“...พอเพียง มคี วามหมายกวา้ งขวางยง่ิ กว่านอ้ี กี คอื คำ�ว่าพอ กพ็ อเพยี งน้กี ็พอแค่น้ันเอง คนเราถา้ พอในความต้องการกม็ คี วามโลภนอ้ ย เม่ือมีความโลภน้อยกเ็ บยี ดเบียนคนอน่ื น้อย ถา้ ประเทศใดมีความคิดอนั นี้ มีความคิดวา่ ท�ำ อะไรต้องพอเพยี ง หมายความวา่ พอประมาณ ซือ่ ตรง ไมโ่ ลภอยา่ งมาก คนเรากอ็ ยู่เปน็ สขุ พอเพยี งนอี้ าจมีมากอาจจะมีของหรูหรากไ็ ด้ แต่วา่ ต้องไมเ่ บียดเบยี นคนอ่ืน...” พระราชด�ำ รสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ท่ี 4 ธนั วาคม 2551
ค�ำน�ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดจ้ ดั ทำ� หนงั สอื “๑๒๒ อาชพี เกษตรกรรมทางเลอื ก” เพอื่ เผยแพรอ่ งคค์ วามรใู้ นการประกอบอาชพี ดา้ นการเกษตรกรรมทเี่ หมาะสมในการดำ� เนนิ ชวี ติ และการพึ่งพาตนเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงกองนโยบายเทคโนโลยี เพื่อการเกษตรและเกษตรกรรมย่ังยืน ส�ำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดด้ ำ� เนนิ การปรบั ปรงุ และจำ� แนกเนอื้ หาในแตล่ ะอาชพี เพอื่ เผยแพรใ่ หเ้ กษตรกร และผทู้ ส่ี นใจ ใชเ้ ปน็ แนวทางในการประกอบอาชพี ประกอบดว้ ย ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพชื ทางเลอื กอาชพี ดา้ นปศสุ ตั ว์ ทางเลอื กอาชพี ดา้ นประมง ทางเลอื กอาชพี ดา้ นการแปรรปู อาหาร ทางเลอื กอาชพี ด้านการผลิตอาหารสัตว์ ทางเลือกอาชีพดา้ นหม่อนไหม ทางเลือกอาชีพด้านการแปรรูป ผลติ ภณั ฑอ์ น่ื ๆ และทางเลอื กอาชพี ดา้ นสมนุ ไพรไทย ประเทศไทยเปน็ ประเทศทมี่ ศี กั ยภาพดา้ นการเกษตร ซงึ่ การเกษตรถอื วา่ เปน็ รากฐาน ของประเทศไทย มีการปลูกพืชเป็นจ�ำนวนมากเพ่ือบริโภคเป็นอาหารในครัวเรือน หรือ เพ่ือการจ�ำหน่าย กล่าวได้ว่า การปลูกพืชสามารถเป็นอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกรได้ ทงั้ อาชพี หลกั และอาชพี เสรมิ การจดั ทำ� หนงั สอื “ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพชื ” เปน็ การรวบรวม ความรแู้ ละขอ้ มลู เชงิ วชิ าการทจ่ี ำ� เปน็ และเปน็ พน้ื ฐานในการประกอบอาชพี ทางเลอื กดา้ นพชื อาทิ การปลกู กลว้ ยไข่ การผลติ พรกิ สด การเพาะเหด็ การปลกู ถว่ั ลสิ ง การผลติ ตะไคร้ เปน็ ตน้ สำ� หรบั เผยแพรใ่ หแ้ กเ่ กษตรกรและผทู้ สี่ นใจ ไดน้ ำ� ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะสม เพอ่ื เสรมิ สรา้ ง ความมน่ั คงทางอาชพี และรายไดต้ อ่ ไป ในการจดั ทำ� หนงั สอื “ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพชื ” เลม่ นี้ ไดร้ บั ความอนเุ คราะหข์ อ้ มลู เปน็ อยา่ งดจี ากกรมวชิ าการเกษตร และกรมสง่ เสรมิ การเกษตร ซงึ่ กองนโยบายเทคโนโลยี เพ่ือการเกษตรและเกษตรกรรมยย่ังยืน ส�ำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอขอบคณุ มา ณ โอกาสนด้ี ว้ ย กองนโยบายเทคโนโลยเี พอ่ื การเกษตรและเกษตรกรรมยงั่ ยนื มนี าคม ๒๕๕๖ 88
ทางเลือกดอาา้ ชนพี พืช สารบญั หน้า การปลูกกลว้ ยไข่ การปลกู ปูเลเ่ พอื่ การค้า 7 การปลูกกระชายด�ำ 13 การผลติ พรกิ สด 15 การท�ำก้อนเชื้อเห็ดและเปิดดอก 22 การปลกู ข้าวโพดฝกั สด 26 การปลูกขา้ วโพดฝักออ่ น 31 การผลติ หน่อไม้ฝรง่ั 36 การผลิตตะไคร้ 40 การผลติ ผักปลอดภยั จากสารพิษ 44 ออ้ ยคัน้ น�้ำครบวงจร 47 52
สารบัญตอ่ หน้า การปลกู มะพรา้ วออ่ น การปลกู ไผ่ตง 57 การผลิตฝรัง่ คุณภาพ 60 การปลูกสม้ โอ 64 การผลติ มะม่วงเพอ่ื สง่ ออก 67 การผลิตชมพ ู่ 70 การผลติ ถ่ัวเขียวครบวงจร 73 การปลกู ถั่วลิสง 76 การผลติ ถัง่ ลิสงหลงั นา 79 การปลูกผักลอยแพ 82 85
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช การปลกู กล้วยไข่ กล้วยไข่เป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคกันท่ัวไป เน่ืองจากมีรสชาติดี ลักษณะการเรียงตัวของผล และสีผลสวยสะดุดตา ปัจจุบันส่งออกจ�ำหน่าย ตา่ งประเทศมากขน้ึ ตลาดทส่ี ำ� คญั คอื จนี และฮอ่ งกง กล้วยไข่เป็นพืชท่ีสามารถปลูกได้แทบทุกภาค ในประเทศ ในพนื้ ทปี่ ลกู ทม่ี กี ารจดั การการผลติ เพอ่ื ให้ได้ทั้งปริมาณ และผลผลิตตรงตามมาตรฐาน คณุ ภาพตลาดตอ้ งการ ปญั หาสำ� คญั ทมี่ ผี ลตอ่ คณุ ภาพ ของผลผลติ คอื การปนเปอ้ื นของสารปอ้ งกนั กำ� จดั ศัตรูพืช ซึ่งอาจท�ำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพอนามัย ของผู้บริโภค ตลอดจนการปนเปื้อนสู่ส่ิงแวดล้อม ในระยะยาว ดงั นน้ั กระบวนการการผลติ จงึ ตอ้ งมี การปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม แหล่งปลูก ทีเ่ หมาะสม 7
ทางเลือกอาชีพดา้ นพืช สภาพพ้นื ท่ี - พน้ื ทดี่ อน หรอื พืน้ ที่ราบ ไมม่ นี ้�ำท่วมขงั - ความสูงจากระดับน�้ำทะเลไมเ่ กนิ 1,200 เมตร - มีแหล่งนำ้� ธรรมชาติ หรอื อยูใ่ นเขตชลประทาน - การคมนาคมสะดวก ลกั ษณะดนิ - ดนิ ร่วน, ดินเหนยี ว หรอื ดินรว่ นปนทราย - มคี วามอดุ มสมบรู ณ์สงู ระบายน�ำ้ ดี - ระดบั นำ้� ใตด้ ินลกึ กว่า 75 เซนติเมตร - คา่ ความเปน็ กรดดา่ งของดินระหวา่ ง 5.0 - 7.0 สภาพภมู ิอากาศ - อณุ หภูมทิ เ่ี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโต ระหวา่ ง 25 – 30 องศาเซลเซียส - ปริมาณนำ้� ฝนไมน่ ้อยกวา่ 1,200 มิลลเิ มตรตอ่ ปี - ไมม่ ลี มพดั ผ่านเป็นประจ�ำ - มแี สงแดดจัด แหล่งน้�ำ - มนี �้ำใช้เพยี งพอตลอดฤดูการปลูก - เป็นแหล่งนำ้� สะอาด คา่ ความเปน็ กรดด่างของน�ำ้ ระหวา่ ง 5.0 – 9.0 พนั ธุ์ กล้วยไข่มี 2 สายพันธุ์ คือ กล้วยไข่สายพันธุ์ก�ำแพงเพชร และกล้วยไข่ สายพนั ธพ์ุ ระตะบอง พนั ธท์ุ นี่ ยิ มปลกู กนั เปน็ การคา้ คอื กลว้ ยไขส่ ายพนั ธก์ุ ำ� แพงเพชร 1. กลว้ ยไข่สายพนั ธุก์ �ำแพงเพชร ลกั ษณะกาบใบเปน็ สนี ำ้� ตาลหรอื ชอ็ กโกแลต รอ่ งกา้ นใบเปดิ และขอบกา้ นใบ ขยายออก ใบมสี เี หลืองอ่อน ไมม่ ีนวล ก้านเครอื มีขนาดเลก็ ผิวเปลอื กบาง ผลเล็ก เนอื้ มสี เี หลือง รสชาติหวาน 8
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื 2. กลว้ ยพระตะบอง ลักษณะก้านใบเป็นสีน�้ำตาลปนด�ำ สีของใบเข้มกว่าสายพันธุ์ก�ำแพงเพชร รสชาติจะออกหวานอมเปร้ียว และผลมีขนาดใหญ่กว่าสายพันธุ์ก�ำแพงเพชร การปลูก การเตรียมดิน - วิเคราะห์ดิน เพ่ือประเมินค่าความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารพืชในดิน และความเป็นกรดด่างของดิน ปรับสภาพดินตามค�ำแนะน�ำก่อนปลกู - ไถพรวน ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน เพื่อลดการระบาดของศตั รูพชื - คราดเกบ็ เศษวัชพืชออกจากแปลง ฤดกู ารปลกู - ช่วงเวลาการปลูก ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ประมาณเดือนกันยายนถึง พฤศจิกายน วิธกี ารปลกู - ปลูกด้วยหนอ่ ใบแคบที่มคี วามสมบรู ณ์ดี - เตรียมหลุมกว้างขนาด 50x50x50 เซนตเิ มตร - รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกอัตรา 5 กิโลกรัมต่อหลุม คลุกเคล้ากับหน้าดิน รองก้นหลมุ ปลูกถา้ มกี ารไว้หนอ่ (ratoon) เพ่อื เก็บเกย่ี วผลผลติ ตอ่ ไปอกี 1 - 2 ร่นุ ควรรองกน้ หลุมด้วย หนิ ฟอสเฟส อัตรา 100 – 200 กรัม/หลุม - ระยะปลูก (1.5-1.75) x 2 เมตร เป็นการปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต เพยี งครงั้ เดยี วแลว้ รอ้ื ปลกู ใหม่ 2x2 เมตร เปน็ การปลกู สำ� หรบั ไวต้ อหรอื หนอ่ (ratoon) เพ่อื ทจ่ี ะเกบ็ เกย่ี วผลผลิตของหน่อ (ratoon) อีก 1–2 รนุ่ - การปลกู วางหนอ่ พนั ธท์ุ หี่ ลมุ ปลกู ไวล้ กึ 25-30 เซนตเิ มตร โดยจดั วางหนอ่ พนั ธ์ุ ให้ด้านที่ติดกับต้นแม่อยู่ในทิศทางเดียวกัน กลบดินลงหลุมปลูกและกดดินบริเวณ โคนต้นให้แน่น แล้วรดน�้ำให้ชุ่ม 9
ทางเลือกอาชีพดา้ นพืช การดแู ลรกั ษา การพรวนดิน ภายหลังปลูกกล้วยไข่ได้ประมาณ 1 เดือน ควรรีบท�ำการพลิกดินให้ท่ัว ทง้ั แปลงปลกู เพอ่ื ใหด้ นิ เกบ็ ความชน้ื จากนำ้� ฝนไวใ้ หม้ ากทสี่ ดุ และเปน็ การกำ� จดั วชั พชื ไปดว้ ย ขณะทรี่ ากกล้วยไมย้ งั ขยายไปไมม่ ากนกั การกำ� จดั วัชพืช ควรก�ำจดั วชั พืชปีละ 3 ครง้ั คร้ังแรกพรอ้ ม ๆ กับการพลกิ ดิน ส่วนคร้ังที่ 2 และ 3 ให้พิจารณาจากวชั พืช แตจ่ ะท�ำก่อนที่ต้นกล้วยตกเครือ การใหป้ ๋ยุ ใส่ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ 1 ครงั้ เช่น ปุ๋ยคอกหรือปยุ๋ หมกั กอ่ นปลูกอัตรา 3-5 กิโลกรัม ต่อหลุม ใส่ปุ๋ยเคมี 4 คร้ัง ครั้งท่ี 1 และ 2 เป็นระยะท่ีกล้วยมีการเจริญเติบโต ทางล�ำต้น ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10 หรือ 15-15-15 อัตรา 125-250 กรัมต่อต้น ตอ่ ครงั้ หลังจากปลกู 1 และ 3 เดอื น การใหป้ ุ๋ยเคมีครัง้ ท่ี 3 และ 4 จะให้ปยุ๋ เคมี ภายหลังจากการปลูก 5 และ 7 เดือน ซึ่งเป็นระยะท่ีกล้วยใกล้ให้ผลผลิต จะให้ ปุย๋ เคมสี ตู ร 12-12-24, 13-13-21 หรือ 14-14-21 อัตรา 125-250 กรัมตอ่ ต้นตอ่ ครั้ง วิธีการใส่ปุ๋ยเคมี โรยห่างจากต้นประมาณ 30 เซนติเมตร หรือใส่ลงในหลุม ลกึ ประมาณ 10 เซนตเิ มตร 4 ดา้ น แล้วพรวนดินกลบ การใหน้ ้�ำ ในฤดฝู น เมื่อฝนตกทงิ้ ช่วง เม่ือสงั เกตหน้าดินแหง้ และเริม่ แตกควรรบี ให้น้�ำ วธิ ีการให้นำ�้ ใชว้ ธิ ปี ลอ่ ยนำ้� ใหไ้ หลเขา้ ไปในแปลงยอ่ ยเปน็ แปลงๆ เมอื่ ดนิ มคี วามชมุ่ ชนื้ ดแี ลว้ จงให้แปลงอื่นตอ่ ไป 10
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพืช เทคนคิ ทคี่ วรทราบ การพนู โคน โดยการโกยดนิ เขา้ สมุ โคนกลว้ ย ชว่ ยลดปัญหาการโค่นลม้ ของต้นกลว้ ยเมอ่ื มี ลมแรง โดยเฉพาะตน้ ตอทเ่ี กดิ ขนึ้ ระยะหลงั โคนจะลอยขน้ึ ทำ� ใหก้ ลว้ ยโคน่ ลม้ ลงไดง้ า่ ย การแตง่ หนอ่ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการแต่งหน่อ คือ มีดยาวปลายขอ ชาวบ้านเรียกว่า มีดขอ การแต่งหน่อทุกครั้งโดยเฉือนเฉียงตัดขวางล�ำต้นเอียงท�ำมุม 45 องศากับล�ำต้น โดยครง้ั แรกเฉอื นใหร้ อบเฉอื นดา้ นลา่ งอยสู่ งู จากโคนตน้ ประมาณ 4-5 นว้ิ หลงั จากนนั้ อกี ประมาณ 20-30 วนั จงึ เฉอื นหนอ่ ครง้ั ท่ี 2 ใหร้ อบเฉอื นครงั้ ใหมอ่ ยทู่ ศิ ทางตรงขา้ มกบั รอยเฉือนคร้ังก่อนและให้รอยเฉือนมุมล่างสุดครั้งใหม่อยู่สูงจากรอยเฉือนมุมบน คร้ังก่อน 4-5 น้ิว แต่งหน่อเช่นน้ีไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะปล่อยหน่อ ให้เจริญเตบิ โตเป็นกล้วยตอตอ่ ไป หรอื อาจขุดหน่อไว้ ส�ำหรบั ปลกู ใหม่หรอื ขายกต็ าม การตัดแตง่ และการไวใ้ บ การไว้ใบกล้วยไข่ในระยะต่างๆ มีผลอย่างย่ิงต่อการเจริญเติบโต การปฏิบัติ ดแู ลรกั ษาปญั หาโรคและแมลง ตลอดจนผลผลิต และคณุ ภาพผล ในชว่ งแรกระยะการเจรญิ เตบิ โต ควรไวจ้ ำ� นวน 12 ใบ ถา้ มากกวา่ นี้ จะมปี ญั หา ทำ� ใหก้ ารปฏิบตั ดิ แู ลรกั ษาท�ำได้ยากลำ� บาก โรคแมลงจะมากขนึ้ เกดิ การแยง่ แสงแดด ล�ำต้นจะสูงบอบบางไม่แข็งแรง เกิดการหักล้มได้ง่าย ในทางตรงข้ามถ้าจ�ำนวนใบ มีนอ้ ยเกินไปจะทำ� ให้การเจริญเตบิ โตไมด่ ี ลำ� ตน้ ไมส่ มบรู ณ์ ดินสญู เสียความชื้นไดเ้ ร็ว ปญั หาวชั พชื จะมากขึน้ ภายหลัง กลว้ ยตกเครอื แลว้ ควรตดั แตง่ ใบออก เหลอื ไวเ้ พยี งตน้ ละ 9 ใบกพ็ อ เหลอื ไวม้ าก จะทำ� ใหต้ น้ กลว้ ยรบั นำ้� หนกั มาก จะทำ� ใหเ้ กดิ การหกั ลม้ ไดง้ า่ ย ระยะกลว้ ยมนี ำ้� หนกั เครอื มากขนึ้ และถา้ หากตดั แตง่ ใบมากเกนิ ไป เหลอื จำ� นวนใบไวน้ อ้ ย จะทำ� ใหบ้ รเิ วณคอเครอื และผลกลว้ ยถกู แสงแดดเผา เปน็ ตน้ เหตใุ หก้ ลว้ ยหกั พบั บรเิ วณคอเครอื กอ่ นเกบ็ เกยี่ ว และผลเสียหายไม่สามารถน�ำไปขายได้ 11
ทางเลือกอาชีพด้านพืช การคำ้� เครอื เมื่อกล้วยตกเครือจะมีน้�ำหนักมาก จึงควรป้องกันล�ำต้นหักล้ม ซ่ึงกระท�ำได้ โดยการปกั หลกั ผูกยึดตดิ กับลำ� ตน้ การปักหลักต้องปักลงไปในดินให้แน่นทิศทางตรงข้ามกับเครือกล้วยให้แน่น ชดิ กบั ลำ� ตน้ กลว้ ยมากทส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะทำ� ได้ ผกู ยดึ ลำ� ตน้ กลว้ ยใหต้ รงึ กบั ไมห้ ลกั สกั 3 ชว่ ง ดังนี้ คอื บริเวณช่วงโคนต้น กลางตน้ และคอเครือ โดยใช้ปอกลว้ ยหรือปอฟางก็ได้ ถ้าใช้ไม้รวกส�ำหรับคำ�้ เครือควรจะน�ำไปแชน่ ้�ำ 15-20 วนั เสียก่อนแล้วนำ� มาตากแดด ให้แหง้ จงึ ค่อยนำ� ไปใช้ การตดั ปลี กลว้ ยไข่มีการเจรญิ เตบิ โตและสมบรู ณ์ หลังจากปลูก 7-8 เดอื น กจ็ ะแทงปลี แตถ่ า้ การเจรญิ เตบิ โตและความสมบรู ณไ์ มด่ ี การแทงปลกี จ็ ะชา้ ไปอกี ระยะเวลาตง้ั แต่ เริ่มแทงปลจี นถงึ ปลคี ลอ้ ยตัวลงมาสุดจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน รวมระยะเวลาต้งั แต่ ออกปลี จนสามารถตดั ปลที งิ้ ประมาณ 15 วนั ทง้ั นก้ี ข็ น้ึ อยกู่ บั ความสมบรู ณข์ องตน้ กลว้ ย และชว่ งฤดทู ก่ี ลว้ ยตกปลี การเกบ็ เกี่ยว ปกติหลังจากการตัดปลีแล้วประมาณ 45 วัน เป็นระยะเวลาท่ีเหมาะสมใน การเกบ็ เกย่ี ว ถา้ ปลอ่ ยไวน้ านกวา่ นผี้ ลกลว้ ยอาจแตก และสกุ คาตน้ หรอื ทช่ี าวสวนเรยี กวา่ กลว้ ยสกุ ลม รสชาตไิ มอ่ รอ่ ย สีและผวิ กระด้างไมน่ วลสวยเหมอื นที่นำ� ไปบ่ม กลว้ ยไข่ท่ีตกเครอื ในช่วงฤดูหนาว ซ่งึ ผลจะแก่ชา้ มีผลท�ำให้อายุการเกบ็ เกยี่ ว ตอ้ งยาวนานออกไปถงึ 50-55 วัน หลังตดั ปลี 12
ทางเลือกอาชพี ด้านพชื การปลูกปูเล่เพอ่ื การคา้ ปูเล่ เป็นพืชตระกูลกะหล�่ำท่ีปลูกกันมากทางภาคใต้ของประเทศไทย มานานแล้ว นิยมปลูกในกระถางหรอื ภาชนะอน่ื ๆ มอี ายุยนื ไม่ต่�ำกวา่ 2 ปี ซึ่งตา่ งจาก ผักทั่วไป มีลักษณะเด่นคือ มีแขนงข้ึนตามล�ำต้นสามารถน�ำไปช�ำปลูกขยายพันธุ์ ต่อไปได้ และเน่ืองจากปูเล่เป็นพืชที่สามารถปลูกในกระถางได้ จึงสามารถควบคุม การใชส้ ารเคมเี พอื่ เปน็ ผกั ปลอดสารพษิ ทบ่ี รโิ ภคไดอ้ ยา่ งปลอดภยั หากมกี ารบำ� รงุ รกั ษา ที่ดีจะท�ำใหป้ ูเล่เปน็ ทัง้ พืชท่ีใช้บรโิ ภค และเปน็ ไมป้ ระดับตกแตง่ บา้ น ปจั จัยจ�ำเป็นที่ต้องใช้ 1. พันธุ์ปเู ล่ 2. สถานท่ี หรอื แปลงดนิ สำ� หรับเพาะปลกู แต่ถ้าปลกู ในกระถางจะเหมาะกวา่ 3. ดินทมี่ ีปุย๋ คอก หรือปุ๋ยหมักผสมกบั ดินรว่ นทีร่ ะบายน้ำ� ไดด้ ี 13
ทางเลือกอาชีพด้านพชื ขัน้ ตอนการดำ� เนนิ งาน 1. ดนิ ทม่ี ีปยุ๋ คอก หรือป๋ยุ หมักผสมกบั ดนิ รว่ นทร่ี ะบายน้ำ� ได้ดี 2. กดดินรอบโคนให้แน่น รดน้�ำให้ชุ่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น วางไว้ที่แจ้ง เน่อื งจากปูเล่เป็นพืชท่ชี อบแสงแดด 3. เติมดินผสม เพ่อื กลบโคนตน้ เป็นระยะทกุ 2 อาทติ ย์ การปอ้ งกัน กำ� จัด ถา้ พบแมลงศัตรพู ชื ให้ใชม้ อื ท�ำลายก็เพยี งพอ ไมจ่ �ำเป็นต้องใชส้ ารเคมี ผลผลิต การเก็บ การน�ำใบไปบรโิ ภค เมอ่ื ต้นปเู ลม่ ีอายุประมาณ 2 เดอื นขึ้นไป ผูป้ ลูก สามารถเกบ็ ผักปเู ล่ได้โดยเดด็ ใบลา่ งขน้ึ ไปเร่ือยๆ ควรเหลือใบบนไวก้ บั ตน้ บ้างเพือ่ ให้ ใบสว่ นทีเ่ หลอื สามารถสงั เคราะห์แสงเพอ่ื การเจริญเติบโต ตลาด และผลตอบแทน ตน้ ปเู ล่ นอกจากจะใชเ้ ปน็ อาหารแลว้ ดว้ ยลกั ษณะและรปู รา่ งทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะจงึ ทำ� ใหต้ น้ ปเู ลส่ ามารถเปน็ ตน้ ไมป้ ระดบั ไวต้ ามบา้ นไดเ้ ชน่ กนั ตลาดในปจั จบุ นั นับว่าเป็นพืชชนิดใหม่ที่ปลอดภัยจากสารพิษ และสามารถปลูกเองได้ในครัวเรือน ซงึ่ ในขณะนยี้ งั ไมม่ ผี ปู้ ลกู เพอื่ ตดั ใบในเชงิ การคา้ นบั วา่ เปน็ ตลาดใหมข่ องผกั ปลอดสารพษิ สามารถทำ� การตกลงดา้ นการตลาด ลว่ งหนา้ กบั ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ ทง้ั นี้ ตน้ ทนุ และผลตอบแทนขนึ้ กบั ปริมาณการผลติ และ ความต้องการของตลาด 14
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพืช การปลูกกระชายด�ำ กระชายด�ำเป็นพืชสมุนไพรท่ีมีถิ่นก�ำเนิดในประเทศเขตร้อนบริเวณ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ พบไดบ้ รเิ วณปา่ ดบิ รอ้ นชน้ื แหลง่ ปลกู ทม่ี ชี อื่ เสยี งและเปน็ ทยี่ อมรบั ของคนท่ัวไปคอื เขตปลกู อ�ำเภอนาแห้ว อำ� เภอดา่ นซา้ ย และอ�ำเภอภเู รอื จงั หวัดเลย ปัจจุบันปลูกมากในเขตจังหวัดเลย เป็นพืชที่ท�ำรายได้ให้กับผู้ปลูกสูงมากจึงมี การขยายพ้นื ทป่ี ลกู ไปยังแหล่งอ่นื ๆ เป็นพชื ที่อยู่ในวงศ์ Zingiberacae เชน่ เดยี วกับ ขิงและขมิน้ มชี ่ือวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ กระชายดำ� แตกตา่ งจากกระชายทวั่ ไป (ทใ่ี ชเ้ ปน็ เครอ่ื งแกง) คอื กระชายทว่ั ไป ใช้สว่ นทเ่ี ป็นราก (tuber) ซึง่ งอกออกมาจากเหง้า (ล�ำตน้ ที่อย่ใู ตด้ ิน) มกี าบใบและใบ ซอ้ นโผลข่ นึ้ เหนอื ดนิ สว่ นกระชายดำ� มลี ำ� ตน้ อยใู่ ตด้ นิ (rhizome) หรอื เรยี กกนั ทวั่ ไปวา่ หัว ลกั ษณะคลา้ ยขงิ หรือขมิ้น แต่มีขนาดเลก็ กวา่ 15
ทางเลอื กอาชีพด้านพืช ใบใหญแ่ ละมสี เี ขยี วเขม้ กวา่ กระชายทว่ั ไป ขนาดใบกวา้ งประมาณ 7-15 เซนตเิ มตร ยาว 30-35 เซนตเิ มตร ใบมีกล่ินหอม ประกอบด้วยก้านใบสีแดงจางๆ และหนาอวบ กำ� เนดิ มาจากหัวที่อยใู่ ต้ดนิ ล�ำตน้ มีความสงู ประมาณ 30 เซนตเิ มตร ดอกออกจากยอด ช่อละหนง่ึ ดอก มีใบเลี้ยง ดอกมีสีชมพอู ่อนๆ รมิ ปากดอก สขี าว เสน้ เกสรสมี ว่ ง เกสรสเี หลอื ง กลบี รองกลบี ดอกเชอื่ มตดิ กนั มลี กั ษณะเปน็ รปู ทอ่ มขี น โคนเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ ชอ่ ยาว เกสรตวั ผจู้ ะเหมอื นกบั กลบี ดอก อบั เรณอู ยใู่ กลป้ ลายทอ่ เกสรตัวเมยี มขี นาดยาวเลก็ ยอดของมนั เป็นรปู ปากแตรเกล้ยี งไม่มีขน หัวมีสีเข้มแตกต่างกัน ต้ังแต่สีม่วงจาง ม่วงเข้ม และด�ำสนิท (ยังไม่แน่ชัดว่า ความแตกต่างของสีข้ึนอยู่กับสิ่งแวดล้อม อายุ หรือพันธุกรรม) สีของหัวเมื่อน�ำไป ดองกบั สรุ าจะถูกฟอกออกมา พนั ธ์ุ ในปัจจุบันยังไม่มีการรวบรวมและจ�ำแนกพันธุ์อย่างเป็นทางการ แต่จ�ำแนก ตามลกั ษณะของสีของเนื้อหัว พอจะแยกได้ 3 สายพนั ธุ์ คอื - สายพันธทุ์ ีม่ เี นือ้ หวั สีดำ� - สีม่วงเข้ม - สีมว่ งออ่ นหรอื สีน้ำ� ตาล ส่วนใหญ่แล้ว จะพบกระชายที่มีสีม่วงเข้มและสีม่วงอ่อน ส่วนกระชาย ทีม่ ีสีด�ำสนิทจะมีลักษณะหวั คอ่ นข้างเล็ก ชาวเขาเรยี กว่า กระชายลิง ซ่ึงมไี ม่มากนัก จัดได้วา่ เป็นกระชายที่มีคณุ ภาพ เป็นที่ตอ้ งการของตลาด แหล่งปลกู ทเ่ี หมาะสม เน่ืองจากกระชายด�ำเป็นพืชด่ังเดิมของชาวเขา จึงเชื่อกันว่ากระชายด�ำที่ดี มคี ณุ ภาพ จะตอ้ งปลกู บนพน้ื ทที่ สี่ งู จากระดบั นำ้� ทะเลตง้ั แต่ 500-700 เมตร เจรญิ เตบิ โต และลงหัวได้ดีในดินร่วนปนทราย มีการระบายน�้ำดี ไม่ชอบน�้ำขัง ไม่ชอบแดดจัด ชอบแดดร่มร�ำไร เกษตรกรจึงนิยมปลูกกระชายด�ำระหว่างแถวไม้ยืนต้น แต่ยังไม่มี ขอ้ มลู ยนื ยนั วา่ ปลกู กลางแจง้ กบั ปลกู รม่ รำ� ไรมผี ลแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ทง้ั ในดา้ นคณุ ภาพ และการเจริญเติบโต 16
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื การปลูก การเตรยี มพันธปุ์ ลูก โดยการใช้หัวแก่จัดมีอายุประมาณ 11-12 เดือน ปราศจากเชื้อโรค เก็บไว้ ในทแ่ี หง้ และเยน็ นานประมาณ 1-3 เดอื น กอ่ นเกบ็ รกั ษาควรจมุ่ หวั พนั ธใ์ุ นสารปอ้ งกนั กำ� จัดเช้อื รา โดยใช้ไดโฟลาแทน 80 หรือ แมนเซท็ ดี ผสมน�ำ้ อตั รา 2-4 ชอ้ นแกง/นำ้� 20 ลิตร (1 ปี๊บ) ในพื้นที่ 1 ไร่จะใช้หัวพันธุ์ประมาณ 200-250 กิโลกรัม ข้ึนกับ ระยะปลกู และขนาดของหวั การเลือกหัวพนั ธ์ุ ควรเลือกใช้พันธุ์ท่ีมีขนาดเล็ก เน่ืองจากในน�้ำหนักที่เท่ากับหัวขนาดใหญ่ หัวขนาดเล็กจะปลูกได้มากกว่าและควรเลือกหัวพันธุ์ท่ีมีสีด�ำหรือม่วงเข้ม ซึ่งเป็นที่ ต้องการของตลาด ฤดกู าลปลกู เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม และจะเก็บเก่ียวในเดือน ธันวาคม-มกราคม กระชายด�ำจะมีอายเุ กบ็ เกี่ยวประมาณ 8-9 เดือน การเตรยี มดิน ก่อนที่จะมีการไถเตรียมดิน ควรหว่านปูนขาวในอัตรา 100-150 กิโลกรัม ตอ่ ไร่ เพอ่ื ฆา่ เชอ้ื โรคทอ่ี ยใู่ นดนิ หลงั จากนนั้ จงึ ไถกลบปนู ขาวทวิ้ ไวป้ ระมาณ 10-15 วนั เนอ่ื งจากเปน็ ดนิ รว่ นปนทราย เกษตรกรอาจไถเพยี งครง้ั เดยี ว กอ่ นปลกู ควรยกเปน็ แปลง (ไม่ต้องสูงนกั ) ความกวา้ งของแปลง 1.50-2.0 เมตร ความยาวไมจ่ �ำกัด วิธกี ารปลูก ใชห้ วั พันธุ์ทเ่ี ตรยี มไว้แล้วแยกหวั โดยหักออกเปน็ ขอ้ ๆ ตามรอยต่อระหวา่ งหัว ฝังกลบดินให้มิดแต่ไม่ลึกนัก โดยใช้ระยะปลูกระหว่างแถว x ระหว่างหลุม 0.20 x 0.25 เมตร หรอื 0.25 x 0.30 เมตร ปลกู เสรจ็ แลว้ ใชแ้ กลบหวา่ นกลบบางๆ อกี ช้ันหนึ่ง 17
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพชื การดูแลรักษา การใส่ปุย๋ ใชป้ ยุ๋ คอกมลู ไกผ่ สมแกลบรองพนื้ รว่ มกบั ปยุ๋ เคมสี ตู ร 15-15-15 อตั รา 25-30 กโิ ลกรมั ต่อไร่ หากดนิ มคี วามสมบรู ณอ์ ยแู่ ลว้ อาจใชแ้ กลบท่ไี ดจ้ ากการรองพื้นเล้าไก่ ก็เป็นการเพยี งพอ โดยไม่ตอ้ งใชป้ ุ๋ยเคมี การก�ำจัดวชั พชื วัชพืชในไร่กระชายไม่ค่อยมีปัญหามากนัก เนื่องจากกระชายมีระยะปลูกถ่ี ใบสามารถคลมุ ดนิ ปอ้ งกนั การงอกของเมลด็ วชั พชื ไดด้ ี หากมคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งกำ� จดั วชั พชื ออกใหห้ มดจากแปลง การเก็บเก่ยี ว อายุเก็บเก่ียวของกระชายด�ำ ประมาณ 8-9 เดือน ซึ่งจะเก็บเก่ียวในเดือน ธนั วาคม-มกราคม ในช่วงน้ี สังเกตดใู บจะเรมิ่ แกม่ สี เี หลืองและแหง้ ตายลงในท่ีสดุ การเก็บเกี่ยวเร็วก่อนก�ำหนด จะมีผลต่อคุณภาพโดยเฉพาะของหัวจะไม่เข้ม ซ่ึงเป็นกระชายด�ำที่ตลาดต้องการ (แต่อย่างไรก็ตามอายุการเก็บเก่ียว จะมีผลต่อสี ของหวั กระชายมากน้อยเพยี งใดยงั ไม่มรี ายงานอย่างเปน็ ทางการ) การขุดหัวการชาย ถ้ายกเป็นแปลงตอนปลูก จะเกบ็ เกยี่ วได้งา่ ย โดยใช้จอบหรอื เสียม ขดุ หวั ขน้ึ มาแลว้ เคาะดนิ ใหห้ ลดุ ออกจากหวั และราก เกษตรกรนยิ มนำ� หวั กระชายทขี่ ดุ ไดใ้ สถ่ งุ แล้วน�ำไปท�ำความสะอาดที่บ้านโดยการปลิดราก ออกจากหัวให้หมดให้เหลือแต่หัว ลว้ นๆ (สว่ นรากหรอื นมกระชายทป่ี ลดิ ออกจากหวั สามารถนำ� ไปจำ� หนา่ ยใหพ้ อ่ คา้ ได)้ ผลผลิต โดยเฉล่ียหวั พนั ธ์ุ 1 กโิ ลกรัม สามารถใหผ้ ลผลติ ได้ 5-8 กิโลกรัม ดังนน้ั 1 ไร่ จะได้ผลผลิตประมาณ 1,000-2,000 กโิ ลกรมั 18
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื สรรพคณุ ทางยา ในปจั จบุ นั กระชายดำ� จดั วา่ เปน็ พชื สมนุ ไพรทไี่ ดร้ บั ความนยิ มอยา่ งกวา้ งขวาง ทง้ั ผ้บู รโิ ภคและวงการแพทยแ์ ผนไทย เพราะเช่ือวา่ มีสรรพคณุ ทางยา ถึงแมว้ ่ายังไมม่ ี รายงานการแพทยอ์ ย่างเปน็ ทางการ แตจ่ ากประสบการณ์ของผู้ใช้กระชาย มีรายงาน ว่าใช้เป็นยาบำ� รุงก�ำลัง บ�ำรงุ หัวใจ แกใ้ จสั่น แกบ้ ดิ แกป้ วดขอ้ แกล้ มวงิ เวียน แน่น หนา้ อก แกแ้ ผลในปาก ทำ� ใหโ้ ลหติ หมนุ เวยี นดขี นึ้ ผวิ พรรณผดุ ผอ่ ง สดใส ขบั ปสั สาวะ แกโ้ รคกระเพาะ และปวดทอ้ ง เปน็ ตน้ แตท่ กี่ ลา่ วกนั มาก คอื บำ� รงุ กำ� หนดั จงึ ไดฉ้ ายา ว่า โสมไทย (โครงการสมุนไพรเพ่ือการพง่ึ ตนเอง, 2539) การแปรรปู ในปจั จบุ นั นอกจากใชก้ ระชายดำ� เพอื่ ประกอบเปน็ ตวั ยาโดยตรงแลว้ ยงั นำ� ไปบด เปน็ ผงบรรจซุ องชงนำ้� รอ้ นดมื่ บำ� รงุ สขุ ภาพ ใชด้ องดม่ื เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความกระชมุ่ กระชวย ทำ� ลูกอมและที่นยิ มมากทส่ี ดุ ในปัจจุบนั คอื ทำ� ไวน์กระชายดำ� กระชายด�ำแบบหัวสด การรบั ประทาน : ใช้รากเหงา้ (หัวสด) ประมาณ 4-5 ขดี ตอ่ สรุ าขาว 1 ขวด ดองสุราขาว ดมื่ กอ่ นรบั ประทานอาหารเยน็ ปรมิ าณ 30 ซซี ี ผู้ที่ดื่มสรุ าไมไ่ ด้ ใหฝ้ าน เป็นแวน่ บางๆ แช่นำ้� ร้อนด่ืมทุกวันหรอื จะดองกบั น้ำ� ผึง้ กไ็ ด้ ในอตั รา 1:1 กระชายดำ� หัวแหง้ กรรมวธิ กี ารผลติ : การทำ� กระชายดำ� แบบฝานเปน็ แวน่ อบแหง้ โดยการนำ� หวั สด ของกระชายดำ� ไปล้างท�ำความสะอาด นำ� มาฝานเป็นแวน่ แลว้ น�ำเขา้ ตอู้ บ อบใหแ้ ห้ง ที่อุณหภูมิสูงจนแห้งได้ที่แล้วจึงน�ำมาเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้ เกบ็ รกั ษากระชายด�ำไดน้ าน การรบั ประทาน : หากไมใ่ ชค่ อเหลา้ ทมี่ กั นยิ มนำ� ไปดองกบั เหลา้ ขาว กม็ กั หนั่ เปน็ ชน้ิ นำ� ไปตากแหง้ แลว้ นำ� มาตม้ กบั นำ�้ รบั ประทาน บางตำ� ราบอกใหน้ ำ� หวั กระชายดำ� หน่ั ตากแหง้ ไปดองกับน�้ำผงึ้ แท้ 7 วนั น�ำมาด่มื กอ่ นนอน อาจจะน�ำมาป้นั เปน็ ลกู กลอนก็ได้ 19
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพืช รายละเอยี ดวิธใี ช้ : - หัวแห้ง ประมาณ 15 กรัม (1 กลอ่ ง) ดองกับเหล้าขาว 1 แบน ผสมน้�ำผ้ึง เพ่อื รสชาตทิ ่ีดีขน้ึ ได้ตามชอบใจ ดื่มก่อนนอนวนั ละ 30 ซซี ี. (1 เป็ก) - หวั แหง้ ดองกับน�้ำผ้ึงแท้ในอัตราส่วน 1:1 - หวั แหง้ บดเปน็ ผงละเอยี ดผสมนำ้� ผง้ึ พรกิ ไทยปน่ กระเทยี มผง บอระเพด็ ผง ในอตั รส่วน 10:5:2:1:0.5 กระชายด�ำแบบชาชง กรรมวิธกี ารผลติ : น�ำหัวกระชายด�ำทฝ่ี านเปน็ แว่น อบใหแ้ หง้ แลว้ น�ำมาบด ให้ละเอียด แล้วจึงบรรจุซอง กระชายด�ำแบบชาชง จะไม่มีส่วนผสมอ่ืนอีก จะมีแต่ กระชายด�ำแท้ 100 % เทา่ นั้น วธิ ใี ช้ : - กระชายดำ� 1 ซอง ชงน้ำ� รอ้ น 1 แก้ว (ประมาณ 120 ซีซ.ี ) ข้อแนะนำ� : - หากตอ้ งการรสชาตทิ ด่ี ขี นึ้ สามารถแตง่ รสดว้ ยนำ้� ตาล หรอื นำ�้ ผง้ึ ตามชอบใจ ลกู อมกระชายดำ� ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเลย ร่วมกับกลุ่มโซนสีสองรัก ได้จัดท�ำ ผลติ ภณั ฑล์ กู อมสมนุ ไพรเพอื่ สขุ ภาพ ซงึ่ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากศนู ยบ์ รกิ ารการศกึ ษา นอกโรงเรยี นอำ� เภอนาแหว้ จงั หวดั เลย ส่วนประกอบ : 1. กระชายด�ำ 2. นมสด 3. เนยอยา่ งดี 4. แบะแซ 20
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพชื ไวนก์ ระชายดำ� ตามความหมายในภาษาองั กฤษนนั้ ไวน์ (wine) หมายถงึ “เหลา้ องนุ่ ” เทา่ นนั้ ตามกระแสนิยมส�ำหรับคนไทยน้ัน ค�ำว่า “ไวน์” หมายถึง ผลไม้ หรือสมุนไพร ท่นี �ำมาหมักแลว้ ได้แอลกอฮอล์ ไม่เกนิ 15 ดีกรี ซ่งึ กรรมวธิ ผี ลติ ก็ท�ำเชน่ เดยี วกบั ไวน์ ในตา่ งประเทศ แตใ่ นกฏหมายไทยตามพระราชบัญญตั สิ รุ าฯ นน้ั เรียกว่า “สุราแช”่ ดังนั้น อนโุ ลมทจี่ ะเรียกผลไม้หรอื สมนุ ไพรทีน่ �ำมาหมกั วา่ “ไวน”์ และต่อทา้ ยด้วยชื่อ ผลไม้หรือสมุนไพรท่ีน�ำมาท�ำเป็นวัสถุดิบนั้น เช่น ไวน์สับปะรด ไวน์ลูกยอ ไวนล์ ูกหม่อน เพราะไม่สามารถที่หาค�ำใดมาเรียกไดเ้ หมาะสม และเขา้ ใจง่าย 21
ทางเลอื กอาชพี ด้านพืช การผลติ พริกสด พรกิ เปน็ ผกั ทมี่ คี วามสำ� คญั ในชวี ติ ประจำ� วนั ของคนไทยเปน็ อยา่ งมาก คนไทย นิยมใช้พริกในการประกอบอาหารประจ�ำวัน เพราะพริกสามารถใช้เป็นท้ังพืชผัก และเครอ่ื งปรงุ แตง่ รส นอกจากนยี้ งั มปี ระโยชนใ์ นดา้ นอตุ สาหกรรมผลติ ภณั ฑแ์ ปรรปู เครือ่ งปรงุ แต่งรส อาทิ พริกแห้ง พริกป่น พรกิ แกง น�ำ้ พริกเผา ซอสพรกิ และทสี่ ำ� คัญ พรกิ เปน็ พชื ผกั เพอื่ การสง่ ออกทส่ี ำ� คญั โดยสามารถนำ� เงนิ เขา้ ประเทศปลี ะหลายลา้ นบาท ท้ังในรูปพริกสด พริกแห้ง และผลิตภัณฑ์แปรรูป พริกจึงนับเป็นพืชผักท่ีสามารถ ทำ� รายไดใ้ หก้ บั ผปู้ ลูกได้เป็นอย่างดี พันธ์พุ รกิ สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ - ประเภทผลเรยี วยาวเลก็ ถึงปานกลาง อาทิ พรกิ ข้ีหนู พรกิ ชี้ฟ้า พรกิ เหลอื ง - ประเภทผลเป็นรปู ระฆัง และเผด็ นอ้ ย หรอื ไม่เผ็ดเลยไดแ้ ก่ พรกิ ยกั ษ์หรือ พรกิ หวาน 22
ทางเลือกอาชพี ด้านพืช ปัจจยั จำ� เปน็ ท่ีตอ้ งใช้ พนื้ ทป่ี ลกู พรกิ ควรเปน็ ทโี่ ลง่ แจง้ ไดร้ บั แสงแดดตลอดวนั ไมค่ วรเปน็ ทล่ี มุ่ ๆ ดอนๆ หรอื ทส่ี งู ดนิ แหง้ และพน้ื ทดี่ งั กลา่ วไมค่ วรเปน็ ทท่ี เี่ คยปลกู พรกิ ตดิ ตอ่ กนั หลายปี เพราะ อาจเป็นที่สะสมโรคแมลงได้ แต่ถ้าจ�ำเป็นต้องปลูกซ้อนที่เดิมควรปลูกพืชตระกูลถ่ัว หมุนเวียน พริกสามารถเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิดโดยเฉพาะดินร่วนปนทราย ทมี่ ีอินทรยี ว์ ัตถุสูง มีการระบายน้�ำดี สามารถเก็บความชื้นไดพ้ อเหมาะความเปน็ กรด เป็นดา่ งของดิน (pH) อยู่ระหวา่ ง 6.0-6.8 โดยท่วั ไปพรกิ เปน็ พืชทชี่ อบอากาศร้อน ขน้ั ตอนการด�ำเนินงาน 1) การเตรียมแปลงเพาะ แปลงเพาะควรกว้าง 1 เมตร ส่วนความยาว ขนึ้ อยกู่ บั ความตอ้ งการ และความสะดวก ในการดแู ลรกั ษา ควรขดุ พลกิ ดนิ ลกึ 8-10 นว้ิ ตากแดดท้ิงไว้อย่างน้อย 7 วัน จึงย่อยดินให้ละเอียด ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 4-5 กิโลกรัม ตอ่ พน้ื ที่ 1 ตารางเมตร พรวนคลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั ดกี บั ดนิ เกลยี่ หนา้ ดนิ ใหเ้ รยี บ สำ� หรบั การเพาะในกระบะ ให้ดินร่วนซุยผสมปุ๋ยคอกที่แห้งและละเอียด ในอัตรา 2:1 ถ้ามีแกลบเผาสีด�ำให้น�ำมาผสมอีก 1 ส่วน จากน้ันคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วรดน�้ำ ตากทง้ิ ไว้ 1 สปั ดาหจ์ งึ ท�ำการเพาะเมลด็ 2) การเพาะกลา้ การปลกู สว่ นมากเพาะกลา้ กอ่ นปลกู แลว้ จงึ ยา้ ยไปปลกู ในแปลง หรอื อาจยา้ ยกล้าเมื่อมใี บจริง 2-3 ใบลงในถงุ พลาสตกิ ขนาด 4x6 นว้ิ ก่อน เมื่อกล้า อายปุ ระมาณ 20 วัน หลงั จากยา้ ยลงถงุ พลาสตกิ (หรือสูงประมาณ 15 เซนติเมตร) จึงยา้ ยปลูกลงแปลง ถา้ ความงอก 90% และต้องการปลูกในพ้นื ที่ 1 ไร่ จ�ำนวนต้น ประมาณ 3,200 ตน้ จะใชเ้ มลด็ พนั ธ์ุ 50-100 กรมั โรยเปน็ แถวในแปลงเพาะทที่ ำ� รอย เปน็ รอ่ งต้นื ๆ ลึก 0.50 เซนติเมตร แถวควรจะขวางความยาวของแปลง การเพาะกล้า เพื่อย้ายลงแปลงปลูกโดยตรง ควรมีระยะห่างมากข้ึนประมาณ 8-10 เซนติเมตร หลังจากโรยเมล็ดแล้วโรยดินกลบเมล็ดให้ดินเสมอหน้าดิน คลุมด้วยฟางใหม่บางๆ ก�ำจัดเชื้อราและแมลงด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ รดน้�ำแปลงเพาะวันละ 1-2 คร้ัง (เช้า-เย็น) กรณีย้ายกล้าลงถุงพลาสติก ดินที่ใส่ลงถุงใช้ส่วนผสมของดินเช่นเดียวกับ การเตรยี มกระบะเพาะ 23
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพชื 3) การเตรียมแปลงเพาะปลกู ควรเตรียมแปลงเพาะปลกู ตั้งแตเ่ ร่มิ เพาะกลา้ โดยครั้งแรกไถตากดินไว้ 1-2 สัปดาห์ แล้วจึงไถพรวนดินเก็บซากวัชพืชที่ไม่ตาย และสลายตวั ยากออกจากดนิ ทงิ้ ไว้ อกี 1-2 สปั ดาห์ ถา้ ดนิ มคี วามเปน็ กรดมาก (pH ตำ่� ) ก็ปรับความเป็นกรดเป็นด่างให้สูงขึ้นมาอยู่ระหว่าง 6.0-6.8 โดยใส่ปูนขาวตามค่า วเิ คราะหด์ นิ หรอื ประมาณไมเ่ กนิ ไร่ละ 300 กโิ ลกรมั 4) การปลกู และระยะปลกู การยา้ ยจากแปลงเพาะไปปลกู ควรทำ� เมอ่ื อายกุ ลา้ 30-40 วนั หรือสงู ประมาณ 12 เซนตเิ มตร ก่อนถอนกลา้ ควรรดนำ้� แปลงเพาะกล้า ให้ชุ่มก่อน แล้วใช้เสียมแซะด้านข้างๆ แถว หลังปลูกควรมีวัสดุช่วยคลุมกล้า อาทิ กรวยหรอื ใบไม้ 3-4 วัน จะท�ำให้กล้าต้ังตัวไดเ้ รว็ ขน้ึ ถา้ ไม่มวี สั ดุคลมุ กล้าควรตดั ยอด ท่ีมีใบอ่อนออก ส่วนการย้ายกล้าจากถุงพลาสติกลงแปลงปลูก ควรระวังเวลาฉีก ถงุ พลาสตกิ ออก อยา่ ใหด้ นิ แตก และปลกู ใหล้ กึ กวา่ ระดบั เดมิ ทอี่ ยใู่ นถงุ เลก็ นอ้ ย การปลกู ท้งั 2 วิธี หลงั จากปลูกเสรจ็ ให้รดน�้ำตามทันทจี ะท�ำให้กลา้ ตง้ั ตัวเรว็ และมีอัตราการ รอดสงู หลุมที่ปลกู ควรลกึ 1 หนา้ จอบ (ขนาด 30x30x30 เซนติเมตร) อาจปลูกเป็น แถวคู่ หรอื แถวเด่ยี ว แถวคู่ ใชร้ ะยะหา่ งระหวา่ งแถวคู่ 120 เซนตเิ มตร ระยะหา่ งแถว 80 เซนตเิ มตร ระยะห่างตน้ 50 เซนติเมตร แถวเดยี่ ว ใชร้ ะยะหา่ งระหวา่ งแถว 100 เซนตเิ มตร ระหวา่ งตน้ 50 เซนตเิ มตร ทงั้ 2 วธิ ี ใน 1 ไรจ่ ะปลกู ได้ 3,200 ตน้ กอ่ นยา้ ยปลกู ควรใชป้ ยุ๋ อนิ ทรยี อ์ ตั รา 2 ตนั ตอ่ ไร่ 5) การดูแลรกั ษา 5.1 หลงั จากการปลกู ควรใหน้ ้�ำทกุ วนั ระยะ 1 เดือนแรก เม่ือล�ำต้นเร่มิ แตก กิง่ ก้าน จึงค่อยงดการใหไ้ ด้น�้ำบ้าง โดยสงั เกตความชนื้ ของดิน 5.2 หลงั จากพรกิ ตงั้ ตวั แลว้ 15-20 วนั หลงั ปลกู ควรใหป้ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ ตามความเหมาะสม โดยโรยรอบตน้ แลว้ พรวนดนิ กลบพรอ้ มทง้ั กำ� จดั วชั พชื ทกุ ๆ 20 วนั 5.3 หลังปลูกให้ดูแลก�ำจัดแมลงและศัตรูพืช ประเภทเพล้ียไฟ ไรขาว และเชือ้ รา อยา่ งนอ้ ยอาทติ ย์ละคร้งั 24
ทางเลือกอาชีพด้านพชื ผลผลิต หลังจากลงแปลงแล้ว 90 วัน พริกจะเร่ิมแก่เป็นสีแดง และเร่ิมเก็บผลผลิต รนุ่ แรกเม่ืออายปุ ระมาณ 100 วนั และเก็บตอ่ ไปเร่อื ยๆ 15 วนั ตอ่ ครั้ง โดยเฉลยี่ จะได้ พริกสดครงั้ ละ 100 กโิ ลกรัมต่อไร่ ถา้ ดแู ลรกั ษาดี และใหน้ ้�ำพอเพยี ง พริกจะมอี ายุ เกบ็ เก่ียวได้นานถงึ 8 เดือน ตลาด และผลตอบแทน ถ้าวันใดพริกสดเข้าสู่ตลาดมากจนไม่สามารถระบายออกให้หมดในวันนั้นได้ ราคาพรกิ สดจะต่ำ� โดยมีราคาประมาณกโิ ลกรัมละ 6-15 บาท ส�ำหรับพรกิ แห้งราคา กิโลกรัมละ 25-30 บาท เพราะพริกแห้งสามารถเก็บรักษาได้นาน พริกแห้งผลเล็ก เปน็ ทตี่ อ้ งการของผบู้ รโิ ภคภายในประเทศและเปน็ ทตี่ อ้ งการของตา่ งประเทศ การระบายสนิ คา้ จึงคลอ่ งตัวกวา่ พรกิ แหง้ ผลใหญ่ ส�ำหรับตลาดต่างประเทศพบวา่ มีการส่งออกทัง้ ใน รูปแบบพริกสดและพริกแหง้ พรกิ สดทส่ี ง่ ออก ได้แก่ พรกิ ใหญ่ชนดิ ชฟ้ี ้าและพรกิ เลก็ ชนดิ ขหี้ นู สว่ นพรกิ แหง้ จะเปน็ พรกิ ปน่ ชนดิ เผด็ นอ้ ยถงึ ปานกลางและพรกิ แหง้ ผลใหญ่ สีแดงเข้ม 25
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื การท�ำกอ้ นเชื้อเหด็ และดอก ปัจจุบันการเพาะเห็ดเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เพราะได้ผลผลิตเร็วและมี ตลาดรองรับ การเพาะเหด็ จงึ เปน็ ทางเลือกหน่งึ ในการประกอบอาชพี ทไ่ี มต่ ้องใชเ้ งิน ลงทนุ สงู นกั แตส่ รา้ งรายไดใ้ หเ้ ปน็ ทน่ี า่ พอใจ สามารถทำ� เปน็ อาชพี หลกั หรอื อาชพี รองได้ การซอ้ื เชอ้ื เหด็ คุณภาพดี ไม่มจี ุลินทรียพอ์ ื่นปนเปอื้ น ให้ผลผลิตสงู และไดก้ ำ� ไรดนี น้ั เป็นหน้าที่ของผู้เพาะเห็ดท่ีต้องจ�ำเองว่าบริษัทหรือห้างร้านใดท่ีผลิตเห็ดคุณภาพดี แต่บางคร้ังเชื้อเห็ดจากร้านเดียวกันคุณภาพกลับไม่สม�่ำเสมอก็มี ปัญหาเช่นน้ีท�ำให้ ผู้เพาะดอกเห็ดขายหันมาสนใจที่จะผลิตเช้ือเห็ดเอง แม้จะลงทุนสูงกว่าการซ้ือก้อน เชอ้ื เหด็ เปน็ อาชพี ซงึ่ ตอ้ งทำ� การสำ� รวจตลาดและคน้ ควา้ ขอ้ มลู ในการผลติ มาใหด้ เี สยี กอ่ น เห็ดมีหลายชนดิ อาทิ เหด็ ฟาง เห็ดหอม เห็ดนางรม เหด็ นางฟา้ เปน็ ตน้ 26
ทางเลอื กอาชพี ด้านพืช ปจั จยั จ�ำเป็น 1) วสั ดเุ พาะ โดยทว่ั ไปจะใชว้ สั ดเุ หลอื ทง้ิ ทางการเกษตรอาทิ ขเี้ ลอื่ ยไมย้ างพารา ข้ีเล่อื ยไมอ้ ่อน ฟางขา้ ว ชานออ้ ย ฯลฯ 2) ถุงพลาสติกทนร้อนขนาด 6.75x12.5 นิ้ว หรือ ขนาด 8x12 นว้ิ 3) คอขวดพลาสติกเสน้ ผ่าศูนย์กลาง 0.5 น้ิว 4) สำ� ลี 5) ยางรัด 6) หมอ้ นงึ่ เช้ือ 7) โรงเรือนบม่ เสน้ ใย 8) โรงเรอื นเปิดดอก สูตรอาหารก้อนเชื้อเหด็ ขเี้ ลื่อยยางพาราแหง้ (ไม่ตอ้ งหมัก) 100 กโิ ลกรัม ร�ำละเอียด 5 กโิ ลกรมั ปนู ขาว 1 กโิ ลกรมั ยปิ ซมั 2 กิโลกรมั ดเี กลือ 0.2 กิโลกรัม (ปรบั ความชืน้ ในวัสดุเพาะประมาณ 60-65%) ขั้นตอนการด�ำเนินงาน 1) น�ำส่วนผสมข้างต้นผสมให้เข้ากันด้วยมือหรือเคร่ืองผสม ปรับความชื้น ประมาณ 60-65% โดยการเตมิ นำ�้ ลงไปพอประมาณ 2) ใช้มือก�ำข้ีเล่ือยขึ้นมาบีบให้แน่น แล้วสังเกตว่าถ้ามีน�้ำซึมออกมาตาม ร่องนว้ิ มือ แสดงว่าเปียกไป ให้เติมขเ้ี ล่อื ยแหง้ แต่ถา้ ไมม่ นี ้�ำซมึ ใหแ้ บมอื ออก ขเี้ ล่ือย จะรวมกนั เปน็ กอ้ นแลว้ แตกออก 2-3 สว่ น แสดงวา่ ใชไ้ ด้ (มคี วามชน้ื ประมาณ 60-65%) แตถ่ ้าแบมือแล้วขีเ้ ลื่อยไม่รวมตัวกนั เป็นก้อนแสดงว่าแหง้ ไป ให้เตมิ น�้ำลงไปอีก 3) เม่ือผสมคลุกเคล้าส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ให้บรรจุข้ีเล่ือยใส่ถุงพลาสติก ทนความรอ้ นนำ้� หนกั บรรจุ 8-12 ขีด หรือ 2 ใน 3 ของถงุ และกดใหแ้ น่นพอประมาณ ใส่คอขวด รดั ดว้ ยหนังยาง จุกสำ� ลี 27
ทางเลือกอาชพี ด้านพืช 4) น�ำไปน่งึ ฆา่ เชื้อที่ 90-100 องศาเซลเซียส ใชเ้ วลาประมาณ 2-3 ช่ัวโมง 5) น�ำถุงพลาสติกออกพักให้เย็นในที่สะอาด เปิดจุกส�ำลี ต่อเช้ือที่ต้องการ ลงไปตรงคอขวด 6) นำ� ถงุ เชอื้ เหด็ ไปบม่ ไวท้ สี่ ะอาด มอี ากาศถา่ ยเทสะดวกพน่ ยาฆา่ แมลงทกุ วนั จนกวา่ เส้นใยจะเตม็ ถงุ (ระยะเวลาต่างกนั ตามชนดิ ของเหด็ ) 7) เม่ือเส้นใยเห็ดเดินเต็มถุงแล้ว คัดเอาเฉพาะถุงท่ีไม่มีการปนเปื้อนมาเปิด ในโรงเรอื นเปดิ ดอกเพอื่ ใหเ้ กดิ ดอกเหด็ ตอ่ ไป ภายในโรงเรอื นสะอาด มอี ากาศถา่ ยเทดี มีแสงสว่างและเก็บความชื้นได้ดีพอควร (ความชื้นสัมพันธ์ภายในโรงเรือนประมาณ 70% ขนึ้ ไป) รดนำ้� ทกุ วันเพอ่ื ใหเ้ หด็ ออกดอก ลักษณะเชอื้ เหด็ ทดี่ ี มวี ิธีสงั เกตดงั นี้ 1. เหด็ ตระกลู นางรม (เหด็ นางรมฮงั การี เหด็ นางฟา้ ภฏู าน เหด็ ยานาง)ิ เสน้ ใยเดนิ เต็มถุงมีสีขาว หากมสี เี หลือ แสดงวา่ เส้นใยเหด็ เร่ิมแกแ่ ลว้ 2. เห็ดเปา๋ ฮื้อ เหด็ ขอนขาว เหด็ ลม เส้นใยเดินเตม็ ถุง มีสปอรเ์ ห็ดสดี �ำตกอยู่ 3. ถุงบรรจตุ อ้ งไมม่ รี อยแตกและรั่ว 4. ไมม่ ีเชื้อราเขียวหรอื ราอน่ื เจรญิ บนกอ้ นเห็ด ปญั หาท่พี บในการท�ำเชือ้ เห็ด 1. เชอ้ื เหด็ ไมเ่ จรญิ อาจมสี าเหตจุ ากหวั เชอ้ื ไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ มกี า๊ ซแอมโมเนยี เหลอื อย่ ู ความชน้ื ในขี้เลอื่ ยสงู เกนิ ไป อากาศในห้องบ่มเยน็ เกนิ ไป เป็นต้น 2. เชอ้ื เหด็ เสยี เนอื่ งจากมเี ชอื้ อน่ื ปนเปอ้ื น อาจมสี าเหตจุ ากอณุ หภมู ขิ องหมอ้ นง่ึ ตำ�่ เกนิ ไป หมักปุ๋ยไม่ไดท้ ี่ ถงุ พลาสตกิ รั่ว มีรู จุกสำ� ลเี ปยี ก หรอื ใช้ส�ำลเี กา่ อาจจะเป็น พาหะน�ำเช้ือโรคได้ หัวเชือ้ ไมบ่ รสิ ทุ ธิ์ เปน็ ต้น 3. เส้นใยเห็ดเดินแล้วหยุดหรือเดินเพียงบางๆ เนื่องจากขี้เล่ือยหมักไม่ได้ท่ี ทำ� ใหม้ กี ลน่ิ แอมโมเนยี เหลอื อยู่ มสี ารเปน็ พษิ เจอื ตดิ อยู่ เชน่ นำ้� ยางจากขเ้ี ลอื่ ย นำ�้ มนั ผงซกั ฟอก อณุ หภมู ใิ นหอ้ งบม่ ตำ�่ เกนิ ไป ปยุ๋ เปยี กเกนิ ไป หรอื ความชน้ื ในปยุ๋ ไมส่ มำ�่ เสมอ 4. เสน้ ใยเจริญบางมาก สาเหตุจากอาหารในปุ๋ยไม่เพียงพอ มเี ช้อื จลุ นิ ทรีย์อ่ืน ปนเป้ือน ขีเ้ ลอ่ื ยทใ่ี ช้มีพษิ ตอ่ เห็ด 28
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื 5. เช้ือเห็ดเดมิ เตม็ แตไ่ ม่สรา้ งดอก อาจเนือ่ งจากเชื้อเห็ดเปน็ หมัน 6. ออกดอกช้า ผลผลิตต่�ำ สาเหตุจาก เช้ือเห็ดเส่ือม อาหารและความช้ืน ไมเ่ พยี งพอ ผลผลติ โดยเฉล่ียประมาณ 300-500 กรมั ต่อถงุ (ตลอดอายกุ อ้ น) 29
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื ตน้ ทุน และผลตอบแทน ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 21,000 บาท โรงเรือนขนาด 4x6 เมตร ก้อนเชื้อ 1,500 ก้อน ผลตอบแทนสุทธิ ครั้งแรก 8,500 บาท (ค�ำนวณจากราคาขายเฉลย่ี 25 บาท ตอ่ กิโลกรมั ) คร้ังท่ี 2 เปน็ ตน้ ไป 6,500 บาท ต่อรุ่น ตลาด 1) เห็ดฟาง ประเทศไทยสามารถผลิตได้กว่า 70% ของเห็ดทั่วประเทศ แตบ่ รโิ ภคภายในประเทศเกอื บหมด มเี หลอื สง่ ออกตลาดโลกนอ้ ยมาก จงึ มกี ารพยายาม เพิ่มผลผลิตด้วยวิธตี ่างๆ เพอื่ ผลิตเปน็ สนิ ค้าออก 2) เห็ดนางรมฮงั การี และนางฟา้ ภฏู าน เปน็ เห็ดท่ีออกดอกได้ทงั้ ปี คนนยิ ม บรโิ ภคกนั อยา่ งแพรห่ ลาย 3) เหด็ หอม เหมาะสำ� หรบั บรเิ วณทมี่ อี ากาศหนาวเยน็ และความชนื้ สงู มรี าคาสงู ในทอ้ งตลาดสามารถรบั ประทานไดท้ ้งั แบบสด และแปรรปู โดยการทำ� แห้ง 4) เห็ดแชมปิญอง ชอบอากาศหนาวเย็น ต้องการอุณหภูมิประมาณ 12-20 องศาเซสเซยี ส มีราคาสงู ในทอ้ งตลาด เป็นทีน่ ยิ มอย่างมากในแถบประเทศยุโรป 5) เห็ดหัวลิง ชอบอากาศเย็นในการออกดอก มีสรรพคุณสามารถยับย้ัง โรคมะเร็งตา่ งๆ ได้ 6) เหด็ หหู นู เป็นท่ีนยิ มอย่างแพรห่ ลายในทอ้ งตลาด เป็นยาเย็นบ�ำรุงสขุ ภาพ 7) เห็ดยานางิ มรี สชาติคลา้ ยเหด็ โคนเป็นท่นี ยิ มกันอยา่ งแพร่หลาย 8) เห็ดออรินจิ ชอบอากาศหนาวเยน็ เปน็ ท่นี ิยมของผบู้ รโิ ภคที่รักสขุ ภาพ แหลง่ ข้อมลู : กลุ่มส่งเสริมการผลิตผัก ส่วนส่งเสริมการผลิตผัก ไม้ดอกไม้ประดับและพืช สมนุ ไพร ส�ำนักเสรมิ และจัดการสินคา้ เกษตรผลผลิต แลว้ แต่ชนิดเห็ด 30
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพืช การปลกู ข้าวโพดฝกั สด ข้าวโพดฝักสด หมายถึง ข้าวโพดทุกชนิดที่คนเราใช้เป็นอาหารก่อนที่ เมล็ดข้าวโพดจะแก่ ซ่ึงในปัจจุบันข้าวโพดฝักสดเป็นพืชท่ีมีความส�ำคัญต่อเศรษฐกิจ ของประเทศและของโลก สำ� หรบั ข้าวโพดฝักสดในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ข้าวโพดหวาน ขา้ วโพดฝกั ออ่ น ขา้ วโพดขา้ วเหนยี ว แตท่ ส่ี ำ� คญั คอื ขา้ วโพดหวาน และขา้ วโพดฝกั ออ่ น สว่ นขา้ วโพดข้าวเหนียว และขา้ วโพดเทียน เปน็ การบริโภคในท้องถิน่ และในอนาคต ด้านตลาดมีแนวโน้มที่จะขยายมากข้ึน ข้าวโพดหวานเป็นพืชอายุสั้นให้ผลตอบแทน แก่เกษตรกรผู้ปลูกอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถจ�ำหน่ายได้ในตลาดบริโภคสดและโรงงาน อตุ สาหกรรมกระปอ๋ ง 31
ทางเลือกอาชีพด้านพชื ขา้ วโพดหวาน แบง่ เป็น 2 ประเภท คอื พนั ธ์ุผสมเปิด ไดแ้ ก่ พันธ์ุซปุ เปอรส์ วิท พันธ์ุซปุ เปอรฮ์ ารโ์ ก้ เกษตรกรสามารถ เก็บไว้ทำ� พนั ธุ์ได้ 2-3 รุ่น เหมาะสำ� หรับจำ� หน่ายในตลาดบริโภคสด พันธลุ์ ูกผสม ไดแ้ ก่ พนั ธุอ์ ินทรี2 พันธุ์ซกู าร์73 พันธซ์ุ ูการ์74 พันธุไ์ ฮ-บรทิ ซ์5 พนั ธเ์ุ อ พนั ธเ์ุ อทเี อส-2 พนั ธร์ุ อยลั สวที พนั ธย์ุ นู อซดี ส์ พนั ธส์ุ วทิ ทโู ทน เปน็ ตน้ ผลผลติ เป็นท่ีต้องการของตลาดบริโภคสดและโรงงานอุตสาหกรรม เกษตรกรไม่สามรถ เก็บเมล็ดไว้ทำ� พนั ธไุ์ ด้ ขา้ วโพดฝกั ออ่ น แบง่ เปน็ 2 ประเภท คอื พนั ธผ์ุ สมเปดิ ลกั ษณะฝกั ไมค่ อ่ ยสมำ�่ เสมอ สามารถเกบ็ ไวท้ ำ� พนั ธไ์ุ ดแ้ ละจะตอ้ ง ปลูกห่างจากพันธุ์อ่ืนๆ ประมาณ 200 เมตร หรือทิ้งช่วงการปลูกจากพันธุ์อื่น ไมน่ ้อยกว่า 3 สปั ดาห์ ไดแ้ ก่ พนั ธ์เุ ชียงใหม่ 90 เรมิ่ เกบ็ เกี่ยวอายุ 48 วนั หลังงอก พนั ธ์สุ ุวรรณ2 เริ่มเกบ็ เกย่ี วอายุ 45 วันหลังงอก พนั ธล์ุ กู ผสม ลกั ษณะฝกั สมำ�่ เสมอ ผลผลติ สงู เปน็ ทต่ี อ้ งการของโรงงาน เกษตรกร ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ท�ำพันธุ์ต่อได้ ได้แก่ พันธุ์เกษตรศาสตร์2 พันธุ์G 5414 พนั ธุซ์ ิฟคิ 116 พันธแุ์ ปซิฟิค 421 พันธ์ุ IBG 710 เป็นต้น พันธุข์ า้ วเหนยี ว ไดแ้ ก่ ข้าวโพดหวานพิเศษขอนแก่น ผลิตโดยมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ลกั ษณะเมลด็ สีขาวขุ่น กล่นิ หอม อายเุ ก็บเกยี่ วสน้ั ประมาณ 65-70 วัน ข้าวโพดเทียน ไดแ้ ก่ ขา้ วโพดเทยี นสขี าว พนั ธ์ุ SSRTW 8801 (สโุ ขทยั 1) ผลติ โดยกรมวชิ าการเกษตร อายเุ กบ็ เกย่ี ว56-65 วนั ผลผลติ จ�ำนวนฝกั ท้ังหมด 22,218 ฝักต่อไร่ ปลกู ไดท้ ุกภาค ของประเทศทม่ี ีปริมาณน้�ำเพียงพอ 32
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื ปจั จยั จ�ำเป็นท่ตี อ้ งใช้ ข้าวโพดฝักสดสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในเขตพ้ืนที่ชลประทาน ลักษณะดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง การระบายน้�ำดี ดินมีความเป็นกรด-ด่าง (pH) ประมาณ 5.5-6.8 สามารถปลกู ไดต้ งั้ แตพ่ น้ื ทรี่ ะดบั นำ้� ทะเลจนถงึ ความสงู 2-3 พนั เมตร อุณหภูมิระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส มีปริมาณน�้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ของตน้ ขา้ วโพด แหลง่ ปลกู ภาคเหนือ ไดแ้ ก่ จังหวัดนครสวรรค์ อทุ ยั ธานี พะเยา ล�ำปาง แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ และล�ำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ทุกจังหวัดยกเว้น จังหวดั เลย ภาคกลาง ไดแ้ ก่ จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ชัยนาท สระบรุ ี และลพบรุ ี ภาคตะวนั ออก ไดแ้ ก ่ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ราชบรุ ี กาญจนบรุ ี เพชรบรุ ี และประจวบครี ขี นั ธ์ ข้นั ตอนการดำ� เนินการ ข้าวโพดหวาน 1. ฤดูปลูก ข้าวโพดหวานสามารถปลูกได้ทั้งปีในบางพ้ืนท่ีท่ีมีน�้ำเพียงพอ สามารถปลกู ในเดอื นเมษายน เพราะการปลกู ชว่ งนไี้ มม่ ปี ญั หาเรอื่ งพนั ธอ์ุ นื่ ๆ มาปะปน ช่วงปลูกที่เหมาะสม คือ ประมาณปลายเดือนกันยายน เพราะไม่จ�ำเป็นต้องให้น้�ำ หรืออาจให้บ้างในช่วงใกลเ้ ก็บเกีย่ ว 2. การเตรยี มดนิ ไถดะ 1 ครง้ั แลว้ ตากดนิ ไว้ 7-15 วนั หวา่ นปยุ๋ หมกั หรอื ปยุ๋ คอก เพอ่ื เพม่ิ ความอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ ประมาณ 1-2 ตนั ตอ่ ไร่ (ในดนิ เหนยี วควรเพมิ่ แกลบ และปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั เพม่ิ เปน็ 2-4 ตนั ตอ่ ไร)่ ไถแปร 1-2 ครง้ั เพอ่ื ยอ่ ยดนิ ใหเ้ หมาะสม ต่อการยกแปลงปลกู 3. ระยะปลกู มี 2 แบบ คอื แบบแถวเดย่ี ว ระยะระหวา่ งแถว 75 เซนติเมตร ระหว่างตน้ 30 เซนติเมตร แบบแถวคู่ (แบบแปลงผกั ) ชกั ร่องกวา้ ง 120 เซนตเิ มตร ปลกู ขา้ งสันร่องทั้ง 2 ด้าน ระยะระหว่างต้น 30 เซนตเิ มตร 4. การปลูก ข้าวโพดหวานใช้เมลด็ พนั ธ์ุ 1-15 กโิ ลกรมั ต่อไร่ 5. การใสป่ ยุ๋ มี 2 ระยะคอื รองพนื้ ดว้ ยปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ ตามความเหมาะสม และใส่ปยุ๋ แตง่ หน้า 2 คร้งั เม่ืออายุ 25-30 วนั ละ 40-45 วนั 33
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช ผลผลติ ขา้ วโพดหวาน ให้ผลผลติ เฉลย่ี ประมาณ 1,800 กิโลกรัมต่อไร่ ขา้ วโพดฝกั ออ่ น ใหผ้ ลผลติ เฉล่ยี ประมาณ 1,500 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ขา้ วโพดขา้ วเหนียว ใหผ้ ลผลิตเฉล่ยี ประมาณ 1,600 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ข้าวโพดเทยี น ให้ผลผลติ เฉลยี่ ประมาณ 1,600 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ หมายเหตุ ข้าวโพดเทียน 1 ไร่ปลูกได้ประมาณ 16,000-32,000 ต้น (ระยะปลูก 50x20 เซนตเิ มตร ) 1-2 ตน้ ตอ่ หลมุ ขา้ วโพดเทยี น 1 ตน้ ตดิ ฝกั 1-2 ฝกั หรอื ประมาณ 1 ฝกั ตอ่ ตน้ จะได้ 32,000 ฝกั ขายไดฝ้ กั ละ 0.50 บาท ไดเ้ งนิ ประมาณ 16,000 บาทตอ่ ไร่ แนวโนม้ ในอนาคตของขา้ วโพดฝักสด 1. เป็นพืชที่มีศักยภาพในการแข่งขันการส่งออกสูง เพราะข้าวโพดฝักสด สามารถแปรรปู เปน็ ผลผลติ ไดห้ ลายรปู แบบ สามารถสง่ ออกไดท้ ง้ั ในตลาดยโุ รป อเมรกิ า แอฟรกิ า นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศกม็ คี วามตอ้ งการบรโิ ภคมากขน้ึ โดยเฉพาะ อยา่ งย่ิงในสังคมเมือง 2. การสง่ ออกผลติ ภณั ฑข์ า้ วโพดฝกั สดไมม่ ปี ญั หาทางดา้ นโภชนาการ เนอื่ งจาก ในขั้นตอนการผลิตมีการใช้สารเคมีน้อย ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มีความปลอดภัย ต่อผบู้ ริโภคสูง เพราะไม่มีสารพษิ ตกค้างหรอื มีน้อยมาก 3. เปน็ พชื ทม่ี ีศักยภาพการผลติ สูง สามารถเพม่ิ ประสิทธิภาพการผลิตได้งา่ ย เพราะเปน็ พชื ระยะเวลาผลติ สน้ั (ใชร้ ะยะเวลาเพยี ง 45-50 วนั สำ� หรบั ขา้ วโพดฝกั ออ่ น และ 70-75 วัน ส�ำหรับขา้ วโพดหวาน) และสามารถปลูกไดต้ ลอดปี ดูแลรกั ษาง่าย ใหผ้ ลผลติ สงู มคี วามเสย่ี งตำ�่ ใชส้ ารเคมนี อ้ ย การเพมิ่ คณุ ภาพและผลผลติ สามารถทำ� ได้ โดยใชพ้ นั ธแ์ุ ละวธิ กี ารผลติ ทเ่ี หมาะสม นอกจากนย้ี งั เปน็ พชื ทเ่ี หมาะสมสำ� หรบั เกษตรกร ในชนบท โดยเฉพาะในเขตทีม่ นี ้�ำชลประทาน 4. เป็นพืชที่มีศักยภาพในการน�ำไปผลิตเป็นพืชอินทรีย์โดยเฉพาะอย่างย่ิง ข้าวโพดฝักอ่อนและข้าวโพดหวาน เพราะเป็นพืชท่ีมีแมลงศัตรูน้อย นอกจากน้ี พันธุ์ที่ใช้ในปัจจุบันส่วนใหญ่มีความต้านทานโรคท่ีส�ำคัญได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะ อย่างย่งิ ขา้ วโพดฝักออ่ น 34
ทางเลอื กอาชีพด้านพืช ตลาด และผลตอบแทน ข้าวโพดหวานประมาณร้อยละ 50 ที่ผลิตได้ในประเทศจะถูกน�ำไปแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานเพื่อส่งไปจ�ำหน่ายต่างประเทศ ซ่ึงจัดอยู่ในล�ำดับที่ 3 ของประเทศผู้ส่งออกข้าวโพดหวานในตลาดโลก ข้าวโพดหวานและข้าวโพดฝักอ่อน ท่ีเก็บส่วนของฝักออกไปใช้ประโยชน์แล้ว ส่วนของต้นและในยังคงเหลือในแปลง รวมไปถึงกาบหุ้มฝัก ไหม ช่อดอกตัวผู้ของข้าวโพดฝักอ่อน และซังข้าวโพดหวาน ทีเ่ หลือจากโรงงานอุตสาหกรรมยงั สามารถนำ� ไปเป็นอาหารสัตว์ได้ดี 35
ทางเลอื กอาชพี ด้านพืช การปลูกขา้ วโพดฝักอ่อน ข้าวโพดฝักอ่อน เป็นข้าวโพดท่ีเก็บฝักมารับประทานเม่ือฝักอ่อนอยู่ หรือที่ แกนกลางฝัก (ซงั ) ยงั ไมแ่ ขง็ แรง การดแู ลรกั ษาทวั่ ไปจงึ ไมต่ า่ งจากข้าวโพดฝกั สดอน่ื ๆ ยกเวน้ การใสป่ ยุ๋ การปอ้ งกนั จำ� กดั โรคและแมลง การเกบ็ เกยี่ ว การเกบ็ รกั ษาหลงั การ เก็บเก่ียวและการใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ ยังเป็นพืชท่ีมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะมูลค่าการส่งออกข้าวโพดฝักอ่อนบรรจุกระป๋องเพิ่มขึ้นทุกปี ข้าวโพดฝักอ่อน เป็นพชื ทม่ี ีอายเุ ก็บเก่ยี วสนั้ และสามารถปลูกไดป้ ลี ะหลายครง้ั พนั ธขุ์ า้ วโพดฝกั ออ่ น สามารถแบง่ ตามวิธกี ารผลติ พันธไ์ุ ด้เป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. พนั ธผ์ุ สมเปดิ ซงึ่ ไมม่ กี ารควบคมุ การผสมเกสรในการผลติ เมลด็ พนั ธ์ุ มเี พยี ง การคัดเลือกต้นที่ไม่ต้องการท้ิงไปก่อนออกดอก สามารถเก็บเมล็ดเพื่อใช้เป็นพันธุ์ ในฤดตู ่อไปได้ 2-3 รนุ่ โดยผลผลิตลดลงเพียงเล็กนอ้ ย พนั ธุ์ประเภทนจ้ี ะมีขนาดฝกั 36
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื และลักษณะต่างๆ ไม่ค่อยสม�่ำเสมอ ดังนั้น ผลผลิตจึงมักไม่เป็นที่ต้องการของ โรงงานอตุ สาหกรรมแตส่ ามารถสง่ ขายตลาดสดได้ อาทพิ นั ธรุ งั สติ 1 พนั ธเ์ุ ชยี งใหม่ 90 2. พนั ธล์ุ กู ผสม เปน็ ทเี่ กดิ จากการผสมระหวา่ งสายพนั ธแ์ุ ทท้ ผ่ี า่ นการคดั เลอื ก แล้วการผลิตเมล็ดพันธุ์ต้องมีการควบคุมการผสมเกสร และผลผลิตของสายพันธุ์แท้ คอ่ นข้างต�ำ่ ท�ำใหร้ าคาเมลด็ พนั ธ์สุ ูงกว่าพนั ธ์ผุ สมเปิดมาก และไม่สามารถเกบ็ เมลด็ ไว้ท�ำพันธุ์ต่อได้ แต่จะมีลักษณะต่างๆ เช่น ล�ำต้น ขนาด และสีของฝักสม�่ำเสมอ อกี ทงั้ ให้ผลผลิตสูงเปน็ ท่ีตอ้ งการของโรงงาน ไดแ้ ก่ พันธุ์ G5414 G5445, NTB017, NTB018, Pacific16, Pacific421, BaBy1, B50, IB991, CNB0308, CNB0305 และ SXB 28 ปจั จัยจำ� เปน็ ทตี่ อ้ งใช้ พ้ืนท่ีปลูกข้าวโพดฝักอ่อนควรอยู่ในเขตชลประทานหรือใกล้แหล่งน้�ำสะอาด ทสี่ ามารถระบายนำ้� ไดด้ ี ขา้ วโพดฝกั ออ่ นสามารถปลกู ไดใ้ นดนิ แทบทกุ ชนดิ โดยเฉพาะ ดินที่มีการระบายน้�ำได้ดี ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) อยู่ระหว่าง 6.5-7.0 มีอินทรีย์วัตถุสูงกว่า 1.5% มีฟอสฟอรัสไม่ต่�ำกว่า 20 ส่วนในล้าน มีโพแทสเซียม ไม่ต่�ำกว่า 100 ส่วนในล้านส่วน โดยทั่วไปข้าวโพดเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 10-40 องศาเซลเซยี ส แต่อุณหภูมิท่ีเหมาะสมทส่ี ุดคอื 27 องศาเซลเซียส มอี ณุ หภูมิ กลางวันสูงและกลางคืนต�่ำ มีแสงแดดจัด การออกดอกจะเร็วขึ้นถ้าปลูกในฤดูท่ีมี ความยาวของกลางวนั น้อยกวา่ 12 ชัว่ โมง ขั้นตอนการด�ำเนินงาน 1. ฤดูปลูก สามารถปลูกข้าวโพดได้ตลอดปีถ้ามีน�้ำ แต่ที่ปลูกกันมากคือ ในชว่ งฤดฝู น สว่ นฤดอู นื่ ๆ จะสามารถปลกู ไดใ้ นแหลง่ ทมี่ รี ะบบการชลประทานดี หรอื มีแหล่งน�้ำอุดมสมบรู ณ์ 2. การเตรียมดนิ ไถดะ 1 ครงั้ ตากดนิ ทิง้ ไว้ประมาณ 1-2 สปั ดาห์ แลว้ ท�ำการ ไถแปร หรือพรวนดนิ ใหร้ ว่ นอกี 1-2 คร้งั จากน้ันจดั ท�ำร่องหรอื แถวปลกู 3. การปลูกและระยะปลกู ระยะปลกู ขา้ วโพดฝักออ่ นทีเ่ หมาะสม คอื ระยะ 37
ทางเลอื กอาชพี ด้านพืช หา่ งระหวา่ งแถว 50 เซนติเมตร หยอดเมลด็ พนั ธุ์ หลุมละ 3 ตน้ หรอื ระหวา่ งแถว 75 เซนติเมตร ระหว่างหลุม 25 เซนติเมตร หลุมละ 2 ต้น โดยปลูกลึกประมาณ 3-4 เซนติเมตร ไมค่ วรหยอดเมลด็ ลึกเกนิ ไปเพราะจะทำ� ใหเ้ มล็ดงอกช้า แต่ถ้าหยอด ต้ืนเกินไป เมล็ดจะไม่งอก และอาจถูกท�ำลายโดยนกและหนูได้ ถ้าเป็นดินเหนียว ควรหยอดเมล็ดให้ตื้นกว่าดินทรายเล็กน้อย ถ้าใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ เช่น พันธเ์ุ ชียงใหม่ 90 รงั สิต 1 จะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 5 กิโลกรัมตอ่ ไร่ ส�ำหรบั เมลด็ พนั ธห์ุ วานจะใชป้ ระมาณ 3 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ จะไดต้ น้ ขา้ วโพดประมาณ 19,000 ตน้ ตอ่ ไร่ แตถ่ า้ ปลกู แบบยกรอ่ งจะไดเ้ พยี ง 14,600 ตน้ ตอ่ ไร่ เพราะตอ้ งหกั พนื้ ทขี่ องรอ่ งนำ�้ และทางเดนิ ออก 4. การใสป่ ยุ๋ ขา้ วโพดฝักออ่ นมีการสะสมธาตุอาหารหลักในสว่ นของฝกั อ่อน มากกว่าส่วนอ่ืนๆ ความต้องการธาตุอาหารจึงมีผลอย่างยิ่งต่อความสมบูรณ์ของฝัก ในดินที่มีความสมบูรณ์ต่�ำควรใช้สารเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 1-2 ตนั ตอ่ ไร่ 75-100 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ รองก้นหลมุ ตอนปลูก และปุ๋ยไนโตรเจนอัตรา 10-15 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ โรยขา้ งแถวเมอื่ มอี ายุ 25-30 วนั ในดนิ ทม่ี คี วามอดุ มสมบรู ณส์ งู ในปุ๋ยไนโตรเจนอย่างเดียวอัตรา 20 กิโลกรัมต่อไร่ แบ่งใส่ 2 คร้ังในข้ันเตรียมดิน และเมอ่ื อายุ 25 วัน ควรใส่ 1-2 ครัง้ ทง้ั นข้ี ึน้ อย่กู บั ความอดุ มสมบรู ณข์ องดนิ 5. การใหน้ ำ�้ ขา้ วโพดฝกั ออ่ นเปน็ พชื ทต่ี อ้ งการนำ�้ มากตง้ั แตว่ นั ปลกู จนเสรจ็ สนิ้ การเก็บเกยี่ ว หากขาดน�ำ้ ฝักอ่อนจะมลี กั ษณะผิดปกติ อาทิ ผอม ลบี ซังแห้ง หัวโต ดงั นน้ั ควรใหน้ ำ้� ทกุ วนั แตค่ รง้ั ละไมม่ ากทำ� เชน่ เดยี วกบั การใหน้ ำ้� ผกั และเวน้ ระยะหา่ งขน้ึ เม่อื ตน้ ใหญ่สมบรู ณด์ แี ลว้ ควรหมั่นสงั เกตตน้ ขา้ วโพดอย่าปล่อยให้เหย่ี ว ศัตรขู า้ วโพดทค่ี วรระวัง 1. โรคส�ำคัญของข้าวโพดฝักอ่อน ได้แก่ โรคราน้�ำค้าง โรคใบไหม้แผลเล็ก โรคราสนมิ โรคเนา่ ทีเ่ กิดจากแบคทีเรีย 2. แมลงศตั รพู ืช ได้แก่ มอดดนิ หนอนกระทหู้ อม หนอนเจาะลำ� ตน้ ข้าวโพด หนอนเจาะฝักขา้ วโพด 38
ทางเลือกอาชพี ด้านพชื 3. วชั พชื ในตระกลู หญา้ ใบแคบ อาทิ หญา้ นกสชี มพู หญา้ ตนี นก หญา้ ปากควาย หรือตระกูลหญ้าใบกว้าง อาทิ ผกั โขม ผักเบ้ียหิน หญ้ายาง เทยี นนา หรอื ตระกูลกก อาทิ แห้วหมู ผลผลิต ขนึ้ อยูก่ บั พันธ์ทุ ี่เลอื กใชแ้ ละรายละเอียดตามขัน้ ตอนการด�ำเนินงาน ตลาด และผลตอบแทน พันธุ์ลูกผสมจะให้ผลผลิตสูงกว่า มีราคาดีกว่าและเป็นท่ีต้องการของโรงงาน มากกวา่ ข้าวโพดฝักออ่ นมอี ายุเก็บเกยี่ วส้นั เพยี ง 60 วัน นับจากวันปลูกถึงวนั สิน้ สุด การเก็บเก่ียว นอกจากนี้ ตน้ ขา้ วโพดยังสามารถนำ� ไปเล้ยี งโคนม และท�ำปุ๋ยหมักได้ มาตรฐานการรับซอ้ื การปลกู ขา้ วโพดฝกั ออ่ นเพอ่ื อตุ สาหกรรมหรอื สง่ ออกฝกั สดนน้ั สง่ิ ทสี่ ำ� คญั ทส่ี ดุ คือ คณุ ภาพ และปริมาณของผลผลติ ท�ำอยา่ งไรใหไ้ ดม้ าตรฐานท่สี ุด ดงั น้ัน เกษตรกร ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนปลูก ซ่ึงมีข้อที่เกษตรกรควรค�ำนึงถึง ดังนี้ ขนาดของ ขา้ วโพดฝักอ่อน เพอื่ ส่งโรงงานของอตุ สาหกรรม จ�ำแนกเป็น 3 เกรด คือ ฝกั มคี วามยาว 9-13 เซนตเิ มตร และมเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-1.8 เซนตเิ มตร (L), ฝกั มคี วามยาว 7-9 เซนตเิ มตร และมเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.2-15 เซนตเิ มตร (M), ฝกั มคี วามยาว 4-7 เซนตเิ มตร และมเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.0-1.2เซนตเิ มตร (S), ซ่งึ สว่ นใหญโ่ รงงานจะผลิตเกรด S, M มากกว่า L 39
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื การผลติ หนอ่ ไมฝ้ รง่ั หนอ่ ไม้ฝรงั่ เป็นพืชผักทมี่ ีศักยภาพในการสง่ ออก มแี นวโนม้ ในการส่งออกทด่ี ี โดยเฉพาะการสง่ ออกผลผลติ สด และยงั เปน็ พชื ผกั ทางเลอื กอกี ชนดิ หนงึ่ ของเกษตรกร ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยมีการส่งเสริมในรูปแบบครบวงจร เพาะปลูกมากในเขต จงั หวดั นครปฐม ราชบุรี กาญจนบรุ ี โดยตลาดต่างประเทศที่ส�ำคัญ คือ ประเทศญป่ี นุ่ รองลงมาได้แก่ตลาดยุโรป และตลาดในแถบเอเชยี ปจั จัยท่ีส�ำคัญ 1. การเตรียมเมลด็ พันธ์ุ ควรซอ้ื เมลด็ พนั ธท์ุ ผ่ี ลติ มาจากบรษิ ทั เจา้ ของพนั ธ์ุ และซอ้ื กบั บรษิ ทั ทจี่ ำ� หนา่ ย เมลด็ พนั ธ์ุ ซง่ึ จะสามารถปลกู ได้ ประมาณ 2-4 ไร่ ใชพ้ นื้ ทเ่ี พาะกลา้ ประมาณ 500-600 ตารางเมตร อยา่ งไรกต็ ามในปจั จบุ นั มกี ารใชเ้ ทคนคิ ในการเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอ่ื ในการผลติ ตน้ กลา้ หนอ่ ไมฝ้ รงั่ เพอื่ ใชใ้ นการปลกู ซง่ึ เปน็ วธิ กี ารทท่ี ำ� ใหไ้ ดต้ น้ กลา้ ทแ่ี ขง็ แรง ตรงตามพนั ธ์ุ แตม่ ีขอ้ ระวังคอื ตอ้ งการคัดตน้ พนั ธุ์ (Clone) ท่ดี ีเพอื่ นำ� มาขยายพันธ์ุต่อ 40
ทางเลือกอาชีพด้านพชื 2. การเตรียมแปลงเพาะกล้า ควรเปน็ ทโี่ ลง่ แจง้ ใกลแ้ หลง่ นำ้� ไมม่ นี ำ้� ทว่ มขงั มคี วามเปน็ กรดเปน็ ดา่ งของดนิ (pH) ประมาณ 6.5-7.0 ปราศจากวชั พชื ในการเพาะกลา้ ขนาด 1 ไร่ ใหเ้ ตรยี มแปลงเพาะ ขนาด 1x10 เมตร จำ� นวน 8 แปลง ใส่ป๋ยุ อินทรยี จ์ �ำนวน 30 กิโลกรัม (ปุ๋ยคอกหรอื ปุ๋ยหมกั ตามความเหมาะสม) และปูนขาว 1 กโิ ลกรมั ต่อแปลงเพาะ คลุกเคล้าใหท้ ั่ว เกลย่ี ดนิ บนแปลงใหเ้ รยี บและใชไ้ มท้ ำ� รอ่ งลกึ 1-2 เซนตเิ มตร ตามแนวขวางของแปลง แตล่ ะรอ่ งหา่ งกันประมาณ 20-25 เซนติเมตร 3. วสั ดปุ รบั ปรุงดิน มีหลายชนดิ ขึ้นอยู่กับสภาพดนิ ที่ใชใ้ นการเพาะกลา้ ควรเลือกใช้ดงั น้ี 3.1 ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ 3.2 ปูนขาว 3.3 สารสกดั ธรรมชาติท่มี ฤี ทธิ์ก�ำจัดโรครา 3.4 สารสกดั ธรรมชาติที่มฤี ทธก์ิ ำ� จดั แมลงซ่ึงปลอดภยั ตอ่ ทงั้ ผบู้ ริโภค และผปู้ ลกู 3.5 แกลบ ฟาง 3.6 บัวรดน�้ำ 3.7 อุปกรณ์การเตรียมแปลง จอบ คราด ไม้ปาดแปลง ไม้ชักรอ่ ง ข้นั ตอนการด�ำเนินงาน 1. การเพาะกล้าหนอ่ ไม้ฝรั่ง น�ำเมล็ดมาหยอดในร่องที่เตรียมไว้จุดละ 1 เมล็ด ห่างกันประมาณ 10-15 เซนตเิ มตร กรณมี มี ดหรอื แมลงใหโ้ รยทบั ดว้ ยปนู ขาวบางๆ จากนนั้ กลบดนิ ในรอ่ งบางๆ แลว้ ใชฟ้ างคลมุ ทบั บนแปลงหนาพอประมาณ ใชส้ ารสกดั จากธรรมชาตทิ มี่ ฤี ทธใิ์ นการ ลดเชอ้ื ราใสบ่ วั รดนำ้� ราดใหท้ ว่ั จากนนั้ รดนำ้� ตามใหช้ มุ่ ระยะแรกๆ ตอ้ งรดนำ้� ใหบ้ อ่ ยครง้ั อยา่ ปลอ่ ยใหแ้ ปลงแหง้ ประมาณ 10-15 วนั ตน้ กลา้ จะเรมิ่ งอกเปดิ ฟางออกใหเ้ หลอื ฟาง เพยี งบางๆ เพอื่ ใหต้ น้ กลา้ งอกสะดวก ในชว่ งตน้ การใหป้ ยุ๋ จะตอ้ งใหอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งทกุ เดอื น 41
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช 2. การย้ายกลา้ หนอ่ ไม้ฝรง่ั หลังจากที่กล้ามีอายุได้ 4-6 เดือน ต้นกล้าจะมีความแข็งแรง และมีอัตรา การรอดตายสงู กอ่ นยา้ ย ตอ้ งงดใหน้ ำ้� ในแปลงกลา้ 2 อาทติ ย์ เพอ่ื ใหร้ ากมคี วามเหนยี ว ก่อนถงึ วนั กำ� หนดยา้ ยกล้า 2-3 วนั ควรให้นำ�้ เพอ่ื ใหด้ นิ ออ่ นตัวจะไดท้ �ำการขดุ ได้งา่ ย ควรตัดลำ� ตน้ เหนือดนิ ออกโดยเลอื กความสูงไว้ประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก่อนย้าย 1 วนั จะตอ้ งใหน้ ำ้� ในแปลงปลกู ทเ่ี ตรยี มไวเ้ พอื่ ใหด้ นิ มคี วามชน้ื เพยี งพอ ใชร้ ะยะปลกู ระหว่างต้นควรหา่ ง 50 เซนติเมตร ระหว่างแถวควรหา่ ง 120-150 เซนติเมตร 3. การดูแลรักษา การใหน้ ำ้� ควรใหน้ ำ�้ อยา่ งสมำ�่ เสมอ การใหน้ ำ้� ตน้ กลา้ ทย่ี า้ ยลงแปลงใหญ่ โดยปกติจะให้น้�ำวันเว้นวัน หลังจากกล้าตั้งตัวได้แล้วให้ 3-5 วันต่อคร้ัง โดยให้ดู ความช้นื ในดินประกอบด้วย การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยคอกรองพ้ืนประมาณ 2-3 ตันต่อไร่ พร้อมท้ังใส่ สารสกัดจากธรรมชาติอย่างต่อเนือ่ งอีก 3 ระยะคือ - ระยะเจรญิ เตบิ โต หลังปลูก 1 เดือน - ระยะใหผ้ ลผลติ ให้ใสป่ ุย๋ เพอ่ื ให้หน่อไม้ฝร่งั สมบรู ณ์ ไมบ่ านเร็ว - ระยะฟักตัว การไว้ต้นแม่เหนือดิน เมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุมากข้ึน บริเวณกอ จะแน่น ควรมกี ารตัดแต่งยอดและแตง่ ก่งิ แขนงต้นออกบา้ ง การทำ� ราวคำ�้ ตน้ ควรทำ� ราวคำ้� ตน้ เมอื่ อายปุ ระมาณ 4 เดอื นหลงั ยา้ ยปลกู โดยวสั ดทุ ใ่ี ชท้ ำ� ราวตอ้ งแขง็ แรงจำ� นวนชน้ั ของราวตอ้ งเหมาะสมกบั ความสงู เพอื่ คำ้� ตน้ แม่ การพรวนดนิ ในชว่ งแรกหลงั จากยา้ ยปลกู ใหท้ ำ� การพรวนดนิ กลบโคน หลังจากนนั้ ควรจะทำ� ทุก 3-4 เดือนตอ่ ครงั้ พรอ้ มกับการเตมิ ปยุ๋ อินทรยี ์ การพกั ตน้ เมอ่ื เรมิ่ เกบ็ ผลผลติ หนอ่ ไมฝ้ รงั่ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งประมาณ 60 วนั ผลผลิตจะเริม่ ลดลงจำ� เป็นตอ้ งตดั แต่ง และพักต้นไว้ พรอ้ มงดการเกบ็ เกี่ยวและการ ถอนแยกต้นแม่ท้ิงท้ังหมด รอให้ต้นใหม่งอกเป็นระยะเวลาประมาณ 30 วัน จึงเริ่ม ท�ำการเก็บเก่ยี วอีกครง้ั 42
ทางเลือกอาชีพดา้ นพืช 4. การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเกบ็ เกี่ยว เกษตรกรสามารถเกบ็ เกยี่ วไดห้ ลงั จากยา้ ยปลกู แลว้ 4-6 เดอื น หนอ่ ทเี่ กบ็ เกย่ี ว ได้ควรมขี นาดเส้นผ่าศูนยก์ ลาง 0.8-1 เซนตเิ มตร ในปรมิ าณ 30% ของจ�ำนวนตน้ ทงั้ หมด ใหท้ ำ� การถอน โดยจบั บรเิ วณโคนหนอ่ ทตี่ ดิ กบั ดนิ ในลกั ษณะทถี่ นดั แลว้ ดงึ หนอ่ ขนึ้ จากดนิ แลว้ รบี นำ� หนอ่ ไมฝ้ รง่ั วางไวใ้ นทรี่ ม่ ไมต่ ากแดดและมอี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก ทำ� ความสะอาดโคนหนอ่ ดว้ ยนำ้� สะอาด แลว้ นำ� หนอ่ ไมฝ้ รงั่ มาเรยี งใหป้ ลายหนอ่ เสมอกนั และตดั สว่ นโคนท่ียาวไมเ่ ท่ากนั ออกดว้ ยมีดคมๆ หลงั จากนัน้ ใหค้ ดั เกรด แลว้ รัดหน่อ ดว้ ยหนงั ยาง เรยี งผลผลติ ใหต้ ง้ั ยอดหนอ่ ขนึ้ เพอ่ื ปอ้ งกนั หนอ่ งอ บรรจใุ ชต้ ะกรา้ พลาสตกิ ท่ีรองด้วยแผ่นฟองน�้ำที่สะอาด คลุมด้วยผ้าขาวบางหรือฟองน้�ำอีกชั้นด้านบน และ ขนสง่ มายังจดุ รวบรวมผลผลิตอย่างรวดเร็ว ผลผลิตหนอ่ ไม้ฝร่ังท่ีมคี ณุ ภาพ ควรมลี กั ษณะดังน้ี 1. หนอ่ ตรง ไม่คดงอ หรอื แคระแกร็น 2. ปลายหนอ่ ตอ้ งแน่น ไม่บาน (ไมม่ ีชอ่ ใบโผล่พ้นกาบหุ้มใบ) 3. ความยาวของหน่อ 25 เซนติเมตร โดยมีส่วนเขียวไม่น้อยกว่า 19-25 เซนติเมตร (ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของการรับซ้ือผลผลิตของแต่ละบริษัท ทั้งน้ีต้อง ค�ำนึงถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของหน่อไมฝ้ รง่ั ต้องเข้าเกณฑ์มาตรฐานดว้ ย) 4. ขนาดของหน่อไมฝ้ รงั่ แต่ละเกรดมคี วามสม�่ำเสมอ 5. ตอ้ งสะอาด ปราศจากโรคและแมลง ต้นทุน และผลตอบแทน 35,000 บาทตอ่ ไร่ ต้นทนุ การผลิตเฉลย่ี ปีที่ 1 33,000 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเฉล่ยี 53,000 บาทต่อไร่ ต้นทนุ การผลติ เฉลีย่ ปที ี่ 2 เปน็ ต้นไป 87,000 บาทตอ่ ไร่ ผลตอบแทนสทุ ธเิ ฉล่ยี แหล่งข้อมลู กลมุ่ สง่ เสรมิ การผลติ ผกั สว่ นสง่ เสรมิ การผลติ ผกั ไมด้ อกไมป้ ระดบั และ พืชสมุนไพร สำ� นกั สง่ เสริมและจดั การสินคา้ เกษตร กรมสง่ เสรมิ การเกษตร 43
ทางเลือกอาชีพด้านพชื การผลติ ตะไคร้ ตะไคร้ เปน็ พชื เครอื่ งเทศ/สมนุ ไพรอยา่ งหนงึ่ ทใ่ี ชใ้ นการประกอบอาหาร หลายชนดิ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจ�ำพวกย�ำ หรือแกงตา่ งๆ หรอื แมแ้ ต่ตม้ ย�ำกงุ้ ซงึ่ เปน็ อาหารท่ีคนรู้จักกันท่ัวโลกก็ยังมีตะไคร้เป็นส่วนประกอบ และในปัจจุบันได้มีบริษัท อตุ สาหกรรมบางแหง่ ไดผ้ ลติ เครอ่ื งปรงุ อาหารไทยสำ� เรจ็ รปู เพอื่ วางจำ� หนา่ ยทว่ั ไปตาม หา้ งสรรพสนิ คา้ ตา่ งๆ และสง่ ออก ทำ� ใหเ้ หน็ ไดว้ า่ ตะไครย้ งั มโี อกาสในการทำ� ตลาดได้ แต่ทั้งนี้ผลผลิตต้องมีปริมาณและคุณภาพตรงตามที่ตลาดต้องการด้วย ซึ่งเกษตรกร จำ� เปน็ ต้องมกี ารวางแผนการผลิตและการตลาดเปน็ อยา่ งดี 1. การขยายพนั ธ์ุ สามารถขยายพันธ์ุโดยการแยกหน่อหรอื เหงา้ ไปปลกู 2. การเตรียมแปลงปลูก โดยการไถดนิ ตากกอ่ นประมาณ 7 วนั เพอ่ื กำ� จดั วชั พชื โรคและแมลงในดนิ ตามดว้ ยการไถพ่ รวนเพอื่ ยอ่ ยดนิ การยกรอ่ งทำ� แบบเดยี วกบั การปลกู พชื โดยทวั่ ๆ ไป 44
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพืช ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 50x50 เซนติเมตร แล้วน�ำส่วนของหน่อ หรอื เหงา้ ลงปลกู ระหวา่ งขา้ งรอ่ ง หรอื กลางร่อง หลมุ ละประมาณ 1-2 ตน้ โดยปกั ให้ เอียง 45 องศาเซลเซียส ในพ้ืนที่ 1 ไร่ จะใช้หน่อหรือเหงา้ ประมาณ 6,400-12,800 ต้น แล้วแต่ ระยะหา่ งระหว่างเหง้า 3. การใหน้ ้�ำ สามารถท�ำได้ 2 แบบ คอื ให้นำ้� แบบสปรงิ เกอร์ และปลอ่ ยนำ้� ไหลเข้าร่อง พอให้ดนิ เปยี ก การให้ปยุ๋ หลงั จากปลกู ประมาณ 20-50 วนั ใสป่ ยุ๋ เมอ่ื ตะไครเ้ รมิ่ มกี ารแตกกอในชว่ งตง้ั แต่ 120-150 วัน ใส่ปุ๋ยสูตรเดิมเดือนละคร้งั เพ่ือเรง่ การเจรญิ เติบโตส่วนของเหงา้ และใบ 4. การดูแลรกั ษาตะไคร้ ตะไครเ้ ปน็ พืชทีท่ นตอ่ โรคแมลง และทนแล้งได้ดีซง่ึ ง่ายต่อการดแู ล ปญั หา ทมี่ กั พบกบั ตน้ ตะไครบ้ า้ น คอื หนอนกอเขา้ ทำ� ลายในระยะตน้ กำ� ลงั เตบิ โต อยา่ งไรกต็ าม สามารถปอ้ งกนั ไดด้ ว้ ยการกำ� จดั วชั พชื ในแปลงใหส้ ะอาด และดแู ลใหต้ น้ ตะไครแ้ ขง็ แรง โดยใส่ป๋ยุ บ�ำรงุ ดิน 5. การวางแผนการผลิตต่อการตลาด จดั การประชมุ วางแผนการผลติ และการตลาดทอ้ งถน่ิ เพอ่ื กำ� หนดทางเลอื ก ในการจำ� หนา่ ยผลผลติ ของกลมุ่ กอ่ นปลกู โดยประสานกบั ผรู้ บั ซอื้ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ หรอื ลกู คา้ เป้าหมายของกลมุ่ 6. ผลผลิต (ผลผลิตสด) เร่มิ ให้ผลผลติ ได้หลังปลกู 90 วัน (ผลผลติ 2 ตนั ตอ่ ไรต่ ่อป)ี 7. ตลาดและผลตอบแทน เรม่ิ ใหผ้ ลผลติ เก็บเก่ียวได้หลงั ปลูก 90 วัน (ผลผลติ 2 ตันต่อไร่ต่อปี) 45
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื ต้นทนุ การผลิต และผลตอบแทน - ตน้ ทนุ การผลติ 2,585 บาทต่อไร่ - ผลผลติ เฉลย่ี 2,000 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ - ราคาท่ีเกษตรกรขายได้ 4-6 บาทตอ่ กิโลกรัม - รายไดร้ วม 10,000 บาทต่อไร่ - รายไดส้ ทุ ธิ 7,415 บาทตอ่ ไร่ การวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุนผลติ ตะไครต้ ่อไร่ รายไดต้ อ่ ไรตอ่ อัตราผลตอบแทน ทางเกษตรกรขายผลผลิตไดร้ าคา ปริมาณ 2 บาทต่อกโิ ลกรัม 3 บาทตอ่ กโิ ลกรมั 4 บาทต่อกิโลกรมั 5 บาทต่อกโิ ลกรัม ผลผลิต (กโิ ลกรมั ) รายได้ ก�ำไร อตั รา รายได้ กำ� ไร อัตรา รายได้ กำ� ไร อัตรา รายได้ ก�ำไร อัตรา ต่อไร ่ (บาท) (บาท) ผล (บาท) (บาท) (บาท) (บาท) ผล (บาท) (บาท) ตอ่ ปี ตอบแทน ผล ตอบแทน ผล (ร้อยละ) ตอบแทน (รอ้ ยละ) ตอบแทน (ร้อยละ) (รอ้ ยละ) 1,500 3,000 -760 -20.21 4,500 740 19.68 6,000 2,240 59.57 7,500 3,740 99.47 8,000 4,240 112.77 10,000 6,240 165.96 2,000 4,000 240 6.38 6,000 2,240 59.57 10,000 6,240 165.96 12,500 8,740 232.45 12,000 8,240 219.15 15,000 11,240 298.94 32,,050000 5,000 1,240 32.98 7,000 3,740 99.47 6,000 2,240 59.57 9,000 5,240 139.36 หมายเหตุ : ก�ำหนดใหต้ น้ ทุนการผลติ ตอ่ ไรเ่ ท่ากบั 3,760 บาท 46
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพืช ปลอดภยั กจาารกผสลาริตพผิษัก ผกั เปน็ พชื อาหารทค่ี นไทยนยิ มรบั ประทานกนั มาก เนอื่ งจากใหค้ ณุ คา่ ทางอาหาร ท่ีเป็นประโยชน์ต่อร่างกายสูง แต่ค่านิยมในการบริโภคนั้น มักจะเลือกบริโภคผัก ที่สวยงาม ไม่มีร่องรอยการท�ำลายของหนอนและแมลงศัตรูพืช จึงท�ำให้เกษตรกร ผู้ปลูกผักตอ้ งใช้สารเคมีปอ้ งกนั และก�ำจัดแมลงในปริมาณทีม่ าก ท�ำให้ผบู้ รโิ ภคไดร้ ับ อนั ตรายจากสารพษิ ทต่ี กคา้ งอยู่ เพอื่ เปน็ การแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ ว การปลกู ผกั ปลอดภยั จากสารพษิ โดยการนำ� เอาวธิ กี ารปอ้ งกนั และกำ� จดั ศตั รพู ชื หลายวธิ มี าประยกุ ตร์ วมกนั จงึ เปน็ ทางเลอื กสำ� หรบั ความปลอดภัยของเกษตรกร ผู้บริโภคและส่งิ แวดลอ้ ม ผักปลอดภัยจากสารพิษ หมายถึง ผลผลิตพืชผักที่ไม่มีสารเคมีป้องกัน และก�ำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่หรือมีการตกค้างอยู่ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กระทรวง สาธารณสุขก�ำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 288 พ.ศ. 2548 ลงวนั ท่ี 17 มกราคม 2548 เรอื่ งอาหารทมี่ สี ารพษิ ทตี่ กค้าง 47
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพืช ปจั จัยทจ่ี ำ� เป็น พนื้ ทป่ี ลกู พนั ธป์ุ ยุ๋ วสั ดปุ อ้ งกนั กำ� จดั ศตั รพู ชื (เชน่ กบั ดกั กาวเหนยี ว กบั ดกั แสงไฟ วสั ดคุ ลมุ ดนิ สารชวี ภณั ฑ์ สมนุ ไพรปอ้ งกนั กำ� จดั ศตั รพู ชื ฯลฯ) โรงเรอื นมงุ้ ตาขา่ ย ฯลฯ ขึน้ กบั วธิ ที เี่ ลือกใช้ ขน้ั ตอนการดำ� เนนิ งาน 1. การเลือกพนื้ ทีป่ ลกู ใหเ้ หมาะสม ควรเปน็ พ้ืนทีร่ าบ สม่�ำเสมอ ไม่มีน้�ำทว่ มขงั ระบายน้ำ� ได้ดี ใกลแ้ หลง่ น�้ำ ที่สะอาด และมีนำ�้ เพียงพอตลอดฤดูปลูก 2. การเตรยี มพันธุ์ เลือกใช้พันธุ์ท่ีต้านทานศัตรูพืชและปลอดเชื้อโรค กรณีที่ใช้เมล็ดพันธุ์ ควรด�ำเนินการดงั น้ี 2.1 คัดแยกเมลด็ ทเี่ สยี ออก 2.2 แช่เมล็ดในนำ้� อุน่ ที่อุณหภูมิ 50-55 องศาเซลเซียส นาน 15-30 นาที เพ่ือลดปริมาณเชื้อโรคท่ีติดมากับเมล็ดพันธุ์ และถ้ามีเมล็ดบางส่วนลอยขึ้นมา ใหน้ ำ� ไปทิ้ง เนอื่ งจากเป็นเมล็ดท่ีไมม่ คี ณุ ภาพ 3. การเตรียมดิน ไถและพรวนดนิ ให้ละเอียด โดยไถดะลกึ 1 ครั้ง และตากดินไว้ไมน่ ้อยกวา่ 7 วนั และไถพรวนดินอกี 1 ครงั้ และยกร่องตากดนิ ประมาณ 7 วัน เพอ่ื ก�ำจดั แมลง และเช้อื โรคที่อยู่ในดนิ 4. การปรบั ปรงุ ดินแปลงปลกู ใสป่ ๋ยุ อนิ ทรยี ์ เชน่ ป๋ยุ คอก หรอื ปุย๋ หมกั อัตรา 1-2 ต้นตอ่ ไร่ โดยคลกุ เคลา้ ให้ท่ัวแปลงเป็นเน้ือเดียวกันกับดิน และควรมีการปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของดินให้อยใู่ นสภาพท่ีเหมาะสม โดยใชป้ นู ขาวหรอื ปูนมารล์ อัตรา 200-300 กโิ ลกรัมต่อไร่ โดยหว่านให้ทัว่ แลว้ คลุกเคล้ากบั ดิน 48
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช 5. การปลูกและดูแลรกั ษา ระยะปลูก ควรปลกู ผกั ใหม้ รี ะยะห่างพอสมควร อย่าให้แนน่ เกนิ ไป เพ่ือให้ มีการระบายอากาศที่ดี การใสป่ ยุ๋ ธาตอุ าหารสว่ นใหญจ่ ะมอี ยใู่ นดนิ แตธ่ าตไุ นโตรเจนและโพแตสเซยี ม จะถูกชะล้างได้ง่าย ดังน้ันจะต้องให้ปุ๋ยท้ังสองในระหว่างการเจริญเติบโตของผัก แต่อย่าให้ชิดโคนต้น โดยใส่ครั้งแรกหลังปลูกผักไปแล้ว 3 สัปดาห์ และคร้ังที่ 2 ใส่หลังจากคร้ังแรก 2-3 สัปดาห์ หรือเม่ือผักเริ่มออกดอกติดผล เมื่อใส่ปุ๋ยแล้ว ให้พรวนดนิ กลบและรดน�้ำ การควบคุมวัชพืช การควบคุมวัชพืชอย่างมีประสิทธิภาพจะท�ำให้พืช มกี ารเจรญิ เตบิ โตทดี่ ี เชน่ การคลมุ ดนิ โดยฟางขา้ วหรอื พลาสตกิ สเี ทาเงนิ จะชว่ ยรกั ษา ความช้ืนในดิน และบังแสงสวา่ งทำ� ใหเ้ มล็ดวชั พชื โตชา้ 6. การปอ้ งกันก�ำจัดศัตรพู ืชแบบผสมผสาน เพื่อให้การปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ ควรใช้วิธีการป้องกัน และก�ำจัด ศตั รพู ืชหลายๆ วธิ ผี สมผสานกนั ดังนี้ 6.1 การใชก้ บั ดกั กาวเหนยี ว กบั ดกั ชนดิ นไี้ มม่ สี ี ไมม่ กี ลนิ่ และไมเ่ ปน็ พษิ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มใชใ้ นการควบคมุ ปรมิ าณตวั เตม็ วยั ของแมลงศตั รพู ชื โดยทว่ั ไปนยิ มใชก้ าวเหนยี วทาบนวสั ดทุ ม่ี สี เี หลอื ง เช่น แผ่นพลาสติกหรือกระป๋องน้�ำมันเคร่ือง ควรติดต้ังในแปลงผักให้สูงกว่ายอดผัก ประมาณ 30 เซนตเิ มตร โดยจะใชป้ ระมาณ 60-80 กบั ดักต่อไร่ 6.2 การใชก้ ับดกั แสง เป็นการใช้แสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดนีออน) หรือหลอด แบลค็ ไลทล์ อ่ แมลง ในเวลากลางคนื ใหม้ าเลน่ ไฟ และตกลงในภาชนะทบี่ รรจนุ ำ้� มนั เครอื่ ง หรอื น�ำ้ ทรี่ องรบั อยู่ด้านล่าง ควรตดิ ตั้งประมาณ 2 จุดตอ่ ไร่ โดยติดใหส้ งู จากพ้ืนดนิ 150 เซนตเิ มตร และใหภ้ าชนะรองรับอยหู่ า่ งจากหลอดไฟ 30 เซนติเมตร และควร ปดิ สว่ นอน่ื ๆ ทจ่ี ะทำ� ใหแ้ สดงสวา่ งสอ่ งกระจกเปน็ บรเิ วณกวา้ งเพอ่ื ไมใ่ หล้ อ่ แมลงจากทอี่ นื่ เข้ามาในแปลง 49
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพืช 6.3 การใชพ้ ลาสติกหรอื ฟางข้าวคลุมแปลงปลกู เปน็ การควบคุมปริมาณวัชพืชและเกบ็ รกั ษาความชืน้ ในดนิ ไว้ได้นาน และ เปน็ การประหยดั นำ้� ทใี่ ชร้ ดแปลงผกั ควรใชก้ บั พชื ทม่ี รี ะยะปลกู แนน่ อน ควรใชพ้ ลาสตกิ สเี ทา-เงนิ ส�ำหรบั แปลงทมี่ ีการระบาดของเชื้อไวรัสที่มเี พล้ียออ่ นหรือแมลงเปน็ พาหะ 6.4 การปลูกผักในโรงเรอื นม้งุ ตาข่ายไนล่อน พน้ื ที่ทีใ่ ช้ควรเปน็ พื้นทท่ี ่สี ามารถปลกู ผกั ไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื งไมน่ ้อยกว่า 3 ปี เพอ่ื เปน็ การไดค้ มุ้ คา่ ตอ่ การสรา้ งโรงเรอื นและการใชต้ าขา่ ยไนลอ่ น โครงสรา้ งโรงเรอื น อาจทำ� ดว้ ยไมห้ รอื เหลก็ กไ็ ด้ สว่ นตาขา่ ยทใ่ี ชจ้ ะเปน็ ตาขา่ ยไนลอ่ นสขี าวขนาด 16 ชอ่ ง ตอ่ ความยาว 1 นว้ิ วธิ ดี งั กลา่ วสามารถปอ้ งกนั ไดเ้ พยี งหนอนผเี สอื้ และดว้ งหมดั ผกั เทา่ นน้ั หากต้องการป้องกันแมลงชนดิ อ่นื ๆ อาทิ เพล้ยี อ่อน เพลีย้ ไฟ หนอนแมลงวนั ชอนใบ แมลงหวข่ี าว ไร ตอ้ งใชม้ งุ้ ไนลอ่ นความถข่ี นาด 24 หรอื 32 ชอ่ งตอ่ นวิ้ แตอ่ าจมปี ญั หา เร่ืองอุณหภูมิและความช้ืนภายในมุ้ง ประเภทผักท่ีเหมาะสมกับการปลูกในโรงเรือน มงุ้ ไนลอ่ น ได้แก่ คะน้า ผักกาดขาว กวางตงุ้ ฮอ่ งเต้ ตัง้ โอ๋ ปวยเลง้ ข้ึนฉา่ ย กะหลำ่� ดอก บลอ็ กโคลี่ ถวั่ ฝักยาว มะเขอื เปราะ ถ่ัวล่ันเตา ฯลฯ 6.5 การควบคมุ โดยวธิ ี เปน็ การใชส้ งิ่ มชี วี ติ ควบคมุ ศตั รพู ชื ซง่ึ ไดแ้ ก่ แมลงตวั หำ�้ ตวั เบยี น ทที่ ำ� ลาย แมลงศตั รพู ชื ชนดิ อนื่ ๆ หรอื อาจใชส้ ง่ิ มชี วี ติ ขนาดเลก็ เชน่ เชอื้ บกั เตรี เชอ้ื ไวรสั เชอ้ื รา ไส้เดือนฝอย 6.6 การใช้สารสกดั จากพชื พชื ทน่ี ยิ มนำ� มาใชเ้ ปน็ สารสกดั ควบคมุ โรคและแมลง คอื สะเดา เนอ่ื งจากมี “สารอะซาดิแรคติน” ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกัน และก�ำจัดแมลงได้โดยสามารถ ใชฆ้ ่าแมลงได้บางชนดิ - ใช้เป็นสารไลแ่ มลง - ท�ำให้แมลงไม่กนิ อาหาร - ท�ำใหก้ ารเจริญเตบิ โตของแมลงผิดปกติ - ยบั ย้งั การเจรญิ เตบิ โตของแมลง 50
Search