเองนับเปน ท้ังเคร่ืองมือ ประเมินและเคร่ืองมือพัฒนาการเรียนรู เพราะทําใหผูเรียนไดคิดใครครวญวาไดเรียนรูอะไร เรียนรู อยางไร และผลงานท่ีทํานั้นดีแลวหรือยัง การประเมินตนเองจึงเปนวิธีหน่ึงท่ีจะชวยพัฒนาผูเรียนใหเปน ผูท่ีสามารถ เรยี นรูดวยตนเอง การใชการประเมนิ ตนเองของผูเรยี นใหประสบความสาํ เรจ็ ไดดจี ะตองมเี ปาหมาย การเรียนรู ท่ีชัดเจน มีเกณฑที่บงบอกความสําเร็จของช้ินงาน/ภาระงาน และมาตรการการปรับปรุงแกไขตนเอง เปา หมายการเรียนรูท่ีกําหนดชัดเจนและผูเรียนไดรับทราบหรือรวมกําหนดดวย จะทําใหผูเรียน ทราบวาตนถูก คาดหวังใหรูอะไร ทําอะไร มีหลักฐานใดที่แสดงการเรียนรูตามความคาดหวังน้ัน หลักฐาน ท่ีมีคุณภาพควรมี เกณฑเชนไรเพ่ือเปนแนวทางใหผูเรียนพิจารณาประเมิน ซึ่งหากเกณฑเกิดจากการทํางานรวมกัน ระหวางผู เรียนกบั ผูสอนดวยจะเปนการเพิม่ แรงจงู ใจในการเรียนรูเพิ่มมากข้ึน การทผ่ี ูเรียนไดใชการประเมิน ตนเองบอย ๆ โดยมีกรอบแนวทางการประเมินทชี่ ัดเจนน้ี จะชวยสงเสรมิ ใหผูเรียนประเมินไดคอนขางจริง และซื่อสัตย คํา วิจารณ คําแนะนําของผูเรียนมักจะจริงจังมากกวาของครู การประเมินตนเองจะเกิดประโยชนยิ่งขึ้น หากผู เรยี นทราบสิง่ ทต่ี องปรับปรุงแกไขและต้ังเปาหมายการปรับปรุงแกไขของตน แลวฝกฝน พัฒนาโดยการดูแล สนับสนนุ จากผูสอนและความรวมมือของครอบครัว เครื่องมือท่ีใชในการประเมินตนเองมีหลายรูปแบบ เชน การอภปิ ราย การเขยี นสะทอนผลงาน การใชแบบสํารวจ การพดู คุยกบั ผูสอน เปนตน 11. การประเมนิ โดยเพ่อื น (Peer Assessment) เปนเทคนิคการประเมินอีกรูปแบบหนึ่งที่นาจะ นํามาใชเพ่ือ พฒั นาผูเรยี นใหเขาถงึ คุณลักษณะของงานท่ีมีคุณภาพ เพราะการทผี่ ูเรยี นจะบอกไดวาช้นิ งานน้ัน เปนเชนไร ผู เรยี นตองมคี วามเขาใจอยางชัดเจนกอนวาเขากาํ ลังตรวจสอบอะไรในงานของเพ่ือน ฉะน้ัน ผูสอน ตองอธิบาย ผลท่ีคาดหวังใหผูเรียนทราบกอนท่ีจะลงมือประเมิน การที่จะสรางความมั่นใจวาผูเรียนเขาใจการประเมิน รูปแบบนี้ควรมีการฝกผูเรียน โดยผูสอน อาจหาตัวอยาง เชน งานเขียน ใหนักเรียนเปนกลุมตัดสินใจวาควร ประเมินอะไร และควรใหคําอธิบายเกณฑ ท่ีบงบอกความสําเร็จของภาระงานนั้น จากน้ันใหผูเรียนประเมิน ภาระงานเขียนท่ีเปนตัวอยางน้ันโดยใชเกณฑที่ ชวยกันสรางข้ึน หลังจากนั้นครูตรวจสอบการประเมินของผู เรยี นและใหขอมูลยอนกลบั แกผูเรยี นทป่ี ระเมินเกินจรงิ การใชการประเมนิ โดยเพ่ือนอยางมีประสิทธิภาพ จํา เปนตองสรางสิง่ แวดลอมการเรียนรูท่ี สนับสนุนใหเกิดการประเมินรูปแบบน้ี กลาวคือ ผูเรียนตองรูสึกผอนค ลาย เช่ือใจกัน และไมอคติ เพื่อการให ขอมูลยอนกลับจะไดซ่ือตรง เปนเชิงบวกท่ีใหประโยชน ผูสอนที่ใหผู เรียนทาํ งานกลุมตลอดภาคเรยี นแลวใช เทคนคิ เพื่อนประเมนิ เพอ่ื นเปนประจํา จะสามารถพัฒนาผูเรียนใหเกิด ความเขาใจซึง่ กันและกนั อันจะนําไปสู การใหขอมูลยอนกลับท่ีเกงขนึ้ ได โรงเรยี นทับโพธ์ิพฒั นวิทย์ สาํ นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาสรุ ินทร์

หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2565) 142 การประเมนิ ผลการเรียนกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ สัดสว่ นคะแนน ระหว่างภาค : ปลายภาค ม.ตน้ (ม. 1 - 3 ) ตดั สนิ เป็นรายภาค กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ แบ่งคะแนนออกเปน็ 70 : 30 โดยมีรายละเอียดดงั น้ี ภาคเรียนท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ประเมินระหว่างเรียน 70 ประเมนิ สอบปลายภาค 30 ประเมนิ ระหว่างเรียน 70 สอบปลายภาค 30 30 1.ประเมินสภาพจรงิ 20 สอบปลายภาค 30 1.ประเมินสภาพจรงิ 20 สอบปลายภาค 2. ทดสอบย่อย 30 2. ทดสอบย่อย 30 3. สอบกลางภาค 10 3.สอบกลางภาค 10 4. คณุ ลกั ษณะ ฯ 10 4.คุณลกั ษณะ ฯ 10 มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ม. 4 - 6 ) ตดั สินเปน็ รายภาค กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ แบ่งคะแนนออกเปน็ 70 : 30 โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี ภาคเรียนท่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ประเมนิ ระหว่างเรียน 70 ประเมินสอบปลายภาค 30 ประเมินระหว่างเรยี น 70 สอบปลายภาค 30 30 1.ประเมินสภาพจรงิ 20 สอบปลายภาค 30 1.ประเมินสภาพจรงิ 20 สอบปลายภาค 2.ทดสอบย่อย 30 2. ทดสอบย่อย 30 3. สอบกลางภาค 10 3.สอบกลางภาค 10 4. คณุ ลักษณะ ฯ 10 4.คุณลกั ษณะ ฯ 10 หมายเหตุ นาํ คะแนนทไี่ ดใ้ นแต่ละภาคเรยี น 100 คะแนน มาตัดสนิ ผลการเรียนเปน็ รายภาค วธิ ีการประเมนิ ประเมินอย่างต่อเน่ืองด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การทดลอง การสังเกต การสอบปาก เปล่า การทําใบงาน การทําแบบฝึกหัด การปฏิบัติ การทําโครงงาน และการประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน เป็นตน้ สดั สว่ นของวิธกี ารประเมนิ ทางโรงเรยี นกําหนดให้มวี ิธีการประเมิน ดังน้ี กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ 70% เป็น การวัดท่ีหลากหลาย 30% เป็นการวัดโดยใช้แบบทดสอบโดยจะแยกเป็น 2 ประเด็น คือสอบโดยข้อสอบ ปรนัยได้ไมเ่ กนิ 60 % ของการประเมนิ โดยใชแ้ บบทดสอบ และอกี ไมต่ ่ํากว่า 40 % เปน็ แบบทดสอบอตั นยั เวลาเรียน ผู้เรียนต้องเข้าเรียนอย่างน้อย 80 % ของเวลาเรียนท้ังหมด จึงจะได้รับการตัดสินผลการ เรยี น สําหรับผูเ้ รยี นท่ีมีเวลาเรยี นไม่ถึง 80 % จะไมม่ ีสทิ ธิเ์ ข้ารับการประเมินผลปลายภาค โรงเรยี นทับโพธพ์ิ ฒั นวทิ ย์ สาํ นกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 143 การตดั สินผลการเรยี น โรงเรียนกําหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ 8 ระดบั คอื ช่วงคะแนนเป็นรอ้ ยละ ระดับผลการเรยี น ความหมายของผลการเรยี น 0-49 0 ตํ่าผา่ นเกณฑ์ขัน้ ต่าํ 50-59 1 ผา่ นเกณฑ์ข้ันตา่ํ 55-59 1.5 พอใช้ 60-64 2 นา่ พอใช้ 65-69 2.5 ค่อนขา้ งดี 70-74 3 ดี 75-79 3.5 ดมี าก 80 ข้นึ ไป 4 ดีเยี่ยม หมายเหตุ การตดั สินผลการเรยี น จะตัดสนิ ไดเ้ มอื่ ผเู้ รียน ได้รับการประเมิน “ ผ่าน ” ทกุ ตวั ชี้วัด/ผลการ เรยี นรู้ โรงเรยี นทบั โพธพ์ิ ฒั นวิทย์ สาํ นักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสุรินทร์

หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ฉบับปรับปรงุ 2565) 144 การประเมนิ สมรรถนะของผู้เรียน แบบประเมินสมรรถนะผู้เรยี น 5 ด้าน คาชแ้ี จง : ให้สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะท่ีประเมิน ระดับคะแนน 321 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1.1 มคี วามสามารถในการรบั – ส่งสาร 1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสื่อสารทีเ่ หมาะสม 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์เพือ่ การสร้างองค์ความรู้ 2.2 มีความสามารถในการคิดเป็นระบบเพ่อื การสรา้ งองค์ความรู้ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตุผล 3.2 แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแก้ปญั หา 3.3 ตดั สินใจโดยคํานงึ ถึงผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ืน่ 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 4.1 ทํางานและอยูร่ ่วมกบั ผู้อน่ื ด้วยความสัมพันธ์อันดี 4.2 มวี ิธแี ก้ไขความขัดแยง้ อยา่ งเหมาะสม 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5.1 เลือกใช้ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองอย่างเหมาะสม 5.2 เลือกใช้ข้อมลู ในการทาํ งานและอยู่ร่วมกับผ้อู ่นื อย่างเหมาะสม ลงชอื่ ..................................................... ผูป้ ระเมนิ ......................../........................./........................ เกณฑ์การให้คะแนน: ให้ 3 คะแนน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชัดเจนและสมํ่าเสมอ ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชัดเจนและบอ่ ยคร้ัง โรงเรียนทบั โพธิ์พฒั นวิทย์ สาํ นักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษาสุรนิ ทร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook