คู่มอื วทิ ยากรพเี่ ลี้ยง ขบั เคลอ่ื นต�ำ บลจัดการสุขภาพ แบบบูรณาการ
ค�ำ น�ำ คู่มือวิทยากรพี่เล้ียงขับเคลื่อนตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ เพื่อการพึ่งตนเองของ ชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ นี้ ได้จัดทำ�ข้ึนเพ่ือให้วิทยากรพ่ีเล้ียงได้ศึกษาและทำ�ความเข้าใจ ในเนื้อหาของตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการอย่างทันสถานการณ์ สามารถนำ�ไปถ่ายทอด ต่อยอดให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหรือผู้เรียน ท่ีมีความตั้งใจและมั่นใจจะเปล่ียนแปลงทัศนคติ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของตนเอง เป็นชุมชนท่ีรอบรู้ด้านสุขภาพ และเป็นแกนการขับเคลื่อน ระบบสขุ ภาพชมุ ชนของตนเองได้ คู่มือวิทยากรพ่ีเลี้ยงฯ ได้ใช้กรอบเน้ือหาความรู้ แนวคิด หลักการ เครื่องมือ การประเมินที่ สามารถนำ�ไปใช้ได้จริง และใช้เผยแพร่ให้แก่ผู้ที่สนใจ ได้ศึกษาและนำ�ไปประยุกต์ใช้ในการทำ�งาน ชุมชนได้ หากมีข้อแนะนำ�ข้อเสนอแนะต่างๆ สามารถประสานและแลกเปล่ียนประสบการณ์ความรู้ ได้ตลอด ณ กองสนับสนนุ สุขภาพภาคประชาชน ขอขอบคุณ ภาคีเครือข่ายสุขภาพในพ้ืนที่ ทุกระดับ ทุกท่าน ที่ให้ความส�ำคัญมุ่งมั่นต้ังใจ ท�ำงานในการสรา้ งสรรค์สขุ ภาพดีใหแ้ ก่ตนเองและชุมชนอยา่ งตอ่ เน่อื ง สมำ�่ เสมอมาโดยตลอด ขอขอบคุณ คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสขุ กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพ ท่ีให้ความส�ำ คัญ ในเร่ืองตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ เพื่อให้เป็นของขวัญการสร้างสุขภาพท่ีดีแก่ชาวไทย ทกุ คน คณะผจู้ ัดท�ำ เมษายน ๒๕๖๑
สารบญั หนา้ ค�ำ น�ำ บทท่ี ๑ ความเป็นมา ความส�ำ คญั และแนวคิดการพัฒนาต�ำ บลจัดการสุขภาพ ๑ แบบบูรณาการสกู่ ารมีสุขภาพดีอยา่ งย่งั ยืน บทท่ี ๒ แนวทางการด�ำ เนินงานตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ ๑๔ บทท่ี ๓ บทบาทวทิ ยากรพเี่ ล้ยี งขับเคลอ่ื นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ ๒๕ บทท่ี ๔ การจดั การเรยี นการสอนท่เี น้นผเู้ รียนเปน็ สำ�คญั ๒๗ บทท่ี ๕ การวัดและประเมินผลการถา่ ยทอดความรู้ในพนื้ ที่ ๓๖ บทที่ ๖ เครอ่ื งมือในการวัดความส�ำ เรจ็ กระบวนการพฒั นาการจดั การสขุ ภาพตำ�บล ๔๐ แบบบูรณาการ บทที่ ๗ หลกั สูตรฝกึ อบรม อสม.นกั จดั การสขุ ภาพชมุ ชน (สมาร์ท อสม. ๔.๐) ตามกลุ่มวัย ๔๘ ภาคผนวก ๕๕ แนวคิด/องค์ความรทู้ ่จี ำ�เป็น ๕๕ ๏ การจดั การสุขภาพชุมชนอยา่ งยงั่ ยนื ๕๕ ๏ การพฒั นาสมารท์ อสม. ๔.๐ ๕๘ ๏ การจัดการนวตั กรรมสุขภาพชมุ ชน ๕๙ ๏ การประเมินแบบเสริมพลัง ๖๒ ๏ ชมุ ชนรอบรดู้ า้ นสุขภาพ ๖๗ ๏ พฤตกิ รรมสขุ ภาพทพี่ ึงประสงค์ ๗๑ บรรณานุกรม ๗๙ คณะผจู้ ดั ท�ำ ๘๐
สารบญั ภาพ หนา้ ภาพที่ ๑ กรอบแนวคดิ ระบบสขุ ภาพภาคประชาชน ๑๐ ภาพที่ ๒ House Model ๑๘ ภาพท่ี ๓ กรอบภาพรวมการท�ำ งานเช่อื มโยงเครือขา่ ยต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ ๑๙ ภาพที่ ๔ กรอบภาพรวมการท�ำ งานความเชือ่ มโยงระบบสขุ ภาพระดับอ�ำ เภอ (DHS) ๑๙ และตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ ภาพที่ ๕ กรอบการทำ�งานความเชื่อมโยงเครือขา่ ยคณะกรรมการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต ๒๐ ระดับอำ�เภอ (พชอ.) (DHB) และต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ (THM) ภาพท่ี ๖ กรอบแนวคิดการเชือ่ มโยงต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ ๒๐ ภาพท่ี ๗ บทบาทของ ๕ องคก์ รหลักทีส่ ำ�คัญตอ่ การขับเคลื่อนการดำ�เนนิ งานพ้ืนท ี่ ๒๒ ภาพท่ี ๘ กระบวนการสร้างนวัตกรรมสังคมเพ่ือปรบั เปล่ยี นพฤติกรรม ๖๐
๑บทที่ ความเปน็ มา ความส�ำ คัญ และแนวคดิ การพัฒนาต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ ส่กู ารมสี ุขภาพดอี ย่างย่งั ยืน ๑. ความเป็นมาและความสำ�คญั บทท่ี ๑ ร่วมทศวรรษท่ีผ่านมา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน ได้มีการ พัฒนากลไกในการขับเคล่ือนตำ�บลจัดการสุขภาพ โดยพัฒนาวิทยากรพ่ีเลี้ยงเพ่ือทำ�บทบาทในการฝึกอบรมพัฒนา ศักยภาพ อสม. และภาคีเครือข่ายสุขภาพให้เป็นแกนนำ�สุขภาพ ซึ่งพ่ีเลี้ยงจะทำ�หน้าที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้ที่ทำ�กิจกรรม ใส่ใจ ติดตามเสริมพลัง เพ่ือให้งานที่ได้รับการสนับสนุนส่งเสริม ประสบผลสำ�เร็จ เป็นผู้ทำ�ผู้สร้างให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจ เกิดการเรียนรู้และทบทวนในสิ่งท่ี ถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ชีวิตของตนเอง จนสามารถทำ�ให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความต้ังใจ ม่ันใจท่ีจะเปล่ียนแปลง ทัศนะคติและพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพตนเอง รวมท้ังเป็นแกนนำ�ในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพชุมชนของ ตนเอง เพื่อนำ�มาเป็นทุนในการทำ�งานต่อไป พ่ีเล้ียงยังทำ�หน้าท่ีคอยให้คำ�ปรึกษา ให้กำ�ลังใจ แนะแนวทางต่างๆ เพื่อจุดประกายความคิดของผู้เข้ารับการอบรมให้ได้ทบทวนต้นทุนหรือสิ่งดีๆ ของตนเองและชุมชนท้ังท่ีเป็นตัวเงิน และทุนทางสังคม เพื่อนำ�ไปสู่การพัฒนาในชุมชนตนเอง มีการเคลื่อนไหวเพ่ือให้ชุมชนและท้องถ่ินเป็นเจ้าของสุข ภาวะชุมชน ชมุ ชนเกิดการจัดการตนเองนำ�ไปสู่สังคมทเ่ี อือ้ ต่อการมสี ขุ ภาพดีอยา่ งยง่ั ยนื ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำ�หนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการปฏิรูประบบ สุขภาพ ระยะท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยทุกกลุ่มวัย ให้มีความเชื่อมโยงกับ แผนยทุ ธศาสตรช์ าติ ระยะ ๒๐ ปี แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๑๒ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียง โดยมีการผลักดันใหเ้ กดิ แผนปฏบิ ตั ิการแบบบรู ณาการ เพอ่ื ขับเคลือ่ นนโยบายการพัฒนาคนตลอดช่วงชวี ิต อย่างเป็นรูปธรรมทุกระดับ โดยเน้นสร้างเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัยสร้างความรู้ด้านสุขภาพท่ีถูกต้องให้แก่ประชาชน ตั้งแต่ผู้ที่ยังมีร่างกายแข็งแรงไปจนถึงผู้ป่วยท่ีต้องได้รับการรักษา ควบคู่ไปกับการให้บริการด้านสุขภาพในเชิงรุก ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพ เพื่อเพิ่มกำ�ลังคนและเพ่ิมประสิทธิภาพในการดูแลคนไทย พร้อมท้ังนำ�นวัตกรรมเดิมเสริมนวัตกรรมใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันมาพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ ด้านสุขภาพให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและครอบคลุมท้ังประเทศสอดรับกับการเป็นประเทศไทย ๔.๐ จุดหมาย ปลายทางของการปฏิรูประบบสุขภาพ คือ ประชาชนทุกกลุ่มวัยได้รับการส่งเสริมให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) สามารถพฒั นาการปอ้ งกนั โรคภัยด้วยตนเอง และใช้ชีวติ อยา่ งมีคณุ ภาพ ปัจจุบันประเทศไทยกำ�ลังเข้าสู่ยุคประชากรผู้สูงอายุซึ่งมีสัดส่วนเพ่ิมมากขึ้น และมีผู้สูงวัยมากท่ีสุดใน อาเซียน ในปี ๒๕๖๔ ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสงู วัยอย่างสมบรู ณ์” ซง่ึ การเปล่ยี นแปลงนจี้ ะสง่ ผลกระทบ ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ เนื่องจากผสู้ ูงอายไุ ด้พ้นจากภาคการผลิตและบริการแลว้ จึงไม่อยใู่ นฐานะทจ่ี ะเปน็ กำ�ลงั การ ผลติ ของประเทศ ในทางตรงกนั ข้าม ในเชงิ สงั คมผ้สู งู อายุจำ�นวนมาก ยอ่ มหมายถึงคา่ ใช้จา่ ยในการดแู ลท่เี พิม่ มากข้ึน เปน็ เงาตามตัว อยา่ งไรก็ดผี ูส้ ูงอายุจำ�นวนมาก โดยเฉพาะผู้สูงอายทุ ีเ่ พิง่ เขา้ สู่วัยสูงอายุ ยังมศี ักยภาพ มีพลงั รวมท้ัง ประสบการณม์ ากพอที่จะพัฒนาตนเองและสงั คมต่อไปได้ ดงั น้ัน จึงมีความจำ�เปน็ ท่ีจะต้องพัฒนาศกั ยภาพวิทยากร ค่มู อื วทิ ยากรพี่เลยี้ งขบั เคล่ือนต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ 1
บทท่ี ๑ พี่เล้ียงให้มีความรู้ความเข้าใจในทิศทางนโยบาย เข็มมุ่ง เป้าหมาย ผลผลิต และพัฒนาบทบาทดังกล่าวเพื่อ หนุนเสริมการพัฒนาการดำ�เนินงานแก้ปัญหาสุขภาพชุมชนแต่ละกลุ่มวัยสู่การบรรลุผลสำ�เร็จ ตลอดจนรองรับ ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก กรมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพจงึ มหี น้าท่ีโดยตรงท่ีจะกำ�หนดเปา้ หมาย ภารกจิ และแสวงหายุทธศาสตร์ ตลอดจนพัฒนากลไกต่างๆ ในการหนนุ เสรมิ การขบั เคลอื่ นตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ การดำ�เนินงานพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพ โดยบูรณาการการทำ�งานในพ้ืนท่ีร่วมกับเครือข่ายคณะกรรมการ พฒั นาคุณภาพชีวติ ระดับอำ�เภอ (พชอ.) (DHB) และคลนิ กิ หมอครอบครวั (PCC) โดยใชพ้ ้นื ท่ีเปน็ ฐาน ประชาชนเป็น ศูนย์กลาง ด้วยการทำ�งานอย่างมีส่วนร่วมตามแนวทางประชารัฐ การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ เพอื่ ให้ประชาชนทกุ กลุ่มวยั มีสขุ ภาพและคุณภาพชีวิตทด่ี ี โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ กระทรวงสาธารณสขุ ม่งุ เนน้ ประเดน็ ตามกลุ่มวยั ดังน้ี ๑) กล่มุ สตรีและเดก็ ปฐมวัย ๒) กล่มุ วัยเรยี นและวัยรุ่น ๓) กลุ่มวัยทำ�งาน และ ๔) กลมุ่ วยั ผู้สงู อายุ ๒. วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือพัฒนาศักยภาพวิทยากรพ่ีเลี้ยงสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน สง่ เสริมสนับสนนุ การขบั เคลอ่ื นตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ สู่การจดั การสขุ ภาพทุกกล่มุ วัย ๒. เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชนสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตนเอง ครอบครัว และชุมชน ตลอดจนการจัดการสุขภาพทกุ กลุ่มวัยแบบมสี ว่ นร่วม ๓. เพื่อบูรณาการการทำ�งานด้านสุขภาพท่ีเช่ือมโยงท้ังมิติเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา และสิ่งแวดล้อม ไปส่กู ารปรับเปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพของชมุ ชนในพ้ืนท่ีตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ ๓. แนวคิดการพัฒนาการจัดการสขุ ภาพอยา่ งยงั่ ยืน โครงการชุมชนจัดการสุขภาพ ถือว่าเป็นกลไกสำ�คัญที่จะช่วยพัฒนาและขยายรูปแบบกระบวนการสร้าง ศักยภาพของชุมชน ในระยะต่อไปควรทำ�ความชัดเจนเก่ียวกับกลุ่มเป้าหมายที่คาดหวังให้มีการปรับเปลี่ยน พฤติกรรม จากน้ันจึงพัฒนาองค์ประกอบตามแนวทางของแผนท่ีทางเดินยุทธศาสตร์เพ่ือตอบสนอง ได้แก่ บทบาทของประชาชน ภาคสี นับสนุน กระบวนการ และสมรรถนะของผเู้ กย่ี วขอ้ ง (ดร.นพ.อมร นนทสุต, ๒๕๔๘) ดร.นพ.อมร นนทสตุ ได้เสนอยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาการจัดการสุขภาพอย่างยัง่ ยืน ดงั ต่อไปนี้ ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ ปรับบทบาทของภาครัฐและประชาชนโดยใช้แนวคดิ เร่ืองประชาชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง การพัฒนากิจการด้านสาธารณสุขโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นส่วนหน่ึงของการพัฒนาระบบสุขภาพ ระดบั อ�ำ เภอ (DHS) ซึง่ เป็นนโยบายที่มรี ากฐานมาจากยทุ ธศาสตรท์ กี่ ำ�หนดไวโ้ ดยองค์กรอนามัยโลก จากประวัตศิ าสตรข์ องการสาธารณสขุ ไทย จะพบวา่ แนวคดิ ของการพัฒนาฯ ในระดับพน้ื ท่ีไดผ้ ่านยคุ สมยั ท่ี ส�ำ คัญๆ ๒ ยคุ คือ ยุคแรก ต้ังแตม่ กี ารก่อตง้ั กระทรวงสาธารณสขุ เปน็ ตน้ มาจนถงึ ยุคของสาธารณสขุ มลู ฐาน (ระยะ แรก) กระทรวงฯ ได้ใช้แนวคิดเรอื่ งการรกั ษาพยาบาลเปน็ หลักในการวางยุทธศาสตร์ ทั้งนีเ้ นือ่ งจากความขาดแคลน ทง้ั สถานทแ่ี ละบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทเี่ ป็นปญั หาส�ำ คัญในยคุ น้นั ต่อมา เมื่อประมาณ ๓๐ กวา่ ปที ี่ แล้ว ประเทศไทยไดเ้ ร่ิมใชแ้ นวคิดเรอ่ื ง ประชาชนเปน็ ศูนย์กลางของการพฒั นา ทำ�ใหม้ กี ารสง่ เสริมสทิ ธิและบทบาท ของประชาชนในการพฒั นากิจการต่างๆ อย่างกว้างขวาง สว่ นกระทรวงสาธารณสุขกไ็ ด้ใหก้ ำ�เนิดกจิ การสาธารณสุข มูลฐาน ภายใต้แนวคิดเร่ืองการพัฒนาสุขภาพโดยประชาชนเพ่ือประชาชน โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ� หม่บู า้ น (อสม.) เปน็ ตวั จักรสำ�คญั 2 คู่มอื วิทยากรพเ่ี ลีย้ งขบั เคลอื่ นตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ
ส่วนยุทธศาสตร์สาธารณสุขมูลฐาน ก็ได้ใช้แผนท่ีทางเดินยุทธศาสตร์เป็นเครื่องมือขับเคล่ือนจากแผนที่ บทท่ี ๑ ดังกล่าว ได้กำ�หนดจุดหมายปลายทางอยู่ที่การปรับเปลี่ยนบทบาทประชาชน จากผู้รับบริการสุขภาพ ซ่ึงเป็น บทบาทเดิม เป็นผู้พัฒนาสุขภาพ เป็นผู้มีบทบาทในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรครวมท้ังบริหารการ สาธารณสขุ มูลฐานเพอ่ื สุขภาพดขี องตนเอง ครอบครวั ตลอดจนชมุ ชน สังคมทีต่ นเป็นสมาชกิ อยู่ องค์กรภาคประชาชน เชน่ ชมรมผู้สงู อายุ อสม. อปท. ก�ำ นนั ผู้ใหญ่บา้ น กองทนุ หลักประกันสุขภาพตำ�บล รวมทั้งผู้นำ�ท้องถ่ิน จะบริหารจัดการโดยใช้แผนงานโครงการของท้องถ่ินตำ�บล ในการปรับเปลี่ยนบทบาทของกลุ่ม เป้าหมาย จากผู้ (คอย) รบั บริการสุขภาพ ให้เป็นผูพ้ ฒั นาสขุ ภาพ เปน็ ผูม้ บี ทบาทในการพฒั นาคุณภาพชวี ิต รวมทัง้ บรหิ ารกิจกรรมการสาธารณสขุ มูลฐานเพื่อสุขภาพทดี่ ขี องตนเอง ครอบครวั ตลอดจนชมุ ชน สังคมทีต่ นเป็นสมาชิก แต่เนื่องจากแนวคิดเรื่องประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเป็นแนวคิดใหม่ และอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้ เป็นรปู ธรรม การพัฒนาตามแนวทางน้ใี นพื้นท่ที ว่ั ไปของประเทศ จงึ ยงั ไม่ปรากฏเปน็ รปู ร่างชดั เจน และภาพกิจการ สาธารณสุขมูลฐานท่ีปรากฏคือ ความไม่สมดุลระหว่างการให้บริการประชาชนกับการพัฒนาบทบาทของประชาชน ใหส้ ามารถพ่ึงตนเองได้ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๒ ครอบคลุมปัจจยั ทมี่ คี วามสมั พนั ธ์กัน การพัฒนาสุขภาพผู้สูงอายุต้องทำ�พร้อมๆ กันหลายด้าน โดยการพัฒนาไม่จำ�กัดเฉพาะที่ตัวผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเป้าหมายเท่าน้ัน แต่รวมถึงการพัฒนาปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ท่ีมีอิทธิพลต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ ตลอดจน การสรา้ งนวตั กรรมสังคมด้วย ภาพความสัมพันธ์น้ัน ต้องปรับให้สอดคล้องกับกลุ่มวัยท่ีกำ�หนดให้มีการพัฒนา เพราะประเด็นท่ี ล้อมรอบกลุ่มวัยที่ไม่เหมือนกัน ก็จะแตกต่างกันไปจากภาพรวมบ้างไม่มากก็น้อย ดังเช่นในกรณีของกลุ่มวัยสูงอายุ หากจะจดั การปญั หาเบาหวาน จะพบวา่ ปัญหาสุขภาพของผสู้ ูงอายุไม่ได้จ�ำ กดั อยูแ่ ตเ่ บาหวาน แต่มีปัญหาดา้ นอื่นๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ งสัมพนั ธก์ นั ด้วย เชน่ เร่ืองโภชนาการ ความดันโลหิตสูง สุขภาพจติ ฯลฯ ดงั น้ันการจัดการปัญหาสขุ ภาพ ของกลุ่มวยั ใดๆ ก็ตอ้ งมกี ารปรบั ภาพความสัมพันธใ์ หส้ อดคล้องเปน็ กรณไี ป ประโยชน์ที่ได้คือการเพิ่มประสิทธิผล (Effectiveness) เพราะจะเกิดการเสริมพลังระหว่างประเด็นต่างๆ ทน่ี ำ�มาบูรณาการทำ�ใหผ้ ลลพั ธท์ ่ไี ดด้ ีข้ึน นอกจากนี้ ยงั เป็นการเพิม่ ประสิทธิภาพโดยช่วยประหยัดทรพั ยากรดว้ ย ยทุ ธศาสตร์ที่ ๓ ปรับรปู แบบการบรหิ ารจัดการ ๑. กำ�หนดค่ากลางของโครงการ จังหวัดต้องกำ�หนดค่ากลางท่ีคาดหวังของโครงการสำ�คัญ โดยเฉพาะโครงการพัฒนากลุ่มวัยต่างๆ ท้ัง ๔ กลุ่มวัยที่ถือเป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ประโยชน์ท่ีได้จากการกำ�หนดค่ากลางท่ีคาดหวังของ จังหวัดคือ ทุกพื้นที่จะสามารถยกระดับการพัฒนาโครงการของตนข้ึนให้เทียบเท่า (หรือดีกว่า) ค่ากลางได้ด้วย ตนเอง โดยไม่ต้องเสียเวลาไปศึกษากับพื้นท่ีต้นแบบ ซ่ึงอาจจะศึกษาได้ไม่รอบด้านหรือมีความแตกต่างเชิงบริบท มากเกินไป ซึง่ ท�ำ ให้ประยุกต์ได้ยากหรอื ไม่ไดเ้ ลย ค่ากลางท่ีคาดหวังแสดงชนิดของงานในโครงการสุขภาพสำ�หรับกลุ่มวัยต่างๆ ท่ีองค์กรสาธารณสุข ระดบั ตำ�บลใช้เปน็ บรรทัดฐานในการประเมนิ คุณภาพและประสทิ ธิภาพของโครงการที่กำ�ลงั ด�ำ เนินการอยู่ ๒. ประเมนิ ความเสี่ยงของพ้นื ท ่ี ความเสี่ยงของพ้ืนท่ีเป็นตัวกำ�หนดที่สำ�คัญสำ�หรับการจัดสรรงานของทีมหมอครอบครัว รวมทั้ง อสม. ท่ีอยู่ภายในและภายนอกทีมฯ ด้วย ซ่ึงจัดระดับความเส่ียงของพื้นท่ีเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ พ้ืนที่เสี่ยงน้อย (สีเขียว) เสยี่ งปานกลาง (สีเหลือง) และเสี่ยงมาก (สีแดง) โดยประเมินความเส่ยี งตามเกณฑ์ที่ก�ำ หนดรายหมบู่ ้าน ค่มู อื วทิ ยากรพ่เี ล้ยี งขับเคล่ือนต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ 3
บทท่ี ๑ การให้คะแนนความเส่ียง ใช้วิธีกำ�หนดเง่ือนไขของความเสี่ยงสำ�หรับ (๑) บุคคลท่ีเป็นเป้าหมาย เป็นรายบุคคลตามสถานทอ่ี ยจู่ รงิ (๒) พืน้ ท่เี ป้าหมายเปน็ ความเสี่ยงเก่ียวกบั ลักษณะสภาวะแวดล้อม ซึง่ มผี ลกระทบ ตอ่ สขุ ภาพของบคุ คลเป้าหมาย การกำ�หนดเกณฑ์และการให้คะแนนความเส่ียงสำ�หรับบุคคลเป้าหมาย ดำ�เนินการโดยทีมหมอ ครอบครัว ส่วนเกณฑ์และการให้คะแนนความเส่ียงสำ�หรับสภาวะแวดล้อมของบุคคลเป้าหมาย ดำ�เนินการโดยทีม ท้องถิน่ และภาคประชาชน การประเมินความเส่ียง ถ้าท�ำเป็นรายหมู่บ้านทั้งต�ำบล จะเห็นภาพระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ระหวา่ งหมูบ่ า้ นต่างๆ ในต�ำบลนัน้ ๆ ความเส่ยี งของหมบู่ า้ น (สตี า่ งๆ) เป็นตวั ก�ำหนดน้ำ� หนกั การลงงานของทมี หมอ ครอบครวั งานของทีมหมอครอบครัวจะเน้นหนักที่หมู่บ้านสีแดงและสีเหลือง เพ่ือทำ�ให้เปลี่ยนระดับเป็นสีเขียว โดยเรว็ ส่วน อสม.ท่ีร่วมในทีมฯ มีบทบาทสนบั สนนุ การรกั ษาพยาบาลและฟนื้ ฟูสภาพของผู้ป่วยเปา้ หมายในฐานะ อสม.บริการ ๓. จดั สรรงานของฝา่ ยประชาชนตามลำ�ดับความสำ�คัญของหมบู่ ้าน หม่บู า้ นสแี ดงและสีเหลือง ต้องการ อสม.ที่มที กั ษะเกี่ยวกบั การรกั ษาพยาบาล (อสม.บริการ) ในฐานะ เป็นส่วนหนึ่งของทีมหมอครอบครัว อสม.เหล่าน้ีมีบทบาทช่วยทีมงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกับผู้ป่วย โดยตรง ซึ่งได้รับการอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลท่ีโรงเรียน อสม. หรือ รพ.สต. เป็นตัวแทนของ ทมี หมอครอบครวั เม่ือทมี ฯ ไมไ่ ดอ้ ยู่ที่หมบู่ า้ น ส�ำ หรบั อสม.ทเี่ หลอื (อสม.พฒั นา) ในหมู่บา้ นประเภทน้ี จะใหค้ วาม ส�ำ คญั กับการจดั การสภาวะแวดลอ้ มทม่ี ีผลกระทบโดยตรงตอ่ ผู้ปว่ ยเป็นอันดบั แรก หมู่บ้านสีเขียว ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ อสม.จะทำ�หน้าที่ร่วมกับฝ่ายท้องถิ่น/ท้องที่ในการ พัฒนาสภาวะแวดล้อมทม่ี ีผลกระทบต่อสขุ ภาพ ทัง้ นค้ี วรมกี ารจัดรูปแบบองค์กร อสม.ใหมใ่ หส้ ามารถทำ�งานเปน็ ทีม โดยมกี ารสนับสนุนจากท้องถ่ิน/ชมุ ชนอยา่ งใกลช้ ิดและโดยตรง ๔. บูรณาการงานของ อสม.กับองค์กรภาคทอ้ งถ่นิ และประชาชน เป็นการปฏิรูปโครงการ เพ่ือลดความยุ่งยากซับซ้อน แก้ปัญหาการใช้เทคนิคท่ีไม่สามารถดำ�เนินการ ได้โดยภาคประชาชน ตลอดจนลดจำ�นวนโครงการให้เหลือน้อยท่ีสุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อภาคประชาชนผู้ดำ�เนิน โครงการ และเปล่ียนรูปแบบการวางโครงการจากเดิมการใช้ประเด็นปัญหาเป็นตัวตั้ง เปลี่ยนเป็นการใช้กิจกรรม ส�ำ คญั จากแผนท่ีทางเดินยุทธศาสตรเ์ ป็นตัวต้ัง ซงึ่ มจี �ำ นวนจำ�กัด สามารถควบคมุ จำ�นวนโครงการได้ ปรับโครงการโดยเน้นท่ีบทบาทเจ้าหน้าท่ีระดับท่ีใกล้ชิดประชาชนในการประสานความร่วมมือและ เพิ่มพูนสมรรถนะของประชาชน ให้สามารถรับบทบาทดังกล่าวได้ต่อไป สำ�หรับ อสม.จะเน้นหนักท่ีงานพัฒนา สภาวะแวดล้อม รวมท้งั การปรับเปลยี่ นพฤติกรรมสขุ ภาพของกลมุ่ เปา้ หมายเพอื่ การพ่ึงตนเองทางสขุ ภาพ (บทบาท ของ อสม.พัฒนา) งานพัฒนาประเภทนตี้ อ้ งบรู ณาการเข้ากบั งานขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน กำ�นัน ผู้ใหญบ่ ้าน ตลอดจนแกนนำ�อ่ืนๆ เนื่องจากงานส่วนใหญ่เป็นบทบาทหน้าท่ีโดยชอบของฝ่ายต่างๆ เหล่านั้น และเพ่ือให้งาน ผสมกลมกลืนเป็นเน้ือเดียวกัน ท้ังฝ่ายสาธารณสุข ท้องถิ่นและท้องท่ีต้องใช้รายการค่ากลางที่คาดหวังชุดเดียวกัน หมายถึงตอ้ งมกี ารเขา้ ถึงและแลกเปลย่ี นข้อมูลสขุ ภาพระหวา่ งกันตลอดเวลา ยุทธศาสตรท์ ่ี ๔ ปรับพฤติกรรมของกลุ่มเปา้ หมายและบทบาทของฝา่ ยสนับสนุน ๑. เสริมสรา้ งจ�ำ นวนผู้มีความรอบร้แู ละผูป้ รับเปลย่ี นพฤติกรรมให้มากพอ ในแต่ละหมู่บ้านควรจัดให้มีหรือใช้ชมรมผู้สูงอายุ หรือชมรมต่างๆ ในพื้นท่ีประเมิน และตั้งเป้าหมาย จำ�นวนสมาชิกที่มีความรอบรู้ปรับเปล่ียนพฤติกรรมได้สำ�เร็จตามเกณฑ์ที่กำ�หนด โดยฝ่ายวิชาการให้มีจำ�นวน 4 คูม่ อื วทิ ยากรพเี่ ลย้ี งขบั เคลื่อนต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ
มากพอ อย่างน้อยถึงระดับที่สามารถสร้างเป็นระบบแกนนำ� เพ่ือปรับเปล่ียนพฤติกรรมของสมาชิกท่ีเหลือๆ ได้ บทท่ี ๑ (อตั ราสว่ นอาจจะเปน็ ๑ ใน ๕ ของผ้สู ูงอายหุ รือชมรมอน่ื ๆ หรอื อตั ราสว่ นตามความเหมาะสม) จ�ำ นวนดังกลา่ วคอื กล่มุ เปา้ หมายของการเขา้ ค่ายปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม (ตามยุทธศาสตรท์ ี่ ๕) เมือ่ สร้างจำ�นวนผ้ปู รับเปลย่ี นพฤตกิ รรม สำ�หรับหมู่บ้านได้มากพอแล้ว จะเข้าระยะที่ ๒ คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชาวบ้านผู้สูงอายุด้วยกัน หรือสมาชกิ ชมรมอนื่ ๆ ตามกระบวนการทีก่ ำ�หนด ๒. ใชเ้ ทคนิคการสือ่ สารเพ่อื ปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรม เพ่ือให้ขอ้ มูล ความรู้ จงู ใจใหค้ นในสงั คมตระหนกั ต่อความส�ำ คัญของสขุ ภาพ รวมทงั้ ไดแ้ นวคิดแนวทาง การเรยี นรู้เพิม่ เตมิ เพ่อื พฒั นาวถิ ชี วี ิตสุภาพ ซง่ึ มีรูปแบบวธิ ีการทหี่ ลากหลาย เชน่ โปสเตอร์ บัตรคำ� แผน่ พับ วิทยุ โทรทัศน์ เพลง เรอื่ งราวละคร การแสดง ประชุมแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น เป็นต้น ๓. พฒั นาบทบาทของผ้สู นับสนนุ (ทมี หมอครอบครวั และ อสม.) ทมี หมอครอบครัวมบี ทบาททช่ี ดั เจนอยแู่ ลว้ จากคู่มือของกระทรวงสาธารณสขุ โดยสรุปจะมบี ทบาทใน การรกั ษาพยาบาล ฟื้นฟูสภาพ สง่ เสริมสุขภาพ และปอ้ งกันโรค รวมทง้ั สนับสนุนกิจการสาธารณสขุ มลู ฐานและการ เฝ้าระวังสภาวะแวดลอ้ มของกลุม่ เปา้ หมาย ๔. จดั รปู แบบองคก์ ร อสม. เนอ่ื งจากรูปแบบงานสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ปอ้ งกนั โรคของ อสม.แตกตา่ งจากการรักษาพยาบาล เพราะต้อง จดั การกับสภาวะแวดล้อมกลมุ่ เป้าหมาย และตอ้ งอาศยั ความร่วมมอื กบั หนว่ ยงานอ่ืนๆ เช่น อปท. ฯลฯ อยา่ งใกลช้ ิด จึงควรรวบรวม อสม.ทม่ี ีบทบาทพัฒนาแล้ว จดั รูปแบบองคก์ รให้ชัดเจนดว้ ยเงอื่ นไขต่อไปน้ี สามารถแสวงหาและท�ำ งานรว่ มกบั หนว่ ยงานนอกกระทรวงสาธารณสุข ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เป็นที่รับรองโดยกฎหมาย เช่น จัดให้มีสมาคม มูลนิธิ ฯลฯ ของ อสม.ในระดับจังหวัด และให้มี สาขาอยใู่ นระดับอ�ำ เภอ อสม.จะท�ำ งานในฐานะสมาชกิ และตัวแทนองค์กรเหลา่ นั้น มีอิสรภาพในการตัดสินใจวางแผนและปฏิบัตกิ ารทเ่ี กย่ี วกับการพฒั นา กระบวนการเพอ่ื การสอื่ สาร รวมทงั้ การปรับเปลีย่ นพฤติกรรมของกลุ่มเปา้ หมาย มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่สามารถแสวงหาการสนับสนุนด้านทรัพยากรและวิชาการจากองค์กรที่ สนับสนุนการท�ำ งานของภาคประชาชนทงั้ ในและตา่ งประเทศได้ สามารถสร้างและเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับสาธารณสุขมูลฐาน การเกษตร การศกึ ษา และการพฒั นาอาชีพต่างๆ ทม่ี ีผลกระทบตอ่ สุขภาพ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๕ สรา้ งการมสี ว่ นร่วมของทุกภาคสว่ น แผนปฏิบตั ิการอย่างน้อย ๒ ระดบั คือ ๑) แผนปฏบิ ตั กิ ารกลาง ของโครงการส�ำ หรับผู้บริหารในระดับต่างๆ จากทุกองค์กรท่ีร่วมมือกันจนถึงตำ�บล ควรกำ�หนดโดยองค์กรเจ้าของโครงการ ด้วยความเห็นชอบของทุกสาขาท่ี เก่ียวข้อง แผนปฏิบัติการกลางน้ีสามารถใช้สร้างเส้นทางเดิน (Road map) โดยนิยามกิจกรรมสำ�คัญและกำ�หนด เวลาแลว้ เสรจ็ ไว้ตลอดเสน้ ทาง และ ๒) แผนปฏบิ ตั ิการของพน้ื ที่ ตอ้ งสรา้ งโดยผูป้ ฏบิ ัติ (รวมทั้ง อสม.) แผนปฏิบตั ิ การนอกจากจะแสดงกิจกรรมและกำ�หนดตัวผู้ปฏิบัติ ยังใช้กำ�หนดตัวชี้วัดความสำ�เร็จ การติดตามและขยายผล ตอ้ งท�ำ ตลอดเวลา หลังการเข้าค่าย ต้องติดตามพฤติกรรมของผู้สูงอายุและผู้สนับสนุน (รวม อสม.) ท่ีเปล่ียนแปลงไปเม่ือ กลับไปใช้ชีวิตท่ีบ้าน ตลอดจนนวัตกรรมสังคมที่เกิดข้ึนจากความคิดของประชาชน ท้ังน้ี ควรกำ�หนดตัวช้ีวัด ความส�ำ เรจ็ (Key Performance Indicator - KPI) ท่ีผูเ้ กย่ี วข้องทกุ ฝา่ ยจะใชร้ ว่ มกนั ตลอดเวลาทมี่ ีการปรับเปลีย่ น พฤตกิ รรม ตัวช้วี ัดนีจ้ ะเปน็ เคร่อื งตัดสนิ ว่าควรจะขยายงานหรือไม่ หรือต้องมกี ารปรบั ปรงุ อะไรอยา่ งไร คูม่ อื วิทยากรพเี่ ลี้ยงขบั เคลอ่ื นตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ 5
บทท่ี ๑ สำ�หรับองค์กรฝ่ายสนับสนุนต่างๆ อาจต้องการตัวช้ีวัดผลงาน (Performance Indicator - PI) เพ่ือประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณและบริหารจัดการ ก็ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นผู้เก็บรวบรวมส่ง หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้อง โดยรบกวนฝา่ ยประชาชนใหน้ อ้ ยท่ีสุด ในการปฏิบัติการตามโครงการ ควรใช้โครงสร้างหรือกระบวนการเดิมให้มากท่ีสุด เพื่อการประหยัดและ ปอ้ งกันปฏกิ ิรยิ าเชิงลบของผปู้ ฏิบัติหรอื ผ้บู รหิ ารทีไ่ ม่ต้องการท�ำ อะไรใหมๆ่ การขยายผลสำ�หรับภายในกระทรวงสาธารณสุข ควรเป็นบทบาทของผู้ตรวจราชการฯ เขตต่างๆ แต่การขยายผลอาจจะเกิดขึ้นโดยองคก์ รทเี่ กีย่ วข้องในสาขาอน่ื หากโครงการฯ ยงั ประโยชน์ใหเ้ กดิ กับองค์กรเหล่าน้ัน ในทางใดทางหนึ่ง เช่น การขยายผลโดยสถาบันการศึกษาเพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าวิจัยของเหล่านักศึกษา คณาจารย์ การขยายผลทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาสภาวะแวดล้อมซ่ึงเป็นบทบาท หนา้ ที่โดยตรงของฝา่ ยนนั้ เป็นตน้ ๔. แนวคดิ การสาธารณสขุ มูลฐานสตู่ ำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ ๔.๑ แนวคดิ การสาธารณสขุ มูลฐาน การสาธารณสุขไทย ไดม้ วี วิ ัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลกั การที่มุ่งหวงั ให้เกดิ ความครอบคลุม และเป็นธรรมในด้านการจัดบริการสาธารณสุขแก่ประชาชน ซ่ึงสมควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการ พัฒนาอย่างต่อเน่ือง เพ่ือสร้างเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เกิดการพึ่งตนเอง หรือการดูแล สุขภาพของตนเองได้ในระดับหนึ่ง ที่ผ่านมาระบบสุขภาพไทยมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วท้ังในเชิงแนวคิด นโยบาย โครงสร้าง และกลไกการจดั การ ตลอดจนการให้ความสำ�คัญกบั บทบาทของภาคสว่ นต่างๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ที่นา่ สนใจคือ การรวมกล่มุ ภาคประชาชน ชมรม และองค์กรตา่ งๆ มีมากข้ึน สะทอ้ นให้เหน็ ถงึ การเกิดจติ ส�ำ นกึ สขุ ภาพใหมท่ ่ีถอื ว่า “สุขภาพไม่ใช่ส่ิงผูกขาดหรือหยิบย่ืนให้โดยหน่วยงานภาครัฐ แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องใส่ใจแสวงหา และมีส่วนร่วม”จากนโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐบาลที่ผ่านมา มุ่งเน้นในการปรับปรุงระบบบริการสาธารณสุข ให้มคี ณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพดยี ิง่ ขึน้ และมุง่ ส่งเสรมิ บทบาทขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นให้เข้ามามสี ่วนรว่ มใน การจัดการระบบสุขภาพชมุ ชนมากข้ึน การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพ จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ท่ีสำ�คัญต่อการปฏิรูประบบสุขภาพ โดยเน้นการสง่ เสริมใหม้ กี ารสรา้ งสุขภาพของบคุ คล ครอบครวั และชุมชน ภายใต้แนวคิด “ชุมชน/ท้องถ่นิ เป็น เจ้าของสุขภาวะชุมชน” เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ดังกล่าว กลไกการดำ�เนินงานภาครัฐทุกระดับ จึงต้องปรับ บทบาทจากผู้ให้บริการแบบตั้งรับ หรือช้ีนำ�ด้านสุขภาพของประชาชนมาเป็นผู้ให้ข้อมูลและทำ�หน้าที่เชื่อมประสาน ภาคส่วนต่างๆ ของชุมชน เข้ามาดำ�เนินงานร่วมกันผลักดันให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพให้มากข้ึน มีการจัดการ ระบบเฝา้ ระวังภัยพิบตั ิซง่ึ คกุ คามด้านสขุ ภาพ ด้วยการลดภาวการณเ์ จ็บปว่ ย ควบคมุ ส่ิงแวดลอ้ มรอบตวั ให้เกดิ สมดุล แห่งสุขภาพชุมชนโดยประชาชน ชุมชน ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ และภาคท้องถ่ิน เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็ง ในการดำ�เนินงานพัฒนาและขับเคล่ือนพลังชุมชนร่วมกันอย่างต่อเน่ือง เกิดเป็นระบบสุขภาพชุมชนท่ีครอบคลุมถึง สขุ ภาวะและความมนั่ คงในชีวิตไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื เพ่ือให้การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพมีรูปธรรมการดำ�เนินงาน ตลอดจนมีพัฒนาการจัดการสุขภาพ รูปแบบใหม่ด้วยภูมิปัญญา และการรวมพลังของชุมชนในท้องถิ่นจึงต้องอาศัยการสร้างเครือข่ายกลไกตำ�บลจัดการ สุขภาพที่สะท้อนการทำ�งานเชิงพัฒนาสังคมในรูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคม (Social Network) ท่ีไม่มีขอบเขต ซ่ึงความสัมพันธ์ที่ดี จะสามารถทำ�ให้บุคคลในองค์กรมีการเชื่อมโยงประสานกันและกันดีข้ึน รวมทั้งสามารถดึง 6 ค่มู อื วิทยากรพีเ่ ลยี้ งขับเคลอ่ื นต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ
ทรพั ยากรของแตล่ ะองคก์ รมาประสานเชือ่ มโยงกัน เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ซึ่งในปจั จุบนั นี้องค์กร บทท่ี ๑ จำ�นวนมากตระหนักว่า เครือข่ายเป็นเคร่ืองมือท่ีมีคุณค่าในการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างกันขององค์กรท่ีมี วตั ถุประสงคค์ ล้ายคลงึ กนั หรือเก่ยี วขอ้ งกนั ให้ได้ประโยชนส์ งู สดุ ภายในทรัพยากรท่ีจ�ำ กดั แนวคิดการดำ�เนินงานตำ�บลจัดการสุขภาพ เป็นแนวคิดท่ีต่อยอดจากการสาธารณสุขมูลฐานและ แนวคิดระบบสขุ ภาพภาคประชาชนอยา่ งมีพัฒนาการ ดังนี้ แนวคิดการสาธารณสุขมูลฐานในประเทศไทย ได้มีการพัฒนามาเป็นลำ�ดับ โดยมีสำ�นักงาน คณะกรรมการสาธารณสุขมูลฐาน สำ�นักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปัจจุบันเปล่ียนเป็น กองสนับสนุนสุขภาพ ภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยมีหน่วยงานระดับ ภูมิภาค คือ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชน (ปัจจุบันเปล่ียนเป็น สถาบันพัฒนานวัตกรรม ด้านระบบบริการสขุ ภาพ) ประจ�ำ อยแู่ ตล่ ะภาค ๕ แหง่ ไดแ้ ก่ สถาบันพัฒนานวัตกรรมด้านระบบบริการสขุ ภาพ ภาคเหนอื (นครสวรรค)์ ภาคกลาง (ชลบุร)ี ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื (ขอนแกน่ ) ภาคใต้ (นครศรธี รรมราช) และชายแดนภาคใต้ (ยะลา) และหนว่ ยงานระดับเขต คือ ส�ำ นักงานสนบั สนนุ บริการสุขภาพเขต ๑๒ แห่ง ได้แก่ เขต ๑ (เชียงใหม)่ เขต ๒ (พิษณุโลก) เขต ๓ (นครสวรรค)์ เขต ๔ (นนทบุร)ี เขต ๕ (ราชบรุ ี) เขต ๖ (ชลบรุ )ี เขต ๗ (ขอนแกน่ ) เขต ๘ (อดุ รธานี) เขต ๙ (นครราชสมี า) เขต ๑๐ (อบุ ลราชธานี) เขต ๑๑ (สุราษฎรธ์ าน)ี และเขต ๑๒ (สงขลา) ถึงแม้ว่าในปัจจุบันแนวคิดการสาธารณสุขมูลฐานได้มีการปรับเปล่ียนมาเป็นสุขภาพ ภาคประชาชนแล้วก็ตาม แต่ยังคงเนื้อหาของการสาธารณสุขมูลฐานไว้ทุกประการ อีกทั้งยังเพิ่มองค์ประกอบด้าน กระบวนการพัฒนา ซ่ึงได้แก่ คน องคค์ วามรู้ ทนุ และการจัดการ (กองสนับสนนุ สขุ ภาพภาคประชาชน, ๒๕๔๖) จากคำ�ประกาศแห่ง อัลมา-อะตา (Declaration of Alma-Ata) ซึ่งเป็นผลงานของการประชุม ระหว่างประเทศครั้งประวัติศาสตร์เรื่อง การสาธารณสุขมูลฐาน ณ เมือง อัลมา-อะตา ในสหภาพโซเวียต เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ซึง่ ระบไุ ว้ตอนหน่งึ วา่ (WHO. ๑๙๗๘ : ๘-๙ อ้างถงึ ในกรมสง่ เสริมการปกครองท้องถ่นิ กระทรวง มหาดไทย, ๒๕๕๐) การสาธารณสุขมูลฐานคือ บริการสาธารณสุขอันจำ�เป็นแก่การดำ�รงชีวิตของมนุษย์ที่ถูกต้อง ตามหลักวิทยาศาสตร์ สอดคล้องกับความเป็นอยู่และเป็นท่ียอมรับของสังคม เข้าถึงชุมชนครอบครัวและตัวบุคคล โดยที่ชมุ ชนมสี ่วนรว่ มอยา่ งเต็มที่ และสามารถทำ�นบุ ำ�รุงให้เจริญก้าวหนา้ ตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งมั่นคงตามหลักการพง่ึ ตนเอง และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ท้ังนี้จะต้องได้รับการเช่ือมต่อให้เป็นอันหน่ึงอันเดียวกันกับระบบบริการสาธารณสุข ของประเทศ โดยถือว่าเป็นกลไกสำ�คัญย่ิงของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของชุมชน ท่ีจะนำ�บริการเข้าไปให้ถึง ประชาชน ณ ท่ีอยอู่ าศัยและท่ีทำ�งานให้ดีทีส่ ดุ เท่าทีส่ ามารถจะกระทำ�ได้ ๔.๒ องค์ประกอบของงานสาธารณสุขมลู ฐาน องค์การอนามัยโลกได้กำ�หนดกจิ กรรมจำ�เปน็ ของการสาธารณสขุ มูลฐานไว้ ๘ กจิ กรรม ซง่ึ ประเทศไทย ได้เริ่มนำ�มาใช้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๔) ต่อมาได้เพิ่มเติมอีก ๒ กิจกรรม เป็น ๑๐ กจิ กรรม ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๕๒๕ - ๒๕๒๙) และในชว่ งแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๔) ได้เพ่มิ อกี ๔ กิจกรรม รวมเป็น ๑๔ กจิ กรรม ซ่งึ มคี วามสอดคลอ้ งกบั ปญั หาและความ ต้องการของประชาชน โดยเป็นองค์ประกอบที่มีความเชื่อมโยงกับงานบริการสาธารณสุขพื้นฐาน (Basic Health Service) องคป์ ระกอบของงานสาธารณสุขมลู ฐานดงั กล่าว ประกอบด้วยการบริการแบบผสมผสาน ๔ ด้าน คือ การป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพอนามัย การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสภาพ ซึ่งสามารถแยกออกเป็นงานท่ี ประชาชนสามารถดำ�เนินการได้ด้วยตนเอง ออกเป็นงานต่างๆ ซ่ึงเรียกว่าเป็นองค์ประกอบของงานสาธารณสุข มูลฐาน จำ�นวน ๑๔ องคป์ ระกอบ ได้แก่ คูม่ ือวทิ ยากรพ่เี ลยี้ งขับเคลอ่ื นต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ 7
บทท่ี ๑ ๑. งานโภชนาการ อสม.มีหน้าที่กระตุ้นเตือนให้ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาโภชนาการท่ีเกิดขึ้น เช่น โรคขาดสารอาหารในเด็ก ๐-๕ ขวบ หรือเด็กแรกเกิดมีน�้ำหนักต่�ำ เป็นต้น โดยร่วมมือกับกรรมการหมู่บ้าน ผู้น�ำ กลมุ่ แมบ่ ้าน ในการคน้ หาส�ำรวจสภาวะอนามยั เด็ก ชงั่ นำ้� หนกั เดก็ ๐-๕ ขวบ ทุกคนเปน็ ประจ�ำ เม่ือพบเด็กคนใด ที่ขาดสารอาหารก็ด�ำเนินการให้อาหารเสริมโดยเร็ว ให้ความรู้แก่แม่ในการให้อาหารแก่ทารกและเด็ก ตลอดจน สง่ เสริมการปลูกผักเลี้ยงสัตว์เพอื่ น�ำมาเปน็ อาหาร ๒. งานสุขศึกษา ใหค้ วามรเู้ กยี่ วกับสขุ ศึกษาในเรอ่ื งตา่ งๆ เชน่ ปัญหาสาธารณสขุ ของท้องถนิ่ การร่วมกัน แกไ้ ขปญั หา เผยแพร่ความรเู้ กีย่ วกบั การป้องกันโรค และการสง่ เสริมสขุ ภาพอนามยั ให้แกป่ ระชาชนในหมู่บ้านหรอื ชุมชน ๓. งานรักษาพยาบาล อสม.ให้การรักษาพยาบาลที่จำ�เป็นเบ้ืองต้นแก่ชาวบ้าน ช้ีแจงให้ประชาชนทราบ ถงึ ความสามารถของ อสม.ในการรักษาพยาบาล และชแี้ จงให้ทราบถึงสถานบริการของรัฐ ตลอดจนการส่งต่อผปู้ ว่ ย ถ้าเกนิ ความสามารถของ อสม. ๔. งานจัดหายาที่จำ�เป็น ดำ�เนินการจัดตั้งกองทุนยาและเวชภัณฑ์ประจำ�หมู่บ้าน หรือจัดหายาท่ีจำ�เป็น ไว้ให้บริการในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน (ศสมช.) และดำ�เนินการให้ประชาชนสามารถซื้อยาท่ีจำ�เป็นเหล่าน้ี จากกองทุน หรือ ศสมช.ได้สะดวก รวดเรว็ และมรี าคาถกู ๕. งานสุขาภิบาลจัดหาน้�ำสะอาด อสม.ช้ีแจงให้ประชาชน กรรมการหมู่บ้าน ทราบถึงความส�ำคัญของ การจดั หาน�้ำสะอาดไวด้ ม่ื การสรา้ งส้วม การก�ำจัดขยะมลู ฝอย และการจัดบ้านเรือนใหส้ ะอาดถกู สขุ อนามยั เป็นตน้ ๖. งานอนามัยแม่และเด็กและการวางแผนครอบครัว อสม.ช้ีแจงและจูงใจให้ประชาชนทราบถึง ความส�ำคัญของการวางแผนครอบครัว ความจ�ำเป็นของการดูแลก่อนคลอด (การฝากครรภ์) และการดูแลหลัง คลอด การนดั หมายมารดามารบั บริการ และความรใู้ นการปฏบิ ัตติ น การกินอาหาร ชงั่ น�้ำหนกั วัดความดนั โลหติ และ การนัดเดก็ มารับการฉีดวคั ซีนปอ้ งกันโรคตดิ ต่อ ๗. งานควบคุมป้องกันโรคติดต่อในท้องถ่ิน อสม.ชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า ในหมู่บ้านมีโรคอะไร ท่เี ป็นปญั หา เช่น โรคอุจจาระรว่ ง โรคพยาธิ โรคไขเ้ ลือดออก ซึง่ จ�ำ เปน็ ต้องได้รับการปอ้ งกันและรักษา รวมท้ังการ ร่วมมือกันในการดำ�เนนิ การควบคมุ และป้องกันมิให้เกิดโรคระบาดขึ้นได้ ๘. งานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค อสม.ชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงความสำ�คัญของการให้วัคซีนป้องกัน โรคติดต่อ และนดั หมายเจ้าหนา้ ทอ่ี อกไปใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชนตามจุดนดั พบตา่ งๆ ๙. งานส่งเสริมสุขภาพฟัน อสม.ชี้แจงและให้ความรู้กับประชาชนถึงการดูแลฟัน การรักษาสุขภาพ ช่องปากและฟัน นัดหมายประชาชนให้มารบั บรกิ ารในสถานบริการหรอื เม่ือมีหน่วยทันตกรรมเคลื่อนทเี่ ขา้ มาในชุมชน ๑๐. งานส่งเสริมสุขภาพจิต อสม.ช้ีแจงให้ประชาชนทราบถึงการส่งเสริมสุขภาพจิต การค้นหาผู้ป่วยใน ระดับชมุ ชน เพอ่ื จะได้รบั การแนะนำ�การรักษาท่ีถกู ตอ้ ง ๑๑. งานอนามัยส่ิงแวดล้อม อสม.ร่วมถ่ายทอดความรู้เก่ียวกับงานอนามัยสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน ทุกคน เฝ้าระวังมิให้มีการกระทำ�ท่ีก่อให้เกิดมลภาวะ องค์กรชุมชนร่วมกันวางแผนแก้ปัญหาของชุมชนเกี่ยวกับ สง่ิ แวดล้อมเปน็ พิษ ส่งเสรมิ และใหค้ วามรู้เรื่องสารเคมใี นการเกษตร แจ้งเจ้าหนา้ ที่เพือ่ ดำ�เนินการกับผูก้ ระทำ�ผดิ ๑๒. งานคุ้มครองผู้บริโภค อสม.ร่วมกับประชาชนสอดส่องดูแลพฤติกรรมของร้านค้า รถขายยาเร่ ฯลฯ หากพบเหน็ ผู้กระท�ำ ผดิ กฎหมายใหแ้ จง้ เจา้ หนา้ ทเี่ พอ่ื ดำ�เนนิ การ อสม.ร่วมกนั ให้ความรแู้ กเ่ พ่ือนบา้ นในการเลอื กซอ้ื สินค้า เช่น อาหาร เคร่ืองปรุงรส ขนม เคร่ืองสำ�อางท่ีมีมาตรฐานตามเกณฑ์ อย.มาใช้ตลอดจนอาจจะจัดตั้งกลุ่ม/ ชมรม เพื่อรว่ มมอื ประสานงานกันดูแลประชาชนในพืน้ ที่ 8 คูม่ อื วิทยากรพเี่ ลย้ี งขบั เคล่อื นตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ
๑๓. งานป้องกันควบคุมอุบัติเหตุ อุบัติภัย และโรคไม่ติดต่อ อสม.ร่วมกันค้นหาผู้ป่วยโรคเบาหวาน บทท่ี ๑ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง พร้อมทั้งจัดทำ�ทะเบียนรายชื่อผู้ป่วย เพ่ือรับการรักษาอย่างต่อเนื่องหรือส่งต่อโดยให้ ความรู้แก่ประชาชนถึงวิธีการปฏิบัติตนให้พ้นจากความเส่ียงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อต่างๆ แนวทางการป้องกันและ ควบคมุ อบุ ัตเิ หตุ อบุ ัติภยั ตลอดจนสร้างเสริมความมีนำ�้ ใจและเอือ้ อาทรต่อผพู้ กิ ารในชุมชน และร่วมกนั ฟืน้ ฟูสภาพ ผู้พกิ ารในชมุ ชน ๑๔. งานเอดส์ อสม.ให้ความรกู้ ับประชาชน เพอื่ ทราบถงึ ความส�ำ คญั และความจำ�เปน็ ในการควบคมุ ป้องกนั การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ และการปฏิบัติที่ถูกต้อง ในการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ ตลอดจนมีความสามารถในการดูแลผู้ป่วยเอดส์ให้สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันใน ชุมชนไดโ้ ดยชุมชนยอมรบั ร้จู กั การปอ้ งกนั และไม่แพร่กระจายเชอื้ โรคเอดส์ไปสูค่ นในชุมชน องค์ประกอบของงานสาธารณสุขมูลฐานทั้ง ๑๔ องค์ประกอบน้ี ไม่จำ�เป็นต้องเริ่มทีเดียวพร้อมกันหมด ทุกอย่าง อาจจะเร่ิมในเร่ืองท่ีประชาชนคิดว่าเป็นเร่ืองที่มีความจำ�เป็นจริงๆ ของชุมชนตนเองก่อนแล้วภายหลัง ก็ขยายตอ่ ไปไดอ้ กี และถ้าหากชมุ ชนใดไม่มีปัญหาในเรื่องเหล่านี้ องคป์ ระกอบที่ดำ�เนนิ การก็อาจลดลงได้ตามสภาพ ของความเปน็ จรงิ ของชุมชนนัน้ ๆ ๔.๓ แนวคิดระบบสขุ ภาพภาคประชาชน ระบบสุขภาพภาคประชาชนซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากแนวคิดการสาธารณสุขมูลฐานและใช้ในการ ดำ�เนินงานในปัจจุบัน คือคำ�ท่ีเป็นความหมายรวบยอดของงานสาธารณสุขมูลฐานอย่างเป็นระบบเป็นเร่ืองของ ชุมชนท่ีต้องคิดวางแผน ตั้งเป้าหมาย บริหารจัดการ และวัดผลสำ�เร็จด้วยตนเอง หน่วยงานหรือองค์กรภายนอก สามารถทำ�ได้เพียงการร่วมมือกันอย่างจริงจัง และต่อเน่ืองในการส่งเสริมสนับสนุนหรือสร้างกลไกปัจจัยที่เก้ือหนุน การจัดการด้านสุขภาพของชมุ ชน ระบบสุขภาพภาคประชาชนมีจุดมุ่งหมายเพอ่ื การพฒั นาสขุ ภาพของคนในชมุ ชน ด้วยการสง่ เสริมผลักดัน ให้ประชาชนตระหนักในการดูแลสุขภาพ และถือเป็นหน้าท่ีของตนเองมิใช่ผลักภาระให้กับคนอ่ืน พัฒนาขีด ความสามารถและทักษะองค์กรอาสาสมัคร และแกนนำ�สุขภาพประจำ�ครอบครัว ให้มีส่วนร่วมในการจัดการงาน บรกิ ารส่งเสริมสขุ ภาพดา้ นตา่ งๆ อย่างเป็นระบบ และเกดิ ผลประจักษช์ ัด สามารถตรวจวัดผลการทำ�งานได้ในระดบั ชุมชนน้ัน จึงเป็นส่ิงท่ีต้องมุ่งม่ันดำ�เนินการให้สำ�เร็จ ตลอดจนการสร้างกระแสผลักดันให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้หันมามีบทบาทมีส่วนร่วมกันรับผิดชอบในการดูแลชีวิตและสุขภาพพื้นฐานได้ด้วยตนเอง ซ่ึงมีความสำ�คัญต่อ การพัฒนาสขุ ภาพของคนไทย ประกอบด้วยองค์ประกอบ ๓ ประการ คอื ๑) คน เป็นองค์ประกอบหลักที่สำ�คัญในการพัฒนาใดๆ ก็ตาม จะต้องมีคนท่ีอยู่ในชุมชนรวมตัวกัน ร่วมกนั คดิ ร่วมกนั ทำ� อาจเริม่ จากคนกลุ่มหนึ่ง อาจจะมากหรือน้อยก็ตาม ซ่งึ มคี วามแตกต่างหลากหลาย ตา่ งกลุม่ ต่างอาชีพ ต่างฐานะ ต่างความคิด ต่างเพศ ต่างวัย แต่มีจิตใจเดียวกันเพ่ือส่วนรวม และมีเป้าหมายร่วมกัน มกี ารขยายแนวรว่ มออกไปเรื่อยๆ ๒) องคค์ วามรู้ในการด�ำ เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆของชมุ ชนจ�ำ เปน็ ตอ้ งมอี งคค์ วามรู้วธิ กี ารเทคโนโลยีภมู ปิ ญั ญา และประสบการณ์ จะท�ำ ใหเ้ กดิ กระบวนการเรียนรู้ การถ่ายทอด และการกระจายความรู้ข้อมลู ข่าวสารในชุมชน ๓) ทุน เพ่ือการพัฒนาสุขภาพ การดำ�เนินงานพัฒนาสุขภาพ จำ�เป็นต้องอาศัยทุนที่เป็นตัวเงิน และ ทุนท่ีไม่ใช่ตัวเงิน หรือทุนทางสังคมและทรัพยากรธรรมชาติ ซ่ึงทุนที่เป็นตัวเงินจะมีความหมายในลักษณะการเงิน การคลังด้านสุขภาพและการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อจัดบริการให้กับคนในชุมชนได้อย่างคุ้มค่าคุ้มเวลาที่ทำ�งาน และ ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ซ่ึงแต่ละชุมชนสามารถแสวงหาแหล่งทุนได้ท้ังภายในและภายนอกชุมชน และ นำ�มาบริหารจัดการใหเ้ กิดผลกำ�ไร แลว้ น�ำ ดอกผลนั้นมาใช้ในการพฒั นาตอ่ ไป คู่มือวิทยากรพีเ่ ลย้ี งขับเคล่อื นตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ 9
บทท่ี ๑ นอกจากองค์ประกอบหลัก ๓ ประการแล้ว หัวใจสำ�คัญของระบบสุขภาพภาคประชาชน คือ การ จัดการเพ่ือให้ประชาชนมีความสามารถในการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ซ่ึงการจัดการในท่ีนี้คือ การปฏิบัติ การประสานให้เกิดความสมดุลบูรณาการของทุกภาคส่วน เพ่ือการเคล่ือนไหวของปัจจัย คน องค์ความรู้ หรือวิธีการทำ�งาน และทุนเพื่อการพัฒนาสุขภาพ ให้เกิดการดำ�เนินกิจกรรมการพัฒนาสุขภาพร่วมกัน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของคนในชุมชน ป้องกันและแก้ปัญหาสุขภาพของคนในชุมชน ทั้งนี้กิจกรรมการ พฒั นาสขุ ภาพที่ดำ�เนินโดยชุมชนน้นั ขึน้ อยกู่ ับการตดั สนิ ใจของชมุ ชนวา่ จะด�ำ เนนิ การในเร่ืองใด อยา่ งไร ซ่งึ สามารถ แสดงเปน็ แผนภาพ เชงิ แนวคิดองคป์ ระกอบระบบสขุ ภาพภาคประชาชน ดังแสดงตามภาพที่ ๑ ภาพท่ี ๑ กรอบแนวคิดระบบสขุ ภาพภาคประชาชน วัฒนธรรมการดแู ลความสุขสมบูรณ์ ทางสขุ ภาพกายและใจของตนเอง สมาชิกในครอบครวั และในสังคมของตนเอง ๕. ความหมายระบบสขุ ภาพภาคประชาชน ระบบสขุ ภาพภาคประชาชน หมายถงึ กระบวนการทส่ี มาชิกของสังคมหรอื ชมุ ชนนั้นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ร่วมมือกันดูแล และบริหารจัดการให้เกิดสุขภาวะพ้ืนฐานท่ีดีข้ึนได้ด้วยตนเอง ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และทรพั ยากรที่จ�ำ เปน็ จากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ระบบสขุ ภาพภาคประชาชน เป็นวฒั นธรรมการดูแลความสมบรู ณท์ างสุขภาพกายและใจของตนเอง สมาชกิ ในครอบครวั สมาชิกในชมุ ชนและสงั คมของตน ระบบสขุ ภาพภาคประชาชนจึงเปน็ ระบบสุขภาวะทุกมติ ใิ นลักษณะ องคร์ วม ซง่ึ รวมถึงระบบการจดั การสิง่ แวดล้อม ระบบอาหาร ระบบยา ระบบเศรษฐกจิ สังคม การเมอื ง การศึกษา วถิ ชี ุมชน และวฒั นธรรม 10 คมู่ ือวิทยากรพีเ่ ลี้ยงขับเคล่อื นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ
แนวคิดระบบสุขภาพภาคประชาชนที่กล่าวในข้างต้น เป็นภาพของระบบสุขภาพภาคประชาชนที่เกิดข้ึนใน บทท่ี ๑ ชมุ ชนท้องถ่นิ จึงเป็นภาพการท�ำ งานของประชาชนที่เปน็ เครือขา่ ยมกี ระบวนการด�ำ เนินงานทีเ่ นน้ การมีส่วนรว่ มของ ทุกฝ่าย มีนโยบาย เป้าหมาย ตัวช้ีวัด และกลวิธีที่ประชาชนเป็นผู้กำ�หนด ภายใต้ความต้องการของชุมชนอย่าง แทจ้ รงิ ตามสภาวะแวดล้อม บรบิ ทพนื้ ที่ เช่ือมโยงเศรษฐกจิ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ท้องถิน่ และครอบครวั ใช้ทุน ทางสังคมในชุมชนเป็นผู้กำ�หนด ภายใต้ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง มีรูปแบบการทำ�งานแบบองค์รวม ผสมผสานภมู ิปัญญาท้องถ่ินและภูมปิ ญั ญาสากล มนี โยบายและกลไกการสนบั สนนุ จากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ มีการกระตุ้นจากองค์กรภายนอกและภายในช่วยขับเคลื่อนกระบวนการ ระบบสุขภาพภาคประชาชนเปน็ สว่ นหนึ่งของระบบการด�ำ เนนิ งาน เพอ่ื การพัฒนาชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ทเี่ กดิ ขึ้นใน ชมุ ชนท้องถ่ินนั้นๆ การด�ำ เนินงานส่งเสรมิ และสนับสนุนการพัฒนาระบบสขุ ภาพภาคประชาชน จึงมิได้หมายความ ว่าจะต้องสร้างระบบการดำ�เนินงานท่ีมาทำ�งานด้านสุขภาพแยกจากการทำ�งานด้านอ่ืนๆ แต่ควรเป็นการบูรณาการ งานสุขภาพในชุมชนท่ีประชาชนในชุมชนเห็นพ้องกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาเป็นระบบที่มีศูนย์กลางการบริหารจัดการ ของทุกๆ สาขา ท้ังด้านสุขภาพ เกษตร อาชพี การศึกษา และอืน่ ๆ เพ่ือการบรู ณาการของการพฒั นาทยี่ ึดการแก้ ปัญหา สรา้ งความเปน็ อยแู่ ละคุณภาพชีวิตทดี่ ี ตามความตอ้ งการของชุมชนท้องถน่ิ เป็นประการส�ำ คัญ กลยุทธ์ที่จะขับเคล่ือนสู่ระบบสุขภาพภาคประชาชน จะให้ความสำ�คัญกับนัยยะของคำ�ว่า “ของ” ประชาชน “โดย” ประชาชน และ “เพือ่ ” ประชาชน จากบทเรยี นและประสบการณท์ ผ่ี ่านมา ถา้ จะใหม้ ีการมุ่ง สู่การพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนจำ�เป็นต้องคำ�นึงถึง “การได้ลงมือทำ�โดยประชาชนและการสร้างปัจจัยเอื้อจากองค์กร ภายนอกชุมชน” ซึ่งกลยุทธ์ในที่น้ีเสนอเพ่ือเป็นทิศทางสำ�หรับทุกองค์กรทุกระดับท่ีเข้ามาดำ�เนินการกับระบบ สุขภาพภาคประชาชน ท่ีมุ่งเน้นระดมสรรพกำ�ลังและมุ่งเน้นระดมทรัพยากร ดังนั้นจึงเป็นภาพกว้างเพ่ือเปิดโอกาส ให้มีการวางกลวธิ แี ละกจิ กรรมไดห้ ลากหลายภายใต้กลยุทธห์ ลัก ดงั ต่อไปนี้ ๑. การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม การมีส่วนร่วมเป็นหัวใจหลักของขบวนการในภาคประชาชน ที่ต้องเสริมสร้างให้เกิดข้ึนและเป็นไป อย่างแท้จริง ท้ังในส่วนของประชาชนและองค์กรภายนอกชุมชน กลยุทธ์นี้เป็นการมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้ ประชาชน องค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน องค์กรภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วน ของสังคมเข้ามามีส่วนร่วมดำ�เนินงานแบบหุ้นส่วน (Partnership Participation) โดยการสร้างแกนนำ�การ เปล่ียนแปลง (Change Agents) ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน การสร้างเครือข่ายการทำ�งานแบบพหุภาคี จัดกระบวนการท่ีเหมาะสมให้ทุกภาคส่วนเห็นความเชื่อมโยงของปัญหา เข้ามาร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทำ� ร่วมเรียนรู้ และปรับแนวทางให้เหมาะสมในบรบิ ทตา่ งๆ ๒. การสรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นในการจัดการความรู้ท่ีเกิดข้ึน ท้ังการแสวงหาองค์ความรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบมีส่วนรว่ ม ท้งั ในระบบและนอกระบบโรงเรียน การน�ำ ความรไู้ ปใช้ประโยชนใ์ นการพฒั นา การสร้างความสมดุล ระหว่างการเรียนรู้และการปฏิบัติ การเปิดโอกาสให้มีความเสมอภาคในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมท้ังการ สร้างเสริมปัจจัยเอ้ือต่อการพัฒนาความรู้และภูมิปัญญา ตลอดจนการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีมิติเชิง สังคม และสอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดจิตสำ�นึกร่วมในการพัฒนาสุขภาพภาคประชาชน ตลอดจน การพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาไปสู่วัฒนธรรมสุขภาพของชุมชน โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินเข้าร่วมใน ขบวนการประชาคมท้ังในระดบั ชุมชนและระดบั ท้องถ่นิ คมู่ อื วิทยากรพ่เี ลีย้ งขับเคลื่อนต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ 11
บทท่ี ๑ ๓. การเคลื่อนไหวทางสงั คม การเคลื่อนไหวทางสังคม มีความสำ�คัญต่อการเกิดความรู้สึกร่วม และกระแสสังคมซ่ึงในภาวะปัจจุบัน ถือว่า กระแสสังคมมีพลังต่อความเปล่ียนแปลงสูงมาก และระบบสุขภาพจะแสดงถึงความเป็นภาคประชาชน ได้ชัดเจนก็ควรมีภาวะหรือกระแสเป็นของสังคม กลยุทธ์น้ีมีทิศทางมุ่งไปในเรื่อง การรวมพลัง สร้างสรรค์จาก ทุกภาคส่วนอย่างจริงจังถึงขั้นเกิดกระแสในสังคม หรืออาจนำ�ไปสู่นโยบายสาธารณะในระดับต่างๆ อันจะนำ�ไปสู่ การสรา้ งจติ ส�ำ นกึ คา่ นยิ ม และพฤตกิ รรมสุขภาพทีเ่ หมาะสม รวมทัง้ สง่ เสรมิ ขบวนการเคล่ือนไหวของภาคประชาชน เพอื่ ประเมนิ ตรวจสอบคณุ ภาพ และพิทักษ์สทิ ธิทางสขุ ภาพของมวลชน ๔. การสือ่ สารเพอื่ ประชาชน สังคมส่ิงแวดล้อมท่ีเปล่ียนแปลงไป การสื่อสาร เผยแพร่ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ มีบทบาท ต่อการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมทางสุขภาพ โดยเฉพาะในมิติเชิงสังคม ดังน้ันกลยุทธ์มุ่งเน้นการนำ� ระบบสุขภาพภาคประชาชน ท้ังในแง่แนวคิด กระบวนการ ผลงาน และกรณีศึกษาต่างๆ สู่การเผยแพร่ การสื่อสารท่ีหลากหลาย ภายใต้การศึกษาเป้าหมายการโฆษณาประชาสัมพันธ์ท่ีชัดเจน เหมาะสม รวมท้ัง การสร้างเครือข่าย ผู้จัดรายการ ผู้ผลิตสื่อทางสื่อมวลชน และเครือข่ายทีมข่าวสุขภาพของหน่วยงานและ องค์กรต่างๆ โดยการสื่อสารเหล่านี้ต้องเป็นการสื่อสารเพ่ือปลุกระดมประชาชนให้หันมามีส่วนร่วมประพฤติ ปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพตนเองก่อนไปหาหมอ ในลักษณะท่ีให้คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ในการทำ�ความดีว่า “ไมป่ ว่ ย เปน็ การชว่ ยชาติ” นอกจากนตี้ ้องสรา้ งให้ประชาชนเกิดการรับรู้และยอมรบั หรอื รู้สึก ว่าตนเองมีส่วนได้ส่วนเสียกับการเจ็บป่วยและค่าใช้จ่ายที่รัฐจะนำ�มาจ่ายชดเชยในบริการ ล้วนแล้วแต่เป็นเงินภาษี ของราษฎรท้งั ส้นิ และเป็นการสูญเสียโอกาสการสรา้ งรายได้ใหก้ บั ตนเองและครอบครวั การดำ�เนินงานสาธารณสุขมูลฐานหรืองานสุขภาพภาคประชาชน ต้ังแต่แผนพัฒนาสาธารณสุข ฉบับที่ ๔ มาจนถึงปัจจุบัน มุ่งสร้างศักยภาพให้องค์กรชุมชน ดำ�เนินการสร้างความเข้มแข็งและความพร้อม ให้กับชุมชน จนมีความสามารถท่ีพ่ึงตนเองและดูแลสุขภาพของตนเองโดยการสร้างและพัฒนากำ�ลังคน คือ อสม.กระทรวงสาธารณสุขได้กำ�หนดให้มีอาสาสมัครสาธารณสุขในงานสาธารณสุขมูลฐาน คือ อาสาสมัคร สาธารณสุขประจำ�หมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งหมายถึง บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกจากชาวบ้านในแต่ละหมู่บ้านและ ได้รับการอบรมตามหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขกำ�หนด โดยมีบทบาทหน้าที่สำ�คัญในฐานะผู้นำ�การ เปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมสุขภาพอนามัย (Change Agents) การส่ือข่าวสารสาธารณสุข การแนะนำ� เผยแพร่ความรู้ การวางแผน และการประสานกิจกรรมพัฒนาสาธารณสขุ ตลอดจนให้บริการสาธารณสขุ ดา้ นต่างๆ เชน่ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การเฝ้าระวังและการปอ้ งกนั โรค การชว่ ยเหลอื และรักษาพยาบาลขนั้ ตน้ โดยใชย้ าเวชภณั ฑ์ ตามขอบเขตทกี่ ระทรวงสาธารณสขุ กำ�หนดการสง่ ต่อผูป้ ่วยไปรับบริการ การฟนื้ ฟสู ภาพ และการจดั กิจกรรมพฒั นา สุขภาพภาคประชาชนในหมูบ่ า้ น/ชุมชน ปจั จบุ นั ประเทศไทยมี อสม.ครอบคลุมทกุ หมูบ่ ้าน ซึ่งจากข้อมลู ของกอง สนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ประเทศไทยมี อสม.ทง้ั หมด ๑,๐๕๗,๘๙๔ คน (ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี ๒๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๐) 12 ค่มู ือวิทยากรพเ่ี ลย้ี งขบั เคล่อื นต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ
๖. ตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ บทท่ี ๑ ตำ�บลจัดการสุขภาพ เป็นรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาด้านสุขภาพ เน้นการบูรณาการความร่วมมือ ของทุกภาคส่วนท่ีอยู่ในพ้ืนที่ทุกระดับ เน้นการใช้และแสวงหาต้นทุนทางสังคมทุกด้านที่มีอยู่ มาสร้าง การมีส่วนร่วม ผ่านกระบวนการการยอมรับของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหมู่บ้าน/ชุมชนนั้นๆ และก่อให้เกิด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนสามารถแสดงบทบาทในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สภาพแวดล้อม และสงั คมโดยรวมได้อย่างย่งั ยืน ดว้ ยความต้ังใจ เตม็ ใจ มีจิตสำ�นึกทดี่ ี และมศี รัทธา ในการพฒั นา ๖.๑ นิยามความหมาย ตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ หมายถึง ตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการท่ีมีกระบวนการ สร้างสุขภาพในทุกกลุ่มวัย โดยให้ความสำ�คัญกับการพัฒนาบทบาทภาคประชาชน ท้องถิ่น และทุกๆ ภาคส่วนใน ชมุ ชน/ทอ้ งถ่นิ ใหม้ กี ารบรู ณาการร่วมกัน ชว่ ยกันค้นหา หรอื กำ�หนดปัญหาสุขภาพ ก�ำ หนดอนาคต ด�ำ เนนิ กิจกรรม การพฒั นาด้านสุขภาพ และมาตรการทางสงั คม รวมทง้ั นวตั กรรมตา่ งๆ ได้ดว้ ยตนเอง รวมท้งั มีการส่งเสริมกจิ กรรม วิสาหกิจชุมชน ให้เกิดการลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ท้ังน้ีเพ่ือลดปัญหาและปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยต้องผ่าน เกณฑ์มาตรฐานท่กี ำ�หนดเพอื่ ให้ชมุ ชนเข้มแขง็ ประชาชนมีสขุ ภาพดแี ละระบบสุขภาพย่งั ยืน ๖.๒ แนวคดิ และหลกั การ การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ ถือเป็นยุทธศาสตร์สำ�คัญในการต่อยอดแนวคิดการ สาธารณสุขมูลฐานจากฐานรากของระบบสุขภาพ ให้เป็นเร่ืองของชุมชนท่ีจะคิดตั้งเป้าหมาย บริหารจัดการและ วดั ผลสำ�เรจ็ ดว้ ยตนเอง ท้ังน้ี หนว่ ยงาน/องคก์ รภายนอก ได้แก่ ภาครัฐ ทอ้ งถ่ิน และภาคเอกชน ตอ้ งปรับบทบาท การบูรณาการความร่วมมืออย่างจริงจังในการส่งเสริมสนับสนุนหรือสร้างปัจจัยเอื้อต่อการจัดการด้านสุขภาพของ ชุมชน โดยมีจุดมุ่งหมายท่ีจะพัฒนาสุขภาพของคนในชุมชน ให้ตระหนักในการดูแลสุขภาพ และถือเป็นหน้าท่ีของ ตนเอง การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการมีความต่อเน่ืองและมีรูปธรรมการดำ�เนินงาน ตลอดจน มีพัฒนาการการจัดการสุขภาพรูปแบบใหม่ด้วยภูมิปัญญาและการรวมพลังของชุมชนในท้องถ่ิน จึงต้องอาศัย การ สร้างให้เกิดเครือข่ายกลไกการขับเคลื่อนตำ�บลจัดการสุขภาพท่ีเข้มแข็ง ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติ สะท้อนหลักการสำ�คัญในกลวิธีการสาธารณสุขมูลฐานท่ีมีนัยยะต่อการทำ�ให้ประชาชนส่วนใหญ่ เพ่ิมพูนทักษะและ ความสามารถพงึ่ ตนเองด้านสขุ ภาพและน�ำ ไปสูก่ ารพัฒนาในมิตติ า่ งๆ ทีม่ ัน่ คงมากขึน้ คู่มือวิทยากรพเี่ ลย้ี งขบั เคลอื่ นต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ 13
๒บทท่ี แนวทางการดำ�เนนิ งานต�ำ บลจดั การสขุ ภาพ แบบบรู ณาการ บทท่ี ๒ การสาธารณสุขไทยได้มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะหลักการ “การสาธารณสุขมูลฐาน” ได้ถูกน�ำมาใช้เป็นกลวิธีอันเป็นรากฐานส�ำคัญยิ่ง โดยมุ่งหวังให้เกิดความครอบคลุมและเป็นธรรมใน ด้านการจัดบริการสาธารณสุขแก่ประชาชน ซึ่งสมควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนา อย่างต่อเน่ือง เพื่อสร้างเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เกิดการพึ่งพาตนเองหรือการดูแล สุขภาพของตนเองได้ระดับหน่ึง ท่ีผ่านมาระบบสุขภาพไทยมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วท้ังในเชิงแนวคิด นโยบาย โครงสร้าง และกลไกการจัดการ ตลอดจนการให้ความส�ำคัญกับบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง จากสถานการณ์ปัญหาสุขภาพพบว่า ข้อมูลอัตราตายด้วยโรค NCDs สูง และมีแนวโน้มเพิ่มข้ึน (หลอดเลือดหัวใจ ๒๗.๘๒ ตอ่ แสนประชากร : ๒๕๕๙ โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ๑๗.๙๓ และ ๑๐.๙๕ ตอ่ แสนประชากร : ๒๕๕๗) การคัดกรองพฒั นาการตามกลุ่มอายุ พบเดก็ อายุ ๙ ๑๘ ๓๐ และ ๔๒ เดือน มพี ฒั นาการสงสัยลา่ ชา้ รอ้ ยละ ๒๓.๓๐ (ข้อมลู กรมอนามยั ๒๕๕๙) อตั ราตายดว้ ยอบุ ัตเิ หตทุ างถนน ๑๘.๙๗ ต่อแสนประชากร (ขอ้ มูลส�ำนกั นโยบาย และยุทธศาสตร์ ๒๕๕๙) ภาระโรค NCDs ท�ำใหก้ ารสญู เสยี ค่าใชจ้ ่ายด้านสุขภาพเพม่ิ ขึ้น ปัจจยั เส่ยี งต่อการเกดิ โรค NCDsเพมิ่ ข้ึนอกี ท้งั ในด้านโครงสรา้ งประชากรและการเขา้ ส่สู ังคมผสู้ ูงอายุสดั ส่วนประชากรวัยสูงอายุเพิม่ ขึ้นข้อมูล ปจั จบุ นั ประเทศไทย มีประชากรรวม เทา่ กบั ๖๕.๑๗ ล้านคน มจี �ำนวนผสู้ งู อายุ ๖๐ ปขี ึน้ ไป เทา่ กับ ๑๐.๔๙ ลา้ นคน (คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๖.๐๙ ของประชากรรวม) ถือว่าปัจจบุ นั ประเทศไทยเป็นสงั คมผูส้ งู อายุ (Aging Society) รฐั บาลจงึ ตระหนักและใหค้ วามส�ำคัญกบั การเตรยี มพรอ้ มรับมือ วางแนวทาง และได้มกี ารบรู ณาการระดบั ประเทศซึ่งก�ำหนด ความชัดเจนไวใ้ น “นโยบายข้อท่ี ๓ ลดความเหลื่อมล�้ำทางสงั คมและการสรา้ งโอกาสการเขา้ ถึงบริการของรัฐ” โดย มีรายละเอียดข้อ ๓.๔ เตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพ่ือสร้างคุณภาพชีวิตและการมีงานหรือกิจกรรมท่ี เหมาะสมเพ่อื สร้างสรรค์และไมก่ ่อภาระต่อสงั คมในอนาคต รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๕ รัฐต้องดำ�เนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และส่งเสริมและสนับสนุนให้ มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริการสาธารณสุขตามวรรค ๑ ต้อง ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ รัฐต้องพัฒนาการบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงข้ึนอย่างต่อเน่ืองหมวด ๑๖ การปฏิรูป ประเทศ มาตรา ๒๕๘ (ช) ด้านอ่ืนๆ (๕) ให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิท่ีมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ดูแล ประชาชนในสัดสว่ นทเ่ี หมาะสม และจากยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี ด้านสาธารณสุข (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) มีความมุ่งหวังให้ประชาชนไดร้ ับ การส่งเสริม ป้องกัน ควบคุมโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสุขภาพอย่างเท่าเทียม ทุกกลุ่มวัยได้รับบริการที่สมวัย ระบบบริการมีคุณภาพ ประสิทธิภาพครอบคลุมท่ัวถึง ลดความแออัด ลดความเหล่ือมล้�ำโดยมีเป้าหมายท่ีอายุขัย เฉลี่ยและคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น บนพ้ืนฐานกระบวนการท่ีส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาบทบาทภาคประชาชน ภาคท้องถิ่นและภาคอื่นๆ ให้บูรณาการความร่วมมือร่วมกันเพ่ือก�ำหนดปัญหาสุขภาพ ด�ำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพ 14 คูม่ อื วิทยากรพ่เี ล้ียงขับเคล่ือนตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ
และมาตรการทางสังคม รวมท้ังนวัตกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นการมีสว่ นรว่ ม ด้วยกระบวนการเรียนรรู้ ว่ มกัน บทท่ี ๒ และมุ่งส่งเสริมบทบาทของท้องถิ่น ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการระบบสุขภาพชุมชนมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “ชุมชน/ท้องถิ่นเป็นเจ้าของสุขภาวะชุมชน” เพ่ือให้เป็นไปตามเจตนารมณ์กลไกการด�ำเนินงานภาครัฐทุกระดับ ตอ้ งบรู ณาการความรว่ มมอื และสนบั สนนุ ทรพั ยากรด้านวชิ าการและงบประมาณเพอ่ื แกป้ ญั หา๔กลมุ่ วัยทเ่ี หมาะสม ให้ข้อมูล ความรู้ และท�ำหนา้ ทเี่ ชือ่ มประสานภาคส่วนตา่ งๆ ของชมุ ชนเข้ามาด�ำเนนิ งานร่วมกัน ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ การ สร้างเสริมสุขภาพมากขึน้ การดำ�เนินงานตำ�บลจัดการสุขภาพ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ตามเป้าหมาย ๗,๒๕๕ ตำ�บล ได้บูรณาการพื้นที่ร่วมกันในตำ�บลที่มีการพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพและพ้ืนท่ีท่ีมีการพัฒนาเครือข่าย ระบบสุขภาพระดับอำ�เภอ (District Health System : DHS) ระบบบริการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุข สำ�หรับผู้สูงอายุท่ีมีภาวะพึ่งพิงในพื้นท่ี (Long Term Care : LTC) และคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ท้ังนี้ เพื่อให้การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการมีความต่อเนื่องและมีรูปธรรม การดำ�เนินงาน ตลอดจนมีพัฒนาการการจัดการสุขภาพรูปแบบใหม่ด้วยภูมิปัญญา และการรวมพลังของชุมชนใน ท้องถ่ิน จึงต้องอาศัย การสร้างให้เกิดเครือข่ายกลไกการขับเคล่ือนตำ�บลจัดการสุขภาพที่เข้มแข็ง ต้ังแต่ระดับ นโยบายจนถงึ ระดบั ปฏบิ ัติ สะท้อนหลกั การส�ำ คัญในกลวธิ กี ารสาธารณสุขมลู ฐาน ทม่ี นี ัยยะตอ่ การท�ำ ให้ประชาชน ส่วนใหญ่เพิ่มพูนทักษะและความสามารถพ่ึงตนเองด้านสุขภาพ และนำ�ไปสู่การพัฒนาในมิติต่างๆ ที่มั่นคงมากข้ึน โดยเฉพาะการดำ�เนินงานโดยเครือข่ายความร่วมมือแบบผสมผสานจากหลายภาคส่วน (Multi - sectoral Collaboration) ข้ามกรอบการแยกส่วนที่มีหน่วยงานระดับกระทรวง กรม และภาคส่วนทางสังคมเป็นตัวตั้ง ให้หันมาเน้นเอาชุมชนและพ้ืนที่เป็นตัวต้ังแทน เป็นการปรับเปล่ียนโครงสร้างเชิงอำ�นาจการนำ�การพัฒนาจาก แนวดิง่ สู่ประชาชน (Vertical and Top-down Development Approach) เป็นจากรากฐานของสงั คมและชมุ ชน สะทอ้ นข้นึ ส่ภู าคสาธารณะระดบั ประเทศหรอื จากฐานรากสะท้อนสู่เบื้องบน (Community-Based and Bottom up Development Approach) รวมทงั้ สนบั สนุนการพฒั นาในมิติอนื่ ๆ เชน่ มติ ดิ า้ นสังคม มติ ดิ ้านการศกึ ษา และ มิตดิ า้ นเศรษฐกิจ ดังนั้น จากหลักการและแนวนโยบายข้างต้น กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน ได้เล็งเห็นความสำ�คัญ ของกลไกเพื่อการขับเคลื่อนตำ�บลจัดการสุขภาพ อันได้แก่ เครือข่ายความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคท้องถ่ิน เพ่ือให้เกิดตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของ การดำ�เนนิ งาน และสอดคล้องกบั สภาพการดำ�เนินชวี ติ ในชุมชน/ทอ้ งถ่นิ นนั้ ๆ และในปงี บประมาณ ๒๕๖๑ ได้ให้ ความสำ�คัญกับการเช่ือมโยงกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำ�เภอ (พชอ.) (District Health Board : DHB) และคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) เพ่อื ขบั เคลื่อนการพัฒนาคณุ ภาพ ชีวิตในระดบั พืน้ ทีท่ ่อี ยู่ใกลช้ ดิ ประชาชน ใหพ้ ฒั นาโครงการ/กิจกรรม ริเรม่ิ สรา้ งสรรคส์ งิ่ ใหม่ทน่ี �ำ ไปสนู่ วัตกรรมการ สง่ เสริม ปอ้ งกนั และจัดการสุขภาพของประชาชนในชุมชน เกดิ เป็นต้นแบบตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ และท่ีสำ�คัญแก้ปัญหาสุขภาพตามกลุ่มวัยและลดปัญหาสุขภาพได้ตามบริบทของพ้ืนท่ี มีการพัฒนาต่อยอด นวัตกรรมสุขภาพชุมชนท่ีหลากหลาย แสดงถึงการลดภาระโรคและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ตลอดจนเพ่ือให้ ประชาชนมีสขุ ภาพและคณุ ภาพชีวิตท่ดี ีมีสถานะเศรษฐกจิ ทเี่ หมาะสม เพื่อเป็นแหลง่ เรียนร้ภู ายในชุมชนเองและ สำ�หรับบคุ คลภายนอกท่ที ำ�ใหเ้ กิดกระบวนการเรียนรู้อย่างตอ่ เนือ่ ง ส่งผลใหร้ ะบบสขุ ภาพชมุ ชนท่ีเชือ่ มโยงกับระบบ บรกิ ารสขุ ภาพโดยรวมเกดิ ประสทิ ธิภาพและมีความย่งั ยนื ตลอดไป ค่มู ือวิทยากรพ่ีเลีย้ งขบั เคลือ่ นต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ 15
บทท่ี ๒ วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้ภาคีเครือข่ายสุขภาพในพ้ืนท่ีได้รับทราบนโยบายและแนวทางการดำ�เนินงานเพื่อการขับเคล่ือน ตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ ๒. เพือ่ สรา้ งกลไกความร่วมมือแบบบูรณาการในการพฒั นาตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ ๓. เพื่อสนับสนนุ การจัดกจิ กรรมและบริการสขุ ภาพที่เหมาะสม เพือ่ ลดปัญหาสุขภาพทุกกลุ่มวัยในพน้ื ท่ี ๔. เพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปล่ียนเรียนรู้ส่ิงดีๆ ในการพัฒนาและต่อยอดความสำ�เร็จการพัฒนาระบบ สขุ ภาพชุมชนและนวตั กรรมสขุ ภาพชุมชน เป้าหมาย ๑. บูรณาการการทำ�งานในพ้ืนที่ตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการกับเครือข่ายคณะกรรมการพัฒนา คุณภาพชีวิตระดับอำ�เภอ (พชอ.) (DHB) และคลินิกหมอครอบครัว (PCC) โดยใช้พื้นท่ีเป็นฐาน ประชาชนเป็น ศนู ยก์ ลางดว้ ยการท�ำ งานอยา่ งมีส่วนร่วมตามแนวทางประชารัฐ ๒. พ้ืนท่ีเป้าหมายการพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ร้อยละ ๑๐๐ ของตำ�บลตามเขตการปกครองในทกุ อ�ำ เภอ จ�ำ นวน ๗,๒๕๕ ต�ำ บล กลยุทธ์การดำ�เนนิ งาน ๑. ทบทวนแผนการดำ�เนินงานของหน่วยงานในระดับส่วนกลาง เขต และจังหวัด ให้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์/แผนงานของหน่วยงานระดับรัฐบาล/กระทรวง/กรม เพ่ือให้เกิดการวางแผนการดำ�เนินงานท่ีมีความ เปน็ เอกภาพและมีทศิ ทางเดียว ๒. พัฒนาช่องทาง/กลไกการประสานงาน/บทบาทของหน่วยงาน หน่วยงานร่วมภาคีดำ�เนินงาน (Cross - cutting Issues) เพอื่ ใหเ้ กิดการบรู ณาการแผนปฏิบัติการสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ เี่ ก้อื กลู ต่อยทุ ธศาสตรข์ องกระทรวง/กรม/ พ้ืนที่ ๓. มุ่งส่ือสารความเข้าใจร่วมกันของกลไกระดับส่วนกลาง เขต จังหวัด และพ้ืนที่ในการช้ีนำ�เป้าหมาย (Target) การดำ�เนินงานต�ำ บลจัดการสุขภาพทเี่ ชอื่ มโยงกับนโยบายของกระทรวง/กรม และยุทธศาสตรข์ องรฐั บาล ๔. พัฒนาศักยภาพบุคลากรในระดับจังหวัดและพื้นที่ โดยให้ความสำ�คัญกับกระบวนการสร้างทีมพ่ีเลี้ยง (coaching) การแลกเปลย่ี นเรยี นรเู้ พ่ือการสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การพฒั นาแผนสุขภาพตำ�บล การมสี ่วนรว่ ม การติดตาม ประเมนิ ผล การเขยี นโครงการ การท�ำ เวทชี าวบา้ น การวิเคราะหผ์ ู้มสี ่วนได้สว่ นเสีย การเสริมพลังชุมชน ๕. กำ�กบั ติดตาม และประเมนิ ผลดว้ ยกระบวนการเสริมพลงั (Empowerment) ที่มุ่งเนน้ เชงิ กระบวนการ (Process) โดยให้ความสำ�คัญกับการยกระดับความร่วมมือของชุมชนเป็นฐาน ตลอดจนผลผลิต (Output) และ ผลลพั ธ์ (Outcome) ทเ่ี ป็นรปู ธรรม การปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรม การลดลงของปัญหาสุขภาพและนวัตกรรมสขุ ภาพ ชุมชน แนวทาง/ขน้ั ตอนการพัฒนา ๑. มีคำ�สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ/คณะทำ�งานส่งเสริมและสนับสนุนการดำ�เนินงานตำ�บลจัดการสุขภาพ แบบบรู ณาการ (ระดบั กระทรวง/เขต/จังหวัด/พนื้ ที่) ๒. พฒั นาแนวทางการด�ำ เนินงานตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการสู่การปฏบิ ัติ ๓. พัฒนาช่องทาง/กลไกการประสานงาน/บทบาทของหน่วยงานทุกระดับเพื่อให้เกิดการบูรณาการ แผนปฏบิ ตั กิ ารร่วมกนั และเชอ่ื มโยงสู่ยทุ ธศาสตร์กระทรวง/กรม 16 คูม่ อื วิทยากรพีเ่ ลยี้ งขับเคลื่อนตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ
๔. สอื่ สารความเข้าใจรว่ มกันของกลไกระดบั ส่วนกลาง จงั หวดั และพื้นท่ใี นการช้นี ำ�เปา้ หมายการด�ำ เนนิ งาน บทท่ี ๒ ตำ�บลจัดการสุขภาพท่เี ช่ือมโยงกับนโยบายของกระทรวง/กรมและยทุ ธศาสตร์ของรฐั บาล ๕. มีการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาศักยภาพเครือข่ายวิทยากรพี่เล้ียงระดับจังหวัด อำ�เภอ ให้มีความรู้ เร่ืองการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ การพัฒนาแผนสุขภาพตำ�บล การมีส่วนร่วม การติดตามประเมินผล การเขียนโครงการ การทำ�เวทีชาวบ้าน การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเสริมพลงั ชุมชน ๖. ชุมชนและท้องถิน่ ใชแ้ บบรายงานผลการดำ�เนนิ งานต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ ในการประเมิน ตนเอง (Self Assessment) แบบมสี ว่ นร่วมกับภาคสว่ นต่างๆ ทเ่ี ก่ียวข้องและใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ๗. มีระบบฐานข้อมูลและระบบการกำ�กับ ติดตาม ประเมินผลที่มุ่งเน้นเชิงกระบวนการ (Process and Outcome) โดยให้ความสำ�คัญกับผลสำ�เร็จของการยกระดับความร่วมมือของชุมชนเป็นฐาน และมีผลลัพธ์ การพัฒนาสุขภาพระดบั ตำ�บลที่สามารถวดั ผลการลดลงของปญั หาสขุ ภาพในพ้ืนท่ี มาตรการการขับเคล่ือนตำ�บลจดั การสขุ ภาพที่ส�ำ คัญ ๑. มกี ารพฒั นาทมี ขบั เคล่อื นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการทกุ ระดบั (Program Manager ระดับเขต จงั หวัด/อำ�เภอ) ๒. มกี ารจัดการฐานขอ้ มลู สุขภาพในพน้ื ที่ เพื่อใชจ้ ัดท�ำ แผนตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ ๓. มกี ารจัดกิจกรรม / โครงการของชมุ ชน เพือ่ แกไ้ ขปัญหาและลดปจั จยั เสย่ี งในตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบ บรู ณาการ ๔ กลมุ่ วยั ตามบรบิ ทของพืน้ ท่ี ๔. มีการจัดบริการสุขภาพที่ครอบคลุม เหมาะสม เชื่อมโยงกับคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับอำ�เภอ (พชอ.) (District Health Board : DHB) และคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ๕. มี M&E และรับรองผล best practice ด้วยกระบวนการเสรมิ พลังอย่างมีสว่ นร่วม เกณฑก์ ารประเมนิ ผลต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ (TPAR) องคป์ ระกอบ เกณฑ์ตวั ชวี้ ัด T = team ๑. มีทมี สขุ ภาพระดับต�ำ บลทีม่ ศี กั ยภาพ (๔ ข้อ) P = plan ๒. มีการจัดท�ำ แผนสขุ ภาพตำ�บลแบบมีสว่ นร่วม (๔ ขอ้ ) A = activity ๓. มกี ารจดั กจิ กรรมหรือบรกิ ารสขุ ภาพตามกลมุ่ วยั (๔ ข้อ) R = result ๔. มผี ลลพั ธ์การด�ำ เนนิ งานดา้ นสุขภาพในชุมชน (๔ ข้อ) คมู่ ือวิทยากรพเ่ี ล้ยี งขบั เคลือ่ นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ 17
บทท่ี ๒ ภาพท่ี ๒ House Model ผลที่คาดวา่ จะได้รับ ๑. ภาคีเครือข่ายสุขภาพในพื้นที่ได้รับทราบนโยบายและแนวทางการดำ�เนินงานเพื่อการขับเคลื่อนตำ�บล จดั การสุขภาพแบบบูรณาการ ๒. กลไกความรว่ มมือแบบบูรณาการในการพัฒนาต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ ๓. กิจกรรมและบริการสุขภาพทีเ่ หมาะสมเพื่อลดปัญหาสขุ ภาพทุกกลมุ่ วัยในพ้นื ที่ ๔. เกดิ กระบวนการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้สงิ่ ดีๆ ในการพัฒนาและตอ่ ยอดความส�ำ เร็จการพัฒนาระบบสุขภาพ ชุมชนและนวัตกรรมสุขภาพชุมชน ผลลพั ธ์ท่คี าดหวงั ๑. มกี ิจกรรม/โครงการทดี่ �ำ เนนิ การโดยชุมชน/ท้องถ่ิน ๒. มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการคัดกรอง มีการเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ และมี การสรา้ งสขุ ภาพทด่ี ี ๓. มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายไดรับบริการสุขภาพที่เหมาะสม ปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพ และมีการ ดูแลสุขภาพตนเอง (Self Care) ๔. มีสรุปบทเรียนและคน้ หานวตั กรรมดา้ นสขุ ภาพ เพือ่ การดูแลสขุ ภาพประชาชนในชุมชน ๕. มีต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการต้นแบบ เป็นศูนย์เรยี นรรู้ ะดับต�ำ บล ๖. มนี วตั กรรมสุขภาพชมุ ชนเพื่อการแกไ้ ขปญั หาสุขภาพ ๗. มีการลดลงของปญั หาสุขภาพกลุ่มวยั ในพื้นท่ี 18 คูม่ อื วิทยากรพเี่ ล้ียงขบั เคล่อื นต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ
การบูรณาการภาคสว่ นต่างๆ ในการขบั เคลอ่ื นการด�ำ เนินงานต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ บทท่ี ๒ ๑. แนวคิดการบูรณาการภาคส่วนต่างๆ ในการขับเคล่ือนการดำ�เนินงานตำ�บลจัดการสุขภาพ แบบบรู ณาการ ภาพท่ี ๓ กรอบภาพรวมการท�ำ งานเช่ือมโยงเครือข่ายต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ ภาพท่ี ๔ กรอบภาพรวมการทำ�งานความเช่อื มโยงระบบสขุ ภาพระดบั อำ�เภอ (DHS) และตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ คู่มือวิทยากรพเี่ ลี้ยงขับเคล่ือนต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ 19
บทท่ี ๒ ภาพท่ี ๕ กรอบการทำ�งานความเชอื่ มโยงเครอื ข่ายคณะกรรมการพฒั นาคุณภาพชีวิตระดับอำ�เภอ (พชอ.) (DHB) และตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ (THM) ภาพท่ี ๖ กรอบแนวคดิ การเชือ่ มโยงต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ 20 คูม่ อื วทิ ยากรพเ่ี ลี้ยงขับเคลื่อนต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ
๒. บทบาทขององค์กรหลักท่ีสำ�คญั ตอ่ การขบั เคลอ่ื นการด�ำ เนนิ งานตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ บทท่ี ๒ ๒.๑ บทบาท/กลไกการสนับสนุนเชิงนโยบาย ๑) กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ (๑) กำ�หนดนโยบายและแนวทางการดำ�เนนิ งานต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ (๒) ประสานงานและบูรณาการความรว่ มมือต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการระดบั นโยบาย ใหเ้ ช่ือมโยงกบั งานคณะกรรมการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ระดบั อำ�เภอ (พชอ.) (District Health Board : DHB) และทมี หมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ร่วมกับหน่วยงานกรมวิชาการที่เกย่ี วขอ้ ง (๓) พัฒนาเกณฑ์การประเมินผลตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการให้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี (๔) จัดท�ำ แนวทาง / สนบั สนุนค่มู ือขบั เคลอ่ื นตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ (๕) ใหก้ ารสนับสนุนวชิ าการและงบประมาณ (๖) จัดทำ�ฐานข้อมูลต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ (www.thaiphc.net) (๗) ส�ำ รวจ/คดั เลือกและรวบรวมขอ้ มูลบัญชีรายชือ่ นวัตกรรมสุขภาพ (๘) วางระบบการนเิ ทศงาน (๙) ควบคมุ ก�ำ กบั ตดิ ตาม และประเมิน รับรองผลการด�ำ เนนิ งานต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบ บรู ณาการ และนวตั กรรมสขุ ภาพ (๑๐) สรุปบทเรียนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประเมินรับรองผลการดำ�เนินงานตำ�บล จดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ และนวตั กรรมสุขภาพชุมชนเชิงคณุ ภาพด้วยกระบวนการเสรมิ พลงั (Empowerment) ตลอดจนจัดทำ�ทำ�เนยี บ/บญั ชีรายช่ือและผลงานต�ำ บลต้นแบบและนวัตกรรมสขุ ภาพชมุ ชนระดับประเทศ (๑๑) จัดทำ�รายงานผลการด�ำ เนินงานและจัดท�ำ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย ๒) สถาบนั พัฒนานวัตกรรมดา้ นระบบบริการสขุ ภาพ (๑) พัฒนาศักยภาพวิทยากรพ่ีเล้ียงตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ (Coaching) โดยบูรณาการร่วมกับเครือข่ายคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำ�เภอ (พชอ.) (District Health Board : DHB) และทมี หมอครอบครวั (Primary Care Cluster : PCC) ใหม้ อี งคค์ วามรูแ้ ละทกั ษะการพัฒนาตำ�บลจัดการ สุขภาพเพอ่ื นำ�ไปสกู่ ารบริหารจัดการแก้ปัญหากล่มุ วัยและพึง่ ตนเองดา้ นสุขภาพของชมุ ชน ซึ่งกลมุ่ เปา้ หมาย ไดแก ผู้รบั ผดิ ชอบงานสขุ ภาพภาคประชาชนระดับจังหวดั อำ�เภอ และผเู้ ก่ยี วขอ้ ง (๒) ประเมินรับรองผลการดำ�เนินงานตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ และนวัตกรรม สุขภาพชุมชนเชิงคุณภาพด้วยกระบวนการเสริมพลัง (Empowerment) ตลอดจนจัดทำ�ทำ�เนียบ/บัญชีรายช่ือและ ผลงานการจัดการความรตู้ ำ�บลจดั การแบบบรู ณาการตน้ แบบและนวตั กรรมสุขภาพชุมชนระดับภาค ๓) สำ�นักงานสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพเขต (๑) บูรณาการทิศทางนโยบายเพอ่ื ให้เกิดความรว่ มมือสู่การปฏบิ ัติโดยบูรณาการร่วมกับเครอื ข่าย คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำ�เภอ (พชอ.) (District Health Board : DHB) และทีมหมอครอบครัว Primary Care Cluster : PCC) ตลอดจนให้มีคณะทำ�งานร่วมจากหน่วยงานวิชาการต่างๆ ในระดับเขต และเขต สขุ ภาพ (๒) ดำ�เนนิ การรว่ มกับจังหวดั อบรมพัฒนาศกั ยภาพ อสม.นักจัดการสุขภาพชมุ ชน ตำ�บลละ ๑๐ คน ในการขับเคลอื่ นต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ คู่มือวิทยากรพีเ่ ลยี้ งขับเคล่ือนตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ 21
บทท่ี ๒ (๓) ติดตามและประเมนิ ผลการดำ�เนนิ งานต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ และนวตั กรรม สุขภาพชุมชนเชิงคุณภาพด้วยกระบวนการเสริมพลัง (Empowerment) ตลอดจนจัดทำ�ทำ�เนียบ/บัญชีรายช่ือและ ผลงานการจดั การความรู้ตำ�บลจัดการแบบบูรณาการต้นแบบและนวตั กรรมสขุ ภาพชมุ ชนระดับเขต ๔) ส�ำ นักงานสาธารณสุขจงั หวัด (๑) วางแผนและก�ำ หนดเปา้ หมายการพฒั นาตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการในระดบั จังหวัด (๒) พัฒนากลไกขับเคล่ือนตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ ให้เป็นไปด้วยความเชื่อมโยง สอดคล้องต้งั แตร่ ะดับจังหวัด อ�ำ เภอ และตำ�บลร่วมกับกลไก กวป. DHB และ PCC (๓) พัฒนาศกั ยภาพทีมพเ่ี ลี้ยงต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการในระดบั อ�ำ เภอ ตำ�บล และ อสม.นักจัดการสขุ ภาพชุมชน (สมาร์ท อสม. ๔.๐) ต�ำ บลละ ๑๐ คน ด้วยกระบวนการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ (๔) ส่งเสริมสนับสนุนให้ใช้เกณฑ์การประเมินตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการเพ่ือ ประเมินตนเองของพืน้ ทแ่ี ละเพื่อหาส่วนขาดในการพฒั นา (๕) สนบั สนนุ วิชาการและงบประมาณ (๖) สนับสนุนการจัดกิจกรรมรณรงค์การแก้ไขปัญหาและลดปัจจัยเส่ียงในตำ�บลจัดการ สขุ ภาพแบบบูรณาการ ระดับอำ�เภอและต�ำ บล (๗) จัดระบบการนิเทศตดิ ตามและรายงานผลการด�ำ เนนิ งาน (๘) สนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูล และการกำ�กับติดตาม เพื่อการแก้ปัญหาสุขภาพ โดยมีผลลัพธ์ของการพัฒนา เช่น ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ ประชาชนมีพฤติกรรม สุขภาพท่ีเหมาะสม จำ�นวนผู้สูงอายุได้รับการดูแลและบริการท่ีเหมาะสม พัฒนาการเด็กสมวัย อุบัติการณ์ ผูป้ ่วยรายใหม่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขเ้ ลือดออก มแี นวโนม้ ลดลงหรอื ไมเ่ พ่ิมขึ้น (๙) ประเมินผลท้ังเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อการคัดเลือกพ้ืนที่ตำ�บลจัดการสุขภาพแบบ บูรณาการต้นแบบ ภาพที่ ๗ บทบาทของ ๕ องค์กรหลักทสี่ �ำ คญั ต่อการขับเคล่อื นการด�ำ เนินงานพื้นท่ี 22 คูม่ ือวทิ ยากรพี่เล้ียงขับเคลอ่ื นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ
๒.๒ บทบาท/กลไกการขับเคล่ือนระดบั พื้นทีต่ �ำ บล บทท่ี ๒ ๑) สำ�นกั งานสาธารณสุขอ�ำ เภอ (๑) วางแผนและสนับสนนุ การดำ�เนินงานตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการของพ้นื ท่ี (๒) พัฒนาระบบการบริหารจัดการแบบบูรณาการร่วมกับ สสจ. คปสอ. หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ (๓) พฒั นาการบริหารจดั การเครือข่ายคณะกรรมการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตระดบั อ�ำ เภอ (พชอ.) (District Health Board : DHB) และทีมหมอครอบครัว (Primary Care Cluster : PCC) ให้เกิดการเชื่อมโยง กบั การพฒั นาต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ ลงสู่ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ อย่างมีคุณภาพ (๔) ร่วมกบั จงั หวัด สบส.เขต และสถาบันฯ ภาค ในการพฒั นาศกั ยภาพทมี พเี่ ล้ยี งระดบั ตำ�บล และ อสม.นักจัดการสขุ ภาพชุมชน (สมารท์ อสม. ๔.๐) (๕) สนับสนุนการจัดกิจกรรมรณรงค์การแก้ไขปัญหาและลดปัจจัยเสี่ยงในตำ�บลจัดการ สขุ ภาพแบบบรู ณาการระดบั ต�ำ บล (๖) ติดตาม ควบคุม ก�ำ กับ และประสานงานการแกไ้ ขปัญหาการดำ�เนนิ งาน (๗) สนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูล และการกำ�กับติดตาม เพื่อการแก้ปัญหาสุขภาพมี ผลลัพธ์ของการพัฒนา เช่น ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพท่ี เหมาะสม จำ�นวนผู้สูงอายุได้รับการดแู ลและบรกิ ารทเ่ี หมาะสม พัฒนาการเดก็ สมวยั อบุ ตั กิ ารณ์ผู้ปว่ ยรายใหม่ โรค เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และไขเ้ ลือดออก มีแนวโน้มลดลงหรือไม่เพมิ่ ข้ึน (๘) ร่วมเป็นคณะกรรมการประเมินระดบั การพัฒนาต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ (๙) ร่วมกับจังหวัดประเมินผลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เพ่ือการคัดเลือกพื้นท่ีตำ�บลจัดการ สุขภาพแบบบรู ณาการตน้ แบบและรายงานใหจ้ งั หวดั ทราบ ๒) โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพต�ำ บล (รพ.สต.) (๑) จัดอบรมฟน้ื ฟูความรแู้ กนน�ำ อสม.นกั จดั การสุขภาพชุมชน (สมาร์ท อสม. ๔.๐) ให้มีความ รอบรู้ด้านสุขภาพ เพื่อไปดูแลให้คำ�แนะนำ�ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพท่ีเหมาะสม ตามบริบทปัญหาของพ้ืนท่ีใน รูปแบบการแลกเปล่ยี นเรยี นรใู้ นพน้ื ทแ่ี ละกบั พน้ื ทอี่ นื่ (๒) พัฒนาศกั ยภาพชมุ ชนด้วยกระบวนการจัดท�ำ แผนสุขภาพต�ำ บล และมีการเรยี นรู้ระหว่าง พนื้ ที่/พ้นื ทต่ี ้นแบบ (๓) จัดทำ�แผนสุขภาพตำ�บลเพ่ือแก้ปัญหาสาธารณสุขของพ้ืนที่ตนเองโดยใช้เคร่ืองมือ SRM หรืออ่นื ๆ (๔) สนับสนุนใหม้ ีการดำ�เนินการตามแผนสขุ ภาพตำ�บลทจ่ี ดั ท�ำ (๕) จัดกจิ กรรม/บริการที่เหมาะสมเพื่อการแก้ปญั หาสุขภาพตามกลุม่ วัยและคณุ ภาพชีวิตประชาชน (๖) มีการถอดบทเรียนและสรุปบทเรียน การจัดการความรู้ เพ่ือค้นหาและพัฒนานวัตกรรม สขุ ภาพชมุ ชน (๗) วางแผนพฒั นาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการไปสกู่ ารเปน็ พน้ื ทีต่ ้นแบบ (๘) จัดทำ�ระบบข้อมูลและคืนข้อมูลให้กับชุมชน เพ่ือการแก้ปัญหาสุขภาพโดยมีผลลัพธ์ของ การพัฒนา เช่น ประชาชนกล่มุ เป้าหมายมีความรอบรูด้ ้านสขุ ภาพ ประชาชนมพี ฤตกิ รรมสุขภาพท่เี หมาะสมจ�ำ นวน ผู้สูงอายุได้รบั การดูแลและบรกิ ารทเ่ี หมาะสม พัฒนาการเด็กสมวยั อุบตั กิ ารณผ์ ู้ป่วยรายใหม่ โรคเบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และไขเ้ ลอื ดออก มีแนวโนม้ ลดลงหรือไม่เพมิ่ ข้ึน คู่มือวิทยากรพเี่ ลี้ยงขบั เคลื่อนต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ 23
บทท่ี ๒ (๙) ประเมินผลตามเกณฑ์การพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการร่วมกับผู้มีส่วนได้ ส่วนเสยี ในพนื้ ที่ตามสภาพความเป็นจรงิ และรายงานผลการด�ำ เนินงานให้อำ�เภอและจังหวัด ๓) อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจำ�หมบู่ า้ น (อสม.) (๑) สำ�รวจและจัดทำ�ขอ้ มูลดา้ นสขุ ภาพชมุ ชนรว่ มกับเจา้ หน้าที่ (๒) ให้ความรู้สำ�หรับเพื่อนบ้านและชุมชนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งการรับทราบปัญหาครอบครัว สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม เพ่ือให้การปรกึ ษาและแก้ปญั หาต่อไป (๓) มีสว่ นร่วมในการวิเคราะหป์ ญั หาดา้ นสุขภาพของชมุ ชนเพอ่ื จดั ทำ�แผนสขุ ภาพต�ำ บล และ จดั ท�ำ โครงการเพือ่ แกไ้ ขปัญหาโดยเนน้ การส่งเสรมิ สุขภาพและป้องกันโรค (๔) ดำ�เนินกิจกรรมด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ตามปฏิทินสุขภาพของชุมชนและ ตามกลุ่มวัยในเร่อื ง ๓อ. ๒ส. (อาหาร กจิ กรรมทางกาย อารมณ์ สรุ า และยาเสพติด) รณรงคก์ ารลดหวาน มัน เคม็ การออกก�ำ ลังกาย การคัดกรอง และเฝา้ ระวังโรค ฯลฯ (๕) ให้ความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยบริการสุขภาพ ทีมหมอครอบครัวในกิจกรรมการ เยี่ยมบ้านและดูแลผู้ป่วยติดเตียงนอนท่ีบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยระยะสุดท้าย และแจ้งเจ้าหน้าท่ี สาธารณสุขเพ่ือส่งต่อผ้ปู ่วยหนักที่ต้องการดแู ลฉุกเฉิน (๖) สื่อสารข้อมูลระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและท้องถ่ินเพื่อการปรึกษา ส่งต่อ หรือการคน้ หาโรคท่เี รว็ ขึน้ (๗) สำ�รวจและจัดท�ำ ขอ้ มูลผู้ดอ้ ยโอกาส ผู้สงู อายุ ผูป้ ว่ ยติดเตียง และผู้พกิ าร (อบจ./เทศบาล/ อบต.) ดา้ นสขุ ภาพชมุ ชนร่วมกบั เจา้ หนา้ ที่สาธารณสขุ (๘) จดั กิจกรรมรณรงคก์ ารแกไ้ ขปัญหาและลดปัจจัยเส่ยี งในต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ (๙) ตดิ ตาม รวบรวมและรายงานผลการดำ�เนินกิจกรรมดา้ นสุขภาพ (๑๐) เปน็ แบบอยา่ งที่ดีและเป็นแกนนำ�สุขภาพดา้ นการปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพเพอ่ื การ เรียนร้ขู องคนในชมุ ชน ๔) กำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน (๑) เป็นผนู้ ำ�ในการก�ำ หนดมาตรการทางสังคมเพอื่ สุขภาพ (๒) ทำ�การชแ้ี จงอบรมประชาชน เพือ่ การมสี ่วนรว่ มในการเฝา้ ระวังโรคภัยไข้เจ็บและภยั พิบัติ (๓) ตรวจสอบ ตรวจตรา พฤติกรรมของชาวบ้านท่ีกระทำ�ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาวะของ ชมุ ชน (๔) กระท�ำ ตนให้เปน็ ตัวอยา่ งทีด่ ใี นการควบคุมปอ้ งกนั โรค และรกั ษาสิ่งแวดลอ้ มในชมุ ชน ๕) กองทุนหลกั ประกนั สขุ ภาพในระดับทอ้ งถิน่ หรือพื้นท่ี (๑) เป็นกลไกสำ�คัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างท้องถิ่น ภาคประชาชน เจ้าหน้าที่ สาธารณสุข และภาคสว่ นอน่ื ๆ (๒) ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่โครงการ/กิจกรรม สุขภาพท่ีเกิดจากการมีส่วนร่วมของ ชุมชนทส่ี อดคล้องกบั วัตถุประสงค์ของกองทนุ คือ ส่งเสรมิ สุขภาพ ป้องกนั โรค และฟืน้ ฟสู มรรถภาพ (๓) ตดิ ตาม ควบคมุ กำ�กบั โครงการ/กจิ กรรมของชุมชนใหไ้ ปสูเ่ ปา้ หมายทต่ี ้องการ (๔) พัฒนาศักยภาพของ อสม. กรรมการกองทุน และภาคประชาชนให้มีความรู้และทักษะ การจัดการสุขภาพชมุ ชน 24 คู่มือวิทยากรพีเ่ ลีย้ งขับเคล่ือนตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ
๓บทท่ี บทบาทวทิ ยากรพ่เี ลี้ยง ขับเคลอื่ นตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ ก่อนท่ีจะกล่าวถึงวิทยากรพ่ีเล้ียงคือใคร ทำ�บทบาทอะไร อย่างไรนั้น ขอทำ�ความเข้าใจกับ คำ�ว่า “ตำ�บล บทท่ี ๓ จดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ” พอสังเขป ดังนี้ ๑. ต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ ตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการที่มีกระบวนการสร้างสุขภาพในทุกกลุ่มวัย โดยให้ความสำ�คัญกับ การพฒั นาบทบาทภาคประชาชน ทอ้ งถ่ิน และทุกๆ ภาคส่วนในชมุ ชน/ท้องถิ่น ให้มกี ารบูรณาการร่วมกนั ช่วยกัน ค้นหา หรือกำ�หนดปัญหาสุขภาพ กำ�หนดอนาคต ดำ�เนินกิจกรรมการพัฒนาด้านสุขภาพ และมาตรการทางสังคม รวมท้งั นวตั กรรมต่างๆ ไดด้ ้วยตนเอง รวมท้งั มีการส่งเสริมกจิ กรรมวสิ าหกิจชุมชน ใหเ้ กดิ การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ท้ังน้ีเพื่อลดปัญหาและปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำ�หนดเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนมสี ุขภาพดีและระบบสขุ ภาพยง่ั ยนื ๒. บทบาทวทิ ยากรพี่เลย้ี งขับเคลอื่ นตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ บทบาทวิทยากรพี่เลี้ยงในการขับเคลื่อนตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ กำ�หนดบทบาท ๒ บทบาท ดังนี้ ผู้ทำ� ผู้สร้าง ให้เกิดการเรียนรู้ หมายความว่า วิทยากรจะต้องทำ�ให้ผู้เข้ารับการอบรหรือผู้เรียน มีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งท่ีมีการถ่ายทอด ได้เรียนรู้ ทบทวนผ่านประสบการณ์ชีวิตตนเอง จนสามารถ ทำ�ให้ผู้เข้ารับการอบรมหรือผู้เรียน มีความต้ังใจ มั่นใจท่ีจะเปลี่ยนแปลงทัศนะคติและพฤติกรรมในการดูแล สุขภาพตนเอง และเป็นแกนนำ�ในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพชุมชนตนเองได้ วิทยากรพ่ีเล้ียงเองยังต้อง เรียนรู้ประสบการณ์และเรื่องราวดีๆ ท่ีมีอยู่ในพื้นที่ เพ่ือนำ�มาเป็นทุนในการสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดใน การทำ�งานต่อไปด้วย และวิทยากรพ่ีเลี้ยง ทำ�หน้าที่เป็น พี่เลี้ยง (Mentor) คอยให้คำ�ปรึกษา ให้กำ�ลังใจ แนะแนวทางต่างๆ เพ่ือจุดประกายความคิดของผู้เข้ารับการอบรมให้ได้ทบทวนต้นทุนหรือสิ่งดีๆ ของตนเอง และชุมชน ทั้งที่เป็นตัวเงินและทุนท่ีมิใช่ตัวเงิน เพื่อนำ�ไปสู่การพัฒนาในชุมชนตนเอง มีการเคลื่อนไหวเพ่ือให้ ชุมชนและท้องถ่ินเป็นเจ้าของสุขภาวะชุมชน ชุมชนเกิดการจัดการตนเอง นำ�ไปสู่สังคมที่เอ้ือต่อการมีสุขภาพ ดีอย่างยั่งยืน โดยพ่ีเล้ียงทำ�หน้าที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ จะมีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับคนทำ�กิจกรรม ใสใ่ จ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล เพ่ือให้งานทสี่ นับสนนุ ส่งเสริมนนั้ บรรลุเปา้ หมายหรือประสบความส�ำ เรจ็ ๓. บทบาทวิทยากรพี่เลย้ี งทีค่ าดหวัง ๓.๑ บทบาทวิทยากรพเ่ี ล้ยี งระดบั จังหวัด ๑) การสนับสนุนให้เกิดตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการและการปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพ ของชุมชน คู่มอื วิทยากรพี่เลยี้ งขับเคลอ่ื นต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ 25
บท ่ีท ๓ ๒) เชอ่ื มและประสานยุทธศาสตรก์ ารท�ำ งานในจังหวดั และเปา้ หมายการทำ�งานรว่ มกัน ๓) ท�ำ ความเข้าใจกับผบู้ รหิ ารแตล่ ะระดับ ๔) หาเครอื ขา่ ยคนทำ�งานที่มีศักยภาพในระดับพ้ืนที่ อ�ำ เภอ เข้ามาชว่ ยเพมิ่ เติมในโครงการ ๕) พัฒนาหลักสูตร และจัดกระบวนการเรียนรเู้ พ่ือการขบั เคล่อื นตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ ๖) บริหารจัดการโครงการใหเ้ กดิ ผลตามเปา้ หมายในแตล่ ะอำ�เภอ ๗) ร่วมเรียนรู้เป็นวิทยากรพ่ีเล้ียง และสนับสนุนระดับอำ�เภอในการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพ อสม. นกั จัดการสุขภาพชมุ ชน ๘) ติดตามประเมินผลต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ ๙) สรุปบทเรยี นการด�ำ เนนิ งานและรายงานผล ๓.๒ บทบาทวทิ ยากรพี่เล้ียงระดบั อ�ำ เภอ/ต�ำ บล ๑) ทำ�ความเขา้ ใจแนวคดิ และเปา้ หมายการด�ำ เนินงาน ๒) วิเคราะห์ความสามารถ และทุนของตนเองเพ่ือเป็นวิทยากรพี่เล้ียง ตลอดจนประสบการณ์ การปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพตนเองเพอ่ื เปน็ แบบอย่าง ๓) ร่วมออกแบบกระบวนการและเป็นวทิ ยากรในการอบรมพฒั นาศักยภาพ อสม. ๔) ประสานสนับสนุน อสม.และภาคีเครือข่ายได้เห็นทุนและศักยภาพชุมชนตนเอง ในการขับเคลื่อน ตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ ให้เกดิ การปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพทั้งระดับปัจเจก ครอบครวั และชมุ ชน สร้างเสริมปัจจัยเอื้อต่อการสร้างสุขภาพและลดปัจจัยเส่ียงในชุมชน โดยมีการพึ่งตนเองของชุมชน การจัดการ สุขภาพทกุ กล่มุ วยั ตามบรบิ ทพน้ื ที่ ๕) ควบคมุ กำ�กบั ตดิ ตามและส่งเสรมิ ให้เกดิ ตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ ๖) ร่วมสรุปบทเรียนการดำ�เนินงานพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ นวัตกรรมสุขภาพ ชุมชน และรายงานผล ๔. ความคาดหวงั และภาพอันพงึ ประสงคข์ องวิทยากรพ่เี ลย้ี ง ๑) มีความรู้และความเข้าใจในเป้าหมายการดำ�เนินงานการพัฒนาตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ และการส่งเสริมให้เกิดแกนนำ�ในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพในชุมชน การจัดการสุขภาพ ทุกกลุ่มวัย สกู่ ารปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และการจดั การสง่ิ แวดล้อมท่ีเออ้ื ตอ่ การมสี ขุ ภาพดี ๒) มีความสามารถในการจัดระบบขบั เคลือ่ นการพฒั นาสขุ ภาพตอ่ ยอดในพ้ืนทีข่ องตนเองได้ ๓) มีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตร/เน้ือหา/กระบวนการถ่ายทอด และสามารถออกแบบการจัด กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพ อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชนและภาคีเครือข่ายในตำ�บล จดั การสุขภาพแบบบูรณาการได้ ๔) มีความรู้ ความเข้าใจ ในการประเมินและส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการประเมิน การ ปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมสุขภาพของชุมชนได้ ๕) มีความรู้ความเข้าใจและสามารถติดตาม กำ�กับ และประเมินผลความสำ�เร็จของการพัฒนา เพ่ือนำ� วิธีการดำ�เนินงานพัฒนาชุมชนมาส่งเสริมสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และจัดการระบบสุขภาพชุมชนเข้มแข็ง โดยการพ่ึงตนเองได้ 26 คมู่ ือวิทยากรพ่เี ล้ียงขบั เคลื่อนต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ
๔บทท่ี การจัดการเรยี นการสอนที่เน้นผู้เรียนเปน็ ส�ำ คญั การพัฒนาการเรียนการสอนภายใต้ประเทศไทย ๔.๐ สู่ศตวรรษท่ี ๒๑ เป็นจุดเร่ิมต้นยุทธศาสตร์ชาติ บทท่ี ๔ ๒๐ ปี การขบั เคล่ือนไปสคู่ วามมน่ั คง มัง่ คั่ง พอเพยี ง และย่งั ยืน อยา่ งเปน็ รูปธรรม การขบั เคลื่อน เชิงปฏิบัติการที่ มีการผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างการวิจัยและการพัฒนาการเรียนการสอน การผนึกกำ�ลังภายใต้แนวคิดประชารัฐ การวจิ ัยพัฒนาผ้เู รียน ภายใตห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง จากการรู้จักเตมิ เต็ม พอเพียง แบ่งปัน รับผิดชอบ และให้คุณค่าการหาความรู้อย่างต่อเนื่อง การมีคุณธรรม วัฒนธรรม ภิบาลเพื่อเป็นเกราะคุ้มกัน และการเรียนรู้ ในทกั ษะศตวรรษท่ี ๒๑ ซึ่งบทบาทของวิทยากรพี่เลีย้ งจะต้องทำ�ให้ผู้เข้ารบั การอบรมหรอื ผเู้ รียนมีความร้คู วามเข้าใจ ในสิ่งที่มีการถ่ายทอด ได้เรียนรู้ ทบทวนผ่านประสบการณ์ชีวิตตนเอง จนสามารถทำ�ให้ผู้เข้ารับการอบรมหรือ ผู้เรียน มีความต้ังใจ ม่ันใจที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติ และพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพตนเอง และเป็นแกนนำ� ในการขบั เคลอ่ื นระบบสขุ ภาพชมุ ชนตนเอง ๑. การเรยี นการสอน ๔.๐ (Education ๔.๐) การเรียนการสอน ๔.๐ (Education ๔.๐) คือ การเรียนการสอนที่สอนให้ผู้เรียนสามารถนำ�องค์ความรู้ ท่ีมีอยู่ทุกหนทุกแห่งบนโลกนี้มาบูรณาการเชิงสร้างสรรค์เพ่ือพัฒนานวัตกรรมต่างๆ มาตอบสนองความต้องการ ของสังคม ซ่ึงการเรียนการสอนในปัจจุบันยังคงห่างไกลในหลายๆ มิติ เช่น ไม่เคยสอนให้ผู้เรียนได้คิดเองทำ�เอง ส่วนใหญ่ยังคงสอนให้ทำ�โจทย์แบบเดิมๆ อีกเรี่องคือผู้เรียนเร่ิมไม่รู้จักสังคม ส่วนใหญ่ใช้เวลาในโลกออนไลน์ ไปกับเกมส์ การช้อปปิ้ง การแชท เฟสบุ๊ค ไลน์ และอินสตราแกรม ซึ่งเทคโนโลยีไม่ได้ผิดแต่เหรียญมีสองด้าน เทคโนโลยกี ็เช่นกัน จะนำ�ไปใช้ในด้านใดใหเ้ กิดประโยชน์ เป็นความยากและท้าทายของผู้ท่ีต้องทำ�หนา้ ท่สี อนในยุคน้ี เพราะการเรียนการสอนในยุค ๔.๐ ต้องปล่อยให้ผู้เรียนได้ใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ปล่อยให้กล้าคิด และกล้าที่จะผิด แต่ทั้งหมดก็ยังคงต้องอยู่ในกรอบที่สังคมต้องการหรือยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเก่งจริง คิดอะไรใหม่ๆ ได้เสมอและมีความคิดสร้างสรรค์แต่ไม่เป็นท่ียอมรับของสังคม ซ่ึงปัจจัยหลักของการใช้เทคโนโลยีท่ีเกิดความคุ้มค่า ได้แก่ ๑) การใช้อินเทอร์เน็ต (Internet) เครื่องมือสำ�คัญสำ�หรับการค้นหาความรู้ เป็นแหล่งข้อมูลท่ีสำ�คัญ ดงั นน้ั ทางการศกึ ษาตอ้ งสนับสนนุ ใหผ้ ู้เรียนเข้าถงึ Internet ไดง้ ่าย มากกว่ามอง Internet เป็นผู้รา้ ย แลว้ กลัวว่า ผู้เรียนจะใช้ Internet ไปในทางท่ีไมด่ ี ไมส่ นบั สนุนโครงสรา้ งพ้นื ฐานเหลา่ น้ี ๒) ความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เป็นพรสวรรค์ หลักสูตรการเรียนการสอนควรจะเปิด โอกาสให้ผู้เรยี นกล้าทจ่ี ะคิดนอกกรอบหรือตอ่ ยอดจากตำ�ราเรียน ๓) การปฏิสัมพันธ์กับสังคม (Society Interaction) เพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของ สังคมและทำ�งานร่วมกันในสังคมได้ ควรมีกิจกรรมท่ีสนับสนุนการทำ�งานแบบเป็นกลุ่มหรือทีม ปัจจัยดังกล่าว ถ้าทำ�ได้ดีการเรียนการสอน ๔.๐ จะสามารถสร้างและพัฒนาคนให้สามารถค้นหาความรู้ต่างๆ มาปะติดปะต่อ และประยุกต์เข้ากับงานที่ทำ� สามารถต่อยอดและพัฒนาการเตรียมการศึกษาเพ่ือก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ ๔.๐ คมู่ ือวิทยากรพ่ีเล้ียงขบั เคลือ่ นตำ�บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ 27
บท ่ีท ๔ เพอ่ื พฒั นาความสามารถทางสติปญั ญา/ด้านการคดิ การใช้เหตุผล และหลกั สตู รวิชาคณิตศาสตรท์ ่ีเน้นการแกป้ ญั หา การคิดวิเคราะห์ และการเรียนการสอนจะต้องมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จัดหลักสูตรให้ครอบคลุมคน ทุกกลุ่ม พร้อมท้ังปรับปรุงตำ�ราให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่เปล่ียนแปลงไป ดังนั้น ส่ิงที่ควรจะต้องดำ�เนินการ คือ การปรับปรุงตำ�ราเรียนให้สอดคล้องกับหลักสูตร ต้องเปล่ียนระบบการประเมินเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสูตร โดยเฉพาะการคิดเป็น วิเคราะห์เป็นตามทักษะ และการปรับการอบรมครูให้ตรงกับความต้องการในการนำ�ความรู้ ไปใช้และพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถสร้างนวัตกรรมเพื่อนำ�ไปใช้ ต้องดำ�เนินการควบคู่ไปด้วยกัน แนวทางสร้าง นวัตกรรมด้านการศึกษาที่จะต่อยอดไปสู่การนำ�ไปใช้น้ัน วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำ�ให้ผู้เรียนสร้างนวัตกรรมได้ คือ การ ใช้รูปแบบนำ�เสนอโครงงานท่ีใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพ่ือตอบโจทย์การพัฒนาท้องถ่ิน และการสร้างแรงจูงใจ ที่จะทำ�ให้ผู้เรียนสนุกกับการหาคำ�ตอบ ชอบที่จะเรียน ชอบท่ีจะได้ปฏิบัติ ดังนั้นการจะเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาทางการเรียนการสอน ต้องเป็นการก้าวทีละก้าวจึงจะ เกิดความย่ังยืนได้ และการท่ีจะเป็นการเรียนการสอน ๔.๐ ทุกอย่าง ต้องผ่านการวางแผนเพ่ือสร้างพ้ืนฐานและ สภาพแวดล้อมที่ดีต้องใช้ความอดทน และต้องดำ�เนินงานในทุกภาคส่วนของการศึกษาไปพร้อมๆ กัน เพ่ือให้เกิด การบูรณาการและความสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาบุคลากรและการสร้างนวัตกรรมในการขับเคล่ือน พัฒนาทางการศึกษาท่ีสามารถนำ�ไปใช้ และปฏิบัติได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม ท่ียึดพ้ืนที่และผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง พัฒนาที่เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลอย่างเข้มแข็ง การศึกษาเป็นกลไกในการพัฒนาส่งเสริมและปลูกฝัง แนวความคิดให้กับพลเมืองและเยาวชนของชาติ ซึ่งเป็นตัวแปรสำ�คัญของสมรรถนะความสามารถในการแข่งขัน ระยะยาว (Long Terms Competitiveness) ที่เป็นข้อต่อหลักและบริบทที่สำ�คัญของการออกแบบ ภายใต้การ ขับเคลื่อนของการปฏิรูปการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาอันเชื่อมโยงกับมนุษย์และสังคม ในพลวัตของการ ก้าวผ่านจากศตวรรษที่ ๒๐ สู่ศตวรรษท่ี ๒๑ และจากกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกทั้งภาคส่วน ยุโรป อเมริกา จีนและญ่ีปุ่น ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย ด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมืองและการ ศึกษา ซึ่งกระแสแห่งการเปล่ียนแปลงที่ประจักษ์และชัดเจนอันถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นปัจจัยของการเปลี่ยนผ่าน คือ การปฏวิ ตั ิ Arab Spring ผ่านการใช้ Social Media ศตวรรษที่ ๒๑ กลายเป็นโจทย์ส�ำ คญั ส�ำ หรบั ในหลายๆ เรือ่ ง ทั้งน้ี เน่ืองจากทุกฝ่ายมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้นจากอดีต จำ�เป็นอย่างย่ิงที่จะต้อง มีการวางแผนบริหารจัดการที่ดี เพราะการก้าวย่างท่ีช้าจะทำ�ให้สามารถตกขบวนและเสียโอกาส การจัด การศกึ ษาเป็นอกี ประเด็นที่ส�ำ คญั นอกจากจะตอ้ งก้าวทันความเปลย่ี นแปลงแล้วยังจะตอ้ งเปน็ กลไกเพื่อการขับเคล่อื น ภาคสว่ นอนื่ ๆ ใหม้ ีความพรอ้ มในการเข้าสูค่ วามเปล่ยี นแปลง การปฏิรูปการจดั การเรียนรจู้ ึงเปน็ โจทย์สำ�คญั สำ�หรบั ทุกภาคส่วน จำ�เป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีการดำ�เนินการ และจะสำ�เร็จได้ก็ต้องผ่านกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ พร้อมรับกบั ความท้าทายและความเปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ข้ึน ซึง่ ทักษะส�ำ คัญสำ�หรับคนยุคศตวรรษที่ ๒๑ และการเป็น ไทยแลนด์ ๔.๐ ดังกลา่ วจ�ำ เปน็ ต้องอาศัยการบรหิ ารจัดการ (Management) การมที นุ มนุษย์ (Human Capital) ท่มี ีประสทิ ธภิ าพทีเ่ กิดประโยชน์สูงสดุ ตอ่ การเรียนการสอนตอ่ ไป ๒. การจัดการเรยี นการสอนยคุ ไทยแลนด์ ๔.๐ ปัจจุบันองค์ความรู้ในศาสตร์ต่างๆ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ความรู้ทางด้าน เทคโนโลยีที่ล�้ำหน้า ท�ำให้ความรู้ท่ีเป็นปัจจุบันเกิดข้ึนยากตามไปด้วย การเรียนรู้จึงมิได้เป็นเพียงการถ่ายทอด ความรู้จากผู้สอนสู่ผู้เรียน หรือที่เรียกว่าการเรียนการสอนในระบบ Education ๑.๐ อย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งการพัฒนาระบบการเรียนการสอนด้วยการน�ำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน หรือที่ เรียกว่า Education ๒.๐ แต่ก็ยังไม่สามารถน�ำไปสู่การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได้ดี 28 คู่มอื วทิ ยากรพี่เลี้ยงขับเคลือ่ นต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ
เท่าที่ควร และไดม้ ีการปรบั การเรียนการสอนเข้าสู่ระบบ Education ๓.๐ ดว้ ยการสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนแสวงหาความรู้ บทท่ี ๔ ด้วยตนเองจากสื่อการสอนทุกรูปแบบ ทั้งส่ือส่ิงพิมพ์และส่ือดิจิทัลผสมกับการท�ำงานเป็นกลุ่มและปรับการสอนให้ มรี ูปแบบ Interactive learning รวมท้งั การน�ำสอ่ื สงั คมออนไลน์ (Social Media) เขา้ มาเป็นเครอ่ื งมือชว่ ยในการ พฒั นาการเรยี นการสอนมากยงิ่ ขึน้ ซึง่ คลาวดเ์ ปน็ ต้นเหตุท�ำใหร้ ปู แบบการเรียนกลบั ดา้ น “Flipped model” สิง่ ท่ี ครูต้องเข้าใจ Gen Z ในเร่ือง life style ที่เปลี่ยนไป การเรียนที่เปล่ียนไปเข้าสังคมแบบใหม่ การเรียนรู้ของคน รุน่ ใหมใ่ นยุคดิจทิ ัล ความรลู้ อ่ งลอยอยู่บนคลาวด์ ความรูท้ เี่ ปน็ เนื้อหา มองเห็นงา่ ย ซ่งึ ต้องใช้ทฤษฎีการเรียนรู้แบบ Behaviorism, Cognitivism, Constructivism, ๙ Connectivism โดยการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล โมเดลการเรียนรู้ ไปสูก่ ารคน้ หา ใชข้ มุ ความรูด้ ิจิทัล ความร้บู นคลาวดเ์ ป็นหวั ใจการศึกษายุคใหม่ เมือ่ อยากรูอ้ ะไรกส็ อยลงมา เม่ือครูถาม ผู้เรียนก้มดูจากสมาร์ทโฟนแล้วเงยหน้าตอบ การเรียนการสอนในวันน้ีต้องเน้นทักษะมากกว่าเนื้อหา โดยที่ผู้สอน เป็นผู้บรรยายหรือสอนหนังสือ ซ่ึงผู้เรียนเป็นผู้ตรวจสอบข้อมูลท่ีสอนได้ทันที โดยเข้าถึงกลุ่มข้อมูลจากความรู้ ในคลาวด์ไดง้ า่ ยและเร็วมาก ถ้าผสู้ อนมีเนอื้ หาถูกตอ้ งข้อมลู แม่น เพราะถูกตรวจสอบ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปล่ียนผ่านของความรู้เป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่มีที่ส้ินสุด ผู้สอนจึงต้องพัฒนาตนเองเพ่ือก้าวผ่านเข้าสู่โลกแห่งการเรียนรู้แบบใหม่ การปรับกระบวนการเรียนการสอนให้ สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้เรียนที่เปล่ียนแปลงไป และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นเครื่องมือกระตุ้น การเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นความท้าทายสำ�หรับผู้สอนเป็นอย่างย่ิง ซึ่งสังคมแห่งการเรียนรู้แบบใหม่ที่มุ่งเน้นให้ ผู้เรียนมิใช่เพียงแค่ได้รับความรู้แต่ต้องเป็นผู้ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ จึงเป็นจุดเปล่ียนสำ�คัญท่ีผู้สอนจะต้อง พัฒนาศักยภาพเพื่อก้าวผ่านจากการเรียนการสอนระบบ Education ๓.๐ เข้าสู่ระบบการเรียนการสอนแบบใหม่ หรอื ทีเ่ รียกวา่ Education ๔.๐ การเรียนการสอนในอนาคตจะต้องปรับเปลี่ยนอนาคตชีวิต ผู้คนจะยืนยาวข้ึน life expectancy สูงขึ้น ชีวิตจะอยู่กับเครื่องจักรที่ฉลาดมากขึ้น ผู้คนมี Visibility สูงข้ึน ข้อมูลทำ�ให้มีการมองเห็นและรู้ได้มากขึ้น ดังน้ันผู้สอนยุค ๔.๐ ซ่ึงจะอยู่ร่วมกับส่ิงแวดล้อม ส่ือใหม่ ต้องอยู่บนการรู้เท่าทันสื่อ การแสวงหาความรู้ทำ�ได้ เร็วมากขึ้น และเทคโนโลยีจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต วิธีการทำ�งาน และโครงสร้างองค์กรจะเปลี่ยนไปจากเดิม ตัวแปร ระยะทาง เวลา สถานที่เปล่ียนไป Global connect ทำ�ให้ทุกคนเป็น Global citizen แรงกดดัน ท่ีต้องเผชิญหน้ากับความท้าท้ายด้วยการเตรียมคนเพื่ออนาคต ต้องตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีพลวัตที่ทำ�ให้องค์กรเปล่ียนการเรียนการสอนต้องปรับตัวเองโดยเร็ว ความท้าท้ายสู่กรอบความคิดใหม่ (New Paradigm) ต้องค�ำนึงถึงการเรียนการสอนท่ีจัดข้ึนเฉพาะบุคคล (individual person) การน�ำจุดเด่น ความเก่งของแต่ละคนออกมา (Bring the Best in one’s Talents การเกี่ยวข้องกับส่ิงแวดล้อมทางดิจิทัลท่ีเปลี่ยนแปลงเร็ว (Information Climates) ความรู้จะไม่มีประโยชน์ อะไรถ้าเอามาใช้ไม่เป็น (Knowledge is Useless without Application) การเข้ากันได้กับระบบเดิม (Least Partially Compatible with Old System) การมีต้นทุนต�่ำ (Cost Effective) การเชื่อมโยงกับการพัฒนา ความเจริญของมนุษย์ การเปลี่ยนกรอบความคิดส�ำหรับ Generation Z ในการมีทักษะ (Skill) มีความส�ำคัญ มากกว่าเน้ือหา (Content) กระบวนการเรียนรู้มีความส�ำคัญมากกว่าหลักสูตร ความรู้มีมากกว่าหลักสูตร ไม่ ควรมีกรอบความคิดบูรณาการความรู้กับชีวิต และการใช้ประโยชน์ คิดได้เอง สร้างสรรค์ วิเคราะห์ สังเคราะห์ได้ มีความส�ำคัญมากกว่าการท่องจ�ำ และเทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้และพัฒนา มีความส�ำคัญกว่าการเรียนในห้อง ทิศทางทักษะ ต้องมากกว่า ๓ RS คือ การอ่าน R การเขียน Write และการคิดเลข-Arithematics ยังต้องมอง หาทักษะแห่งศตวรรษที่ ๒๑ เช่น ทักษะการเป็นผู้น�ำผู้ตามท่ีดี (Leadership) ทักษะความรู้ ความเข้าใจใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) ทักษะการส่ือสาร (Communication) ทักษะการรู้จักตัวตนและอยู่ร่วมกับผู้อื่น (Emotional คมู่ ือวิทยากรพี่เล้ยี งขับเคลือ่ นต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ 29
บท ่ีท ๔ Intelligence) ทักษะการเป็นผู้ริเร่ิมก่อการ (Entrepreneurship) ทักษะความเป็นนานาชาติ (Global citizen) ทักษะการแก้ปญั หา (Problem Solving) ทักษะการท�ำงานเป็นทมี (Teamwork) กลไกของการจัดการเรยี นการสอนให้มีประสทิ ธิภาพต้องมีการเปลีย่ นแปลงกระบวนทศั Paradigm Shifted และสรา้ งผู้น�ำ (Leaderships) สร้างวฒั นธรรมการเรยี นรแู้ ละขยายผลจุดสวา่ งดว้ ยการคิดเชิงวิเคราะห์ การคดิ อยา่ ง มีวิจารณญาณ หลอมรวมส่พู ลงั สร้างสรรค์การยกระดับคุณภาพและสมรรถนะของทรพั ยากรมนษุ ย์ที่มีคณุ ภาพและ ขยายการเขา้ ถึงดว้ ยเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม ๓. ลกั ษณะการเรียนรู้ทพ่ี งึ ประสงค์ ๑) เปน็ กระบวนการทางปญั ญา พัฒนาผ้เู รยี นอย่างตอ่ เนือ่ งตลอดชวี ิต ๒) เรยี นรูอ้ ยา่ งมีความสุข ๓) เป็นกระบวนการคดิ และปฏบิ ัติจริง สามารถน�ำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ๔) เป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน โดยมีผู้เรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมจัดบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อ การเรียนรู้ ๔. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ มขี น้ั ตอนส�ำคัญ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) การส�ำรวจความตอ้ งการ ความสนใจของผเู้ รียน การส�ำรวจพนื้ ฐานความรเู้ ดิม ๒) การเตรยี มการ โดยการวางแผนการเรยี นรู้ ๓) การด�ำเนินกิจกรรมการเรียน เช่น ข้ันน�ำเข้าสู่บทเรียน ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียน ขั้นวิเคราะห์ อภปิ รายผล/ถอดบทเรยี น องคค์ วามรู้ท่สี รปุ ไดจ้ ากกจิ กรรมการเรียน วิเคราะหอ์ ภปิ รายกระบวนการเรียนรู้ ๔) การประเมนิ ผล ๕) การสรปุ และน�ำไปประยกุ ตใ์ ช้ ๕. กระบวนการเรยี นทีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ ส�ำ คัญ ๑) มีการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนหลากหลายเหมาะสมกบั ผู้เรยี น ๒) กระตนุ้ ให้ผู้เรียน รูจ้ กั คิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ และคดิ สร้างสรรค์ ๓) กระตุ้นใหผ้ ูเ้ รียน ร้จู กั ศกึ ษาหาความรู้ แสวงหาค�ำตอบ และสรา้ งองคค์ วามร้ดู ว้ ยตนเอง ๔) น�ำภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น เทคโนโลยี และส่อื ทเ่ี หมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ๕) ฝึกและส่งเสริมคณุ ธรรม และจริยธรรมของผู้เรยี น ๖) สง่ เสรมิ ความเป็นประชาธปิ ไตย การท�ำงานร่วมกับผ้อู ืน่ และความรับผิดชอบตอ่ กล่มุ รว่ มกนั ๗) ประเมินพฒั นาการของผู้เรยี นด้วยวิธีการทห่ี ลากหลายและต่อเนือ่ ง ๖. บทบาทของครูผสู้ อน บทบาทครูผู้สอนในการด�ำเนินงานตามกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะตาม มาตรฐานท่ีพงึ ประสงค์ ผสู้ อนทุกคนจะตอ้ งมสี ว่ นร่วมในกระบวนการ ดังต่อไปน้ี 30 คมู่ ือวิทยากรพีเ่ ลย้ี งขับเคลอ่ื นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ
๑) การส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน การที่ผู้สอนจะสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ บทท่ี ๔ เพอื่ พัฒนาผู้เรียนใหม้ ีคณุ ลกั ษณะตามท่พี ึงประสงคเ์ ป็นผลส�ำเรจ็ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพนนั้ จะตอ้ งได้รับการสนบั สนุน จากผู้บรหิ ารและชมุ ชนในการพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ และมีการประชาสมั พันธ์เพื่อสร้างความเขา้ ใจระหว่างกัน ๒) การจัดสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ ผู้สอนจะต้องค�ำนึงถึงสภาพแวดล้อม ซ่ึงเป็นบรรยากาศท่ี เอ้ืออ�ำนวยต่อการเรียนรู้ การจัดบรรยากาศในห้องเรียนและนอกห้องเรียนให้เหมาะสมต่อการเรียนรู้ มีสื่อการสอน ทเ่ี รา้ ความสนใจผเู้ รยี น ตลอดจนการด�ำเนนิ กจิ กรรมในบรรยากาศแห่งความเปน็ กลั ยาณมติ ร ยอ่ มเอ้ือตอ่ พฒั นาการ เรียนรู้ ๓) การพัฒนางานของตนเอง ผู้สอนต้องแสวงหาความรู้และประสบการณ์ เพื่อน�ำมาใช้ในการพัฒนา กระบวนการจัดการเรียนรู้และการปฏิบัติงานอย่างต่อเน่ือง และมีการแลกเปลี่ยนผลการปฏิบัติงานท่ีประสบความ ส�ำเรจ็ ระหวา่ งกนั ๗. การเรียนการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รียนเป็นสำ�คญั ๗.๑ หลักการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ คือ การเรียนรู้ท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน มากท่ีสุด วิธีด�ำเนินการ คือ ให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการบรรลุเป็นผู้มีปัญญา ด้วยการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยผ่าน ประสบการณ์ตรง เชน่ ประสบการณใ์ นการแกป้ ัญหา การเรียนการสอน ต้องมกี ารพัฒนาและกระต้นุ สตปิ ญั ญาให้มี ความสามรถในการใช้เหตุผล รู้จักคดิ วิเคราะห์ และใช้ศกั ยภาพของตนไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ สามารถปรบั ตนให้ประสานกับ สภาพแวดลอ้ มและความเจริญทางเทคโนโลยี การจัดการเรียนการสอนที่ดีจะต้องค�ำนึงถึงธรรมชาติของผู้เรียนแต่ละคนว่ามีความแตกต่างกันใน ด้านต่างๆ ได้แก่ เชาวน์ปัญญา บุคลิกภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และพฤติกรรมอ่ืนๆ การจัดการเรียนการสอน จึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งด้านความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติไปพร้อมๆ กัน ผู้เรียนควรเป็นผู้แสดงออกมากกว่า ผู้สอน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนควรให้ผู้เรียนมีโอกาสได้แสดงออกมากท่ีสุดให้ความส�ำคัญกับความรู้สึก นึกคิด และค่านิยมของผู้เรียน การจัดบรรยากาศในการเรียน ควรเป็นแบบร่วมมือกัน ครูท�ำหน้าที่ช่วยเหลือ ใหก้ �ำลงั ใจ และอ�ำนวยความสะดวกในกระบวนการเรียนของผเู้ รียน ๗.๒ วิธกี ารจดั การกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นผ้เู รียนเปน็ ส�ำคญั จากรายงานการวิจัยของทักษิณา เครือหงส์, ๒๕๕๐ (อ้างใน คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏล�ำปาง ประจ�ำปีการศึกษา ๒๕๕๓) ได้เสนอแนวทางส�ำหรับผู้สอนที่ใช้หลักการสอน โดยเนน้ ผเู้ รียนเปน็ ส�ำคัญไวด้ ังนี้ ๗.๒.๑ การสอนโดยเน้นผู้เรียนเปน็ ส�ำคัญ มีลกั ษณะดงั น้ี ๑) ครผู ูส้ อนมคี วามรู้ ความเข้าใจ รู้เปา้ หมายของการจดั กระบวนการเรียนการสอน และหลักสูตร โดยการศึกษาขอ้ มลู ต�ำรา เอกสาร หลกั สตู ร จดั ท�ำแผนการสอน และเอกสารประกอบการสอน ๒) ครูผู้สอนมีการวิเคราะห์ศักยภาพของผู้เรียน และเข้าใจผู้เรียนเป็นรายบุคคล ใช้หลัก การวิเคราะห์ผู้เรียน เช่น วิเคราะห์จากรูปแบบการเรียนรู้ ความภูมิใจตนเอง เจตคติต่อวิชา ความคาดหวังใน การเรียน ใชแ้ บบวัดความรพู้ ้ืนฐานของผเู้ รยี น (Pretest) ก่อนเรยี น วัดผลการเรยี นของผเู้ รยี นเป็นรายหน่วย และมี การมอบหมายงานให้ผูเ้ รยี นในระหว่างการเรียนการสอน ๓) ครผู สู้ อนมีความสามารถในการจัดประสบการณท์ เ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ ส�ำคญั โดยการจัดท�ำแผนการ จัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ เชน่ การบรู ณาการเนือ้ หา การจดั การเรยี นรู้เพอ่ื ช้ีแนะการรคู้ ดิ คูม่ อื วิทยากรพเี่ ลีย้ งขับเคลือ่ นตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ 31
บท ่ีท ๔ ๔) ครูผู้สอนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการเรียนของตนเองและผู้เรียน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่ือการเรียนการสอน มอบหมายให้ผู้เรียนค้นคว้า และน�ำมาอภิปรายในช้ันเรียน ฝึกการใช้ โปรแกรมส�ำเรจ็ รูปในการประมวลขอ้ มูลและจดั ท�ำรายงาน พฒั นาและใชส้ ื่อการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ๕) ครูผู้สอนมีการประเมินผลการเรียนการสอนท่ีสอดคล้องกับสภาพการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียน และอิงพัฒนาการของผู้เรียน เช่น มอบหมายงานเด่ียวและงานกลุ่ม ประเมินผลการเรียนรู้จากผลงานท่ีมอบหมาย ในระหว่างเรียนและทดสอบหลงั เรยี น ๖) ครผู ูส้ อนมีการน�ำผลการประเมินมาปรบั เปลยี่ นการเรยี นการสอน เพ่ือพฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ต็มตาม ศักยภาพ ๗) ครูผู้สอนมีการวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ของผู้เรียนและน�ำผลไปใช้พัฒนาผู้เรียน (วัฒนา ระงับทุกข์ อ้างในคณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั ล�ำปาง ประจ�ำปีการศกึ ษา ๒๕๕๓) ได้รวบรวม วิธีสอนแบบตา่ งๆ ท่สี ามารถเลอื กน�ำมาใชใ้ ห้สัมพนั ธ์กบั เน้ือหา ประสบการณ์การพฒั นาทักษะตามวัตถปุ ระสงค์ของ หน่วยการเรียนน้ันๆ ซ่งึ มอี ยู่มากมายหลายรปู แบบ ดังต่อไปนี้ ๑. วธิ ีสอนแบบเนน้ ปัญหา (Problem-Based Teaching and Learning) ๒. วิธสี อนแบบเนน้ โครงการ (Project-Based Teaching and Learning) ๓. วธิ สี อนแบบเนน้ ทักษะปฏบิ ตั ิ (Skill-Based Teaching and Learning) ๔. วธิ ีสอนแบบเน้นกระบวนการสืบสวน (Inquiry-Based Teaching and Learning) ๕. วิธสี อนแบบเน้นกระบวนการคิด (Thinking-Based Teaching and Learning) ๖. วิธกี ารสอนแบบเน้นความคดิ รวบยอด (Concept-Based Teaching and Learning) ๗. วธิ สี อนแบบเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process-Based Teaching and Learning) ๘. วธิ ีสอนแบบตัง้ ค�ำถาม (Questioning-Based Teaching and Learning) ๙. วิธีสอนแบบแสดงบทบาทสมมติ (Role-Playing) ๑๐. วธิ สี อนแบบกรณตี วั อยา่ ง (Case Study) ๑๑. วิธีสอนแบบใช้บทเรียนแบบเรยี นรดู้ ว้ ยเอง (Self-Learning Module) ๑๒. วิธีสอนแบบโต้วาที (Debate) ๗.๓ การจดั ประสบการณ์ที่เนน้ ผ้เู รยี นเป็นส�ำคัญ จากรายงานการวจิ ยั ของทักษิณาเครือหงส์(๒๕๕๑)ได้สรุปแนวคิดเกี่ยวกับการจดั ประสบการณ์การเรียน ในการจัดการเรยี นการสอนทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญไว้ ดงั น้ี ๗.๓.๑ ด้านหลักสตู ร ๑) พัฒนาผเู้ รยี นตามความสามารถของแตล่ ะบคุ คล ๒) เรยี นจากประสบการณท์ ี่ไดก้ ระท�ำ ๓) มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาและมีความคดิ ริเริม่ สร้างสรรค์ ๔) เนน้ การเสนอทางเลือกให้ผู้เรยี น ๗.๓.๒ ดา้ นเนอ้ื หาสาระ ๑) เช่อื มโยงความสัมพนั ธภ์ ายในเน้อื หาวิชาและรวมเนื้อหาวชิ าอ่ืนๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง ๒) ก�ำหนดหวั ขอ้ หน่วยเนื้อหาให้มีความหมายยดื หยุ่นและสมดุล ๗.๓.๓ การจัดประสบการณ์การเรียน จัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีช้ีแนะการรู้คิด (Cognitive Guided Instruction) ซ่ึง เปน็ นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนรปู แบบหน่ึง ทม่ี งุ่ เนน้ ใหผ้ ูเ้ รยี นสรา้ งองค์ความรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง 32 คู่มอื วิทยากรพ่ีเลีย้ งขบั เคลอื่ นตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ
๘. การออกแบบการเรียนการสอนและแผนการจดั การเรยี นรู้ บทท่ี ๔ ๘.๑ แผนการจัดการเรียนการสอน องคป์ ระกอบส�ำคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ มี ๓ ประการ ได้แก่ ๑) วัตถุประสงค์การเรียนรู้หรือจุดประสงค์การเรียนรู้ (Objective) ควรเขียนเป็นวัตถุประสงค์เชิง พฤตกิ รรม (Behavioral Objective) ๒) ประสบการณ์การเรียนรู้ (Learning Experiences) ในส่วนน้ปี ระกอบด้วย ๒ ส่วน ไดแ้ ก่ - เนอื้ หาสาระ (Content) ที่ต้องการให้ผู้เรียนไดร้ บั - กระบวนการจดั การเรยี นรู้ (Process of Learning) เป็นขนั้ ตอนการจดั การเรยี นรู้ตั้งแตข่ น้ั น�ำ ขน้ั กิจกรรม และขนั้ สรปุ ๓) การประเมินผล (Evaluation) เป็นการตีค่าผลการเรียนรู้ของผู้เรียนซึ่งต้องใช้ข้อมูลท้ังเชิงปริมาณ และเชิงคณุ ภาพจากการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามสภาพจรงิ หรือการประเมินผลการเรยี นรทู้ ี่เนน้ ผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง ๘.๒ รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ จากการสังเคราะห์งานวิจัยเก่ียวกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญของกรมวิชาการ, กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (๒๕๔๔) ไดจ้ �ำแนกรูปแบบการสอน เปน็ ๓ กลมุ่ ใหญ่ๆ คอื ๑) กลมุ่ รปู แบบการสอนทเ่ี นน้ กระบวนการคิด ๒) กล่มุ รปู แบบการสอนทีเ่ น้นการมีส่วนร่วม ๓) กลมุ่ รปู แบบการสอนที่เน้นการพฒั นาพฤติกรรมและค่านยิ ม การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส�ำคัญ ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเป็นแนวทางการจัดการเรียน การสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนใช้กระบวนการสร้างความรู้ด้วยตนเอง เป็นการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ในการเรียน มีส่วนร่วมในการท�ำกิจกรรมอย่างกระฉับกระเฉงเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายเป็นวิธีการท่ีให้ อ�ำนาจแก่ผู้เรียน ซึ่งจะน�ำไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต บนหลักการพ้ืนฐานของแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นส�ำคัญมีเป้าหมายเพ่ือให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนาตนเองและพัฒนาการเรียนการสอนภายใต้กรอบประเทศไทย ๔.๐ ส่ศู ตวรรษท่ี ๒๑ จากการสร้าง หอ้ งเรียนกลบั ด้าน (Flipped Classroom) เร่มิ ด้วยการฝึกใหผ้ ูเ้ รยี นรูก้ ารเรยี น ด้วยตนเอง เช่น ให้รู้วิธีดูคลิป การเก็บใจความ การคิดต่อยอดให้มีสมาธิให้ได้สาระ แนะให้หยุดหรือกรอกลับคลิป มาดูใหมห่ ากสงสัย ฝึกวธิ ีเขยี น บันทกึ จดบนั ทึก เขยี น mind map ก�ำหนดให้ต้งั ค�ำถามที่นา่ สนใจได้ และเตรียม ถามครู การเปล่ียนแปลงที่ครู ต้องพัฒนาครูให้มีความรู้มีพื้นฐานแน่นพร้อมเรียนรู้สิงใหม่ การจัดระบบความรู้ จัดการความรู้ มีความสามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียน และมีความรู้จริงพร้อมที่จะถ่ายทอด การยอมรับสองด้าน ทั้งทางการปฏบิ ัติ รับการปอ้ นกลบั ชว่ ยการพัฒนาการของผ้เู รยี นและบรรยากาศการเรียนรู้ การเปน็ ผกู้ �ำกับ การเรียนรู้ ท้ังของตนเองและผู้เรียนเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียน การสอน สร้างทักษะที่จ�ำเป็น โดยเรียนด้วยการลงมือ ท�ำ Active Learning : PBL (Project Base Learning) ครเู ปลย่ี นจากครูสอนเปน็ พ่ีเล้ยี ง ครูฝกึ (Coach) หรอื ผู้จัดการ ผู้สนับสนุน Learning Facilitator การน�ำเสนอเป็นรายงานและน�ำเสนอด้วยปาก หรืออาจเสนอเป็น ละคร ครชู วนผ้เู รียนท�ำ Reflection ว่าไดเ้ รยี นรู้ อะไร อยากเรยี นอะไรตอ่ เพอื่ อะไร ชวนคดิ ดา้ นคุณค่า จรยิ ธรรม การเรียนแบบบูรณาการสหวิชาการ เชื่อมโยงความรู้กับจินตนาการ แปลงสู่รูปธรรมให้มีทักษะท่ีต้องการในยุค ศตวรรษที่ ๒๑ (๒๑st century skills) เชน่ การท�ำงานร่วมกัน (collaboration) ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creativity) การแกป้ ัญหา (Problem-solving) และการสือ่ สารท่ดี ี (Effective communication) การจัดการเรียนการสอนต้องสร้างความพอใจให้ผู้เรียนและท้าท้ายสู่การสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ ผูเ้ รียนอยากเรยี นและสนุกอย่างเกมส์ (Gamification for Education) คู่มอื วทิ ยากรพเี่ ลยี้ งขับเคลือ่ นตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบรู ณาการ 33
บท ่ีท ๔ การพัฒนาการเรียนการสอน ๔.๐ เป็นยุทธศาสตร์ฐานความรู้ (Knowledge-based Economic) ที่ให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) การใช้และต่อยอดองค์ความรู้ การให้ความส�ำคัญกับ การวจิ ัยและพัฒนา (Research & Development) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Science, Technology, Innovation) ซึง่ กค็ ือผลลัพธข์ องระบบการจัดการ (Management Output) ท้ังการเขา้ ถงึ (Access) ความเท่าเทียม (Equity) คณุ ภาพ (Quality) ประสทิ ธภิ าพ (Efficiency) ท่ีตอบโจทย์การก้าวทนั การเปล่ยี นแปลง (Relevancy) ทั้งด้านการปรับเปล่ียนอัตลักษณ์ (Identity) จากเดิมแต่ละคนมีสถานะเป็นแค่พลเมืองไทย สู่ความเป็นคนไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นพลเมืองโลก (Global - Thai) ซึ่งคือความจ�ำเป็นที่จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลวัตการเปล่ียนแปลงในประชาคม เครือข่ายของประชาคม และการปลุกจิตส�ำนึกต่อตนเอง และประชาคม การปรับเปลี่ยนจุดเน้น (Reorientation) จากการเน้นสร้างคนเพ่ือป้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ (People for Growth) เพื่อตอบโจทย์สังคมอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียวสู่การเน้นของการสร้างความเติบโต เพื่อรองรับการสร้างและปลดปล่อยพันธนาการ ศักยภาพ สมรรถนะ ประสิทธิภาพ คุณภาพและความย่ังยืนของ ผู้คนในสังคม (Growth for People Sustainable) ท่ีเกิดการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของ การเช่ือมั่นในการพัฒนา การเสริมสร้างภาวะผู้น�ำและการเสริมสร้างพลังอ�ำนาจ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm Shifted) จากการพยายามเอาชนะธรรมชาติ (Controlling Nature) มาเป็นการอยู่รวมกับธรรมชาติ (Living with Nature) การพัฒนาย่งั ยืน การบูรณาการพัฒนาอยา่ งเป็นองคร์ วมและสมดลุ การปรบั เปล่ยี นวัฒนธรรม (Transformation of Cultural) จากการเปน็ สังคมท่ีคนมุ่งม่ันแข่งขนั ตอ้ งการเอาชนะผู้อ่ืน (Competition-driven Cultural) มาเปน็ การท�ำงานรว่ มกันลักษณะเกอ้ื กูลแบง่ ปนั (Collaborative Cultural) มคี วามเมตตาด�ำเนนิ ชีวติ ใน ความเออื้ อาทร และการขบั เคล่ือนประเทศไทยไปสโู่ ลกทห่ี นง่ึ (First World Nation) จากที่มองแต่การมุ่งไปสกู่ าร เปน็ ประเทศท่ีพฒั นาแลว้ (Development Country) ซง่ึ ให้ความส�ำคัญแต่มติ ิเศรษฐกจิ มาเปน็ การค�ำนงึ ถงึ ประเดน็ ดา้ นสงั คม วฒั นธรรม โดยเฉพาะการสร้างเกียรติภูมใิ นความเป็นชาติ (Dignity of Nation) มีจติ ส�ำนกึ จติ สาธารณะ และตระหนักในคณุ คา่ ทเี่ ป็นการพฒั นาการเรียนการสอน ๔.๐ แบบ “๖ R ๑๒ C ๓ E” ดงั น้ี ๑. การอา่ น (Reading) เปน็ การอา่ นแลว้ เขา้ ใจ สรุปความได้ รู้จักใช้ความคิดวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และ ออกความเห็นอยา่ งมีเหตผุ ล และน�ำไปประยุกต์ใชใ้ นเชงิ สร้างสรรค์ ๒. การเขียน (Writing) เป็นความชัดเจนของการเขียนท่ีเลือกใช้ค�ำมีความหมายเด่นชัด อ่านเข้าใจ ไมค่ ลมุ เครอื ถูกตอ้ ง เหมาะสมกบั กาลเทศะ กะทดั รัด เร้าความสนใจ สร้างความประทับใจ ๓. วิทยาศาสตร์ (Relation Science) เป็นความเข้าใจและสามารถน�ำเอาแนวคิด หลักการทาง วิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ สามารถใช้กระบวนการเพื่อแก้ปัญหา ตัดสินใจ และท�ำความเข้าใจและตระหนักถึง คุณค่าในความสมั พันธข์ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔. คณิตศาสตร์ (Arithmetic) เป็นส่ิงท่ีต้องการพัฒนาในการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ (Effective Problem Solvers) ๕. เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Relation Technology and Innovation) เป็นการท�ำงาน โดยการน�ำความรู้มาประยุกต์ใช้เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการท�ำงานในลักษณะของกระบวนการ (Process) เป็นการใช้อย่างเป็นระบบของวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือความรู้ต่างๆ ท่ีได้รวบรวมไว้ เพ่ือน�ำไปสู่ผล ในทางปฏิบัติและแก้ปัญหาผลผลิต (Product) เป็นผลมาจากการใช้กระบวนการทางเทคโนโลยีและการผสมของ กระบวนการและผลผลติ (Process & Product) ๖. คุณภาพ (Relation Quality) เป็นการสร้างคุณภาพให้เป็นส่ิงส�ำคัญของการบริหารจัดการใน องคก์ รที่จะต้องร่วมมอื กนั อยา่ งจริงจงั 34 คมู่ ือวทิ ยากรพ่ีเลย้ี งขับเคลือ่ นตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ
๗. การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) เป็นความสามารถในการแยกแยะเพ่ือหาส่วนย่อยของ บทท่ี ๔ เหตุการณ์ เรอ่ื งราว หรอื เนือ้ หาตา่ งๆ ว่าประกอบด้วยอะไร มคี วามส�ำคญั อย่างไร อะไรเปน็ เหตุเป็นผลและเป็นอยา่ ง นัน้ อาศัยหลักการของอะไร ๘. ความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creativity) เป็นความคิด แนวทาง และทศั นคติใหมๆ่ รวมทัง้ ความเข้าใจ และการมองปญั หาในรปู แบบใหม่ ๙. พลงั สรา้ งสรรค์ (Creative Tension) เปน็ การใชค้ วามพยายามท�ำให้ส�ำเร็จ จากชอ่ งว่างระหว่าง ความจริงในปัจจุบันกับส่ิงท่ีคาดหวัง ที่อาจจะมีอุปสรรคกับวิสัยทัศน์ ซ่ึงสามารถเปล่ียนอุปสรรคให้เป็นแหล่งของ พลังสร้างสรรค์ หรือท่ีเรียกว่าแรงตึงของความคิดสร้างสรรค์ (Holding Creative Tension) แรงตึงของความคิด สร้างสรรค์จะเป็นศนู ย์กลางของความรอบรู้ ๑๐. การคิดเชิงรุก (Critical Proactively) เป็นการท�ำงานที่มีเป้าหมายสู่อนาคต การวางแผนและ การท�ำงานเชิงรุกต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารหรือประสบการณ์ เน้นพันธกิจท่ีด�ำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว คุ้มค่าและ มีคุณภาพ ๑๑. การส่ือสาร (Communication) เป็นกระบวนการถ่ายทอดข่าวสารและข้อมูลความรู้ ประสบการณค์ วามร้สู กึ ความคดิ เห็น รวมทงั้ ความต้องการจากผสู้ ่งสารโดยผ่านสอ่ื ตา่ งๆ ๑๒. การร่วมมือ (Collaboration) เป็นการท�ำงานร่วมกับคนอื่นในทางต่างๆ เพ่ือให้เป็นไปตาม เป้าหมายขององคก์ รหรือหนว่ ยงาน จากการช่วยเหลือซ่ึงกนั ดว้ ยความเต็มใจ เพือ่ บรรลุวัตถุประสงคอ์ ย่างเดียวกนั ๑๓. การเกื้อกูลและแบ่งปัน (Collaborative Cultural) เป็นความจริงใจที่ไม่เห็นแก่เพียงตัวเอง หรอื เร่อื งของตนเอง แต่เห็นอกเห็นใจ คณุ ค่าในเพื่อนมนุษย์ มีความเออ้ื อาทร เอาใจใส่ ๑๔. สมรรถนะ (Competency) เป็นคุณลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายในตัวบุคคล ซึ่งจะเป็นตัวผลักดัน ให้บุคคลสามารถสรา้ งผลการปฏิบัตงิ านในงานทต่ี นรับผดิ ชอบใหส้ ูงกว่า หรือเหนอื กวา่ เกณฑ/์ เปา้ หมายทกี่ �ำหนดไว้ ๑๕. การเช่อื มโยง (Connecting) เป็นกระบวนการแสดงความต่อเน่อื ง ๑๖. การยึดมั่น (Composition) เป็นความมั่นคงที่ไม่เปล่ียนแปลงอย่างง่ายๆ และสอดคล้องกับ ความตอ้ งการ ๑๗. การก�ำกบั และติดตาม (Controlling) เป็นสิ่งส�ำคัญทจี่ ะช่วยให้ทราบผลการปฏิบตั งิ านบรรลตุ าม วัตถุประสงค์และเปา้ หมาย ๑๘. การใช้ทรัพยากรท่ีคุ้มค่า (Cost Effectiveness) เป็นการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ และคุม้ คา่ มากทีส่ ุด ๑๙. การเสริมสรา้ งพลังอ�ำนาจ (Empowerment) เปน็ การสร้างภาวะผู้น�ำการเปลีย่ นแปลงทีด่ ี และ มีความส�ำคญั ในการปรับกระบวนการท�ำงานเพ่อื ให้บรรลุประสทิ ธิผล และน�ำพาตนเอง กลมุ่ และองคก์ รใหป้ ระสบ ความส�ำเรจ็ ๒๐. ประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficiency & Effective) เป็นความสามารถท�ำงานให้ส�ำเร็จ ไมว่ า่ จะเปน็ การบรรลุความส�ำเร็จในรปู แบบของภารกจิ เป้าหมาย นโยบาย หรอื วตั ถปุ ระสงค์ ๒๑. การประเมินผล (Evaluation) เป็นการน�ำเอาข้อมูลต่างๆ ท่ีได้จากการวัดรวมกับการใช้ วจิ ารณญาณของผู้ประเมินมาใชใ้ นการตัดสิน (https://www.kroobannok.com) คู่มือวิทยากรพ่เี ลยี้ งขับเคลือ่ นต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบรู ณาการ 35
๕บทที่ การวัดและประเมินผลการถ่ายทอดความรู้ ในพื้นที่ บท ่ีท ๕ การวัดและประเมินผล เป็นองค์ประกอบที่ส�ำคัญในการจัดการศึกษา โดยเฉพาะในกระบวนการ จัดการเรียนการสอน ซ่ึงครูผู้สอนจะต้องก�ำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ แล้วจึงจัดกิจกรรมการเรียนการสอน หลังจากนั้นจึงท�ำการวัดและประเมินผลการสอนว่าเป็นไปตามจุดประสงค์ท่ีก�ำหนดไวหรือไม่ ดังน้ันครูจึงจ�ำเป็น ตอ้ งเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจหลกั การและกระบวนการวดั และประเมินผลการเรยี น เพือ่ ใหส้ ามารถปฏิบัตไิ ดอย่างถกู ตอ้ ง ๑. ความหมายของการวดั และประเมนิ ผล การวัดผล (Measurement) เป็นกระบวนการที่จะได้มาซึ่งตัวเลขหรือสัญลักษณ์ ที่มีความหมายแทน พฤติกรรมหรอื คุณลักษณะอย่างใดอย่างหน่งึ ที่ตอ้ งการวัดอยา่ งมกี ฎเกณฑ์ โดยมเี คร่อื งมือส�ำหรบั วัด ๒ ลักษณะ คอื ๑) การวัดสง่ิ ทีเ่ ป็นรปู ธรรม เช่น การวดั ความสงู ความยาว เปน็ ต้น การวดั แบบนส้ี ามารถแปลความหมาย ของสง่ิ ท่จี ะวัดได้โดยตรงด้วยการอ่านคา่ ตัวเลขทป่ี รากฏบนเครื่องมอื ที่วัด ๒) การวัดในสิ่งท่ีเป็นนามธรรม เช่น การวัดระดับสติปัญญา การวัดความถนัด การวัดความสนใจ เปน็ ตน้ การวดั แบบน้ีจ�ำเปน็ ตอ้ งนยิ ามส่ิงท่ีจะวัดเสยี กอ่ นวา่ มลี กั ษณะอยา่ งไร แลว้ จึงสรา้ งเคร่อื งมอื พฤตกิ รรมน้นั ๆ การประเมินผล (Evaluation) เป็นกระบวนการอย่างมีระบบ โดยการน�ำข้อมูลท้ังหลายท่ีได้จากการวัด มาพิจารณาวิเคราะห์ แปลความหมาย เพื่อที่จะตัดสินหรือสรุปคุณภาพ และคุณลักษณะต่างๆที่ได้จากการวัดผล ว่า ผลท่ไี ด้น้นั ด-ี เลว, สงู -ตำ่� , มาก-น้อย กว่าเกณฑห์ รือมาตรฐานท่ีตั้งไว้อย่างไร การประเมนิ ผลจะเน้นในเรอื่ งของ คณุ ภาพมากกว่าปริมาณ ๒. วตั ถปุ ระสงค์ของการวัดและประเมนิ ผล สมนกึ ภทั ทิยธนี (๒๕๔๖) ได้กล่าวถึงวตั ถุประสงคข์ องการวดั ไวด้ ังน้ี ๑) วัดผลเพื่อค้นและพัฒนาสมรรถภาพของนักเรียน หมายถึง การวัดผลเพื่อดูว่า นักเรียนบกพร่องหรือ ไมเข้าใจในเร่ืองใด อย่างไร แล้วครูพยายามอบรมนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ จุดมุ่งหมายการวัดผลการศึกษาข้อนี้ นับวา่ เป็นจดุ มุ่งหมายทสี่ �ำคัญทสี่ ุด หรือกล่าวไดว้ า่ เปน็ ปรชั ญาของการวดั ผลการศกึ ษา ๒) วดั ผลเพ่อื วนิ ิจฉัย (Diagnosis) หมายถึง การวดั ผลเพื่อค้นหาจุดบกพร่องของนกั เรียน ทมี่ ปี ัญหาว่ายัง ไม่เกดิ การเรียนรตู้ รงจดุ ใด เพื่อหาทางช่วยเหลอื ๓) วัดผลเพื่อจัดอันดับหรือต�ำแหน่ง (Placement) หมายถึง การวัดผลเพื่อจัดอันดับความสามารถของ นกั เรยี นในกลุม่ เดียวกนั วา่ ใครเกง่ กว่า ใครควรได้อันดับที่ ๑, ๒, ๓, ... หรอื สอบผา่ น - ไม่ผ่าน เปน็ ตน้ ๔) วดั ผลเพื่อเปรียบเทยี บหรอื ทราบพัฒนาการของนกั เรยี น (Assessment) หมายถึง การวัดผลเพ่อื เปรยี บ เทยี บความสามารถของนักเรยี นเอง เช่น การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) และหลงั เรียน (Posttests) ๕) วัดผลเพือ่ พยากรณ์ (Prediction) หมายถงึ การวดั เพ่ือน�ำผลท่ีได้ไปคาดคะเนหรอื ทำ� นายเหตุการณ์ใน อนาคต เชน่ การแนะแนววา่ นกั เรียนคนใดควรจะเรียนสาขาไหน อาชีพใด เป็นตน้ 36 คูม่ อื วิทยากรพ่เี ล้ยี งขบั เคล่ือนต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ
๖) วัดผลเพ่ือประเมิน (Evaluation) หมายถึง การวัดเพ่ือน�ำผลที่ได้มาตัดสิน หรือสรุปคุณภาพของ บทท่ี ๕ การจัดการศึกษาว่ามีประสิทธิภาพสูงหรือต่�ำ ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร รวมท้ังน�ำไปวิเคราะห์ผลบางอย่าง เช่น เครอื่ งมอื ท่ใี ชว้ ัดเหมาะสมหรอื ไม่ เปน็ ต้น นอกจากนี้ พิชติ ฤทธิจ์ รญู (๒๕๔๘) ไดก้ ล่าวถงึ วัตถุประสงคข์ องการประเมินผล ดงั น้ี ๑) เพอ่ื สร้างแรงจงู ใจในการเรียน ๒) เพื่อตรวจสอบความรพู้ น้ื ฐาน ๓) เพื่อปรับปรุงการเรยี นการสอน ๔) เพือ่ วินจิ ฉัยขอ้ บกพรอ่ ง ๕) เพ่ือตดั สนิ ผลการเรยี น ๖) เพ่ือจัดต�ำแหน่งหรือจัดประเภท ๗) เพ่อื เปรียบเทียบระดับพฒั นาการ ๘) เพอ่ื พยากรณห์ รอื ท�ำนาย ๙) เพื่อประเมินค่า กล่าวโดยสรุป วัตถุประสงค์ของการวัดและประเมินผลการเรียนการสอนท่ีส�ำคัญคือ เป็นการศึกษาผู้เรียน แต่ละคนว่า ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถมากน้อยเพียงใด และสมควรที่จะพัฒนาสมรรถภาพในด้านใด ซ่ึงจะช่วย ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ผเู้ รยี นมากที่สุด ๓. วธิ ีการวัดผลและประเมนิ ผล จากเอกสารประกอบการบรรยายของส�ำนักทะเบียนและวัดผล มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (อ้างใน คณะเทคโนโลยอี ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏล�ำปาง ประจ�ำปีการศึกษา ๒๕๕๓) ได้อธบิ ายการวดั และประเมินผล ไวด้ ังนี้ การวดั และประเมินผล ประกอบด้วย ๑) การประเมินผลย่อย เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่ ซ่ึงจะประเมินหลังจากจบบทเรียน หรือระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๒) การประเมินผลรวม เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนเรียนแล้วมีความรู้เพิ่มมากน้อยเพียงใด การวัด หมายถึง การก�ำหนดตัวเลขอย่างมีกฎเกณฑ์ โดยใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ การประเมิน หมายถึง การตัดสินคุณค่า เมอ่ื เปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ จึงสรุปวา่ ยกระดับการประเมิน = การวดั + การตดั สินคณุ ค่า ๔. การวดั พฤติกรรมการเรียนรู้ สพุ มิ พ์ ศรีพันธ์วรสกุล, ๒๕๕๒ (อา้ งใน คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏล�ำปาง ประจ�ำปี การศึกษา ๒๕๕๓) อธบิ ายรายละเอียดการวดั ได้ ดงั น้ี ๑) ความรู้ ความจ�ำ (Recognition) คือ ความสามารถในการระลึกถึงเรื่องราวต่างๆ ท่ีผ่านมา เคยมี ประสบการณแ์ ละสามารถถ่ายทอดสิ่งท่ีบันทกึ ไว้ออกมาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งใน ๓ แบบใหญ่ๆ คือ - ความรู้เกี่ยวกับขอ้ เทจ็ จริง - ความรู้เกี่ยวกบั วธิ ีด�ำเนนิ การ - ความรเู้ กย่ี วกบั ความรรู้ วบยอดในเน้ือเร่ือง คมู่ อื วทิ ยากรพ่เี ลยี้ งขับเคลื่อนต�ำ บลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ 37
บท ่ีท ๕ การวัดความรู้ ความจ�ำ คือ การวัดการระลึก (Recall) ประสบการณ์เกี่ยวกับรายละเอียด วิธีการ ข้อปฏบิ ตั ิ ข้อสรปุ ตัวทฤษฎี ๒) ความเขา้ ใจ (Comprehension) คอื ความสามารถในการแปลความ ตคี วาม ขยายความ ตคี วาม หมายถึง จบั ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส่ิงยอ่ ยๆ ของเรื่องน้นั จนสามารถน�ำมากล่าวได้อกี นัยหนง่ึ ขยายความ หมายถึง ขยายความหมายและนัยของเร่ืองนั้นออกไปจากสภาพข้อเทจ็ จรงิ เดิม คาดคะเน พยากรณ์ การวัดความเข้าใจ คือ ถามความหมายหรือนัยท่ีซ่อนเร้น เช่น ให้ยกตัวอย่างตามความหมาย เปรียบเทียบความหมาย คาดคะเนสถานการณ์เร่อื งราวจากรายละเอียดหรือขอ้ มลู ๓) การน�ำไปใช้ (Application) คือ ความสามารถในการน�ำความรู้ที่มีอยู่เดิมไปแก้ไขปัญหา หรือ พลิกแพลงใช้ในสถานการณ์ทแี่ ปลกใหมท่ �ำนองน้ันได้ ตวั อยา่ งลักษณะของค�ำถาม เชน่ ค�ำถามตอ้ งเปน็ เรื่องราวใหมท่ ่ี ผู้เรียนไม่คุ้นเคย ค�ำถามต้องซ่อนเงื่อนให้เกิดปัญหา ตัวค�ำถามจะต้องเก่ียวพันระหว่างหลักวิชาการ และการคิด ค�ำตอบจะต้องมีลกั ษณะทใ่ี ห้หลกั วชิ าการท่ีเหมาะสมกับเรื่องนนั้ ๆ การวัด การน�ำไปใช้ คือ การประยุกต์หลักวิชา กฎ ทฤษฎี วิธีการ เพื่ออธิบายเร่ืองราวหรือ ปรากฏการณ์ท่ีแปลกใหม่ การหาผลลัพธ์ การค�ำนวณ เลือกเคร่ืองมือที่เหมาะกับสถานการณ์ แก้ปัญหาใน สถานการณจ์ ริงหรือในชีวิตประจ�ำวัน ๔) การวิเคราะห์ (Analysis) คือ ความสามารถในการแยกแยะสว่ นประกอบของเร่อื งราว แล้วสกัดให้เหน็ ความสัมพันธ์ ความส�ำคัญ และหลักการของเรื่องราว เพ่ือค้นหาส่ิงที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวนั้น ความต่าง ความเข้าใจ เน้นความสามารถในการจับความหมายของเร่ืองราว การน�ำไปใช้ เน้นการน�ำกฎ หลักการ และทฤษฎี มาใช้แก้ ปัญหาในสถานการณใ์ หม่ การวดั การวเิ คราะห์ คือ ถามสาเหตุ เหตุผล ท่ีมาของเหตกุ ารณ์หรอื เรอื่ งราว เปรยี บเทยี บองคป์ ระกอบ ปัจจัย เพือ่ หาลกั ษณะเดน่ หรอื ข้อบกพร่อง ๕) การสังเคราะห์ (Synthesis) คอื ความสามารถในการรวบรวมวตั ถสุ ง่ิ ของ ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความคิดเหน็ ตั้งแต่ ๒ ชนดิ หรอื ๒ เรื่องขึน้ ไปเขา้ ด้วยกนั แล้วสรา้ งใหเ้ ป็นส่ิงใหมแ่ ตกต่างไปจากส่วนประกอบเดิม ลักษณะค�ำถาม มี ๓ ชนดิ ได้แก่ การสังเคราะหข์ ้อความ สังเคราะหแ์ ผนงาน และสังเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ ๖) การประเมินค่า (Evaluation) คือ ความสามารถในการตคี า่ ต่างๆ โดยสรุปอย่างมหี ลักเกณฑว์ า่ สิง่ นน้ั มคี ุณคา่ ดีเลวหรอื เหมาะสมอยา่ งไร ลักษณะค�ำถามมี ๒ ชนิด คือ ๖.๑ ประเมินโดยใช้เกณฑ์ภายใน : ใช้เน้ือหาเรื่องราวท่ีเรียนมาเป็นเกณฑ์พิจารณาความเหมาะสม ความถูกต้อง ความสมเหตสุ มผล ๖.๒ ประเมินโดยใช้เกณฑ์ภายนอก : น�ำคุณธรรม ค่านิยม หรือเกณฑ์ต่างๆ ท่ีสังคมยอมรับมาเป็น มาตรฐานในการตีความ 38 คูม่ ือวทิ ยากรพีเ่ ลยี้ งขบั เคล่อื นต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ
๕. การวัดและประเมนิ ผลจากสภาพจริง บทท่ี ๕ เพ่ือให้การวัดและประเมินผลสะท้อนถึงผลการเรียนรู้อย่างแท้จริงของผู้เรียน และครอบคลุมจุดมุ่งหมาย จากการวัดและประเมินผลทั้ง ๓ ด้าน คือ พุทธพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย ซึ่งการวัดและประเมินผลด้าน พุทธพิสัย จะวัดการสังเคราะห์และการประเมินค่าดังที่ได้กล่าวแล้ว ส่วนจิตพิสัยมีล�ำดับพัฒนาการตั้งแต่ การรับรู้ การตอบสนอง การสร้างคุณค่า การจดั ระบบ และการสรา้ งลักษณะนสิ ยั และในด้านทกั ษะพสิ ัย คอื การวัด ทางทักษะหรือการฝกึ ปฏบิ ตั ิต่างๆ จดุ มุง่ หมายของการวัดและประเมนิ ผลทั้ง ๓ ดา้ น จะต้องด�ำเนินไปพร้อมๆ กนั และเป็นการวัดและประเมินผลจากสภาพจริง ๖. ลกั ษณะสำ�คญั ของการวดั และประเมนิ ผลจากสภาพจรงิ ๑. การวัดและประเมินผลจากสภาพจริง มีลักษณะท่ีส�ำคัญคือ การใช้วิธีการประเมินกระบวนการคิด ท่ีซับซ้อน ความสามารถในการปฏิบัติงาน ศักยภาพของผู้เรียนในด้านของผู้ผลิต และกระบวนการที่ได้ผลผลิต มากกวา่ ทจี่ ะประเมินวา่ ผูเ้ รียนสามารถจดจ�ำอะไรได้บ้าง ๒. เป็นการประเมินความสามารถของผู้เรียน เพื่อวินิจฉัยผู้เรียนในส่วนท่ีควรส่งเสริมและส่วนท่ีควร แก้ไขปรบั ปรุง เพ่อื ให้ผู้เรียนไดพ้ ัฒนาอย่างเตม็ ศกั ยภาพตามความสามารถ ความสนใจ และความต้องการของแตล่ ะ บุคคล ๓. เป็นการประเมินที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้มีส่วนร่วมประเมินผลงานของทั้งตนเองและของเพ่ือนร่วมห้อง เพ่ือสง่ เสริมให้ผูเ้ รียนรู้จักตัวเอง เชือ่ มน่ั ในตนเอง สามารถพัฒนาตนเองได้ ๔. ข้อมูลท่ีได้จากการประเมิน จะสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการเรียนการสอน และการวางแผนการสอน ของผู้สอนวา่ สามารถตอบสนองความสามารถ ความสนใจ และความตอ้ งการของผเู้ รยี นแตล่ ะบุคคลได้หรอื ไม่ ๕. ประเมินความสามารถของผเู้ รยี นในการถา่ ยโอนการเรียนไปสู่ชวี ิตจริงได้ ๖. ประเมินดา้ นต่างๆ ด้วยวิธที ่หี ลากหลายในสถานการณต์ ่างๆ อยา่ งตอ่ เนื่อง ค่มู ือวทิ ยากรพ่เี ล้ยี งขับเคลือ่ นต�ำ บลจดั การสุขภาพแบบบูรณาการ 39
๖บทท่ี เคร่ืองมอื ในการวัดความสำ�เร็จ กระบวนการ พฒั นาการจดั การสุขภาพตำ�บลแบบบรู ณาการ บท ่ีท ๖ ๑. เกณฑก์ ารประเมินต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ เกณฑ์การประเมินกระบวนการพัฒนาการมีส่วนร่วมในพ้ืนท่ีต�ำบลน้ันๆ ที่ก�ำหนดข้ึนเพื่อใช้เป็นกรอบและ การวัดผลส�ำเร็จในการด�ำเนินงานท่ีมุ่งเน้นการส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาสุขภาพตามบริบทพื้นท่ี โดยมี เป้าหมายเพ่ือประชาชนสขุ ภาพดี ระบบสขุ ภาพย่ังยนื เกณฑ์การประเมิน ประกอบด้วย ๔ องคป์ ระกอบ ได้แก่ ๑) T = team มที มี สขุ ภาพระดบั ต�ำบลท่ีมศี กั ยภาพ ๑.๑ มอี งค์ประกอบเครอื ข่ายท่ีเขา้ รว่ มทีมสุขภาพต�ำบลจากหลายภาคส่วน ๑.๒ มีการสร้างและพัฒนาทีมเครือข่ายสุขภาพต�ำบล โดยก�ำหนดเป้าหมายของการพัฒนาทีมร่วมกัน และบทบาทของแตล่ ะภาคส่วนทช่ี ดั เจน ๑.๓ มีการพัฒนาศักยภาพทีมสุขภาพต�ำบล ในเร่ืองการจัดท�ำแผนสุขภาพต�ำบล โดยใช้แผนที่ทางเดิน ยุทธศาสตร์ คา่ กลาง หรืออ่ืนๆ ดว้ ยกระบวนการจัดท�ำแผนอย่างมีส่วนร่วม ๑.๔ มีการพัฒนาความรู้ อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน ในเร่ืองการดูแลสุขภาพตามกลุ่มวัย เพื่อแก้ไข ปัญหาสขุ ภาพตามบรบิ ทของพ้นื ท่ี ๒) P = plan มีการจดั ท�ำแผนสขุ ภาพต�ำบลแบบมีส่วนรว่ ม ๒.๑ มีการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์สถานการณ์ และจัดท�ำฐานข้อมูลเก่ียวกับทุนของชุมชน (เงิน/ ทรพั ยากร/ผลผลติ /ความรู้/ภมู ปิ ัญญา/ทุนทางวฒั นธรรม/ทนุ ทางสังคม/ทุนทางสุขภาพ) ๒.๒ มกี ารคนื ขอ้ มูลสถานะสุขภาพเพ่ือสร้างการรับรู้ และมสี ว่ นร่วมในการจดั ท�ำแผนสุขภาพต�ำบล ๒.๓ มีการร่วมกันจัดท�ำแผนสุขภาพต�ำบล ด้วยการระดมทรัพยากร ทุน และภูมิปัญญาท้องถ่ินจาก ในและนอกชุมชน มาใช้สนับสนุนโครงการและกิจกรรมที่ก�ำหนดไว้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าร่วม ในการวิเคราะห์ปัญหาด้วยกระบวนการของชุมชน และมีการสื่อสารแผนงาน/โครงการแก่ผู้เก่ียวข้องให้รับรู้ เพอ่ื น�ำไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิ ๒.๔ มีการติดตาม ประเมินผล การพัฒนาต�ำบลจัดการสุขภาพ ตามเป้าหมายท่ีต้ังไว้อย่างสม่�ำเสมอ และรายงานความก้าวหน้าใหช้ มุ ชนรับรูอ้ ย่างต่อเน่อื ง ๓) A = activity มกี ารจัดกจิ กรรมหรือบริการสุขภาพตามกลมุ่ วยั ๓.๑ มีชุมชน/ท้องถ่ิน/อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน/อสค.เป็นพลังส�ำคัญขับเคลื่อนแผนสุขภาพต�ำบล เพื่อการดูแลสุขภาพตามกลุม่ วยั และแกไ้ ขปัญหาสุขภาพตามบรบิ ทของพืน้ ที่ ๓.๒ มีการเฝ้าระวัง ประเมินคัดกรอง ปัญหาสุขภาพตามกลุ่มวัย การสื่อสารความรู้ด้านสุขภาพ การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรม ๓อ.๒ส. และมาตรการทางสงั คมในการแกไ้ ขปญั หาสุขภาพชุมชนตามบรบิ ทของพ้นื ท่ี ๓.๓ มีการจดั กจิ กรรมและบรกิ ารสขุ ภาพท่เี หมาะสมทุกกลมุ่ วัย ๓.๔ มีการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพ้ืนฐาน (การด�ำเนินการเพื่อกิน เพ่ือใช้ในชุมชน เพื่อให้ครอบครัว พึ่งตนเองได้ ลดรายจ่าย เพ่ิมรายรบั ) 40 คู่มอื วิทยากรพเ่ี ล้ยี งขบั เคลือ่ นตำ�บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ
๔) R = result มีผลลพั ธก์ ารด�ำเนนิ งานดา้ นสุขภาพในชุมชน บทท่ี ๖ ๔.๑ มีวิทยากรชุมชนที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพความเป็นครู หรือวิทยากรกระบวนการ วิทยากร ต้นแบบในการปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรมสุขภาพ และมีศนู ยเ์ รียนร้สู ุขภาพชุมชน เช่น โรงเรียนนวัตกรรมสุขภาพชมุ ชน โรงเรียน อสม. ท่ีมีหลักสูตรเป็นไปตามความต้องการของชุมชน รวมท้ังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในชุมชนและ ระหวา่ งชมุ ชน ๔.๒ มีการสรุปบทเรียน การพัฒนา การจัดการความรู้ การจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ ชมุ ชนทนี่ �ำไปสูก่ ารส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟ้นื ฟสู ุขภาพ ๔.๓ มีการสรา้ งเครือขา่ ยการเรียนรู้ การพัฒนาระหวา่ งชุมชนหรือต�ำบลอนื่ ๆ อย่างกว้างขวาง ๔.๔ มีผลลัพธ์ของการพัฒนา เช่น ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ ประชาชนมี พฤตกิ รรมสุขภาพทเ่ี หมาะสม จ�ำนวนผสู้ ูงอายุไดร้ ับการดแู ลและบริการทเี่ หมาะสม พัฒนาการเดก็ สมวยั อบุ ตั กิ ารณ์ ผูป้ ่วยรายใหม่ โรคเบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และไขเ้ ลือดออก มีแนวโน้มลดลงหรอื ไม่เพิ่มข้นึ ๒. แบบรายงานผลการด�ำ เนินงานตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ ปงี บประมาณ ๒๕๖๑ ต�ำบลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ หมายถึง ต�ำบลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการท่ีมีกระบวนการ สร้างสุขภาพในทุกกลุ่มวัย โดยให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาบทบาทภาคประชาชน ท้องถิ่น และทุกๆ ภาคส่วนในชมุ ชน/ทอ้ งถน่ิ ใหม้ กี ารบรู ณาการรว่ มกัน ช่วยกนั คน้ หา หรือก�ำหนดปัญหาสขุ ภาพ ก�ำหนดอนาคต ด�ำเนินกิจกรรมการพัฒนาด้านสุขภาพ และมาตรการทางสังคม รวมท้ังนวัตกรรมต่างๆ ได้ด้วยตนเอง รวมท้ัง มีการส่งเสริมกิจกรรมวิสาหกิจชุมชน ให้เกิดการลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ ท้ังน้ี เพ่ือลดปัญหาและปัจจัยเสี่ยง ด้านสุขภาพ โดยต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานท่ีก�ำหนดเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนมีสุขภาพดีและระบบ สุขภาพย่งั ยืน ชื่อต�ำบล ............................................. อ�ำเภอ ................................................. จงั หวดั .......................................... ช่อื รพ.สต. ................................................................................................................................................................. ผ้รู ายงาน ช่ือ ............................................. นามสกลุ ............................................................................................... ต�ำแหน่ง ...................................................................................................................................................................... สถานทปี่ ฏิบัตงิ าน ...................................................................................................................................................... โทรศัพท์ .................................. มือถอื ................................... E-mail ..................................................................... แบบรายงานผลการด�ำเนินงานต�ำบลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ เป็นแบบการรายงานผลการด�ำเนินงาน ของพน้ื ท่ี ด้วยกระบวนการมีสว่ นรว่ มจากภาคสว่ นตา่ งๆ เพ่อื ใช้ในการประเมินวิเคราะห์ชุมชน และคืนข้อมลู ให้กับ ชุมชน ตลอดจนผเู้ ก่ยี วขอ้ งในการหาส่วนขาดการพฒั นา ประกอบด้วย ๓ สว่ น ส่วนที่ ๑ ขอ้ มูลท่วั ไปของต�ำบล ส่วนท่ี ๒ การประเมินกระบวนการการพฒั นาต�ำบลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการแบง่ เปน็ ๔ องค์ประกอบ ๒.๑ T = team : มีทีมสุขภาพระดบั ต�ำบลท่มี ศี กั ยภาพ ๒.๒ P = plan : มีการจดั ท�ำแผนสขุ ภาพต�ำบลแบบมีสว่ นร่วม ๒.๓ A = activity : มีการจดั กจิ กรรมหรือบรกิ ารสขุ ภาพตามกลมุ่ วัย ๒.๔ R = result : มีผลลัพธก์ ารด�ำเนินงานด้านสขุ ภาพในชุมชน สว่ นท่ี ๓ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการพัฒนา คู่มอื วทิ ยากรพ่ีเล้ียงขับเคล่ือนต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ 41
ผลการประเมนิ ตนเอง * รอบท่ี ๑ (ว/ด/ป) ................ * รอบที่ ๒ (ว/ด/ป) ................ จ า ก ก า ร ป ร ะ เ มิ น ต น เ อ ง ด้ ว ย เ ก ณ ฑ์ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ก า ร พั ฒ น า ตำ� บ ล จั ด ก า ร สุ ข ภ า พ แ บ บ บู ร ณ า ก า ร ๔ องคป์ ระกอบ ผลการประเมินตนเองของตำ�บลท่าน อยใู่ นระดบั ใด T = team P = plan A = activity R = result บท ่ีท ๖ ส่วนที่ ๑ ขอ้ มลู ท่ัวไปของตำ�บล ๑. ดา้ นภูมศิ าสตร์ ๑.๑ อาณาเขต ..................................................................................................................... .................................................................................................................... ๑.๒ สภาพพ้ืนท่ี .................................................................................................................... .................................................................................................................... ๑.๓ ทรัพยากรธรรมชาติ .................................................................................................................... .................................................................................................................... ๑.๔ แหลง่ น้�ำ .................................................................................................................... .................................................................................................................... ๒. ดา้ นปกครอง ๒.๑ จ�ำนวนหมู่บา้ น ................................หมบู่ า้ น ๒.๒ จ�ำนวนครวั เรอื น ................................ครัวเรือน ๒.๓ จ�ำนวนประชากร ................................คน จ�ำแนกเปน็ ชาย ................. คน หญงิ ................. คน ๓. ดา้ นสงั คม ๓.๑ โรงเรยี น .................................แหง่ ๓.๒ สถานตี �ำรวจ .................................แหง่ ๓.๓ วดั .................................แหง่ ๓.๔ กล่มุ สงั คม .................................กล่มุ ๓.๕ อสม.จิตอาสาด้านการแพทย์และสาธารณสขุ ...........คน จ�ำแนกเป็น ชาย .............. คน หญงิ ...............คน ๔. ข้อมลู ดา้ นสุขภาพท้ังต�ำบล - จ�ำนวนเดก็ ปฐมวัย (อายุ ๐-๕ ปี) .............................คน - จ�ำนวนเด็กวยั เรยี น (อายุ ๕-๑๔ ป)ี .............................คน - จ�ำนวนวยั รุ่น (อายุ ๑๕-๒๑ ปี) .............................คน - จ�ำนวนวยั ท�ำงาน (อายุ ๑๕-๕๙ ปี) .............................คน - จ�ำนวนผูส้ ูงอายุ (อายุ ๖๐ ปขี น้ึ ไป) .............................คน ติดเตียง .............................คน ตดิ บ้าน .............................คน ตดิ สงั คม .............................คน 42 คู่มือวทิ ยากรพเี่ ล้ียงขบั เคล่อื นต�ำ บลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการ
- จ�ำนวนผพู้ กิ าร .............................คน - จ�ำนวนผู้ปว่ ยโรคเร้ือรัง .............................คน โรคเบาหวาน .............................คน โรคความดันโลหติ สงู .............................คน โรคหวั ใจ .............................คน โรคหลอดเลือดสมอง .............................คน โรคมะเรง็ .............................คน โรคไต .............................คน - จ�ำนวน อสม. ทงั้ ต�ำบล .............................คน ๕. ข้อมูลด้านทุนชุมชน/ทุนวิสาหกิจในชมุ ชน - เงิน ........................................................................................................................................................ - ทรัพยากร .............................................................................................................................................. - ผลผลติ ........................................................................................................................................................ - ความร/ู้ ภูมปิ ัญญา/ทกั ษะฝีมอื ................................................................................................................... - ทุนทางวัฒนธรรม ................................................................................................................................... - ทุนทางสงั คม ............................................................................................................................................. ๖. ข้ันตอนการด�ำเนินงานต�ำบลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ ล�ำ ดบั วธิ กี าร / ข้ันตอน ผลการด�ำ เนนิ งาน รายละเอียด มี ไมม่ ี การด�ำ เนินการ ๑ มีการทบทวนแผนและผลการดำ�เนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ๒ มคี ำ�สงั่ แต่งตง้ั คณะกรรมการและคณะทำ�งานสง่ เสรมิ และสนับสนนุ การดำ�เนินงานตำ�บลจดั การสุขภาพ ๓ มกี ารพัฒนา ชอ่ งทาง/กลไกการประสานงาน / บทบาทของ บทท่ี ๖ หน่วยงานในตำ�บล ๔ มกี ารส่ือสารความเขา้ ใจร่วมกันของกลไกทเ่ี กี่ยวขอ้ งในระดบั ตำ�บล เชน่ ผ่านการประชุม / Line / อื่นๆ ๕ มีการพฒั นาสมรรถนะบุคลากรทเี่ กีย่ วข้องในการดำ�เนนิ การ เช่น อสม. แกนนำ�องค์กรตา่ งๆ ๖ มีการพัฒนาเครื่องมอื อุปกรณ์ วิธีการเพอื่ การสนับสนุนการทำ�งาน ๗ มกี ารสนับสนุนงบประมาณเพือ่ พฒั นาศกั ยภาพเครือขา่ ยการทำ�งาน ๘ มกี ารสนบั สนนุ งบประมาณเพอ่ื จดั กิจกรรม ๙ ชุมชนและท้องถ่นิ ใชแ้ บบประเมินผลตำ�บลจดั การสขุ ภาพในการ ประเมินตนเอง ๑๐ มีระบบฐานข้อมูลและระบบการกำ�กับ ตดิ ตามประเมินผลทีม่ ่งุ เน้น เชิงกระบวนการ คู่มือวทิ ยากรพเ่ี ล้ียงขบั เคลอื่ นต�ำ บลจัดการสขุ ภาพแบบบูรณาการ 43
๗. วสิ าหกิจชุมชนหรือกลุ่มอาชพี อืน่ ๆ มกี ิจกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งหรอื ด�ำเนนิ การในลักษณะตา่ ง ๆ ดังน้ี กิจกรรม กลุม่ / ช่อื ของวิสาหกจิ จ�ำ นวน (แห่ง) ๑. การแปรรปู หรือการเพ่มิ มูลค่าจากผลผลติ ของชมุ ชน เปน็ กจิ กรรม ทต่ี อ่ เน่ืองจากการผลิตทางการเกษตรของชมุ ชน ๒. การผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารจากทรัพยากรและภมู ิปญั ญาของชมุ ชน เช่น น�ำ้ สมนุ ไพร ไวน์ผลไม้ การแปรรูปพชื ผกั ผลไมต้ ่างๆ หัตถกรรมพื้นบา้ น แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว พิพธิ ภัณฑ์ชมุ ชน เปน็ ต้น ๓. การผลติ สนิ คา้ เพอ่ื ใชใ้ นชุมชน เช่น ปุ๋ย น้�ำปลา เคร่ืองมือ เครอ่ื งใช้ อาหารและยาสมนุ ไพร เป็นตน้ ๔. การพฒั นาระบบตลาด การบริการและสวสั ดิการชุมชน เชน่ ร้านค้า ชุมชน ตลาดชุมชน ศนู ยส์ ุขภาพพน้ื บา้ น เป็นต้น ๘. จากการจดั ท�ำแผนสุขภาพต�ำบล ไดม้ ีการจดั ท�ำโครงการเพ่ือพัฒนาหรือแก้ไขปญั หาในประเดน็ /เรอ่ื ง/หวั ข้อ ต่อไปนี้อยา่ งไร จ�ำนวนเท่าใด ผลจากการจดั ท�ำ ล�ำดบั ประเดน็ /เรื่อง/หวั ข้อ แผนสขุ ภาพต�ำบล จ�ำนวน (โครงการ) มี ไมม่ ี ๑ สขุ ภาพกลมุ่ วัยตา่ งๆ ๒ โรคไม่ติดตอ่ เรื้อรัง สภาวะเส่ยี ง และภยั คุกคามด้านสุขภาพ ๓ สภาวะโภชนาการ ๔ เบาหวาน - ความดนั ๕ อาหารปลอดภัย บท ่ีท ๖ ๖ เกษตรอนิ ทรีย์ ๗ สภาวะอนามัยสง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน ๘ โรคติดตอ่ ๙. จากความส�ำเร็จของการพัฒนาต�ำบลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการของต�ำบลท่าน หากขอให้ท่านคิด ค�ำขวญั เพอ่ื สรา้ งเอกลักษณ์ของต�ำบลท่านที่แสดงผลความส�ำเร็จทภ่ี ูมิใจ จะมหี ัวขอ้ (Theme) วา่ อยา่ งไร “ ...................................................................................................................................................... ” ๑๐. ผลส�ำเร็จท่ีไดจ้ ากการด�ำเนนิ งาน ผลลัพธค์ วามส�ำเรจ็ ดา้ นเปา้ หมาย ๑๐.๑ เปา้ หมายการจัดท�ำแผนสุขภาพชมุ ชน ............................แผน ผลงาน ...................... แผน ๑๐.๒ เป้าหมายการพัฒนาศักยภาพ อสม. นักจดั การสุขภาพชมุ ชน แผน ...........................คน ผลงาน ........................ คน ๑๐.๓ เปา้ หมายอบรมใหค้ วามร้เู รอื่ งแผนทีท่ างเดนิ ยุทธศาสตร์ (SRM) หรอื ค่ากลาง แผน ...........................คน ผลงาน ........................ คน ๑๐.๔ เป้าหมายอบรมใหค้ วามรู้ อสม.จติ อาสาด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสุข การปฐมพยาบาล (First Aid) เบื้องตน้ แผน ...........................คน ผลงาน ........................ คน 44 คูม่ อื วิทยากรพ่ีเลยี้ งขบั เคล่ือนตำ�บลจดั การสุขภาพแบบบรู ณาการ
การชว่ ยเหลือก้ชู พี (Basic Life Support) โดยการใช้ CPR / AED แผน ...........................คน ผลงาน ........................ คน ๑๑. ต�ำบลของทา่ นมผี ลลัพธ์ที่เกิดข้นึ จากการพฒั นาต�ำบลจัดการสขุ ภาพในเรือ่ งเหลา่ น้ี หรอื ไม่ ๑๑.๑ ชมุ ชนลดเสี่ยงลดโรค ( ) ๑. มี ( ) ๒. ไมม่ ี ๑๑.๒ ชุมชนไรพ้ ุง/องคก์ รไร้พงุ ( ) ๑. ม ี ( ) ๒. ไม่มี ๑๑.๓ อืน่ ๆ โปรดระบุ ................................................. ๑๒. ขอ้ มลู นวัตกรรมสุขภาพชมุ ชนทีเ่ ปน็ แบบอย่างท่เี กดิ ข้นึ จากการพัฒนาต�ำบลจัดการสุขภาพ จ�ำนวน .......................... นวตั กรรม ดังนี้ ๑๒.๑ .......................................................................................... ๑๒.๒ .......................................................................................... ๑๒.๓ .......................................................................................... ๑๒.๔ .......................................................................................... ***** ข้อมูลในสว่ นที่ ๒ ตอ่ ไปนี้ ใชส้ �ำหรบั บนั ทกึ ท่ฐี านขอ้ มลู ต�ำบลจัดการสุขภาพแบบบูรณาการ ที่ www.thaiphc.net ๑. T = team มที ีมสุขภาพระดบั ต�ำบลทมี่ ศี ักยภาพ ส่วนที่ ๒ การประเมนิ กระบวนการการพัฒนาต�ำบลจดั การสขุ ภาพแบบบรู ณาการแบ่งเป็น ๔ องค์ประกอบ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ผลการด�ำเนนิ งาน รายละเอียด มี ไมม่ ี การด�ำเนินการ ๑.๑ มีองคป์ ระกอบเครอื ข่ายท่ีเข้าร่วมทมี สุขภาพต�ำบลจากหลายภาคสว่ น - ภาครัฐ (ระบุ ชื่อ / ต�ำแหนง่ ) ได้แก่ ............... - ภาคท้องถิ่น (ระบุ ชอ่ื / ต�ำแหน่ง) ไดแ้ ก่ ............... - ภาคประชาชน (ระบุ ช่อื / ต�ำแหน่ง) ได้แก่ …………… - หน่วยงานหรอื องคก์ ร อนื่ ๆ ระบุ ............... บทท่ี ๖ หมายเหตุ : รายชือ่ ใหท้ �ำเป็นเอกสารแนบทา้ ย ๑.๒ มีการสรา้ งและพัฒนาทมี เครือข่ายสขุ ภาพต�ำบล โดยก�ำหนดเปา้ หมาย ของการพัฒนาทีมร่วมกัน และบทบาทของแต่ละภาคสว่ นที่ชดั เจน - มีการพูดคยุ ประสานงาน /ประชาสมั พันธ์ - มกี ารจัดประชมุ ชีแ้ จงท�ำความเข้าใจ /ระดมความคดิ เหน็ - มกี ารคัดเลอื กทมี งาน /ก�ำหนดบทบาทหน้าท่ี - มีการอบรม /สัมมนา เรื่อง ..................................................... - มีการศกึ ษาดงู าน เร่อื ง ............................................................ ๑.๓ มีการพัฒนาศักยภาพทีมสุขภาพต�ำบล ในเรื่องการจัดท�ำแผน สุขภาพต�ำบล โดยใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ ค่ากลาง หรืออ่ืนๆ ด้วย กระบวนการจัดท�ำแผนอย่างมสี ว่ นรว่ ม ๑.๔ มีการพัฒนาความรู้ อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน ในเร่ืองการดูแล สุขภาพตามกลมุ่ วัย เพ่ือแกไ้ ขปญั หาสขุ ภาพตามบริบทของพืน้ ท่ี คมู่ ือวทิ ยากรพ่ีเล้ียงขับเคลื่อนตำ�บลจดั การสขุ ภาพแบบบูรณาการ 45
Search