AEC FACT BOOK 51 ความร่วมมือด้านการขนส่งทางน้ำ อาเซียนได้จัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยการขนส่งทาง ทะเล ที่มีการรวมตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน เป็นการเสริมสร้างความ เข้มแข็งด้านการบริการและการตลาดขนส่งสินค้าทางเรือภายในอาเซียน ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนา โครงสร้างสาธารณปู โภค และการเชื่อมโยงทางการตลาด โดยจัดทำยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาการรวม กลมุ่ สาขาการขนสง่ ทางทะเลของอาเซียนเป็นตลาดเดยี ว (ASEAN Single Shipping Market) และ การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ โดยขณะนี้อาเซยี นอยรู่ ะหว่างการจดั ทำกรอบยุทธศาสตร์ดังกล่าว ความร่วมมือด้านการขนส่งทางบก อาเซียนได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินโครงการ เชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์- คนุ หมิง (the Singapore-Kunming Rail Link: SKRL) และ การพฒั นาโครงการโครงขา่ ยทางหลวงอาเซยี น (AHN) โดยเสน้ ทางผา่ นสงิ คโปร-์ มาเลเซยี -ไทย-กมั พชู า เวียดนาม-จีน (คุนหมิง) เป็นเส้นทางหลักของ SKRL และมีเส้นทางเชื่อม (spur lines) จาก สปป.ลาวไปยงั เสน้ ทางหลกั ในเวยี ดนาม จากเสน้ ทางกรงุ ยา่ งกงุ้ -กรงุ เทพฯ และเสน้ ทางเชอ่ื มไทย-พมา่ และไทย-สปป.ลาว จากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการโครงข่ายทางหลวงอาเซียน (AHN) ไดร้ ายงานวา่ โครงขา่ ยเสน้ ทางหลวงอาเซียนท้งั หมด มรี ะยะทาง 26,207.8 กิโลเมตร โดยมีสดั สว่ น โครงข่ายเส้นทางทมี่ มี าตรฐานขั้นท่ี 3 (ถนนลาดยาง 2 ชอ่ งจราจร ผิวทางกว้าง 6 เมตร) หรือสูงกว่า เปน็ ระยะทางเกือบ 24,000 กโิ ลเมตร ทัง้ นี้ ยังไดใ้ หค้ วามสำคัญต่อการปรบั ปรงุ ถนนต่ำกวา่ ขัน้ ท่ี 3 สำหรบั เสน้ ทางการขนสง่ ผา่ นแดน (Transit Transport Routes: TTR) เปน็ ระยะทาง 1,858 กโิ ลเมตร ในประเทศสปป.ลาว พม่า และฟลิ ิปปนิ ส์ ภายในปี 2015 นอกจากน้ี การสนับสนุนด้านเงินลงทนุ ยังเป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงโครงข่าย และเส้นทางหลวงให้มีมาตรฐานอย่างน้อยขั้นที่ 1 และ การบำรงุ รักษาถนนเสน้ ทางหลวงอาเซียนทีม่ อี ยู่เดิม ขณะนอ้ี าเซยี นอยรู่ ะหวา่ งการดำเนนิ การตามแผนยทุ ธศาสตรด์ า้ นการขนสง่ อาเซยี น (ASEAN Strategic Transport Plan) ปี 2554-2558 ซึ่งไดร้ บั การรบั รองแลว้ เมือ่ เดอื นพฤศจกิ ายน 2553
52 ASEAN Economic Community 2. ยทุ ธศาสตร์ : การเปน็ ภมู ภิ าคทม่ี ขี ดี ความสามารถในการแขง่ ขนั สงู • เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) อาเซยี นลงนามกรอบความตกลง e-ASEAN ในปี 2543 ซึ่งกำหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องความ รว่ มมืออาเซียนในดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ICT) ดังนี้ 1) พัฒนา เสรมิ สร้างความแขง็ แกรง่ และ ส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในสาขา ICT ของอาเซียน 2) ลดความแตกต่างทางดิจิตอลใน ประเทศสมาชิกอาเซียนและระหว่างประเทศสมาชิก 3) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและ เอกชนในด้านการรับรู้เรื่อง e-ASEAN และ 4) ส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าผลิตภัณฑ์ ICT การบรกิ ารเกย่ี วกับ ICT และการลงทุนเพือ่ การสนบั สนุน e-ASEAN หลักการ กรอบความตกลง e-ASEAN กำหนดมาตรการเพอ่ื อำนวยความสะดวกหรือส่งเสริม 1) การ จัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับข้อมูลของอาเซียน 2) การเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) ในอาเซยี น 3) การเปดิ เสรกี ารค้าผลิตภณั ฑ์ ICT การบรกิ ารเกยี่ วกับ ICT และการ ลงทนุ เพอ่ื การสนบั สนนุ e-ASEAN 4) การลงทนุ ในการผลติ ของผลติ ภณั ฑ์ ICT และการใหบ้ รกิ าร ICT 5) สังคมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Society) และการเสริมสร้างความสามารถเพื่อที่จะลดความแตกต่าง ดา้ นดจิ ติ อลภายในและระหวา่ งประเทศสมาชกิ และ6)การใชเ้ ทคโนโลยีICTในการใหบ้ รกิ ารของรฐั บาล (e-Government) แผนแม่บท ICT ของอาเซียน (2554-2558) อาเซียนได้จดั ทำแผนแมบ่ ท ICT ของอาเซยี นสำหรับปี 2554-2558 เพ่อื รองรับการพฒั นา ของอาเซียน แผนแม่บทดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเป็นยุทธศาสตร์เสริมสร้างความแข็งแกร่งบทบาท ของสาขา ICT ในการดำเนินการตามแผนงานประชาคมอาเซียน (2552-2558) (Roadmap for an ASEAN Community) แผนแม่บทจะกำหนดผลลัพธ์ที่จะยกระดับสาขา ICT ของอาเซียน รวมถงึ ความคดิ ริเริม่ ASEAN Broadband Corridor ใบรับรองทกั ษะทาง ICT การปรับประสาน กฎระเบียบด้าน ICT ค่าบริการ international roaming และความปลอดภัยใน cyber (cyber security) เป็นต้น ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ คร้ังที่ 8 เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการเพื่อจัดทำแผนแม่บทดังกล่าว และเหน็ ชอบใหม้ กี ารจดั ตง้ั คณะกรรมการเฉพาะกจิ อาเซยี นเพอ่ื รว่ มประชมุ และหารอื ในการทำแผน แมบ่ ท ICT อาเซยี น
AEC FACT BOOK 53 สถานะความคืบหน้า ที่ผ่านมา อาเซียนได้หารือเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของอาเซียน (ASEAN Information Infrastructure: AII) อยา่ งสม่ำเสมอ และได้ดำเนินการต่างๆ เพ่อื ท่จี ะสง่ เสรมิ ด้าน โครงสร้างพื้นฐานฯ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานฯ มีการพัฒนาไปมาก โดยเฉพาะ การจัดทำ Guidelines for the Next Generations Network (NGN) Migration ที่จดั ทำโดย ASEAN Telecommunication Regulators’ Council (ATRC) สำหรบั การดำเนนิ การอน่ื ๆ ทส่ี ำคญั รวมถึงความปลอดภยั ในข้อมลู และเครือขา่ ย และการสอื่ สารในชนบท อยา่ งไรกต็ าม ความรว่ มมอื ในภมู ิภาคอาเซยี นในดา้ น AII จะเน้นการเสรมิ สรา้ งความสามารถ การศกึ ษา การวิจยั ไม่ไดม้ งุ่ เนน้ การก่อสร้าง สำหรับการเชือ่ มโยงทางกายภาพ ตัง้ แต่ปี 2549 เครอื ขา่ ยของคณะ ASEAN Computer Emergency Response ไดด้ ำเนนิ งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื งทง้ั ภายในภมู ภิ าคอาเซยี น และระหวา่ งอาเซยี น กับคู่เจรจา ขณะนี้อาเซียนกำลังดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายการแลกเปลี่ยนทางอินเตอร์เน็ตใน ภูมิภาค (ASEAN Internet Exchange Network) นโยบายและโครงการการเชอื่ มโยง ICT อ่ืนๆ อาเซียนยังดำเนินการส่งเสริมการพัฒนาแรงงานด้าน ICT ความสามารถในการแข่งขันใน ตลาด ICT และการดำเนินธรุ กจิ และสงั คมด้วยส่ือ online เพือ่ ทีจ่ ะส่งเสรมิ บทบาทของอาเซยี นใน สาขา ICT ในภมู ภิ าค อาเซยี นดำเนินการความร่วมมอื กบั คู่เจรจาไดแ้ ก่ จนี ญี่ปุ่น สาธารณรฐั เกาหลี สหภาพยุโรป อินเดีย และสหภาพการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ รวมถึงการหารือและ การพัฒนาโครงการซูเปอร์ไฮเวย์ข้อมูลอาเซียน-จีน และเครือข่ายข้อมูล Trans-Eurasia ทก่ี ำลงั ดำเนินการอยู่ ขณะท่ภี าคเอกชนกม็ ีบทบาทเก่ียวกับสาขา ICT ในระดบั ตา่ งๆ ตั้งแตโ่ ครงการ ถงึ นโยบาย และการปรึกษาด้านกฎระเบยี บ
54 ASEAN Economic Community 2. ยทุ ธศาสตร์ : การเปน็ ภมู ภิ าคทม่ี ขี ดี ความสามารถในการแขง่ ขนั สงู • ความมนั่ คงดา้ นพลงั งานในอาเซียน วัตถปุ ระสงค์และยทุ ธศาสตรโ์ ดยรวม วัตถุประสงคโ์ ดยรวมของความร่วมมอื ด้านพลังงานในอาเซยี น เพ่ือสง่ เสริมความม่นั คงและ ความยั่งยืนด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน โดยคำนึงถึงประเด็นด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิง่ แวดล้อม ความร่วมมอื ด้านพลังงานของอาเซยี นในปัจจบุ นั ดำเนนิ การภายใตแ้ ผนปฏิบัตกิ าร อาเซยี นว่าดว้ ยความรว่ มมอื ดา้ นพลงั งาน ปี 2553-2558 (ASEAN Plan of Action on Energy Cooperation: APAEC) ให้ความสำคัญในโครงการหลกั 7 สาขา ได้แก่ 1) การเชอื่ มโยงระบบสาย สง่ ไฟฟ้าของอาเซียน (ASEAN Power Grid: APG) 2) การเช่อื มโยงท่อสง่ ก๊าซธรรมชาตขิ องอาเซียน (Trans-ASEAN Gas Pipeline: TAGP) 3) เทคโนโลยีถ่านหินและถ่านหินสะอาด 4) พลังงาน ที่นำมาใช้ใหม่ได้ (Renewable Energy: RE) 5) การสงวนรักษาและประสิทธิภาพของพลังงาน (Energy Efficiency and Conservation: EE&C) 6) นโยบายและการวางแผนพลังงานภูมิภาค และ 7) พลังงานนวิ เคลยี ร์ โครงการสำคัญและความคืบหน้า การเชอื่ มโยงทอ่ สง่ กา๊ ซธรรมชาติของอาเซียน (TAGP) เป็นการก่อสรา้ งท่อสง่ กา๊ ซความยาว 4,500 กิโลเมตร ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใต้ทะเลมีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ ปัจจุบัน อยรู่ ะหวา่ งดำเนนิ โครงการเชอ่ื มโยงทอ่ สง่ กา๊ ซแบบทวภิ าคี จำนวน 8 โครงการ มคี วามยาวรวมทง้ั สน้ิ ประมาณ 2,300 กิโลเมตร ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเชื่อมโยงระหว่างกันของ TAGP อาเซียนจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินทุนล่วงหน้า รวมทั้งกำหนดกลไกและรูปแบบการ สนบั สนนุ ทางการเงนิ เพ่ือดำเนินงานตามความตกลงท่มี ีอยู่ ขณะเดียวกันการพัฒนาโครงการเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าของอาเซียน (APG) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าโดยอยู่ระหว่างดำเนิน โครงการเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้า 4 โครงการ และอยู่ระหว่างการวางแผนโครงการเพิ่มเติมอีก 11 โครงการ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงระหว่างกันภายในปี 2558 ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการ APG มีความคบื หนา้ อาเซยี นจำเป็นต้อง 1) เรง่ รัดการพัฒนาโครงการเชอ่ื มโยง APG 15 โครงการ รวมถึง การกำหนดรปู แบบและกลไกการสนบั สนนุ เงนิ ทนุ 2) พฒั นาพลงั งานจากแหลง่ ตา่ งๆ อยา่ งเหมาะสม ระหว่างสาขาผลิตพลังงานกับแหล่งพลังงานในท้องถิ่น 3) สนับสนุนการใช้ทรัพยากรในอาเซียน อย่างเหมาะสม เช่น เงินทุน ผู้เชี่ยวชาญ และสินค้าที่นำมาใช้ในสาขาการผลิต การส่ง และการ กระจายพลังงาน เปน็ ต้น
AEC FACT BOOK 55 ความร่วมมือด้านพลังงานในอาเซียนยังคำนึงถึงการส่งเสริมการแข่งขันด้านการตลาด พลังงานที่มีประสิทธิภาพ การมีอุปทานด้านพลังงานที่เชื่อถือได้และมั่นคง และการพัฒนาสาขา พลงั งานทีม่ พี ลวัตรในภมู ภิ าค นอกจากนี้ อาเซียนยงั มีกิจกรรมเพมิ่ ข้นึ อย่างมากในสาขาความรว่ มมอื ด้านการสงวนรกั ษา และประสิทธิภาพพลังงาน (EE&C) และการนำพลังงานมาใช้ใหม่ได้ (RE) โดยครอบคลุมโครงการ เสรมิ สรา้ งศักยภาพขององคก์ ร เพ่ิมการมสี ว่ นร่วมของภาคเอกชนในโครงการ EE&C และ RE และ การขยายตลาดสำหรับสินค้า EE และ RE ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้าน พลังงาน ปี 2553-2558 (APAEC 2010-2015) ได้กำหนดเปา้ หมายในการลดอตั ราสว่ นของปริมาณ การใชพ้ ลงั งานตอ่ ผลติ ภณั ฑม์ วลรวม (energy intensity) ของอาเซยี นลงอยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 8 ภายในปี 2558 โดยใช้ฐานปี 2548 และการบรรลุเป้าหมายการมีพลังงานที่นำมาใช้ใหม่ร้อยละ 15 ของ ศกั ยภาพการเกบ็ พลังงานรวมในภูมภิ าค ในสาขาถ่านหิน อาเซียนได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยี ถ่านหินและถ่านหินสะอาดอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ แผนงานด้านพลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียนได้ ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ การขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ ของการใชถ้ า่ นหนิ ในการผลติ พลงั งาน ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ โอกาส ในการส่งเสริมและการเพิ่มขึ้นของการใช้และการค้าถ่านหินที่สะอาดขึ้น ทำให้ประเทศสมาชิก อาเซียนได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน อนั จะนำไปสู่การรวมกลมุ่ สาขาพลังงานในภมู ิภาค เพื่อสนับสนุนบทบาทของอาเซียนด้านพลังงานในภูมิภาค ความร่วมมือด้านพลังงานของ อาเซยี นกบั ประเทศคเู่ จรจาจงึ ครอบคลมุ กจิ กรรม แผนงานและโครงการทห่ี ลากหลาย รวมถงึ โครงการ และแผนงานกิจกรรมต่างๆ ภายใต้กรอบอาเซียน+3 และอาเซียน+6 กิจกรรมสำคัญที่อยู่ระหว่าง ดำเนนิ การ ไดแ้ ก่ การดำเนนิ งานตามแผนงานความรว่ มมอื ดา้ นพลงั งานระหวา่ งอาเซยี น-สหภาพยโุ รป ปี 2553 การพัฒนาแผนงานการเก็บสำรองน้ำมันสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียน+3 การดำเนิน โครงการกลไกการพัฒนาพลังงานสะอาด (Clean Development Mechanism) และโครงการ เสริมสร้างศกั ยภาพด้านพลังงานนวิ เคลยี ร์
56 ASEAN Economic Community 3. ยทุ ธศาสตร์ : การเปน็ ภมู ภิ าคทม่ี กี ารพฒั นาทางเศรษฐกจิ ทเ่ี ทา่ เทยี มกนั 3. ยทุ ธศาสตร์ : การเปน็ ภูมภิ าคท่ีมีการพัฒนาทางเศรษฐกจิ ท่เี ท่าเทยี มกนั • วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียน (SMEs) ความเป็นมา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ Small and Medium Enterprises (SMEs) ถอื ว่าเป็นภาคสว่ นทมี่ คี วามสำคัญต่อเศรษฐกิจของอาเซียน ซึ่งการพัฒนาด้าน SMEs มีสว่ นในการ สนบั สนนุ การเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีย่ังยนื จากการประเมินของสำนักงานเลขาธกิ ารอาเซียน พบว่า SMEs ในอาเซยี น มีสดั ส่วนสงู ถงึ กว่ารอ้ ยละ 96 ของธรุ กิจทง้ั หมด และมสี ดั สว่ นการจ้างงานรอ้ ยละ 50-85 ของการจ้างงานรวมในประเทศสมาชิกอาเซียน ยิ่งไปกว่านั้นรายได้ที่เกิดจากธุรกิจ SMEs ยังมีสัดส่วนถึงร้อยละ 30-53 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และมีสัดส่วนร้อยละ 9-31 ของการส่งออกรวม ในการส่งเสริมความร่วมมือด้าน SMEs ของอาเซียน รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ไดใ้ หก้ ารรบั รองแผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการพฒั นา SMEs ของอาเซยี น (ASEAN Strategic Action Plan for SME Development) ปี 2553-2558 เมอ่ื เดอื นสงิ หาคม 2553 โดยแผนงานดงั กลา่ วครอบคลมุ การดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจ SMEs เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการ แข่งขัน และเพ่มิ ความสามารถในการปรบั ตัวของ SMEs ในการมุง่ สกู่ ารเป็นตลาดและฐานการผลติ เดียวในอาเซยี น ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 42 เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 ได้เห็นชอบให้มี การจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา SME ของอาเซียน (ASEAN SME Advisory Board) เพื่อเป็น เวทีในการสร้างเครือข่ายระหว่างหัวหน้าหน่วยงาน SMEs และผู้แทนจากภาคเอกชนในอาเซียน รวมถงึ ใหข้ อ้ คดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะดา้ นนโยบายทเ่ี กย่ี วกบั การพฒั นาธรุ กจิ SMEs ตอ่ รฐั มนตรเี ศรษฐกจิ อาเซยี น
AEC FACT BOOK 57 ประเด็นท่นี ่าสนใจ แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการพฒั นา SMEs ของอาเซยี น ปี 2553-2558 ครอบคลมุ แผนยทุ ธศาสตร์ ดำเนินมาตรการด้านนโยบายต่างๆ และผลลัพท์ ซึ่งจัดทำโดยคณะทำงานด้าน SME ของอาเซียน (ASEAN SME Working Group) ประกอบด้วยหน่วยงาน SMEs ของประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมกบั หน่วยงาน SMEs ตา่ งๆ และภาคเอกชน ทั้งนี้ การพัฒนาด้าน SMEs ภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) มเี ปา้ หมายสำคญั ดังน้ี (1) การจดั ทำหลักสตู รร่วมกันสำหรบั ผู้ประกอบการในอาเซียน ภายในปี 2551-2552 (อินโดนีเซียและสิงคโปร์ เป็นประเทศนำ) (2) การจัดตั้งศูนย์บริการ SME (SME service centre) เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคและอนุภูมิภาคของประเทศสมาชิกอาเซียน ภายในปี 2553-2554 (ไทยและเวียดนาม เป็นประเทศนำ) (3) การให้บริการทางการเงินสำหรับ ธรุ กิจ SMEs ในแตล่ ะประเทศสมาชกิ ภายในปี 2553-2554 (มาเลเซียและบรไู น เป็นประเทศนำ) (4) การจัดทำโครงการส่งเสริมการฝึกปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่ในระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนาความ เชย่ี วชาญของเจา้ หนา้ ทภ่ี ายในปี 2555-2556 (พมา่ และฟลิ ปิ ปนิ ส์ เปน็ ประเทศนำ) และ (5) การจดั ตง้ั กองทุนเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในระดับภูมิภาค (SME development fund) ภายในปี 2557-2558 เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ ประกอบธรุ กจิ ในภมู ิภาคอาเซยี น (สปป.ลาวและไทย เป็นประเทศนำ) นอกจากนี้ ยังไดห้ ารอื ร่วมกบั หน่วยงานวิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซยี น+3 (ประเทศอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติที่ดีและ ความรว่ มมอื ดา้ น SMEs ในโครงการตา่ งๆ ความท้าทายในการดำเนนิ การ การใหก้ ารสนบั สนนุ ดา้ นการเงนิ แกโ่ ครงการ/กจิ กรรมตา่ งๆ ของ SMEs ยงั คงเปน็ ความทา้ ทาย โดยปัจจุบันโครงการริเริ่มของ SMEs ได้ดำเนินการในลักษณะการพึ่งพาตนเอง หรือ การพึ่งพา ระหว่างอาเซียนด้วยกันเอง ในขณะเดียวกันประเทศสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศยังต้องระดมทุน ดว้ ยตนเองในการดำเนินการโครงการพัฒนา SMEs หรือใหค้ วามช่วยเหลือแกป่ ระเทศสมาชิกอ่ืนๆ ในการเขา้ ร่วมโครงการ
58 ASEAN Economic Community 3. ยทุ ธศาสตร์ : การเปน็ ภมู ภิ าคทม่ี กี ารพฒั นาทางเศรษฐกจิ ทเ่ี ทา่ เทยี มกนั • ความคิดริเริม่ ในการรวมกลมุ่ อาเซียน (IAI) และการลดชอ่ งว่างการพัฒนา วัตถุประสงค์หลักประการหนึ่งของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน คือ การจัดตั้ง ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน ภายในปี 2558 และการบรรลุเปา้ หมาย AEC ซึ่งจำเปน็ ตอ้ งพจิ ารณา โดยเป็นความท้าทายสำคัญประการหนึ่ง คือ การหาความสมดุลในแง่ความสอดคล้องกันและ การสนับสนนุ ระหวา่ งประเทศสมาชิกอาเซยี นเพื่อไปสูก่ ารรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจของอาเซียน ผู้นำอาเซียนได้เปิดตัวความคิดริเริ่มในการรวมกลุ่มอาเซียน (Initiative for ASEAN Intergration : IAI) ในที่ประชมุ สดุ ยอดอาเซียน เมอ่ื ปี 2543 โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ลดชอ่ งวา่ งการ พัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั ของอาเซียน ความคดิ รเิ รม่ิ IAI ในระยะแรกเรม่ิ มงุ่ ไปสกู่ ารพฒั นาประเทศสมาชกิ ใหมอ่ าเซยี น ไดแ้ ก่ กมั พชู า ลาว พม่า และเวียดนาม นอกจากนี้ IAI ยังครอบคลุมงานในกลุ่มอนุภูมิภาค เช่น ลุ่มแม่น้ำโขง เขตเศรษฐกจิ เอเชยี ตะวนั ออกบรไู นฯ-อนิ โดนเี ซยี -มาเลเซยี -ฟลิ ปิ ปนิ ส์ (BIMP-EAGA) และสามเหลย่ี ม เศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ความคิดริเริ่มดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นให้ประเทศ ท่ีเกีย่ วขอ้ งปฏิบตั ติ ามพันธกรณแี ละเป้าหมายของอาเซียนโดยรวม แผนงาน IAI การดำเนนิ ตามแผนงาน IAI จะเป็นตวั ขบั เคลื่อนการลดชอ่ งวา่ งการพฒั นาของอาเซียน แผนงาน IAI ระยะแรก (ปี 2545-2551) ซึ่งได้รับการรับรองจากผู้นำอาเซียนในที่ ประชมุ สดุ ยอดอาเซยี น คร้งั ที่ 8 ปี 2545 ได้กำหนดเรอ่ื งสำคญั ลำดับแรกในการดำเนินการ ไดแ้ ก่ 1) โครงสรา้ งพ้ืนฐานดา้ นขนสง่ และพลังงาน 2) การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ (ไดแ้ ก่ การเสรมิ สรา้ ง ศกั ยภาพของภาครัฐ แรงงานและการจา้ งงาน และการศกึ ษาระดบั สูงขึน้ ) 3) เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสือ่ สาร (ICT) และ 4) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ ในภูมภิ าค (ไดแ้ ก่ การคา้ สนิ ค้าและบริการ ศลุ กากร มาตรฐาน และการลงทุน) 5) การท่องเที่ยว และ 6) การลดความยากจน
AEC FACT BOOK 59 แผนงาน IAI ระยะที่สอง (ปี 2552-2558) ซึ่งได้รับการรับรองในที่ประชุมสุดยอด อาเซยี น คร้ังท่ี 14 เมอ่ื ปี 2552 ประกอบด้วย โครงการสำคัญในสาขาตา่ งๆ ตามแผนงานการจัดตง้ั ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน แผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และ แผนงานการจัดตัง้ ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซียน แผนงาน IAI ท้งั สองฉบับให้ความสำคญั กบั การพฒั นาโครงสร้างพืน้ ฐานในด้านกฎระเบยี บ อยา่ งไรกต็ ามอาเซยี นยงั ใหค้ วามสำคญั ตอ่ การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นการขนสง่ และการตดิ ตอ่ สื่อสารทางกายภาพ รวมทั้งการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงทางถนน รถไฟ ทางอากาศ และทางทะเล ภายในอาเซยี น คณะทำงาน IAI ตามกฎบัตรอาเซียนได้กำหนดให้คณะทำงาน IAI ประกอบด้วย ผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอนิ โดนเี ซยี รับผิดชอบการบริหารจัดการแผนงาน IAI เวทีความรว่ มมือเพ่อื การพัฒนา IAI อาเซยี นไดจ้ ดั จง้ั เวทคี วามรว่ มมอื เพอ่ื การพฒั นา (IAI Development Cooperation Forum : IDCF) ข้นึ เพือ่ เปน็ เวทที เ่ี ปดิ โอกาสให้ประเทศค่เู จรจาของอาเซียนและประเทศผบู้ ริจาคอ่ืนเข้ามา มีส่วนร่วมในการประชุมหารือการดำเนินงานตามแผนงาน IAI จนถึงปัจจุบัน ได้มีการจัดเวทีความ ร่วมมือเพื่อการพัฒนา IAI ไปแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2545 และ 2550 ตามลำดับ และมีแผนที่จะจัด อีกคร้ังในปี 2553
60 ASEAN Economic Community 3. ยทุ ธศาสตร์ : การเปน็ ภมู ภิ าคทม่ี กี ารพฒั นาทางเศรษฐกจิ ทเ่ี ทา่ เทยี มกนั • การมีสว่ นร่วมระหวา่ งภาครัฐและเอกชนในอาเซียน (PPE) เหตผุ ลความจำเปน็ อาเซียนสนับสนุนการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Sector Engagement) เพื่อปรับปรุงความสอดคล้องกัน ความโปร่งใส และการเสริมสร้างแรงผลักดันของ นโยบายรฐั บาลและกจิ กรรมทางธรุ กจิ ระหว่างอตุ สาหกรรมสาขาต่างๆ ในอาเซยี นและในประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ข้อมูลของภาคเอกชนเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และความคิดริเริ่มในภูมิภาคแล้ว จึงทำให้ทราบปัญหาการจัดตั้งประชาคมอาเซียน การดำเนินงาน และการรวมกลุ่มในภูมิภาคภาคเอกชน ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในห่วงโซ่ อปุ ทานของภมู ภิ าคและโลก จงึ เปน็ แกนหลกั สำคญั ในสถาปตั ยกรรมใหมข่ องการพง่ึ พาซง่ึ กนั และกนั ระหวา่ งประเทศในเอเชียตะวันออก รวมทงั้ ระหวา่ งเอเชยี ตะวนั ออกและเศรษฐกจิ โลกโดยรวม พฒั นาการความร่วมมอื ระหวา่ งภาครัฐและภาคเอกชน การมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้นในหลายระดับ หลายแนวทาง และตาม ความถี่ที่แตกต่างกันในอาเซียน อาเซียนได้ตั้งคณะทำงานรายสาขาเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ตามยทุ ธศาสตรแ์ ละโครงการการพฒั นาการรวมกลมุ่ ของอาเซยี น ในปจั จบุ นั มคี ณะทำงานรายสาขา ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั AEC ประมาณ 100 คณะ อยา่ งไรกต็ าม ดว้ ยขอ้ จำกดั ดา้ นทรพั ยากร วาระการประชมุ ที่ครอบคลุมกว้างขวาง และการประชุมของคณะทำงานรายสาขาที่มีจำนวนมาก ปัจจุบันผู้แทน ภาคเอกชน/สมาคมฯ ได้เข้ามามีส่วนร่วมประมาณร้อยละ 35 ของคณะทำงานรายสาขาที่ เกี่ยวข้องกับ AEC ซึ่งได้ร่วมงานทั้งแบบประจำ หรือ เฉพาะกิจ โดยเฉพาะในการหารือเพื่อ จัดทำข้อตกลงการยอมรับร่วม และการประชุมสภาหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม อาเซยี น (ASEAN Telecommunication Regulators Council) ซง่ึ ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมเปน็ อย่างมาก นอกจากนี้ องค์กรภาคเอกชนยังได้ให้ความช่วยเหลือการทำงานของคณะทำงานความ รว่ มมือด้านทรัพย์สินทางปญั ญาของอาเซยี น ในระดบั ภูมภิ าค กลไกหลกั สำหรบั PPE ไดแ้ ก่ การประชุมหารือในสาขาเร่งรดั การรวมกลุม่ เศรษฐกจิ (Consultative Meeting on Priority Sectors: COPS) การประชมุ ประสานงาน AEC (Coordinating Conference on AEC: ECOM) และการหารือของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council: ABAC) ทัง้ น้ี ASEAN BAC มีบทบาทสำคัญในการจัดเวที ระดับผนู้ ำภาคเอกชนดา้ นธุรกิจและการลงทุน (ASEAN Business and Investment Summit :
AEC FACT BOOK 61 ABIS) และในการจดั ทำขอ้ เสนอแนะตอ่ ผนู้ ำและรฐั มนตรเี ศรษฐกจิ อาเซยี น องคก์ รเอกชนทม่ี บี ทบาท สำคญั ใน PPE คือ สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอาเซียน (ASEAN Chamber of Commerce and Industry: ASEAN CCI) ทั้งน้ี สมาชกิ ส่วนใหญข่ อง ASEAN CCI เปน็ สมาชกิ ของ ASEAN BAC ด้วยเช่นกัน ในชว่ งปที ผ่ี า่ นมา อาเซยี นไดย้ กระดบั PPE ใหส้ งู ขน้ึ ในรปู แบบการจดั ประชมุ หารอื (ประจำป)ี ระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับ ASEAN BAC และผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ สมาพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งทออาเซียน (ASEAN Federation of Textile Industries) และ สมาพนั ธย์ านยนต์อาเซียน (ASEAN Automotive Federation) ข้อเสนอแนะสำคัญหลายประการ เกิดขึ้นจากการประชุมหารือในเวทีดังกล่าว และบทบาทคณะทำงานรายสาขาของอาเซียนที่ เก่ยี วข้องอยูร่ ะหวา่ งพิจารณาขอ้ เสนอแนะจากภาคเอกชน นอกจากนี้ PPE ยังมีบทบาทในรปู แบบ ของการรว่ มจัดงานนิทรรศการและงานแสดงสินคา้ ประจำปี เชน่ ASEAN-China Expo (CAEXPO) ณ เมืองหนานหนงิ ประเทศจนี ซึ่งจะช่วยเปดิ โอกาสใหผ้ ู้ประกอบธรุ กจิ ของอาเซียน รวมถึงวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มไดแ้ สดงสินค้าของตน และสามารถเขา้ ถงึ ตลาดอาเซยี น-จีนท่ีมขี นาดใหญ่ และมีศกั ยภาพ ทั้งนี้ CAEXPO ครง้ั ท่ี 7 ไดจ้ ดั ขน้ึ ระหวา่ งวันท่ี 20-24 ตุลาคม 2553 ภายใต้ theme “CAFTA as a New Opportunity” สะทอ้ นให้เห็นถึงโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหมภ่ ายใต้ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซยี น-จนี ทจ่ี ดั ตงั้ ข้นึ เม่ือวนั ที่ 1 มกราคม 2553 การกา้ วไปขา้ งหน้า จะเห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ ศกั ยภาพของการมีส่วนรว่ มระหวา่ งภาครฐั และเอกชนในอาเซียน ยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้ เน้นย้ำความสำคัญของการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการผนึก กำลังรว่ มกันดำเนินมาตรการในการรวมกลุ่มและการพฒั นาในภูมิภาค ในการนี้ รฐั มนตรีเศรษฐกิจ อาเซียนได้เห็นชอบให้จัดประชุมหารือกับสมาคมอุตสาหกรรม รวมถึงผู้แทนจากประเทศอาเซียน และคูเ่ จรจาตา่ งๆ เป็นประจำอยา่ งตอ่ เนื่อง ขณะน้ี อาเซยี นอย่รู ะหวา่ งการพิจารณาจดั ทำแผนงาน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนระหว่างคณะทำงานของอาเซียนกับองค์กรภาคเอกชน และกลุ่มธุรกิจในภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกิจกรรมการค้าและการลงทุนใน อาเซียน
62 ASEAN Economic Community 4. ยทุ ธศาสตร์ : การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก 4. ยุทธศาสตร์ : การบูรณาการเขา้ กับเศรษฐกจิ โลก • เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) อาเซียนและจีนได้ลงนามกรอบความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีน (Framework Agreement on Comprehensive Economic Cooperation) เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2545 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาโดยกรอบความตกลงฉบับนี้ได้กำหนด แนวทางให้แก่อาเซียนและจีนในการเจรจาความตกลงต่างๆ อันนำไปสู่ การจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซยี น-จนี (ASEAN China Free Trade Area : ACFTA) ในปจั จบุ นั จนี เปน็ ประเทศคคู่ า้ รายใหญ่ ที่สุดของอาเซียน โดยมีมูลค่าการค้าในปี 2553 คิดเป็น 292.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเป็น สดั ส่วนรอ้ ยละ 11.6 ของการคา้ รวมอาเซยี น สำหรับอาเซียนจัดเปน็ ประเทศคคู่ า้ อันดับ 1 ของจนี โดยมสี ดั สว่ นการคา้ เทา่ กบั รอ้ ยละ 9.98 ของการคา้ รวมของจนี นอกจากน้ี เขตการคา้ เสรอี าเซยี น-จนี เปน็ ตลาดทม่ี ผี บู้ รโิ ภคจำนวน 1.92 พนั ลา้ นคน ซง่ึ มผี ลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) คดิ เปน็ มลู ค่า 10.09 ล้านลา้ นเหรยี ญสหรฐั (2553) ส่งผลใหก้ ลายเป็นเขตการคา้ เสรที ใ่ี หญท่ ่ีสุดในโลก การค้าสินคา้ ความตกลงด้านการค้าสินค้าเป็นความตกลงหนึ่งภายใต้กรอบความตกลงความร่วมมือทาง เศรษฐกิจอาเซียน-จนี ซงึ่ มกี ารลงนามเมื่อวันที่ 29 พฤศจกิ ายน 2547 เพอื่ กำหนดรปู แบบการลด และยกเลิกภาษีสำหรับรายการสินค้าที่ต้องเสียภาษี ซึ่งแบ่งได้เป็นรายการสินค้าปกติและรายการ สนิ ค้าออ่ นไหว
AEC FACT BOOK 63 รายการสินค้าปกติ - อาเซียนเดิม 6 ประเทศ (บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย) และจีน ได้ยกเลิกภาษีสำหรับรายการสินค้าที่ต้องเสียภาษีเกือบ ท้งั หมดสำหรบั สนิ คา้ ปกติ เมือ่ วนั ที่ 1 มกราคม 2553 โดยสินค้าส่วนทเี่ หลือจะถกู ลดภาษลี งภายใน วันท่ี 1 มกราคม 2555 ยืดหย่นุ ไมเ่ กิน 150 รายการ สำหรับกมั พูชา สปป.ลาว พมา่ และเวียดนาม จะต้องยกเลิกภาษีสินค้าภายใน 1 มกราคม 2558 แต่ได้รับการยืดหยุ่นให้ยกเลิกภาษีสินค้า ไดจ้ ำนวนไมเ่ กนิ 250 รายการ ภายในวันท่ี 1 มกราคม 2561 รายการสินค้าออ่ นไหว – สินค้ารายการนี้แบ่ง เปน็ สินคา้ อ่อนไหว (Sensitive List : SL) และสนิ ค้าออ่ นไหวสงู (Highly Sensitive Lists – HSL) ซ่ึงมกี ารลดภาษีภายในกรอบเวลาตามท่ี กำหนดไว้ในข้อตกลง สำหรับภาษีสินค้าอ่อนไหวจะลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 20 ในปี 2555 และลดลงเหลือร้อยละ 0-5 ในปี 2561 สำหรับสินค้าอ่อนไหวสูง อัตราภาษีจะลดลงเหลือไม่เกิน ร้อยละ 50 ภายในปี 2558 ท้งั นี้ เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน จะไม่มีการตัดรายการสินค้าออกและ มีข้อกำหนดในเรื่องกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ให้ใช้กฎทั่วไปว่าด้วยสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในการผลิต ภายในภูมิภาค (Regional Value Content) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 การค้าบรกิ าร ความตกลงด้านการค้าบริการระหว่างอาเซียนและจีน ซึ่งได้ลงนามเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2550 เป็นความตกลงที่สองภายใต้กรอบความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-จีน วัตถุประสงค์หลักของความตกลงด้านการค้าบริการ คือ การเปิดเสรีและยกเลิกมาตรการกีดกัน สำหรับการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิกในการค้าบริการสาขาต่างๆ สำหรับการปฏิบัติตาม หลกั การ GATS Plus ความตกลงด้านการคา้ บรกิ ารระหวา่ งอาเซียน-จีน มีการระบขุ ้อผูกพนั ในการ เปิดเสรใี นระดับทส่ี ูงกวา่ ข้อผูกพันทป่ี ระเทศสมาชิกความตกลง GATS ของ WTO ต้องปฏิบัตติ าม ท้งั น้ี อาเซียนและจีน ไดล้ งนามขอ้ ผกู พนั การเปดิ ตลาดชุดที่ 1 แล้วเมอ่ื วนั ท่ี 14 มกราคม 2550 และ
64 ASEAN Economic Community 4. ยทุ ธศาสตร์ : การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก อยู่ระหว่างการรอลงนามพิธีสารอนุมัติข้อผูกพันชุดที่ 2 ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อาเซียน-จีน ครั้งท่ี 10 ในเดือนสิงหาคม 2554 ณ อนิ โดนีเซยี โดยมีเปา้ หมายท่ีจะมีผลบังคบั ใช้ใน วันท่ี 1 มกราคม 2555 การลงทนุ อาเซียนและจีนได้ลงนามความตกลงด้านการลงทุน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 ณ จังหวัดกรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดกระแสการลงทุน เพ่มิ ขนึ้ ความตกลงซงึ่ มผี ลใชบ้ งั คบั เมอ่ื วนั ที่ 1 มกราคม 2553 มงุ่ ท่ีจะสรา้ งบรรยากาศสง่ เสริมการ ลงทนุ ใหแ้ กน่ กั ลงทนุ ทง้ั จากอาเซยี นและจนี ซง่ึ ประกอบดว้ ย การคมุ้ ครองการปฏบิ ตั ทิ เ่ี สมอภาคและ เทา่ เทยี มกนั แกน่ กั ลงทนุ การปฏบิ ตั ทิ ไ่ี มก่ ดี กนั ทางเชอ้ื ชาติ การแสวงหาผลประโยชน์ และการชดเชย ต่อการสูญเสียต่างๆ นอกจากนี้ ความตกลงนี้มีบทบัญญัติที่อนุญาตให้โอนและคืนกำไรในสกุลเงิน ที่ใช้ได้อย่างอสิ ระ รวมทั้งบทบญั ญัตเิ กีย่ วกับการจดั ตัง้ กลไกระงบั ขอ้ พิพาทระหว่างนักลงทุนและรัฐ ซึง่ จะเปน็ แหลง่ ช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยให้แก่บรรดานักลงทนุ กลไกระงับข้อพิพาท อาเซียนและจีนได้จัดทำความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างอาเซียนและจีน โดยความตกลงฯ มผี ลบังคบั ใชต้ ั้งแต่วันท่ี 1 ม.ค. 2548 ถา้ หากคพู่ ิพาทไม่สามารถตกลงกันได้ จะมี การแต่งตั้งคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อดำเนินการตัดสินโดยคำตัดสินของคณะอนุญาโตตุลาการ (Arbitration) ถือเป็นสิ้นสุดและมีผลผูกพันคู่พิพาท แต่ถ้าหากประเทศผู้ถูกฟ้องไม่สามารถปฏิบัติ ตามข้อเสนอแนะและคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ อาจมีการชดเชยค่าเสียหายและหาก ไม่สามารถตกลงชดเชยค้าเสียหายได้ คณะอนุญาโตตุลาการเดิมอาจกำหนดระดับของการระงับ สิทธปิ ระโยชน์ หรอื ประโยชนอ์ ืน่ ๆ ทีเ่ หมาะสม
AEC FACT BOOK 65 ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั นับต้ังแต่ความตกลงฯ มผี ลบงั คับใชต้ ้ังแตป่ ี 2548 เปน็ ตน้ มา มูลค่าการค้าระหวา่ งอาเซยี น กบั จนี เพ่ิมขึ้นอยา่ งต่อเนอ่ื ง การค้าและการลงทนุ ระหวา่ งจนี กับอาเซยี นขยายตวั อย่างรวดเรว็ และ จีนกลายเป็นตลาดส่งออกและนำเข้าที่สำคัญของประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ ทั้งนี้ สินค้า ทีไ่ ทยไดป้ ระโยชน์ ได้แก่ ผลติ ภัณฑม์ นั สำปะหลงั เคมีภณั ฑอ์ นิ ทรีย์ สารแอลบูมนิ อยด์ พลาสติกและ ของที่ทำด้วยพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาบางชนิด หนังฟอก เครื่องจักรบางชนิด และอุปกรณ์เครื่องใช้ ทางการแพทย์ สินค้าส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ กรดเทเรฟทาลิก น้ำยางธรรมชาติ วงจรรวม ยางแผ่นรมควัน ยางแทง่ มนั สำปะหลัง นำ้ มนั ปิโตรเลยี มดบิ และโพลิคารบ์ อเนต การขยายตัวทางการค้า/การลงทุนระหว่างอาเซียน-จีน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ตอ่ ความร่วมมือภายใต้กรอบ FTA ระหวา่ งกนั ได้มากข้ึน และชว่ ยให้เกิดการพ่ึงพากันทางด้านการ ค้า/การลงทุนภายในกลุ่มสมาชิก FTA มากขึ้น จนสามารถลดการพึ่งพาการค้าและการลงทุนจาก ประเทศพัฒนาแล้วเหมือนในอดีตและจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับประเทศภาคี ในการเจรจา การค้ากบั ประเทศพฒั นาแล้วดว้ ยเช่นกนั • ความตกลงหุ้นสว่ นเศรษฐกิจอาเซียน-ญีป่ นุ่ (AJCEP) ความตกลงห้นุ ส่วนเศรษฐกจิ อาเซียน-ญี่ปนุ่ ซ่งึ มกี ารลงนามเมือ่ เดอื นเมษายน 2551 และ มีผลใช้บังคับในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน มีสาระครอบคลุมในประเด็นต่างๆ เช่น การค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดความสมดุลทางการค้า และการลงทนุ ที่มีเสถยี รภาพในภูมภิ าคต่อไป อาเซยี นและญป่ี นุ่ มมี ลู คา่ ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศคดิ เปน็ 6.4 ลา้ นลา้ นเหรยี ญสหรฐั สำหรบั ปี 2553 การคา้ ระหว่างอาเซยี นและญ่ปี ่นุ มีมลู คา่ 213.9 พันล้านเหรยี ญสหรฐั การจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น จะส่งผลให้ผู้บริโภคในอาเซียนและ ญี่ปุ่นมีโอกาสบริโภคสินค้าและบริการในราคาที่ต่ำลงอันเป็นผลจากการลดและยกเลิกภาษี ซึ่งจะ ส่งผลให้คณุ ภาพชวี ติ ของประชากรทง้ั สองกลมุ่ ดยี งิ่ ขึน้
66 ASEAN Economic Community 4. ยทุ ธศาสตร์ : การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก การคา้ สนิ ค้า การลดและยกเลิกภาษี ญี่ปุ่นจะต้องลดอัตราภาษีสำหรับรายการสินค้าร้อยละ 92 ของ จำนวนรายการสนิ ค้าท้ังหมด และลดภาษีตามมูลคา่ ของการคา้ สนิ ค้าลดภาษปี กติ (Normal Track) โดยลดลงเหลือ 0 ภายใน 10 ปี หลังจากความตกลงมีผลใช้บังคับ สำหรับสมาชิกอาเซียนเดิม 6 ประเทศ (บรไู นดารุสซาลาม อินโดนีเซยี มาเลเซีย ฟลิ ิปปนิ ส์ สงิ คโปร์ และไทย) และเวียดนาม จะต้องลดอัตราภาษีสำหรับสนิ คา้ ลดภาษีปกติ (Normal Track) ลงเหลอื 0 ภายในเวลา 10 ปี หลัง ความตกลงมีผลใชบ้ งั คบั โดยมรี ายการสนิ ค้าประมาณร้อยละ 90 ของจำนวนรายการสนิ คา้ ท้งั หมด ส่วนเวียดนามจะต้องลดอัตราภาษีสำหรับรายการสินค้าร้อยละ 90 ของจำนวนรายการสินค้า ทั้งหมดและลดภาษีตามสัดส่วนมูลค่าการค้าสำหรับสินค้าลดภาษีปกติ (Normal Track) ภายใน 10 ปี หลงั จากความตกลงมผี ลใชบ้ งั คบั สำหรบั ประเทศกมั พชู า สปป.ลาว และพมา่ จะลดอตั ราภาษลี ง เหลือ 0 ภายในเวลา 13 ปี โดยมีรายการสนิ คา้ ร้อยละ 90 ของจำนวนรายการสินค้าทง้ั หมด สำหรับการลดและยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าอ่อนไหวสูง สินค้าอ่อนไหว และสินค้ายกเว้น จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้สมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นจะมีการหารือทวิภาคีในเรื่อง tariff cut โดยคำนงึ ถึงความอ่อนไหวของทั้งสองฝา่ ย กฏว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า กฏว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าที่กำหนดขึ้นภายใต้ความตกลง หุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น จะช่วยสนับสนุนการสะสมมูลค่าวัตถุดิบภายในภูมิภาคซึ่งจะเป็น ประโยชน์แกอ่ ตุ สาหกรรมอาเซยี นและบรษิ ัทต่างๆ ของญี่ปุน่ ท่ปี ระกอบการในอาเซียน เช่น มติ ซบู ิชิ โตโยต้า เป็นต้น รวมทั้งบริษัทอิเล็กทรอนิคส์ที่ประกอบการและมีการลงทุนจำนวนมหาศาลใน อาเซียน สำหรับกฏวา่ ดว้ ยถิ่นกำเนดิ สินคา้ ภายใตค้ วามตกลงฯ มีกฎทัว่ ไป (General Rule) ว่าดว้ ย สัดส่วนมูลค่าเพิ่มในการผลิตภายในภูมิภาค (Regional Value Content) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 หรือการเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราศุลกากรในระดับ 4 หลัก (CTH - Change in Tariff Heading) ซึ่งเป็นการยืดหยุ่นให้แก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตในการเลือกกฎเกณฑ์ที่จะนำไปใช้และขยายโอกาส ในการทำตามกฎว่าดว้ ยถน่ิ กำเนิดสนิ คา้ เพื่อใช้ประโยชนจ์ ากการใหส้ ทิ ธิพิเศษทางศลุ กากร การบริการและการลงทนุ การเจรจาด้านการบริการและการลงทุนเร่ิมตน้ การเจรจาอยา่ งเปน็ ทางการในเดอื นมนี าคม 2554 และมเี ปา้ หมายจะสรุปการเจรจาภายในปี 2555
AEC FACT BOOK 67 กลไกระงบั ขอ้ พิพาท ความตกลงห้นุ สว่ นเศรษฐกิจอาเซยี น-ญปี่ ุน่ ได้บรรจบุ ทบัญญัติเก่ยี วกบั การระงับข้อพิพาท เพอ่ื แกป้ ัญหาในกรณเี กิดขอ้ พพิ าทเก่ยี วกบั การตคี วามขอ้ ตกลงการค้าสนิ คา้ (TIG) ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น จะทำให้นักลงทุนจำนวนมากหลั่งไหลสู่ อาเซียน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะช่วยลดความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประชากรในอาเซียนและ ญี่ปุ่นซึง่ มีจำนวนรวมกว่า 711 ลา้ นคน ทั้งน้ี มูลค่า FDI จากญีป่ ุน่ ในอาเซียนต้ังแต่ปี 2545-2551 คิดเป็นมูลค่า 45 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมไปกับการ ดำเนนิ การต่างๆ ตามความตกลงฯ • เขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) สาธารณรฐั เกาหลี เปน็ ประเทศทส่ี องทเ่ี ปน็ คเู่ จรจาเขตการคา้ เสรกี บั อาเซยี น โดยในปี 2548 อาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีได้ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่าง ครอบคลมุ ระหวา่ งอาเซยี นและสาธารณรฐั เกาหลี (Framework Agreement on Comprehensive Economic Cooperation: FA) รวมทง้ั ความตกลงอกี 4 ฉบบั เพอ่ื จดั ตง้ั เขตการคา้ เสรี โดยในปี 2552 สาธารณรัฐเกาหลีเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 5 ของอาเซียนโดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน เทา่ กับ 74,700 ลา้ นเหรยี ญสหรัฐ และมูลคา่ การลงทนุ ทางตรงจากสาธารณรฐั เกาหลมี ายงั อาเซียน เทา่ กับ 1,400 ล้านเหรียญสหรฐั ในปี 2553 อาเซยี น-สาธารณรฐั เกาหลี มลู ค่าการค้าระหว่างกัน เท่ากับ 97,294.22 ลา้ นเหรียญสหรัฐ
68 ASEAN Economic Community 4. ยทุ ธศาสตร์ : การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก การคา้ สินค้า ความตกลงวา่ ด้วยการคา้ สินคา้ อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AK-TIG) มีการลงนามเมอื่ วันที่ 24 สิงหาคม 2549 โดยให้สิทธิพิเศษทางด้านการค้าสินค้าระหว่างประเทศภาคีอาเซียน 10 ประเทศและสาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ การลดและยกเลิกภาษีระหว่างกัน โดยในวันที่ 1 มกราคม 2553 อาเซยี น 5 ประเทศ (บรูไน อินโดนีเซยี มาเลเซีย ฟลิ ปิ ปินส์ และสิงคโปร์) และสาธารณรัฐ เกาหลีไดม้ กี ารยกเลิกภาษีสินคา้ ในกลุ่ม Normal Track ลงเกือบร้อยละ 90 สำหรบั ประเทศสมาชกิ ใหมข่ องอาเซยี นไดแ้ ก่เวยี ดนามกมั พชู าสปป.ลาวและพมา่ จะมรี ะยะเวลา การปรบั ตวั นานกวา่ เนอ่ื งจากมรี ะดบั การพฒั นาทางเศรษฐกจิ ไมเ่ ทา่ กบั อาเซยี นอน่ื สำหรบั เวยี ดนาม สนิ คา้ Normal Track อยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 50 จะลดภาษลี งเหลอื รอ้ ยละ 0-5 ภายใน 1 มกราคม 2556 และเพม่ิ เป็นร้อยละ 90 ภายใน 1 มกราคม 2559 สำหรบั กัมพูชา สปป.ลาว และพมา่ (CLM) สนิ คา้ Normal Track อย่างน้อยร้อยละ 50 จะลดภาษีลงเหลือร้อยละ 0-5 ภายใน 1 มกราคม 2558 และเพิ่มเป็นร้อยละ 90 ภายใน 1 มกราคม 2561 ซึ่งภายในปี 2560 และ 2563 สินค้าในกลุ่ม Normal Track ของเวยี ดนาม กมั พชู า สปป.ลาว และพมา่ จะมกี ารเปดิ ตลาดอยา่ งสมบรู ณโ์ ดยมอี ตั รา ภาษีร้อยละ 0 ในส่วนของประเทศไทยที่มีการลงนามในความตกลงฯ เมื่อปี 2550 นั้น อัตรา ภาษสี ำหรบั สนิ คา้ ใน Normal Track จะคอ่ ยๆ ลดลงจนกระทง่ั ยกเลกิ ภายในปี 2559 และ 2560 การคา้ บริการ ความตกลงว่าด้วยการค้าบรกิ ารอาเซยี น-สาธารณรฐั เกาหลี (AK-TIS) มกี ารลงนามเม่อื วันท่ี 21 พฤศจิกายน 2550 เพื่อส่งเสริมการเปิดตลาดและเพิ่มความสามารถในการเข้าตลาดของผู้ให้ บริการอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งความตกลงฯ จะผูกพันการเปิดตลาดในระดับที่สูงกว่า ความตกลงดา้ นการคา้ บรกิ าร (GATS) ภายใตก้ รอบขององคก์ ารการคา้ โลก (WTO) โดยจะครอบคลมุ ถงึ สาขาตา่ งๆ ทอ่ี ยใู่ นภาคบรกิ ารมากขน้ึ รวมทง้ั มกี ารผอ่ นคลายกฎระเบยี บในการเขา้ ตลาดและวธิ ปี ฏบิ ตั ิ เชน่ ภาคธรุ กจิ การกอ่ สรา้ ง การศกึ ษา การสอ่ื สาร สง่ิ แวดลอ้ ม การทอ่ งเทย่ี วและการคมนาคม เปน็ ตน้
AEC FACT BOOK 69 การลงทนุ ความตกลงวา่ ดว้ ยการลงทนุ (AK-AI) มกี ารลงนามเมอ่ื วนั ท่ี 2 มถิ นุ ายน 2552 โดยมเี ปา้ หมาย เพื่อเปิดเสรีด้านการลงทุน อำนวยความสะดวก สร้างความโปร่งใสและบรรยากาศในการลงทุนที่มี ความปลอดภัย สาระสำคัญของความตกลงฯ คือ การคุ้มครองการลงทุนระหว่างอาเซียนและ สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งรวมถึงการปฎิบัติที่เป็นธรรม การเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ได้รับการคุ้มครอง ตลอดจนการชดเชยในกรณที ม่ี เี หตกุ ารณไ์ มส่ งบหรอื มกี ารเวนคนื ของรฐั ความตกลงวา่ ดว้ ยการลงทนุ (AK-AI) น้มี ผี ลบงั คับใชต้ ้ังแต่วนั ที่ 1 กันยายน 2552 อย่างไรก็ตามการเจรจาจะยงั คงดำเนินต่อไป เนอ่ื งจากอาเซยี นและสาธารณรฐั เกาหลตี อ้ งการบรรลวุ าระสบื เนอ่ื ง (built-in agenda items) ในเรอ่ื ง การพฒั นาข้อผูกพันในการเข้าสตู่ ลาด (the development of market access commitments) หรือ ตาราง ขอ้ สงวน (schedules of reservations) โดยจะมกี ารสรปุ การหารอื ในเรอื่ งดังกล่าว ภายใน 5 ปีนับจากวันท่ีความตกลงมีผลใช้บังคบั กลไกการระงับขอ้ พพิ าท ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาท (Agreement on Dispute Settlement Mechanism: DSM) มกี ารลงนามเม่ือวนั ท่ี 13 ธันวาคม 2548 เพ่ือเปน็ กลไกสำหรับระงบั ข้อพพิ าท ต่างๆ ของประเทศภาคีที่อาจเกิดจากการตีความและการใช้บังคับความตกลงต่างๆ ภายใต้ความ ตกลงการค้าเสรอี าเซียน-สาธารณรฐั เกาหลี ประโยชน์ทจ่ี ะได้รบั ความตกลงอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี จะเป็นประโยชน์ในด้านรักษาศักยภาพในการ ส่งออกของอาเซียนในตลาดเกาหลี โดยเฉพาะการแข่งขันกับอาเซียนอื่นและประเทศที่สามที่ได้ จดั ทำ FTA กบั สาธารณรฐั เกาหลแี ลว้ การดึงดูดนักลงทุนเกาหลีให้ย้ายฐานการผลิตและการลงทุนมาอาเซียนมากขึ้นและเพิ่ม โอกาสในการเจรจาลดอปุ สรรคมาตรการทม่ี ใิ ชภ่ าษี เชน่ มาตรการสขุ อนามยั และสขุ อนามยั พชื (SPS) และอปุ สรรคทางเทคนคิ ต่อการค้า (TBT) เป็นตน้ นอกจากนี้ ความตกลงยังมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ เช่น SPS, TBT, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) การท่องเที่ยว การลงทุนและอื่นๆ ซึ่งจะช่วยอำนวย ความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ระหว่างภมู ภิ าคใหม้ คี วามแข็งแกรง่ เพมิ่ มากยง่ิ ข้ึน
70 ASEAN Economic Community 4. ยทุ ธศาสตร์ : การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก • เขตการคา้ เสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) ได้มีการลงนามความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) มขี ้นึ เม่ือวนั ท่ี 27 กมุ ภาพันธ์ 2552 ณ ประเทศไทย โดยวตั ถุประสงค์ท่ีจะบรู ณาการ ตลาดของทั้งสิบสองประเทศให้เป็นตลาดเดียวกัน ซึ่งมีประชากรรวมจำนวน 616 ล้านคน และ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติมูลค่า 2.61 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2009) ความตกลงฉบับนี้มี ผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 โดยในปี 2553 การค้าระหว่างสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 57.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และแม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกและการหลั่งไหลของการลงทุนจาก ตา่ งประเทศลดตำ่ ลง ตวั เลขการลงทนุ โดยตรงจากตา่ งประเทศ (FDI) ซง่ึ มาจากนกั ลงทนุ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนด์ในอาเซียนกลับเพิ่มขึ้นจาก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2008 เป็น 14.9 พนั ลา้ นเหรียญสหรฐั ความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เป็นความตกลง “ฉบับแรก” ของอาเซียนทีเ่ ป็น (1) ความตกลง Comprehensive single undertaking ที่ลงนามโดยอาเซียนและ ประเทศคู่เจรจา ซึ่งครอบคลุมการค้าสินค้าและบริการ การค้าด้านอิเล็กทรอนิคส์ การเคลื่อนย้าย บุคลากร การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กลไกลระงับข้อพิพาท และข้อกำหนดเฉพาะ เกี่ยวกับกระบวนการทางศุลกากร มาตรการด้านสุขภาพและอนามัย กฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานและ เทคนิค ทรัพย์สินทางปัญญาและการแขง่ ขนั (2) การมีส่วนรว่ มกันระหวา่ งภูมิภาคและภมู ิภาคสำหรับอาเซียน และ (3) ความตกลงซึง่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนดไ์ ดม้ กี ารเจรจารว่ มกนั
AEC FACT BOOK 71 การค้าสนิ ค้า การลดภาษสี นิ ค้า นอกจากความตกลงฯ จะครอบคลุมเร่อื งการลด และ/หรือ การยกเลกิ ภาษศี ลุ กากรแลว้ ยังครอบคลุมเร่ืองการยกเลิกการอุดหนุนสง่ ออกสนิ คา้ เกษตร การประติบัติเย่ยี ง คนชาติในการเกบ็ ภาษีอากรและระเบยี บขอ้ บงั คับภายใน คา่ ธรรมเนยี มและค่าภาระที่เกีย่ วข้องกับ การนำเข้าและการส่งออก การเผยแพร่และบริหารจัดการระเบียบข้อบังคับทางการค้า มาตรการ จำกดั ปริมาณและมาตรการท่ีไม่ใชภ่ าษีศุลกากร และการอนุญาตการนำเข้า สำหรับการลด และ/หรอื การยกเลิกภาษศี ุลกากรภายใตค้ วามตกลง AANZFTA ประเทศ ภาคีแต่ละประเทศจะต้องลด และ/หรือ ยกเลิกภาษีศุลกากรตามตารางข้อผูกพันภาษีศุลกากร ของตนทปี่ รากฎอยใู่ นภาคผนวกของความตกลงฯ โดยให้แกป่ ระเทศอนื่ ทงั้ 11 ประเทศ กฎถิ่นกำเนิดสินค้า สินค้าที่ได้ถิ่นกำเนิดภายใต้ความตกลง AANZFTA ได้แก่ (1) สินค้า ที่ผลิตทั้งหมด (Wholly Produced) หรือได้มาทั้งหมด (Wholly Obtained) ในประเทศภาคี (2) สินคา้ ที่มสี ดั สว่ นมูลคา่ ตน้ ทนุ การผลติ ในภมู ิภาคไมต่ ่ำกว่ารอ้ ยละ 40 ของราคา FOB และมกี าร ผลิตขั้นสุดท้ายในประเทศภาคีนั้นๆ (3) สินค้าที่วัตถุดิบที่ไม่ได้ถิ่นกำเนิดทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต ผา่ นการเปลย่ี นพกิ ัดศุลกากรในระดับ 4 หลกั (CTH) (4) สนิ ค้าทผ่ี า่ นตามกฎเฉพาะรายสนิ ค้า (PSR) หรือ (5) สินค้าที่ผลิตในประเทศภาคีนั้น จากวัตถุดิบที่ได้ถิ่นกำเนิดของหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง ประเทศภาคเี ทา่ นนั้ การคา้ บรกิ าร ข้อบทการคา้ บรกิ ารของความตกลง AANZFTA มพี นื้ ฐานมาจากความตกลงการคา้ บรกิ าร ขององค์การค้าโลก (GATS) โดยหลายๆ ข้อบท เช่น การประตบิ ัติเย่ยี งคนชาติ การเขา้ สตู่ ลาด และ การแกไ้ ขตารางขอ้ ผกู พนั มสี าระสำคัญรวมถงึ แนวทางการผกู พนั เหมอื น GATS กล่าวคือ ประเทศ ภาคีแต่ละประเทศสามารถเลือกกิจกรรมการค้าบริการที่ต้องการจะผูกพันได้ตามความพร้อมของ ตน โดยจัดทำเป็นตารางข้อผูกพันเฉพาะซึ่งระบุเงื่อนไขที่เป็นข้อจำกัดในการเข้าสู่ตลาด (Positive List APProach) เช่น การจำกัดจำนวนผู้ให้บริการ การจำกัดจำนวนบุคคลธรรมดาที่อาจจ้างได้ และการจำกัดการมีส่วนร่วมของทุนต่างชาติ ตลอดจนข้อจำกัดในการให้การประติบัติเยี่ยงคนชาติ เปน็ ต้น ข้อผูกพันด้านการค้าบริการจะมีการเปิดเสรีเป็นแบบก้าวหน้าตามลำดับ โดยเจรจาเป็น รอบๆ ไป และใหม้ ีการเจรจาคร้งั แรกไมช่ า้ กว่า 3 ปี นบั จากความตกลงมีผลบงั คบั ใช้ นอกจากน้นั ข้อบทการคา้ บริการของความตกลงประกอบด้วยภาคผนวกสองเรอ่ื งสำคัญ ได้แก่
72 ASEAN Economic Community 4. ยทุ ธศาสตร์ : การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก • ภาคผนวกว่าด้วยบริการการเงิน มีสาระสำคัญ คือ ประเทศภาคีมีสิทธิและพันธกรณีใน เร่ืองตา่ งๆ เชน่ สิทธใิ นการใชม้ าตรการดา้ นการกำกบั ควบคุมเพอ่ื ความมัน่ คง เพ่อื คุ้มครองผลู้ งทนุ ผ้ฝู ากเงนิ หรือผถู้ อื กรมธรรม์ เพ่ือประกนั ความมนั่ คงและเสถยี รภาพของระบบเงิน หรือเพอื่ ประกัน ความมีเสถียรภาพของอตั ราแลกเปล่ยี น เปน็ ตน้ • ภาคผนวกว่าด้วยการโทรคมนาคม มีสาระสำคัญคือ ประเทศภาคีมีสิทธิและพันธกรณี ด้านการกำกับดูแลบริการโทรคมนาคม บริการเช่าใช้สถานที่เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ บริการวงจรเช่า การระงบั ข้อพพิ าท การจัดสรรและการใชท้ รพั ยากรทม่ี จี ำกดั เปน็ ตน้ การลงทุน การลงทุนประกอบดว้ ย 2 สว่ นหลกั ไดแ้ ก่ 1) การเปดิ เสรีการลงทุน 2) การสง่ เสรมิ และ คมุ้ ครองการลงทุน การเปิดเสรีการลงทุนความตกลง AANZFTA ใชแ้ นวทางการเปดิ เสรที ร่ี ะบเุ ฉพาะสาขา และมาตรการทไี่ มเ่ ปดิ เสรี (Negative List Approach) โดยแตล่ ะประเทศจะมีตารางข้อสงวนหน่งึ ตารางที่ระบุสาขาและมาตรการที่จะสงวนสิทธิ์ในการที่จะให้การปฏิบัติที่ดีกว่าต่อนักลงทุนของ ประเทศตน ทง้ั นี้ ทกุ ประเทศจะตอ้ งจดั ทำตารางขอ้ สงวนใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน 5 ปี นบั จากวนั ท่ีความ ตกลงมผี ลบงั คบั ใช้ การส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน มีพันธกรณีคล้ายคลึงกับพันธกรณีอื่นๆ ที่ไทย ทำกับนานาประเทศ เช่น ประเทศภาคีจะไม่ตั้งเงื่อนไขในการเข้ามาประกอบธุรกิจของนักลงทุน ต่างชาติที่ขัดกับความตกลงว่าด้วยมาตรการการลงทุนที่เกี่ยวกับการค้าในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ประเทศภาคีจะให้การปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน รวมถึงให้ความคุ้มครองและ ความมั่นคงต่อการลงทุนของประเทศภาคีอื่น ประเทศภาคีจะไม่เวนคืนทรัพย์สินของนักลงทุน ต่างชาติหรือออกมาตรการที่เทียบเท่ากับการเวนคืน เว้นแต่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ในลักษณะไม่เลือกปฏิบัติ ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ความร่วมมือทางเศรษฐกจิ ภายใตค้ วามตกลง AANZFTA ครอบคลมุ ความรว่ มมอื ในเรือ่ งที่ ภาคีมีความสนใจร่วมกัน และมีประเทศมาชิกอย่างน้อยสองประเทศ ออสเตรเลียและ/หรือ นิวซีแลนด์เข้าร่วม ทั้งนี้ แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แบ่งออกเป็น 8 ด้าน ได้แก่ กฎวา่ ด้วยถ่ินกำเนดิ สินคา้ มาตรการสขุ อนามัยและสุขอนามยั พืช มาตรฐานกฎระเบียบทางเทคนคิ
AEC FACT BOOK 73 กระบวนการตรวจสอบและรับรอง การค้าบริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา การมีส่วนร่วม ในสาขาตา่ งๆ และศลุ กากร นอกจากนั้น ประเทศภาคีจะต้องจัดทำแผนงานรายปี เป็นระยะ 5 ปี นับจากวันที่ความ ตกลงมีผลบังคับใช้โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในความร่วมมือดังกล่าวประมาณ 20-25 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ทั้งนี้ โครงการที่จะเสนอภายใต้ ECWP มีหลักเกณฑ์จะต้องสนับสนุน (Strategic Approach) (1) การดำเนินงานภายใต้ AANZFTA (Operationalisation) (2) พันธกรณีภายใต้ความตกลง (Built-in Agenda) และ (3) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (Economic Interation) ต่อมาภายหลังที่ประชุม SEOM 2/42 เมือเดือนมีนาคม 2554 ไดเ้ ห็นชอบให้เพ่ิมเรื่อง “ Business Utilisation ” เขา้ ไปในหลักเกณฑด์ ้วย กลไกระงับขอ้ พพิ าท ความตกลง ANNZFTA ประกอบด้วยบทบัญญัติเบื้องต้น บทบัญญัติว่าด้วยการปรึกษา หารอื บทบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการวนิ จิ ฉยั บทบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการปฏบิ ตั ติ าม และบทบญั ญตั สิ ดุ ทา้ ย เมอ่ื เกดิ ข้อพิพาทภายใต้ความตกลงฯ ประเทศภาคีผู้ฟ้องร้องสามารถเลือกได้ว่าจะใช้กลไกระงับข้อพิพาท ของกรอบใด นอกจากนั้น ประเทศภาคีแต่ละประเทศจะต้องกำหนดจุดติดต่อสำหรับการปรึกษา หารอื และการระงบั ข้อพพิ าทภายใต้ความตกลง AANZFTA ดว้ ย ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับ ความตกลง AANZFTA สร้างโอกาสที่ดีให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซแี ลนด์ ทำใหผ้ ูผ้ ลติ และผปู้ ระกอบการสามารถเข้าถงึ ตลาดในภมู ิภาคได้มากขนึ้ และยังเป็น การส่งเสริมการประหยัดการขนาดในการผลิต (Economies of scale) เพิ่มโอกาสในการสร้าง เครอื ข่ายและความรว่ มมือระหวา่ งภมู ภิ าค ตลอดจนสรา้ งสภาพแวดล้อมทางธรุ กจิ ทม่ี คี วามแน่นอน โปรง่ ใส่ และสรา้ งความม่ันใจวา่ กจิ กรรมทางการคา้ จะไมถ่ ูกกดี กันดว้ ยอุปสรรคตา่ งๆ
74 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) การค้าสินค้า คำถาม ? อาเซียนดำเนินการอะไรบ้างเพื่อส่งเสริมการค้าภายในอาเซียน เมื่ออัตราภาษี ศุลกากรสำหรบั การคา้ ในอาเซยี นได้ถกู ยกเลกิ ไปเกือบหมดแล้ว คำตอ บ อาเซยี นไดท้ ยอยยกเลกิ อตั ราภาษศี ลุ กากรสำหรบั การคา้ ในอาเซยี นมาตามลำดบั ตง้ั แตป่ ี 2536 เมอ่ื เรม่ิ บงั คบั ใชค้ วามตกลง CEPT (หรอื เรยี กวา่ AFTA) โดยสมาชกิ อาเซยี น 6 ประเทศได้บรรลุเป้าหมายของเขตการค้าเสรีอาเซียน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 อัตราภาษีศลุ กากรภายในอาเซียนเฉลย่ี สำหรบั ประเทศอาเซียนเดิม 6 ประเทศ (บรไู นฯ อนิ โดนีเซีย มาเลเซีย ฟลิ ปิ ปินส์ สิงคโปร์ และไทย) ลดลงจากร้อยละ 12.76 ในปี 2536 เป็นร้อยละ 0.05 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 อัตราภาษีศุลกากรภายในอาเซียนเฉลี่ย ของประเทศอาเซยี น 10 ประเทศในปี 2543 ซง่ึ เปน็ ปที อ่ี าเซยี น 10 ประเทศเรม่ิ ดำเนนิ การ ลดภาษตี ามความตกลง CEPT อยทู่ ี่ร้อยละ 4.43 และได้ลดลงเหลอื รอ้ ยละ 1.06 ในปี 2553 ทง้ั น้ี ไมไ่ ดห้ มายความว่า ความพยายามของอาเซียนในการส่งเสริมการคา้ ภายใน อาเซยี นไดเ้ สรจ็ สน้ิ แลว้ ในขณะทก่ี ารดำเนนิ การยกเลกิ ภาษศี ลุ กากรเกอื บบรรลเุ ปา้ หมาย แล้ว อาเซียนได้ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีในการนำเข้าสินค้าเกษตร อาหารแปรรปู และสนิ คา้ อตุ สาหกรรม รวมถงึ การปรบั ปรงุ พธิ กี ารทางศลุ กากรใหท้ นั สมยั เพอ่ื ใหก้ ารตรวจปล่อยสนิ ค้าเรว็ ขึน้ คำถาม ? ความตกลงการคา้ สินคา้ ของอาเซยี น (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) คืออะไร และเกย่ี วข้องกบั เขตการค้าเสรอี าเซยี น (AFTA) อย่างไร คำตอ บ ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ไม่เพียงแต่ความตกลงดังกล่าวจะนำมาใช้แทนที่ความตกลงว่าด้วย อตั ราภาษพี เิ ศษทเ่ี ท่ากนั สำหรับเขตการคา้ เสรีอาเซียน (Agreement on the Common Effective Preferential Tariff Scheme for the ASEAN Free Trade Area:
AEC FACT BOOK 75 CEPT-AFTA) แต่ยังเป็นความตกลงที่มีขอบเขตครอบคลุมกว้างขวางกว่าความตกลงเดิม โดยมีขอบเขตครอบคลุมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้า ศุลกากร มาตรการ สุขอนามยั และสขุ อนามัยพชื และอปุ สรรคทางเทคนิคตอ่ การค้า ATIGA จึงเป็นความตกลงที่รวมประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าไว้ภายใน ฉบับเดียว ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเอกสารอ้างอิงสำหรับทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้า สินคา้ ของอาเซยี น นอกจากน้ี เอกสารแนบท้าย ATIGA ยงั แสดงรายละเอียดตารางการลด/ยกเลิก ภาษขี องประเทศอาเซยี นแตล่ ะประเทศในแตล่ ะปจี นถงึ ปี 2558 เปน็ การเพม่ิ ความโปรง่ ใส ช่วยให้ภาคธุรกจิ สามารถตดั สนิ ใจด้านการลงทนุ ด้วยความแนน่ อนมากขน้ึ คำถาม ? จากการทอ่ี าเซยี นไดว้ างใหต้ วั เองเปน็ ประตกู ารคา้ (gateway) ไปยงั ภมู ภิ าคเอเชยี มาตรการการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียนจะช่วยให้ อาเซียนบรรลุเปา้ หมายดังกล่าวได้อยา่ งไร คำตอ บ การวางตำแหน่งให้อาเซียนเป็นประตูการค้า (gateway) ไปยังเอเชีย หมายถึง การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในอาเซียนเพื่อส่งออกไปยัง ประเทศอื่นในภูมิภาค การดำเนินงานด้านการเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกทาง การคา้ ทอ่ี าเซยี นดำเนินการอยู่ ช่วยให้บรรลเุ ป้าหมายดังกลา่ วไดห้ ลายทาง เริม่ ต้นจากทธ่ี รุ กิจการผลติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยสี งู จำเป็น ต้องใช้วัตถุดิบชิ้นส่วนและส่วนประกอบที่จัดหามาจากในและนอกอาเซียน การเปิดเสรี และการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียนจะทำให้ต้นทุนในการเคลื่อนย้าย วัตถดุ ิบชน้ิ สว่ นและสว่ นประกอบของธุรกิจลดลงและใช้เวลาน้อยลง นอกจากน้ี ยงั ทำให้ อาเซียนเป็นฐานการผลิตที่น่าสนใจมากขึ้น และช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศใน อตุ สาหกรรมการผลติ การดำเนนิ งานดา้ นกฎวา่ ดว้ ยถน่ิ กำเนดิ สนิ คา้ (ROO) ของอาเซยี น มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพื่อส่งเสริมการจัดหาชิ้นส่วนและส่วนประกอบภายในภูมิภาค และทำให้เกิดการสร้าง เครือข่ายการผลิตในอาเซียน นอกเหนือจากเกณฑ์สัดส่วนมูลค่าการผลิตในภูมิภาค
76 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) (Regional Value Content: RVC) ร้อยละ 40 ที่อาเซยี นใช้มายาวนานแล้ว อาเซยี นยัง ไดน้ ำเกณฑท์ างเลอื กอน่ื ๆ ในการไดถ้ น่ิ กำเนดิ สนิ คา้ ของอาเซยี นมาใช้ เชน่ สดั สว่ นวตั ถดุ บิ นำเข้าตามเกณฑ์การเปลี่ยนพิกัด (CTC : Change in Tarff Classification) หรือ กฎเฉพาะรายสินค้า (PSRs : Product Specifie Rules) ทำให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ เกณฑ์ต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมกัน (co-equal) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของตนจะได้รับ สทิ ธปิ ระโยชน์ทางภาษใี นอาเซยี น ความคิดริเริม่ ดา้ นมาตรฐานและการรบั รองในอาเซียน คำถาม ? ทำไมการปรับประสานมาตรฐานจึงเปน็ เรอ่ื งท่มี ีความสำคญั ในอาเซยี น คำตอ บ มาตรฐานมบี ทบาทสำคญั ในการทำใหม้ น่ั ใจวา่ สนิ คา้ มคี วามปลอดภยั และมคี วาม เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของสินค้านั้น ความแตกต่างของมาตรฐานสินค้าของแต่ละ ประเทศอาเซียนสามารถเป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า อาเซียนจึงได้จัดการกับ อุปสรรคดังกล่าว โดยการปรับประสานมาตรฐานของประเทศอาเซียนให้สอดคล้องกับ มาตรฐานสากล มาตรฐานท่ีปรบั ประสานแลว้ ในอาเซยี น หมายถึง สมาชกิ อาเซยี นได้มี การปรบั มาตรฐานภายในประเทศให้สอดคล้องเปน็ มาตรฐานเดียวกันในอาเซียน สนิ ค้าที่ มีมาตรฐานเดียวกันของอาเซียนแล้ว เมื่อต้องการนำสินค้ามาวางจำหน่วยในประเทศ อาเซยี นใดกต็ าม กท็ ำใหเ้ กดิ ความมน่ั ใจในคณุ ภาพและความปลอดภยั ของสนิ คา้ ได้ ดงั นน้ั มาตรฐานที่ปรับประสานแล้วจึงมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกทางการค้าใน อาเซยี น คำถาม ? ขอ้ ตกลงการยอมรับรว่ ม (Mutual Recognition Arrangement: MRA) ในการ ประเมินความสอดคล้องในอาเซียน คืออะไร คำตอ บ ขอ้ ตกลงการยอมรบั รว่ ม (MRA) คอื ความตกลงระหวา่ ง 2 ประเทศ หรอื มากกวา่ ในการยอมรับรว่ มในผลการประเมินความสอดคล้องบางสว่ น หรือท้งั หมด ของแต่ละฝ่าย ดังนั้น การมี MRA ในการประเมินความสอดคล้องในอาเซียนจะช่วยลดความจำเป็นใน
AEC FACT BOOK 77 การนำสินค้าไปผ่านการทดสอบซ้ำกันหลายครั้ง เพื่อให้สามารถนำมาจำหน่ายหรือใช้ใน ประเทศอาเซียนต่างๆ ด้วยเหตุนี้สินค้าใดที่มีข้อตกลง MRA แล้ว จะช่วยลดต้นทุนทาง ธุรกิจในการรายงานผลการทดสอบและเพิ่มความแน่นอนในการเข้าตลาดของสินค้า ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังเกิดความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ผ่านการทดสอบโดย สอดคลอ้ งตามข้อกำหนดใน MRA แล้ว การคา้ บริการ คำถาม ? อาเซียนดำเนนิ งานในสาขาบริการอะไรบา้ ง เพอื่ ไปสกู่ ารรวมกลุ่มของอาเซยี น คำตอ บ อาเซียนอยู่ระหว่างดำเนินการลดอุปสรรคในการค้าบริการและการให้บริการ อย่างก้าวหน้า ภายในปี 2558 อาเซียนคาดหวังว่าจะบรรลุเป้าหมายการเปิดเสรีการค้า บริการอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจบริการสำคัญหลายสาขาในอาเซียนสามารถให้ บรกิ ารได้ ทั้งในรูปแบบการให้บรกิ ารขา้ มพรมแดน หรือ โดยการเข้าไปตั้งธุรกจิ บรกิ ารใน ประเทศอาเซียนอื่นเพื่อให้บริการในประเทศนั้น นอกจากนี้ อาเซียนยังอยู่ระหว่าง ดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายบุคลากรวิชาชีพของประเทศอาเซียน ใหส้ ามารถเขา้ ไปใหบ้ รกิ ารในประเทศอาเซยี นอน่ื ได้ โดยการจดั ทำขอ้ ตกลงการยอมรบั รว่ ม (MRA : Mutual Recognition Arrangements) ในสาขาวิชาชพี ตา่ งๆ คำถาม ? อาเซยี นดำเนินการดา้ นการเปดิ เสรีการคา้ บริการอยา่ งไร และ ณ ปัจจุบัน ได้เปิด เสรไี ปมากน้อยแค่ไหน คำตอ บ การเปิดเสรีการค้าบริการในอาเซียนดำเนินการผ่านการเจรจาเป็นรอบๆ โดยใน แต่ละรอบจะทำให้มีจำนวนสาขาบริการที่เปิดเสรีมากขึ้นและมีข้อจำกัดในการให้บริการ ข้ามพรมแดนลดลง ณ ปัจจุบัน อาเซียนอยู่ระหว่างการเจรจารอบที่ 6 ซึ่งจะทำให้ได้ ขอ้ ผกู พนั การเปดิ ตลาดการคา้ บรกิ ารชดุ ท่ี 8 อาเซยี นคาดหวงั วา่ จะสามารถบรรลเุ ปา้ หมาย การเปิดเสรีอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อไปสู่การเคลื่อนย้ายบริการอย่างเสรี ภายในปี 2558 ตามทรี่ ะบไุ วใ้ นแผนงานการจดั ต้งั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น
78 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) คำถาม ? สาขาบริการมีความสำคญั ต่ออาเซียนอย่างไร คำตอ บ สาขาบริการเป็นองค์ประกอบสำคัญในเศรษฐกิจของอาเซียน คิดเป็นสัดส่วน ระหวา่ งรอ้ ยละ 40-70 ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมประชาชาติ ในแงก่ ารคา้ บรกิ าร ของอาเซยี น คดิ เปน็ สดั สว่ นรอ้ ยละ 5 ของการคา้ บรกิ ารของโลก หรอื มมี ลู คา่ 3.43 แสนลา้ นเหรยี ญสหรฐั ในปี 2552 นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสาขาบริการยังมีสัดส่วน มากกว่าร้อยละ 50 ของการลงทนุ โดยตรงจากตา่ งประเทศในอาเซียน คำถาม ? ทำไมรฐั บาลของประเทศอาเซยี นจงึ ควรเปดิ ใหม้ กี ารแขง่ ขนั จากตา่ งชาตใิ นตลาด การคา้ บรกิ าร คำตอ บ ดว้ ยการเปิดตลาดการคา้ บริการทำใหม้ กี ารแข่งขนั จากต่างชาติ ประเทศอาเซียน (เช่นเดียวกับประเทศอื่นในโลกทีอ่ ยู่ระหว่างดำเนินการเปิดเสรี) คาดหวงั ใหม้ ีการแข่งขัน ในตลาดการค้าบริการภายในประเทศ และทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีปริมาณและ คุณภาพการให้บริการเพิ่มขึ้นในสาขาบริการต่างๆ โดยเฉพาะสาขาบริการที่เป็นปัจจัย การผลิตให้แก่ทุกสาขาทั้งสินค้าและบริการ ได้แก่ สาขาการเงิน โทรคมนาคม และ การขนส่ง นอกจากนี้ การเปิดเสรียังเป็นการเพิ่มความโปร่งใสและการคาดการณ์ได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น และสนับสนุนการพัฒนา เศรษฐกิจในภมู ภิ าค การลงทุน คำถาม ? อาเซียนมีขั้นตอนในดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ น่าสนใจในการลงทนุ มากข้ึน คำตอ บ อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตรและกำลังขยายตัว อัตราการขยายตัวทาง เศรษฐกจิ ของอาเซียนในปี 2553 คาดวา่ จะมากกวา่ ร้อยละ 6 ทำให้อาเซยี นเป็นหนงึ่ ใน ภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุดในโลก ประชากรโดยรวมของอาเซียนที่มีเกือบ 600
AEC FACT BOOK 79 ล้านคนเป็นจุดดึงดูดความสนใจของนักลงทุนและนักธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ด้วยความ ไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมในโลก อาเซียนได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้เป็น ภูมิภาคทน่ี ่าสนใจในการลงทุนมากขนึ้ มาตรการดังกล่าว ครอบคลมุ การทบทวนความตกลงดา้ นการลงทุน 2 ฉบับ คือ ความตกลงอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและการคุ้มครองการลงทุน ปี ค.ศ.1998 (หรือทเ่ี รียกว่า ASEAN Investment Guarantee Agreement: ASEAN IGA) และกรอบ ความตกลงว่าด้วยเขตการลงทุนอาเซียน ปี ค.ศ.1998 หรือ AIA Agreement รวมถงึ พธิ ีสารต่างๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง และต่อมาความตกลงทงั้ สองฉบับได้ถูกนำมารวมกนั เปน็ ความตกลงเดยี ว เรยี กวา่ ความตกลงดา้ นการลงทนุ อยา่ งเตม็ รปู แบบของอาเซยี น (ASEAN Comprehensive Investment Agreement: ACIA) ซ่งึ ได้สรปุ ผลการจดั ทำในปี 2551 และไดล้ งนามในเดอื นกมุ ภาพันธ์ 2552 ภายใต้ ACIA อาเซียนจะเริม่ ดำเนินการทบทวน และลดข้อจำกัดการลงทุนที่มีอยู่ ประยุกต์ใช้แนวทางปฏิบัติที่ดี และเสริมสร้างกิจกรรม สง่ เสริมการลงทุน นอกจากนี้ อาเซียนยังสามารถสรุปผลการจัดทำความตกลงด้านการลงทุนกับ ประเทศคู่เจรจาต่างๆ ได้แก่ จีน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ปัจจุบัน อาเซียนอยรู่ ะหวา่ งเจรจาความตกลงดา้ นการลงทนุ กบั อนิ เดียและญ่ปี ุ่น นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายในปี 2558 นำไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ยังช่วยเสริมสร้างให้ อาเซียนเป็นภมู ภิ าคท่นี ่าเขา้ มาลงทุนในอนั ดบั ต้นๆ คำถาม ? อาเซียนวางตำแหนง่ ตนเอง ณ จุดใด ในแงก่ ารลงทุนจากต่างประเทศและแหลง่ การลงทุนที่เขา้ มายงั อาเซียน คำตอ บ อาเซียนสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามายังอาเซียนได้มาก เนอ่ื งจากเศรษฐกจิ ของอาเซยี นทม่ี พี ลวตั รและมกี ารขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ ในชว่ งทศวรรษ ที่ผ่านมาการลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามายังอาเซียนมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ต่อ การลงทุนจากต่างประเทศในประเทศกำลังพัฒนา และมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 4 ต่อ การลงทุนจากตา่ งประเทศในโลก นักลงทุนต่างชาตสิ ำคัญในอาเซียน ไดแ้ ก่ สหภาพยุโรป
80 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) ญีป่ นุ่ และสหรฐั ฯ ในขณะที่ นักลงทนุ อาเซียนเองยงั เป็นแหลง่ การลงทนุ จากตา่ งประเทศ ในอาเซียนที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของการลงทุนจาก ตา่ งประเทศในอาเซยี นในช่วงปีที่ผา่ นมา คำถาม ? อะไรเป็นความทา้ ทายของอาเซยี น ในแง่การรักษาสถานะการเป็นฐานการลงทุน สำคัญอันดบั ต้นๆ คำตอ บ ทา่ มกลางภาวะเศรษฐกจิ ทไ่ี มแ่ นน่ อนอาเซยี นตอ้ งเผชญิ กบั การแขง่ ขนั กบั ภมู ภิ าค อื่นในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่มีจำกัดลง นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของกลุ่ม BRICs (บราซิล รสั เซีย อนิ เดยี และจีน) ยงั สามารถเบี่ยงเบนการเปน็ ศนู ยก์ ลางการลงทุน ไปยังกลุ่มดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ นโยบายการลงทุนของอาเซียนจึงจำเป็นต้องเป็นเชิงรุก มากขน้ึ เพอ่ื ดึงดดู การลงทนุ จากตา่ งประเทศใหเ้ ข้ามายงั อาเซยี น อาเซียนจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างภายในอาเซียนต่อไป เพื่อดึงดูด การลงทนุ จากตา่ งประเทศทส่ี รา้ งมลู ค่าเพมิ่ ได้สูงข้ึน เชน่ การลงทุนในอุตสาหกรรมที่ตอ้ ง ใชเ้ ทคโนโลยสี งู รวมถงึ เทคโนโลยสี เี ขียว (green technologies) เปน็ ต้น การปฏบิ ตั ติ ามพนั ธกรณเี พอ่ื ไปสปู่ ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น โดยสรา้ งใหอ้ าเซยี น เป็นตลาดเดียวอย่างบูรณาการ เป็นเรื่องที่ประเทศอาเซียนต้องยืนยันจะดำเนินการให้ บรรลเุ ปา้ หมายดงั กลา่ ว เพอ่ื เปน็ แรงผลกั ดนั ใหก้ ารลงทนุ จากตา่ งประเทศเขา้ มายงั อาเซยี น เพ่ิมขึ้น เกษตร อุตสาหกรรม และทรัพยากรธรรมชาติ คำถาม ? อาเซียนดำเนินการอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของความมั่นคงด้านอาหาร ในอาเซียน คำตอ บ ความมั่นคงด้านอาหารเป็นประเด็นที่อาเซียนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกมา โดยตลอด โดยผู้นำอาเซียนได้ให้การรับรองกรอบแผนงานบูรณาการความมั่นคงด้าน
AEC FACT BOOK 81 อาหารของอาเซียน (ASEAN Integrated Food Security: AIFS) และแผนกลยุทธค์ วาม มนั่ คงด้านอาหารของอาเซียน (Strategic Plan of Action on ASEAN Food Security: SPA-FS) ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและ ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซียน ทั้งนี้ เปา้ หมายของ AIFS และ SPA-FA คือ เพ่อื สร้างความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาวและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรใน ภมู ภิ าคอยา่ งยง่ั ยนื โดยความมน่ั คงดา้ นอาหารจะเกดิ ขน้ึ เมอ่ื ประชาชนทกุ คน (ในทกุ เวลา) สามารถเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ปลอดภัย (ในเชิงกายภาพและเศรษฐศาสตร์) และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถตอบสนองต่อความต้องการของร่างกายและความ พงึ พอใจในอาหาร เพอ่ื ใหม้ ชี วี ติ ทแ่ี ขง็ แรงและกระฉบั กระเฉง ซง่ึ อาเซยี นจะบรรลเุ ปา้ หมาย ดังกล่าวได้โดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของนโยบายและความริเริ่มเรื่องความมั่นคง ด้านอาหารของประเทศและการสำรองอาหารของภูมิภาค การส่งเสริมตลาดและการค้า อาหาร การเสริมสร้างระบบข้อมลู สารสนเทศด้านความความมัน่ งคงด้านอาหารเพอื่ เปน็ ฐานขอ้ มลู ในการตดั สนิ ใจและการกำหนดนโยบายระดบั ประเทศและภมู ภิ าค การสง่ เสรมิ นวตั กรรมด้านการเกษตร การลงทุนเพิม่ ขึน้ เพือ่ ไปสปู่ ระสิทธิภาพการผลติ ทส่ี ูงขน้ึ ความ เป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน และการจัดการกับประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่และ เกี่ยวขอ้ งโดยตรงกับความมนั่ คงดา้ นอาหาร อาทิ การพฒั นาพลังงานชีวภาพ การปรบั ตวั และการบรรเทาผลกระทบจากการเปลยี่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ คำถาม ? อาเซียนจัดการกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในแง่ ความมนั่ คงด้านอาหารอย่างไร คำตอ บ ดว้ ยความกงั วลทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ตอ่ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ (เชน่ ภูมิอากาศที่รุนแรง ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การเกิดขึ้นและการกลับมาเกิดใหม่ของโรคร้ายแรงต่างๆ ฯลฯ) อาเซียนอยู่ระหว่างการ พัฒนาความริเริ่มว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Climate Change Initiative: ACCI) ในสาขาเกษตรและป่าไม้ อาเซยี นได้จัดทำกรอบแผนงานแก้ไขปัญหา ที่เกิดจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในสาขาเกษตรและป่าไม้ [ASEAN Multi-Sectoral Framework on Climate Change (AFCC): Agriculture and Forestry towards Food Security (AFCC)] มาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งคาดว่าการ
82 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) ดำเนินงานตาม AFCC โดยความร่วมมือและการประสานงานระหว่างสาขาเกษตร ปา่ ไม้ ส่ิงแวดลอ้ ม พลงั งาน และสาธารณสขุ จะทำให้เกดิ ความม่ันคงดา้ นอาหาร จากการใช้ที่ ดินและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยการลดผลกระทบและปัจจัยที่จะนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ด้วยการ เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ และการติดต่อสื่อสารใน ภมู ภิ าค รวมทั้งการสรา้ งเครอื ขา่ ยดา้ นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความม่ันคง ดา้ นอาหาร การรวบรวม การพัฒนาและการดำเนนิ การตามมาตรการบรรเทาผลกระทบ และการปรับตัว การบูรณาการยุทธศาสตร์ในการบรรเทาผลกระทบและการปรับตัวเข้า กบั การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศเขา้ ไวใ้ นแผนนโยบายการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม และการพฒั นากรอบยทุ ธศาสตรใ์ นหลายสาขาทค่ี รอบคลมุ มากขน้ึ และแผนการดำเนนิ งาน รวมถึงการนำ AFCC มารวมไว้ใน ACCI ในภาพรวม นอกเหนือจากที่ AFCC จะเป็น ความร่วมมือในหลายสาขาแล้ว AFCC ยังเป็นเวทีระดับภูมิภาคที่ทำให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน (เช่น ภาคเอกชน องค์กรด้านสังคม เกษตรกร ฯลฯ) สามารถ เขา้ มามสี ่วนร่วมในการดำเนินงานตามกรอบงานดงั กล่าวด้วย คำถาม ? จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสินค้าปศุสัตว์ อาเซียนดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ มน่ั ใจวา่ สนิ คา้ ดงั กลา่ วมคี วามปลอดภยั และมกี ารควบคมุ โรคในสตั วท์ ส่ี ามารถแพรร่ ะบาด ข้ามพรมแดนได้ โดยเฉพาะโรคที่สามารถติดต่อจากสัตว์ไปสู่คน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อ สุขภาพของสาธารณชน คำตอ บ ในขณะที่มีการขยายการพัฒนาในสาขาปศุสัตว์ อาเซียนได้ดำเนินการเพื่อให้ มั่นใจว่าสินค้าดังกล่าวมีคุณภาพและความปลอดภัย โดยการปรับปรุงสุขภาพสัตว์และ การควบคุมป้องกันโรคสัตว์ให้ดีขึ้น รวมทั้งการกำจัดโรคสัตว์ที่ติดต่อข้ามพรมแดน โดยเฉพาะโรคทต่ี ดิ ตอ่ จากสตั วไ์ ปสคู่ นได้ ในการดำเนนิ การดงั กลา่ ว อาเซยี นไดใ้ ชแ้ นวทาง ทีม่ คี วามเก่ียวขอ้ งกัน 4 ดา้ น ดงั นี้ (1) เสริมสร้างศักยภาพของการให้บริการด้านสุขภาพสัตว์ของประเทศ โดยใช้ หลักธรรมาภิบาลท่ีดดี ้วยการสนับสนนุ ด้านองค์กรและกฎหมาย
AEC FACT BOOK 83 (2) เสรมิ สรา้ งการประสานงานในภมู ภิ าคดา้ นสขุ ภาพสตั วแ์ ละโรคตดิ ตอ่ จากสตั ว์ สู่คน (3) เสรมิ สรา้ งความรว่ มมอื หลายสาขาในเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สขุ ภาพโดยสอดคลอ้ ง กับแนวคิด “One World, One Health” และ (4) ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับองค์กรเพื่อการพัฒนาและ องคก์ รผู้บรจิ าค ทั้งนี้ อาเซียนเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลรักษาสัตว์ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ และมกี ารควบคุมโรคท่ีแหล่งผลติ นอกจากน้ี การเรยี นรจู้ ากประสบการณใ์ นอดีต ทำให้ อาเซยี นไดม้ กี ารพฒั นาและดำเนนิ งานตามแผนงานในการควบคมุ และการกำจดั โรคตดิ ตอ่ จากสัตว์สู่คน เช่น การติดเชื้อในสัตว์ปีกชนิดที่มีอาการรุนแรงมากมีอัตราการตายสูง (highly pathogenic avian influenza) และโรคพิษสนุ ขั บ้า (rabies) เป็นต้น นโยบายการแข่งขนั ทางการคา้ คำถาม ? ประเทศสมาชิกอาเซียนใดบ้างที่มีกฎหมายการแข่งขันและหน่วยงานที่กำกับ ดแู ลภายในประเทศแลว้ คำตอ บ ณ ปัจจบุ ัน อนิ โดนเี ซีย สงิ คโปร์ ไทย และเวียดนาม มกี ฎหมายและหนว่ ยงาน กำกบั ดแู ลดา้ นการแขง่ ขันทางการคา้ ภายในประเทศแลว้ สว่ นกมั พชู า และฟิลปิ ปินส์อยู่ ระหวา่ งกระบวนการยกรา่ งกฎหมายดงั กลา่ ว ขณะท่ี ประเทศทเ่ี หลอื คอื บรไู นฯ สปป.ลาว และพม่า อยู่ในขั้นตอนเบื้องต้นในการพัฒนากฎหมายและนโยบายการแข่งขันของ ประเทศ และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ร่างกฎหมายการแข่งขันของมาเลเซียได้ผ่าน ความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอความเหน็ ชอบจากพระมหากษัตริย์ เพอ่ื ออกเป็นกฎหมายต่อไป
84 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) คำถาม ? องคก์ รรายสาขาของอาเซียนใดท่ีรับผิดชอบด้านนโยบายการแขง่ ขัน และองค์กร ดังกล่าวให้ความสำคัญในการดำเนนิ กจิ กรรมใดบ้าง คำตอ บ ในเดอื นสิงหาคม 2550 รฐั มนตรีเศรษฐกจิ อาเซียนได้ใหค้ วามเห็นชอบการจดั ต้งั คณะผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการแขง่ ขนั ของอาเซยี น (ASEAN Expert Group on Competition: AEGC) เพื่อให้เป็นเวทีระดับภูมิภาคในการหารือและร่วมมือกันในด้านนโยบายและ กฎหมายการแขง่ ขนั คณะผเู้ ชย่ี วชาญฯ (AEGC)ไดป้ ระชมุ ครง้ั แรกในปี 2551 โดยทป่ี ระชมุ เห็นชอบแผนการดำเนินงานของ AEGC ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะให้ความสำคัญเรื่อง การสรา้ งศกั ยภาพของนโยบายและแนวทางปฏบิ ตั ิทดี่ ีในรื่องทเ่ี กย่ี วข้องกบั การแขง่ ขันใน ประเทศสมาชิกอาเซียน การพัฒนาแนวทางร่วมของภูมิภาคอาเซียนด้านนโยบายการ แขง่ ขัน (ASEAN Regional Guideline on Competition Policy) และการจัดทำค่มู อื ด้านกฎหมายและนโยบายการแข่งขันในอาเซียนสำหรับธุรกิจ (Handbook on Competition Policy and Law in ASEAN for Business) ซึ่งทั้งแนวทางและคู่มือ (Guideline และ Handbook) เป็นหัวข้อสำคัญภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2553 คำถาม ? ความทา้ ทายในประเดน็ นโยบายและกฎหมายการแขง่ ขนั (Competition Policy and Law: CPL) ในอาเซยี น เมอ่ื มองไปถึงปี 2558 และในอนาคตขา้ งหนา้ มีอะไรบ้าง คำตอ บ อาเซียนมีความท้าทายในประเด็นนโยบายและกฎหมายการแข่งขัน ดังนี้ (1) แนวทางที่มีประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้มีระดับการแข่งขันขั้นต่ำ อย่างกว้างขวางในประเทศสมาชิกอาเซียน ในขณะที่ประเทศสมาชิกยังมีความแตกต่าง ของศักยภาพในการดำเนินงานตามกฎหมายและนโยบายการแข่งขัน (2) การกำหนด และการรับรององค์ประกอบที่เหมือนกันในการพัฒนา CPL ระหว่างประเทศสมาชิก อาเซยี น และ (3) การออกแบบกลไกของความรว่ มมือระหวา่ งหนว่ ยงานท่ีกำกับดแู ลด้าน การแขง่ ขันในอาเซยี น
AEC FACT BOOK 85 การคมุ้ ครองผู้บริโภค คำถาม ? ประเทศสมาชิกอาเซียนใดบ้างที่มีกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ แลว้ คำตอ บ ณ ปจั จุบนั สมาชกิ อาเซยี น 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซยี มาเลเซีย ฟลิ ปิ ปินส์ สงิ คโปร์ ไทย และเวยี ดนาม มกี ฎหมายการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคแลว้ สว่ นประเทศอาเซยี นอน่ื ได้แก่ บรูไนฯ กัมพูชา ลาว และพม่า ยังไม่มีกฎหมายดังกล่าว โดยประเทศเหล่านี้ (ยกเว้นพม่า) อยู่ระหว่างกระบวนการยกร่างกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้บรรลุวัตถุ ประสงค์ของการคุ้มครองผู้บริโภคในอาเซียน ประเทศดังกล่าวมีการบังคับใช้กฎหมาย ด้านการคมุ้ ครองผ้บู ริโภคอยหู่ ลายฉบับแยกกนั ไปในหลายสาขาอตุ สาหกรรม คำถาม ? องคก์ รรายสาขาของอาเซยี นใดทร่ี บั ผดิ ชอบดา้ นการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค และองคก์ ร ดงั กล่าวใหค้ วามสำคญั ในการดำเนนิ กิจกรรมใดบา้ ง คำตอ บ การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นความร่วมมือสาขาใหม่ในอาเซียน ตามที่ระบุไว้ใน แผนงานการจัดต้ังประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น (AEC Blueprint) อาเซยี นไดจ้ ดั ตั้งคณะ กรรมการประสานงานอาเซียนด้านการคุ้มครองผู้บริโภค (ASEAN Coordinating Committee on Consumer Protection) เมอ่ื เดอื นสงิ หาคม 2550 และตอ่ มาไดเ้ ปลย่ี น ชื่อเป็น คณะกรรมการอาเซียนด้านการคุ้มครองผู้บริโภค (ASEAN Committee on Consumer Protection: ACCP) โดย ACCP และคณะทำงาน 3 คณะภายใต้ ACCP (ไดแ้ ก่ คณะทำงานดา้ นระบบการแจง้ เตอื นอยา่ งรวดเรว็ และ การแลกเปลย่ี นขอ้ มลู คณะ ทำงานการชดใช้ผู้บริโภคข้ามพรมแดน และคณะทำงานการฝึกอบรม และ การศึกษา) จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานและติดตามความร่วมมือและกลไกใน ระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสรมิ การพัฒนาดา้ นการคุม้ ครองผู้บรโิ ภคในอาเซยี นอยา่ งยั่งยืน เพอ่ื กำหนดทศิ ทางในการดำเนนิ งานตามความคดิ รเิ รม่ิ และพนั ธกรณภี ายใต้ AEC Blueprint คณะกรรมการ ACCP ไดใ้ หก้ ารรบั รองแนวทางยทุ ธศาตรเ์ พอ่ื ไปสกู่ ารคมุ้ ครอง ผู้บริโภค (Strategic Approach towards Consumer Protection) ประกอบด้วย
86 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) มาตรการด้านนโยบาย และรายละเอียดกิจกรรมที่สำคัญลำดับแรก พร้อมกำหนดเวลา การดำเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งครอบคลุมเรื่องการพัฒนา (1) กลไกการร้องเรียนและการ แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ภายในปี 2553 (2) กลไกการชดใชผ้ บู้ รโิ ภคขา้ มพรมแดน ภายในปี 2558 และ (3) แผนยุทธศาสตรใ์ นการพฒั นาศกั ยภาพบุคลากร ภายในปี 2553 คำถาม ? ความท้าทายในประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภคและกฎหมายในอาเซียน เมื่อมอง ไปถึงปี 2558 และในอนาคตข้างหนา้ มีอะไรบา้ ง คำตอ บ อาเซียนจำเป็นต้องระบุสาขาหลักของความต้องการในการพัฒนาศักยภาพ บุคลากรในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญและจัดการ ดำเนนิ การ ขณะเดยี วกนั อาเซยี นยังตอ้ งการความชว่ ยเหลอื ดา้ นเทคนิคและการเงนิ จาก ประเทศคเู่ จรจาและองค์กรระหวา่ งประเทศ ในการพัฒนาและสง่ เสรมิ นโยบาย กฎหมาย และองคก์ รกำกบั ดูแลด้านการคุม้ ครองผ้บู รโิ ภค ประเดน็ ทส่ี ำคญั นอกเหนอื จากความทา้ ทายดงั กลา่ ว คอื กระแสโลกาภวิ ฒั นแ์ ละ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ทำให้เกิดความซับซ้อนและความยากเพิ่มขึ้นในการ จัดการเรื่องการคุ้มครองผู้บรโิ ภค โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เมอ่ื ปริมาณและมูลคา่ การคา้ ภายใน ประเทศและระหว่างประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วใน เทคโนโลยีการตดิ ต่อส่อื สาร การผลติ และพาณิชยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ คณะกรรมการ (ACCP) โดยการสนับสนุนของสำนักเลขาธิการอาเซียน จำเป็น ต้องทำงานอยา่ งใกลช้ ดิ กับประเทศคเู่ จรจา องค์กรระหว่างประเทศ และภาคเอกชนเพือ่ ร่วมมือกันดำเนินกิจกรรมและโครงการร่วมต่างๆ เพื่อพัฒนาและสร้างความหลากหลาย ในความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงศักยภาพของสถาบัน และประสบการณด์ า้ นนโยบาย ในการน้ี บทเรยี นและแนวคดิ ทไ่ี ดร้ บั จากผทู้ เ่ี รม่ิ ดำเนนิ การ ในเรื่องนี้มาก่อน ย่อมเป็นประโยชน์ต่อประเทศสมาชิกอาเซียนในการพิจารณาประเด็น เชิงนโยบาย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการดำเนินงานการบังคับ ใช้กฎหมายและการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ รวมถึงประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องด้าน กฎหมายและการดำเนินงาน
AEC FACT BOOK 87 สิทธิในทรพั ยส์ ินทางปัญญา (Intellectual Property Rights: IPRs) คำถาม ? องค์กรรายสาขาของอาเซียนใดที่รับผิดชอบด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และองค์กรดังกลา่ วให้ความสำคัญในการดำเนินกจิ กรรมใดบ้าง คำตอ บ คณะทำงานอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา (ASEAN Working Group on Intellectual Property: AWGIPC) ทำหน้าที่เป็นองค์กร ประสานงานในการพัฒนาระบบ IP ในอาเซียนและฐานข้อมูล IPRs ร่วมกันในภูมิภาค กิจกรรมความร่วมมือของ AWGIPC ได้แก่ การทำให้ง่ายขึ้น การปรับประสาน การจดทะเบยี น และการคุ้มครองสทิ ธิในทรัพย์สนิ ทางปญํ ญา (IPRs) ในอาเซยี น คณะทำงานฯ (AWGIPC) เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็น เกี่ยวกับการพัฒนา IP ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นหน่วยงานหลักของ อาเซียนในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือด้าน IP กับประเทศคู่เจรจาและองค์กร ระหว่างประเทศ ทง้ั น้ี งานท่คี ณะทำงานฯ (AWGIPC) ตอ้ งดำเนนิ การ จะถกู กำหนดไว้ใน แผนปฏิบตั กิ ารดา้ น IPR ของอาเซียน ปี 2547-2553 แผนงานความรว่ มมือด้านลขิ สทิ ธ์ิ ของอาเซียน ปี 2548 และแผนงานการจัดตง้ั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น ปี 2550 คำถาม ? คณะทำงานฯ (AWGIPC) จะตอ้ งดำเนนิ โครงการและกจิ กรรมความรว่ มมอื ระดบั ภูมิภาคดา้ น IPR อะไรบ้าง (ตามเรอ่ื งทีต่ อ้ งดำเนนิ การใน AEC Blueprint) คำตอ บ ในส่วนของกิจกรรมเพื่อสร้างฐานข้อมูลร่วมกันในภูมิภาคและการสร้างความ เข้าใจในเรื่อง IPRs ตามที่ระบุไว้ใน AEC Blueprint คณะทำงานฯ (AWGIPC) จะตอ้ งดำเนนิ งาน ดงั น้ี (1) การศึกษาเพื่อประเมินผลประโยชน์ที่อาเซียน (ทั้งในระดับประเทศและ ภมู ิภาค) จะไดร้ ับจากอตุ สาหกรรมลิขสทิ ธ์ิในอาเซียน การประชมุ การเขา้ ร่วมเป็นภาคใี น พิธีสารมาดริดในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ และโครงการ นำร่องเกี่ยวกับความร่วมมือในการตรวจสอบสิทธิบัตรของอาเซียน และ “ASEAN IP DIRECT”
88 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) (2) เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ด้านนโยบายในการเข้ารว่ มเปน็ ภาคีในสนธิสญั ญาระหวา่ งประเทศดา้ น IP การทำใหง้ า่ ย ขึ้นและการปรับประสานพิธีการและกฎระเบียบด้าน IP และการติดตามการปฏิบัติตาม พันธกรณขี องประเทศสมาชกิ อาเซียนตามความ ตกลง TPIPS (3) เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เช่น เรื่องความยืดหยุ่นภายใต้ความ ตกลง TRIPS การอนุญาโตตุลาการและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้าน IP พิธีสารมาดริด การบังคับใช้กฎหมายและการจัดการลิขลิทธิ์ และสิทธิที่เกี่ยวข้องในสภาพแวดล้อมแบบ ดิจิตอล โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสมาชิกอาเซียนประมาณ 3,000 คนเข้ารว่ มในโครงการดงั กล่าว คำถาม ? ในอาเซยี น มีความทา้ ทายและโอกาสดา้ น IP มีอะไรบา้ ง คำตอ บ ประเทศสมาชกิ อาเซยี นและสำนกั งานเลขาธกิ ารอาเซยี น (ASEC) มขี อ้ จำกดั ดา้ น จำนวนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้าน IP รวมถึงข้อจำกัดด้าน ศักยภาพขององค์กร ในส่วนของการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร ASEC และประเทศ สมาชิกอาเซียนจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศคู่เจรจาและ ผู้บริจาคอื่น ขณะเดียวกัน อาเซียนได้ใช้ความพยายามในดำเนินงานตามแนวทาง “อาเซียนช่วยอาเซียน” (ASEAN-helps-ASEAN) ในกรณีใดก็ตามที่เป็นไปได้ เช่น การ แลกเปลี่ยนบทเรียนด้านนโยบายที่ได้เรียนรู้และแนวคิดที่ได้รับของประเทศสมาชิก อาเซียนจากการเข้าร่วมเป็นภาคีในสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และการดำเนินกิจกรรม และโครงการทีเ่ กีย่ วขอ้ งดา้ น IPR เป็นตน้ นอกจากนี้ IP และประเดน็ ท่เี กีย่ วขอ้ งกับ IPR ยังมคี วามซบั ซ้อนทางเทคนคิ และ ครอบคลุมสาขาต่างๆกว้างมากขึ้น เช่น เรื่องสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication: GI) ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น (Traditional Knowledge: TK) ทรัพยากรพนั ธกุ รรม (Genetic Resources: GR) และการแสดงออกทางวัฒนธรรมแบบด้งั เดมิ (Traditional Cultural Expression: TCE) อยา่ งไรกต็ าม โครงสรา้ งพนื้ ฐานและความเชีย่ วชาญด้าน IP ในประเทศอาเซียนยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะระหว่างอาเซียน-6 กับ
AEC FACT BOOK 89 อาเซียน-4 ความแตกต่างดังกล่าว มีนัยสำคัญต่อลักษณะและความเข้มข้นของความ รว่ มมอื ในภมู ิภาค รวมถงึ ความชว่ ยเหลอื ด้านเทคนิคที่อาเซยี นต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและการยกระดับจำเป็นต้องมี ความพยายามที่ยั่งยืนทั้งของผู้ให้ความช่วยเหลือและผู้รับในระยะยาว อาเซียนจำเป็น ตอ้ งทำงานอยา่ งใกลช้ ดิ กบั ประเทศคเู่ จรจา องคก์ รระหวา่ งประเทศ และองคก์ รภาคเอกชน เพ่ือจดั ลำดับความสำคญั กจิ กรรมร่วมทที่ กุ ฝ่ายมคี วามสนใจและความกงั วลรว่ มกัน การท่องเทีย่ ว คำถาม ? อาเซยี นดำเนนิ การอยา่ งไรเพอ่ื ใหป้ ระสบความสำเรจ็ ในการสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี ว และการตลาดในภูมิภาค คำตอ บ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการตลาดเป็นวาระสำคัญลำดับแรกของความ รว่ มมอื ดา้ นการทอ่ งเที่ยวของอาเซียน “Visit ASEAN Champaign” เป็นโครงการดา้ น การตลาดหลักของอาเซยี น โดยผ่านการจดั กิจกรรมร่วม และการส่งเสริมร่วมกันระหว่าง ศนู ยส์ ง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วอาเซยี น (ASEAN Promotional Chapter for Tourism: APCT) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากองค์กรด้านการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกอาเซียน ในตลาดนกั ทอ่ งเทยี่ วสำคญั เช่น จนี สาธารณรฐั เกาหลี และออสเตรเลียอาเซียนทำการ ตลาดด้านการท่องเที่ยวตามแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนงานในการรวมกลุ่มสาขาการ ท่องเที่ยว ปี 2547-2553 โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อส่งเสริมให้อาเซียนเป็นจุดหมาย ปลายทางด้านการท่องเที่ยวเดียวกัน มีแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวหลากหลายมีมาตรฐาน ระดับโลก และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชนจากสมาคม การท่องเท่ยี วอาเซียน (ASEAN Tourism Association: ASEANTA) ณ ปจั จบุ นั อาเซยี นมสี โลแกนการทอ่ งเที่ยวใหม่ คอื “Southeast Asia feel the Warmth” และเว็บไซต์การตลาดใหม่ที่ www.southeastasia.org ซึ่งเน้นเรื่องการ ท่องเท่ยี วท่มี หี ลายจดุ หมายปลายทางภายในประเทศสมาชกิ อาเซียน โดยไดเ้ ปดิ ตัวท่ี ITB
90 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) Berlin เมื่อเดือนมีนาคม 2553 และมีการประชาสัมพันธ์ร่วมกับโครงการส่งเสริมการ ทอ่ งเที่ยวของอาเซียนที่มีอยู่ คำถาม ? จากความต้องการในผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น อาเซียน ดำเนินการอย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและศักยภาพของบุคลากรดังกล่าว ในภูมภิ าค คำตอ บ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพการให้บริการด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค รัฐมนตรีด้าน การทอ่ งเทย่ี วอาเซยี นไดส้ รปุ ผลการจดั ทำขอ้ ตกลงการยอมรบั รว่ ม (Mutual Recognition Arrangement: MRA) ในวิชาชีพการท่องเที่ยว เมื่อเดือนมกราคม 2552 โดยมี วัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวใน ภูมิภาค และเพิ่มความเท่าเทียมกันของบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาคโดยการใช้ มาตรฐานสมรรถนะขน้ั ตำ่ (Minimum Competency Standards) สำหรบั การทอ่ งเทย่ี ว เป็นพื้นฐาน MRA จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในคุณสมบัติและผลที่ได้รับจากการ ฝกึ อบรมดา้ นการทอ่ งเทย่ี วซง่ึ จะชว่ ยสง่ เสรมิ การลงทนุ ภายในภมู ภิ าคและการเคลอ่ื นยา้ ย ทรัพยากรมนุษย์ในสาขานี้ ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานตามข้อกำหนดภายใต้ MRA คณะกรรมการกำกับดูแลวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน (ASEAN Tourism Professional Monitoring Committee: ATPMC) ได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อเดือน มถิ ุนายน 2553 คำถาม ? อาเซียนมีพันธกรณีอะไรบ้างในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือ (cruise tourism) ในภมู ภิ าค คำตอ บ สำหรับการท่องเทยี่ วทางเรอื อาเซยี นได้จดั ต้ังคณะทำงานดา้ นการท่องเทย่ี วทาง เรอื ของอาเซียน (ASEAN Cruise Working Group) โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื ปรบั ปรงุ การ อำนวยความสะดวกดา้ นการทอ่ งเทย่ี วทางเรอื ในอาเซยี น ซง่ึ ไดป้ ระชมุ หารอื อยา่ งสมำ่ เสมอ ระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวทางเรือกับคณะทำงานการขนส่งทางน้ำของอาเซียน ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนยืนยันพันธกรณีในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
AEC FACT BOOK 91 ทางเรือและได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพื่อสนับสนุนการค้าและหุ้นส่วน อตุ สาหกรรม อาเซียนได้รวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับท่าเรือ เช่น การดำเนินงาน ของท่าเรือ การให้บริการท่าเรือ พิธีการศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมือง และข้อมูล เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวเพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวในการท่องเที่ยว ทางเรือในอาเซียน เป็นต้น โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ www.cruiseasean.com คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวทางเรือของอาเซียนยังประสบ ความสำเรจ็ ในการสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วทางเรอื ของอาเซยี นในงาน ระหวา่ งประเทศตา่ งๆ เช่น การเปิดตัว ASEAN Cruise Website ที่ Seatrade ในเดือนมีนาคม 2550 ณ เมืองไมอะมี ประเทศสหรัฐอเมริกา และการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางเรือของอาเซียน ในงาน China International Travel Mart ณ เมอื งคนุ หมงิ ประเทศจนี ทผ่ี า่ นมา สถติ กิ าร ท่องเที่ยวทางเรอื ของอาเซยี นแสดงผลนา่ พอใจและมกี ารขยายตัวอยา่ งตอ่ เนื่อง วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (Small and Medium Enterprises: SME) คำถาม ? องค์กรรายสาขาของอาเซียนใดที่รับผิดชอบด้าน SME และองค์กรดังกล่าว ใหค้ วามสำคญั ในการดำเนนิ กจิ กรรมใดบา้ ง คำตอ บ คณะทำงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียน (ASEAN SME Working Group: SMEWG) ถกู จัดต้งั ข้นึ เพ่ือดแู ลภาพรวมการพฒั นาและความรว่ มมือ ด้าน SME ในอาเซียน โดย SMEWG ประกอบดว้ ยผูแ้ ทนจากหน่วยงานทก่ี ำกบั ดูแลด้าน SME ของประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งนี้ SMEWG ได้กำหนดนโยบาย โครงการ และ กจิ กรรมตา่ งๆ และเปน็ เวทหี ารอื และประสานงานความรว่ มมอื ดา้ น SME ระหวา่ งประเทศ สมาชกิ อาเซยี น เพื่อประเมินสถานะของ SME ในประเทศอาเซยี น โดยใช้หลายแนวทาง เช่น การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร การอำนวยความสะดวก และความคิดริเริ่มข้าม พรมแดนเพอ่ื สนบั สนนุ การพฒั นา SME ภายใตก้ ารดำเนนิ งานการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ อาเซยี นไปสกู่ ารจดั ต้ังประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น
92 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) คำถาม ? SMEWG ดำเนนิ โครงการและกิจกรรมความรว่ มมือระดบั ภูมิภาคในสาขา SME อะไรบ้าง (ตามท่ีระบไุ ว้ใน AEC Blueprint) คำตอ บ แนวทางความร่วมมือด้าน SME ระดับภูมิภาค ถูกกำหนดไว้ในแผนนโยบาย สำหรบั การพฒั นา SME ของอาเซยี น ปี 2547-2557 (ASEAN Policy Blueprint for SME Development: APBSD) ต่อมาในปี 2553 อาเซียนได้ให้การรับรองแผนปฏิบัติการ ยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนา SME ของอาเซียน ปี 2553-2558 (Strategic Plan of Action for ASEAN SME Development 2010-2015) ซึ่งเป็นแผนงานต่อเนื่องจาก APBSD และได้รวบรวมมาตรการระดบั ภมู ภิ าคท่เี กี่ยวขอ้ งกับ SME ทั้งหมดไว้ดว้ ย มาตรการด้าน SME ตามท่ีระบุไวใ้ น AEC Blueprint ทส่ี ำคญั 5 ประการ ดังนี้ (1) การจดั ทำหลกั สตู รรว่ มในการฝกึ อบรมผปู้ ระกอบการในอาเซยี น มอี นิ โดนเี ซยี และสิงคโปรเ์ ป็นประเทศผู้นำ (ปี 2551-2552) (2) การจดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ าร SME ทค่ี รอบคลมุ กวา้ งขวางในประเทศสมาชกิ อาเซยี น โดยมีความเชื่อมโยงกันในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค มีไทยและเวียดนามเป็นประเทศ ผู้นำ (ปี 2553-2554) (3) การจัดตั้งสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุน SME ในประเทศสมาชิกอาเซียน มีมาเลเซียและบรูไนฯเปน็ ประเทศผนู้ ำ (ปี 2553-2554) (4) การจดั ทำโครงการระดบั ภมู ภิ าคในการฝกึ อบรมผเู้ ชย่ี วชาญโดยการแลกเปลย่ี น บุคลากรและการศึกษาดูงาน มีพม่าและฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำ (ปี 2555-2556) และ (5) การจดั ตง้ั กองทนุ เพ่ือการพฒั นา SME ระดบั ภูมภิ าค เพื่อใช้เป็นแหลง่ เงินทนุ สนับสนุน SME ในการทำธุรกิจในอาเซียน มี สปป.ลาวและไทยเป็นประเทศผู้นำ (ปี 2557-2558)
AEC FACT BOOK 93 คำถาม ? เมือ่ มองไปถึงปี 2558 และในอนาคตข้างหน้า ความท้าทายในการพฒั นา SME ในอาเซียนมีอะไรบ้าง คำตอ บ SME ยงั คงเปน็ แหลง่ ของการจา้ งงานและการสรา้ งรายไดห้ ลกั ในประเทศอาเซยี น สว่ นใหญ่ ความรเิ รม่ิ และโครงการทป่ี ระเทศอาเซยี นไดด้ ำเนนิ การดา้ น SME เกย่ี วขอ้ งกบั (1) การจัดทำหลักสูตรการฝกึ อบรมร่วมในการฝกึ อบรม SME ในอาเซยี น (2) การกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ดีในการจัดตั้งสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุน SME (3) การจดั ตง้ั ระบบพาณชิ ยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สร์ ะดบั ประเทศและการใชร้ ะบบดงั กลา่ ว ของ SME เพือ่ เสรมิ สร้างประสทิ ธภิ าพและความสามารถในการแข่งขัน ความร่วมมอื ของ อาเซียนในการพัฒนา SME ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2538 ได้รับแรงผลักดันเพิ่มขึ้นจากการ สรา้ งเครอื ขา่ ยการผลิตในโลกและภมู ิภาค อย่างไรก็ตาม การจดั หาเงนิ ทุนเพอ่ื สนบั สนนุ กจิ กรรมต่างๆของ SME ยงั คงเปน็ ความทา้ ทายของอาเซยี นจนถงึ ปจั จบุ นั ความคดิ รเิ รม่ิ ดา้ น SME บางกจิ กรรมยงั ดำเนนิ การ ภายใต้การสนับสนุนของประเทศอาเซียนเอง หรือตามแนวทางอาเซียน-ช่วย-อาเซียน (ASEAN-Help-ASEAN) โดยประเทศสมาชิกอาเซียนต้องจัดหาเงินทุนในการดำเนิน โครงการพฒั นา SME หรือในการส่งผ้แู ทนเขา้ รว่ มในโครงการ ดงั กลา่ ว การมีส่วนรว่ มระหวา่ งภาครัฐและเอกชน (Public-Private Engagement: PPE) คำถาม ? ทำไมการมสี ว่ นร่วมระหวา่ งภาครัฐและเอกชนจงึ มคี วามสำคญั คำตอ บ ด้วยเราอยใู่ นยุคของรฐั บาล “leaner and meaner” ดงั นัน้ สังคมธรุ กจิ จงึ ควร ได้รับความสำคัญมากขึ้นในการเป็นแรงขับเคลื่อนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนจะ ช่วยสนับสนุนให้เกิดการผนึกกำลังและแรงผลักดัน (ทางบวก) จากภายนอก ซึ่งจะช่วย
94 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) ส่งเสริมและปรับปรุงความสอดคล้องกัน การปฏิบัติได้ และความโปร่งใสของมาตรการ ตา่ งๆ ของภาครัฐ รวมถงึ ความคิดรเิ ริม่ ของภาคเอกชน – ระหวา่ งอตุ สาหกรรม ระหวา่ ง ประเทศสมาชกิ และภายในประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน (AEC) เอง คำถาม ? บทบาทหลกั ของภาคเอกชนในการจดั ตง้ั ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น และในการ รวมกลุม่ ในเอเชียตะวนั ออก มีอะไรบา้ ง คำตอ บ ภาคเอกชนเป็นผู้มีส่วนได้เสียหลัก และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการรวม กล่มุ ทางเศรษฐกจิ และกระบวนการโลกาภิวฒั น์ในหลายแงม่ ุมในเชงิ นโยบาย ข้อมูลจาก ภาคเอกชนและความเปน็ ห้นุ ส่วนเปน็ สงิ่ จำเป็นในการออกแบบยุทธศาสตรร์ ะดบั ภูมิภาค ที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุน รวมถึงการระบุปัญหาในการดำเนินงานการรวมกลุ่มทาง เศรษฐกิจและการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ อาเซียนมีบทบาทสำคัญและสามารถพึ่งพาได้ในห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายการผลิตที่มี เพม่ิ มากข้นึ สำหรบั สนิ คา้ หลายประเภทในภมู ภิ าคและในโลก ดังนน้ั องคก์ รภาคเอกชนจงึ ไมเ่ พียงแต่จะไดป้ ระโยชน์จากโอกาสการคา้ และการ ลงทุนที่เปิดกว้างขึ้นในเขตการค้าเสรีของอาเซียน และอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา โดยเฉพาะเขตการค้าเสรีอาเซียนกับประเทศ+3 แต่ยังเป็นภาคส่วนที่มีส่วนสำคัญใน สถาปตั ยกรรมใหมข่ องการพง่ึ พาซง่ึ กนั และกนั ระหวา่ งประเทศในเอเชยี ตะวนั ออก รวมถงึ ระหว่างเอเชยี ตะวนั ออกกบั ประชาคมโลกโดยรวม คำถาม ? การมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนมีกลไกในการดำเนินงานอย่างไรใน อาเซียน คำตอ บ ณ ปัจจบุ นั อาเซียนดำเนนิ งานรว่ มกับสมาคมภาคเอกชนและผู้แทนภาคเอกชน เป็นประจำ หรือ เฉพาะกิจ ประมาณรอ้ ยละ 35 ของคณะทำงานรายสาขาทเี่ กยี่ วข้องกับ AEC (ประมาณ 100 คณะ) โดยเฉพาะในการหารือเพื่อจัดทำข้อตกลงการยอมรับร่วม (MRAs) และในการประชมุ สภาหนว่ ยงานกำกบั ดแู ลกจิ การโทรคมนาคมอาเซยี น (ASEAN Telecommunication Council) ซึ่งมีผู้แทนภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
AEC FACT BOOK 95 นอกจากนี้ องค์กรภาคเอกชนยังให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานของคณะทำงานด้าน ความร่วมมือในทรัพย์สนิ ทางปัญญาของอาเซียน ในระดบั ภมู ภิ าค กลไกหลกั ในการดำเนนิ งานของภาครฐั และเอกชนอาเซยี น (PPE) คือ การประชุมหารือในสาขาเร่งรัดการรวมกลุ่มเศรษฐกิจของอาเซียน (Consultative Meeting on Priority Sectors: COPS) การประชมุ ประสานงานในประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (Coordinating Conference on AEC: ECOM) และการประชุมหารอื ของสภา ที่ปรกึ ษาธรุ กจิ อาเซยี น (ASEAN Business Advisory Council: ABAC) โดยเฉพาะอยา่ ง ยิง่ ภาคเอกชนอาเซียน (ABAC) มกี ารจดั ประชมุ Business and Investment Summit เป็นประจำทุกปี และมีบทบาทสำคัญในการจัดทำข้อเสนอแนะต่อผู้นำและรัฐมนตรี เศรษฐกิจอาเซียน องค์กรภาคเอกชนอื่นใน PPE คือ สภาหอการค้าและอุตสาหกรรม อาเซียน (ASEAN Chamber of Commerce and Industry: ASEAN CCI) อยา่ งไรก็ตาม สมาชกิ สว่ นใหญ่ของ ASEAN CCI กเ็ ปน็ สมาชกิ ของ ABAC ดว้ ย ในช่วงปีที่ผ่านมา อาเซียนได้ยกระดับการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPE) ให้สูงขึ้น โดยจัดให้มีการประชุมหารือเป็นประจำปีละครั้ง ระหว่างรัฐมนตรี เศรษฐกิจอาเซียน (AEM) กับ ASEAN BAC และผู้แทนจากสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ ของอาเซียน ที่สำคญั ไดแ้ ก่ สมาพันธ์อตุ สาหกรรมสง่ิ ทออาเซียน (ASEAN Federation of Textile Industries) และสมาพันธ์ยานยนต์อาเซียน (ASEAN Automotive Federation) ในการประชุมหารือดังกล่าว ภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะ (AEM) สำคัญ หลายประการ ณ ปัจจุบนั ข้อเสนอแนะดงั กล่าวอยู่ระหวา่ งการพิจารณาของคณะทำงาน รายสาขาของอาเซียนทเ่ี ก่ียวขอ้ งตอ่ ไป
96 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) ความคิดริเริ่มในการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจอาเซียนและ การลดชอ่ งวา่ งการพัฒนาประเทศ (IAI) คำถาม ? อาเซยี นดำเนนิ การอะไรบา้ ง เพ่อื ชว่ ยใหป้ ระเทศสมาชกิ ใหม่สามารถรวมกลุ่มได้ กบั ประเทศสมาชิกอาเซยี นเดมิ คำตอ บ ผู้นำอาเซียนตระหนักดีว่า ในการดำเนินงานไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน อาเซียนจำเป็นต้องลดช่องวา่ งการพัฒนาประเทศท่มี ีอยรู่ ะหว่างประเทศสมาชิก โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกจิ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ท่ีผ่านมา อาเซียนได้ใช้ความ พยายามอย่างมากในการลดช่องว่างการพัฒนาประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจาก ประเทศคเู่ จรจาและองคก์ รระหวา่ งประเทศ ทง้ั น้ี ประเทศคเู่ จรจาตา่ งเขา้ ใจดวี า่ หากชอ่ ง ว่างการพัฒนาดังกล่าวไม่ได้รับการจัดการแก้ไขอย่างเหมาะสม จะเป็นเรื่องยากสำหรับ ประเทศสมาชิกอาเซียนในการบรรลุเป้าหมายการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ในขณะที่อาเซียนดำเนินงานตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) มหี ลายประเดน็ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การบรรลเุ ปา้ หมาย AEC ทอ่ี าเซยี นจำเปน็ ต้องพิจารณา ความท้าทายสำคัญประการหนึ่ง คือ การหาความสมดุลในแง่ของความ สอดคล้องกัน (coherence) และการสนับสนุน (support) ระหว่างประเทศสมาชิก อาเซียนเพื่อไปสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ในการนี้ เพื่อไปสู่เป้าหมายของการลด ชอ่ งวา่ งการพฒั นาประเทศและการเสรมิ สรา้ งขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของอาเซยี น ผ้นู ำอาเซยี นไดเ้ ปดิ ตัวความคดิ ริเริ่มในการรวมกลุม่ ทางเศรษฐกจิ อาเซียน (Initiative for ASEAN Integration: IAI) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน เมอ่ื ปี 2543 โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ เพื่อลดช่องว่างของการพัฒนาประเทศและเร่งรัดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในอาเซียน โดยเฉพาะสำหรบั ประเทศสมาชกิ ใหมอ่ าเซยี น ไดแ้ ก่ กมั พชู า สปป.ลาว พมา่ และเวยี ดนาม ความพยายามในการลดช่องว่างการพัฒนาประเทศของอาเซียน ส่วนใหญ่จะ ดำเนินงานตามแผนงานความคิดริเริ่มในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอาเซียน (IAI Work Plan) โดย IAI Work Plan ระยะแรกไดร้ ับการรับรองจากผ้นู ำอาเซียนในการประชุมสุด ยอดอาเซยี น ครง้ั ท่ี 8 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ณ ปจั จุบนั IAI อยู่ระหว่างการ
AEC FACT BOOK 97 ดำเนินงานระยะที่ 2 (ปี 2552-2558) ประกอบด้วยโครงการต่างๆ ในสาขาสำคัญตาม แผนงานการจดั ตัง้ ประชาคม 3 เสาหลกั ของอาเซยี น ได้แก่ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน โดย IAI Work Plan II ได้รบั การรบั รองจากผู้นำอาเซียน ในเดอื นมีนาคม 2552 คำถาม ? ความคบื หนา้ ของการดำเนินงาน IAI ทส่ี ำคญั คอื อะไร คำตอ บ การพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ยังคงเป็นสาขาหลักท่มี ีความคืบหน้าภายใต้ IAI ซง่ึ มี เป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคลากร โดยการฝึกอบรมภาครัฐ พัฒนาประสิทธิภาพ แรงงานและการจา้ งงาน ยกระดบั การศึกษา และฝกึ อบรมความเชี่ยวชาญ ในสาขาต่างๆ เช่น การขนส่ง พลงั งาน ICT การลงทนุ การคา้ และบรกิ าร ศลุ กากรและมาตรฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ การเรียนร้ภู าษาองั กฤษยังเป็นเร่อื งสำคัญลำดบั แรกดว้ ย คำถาม ? ประเด็น/ความขัดแย้งด้านการพัฒนาอะไรที่เป็นความท้าทายสำคัญที่สุดในการ ดำเนนิ งาน IAI คำตอ บ IAI มีเป้าหมายเพื่อเร่งรัดการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจในประเทศอาเซียน โดยมียุทธศาสตร์หลักเพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาที่เท่าเทียมกัน ลดความยากจน และจัดการ กบั ความแตกต่างของการพฒั นา ท้ังนี้ การดำเนินโครงการ IAI จะมปี ระสทิ ธิภาพมากข้นึ หากโครงการดงั กล่าวมี ความสอดคลอ้ ง หรอื เปน็ สว่ นหนง่ึ ของนโยบายความรว่ มมอื เพอ่ื การพฒั นาและเรอ่ื งสำคญั ลำดับแรกของประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างให้เกิดการผนึกกำลังกันของการดำเนินโครงการ และกจิ กรรมทวภิ าคกี บั ประเทศผบู้ รจิ าคของประเทศอาเซยี น กบั การดำเนนิ งาน IAI ภายใต้ AEC Blueprint การดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้เกิดความชัดเจนในเป้าหมายของ โครงการต่างๆ ที่มีต่อบุคลากร และต่อชุมชนโดยเฉพาะ รวมทั้งต่อประเทศในภาพรวม ซง่ึ เปน็ สาระสำคญั ของ IAI
98 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) ในขณะท่ี IAI มีเปา้ หมายเพอ่ื ใหค้ วามช่วยเหลือประเทศกมั พูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม เป็นหลัก ความพยายามในการลดช่องว่างการพัฒนาประเทศยังมีการ ดำเนนิ งานในพน้ื ทอ่ี น่ื ในอาเซยี นดว้ ยเชน่ กนั เชน่ เขตเศรษฐกจิ อาเซยี นตะวนั ออก บรไู นฯ- อนิ โดนเี ซยี -มาเลเซยี -ฟลิ ปิ ปนิ ส์ (Brunei-Indonesia-Malaysia-Philippines East ASEAN Growth Area: BIMP-EAGA) เขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) และพน้ื ทต่ี ามแนวเสน้ ทางตะวนั ตก- ตะวนั ออก (West-East Corridor: WEC) ของลุ่มแมน่ ้ำโขงในเวียดนาม สปป.ลาว กัมพชู า และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ภายใต้โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนา อาเซยี น-ลมุ่ แมน่ ำ้ โขง (ASEAN-Mekong Basin Development Cooperation Scheme) ทั้งนี้ ความร่วมมอื ระหวา่ งโครงการความรว่ มมอื ทางเศรษฐกิจระดบั อนุภูมภิ าคมบี ทบาท สำคัญและและช่วยสนับสนุนการดำเนินงานการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เนื่องจากจะช่วยให้สามารถระบุความต้องการที่แท้จริงของประเทศสมาชิกในการรับ ความช่วยเหลือจากภายนอกและช่วยสนับสนุนความมีประสิทธิภาพของการเสริมสร้าง ศักยภาพบุคลากรในโครงการของอาเซียน กล่าวโดยสรุป คือ การประสานงานความ ร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและ IAI จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถ ปฏิบัติตามเป้าหมายและพันธกรณีของอาเซียนในภาพรวม ความสัมพนั ธข์ องอาเซียนกับเศรษฐกิจภายนอก คำถาม ? ความสมั พนั ธ์ของอาเซยี นกบั เศรษฐกิจในภมู ิภาคและในโลกเป็นอย่างไร คำตอ บ อาเซยี นมีบทบาทสำคญั เพิ่มมากขึน้ ในเศรษฐกจิ ภูมภิ าคและโลก เนอ่ื งจากความ ก้าวหน้าของอาเซียนในการดำเนินงานไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ยง่ิ อาเซยี นกา้ วเขา้ ใกลก้ ารเปน็ ตลาดและฐานการผลติ เดยี วกนั มากเทา่ ไหร่ ยง่ิ ทำใหอ้ าเซยี น เป็นภูมิภาคที่น่าสนใจและดึงดูดให้ประเทศคู่เจรจาต้องการจัดทำความตกลงเขตการค้า เสรี (Free Trade Area : FTA) หรอื ความเปน็ หุ้นส่วนทางเศรษฐกจิ (Comprehensive Economic Partnership: CEP) กับอาเซียนมากขึ้นเท่านั้น เป็นผลทำให้อาเซียนต้อง ดำเนนิ งานการรวมกลุม่ ทางเศรษฐกจิ ใน 2 แนวทางคู่ขนานกันไป คอื (1) การรวมกลมุ่
AEC FACT BOOK 99 ภายในอาเซยี น ซ่งึ มเี ป้าหมายสงู สดุ คือ การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 และ (2) การบรู ณาการเขา้ กบั เศรษฐกจิ โลก ซง่ึ มยี ทุ ธศาสตร์ คอื การเจรจา FTA และ CEP กับประเทศคูค่ า้ /คเู่ จรจาหลัก ณ ปัจจุบนั อาเซียนเป็นศนู ยก์ ลาง (Hub) ของ 4 FTAs และ 1 CEP ได้แก่ เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ASEAN-China Free Trade Area: ACFTA) เริ่มดำเนินการในปี 2547 (Early Harvest Program) และบรรลุเป้าหมายเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 เขตการคา้ เสรอี าเซยี น-สาธารณรฐั เกาหลี (ASEAN-Korea Free Trade Area: AKFTA) เริ่มดำเนินการในปี 2550 และบรรลุเปา้ หมายเมื่อวันท่ี 1 มกราคม 2553 ความตกลงหนุ้ สว่ นเศรษฐกจิ อาเซยี น-ญป่ี นุ่ (ASEAN-Japan Comprehensive Economic Partnership: AJCEP) เรม่ิ ดำเนนิ การในปี 2552 เขตการค้าเสรีอาเซยี น-อินเดีย (ASEAN-India Free Trade Area: AIFTA) เรม่ิ ดำเนนิ การเม่ือวันท่ี 1 มกราคม 2553 (ความตกลงการค้าสินคา้ ) เขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (ASEAN-Australia Newzealand Free Trade Area : AANZFTA) เริม่ ดำเนินการในปี 2553 คำถาม ? อะไรเป็นแรงผลักดันใหอ้ าเซยี นจัดทำ FTAs และ CEPs ดงั กล่าว คำตอ บ มีเหตุผลหลัก 3 ประการที่ผลักดันให้อาเซียนเจรจาจัดทำ FTAs และ CEPs กับประเทศคู่ค้าสำคัญคือ (1) เพื่อเปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ (2) เพื่อเสริมสร้างการ เข้าถึงตลาด และ (3) เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนกับประเทศ/ กลมุ่ เศรษฐกิจอ่ืน
100 ASEAN Economic Community คำถาม/คำตอบ (Q&A) คำถาม ? หลักการสำคญั ในการเจรจา FTA และ CEP ของอาเซียน มีอะไรบ้าง คำตอ บ อาเซยี นเจรจาจดั ทำ FTA และ CEP โดยยึดตามหลกั การสำคญั ดงั นี้ (1) สอดคล้องกับหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO consistent) เช่น การเปิดเสรีการค้าสินค้า ควรครอบคลุมมูลค่าการค้าอย่างมีนัยสำคัญ และการเปิดเสรี การค้าบริการ ควรเปิดให้กว้างและลึกกว่าที่ผูกพันไว้ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้า บริการขององคก์ ารการค้าโลก (GATS Plus) (2) ใหใ้ ชค้ วามตกลงการคา้ สนิ คา้ ของอาเซยี น (ATIGA) ความตกลงการคา้ บรกิ าร ของอาเซยี น (AFAS) และความตกลงดา้ นการลงทุนอยา่ งเตม็ รูปแบบของอาเซียน (ACIA) เปน็ พ้นื ฐานในการเจรจา FTA/CEP (3) ให้มีความร่วมมอื ทางเศรษฐกจิ เปน็ สว่ นหนึ่งของ FTA/CEP (4) ใหก้ ารปฏบิ ตั ทิ พ่ี เิ ศษและแตกตา่ ง (special and differential treatment : S&D) โดยคำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งของระดบั การพฒั นาประเทศ ไมเ่ พยี งแตร่ ะหวา่ งประเทศ สมาชกิ อาเซยี นด้วยกันเอง แตร่ วมถึงระหว่างอาเซียนกบั ประเทศคเู่ จรจา FTA ดว้ ย คำถาม ? การเจรจา FTA/CEP ของอาเซยี นดำเนนิ การอยา่ งไร คำตอ บ การเจรจา FTA/CEP ของอาเซยี นทงั้ 5 ฉบับ ดำเนนิ การตาม 2 แนวทาง คือ (1) แนวทางการเจรจาตามลำดับ (sequential approach) เป็นแนวทาง ที่ใช้สำหรับ ACFTA, AKFTA และ AIFTA ในแนวทางดังกล่าว อาเซียนและคู่เจรจาจะ เริ่มจากการเจรจากรอบความตกลง (Framework Agreement) ซึ่งจะเป็นพื้นฐาน สำหรับการเจรจาลำดับต่อไป สำหรับความตกลงอย่างน้อย 4 ฉบับ คือ การค้าสินค้า การคา้ บริการ การลงทุน และการระงบั ข้อพิพาท โดยจะเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้า สินค้าและความตกลงวา่ ด้วยการระงับขอ้ พิพาทกอ่ นเป็น 2 ความตกลงแรก ตามมาด้วย การค้าบรกิ ารและการลงทนุ (2) แนวทางการเจรจาทกุ ดา้ นพรอ้ มกนั และยอมรบั ผลการเจรจาในคราวเดยี วกนั (single-undertaking) เป็นแนวทางที่ใช้สำหรับ AJCEP และ AANZFTA ในแนวทาง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104