Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20Book

20Book

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-09-15 05:16:07

Description: 20Book

Search

Read the Text Version

สำนักการแพทย์พ้ืนบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก ภาพ การนั่งถา่ น (โรงพยาบาลสนามชยั เขต) อาหารสำหรับหญิงหลงั คลอด ตม้ นำ้ ขงิ ใหด้ ม่ื โดยใชข้ งิ แก่ ชว่ ยระบายทอ้ งและใหก้ ารไหลเวยี นของ โลหติ ดขี น้ึ ทำใหก้ ระเพาะอาหารขับลมดขี น้ึ ช่วยขบั ของเสยี ขบั พษิ ออกทางเหงอื่ และปัสสาวะ อาหารควรเป็นรสจืด เนื้อควรเนน้ ปลา พริกไทย ขิง จะชว่ ยเรง่ ระบบ ไหลเวยี นเลอื ดและระบบยอ่ ยอาหาร ควรงด มะระ ฟกั ของหมกั ดอง หนอ่ ไม้ แนวทางสำหรับผปู้ ฏิบัตงิ าน 51 การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภูมิปญั ญาการแพทย์พื้นบ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก ภาพ แกงเลียง ภาพ ไกผ่ ดั ขงิ 52 แนวทางสำหรับผปู้ ฏิบัติงาน การดูแลสุขภาพแม่และเดก็ ด้วยภูมิปญั ญาการแพทยพ์ ื้นบา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ้ืนบา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยาตม้ หลงั คลอด สมุนไพรประกอบด้วย ไพล ขมน้ิ ชนั ขมนิ้ ออ้ ย พรกิ ไทย กระเทียม ดีปลี กฤษณา ขอนดอก กระลำพัก และเกสรทง้ั ๕ ส่ิงละ เสมอภาคกนั ตม้ พอเดือด โดยรินนำ้ พอท่วมยา ตม้ รบั ประทาน ครง้ั ละ ๑ แก้ว สรรพคุณ บำรงุ โลหติ บำรุงสมอง บำรุงสายตา บำรุงรา่ งกายไดด้ ี การลดน้ำหนักหลงั คลอด เวลาเชา้ ด่มื นำ้ อุ่นหรอื น้ำขงิ ช่วยให้การไหลเวียนดีข้นึ ชว่ ยให้กระเพาะ ขับลมดขี ึ้น รับประทานถว่ั ลันเตา เม็ดมะม่วงขบเคี้ยว ๒−๓ เมด็ เพ่ือกระตนุ้ ให้เกิดการขบั ถา่ ย แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน 53 การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภมู ปิ ัญญาการแพทยพ์ ้นื บ้าน

สำนักการแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ๓. องค์ความร้แู ละภูมิปญั ญาการแพทย์พ้ืนบ้านภาคอีสาน ชาวอสี านเม่ือหญิงมีการคลอดบตุ ร หลังการคลอดจะมีการ “อยูไ่ ฟ” หรอื เรยี กวา่ “อยกู่ รรม” การอยไู่ ฟ เชอ่ื วา่ สามารถทำใหแ้ มล่ กู ออ่ นมสี ขุ ภาพ แขง็ แรง ผวิ พรรณดี มดลูกเข้าอเู่ รว็ ซง่ึ จะมีพธิ ีกรรมตามความเช่ือ ประกอบกับเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตให้กับแม่ลูกอ่อน และญาตพิ นี่ อ้ ง หญงิ ทีอ่ ยไู่ ฟจะต้องมกี ารปฏิบตั ติ ัวอย่างเครง่ ครดั มีข้อห้าม ในการปฏบิ ตั ิมากมาย โดยเฉพาะเร่อื งอาหาร คนอยู่ไฟถูกห้ามเรอื่ งอาหาร แทบทุกชนิด เพราะกลัวจะกินอาหารที่เป็นของแสลงเข้าไป การห้ามกิน ของแสลงเรียกวา่ “ขะลำ” เช่น หา้ มกนิ นก หา้ มกินหนู จะเรียกวา่ ขะลำนก ขะลำหนู ลักษณะการอยูไ่ ฟ ใหแ้ มล่ กู ออ่ นนง่ั ทส่ี ะแนน (ทน่ี ง่ั ทท่ี ำขน้ึ โดยเฉพาะมลี กั ษณะคลา้ ยแคร)่ โดยจะมกี องไฟอยูข่ า้ งๆ เพอ่ื ให้ความร้อนแก่แม่ลูกออ่ นที่อยู่ไฟ ระยะเวลา อยไู่ ฟจะมตี ง้ั แต่ ๗ วนั ถงึ ๑ เดอื น แลว้ แตใ่ ครจะมคี วามสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ ข้ันตอนการอยไู่ ฟ แมล่ กู ออ่ นจะอาบน้ำอ่นุ ชำระร่างกาย แต่งกายโดยนงุ่ ผ้าถุงผนื เดยี ว ใช้ผา้ พนั อก หมอพน้ื บา้ นจะทำพธิ ผี าบไฟ (พิธีป้องกนั พิษไฟ พษิ ความรอ้ น) จะทำพิธกี ินผีกินปอบไปพร้อมๆ กันเข้านั่งในเรือนกรรม คอื นง่ั บนสะแนน ซึ่งบรเิ วณทใ่ี ช้ในการอยไู่ ฟเรียกวา่ เรือนกรรม เม่ือครบกำหนด ๗ – ๓๐ วันจะ ออกไฟ คอื ออกจากอยูไ่ ฟ หมอพ้นื บ้านก็จะทำพธิ ี “เสียพิษไฟ” คอื การทำพิธถี อนพษิ ไฟ และจะตดั หางใบตองกลว้ ย ปิดฝาหม้อกรรม (หมอ้ ท่ี ตม้ นำ้ สมุนไพรเพอ่ื ด่ืมและอาบ) แล้วคว่ำหม้อ เปน็ สญั ลักษณถ์ ือวา่ หมดกรรม การอยกู่ รรมไดส้ ิน้ สุดลงแล้ว 54 แนวทางสำหรบั ผู้ปฏิบตั งิ าน การดูแลสุขภาพแม่และเด็กดว้ ยภูมิปัญญาการแพทยพ์ ืน้ บ้าน

สำนักการแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก สมนุ ไพรท่ใี ชด้ ่มื และอาบ สมนุ ไพรทน่ี ยิ มใชค้ อื แกน่ มะขามตม้ อาบ และใชต้ น้ นมสาว เครอื ฮวงสมุ่ แก่นมะเฟอื งสม้ ตม้ สำหรบั ดมื่ โดยเชือ่ วา่ แก่นขาม มีสรรพคุณ บำรุงหวั ใจ นมสาว มสี รรพคณุ บำรงุ นำ้ นม รักษามดลกู และแกข้ องแสลง ฮวงส่มุ มสี รรพคุณ บำรุงเลอื ด แกน่ มะเฟือง มสี รรพคุณ ขับเลือดเสีย บำรงุ เลือด ทำให้เลอื ดลมดี ขอ้ ปฏิบัติ และข้อห้ามในการอย่ไู ฟ ๑. หญิงท่ีอยไู่ ฟจะต้องนงั่ และปฏบิ ตั กิ ิจในเรือนกรรมตลอด ๒. การอาบนำ้ และดื่มน้ำใหเ้ ปน็ นำ้ รอ้ นสมนุ ไพร ๓. อาหารกินข้าวกับเกลอื (เกลือก้อน) ๔. ฟนื ทใ่ี ชก้ อ่ ไฟ คอื ไมจ้ กิ หรอื ไมม้ ะขาม หรอื ไมส้ ะแก โดยสว่ นมาก เป็นไมท้ เี่ มอ่ื สมุ ไฟแลว้ ไมแ่ ตกเปน็ สะเกด็ ไฟ ๕. หา้ มกลบั หวั กลบั หางตน้ ฟนื กอ่ นคลอดหา้ มนำฟนื เขา้ บา้ นเดด็ ขาด ๖. ข้อหา้ มกอ่ นคลอด ห้ามเตรยี มอะไรสำหรับแมล่ กู อ่อน และเด็กไว้ ในบา้ น แตส่ ามารถเตรียมไวท้ อ่ี ่นื ได้ ๗. อาหารทห่ี ้ามเด็ดขาด คือ นก หนู อาหารทะเลทุกชนดิ ผกั ทม่ี ี กลิ่นแรง เชน่ ชะอม เพราะจะทำใหผ้ ดิ สำแดง โดยทั่วไปจะห้ามอาหารคาว และมกี ลนิ่ แรง ๘. ปลาสามารถกนิ ได้ เมอ่ื ออกไฟในระยะแรก (ระยะเดอื น-สองเดอื นแรก) และกนิ ได้เฉพาะปลาดุก และต้องกินสว่ นหาง (นับใตส้ ะดอื ปลาลงมา) ๙. ขณะอยไู่ ฟใหน้ วดเตา้ นมเปน็ ระยะๆ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ตา้ นมเกดิ กอ้ น (เกดิ ไต) พิธสี ำหรบั เด็กคลอดใหม่ เมอ่ื เดก็ คลอดจะทำพธิ พี อกพาย พอกกำเรดิ เพอ่ื ปอ้ งกนั ผี กบั คณุ ไสยตา่ งๆ และจะมคี ำพดู วา่ “นกเขาฮ้องกุกกรู กกุ กรู ถา้ แมน่ ลูกสใู ห้เอาไปเม่อื นวี้ นั น้ ี แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน 55 การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภูมิปญั ญาการแพทยพ์ ้ืนบา้ น

สำนักการแพทย์พนื้ บ้านไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กายม้อื นี้ วันหนา้ แม่นลกู ก ู จ๊ะจ๊ะ” ถ้าเด็กไม่รอ้ งก็จะตบก้นให้เด็กร้อง การนอนของเดก็ จะนำกระดง้ มาควำ่ ลงใชผ้ า้ ปูนม่ิ ๆ นำเดก็ นอนโดย จดั ทจ่ี ดั ทางใหส้ วยงาม คอื อยา่ ใหค้ อเอยี ง แขนขาพบั ใชผ้ า้ ออ้ มรองขา้ งๆ เดก็ เพื่อกันเด็กพลิกตวั ผดิ ท่าผดิ ทาง อาจเกิดอันตรายได้ และรูปรา่ งไม่สวย สมบรู ณ์ พิธกี รรมในระยะหลงั คลอด (จังหวดั สุรนิ ทร์) การตดั ผมไฟ เพอ่ื บชู าครแู ละขอขมาครู โดยหมอตำแยจะเปน็ คนทำพธิ ี และตดั ผมไฟใหเ้ ดก็ หลักการหาฤกษ์ใชก้ ารดูข้างขึน้ ข้างแรม ส่วนมากจะทำ ในขา้ งข้นึ เพราะเช่ือว่าจะบริบูรณ์ เพ่มิ พูน เปน็ ศริ ิมงคลแก่เด็กตอ่ ไป ไม่ทำ ขา้ งแรม เพราะไม่ดี ไม่เต็ม ขาด รูส้ กึ ว่าไม่ดงี าม อุปกรณใ์ นการทำพธิ ี ๑. ไกต่ ม้ ๑ ตัว ๒. ขา้ วเปลอื ก ๑ กระเซอื ง (เตม็ แตไ่ ม่พนู ) ๓. ไขไ่ ก่ต้มสุก ๑ ฟอง ๔. ข้าวเหนียวสกุ ๑ ปั้น ๕. ใบขวาน ในการประกอบพธิ ีการตดั ผมไฟนั้น นำกระเซอื งใสข่ ้าวเปลอื กจนเตม็ นำใบขวานมาปักลงทีข่ ้าวเปลือก เอาข้าวสุก ๑ ป้นั ไขต่ ้มสกุ วางไวบ้ นใบขวาน และสมดุ ดนิ สอวางบนข้าวเปลือก แม่จะอุ้มเด็กวางไวบ้ นกระเซือ แลว้ ตดั ผม กอมะซนี ตนี มวย ( จวม คอื ครกู ำเนดิ ทต่ี ดิ ตวั มาตง้ั แตเ่ กดิ ) เปน็ การแตง่ ให้ครู โดยคนเขมรเชือ่ วา่ คนที่เกดิ มาทุกคนตอ้ งมคี รู หรือมเี ทพประจำคนๆ นน้ั ดูแลอยู่ คนเขมรจะแสดงความนับถือโดยการแตง่ จวมให้เพ่อื ครูของเด็กจะ ได้ดูแลคนๆนนั้ ต่อไป ตอ้ งทำในเดก็ ที่เกิดมาทุกคน จะประกอบดว้ ย ข้าวสาร ๑ ถว้ ย เทียน ๑ เลม่ ใบพลู ๓ ใบ หมาก ๑ ลกู และเงนิ ๒ บาท 56 แนวทางสำหรบั ผูป้ ฏิบตั งิ าน การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภูมิปัญญาการแพทยพ์ น้ื บ้าน

สำนักการแพทย์พนื้ บา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ภาพ กอมะซีนตนี มวย จอมบรูน (จอมกำเนิด สำหรับคนท่เี ริ่มเกิดมาใหม่ๆ) ประกอบด้วย กะลามะพร้าว ใส่ขเี้ ถา้ จนเตม็ (ข้ีเถา้ หลงั ทำพธิ ีเอามาชุบน้ำลูบท้องหรอื ต้มนำ้ ชงให้กนิ แก้ทอ้ งอดื ท้องเฟอ้ ถ้าเด็กรอ้ งไหง้ อแง ต้องทอ่ งนะโม ๓ จบ แล้ว ชบุ นำ้ ลบู ท้องเด็กจะเลกิ งอแง) ใบขนุน ๔ ใบ (หมายถงึ หนนุ ใหเ้ ดก็ โต อ้วน ท้วนสมบรู ณ์ ใบขนนุ ๔ ใบ วาง ๔ ทศิ ทศิ ละ ๑ ใบ เพอ่ื ครบ ๔ ทศิ ) เทียน ๒ เลม่ เกี่ยวกัน (เพือ่ ใหผ้ สมกลมกลืนกนั ไม่ใหแ้ ยกย้ายกัน) และใส่เงนิ ๑ บาท (ใส่รับขวัญ) แนวทางสำหรบั ผู้ปฏบิ ัตงิ าน 57 การดูแลสขุ ภาพแม่และเด็กดว้ ยภูมปิ ัญญาการแพทยพ์ ื้นบ้าน

สำนกั การแพทย์พื้นบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ภาพ จอมบรนู จวมกรู (ขันธ์ ๕) จะประกอบดว้ ยเทยี น ๒ แทง่ (หมายถึง แสงสว่าง) ใบพลู ๑๖ ใบ วาง ๔ มมุ มุมละ ๔ ใบ (มีความเชอ่ื วา่ คนจะคลอดออกมาตอ้ ง ใช้ใบพลู ใบพลใู ช้รักษาโรค) หมาก ๔ ลกู (ตอ้ งคู่กับพล)ู กรวยดอกไม้ ๕ อนั (หมายถึง สติปญั ญาแหลม ต้องใชย้ อดใบไม้มาทำกรวย) และเงนิ ๒๔ บาท (ค่าครูทเ่ี รียนมา ๒๐ บาท อีก ๔ บาทเป็นเงินทใี่ สใ่ นขนั ) เดก็ ทีเ่ กิดมามสี ะรอมสังวาล หรือสายสังวาล (รกพนั คอ) สายรกพันคอ เวลาเกดิ จะต้องทำพิธีจัดแต่งจวมกรู จะต้องมีฉตั รแดงดว้ ย เพอ่ื ใหส้ ุขภาพ แขง็ แรง ถา้ ไม่ทำจะทำใหร้ า่ งกายอ่อนแอ 58 แนวทางสำหรบั ผูป้ ฏิบัตงิ าน การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภูมปิ ญั ญาการแพทยพ์ ้นื บ้าน

สำนักการแพทย์พน้ื บา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ภาพ จวมกรู ค่าตอบแทนครู (หมอตำแย) จะมี เหลา้ ขาว ๑ ขวด นำ้ หวาน ๑ ขวด ข้าวสารถังใหญ่ ๑ ถัง ส่วนเงินแล้วแต่จะให้ ประมาณ ๖๐ – ๑๐๐ บาท บางคนกไ็ ม่ให้ สูงสดุ ที่เคยได้คอื ๒๕๐ บาท ๔. องค์ความรแู้ ละภมู ิปัญญาการแพทยพ์ ืน้ บา้ นภาคใต้ (กรณีชาว ไทยมสุ ลมิ ) ขวัญชยั เกดิ บางบอน (๒๕๔๒) พบวา่ หญิงต้งั ครรภ์ชาวไทยมสุ ลิมท่หี มู่ บา้ นแหง่ หนึง่ ใน จังหวดั ระนองกม็ คี วามเชื่อวา่ ทุกสิง่ ทกุ อย่างล้วนเป็นไปตาม พระประสงคข์ องพระผเู้ ปน็ เจา้ คอื องคอ์ ลั ลอฮ ไมม่ ใี ครย่งิ ใหญก่ วา่ พระองค์ แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏิบัตงิ าน 59 การดแู ลสุขภาพแม่และเดก็ ด้วยภมู ปิ ัญญาการแพทยพ์ ืน้ บ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ืน้ บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก อกี แล้ว การตง้ั ครรภ์เป็นพระประสงค์ขององคอ์ ลั ลอฮ ที่ประทานบุตรใหม้ า กำเนิดในครรภ์ของตน ดังนนั้ การต้งั ครรภจ์ งึ ถือวา่ เป็นส่ิงท่ีประเสริฐ เด็กท่ี เกดิ มาถอื วา่ เปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธ์ิ ไรบ้ าป และเปน็ ผมู้ บี ญุ ทไ่ี ดก้ า้ วเขา้ มาสศู่ าสนาอสิ ลาม ผู้เป็นมารดาจะต้องดแู ลครรภข์ องตนเองใหด้ ี เพอ่ื ใหท้ ารกท่คี ลอดออกมา สมบรู ณแ์ ขง็ แรงและปลอดภยั ห้ามทำแทง้ เดด็ ขาด เพราะจะเป็นการขัด พระประสงคข์ องพระผเู้ ปน็ เจา้ และเชื่อวา่ หากพระเจ้าไม่ประทานให้ แม้จะ ใชค้ วามพยายามเทา่ ไรก็ไมส่ ามารถมีบุตรได้ ซึง่ ก็จะถกู มองว่าหญงิ น้ันกระทำ สง่ิ ไมด่ เี อาไวพ้ ระเจา้ จงึ ไมป่ ระทานบตุ รให้ ทำใหก้ ลายเปน็ ปมดอ้ ยของหญงิ คน นน้ั ไปตลอดชวี ติ นอกจากนแ้ี มห้ ญงิ ทท่ี ำหมนั แลว้ หากพระเจา้ มคี วามประสงค์ ทีจ่ ะประทานบุตรให้กส็ ามารถทจี่ ะตง้ั ครรภไ์ ด้อีก การตัง้ ครรภ์ เป็นภาวะปกติสำหรบั หญงิ ทุกคนท่ีแตง่ งานแลว้ จะตอ้ ง เผชิญทกุ รายเพอื่ ให้กำเนิดบตุ รท่ีพระเจ้าประทานมาให้ เพ่ือเผยแผศ่ าสนา อสิ ลาม ดงั นนั้ การตัง้ ครรภจ์ งึ ไม่ใชก่ ารเจบ็ ป่วย แตเ่ ป็นช่วงทตี่ อ้ งระมดั ระวัง ตัวเป็นพิเศษกวา่ ปกตเิ ท่านน้ั เชน่ เดยี วกับทเ่ี หน็ ว่าอาการแพ้ท้องกเ็ ป็นอาการ ปกตไิ มใ่ ช่การเจ็บป่วย ปลอ่ ยไว้ก็หายเอง ไม่จำเปน็ ตอ้ งรกั ษา อาการคล่นื ไส้ อาเจียน เป็นอาการทีย่ นื ยนั วา่ ตั้งครรภ์แล้วแนน่ อนเท่านน้ั การทแ่ี พ้ท้องมาก เนอ่ื งจากทารกในครรภฤ์ ทธม์ิ ากหรอื ซนมาก สว่ นคนทไ่ี มค่ อ่ ยแพท้ อ้ งกเ็ นอ่ื งจาก ทารกในครรภเ์ ปน็ เดก็ เรยี บรอ้ ย แตใ่ นชว่ งนก้ี ม็ คี วามเชอ่ื ขอ้ หา้ ม ขอ้ ปฏบิ ตั ติ า่ งๆ เช่น หากผู้ตงั้ ครรภไ์ ด้ถือศลี อดมากจะทำใหไ้ ด้บญุ มากข้ึนไปด้วย ต้องกิน นำ้ มะพรา้ วมากๆ เพราะจะทำใหท้ ารกผวิ สวยและไมม่ ไี ข คลอดงา่ ย หา้ มพดู วา่ จะคลอดกับใครเพราะหากไมท่ ำตามที่พูดไว้จะทำใหค้ ลอดไมอ่ อก ญาติพน่ี ้อง ของหมอตำแยจะตอ้ งคลอดกบั หมอตำแยเท่าน้ัน หากไมค่ ลอดกบั หมอตำแย ตายายจะมาทกั ทำใหค้ ลอดไมอ่ อกหรอื เจบ็ ปว่ ยได้ หา้ มอาบนำ้ เยน็ ตอนกลางคนื เพราะจะทำให้เลอื ดตีข้นึ และเปน็ ตะครวิ หา้ มเย็บหมอนหรอื ที่นอนในชว่ ง ใกล้คลอดเพราะจะทำให้ปากมดลูกปิด ทำให้คลอดไม่ออกสำหรับ 60 แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏิบัตงิ าน การดแู ลสุขภาพแม่และเดก็ ดว้ ยภูมปิ ัญญาการแพทยพ์ น้ื บ้าน

สำนักการแพทยพ์ ืน้ บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก การดแู ลระหวา่ งตง้ั ครรภ์ สว่ นใหญจ่ ะดแู ลเรอ่ื งอาหารทเ่ี นน้ คณุ คา่ ทางอาหารสงู โดยเฉพาะอินทผลมั ทีม่ กี ารกล่าวถงึ ในคมั ภรี ์อัลกรุ อานท่ใี หค้ วามสำคญั ตอ่ อินทผลัมในด้านคุณค่าอาหารที่ให้พลังงานซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อมารดา เมื่ออายุครรภ์ ๗ เดือน จะทำการคัดท้องโดยหมอตำแย เพราะเชอ่ื ว่าเปน็ ชว่ งทอ่ี วยั วะของทารกในครรภข์ น้ึ ครบหมดแล้ว ตอ้ งชว่ ยนวดและคัดท้องให้ หัวเดก็ ลงสูอ่ งุ้ เชงิ กราน และช่วยลดอาการปวดเมอื่ ยบริเวณทอ้ ง ท่เี รียกวา่ เจ็บ หน้าไฟ คืออาการปวดหลงั จากครรภแ์ ก่ ท้องยอ้ ยมากทำใหร้ สู้ กึ หนักเหมือน มอี ะไรมาถ่วง เมื่อนวดและคัดท้องให้เขา้ ท่ีอาการนีก้ ็จะหายไป นอกจากน้ี ในชว่ งทอ้ ง ๗ เดอื นหญงิ ตง้ั ครรภท์ อ้ งแรกทกุ คนจะตอ้ งทำพธิ อี าบนำ้ ๗ เดอื น ทุกราย เพื่อให้เด็กที่คลอดออกมาไม่มีเคราะห์และคลอดง่าย โดยเชิญ โต๊ะอหิ มา่ ม โต๊ะครู โตะ๊ ละไบ มารว่ มทำพธิ นี ้ำศกั ดิส์ ทิ ธิน์ ี้ ภาพ การนวดกอ่ นคลอด แนวทางสำหรับผู้ปฏิบัตงิ าน 61 การดูแลสขุ ภาพแมแ่ ละเด็กดว้ ยภมู ปิ ญั ญาการแพทย์พนื้ บา้ น

สำนักการแพทย์พนื้ บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ภาพ การนวดก่อนคลอด นวดคลายเส้นท่ีพนั กนั บริเวณขาหนีบ ซ่ึงเปน็ สาเหตุของการ ปวดเมือ่ ยในหญิงตง้ั ครรภ์ และเป็นการจัดท่าเดก็ ใหอ้ ยู่ในทา่ ปกติ ไมใ่ ห้อย่ใู นทา่ ขวาง หรอื เฉียง 62 แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน การดแู ลสขุ ภาพแม่และเด็กด้วยภูมปิ ญั ญาการแพทย์พืน้ บ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ้นื บ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่วนการคลอด โดยปกตทิ ั่วไปก็ไม่ถอื วา่ เป็นการเจบ็ ปว่ ย เป็นเพียง การทำให้ทารกในครรภค์ ลอดออกมาเปน็ มนุษย์โดยสมบรู ณเ์ ทา่ น้ัน ไม่จำเป็น ตอ้ งทำการรักษาหรือให้ยาแต่อยา่ งใด เพียงแต่ตอ้ งเลอื กคลอดกบั คนท่มี ี ความชำนาญในการคลอดเท่าน้ันเพ่อื ท่เี ดก็ จะไดค้ ลอดอย่างปลอดภัย ในการ คลอดนนั้ จะไมอ่ นุญาตให้ผชู้ ายเข้าไป และปกปิดไม่ใหค้ นอืน่ เหน็ ช่องคลอด ของคนคลอดไดน้ อกจากหมอตำแย หากชว่ งการคลอดประสบปญั หาหมอตำแย จะทำน้ำมนต์จากน้ำมะพร้าวหรือน้ำเปล่าพร้อมกับว่าคาถากำกับแล้วให้คน คลอดกนิ เพือ่ ขจดั อปุ สรรคในการคลอดออกไป ชว่ ยให้คลอดงา่ ย เมอื่ คลอด ทารกแลว้ ก่อนตดั สายสะดือ ผู้เปน็ มารดาจะตอ้ งบอกชอ่ื ของทารกก่อน เพราะหากตดั สายสะดอื ไปแลว้ ถอื วา่ ทารกและมารดาขาดจากกนั โดยสมบรู ณ์ ดงั นั้นทารกจงึ จำเปน็ ตอ้ งมีชอ่ื กอ่ นท่ีจะแยกจากมารดา และเม่ือรกคลอด ออกมาแลว้ จะตอ้ งใหบ้ ดิ านำรกไปฝงั ทนั ทเี พอ่ื เปน็ การฝากแมธ่ รณใี ตแ้ ผน่ ดนิ ในการฝังรกนบี้ ิดาจะต้องเอาเกลือใส่ลงไปในรก ๒-๓ ห่อ เพราะเกลือจะ ช่วยให้รกแห้ง ซึ่งจะมีผลใหท้ ารกไม่มอี าการทอ้ งอืด เน่อื งจากถือวา่ ตัวเด็ก กบั รกเป็นของคู่กัน เมือ่ รกแหง้ กท็ ำใหท้ อ้ งของเดก็ แห้งด้วย เดก็ จะไม่ทอ้ งอดื และไมร่ อ้ งกวน การฝงั รกก็ต้องฝงั ใหถ้ ูกทศิ ตามวนั เกิดของเด็กดว้ ย เมอ่ื ฝงั รก แลว้ จะต้องทำความสะอาดเด็กและนำเดก็ ไปวางบริเวณทีท่ ำพธิ ีละหมาด เพือ่ ทำพธิ อี ะซานซง่ึ เปน็ การกลา่ วโดยพอ่ ลุง หรอื นา้ ทีเ่ ป็นชาย (ห้ามผู้หญิง กล่าวเด็ดขาด) เพ่อื เชญิ ชวนให้เดก็ ไดเ้ กิดมาในหลักการของศาสนาอสิ ลาม พรอ้ มกับต้อนรับเดก็ เขา้ ส่ศู าสนาอสิ ลาม เด็กจะได้กลายเปน็ ประชาชาตทิ ่ี ประเสริฐ กา้ วเขา้ สู่ความเปน็ มสุ ลิม อย่างไรกต็ ามพธิ อี ะซานนี้บางคนอาจ ไมท่ ำกไ็ ด้ เนื่องจากศาสนาไมไ่ ดบ้ งั คับ การดูแลหลงั คลอด จะเร่มิ หลงั จากมารดาได้พกั ผอ่ นหลงั คลอดแลว้ ครง่ึ ชว่ั โมง หมอตำแยจะทำการอาบนำ้ อนุ่ ทไ่ี ดจ้ ากการตม้ ใบยอและใบหนาด ให้กับหญิงหลังคลอดเพอ่ื ชำระคราบสกปรกและเหง่อื ไคลทง้ั ยงั ช่วยสมานแผล แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน 63 การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ด้วยภมู ปิ ญั ญาการแพทยพ์ ้นื บ้าน

สำนกั การแพทย์พ้ืนบ้านไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ใหห้ ายเร็วดว้ ย นำใบหนาดมาปั้นเป็นกอ้ นกลม นวดรอบเต้านมและดึง กล้ามเนือ้ บรเิ วณเนนิ อกทั้งสองขา้ งเพอ่ื ให้นำ้ นมไหลดี มีการกระตุกเสน้ ผม เพอื่ ใหเ้ ลือดไปเล้ียงสมองได้เตม็ ท่ี แต่ไมม่ ีการสระผมและต้องระวงั ไมใ่ ห้ ผมหลน่ ถา้ หลน่ ตอ้ งเกบ็ รวมไวส้ ระพรอ้ มกนั ตอนออกไฟ เมอ่ื อาบนำ้ เสรจ็ ต้องทำการเหยียบสม คือการเหยียบนวดหลังคลอดเพื่อขับเลือดและ นำ้ คาวปลา และชว่ ยให้อวยั วะกลับคืนสู่สภาพปกติ ซ่ึงจะตอ้ งทำควบคู่ไปกบั การวา่ คาถาทกุ ครง้ั เมอ่ื เหยียบสมแลว้ ก็ตอ้ งอย่ไู ฟทนั ท ี โดยนอนบนแคร่ ไมไ้ ผ่ ใชไ้ มส้ น ไมย้ างหรอื ไมแ้ สมมาทำเปน็ เชอ้ื เพลงิ ไมท้ น่ี ำมาทำเชอ้ื เพลงิ น้ี จะไม่ใช้ไม้ท่ีมีนกมานอนเด็ดขาดเพราะจะทำให้เลือดของหญิงหลังคลอดตีข้ึน ข้างบน เม่อื ก่อไฟแล้ว หมอตำแยจะบรกิ รรมคาถา เพื่อบอกให้ตายายชว่ ย ดูแลหญงิ หลงั คลอด ทำการประคบก้อนเส้าท่บี ริเวณท้องนอ้ ย ทำให้มดลูก เขา้ อไู่ ดเ้ ร็ว ใชเ้ วลาประมาณ ๑ อาทิตย์ ในวันที่ ๒ - ๓ หมอตำแยจะเป็น ผู้อาบนำ้ อนุ่ นวดนมและเหยยี บสมให้ ซ่ึงตอ้ งอาบให้ครบ ๕ หม้อหรอื ๕ ครงั้ หญงิ หลงั คลอดจงึ จะอาบนำ้ อนุ่ ดว้ ยตนเองไดจ้ นกวา่ จะออกไฟ จงึ จะอาบนำ้ เยน็ ได้ ภาพ การนวดกระตุ้นนำ้ นม 64 แนวทางสำหรับผปู้ ฏบิ ัตงิ าน การดแู ลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภูมิปญั ญาการแพทย์พื้นบา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ภาพ การนวดกระตุน้ นำ้ นม เพือ่ เปิดเสน้ น้ำนมทอี่ ย่บู รเิ วณเตา้ นมและเปดิ ท่อน้ำนม คลายเส้นทจ่ี บั ตัวเป็นก้อน ทำใหเ้ ลอื ดบรเิ วณเต้านมไหลเวียนดี สง่ ผลใหน้ ้ำนมไหลดีไปดว้ ย แนวทางสำหรบั ผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน 65 การดูแลสขุ ภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภูมิปญั ญาการแพทยพ์ น้ื บา้ น

สำนกั การแพทย์พืน้ บ้านไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ภาพ การนวดหลังคลอด 66 แนวทางสำหรับผปู้ ฏบิ ัติงาน การดูแลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ ด้วยภูมปิ ัญญาการแพทย์พ้ืนบา้ น

สำนักการแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก ภาพ การนวดหลงั คลอด เพอ่ื ใหเ้ ลอื ดลมไหลเวยี นดี คลายกลา้ มเนอ้ื ทว่ั รา่ งกาย ทำใหม้ ดลกู เขา้ อดู่ ี นำ้ คาวปลาไหลดี มารดาจะรู้สึกสบายตัว ตวั เบา จะนวดใหใ้ นมารดาหลังคลอด ๑ วนั และนวดตอ่ จนครบ ๓ วัน จะไม่นวดในรายที่ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง เนื่องจากอาจทำให้ แผลผ่าตัดฉกี ขาดได้ หากไมน่ วดหลังคลอดกลา้ มเนอื้ และเส้นตา่ งจะไมค่ ลาย ทำใหเ้ กิด อาการชา ตะคริว ปวดเมอื่ ยได้เมือ่ มีอายมุ ากขน้ึ แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏบิ ัตงิ าน 67 การดูแลสขุ ภาพแม่และเดก็ ดว้ ยภูมิปัญญาการแพทยพ์ ืน้ บ้าน

สำนักการแพทย์พื้นบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก การออกไฟ จะออกในวันคี่ ซึ่งนอกจากถือว่าเลขคีเ่ ป็นมงคลแลว้ ยงั เชื่อว่าวันคลู่ กู ถี่ วันคี่ลูกหา่ ง หมอตำแยจะเปน็ คนกำหนดวนั ออกไฟโดยดวู า่ มดลกู เขา้ ทแ่ี ลว้ หรอื ยงั ในวนั ออกไฟจะตอ้ งทำพธิ อี อกไฟและพธิ นี ำเดก็ ขน้ึ เปล โดยเชญิ หมอตำแย โต๊ะอิหมา่ ม โตะ๊ ครู หรือโต๊ะละไบ มาเป็นประธาน ประกอบพธิ ดี ว้ ย เมอ่ื ทำพธิ เี สรจ็ หมอตำแยจะอมุ้ เดก็ ไปตามบรเิ วณทก่ี ำหนดไว้ ในประเพณี ถา้ เป็นเด็กหญิงจะอมุ้ เข้าไปในครวั จบั มือเดก็ ให้สมั ผัสถว้ ยชาม หมอ้ หงุ ขา้ ว เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เตบิ โตเปน็ แมบ่ า้ นแมเ่ รอื น ถา้ เปน็ เดก็ ชาย จะอมุ้ ไปเอา มือเด็กสัมผัสดนิ พน้ื หรอื กงิ่ ไมเ้ พือ่ เม่ือเด็กโตมาจะเปน็ คนขยันทำมาหากิน หาเลย้ี งครอบครวั ตอ่ ไป เมอ่ื ทำพธิ ตี า่ งๆ เสรจ็ จะมกี ารเลย้ี งอาหารคนในครอบครวั และเจ้าของบ้านจะต้องเตรียมเสียคราดให้หมอตำแย โดยของที่มอบให้ ประกอบด้วย ไก่ ๑ ตัว ข้าวสารเหนียว ๑ กิโลกรมั มะพรา้ ว ๑ ลูก ผ้าขนหนู ๑ ผืน ซงึ่ มเี งินค่าทำคลอดสอดไวภ้ ายใน สว่ นใหญม่ กั จะให้ ๓๐๐-๕๐๐บาท หมอตำแยจะนำไก่ ขา้ วสาร มะพรา้ ว ไปประกอบพิธใี หต้ ายายของตนเอง ท่บี า้ น เมอื่ เสร็จพิธีกรรมดงั กลา่ ว หญิงหลงั คลอดก็สามารถเดินทางออกจาก บา้ นไปในท้องท่ีอื่นๆ ได้ 68 แนวทางสำหรับผูป้ ฏบิ ัติงาน การดูแลสขุ ภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ิปญั ญาการแพทย์พน้ื บา้ น

๓บทที่ ๓ แนวทางการส่งเสริมและประยกุ ตใ์ ช้ องคค์ วามรแู้ ละภมู ปิ ัญญา การแพทยพ์ น้ื บา้ นในการดูแล สุขภาพแมแ่ ละเดก็



สำนักการแพทยพ์ ืน้ บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก บทท่ี ๓ แนวทางการส่งเสรมิ และประยกุ ตใ์ ช้ องคค์ วามรแู้ ละภมู ปิ ญั ญาการแพทยพ์ น้ื บา้ น ในการดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ๑. แนวทางการศกึ ษาภมู ปิ ญั ญาการแพทยพ์ น้ื บา้ นเพอ่ื การสง่ เสรมิ ในการดแู ลสุขภาพแม่และเด็ก ๑.๑ การรวบรวมองค์ความร้ภู มู ปิ ญั ญาหมอพืน้ บา้ น การศึกษาแนวทางการพัฒนาและบูรณาการการให้บริการอนามัย แม่และเด็ก มงุ่ หวงั แกป้ ญั หาในเชงิ รกุ ปรบั ระบบบริการของสถานบริการ ของรฐั ใหช้ มุ ชนมีสว่ นร่วมปรบั บทบาทผดุงครรภโ์ บราณ ใหย้ ังคงบทบาทที่ เหมาะสม เพ่อื ความร่วมมือในการดูแลหญงิ มคี รรภ์ การสง่ ตอ่ และการดแู ล แมแ่ ละเดก็ หลังคลอด กระบวนการศกึ ษาพฒั นาจึงเนน้ กลุ่มเปา้ หมายไปที่ ผใู้ ห้บรกิ ารในภาครฐั ที่รบั ผิดชอบ เขา้ ไปศึกษาเรยี นรู้ภูมปิ ัญญาผดงุ ครรภ์ โบราณ เพื่อให้เข้าใจในบริบทและศักยภาพที่แท้จริง นำมาเป็นข้อมูล ในการพัฒนาและบูรณาการ การใหบ้ รกิ ารในสถานบริการของรัฐ ความสำคัญของการรวบรวมองค์ความรู้ภูมิปัญญาการแพทย์พ้ืนบ้าน เปน็ การศึกษาเพอ่ื แก้ไขปญั หาสาธารณสขุ ทีส่ มั พนั ธก์ บั วถิ ชี วี ิต ความเชอ่ื วัฒนธรรมท่ีเป็นลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นหรือชาติพันธุ์ที่มีการส่ังสมความรู้ และประสบการณส์ บื ทอดตอ่ กนั มาและดำรงอยอู่ ยา่ งยง่ั ยนื ซง่ึ แตเ่ ดมิ แมร้ ะบบ บริการสุขภาพท้ังภาครัฐและเอกชนจะเข้าไปให้บริการครอบคลุมในทุกพื้นท่ี โดยเฉพาะในระบบริการสาธารณสุขของรัฐที่มีการตั้งเป้าหมายการให้บริการ ทเ่ี จา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั ผดิ ชอบจะตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หไ้ ดต้ ามเกณฑท์ ก่ี ำหนด จงึ มมี าตรการตา่ งๆ แนวทางสำหรับผปู้ ฏบิ ัติงาน 71 การดแู ลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พน้ื บ้าน

สำนกั การแพทย์พืน้ บ้านไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก เพือ่ ใหป้ ระชาชนต้องปฏบิ ตั ติ ามกระบวนการ วิธีการท่มี ่งุ เพ่ือบรรลเุ ป้าหมาย โดยมไิ ดใ้ ห้ความสำคญั กบั ความรู้สกึ ความตอ้ งการของประชาชน ทำใหข้ าด ความรว่ มมือ จึงไดม้ กี ารทบทวนบทเรียนการให้บรกิ าร มกี ารปรบั กระบวน การทำงานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของประชาชนมากขึ้น แต่กย็ ังคงไม่ประสบความสำเรจ็ เทา่ ที่ควร ดงั เชน่ การแก้ปัญหางานอนามัยแม่ และเด็กใน ๓ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ แม้จะมโี รงพยาบาลชมุ ชนหลายแหง่ ไดท้ ำการปรับวิธีการใหบ้ ริการท้ังการจดั สถานทใ่ี หส้ อดคล้องกับวถิ ีวฒั นธรรม มสุ ลมิ มากข้ึน มีการใหโ้ ต๊ะบแิ ดหรือผดงุ ครรภ์โบราณของชาวมสุ ลมิ เข้ามา ร่วมในกระบวนการให้บริการท้ังในการนำส่งหญิงต้ังครรภ์มาคลอดที่ โรงพยาบาล การอนญุ าตใหโ้ ต๊ะบิแดมาดแู ลในโรงพยาบาล ซึง่ ดูเหมอื นจะ ประสบความสำเร็จ แต่ยงั คงมีชอ่ งว่างหรือความไมเ่ ขา้ ใจระหว่างบุคลากรของ โรงพยาบาลกบั โตะ๊ บแิ ด หญงิ ต้งั ครรภ์และหลังคลอด ทั้งน้เี ป็นเพราะขาด ความเข้าใจในระบบวิธคี ดิ ความเชอ่ื ตามองค์ความรู้ วัฒนธรรมประเพณี การปฏิบัติเป็นเพียงการนำตัวตนของโต๊ะบิแดเข้ามาร่วมในกระบวนการ แตม่ ไิ ดน้ ำเอาจิตวญิ ญาณหรือภมู ิปัญญาของโตะ๊ บิแดเขา้ มาร่วมดว้ ย ลกั ษณะของความรแู้ ละภมู ปิ ญั ญาผดงุ ครรภโ์ บราณ ทมี่ าขององคค์ วามรภู้ ูมิปัญญาผดุงครรภ์โบราณ จะมที ่มี าท่ีแตกตา่ งกนั ส่วนใหญไ่ ด้จากการสืบทอดจากบรรพบรุ ุษ และพบว่าสว่ นใหญ่ได้รับการ อบรมผดุงครรภ์โบราณจากเจ้าหน้าทีส่ าธารณสขุ เป็นองค์ความรภู้ มู ิปญั ญา ที่ดแู ลต้งั แตเ่ ริม่ ตั้งครรภ์ ระหวา่ งคลอดและหลงั คลอด มีทงั้ การใช้พิธกี รรม การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็ก ท่เี ช่อื มโยงกบั ความเชื่อ ศาสนาและวัฒนธรรม ของแต่ละทอ้ งถิน่ ลักษณะขององค์ความรแู้ ละภมู ิปญั ญาของผดงุ ครรภ์โบราณ จึงเป็น องค์ความร้ทู ี่มลี กั ษณะเฉพาะของกล่มุ ชาตพิ นั ธุ์ และเฉพาะกลุม่ บคุ คล คอื 72 แนวทางสำหรับผูป้ ฏบิ ัตงิ าน การดูแลสุขภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ิปัญญาการแพทยพ์ ืน้ บา้ น

สำนกั การแพทย์พ้ืนบา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กลุม่ สตรชี าวมุสลิม ท่เี ปน็ องค์ความรูด้ ั้งเดมิ ผสมผสานความรกู้ ารแพทย์แผน ปจั จุบันโดยยังคงอยู่บนพน้ื ฐานวฒั นธรรมเดิม ๑.๒ วธิ ีการ กระบวนการ และเทคนคิ ในการรวบรวมองคค์ วามรู้ ภมู ปิ ัญญาหมอพืน้ บ้าน (๑) เปิดมมุ มอง เปดิ ใจ ในการศึกษาองค์ความรู้ภมู ิปัญญาหมอพน้ื บา้ น อาจไมส่ ามารถอธิบาย ไดด้ ว้ ยระบบวธิ คี ดิ และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เนอ่ื งจากเปน็ องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ัญญาท่เี ชอ่ื มโยงกับระบบความคดิ ความเชือ่ ในวถิ วี ฒั นธรรม ประเพณี ของแตล่ ะท้องถิ่น เป็นความสมั พันธ์ระหวา่ งคนกับคน คนกับธรรมชาตแิ ละ สง่ิ เหนอื ธรรมชาติ การอธบิ ายโรคและการเจบ็ ปว่ ยของหมอพน้ื บา้ นจงึ เป็น การอธบิ ายถึงความผิดปกติหรือความไม่สมดลุ ของคนกบั คน คนกับธรรมชาติ และสง่ิ เหนอื ธรรมชาติ ซง่ึ ผปู้ ว่ ยและญาตหิ รอื บคุ คลในชมุ ชนเดยี วกนั จะเขา้ ใจ ในความหมายนน้ั ๆ และยอมรบั วธิ กี ารหรอื กระบวนการรกั ษาของหมอพน้ื บา้ น แนวทางสำหรับผู้ปฏบิ ัติงาน 73 การดแู ลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พืน้ บา้ น

สำนักการแพทย์พ้ืนบา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก การศกึ ษาองค์ความรทู้ ่ีเช่อื มโยงกับวิถวี ฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ เจา้ หนา้ ท่ี สาธารณสุขหรือพยาบาลห้องคลอด ผ้ทู ำการศึกษาตอ้ งเปิดมุมมอง เปิดใจ ของตนเอง เรียนรแู้ ละเขา้ ใจระบบวิธีคดิ ของหมอตำแย/ผดงุ ครรภ์−โบราณ (โตะ๊ บแิ ด) ไมเ่ อาความรวู้ ธิ กี ารทางสตู ศิ าสตรม์ าเปน็ ตวั นำในการพดู คยุ หรอื สมั ภาษณ์เจาะลึกองคค์ วามรู้ แตจ่ ะนำมาอธบิ าย วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพอ่ื การบรู ณาการมใิ ชเ่ พอ่ื ตรวจสอบความผดิ ถกู แตเ่ พอ่ื ผสมผสาน ปรบั ใช้ ซง่ึ กนั และกนั ในการใหบ้ รกิ ารอนามยั แมแ่ ละเดก็ ทส่ี อดคลอ้ งกบั วถิ วี ฒั นธรรม การเปดิ ใจยอมรับและเขา้ ไปเรียนรู้ภูมปิ ญั ญาหมอตำแยหรือผดงุ ครรภ์โบราณ ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นผู้ให้บริการดูแลสุขภาพอนามัยแม่ และเดก็ ในชุมชน ด้วยทา่ ทีนอบนอ้ มระหวา่ งเดก็ กับผู้ใหญ่ ที่ทำใหเ้ กดิ การ เรยี นรซู้ ง่ึ กนั และกนั เรยี นรใู้ นความสามารถและขอ้ จำกดั เรยี นรทู้ จ่ี ะรว่ มมอื กนั เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของแม่และเด็กที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับวฒั นธรรมประเพณี ลดชอ่ งวา่ งและความขดั แยง้ ทอี่ าจเกดิ ขึ้น ดว้ ยความหวงั ดแี ละโดยมไิ ด้ตง้ั ใจ ดงั นั้นกระบวนการในการรวบรวมองคค์ วามรู้หมอพื้นบ้านขน้ั ตอนแรก ผู้ศึกษาหรือนักวิจัยควรศึกษาและเข้าใจแนวคิดพ้ืนฐานด้านสังคมวิทยา มานุษยวทิ ยาการแพทย์ ปรับกระบวนทศั น์ใหมท่ างการแพทยท์ ีเ่ นน้ ทฤษฎี สุขภาพมากกว่าทฤษฎีโรค (๒) สมั ผัสตัวตนหมอพ้ืนบ้าน เมอ่ื เข้าใจแนวคิดเบอ้ื งตน้ ส่งิ สำคัญต่อมาคอื การเขา้ ไปเรยี นรูก้ ับตวั ตนของหมอพ้นื บ้านทอ่ี ยู่ในบรบิ ทของชมุ ชนน้ันๆ ผศู้ ึกษาตอ้ งเข้าใจบริบท วถิ วี ัฒนธรรม สภาพแวดล้อม ตอ้ งรจู้ กั ภูมหิ ลังของหมอพ้ืนบา้ นท่เี ราจะศกึ ษา ตงั้ แต่ประวัติสว่ นตวั ประวตั ิครอบครวั ประวัตกิ ารเปน็ หมอพน้ื บ้านตั้งแต่ เรม่ิ เรยี นรคู้ รง้ั แรก การเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ จากใครทไ่ี หนอยา่ งไร การใหก้ ารดแู ลรกั ษา 74 แนวทางสำหรับผู้ปฏบิ ตั ิงาน การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กดว้ ยภมู ิปัญญาการแพทยพ์ ื้นบ้าน

สำนักการแพทยพ์ ้นื บา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก การสบื ทอดองค์ความรู้ บทบาทหน้าที่ของหมอพืน้ บ้านในชุมชน ส่ิงเหล่าน้ี จะทำใหร้ จู้ กั และเขา้ ใจระบบวธิ คี ดิ ของหมอพน้ื บา้ น และการยอมรบั ของชมุ ชน มากขึ้น ในการศึกษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน โดยพยาบาล หอ้ งคลอดและเจ้าหน้าทส่ี ถานอี นามัยเขา้ ไปเรียนรู้กับหมอตำแย เขา้ ไปอยู่ ในสภาพแวดลอ้ มบรบิ ททเ่ี ปน็ ตวั ตนของหมอตำแยแทนการเชญิ มาใหส้ มั ภาษณ์ ทโ่ี รงพยาบาล จะทำให้ไดเ้ ห็นสภาพความเป็นอยู่ การให้บริการที่เป็นที่พ่ึง ของคนในชุมชน ดังเชน่ ทพ่ี ยาบาลห้องคลอดท่านหน่งึ บอกถึงความรู้สกึ หลัง จากไปศกึ ษาเจาะลกึ องคค์ วามรโู้ ตะ๊ บแิ ดวา่ “เมอ่ื เขา้ ไปในชมุ ชนจงึ รวู้ า่ โตะ๊ บแิ ด ไม่ใช่แค่คนทำคลอดอย่างที่เข้าใจ แต่ยังเป็นหมอของชาวบ้านที่ช่วยดูแล การเจบ็ ปว่ ย ชว่ ยดแู ลด้านจติ ใจของชาวบ้านด้วย” ส่งเสรมิ ใหม้ ีการคลอดในบริบทวัฒนธรรมของมุสลิม อนุญาตให้โตะ๊ บดิ นั หรอื พอ่ แม่ หรอื สามี เข้าเชียร์เบง่ ในห้องคลอดได้ แนวทางสำหรบั ผู้ปฏิบตั งิ าน 75 การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พน้ื บ้าน

สำนกั การแพทย์พื้นบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก “อาซาน” เทปอาซาน โตะ๊ บิดนั /ญาตริ ว่ มดแู ลขณะคลอด อาซาน เทปอาซาน หนังสือตง้ั ช่อื ลูก การใหบ้ รกิ ารดแู ลสขุ ภาพแม่และเด็กร่วมกบั ชุมชนของโรงพยาบาลจะนะ จงั หวัดสงขลา 76 แนวทางสำหรับผ้ปู ฏิบัติงาน การดแู ลสุขภาพแม่และเดก็ ด้วยภูมิปญั ญาการแพทย์พน้ื บ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ื้นบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก (๓) ศกึ ษาองคค์ วามรมู้ ใิ ชจ่ ับผดิ ความรู้ การศึกษาองค์ความรู้หมอพื้นบ้านส่วนใหญ่จะศึกษาถึงระบบวิธีคิด เกย่ี วกับโรคหรอื อาการท่หี มอรกั ษาว่าหมอเชอ่ื วา่ โรคหรอื อาการนน้ั เกดิ ขน้ึ ได้ อย่างไร มีวิธกี ารวินิจฉัยหรอื รไู้ ดอ้ ย่างไรวา่ เกดิ จากส่ิงน้ัน หรอื วินจิ ฉัยอาการ ทเี่ ป็นว่าเกดิ เพราะเหตุใดไดอ้ ย่างไร มอี ะไรเป็นขอ้ กำหนดหรอื ตวั บง่ บอกหมอ มีวิธรี ักษาอยา่ งไรและรไู้ ดอ้ ยา่ งไรว่าจะต้องรักษาด้วยวิธนี ัน้ หากรกั ษาไมด่ ีขน้ึ หมอจะทำอยา่ งไรต่อไป มีวิธกี ารรักษารว่ มกับวธิ กี ารอย่างอนื่ หรือไม่อย่างไร มีขอ้ ควรปฏิบตั ิหรือขอ้ หา้ มอยา่ งไร และหมอมกี ารสืบทอดองคค์ วามรู้หรือไม่ อยา่ งไร เปน็ ตน้ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาองคค์ วามรหู้ มอพน้ื บา้ น สว่ นใหญม่ กั เปน็ แบบ สมั ภาษณท์ ผ่ี า่ นการทดสอบความเทย่ี งตรงมาแลว้ วา่ มปี ระสทิ ธภิ าพในการเกบ็ ข้อมูล แต่การไดข้ อ้ มลู ที่มีประสิทธภิ าพยังขึ้นกบั เทคนคิ วธิ กี ารท่จี ะเจาะลึก หรอื สบื สาวเอาความรทู้ ม่ี อี ยใู่ นตวั ตนหมอพน้ื บา้ น (Tacit knowledge) ออกมา การเจาะลึกองคค์ วามรู้ ผเู้ กบ็ ขอ้ มลู ต้องเก็บความเป็นพยาบาลหรอื นกั วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ ไวท้ ่โี รงพยาบาล เกบ็ ความเป็นหมออนามัยไว้ท่ี อนามยั แลว้ เขา้ ไปเรียนรู้ในฐานะผสู้ นใจศกึ ษา มิใช่หมอหรือพยาบาลเขา้ ไป สมั ภาษณ์ตามแบบสัมภาษณท์ ีละขอ้ ไมน่ ำเอาพ้ืนฐานความรขู้ องเราเขา้ ไป เป็นทีต่ ัง้ แต่เปิดรับความรใู้ หม่ทจี่ ะได้ ฟังหมอตำแยเล่าอธบิ ายตามหลักคดิ วิธีการของหมอตำแย จดบันทกึ ตามทห่ี มอตำแยอธบิ าย เม่ือฟังแลว้ ไมเ่ ข้าใจ ซักถามให้หมอตำแยอธบิ ายว่าสิง่ ท่ีพูดถึงนัน้ หมายถึงอะไร หรอื ทำอย่างไร ทำไมถึงต้องทำ หากไมท่ ำแล้วจะเปน็ อยา่ งไร ทำความเข้าใจตามการเชื่อมโยง ของหมอตำแย มใิ ชแ่ ปลตามความเขา้ ใจของเราทเ่ี ทยี บเคยี งกบั ความรสู้ ตู ศิ าสตร์ ทเ่ี ราเขา้ ใจ ซ่งึ อาจทำให้ความรูค้ ลาดเคลือ่ นผิดความหมายของหมอพื้นบา้ น ไดเ้ นอ่ื งจากพน้ื ฐานทีม่ าของวิธคี ดิ ท่ตี ่างกนั และทสี่ ำคญั คอื ต้องไมเ่ อาความรู้ ของเรา หรือความรู้สึกของเราเข้าไปอธิบายหรือขัดแย้งกับคำอธิบายที่อาจ แนวทางสำหรับผปู้ ฏบิ ตั งิ าน 77 การดูแลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภูมิปญั ญาการแพทย์พ้นื บา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ืน้ บ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดเู หมือนวา่ เป็นสง่ิ งมงาย หรือเป็นไปไมไ่ ด้ ไมพ่ ยายามอธบิ ายวา่ สิง่ นนั้ ผดิ หรือ ถกู เพราะจะทำใหผ้ เู้ กบ็ ขอ้ มลู รสู้ กึ มคี วามขดั แยง้ อยตู่ ลอดเวลาและเกบ็ รวบรวม องค์ความรู้อย่างท่ีไม่เข้าใจในความหมายและตัวตนหรือจิตวิญญาณของหมอ พ้นื บ้าน (๔) วเิ คราะห์ สงั เคราะหค์ วามรเู้ พอ่ื บรู ณาการในระบบบรกิ ารสขุ ภาพ การศึกษารวบรวมองคค์ วามรภู้ ูมปิ ัญญาหมอพื้นบา้ น ควรดำเนินการ เพือ่ นำใชป้ ระโยชน์ หรอื พฒั นาตอ่ ยอด องค์ความรทู้ ี่ได้จงึ ควรนำวเิ คราะห์ สังเคราะห์ โดยแบ่งลกั ษณะการใช้องคค์ วามร้ทู ไ่ี ดเ้ ปน็ ๒ กลุ่ม คอื กลมุ่ ท่ี ๑ องคค์ วามรทู้ ไ่ี มส่ ามารถนำมาใชไ้ ดใ้ นสถานการณป์ จั จบุ นั หรอื องค์ความรู้ทอ่ี าจให้เกิดอันตรายหรอื ผลเสียต่อสุขภาพ กลมุ่ ท่ี ๒ องค์ความรู้ที่นำมาใช้เพ่ือพัฒนาต่อยอดหรือบูรณาการ ในระบบบริการสุขภาพชมุ ชน ซง่ึ แบง่ องค์ความรเู้ ปน็ ๓ ระดับ คอื ระดับที่ ๑ เป็นองค์ความรู้ภูมิปัญญาที่บุคคลใช้ในวิถีชีวิต สามารถส่งเสริมการใช้ไดท้ นั ที เพ่ือการส่งเสรมิ กระตนุ้ ใหม้ กี ารใช้ในวิถชี มุ ชน อยา่ งแพรห่ ลายในพน้ื ทท่ี ำการวจิ ยั และพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งหรอื พน้ื ทอ่ี น่ื ทม่ี วี ฒั นธรรม เหมือนหรือคล้ายกนั เช่น งดอาหารทกุ อย่าง ยกเวน้ ขา้ วกับเกลือ ระดับที่ ๒ เป็นองค์ความรู้หมอพ้ืนบ้านท่ีสามารถส่งเสริมให้มี การใช้ได้และส่งเสริมการใช้ในระบบสุขภาพของชุมชน การใช้ร่วมหรือผสม ผสานกับระบบบรกิ ารของรฐั ระดับที่ ๓ เป็นองค์ความรู้ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านท่ีต้องทำ การศกึ ษาเพม่ิ เตมิ การวดั ประสทิ ธภิ าพ คณุ ภาพและความปลอดภยั จงึ จะทำ การพัฒนาและสง่ เสริมประยกุ ต์ใชไ้ ด้ ในการศกึ ษาองคค์ วามรู้ ทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณเ์ จาะลกึ ไดน้ ำมาวเิ คราะห์ เรียบเรียงเทียบเคียงกับการพยาบาลมารดาและทารกในระบบการแพทย์แผน ปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาแนวทางการบูรณาการ 78 แนวทางสำหรับผปู้ ฏิบตั งิ าน การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ด้วยภูมิปญั ญาการแพทย์พ้นื บา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ื้นบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก องคค์ วามรหู้ มอตำแยกบั การพยาบาลมารดาและทารกในระยะตง้ั ครรภ์ระยะ คลอดและระยะหลงั คลอด และเป็นแนวทางในการสง่ เสริมพฒั นาความรู้และ บทบาทของหมอตำแย ในการสง่ เสรมิ สุขภาพแมแ่ ละเดก็ ในชมุ ชนได้อยา่ ง เหมาะสมกับวัฒนธรรมอิสลามและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการตายของแม่และเด็ก และขอ้ เสนอแนวทางในการบรู ณาการองคค์ วามรู้ ใหม้ กี ารพฒั นาทำความเขา้ ใจ ซึ่งกันและกันโดยที่โต๊ะบิแดควรจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมในเชิงวิชาการ ส่วน เจา้ หน้าทพ่ี ยาบาลผ้เู กย่ี วขอ้ งควรจะต้องเขา้ ใจในมิติสังคมวัฒนธรรม ดังน้ันการศึกษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านจะทำให้เข้าใจ ในระบบวธิ ีคดิ กระบวนการและขัน้ ตอนการดูแลรักษาท่ีหมอพื้นบ้านมีวิธกี าร อธบิ ายถงึ เหตผุ ลของกระบวนการ และวธิ ีการนน้ั ๆ ตามองค์ความร้ทู ่สี ืบทอด มาจากประสบการณข์ องบรรพบรุ ษุ หรอื ครผู ถู้ า่ ยทอด หากผศู้ กึ ษาทำการศกึ ษา โดยตัดอคติหรือการนำเอาความรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เข้าไปอธิบาย กจ็ ะทำใหเ้ ขา้ ใจและในตวั ตนของหมอพน้ื บา้ น นำขอ้ ดมี ารว่ มกนั ดแู ลสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ แกไ้ ขปญั หาสาธารณสขุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ วฒั นธรรม จะชว่ ยขจดั ความขัดแย้งระหวา่ งผใู้ ห้บริการและผรู้ บั บรกิ าร ความหมายและคณุ ค่าองคค์ วามรหู้ มอพนื้ บ้าน เป็นคุณค่าของความ เข้าใจในความต้องการความปลอดภัยทั้งทางกายและทางจติ ทีป่ ราศจากความ ขดั แยง้ ในวฒั นธรรม การศกึ ษาองคค์ วามรหู้ มอพน้ื บา้ น นบั เปน็ กระบวนทศั น์ ใหม่ในการดแู ลสขุ ภาพ แบบองคร์ วม ในระดบั ปฏบิ ตั กิ ารควรไดม้ กี ารศกึ ษาเรยี นรภู้ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ดา้ นสขุ ภาพ หรอื การแพทยพ์ น้ื บา้ นในการเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพเพอ่ื นำมาบรู ณาการในการดแู ล รกั ษาสขุ ภาพทส่ี อดคลอ้ งกับความต้องการของชมุ ชน กรณตี วั อยา่ ง รปู แบบการวจิ ยั และพฒั นาองคค์ วามรกู้ ารแพทยพ์ น้ื บา้ น สกว. (สำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย) ฝา่ ยวิจยั ท้องถิน่ นบั เป็น หน่วยงานท่ีหนุนเสริมพลังชุมชนให้ค้นพบศักยภาพตนเองในการดึงเอาทุน แนวทางสำหรบั ผูป้ ฏบิ ัตงิ าน 79 การดูแลสุขภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ิปญั ญาการแพทย์พน้ื บา้ น

สำนกั การแพทย์พน้ื บ้านไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ทางภูมปิ ญั ญาออกมาใช้ประโยชนเ์ พอ่ื ชุมชนของตนเองไดเ้ ปน็ อย่างดี ตวั อยา่ ง ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั คอื โครงการการฟน้ื ฟภู มู ปิ ญั ญาและการขยายผลองคค์ วามรใู้ หเ้ ปน็ ทางเลือกในการดูแลสุขภาพชุมชนของหมอนวดพื้นบ้านอำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลงุ เพ่ือสบื สานและฟ้นื ฟูภูมปิ ญั ญาของหมอนวดพืน้ บา้ น ทส่ี ่งผล การศกึ ษาทเ่ี ปน็ รปู ธรรม นำไปสกู่ ารผลติ คมู่ อื การนวดพน้ื บา้ น ๓ ชดุ คอื ชดุ คมู่ อื การนวดรกั ษาโรคอัมพฤกษ์ อมั พาต เหนบ็ ชา ชดุ คูม่ อื การนวดรักษาอาการ ทั่วไป และชุดคมู่ อื การนวดในการดูแลแม่และเด็กกอ่ นคลอดและหลงั คลอด ในแบบหมอตำแยพน้ื บา้ นอำเภอเขาชยั สน ท่ีน่าสนใจเพ่อื การศกึ ษาเรยี นร้คู อื กระบวนการวจิ ยั ทีไ่ ดม้ าซึง่ คมู่ อื ท้ัง ๓ ชดุ นน้ั เป็นกระบวนการทีส่ มควรนำมา เป็นรปู แบบในการส่งเสริมการสบื ทอดความรภู้ มู ิปัญญาการแพทยพ์ น้ื บ้านเพอ่ื การดแู ลแมแ่ ละเดก็ รวมทง้ั การสบื ทอดองคค์ วามรกู้ ารแพทยพ์ น้ื บา้ นอน่ื ๆ ดว้ ย จดุ เดน่ ของงานวจิ ยั ชมุ ชนของ สกว. คอื นกั วจิ ยั คอื ชาวบา้ น เจา้ ของเรอ่ื ง เจ้าของปัญหา มีนักวิชาการเป็นพี่เลี้ยง โครงการการฟื้นฟูภูมิปัญญาและ การขยายผลองคค์ วามรใู้ หเ้ ปน็ ทางเลอื กในการดแู ลสขุ ภาพชมุ ชนของหมอนวด พื้นบา้ นอำเภอเขาชัยสน จังหวัดพทั ลุง ลงุ สมบรู ณ์ ทพิ ยน์ ้ยุ หมอนวดพ้นื บ้าน และเพ่ือนเปน็ นกั วจิ ัย มีนกั วชิ าการเปน็ พี่เลีย้ ง กอ่ นที่จะทำโครงการนไ้ี ด้มี โครงการที่ ๑ นำรอ่ งมาก่อน คอื โครงการศกึ ษาองค์ความร้หู มอพ้ืนบา้ นและ สร้างเสรมิ สขุ ภาพชมุ ชนอำเภอเขาชยั สน จงั หวัดพทั ลุง ทำการศกึ ษาจดั เกบ็ ขอ้ มลู หมอพน้ื บา้ น ตำรายาสมุนไพรท่ีใช้ตลอดจนถามความคิดเหน็ ประชาชน ดา้ นการดแู ลรกั ษาสขุ ภาพโดยหมอพน้ื บา้ น ทำใหท้ มี วจิ ยั และองคก์ รทเ่ี ขา้ รว่ ม ได้เรียนรวู้ ิถีชวี ติ ประเพณี วัฒนธรรมการดแู ลรกั ษาสุขภาพและการรกั ษาโรค โดยการใชภ้ มู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ทำให้องคก์ รต่างๆ ทไ่ี ด้เขา้ รว่ มเรียนร้ไู ด้มองเหน็ คณุ คา่ ของหมอพน้ื บา้ นทม่ี ตี อ่ ชมุ ชนและสงั คมอยมู่ าก ทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง ในกลุม่ คนหลายๆ ภาคสว่ น เขา้ มามสี ว่ นร่วมในการผลักดันฟ้นื ฟหู มอพ้ืนบา้ น และสมุนไพรรว่ มกับทีมวจิ ัยท้ังโรงเรียน โรงพยาบาล รวมไปถึง อบต. 80 แนวทางสำหรบั ผูป้ ฏบิ ตั ิงาน การดแู ลสขุ ภาพแม่และเดก็ ดว้ ยภูมิปัญญาการแพทย์พน้ื บา้ น

สำนักการแพทยพ์ ้ืนบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก (องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบล) โรงเรยี นเปดิ โอกาสใหท้ มี วจิ ยั และหมอพน้ื บา้ นเขา้ ไปมบี ทบาทในการขยายความรู้ เร่ืองหมอพน้ื บ้านและสมนุ ไพรในโรงเรียน สอนนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕−๖ และนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑−๖ อกี แห่งหน่ึง ขยายผลไปอกี ๒ หมูบ่ ้าน ขณะที่โรงพยาบาลเขาชัยสน กด็ ำเนิน การสรา้ งอาคารแพทยแ์ ผนไทยในโรงพยาบาล มกี จิ กรรมรว่ มกบั หมอพน้ื บา้ น ในการสร้างค่านิยมให้ชาวบ้านหันมาสนใจใช้การดูแลรักษากับหมอพื้นบ้าน สว่ น อบต. กต็ ง้ั งบประมาณไวส้ ำหรบั สนบั สนนุ กจิ กรรมหมอพน้ื บา้ นและสมนุ ไพร จากบทเรียนโครงการท่ี ๑ เปน็ ข้อมลู ใหท้ ำโครงการที่ ๒ โครงการ ฟ้ืนฟูภูมิปัญญาและการขยายผลองค์ความรู้ให้เป็นทางเลือกในการดูแล สุขภาพชุมชนของหมอนวดพน้ื บา้ นอำเภอเขาชยั สน จังหวดั พัทลงุ ซึ่งจาก โครงการท่ี ๑ พบวา่ ขอ้ มลู สว่ นใหญย่ งั ไมส่ ามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ หท้ กุ ภาคสว่ น เรียนรู้และนำไปใช้ได้เพราะเป็นเพียงข้อมูลพ้ืนฐานยังไม่ได้เจาะลึกถึง แก่นแท้ขององคค์ วามรู้ ดังนัน้ ในโครงการที่ ๒ ทีมวจิ ยั จึงศกึ ษาขอ้ มลู เชิงลกึ นำมาสร้างเป็นชุดองค์ความรู้นำไปขยายผลสู่ชุมชนและองค์กรต่างๆ ซึ่งกระบวนการวิจัยโครงการท่ี ๒ ยงั คงใหค้ วามสำคัญกับองคก์ รชมุ ชนทเ่ี ขา้ มาร่วม มนี กั เรียนมธั ยมศกึ ษาเปน็ อาสาสมคั ร ในกระบวนการศกึ ษาเจาะลึก เวทรี ะดมความคดิ เหน็ ครง้ั แลว้ ครง้ั เลา่ เพอ่ื วเิ คราะหข์ อ้ มลู ศกึ ษาผลการรกั ษา จากผูป้ ่วย ท่เี คยมารกั ษากับหมอพน้ื บา้ น เพื่อยืนยนั ประสิทธผิ ล ศึกษาปรับ เปลยี่ นรปู แบบวิธีการทจี่ ะไดม้ าซงึ่ สอื่ การสอนทเ่ี หมาะสม เขา้ ใจงา่ ย ยกรา่ ง ชดุ คมู่ อื การนวดแบบฉบบั พนื้ บา้ นเขาชยั สน จดั กระบวนการตรวจสอบความ ถูกต้องนำไปสู่การทดลองปฏิบัติที่ผ่านกระบวนการเตรียมความพร้อมท้ัง ตัวหมอนวดผทู้ ่จี ะทำหน้าทเ่ี ปน็ ครู เปิดศูนย์บรกิ ารเพือ่ ทดลองชุดความรู้ ตามกระบวนการแบบพน้ื บา้ น มไี หวค้ รกู อ่ นใหบ้ รกิ าร หมอนวดในศนู ยน์ อกจาก ให้บริการนวดและยังทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการถ่ายทอดความรู้ สร้าง จติ สำนกึ ให้ชมุ ชนมองเห็นความสำคัญของสมนุ ไพรท้องถ่ิน สว่ นผปู้ ่วยที่มาใช้ แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏบิ ัตงิ าน 81 การดูแลสขุ ภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ปิ ญั ญาการแพทยพ์ ้ืนบา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ้นื บา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บริการต่างไม่เห็นแก่ตัว มีความรักสามัคคี ไม่แบ่งแยกศาสนาแลกเปลี่ยน สมุนไพรนำไปขยายต่อ เป็นวิถีชีวิตที่พึ่งพาอาศัยกันอย่างมีความสุขภายใต้ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ที่ใช้ประโยชนร์ ว่ มกนั ๒. แนวทางการสง่ เสริม และประยุกตใ์ ช้องค์ความรู้และภมู ปิ ัญญา การแพทยพ์ ้ืนบา้ นในระบบบริการสุขภาพชุมชน สถานการณ์การดูแลสุขภาพแม่และเด็กในภาครัฐโดยหลักแล้วจะใช้ ศาสตร์การแพทย์ตะวันตกเป็นแนวทางในการปฏิบัติการในทุกกระบวนการ และทกุ ระยะของการตงั้ ครรภ์ คอื ระยะตัง้ ครรภ์ ระยะคลอด และระยะหลงั คลอด โดยรวมถงึ การดแู ลและพยาบาลทารกแรกเกดิ ล้วนใช้หลักการของ การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นมาตรฐานโดยไม่มีการผสมผสานภูมิปัญญาพ้นื บ้าน เข้าไปมีส่วนร่วมในการดแู ลสขุ ภาพแมแ่ ละเด็ก แตเ่ น่ืองจากการดแู ลแม่และ เด็กด้วยศาสตร์เพียงศาสตร์เดียวอาจไม่ครอบคลุมได้ในทุกด้านจึงมีสถาน พยาบาลบางแห่งโดยเฉพาะสถานพยาบาลระดับปฐมภูมินำองค์ความรู้ ท้องถนิ่ และการแพทย์พืน้ บ้านทเ่ี หมาะสมกับวิถีชวี ิตและวฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ มาประยุกต์และใช้ประโยชน์กับการดูแลสุขภาพแม่และเด็กโดยเฉพาะการ ดแู ลแมห่ ลงั คลอด มตี วั อยา่ งทส่ี ถานอี นามยั ยาบี จงั หวดั ปตั ตาน ี นำผดงุ ครรภ์ โบราณมาร่วมกับกลุ่มเครือข่ายสร้างสุขภาพเพื่อดูแลและให้บริการ การอย่ไู ฟในหญิงหลงั คลอด และทีส่ ถานอี นามยั ตำบลสำโรงเหนือ จงั หวัด สมทุ รปราการ นำความรดู้ ้านการแพทย์แผนไทยมาดแู ลหญิงทงั้ ในระยะ กอ่ นคลอดและหลังคลอดโดยใชว้ ธิ จี ิตตานามัย ลดความวติ กกังวล และนำ วธิ ีการทางแพทยแ์ ผนไทย เชน่ การพันผา้ หน้าท้อง การทับหม้อเกลอื การอบประคบสมุนไพร การเขา้ กระโจม และการนงั่ ถ่านมาใช้กับหญงิ หลงั คลอดเพอ่ื ชว่ ยเรง่ การฟน้ื ตวั ของแมห่ ลงั คลอดใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ โรงพยาบาลเทพา จังหวัดสงขลามีการฝากครรภ์คู่ขนานระหว่างการฝากครรภ์กับเจ้าหน้าท่ี 82 แนวทางสำหรับผู้ปฏิบัตงิ าน การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภมู ิปญั ญาการแพทยพ์ ้ืนบ้าน

สำนักการแพทยพ์ ้ืนบา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก สาธารณสุขที่หน่วยบริการระดับปฐมภูมิหรือที่โรงพยาบาล ควบคู่กับการ ฝากครรภก์ ับผดงุ ครรภโ์ บราณในพนื้ ท่ี ดังน้ันจึงมีข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมและประยุกต์ใช้องค์ความรู้ ภมู ปิ ญั ญาการดแู ลแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภมู ปิ ญั ญาการแพทยพ์ น้ื บา้ นในระบบบรกิ าร สุขภาพชมุ ชน ดงั น้ี ๑. สรา้ งทศั นคตทิ ด่ี ตี อ่ การคลอดและหลงั คลอดจำเปน็ อยา่ งยง่ิ ที่ผู้เป็นแม่ ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ การคลอดส่ิงท่ีจะเกิดกับคุณแม่ในห้องคลอดและการดูแล หลงั คลอด ๒. ศึกษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านในการดูแล สุขภาพแม่และเด็ก เพื่อนำมาประยุกต์ใช้บูรณาการ ในการดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเด็ก ๓. สง่ เสรมิ การใชใ้ นชมุ ชน โดยนำองคค์ วามรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา องค์ความรู้ภูมิปัญญามาจัดทำเป็นเอกสารคู่มือเฉพาะของ แตล่ ะชมุ ชน เพอ่ื ใช้ในการดูแลตนเองในครอบครัว และ ในศนู ย์เรียนร้กู ารแพทยพ์ ้ืนบา้ น การจัดระดับองค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์พ้ืนบ้านในการ สร้างเสรมิ สขุ ภาพมารดาและทารก การจัดระดับองค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านในการสร้าง เสริมสุขภาพมารดาและทารก เป็นการนำองคค์ วามรูภ้ ูมปิ ญั ญาพืน้ บ้านใน การสร้างเสริมสุขภาพมารดาและทารกไปใช้ประโยชน์ ในการส่งเสริมการ พ่ึงตนเองด้านสุขภาพของประชาชนและบูรณาการในระบบสุขภาพชุมชน อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจบุ ัน และสอดคลอ้ งกับวัฒนธรรมประเพณี ผู้วิจัยทำการจัดระดับองค์ความรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านในการสร้างเสริมสุขภาพ เป็น ๒ ระดับ ดังน้ี แนวทางสำหรับผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน 83 การดูแลสุขภาพแม่และเด็กดว้ ยภูมิปัญญาการแพทยพ์ ืน้ บ้าน

สำนักการแพทยพ์ นื้ บ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก ระดับที่ ๑ องค์ความรู้ภูมิปัญญาท่ีมีใช้เป็นประจำอยู่ในวิถีชีวิตของ ปจั เจกบคุ คล ครอบครัวและชมุ ชนและสามารถสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารใชอ้ ยา่ งแพร่ หลายไดท้ นั ที โดยนำมาจดั ทำเอกสารคมู่ อื สำหรบั หญงิ ตง้ั ครรภแ์ ละหลงั คลอด ระดับท่ี ๒ องค์ความรู้ภูมิปัญญาท่ีมีการใช้อยู่ในชุมชนแต่ต้องอาศัย ผทู้ ม่ี คี วามรปู้ ระสบการณเ์ ปน็ ผชู้ ว่ ยเหลอื หรอื กระทำให้ ไมส่ ามารถใชด้ ว้ ยตนเอง โดยนำมาสง่ เสรมิ การใชใ้ นศนู ยเ์ รียนรกู้ ารแพทย์พ้นื บา้ น ซึง่ มีหมอพืน้ บ้าน ผูร้ ู้ เปน็ ผู้ใหก้ ารดูแลรกั ษา ท้ังน้ีเพ่ือความเข้าใจตรงกันและเกิดความชัดเจนในการแบ่งระดับ องคค์ วามรู้ กำหนดบทบาทหนา้ ทข่ี องศนู ยเ์ รยี นรกู้ ารแพทยพ์ น้ื บา้ นในการดแู ล สรา้ งเสริมสุขภาพมารดาและทารก ดังน้ี ๑. เปน็ แหล่งศกึ ษา เรียนรู้ เกี่ยวกับองค์ความร้ภู ูมิปญั ญาพน้ื บ้าน ในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพมารดาและทารก ๒. ใหค้ ำแนะนำในการปฏบิ ตั ติ น แกห่ ญงิ หลงั คลอด หรอื สอนวธิ กี าร ดแู ลรกั ษาให้ญาตนิ ำไปดแู ลหญงิ หลังคลอดท่ีบา้ น ๓. ใหบ้ รกิ ารดแู ลรกั ษา สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพแกห่ ญงิ หลงั คลอด ในศนู ย์ เรียนรู้การแพทย์พื้นบ้าน หรือ ไปให้บริการช่วยเหลือที่บ้าน ตามความเหมาะสม ๔. ประชาสมั พนั ธ์ การสง่ เสรมิ การใชค้ วามรู้ และทำใหช้ มุ ชนตระหนกั ถึงความสำคัญของความรู้พน้ื บา้ น การสร้างแรงจงู ใจใหม้ ารดา หนั มาสนใจ การใช้ภูมปิ ญั ญาพน้ื บ้านในการดแู ลสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การจัดระดับองค์ความรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านในการสร้างเสริมสุขภาพ มารดาและทารก เมื่อพิจารณาความยากง่ายขององคค์ วามรภู้ มู ปิ ญั ญาแลว้ พบว่าความรู้ในการดูแลมารดาและทารกส่วนใหญ่ไม่ใช่ความรู้ที่สลับซับซ้อน จึงสามารถจัดอยไู่ ด้ทงั้ ๒ ระดบั โดยที่ระดบั ที่ ๒ ทำหนา้ ท่เี ปน็ แหลง่ ข้อมูล เรยี นรู้ และใหบ้ รกิ ารสำหรบั ผทู้ ไ่ี มพ่ รอ้ มทจ่ี ะทำเองทบ่ี า้ น ดงั แสดงในตารางท่ี ๑ 84 แนวทางสำหรบั ผู้ปฏบิ ัติงาน การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภูมปิ ญั ญาการแพทยพ์ ้นื บ้าน

สำนกั การแพทย์พืน้ บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ตารางที่ ๑ การจดั ระดับองค์ความรูภ้ ูมปิ ญั ญาพ้ืนบา้ นในการสรา้ งเสริม สขุ ภาพมารดาและทารก องคค์ วามรูภ้ มู ิปญั ญา ระดบั ท ่ี ๑ ระดบั ท ่ี ๒ สง่ เสรมิ การใชใ้ นวติ ประจำวนั สง่ เสรมิ การใชใ้ นศนู ยเ์ รยี นรู้ ๑. การปฏบิ ัติตน ๑. การปฏบิ ตั ิตน ๑. การปฏบิ ัติตน เช่น การอาบน้ำ สระผม การใส่ เช่น การอาบนำ้ สระผม การ การทำพิธกี รรมตา่ งๆ เพอ่ื เสรมิ เส้ือผา้ รักษาความอบอนุ่ ของ ใส่เส้อื ผา้ รกั ษาความอบอุน่ ให้มารดาและทารกมสี ขุ ภาพที่ รา่ งกาย ไมท่ ำงานหนัก ไมอ่ อก ของร่างกาย ไมท่ ำงานหนกั ดีท้ังกายและใจ หรือเพ่ือการ จากบา้ น ไมอ่ อกจากบ้าน เป็นต้น รักษาอาการแทรกซอ้ นตาม ความเช่ือของลา้ นนา ๒. อาหาร ๒. อาหาร ๒. อาหาร การเลือกรบั ประทานอาหาร การเลือกรับประทานอาหาร การใหค้ วามรเู้ กีย่ วกับอาหารที่ ช่วยในการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ มารดาและทารก ขอ้ หา้ มและ ขอ้ ควรระวงั ๓. การอยู่ไฟหลังคลอด ๓. การอย่ไู ฟหลังคลอด ๓. การอยไู่ ฟหลงั คลอด การปฏบิ ัตติ นหลังคลอดบุตร การอยู่ไฟ ๓.๑ การให้ความรู้เกย่ี วกบั การ อยูไ่ ฟ ๓.๒ การใหบ้ รกิ ารหญงิ หลงั คลอด ที่ศูนยเ์ รียนรู้เพอื่ อำนวยความ สะดวกแก่หญิงหลังคลอด เช่น การฮมยา รวมถงึ การใหก้ าร ช่วยเหลอื ในการปฏบิ ัติตน และ ดแู ลรกั ษาฟน้ื ฟสู ภาพทบ่ี า้ นหญงิ หลังคลอดโดยหมอพื้นบา้ นท่ี ปฏบิ ตั ิหนา้ ทใ่ี นศูนย์เรยี นรู้ แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน 85 การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภูมปิ ัญญาการแพทย์พ้ืนบ้าน

สำนักการแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ตารางท่ี ๑ (ตอ่ ) การจดั ระดบั องคค์ วามรภู้ มู ปิ ญั ญาพน้ื บา้ นในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพมารดาและทารก องค์ความร้ภู มู ปิ ัญญา ระดบั ท ่ี ๑ ระดบั ท ่ี ๒ สง่ เสรมิ การใชใ้ นวติ ประจำวนั สง่ เสรมิ การใชใ้ นศนู ยเ์ รยี นรู้ ๔. วธิ กี ารฟืน้ ฟูสภาพ ๔. วธิ ีการฟ้ืนฟสู ภาพ ๔. วิธีการฟนื้ ฟสู ภาพ ร่างกาย ไดแ้ ก ่ ร่างกาย ได้แก ่ รา่ งกาย ไดแ้ ก่ - การฮมยาหรืออบยา - การฮมยาหรืออบยา - การฮมยาหรอื อบยา - การย่าง - การย่าง - การย่าง - ค่อมเสา้ - คอ่ มเส้า - การนวดหลงั คลอด - การนวดหลงั คลอด − การนวดหลังคลอด ๕. พิธกี รรมต่างๆ ได้แก ่ ๕. พิธกี รรมตา่ งๆ ได้แก่ ๕. พธิ ีกรรมต่างๆ ไดแ้ ก่ - ขอขมาพอ่ แม่ สามี และ - ขอขมาพ่อแม่ สามี และ - ขอขมาพ่อแม่ สามี และ เตาไฟ เตาไฟ เตาไฟ - การฮ้องขวัญ ส่ขู วัญ - การฮ้องขวญั สู่ขวัญ - การฮ้องขวัญ สู่ขวัญ ๖. การใชส้ มนุ ไพรเพอ่ื การบำรงุ ๖. การใชส้ มนุ ไพรเพอ่ื การบำรงุ ๖. การใชส้ มนุ ไพรเพอ่ื การบำรงุ ฟ้ืนฟสู ภาพร่างกาย ฟืน้ ฟสู ภาพรา่ งกาย ฟ้ืนฟูสภาพรา่ งกาย เช่น สมุนไพรดื่มกิน ตม้ อาบ เช่น สมุนไพรดม่ื กนิ ตม้ อาบ ๖.๑ การให้ความรู้เกี่ยวกับ สระผม สระผม สมุนไพรใกล้ตัว ๖.๒ การให้บรกิ ารสมนุ ไพร ทใี่ ชใ้ นการรักษา ฟ้ืนฟสู ภาพ สำหรบั หญงิ หลงั คลอด ๗. การใชส้ มุนไพร ๗. การใช้สมนุ ไพร ๗. การใชส้ มนุ ไพร ทใ่ี ชเ้ พอ่ื รกั ษาอาการแทรกซอ้ น ใกลต้ วั ท่ีใช้เพื่อรกั ษาอาการแทรกซอ้ น ๘. การป้องกนั และรกั ษา ๘. การปอ้ งกนั และรกั ษา ๘. การป้องกนั และรักษา อาการผิดปกตหิ ลงั คลอด อาการผิดปกติหลังคลอด การให้ความรู้เกีย่ วกับอาการ ผิดปกติหลังคลอด 86 แนวทางสำหรบั ผู้ปฏิบัติงาน การดูแลสขุ ภาพแมแ่ ละเด็กดว้ ยภมู ิปัญญาการแพทย์พ้ืนบา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จากการจัดระดับองค์ความรู้นำมาสู่การจัดทำเอกสารคู่มือการใช้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านในการสร้างเสริมสุขภาพมารดาและทารก เพื่อให้เกิด การใชใ้ นวิถีชวี ติ สามารถสง่ เสรมิ การใช้ได้ทนั ที กระตุน้ ใหม้ ีการใช้ในวถิ ชี ุมชน อยา่ งแพรห่ ลายในพน้ื ที่ โดยจดั ทำเอกสารคู่มือการปฏิบัติตนของมารดาใน การดูแลสุขภาพอนามัยในระยะตั้งครรภ์และหลังคลอดด้วยองค์ความรู้ ภมู ิปัญญาพ้ืนบ้าน และนำองคค์ วามร้รู ะดบั ที่ ๒ ซึ่งเปน็ องค์ความรขู้ องหมอ พน้ื บา้ นทส่ี ามารถสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารใชไ้ ด้ การศกึ ษาวจิ ยั จะเปน็ การศกึ ษาเจาะลกึ องคค์ วามรขู้ องหมอพน้ื บา้ นและศกึ ษารปู แบบการสง่ เสรมิ การใชใ้ นศนู ยเ์ รยี นรู้ การแพทย์พื้นบา้ น การใช้ร่วมหรือผสมผสานกบั ระบบบรกิ ารของรฐั นำมา จัดทำเป็นคู่มือการดูแลแม่และเด็กด้วยภูมิปัญญาพ้ืนบ้านตามวัฒนธรรม ของแต่ละท้องถิน่ ซ่ึงอาจใชแ้ นวทางในการจดั ทำคูม่ อื ของแตล่ ะแหง่ ดงั นี้ ผูใ้ ชเ้ อกสารคูม่ อื คือ หญิงต้งั ครรภ์ และหญงิ หลงั คลอด เนอื้ หา ประกอบดว้ ย ๑. การตง้ั ครรภ์ การคลอด และภาวะหลงั คลอด ๒. ความสำคัญของการดูแลตนเองระยะต้ังครรภ์และหลังคลอด ด้วยภมู ิปญั ญาพื้นบ้าน ๓. การปฏบิ ตั ิตนของหญงิ ตง้ั ครรภ์ ๓.๑ การเตรยี มตวั ๓.๒ อาหารสำหรับหญงิ ตัง้ ครรภ์ ๓.๓ ขอ้ หา้ ม ข้อปฏบิ ัติ ๓.๔ สมุนไพรใกล้ตวั สำหรับหญงิ ตัง้ ครรภ์ แนวทางสำหรบั ผูป้ ฏิบตั งิ าน 87 การดูแลสุขภาพแมแ่ ละเด็กดว้ ยภมู ิปญั ญาการแพทยพ์ ้นื บ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๔. การปฏบิ ตั ิตนของหญิงหลงั คลอด ๔.๑ การอยู่ไฟ ๔.๒ อาการผิดปกตหิ ลงั คลอด และการรักษา ๔.๓ อาหารสำหรบั หญิงหลังคลอด ๔.๔ ขอ้ ห้าม ขอ้ ปฏิบัติ ๔.๕ สมนุ ไพรใกลต้ วั สำหรับหญงิ หลังคลอด ๕. การฟ้ืนฟสู ภาพร่างกายของหญงิ หลังคลอด ๕.๑ การอบสมุนไพรไอนำ้ ๕.๒ การย่าง ๕.๓ การนวดหลงั คลอด ๕.๔ การใชส้ มุนไพร ๖. พธิ ีกรรมทเี่ กยี่ วขอ้ ง ๖.๑ การส่ขู วัญ ๖.๒ การขึน้ อู่ ๖.๓ พ่อเกดิ แม่เกดิ ๗. บทบาทของสามี ครอบครัว ในการดแู ลมารดาและทารก ๗.๑ บทบาทในการดูแลระยะต้งั ครรภ์ ๗.๒ บทบาทในการดแู ลระยะหลังคลอด 88 แนวทางสำหรบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน การดแู ลสขุ ภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ปิ ัญญาการแพทย์พนื้ บา้ น

สำนักการแพทยพ์ นื้ บ้านไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก บรรณานกุ รม ๑. ดารณี อ่อนชมจนั ทร์ (๒๕๔๖). ผดุงครรภโ์ บราณกับการดแู ลแม่ และเด็ก ชาวไทยมุสลมิ ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต,้ กลุ่มงานการแพทย์ พ้ืนบา้ นไทย สถาบนั การแพทยแ์ ผนไทยกรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและ การแพทยท์ างเลอื ก. ๒. แผนงานพัฒนาภูมิปัญญาท้องถ่ินด้านสุขภาพเพ่ือการพึ่งตนเอง ของชมุ ชนมลู นธิ สิ ขุ ภาพไทย (๒๕๕๑).“โครงการจดั การภมู ปิ ญั ญาหมอพน้ื บา้ น กรณสี ืบทอดความรู้ของหมอพืน้ บา้ น จ.พระนครศรอี ยุธยา.” ๓. นิตยา สุดจิตจูล การศึกษาและพฒั นารปู แบบการสรา้ งเสรมิ สุขภาพหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน ในศูนย์เรียนรู้ การแพทย์พ้นื บ้าน เครือข่ายจังหวัดอ่างทอง, ศนู ยเ์ รียนรกู้ ารแพทยพ์ ื้นบา้ น เครือขา่ ยจงั หวดั อ่างทอง. ๔. กรรณิการ์ ชมภูศรี (๒๕๕๑). ชดุ ความรู้ “แม่กำ๋ เดือน”, โครงการ พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการแพทย์พื้นบ้าน จงั หวดั ลำปาง. ๕. ดารณี อ่อนชมจันทร์ (๒๕๔๖). สถานการณ์ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ดา้ นสขุ ภาพและการแพทยพ์ น้ื บา้ นไทย, หวั หนา้ กลมุ่ งานการแพทยพ์ น้ื บา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก. ๖. ดารณี อ่อนชมจนั ทร์(๒๕๔๖).อย่กู รรม:การอยไู่ ฟของคนอีสาน, กลุม่ งานการแพทย์พื้นบ้านไทย. แนวทางสำหรบั ผู้ปฏบิ ัติงาน 89 การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภูมปิ ญั ญาการแพทย์พืน้ บา้ น

สำนกั การแพทยพ์ ้นื บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ๗. วารุณี เบญอะหลีและคณะภมู ิปญั ญาพนื้ บ้านในการดูแลสขุ ภาพ มารดาและทารกชุมชนมสุ ลมิ ในพื้นท่ี อ.จะนะ จ.สงขลา, โรงพยาบาลจะนะ. ๘. อรุณพร อิฐรัตน์และคณะ (๒๕๕๐). “องค์ความรูก้ ารป้องกัน และรักษาโรคเฉพาะสตรขี องหมอพ้ืนบ้านภาคใตข้ องประเทศไทย.” ๙. สุวิทย์ วบิ ลู ยผ์ ลประเสรฐิ และคณะ (๒๕๔๗). ภมู ิปญั ญาไทย สขุ ภาพวถิ ีไทย. การประชมุ วชิ าการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์ พื้นบา้ นไทย และการแพทยท์ างเลือก พ.ศ.๒๕๔๗, กรมพัฒนาการแพทย์ แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ . ๑๐. รชั นี จนั ทร์เกษและคณะ (๒๕๕๑). “สถานการณ์หมอพื้นบา้ น ในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย.” ๑๑. ปา่ น สุวรรณเทน (๒๕๕๐).“โครงการทางเลอื กใหม่การแพทย์ แผนไทยชุมชน ปี ๒๕๕๐ ตำบลนาขาม อำเภอเรณนู คร จงั หวดั นครพนม.” ๑๒. ปารชิ าต แกว้ ทองประคำ (๒๕๕๐).“โครงการพัฒนาระบบการ ดูแลแม่และเด็กด้วยใจโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของเครือข่ายสร้างสุขภาพ ตำบลยาบี อำเภอหนองจกิ จังหวดั ปตั ตานี ปี ๒๕๕๐.” ๑๓. รจุ ริ า สุขสมโสตย์ (๒๕๕๐).“การดูแลสตรีก่อนคลอด และหลงั คลอดแบบบรู ณาการ ด้วยการแพทยแ์ ผนไทย สถานีอนามยั ตำบลสำโรงเหนอื ตำบลสำโรงเหนอื อำเภอเมืองสมุทรปราการ.” ๑๔. พทั ยา นลี ะภมรและคณะ (๒๕๕๐).“โครงการฟน้ื ฟภู มู ปิ ญั ญารกั ษา สขุ ภาพ.” 90 แนวทางสำหรับผ้ปู ฏบิ ตั งิ าน การดูแลสุขภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ิปญั ญาการแพทย์พนื้ บา้ น

สำนกั การแพทยพ์ นื้ บ้านไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๑๕. “รา่ งสาระสำคญั ตามพระราชบญั ญตั สิ ขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๔๗ (๗).” ๑๖. วชิ ัย โชคววิ ฒั น และเสาวณยี ์ กลุ สมบูรณ์ (๒๕๕๐). แนวคดิ การผสมผสานภมู ปิ ญั ญาพน้ื บา้ นในการดแู ลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ เอกสารวชิ าการ : กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข. ๓๓ หน้า. ๑๗. สิทธพิ งษ์อาณาตระกูล(๒๕๕๐).เอกสารอดั สำเนาเร่ืองการดแู ล หญงิ หลงั คลอด หรือแม่กำ๋ เดอื น ในโครงการพฒั นาภมู ิปัญญาพน้ื บา้ นล้านนา ด้านสขุ ภาพในการสรา้ งเสริมสุขภาพ ๑๘. กรรณกิ าร์ ชมภศู รี (๒๕๕๐). ชดุ ความรู้ “แม่กำ๋ เดอื น”, โครงการ พัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพด้วยภูมิปัญญาท้องถ่ินด้านการแพทย์พื้นบ้าน จงั หวดั ลำปาง. ๑๙. รตั นาวดี อินทรถาวร (๒๕๔๙). เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการ เรื่องสถานศกึ ษากบั การพฒั นาคุณภาพชวี ติ ดว้ ยภูมปิ ัญญาท้องถิน่ วันที่ ๑๖-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ มหาวทิ ยาลยั แมฟ่ า้ หลวง จังหวัดเชียงราย แนวทางสำหรบั ผู้ปฏบิ ตั งิ าน 91 การดแู ลสขุ ภาพแม่และเดก็ ด้วยภูมปิ ัญญาการแพทยพ์ ื้นบา้ น



ภาคภผาคนผวนวกก



สำนักการแพทย์พน้ื บา้ นไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก เครอื่ งมือการเก็บขอ้ มูล การดูแลสขุ ภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภมู ปิ ญั ญาการแพทยพ์ น้ื บา้ น การเก็บข้อมูลการดูแลสุขภาพแม่และเด็กด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน ประกอบดว้ ยเครอื่ งมือ ๔ ชดุ คือ เครอ่ื งมือชุดที่ ๑ การศกึ ษาองค์ความรแู้ ละประสบการณ์ ของหมอตำแย เครอื่ งมือชดุ ท่ี ๒ ศกึ ษาชุมชนด้านบริบททางสังคม ศาสนา วฒั นธรรม เศรษฐกจิ และการเมอื ง เครอ่ื งมอื ชดุ ท่ี ๓ การศกึ ษาองคค์ วามรปู้ ระสบการณก์ ารใชภ้ มู ปิ ญั ญา พน้ื บ้านของแม่ทมี่ ีประสบการณ์คลอด เคร่ืองมือชุดท่ี ๔ ศกึ ษาการปรับตวั ของระบบบริการสขุ ภาพภาครฐั ในการดูแลสุขภาพแม่และเด็ก แนวทางสำหรับผปู้ ฏิบตั งิ าน 95 การดแู ลสขุ ภาพแม่และเด็กดว้ ยภมู ิปญั ญาการแพทย์พื้นบ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก เครอ่ื งมือชุดท่ี ๑ การศกึ ษาองคค์ วามร้แู ละประสบการณ์ของหมอตำแย ๑.ชแ้ี จงวตั ถปุ ระสงคก์ ารสมั ภาษณ์ เพอ่ื ตอ้ งการรวบรวมความรแู้ ละประสบการณ์ ในการดแู ลสุขภาพแม่และเด็กของหมอตำแย เพ่อื ใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นโครงการศกึ ษาวจิ ัยและปรบั ระบบบริการด้านการ ดแู ลสุขภาพแม่และเดก็ ได้ ๒. ประวตั ิท่ัวไป ๒.๑ ชื่อ – สกุล อายุ ๒.๒ การศกึ ษา การศกึ ษาสายสามญั การศึกษาสายศาสนา ทักษะ การอา่ นออกเขยี นได้ ๒.๓ ภาษาพูด (มลายู, ภาษาท้องถิ่น, ไทยกลาง) ๒.๔ อาชพี รายได้ของครอบครวั ๒.๕ สถานภาพสมรส จำนวนสมาชิกครอบครัว วิถีชีวิตครอบครัว ๒.๖ บทบาทอน่ื ในชุมชน นอกจากการเป็นหมอตำแย ๒.๗ อื่นๆ ๓. ประวัติการเปน็ หมอตำแย ๓.๑ การเริ่มเป็นหมอตำแย (เรมิ่ ต้นเมอ่ื ไร? ทำไมจงึ เป็น สืบทอดความรู้ เรยี นรจู้ ากใคร มีพธิ หี รือกระบวนการในการรับการถา่ ยทอดอย่างไร เชน่ พิธคี รอบครู ครอบมือหรอื การขน้ึ ครู) ๓.๒ การเรยี นรแู้ ละการอบรมเพม่ิ เตมิ (มกี ารเรยี นรหู้ รอื ไดร้ บั การฝกึ อบรม เพ่มิ เติมหรือไม่ อยา่ งไร? นานเท่าใด? จากใคร?) 96 แนวทางสำหรับผูป้ ฏิบัตงิ าน การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเด็กด้วยภมู ิปัญญาการแพทย์พนื้ บ้าน

สำนักการแพทย์พ้นื บา้ นไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก ๓.๓ วถิ ปี ฏบิ ตั ติ นของหมอตำแย (มกี ารปฏบิ ตั ติ นเปน็ พเิ ศษหรอื ไม่ อยา่ งไร มีขอ้ ห้าม/ฮะรอม ขอ้ ปฏบิ ัต/ิ ฮะลาล หรือไม่ อย่างไร) ๓.๔ ระยะเวลาการทำหน้าทข่ี องหมอตำแย เร่มิ ทำคลอดครงั้ แรกเม่ือไร ในปีที่ผ่านมาได้ทำคลอดหรือไม่ จำนวนเท่าใด เดือนที่ผ่านมา ไดช้ ว่ ยเหลอื หญงิ มคี รรภห์ รอื ทำคลอดหรอื ไม่ จำนวนเทา่ ใด ไดบ้ นั ทกึ ไวห้ รือไม?่ ๔. ความรปู้ ระสบการณข์ องหมอตำแยในการดูแลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ๔.๑ ความร้แู ละประสบการณ์ของหมอตำแยในการดูแลสุขภาพหญิง ในระยะต้งั ครรภ์/กอ่ นคลอด หมอตำแยรไู้ ดอ้ ยา่ งไรวา่ “ผหู้ ญงิ ตง้ั ครรภ”์ (สงั เกต ซกั ถาม อะไรบา้ ง) หมอตำแยรูไ้ ดอ้ ยา่ งไรว่า “การตงั้ ครรภ์” นีป้ กตดิ หี รอื ไม่ จาก ประสบการณ์ท่ีผ่านมาเคยดูแลหญิงท่ีมีปัญหาหรือมีความผิดปกติหรือไม่ ปญั หาหรอื ความผดิ ปกตทิ พ่ี บคอื อะไรบา้ ง หมอตำแยดแู ลหรอื จดั การปญั หานน้ั อยา่ งไร ผลเปน็ อยา่ งไร หมอตำแยมีวิธีการดแู ลหญงิ ตงั้ ครรภอ์ ยา่ งไรบ้าง มีพิธกี รรมอะไร ทต่ี ้องทำในชว่ งของการตงั้ ครรภ์ ขอ้ แนะนำท่ีหมอตำแยต้องแนะนำใหห้ ญิง ต้ังครรภ์ตอ้ งปฏบิ ัติหรอื ให้ละเว้น มอี ะไรบ้าง เพราะเหตใุ ด ? หมอตำแย แนะนำ/หา้ ม อาหารอะไรบา้ งในหญงิ ตง้ั ครรภ์ เพราะเหตใุ ด หมอตำแยเคยพาหญิงตั้งครรภ์ไปฝากครรภ์ที่สถานีอนามัยหรือ โรงพยาบาลหรือไม่ ทำไม หมอตำแยเคยพบหญิงมีครรภ์มีอาการเลือดออกทางช่องคลอด ในระหวา่ งต้งั ครรภ์หรอื ไม่ ท่านทำอย่างไร หมอตำแยเคยพบหญิงต้ังครรภ์ท่ีมีอาการบวมหรือปวดศรีษะ อยา่ งรนุ แรงหรอื ไม่ ท่านทำอยา่ งไร แนวทางสำหรับผปู้ ฏิบตั งิ าน 97 การดูแลสขุ ภาพแม่และเด็กด้วยภมู ิปัญญาการแพทย์พน้ื บา้ น

สำนักการแพทยพ์ ื้นบ้านไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมอตำแยได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ในระหว่างการดูแลในระยะ ตง้ั ครรภ์ ๔.๒ ความรู้และประสบการณ์ของหมอตำแย หมอตำแยทำคลอดใหก้ บั หญงิ มคี รรภค์ รัง้ ลา่ สดุ เม่อื ใด มีปัญหา อุปสรรคหรอื ไม่ เวลาหมอตำแยทำคลอดมใี ครชว่ ยเหลอื หรอื ไม่ ถา้ มคี อื ใคร มหี นา้ ท่ี อะไร จะตอ้ งชว่ ยทุกคร้ังท่ที ำคลอดหรือไม่ เพราะเหตุใด หมอตำแยรู้ได้อย่างไรว่า “หญิงตั้งครรภ์พร้อมที่จะคลอดแล้ว” สงั เกตหรือ/และตรวจ ดอู ะไรบา้ ง เมื่อถึงบ้านหญิงที่จะคลอดหมอตำแยทำอะไรเป็นสิ่งแรก แล้ว หลงั จากนัน้ ทำอะไรอกี ในการช่วยทำคลอดหมอตำแยใช้เครือ่ งมอื อะไรบา้ ง (ขออนญุ าต ดอู ปุ กรณท์ ่ีหมอตำแยใช)้ เครอื่ งมือดงั กล่าวหมอตำแยทำความสะอาดอย่างไร วธิ ีการช่วยคลอดของหมอตำแย ทำอย่างไร โปรดอธบิ ายขัน้ ตอน และรายละเอยี ด หมอตำแยจะตัดสะดือเด็กเมื่อไหร่ สังเกตอาการว่ารกลอกตัว หมดแล้วได้อยา่ งไร ทำพธิ ีเก่ียวกบั รกหรอื ไม่ อยา่ งไร หมายเหตุ : บางพน้ื ทห่ี มอตำแยอาจจะไมไ่ ดท้ ำคลอดแลว้ หากหมอตำแย มบี ทบาทในการพาหญงิ ตง้ั ครรภไ์ ปคลอดทโ่ี รงพยาบาล ควรสมั ภาษณบ์ ทบาท ของหมอตำแยในขณะทพ่ี าหญงิ ตงั้ ครรภไ์ ปคลอด เชน่ ขณะที่รอคลอดในห้อง รอคลอดหมอตำแยช่วยหญิงตั้งครรภท์ ำอะไรบา้ ง ในขณะคลอดมบี ทบาท อะไรบา้ ง ทงั้ ทางด้านพิธกี รรมทางศาสนา ประเพณี และอ่นื ๆ 98 แนวทางสำหรับผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภูมปิ ญั ญาการแพทย์พน้ื บ้าน

สำนกั การแพทยพ์ ้ืนบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก ๔.๓ ความรแู้ ละประสบการณข์ องหมอตำแยในการดแู ลหญงิ หลงั คลอด และดูแลทารก หมอตำแยมบี ทบาทในการดแู ลหญิงหลงั คลอดอย่างไรบ้าง เช่น การอาบน้ำให้แม่และเด็ก การอยู่ไฟ การนวดเต้านมเพื่อกระตุ้นน้ำนม การรอ้ื เตาไฟหลงั อยไู่ ฟยงั คงมพี ธิ นี อ้ี ยหู่ รอื ไม่ ทำเพอ่ื อะไรมพี ธิ กี รรมอน่ื หรอื ไม่ หากมวี ธิ ีการเปน็ อยา่ งไร ทำเพ่อื อะไร ใครเข้ามารว่ มทำพธิ ีกับหมอตำแย การใช้สมุนไพรในการดแู ลสุขภาพ มหี รือไม่ มวี ธิ กี ารใชอ้ ย่างไร เพ่ือดูแลรักษาอาการใด * บำรุงนำ้ นม * ดูแลแผลภายในหลังคลอด * ขับน้ำคาวปลา มดลกู เขา้ อู่ * บำรุ่งรา่ งกายหญิงใหแ้ ขง็ แรงในระยะยาว หมอตำแยแนะนำการรบั ประทานอาหารของแม่และเด็ก อยา่ งไร ทำไมจึงแนะนำเชน่ นั้น * อาหารท่ีหญิงตัง้ ครรภค์ วรและต้องรบั ประทานระหวา่ งต้ังครรภ์ ตำรบั อาหารคอื ............ประโยชน์ของอาหารตำรับน้ี................. * อาหารท่หี า้ มหญงิ ต้งั ครรภ์รับประทานระหว่างตัง้ ครรภ์ ตำรับ อาหาร.......................ชนิดของอาหาร........................เหตุผล ของอาหารต้องหา้ ม......................................... * อาหารของหญิงคลอดขณะอยู่ไฟ (อยูเ่ ดือน/ชว่ งหลงั คลอด ถงึ ๑ เดือน) อาหารที่ต้องรบั ประทาน.................ตำรบั ............. ประโยชนข์ องอาหารตำรับน.ี้ ............... * อาหารต้องหา้ ม (ขะลำ) ของหญิงคลอด (ขณะอยไู่ ฟ อยูเ่ ดือน ชว่ งระหวา่ งหลงั คลอด ถึง ๑ เดือน) หมอตำแยดแู ลทารกอยา่ งไรบา้ ง มอี ะไรทต่ี อ้ งดแู ลทารกเปน็ พเิ ศษ หรือไม่ เพราะเหตใุ ด แนวทางสำหรบั ผู้ปฏิบัติงาน 99 การดูแลสขุ ภาพแม่และเด็กด้วยภมู ปิ ญั ญาการแพทย์พนื้ บ้าน

สำนกั การแพทย์พ้ืนบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก หลงั จากดแู ลหญงิ ทีค่ ลอดและทารก หมอตำแยมีพิธอี ะไรหรือไม่ หญิงคลอดมีพธิ เี สยี คราดหรอื ให้ค่าตอบแทนหรอื ไม่ อย่างไร ภมู ปิ ัญญาหมอตำแยในการดแู ลทารก ทำอยา่ งไรบา้ ง 5. การประเมนิ ตนเองของหมอตำแย ตลอดเวลาการเป็นหมอตำแย “อะไรที่ทำให้หมอตำแยเกิดความ ภาคภมู ใิ จท่ีสดุ ” ความรู้และประสบการณ์ของหมอตำแยในเรื่องใด ที่สามารถ นำไปปรับใช้ได้ในสถานบรกิ ารสุขภาพของรัฐได้ 100 แนวทางสำหรับผปู้ ฏบิ ัตงิ าน การดแู ลสุขภาพแมแ่ ละเดก็ ดว้ ยภมู ิปญั ญาการแพทยพ์ ้ืนบ้าน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook