Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

416

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-10-13 04:19:42

Description: 416

Search

Read the Text Version

เหด็ เป็นยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพ้ืนบา้ น งานวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตรท เ่ี กยี่ วขอ ง ยับย้ังเนื้องอก กระตุนภูมิคุมกันโดยการเพ่ิมการทำงานของเม็ดเลือดบางชนิดที่เรียกวา NK (Natural killer cell) นอกจากน้ียังมีการศึกษาพบวาสารสกัดจากเห็ดชนิดนี้ชวยในการลดน้ำตาล ลดคอลเลสเตอรอลและไตรกลีเซอรไรดในเลือดดวย ทำใหการหมุนเวียนโลหิตสม่ำเสมอ ตอตาน มะเร็งหลอดอาหารและวณั โรค (TB) เขาขอ สรรพคุณใชต ามชนดิ ของตน ไมท่ีเห็ดข้นึ 49

เห็ดเป็นยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพ้นื บา้ น เห็ดหลนิ จอื ขอบขาว Ganoderma tsugae Murrill ช่อื ทองถิน่ /ชอื่ อ่ืนๆ เหด็ ซ่ินเหลอื่ มขอบขาว 50

เหด็ เปน็ ยา เพือ่ สุขภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพืน้ บ้าน เห็ดหลินจอื ขอบขาว Ganoderma tsugae Murrill รปู ราง/ลกั ษณะ เมื่อเจริญข้ึนมาใหมหมวกดอกมีลักษณะเปนตุมสีขาวปนน้ำตาลจนถึงสีสม ในขณะที่เจริญเต็มท่ีหมวกดอกมีรูปรางเหมือนพัดหรือรูปไต ผิวหมวกเปนสีแดงเขม ถึงน้ำตาลสม ผิวหมวกแบงเปนวงเห็นชัดเจน ขอบหมวกเปนสีขาวหรือขาวอมเหลือง เมื่อแกเต็มที่จะมีสปอรสีน้ำตาลข้ึนมาปกคลุมท่ีผิวหมวกดานบน ทำใหผิวหมวกดู เหมอื นเปนผวิ ดาน สว นใหญไ มม ีกา นดอกหรอื มีกา นท่สี ั้นมาก แหลง ที่พบ พบข้ึนท่ีโคนหรือบนตอไมหรือกิ่งไมของตนไมผลัดใบ ที่มีชีวิตอยูตามปาโคก หรอื ปาเบญจพรรณ 51

เหด็ เป็นยา เพ่ือสุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพื้นบา้ น การใชป ระโยชนทางยาตามภมู ิปญ ญาหมอพน้ื บา น มรี สขม ใชเ ปน ยาเหมือนเห็ดหลินจือ สูตร 1 ลดน้ำตาลในเลือด ฟน ฟูผปู ว ยมะเร็งและตานมะเรง็ ทกุ ชนดิ สรรพคุณ สว นประกอบ 1. เห็ดซิ่น เห็ดหลินจือ เห็ดขาม เหด็ เนื้อยา ง อยางละ 3 - 4 ดอก 2. นำ้ 1 ลติ ร วธิ ที ำ นำมาตมในนำ้ 3 สว น เคี่ยวใหเหลือ 1 สวน วิธรี ับประทาน รับประทานครั้งละ 1-2 ชอ นชา กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เยน็ รบั ประทานจนหาย สูตร 2 กระตุนภูมติ านทานของรา งกายใหแขง็ แรง ปอ งกันมะเร็ง สรรพคณุ สว นประกอบ 1. เห็ดซน่ิ เหด็ หลนิ จอื เห็ดขาม เหด็ เนื้อยา ง 2. นำ้ ซาวขาวเจา วธิ ที ำ นำเหด็ มาฝนชนิดอยา งละ 9 ครงั้ วธิ ีรบั ประทาน นำตวั ยาทฝ่ี นไดมาผสมกบั นำ้ ครงึ่ แกว แบงเปน 3 สวน ด่มื กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา- กลางวนั -เยน็ ดม่ื จนหาย (ใหฝนยารบั ประทานวนั ตอ วนั ) 52

เห็ดเป็นยา เพือ่ สขุ ภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพนื้ บา้ น งานวิจัยทางวทิ ยาศาสตรท ีเ่ กย่ี วขอ ง มีงานวิจัยท่ีทำการศึกษาสารสำคัญจำนวนหลายเรื่อง พบวาเห็ดชนิดนี้มีสารสำคัญใน กลุมพอลิแซคคารไรดและไตรเตอปนอยดเหมือนในเห็ดหลินจือ และยังไดพบสารตัวใหมคือ ลาโนสตานอยด (Lanostanoids) ที่มีคุณสมบัติในการตอตานมะเร็ง ผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย ฮองกงพบวาเห็ดชนิดนี้สามารถรักษามะเร็งเตานมไดและเห็ดชนิดน้ีสามารถใชทดแทนเห็ดหลินจือ ชนดิ Ganoderma lucidum ได 53

เห็ดเป็นยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพืน้ บา้ น เห็ดตอขาม Ganoderma philippii (Bres. & Henn. ex Sacc.) Bresadola ชอ่ื ทองถ่นิ /ชื่ออน่ื ๆ เหด็ ตอขาม เหด็ ซน่ิ เหล่อื มเมด็ มะขามขาแบน 54

เหด็ เปน็ ยา เพื่อสุขภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพ้นื บ้าน เหด็ ตอขาม Ganoderma philippii (Bres. & Henn. ex Sacc.) Bresadola รปู ราง/ลักษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรูปรางโคงนูนเกือบเปนระนาบ ตรงกลางเวาลงเล็กนอย เปนแผน กลมหรือคร่งึ แผนกลมคลา ยพดั หรอื ไต ในระยะออนผิวดา นบนเรยี บและมีขน กำมะหยี่ปกคลุม เมื่อแกจะแข็งและนูนขรุขระเปนคลื่นหรือรอยยนมันวาวคลาย เคลือบดวยแลคเกอร มีขอบเขตเปนแถบวงกลมหรือครึ่งวงกลมซอนกันและเปนรองมี สีน้ำตาลแดงถึงน้ำตาลแดงเขม ขอบหมวกเห็ดสีน้ำตาลออนหรือสีจางกวาหมวกเห็ด ใตหมวกเห็ดเปนรูกลม มีสีขาวครีม แลวกลายเปนขาวอมน้ำตาลแดงออนๆ กานดอก บางครั้งไมมี ถามีจะเปนรูปทรงกระบอกแบน ผิวขรุขระเปนมันวาวและมีสีคลาย หมวกเหด็ แหลง ทพี่ บ พบขนึ้ บนตอไม เชน มะขาม ตามปาเบญจพรรณหรือปาโปรง มี การกระจายทั่วไปในประเทศตางๆ ในแถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต 55

เหด็ เป็นยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพน้ื บา้ น การใชประโยชนทางยาตามภูมิปญญาหมอพื้นบาน ในประเทศจีนและประเทศญี่ปุนใชเปนยาบำรุงกำลัง ในตำรายาพ้ืนบานอีสานหมอพื้นบานใชเขายารักษา บาดแผลเรอ่ื รัง หรอื รักษาตมุ ทีเ่ กิดจากไขตา งๆ สูตร 1 สรรพคุณ ลดน้ำตาลในเลือด ฟนฟูผูปวยมะเร็งและตาน มะเรง็ ทกุ ชนดิ สวนประกอบ 1. เห็ดซนิ่ เห็ดหลินจือ เห็ดขาม เหด็ เนือ้ ยา ง อยางละ 3 - 4 ดอก 2. นำ้ 1 ลิตร วิธที ำ นำมาตมในนำ้ 3 สวน เค่ยี วใหเหลอื 1 สว น วิธีรับประทาน รับประทานครั้งละ 1-2 ชอนชา กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น รับประทานจนหาย สูตร 2 สรรพคุณ กระตุนภูมิตานทานของรางกายใหแข็งแรง ปองกันมะเร็ง ฟนฟูสภาพผูปวยมะเร็งใหมี สภาพรา งกายดขี ึ้น สว นประกอบ 1. เหด็ ซ่ิน เห็ดหลินจอื เหด็ ขาม เหด็ เนอื้ ยา ง 2. นำ้ ซาวขา วเจา วธิ ีทำ นำเหด็ มาฝนชนดิ อยา งละ 9 คร้งั วิธรี บั ประทาน นำตวั ยาทฝ่ี นไดม าผสมกับน้ำครง่ึ แกว แบงเปน 3 สวน ดม่ื กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เย็น ดมื่ จนหาย (ใหฝนยารบั ประทานวนั ตอวนั ) 56

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพนื้ บ้าน งานวิจัยทางวทิ ยาศาสตรทีเ่ ก่ยี วขอ ง งานวิจัยทางวิทยาศาสตรสวนใหญทำการศึกษาในเรื่องของโรคพืชเปนหลัก ยังขาดงานวิจัย ทางดานฤทธิท์ างยา 57

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพ้นื บา้ น เห็ดเนื้อย่าง Ganoderma subresinosum (Murrill) Humphrey ช่ือทอ งถน่ิ /ชือ่ อ่ืนๆ เห็ดซิ่นตับ 58

เหด็ เป็นยา เพอื่ สุขภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพนื้ บา้ น เห็ดเนอ้ื ย่าง Ganoderma subresinosum (Murrill) Humphrey รูปราง/ลักษณะ ดอกเห็ดเปนรูปพัด ไมมีกานดอก แผนหมวกยึดติดกับตนไม ดานบนมี สีนำ้ ตาลแดงเขม มอี ายหุ ลายป เน้อื เห็ดท่เี จริญออกมาจากดอกเดิมในฤดูกาลใหมจะ มีสีขาวอมเหลืองหรือสีครีม เมื่ออายุมากข้ึนจะเปล่ียนเปนสีน้ำตาลเขมและเม่ือมี อายุขามปจะเปนสีดำ ผิวขรุขระเปนรองตามแนวรัศมี ดานลางสีขาวอมเหลือง มรี ขู นาดเล็ก เมอื่ แกม ีเน้อื แข็ง แหลงท่พี บ พบไดใ นปาเต็งรงั และปาดิบแลง 59

เห็ดเป็นยา เพือ่ สขุ ภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพ้นื บ้าน การใชประโยชนท างยาตามภูมิปญ ญาหมอพ้นื บาน รับประทานได คนอีสานใชบริโภคแทนเนื้อสัตว เชน ทำลาบ ตำรับยาพ้ืนบานใชกระตุนการ หมุนเวยี นเลอื ด สตู ร 1 สรรพคุณ ลดนำ้ ตาลในเลือด ฟนฟผู ปู ว ยมะเรง็ และตานมะเร็งทุกชนิด สว นประกอบ 1. เห็ดซิ่น เห็ดหลินจือ เห็ดขาม เหด็ เน้อื ยา ง อยางละ 3 - 4 ดอก 2. น้ำ 1 ลติ ร วธิ ที ำ นำมาตม ในน้ำ 3 สว น เคยี่ วใหเหลือ 1 สว น วิธรี บั ประทาน รบั ประทานครั้งละ 1-2 ชอนชา กอ นอาหาร วันละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เย็น รับประทานจนอาการดีขน้ึ สูตร 2 สรรพคุณ กระตุนภูมิตานทานของรางกายใหแข็งแรง ฟนฟูผูปวยมะเร็ง บรรเทาอาการปวดตามขอ เร้ือรัง (ชนิดขนึ้ เปน เมด็ ตามขอและอาการไข) สวนประกอบ 1. เหด็ ซน่ิ เห็ดหลนิ จอื เหด็ ขาม เหด็ เนอื้ ยา ง 2. นำ้ ซาวขา วเจา วธิ ที ำ นำเหด็ มาฝนชนดิ อยางละ 9 คร้ัง วธิ รี บั ประทาน นำตวั ยาท่ฝี นไดมาผสมกับนำ้ ครง่ึ แกว แบง เปน 3 สว น ด่มื กอ นอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เย็น ดม่ื จนหาย (ใหฝนยารับประทานวันตอ วนั ) 60

เห็ดเปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพนื้ บ้าน งานวจิ ัยทางวิทยาศาสตรที่เกี่ยวขอ ง คนพบกรดไขมันชนิดใหม 5 ชนิดท่ีไมเหมือนในเห็ดหลินจือชนิดอ่ืนๆ และพบสารที่เปนอนุพันธ ของไตรเตอปนอยด (Triterpenoids) ท่ีแตกตางไปจากเห็ดหลินจือชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะเห็ดหลินจือใน กลุม Ganoderma lucidum ซึ่งมีความเปนไปไดวาจะมีคุณสมบัติทางยาแตกตางไปจากเห็ดหลินจือ ชนดิ อื่นๆ นอกจากนี้ยังมผี ูน ำเอาสารสกัดทไี่ ดจากเห็ดชนดิ นี้ไปจดสิทธบิ ตั รใชเ ปน สารตอ ตา นมะเรง็ 61

เห็ดเปน็ ยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพ้นื บา้ น เห็ดเคง็ Phellinus linteus (Berk. & M.A. Curtis) Teng ชื่อทองถ่นิ /ชือ่ อ่นื ๆ เห็ดกีบสัตว 62

เห็ดเปน็ ยา เพอื่ สุขภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพน้ื บา้ น เหด็ เคง็ Phellinus linteus (Berk. & M.A. Curtis) Teng รูปราง/ลกั ษณะ เมื่อดอกใหญเต็มท่ีมีรูปรางคลายกีบเทาสัตวหรือเกือกมา หมวกดอกดานบน เปนผิวขรุขระ มีรอยแตกเปนวง และแตกข้ึนมาตามรอยวง ทำใหผิวหนามีลักษณะ เปนเกล็ดเล็กๆ ขอบหมวกบาง ไมมีกานดอก สวนท่ีอยูติดตนไมมีเนื้อหนา ผิวหมวก ดานบนมีสีน้ำตาลเขม สวนดานลางเปนสีน้ำตาลอมเหลือง มีรูขนาดเล็กละเอียด เปน กำมะหย่ี ดอกเห็ดเจริญในลักษณะซอนกัน บางดอกพบดอกเล็กๆ เจริญซอนใน ดอกใหญ แหลง ท่ีพบ พบบนตนเค็ง หรือทาง ภาคกลางเรียกวาตนเขลงใน ปาเต็งรัง ที่ระดับความสูงมาก กวา 2 เมตร ขนึ้ ไป 63

เหด็ เป็นยา เพือ่ สขุ ภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพื้นบ้าน การใชป ระโยชนต ามภมู ปิ ญญาหมอพน้ื บาน ประเทศจนี มกี ารใชเ หด็ ชนดิ นีเ้ ปน ยามากวา 2,000 ป ใชเ ปนยาเรียกพลงั บำรงุ กำลงั บำรุงเลอื ด ในประเทศญ่ปี นุ และเกาหลมี กี ารใชเ ห็ดชนดิ นีเ้ ปนสมุนไพรในการรักษาเนอื้ งอกและกระตนุ การทำงาน ของระบบภูมคิ มุ กัน หมอยาพนื้ บา นอีสานใชร ักษาเบาหวาน โดยใชเหด็ 50 กรัมตมรวมกับใบอินทนลิ นำ้ 7 ใบ ดื่มคร้ังละ 1 แกว วนั ละ 1 ครงั้ ตอนเชา ตม ได 7 วัน ยาจะจืด ใหเปลีย่ นยาใหม สูตร 1 สรรพคณุ ฟนฟผู ูปว ยมะเรง็ ตา งๆ เชน มะเร็งปอด ตับ กระดกู สวนประกอบ 1. เห็ดเค็ง เห็ดตน จิก เหด็ แดง เหด็ ตอจกิ ชนดิ ละ 1 ดอก 2. น้ำ 1 ลติ ร วธิ ที ำ นำเหด็ มาตมกบั นำ้ 1 ลิตร เคย่ี วจากน้ำ 3 สวน เหลอื 1 สวน วิธีรับประทาน ดื่ม 1 แกวเปก กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เยน็ ด่มื ตดิ ตอกันจนอาการดีข้นึ สูตร 2 สรรพคณุ ฟนฟผู ูปวยมะเรง็ ตา งๆ เชน มะเร็งปอด ตบั กระดกู สว นประกอบ เห็ดเคง็ เห็ดตน จิก เหด็ แดง เห็ดตอจกิ ชนดิ ละ 1 หวั แมมือผูปว ย วิธที ำ นำเห็ดแตล ะชนิดมาฝนชนดิ ละ 9 ครง้ั วธิ รี บั ประทาน นำตัวยาท่ีฝนไดผสมกับนำ้ 1/2 แกว ด่ืมกอ นอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น ดืม่ ตดิ ตอ กันจนอาการดีขึ้น 64

เห็ดเปน็ ยา เพอื่ สุขภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพ้นื บ้าน สตู ร 3 สรรพคุณ แกมะเรง็ ที่เปนกอนใหยบุ ตวั ลง สวนประกอบ 1. เหด็ เค็ง เห็ดตนจิก เหด็ แดง เห็ดตอจกิ อยา งละ 1 ขีด 2. นำ้ 4 ลิตร วิธีทำ นำมาตมกับน้ำ 4 ลิตรเคยี่ วจนเหลือ 2 ลิตร วิธีรับประทาน ด่ืม 1 แกวเปก กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เย็น ด่มื ตดิ ตอกนั จนอาการดีข้ึน สูตร 4 สรรพคณุ แกฝา สวนประกอบ 1. เหด็ เคง็ เห็ดตนจกิ เหด็ แดง เหด็ ตอจิก อยา งละ 15 กรมั 2. น้ำผง้ึ 2 ชอนโตะ 3. นำ้ 1 ชอ นโตะ วธิ ีทำ นำเห็ดทัง้ 4 ชนดิ มาบดเปน ผง รวมกันประมาณ 1 ชอ นกาแฟ ผสมกับน้ำผ้ึงและนำ้ วธิ ใี ช นำมาทาบรเิ วณท่ีเปน ฝา กอ นนอน 15 นาที แลว ลา งออก ทาทกุ วนั จนฝาจางลง 65

เหด็ เป็นยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพ้นื บ้าน สตู ร 5 สรรพคณุ ลดการอักเสบของมะเรง็ เตา นม สว นประกอบ 1. เห็ดเค็ง เหด็ ตนจกิ เหด็ แดง เหด็ ตอจิก อยา งละ 15 กรมั 2. นำ้ วธิ ีทำ นำเห็ดทั้ง 4 ชนดิ ขนาดเทา หัวแมมือผูปวย มาฝนกบั นำ้ วิธใี ช ทาบริเวณทเ่ี ปนกอนมะเร็งใหย ุบตวั ลง ทาวนั ละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น จนหาย งานวิจัยทางวิทยาศาสตรทเี่ กี่ยวของ งานวิจัยท่ีสนับสนุนการนำสารสกัดจากเห็ดเค็งมาใชเปนยารักษามะเร็งมีจำนวนไมนอยกวา 100 ช้ิน งานวิจัยเหลานี้แสดงใหเห็นวาสารสกัดจากเห็ดเค็งสามารถรักษามะเร็งได มีการบริโภค สารสกัดจากเห็ดในรูปแบบอาหารเสริมเปนสวนใหญ แตในประเทศเกาหลีและญี่ปุนใชเปนยารักษา มะเร็งในโรงพยาบาล ขนาดที่ใชในการรับประทานข้ึนอยูกับรางกายของแตละคน จากการศึกษา ดานพิษวิทยา โดยทำการทดลองในหนู wistar ขนาดท่ีใหหนูทางปาก 15,000 มิลลิกรัมตอน้ำหนักหนู 1 กิโลกรัม ระยะเวลา 14 วัน ผลจากการศึกษาไมพบความเปนพิษ ตอรางกายของหนู เน่ืองจากเปน เห็ดทม่ี ศี ักยภาพในการใชเ ปน ยามากกวา จึงมกี ารนำเอาสารสกัดจากเห็ดชนิดนม้ี าผลติ เปน ผลติ ภัณฑ ในหลากหลายรูปแบบ ท้ังรูปผง แคปซูล น้ำ รวมทั้งมีการนำไปทำเปนเคร่ืองสำอาง และเครื่องด่ืม บำรุงกำลัง 66

เหด็ เปน็ ยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพืน้ บ้าน เหด็ ต้นจิก Phellinus igniarius (L.) Quélet ชอ่ื ทอ งถิ่น/ชอ่ื อ่ืนๆ เหด็ องุ ตนี หมี เหด็ หิง้ อุงตนี หมี เห็ดหงิ้ พมิ านเทา 67

เห็ดเปน็ ยา เพือ่ สุขภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพ้ืนบา้ น เห็ดตน้ จิก Phellinus igniarius (L.) Quélet รูปราง/ลักษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรูปรางโคงนูนเล็กนอยเปนกอน ครึ่งทรงกลม คลายกีบสัตวหรืออุงตีนหมี เรียงกันเปนหิ้ง เจริญออกจากตนไมโดยดานบนจะโคงนูนคลายเนินเขาติด กบั ตนไม ผวิ หมวกเห็ดเปน แถบสีนำ้ ตาลมีขนละเอียดปกคลุมในระยะออ น แลว กลายเปนสนี ำ้ ตาลเทา เรียบๆ และสีน้ำตาลดำในท่ีสุด ผิวจะขรุขระและแตกระแหงเปนรอง ทำใหบางสวนของดานบนหลุด หายไป ขอบหมวกเห็ดนูนเปนแถบครึ่งวงกลมเรียบและมน มีสีน้ำตาลเทาจางกวาผิวหมวกเห็ด เนื้อ เห็ดแข็งและเหนียวคลายไม มีสีน้ำตาลสนิมถึงน้ำตาล รสเปรี้ยวหรือขม ใตหมวกเห็ดเปนรูกลม สี น้ำตาลเทาถึงน้ำตาลสนมิ กานดอกไมมหี รอื ส้นั มาก สีคลา ยหมวกเหด็ แหลงท่พี บ พบขึ้นเปนดอกเดี่ยว หรือเปนกลุมเล็กๆ ซอนกัน เปนช้ันห้ิงตามตนไมท่ีมีชีวิต ตามปาดิบชื้น หรือปาเบญจพรรณและปาเต็งรังบนภูเขาสูง สวนใหญพบขึ้นอยูกับตนจิกหรือตนเต็ง (Shorea obtusa Wall. ex Blume) 68

เห็ดเป็นยา เพื่อสุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพ้ืนบ้าน การใชป ระโยชนตามภมู ปิ ญ ญาหมอพืน้ บาน ในตำรายาจีนไดมีบันทึกวาเห็ดชนิดน้ีใชเปนยาบำรุงเลือดในสตรีทำใหระดูมาปกติ แกตกขาว ตอตานเนื้องอก ยาหามเลือดและเปนยาแกทองรวง ชาวพ้ืนเมืองในแถบอเมริกาเหนือใชข้ีเถาของเห็ด ชนิดนี้ผสมกับยาสูบเพ่ือใชเคี้ยวทำใหรางกายสดช่ืน ชนพ้ืนเมืองในยุโรปใชเปนยาหามเลือดและรักษา บาดแผลทไี่ มร ุนแรง สวนหมอพน้ื บานของไทยใชใ นการฟนฟสู ภาพผปู ว ยมะเร็งใหแ ข็งแรง สูตร 1 สรรพคณุ ฟน ฟูผูปวยมะเรง็ ตา งๆ เชน มะเร็งปอด ตับ กระดูก สวนประกอบ 1. เหด็ เคง็ เหด็ ตน จิก เห็ดแดง เหด็ ตอจิก ชนดิ ละ 1 ดอก 2. นำ้ 1 ลิตร วิธที ำ นำเห็ดทั้ง 4 ชนิด มาตมในน้ำ 1 ลิตร เคี่ยวจากนำ้ 3 สว นเหลอื 1 สวน วธิ ีรบั ประทาน ดมื่ 1 แกวเปก กอ นอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เย็น ดื่มตดิ ตอกนั จนอาการดีข้ึน 69

เหด็ เป็นยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้าน สูตร 2 สรรพคุณ ฟนฟูผปู ว ยมะเร็งตา งๆ เชน มะเรง็ ปอด ตบั กระดกู สว นประกอบ 1. เห็ดเคง็ เห็ดตนจกิ เห็ดแดง เหด็ ตอจิก ชนดิ ละ 1 หวั แมม อื ผปู วย 2. นำ้ 1/2 แกว วิธีทำ นำเห็ดแตล ะชนิดมาฝนชนดิ ละ 9 ครั้ง วธิ รี ับประทาน นำตวั ยาทฝ่ี นไดผสมกับน้ำ 1/2 แกว ด่มื กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น ดมื่ ติดตอกันจนอาการดขี น้ึ สตู ร 3 สรรพคณุ แกม ะเรง็ ทเ่ี ปน กอนใหยุบตัวลง สว นประกอบ 1. เหด็ เคง็ เห็ดตนจิก เหด็ แดง เหด็ ตอจิก อยางละ 1 ขดี 2. นำ้ 4 ลิตร วิธที ำ นำมาตมกับนำ้ 4 ลติ รเคีย่ วจนเหลอื 2 ลิตร วธิ รี ับประทาน ดื่ม 1 แกว เปก กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เย็น ดืม่ ติดตอกนั จนอาการดีขึ้น สูตร 4 สรรพคุณ แกฝา สวนประกอบ 1. เหด็ เค็ง เห็ดตน จกิ เหด็ แดง เหด็ ตอจกิ อยา งละ 15 กรัม 2. นำ้ ผ้งึ 2 ชอ นโตะ 3. น้ำ 1 ชอนโตะ วธิ ีทำ นำเหด็ ทงั้ 4 ชนิดมาบดเปนผง รวมกนั ประมาณ 1 ชอนกาแฟ ผสมกับน้ำผ้งึ และน้ำ วิธีใช นำมาทาบรเิ วณท่เี ปน ฝา กอ นนอน 15 นาที แลวลางออก ทาทกุ วันจนฝาจางลง 70

เหด็ เป็นยา เพือ่ สุขภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพื้นบ้าน สูตร 5 สรรพคณุ ลดการอกั เสบของมะเรง็ เตานม สว นประกอบ 1. เหด็ เคง็ เหด็ ตนจิก เหด็ แดง เหด็ ตอจิก อยางละ 15 กรมั 2. นำ้ วิธที ำ นำเห็ดท้ัง 4 ชนดิ ขนาดเทาหัวแมม อื ผูปว ย มาฝนกบั น้ำ วิธใี ช ทาบรเิ วณท่เี ปน กอนมะเร็งใหยุบตวั ลง ทาวันละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เยน็ จนหาย งานวิจยั ทางวิทยาศาสตรท่เี ก่ยี วขอ ง งานวิจัยทางดานวิทยาศาสตรหลายเรื่องแสดงใหเห็นวาเห็ดชนิดน้ีมีสารสำคัญในกลุม พอลิแซคคารไรด (Polysaccharide) และไตรเตอปนอยด (Triterpenoids สารตานอนุมูลอิสระชนิด หน่ึง) ท่ีชว ยในการยับยงั้ การเกดิ เน้อื งอกและมะเร็ง รวมท้งั การกระตนุ ระบบภูมิคุมกนั 71

เหด็ เป็นยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพื้นบา้ น เหด็ แดง Phellinus pomaceus (Pers.) Maire ชือ่ ทอ งถ่ิน/ชอื่ อื่นๆ เหด็ ห้ิงชายธงสนิมแดง 72

เห็ดเปน็ ยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพน้ื บา้ น เหด็ แดง Phellinus pomaceus (Pers.) Maire รปู รา ง/ลักษณะ ดอกเห็ดมีรูปรางคลายชายธงสามเหล่ียม ขอบ บาง แตสวนท่ีติดอยูกับตนไมหนา เน้ือหมวกเห็ดแข็ง เหมือนไม ผิวดานบนมีสีน้ำตาลแดง แหงเปนวงตาม เสนโคง และแตกเปนรองเล็กๆ ตามแนวรัศมี ผิวดานลางมีรูขนาดเล็ก ผิวเหมือนกำมะหย่ีสีน้ำตาล อมแดง มอี ายุไดหลายป แหลงทพี่ บ สวนใหญพบในปาเต็งรัง เจริญไดดบี นตนแดง ที่ยงั มีชีวิต เจริญเปนดอกเดี่ยว อยูสูงจากพื้นดิน มากกวา 2 เมตรขนึ้ ไป แตไมเ กนิ 10 เมตร 73

เห็ดเปน็ ยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพืน้ บา้ น การใชป ระโยชนต ามภูมิปญญาหมอพื้นบา น ชนเผาพื้นเมืองในยุโรปนำเอาดอกเห็ดมาพอกหนาเมื่อเกิดภาวะหนาบวม โดยนำเน้ือเห็ดไปปน ใหละเอียดแลวนำไปอบใหรอนกอนนำมาพอกหนา หมอยาพื้นบานอีสานใชตมกินแกปวดเม่ือย บำรุง กำลงั สตู ร 1 สรรพคณุ ฟนฟผู ปู ว ยมะเรง็ ตางๆ เชน มะเรง็ ปอด ตบั กระดกู สวนประกอบ 1. เห็ดเค็ง เห็ดตนจกิ เห็ดแดง เหด็ ตอจกิ ชนิดละ 1 ดอก 2. น้ำ 1 ลิตร วธิ ที ำ นำเหด็ มาตม กบั น้ำ 1 ลิตร เคยี่ วจากนำ้ 3 สว นเหลอื 1 สว น วิธีรับประทาน ด่มื 1 แกว เปก กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น ดืม่ ตดิ ตอกนั จนอาการดีขึ้น สูตร 2 สรรพคณุ ฟน ฟูผูปว ยมะเรง็ ตางๆ เชน มะเรง็ ปอด ตบั กระดกู สว นประกอบ 1. เหด็ เคง็ เหด็ ตนจิก เหด็ แดง เหด็ ตอจิก ชนดิ ละ 1 หัวแมม อื ผูปวย 2. น้ำ 1/2 แกว วิธที ำ นำเหด็ แตล ะชนดิ มาฝนชนดิ ละ 9 ครงั้ วธิ ีรับประทาน นำตัวยาทฝี่ นไดผ สมกับน้ำ 1/2 แกว ดืม่ กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เยน็ ดม่ื ตดิ ตอ กนั จนอาการดีข้ึน 74

เห็ดเปน็ ยา เพอื่ สุขภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพ้นื บ้าน สตู ร 3 สรรพคุณ แกมะเรง็ ที่เปนกอนใหยบุ ตวั ลง สวนประกอบ 1. เหด็ เค็ง เห็ดตนจิก เหด็ แดง เห็ดตอจกิ อยา งละ 1 ขีด 2. นำ้ 4 ลิตร วิธีทำ นำมาตมกับน้ำ 4 ลิตรเคยี่ วจนเหลือ 2 ลิตร วิธีรับประทาน ด่ืม 1 แกวเปก กอนอาหาร วนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เย็น ด่มื ตดิ ตอกนั จนอาการดีข้ึน สูตร 4 สรรพคณุ แกฝา สวนประกอบ 1. เหด็ เคง็ เห็ดตนจกิ เหด็ แดง เหด็ ตอจิก อยา งละ 15 กรมั 2. น้ำผง้ึ 2 ชอนโตะ 3. นำ้ 1 ชอ นโตะ วธิ ีทำ นำเห็ดทัง้ 4 ชนดิ มาบดเปน ผง รวมกันประมาณ 1 ชอ นกาแฟ ผสมกับน้ำผ้ึงและนำ้ วธิ ใี ช นำมาทาบรเิ วณท่ีเปน ฝา กอ นนอน 15 นาที แลว ลา งออก ทาทกุ วนั จนฝาจางลง 75

เหด็ เปน็ ยา เพือ่ สุขภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพ้ืนบ้าน สตู ร 5 สรรพคณุ ลดการอักเสบของมะเร็งเตา นม สวนประกอบ 1. เห็ดเคง็ เหด็ ตน จกิ เหด็ แดง เห็ดตอจกิ อยางละ 15 กรัม 2. นำ้ วธิ ที ำ นำเห็ดท้งั 4 ชนิด ขนาดเทาหวั แมม อื ผูปว ย มาฝนกบั น้ำ วธิ ใี ช ทาบรเิ วณทีเ่ ปน กอ นมะเรง็ ใหย บุ ตัวลง ทาวันละ 3 เวลา เชา-กลางวนั -เย็น จนหาย งานวิจัยทางวิทยาศาสตรทีเ่ กี่ยวของ พบสารสำคัญในการยับย้ังการเกิดมะเร็งและรักษามะเร็ง สวนใหญใชรวมกับเห็ดจิก หรือ เห็ดเค็ง ในการผลิตเปนยาหรืออาหารเสริมในการปองกันมะเร็ง และกระตุนการทำงานของระบบ ภมู ิคมุ กันในรางกาย 76

เหด็ เป็นยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพืน้ บ้าน เหด็ ตอจกิ Phellinus gilvus (Schwein.) Patouillard ชือ่ ทองถิน่ /ช่ืออืน่ ๆ เหด็ หงิ้ ขอบเหลอื งมสั ตารด 77

เห็ดเปน็ ยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพน้ื บ้าน เหด็ ตอจิก Phellinus gilvus (Schwein.) Patouillard รูปรา ง/ลักษณะ สวนใหญเกิดเปนหิ้งเรียงตัวเหล่ือมซอนกัน มีลักษณะรูปรางโคงนูนเปนแผนครึ่งวงกลม สีน้ำตาลเหลืองถึงเหลืองสนิมสดใส แลวกลายเปน นำ้ ตาลสนิมเขม หรือนำ้ ตาลอมดำในชัน้ ใน โดยขอบดา นนอกมีสเี หลอื งมัสตารด มีขนละเอยี ดถึงเสนใย เล็กๆ บนผวิ หมวกเหด็ ขณะออ น เมอ่ื แกผ วิ จะเรยี บ เนื้อหนา เหนยี วเหมือนไมคอรก สีนำ้ ตาลอมเหลือง จะเปนสีดำเมื่อทำปฏิกิริยากับโพแตสเซียมไฮดรอกไซด ใตหมวกเห็ดมีรูกลม สีน้ำตาลอมเทาถึง นำ้ ตาลอมแดงหรือน้ำตาลเขม ไมม กี านดอก แหลงท่พี บ พบขึ้นบนไมใหญท่ีตายแลว โดยเฉพาะบนตอจิกหรือเต็งในปาโคกหรือปาเบญจพรรณหรือ ปาดบิ แลงในฤดฝู นที่ชุม ช้นื 78

เหด็ เป็นยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพน้ื บา้ น การใชประโยชนต ามภมู ปิ ญญาหมอพ้นื บาน คนพ้ืนเมืองของเกาะไตหวันใชในการรักษามะเร็ง ทองเดิน0ตับอักเสบและกระตุนการทำงานของระบบ ภูมิคุมกันของรางกาย แตไมปรากฏหลักฐานวามีการใชเปน ยาในประเทศไทย สตู ร 1 สรรพคุณ ฟนฟูผูปวยมะเร็งตางๆ เชน มะเร็งปอด ตับ กระดกู สว นประกอบ 1. เหด็ เคง็ เหด็ ตนจกิ เห็ดแดง เหด็ ตอจกิ ชนิดละ 1 ดอก 2. นำ้ 1 ลติ ร วิธที ำ นำเห็ดมาตมกบั นำ้ 1 ลติ ร เคยี่ วจากนำ้ 3 สว นเหลือ 1 สวน วธิ ีรับประทาน ดืม่ 1 แกวเปก กอ นอาหาร วันละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น ด่มื ตดิ ตอ กนั จนอาการดขี ึ้น สตู ร 2 สรรพคุณ ฟน ฟูผปู วยมะเรง็ ตางๆ เชน มะเร็งปอด ตับ กระดูก สวนประกอบ 1. เหด็ เคง็ เห็ดตนจิก เห็ดแดง เห็ดตอจิก ชนิดละ 1 หวั แมม อื ผปู ว ย 2. นำ้ 1/2 แกว วิธีทำ นำเหด็ แตละชนิดมาฝนชนิดละ 9 ครัง้ วิธรี บั ประทาน นำตวั ยาทีฝ่ นไดผ สมกบั น้ำ 1/2 แกว ด่ืมกอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เย็น ด่มื ตดิ ตอกนั จนอาการดขี น้ึ 79

เห็ดเปน็ ยา เพือ่ สขุ ภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพ้ืนบ้าน สูตร 3 สรรพคณุ แกมะเรง็ ที่เปนกอนใหยุบตัวลง สว นประกอบ 1. เห็ดเค็ง เห็ดตนจิก เห็ดแดง เห็ดตอจิก อยางละ 1 ขีด 2. น้ำ 4 ลิตร วิธีทำ นำมาตมกับน้ำ 4 ลิตรเค่ียวจนเหลือ 2 ลติ ร วิธีรับประทาน ดื่ม 1 แกวเปก กอนอาหาร วันละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เยน็ ดมื่ ตดิ ตอ กนั จนอาการดีข้ึน สูตร 4 สรรพคุณ แกฝา สวนประกอบ 1. เหด็ เค็ง เหด็ ตนจกิ เหด็ แดง เหด็ ตอจิก อยางละ 15 กรัม 2. น้ำผงึ้ 2 ชอนโตะ 3. นำ้ 1 ชอนโตะ วิธีทำ นำเห็ดทงั้ 4 ชนดิ มาบดเปน ผง รวมกนั ประมาณ 1 ชอ นกาแฟ ผสมกบั นำ้ ผง้ึ และนำ้ วธิ ใี ช นำมาทาบรเิ วณทเี่ ปนฝา กอ นนอน 15 นาที แลว ลางออก ทาทุกวันจนฝาจางลง 80

เห็ดเปน็ ยา เพื่อสขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพน้ื บ้าน สตู ร 5 สรรพคุณ ลดการอักเสบของมะเร็งเตานม สวนประกอบ 1. เห็ดเค็ง เห็ดตนจกิ เห็ดแดง เหด็ ตอจกิ อยา งละ 15 กรัม 2. น้ำ วธิ ีทำ นำเห็ดท้งั 4 ชนดิ ขนาดเทา หวั แมม ือผปู วย มาฝนกับนำ้ วธิ ใี ช ทาบริเวณทเ่ี ปนกอนมะเรง็ ใหย ุบตวั ลง ทาวนั ละ 3 เวลา เชา-กลางวนั -เย็น จนหาย งานวจิ ยั ทางวิทยาศาสตรท เ่ี กย่ี วขอ ง สารสกัดไดจากเห็ดชนิดนี้สามารถยับยั้งการเจริญของเซลลมะเร็ง ชวยในการรักษาแผลบริเวณ ผิวหนังและสามารถยับย้ังการอักเสบของปอด นอกจากนี้ยังพบวามีสารสำคัญบางชนิดท่ีสามารถ ทำใหหลอดเลือดขยายตัวได 81

เห็ดเปน็ ยา เพื่อสุขภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพนื้ บ้าน เหด็ พมิ าน Phellinus rimosus (Berk.) Pilat ช่อื ทองถน่ิ /ช่ืออ่นื ๆ เหด็ กระถินพมิ าน เห็ดเกือกมา เหด็ ตีนหมี 82

เหด็ เป็นยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพน้ื บา้ น เห็ดพมิ าน Phellinus rimosus (Berk.) Pilat รูปรา ง/ลักษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรูปรางเปน ก อ น ค รึ่ ง ท ร ง ก ล ม ค ล า ย กี บ เ ท า สั ต ว เนื้อเห็ดแหงแข็งกระดางคลายเน้ือไม เจริญออกมาจากตนไมโดยดานลางเปนดอกใหมที่ใหญกวาดอกเกา เกิดซอนเช่ือมติด เปนเน้ือเดียวกันหลายๆ ป ทำใหดอกเห็ดใหญและหนาขึ้นเรอ่ื ยๆ คลา ยขั้นบนั ไดหรือเนนิ ภูเขา ผิวหมวกเห็ดมีสีน้ำตาล แลวกลายเปนสีน้ำตาลดำในท่ีสุด ผิวจะขรุขระแตกเปน เกล็ดหนาใหญและแข็ง ซ่ึงตอนบนอาจหลุดหายไปบางสวน ในแตละปเน้ือเห็ดจะหนา ข้ึนประมาณ 1 เซนติเมตร ภายในเต็มไปดวยช้ันของรูเล็กๆ ซอนกัน โดยผนังเช่ือมเปน เนื้อเดียวกัน มีสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลเหลือง ช้ันลางสุดเปนชั้นท่ีเกิดใหม มีรูกลม ไมมี กานดอก สปอรรูปรีคอ นขางกลม สนี ำ้ ตาลแดง แหลง ทีพ่ บ เ ห็ ด พิ ม า น มี เ ข ต ก า ร ก ร ะ จ า ย พั น ธุ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ท่ัวทุกภาค ตามปาโคกหรือปาเบญจพรรณ ข้ึนตามตนพิมาน เขลง แดง และตน เต็งรัง ทำใหเ กดิ การผทุ โี่ คนและแกน 83

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพ้นื บา้ น การใชป ระโยชนท างยาตามภมู ปิ ญญาหมอพ้ืนบา น ชนพ้ืนเมืองอินเดียและจีนมีการใชเห็ดพิมานเปนยาบำรุง เรียกพลังมากกวารอยป สำหรับใน ประเทศไทยตามภูมิปญญการแพทยพ้ืนบานเห็ดพิมานเปนเห็ดท่ีมีการใชเขาตำรับยามากกวาเห็ด ชนิดอน่ื ๆ แตส วนใหญใชเ ปน ยารักษาฝ แผลเร้อื รงั (มะเฮง็ ) สตู ร 1 สรรพคณุ แกไ ฟลามทุง ขยุมตีนหมา งสู วัด แกพษิ งู สวนประกอบ เห็ดพมิ านเทา หัวแมมอื ผปู ว ย วธิ ีทำ นำเหด็ มาฝน โดยชบุ น้ำแลวฝนบนหิน วิธใี ช ใชท าวนั ละ 3 ครง้ั จนหาย สูตร 2 สรรพคณุ ปรับธาตุ ลดความดันโลหิต ลดนำ้ ตาลในเลือด กระตุนภูมคิ มุ กนั ของรา งกายใหแ ข็งแรง สวนประกอบ 1. เห็ดพมิ าน 1/2 ขดี 2. นำ้ 1 ลิตร วิธที ำ นำเหด็ มาตม โดยเค่ียวจากน้ำ 3 สว นเหลอื 1 สว น หรอื ใชเ ห็ดมาฝนรบั ประทาน วิธีรับประทาน ยาตมรับประทาน คร้ังละ 2 ชอนโตะ กอนอาหารวันละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น รบั ประทานตดิ ตอกนั จนอาการดขี ึน้ หรือฝนรับประทาน ครั้งละ 1/2 ชอนโตะ กอนอาหารวันละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เยน็ 84

เห็ดเป็นยา เพือ่ สุขภาพ ตามภมู ิปัญญาของหมอพืน้ บา้ น สตู ร 3 สรรพคณุ ใชเ ปนยาอายวุ ฒั นะ สรางภมู คิ ุมกัน ปอ งกันมะเรง็ ทุกชนดิ สว นประกอบ 1. เห็ดพมิ าน 1 ขีด 2. นำ้ ผ้งึ พอประมาณ วธิ ที ำ นำเห็ดมาบดเปน ผงผสมนำ้ ผ้งึ ปน เปนลูกกลอนขนาดเทาลูกมะเขอื พวง วิธรี บั ประทาน รับประทานคร้ังละ 2 เม็ด กอ นอาหาร วนั ละ 2 เวลา เชา และกอ นนอน จนอาการดีขึน้ งานวิจัยทางดา นวิทยาศาสตรทเ่ี ก่ยี วขอ ง สารตานอนุมูลอิสระ จากงานวิจัยของ Lakshmi et al. (2004) แสดงใหเห็นวาสารสกัดจาก เห็ดพิมานมีคณุ สมบตั ใิ นการเปนสารตานอนุมลู อิสระไดดีกวาเหด็ ชนดิ อ่นื ๆ ฤทธิ์ในการยับยั้งเน้ืองอก พบวาไดสารที่สามารถทำลายเซลลมะเร็งได ขนาดของสารสกัดท่ี ใชค อื 50 มลิ ลกิ รัม/กิโลกรัม ฤทธ์ิในการยับย้ังแบคทีเรีย สารสกัดจากเห็ดพิมานขนาด 2.67 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร สามารถ ยับยัง้ การเจรญิ ของแบคทเี รยี ไดหลายชนิด 85

เหด็ เปน็ ยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพน้ื บา้ น เห็ดแสดฮุง Phellinus pini (Brot.) Bondartsev & Singer ชือ่ ทองถน่ิ /ชื่ออื่นๆ เหด็ หิ้งเมด็ ทราย เหด็ หง้ิ กระดาษทรายน้ำตาล 86

เห็ดเปน็ ยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภูมปิ ญั ญาของหมอพ้ืนบา้ น เหด็ แสดฮงุ Phellinus pini (Brot.) Bondartsev & Singer รปู ราง/ลักษณะ หมวกเห็ดลักษณะรูปรางโคงนูนคลายกีบสัตวถึงคลายพัด ผิวหมวกเห็ดแข็งเหมือนเปลือกขนมปง แตไมเปนมันวาว ขรุขระ หรือแตกในบางคร้ัง ในระยะออนมีขนละเอียดหรือตุมขรุขระคลาย กระดาษทรายและเปนรองครึ่งวงกลม หลายวงมีจุดศูนยกลางรวมกัน มีสีน้ำตาลปนเหลืองถึงน้ำตาลสนิม แลวกลายเปนน้ำตาลถึงน้ำตาลอมแดง และดำอมน้ำตาลในท่ีสุด ขอบหมวกเห็ดบางครั้งสีสดใสข้ึน เน้ือเห็ดเหนียวบาง สีน้ำตาลปนเหลืองถึงน้ำตาลเหลืองหรือน้ำตาล สนิม ใตหมวกเห็ดเปนรูกลมถึงรูเหล่ียมไมแนนอน รูมีขนาดใหญกวาเห็ดในสกุล Phellinus อื่นๆ มีสนี ้ำตาลปนเหลืองถึงนำ้ ตาลสนมิ แลวกลายเปน สนี ้ำตาล แหลงที่พบ พบขน้ึ ตามตอไมใหญหรือตน ไมเนื้อออนทม่ี ีชีวติ ในปา เบญจพรรณหรอื ปา ดิบช้นื 87

เห็ดเปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภูมิปัญญาของหมอพนื้ บา้ น การใชป ระโยชนท างยาตามภูมปิ ญ ญาหมอพ้ืนบา น ประเทศจีนใชเห็ดแสดฮุงเปนยารวมกับเห็ดจิกและเห็ดเค็งในการรักษาเน้ืองอก บำรุงตับและ เสริมพลงั ชวี ิต สรรพคุณ ใชเกี่ยวกับเสนเอ็น แกโรคกระเพาะอาหาร ลางพิษ แกไข ขับพิษรอน ถอนพิษไข งูสวัด ฟนฟผู ปู วยมะเรง็ ปอด ตับ ไต พรรดกึ (ทอ งผูก ถายเปนลูกกระสุน เสน ทองตึง) สว นประกอบ 1. เห็ดแสดฮุง 1 ขดี 2. นำ้ 1 ลติ ร วธิ ที ำ นำเห็ดมาตมนำ้ 1 ลิตร ตม ใหเหลือ 1/2 ลิตร (มรี สขมนดิ หนอ ย เนื่องจากยางของตนแสดฮงุ ) วิธีรับประทาน รับประทาน 1-2 ชอนโตะ กอนอาหารวันละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เยน็ จนอาการดขี ้นึ งานวิจยั ทางดา นวิทยาศาสตรทเี่ ก่ียวของ สารสกัดหยาบจากน้ำที่ใชในการเพาะเล้ียงเสนใยของเห็ดแสดฮุงมีคุณสมบัติในการกระตุนการ ทำงานของระบบภมู ิคุมกัน 88

เหด็ เปน็ ยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพืน้ บา้ น เหด็ หง้ิ เกือกมา้ ขม Laricifomes officinalis (Villars, 1789) Kotlaba & Pouzar ชอ่ื ทอ งถน่ิ /ชอ่ื อนื่ ๆ - 89

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพืน้ บ้าน เหด็ หง้ิ เกอื กม้าขม Laricifomes officinalis (Villars, 1789) Kotlaba & Pouzar รูปราง/ลกั ษณะ หมวกเห็ดมีลักษณะรปู รางโคง นนู ครง่ึ ทรงกลมคลา ยกรวย คว่ำ หรือกบี สัตวหรือเกือกมา ผิวหมวกเห็ดคลายเปลือกขนมปงบาง บางคร้ังแตกแยกหรือเปนรอยยน เมือ่ เหด็ แก มสี แี ถบสนี ้ำตาลอมเทาถงึ นำ้ ตาลดำ เน้ือเหด็ หนามสี ีนำ้ ตาลอบเชย เมื่อเห็ดแกสจี ะเขมขนึ้ คลายเน้ือไม ใตหมวกเห็ดเปนรูกลม สีน้ำตาลเหลืองแลวกลายเปนสีเทาอมน้ำตาลออน และสีจะเขม ขน้ึ เมือ่ สัมผสั หรอื เห็ดแก ไมมีกา นดอก แหลงที่พบ พบข้ึนเปนดอกเดี่ยวหรือเรียงเปนชั้นหรือห้ิงหลายๆ ดอก บนตนไมเน้ือออน หรือเนื้อแข็งท้ังท่ี ตายแลวและมชี ีวติ อยู ตามปาดบิ แลง หรือปา ดิบชนื้ หรอื ปา เบญจพรรณ 90

เหด็ เปน็ ยา เพ่ือสขุ ภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพน้ื บา้ น การใชป ระโยชนต ามภมู ปิ ญญาหมอพน้ื บาน เห็ดชนิดน้ีมีประวัติการใชเปนยามาต้ังแตยุคกรีกรุงเรือง โดยใชเปนยารักษาวัณโรคและอีสุกอีใส เห็ดชนิดน้ีใชเปนยา ในยุโรปมากกวาในเอเชีย โดยใชเปนยาลดไขที่ทำใหเหง่ือออก ตอนกลางคืน ตอตานเนื้องอก บำรุงปอด บำรุงเลือดลมใหปกติ แกริดสดี วงทวารหนกั สตู ร 1 สรรพคณุ รกั ษาบาดแผล แกพษิ งู แผลจากงกู ัด สวนประกอบ เห็ดหิ้งเกือกมาขม หรือเหด็ ห้งิ เขม็ ขัดแดง จำนวน 3 ดอก วิธที ำ เอาเหด็ 3 ดอก ใสถวยแลวนำไปนึ่ง 20 นาที วธิ ีรับประทาน นำน้ำที่ไดจากการนึ่งเห็ดมารับประทานวันละ 1-2 ชอ นโตะ กอนอาหารวันละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เย็น จนอาการดีข้นึ สูตร 2 สรรพคุณ แกพ ษิ งู งสู วดั สว นประกอบ 1. เห็ดหง้ิ เกอื กมาขม เหด็ หิง้ เข็มขดั แดงขนาดเทา หวั แมมือผูปว ย 2. นำ้ ปูนใส 1 ถวย วธิ ีทำ นำเหด็ มาฝนกบั นำ้ ปูนใส วิธใี ช ทาบริเวณทเี่ ปน แผลอักเสบ เรมิ หรืองสู วัด ทาวนั ละ 3 เวลา เชา -กลางวนั -เย็น จนอาการดขี ้นึ งานวจิ ยั ทางวิทยาศาสตรท เ่ี ก่ยี วขอ ง เชื่อวามีศักยภาพในการใชเปนยารักษาไขหวัดนก อีสุกอีใสและวัณโรค มีจำหนายในทองตลาด เปน ยาในรูปแบบตางๆ 91

เหด็ เปน็ ยา เพ่อื สุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพน้ื บ้าน เห็ดหิ้งเขม็ ขดั แดง Fomitopsis pinicola (Sw.) Karst. ชอื่ ทองถนิ่ /ช่ืออื่นๆ เห็ดหิง้ เกือกมา แถบน้ำตาลคาดแดง 92

เหด็ เปน็ ยา เพอื่ สขุ ภาพ ตามภมู ปิ ญั ญาของหมอพ้นื บ้าน เห็ดหิง้ เข็มขดั แดง Fomitopsis pinicola (Sw.) Karst. ชอ่ื ทองถ่นิ /ช่ืออื่นๆ เห็ดหงิ้ เกอื กมา แถบน้ำตาลคาดแดง รปู ราง/ลักษณะ หมวกดอกมรี ูปรา งคลายกบี สัตว มเี น้อื แข็งเหมือนเน้อื ไม เมอื่ เจริญ ขึ้นมาใหมๆ มีสีเหลืองสม ขอบสีขาว แตเม่ืออายุมากข้ึนจะมีสีแดงดำ จนถึงน้ำตาลและขอบดานในเปนสีสม ดานนอกเปนสีขาว ผิวดานบนไม เรียบมีลักษณะเปนคลื่นหรือรองตื้นๆ ขอบหมวกมีลักษณะคลายน้ำยาง เยิม้ ออกมา หมวกดานลา งมีสคี รมี หรอื น้ำตาลเหลือง มีอายหุ ลายป แตละ ปจะมีชั้นใหมง อกออกมาทางดา นลาง แหลงท่ีพบ สวนใหญพบอยูบนตนไมที่ยังมีชีวิตอยู เจริญเปนดอกเดี่ยวหรือ เปน กลมุ ในปา ดิบท่ีมคี วามชน้ื สงู 93

เหด็ เปน็ ยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภมู ปิ ัญญาของหมอพ้นื บา้ น การใชประโยชนตามภมู ปิ ญ ญาหมอพื้นบา น ใชม ากในประเทศจนี เปนยาบำรุงเพิม่ พลงั ชวี ิต (กระตุนการทำงานของระบบภมู ิคมุ กัน) สตู ร 1 สรรพคณุ รักษาบาดแผล แกพิษงู แผลจากงกู ดั สว นประกอบ เห็ดห้งิ เกอื กมา ขม หรอื เห็ดห้งิ เข็มขดั แดง จำนวน 3 ดอก วธิ ที ำ เอาเห็ด 3 ดอก ใสถ ว ยแลวนำไปนึ่ง 20 นาที วิธรี บั ประทาน นำน้ำท่ไี ดจากการน่งึ เห็ดมารับประทานวนั ละ 1-2 ชอ นโตะ กอนอาหารวันละ 3 เวลา เชา -กลางวัน-เยน็ จนอาการดขี ึ้น สตู ร 2 สรรพคุณ แกพ ิษงู งสู วัด สว นประกอบ 1. เห็ดห้งิ เกือกมาขม เห็ดห้ิงเขม็ ขดั แดง ขนาดเทา หัวแมม อื ผูปวย 2. นำ้ ปนู ใส 1 ถว ย วธิ ที ำ นำเห็ดมาฝนกบั นำ้ ปูนใส วิธใี ช ทาบริเวณทีเ่ ปนแผลอักเสบ เริมหรอื งูสวัด ทาวันละ 3 เวลา เชา-กลางวัน-เย็น จนอาการดขี ึ้น งานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรทเ่ี กย่ี วของ สารนี้สามารถยับย้ังการเจริญของมะเร็งและกระตุนการทำงานของระบบภูมิคุมกัน นอกจากน้ี ยังพบสารชนิดใหมในกลุมสเตียรอยดท่ีมีฤทธิ์ในการตอตานแบคทีเรีย มีการศึกษาคนพบคุณสมบัติ ของฤทธ์ิในการยับย้งั เนอ้ื งอก ตอตานอนุมลู อสิ ระและชวยลดนำ้ ตาลในเลือด 94

เห็ดเป็นยา เพื่อสุขภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพน้ื บา้ น เหด็ รังนก Cyathus stercoreus (Schw.) de Toni Derivation ชอื่ ทอ งถนิ่ /ชอ่ื อื่นๆ เห็ดรงั นกนางแอน 95

เห็ดเปน็ ยา เพอ่ื สุขภาพ ตามภูมิปญั ญาของหมอพ้นื บา้ น เหด็ รงั นก Cyathus stercoreus (Schw.) de Toni Derivation รูปรา ง/ลกั ษณะ ดอกเห็ดมีลักษณะรูปรางคลายถวยกนสอบ หรือถวยรูปกรวยสีน้ำตาลออนอมเทา มีขนหยาบๆ สีเทาอมน้ำตาลรวมกันเปนกลุมเล็กๆ ผิวดานใน เรียบและเปนมันสีน้ำตาลเทาถึงน้ำตาลเขม ภายในมีอับสปอรรูปไข แบน ผิวเรียบเปนมันขนาด 1.6-2 มลิ ลิเมตร สเี ทาถึงสดี ำ ยึดตดิ กนถว ยดวยเสน ใยคลา ยเสน ดา ย แหลง ทีพ่ บ เจรญิ อยูตามกองมลู สตั วห รือกองของกิ่งไมเ ล็กๆ พบเหน็ ไดท ว่ั ไป 96

เห็ดเปน็ ยา เพ่อื สขุ ภาพ ตามภมู ิปญั ญาของหมอพน้ื บ้าน การใชป ระโยชนต ามภมู ปิ ญญาหมอพน้ื บาน นำท้ังดอกมาตมด่ืมแกอาการปวดทองโรคกระเพาะอาหาร หรือนำท้ังดอกมาบดใหเปนผงผสม กับนำ้ แลวกรองเอาเฉพาะสว นทีใ่ สใชหยอดตาเมอื่ เจ็บตาหรือเปนตาแดง สตู ร 1 บำรุงสมอง บำรงุ กำลัง บำรุงหวั ใจ บำรุงโลหิต ฟน ฟสู ภาพผูปว ยมะเร็ง สรรพคุณ สว นประกอบ 1. เห็ดรังนกบด 2 ชอนชา 2. น้ำผ้งึ 2 ชอ นชา 3. นำ้ รอน 1 แกว เปก วธิ ีทำ นำเหด็ มาตากลมใหแหงแลวบดเปนผงนำเหด็ ที่บดแลว 2 ชอ นชา ผสมนำ้ ผึง้ และน้ำรอน 1 แกว (30cc.) คนใหเ ขา กนั วธิ รี บั ประทาน ดมื่ วันละ 1 แกว กอนนอน ด่มื ตดิ ตอ กนั 7-15 วัน สตู ร 2 สรรพคณุ ใชเ ปนยาบำรุง ยาอายุวฒั นะ ปอ งกนั มะเร็ง สว นประกอบ 1. เห็ดรังนกบด 1 ขดี 2. นำ้ ผึง้ พอประมาณ วธิ ีทำ นำเหด็ ทีบ่ ดแลว ผสมน้ำผ้งึ ปนเปนลกู กลอน เทาลูกมะเขือพวง วิธีรับประทาน รบั ประทานคร้ังละ 2 เมด็ กอนอาหาร วันละ 2 เวลา เชา-เย็น รับประทานไดทกุ วนั 97

เหด็ เป็นยา เพอ่ื สขุ ภาพ ตามภูมปิ ัญญาของหมอพนื้ บ้าน ขอมูลเพิม่ เติม การอบแหงจะทำใหสรรพคุณเส่ือม โบราณนิยมตากลมใหแหง วิธีการอบแหงธรรมชาติโดยใช อฐิ บลอ็ กกอ 4 ดา น ดานบนบุสังกะสโี ปรงแสง เหด็ รงั นกเปนเห็ดหายาก พบมากในภาคใต งานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรท ีเ่ กี่ยวของ มีการคนพบสารประกอบชนิดใหม ซึ่งมีฤทธิ์ในการตอตานอนุมูลอิสระ ชวยปกปองการทำงาน ของ DNA 98


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook