Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 48มิตรในเรือนใจ

48มิตรในเรือนใจ

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-04-13 11:52:20

Description: 48มิตรในเรือนใจ

Search

Read the Text Version

มิ ต ร ใ น เ รื อ น ใ จ พระไพศาล วสิ าโล www.visalo.org ชมรมกลั ยาณธรรม หนังสือดลี ำ� ดับท ่ี ๒ ๐ ๕ พิมพค์ ร้ังท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕  จ�ำนวนพมิ พ ์ ๗,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์โดย ชมรมกลั ยาณธรรม  ๑๐๐ ถนนประโคนชยั  ต�ำบลปากน้ำ�  อ�ำเภอเมือง จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐  โทรศัพท ์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ออกแบบปก / รปู เล่ม / ภาพประกอบ สุวดี ผ่องโสภา  ท�ำรูปเล่ม วชั รพล วงษ์อนสุ าสน์    เพลท Canna Graphic  โทรศพั ท ์ ๐๘-๖๓๑๔-๓๖๕๑  พมิ พ ์ บรษิ ัทขุมทองอตุ สาหกรรมและการพิมพ ์ จ�ำกดั   ๕๙/๘๔ หมู่ ๑๙ ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร โทร. ๐-๒๘๘๕-๗๘๗๑-๓ โทรสาร ๐-๒๘๘๕-๗๘๗๔ สัพพทานัง ธัมมทานงั  ชนิ าติ การให้ธรรมะเปน็ ทาน ย่อมชนะการใหท้ ัง้ ปวง www.kanlayanatam.com

คำ�ปรารภ มิตรในเรือนใจ  เป็นค�ำบรรยายของข้าพเจ้าในโอกาสที่ ผบู้ รหิ าร คณะคร ู และเจา้ หนา้ ทข่ี องโรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ ทกุ ระดบั มารบั การอบรมทว่ี ดั ปา่ สคุ ะโต จ.ชยั ภมู  ิ ระหวา่ งวนั ท ี่ ๒๖-๓๐ สงิ หาคม ๒๕๔๙  และได้เคยตีพิมพ์เป็นเล่มเม่ือปี  ๒๕๕๐  และต้นปีน้ี  บัดน้ี ชมรมกัลยาณธรรม  ขอตีพิมพ์ซ้�ำเพื่อแจกเป็นธรรมทาน  ข้าพเจ้า ขออนโุ มทนาในกุศลกิริยาครั้งนี้ดว้ ย ชวี ติ ทดี่ ยี อ่ มตอ้ งมมี ติ รคอยชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู  คนสว่ นใหญ่ นน้ั แสวงหาแตม่ ติ รภายนอก โดยมองขา้ มมติ รทอ่ี ยใู่ นใจของตน มติ ร ในเรอื นใจนน้ั สามารถเปน็ มติ รทด่ี ที ส่ี ดุ ของเรา หากวา่ มกี ารอบรมฝกึ ฝน ตน จนเปน็ ทพ่ี งึ่ แก่ตนเองได้ แต่จะท�ำเช่นนั้นได้ก็ต้องเริ่มจากการ รู้จักตนเองเปน็ เบื้องแรก

การรู้จักตนเอง  ไม่อาจเกิดข้ึนได้จากการคิดเท่าน้ัน  แต่ ยังต้องอาศัยการเห็นความจริงท่ีเกิดกับกายและใจอย่างไม่ตัดสิน เห็นอย่างท่ีมันเป็นจริงๆ  น่ันคือเห็นด้วยสติ  จริงอยู่ทีแรกย่อม อดไม่ได้ท่ีจะเห็นความจริงว่าตัวเองน้ัน  “แย่”  กว่าท่ีคิด  แต่เพราะ เห็นด้วยใจท่ีเป็นกลาง จึงท�ำให้ความชวั่ รา้ ยหรอื อกศุ ลธรรมตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขน้ึ นนั้  ไมส่ ามารถครอบงำ� จติ ใจได ้ กายวาจาจึงเป็นไปอย่าง ปกติ  ไม่ไปก่อปัญหาให้แก่ใคร  รวมท้ังไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ ตนเองด้วย  ขณะเดียวกันจิตใจก็จะสงบเย็น  ไม่ถูกอกุศลธรรม แผดเผา ยงิ่ รจู้ กั ตนเองมากเทา่ ไร กจ็ ะยง่ิ เปน็ มติ รกบั ตวั เองไดม้ าก ขนึ้  และค้นพบความสขุ อันประณีตทอ่ี ยูก่ ลางใจ คนทุกวันน้ียากท่ีจะเป็นมิตรกับตัวเอง  มีแต่ความรู้สึก เหินห่างหมางเมินหรือแปลกแยกกับตัวเอง  จึงคิดแต่จะหนีตัวเอง ตลอดเวลา ดว้ ยการวง่ิ หาสง่ิ เสพ หมกมนุ่ กบั ความบนั เทงิ  เทย่ี วหา้ ง เลน่ เกม คลกุ คลตี โี มงกบั ผคู้ น คยุ โทรศพั ท ์ (หรอื ทวติ เตอร)์  ทงั้ วนั หาไม่ก็ท�ำตัวให้วุ่นกับการงาน  แต่ยิ่งพยายามหนีตัวเองมากเท่าไร กย็ ง่ิ ไกลจากความสขุ เทา่ นน้ั  เพราะสขุ ทแ่ี ทน้ นั้ ไมไ่ ดอ้ ยนู่ อกตวั  หาก อยู่ในใจเรานเ้ี อง การมีสติระลึกรู้ความเป็นไปของกายและใจในแต่ละขณะ เปน็ กญุ แจสำ� คญั สกู่ ารรจู้ กั ตนเองอยา่ งลกึ ซงึ้  จนเหน็ ชดั วา่ ความทกุ ข์ นั้นเกิดขึ้นเพราะใจท่ียึดติดกับสิ่งปรุงแต่งท้ังปวง  โดยเฉพาะการ

ยดึ ตดิ ในตัวตน หรอื ยดึ ตดิ สงิ่ ตา่ งๆ ทง้ั รปู ธรรมและนามธรรมวา่ เปน็ ตวั ตน ปญั ญาทเี่ หน็ ความจรงิ อย่างลกึ ซึง้ นแี้ หละ ที่จะท�ำใหเ้ ราเป็น อิสระจากความทุกขอ์ ย่างส้นิ เชงิ หวังวา่ หนงั สอื เลม่ น้ีจะชว่ ยให้ผอู้ ่านค้นพบมิตรในเรือนใจ และฝกึ หดั ขดั เกลาจนเปน็ มติ รทีพ่ ่ึงพาไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ วนั มหาปวารณา-ออกพรรษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๕

คำ�นำ�ชมรมกลั ยาณธรรม ทกุ ชวี ติ ตา่ งปรารถนา “เพอื่ น” หรอื  “มติ รสหาย” ซง่ึ มติ ร ท่ีดีย่อมช่วยเก้ือกูลชีวิตให้เจริญงอกงามได้อย่างยิ่งใหญ่ไพศาล พระพทุ ธองคไ์ ดท้ รงตรสั ไวอ้ ยา่ งนา่ พจิ ารณาวา่  “กลั ยาณมติ ร ยอ่ ม เป็นท้ังหมดของพรหมจรรย์”  นั่นคือมิตรผู้ช้ีทางธรรม  ซึ่งสูงสุด เหนือสิ่งใดคือ  องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระผู้ทรงมีพระ มหากรณุ าธิคุณตอ่ ปวงสรรพสัตวอ์ ย่างไมม่ ปี ระมาณ เรามกั จะมองออกไปขา้ งนอก เพอื่ จะหาใครสกั คนเปน็  “เพอ่ื น คคู่ ดิ  มติ รคใู่ จ” แมจ้ ะจรงิ อยวู่ า่  ผมู้ มี ติ รสหายมากกย็ อ่ มมตี น้ ทนุ ทาง ชวี ติ สงู ไปดว้ ย แต่มิตรท่ีส�ำคัญที่สุด คือใจของเรานั่นเอง “มิตรใน เรอื นใจ” ทแ่ี ทจ้ รงิ  จงึ หมายถงึ  ใจเราเองทม่ี ธี รรมเปน็ ทพ่ี ง่ึ  ดงั่ ท่าน กลา่ วไวว้ า่  ปจั จยั ภายนอกของบพุ นมิ ติ แหง่ อรยิ มรรคหรอื ความเจรญิ ในทางสคู่ วามพน้ ทกุ ขอ์ นั ประเสรฐิ น ้ี คือ “กัลยาณมิตร” ส่วนปัจจัย

ภายใน คอื  “โยนโิ สมนสกิ าร” หมายถงึ การรจู้ กั คดิ  คดิ เปน็  เมอื่ ใด ทใี่ จเรามีโยนิโสมนสกิ าร ความเจริญแหง่ ชวี ติ ย่อมปรากฏขน้ึ อย่าง แน่แท้ เหมือนแสงอาทิตย์อุทัยท่ีย่อมตามมาแน่นอน หลังจากท่ี แสงเงินแสงทองเรอื งรองทาบขอบฟ้า หนังสือ  มิตรในเรือนใจ  เปี่ยมด้วยเน้ือหาสาระแห่งธรรม อันรื่นรมย์  น�ำเสนออย่างชวนติดตาม  เข้าใจง่ายตามสไตล์การ ถา่ ยทอดธรรมะทนั สมยั ของพระอาจารย ์ ทช่ี ว่ ยใหค้ นรนุ่ ใหมอ่ า่ นแลว้ เลิกกลัวหนังสือธรรมะ มีท้ังตัวอยา่ งและทัศนะแห่งความรักตัวเอง อยา่ งถกู ธรรม และสอดแทรกมมุ มองเชงิ บวกทจี่ ะชว่ ยกระตนุ้ เตอื น ผอู้ า่ น ใหห้ นั มาเอาใจใสด่ แู ล พฒั นาจติ ใจของตนเอง ใหเ้ ปน็ ผทู้ มี่ ี มติ รในเรอื นใจ เปน็ ทพี่ ง่ึ ทอ่ี าศยั ทป่ี ระเสรฐิ อนั ปราศจากโทษทกุ ขภ์ ยั ในภายหลัง  ชมรมกัลยาณธรรมขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ ไพศาล วสิ าโล ทเ่ี มตตาใหโ้ อกาสพวกเราไดช้ ว่ ยกนั สรา้ งสรรคง์ าน เผยแผ่ธรรม  และในวาระปีมหามงคลแห่งการฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐  ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม  บรรจบกับมงคลวาระ  “ครบรอบ  ๓ ทศวรรษ ของพระอาจารยไ์ พศาล วสิ าโล” พวกเราจงึ ขอตง้ั ใจนอ้ ม ถวายธรรมทานนเ้ี ปน็ พทุ ธบชู าและนอ้ มถวายเปน็ อาจรยิ บชู าแดพ่ ระ ปยิ าจารย ์ พระสปุ ฏปิ นั โน ซงึ่ งดงามดว้ ยปฏปิ ทาอนั เปน็ แบบอย่าง ของพทุ ธบุตร มุ่งมั่นเสียสละอทุ ศิ ตนเผยแผ่ธรรมและใช้เวลาอย่าง มีคุณค่าเพื่อประโยชน์และความสุขของมหาชนมาตลอดชีวิตอย่าง ไม่เหน็ แก่เหน็ดเหน่ือย

ขอขอบคณุ ศลิ ปนิ ใจกศุ ลทสี่ ละเวลามาชว่ ยวางรปู เลม่ และ จดั ภาพประกอบอย่างงดงาม ชว่ ยแตง่ แตม้ สสี นั ใหธ้ รรมบรรณาการ คือ  มิตรในเรือนใจ  เล่มน้อยน้ีงดงามและชวนอ่านชวนชื่นชมมาก ยิ่งขึ้น และขออนโุ มทนาสาธชุ นทกุ ทา่ นทตี่ ดิ ตามผลงานเผยแผธ่ รรม ของชมรมกลั ยาณธรรม และเปน็ มติ รทดี่ ตี อ่ กนั สบื เนอ่ื งเสมอมา ขอ ความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านยิง่ ๆ ข้นึ ไป เทอญ กราบขอบพระคณุ และอนโุ มทนาบุญทกุ ท่าน ทพญ.อจั ฉรา กลนิ่ สวุ รรณ์ ประธานชมรมกลั ยาณธรรม

สารบัญ ค�ำ ปรารภ ๕ ค�ำ น�ำ ๘ ใกล้แสนใกล้ ไกลแสนไกล ๑๓ แสงแหง่ ธรรม ๒๗ มติ รในเรอื นใจ ๔๑ ทุกข์หมด เพราะปล่อย ๖๑ เปลีย่ นได้ เพราะใฝด่ ี ๗๗ ของใครกนั แน่ ๙๓ ถอื ธรรมเป็นใหญ่ ๑๐๘



ใกลแ้ สนใกล ้ ไกลแสนไกล บรรยายเยน็ วันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๙ ก่อนอ่ืน  ขอกล่าวต้อนรับคณะครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียน วรรณสวา่ งจติ  วดั ปา่ สคุ ะโตมคี วามคนุ้ เคยกบั โรงเรยี นวรรณสวา่ งจติ   เป็นอย่างดี  เพราะว่ามีคณะครูและเจ้าหน้าที่มาเย่ียมเยือน  และใช้ประโยชน์จากที่นี่ติดต่อกันเป็นปีท่ีสามแล้ว  แต่ได้ทราบว่า เกือบท้ังหมดท่ีมาในวันนี้ยังไม่เคยมาวัดป่าเลย  อย่าว่าแต่วัดป่า  สุคะโตเลย แม้แต่สถานที่ท่ีเรียกว่าวัดป่า ส่วนใหญ่ก็เพิ่งมาเป็น  คร้ังแรก เพราะฉะน้ันก็อาจจะมีบรรยากาศท่ีแปลกใหม่ส�ำหรับ  พวกเราอยู่บ้าง สงิ่ หน่งึ ทเ่ี ห็นไดช้ ดั เจน เมือ่ เปรยี บเทยี บวิถีชีวติ ท่ีเราค้นุ เคย กนั ทก่ี รงุ เทพฯ กค็ อื  ทนี่ ี่ไมม่ สี ง่ิ อำ� นวยความสะดวกมากนกั  แมว้ า่

ใกล้แสนใกล้ 14 ไกลแสนไกล จะมกี ารปรับปรงุ ขึน้ มากแลว้  ถา้ เทยี บกบั รนุ่ แรกๆ ท่ีมาเมอ่ื ปี ๔๖ กจ็ ะเหน็ ความแตกตา่ งไดใ้ นเรอ่ื งของกฏุ ทิ พี่ กั เปน็ ตน้  เมอื่ กอ่ นกต็ อ้ ง นอนกนั ทศ่ี าลานอก แตว่ า่ เดยี๋ วนม้ี กี ฏุ มิ าใหอ้ ยกู่ นั อยา่ งเปน็ สดั สว่ น พอสมควร ยงิ่ ถา้ ยอ้ นถอยหลงั กลบั ไปสบิ กวา่ ปกี อ่ น กจ็ ะเหน็ ความ แตกตา่ งอยา่ งชดั เจน ความสะดวกสบายแทบจะไมม่ เี ลย เพราะว่า แมแ้ ตถ่ นนก็ทรุ กันดาร หนา้ ฝนถนนจะเปน็ หลมุ เปน็ บ่อ เน่ืองจาก เปน็ ทางลกู รงั  แตเ่ ดย๋ี วนร้ี าดยางจนกระทง่ั เกอื บมาถงึ หนา้ วดั อยแู่ ลว้ ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะราดยางมาถึงหน้าวัด  แต่นั่นไม่ส�ำคัญ  เพราะว่า  ทีเ่ ปน็ อยทู่ ุกวนั นก้ี ็สะดวกสบายมากแลว้ แมว้ า่ ทน่ี จ่ี ะมกี ารปรบั ปรงุ ในเรอ่ื งสถานท ่ี แตก่ พ็ ยายามรกั ษา สภาพป่าเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะท�ำได้  รวมท้ังการอนุรักษ ์ ต้นไม้ ท่ีน่ียังมีสัตว์ประจ�ำถ่ินอยู่บ้าง แต่สัตว์ใหญ่ไม่เหลือแล้ว  ยกเว้นท่ีเอามาปลอ่ ยใหม่ คอื  หมปู ่าสามตวั  พวกเราคงจะเหน็ มา หากินอยู่แถวๆ นี้แหละ ท่ีเหลือก็เป็นสัตว์เล็ก แต่ว่าถึงจะเป็น  สตั ว์เลก็ กต็ อ้ งระวงั เพราะมงี เู ง้ียวเขยี้ วขออยไู่ ม่นอ้ ย บางทกี ็เล้อื ย อยู่ตามทาง  แล้วยังมีพวกตะขาบ  แมงป่องอยู่บ้าง  ฉะน้ันขอให้  เราใชค้ วามระมดั ระวงั หนอ่ ย โดยเฉพาะเวลากลางคนื ก็ใหใ้ ชไ้ ฟฉาย สอ่ งทาง

พระไพศาล 15 วิสาโล โดยสว่ นใหญ่ทน่ี ี่ไมม่ อี ะไรน่ากลัว แต่เวลาพูดถงึ วัด บางคน ก็ไมไ่ ดน้ กึ ถงึ แคส่ ตั วท์ ่ีไมค่ นุ้ เคย แตย่ งั จะนกึ ไปถงึ สง่ิ ลล้ี บั  โดยเฉพาะ วดั แบบนมี้ เี ชงิ ตะกอน มเี จดยี เ์ กบ็ อฐั  ิ เคยมคี นมาเยยี่ มพระบวชใหม่  แล้วก็ถามเลยี บๆ เคียงๆ “ที่น่มี ีอะไรน่ากลัวหรือเปลา่ ?” เพอ่ื นทเี่ ปน็ พระก็ตอบวา่ “ทนี่ ่ีไมม่ อี ะไรหรอกนอกจากผ”ี  ฟงั แลว้ กส็ ะดงุ้  แตจ่ รงิ ๆ แลว้ ไมม่ อี ะไรเลย ทน่ี ่ีไมม่ อี ะไรนา่ กลวั  แมแ้ ตส่ งิ สาราสตั วง์ เู งย้ี วเขย้ี วขอ  เท่าท่ีอยู่มา  ๒๐  กว่าปี  ดูเหมือนว่าจะมีคนโดนงูกัดแค่สองคนเอง ซง่ึ ก็ไมไ่ ด้ร้ายแรงอะไร ต้องถือวา่ นอ้ ยมาก เพราะวา่ คนมาทนี่ ่ีรวม แลว้ ก็เป็นหม่นื ๆ คนแลว้  ตลอด ๒๐ กว่าปีท่ผี า่ นมา แต่วา่ ก็อาจ มีส่งิ ที่ไมค่ าดฝนั อย่บู างอย่าง เชน่  อยู่ในหอ้ ง จๆู่  ก็มีตกุ๊ แกตกลง มาจากหลังคา  แต่ก็ยังดีสมัยก่อนมันไม่ใช่แค่ตุ๊กแกตกลงมา  แต่ เปน็ งกู ม็ ตี กใสห่ วั เลย หลวงพอ่ บญุ ธรรมซง่ึ เปน็ ผบู้ กุ เบกิ วดั ปา่ สคุ ะโต  ต้งั แตป่  ี ๒๕๑๒ ท่านเลา่ ใหฟ้ งั วา่  ก�ำลงั นัง่ สมาธิในกุฏิ อยดู่ ีๆ งกู ็ ตกลงมาใส่หัว บางทีงูก็มานอนขดอยู่ใกล้ๆ ตวั เพราะมันหนาว สมยั กอ่ นพอถงึ หนา้ หนาว วธิ ที จี่ ะทำ� ความอบอนุ่ ใหก้ บั ตวั เอง  กค็ อื นอนบนพนื้ ดนิ  เพราะตอนกลางคนื พน้ื ดนิ ยงั มคี วามอนุ่ อย ู่ ยงิ่ เอาฟางมาปกู จ็ ะอนุ่ ยงิ่ กวา่ อยบู่ นกฏุ  ิ ใครทเ่ี คยมาทน่ี ห่ี นา้ หนาวจะรู้

ใกล้แสนใกล้ 16 ไกลแสนไกล รสชาตคิ วามหนาวของทน่ี ดี่  ี แตว่ า่ พอมานอนอยบู่ นพนื้ ดนิ  บางครง้ั กจ็ ะมงี บู างตวั มาขออาศยั ดว้ ย แตเ่ ขาไมด่ รุ า้ ยกบั เราหรอก เพยี งแต่  เราคอ่ ยๆ เขยี่ เขาไป ไม่ใหเ้ ขาตกใจ แลว้ เรากค็ อ่ ยๆ ลกุ ขน้ึ  จะไมม่ ี  อันตราย ในป่าจึงไม่มีอะไรท่ีต้องกลัว แต่ถ้าจะมีสิ่งที่น่ากลัว มัน ไม่ใช่อะไรอ่ืน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่คน แต่คือจิตใจของเรานั่นแหละ  ใจเราคือส่ิงท่ีเราต้องระมัดระวัง เพราะว่ามันอาจจะสรรหาส่ิงดรุ ้าย น่ากลัวมาหลอกหลอนเราก็ได้  โดยเฉพาะตอนกลางคืน  ที่นี่บางที มีเสียงแปลกๆ  มันแปลกหูของเรา  แต่ไม่แปลกส�ำหรับท่ีนี่  เสียง แปลกๆ เปน็ เสียงเดินอยรู่ อบกฏุ บิ ้าง ตามข้างฝาบ้าง เด๋ียวน้พี วก เราสว่ นใหญน่ อนกฏุ ปิ นู คงไมไ่ ดย้ นิ เสยี งแปลกๆ ตามขา้ งฝา เสยี ง เหล่าน้ีไม่ใช่อะไรท่ีไหน เป็นเสียงสัตว์นั่นเอง แต่ถ้าหากว่าเราไม่ ระมดั ระวงั ใจของเรา ใจของเรานแ่ี หละจะปรงุ แตง่ ใหก้ ลายเปน็ เสยี ง ทน่ี า่ กลวั  เชน่  ไดย้ นิ เหมอื นเสยี งรอ้ งของผหู้ ญงิ กำ� ลงั โหยหวน หรอื เสยี งคนเดนิ  เอะ๊ ใครมาเดนิ กลางคำ�่ กลางคนื อยา่ งน ้ี ทจ่ี รงิ มนั ไม่ใช่ เสยี งคนเดนิ  แตเ่ ปน็ เสยี งของสตั วเ์ ลก็ ๆ เชน่  หนูในปา่ นเ้ี สยี งจะดงั กว่าปกติ  ย่ิงใจของเราเป็นใจท่ีต่ืนกลัวอยู่แล้ว  เสียงน้ันจะยิ่งดัง ชดั เจนราวกบั เสยี งของสัตวร์ า้ ย

พระไพศาล 17 วิสาโล เม่ือ  ๒๐  ปีก่อนมีหลวงพ่อท่านหนึ่งพักอยู่ในกุฏิซึ่งปัจจุบัน เปน็ เขตอบุ าสกิ า สมยั นนั้ ยงั ไมม่ กี ารแบง่ เขตอบุ าสก อบุ าสกิ า หรอื เขตพระ บรเิ วณกฏุ ขิ องทา่ นตอนนนั้ มปี า่ รกครมึ้ กวา่ เวลาน้ี คนื หนง่ึ ดึกมากแล้วท่านได้ยินเสียงสัตว์เหยียบขึ้นบันไดมา  ความคิดแวบ แรกของท่านก็คือ  เป็นหมีหรือเปล่า  เพราะเสียงมันดังชัดมาก  ท่านรู้สึกกลัวข้ึนมาทันที  จึงฉวยไม้มาเตรียมป้องกันตัวอยู่ข้างใน ถา้ เกิดมันบกุ เข้ามาก็ต้องมีการตอ่ สกู้ นั หนอ่ ย แต่มันก็ไมไ่ ด้เข้ามา อยู่แถวระเบียง  สักพักก็ลงไป  เป็นอันว่าท่านปลอดภัย  ตอนเช้า ท่านออกมาจากกุฏิพบว่าสบู่ท่ีวางไว้บนระเบียงหายไป  พอลงไปก็ เหน็ กอ้ นสบอู่ ยู่รมิ ปา่  มีรอยแทะ เป็นรอยแทะของหน ู แสดงว่าตวั ที่ข้ึนมาบนกุฏิไม่ใช่หมี  แต่เป็นหนู  หมีกับหนูตัวมันต่างกันมาก แต่ใจของเราตา่ งหากท่ีไปปรุงแตง่ ให้เสียงหนกู ลายเปน็ เสยี งหมไี ด้ หลวงพ่อองค์เดียวกันน้ีแหละ  ท่านเล่าว่าท่านเคยไปงานศพ ของโยมคนหนงึ่  เขาเผาศพตรงส�ำนกั งานปา่ ไม้ซงึ่ อยูห่ ลังวัด สมัย ก่อนท่ีนไี่ ม่มเี ชิงตะกอน จงึ เผากันตามสะดวก ก็ไปเผากนั ตรงหลงั วัด  พอเผาเสร็จท่านยังไม่กลับวัด  คุยกับชาวบ้านจนค�่ำ  เสร็จแล้ว ชาวบา้ นกอ็ าสาจะขบั รถมาสง่  ทา่ นกบ็ อกวา่ ไมต่ อ้ งมาสง่ หรอก เดนิ มาเองได้  แล้วท่านก็มาคิดได้ทีหลังว่า  ไม่น่าเลย  เพราะตอนเดิน

ใกล้แสนใกล้ 18 ไกลแสนไกล กลับวัด  ภาพศพตอนเปิดโลงก็โผล่ขึ้นมาในความคิดของท่าน  ศพ นั้นตัวเขียวก�ำลังจะขึ้นอืด  ท่ีนี่ก่อนจะเผาชาวบ้านจะเปิดโลงและ  ล้างหน้าศพ ศพเหล่าน้ีไม่มีการฉีดยา ตั้งศพไม่เกินสามวันก็เผา  ศพบางทกี บ็ วม แตร่ ายนตี้ วั เขยี วมาก ชอ่ื พอ่ ชว่ ย พอทา่ นเดนิ กลบั วดั มาถงึ ศาลาหนา้  กเ็ หมอื นกบั จะแวบเหน็ พอ่ ชว่ ยมาโผลอ่ ยบู่ นศาลา แต่พอมองชัดๆ  ก็ไม่มีอะไร  แต่ถึงไม่เห็นอะไรก็ยังกลัวอยู่น่ันเอง เดนิ พลางกเ็ หลยี วหลงั มาด ู พลางคดิ วา่ พอ่ ชว่ ยเดนิ ตามมาดว้ ยหรอื เปลา่  ความกลัวตดิ ตามทา่ นมาตลอด สมัยก่อนหอไตรไม่ได้อยู่ตรงนี้  อยู่บนเขา  พอมาถึงหอไตร ท่านก็ระแวงขึ้นมาว่า  พ่อช่วยจะมาปรากฏตัวบนหอไตรหรือเปล่า แต่มองดูอีกทีก็ไม่เห็นอะไร  ท่านบอกว่ายิ่งใกล้ถึงกุฏิก็ย่ิงกลัว  นึก โมโหตวั เองวา่ ทำ� ไมไม่ให้ชาวบ้านมาสง่ ที่วัด พอใกลจ้ ะถงึ กุฏิ ใจก็ ชื้น  แต่แล้วท่านก็ต้องสะดุดหยุดกึก  ไปต่อไม่ได้  เหมือนกับมีใคร มาดึงย่ามท่านไว้  ใจท่านหายวาบทันที  พยายามดึงย่ามเท่าไหร่  ก็ไมห่ ลดุ  เอาละซ ี พอ่ ชว่ ยมาอาละวาดแลว้ ละส ิ ทนี แี้ หละทา่ นรอ้ ง ออกมาเลยวา่  พอ่ ชว่ ยอยา่ มารบกวนเลย พรงุ่ นจ้ี ะทำ� บญุ อทุ ศิ ไปให้ วา่ แลว้ กด็ งึ อยา่ งแรงจนยา่ มหลดุ  แลว้ ทา่ นกร็ บี วง่ิ ขนึ้ กฏุ  ิ ลอ็ กประตู แน่น  ตกใจอยู่ในกุฏิ  นอนแทบไม่หลับ  พอสว่างท่านก็ค่อยๆ 

พระไพศาล 19 วิสาโล เปดิ ประตกู ฏุ  ิ เพราะวา่ ตอ้ งไปบณิ ฑบาต ทา่ นไปสำ� รวจบรเิ วณทถ่ี กู ดงึ ยา่ ม ปรากฏว่าไปเจอแงง่ ไมห้ นง่ึ มีรอ่ งรอยการดงึ กระชาก ท่าน ก็เลยรู้ว่าพ่อช่วยไม่ได้มาหลอกหรอก  ท่ีจริงแง่งไม้มันไปเก่ียวกับ ยา่ มของทา่ นไมม่ อี ะไรมากกวา่ นน้ั  แคป่ ลดออกยา่ มกห็ ลดุ  แตค่ วาม ที่กลัวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม  เพียงแค่ย่ามไปเก่ียวกับแง่งไม้เท่านั้น แหละ  ก็นึกว่าผีหลอกเสียแล้ว  นี่เป็นเพราะอะไร  เพราะใจเราปรุง แต่งไปเอง ใจของเราทำ� ใหเ้ ร่ืองธรรมดาๆ กลายเป็นเร่อื งทีน่ ่ากลัว พอ่ ช่วยไมไ่ ดท้ �ำอะไรสักหนอ่ ย เขาไปสูส่ ุคตแิ ล้ว แต่ใจที่กลวั ก็เลย ปรงุ แตง่ ผีใหม้ าหลอกตวั เราเอง อาตมาถงึ บอกวา่ ใจเราเปน็ สง่ิ ทน่ี า่ กลัวท่สี ดุ ในป่าน ้ี เพราะมนั อาจจะท�ำรา้ ยเราได้อยา่ งทีเ่ รานกึ ไมถ่ ึง มีเพ่ือนชาวอังกฤษเล่าให้ฟังว่า  มีคนหนึ่งขับรถไปเท่ียวท่ี สกอ็ ตแลนด ์ ตกค่�ำก็ไปพกั ในปราสาทเกา่ หลงั หนงึ่  เขา้ ใจวา่ ปราสาท หลงั นัน้ เขาแปลงส่วนหน่งึ มาเปน็ ทพ่ี ักนักท่องเท่ียว คืนนัน้ ปรากฏ ว่ามีพายุเข้ามา  ฝนตกฟ้าร้องจนไฟดับ  เขากลัวมากเลย  เพราะ บรรยากาศวังเวงและน่ากลัวมาก  ห้องที่เขาพักก็ดูเก่าๆ  คงอายุ หลายร้อยปีแล้ว  ฟ้าผ่าแต่ละครั้งก็รู้สึกผวาเพราะเสียงดังแสบหู  เขากลวั จนตอ้ งเอาปนื มาวางขา้ งๆ ตวั  เสรจ็ แลว้ มชี ว่ งหนงึ่ ฟา้ แลบ แปลบ  เขาก็เห็นอะไรรางๆ  อยู่ท่ีปลายเตียง  คล้ายกับมือสองข้าง

ใกล้แสนใกล้ 20 ไกลแสนไกล ก�ำลังโผล่ขึ้นมา  มันโผล่สูงขึ้นมาเร่ือยๆ  ราวกับจะมาขย�้ำคอเขา เขาเลยคว้าปืนข้ึนมาจ่อยิงเลย  ปรากฏว่าคืนนั้นเขาต้องรีบไปโรง พยาบาลทันทีเพราะยงิ เทา้ ตัวเอง! เทา้ ของตวั เองแทๆ้  แตเ่ ปน็ เพราะความกลวั  เลยปรงุ แตง่ วา่ เป็นมือผีจะมาขย้�ำคอเขา  น่ีเป็นเพราะใจของเราแท้ๆ  ใจเราต่าง หากที่ท�ำให้ส่ิงธรรมดากลายเป็นส่ิงท่ีน่ากลัว  ถึงข้ันเห็นเท้าตัวเอง เปน็ มือผี เทา้ กบั มือน่ีมนั ตา่ งกนั มากนะ แต่พอเรากลัว มอื กบั เทา้ ก็เหมือนกันหมด  เหมือนหลวงพ่อองค์ท่ีเพ่ิงเล่าให้ฟัง  ท่านได้ยิน เสยี งหนูแตก่ ลับนึกว่าเปน็ เสยี งหมี เพราะฉะนัน้ อยวู่ ัดหรืออยูท่ ี่ไหนกต็ าม ส่ิงทีน่ า่ กลวั มากท่ีสุด คือใจของเรา  โดยเฉพาะใจของคนท่ีข้ีกลัว  มันสามารถท�ำให้เห็น หนเู ปน็ ช้าง เหน็ กวางเป็นเสอื  เหน็ เท้าตวั เองเปน็ มอื ผไี ด้ ด้วยเหตุ นจี้ งึ ไมม่ อี ะไรนา่ กลวั เทา่ กบั ความกลวั ในใจเรา ทจ่ี รงิ ความกลวั เปน็ เรอ่ื งธรรมดา แตป่ ญั หาเกดิ ขน้ึ เมอื่ เราปลอ่ ยใหค้ วามกลวั มาครอบงำ�

พระไพศาล 21 วิสาโล จิตใจ ที่ความกลวั มาครอบง�ำจติ ใจไดก้ ็เพราะใจไมไ่ ด้รบั การฝกึ ฝน กลายเป็นใจท่ีไม่มีสติ  เม่ือไม่มีสติก็จะกลัวไปหมด  กลัวน่ันกลัวนี่ กลายเปน็ ใจทหี่ ลงตน่ื ตกใจงา่ ย เมื่อรู้อย่างน้ีแล้วเวลาเราได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ  หรือเห็น อะไรแปลกๆ  ดูใจตัวเองก่อน  ถามใจตัวเองว่ามีสติอยู่หรือเปล่า  แลว้ อยา่ เพงิ่ ดว่ นสรปุ วา่ เจออะไรเพราะหอู าจจะหลอกเรา ตาอาจจะ หลอกเรา โดยมคี วามกลวั ชกั ใยอยเู่ บ้ืองหลังก็ได ้ เพราะวา่ ส่ิงที่เรา เห็นหรือได้ยินนั้นข้ึนอยู่กับใจของเราด้วย  ถ้าเรากลัว  เราก็เห็นแต่ สิ่งที่น่ากลัว  ถ้าเราเกลียดใคร  เราก็เห็นแต่สิ่งที่ไม่น่าดูของเขา  เพราะเหตุน้ีจิตใจจึงเป็นสิ่งที่วัดป่าสุคะโตให้ความส�ำคัญเป็นพิเศษ ที่เราเรียกตัวเองว่า  “สถาบันสติปัฏฐาน”  ไม่ได้เป็นการยกตัวนะ แตเ่ ปน็ ความตง้ั ใจทจี่ ะชว่ ยสถาปนาสติใหต้ งั้ มน่ั ในใจเรา สถาบนั คอื สง่ิ ทจี่ ะชว่ ยทำ� ใหต้ ง้ั มนั่  ใจจะดไี ดก้ เ็ พราะมสี ตคิ มุ้ ครอง เราจงึ อาสา ท่ีจะมาชว่ ยกนั สถาปนาสตใิ หต้ ั้งมั่นในใจเรา ทน่ี เ่ี ราจะเนน้ เรอื่ งการมองตนเองเปน็ พเิ ศษ เพราะวา่ เปน็ สง่ิ ที่ผู้คนเดี๋ยวน้ีมองข้ามกัน  เรามองไปนอกตัวเสียมาก  เพราะคิดว่า ความสขุ หรอื สรณะของเราอยทู่ ภ่ี ายนอก เชน่  คนรกั  ทรพั ยส์ มบตั ิ

ใกล้แสนใกล้ 22 ไกลแสนไกล ชื่อเสียง แต่เราลืมมองไปว่า  ส่ิงท่ีส�ำคัญท่ีสุดคือใจเราต่างหาก พทุ ธศาสนาเน้นตรงน้มี าก พยายามใหเ้ รามารู้จักใจของตัวเอง ในสมัยพุทธกาลเคยมีพวกมานพหนุ่มพานางคณิกามาเท่ียว ในสวน  เสร็จแล้วก็เผลอหลับไป  นางคณิกาจึงปลดทรัพย์ของ  มานพหนมุ่ เหลา่ นนั้ ไปจนหมดแลว้ หนไี ป พอมานพเหลา่ นต้ี น่ื ขนึ้ มา รู้ว่าถูกปลดทรัพย์ไปหมด  ก็พากันตามหานางคณิกา  พอดีไป  เจอพระพทุ ธเจา้ กเ็ ลยถามพระองคว์ า่ เหน็ นางคณกิ าผา่ นมาบา้ งไหม พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ท่านจะแสวงหานางคณิกาท�ำไม  แสวงหา  ตวั เองไมด่ ีกว่าหรือ? การแสวงหาตนเองเปน็ สงิ่ สำ� คญั มาก และตอ้ งเรม่ิ ตน้ จากการ หันมาดูตนอยู่บ่อยๆ  แต่คนเราไม่ค่อยสนใจดูตนเท่าไหร่  เราชอบ มองออกไปนอกตวั  มเี รือ่ งเลา่ วา่ เศรษฐีกับขโมยมาพกั ในโรงเต๊ยี ม เดยี วกนั  ขโมยเหน็ เศรษฐ ี กอ็ ยากจะไดเ้ งนิ ของเศรษฐ ี ตอนเยน็ จงึ ออกอุบายว่าให้เศรษฐีไปกินข้าวเย็นก่อน  ส่วนเขาจะตามไปทีหลัง พอเศรษฐลี งไปกนิ ขา้ ว เขากล็ งมอื คน้ หาเงนิ ของเศรษฐ ี แตห่ าเทา่ ไหร่ก็ไม่เจอ  วันที่สองก็ท�ำอย่างเดียวกัน  พยายามหาให้ละเอียด  ท้ังใต้หมอนและใต้เตียงเศรษฐี  ข้างฝาด้วย  แต่ก็ไม่เจอ  ในท่ีสุดก็

พระไพศาล 23 วิสาโล อดใจไมไ่ ด ้ จงึ สารภาพความจรงิ  และถามเศรษฐวี า่ เอาเงนิ ไปซอ่ น ท่ีไหน  เพราะสังเกตดูเศรษฐีไม่ได้พกเงินติดตัวเวลาลงไปกินข้าว เขาอยากรมู้ าก ถา้ ไมร่ คู้ งจะนอนตายตาไมห่ ลบั  เพราะเปน็ ขโมยที่ ไม่เคยประสบความล้มเหลว  เศรษฐีพอได้ยินเช่นนั้น  ก็เลยบอกว่า เราก็เอากระเป๋าเงินไปซ่อนไว้ใต้หมอนของท่านไงตอนท่ีท่านเข้า ห้องนำ้�  กอ่ นจะลงไปขา้ งล่าง ขโมยพลาดท่าเสียทีก็เพราะค้นทุกหนแห่ง  แต่ลืมค้นหมอน  ของตวั เอง เรอื่ งนเ้ี ขาตอ้ งการบอกอะไร เขาตอ้ งการบอกวา่  คนเรา  มักจะมองข้ามสง่ิ ใกล้ตวั  ย่งิ ใกลต้ ัวมากเท่าไหรก่ ็ยิง่ ละเลย กลบั ไป สนใจสงิ่ นอกตวั หรอื ไกลตวั  ยง่ิ สง่ิ ที่ใกลแ้ สนใกลค้ อื ใจของเรา ยง่ิ มอง  ไม่เห็นเลย  โกรธอยู่ในใจแท้ๆ  ก็ไม่รู้  เกลียดอยู่ในใจแท้ๆ  ก็ไม่รู้ อยา่ งทเี่ ขาเรยี กวา่  นกไมเ่ หน็ ฟา้  ปลาไมเ่ หน็ นำ�้  หนอนไมเ่ หน็ อาจม  น่ีคือจุดอ่อนที่ส�ำคัญของมนุษย์  เรารู้ทุกอย่างที่อยู่นอกตัว แตไ่ มร่ เู้ รอ่ื งตวั ของเราเอง หรอื เรอื่ งใจของเรา มนี ทิ านอนิ เดยี นแดง อยเู่ รอื่ งหนงึ่ นา่ สนใจมาก นทิ านเรอ่ื งนเี้ ลา่ วา่  เมอื่ พระเจา้ สรา้ งโลก พระเจา้ สรา้ งสตั วข์ น้ึ มากอ่ น แลว้ ในทส่ี ดุ กส็ รา้ งมนษุ ย ์ สรา้ งมนษุ ย์ ขึ้นมาแล้วก็นึกข้ึนมาได้ว่ามนุษย์นี้มันมีปัญญามาก  ปัญญาของ

ใกล้แสนใกล้ 24 ไกลแสนไกล มนษุ ยส์ ามารถทำ� ใหเ้ ปน็ อสิ ระจากพระเจา้  หรอื ทำ� ตวั เหมอื นพระเจา้ ได ้ พระเจา้ กเ็ ลยมคี ำ� ถามขน้ึ มาวา่  จะเอาปญั ญาของมนษุ ย์ไปซอ่ น ไว้ท่ีไหนดี  จึงเรียกราชสีห์ให้ไปช่วยหาค�ำตอบ  ราชสีห์จึงประชุม หมสู่ ตั วท์ กุ ชนดิ เลยในสากลโลกแลว้ ถามวา่  ใครรบู้ า้ งวา่ จะเอาปญั ญา ของมนษุ ย์ไปซอ่ นไวท้ ่ีไหนด ี มนษุ ยถ์ งึ จะหาไมเ่ จอ ปลาวาฬสง่ เสยี ง แล้วตอบว่า  เอาไปซ่อนไว้ในสะดือทะเลที่ลึกท่ีสุดสิ  ราชสีห์คิด  สักพักก็บอกว่าไม่ได้หรอก  สักวันหนึ่งมนุษย์ก็จะต้องหาเจอ  หมีก็ เลยเสนอตัวว่าจะเอาไปไว้ในถ�้ำบนเขาท่ีสูงที่สุด  ราชสีห์ก็ตอบว่า  ไม่ไดผ้ ลหรอก ไม่ชา้ ก็เรว็ มนษุ ย์ตอ้ งหาเจอจนได้ พอเจอแบบนี้สัตว์ทั้งหลายก็เลยอึ้ง  นึกไม่ออกว่าจะเอาไป ซ่อนท่ีไหนด ี ระหวา่ งทีน่ ่งิ เงยี บน้ันเอง ก็มีเสยี งหนง่ึ ดังข้นึ มาว่า “ผมเอง” ปรากฏวา่ เปน็ เสยี งของหน ู เลยมเี สยี งโหฮ่ าดงั สนนั่ “ไอ้หนตู วั เลก็ ๆ ไมเ่ จียมสังขาร นำ้� หนา้ อย่างแกจะมปี ญั ญา หรือ” สัตว์ใหญ่หลายตัวสบประมาทเสียงดังฟังไม่ได้ศัพท์ ราชสีห์ จึงบอกให้เงียบ  แล้วถามหนูว่าเจ้าจะเอาไปซ่อนที่ไหน  หนูก็  ตอบว่า  ก็เอาไปซ่อนท่ีใจของมนุษย์ไง  ซ่อนตรงนั้นแหละรับรอง

พระไพศาล 25 วิสาโล มนุษย์หาไม่เจอ ราชสีห์ไตร่ตรองแล้วในท่ีสุดก็เห็นด้วย แล้วเอา  คำ� ตอบไปบอกพระเจ้า พระเจา้ กท็ �ำตามที่หนูแนะนำ� ท�ำไมซ่อนท่ีใจของมนุษย์แล้วมนุษย์จะหาไม่เจอ  ก็เพราะ มนุษยช์ อบมองออกไปนอกตวั  มนษุ ย์เรารูท้ กุ เร่ืองตัง้ แต่อะตอมไป ถงึ จกั รวาล พยายามเดนิ ทางไปทกุ หนแหง่  ไมว่ า่ ภเู ขาสงู  ใตส้ มทุ ร ขั้วโลกเหนอื ใต้ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร แต่มีสิ่งเดียวท่ีเราแทบจะ ไมร่ เู้ ลย คอื ใจของเราเอง ไมม่ อี ะไรทใ่ี กลเ้ ทา่ กบั ใจของเรา แตข่ ณะ เดยี วกนั ใจกเ็ ปน็ สงิ่ ดเู หมอื นไกลเหลอื เกนิ  เพราะเราชอบปลอ่ ยปละ ละเลย ไมส่ นใจทจ่ี ะไปสำ� รวจหรอื ทำ� ความรจู้ กั  ใจจงึ เตม็ ไปดว้ ยความทกุ ข์  เพราะถกู ปลอ่ ยใหอ้ ะไรตอ่ อะไรมาครอบงำ�  ทงั้ ความโกรธ ความเกลยี ด  ความกลัว  ความหลง  เสร็จแล้วเราก็ถูกอารมณ์เหล่าน้ันผลักไสให้ ระหกระเหิน และเหนิ หา่ งจากความสุข ไม่รู้จกั ความสงบเสียที ถา้ ไมร่ จู้ กั ใจของเรา ก็ไมม่ วี นั รจู้ กั ความสงบสขุ  เราแสวงหา อะไรตอ่ อะไรมาเยอะ เดนิ ทางทอ่ งเทยี่ วมามากแลว้  ชว่ ง ๓-๔ วนั น้ีลองมาดูใจของเรา  สัมผัสรับรู้กับส่ิงต่างๆ  ท่ีอยู่ในใจเรา  รวมท้ัง ความสุขท่ีมีอยู่แล้วในใจของเรา  ถ้าท�ำได้เช่นนี้จะคุ้มค่ากว่าการ  เดินทางทอ่ งเท่ยี วไปไหนตอ่ ไหนเสียอกี  



แสงแห่งธรรม บรรยายเยน็ วนั ที่ ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๔๙ ชวี ติ ทนี่ เ่ี รม่ิ ตน้ ตง้ั แตต่ สี ามเศษๆ ซง่ึ ตา่ งจากชวี ติ ของคนทว่ั ไป ทำ� ไมถงึ เปน็ เชน่ นนั้  กเ็ พอ่ื ใหเ้ ราไดต้ นื่ ขน้ึ มาทา่ มกลางความสงบสงดั   และความสงบสงัดน้ีเองจะท�ำให้ใจของเราสงบสงัดตามไปด้วย  แต่ส�ำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการตื่นเช้า  ความรู้สึกอย่างแรกท ่ี ต้องเจอ  คือ  ความง่วง  แต่ว่าเมื่อเราคุ้นเคย  ความสงบใจก็จะเข้า มาแทนทคี่ วามงว่ ง ใจเราสงบไดส้ ว่ นหนงึ่ กเ็ พราะอาศยั สงิ่ แวดลอ้ ม ทส่ี งดั  อกี สว่ นหนงึ่ กเ็ พราะวา่ ในยามนช้ี วี ติ ของเรายงั ไมว่ นุ่ วายมาก และจติ ใจของเรากย็ งั ไมป่ ราดเปรยี วหรอื กระฉบั กระเฉงจนกลายเปน็ ฟุ้งซา่ น เพราะฉะนนั้ นกั ปฏิบัตธิ รรมจึงนิยมต่ืนแต่เชา้ มดื  บางทา่ น กป็ ฏบิ ัตขิ า้ มคนื ไปจนสวา่ ง ไมไ่ ดน้ อนเลย บางสำ� นกั พอถงึ วันพระ

แสง 28 แห่งธรรม ก็จะปฏิบัตขิ ้ามคนื  คอื พอท�ำวตั รเย็นเสร็จกท็ �ำสมาธิภาวนา ต่อไป จนกระทงั่ ทำ� วตั รเชา้ เลย ใครที่มีโอกาสท�ำสมาธิภาวนาข้ามคืนจะสังเกตได้ว่า  พอถึง กลางคืนจิตใจของเราจะน่ิงได้ง่ายขึ้น  ฟุ้งซ่านน้อยลง  จิตท่ีเคย  ปราดเปรยี วในการคดิ จะเคลอื่ นไหวชา้ ลง เมอ่ื ความฟงุ้ ซา่ นนอ้ ยลง ความสงบกม็ าแทนท่ีโดยปรยิ ายโดยเฉพาะในชว่ งเชา้ มดื  ไม่ใชส่ งบ อย่างเดียว  แม้แต่ความสว่างก็จะปรากฏขึ้นได้ง่ายในจิตใจ  เราคง ทราบดีว่าพระพทุ ธเจา้ ได้บรรลุธรรมขัน้ สงู สดุ ก็ในชว่ งน้ี วนั วสิ าขปณุ ณม ี หรอื วนั เพญ็ เดอื นหก จะมคี วามหมายแทจ้ รงิ ก็ตอนท่ีเรียกว่ายามสาม  คือ  ระหว่างตีสองถึงหกโมงเช้า  ซึ่งตาม ประเพณโี บราณยงั ไมถ่ อื วา่ ขน้ึ วนั ใหมจ่ นกวา่ จะสวา่ ง แตถ่ า้ นบั แบบ สมัยใหม่หรือแบบสุริยคติ  เลยเที่ยงคืนก็ถือว่าขึ้นวันใหม่แล้ว  แมจ้ ะยงั ไมส่ วา่ งกต็ าม ถา้ นบั แบบจนั ทรคต ิ ชว่ งทเี่ รยี กวา่ วนั วสิ าขะ จะยงั ไมพ่ น้ ไปจนกวา่ จะเลยหกโมงเชา้ ของวนั รงุ่ ขนึ้  ในชว่ งนแี้ หละท่ี  พระพทุ ธเจา้ ไดบ้ รรลธุ รรมขน้ั สงู สดุ  เปน็ พระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้   และยงั มอี กี หลายทา่ นทบี่ รรลธุ รรมในชว่ งเชา้ มดื น ี้ เพราะวา่ ธรรมชาติ ของจิตใจเราจะสงบสงดั และพรอ้ มทจ่ี ะตนื่ ร้ภู ายใน

พระไพศาล 29 วิสาโล ทจี่ รงิ ลองสงั เกตดู ตอนเช้ามดื หรือกลางคนื  สัตวน์ านาชนดิ จะตน่ื ขนึ้ มาหากนิ  ทเี่ หน็ ไดช้ ดั คอื  ตกุ๊ แก หน ู ง ู คา้ งคาว แตท่ จ่ี รงิ มีมากกว่านนั้  สัตวห์ ลายชนิดตืน่ ขนึ้ มากลางดึก ใจเรากพ็ ร้อมท่จี ะ ตืน่ ข้นึ มาเหมอื นกัน แม้รอบตัวจะมดื สนทิ กต็ าม การท่ีเราต่ืนข้ึนมาแต่เช้ามืดยังมีประโยชน์อีกอย่างหน่ึง  ซ่ึง คนทต่ี น่ื สายจะไมม่ โี อกาสไดร้ บั ร ู้ นน่ั คอื การไดเ้ หน็ แสงเงนิ แสงทอง ย่ิงถ้าอยู่ในสถานท่ีท่ีเหมาะก็จะเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมลอยข้ึนมา จากขอบฟ้า  คนเรามีความผูกพันกับพระอาทิตย์  โดยเฉพาะเวลา เช้าตรู่  เวลาพระอาทิตย์ข้ึนมาจะเกิดความรู้สึกแจ่มใสโปร่งโล่ง  ความงว่ งหากยังมีอยกู่ ็จะเลอื นหายไป มคี วามรูส้ กึ กระปรกี้ ระเปร่า เกิดข้ึนมา  เป็นความรู้สึกเบิกบานไม่ต่างจากดอกบัวยามต้องแสง อาทิตย์  แสงเงินแสงทองและอาทิตย์ยามอรุณรุ่งมีผลต่อจิตใจของ คนเรามาก น้ีคือเหตผุ ลว่าท�ำไมผ้คู นจงึ อตุ สาหเ์ ดินทางไปค้างแรม บนภูเขา  แม้จะสูงชันและหนาวเหน็บ  เช่น  ข้ึนไปท่ีภูกระดึง  ดอยอนิ ทนนท ์ หรอื ภชู ฟี้ า้  ยง่ิ ถา้ เปน็ วนั ปีใหมด่ ว้ ยแลว้  ผคู้ นจะแห่ ข้ึนไปจนแทบไม่มีค้างแรม  เพราะใครๆ  ก็อยากเห็นแสงแรกของ ดวงอาทติ ย์ในวนั แรกของป ี เพราะเชอ่ื วา่ จะเปน็ นมิ ติ หมายทดี่ สี ำ� หรบั ชีวิตในปีใหม่

แสง 30 แห่งธรรม แต่ถึงจะเป็นวันไหนก็ตาม  เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยว ตามป่าเขาหรือท้องทุ่ง  ก็คือได้เห็นแสงของพระอาทิตย์ในวันใหม่ การได้เห็นแสงเงินแสงทองและอาทิตย์ยามเช้าจะท�ำให้เรารู้สึกปีติ ปราโมชมาก มนุษย์เรามีความรู้สึกผูกพันกับแสงอรุณมาก  จึงหาโอกาส มาช่ืนชมไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ตาม  ความรู้สึกปีติปราโมทย์ยามแสง อาทิตย์ต้องใจ  เป็นอภิสิทธ์ิที่สงวนไว้เฉพาะส�ำหรับคนที่ต่ืนแต่เช้า มดื หรอื กอ่ นพระอาทติ ยข์ น้ึ  ในยามทเ่ี รามคี วามทอ้ แทใ้ นชวี ติ  รสู้ กึ ชีวิตของฉนั มันช่างมดื มนเหลอื เกิน การได้มาเห็นแสงเงนิ แสงทอง อาจช่วยสอ่ งใจให้เกดิ ความหวงั ขึ้นมาได้อย่างท่ีเรานกึ ไม่ถงึ มีดีเจหญิงคนหนึ่ง  เป็นคนมีรูปร่างหน้าตาดี  ฐานะการเงิน  กด็  ี แตเ่ กดิ มปี ญั หาครอบครวั ขนึ้ มา ผดิ หวงั ในครู่ กั  รสู้ กึ ทกุ ข์ใจมาก  ทุกข์จนไม่เป็นอันกินอันนอน  มีคราวหนึ่งเธอครุ่นคิดกับเร่ืองนี้  ทั้งคืน  ย่ิงคิดก็ยิ่งติดตันหาทางออกไม่เจอ  ก็เลยคิดจะกระโดดตึก  ลงมา  ตอนท่ีเธอก�ำลังจะกระโดดจากระเบียงนั้นเป็นช่วงใกล้สว่าง พอดี  พอเหลือบมองท้องฟ้าเห็นแสงเงินแสงทองส่องประกาย  เธอก็ชะงักทันที  ความรู้สึกเปลี่ยนไปเพราะได้คิดขึ้นมาว่าท้องฟ้า 

พระไพศาล 31 วิสาโล ไม่เคยมืดมิดไปได้ตลอด  ไม่ช้าก็เร็วความสว่างก็จะมาแทนท ่ี ขณะน้ันเองท่ีเธอรู้สึกมีความหวังข้ึนมาว่าชีวิตของเธอถึงจะมืดมน เพียงใด  สักวันหน่ึงก็จะสว่างไสวข้ึนมาใหม่  เธอจึงเปล่ียนใจไม่ฆ่า ตวั ตาย และกจ็ รงิ อยา่ งทเ่ี ธอคาด ไมน่ านชวี ติ ของเธอกก็ ลบั ฟน้ื ขนึ้ มาใหม่ ตอนน้ีเธอมีความสุขกวา่ เมอ่ื ก่อนมาก และมผี ลงานทร่ี ูจ้ ัก มากข้ึน โดยเฉพาะงานแปลหนงั สือ ไม่ใช่ดีเจคนน้ีเท่าน้ัน  แสงเงินแสงทองหรือแสงแรกของวัน สามารถใหค้ วามหวงั กบั เราทกุ คนวา่  ไมช่ า้ กเ็ รว็ จะตอ้ งมเี ชา้ วนั ใหม่ มาแทนที่ค�่ำคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บ  ตรงน้ีเองที่ท�ำให้มันมี ความหมายตอ่ คนทสี่ นใจเรอ่ื งธรรมะ เพราะวา่ ธรรมะกเ็ ปรยี บเสมอื น แสงอาทิตย์เช่นกัน  เม่ือคนเราได้สัมผัสกับธรรมะโดยเฉพาะยาม ทุกข์จะซาบซึ้งมาก  เพราะว่าธรรมะเปรียบเสมือนแสงส่องใจท�ำให้ ชีวิตน้ีหายจากความมืดมน  การที่ได้มาเห็นโลกสว่างไสวยามต้อง แสงอาทิตย์  ท�ำให้เราปรารถนาจะเห็นจิตใจของเราสว่างไสวด้วย แสงแห่งธรรม  การท่ีได้ตื่นมาเห็นแสงอรุณจึงสามารถเสริมสร้าง ฉันทะและก�ำลังใจให้แก่ผู้ใฝ่ธรรมได้มาก  นี้คือเหตุผลส�ำคัญอีก ประการหน่ึง  ที่เราจึงควรตื่นแต่เช้ามืดเพื่อสร้างความเพียรในการ ปฏบิ ัติธรรม

แสง 32 แห่งธรรม มีหลายคนท่ีเลิกคิดฆ่าตัวตาย  เม่ือได้เห็นแสงอรุณเบิกฟ้า ท�ำให้เป็นแง่คิดว่าคนท่ีท้อแท้สิ้นหวัง  จะรู้สึกกระทบใจได้ง่ายยาม เหน็ แสงอาทติ ย ์ ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้  คนทจ่ี มอยใู่ นความทกุ ขก์ จ็ ะซาบซง้ึ ใจในคณุ คา่ ของธรรมไดง้ า่ ยกวา่ คนอน่ื  คนทกี่ ำ� ลงั เศรา้ โศกหมน่ หมอง แมจ้ ะยงั ไมร่ จู้ กั ธรรมะมากเทา่ ไหร ่ แตเ่ พยี งแคเ่ หน็ ประพมิ พป์ ระพาย ของธรรมะ หลายคนจะรสู้ กึ สะดดุ ใจขนึ้ มา ทำ� นองเดยี วกบั คนทค่ี ดิ ฆ่าตัวตาย  แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นแสงแรกของวัน  ตรงกันข้ามกับคน  ท่ีมีความสุข  เขาจะไม่ค่อยสนใจธรรมะหรือสะดุดใจกับธรรมะ  เพราะคิดว่าเงินทอง  ชื่อเสียง  ความส�ำเร็จ  เป็นสรณะของชีวิต  ก็ในเม่อื ฉนั ก�ำลงั มีความสุขกบั ส่งิ เหลา่ นอี้ ยู่แลว้  ฉันจะสนใจธรรมะ ไปทำ� ไม แตเ่ มอ่ื ใดกต็ ามทเ่ี ขามคี วามทกุ ข ์ เชน่  อกหกั  คนรกั ตายจาก เขาจะไดค้ ดิ วา่ เงนิ ทอง ชอ่ื เสยี ง เกยี รตยิ ศ และความสำ� เรจ็  แทบจะ  ไม่มีความหมาย  อย่างดีเจผู้หญิงคนนี้  เธอมีทุกอย่างในชีวิต  แตพ่ อประสบปญั หาครอบครวั แลว้ กท็ ำ� ใจไมไ่ ด ้ ทกุ อยา่ งทม่ี อี ยหู่ มด ความหมายไปเลย แลว้ เธอก็ไดค้ ดิ วา่ มนั ไม่ใชส่ รณะเลย เหมอื นกบั เราท่ีสวดท�ำวัตรเมื่อครู่  คนเรามักคิดว่าวัตถุภายนอก  เช่น  ภูเขา ป่าไม้  รุกขเจดีย์  เป็นต้น  ซ่ึงรวมไปถึงทรัพย์สมบัติ  ชื่อเสียง 

พระไพศาล 33 วิสาโล จะเปน็ สรณะใหก้ บั เราได ้ แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้  ธรรมะตา่ งหาก โดยเฉพาะ ปญั ญาทเ่ี ขา้ ใจในอรยิ สจั สตี่ า่ งหากทจ่ี ะเปน็ สรณะของเราอยา่ งแทจ้ รงิ ธรรมะน้ันท่ีจริงไม่ใช่อะไรหรอก  คือส่ิงที่จะมาช่วยให้ใจเป็นท่ีพึ่ง  ของตนเอง เปน็ สง่ิ ทช่ี ว่ ยใหใ้ จมคี ณุ ภาพใหม ่ มคี วามเขม้ แขง็  สะอาด สงบ  และสว่าง  แต่คนเราจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่าน้ีจนกว่าจะ ไดเ้ จอความทกุ ข ์ แลว้ พบว่าสงิ่ นอกตวั ท้งั หลายชว่ ยอะไรไม่ได้ คนเราถา้ ไมเ่ หน็ ความจรงิ ตรงน ี้ กจ็ ะหนั ไปทมุ่ เทกบั การแสวงหา  สิ่งภายนอก  หวังว่าจะเป็นที่พ่ึงอันม่ันคงเข้มแข็ง  แต่ก็ไม่มีทาง  ที่มันจะป้องกันความทุกข์ได้อย่างแท้จริง  แม้ว่าจะเป็นพระราชา  มหากษตั รยิ ม์ อี ำ� นาจลน้ ฟา้ มกี ำ� ลงั ทหารมากมาย มที รพั ยส์ นิ มหาศาล แตก่ ็ไมม่ ีความสุข เมอื่ สองปที แี่ ลว้ อาตมาไดม้ โี อกาสไปประเทศศรลี งั กากบั หลวง พอ่ คำ� เขยี น รวมทงั้ เพอ่ื นสหธรรมกิ และญาตโิ ยมหลายคน พวกเรา ได้ไปเยือนสถานท่ีแห่งหน่ึงซ่ึงมีช่ือเสียงมาก  นักท่องเที่ยวนิยมไป ที่น่ัน  ได้แก่สีคีรียา  สีคีรียาเป็นพระราชวังอายุ  ๑,๕๐๐  ปี  ถือว่า เปน็ พระราชวงั ทมี่ ศี ลิ ปะงดงามมาก โดยเฉพาะศลิ ปะภาพวาดแบบ เฟรสโก ้ คือภาพทวี่ าดบนปนู ทย่ี งั เปยี กอย ู่ ผา่ นมาแลว้  ๑,๕๐๐ ปี

แสง 34 แห่งธรรม ภาพวาดหลายภาพก็ยังสวยและชัดอยู่  ซึ่งท�ำให้ฝร่ังทึ่ง  เพราะไม่ คิดว่าประเทศเล็กๆ  อย่างศรีลังกาจะมีศิลปะโบราณที่งดงาม  ขนาดน ้ี สคี รี ยี ายงั เคยมอี ทุ ยานทงี่ ดงามและยงิ่ ใหญต่ ระการตามาก มที ง้ั อทุ ยานนำ้�  อทุ ยานหนิ  และอทุ ยานขนั้ บนั ได แตต่ วั พระราชวงั จริงๆ  อยู่บนเขา  ต้องปีนขึ้นไป  เขาต้องสกัดหินเป็นข้ันบันไดขึ้น ไปจนถึงยอดซ่ึงเป็นที่ราบ  เราก็สงสัยว่า  เอ๊ะ  ท�ำไมถึงต้องข้ึนไป ยากเยน็ ขนาดนนั้  เพราะภเู ขามลี กั ษณะเหมอื นกอ้ นสเี่ หลย่ี มมหมึ า ตงั้ อยบู่ นดนิ  ลองนกึ ภาพดวู า่ มนั ชนั ขนาดไหน มนั ไม่ใชส่ ามเหลย่ี ม นะ  มันเป็นส่ีเหลี่ยม  กว่าจะข้ึนไปได้ต้องเหน่ือยทีเดียว  เวลาพระ ราชาจะเทยี่ วอทุ ยานกต็ อ้ งลงมาจากเขา เสรจ็ แลว้ กต็ อ้ งกลบั ขนึ้ ไป พักบนเขา  นับว่ายุ่งยากมาก  แต่ท�ำไมพระราชาเลือกไปสร้าง พระราชวังอยู่บนยอดเขา  ซึ่งสูงประมาณ  ๒๐๐  -  ๓๐๐  เมตร เพราะอะไร กเ็ พราะกลัวศตั รู ศตั รูคอื ใคร คือนอ้ งชายตัวเอง นอ้ งชายของตวั เองเตรยี มตวั จะเปน็ กษตั รยิ  ์ แตต่ วั เองไปแยง่ บลั ลงั กจ์ ากเขามา เทา่ นนั้ ไมพ่ อ ยงั ฆา่ พอ่ ของตวั ดว้ ย พอ่ เปน็ พระ ราชาที่หมายม่ันปั้นมือจะมอบราชสมบัติให้กับน้องชาย  น้องชาย ช่ือโมคคัลลานะ  ตัวผู้สร้างสีคีรียาชื่อกัสสปะ  ชื่อเหมือนกับพระ อรหนั ต์ในสมยั พทุ ธกาล แตว่ า่ ประพฤตติ วั เลวรา้ ยมากเพราะฆา่ พอ่

พระไพศาล 35 วิสาโล จบั ขงั ใสไ่ วใ้ นถำ�้ แลว้ เอาปนู โบกไว ้ นเี่ ปน็ การฆา่ กษตั รยิ ท์ ่ีไม่ใหเ้ ลอื ด ตกยางออก  ให้ตายอย่างช้าๆ  เสร็จแล้วกลัวน้องชายซึ่งหนีไปได้ เลยย้ายเมืองหลวงจากอนุราธปุระ  มาสีคีรียา  มาสร้างพระราชวัง อยบู่ นยอดเขา ซง่ึ ก็ไมไ่ ดม้ พี น้ื ทกี่ วา้ งขวางอะไรเลย เสรจ็ แลว้ กส็ รา้ ง อุทยานเอาไว้ข้างล่าง  แล้วเวลาจะดูนางสนมสรงสนานก็เอากล้อง สอ่ งลงมาจากขา้ งบนเพอื่ เลอื กวา่ จะเอานางสนมคนไหนมาปรนนบิ ตั ิ บนพระราชวงั  พระราชวงั ทจี่ รงิ ก็ไม่ใชอ่ ะไรหรอก กค็ อื ปอ้ มปราการ นน่ั เอง พระเจา้ กสั สปะคดิ วา่  นน่ั แหละจะทำ� ใหช้ วี ติ มน่ั คงปลอดภยั ได้  แต่ว่ามันไม่เคยท�ำให้พระเจ้ากัสสปะมีความสุขเลย  เพราะว่า ต้องอย่ดู ้วยความหวาดระแวงและความกลัวตลอดเวลา  แต่แลว้ ความปลอดภยั  ความมั่นคง ทีค่ ดิ วา่ ตวั เองจะไดจ้ าก การไปอยู่บนยอดเขา  มันไม่มีวันจีรังย่ังยืน  ในที่สุดน้องชายคือ  พระโมคคลั ลานะกส็ ามารถกรธี าทพั เขา้ มายดึ ครองสคี รี ยี า จนพระเจา้   กสั สปะต้องปลิดชวี ิตตัวเอง เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า  แม้จะมีอ�ำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน  มีก�ำลังทหารมากมาย  มีป้อมปราการท่ีย่ิงใหญ่  ยากท่ีศัตรูจะเข้า  ยึดครองได้  แต่ในที่สุดก็เอาตัวไม่รอด  เพราะว่าส่ิงเหล่านั้นไม่ใช่

แสง 36 แห่งธรรม ปอ้ มปราการของชวี ติ  สง่ิ ทจ่ี ะใหค้ วามมนั่ คงปลอดภยั แกค่ นเราอยา่ ง แทจ้ รงิ  คอื  ป้อมปราการในจติ ใจ ป้อมปราการในจิตใจ  จะเกิดขึ้นได้ไม่ต้องอาศัยอ�ำนาจหรือ ทรพั ยส์ มบตั เิ ลย อาศยั แคธ่ รรมะ เรมิ่ ตงั้ แตก่ ารทำ� ความด ี ถา้ เราทำ�   ความด ี จติ ใจกจ็ ะสงบ แตห่ ากไดท้ ำ� ความชวั่ แลว้  โดยเฉพาะฆา่ พอ่   แล้วไปแย่งชิงราชสมบัติจากน้องชาย  ก็ไม่มีทางที่จะมีความสุขได้ แม้จะมีป้อมปราการท่ียิ่งใหญ่  มีกองทัพที่เข้มแข็งเพียงใดก็ตาม  อนั น้ีไมไ่ ด้เกิดขึน้ กบั พระเจา้ กัสสปะคนเดยี ว คนอืน่ ๆ ก็เหมือนกนั

พระไพศาล 37 วิสาโล อาตมาเคยไปเมืองออรงั กาบาด ประเทศอนิ เดยี  มีปราสาท แหง่ หนง่ึ มาจากภเู ขาซง่ึ ใหญโ่ ตมโหฬารกวา่ สคี รี ยี ามาก แถมสงู กวา่ ด้วย  นอกจากจะมีก�ำลังทหารป้องกันปราสาทอย่างแน่นหนาแล้ว ยังมีทางข้ึนเพียงไม่กี่ทาง  ซึ่งมีการตรวจตราอย่างดี  แต่ในท่ีสุด ปราสาทแหง่ น้ันกถ็ กู ตแี ตก เช่นเดียวกับก�ำแพงยักษ์ที่เมืองจีน  กษัตริย์จีนอุตส่าห์สร้าง กำ� แพงขนาดมหมึ า ยาวกวา่  ๒,๐๐๐ กโิ ลเมตร สรา้ งกนั เปน็ รอ้ ยปี  กว่าจะเสร็จ  อายุ  ๒,๐๐๐  ปีก็ยังไม่เสื่อมสลาย  แต่ก็ไม่สามารถ ปอ้ งกนั การรกุ รานจากพวกมองโกลได ้ แสดงวา่ สงิ่ ภายนอกนน้ั ไมม่ ี อะไรเลยที่จะให้ความมั่นคงปลอดภัยได้อย่างแท้จรงิ แตถ่ า้ เรามีปราการในจิตใจ ชวี ิตเราจะมน่ั คงข้นึ ได ้ จะไปอยู่ ท่ีไหนก็มีความสุข  ไร้ความวิตกกังวล  อย่างในสมัยพุทธกาลน้ัน  มพี ระราชาชอ่ื วา่ ภทั ทยิ ะ พระเจา้ ภทั ทยิ ะเปน็ พระญาตขิ องพระพทุ ธเจา้ ตอ่ มาไดส้ ละราชสมบตั อิ อกบวช แลว้ มาปฏบิ ตั ธิ รรมกบั พระพทุ ธเจา้ จนบรรลุธรรมในเวลาต่อมา  มีคราวหนึ่งท่านเปรยอยู่คนเดียวว่า  สุขหนอ  สุขหนอ  พระพุทธองค์ได้ยินจึงซักถามว่าท�ำไมจึงพูด  เชน่ นนั้  พระภัททยิ ะตอบว่า ตอนท่ีอยู่ในวงั แมจ้ ะมีสมบัตมิ ากมาย

แสง 38 แห่งธรรม และมีองครักษ์คอยรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา  แต่ก็ไม่รู้สึก เป็นสุข  แต่เมื่อมาบวชและอยู่ป่า  ไม่มีอะไรเลยนอกจากอัฐบริขาร เช่น  บาตร  จีวร  แต่กลับมีความสุขอย่างยิ่ง  มีความสุขอย่างท่ีไม่ เคยเป็นมาก่อน  อันนี้เป็นเพราะอะไร  เพราะใจมีท่ีพึ่งแล้ว  อย่างท่ีสวดเมื่อ  สกั คร ู่ ถา้ มนษุ ยเ์ ราไปเอาสง่ิ ภายนอกมาเปน็ ทพี่ ง่ึ ก็ไมม่ วี นั ทจี่ ะรสู้ กึ มั่นคงปลอดภัย  หรือมีความสุขได้  จนกว่าเราจะมีใจเป็นที่พึ่ง  คือ ใจทปี่ ระกอบดว้ ยธรรมะ ใจทม่ี กี ารพฒั นาดแี ลว้  เชน่  มสี ต ิ มปี ญั ญา มีความตื่นรู้ ด้วยเหตุนี้ผู้รู้ทั้งหลายจึงหันมาให้ความส�ำคัญกับการท�ำจิต ท�ำใจให้เกิดความตื่นรู้ข้ึนมา  คือ  เห็นโลกและชีวิตตามที่เป็นจริง และการแสวงหาส่ิงเหล่าน้ีบางคร้ังอาจจะสวนทางกับชีวิตท่ีสะดวก สบายดว้ ยซำ้�  เพราะชวี ติ ทส่ี ะดวกสบายมกั ทำ� ใหเ้ ราหลง ทำ� ใหค้ ดิ วา่   ฉนั มสี รณะทแ่ี ทแ้ ลว้  คอื  มเี งนิ  มที รพั ยส์ มบตั  ิ มอี ำ� นาจ มเี กยี รตยิ ศ แต่ส่ิงเหล่าน้ีมันให้ความมั่นคงและความสุขเพียงช่ัวคราวเท่านั้น ยามประสบกับความพลัดพรากสูญเสีย  สิ่งเหล่าน้ีช่วยให้หายทุกข์ ไม่ได้  แถมยังท�ำให้ทุกข์ด้วยซ�้ำ  เพราะอยากจะได้มากกว่าเดิม 

พระไพศาล 39 วิสาโล ไม่พอใจในส่ิงที่มี  มีเงินเป็นหม่ืนล้านแล้วก็ยังทุกข์เพราะอยากจะ ได้เพิ่ม  จะได้เป็นที่หน่ึงของเอเชีย  รวยเป็นท่ีหนึ่งของเอเชียก็ยัง ทกุ ข ์ เพราะอยากรวยเปน็ ทหี่ นงึ่ ของโลก แตถ่ า้ ไมไ่ ดก้ เ็ สยี ใจผดิ หวงั คนเราเปน็ ทกุ ขก์ เ็ พราะเหตุนแี้ หละ การทเี่ รามาปฏบิ ตั ธิ รรม มาตน่ื แตเ่ ชา้ มดื กอ่ นพระอาทติ ยข์ นึ้ มนั มคี วามหมายตอ่ ชวี ติ และจติ ใจของเรา ไมเ่ พยี งทำ� ใหเ้ รามโี อกาส ได้เห็นแสงเงินแสงทองหรืออาทิตย์ยามเช้าเท่าน้ัน  แต่ยังเป็นการ เปิดโอกาสให้ใจเราได้สัมผัสแสงเงินแสงทองของธรรมะด้วย  จาก จดุ นเี้ องที่ใจเราจะเกดิ ศรทั ธาและความเพียรในการปฏบิ ัตธิ รรมเพอื่ พฒั นาจติ ใจใหเ้ จรญิ ยง่ิ ขนึ้  อยา่ งไรกต็ ามอยากยำ�้ วา่ แสงเงนิ แสงทอง ยงั ไมถ่ งึ กบั เปน็ สงิ่ ประเสรฐิ ทสี่ ดุ ในชวี ติ  สง่ิ ประเสรฐิ คอื การทใี่ จของ เราสว่างไสวไม่ใช่แค่เห็นประพิมพ์ประพายของแสงแรกยามเช้า เท่านั้น  แต่สว่างไสวไปทั้งใจด้วยแสงแห่งธรรม  ซ่ึงที่จริงสาดส่อง อยตู่ ลอดเวลา เป็นแตว่ า่ ใจของเราจะเปิดรบั หรือไม่เทา่ นั้นเอง 



มิตรในเรือนใจ บรรยายเย็นวนั ที่ ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๔๙ ถ้าถามพวกเราง่ายๆ  ว่า  ใครบ้างที่รักตัวเอง  เช่ือว่าทุกคน จะตอ้ งตอบวา่ รกั ตวั เองทงั้ นนั้  ไมม่ ใี ครตอบวา่  ไมร่ กั ตวั เอง แตเ่ รา แน่ใจแล้วหรือว่า  เรารักตัวเองจริงๆ  ท�ำไมถึงพูดเช่นน้ัน  ก็เพราะ ว่าถ้าเรารักตัวเราเองจริง  การที่จะอยู่กับตัวเองคนเดียวก็ไม่น่าจะ เป็นเร่ืองยาก  กลับเป็นเรื่องท่ีน่ายินดีด้วยซ้�ำ  เพราะว่าเรารักอะไร กต็ าม เรากอ็ ยากจะอยกู่ บั สง่ิ นนั้  เรารกั ธรรมชาตเิ รากอ็ ยากอยใู่ กล้ ชดิ กบั ธรรมชาต ิ เรารกั พอ่  เรารกั แม ่ กอ็ ยากอยใู่ กลช้ ดิ กบั พอ่ กบั แม่  เรารกั แฟน กอ็ ยากอยใู่ กลช้ ดิ กบั แฟน แตพ่ อจะใหอ้ ยกู่ บั ตวั เองจรงิ ๆ ท�ำไมเรากลับไม่อยากอยู่  ท่ีจริงไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวก็ได้  อยู่ ท่ามกลางผูค้ นแตว่ ่าไม่ตอ้ งพดู คุยกัน ให้เราอยูก่ บั ความรู้สกึ ตวั เอง ไม่ต้องอ่านหนังสือไม่ต้องดูโทรทัศน์  หรือโทรศัพท์หาใคร  อยู่กับ

มิตรใน 42 เรือนใจ ตัวเองจริงๆ  ส่วนใหญ่กลับไม่อยากท�ำ  ยิ่งให้ปลีกตัวไปอยู่ในห้อง หรือกุฏิคนเดียว ย่งิ แล้วใหญ่ ลองคดิ ดใู หด้  ี ถา้ เราอยกู่ บั ตวั เราเองไมไ่ ด ้ จะเรยี กวา่  เรารกั ตัวเองไดไ้ หม ในความเป็นจริงก็คอื ว่า เราแต่ละคนเหมอื นกับมีสองรา่ งอยู่ ในตัวคนเดียวกัน  สองร่างน้ีอาจจะทะเลาะเบาะแว้งกัน  หาความ กลมกลนื กนั ไดย้ าก เพราะฉะนนั้ เวลาเราอยคู่ นเดยี ว ถา้ ไมง่ ว่ งนอน หรือไม่ท�ำอะไรเลย  จะเกิดส่ิงหน่ึงขึ้นมา  คือ  ความฟุ้งซ่าน  ความ กระสบั กระสา่ ย ความอดึ อดั  หรอื ถงึ กบั ทรุ นทรุ าย เจออยา่ งนจ้ี ะทำ� อยา่ งไร สว่ นใหญพ่ ยายามหาทางหนตี วั เอง หนตี วั เองอยา่ งไร ทำ� ได้ หลายอย่าง อยา่ งงา่ ยๆ คอื นอนเสียเลย นีเ่ ปน็ การหนตี ัวเองอย่าง หนึ่ง  ไม่เช่นน้ันก็หาอะไรมาท�ำ  เช่น  เปิดโทรทัศน์  อ่านหนังสือ หรือหาเพ่อื นคยุ  น่แี หละคอื การหนตี วั เอง เราหนีตัวเองเป็นประจ�ำจนอาจจะไม่ทันสังเกต  เพราะว่าท�ำ กันจนเป็นนิสัยแล้ว  แต่ลองพิจารณาดูเถอะว่า  อย่างน้ีใช่ไหมที่ เป็นการหนตี ัวเอง

พระไพศาล 43 วิสาโล ทกุ วนั นเี้ ราอยคู่ นเดยี วลำ� บากมาก จงึ พยายามคน้ หาวธิ ตี า่ งๆ เพื่อหนีตัวเอง  ปัจจุบันนี้มีวิธีการมากมาย  นอกจากดูโทรทัศน ์ ดหู นงั  ฟงั เพลง เทยี่ วหา้ ง คยุ โทรศพั ทก์ บั เพอื่ นแลว้  ยงั ไปสงั สรรค์ ตามงานต่างๆ  หรือไม่ก็หาประสบการณ์แปลกๆ  ใหม่ๆ  รวมทั้ง  ขบั รถซิง่ ท้ังหมดน้ีถ้าจะสรุปได้ค�ำเดียวคือ  การพยายามหนีตัวเอง เพราะว่า เราทนอยูก่ ับตัวเราเองไม่ได้ อยู่เมื่อไรก็จะอึดอัดขัดแย้ง กบั ตัวเอง ค�ำถามกค็ อื  เราจะหนีตัวเองไปได้ตลอดไหม? ยากมาก เพราะว่าไมม่ ีใครที่จะอยกู่ บั เราตลอด ๒๔ ช่วั โมง และเราไม่สามารถดูโทรทัศน์  ฟังเพลง  หรือท�ำอะไรต่างๆ  ท้ังวัน ทั้งคนื  ยังไงเราก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากบั ตวั เอง ในเมอ่ื เราหนตี วั เองไมพ่ น้  สงิ่ ทคี่ วรทำ� กค็ อื อยกู่ บั ตวั เองใหไ้ ด้ ถา้ เราอยกู่ บั ตวั เองได ้ ความสขุ กอ็ ยไู่ มไ่ กล เพราะเราจะสขุ หรอื ทกุ ข์ กอ็ ยทู่ ตี่ วั เราเปน็ สำ� คญั  อยา่ ลมื วา่ คนเราเกดิ มาตวั คนเดยี ว ออกจาก 

มิตรใน 44 เรือนใจ ท้องแม่เราก็ออกมาคนเดียว  แม้จะเป็นฝาแฝด  ต่างคนต่างก็มีวิถี ชีวติ เปน็ ของตัวเอง เวลาเราทกุ ข ์ คนอนื่ อยากจะมาแบ่งเบาความ ทุกข์จากเราก็ท�ำได้ยาก  แม้คนนั้นจะเป็นพ่อแม่หรือคนรักก็ตาม เวลาเรามีปัญหาถึงแม้ครูบาอาจารย์อยากจะช่วยแก้ปัญหาให้เรา โดยเฉพาะปัญหาในทางจิตใจ  แต่ก็ท�ำไม่ได้มากไปกว่าการช้ีแนะ เพราะคนที่จะแกไ้ ดจ้ รงิ ๆ กค็ อื ตัวเราเอง พระพุทธเจ้าแม้จะมีความกรุณาอย่างย่ิง  แต่พระองค์ท�ำได้ อย่างมากเพียงแค่ผู้ช้ีทางพ้นทุกข์  แต่คนท่ีจะต้องเดินเพื่อไปให ้ ถึงความพ้นทุกข์นั้นก็คือตัวเรานั่นเอง  ไม่มีใครที่จะท�ำได้นอกจาก เราเอง จริงอยู่  เวลาสุขเราอาจจะรู้สึกว่ามีคนสุขร่วมกับเรา  มีคน หัวเราะร่วมกับเรา  แต่พอเราทุกข์  เราจะรู้สึกเลยว่าเราต้องทุกข ์ คนเดียว ไม่มีใครสามารถหยั่งถึงกน้ บึ้งแหง่ ความทุกขข์ องเราได้ เมื่อถึงเวลาประสบความพลัดพราก  สูญเสียคนรัก  ไม่มีใคร ทีจ่ ะเข้าใจหรอื รซู้ ึง้ ถึงความเศรา้ โศกเสยี ใจของเราได้ เพ่อื นๆ หรอื คนคุ้นเคยเขาอาจจะบอกว่าอย่าเสียใจไปเลย  ความพลัดพราก 

พระไพศาล 45 วิสาโล สญู เสยี เปน็ เรอ่ื งธรรมดา แตเ่ ราอดนกึ ในใจไมไ่ ดว้ า่  กเ็ ธอไมไ่ ดเ้ จอ อย่างฉันน่ี  ถึงพูดได้  ซึ่งก็ถูกต้อง  เพราะว่าคนท่ีแนะน�ำเราให้รู้จัก ปลอ่ ยวาง ถงึ เวลาเขาพลดั พรากสญู เสยี คนรกั บา้ ง เขากท็ กุ ขเ์ หมอื น กนั  กลดั กลมุ้ จนนอนไมห่ ลบั เหมอื นกนั  ปลอ่ ยวางไมไ่ ดเ้ ลย ทำ� ไม ถงึ เปน็ เชน่ นน้ั  กเ็ พราะ ความทกุ ขน์ น้ั เมอื่ เกดิ ขน้ึ กบั ใครแลว้  มแี ต่ ผนู้ นั้ เทา่ นนั้ แหละทจ่ี ะแกไ้ ขได ้ ทเ่ี หลอื นนั้ กเ็ ปน็ เพยี งแคผ่ ชู้ ว่ ย เวลา เจ็บป่วยก็เหมือนกัน  ผู้ท่ีเป็นหลักคือผู้ป่วยเอง  เมื่อเราเจ็บป่วย  คนท่ีส�ำคัญเป็นคนแรกก็คือตัวเรา  หมอเป็นเพียงแค่ผู้ช่วย  ถ้าเรา ไม่ใหค้ วามรว่ มมือ หมอกช็ ว่ ยอะไรเราไมไ่ ด ้ หรือถงึ หมอจะมยี าที่ ดที ส่ี ดุ  มเี ทคโนโลยลี ำ�้ หนา้ ทส่ี ดุ  แตถ่ า้ ใจเราไมส่  ู้ สน้ิ หวงั  คดิ วา่ ฉนั ตายแน่  หรือไม่อยากมีชีวิตอยู่  หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต  หมอก็ช่วยใหห้ ายไมไ่ ด้ บางคนไมไ่ ด้เปน็ โรคอะไรดว้ ยซ้�ำ หมอวนิ จิ ฉยั ผดิ ว่าเปน็ โรค หวั ใจ ทนั ทที ีห่ มอบอกเป็นโรคหวั ใจเทา่ น้ันแหละ เจา้ ตวั กท็ รดุ เลย ทเี่ คยเดนิ ไปจา่ ยตลาดทกุ เชา้ ทกุ เยน็  กลายเปน็ วา่ ไมม่ แี รงจะเดนิ ไมม่  ี แรงแมก้ ระทง่ั จะขน้ึ บนั ได ทงั้ ๆ ทรี่ า่ งกายไมเ่ ปน็ อะไรเลย เพยี งแต่  หมอวนิ จิ ฉยั ผดิ ไป อนั นเ้ี ปน็ เพราะอะไร เพราะใจเราแย ่ กายกเ็ ลย แย่ไปด้วย  คราวนี้หมอจะให้ยาอะไร  บางทีก็ไม่ตอบสนอง  เพราะ

มิตรใน 46 เรือนใจ ใจเราไมเ่ อาแลว้  อาตมาถงึ บอกวา่ เวลาเจบ็ ปว่ ย คนสำ� คญั ทจี่ ะชว่ ย ใหห้ ายหรอื ไมห่ าย คอื  ตัวเราเอง หมอและพยาบาลเปน็ รอง แตถ่ า้ เกดิ ใจเราด ี บางทไี มต่ อ้ งกนิ ยาเลยกห็ ายได ้ เพราะวา่ ท่ี ป่วยตั้งแต่แรก  อาจจะเป็นเพราะใจก็ได้  อาจารย์ประเวศ  วะสี  เคยเลา่ วา่  มผี ปู้ ว่ ยคนหนง่ึ มาหาทา่ น ตวั ซดี  ไมม่ เี รย่ี วแรง จนตอ้ ง นอนเปลมา อาจารยป์ ระเวศตรวจดแู ลว้ กพ็ ดู กบั นกั ศกึ ษาวา่  คนไข้ โลหิตจางเพราะมีพยาธิปากขอ  รักษาง่าย  ประเด๋ียวเราจะให้เหล็ก พรงุ่ นก้ี จ็ ะดขี น้ึ  ดวี นั ดคี นื เลย อาจารยป์ ระเวศพดู จบกห็ นั ไปดคู นไข้ ปรากฏว่าแกลงจากเปลทันที  แล้วเข็นเปลออกไป  พร้อมกับพูดว่า  “ถา้ หมอวา่ มันหายง่ายอย่างนัน้  ผมก็ไมต่ ้องนอนแลว้ ไอ้เปลน่ี” คนไขย้ งั ไมท่ นั จะไดก้ นิ ยาเลย เพยี งแคไ่ ดย้ นิ อาจารยป์ ระเวศ พูดก็มีเร่ียวแรงแล้ว  ค�ำถามก็คือ  ท�ำไมทีแรกถึงไม่มีเรี่ยวมีแรง  ก็เพราะทีแรกคงใจเสีย  คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคร้าย  หรือกังวล วา่ ฉนั จะเปน็ มะเรง็ หรอื เปลา่ นะ พอคดิ แบบนเ้ี ขา้ รา่ งกายกห็ มดเรยี่ ว หมดแรงไปเลย แต่พอรวู้ า่ ไมไ่ ด้เปน็ อะไรมาก กินเหล็กเข้าไปไม่กี่ วันก็หาย พอรูเ้ ท่าน้ีใจกร็ สู้ กึ ดขี นึ้  เลยลุกขึ้นมาได้ทนั ที

พระไพศาล 47 วิสาโล อาตมาถงึ บอกวา่  เมอื่ เราปว่ ย คนสำ� คญั ทสี่ ดุ ทจ่ี ะชว่ ยใหเ้ รา หายหรือไม่คือ  เรา  จะสุขหรือทุกข์  คนส�ำคัญท่ีสุดก็คือเรา  เวลา เราจะตอ้ งจากโลกนเ้ี ราก็ไปคนเดยี ว แมว้ า่ อาจจะมหี ลายคนทอ่ี ยู่ใน เหตุการณ์เดียวกับเรา  แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไป  ถ้าเราทุกข ์ ความทุกข์เป็นของเราคนเดียว  ไม่มีใครสามารถรับเอาความทุกข์ ไปจากเราได ้ แมว้ า่ พอ่  แม ่ ลกู  คนรกั  อยากจะแบกเอาความทกุ ข์ ของเราไปเปน็ ของเขา ก็ไมไ่ ดช้ ว่ ยใหเ้ ราทกุ ขน์ อ้ ยลงเลย เพราะวา่ ชีวิตของใครก็เป็นชีวิตของเขา  ถึงที่สุดแล้วเรามาคนเดียวเราก็ไป คนเดยี ว เพราะฉะนน้ั ไมม่ ีที่พึ่งอะไรท่ดี กี ว่าตัวเราเอง ค�ำถามก็คอื  ตอนน้ีเรามตี ัวเองเป็นทพ่ี งึ่ หรือยงั ถ้าหากเรายังอยู่กับตัวเองไม่ได้  เรายังไม่สมานสามัคคีกับ  ตวั เอง ยงั ทะเลาะเบาะแวง้ กบั ตวั เราเอง ทรุ นทรุ าย กระสบั กระสา่ ย เวลาอยูก่ บั ตัวเอง ไม่สามารถมีความสุขกับตัวเองได้ แล้วเราจะมตี วั เองเปน็ ท่พี ง่ึ ได้อยา่ งไร

มิตรใน 48 เรือนใจ มพี ทุ ธภาษติ ทเี่ ราคนุ้ เคยกนั ดนี ะ “อตั ตาห ิ อตั โนนาโถ - ตน น้ันแลเป็นท่ีพ่ึงแห่งตน”  แต่ความจริงพุทธภาษิตไม่ได้มีเท่าน้ี พระพุทธเจ้ายังตรัสต่อว่า  “ผู้ที่ฝึกตนไว้ดีแล้วย่อมได้ท่ีพ่ึงอันหา  ไดย้ าก” ประโยคหลงั นชี้ าวพทุ ธไทยไมค่ อ่ ยไดย้ นิ  เรารแู้ ตว่ า่  ตนนนั้   แลเป็นที่พ่ึงแห่งตน  แต่ว่าตนจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงได้ก็ต้องมีการ ฝกึ ฝน ถา้ ไมฝ่ กึ ฝนแลว้  ตนนอกจากจะเปน็ ทพ่ี ง่ึ ใหต้ นเองไมไ่ ดแ้ ลว้ ยงั จะกลายเปน็ ศัตรูของตนเองเสียอีก ตนนี้แหละจะเป็นศัตรูกับตัวเอง  มันสามารถจะสั่งให้เราไป ปล้นไปขโมย  ไปฆ่าใคร  หรือแม้กระทั่งสั่งให้เราท�ำร้ายตัวเราเอง ก็ได้  ไม่มีใครสั่งนะ  คนท่ีฆ่าตัวตายไม่มีใครสั่ง  ไม่มีใครบังคับ  แตก่ ท็ ำ� ไปเพราะอะไร เพราะเขาทนอยกู่ บั ตวั เองไมไ่ ด ้ ทนความคดิ ของตัวเองไม่ได้  ความคิดที่มันปรุงแต่งไปในทางเลวร้ายจนสุดจะ ทนทานได้ อารมณค์ วามร้สู ึกเหล่าน้ ี เม่อื มนั สะสมหมักหมมอยู่ใน จติ ใจ มนั หนกั หนาทเี ดยี ว มนั หนกั ยงิ่ กวา่ กอ้ นหนิ เสยี อีก กอ้ นหนิ นเ้ี รายงั อาจจะยกได ้ ถงึ ยกไมไ่ ดก้ ย็ งั มเี ครอื่ งยก แตอ่ ารมณ์ในใจเรา ไม่มีอะไรจะมาแบ่งเบาได้เลย  ตราบใดท่ีใจเรายังไปยึดหรือแบก  เอาไว้ ยิง่ แบกกย็ ง่ิ หนักจนสุดแสนจะทนทาน บางคนกเ็ ลยตอ้ งฆ่า ตวั ตายเพ่อื หนตี วั เอง

พระไพศาล 49 วิสาโล เดย๋ี วนี้คนเราท�ำร้ายตัวเองมากเหลือเกิน สาเหตุที่ท�ำรา้ ยตวั เองก็เพราะเขามองไม่เห็นความส�ำคัญของการเป็นมิตรกับตัวเอง  ไม่เห็นความส�ำคัญท่ีจะอยู่กับตัวเองอย่างสงบสันติ  เขาคอยแต่จะ หนตี วั เองอยเู่ รอ่ื ยๆ ปากบอกวา่ รกั ตวั เอง แตเ่ อาเขา้ จรงิ ๆ กห็ นตี วั เองไมห่ ยดุ  วนั นย้ี งั หนไี ด ้ พรงุ่ นยี้ งั หนไี ด ้ แตไ่ มม่ ที างหนไี ปไดต้ ลอด ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาเผชิญหน้ากับตัวเอง  ถ้าไม่รู้สึกเป็นมิตรกับ  ตวั เอง ตวั เองนน่ั แหละจะกลายเปน็ ศตั รกู บั เรา และคอยรบราฆา่ ฟนั กบั เราอย่ตู ลอดเวลา อยากจะยำ้� วา่  คนเราไมม่ ที างจะหนตี วั เองพน้  ยงั ไงๆ กต็ อ้ ง มาเผชญิ หนา้ กับตวั เองจนได้ ถึงตอนน้นั แหละจะต้องหาวธิ ีที่จะอยู่ กบั ตัวเองได้ อาตมาเคยดหู นงั เร่อื งหนง่ึ เมอ่ื  ๓๐ กว่าปกี ่อน ท�ำจากชีวิต จริงของนกั โทษคนหนึ่งในฝร่ังเศสเมอื่  ๗๐ - ๘๐ ปกี อ่ น นกั โทษ คนน้ีช่ือปาปิญอง  คนท่ีอายุ  ๔๐  ปีข้ึนไป  คงเคยได้ยินหนังเรื่องน้ี เพราะเป็นหนังใหญ่ ปาปญิ องถูกจบั โดยไมม่ ีความผดิ อะไร เขาถกู สง่ ไปอยใู่ นเกาะทท่ี รุ กนั ดาร แตเ่ ขากพ็ ยายามทจ่ี ะแหกคกุ อยหู่ ลาย ครั้ง  สุดท้ายก็ถูกจับขังเดี่ยวในคุกมืด  คุกน่ีไม่มีใครอยู่รอดได้เกิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook