Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Burma Trade and Investment Handbook

Burma Trade and Investment Handbook

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-03-19 02:34:55

Description: Burma Trade and Investment Handbook

Search

Read the Text Version

คมู่ ือ การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ จดั ทำโดย กรมสง่ เสรมิ การสง่ ออก กระทรวงพาณชิ ย์

หนังสอื ช่ือ : คูม่ ือ การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ ชือ่ ผแู้ ตง่ : กรมสง่ เสรมิ การส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ปีท่ีแตง่ : มกราคม 2555 จำนวนที่พิมพ ์ : 2,000 เล่ม จำนวนหนา้ : 112 หน้า ISBN : 978-616-265-029-1 พมิ พท์ ่ี : สำนักข่าวพาณชิ ย์ กรมส่งเสรมิ การส่งออก 22/77 ถนนรชั ดาภเิ ษก แขวงจนั ทรเกษม เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900 โทร. (662) 511 5066 - 77 ต่อ 382, 384 โทรสาร (662) 513 6413 คู่มือ การค้าและการลงทนุ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ กรมสง่ เสรมิ การสง่ ออก กระทรวงพาณิชย์ 44/100 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทร. (662) 507 7999 โทรสาร (662) 507 7722, (662) 547 5657 - 8 เว็บไซต์ : http://www.ditp.go.th

คำนำ ข้อมูลท่ีถูกต้องทันสมัยเป็นหน่ึงในปัจจัยสำคัญของการดำเนินธุรกิจ กรมสง่ เสรมิ การสง่ ออกจงึ ไดม้ อบหมายใหส้ ำนกั พฒั นาการตลาดระหวา่ งประเทศ จดั ทำหนงั สอื คมู่ อื การคา้ และการลงทนุ รายประเทศขน้ึ เพอ่ื ใหน้ กั ธรุ กจิ ผสู้ ง่ ออก และนักลงทุนไทยรวมถึงผู้สนใจทั่วไปได้มีโอกาสใช้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ อย่างเต็มท่ี “คู่มือ การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์” ประกอบด้วยสาระน่ารู้เกี่ยวกับทิศทางการค้าและการลงทุนในสาธารณรัฐแห่ง สหภาพเมยี นมาร์ ตลอดจนเกร็ดนา่ รู้เกย่ี วกบั ธรรมเนียมปฏบิ ตั ิในการติดต่อ ธุรกิจซึ่งรวบรวมจาก สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เพิ่มเติมด้วยข้อมูล จากแหลง่ อน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งโดยตรงเพอ่ื ใหไ้ ดเ้ นอ้ื หาทค่ี รบถว้ นสมบรู ณ์ นำไปใช้ ประกอบการตัดสนิ ใจในการดำเนนิ ธุรกิจในตา่ งประเทศ และกำหนดกลยทุ ธ์ ในการดำเนนิ ธรุ กจิ ไดอ้ ยา่ งรเู้ ทา่ ทนั สง่ เสรมิ ใหน้ กั ธรุ กจิ ไทยสามารถใชป้ ระโยชน์ จากกฎระเบียบและข้อตกลงทางการค้าต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า ทั้งยังเป็นการ เตรียมพรอ้ มเพอื่ รองรับกระแสการเปลยี่ นแปลงของเศรษฐกจิ โลก โดยเฉพาะ การกา้ วสกู่ ารเปน็ ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น (ASEAN Economic Community - AEC) ในปี 2558 ทา้ ยทสี่ ุด ขอขอบคณุ ทุกฝา่ ยทีม่ ีส่วนเก่ยี วขอ้ งและสนับสนุนให้การ จดั ทำหนงั สือ “คูม่ ือ การคา้ และการลงทุน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์” สำเร็จลลุ ว่ งดว้ ยดี สำนักพฒั นาการตลาดระหว่างประเทศ กรมส่งเสรมิ การสง่ ออก



สารบัญ เรอื่ ง หนา้ 1. ข้อมลู พื้นฐาน 2 1.1 สภาพภูมปิ ระเทศ 2 1.2 สภาพภูมิอากาศ 3 1.3 เมืองหลวง/เมอื งสำคญั /เมอื งทา่ 3 1.4 การแบ่งเขตการปกครอง 11 1.5 ระบบการปกครอง 11 1.6 ประชากร/สังคม/วฒั นธรรม 12 1.7 ภาษาราชการ 15 1.8 สกลุ เงนิ 16 1.9 เวลา 16 1.10 วันหยดุ นกั ขตั ฤกษ ์ 16 1.11 เส้นทางคมนาคม 17 1.12 อ่นื ๆ 28 - ระบบการเงิน 28 - ระบบธนาคาร 30 2. เศรษฐกจิ การคา้ 34 2.1 ภาวะเศรษฐกจิ 34 2.2 เครื่องชวี้ ดั เศรษฐกิจสำคญั 35 2.3 นโยบายดา้ นเศรษฐกิจการคา้ 36 2.4 การค้าระหวา่ งประเทศ 38 2.5 การคา้ กับประเทศไทย 43 - การค้าชายแดน 46 2.6 กฎระเบียบการนำเขา้ สินค้า 50 2.7 ระบบโลจิสติกส์และการขนสง่ 55 2.8 กลยุทธ์การสง่ เสรมิ สนิ ค้าไทยไปประเทศเมียนมาร์ 57 2.9 โอกาสทางการคา้ และปัญหาอปุ สรรค 58

เรอ่ื ง หนา้ 3. รายงานภาวะอุตสาหกรรม 61 4. การลงทนุ 64 4.1 การลงทนุ จากตา่ งประเทศ 65 4.2 สง่ิ อำนวยความสะดวกพืน้ ฐาน 67 4.3 กฎระเบียบการลงทนุ /นโยบายส่งเสริมการลงทุน 68 - เขตเศรษฐกิจสำคัญ 74 4.4 ต้นทุนการจัดตั้งธุรกจิ 77 4.5 โอกาสและข้อจำกดั ในการลงทุน 82 4.6 ภาษอี ากร 82 4.7 หลักเกณฑก์ ารนำรายได้กลบั ประเทศ 85 4.8 อ่นื ๆ 86 - กฎหมายแรงงานและอตั ราค่าจา้ ง 86 5. ขอ้ มูลอน่ื ๆ ทจ่ี ำเปน็ ในการลงทนุ 87 5.1 ข้อควรคำนึงเมื่อลงทุนในเมียนมาร์ 87 5.2 ระบบการชำระเงิน 88 5.3 ข้อแนะนำทวั่ ไป 88 6. คำถามท่ีถามบอ่ ยเก่ียวกบั การค้าการลงทนุ 90 7. หนว่ ยงานตดิ ตอ่ สำคญั 98 บรรณานุกรม 100

สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมยี นมาร์ The Republic of the Union of Myanmar Country Profile หมายเหตุ : ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาร์ได้เปล่ียนธงชาติจากเดิมท่ีใช้ระหว่างปี พ.ศ. 2517 - 2553 มาเป็นธงชาตแิ บบใหมซ่ ง่ึ เรม่ิ ใช้ในเดอื นตลุ าคม ปี พ.ศ. 2553 คู่มือ การคา้ และการลงทุน สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์ 1 สส

แบบเดิม 1.ขอ้ มูลพ้นื ฐาน 1.1 สภาพภูมิประเทศ ประเทศเมยี นมาร์ (Burma หรอื Myanmar) มีช่ืออยา่ งเปน็ ทางการ วา่ สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ (Republic of the Union of Myanmar) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และคาบสมุทรอินโดจีนซึ่งมีขนาดใหญ่ ทีส่ ุด และมพี รมแดนติดต่อกับ 5 ประเทศ ไดแ้ ก่ ไทย จีน ลาว อนิ เดยี และ บงั คลาเทศ แต่เดิมชาวตะวันตกเรียกประเทศนี้ว่า Burma จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2532 เมียนมาร์ ไดเ้ ปลีย่ นชอื่ ประเทศเป็น Myanmar ชอื่ ใหม่นีเ้ ปน็ ทยี่ อมรับจากองค์การสหประชาชาติ แตบ่ างชาติ เช่น สหรฐั อเมริกา และ สหราชอาณาจักร ไมย่ อมรับการเปลี่ยนชอ่ื นเ้ี น่ืองด้วยเหตุผลที่ว่าเปน็ การ เปลย่ี นโดยรัฐบาลทหาร มิใชค่ วามเห็นของคนสว่ นใหญข่ องประเทศหรือเป็นไป ตามข้นั ตอนของรฐั ธรรมนญู การเปลี่ยนชื่อประเทศในครั้งนี้ รัฐบาลเมียนมาร์ต้องการให้มี ความหมายถงึ ชอ่ื ของประเทศซง่ึ รวมชนกลมุ่ ชาตพิ นั ธทุ์ กุ เชอ้ื ชาติ ไมไ่ ดห้ มายถงึ เฉพาะชนชาติ “พม่า” แต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นชื่อประเทศที่เปลี่ยนใหม่นี้ จึงแสดงให้เห็นถึงนโยบายสมานฉันท์และต้องการสร้างเอกภาพให้เกิดข้ึน ภายในประเทศ ประเทศเมียนมาร์ตงั้ อยู่ที่ละตจิ ูดท่ี 28 องศา 30 ลิปดา ถงึ 10 องศา 20 ลปิ ดาเหนอื มพี น้ื ท่ี 677,000 ตารางกโิ ลเมตร ภมู ปิ ระเทศตง้ั อยตู่ ามแนว อา่ วเบงกอลและทะเลอนั ดามนั ทำใหม้ ชี ายฝง่ั ทะเลยาวถงึ 2,000 ไมล์ และมี หาดทส่ี วยงามเกา่ แก่บริสทุ ธ์อิ ยูห่ ลายแหง่ มชี ายแดนดา้ นตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกบั บังคลาเทศและอนิ เดยี และทางตะวนั ออกเฉียงเหนอื ติดกับธิเบตและ จนี สว่ นทางตะวนั ออกตดิ กบั ลาว และทางตอนใตต้ ดิ กบั ไทย รปู พรรณสณั ฐาน เหมอื นกบั วา่ วทม่ี หี างยาวลอ้ มรอบเกอื กมา้ ขนาดใหญค่ อื แนวเทอื กเขามหมึ า และ ภูเขาทอ่ี ดุ มสมบูรณด์ ้วยปา่ ไม้ มยี อดเขาสูงอย่มู ากมายตามแนวเทือกเขาของ เมียนมาร์และมีหลายยอดทส่ี ูงเกนิ กว่า 10,000 ฟุต ตามแนวชายแดนหิมาลยั ทางเหนอื ของเมียนมาร์ที่ติดกับธิเบตเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออก 2 ค่มู อื การคา้ และการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์

เฉียงใต้ เรียกว่า “ฮากากาโบราซ”ี โดยมคี วามสงู 19,314 ฟตุ ต่ำลงมา จากแนวเขาเหลา่ นี้เปน็ ทร่ี าบกวา้ งใหญภ่ ายในประเทศเมยี นมาร์ นอกจากนย้ี งั มี ท่รี าบล่มุ บริเวณสามเหล่ยี มปากแม่น้ำเอยาวดีที่อุดมสมบูรณ์ทอดยาวลงไปทาง ตอนใต้เป็นนาขา้ วกว้างใหญร่ าวกับไม่มีท่สี ิน้ สุด ซึง่ สามารถสรุปอาณาเขตตดิ ต่อ ไดด้ ังนี้ - ภาคเหนอื : เทอื กเขาปตั ไก (Pat Gai) เป็นพรมแดนระหวา่ ง เมียนมาร์กบั อนิ เดีย บังคลาเทศ และจีน (ทิเบต) - ภาคตะวันตก : เทือกเขาอระกนั โยมา (Arakanypma) ก้ันเปน็ แนวยาวระหว่างชายฝัง่ ทะเลดา้ นอ่าวเบงกอลในเขตรฐั ยะไข่ - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : เป็นทร่ี าบสูงชาน - ภาคใต้ : มีทวิ เขาตะนาวศรี ก้นั ระหว่างไทยกับเมยี นมาร์ - ภาคกลาง : เปน็ ทร่ี าบลมุ่ แม่น้ำเอยาวดี 1.2 ลักษณะภมู ิอากาศ สภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่ในบริเวณท่ีเป็นเทือกเขาสูงทางตอนกลาง และตอนเหนือของประเทศ จะมีอากาศแห้งและร้อนมากในฤดูร้อน ส่วนใน ฤดูหนาวอากาศจะเย็นมาก ตามชายฝั่งทะเลและบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำจะ แปรปรวนในชว่ งเปลย่ี นฤดู เพราะไดร้ บั อทิ ธพิ ลของพายดุ เี ปรสชน่ั เสมอทำให้ บริเวณนี้มีฝนตกชุกหนาแนน่ มากกวา่ ตอนกลาง หรอื ตอนบนของประเทศที่ เปน็ เขตเงาฝน ลกั ษณะภูมิอากาศ : มรสมุ เมอื งร้อน ดา้ นหน้าภูเขาอาระกนั โยมา ฝนตกชุกมาก : ภาคกลางตอนบนแห้งแลง้ มาก เพราะมภี ูเขากัน้ กำบังลม : ภาคกลางตอนล่างเป็นดินดอนสามเหล่ยี มปากแม่น้ำขนาด ใหญ่ : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศค่อนข้างเย็นและค่อน ข้างแห้งแล้ง 1.3 เมอื งหลวง / เมืองสำคัญ / เมืองท่า เมืองหลวง บรรยากาศท่วั ไปในกรุงเนปิดอว์ เมอื งหลวงแหง่ ใหมข่ องเมียนมาร์ ค่มู อื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 3 สส

‘ เมียนมาร์มีเมืองหลวง ‘ เมยี นมารม์ เี มอื งหลวงปจั จุบนั ชือ่ เนปิดอว์ (Nya Pyi Daw) แปลวา่ นครหลวงใหม่ ยา้ ยเม่ือ พ.ศ. 2548 เมืองหลวงใหมต่ ัง้ อยตู่ รงก่ึงกลางของ ปจั จบุ ันชอื่ เนปิดอว์ (Nya Pyi ประเทศอยรู่ ะหวา่ งยา่ งกงุ้ กบั มณั ฑะเลย์ โดยห่างจากย่างกุง้ ไปทางทิศเหนอื Daw) แปลว่า นครหลวงใหม่ ประมาณ 350 กโิ ลเมตร ตงั้ อยู่บนพ้นื ท่กี วา่ 7 พนั ตารางกิโลเมตร หรอื ใหญ่ ย้ายเมือ่ พ.ศ.2548เมืองหลวง กว่าเกาะสิงคโปร์ 10 เทา่ พนื้ ที่โอบลอ้ มดว้ ยภูเขา ตง้ั อยู่ในเขตเมืองปินมานา ใหม่ตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางของ ทางตอนกลางของประเทศ การเดินทางโดยรถยนตใ์ ชเ้ วลาประมาณ 7 ช่ัวโมง ประเทศอยู่ระหว่างย่างกุ้งกับ เนปิดอว์ ได้รับการวางผังเมืองเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ โซนราชการ มัณฑะเลย์ โดยห่างจากย่างกุ้ง (Ministry Zone) โซนโรงแรม (Hotel Zone) โซนอตุ สาหกรรม (Industry ไปทางทิศเหนือประมาณ 350 Zone) และ โซนทหาร (Military Zone) มปี ระชากรย้ายเข้าไปอยูแ่ ล้วราว กิโลเมตร ตั้งอย่บู นพ้ืนทีก่ วา่ 7 9.2 แสนคน และมกี ารกลา่ วกนั วา่ บางโซนโดยเฉพาะโซนทหารกวา้ งขวางใหญโ่ ต พันตารางกโิ ลเมตร หรอื ใหญ่ เต็มไปด้วยรถยนตห์ รหู รา ขา้ ราชการพลเรือนแต่งตวั อย่างภูมิฐาน นอกจากนี้ กวา่ เกาะสงิ คโปร์ 10 เท่า ยังเปน็ ที่ต้งั ของกรมกองในกระทรวงกลาโหม โรงเรยี น มหาวทิ ยาลัย และ สถาบนั เทคโนโลยีเพ่ือการป้องกันประเทศ โซนที่โดดเดน่ รองลงมา คอื โซน อุตสาหกรรม บนพน้ื ทีร่ าว 2.1 แสนตารางเมตร เบื้องต้นเน้นที่การทำปศุสัตว์ เป็นหลัก ก่อนที่ในอนาคตจะเปดิ ให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนภายใต้โครงการเขต เศรษฐกิจพิเศษ สญั ลักษณท์ ่ีน่าสังเกตของเมืองเนปดิ อว์ คือ พระราชานุสาวรียข์ อง บูรพกษัตริย์ทั้ง 3 พระองคข์ องเมยี นมาร์ ได้แก่ พระเจ้าอโนรธา แห่งพุกาม พระเจา้ บเุ รงนอง แห่งหงสาวดี และ พระเจ้าอลองชญา แหง่ ชเวโบ เมียนมาร์ ได้จัดสร้างอนุสาวรีย์ข้ึนอย่างย่ิงใหญ่เพื่อเทิดพระเกียรติบูรพกษัตริย์ที่ได้ รวบรวมเมยี นมารใ์ หเ้ ปน็ ปกึ แผ่น เมอื งหลวงใหมแ่ ห่งนม้ี ีความเหมาะสมหลายประการ โดยเฉพาะ อยา่ งยิง่ การย้ายกลับไปยังที่ราบลุ่มแม่น้ำสะโตงตอนบนนั้น คือการย้ายกลับ ไปสู่เขตราชธานีทางประวัติศาสตรใ์ นอดตี และยังเป็นสญั ลักษณท์ างการเมือง ที่ทำให้เห็นถึงลัทธิชาตินิยมที่แพร่หลายในประเทศเมียนมาร์ เนื่องจาก นครย่างกุ้งซึ่งเป็นเมอื งหลวงเกา่ นน้ั เปน็ เมอื งทอ่ี งั กฤษไดส้ รา้ งขน้ึ และพฒั นา เปน็ ศนู ยก์ ลางการปกครอง การยา้ ยเมืองหลวงครัง้ น้จี ึงแสดงใหช้ าวโลกเห็นว่า ประเทศเมียนมาร์ไม่ตกอยู่ในอำนาจของอังกฤษและเป็นการสร้างสำนึกให้ 4 คู่มือ การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์

ประชาชนในชาติลดการให้ความสำคัญกับการที่เคยเป็นประเทศอาณานิคม ในจักรวรรดิอังกฤษด้วย นอกจากนี้นครเนปิดอว์ยังเป็นเมืองที่อยู่ศนู ยก์ ลาง ระหวา่ งรฐั และมณฑลตา่ งๆ ทำให้รฐั บาลสามารถปกครองและพัฒนาภูมภิ าค ต่างๆ ไดอ้ ยา่ งทั่วถึง ตา่ งจากนครย่างกงุ้ ซึง่ อยู่หา่ งไกลจากรฐั และมณฑลต่างๆ อีกทัง้ ยังเสยี่ งตอ่ การถูกคุกคามทางทะเลจากประเทศมหาอำนาจอีกด้วย อนุสาวรยี บ์ รู พกษตั ริย์ สญั ลกั ษณ์ของกรงุ เนปดิ อว์ เมืองสำคญั / เมอื งทา่ สำหรับเมืองสำคัญและอุตสาหกรรมท่ีน่าลงทุนในแต่ละเมืองของ เมยี นมารม์ ีดงั น้ี 1. กรงุ ย่างก้งุ เดิมมชี ่ือว่าเมอื ง “ดาโกง” (Dagon) แมว้ า่ ปจั จบุ นั จะมีสถานภาพเป็นเพียงอดีตเมืองหลวงของประเทศ แต่ย่างกุ้งก็ยังคงความ สำคัญในการเป็นเมืองศูนย์กลางการค้ากระจายสินค้าไปสู่ภาคต่างๆ ของ ประเทศโดยมปี ระชากรหนาแนน่ ถงึ 5.4 ลา้ นคน นอกจากนย้ี า่ งกงุ้ ยงั เปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ อญั มณี และการส่งออกไม้สักอีกด้วย กรุงย่างกุ้งมี เขตนิคมอุตสาหกรรมท่ีมีความพร้อมด้าน สาธารณูปโภคมากกว่าเมืองอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถานและแหล่งท่องเท่ยี วท่มี ีความ สำคัญเชิงประวัติศาสตร์ เช่น พระบรมธาตุ ชเวดากอง พระเจดีย์สุเล พระเจดีย์โบตะกอง พระพทุ ธไสยาสนเ์ ซาตาจี และตลาดโป๊ะโยค หรือสกอ็ ตมารเ์ กต็ เป็นตน้ ที่ทำการกรุงย่างกุ้ง คมู่ อื การค้าและการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์ 5 สส

อตุ สาหกรรมท่นี ่าลงทนุ ได้แก่ อตุ สาหกรรมส่งิ ทอ อุตสาหกรรม การผลติ สนิ คา้ เพอื่ การอุปโภคบริโภค อตุ สาหกรรมการประมง ธรุ กจิ การทอ่ งเท่ยี ว ธรุ กจิ การบริการ เช่น รา้ นอาหาร อซู่ ่อมรถ และสถาบัน ฝกึ อบรมวิชาชีพ อตุ สาหกรรมเฟอรน์ เิ จอร์ อตุ สาหกรรมไมแ้ ปรรปู การผลติ ของ ชำรว่ ยและสง่ิ ประดษิ ฐท์ ่ที ำจากไม้ เป็นตน้ มหาเจดีย์ชเวดากอง โบราณสถานที่สำคญั ของชาวพุทธ 2. เมอื งหงสาวดี หรอื พะโค (อา่ นออกเสียงตามสำเนียงเมียนมาร์ ว่า หานตาวดี) ภาษาอังกฤษเรียกวา่ Bago หรือ Pegu มีประชากรประมาณ 5 ลา้ นคน ในอดตี เคยเปน็ เมอื งหลวงของเมยี นมารม์ ากอ่ น ตง้ั อยใู่ กลเ้ มอื ง เมาะตะมะ ทางตอนใต้ของประเทศเมียนมาร์ ต่อมาพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ยึดครองได้และสถาปนาเปน็ ศนู ย์กลางอำนาจของราชวงศต์ องอู หงสาวดี เจรญิ รุ่งเรืองสดุ ขดี ในรชั สมยั ของพระเจา้ บเุ รงนอง เนอ่ื งจากพระองคใ์ หท้ รงสรา้ ง พระราชวงั ของพระองคท์ ช่ี อ่ื กมั โพชธานี ซง่ึ นบั เปน็ พระราชวงั ใหญโ่ ต สรา้ งโดย เกณฑข์ า้ ทาสจากเมอื งขน้ึ ตา่ งๆ โดยหนงึ่ ในนนั้ มีเมืองเชียงใหมแ่ ละอยธุ ยารวม อย่ดู ว้ ย จนถงึ สมัยพระเจ้านันทบุเรงทเ่ี สด็จหนีพระนเรศวรไปเมอื งตองอูและ เผาทำลายหงสาวดี หลังจากนั้นไม่นานเมืองอังวะก็กลายมาเป็นเมืองหลวง ของประเทศเมียนมาร์โดยสมบูรณ์ ปัจจุบนั หงสาวดเี ป็นเมืองท่ที ำรายได้ให้แก่ 6 ค่มู ือ การค้าและการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์

ประเทศเมยี นมารด์ ว้ ยความทเ่ี ปน็ เมอื งทอ่ งเทย่ี ว มคี วามสำคญั ทางประวตั ศิ าสตร์ และศิลปะ วัฒนธรรม โบราณสถานที่สำคัญได้แก่ พระเจดีย์ชเวมอดอว์ (พระธาตุมเุ ตา), พระราชวงั บุเรงนอง, พระพทุ ธไสยาสนช์ เวตาเลียว, พระเจดีย์ ไจป๊ ุน่ เป็นต้น อตุ สาหกรรมทน่ี ่าลงทนุ ไดแ้ ก่ โรงแรม ธุรกจิ ท่องเท่ียว รา้ นอาหาร อซู่ อ่ มรถ และร้านทำผม ธรุ กิจร้านอาหารเมืองหงสาวดี 3. เมืองท่าตอน เป็นเมืองชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของเมียนมาร์ ที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเก่าแก่ โดยชาวมอญเป็นชนเผ่าแรกที่สร้าง อารยธรรมขึ้นเป็นเอกลักษณ์ของตนในดินแดนนี้ และได้สถาปนาอาณาจักร สุวรรณภูมขิ นึ้ เป็นอาณาจักรแห่งแรกบริเวณใกล้เมอื งทา่ ตอน อตุ สาหกรรมทน่ี า่ ลงทนุ ไดแ้ กป่ ระมงและการแปรรปู สนิ คา้ ทางทะเล 4. เมืองเมาะละแหม่ง เป็นเมืองเอกของรัฐมอญ มีประชากร ประมาณ 2 ลา้ นคน อยา่ งไรก็ตาม เม่อื กลา่ วถึงเช้ือชาติแลว้ เมืองเมาะละแหม่ง ประกอบดว้ ยพลเมอื งเชอ้ื ชาตมิ อญสว่ นใหญ่ พลเมอื งสว่ นนอ้ ยเทา่ นน้ั ทม่ี เี ชอ้ื สาย พมา่ สภาพทว่ั ไปของเมอื งเมาะละแหมง่ นน้ั เปน็ เมอื งเกษตรกรรมใกลช้ ายทะเล รมิ อา่ วเมาะตะมะคนมอญเรยี กชอื่ เมืองนี้ว่า “โหมดแหมะเหลิ่ม” เมื่อรอ้ ยกวา่ ปี ทแ่ี ล้วก่อนที่องั กฤษจะเข้ามาถึง เมอื งน้ีแทบหาคนเชอ้ื ชาตอิ ่นื ไมไ่ ดเ้ ลยนอกจาก คนมอญ ความโดดเด่นของเมอื งแหง่ นค้ี ือ เปน็ เมืองตากอากาศชายทะเล ท่มี ีช่อื เสยี งแหง่ หนงึ่ ของประเทศ คู่มือ การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 7 สส

ของท่รี ะลึกสำหรับนักท่องเที่ยว อตุ สาหกรรมทน่ี า่ ลงทนุ ไดแ้ ก่ อตุ สาหกรรมเฟอรน์ เิ จอรไ์ มย้ างพารา อตุ สาหกรรมสง่ิ ทอ และธุรกจิ ทอ่ งเท่ียว 5. เมืองเมียวดี เป็นเมอื งชายแดนดา้ นตะวันออกของเมียนมาร์ ตดิ กบั อำเภอแมส่ อด จงั หวดั ตาก โดยมแี มน่ ำ้ เมยเปน็ เขตกน้ั และเชอ่ื มดว้ ยสะพาน มติ รภาพไทย-เมยี นมาร์ เปน็ ตลาดการคา้ ชายแดนทส่ี ำคญั แหง่ หนง่ึ ซง่ึ เมยี นมาร์ จดั เป็นเขตเศรษฐกจิ พเิ ศษชายแดน นอกจากน้ียงั ถือวา่ เมยี วดีเปน็ เมอื งสำคญั ในการกระจายสินค้าจากประเทศไทยไปยงั เมืองตา่ งๆ ของเมยี นมาร์ เมียวดี หรือ ชาวพื้นเมืองเรียก บะล้ำบะตี๋ ตั้งอยู่ในรัฐกระเหรี่ยง มปี ระชากรประมาณ 1 ลา้ นคน แตเ่ ดมิ ประชากรสว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวพมา่ ตอ่ มา เร่มิ มีการค้าขาย จงึ ทำใหม้ ีชาวจีน แขก กระเหรีย่ ง มุสลมิ เขา้ มาอาศยั อยู่ เพอ่ื ทำการคา้ ขาย การปกครองเปน็ แบบทอ้ งถน่ิ ทม่ี ที หารเมยี นมารแ์ ละกองกำลงั ชนกลุ่มนอ้ ยผสมร่วมดว้ ย เมยี วดีถือได้ว่าเปน็ เสน้ ทางขนส่งสินคา้ นำเขา้ และ สง่ ออก โดยทางรถยนตท์ างหลกั จากประเทศไทยและภูมิภาคอนี โดจีน ความสำคญั ของเมอื งเมยี วดอี กี ประการหนง่ึ คอื ไดร้ บั การสนบั สนนุ จาก รฐั บาลเมยี นมารโ์ ดยกำหนดใหเ้ ปน็ เขตเศรษฐกจิ พเิ ศษเพอ่ื สง่ เสรมิ การเจรญิ เตบิ โต ทางเศรษฐกจิ ระหวา่ งชายแดน อำเภอแมส่ อด จังหวัดตาก กบั จังหวัดเมยี วดี อุตสาหกรรมทีน่ ่าลงทนุ ไดแ้ ก่ อตุ สาหกรรมการเกษตรและอัญมณี 6. เกาะสอง หรือ วิคตอรี่พ้อยท์ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “เกาดอง” (KAW THAUNG) เป็นดนิ แดนในฝง่ั เมยี นมาร์ ซ่งึ อย่ตู รงขา้ มกับ จังหวดั ระนอง โดยมีแม่น้ำกระบุรีกั้นขวางตรงตัวจังหวัดระนอง เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และสง่ เสริมสขุ ภาพเหมาะแก่การทำประมง ในความ เป็นจริงแล้วแผ่นดินตรงน้ีไม่ได้เป็นเกาะแต่อย่างใดหากแต่มีลักษณะเป็น แหลมมากกวา่ แตท่ เ่ี รยี กกนั ตดิ ปากอย่างนี้ก็เพราะใกล้ๆ กันมีเกาะเล็กๆ ขนาบอยู่ แล้วชื่อ “เกาตอง” ตามภาษาเมียนมาร์ก็เลยเพี้ยนเป็นเกาะสอง นน่ั เอง สภาพบา้ นเรอื นบนเกาะสองมคี วามหนาแนน่ ดงั เชน่ เมอื งเศรษฐกจิ ทว่ั ไป 8 ค่มู ือ การค้าและการลงทนุ สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมยี นมาร์

นอกจากการคา้ ขายสนิ คา้ และการประมงแลว้ เกาะสองยังมีสถานท่ี ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งโดยเฉพาะโบราณสถาน อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์ บาเยงนอง หรอื “บเุ รงนอง”, “เจดยี ์แหง่ ความสงบ” หรอื Byi Taw Aye ใน ภาษาเมียนมาร,์ พระมหามณุ ีจำลอง เป็นต้น อตุ สาหกรรมทน่ี า่ ลงทนุ ไดแ้ ก่ธรุ กจิ ทอ่ งเทย่ี วประมงและอตุ สาหกรรม ตอ่ เนือ่ ง 7. เมอื งพกุ าม หรอื ชาวเมียนมาร์เรียกว่า “บะกนั ” (Bagan) เป็นเมอื งประวตั ิศาสตร์ทส่ี ำคญั ของเมยี นมาร์ เรียกอกี ช่ือวา่ ดนิ แดนแห่งเจดยี ์ หมื่นองค์ ซึ่งปัจจุบันองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก “World Heritage Sites” สามารถเทย่ี วไดต้ ลอดทง้ั ปี และจะงดงามมาก ท่สี ดุ ในชว่ งฤดูฝน รฐั บาลใหก้ ารสนบั สนนุ ส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อ วนั ที่ 10 มีนาคม 2548 ได้เปิดหอชมวิว ซง่ึ เปน็ เปน็ หอคอยสูง 13 ชั้น ที่มี ความทันสมัยและครบวงจร อนั ประกอบด้วยศนู ยบ์ รกิ ารทางธรุ กจิ สำนักงาน ร้านค้า หอ้ งฉายภาพยนตร์ หอ้ งประชุม คอฟฟชี่ อ๊ ป ภัตตาคารลอยฟ้าและ จดุ ชมววิ นอกจากนี้ยงั ไดม้ กี ารเปดิ โรงแรมท่สี ร้างด้วยไมส้ ักทง้ั หลงั ตามแบบ ศลิ ปะและสถาปัตยกรรมแห่งชาติ โดยการลงทนุ ของนักลงทุนทอ้ งถ่ินอกี ดว้ ย ในอดีตเมืองพุกามเป็นศูนย์กลางการศึกษาภาษาบาลี แม้เมื่อ อาณาจักรพุกามได้ถูกทำลายไปแล้ว แต่การศึกษาพุทธศาสนาที่เมือง พุกามก็ยังคงอยู่ ดังจะเห็นว่าได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมขึ้นเป็นจำนวนมาก สถาปัตยกรรมสำคัญในเมืองพุกามแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของศิลปะมอญ และอทิ ธพิ ลทางศลิ ปะจากภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของอนิ เดยี ซง่ึ ในเวลาตอ่ มา ได้พัฒนาและปรับปรุงใหก้ ลายเป็นศลิ ปะประจำชาติของเมยี นมารอ์ ยา่ งแทจ้ ริง อตุ สาหกรรมทน่ี า่ ลงทนุ ไดแ้ ก่ ธรุ กจิ ทอ่ งเทย่ี ว เชน่ โรงแรม รสี อรท์ และสนามกอล์ฟ 8. เมืองพีนอูหวิ่น ตั้งอยู่ในเขตปริมณฑลของมัณฑะเลย์ มีพื้นที่ ท่ีเหมาะสมแก่การทำการเกษตรโดยเฉพาะพืชท่ีปลูกบนพ้ืนท่ีท่ีสูงกว่าระดับ น้ำทะเลประมาณ 4,000 เมตร เช่น กาแฟ ซง่ึ ในปี 2548 รฐั บาลได้สง่ เสรมิ ให้ภาคเอกชนเขา้ ไปลงทนุ ปลูกกาแฟ โดยการเตรียมพ้ืนที่ 100,000 เอเคอร์ และความชว่ ยเหลอื อน่ื ๆ ในการปลกู พชื เศรษฐกจิ น้ี ในอดตี เปน็ เมอื งตากอากาศ ของชาวอังกฤษ ด้วยสภาพอากาศที่ดีคล้ายยุโรปจึงเหมาะแก่การปลูกพืชผัก ผลไม้โดยเฉพาะพืชตระกูลส้ม อีกทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ของพันธ์ุไม้มีสวน พฤกษศาสตรบ์ นพ้ืนท่ี 430 เอเคอร์ อตุ สาหกรรมทน่ี า่ ลงทนุ ไดแ้ ก่ อตุ สาหกรรมเกษตรและอตุ สาหกรรม เกษตรแปรรปู ทเ่ี ก่ียวกับพชื ผลทางการเกษตร ธรุ กิจทอ่ งเที่ยว และรา้ นอาหาร 9. เมอื งตานต่วย อยู่ริมฝ่งั อ่าวเบงกอล และมีหาดงาปาลี (Ngapali) ซง่ึ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทข่ี น้ึ ชอ่ื ของเมยี นมารท์ น่ี กั ทอ่ งเทย่ี วชาวยโุ รปให้ คู่มือ การค้าและการลงทุน สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 9 สส

ความสนใจแทนทะเลอนั ดามนั ของไทยหลังเกดิ คล่ืนยักษ์สนึ ามิ ทางเมยี นมาร์ จึงให้ความสำคัญและเร่งพัฒนาให้มีความพร้อมทางด้านการคมนาคมและ สาธารณปู โภคมากยงิ่ ขึ้นเพือ่ รองรบั การเติบโตของการทอ่ งเทยี่ ว อุตสาหกรรมทนี่ ่าลงทุน ได้แก่ ธุรกจิ การทอ่ งเที่ยว เช่น โรงแรม และรสี อรท์ 10. เมอื งมณั ฑะเลย์เมอื งใหญอ่ นั ดบั สองทเี่ ปน็ ศนู ยก์ ลางเศรษฐกจิ ของเขตเมยี นมาร์ตอนบน (รัฐชิน รฐั กะฉน่ิ และรัฐฉาน) มีประชากรประมาณ 6.4 ลา้ นคน และเป็นเสน้ ทางการค้าระหวา่ งอินเดยี กับจนี เปน็ เมอื งทเี่ มยี นมาร์ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและพุทธศาสนาบริเวณใจกลางเมืองมี ตลาดเซโจ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าทางตอนใต้ของเมืองเปน็ ย่านงานศิลป หตั ถกรรม ทง้ั งานภาพ งานแกะสลกั การสรา้ งสถปู เจดยี ์ การทำแผน่ ทองคำเปลว งานหลอ่ ท่ีมกี ารผลิตฝมี ือตามแบบวิธโี บราณด้วยทอง เงนิ หินออ่ น สิว่ เส้นด้าย และหูกทอผ้า สำหรับด้านการเกษตรในอดีตมีการทำนาปลูกข้าวตามแนว ลำนำ้ เอยาวดตี อนบนอนั เปรยี บเสมอื นอขู่ า้ วอนู่ ำ้ ของเมยี นมารต์ อนบน แตด่ ว้ ย ระบบชลประทานที่ไม่ประสบผลมากนักจึงหันมาปลูกฝ้าย ยาสูบ ถั่วลิสง ขา้ วฟ่าง งา และขา้ วโพดแทน มัณฑะเลย์เป็นราชธานีแห่งสุดท้ายของเมียนมาร์ก่อนท่ีจะตกเป็น อาณานิคมขององั กฤษ แต่ถึงแม้ว่ามัณฑะเลยจ์ ะลดความสำคัญในฐานะเมอื ง ท่ีเป็นศนู ย์กลางการปกครอง แต่ก็ยังคงความสำคัญในฐานะเมืองแห่งวฒั นธรรม และพุทธศาสนาอย่างไมเ่ สอ่ื มคลาย โรงงานผลติ รถยนตซ์ ง่ึ ใช้เทคโนโยลีการผลติ ที่ยงั ไม่ทนั สมัย อุตสาหกรรมที่น่าลงทุน ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว อุตสาหกรรม ประกอบรถยนตข์ นาดเลก็ และหัตถกรรม 10 ค่มู ือ การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมยี นมาร์

1.4 การแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง ปัจจุบันประเทศเมียนมาร์แบ่งเขต การปกครองออกเป็น 7 มณฑล และ 7 รัฐ ดงั นี้ • มณฑล 1. เขตเอยาวดี (Ayeyarwady) มเี มืองเอกชื่อ เมอื งพะสิม 2. เขตพะโค (Bago) มีเมืองเอกชอื่ เมืองพะโค 3. เขตมาเกว (Magway) มีเมอื งเอกชือ่ เมอื งมาเกว 4. เขตมณั ฑะเลย์ (Mandalay) มเี มอื งเอกชอื่ เมอื งมัณฑะเลย์ 5. เขตสะกาย (Sagaing) มเี มืองเอกชอื่ เมอื งสะกาย 6. เขตตะนาวศรี (Tanintharyi) มเี มืองเอกชื่อ เมืองทวาย 7. เขตย่างกุ้ง (Yangon) มีเมอื งเอกชือ่ เมอื งยา่ งกุ้ง • รฐั 1. รัฐชิน (Chin) มเี มอื งหลวงช่อื เมืองฮะคา 2. รัฐกะฉ่ิน (Kachin) มเี มอื งหลวงชอ่ื เมอื งมิตจนี า 3. รัฐกะเหร่ียง (Kayin) มเี มอื งหลวงชอ่ื เมอื งปะอาน 4. รัฐกะยา (Kayah) มีเมอื งหลวงชือ่ เมอื งหลอยก่อ 5. รัฐมอญ (Mon) มีเมอื งหลวงชื่อ เมอื งเมาะละแหมง่ 6. รฐั ยะไข่ (Rakhine) มเี มอื งหลวงชอื่ เมอื งซติ ตเว 7. รัฐฉานหรอื ไทใหญ่ (Shan) มเี มืองหลวงชือ่ เมอื งตองยี 1.5 ระบบการปกครอง ก่อนปี พ.ศ. 2554 เมียนมาร์มีระบอบการปกครองโดยรฐั บาลทหาร ภายใตส้ ภาสนั ตภิ าพและการพฒั นาแหง่ รฐั (State Peace and Development Council- SPDC) โดยมปี ระธาน SPDC เปน็ ประมขุ ของประเทศ และมนี ายก รฐั มนตรี เปน็ หวั หนา้ คณะรฐั บาล ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว เมยี นมารม์ กั ถกู ประชาคม โลกตำหนิเกี่ยวกับระบบการปกครองซึ่งใช้การปกครองคือ ระบอบเผด็จการ ทหาร (Military Council) แตก่ เ็ ปน็ เพราะปัจจยั ภายในประเทศท่ีคณะรฐั บาล จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติมากท่ีสุด อันอาจเป็นประเด็นท่ีประชาคมโลกไม่อาจเข้าใจปัญหาภายในซ่ึงเป็นปัจจัย เฉพาะของประเทศเมยี นมารเ์ อง อยา่ งไรกต็ าม ประเทศเมยี นมารม์ คี วามพยายาม ที่จะดำเนินการให้ประเทศก้าวไปสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยใน เร็ววัน ซึ่งนับว่าเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ดังจะเห็นว่า พลเอกขิ่น ยุ้น นายกรัฐมนตรีของประเทศเมียนมาร์ในขณะนั้นได้ประกาศ นโยบายการดำเนินการไปสู่กระบวนการปรองดองแห่งชาติและประชาธิปไตย (Roadmap towards Democracy) เมอ่ื วนั ที่ 30 สงิ หาคม 2546 และได้ ดำเนนิ การจดั ตงั้ คณะกรรมการตา่ งๆ เพ่ือดำเนินการใหส้ ำเรจ็ ลลุ ว่ งตามนโยบาย ดังกล่าว 7 ขน้ั ตอน ไดแ้ ก่ ค่มู อื การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 11 สส

1. การฟื้นฟูการประชุมสมัชชาแห่งชาติ เพื่อวางหลักการร่าง รฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ 2. การดำเนินตามข้ันตอนที่จำเป็นเพ่ือการมีประชาธิปไตยที่มี วนิ ยั อยา่ งแท้จรงิ 3. การยกร่างรฐั ธรรมนญู 4. การจัดการลงประชามตริ ับรองรา่ งรฐั ธรรมนญู 5. การเลอื กต้งั สมาชิกรฐั สภา 6. การจดั การประชมุ รัฐสภา 7. การจัดต้ังรฐั บาลทม่ี าจากการเลอื กต้งั หลงั จากการเลอื กตง้ั ในวนั ท่ี 7 พ.ย. 2553 คณะรฐั บาลของประเทศ เมยี นมารไ์ ดบ้ รรลคุ วามตง้ั ใจของนโยบายทง้ั 7 ขอ้ ซง่ึ ไดม้ กี ระบวนการเลอื กตง้ั ดังเช่นระบอบประชาธิปไตยทั่วไป แม้กระนั้น กระบวนการประชาธิปไตยของ เมยี นมาร์ดังกล่าว กลบั ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ทงั้ น้เี นื่องจาก คณะรัฐบาลทหารของเมยี นมาร์ยงั ไมไ่ ดล้ งจากอำนาจอย่างแท้จรงิ เป็นเพยี ง การเปลี่ยนแปลงสถานภาพจากรัฐบาลทหารมาเป็นรัฐบาลพลเรือนโดยคณะ ผบู้ ริหารระดับสูงยงั คงเปน็ นายทหารนอกราชการ นั่นเอง คณะรัฐมนตรีเมยี นมาร์ในปจั จบุ นั ประกอบด้วยรฐั มนตรี 29 คน และรัฐมนตรีชว่ ย 39 คน โดยสว่ นหนง่ึ เปน็ อดตี นายทหารท่ลี าออกมาลง รบั สมัครเลือกต้ัง รายช่ือของคณะรฐั บาลในตำแหนง่ สำคญั ของเมียนมาร์ ประธานาธบิ ดี : นายเต็ง เสง่ รองประธานาธิบดีคนที่ 1 : นายถิ่น ออ่ ง มินต์ อู รองประธานาธบิ ดคี นท่ี 2 : ดร.นพ.จายหมอก คำ ผบู้ ญั ชาการทหารสงู สดุ กองทัพเมียนมาร์ : พล.ท. มินต์ ออ่ ง หล่า รฐั มนตรีว่าการกระทรวงการตา่ งประเทศ : นายวันนะ หม่อง ลวิน เอกอัครราชทูตเมียนมาร์ ประจำประเทศไทย : นาย อู ออ่ ง เต็ง เอกอคั รราชทตู ไทย ประจำประเทศเมยี นมาร์ : นายอภริ ฐั เหวยี นระวี ผูอ้ ำนวยการสำนักงานส่งเสรมิ การค้าต่างประเทศ ประจำกรุงย่างกงุ้ : นายประจวบ สุภินี 1.6 ประชากร/สงั คม/วฒั นธรรม ประชากร จำนวนประชากรประมาณ 58 ลา้ นคน ความหนาแน่นโดยเฉลีย่ 61 คน/ตร.กม. เมียนมาร์มีประชากรหลายเชื้อชาติจึงเกิดเป็นปัญหาชน กล่มุ นอ้ ย ประชากรเมยี นมาร์ประกอบไปดว้ ยชาตพิ ันธ์ดุ งั นี้ คือ พมา่ 63% มอญ 5% ยะไข่ 5% กะเหรย่ี ง 3.5% คะฉน่ิ 3% ไทย 3% ชนิ 1% 12 คู่มอื การคา้ และการลงทุน สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์

ศาสนา เมยี นมารบ์ ญั ญตั ใิ หศ้ าสนาพทุ ธเปน็ ศาสนาประจำชาตใิ น พ.ศ. 2517 เพราะมีผนู้ บั ถอื ศาสนาพุทธ 92.3% นอกจากนย้ี งั ประกอบดว้ ยศาสนาคริสต์ 4% ศาสนาอสิ ลาม 3% ศาสนาฮินดู 0.7% วดั ในเมอื งต่างๆ ของเมียนมาร์ ชาวเมยี นมารเ์ ป็นชนชาตทิ ี่ยดึ มั่นในขนบธรรมเนียม ประเพณแี ละ วัฒนธรรมที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีต การยึดมั่นในคุณค่าของอดีตเช่นนี้ทำให้ชาว เมยี นมารย์ ังคงดำเนนิ ชวี ติ ตามแบบท่คี นโบราณเคยยดึ ถือ โดยเฉพาะในเรอื่ ง ของจริยธรรม การนับถือศาสนา และการปฏิบัติตามประเพณีที่ได้รับการ สบื ทอดตอ่ กนั มา ค่มู อื การค้าและการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 13 สส

การดำเนนิ ชวี ติ สงั คมของชาวเมยี นมารเ์ ปน็ สงั คมทใ่ี หค้ วามสำคญั กับระบบอาวโุ ส และระบบอุปถัมภเ์ ป็นอยา่ งยิ่งสถานภาพของชายจะสูงกวา่ หญิง แต่ขณะเดียวกันเมื่อหญิงแต่งงานแล้วก็สามารถขอหย่าจากสามีได้ เมื่อหย่าแล้วก็กลบั มาอยู่ที่บา้ นพอ่ แม่เหมอื นเดมิ ในช่วงวัยแต่งงาน มักจะแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย พิธีแต่งงาน เรียบง่ายไม่ต้องมีพิธีทางศาสนาหรือทางโลก มีแต่การจดทะเบียนสมรสเพื่อ ประโยชนใ์ นการแบ่งสินสมรส ผ้หู ญงิ ชาวเมียนมาร์จะไดร้ ับสทิ ธิตามกฎหมาย ทัดเทยี มชาย แมว้ า่ สถานภาพอนื่ ๆ ทางสังคมจะด้อยกวา่ กต็ าม แตก่ ฎหมาย ของเมียนมารก์ ค็ ุ้มครองสทิ ธิของผหู้ ญิงอย่างมาก ตลอดช่วงชีวิตของชาวเมียนมาร์ได้ยึดม่ันอยู่ในขนบธรรมเนียม ประเพณแี ละวฒั นธรรมทส่ี บื ทอดมาจากอดตี แมว้ า่ ในชว่ งการตกเปน็ อาณานคิ ม ของอังกฤษชาวอังกฤษจะพยายามเปล่ียนแปลงวิถีชีวิตให้ชาวเมียนมาร์มี โลกทัศน์แบบสมัยใหม่แต่ชาวเมียนมาร์ก็ยังคงพึงพอใจที่จะดำเนินชีวิตอยู่ใน คา่ นยิ มแบบเกา่ เชน่ การแต่งกาย ซ่งึ สะทอ้ นให้เห็นความภาคภมู ิใจในความ เป็นเมียนมารข์ องตนอย่างเหน็ ไดช้ ัด อย่างไรกต็ าม ในปจั จบุ นั ชาวเมยี นมาร์มกี ารรบั วฒั นธรรมจากต่าง ประเทศมาในหลากหลายรูปแบบ ด้วยกัน เชน่ การแตง่ กาย ดนตรี เป็นตน้ รปู แบบสถานบันเทิงของเมยี นมาร์ การแตง่ กาย การแต่งกายนน้ั ผูช้ ายจะนงุ่ ลองจี (Longi) มีลักษณะ คลา้ ยโสรง่ สว่ นใหญเ่ ปน็ ลายสกอ็ ต ยาวตง้ั แตเ่ อวหรอื ขอ้ เทา้ สวมคกู่ บั เอง่ จี หรือไตโ้ ป่ง คอื เสือ้ ทีส่ วมทบั ดว้ ยเสื้อคลมุ คอกลมแขนยาวอกี ทหี นึ่ง หากตอ้ ง แต่งกายอย่างเป็นทางการ หรือไปงานสำคัญผู้ชายจะนิยมสวมกาวน์บาวน์ (Gaung Baung) หรือผา้ พันรอบศรี ษะ แต่ปจั จบุ นั ทำเป็นหมวกสำเรจ็ รปู เพื่อ 14 ค่มู ือ การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมยี นมาร์

‘ความสะดวกในการใชม้ ากขน้ึ สว่ นการแตง่ กายของผหู้ ญงิ กย็ งั คงนงุ่ ผา้ ถงุ ผา้ ซน่ิ ยาวถึงข้อเท้าสวมเส้ือคอกลมแขนกระบอกยาวเป็นผ้าลูกไม้หลากกลายสี บางคร้งั ก็นยิ มสไบพาดไหล่เวลาไปวดั ถ้าไปงานฉลองตา่ งๆ ผหู้ ญิงชาวเมียนมาร์ จะนยิ มใส่เคร่ืองประดับ ‘ นอกจากภาษาพม่าซึ่งเป็น ภาษาราชการแลว้ ประเทศเมยี นมาร์ มีภาษาหลักที่ใช้งานในประเทศ ถึงอีก 18 ภาษา 1.7 ภาษาราชการ ภาษา นอกจากภาษาพม่าซึ่งเป็นภาษาราชการแล้ว ประเทศเมียนมาร์มี ภาษาหลักท่ีใชง้ านในประเทศถึงอกี 18 ภาษา โดยแบง่ ตามตระกลู ภาษาไดด้ ังนี้ ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ได้แก่ ภาษามอญ ภาษาปะหล่อง ภาษาปะลงั (ปลงั ) ภาษาประรวก และภาษาวา้ ตระกลู ภาษาซโิ น-ทเิ บตนั ไดแ้ ก่ ภาษาพมา่ (ภาษาราชการ) ภาษา กะเหรยี ง ภาษาอารากนั (ยะไข)่ ภาษาจิงผอ่ (กะฉิ่น) และภาษาอาขา่ ตระกลู ภาษาไท-กะได ได้แก่ ภาษาฉาน (ไทใหญ่) ภาษาไทขึน ภาษาไทล้ือ และภาษาไทคำต่ี ตระกูลภาษามง้ -เมี่ยน ได้แก่ ภาษาม้งและภาษาเย้า (เมี่ยน) ตระกลู ภาษาออสโตรนเี ชยี่ น ได้แก่ ภาษามอเก็นและภาษาสะลน คู่มอื การค้าและการลงทนุ สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ 15 สส

1.8 สกุลเงนิ - สกุลเงนิ : จา๊ ต - อตั ราแลกเปลี่ยน ( 1 สิงหาคม 2554 ) อัตราแลกเปล่ยี นทางการ 1 USD เท่ากบั 5.7 จ๊าต อตั ราแลกเปลย่ี นอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ 1 USD เทา่ กบั 750-800 จา๊ ต 1.9 เวลา เวลาในเมียนมารจ์ ะชา้ กวา่ เวลาประเทศไทย ประมาณ 30 นาที เวลามาตรฐานของเมียนมารเ์ ร็วกวา่ เวลาท่กี รนี ิช 6 ชว่ั โมง 30 นาที 1.10 วันหยุดนกั ขัตฤกษ์ ชั่วโมงทำงาน วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 9.30-16.30 น. เป็นเวลาทำการของรัฐบาล สว่ นเอกชนจะทำงานตัง้ แต่ 8.00- 17.00 น. ส่วนธนาคารจะเปิดทำการตั้งแต่ เวลา 10.00-15.00 น. ภตั ตาคารสว่ นใหญ่จะปิดเวลา 22.00 น. วันหยดุ ราชการ 1 มกราคม : วันขึ้นปใี หม่ 4 มกราคม : วันฉลองเอกราช 16 ค่มู อื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์

12 กมุ ภาพันธ ์ : วันสหภาพ 2 มนี าคม : วันเกษตรกรหรอื วนั ชาวไร่ชาวนา 27 มนี าคม : วันกองทพั 12-20 เมษายน : วนั สงกรานต ์ 1 พฤษภาคม : วันกรรมกร 19 กรกฎาคม : วนั วรี บรุ ษุ แรม 10 คำ่ เดอื นตะซอง : วนั ประชาชน 11 พฤศจิกายน : วันชาตขิ องเมยี นมาร์ 1.11 เส้นทางคมนาคม ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การคมนาคมในประเทศเมยี นมาร์ ซง่ึ สามารถประเมนิ ศกั ยภาพดา้ นการคา้ และการลงทนุ ในประเทศนไ้ี ด้ โดยเสน้ ทางคมนาคมทส่ี ำคญั ของเมยี นมาร์ มีดงั น้ี 1. การขนส่งทางบก แผนทีเ่ ส้นทางคมนาคมภายในประเทศ ท่มี า : http://www.traveltomyanmar.com/roatmap.htm คูม่ อื การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ 17 สส

รถยนตโ์ ดยสารประจำทาง ตามเมืองต่างๆ ค่าบรกิ าร คนละ 200 จ๊าต หรอื ประมาณ 8 บาท ถนนในเมียนมาร์ส่วนใหญ่ขนานไปกับภูเขาและแม่น้ำ ทอดไปตาม ความยาวของประเทศ เชน่ เดยี วกับทางรถไฟ ถนนสายตา่ งๆ ทีส่ ำคญั มีดังนี้ ถนนสายเมียนมาร์ เปน็ ถนนสายสำคัญทีเ่ ชือ่ มตอ่ ระหวา่ งยา่ งก้งุ กับเมืองคุนหมงิ ซง่ึ อยู่ทางตอนใตข้ องจีนมคี วามยาวในเขตเมยี นมาร์ถงึ เมอื งมูเซประมาณ1,160 กิโลเมตร และมคี วามยาวในเขตจีนจากมูเซถงึ คุนหมงิ ประมาณ 90 กิโลเมตร ถนนสายนผ้ี า่ นเมอื งต่างๆ คอื พะโค -ตองอู-ปินมานา-เมกติลา-มณั ฑะเลย์- เมเบยี งกอดเตก็ -สีป๊อ-ลาโช-แสนหวี-มเู ซ รวมความยาวทัง้ สน้ิ ประมาณ 2,140 กิโลเมตร เสน้ ทางถนนภายในประเทศ เส้นทางถนนภายในประเทศเมียนมารใ์ นปี 2551 มกี ารก่อสร้างถนน รวม 18,242 ไมล์ และถนนมอเตอร์เวยเ์ พม่ิ ขนึ้ อีก 6,000 ไมลจ์ ากปี 2531 ซง่ึ มีอยู่ 17,000 ไมล์ ถนนเช่ือมไปมณฑลต่างๆ ของเมียนมาร์ท่ีกอ่ สร้างแล้วเสรจ็ มดี ังนี้ 1. ถนนสาย Pyinmana - Pinlong (ในมณฑลมณั ฑะเลย)์ 22 ไมล ์ 2. ถนนสาย Taungdwingyi-Taungnyo-Pyinmana 66 ไมล์ 3. ถนนสาย Taungok-Thandwe 44 ไมล์ 4. ถนนสาย Yangon-Mawlamyine-Dawei-Myeik 154 ไมล์ 5. ถนนสาย Hanmyintmo-Myogyn-Aungban 80 ไมล์ 6. ถนนสาย Yangon –Sittwe 202 ไมล์ 7. ถนนสายมณั ฑะเลย-์ Thabakyin-Banmaw-Myitkyina 179 ไมล์ 8. ถนนสาย Kalay-Falam-Haka 115 ไมล์ 18 คู่มอื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

ถนนทีก่ ำลงั ก่อสร้างในรฐั /มณฑลตา่ งๆ มดี ังนี้ 1. รฐั กะฉ่ิน ประมาณ 603 ไมล์ 2. รัฐชนิ ประมาณ 345 ไมล์ 3. รฐั ยะไข ่ ประมาณ 206 ไมล์ 4. รัฐฉาน ประมาณ 397 ไมล์ 5. มณฑลมาเกวและมณั ฑะเลย ์ ประมาณ 112 ไมล์ ‘ เสน้ ทางถนนทใ่ี ชค้ มนาคมสง่ 6. มณฑลเอยาวดี ประมาณ 28 ไมล์ 7. มณฑลย่างกงุ้ ประมาณ 12 ไมล์ สนิ คา้ ระหวา่ งไทย-เมยี นมาร์ มจี ดุ ผ่านแดนถาวรตามแนวชายแดน ทีม่ า : http://www.modins.net/myanmarinfo/media/transport.htm ไทย-เมียนมาร์ ใน 7 จงั หวดั คอื เชยี งราย แมฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหม่ เส้นทางถนนเชอ่ื มโยงประเทศเมยี นมาร์กบั ประเทศเพ่อื นบา้ น ‘ตาก กาญจนบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ เสน้ ทางคมนาคมไทย-เมยี นมาร์ และระนอง เสน้ ทางถนนทใี่ ช้คมนาคม สง่ สนิ ค้าระหว่างไทย-เมยี นมาร์ มีจดุ ผ่าน แดนถาวรตามแนวชายแดนไทย-เมยี นมาร์ ใน 7 จงั หวดั คอื เชยี งราย แมฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหม่ ตาก กาญจนบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ และระนอง เสน้ ทางสายสำคญั ทีเ่ ป็นความร่วมมอื ระหว่างไทยกับเมียนมาร์ มดี ังนี ้ เสน้ ทางช่วงแม่สอด/เมยี วด-ี เชงิ เขาตะนาวศรี เส้นทางนี้เปน็ เสน้ ทาง ท่ีพัฒนาโดยรัฐบาลไทยเสนอความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่รัฐบาลเมียนมาร์ เพื่อใช้ก่อสร้างและบูรณะเส้นทางช่วงแม่สอด/เมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรีรวม ระยะทาง 17.35 กิโลเมตร กรมทางหลวงของไทยไดท้ ำการสำรวจและออกแบบ เส้นทางโดยประมาณการเงินค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานเป็นมูลค่าประมาณ 122.9 ลา้ นบาท เส้นทางช่วงเขาตะนาวศร-ี กอกะเร็ก-ท่าตอน แบ่งเป็น 3 เสน้ ทาง ได้แก่ - เสน้ ทางท่ี 1 ชว่ งเชงิ เขาตะนาวศร-ี กอกะเรก็ -อนิ ด-ู พะอนั -ทา่ ตอน รวมระยะทาง 172 กิโลเมตร โดยรฐั บาลไทยไดเ้ สนอและใหค้ วามช่วยเหลือ เปน็ เงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน มูลค่า 1,350 ล้านบาท เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ สั้นที่สุด ทำให้การขนสง่ สนิ คา้ ผา่ นเส้นทางน้ีประหยดั เวลาและคา่ ขนสง่ ได้มาก - เส้นทางท่ี 2 ช่วงเชงิ เขาตะนาวศร-ี กอกะเรก็ -มดู อง-เมาะละแหมง่ - ท่าตอน รวมระยะทาง 236 กิโลเมตร เส้นทางสายนจ้ี ะทบั ซอ้ นกบั เสน้ ทางที่ 1 ถึงกอกะเร็กแล้วอ้อมลงไปทางใต้ผ่านเมาะละแหม่งและวกไปทางเหนือไป ท่าตอน เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่รัฐบาลเมียนมาร์เสนอ เนื่องจากต้องการให้ ถนนเส้นนี้ผ่านเมาะละแหม่ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอันดับ 3 ของเมยี นมารร์ องจากกรงุ ย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์ รวมท้งั ยังเป็นเมอื งทา่ ทสี่ ำคญั และเป็นที่ต้ังของอุตสาหกรรมอีกด้วย โดยรฐั บาลไทยให้ความช่วยเหลือ เปน็ เงนิ กูเ้ งอ่ื นไขผอ่ นปรนมลู คา่ 2,150 ล้านบาท - เสน้ ทางท่ี 3 เปน็ เสน้ ทางเดียวกบั เส้นทางที่ 1 แตจ่ ะมีถนนแยก คู่มอื การคา้ และการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 19 สส

จากสามแยกอนิ ดูไปเชอื่ มเมาะละแหมง่ ระยะทาง 212 กิโลเมตร เสน้ ทางนี้ รฐั บาลไทยพรอ้ มใหค้ วามชว่ ยเหลอื เปน็ เงนิ กเู้ งอ่ื นไขผอ่ นปรนมลู คา่ 1,780 ลา้ นบาท นอกจากน้ี เสน้ ทางชว่ งทา่ ตอน-ยา่ งกงุ้ มีระยะทางประมาณ 246 กโิ ลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนตป์ ระมาณ 3-4 ช่ัวโมง เส้นทางเมียนมาร์-ไทย-กมั พูชา-ลาว-เวยี ดนาม-ยูนนาน-อินเดยี เสน้ ทางขนส่งสนิ ค้านี้เปน็ เสน้ ทางการเดนิ ทางระหวา่ งกลมุ่ GMS (ไทย เมยี นมาร์ กมั พูชา ลาว เวียดนาม และยนู นาน) มคี วามสะดวกสบาย และประหยัดเวลา ประหยัดตน้ ทุนในการขนสง่ สนิ ค้าได้มาก เส้นทางดังกล่าว สามารถเช่อื มต่อไปยังอินเดียและประเทศในกลุ่มเอเชียอื่นๆ ได้ โดยผ่านแนว ถนนที่มีอยู่เดิมของเมยี นมาร์จากทา่ ตอน-ย่างกงุ้ มณั ฑะเลย์ และตามซู ึง่ ติดกับ ชายแดนของเมืองโมเร ประเทศอินเดยี ท่มี ีระยะทางเพยี ง 1,100 กโิ ลเมตร หรือหากเร่ิมนับตั้งแต่สดุ เสน้ ทางฝง่ั ตะวันออก คือ จังหวัดดานังของประเทศ เวียดนามไปยังประเทศอินเดียมรี ะยะทางประมาณ 2,600 กิโลเมตร เสน้ ทางประเทศเมียนมาร์-ไทย-ลาว-เวียดนาม เส้นทางน้ีเป็นเส้นทางท่ีพัฒนาตามโครงการพัฒนาแนวพ้ืนที่ เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor : EWEC) เป็นโครงการนำร่องภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค ลุม่ แมน่ ้ำโขงซ่ึงจะกอ่ สร้างถนนเช่อื มโยงเสน้ ทางของ เมียนมาร์ ไทย ลาว และ เวียดนามเขา้ ดว้ ยกัน รวมระยะทางท้ังหมดประมาณ 1,511 กิโลเมตร ดังนี้ เสน้ ทางฝัง่ ตะวนั ออกของไทยเริ่มจากจงั หวัดมุกดาหาร สะพานข้าม แมน่ ำ้ โขงแห่งที่ 2 เข้าไปยงั แขวงสะหวนั นะเขตของลาว ผ่านจงั หวดั ดองฮา และส้นิ สดุ ทจ่ี ังหวดั ดานังของเวียดนาม เสน้ ทางฝง่ั ตะวนั ตกของไทยเรม่ิ จากอำเภอแมส่ อด จงั หวดั ตาก ไปยงั เมอื งเมยี วดไี ปยงั ท่าตอนและยา่ งกุ้งของเมยี นมาร์ ซึง่ มถี นนเช่อื มไปยังย่างกงุ้ ไทยและเมียนมาร์ได้ร่วมรับผิดชอบการก่อสร้างถนนช่วงแม่สอด/เมียวดี- เชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก-ท่าตอน-ย่างกุ้ง โดยรัฐบาลไทยได้เสนอให้ความ ช่วยเหลือแบบให้เปล่าและให้เงินกู้แบบมีเงื่อนไขผ่อนปรนแก่รัฐบาลเมียนมาร์ ดว้ ย ทง้ั น้ี ถนนสายดงั กลา่ วก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2550 ซง่ึ จะทำใหก้ ารขนสง่ สินค้าและการเดินทางไปมาระหว่างกันในภูมิภาคน้ีมีความสะดวกมากย่ิงขึ้น และเส้นทางสายนี้ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังอินเดียและประเทศในกลุ่มเอเชีย ใต้อื่น ๆ ไดอ้ กี ดว้ ย เสน้ ทางประเทศเมียนมาร์-ไทย-จนี เส้นทางน้ีเป็นเส้นทางในโครงการพัฒนาแนวพ้ืนที่เศรษฐกิจเหนือ- ใต้ (North-South Economic Corridor) ซึง่ เปน็ โครงการภายใตย้ ุทธศาสตร์ ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ในอนภุ มู ภิ าคลมุ่ แมน่ ำ้ โขงเชน่ กนั มเี สน้ ทางทเ่ี ชอ่ื มโยง ระหว่างไทยกับเมยี นมารค์ อื เส้นทาง R3b เช่ือมระหวา่ ง อำเภอแมส่ าย 20 ค่มู อื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์

จงั หวดั เชยี งราย - ท่าขี้เหลก็ - เชยี งตุง ของเมียนมาร์ และสิ้นสุดปลายทางท่ี ต้าหล่วั ประเทศจีน ซ่งึ เป็นถนนเช่อื มตอ่ ไปยังเมืองเชยี งรุ้งและเมืองคุนหมงิ ใน มณฑลยูนนานของจีนไดด้ ้วย รวมระยะทางทง้ั หมด 1,018 กโิ ลเมตร โดยไทย ไดช้ ว่ ยสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมยี นมาร์ แห่งท่ี 2 (เป็นสะพานคอนกรีต เสรมิ เหลก็ ระยะทาง 1.48 กโิ ลเมตร ขนาด 2 ชอ่ งจราจร กว้าง 9 เมตร) บรเิ วณบา้ นสนั ผกั ฮี้ อำเภอแม่สาย จงั หวัดเชียงราย ตรงขา้ มกบั บา้ นแมข่ าว อำเภอทา่ ขเ้ี หลก็ ของเมยี นมาร์ เสน้ ทาง R3b ไดเ้ ปดิ ใชต้ ง้ั แตเ่ ดอื นเมษายน 2547 2. การขนส่งทางน้ำ การคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ นบั วา่ มีความสำคัญตอ่ เศรษฐกิจของประเทศเมยี นมาร์เปน็ อย่างมาก และยงั เป็นเส้นทางคมนาคมหลัก มาต้งั แตอ่ ดตี เนอ่ื งจากพน้ื ทบ่ี รเิ วณปากแมน่ ำ้ อริ ะวดมี ที างนำ้ อยมู่ ากมาย และ เปน็ เขตทม่ี ปี ระชาชนพลเมอื งอาศยั อยูห่ นาแนน่ ทสี่ ุด เมียนมารม์ แี มน่ ้ำสายสำคญั 4 สาย ดงั น้ี 1. แมน่ ้ำเอยาวดี (Ayeyarwaddy) (ชื่อเดิมคอื อิระวดี) เปน็ แมน่ ้ำ ทมี่ คี วาม สำคัญทางเศรษฐกจิ สงู สุดของประเทศ มคี วามยาว 2,170 กิโลเมตร 2. แมน่ ้ำตาลวนิ (Thanlyin) เดมิ เรียกสาละวินมคี วามยาว 1,270 กิโลเมตร โดยไหลมาจากทิเบตผ่านมณฑลยูนนานและประเทศไทย มาออก ทะเลอนั ดามันทมี่ ณฑลเมาะลำไย 3. แมน่ ้ำซิทตวง (Sittaung) ไทยเรียกว่าแมน่ ำ้ สะโตง มคี วามยาว 400 กิโลเมตร อย่ภู าคกลางฝ่งั ตะวนั ออกของประเทศ ไหลมาทางทิศใตจ้ าก ที่ราบสงู ฉานมาออกทะเลอนั ดามันทอี่ า่ วมาตาบัน (Martaban) แม่น้ำซิทตวง เป็นเส้นทางขนส่งไมซ้ ุงโดยเฉพาะไมส้ กั เพอ่ื การส่งออก 4. แมน่ ำ้ ชินวนิ (Chindwin) มคี วามยาว 960 กิโลเมตร ไหลจาก ทิศเหนือไปทศิ ใตข้ องประเทศมาบรรจบกับแมน่ ำ้ เอยาวดที ี่มัณฑะเลย์ ที่มา : http://www.myanmars.net/myanmar คู่มือ การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์ 21 สส

แผนทเี่ สน้ ทางคมนาคมทางนำ้ ที่มา : http://www.traveltomyanmar.com/roatmap.htm นอกจากนี้ เมียนมาร์มคี วามยาวชายฝั่งทะเล 2,832 กโิ ลเมตร ท่าเรือที่สำคัญอยู่ที่ย่างกุ้งที่ซิทต่วย (Sittway) เจ้าฟิว (Kyau Kphyu) ตานต่วย (Thandwe) ในรัฐยะไข่ ทา่ เรือปะเตง (Pathein) ในมณฑลเอยาวดี ท่าเรือเมาะละแหม่ง (Mawlamyaing) ในรัฐมอญ ท่าเรือทวาย (Dawei) ท่าเรือเมก (Myeik) ท่าเรือก้อตาว (Kawthaung/เกาะสอง) ในมณฑล ตะนาวศรี ท่าเรือน้ำลึก เมียนมาร์ได้ตระหนักถึงความต้องการท่าเรือน้ำลึก สำหรบั การค้าในอนาคต จงึ มโี ครงการพัฒนาทา่ เรือน้ำลกึ หลายโครงการ ไดแ้ ก่ 1. โครงการท่าเรอื น้ำลึก Kyaupyu ทีร่ ฐั ยะไข่ 2. โครงการท่าเรือน้ำลึกKalegaukอยู่ระหว่างเมืองเมาะละแหม่ง และเมอื งเยในรัฐมอญ 22 คู่มอื การคา้ และการลงทุน สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์

3. โครงการทา่ เรอื นำ้ ลกึ ทวาย อยใู่ กลเ้ มอื งทวายในมณฑลตะนาวศรี 4. โครงการท่าเรือน้ำลึก Bokyin อยู่ระหว่างเมือง Myeik กับ Kawthaung ในมณฑลตะนาวศรี 3. การคมนาคมทางรถไฟ เส้นทางรถไฟ เมยี นมาร์มเี สน้ ทางรถไฟความยาวรวมกว่า 40,007 กิโลเมตร โดยมี ศูนยก์ ลางเส้นทางรถไฟอยู่ท่ีกรุงย่างกุ้ง เสน้ ทางสายหลัก คือ สายยา่ งกงุ้ - มัณฑะเลย์ ระยะทางรวมประมาณ 716 กิโลเมตร ซ่ึงเป็นขบวนรถไฟที่ได้ มาตรฐานทสี่ ุดในประเทศ สถานีรถไฟในกรงุ ยา่ งก้งุ เสน้ ทางรถไฟภายในประเทศ เมียนมาร์ได้เปิดให้บริการการคมนาคมทางรถไฟครั้งแรกเมื่อ วันที่ 1 พฤษภาคม 2420 ทางรถไฟสายแรกคือสายย่างกุ้ง-Pyay และจาก 2420-2531 เส้นทางการเดินรถไฟของประเทศมคี วามยาว 1,976.35 ไมล์ ในปี 2551 เส้นทางการเดินรถไฟได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,186 ไมล์ โดยมีรายละเอียด เกี่ยวกับโครงสร้างพนื้ ฐานการรถไฟ ดังน ้ี ค่มู อื การค้าและการลงทุน สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ 23 สส

ตารางรายละเอียดเกีย่ วกบั โครงสรา้ งพื้นฐานการรถไฟ รายละเอยี ด สถานภาพ การขยาย และ ยอดรวม ปี 2531 การก่อสรา้ ง 2532-2551 ทางรถไฟ (ไมล)์ 2,793.86 1,478-2551 4,271.90 เสน้ ทางการเดนิ รถไฟ 1,976.35 1,210.51 3,186.86 (ไมล์) 4,552 10,202 สะพาน (จำนวน) 5,650 สถานี (จำนวน) 487 325 812 ที่มา : Country Report ในการประชมุ Economic Cooperate Program in Region Progress on Transport-Infrastructure Improvement in Myanmar แผนที่เสน้ ทางคมนาคมทางรถไฟภายในประเทศ ทม่ี า : http://www.traveltomyanmar.com/roatmap.htm เส้นทางรถไฟเชือ่ มโยงระหวา่ งเมียนมารก์ ับประเทศเพ่อื นบา้ น สายท่ี 1 เมยี นมาร์ - ไทย - Thanbyuzayat ถงึ ดา่ นเจดยี ส์ ามองค์ มเี สน้ ทางที่ต้องสรา้ งเพิ่มอีก 110 กิโลเมตร 24 ค่มู ือ การค้าและการลงทนุ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

สายท่ี 2 เมยี นมาร-์ จนี - Lashio ถึง Muse/Ruili ในการศึกษา ความเป็นไปได้มีการเซ็นสัญญาความ ร่วมมือกับประเทศจีนในการสร้างทาง 232 กโิ ลเมตร สายที่ 3 เมียนมาร์-อินเดยี - ChaungOoPakokka-Kalayถงึ Tamu เส้นทางน้ยี งั ต้องสร้างเพมิ่ ระหวา่ ง Tamu-Kalay อีก 135 กิโลเมตร และ จาก Kalay-Kyaw 210.14 กโิ ลเมตร ซ่ึงต้องมีการสร้างอุโมงค์ท่ีมีความยาว 1.7 กโิ ลเมตร บนเส้นทางสายนีด้ ้วย เสน้ ทางรถไฟตามโครงการความรว่ มมือกลุม่ GMS 1. ทางรถไฟสายที่ 5 เปน็ ความรว่ มมอื ระหวา่ งจีน - เมยี นมาร์ โดยจนี ให้งบประมาณทำโครงการศกึ ษาความเปน็ ไปได ้ 4 ลา้ นหยวน ในการ สรา้ งทางรถไฟ 232 กโิ ลเมตร ระหว่าง Lashio - Muse 2. ทางรถไฟสายที่ 8 โครงการระหวา่ งไทย-เมียนมารต์ อ่ เชื่อมเสน้ ทางทท่ี หารญป่ี นุ่ ไดส้ รา้ งไวใ้ นระหวา่ งสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 จาก Thanbynzayat - ดา่ นเจดีย์สามองคม์ คี วามยาวรวม 110 กโิ ลเมตร ซ่งึ จะเปน็ สว่ นหน่ึงของ เสน้ ทางทเ่ี ชอ่ื มโครงการทางรถไฟสงิ คโปร-์ คนุ หมงิ โดยสาธารณรฐั เกาหลสี นบั สนนุ งบประมาณในการศึกษาความเปน็ ไปได้ 830,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ 4. การคมนาคมทางอากาศ เมยี นมารม์ ที า่ อากาศยานภายในประเทศมากถงึ 84 แหง่ โดยมี สายการบนิ ที่สำคญั ไดแ้ ก่ - สนามบนิ นานาชาติ มี 2 แหง่ คอื ทก่ี รงุ ยา่ งกงุ้ และเขตมณั ฑะเลย์ ปัจจุบันมีสายการบินหลายสายที่มีเที่ยวบินไปยังเมียนมาร์ อาทิ การบินไทย แอรเ์ อเซีย มเี ทีย่ วบนิ จากกรงุ เทพฯ ไปกรงุ ย่างก้งุ ทกุ วัน บางกอกแอรเ์ วย ์ Indian Airline และ Malaysia Airline เปน็ ตน้ นอกจากนย้ี งั มเี ที่ยวบนิ ตรงจากกรงุ ยา่ งกุ้งไปยงั เมือง/ประเทศตา่ งๆ อาทิ กรุงเทพฯ-จาการต์ า (เมอื งหลวงของอนิ โดนเี ซยี ) ฮอ่ งกง สิงคโปร์ กวั ลาลมั เปอร์ (เมืองหลวง ของมาเลเซีย) คนุ หมงิ (เมอื งหลวงของมณฑลยูนนานของจีน) ลอนดอน (เมืองหลวงของสหราชอาณาจกั ร) โอซากา (ญปี่ ุ่น) - สายการบินประจำชาตขิ องเมยี นมาร์ไดแ้ ก่ Myanmar Airways International ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ สำหรับสายการบินใน ประเทศ เชน่ Air Mandalay, Air Bagan และ Yangon Airways ที่มี เทยี่ วบนิ ส่วนใหญ่ไปยงั เมืองตา่ งๆ ในเมยี นมาร์ คูม่ ือ การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 25 สส

สนามบินนานาชาติ ทา่ อากาศยานมิงกะลาดง 26 คู่มอื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์

แผนทเ่ี สน้ ทางคมนาคมทางอากาศ ที่มา : http://www.traveltomyanmar.com/roatmap.htm โดยสรุปเส้นทางการค้าของเมียนมาร์ พบว่ามีการใช้เส้นทาง คมนาคม เส้นทางเช่อื มตอ่ เมืองอืน่ ๆ ของประเทศเพ่อื นบ้าน ซงึ่ รายละเอยี ด แตล่ ะเส้นทาง ดังแสดงในตารางต่อไปนี้ คูม่ อื การคา้ และการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ 27 สส

ตารางแสดงเส้นทางคมนาคมขนสง่ ระหวา่ งประเทศของเมียนมาร์ เสน้ ทางคมนาคมทางบก เส้นทางคมนาคมทางน้ำ เส้นทางคมนาคมทางอากาศ 1. เสน้ ทางสายแมส่ อด-เมียวดี 1. ท่าเรือยา่ งกุ้ง 1. ย่างก้งุ -มณั ฑะเลย-์ คุนหมงิ -ฮานอย ทา่ เรือชายฝงั่ เมาะละแหม่ง 2. ทา่ เรอื เมาะละแหม่ง 2. ย่างกงุ้ -เวยี งจันทน-์ โฮจิมนิ ห์ 2. เสน้ ทางจากย่างกงุ้ ต่อไปยงั 3. ท่าเรือแอมเฮิรสท์ หรอื ไจกะม ี 3. ย่างกงุ้ -กรงุ เทพฯ- พนมเปญ บงั คลาเทศ อินเดยี และต่อ 4. ทา่ เรอื จ๊อกพยิว 4. ย่างก้งุ -บงั คลาเทศ ขึ้นเหนือไปเขตมัณฑะเลย-์ 5. ทา่ เรือทลี ะวา 5. ย่างก้งุ -อนิ เดยี ลาเจยี ง-คนุ หมิง 6. ท่าเรอื ดังตแว 3. เส้นทางจากเชียงราย- เชยี งตุง 7. ทา่ เรือซติ ตเว (เมียนมาร์) - เชยี งรงุ้ (จีนตอนใต้) - 8. ทา่ เรอื ปะเตง ทวาย คนุ หมิง 4. เส้นทางเมยี วดี (เมยี นมาร)์ - แมส่ อด-สุโขทยั -พิษณโุ ลก-ขอนแกน่ - มุกดาหาร-สะหวันนะเขต (ลาว) - ดองฮา-ดานัง (เวียดนาม) ท่ีมา : สำนักงานยุทธศาสตรก์ ารพาณชิ ย์ และศนู ยศ์ กึ ษาการค้าระหวา่ งประเทศ หอการค้าไทย 1.12 อื่นๆ - ระบบการเงนิ ปีงบประมาณ 1 พฤษภาคม - 30 เมษายน เงินตราท่ใี ช้จ่ายหมนุ เวยี นในเมียนมาร์ มอี ยู่ 2 ประเภท คอื 1. เงนิ จา๊ ต (Kyat) ธนบตั รของเมยี นมารจ์ ะมีราคาต่ำสดุ 5 จา๊ ต และสูงสุด 5,000 จา๊ ต (เรม่ิ ใช้ตง้ั แต่วนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2552) นอกจากนย้ี งั มธี นบตั รราคาใบละ 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 จา๊ ต การใช้จ่ายภายในประเทศตอ้ ง ใช้เงนิ สดเทา่ น้ัน ไม่มีการรับบัตรเครดติ ดงั นัน้ ผูเ้ ดินทางมายงั เมียนมาร์ ต้องเตรยี มเงินดอลลาร์สหรฐั ฯเพื่อมาแลกเปลย่ี นเปน็ เงินจ๊าต 28 คู่มอื การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

ข้อพึงระวัง เงินดอลลาร์สหรฐั ฯ ทนี่ ำมาแลกตอ้ งมคี วามสมบรู ณ์ ไม่มีรอยพับเพราะมักจะถูกปฏิเสธไม่รับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีรอยพับหรือ รอยยับยยู่ ี่ อยา่ งไรกต็ าม ในระบบการเงินของประเทศไดก้ ำหนดอัตราแลก เปลี่ยนไวก้ บั ระบบธนาคาร ไว้ท่ี 1 ดอลลาร์สหรฐั ฯ มคี า่ เทา่ กบั 5-7 จ๊าต แตใ่ นความเป็นจริง จะมีการใชอ้ ตั ราแลกเปล่ียนจากร้านคา้ ท่ัวไป ในอตั รา 1 ดอลลาร์สหรฐั ฯ เทา่ กบั 750-800 จ๊าต ทงั้ น้ีอตั ราแลกเปลี่ยนดงั กล่าวมีการ ปรับเปลยี่ นคา่ อยตู่ ลอดเวลา ตัวอย่าง ธนบัตรของเมยี นมาร์ ราคา 5 จา๊ ตและ 5,000 จ๊าต 2. เงนิ ดอลลาร์เมียนมาร์ (Foreign Exchange Certificate (FEC)) คนต่างชาตทิ ่พี ำนักในเมียนมาร์และจำเป็นตอ้ งจา่ ยคา่ สาธารณูปโภค หรือสนิ ค้าที่ผลติ โดยราชการหรือองคก์ รของรฐั เชน่ ค่าน้ำ ค่าไฟ คา่ โทรศพั ท์ หรือน้ำมัน ต้องจ่ายด้วยเงินดอลลาร์เมียนมาร์หรือ Foreign Exchange Certificate (FEC) การแลกเปล่ียน FEC ทำได้โดยนำเงนิ ดอลลารส์ หรฐั ฯ ไปแลกที่ ธนาคารหรอื ตลาดมดื ในประเทศเมียนมาร์ ธนบัตร FEC จะมรี าคาใบละ 1, 5, 10 และ 20 ดอลลาร์เมียนมาร์ โดยอตั ราแลกเปลีย่ น 1 ดอลลารส์ หรฐั ฯ เทา่ กบั 1 ดอลลารเ์ มียนมาร์ เม่ือนำ FEC ไปแลกคืนจะไดร้ บั เงินจา๊ ต กลับมา ตวั อยา่ ง เงนิ ดอลลาร์เมียนมาร์ ราคา 1 ดอลลาร์ คมู่ ือ การค้าและการลงทุน สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมยี นมาร์ 29 สส

- ระบบการธนาคาร ในปจั จบุ นั ระบบการธนาคารของเมยี นมารป์ ระกอบดว้ ยธนาคารกลาง ธนาคารเฉพาะด้านของรัฐ จำนวน 4 แห่ง ธนาคารพาณิชย์เอกชนของ เมยี นมารป์ ระมาณ 8 แห่ง ซ่งึ มีลักษณะการดำเนนิ งาน ดังนี้ ธนาคารกลาง (The Central Bank of Myanmar) ทำหน้าที่ ควบคมุ สถาบันการเงนิ ทง้ั หมด กำหนดอตั ราดอกเบี้ยเงนิ ก้แู ละเงินฝาก อตั รา ส่วนของสินทรัพย์และหนี้สิน อัตราแลกเปลี่ยนและออกธนบัตร The Central Bank of Myanmar ธนาคารเฉพาะด้านของรัฐ ได้แก่ - The Myanmar Economic Bank ทำหน้าทีใ่ หค้ ำปรกึ ษา ด้านสินเชื่อแก่รัฐและเอกชนในเมียนมาร์ พร้อมทั้งบริการรับฝากผ่านสาขา 259 แห่งทั่วประเทศ โดยมี Myanmar Small Loans Enterprise ซึ่งเปน็ สาขาของ Myanmar Economic Bank ดแู ลสถานธนานุเคราะห์ - The Myanmar Foreign Trade Bank ทำหนา้ ทใ่ี หบ้ ริการ ด้านการแลกเปลย่ี นเงนิ ตราตา่ งประเทศ และธรุ กิจการธนาคารระหว่างประเทศ เก่ียวกับการนำเข้า - ส่งออกของเมียนมาร์ ธนาคารนไ้ี มร่ บั ฝากเงนิ เพอ่ื สะสมทรพั ย์ มีแต่บัญชเี ดนิ สะพดั และใหก้ เู้ ปน็ เงนิ ตราตา่ งประเทศ ภายใตก้ ารอนมุ ตั ขิ องรฐั ใน รปู ตว๋ั สญั ญาใชเ้ งิน 30 ค่มู ือ การค้าและการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์

- The Myanmar Agriculture and Rural Development Bank ทำหนา้ ทใ่ี หบ้ ริการดา้ นการเงนิ แก่ภาคเกษตรกรรมภายในประเทศ เชน่ การให้ เงินก้แู กเ่ กษตรกรโดยผ่านธนาคารในทอ้ งถ่ิน (Village Bank) ใหเ้ งินกู้สหกรณ์ และธรุ กจิ ท่ปี ระกอบกิจการทางดา้ นการเกษตรและปศุสัตว์ - The Myanmar Investment and Commercial Bank ทำหนา้ ท่ี ให้บรกิ ารดา้ นสินเชอ่ื แกห่ นว่ ยธรุ กจิ ท่ลี งทนุ ในเมยี นมาร์ รับฝากเงินระยะสัน้ และระยะยาว โดยให้ดอกเบี้ยตอบแทนการจัดหาเงินกู้เพื่ออสังหาริมทรัพย์ และการลงทนุ ธนาคารพาณชิ ย์เอกชน ธนาคารพาณิชย์เอกชนของเมียนมาร์ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจ เฉพาะภายในประเทศ (Domestic Business) เทา่ น้นั ไม่สามารถทำธรุ กิจ ดา้ นต่างประเทศได้ (Foreign Transaction) ปัจจบุ นั ธนาคารพาณิชย์เอกชน ของเมียนมาร์มีจำนวน 20 แหง่ ไดแ้ ก่ 1. The Myanmar Citizen Bank เปน็ ธนาคารเอกชนรายแรก เปน็ การร่วมลงทุนระหว่างบรษิ ัท Joint Venture Corporation Limited และรัฐบาลเมยี นมาร์ 2. The Yangon City Bank 3. The First Private Bank 4. The Myawaddy Bank 5. The Co-operative Bank 6. The Yoma Bank 7. The Yadanarbon Bank 8. Myanmar Oriental Bank 9. Myanmar May Flower Bank 10. Tun Foundation Bank 11. Kanbawza Bank 12. Asian Yangon International Bank 13. Myanmar Universal Bank 14. Asia Wealth Bank 15. Myanmar Industrial Development Bank 16. Myanmar Livestock and Fisheries Development Bank 17. Co-operative Promoters Bank 18. Co-operative Farmers Bank 19. Sibin Tharyaryay Bank 20. Innwa Bank ทม่ี า : Central Bank of Myanmar คู่มือ การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมยี นมาร์ 31 สส

ธนาคารตา่ งประเทศ ปัจจบุ นั มธี นาคารต่างประเทศตงั้ อยู่ในประเทศเมยี นมาร์ ได้แก่ ธนาคารแหง่ สาธารณรฐั เวยี ดนาม แตไ่ ม่สามารถทำธุรกิจการรับฝากเงินได้ จะ เปน็ เพียงประสานงานในเรื่องเอกสาร และการนำเสนอขอ้ มูล เท่าน้นั คา่ ธรรมเนียมการฝากเงนิ -โอนเงินและอตั ราดอกเบยี้ สำหรับชาวตา่ งชาติ นักลงทนุ สามารถเปิดบัญชีเงินฝากทั้งกระแส รายวันและประจำเป็นสกุลเงินดอลลาร์กับ MFTB (Myanmar Foreign Trade Bank) และ MICB (Myanmar Investment and Commercial Bank) ซ่งึ เป็นธนาคารพาณิชยข์ องรฐั โดยตอ้ งให้ลกู ค้าเกา่ ของธนาคารรบั รอง และตอ้ งเปดิ เงนิ ฝากครัง้ แรกไมน่ ้อยกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีรายละเอียด ดงั ตาราง ค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอนเงินตราต่างประเทศ ประเภท คา่ ธรรมเนียม การฝากเงิน - สามารถฝากเข้าบัญชโี ดยโอนเงินจากต่างประเทศมาเข้าบัญชหี รือนำเงินสด สกลุ ดอลลารส์ หรฐั ฯ มาฝากโดยตรง 1) กรณีฝากเงินสดสงู สดุ กวา่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตอ่ คร้ัง ผ้ฝู ากตอ้ งกรอกข้อมูลต่าง ๆ ในใบ Declaration Form ที่ออกโดย - กรมศลุ กากรท่ตี ้ังอยู่ ณ ท่าอากาศยานในเมยี นมารเ์ พ่อื ใชป้ ระกอบการ ฝากเงินดว้ ย 10% ของจำนวนทีโ่ อนเขา้ 2) กรณีโอนเงนิ เข้าประเทศ ผโู้ อนตอ้ งทำหนังสอื แจ้งวัตถปุ ระสงค์ สหภาพเมียนมาร์ ของการโอนเงินต่อธนาคารต้นทาง ครงั้ ละ 1 ดอลลารส์ หรัฐฯ - จะเป็นการโอนเงินเข้ามาเพอื่ การลงทุน หรือ คร้ังละ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ - จะเปน็ การโอนเข้ามาดว้ ยวัตถุประสงค์อื่น การถอนเงิน 1) ถา้ เปน็ การถอนเงนิ เพือ่ ใช้ในเมยี นมาร์ ตอ้ งถอนเป็นเงนิ FECs เท่าน้ัน 2) ถา้ หากตอ้ งถอนเปน็ เงนิ ดอลลารส์ หรฐั ฯ ต้องถอนไปใช ้ นอกประเทศเมียนมาร์เทา่ นนั้ โดยผถู้ อื ตอ้ งแสดงตั๋วเครอื่ งบนิ เพือ่ เป็นหลักฐานประกอบการถอนเงินด้วย ทม่ี า : Myanmar Investment Commission (MIC) หมายเหตุ : ธนบตั ร FECs (Foreign Exchange Certificate) ซึง่ มีคา่ เทยี บเท่าเงินดอลลาร์สหรฐั ฯ ในอตั รา 1 FECs : 1 ดอลลาร์สหรฐั ฯ 32 คมู่ อื การค้าและการลงทนุ สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์

ในการนับจำนวนเงิน ถึงแม้วา่ เมยี นมารจ์ ะมหี น่วยนบั ต้งั แตห่ ลัก หนว่ ย หลกั สบิ จนถงึ หลกั ลา้ น แตค่ วามนยิ มในการนบั จำนวนเงนิ มากๆ จะใช้ หลักแสนเป็นหลกั เช่น สบิ แสนจ๊าต (เท่ากับ หนง่ึ ล้านจ๊าต) รอ้ ยแสนจ๊าต (เท่ากับสบิ ล้านจ๊าต) เป็นตน้ สำหรับชาวไทย เงินบาทสามารถใชซ้ ้อื ของเฉพาะแหล่งท่องเทยี่ ว ทเี่ ป็นที่นิยมของคนไทย เช่น ตลาดสกอ๊ ต รา้ นขายของทรี่ ะลกึ ตามแหล่ง ทอ่ งเทยี่ ว เช่น ทต่ี ลาดพระนอน ท่เี มอื งพะโค หรอื ด่านการคา้ ชายแดนไทย- เมียนมาร์ เช่น แม่สอด แม่สาย ระนอง เปน็ ต้น ค่มู อื การคา้ และการลงทุน สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ 33 สส

2. เศรษฐกจิ การค้า 2.1 ภาวะเศรษฐกิจ ประเทศเมยี นมาร์ เปน็ ประเทศกำลังพัฒนาข้ันตำ่ หรือมีรายได้เฉล่ีย ตอ่ คนอยู่ในเกณฑต์ ่ำมาก ** ด้านเกษตรกรรมถือว่าเป็นอาชีพหลักของชาวเมียนมาร์ เขต เกษตรกรรมคือบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเอยาวดี และแม่น้ำสะโตง ปลูกข้าวเจ้า ปอกระเจ้า ออ้ ย และพชื เมืองรอ้ นอ่ืนๆ ด้านการทำเหมืองแร่ ภาคกลางตอนบนมีน้ำมันปิโตรเลียม ภาค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขดุ แรห่ นิ สงั กะสี และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ทำเหมอื ง ดบี กุ การทำปา่ ไม้ มีการทำปา่ ไม้สักทางภาคเหนอื สง่ ออกขายและล่องมาตาม แมน่ ำ้ เอยาวดเี ขา้ สยู่ ่างกงุ้ ด้านอุตสาหกรรมกำลังมีการพัฒนาอยู่บริเวณตอนล่างของประเทศ เชน่ ยา่ งกุง้ ตึกที่ทำการหอการค้าเมยี นมาร์ ณ กรุงยา่ งก้งุ หมายเหตุ : ** อา้ งองิ จากตัวเลขท่เี ปน็ ทางการของ GDP ต่อจำนวน พลเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตาม สภาพความเป็นอยู่อาจมีความแตกต่าง จากข้อมูลจากสถิติที่ได้สำรวจ ทั้งนี้เนื่องจากอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลด้าน เศรษฐกิจของประเทศเมียนมาร์ 34 ค่มู อื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์

2.2 เครอ่ื งช้วี ดั เศรษฐกิจสำคญั ข้อมลู ดา้ นเศรษฐกจิ ผลติ ภณั ฑ์ในประเทศเบื้องต้น 28,700 ล้านดอลลารส์ หรฐั ฯ (ณ ปี 2553) ผลิตภัณฑ์ในประเทศเบอ้ื งตน้ ต่อหวั 469 ดอลลารส์ หรัฐฯ (ณ ปี 2553) อัตราเงนิ เฟอ้ 8.2 สกุลเงิน จ๊าต (kyat) อตั ราแลกเปลยี่ น (ณ ม.ี ค. 2554) - อตั ราทางการ 1 ดอลลาร์สหรฐั ฯ เทา่ กบั 5.6 จา๊ ต - อตั ราไมเ่ ป็นทางการ 1 ดอลลาร์เหรยี ญสหรฐั ฯ เทา่ กับ 860 จ๊าต ดุลการคา้ เกินดลุ 27,877.9 ล้านจา๊ ต (ณ ปงี บประมาณ 2553-2554 ) อตั ราการวา่ งงาน 8% มลู ค่าการลงทุนจากต่างประเทศ 19,997 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ ปงี บประมาณ 2553-2554 ) สนิ ค้าส่งออกหลัก กา๊ ซธรรมชาติ ไม้และผลติ ภณั ฑจ์ ากไม้ อาหารประเภทสตั ว์นำ้ เสื้อผา้ ธัญพชื และพืชไร่ โลหะและแร่ธาตุ ไม้สัก ตลาดสง่ ออกหลัก ไทย อนิ เดยี จนี ฮอ่ งกง สงิ คโปร์ ญีป่ ุน่ สินค้านำเข้าสำคัญ เครือ่ งจักรและอปุ กรณข์ นสง่ ทไ่ี มใ่ ช้ไฟฟ้าและใชไ้ ฟฟ้า ส่งิ ทอ น้ำมันเพอ่ื การบริโภค ธาตุโลหะและผลติ ภณั ฑ์โลหะ แหล่งนำเข้าสำคญั สงิ คโปร์ จนี ไทย ญ่ีปุน่ อินเดยี มาเลเซีย ท่ีมา : สำนกั งานส่งเสรมิ การค้าระหวา่ งประเทศ ณ กรงุ ยา่ งกุ้ง ในปี 2553 ประเทศเมยี นมาร์มี GDP จำนวน 28,700 ลา้ นดอลลาร์ สหรฐั ฯ โดยมีผลติ ภัณฑ์ในประเทศเบ้ืองตน้ ต่อหวั 469 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี ดังกลา่ วน้มี อี ัตราเงนิ เฟ้อร้อยละ 8.2 นอกจากน้ี พบวา่ อตั ราการว่างงานอยู่ ในอัตราร้อยละ 8.0 ภาคการคา้ ระหว่างประเทศพบว่าสนิ คา้ ส่งออกทีส่ ำคญั คือ ก๊าซธรรมชาติ ไมแ้ ละผลิตภัณฑ์จากไม้ อาหารประเภทสัตว์นำ้ เสอื้ ผ้า ธัญพืช และพืชไร่ โลหะและแร่ธาตุ สนิ คา้ นำเข้าทสี่ ำคัญ คือ เครอ่ื งจักรและอุปกรณ์ ขนส่งที่ไม่ใช้ไฟฟา้ และใชไ้ ฟฟา้ สิ่งทอ นำ้ มนั เพื่อการบรโิ ภค ธาตโุ ลหะและ ผลติ ภณั ฑ์โลหะ ทางด้านการลงทนุ จากตา่ งประเทศพบว่ามีมูลค่าถงึ 19,997 ล้านดอลลารส์ หรฐั ฯ คู่มือ การค้าและการลงทุน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 35 สส

สภาพหนา้ ศูนย์ค้าสง่ สินคา้ ของเมยี นมาร์ เปรียบได้กับย่านประตนู ้ำของกรุงเทพฯ 2.3 นโยบายด้านเศรษฐกิจการคา้ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจากอดีตมาถึงปัจจุบันเมียนมาร์ ไดใ้ ชร้ ะบบเศรษฐกจิ หลายระบบ เรม่ิ จากระบบตลาดเสรี (Free market system) ระหวา่ งปี 2429 - 2491 ในยคุ อาณานคิ มของสหราชอาณาจกั รมาเปน็ ระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสาน โดยให้แรงขับเคลื่อนทางการตลาดมีบทบาท สำคัญในกระบวนการพัฒนา ต่อมาระหวา่ งปี 2505 - 2531 เปน็ ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนยิ ม และในปี 2531 จนถงึ ปัจจบุ ันหลงั จากการเปลย่ี นแปลงทาง การเมือง สภาสนั ติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (State Peace and Development Council (SPDC)) ได้กำหนดใหใ้ ช้ระบบเศรษฐกจิ แบบกลไก ตลาด SPDC ได้ปฏิรปู มาตรการตา่ งๆเพอ่ื แกไ้ ขปัญหาสภาพเศรษฐกจิ ทีต่ กต่ำ และสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกจิ ของประเทศได้ ก่อนที่เมียนมาร์จะกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติอย่าง ชัดเจน ได้มีนโยบายเร่งพฒั นาโครงสรา้ งสาธารณปู โภคพื้นฐานภายในประเทศ เพ่ือรองรบั การพัฒนาเศรษฐกจิ และการลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนเนน้ ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกัน ได้แก่ จีน ลาว และไทยไปพร้อมกัน เพื่อรองรับการเจริญเติบโตภาคเกษตรกรรมและภาค บรกิ าร (การทอ่ งเทย่ี ว) อยา่ งไรกต็ าม แผนพฒั นาเศรษฐกจิ ในอดตี จะมงุ่ เนน้ ในการพฒั นาการเกษตรและอุตสาหกรรมเปน็ หลกั ภายใตก้ ารปกครองโดยสภาสนั ตภิ าพและการพฒั นาแหง่ รฐั (SPDC) สภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้ขยายตัวขนึ้ กลา่ วคอื ในปี 2532 - 2534 เศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย หลังจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ก่อนหนา้ นี้ติดลบตอ่ เนอื่ งกัน 3 ปี และจากแผนพฒั นาเศรษฐกิจ ฉบับแรก (2535 - 2538) อตั ราการเตบิ โตของผลติ ภัณฑ์มวลรวมประชาชาตหิ รือ GDP อยู่ที่ 7.5% และจากแผนพัฒนาเศรษฐกจิ ฉบบั ท่ี 2 (2539 - 2543) อตั รา 36 คู่มอื การคา้ และการลงทุน สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์

การเตบิ โตของผลติ ภัณฑม์ วลรวมประชาชาตหิ รอื GDP โดยเฉลยี่ อยู่ที่ 8.5% สำหรบั ในชว่ ง แผนพฒั นาฉบับท่ี 3 (2544 - 2548) อตั ราการเติบโตของ ผลติ ภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรอื GDP อยทู่ ่ี 10.5% แผนพัฒนาฉบับท่ี 4 (2549 - 2553) อตั ราการเจรญิ เตบิ โตของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมประชาชาตอิ ยทู่ ่ี 8% รฐั บาลเมียนมาร์ไดด้ ำเนินนโยบายระบบเศรษฐกิจเสร ี โดยให้ภาค เอกชนมสี ว่ นรว่ มในการผลิต การจัดการ รวมท้ังไดเ้ ปดิ ประเทศใหม้ กี ารค้าเพม่ิ มากยิง่ ขนึ้ โดยลักษณะของนโยบายด้านการคา้ ดังนคี้ อื 1. สง่ เสรมิ การเพม่ิ ผลผลติ ทางการเกษตร โดยการเพม่ิ พน้ื ทเ่ี พาะปลกู (ไม่ใช่การเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่) ทำให้ผลผลิตและการส่งออกของพืชเศรษฐกิจ บางชนดิ เช่น ขา้ ว ธัญพืช ฝ้าย ออ้ ย งา ถัว่ และดอกทานตะวนั เพิ่มขึ้น ‘ โดยรัฐบาลเมียนมาร์ให้ ‘ อยา่ งไรก็ตาม นโยบายดังกล่าว ยงั ไม่สามารถดำเนินการไดผ้ ลเตม็ ที่ เนือ่ งจาก รฐั บาลเมียนมารค์ วบคุมราคาพืชเศรษฐกิจหลกั เช่น ขา้ ว และออ้ ย การส่งเสริมรัฐวิสาหกิจของ 2. สง่ เสรมิ การผลิตเพ่ือทดแทนการนำเขา้ เช่น นำ้ มนั (edible oil) เมียนมาร์ในการผลิตเคร่ืองจักร และกระดาษ เพอ่ื ลดการขาดดลุ การคา้ และรกั ษาปรมิ าณเงนิ ทนุ สำรองตา่ งประเทศ ยานพาหนะและอปุ กรณ์ โทรทัศน์ 3. ขยายภาคอุตสาหกรรมการผลิตให้หลากหลาย โดยรัฐบาล อุปกรณส์ อื่ สาร สงิ่ ทอ เครือ่ งใช้ เมียนมาร์ให้การส่งเสริมรัฐวิสาหกิจของเมียนมาร์ในการผลิต เครื่องจักร ไฟฟา้ น้ำตาล ยาง ผลิตภณั ฑ์ ยานพาหนะและอปุ กรณ์ โทรทัศน์ อุปกรณส์ ่อื สาร ส่งิ ทอ เครือ่ งใช้ไฟฟ้า สัตว์น้ำ และผลิตภัณฑ์จากไม้ นำ้ ตาล ยาง ผลติ ภณั ฑ์สัตวน์ ้ำ และผลิตภัณฑจ์ ากไม้ อย่างไรก็ดี รฐั บาล อย่างไรกด็ ี รฐั บาลเมยี นมาร์ไม่ได้ เมยี นมาร์ไม่ได้ใหก้ ารสนบั สนนุ ในดา้ นนตี้ ่อภาคเอกชน หรือนกั ลงทนุ ต่างชาติ ให้การสนับสนุนในด้านนี้ต่อภาค กฎระเบียบทางการคา้ ทีส่ ำคัญ เอกชน หรอื นกั ลงทุนตา่ งชาติ มาตรการนำเข้า - ส่งออก ผทู้ ำธรุ กจิ นำเขา้ สง่ ออกสนิ คา้ ตอ้ งยน่ื จดทะเบยี นเปน็ ผนู้ ำเขา้ สง่ ออก ทสี่ ำนักงานทะเบยี นนำเขา้ - สง่ ออก (Export Import Registration Office) กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาร์ ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนธุรกิจนำเข้า - ส่งออก เป็นเงนิ 50,000 และ 100,000 จา๊ ต โดยมีระยะเวลาในการดำเนนิ ธรุ กจิ 1 และ 3 ปี ตามลำดบั ผทู้ จ่ี ะทำธรุ กิจนำเข้า-ส่งออกสินค้า จะต้อง ยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าและส่งออกที่สำนักงานทะเบียนนำเข้า-ส่งออก (Export-Import Registration Office) กรมการค้าพาณชิ ย์ กระทรวงพาณชิ ย์ คณุ สมบตั ิของผนู้ ำเขา้ และส่งออก - บุคคลธรรมดาท่ีมีสัญชาติเมียนมาร์หรือท่ีแปลงสัญชาติเป็น เมียนมาร์ (Naturalized Citixenship) - หา้ งหนุ้ สว่ น บรษิ ัทท่ีจดั ต้ังในเมียนมาร์ - ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทร่วมทุน ที่จัดตั้งขึ้นภายในกฎหมาย การลงทนุ ต่างประเทศของเมยี นมาร์ - สหกรณ์ท่ีจดทะเบียนภายใต้กฎหมายสหกรณ์ของเมียนมาร์ ในปี 2533 คมู่ อื การค้าและการลงทุน สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์ 37 สส

สิทธิของผู้จดทะเบยี น - สามารถส่งออกสินคา้ ทกุ ชนิด ยกเวน้ ไม้สกั น้ำมันปิโตรเลยี ม ก๊าซธรรมชาติ ไขม่ กุ หยก อญั มณี แรธ่ รรมชาติ และสนิ ค้าอนื่ ๆ ที่ระบวุ า่ สามารถ ดำเนนิ การไดโ้ ดยหน่วยงานรฐั วสิ าหกจิ แต่เพียงผเู้ ดียว - สามารถนำเข้าสินค้าทุกชนิดตามเง่ือนไขของกฎและระเบียบท่ี ระบไุ ว้ ยกเวน้ สินคา้ ทีเ่ ป็นสินคา้ หา้ มนำเข้า - สามารถจำหน่ายสนิ ค้าในตลาดภายในประเทศได้ - สามารถยน่ื ขอหนงั สอื เดินทางประเภทธุรกิจไปตา่ งประเทศได้ 2.4 การค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าประเทศเมียนมาร์จะถูกคว่ำบาตรจากองค์การสหประชาชาติ ห้ามมิให้มกี ารค้าขายสนิ คา้ กบั ตา่ งประเทศ แต่ในทางปฏิบัตมิ าตรการดังกลา่ ว ถูกนำไปปฏิบัติกับประเทศท่ีเป็นผู้นำทางด้านระบอบการปกครองแบบ ประชาธปิ ไตย อาทิ สหรฐั อเมริกา ฝร่งั เศส และองั กฤษ เปน็ ตน้ อย่างไรก็ตาม ในด้านมนุษยชนบางประเทศสามารถค้าขายกับประเทศเมียนมาร์ได้ตามความ จำเป็น เช่น ประเทศท่มี อี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั ประเทศเมียนมาร์ เป็นต้น 38 ค่มู อื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์

ตารางแสดงมลู คา่ การส่งออกและนำเขา้ ของเมียนมาร์ ในช่วงปงี บประมาณ 2547-2554 หน่วย : ล้านจ๊าต ป ี มูลคา่ สง่ ออก มลู ค่านำเขา้ มลู ค่ารวม 2547-2548 16,697.3 11,338.5 28,035.8 2548-2549 20,646.6 11,514.2 32,160.8 2549-2550 30,026.1 16,835.0 46,861.1 2550-2551 35,296.8 18,418.9 53,715.7 2551-2552 38,668.7 28,355.4 67,024.6 2552-2553 41,289.1 22,837.4 64,126.5 2553-2554 49,106.8 35,508.4 84,615.2 ที่มา : สำนักงานส่งเสรมิ การคา้ ระหวา่ งประเทศ ณ กรงุ ยา่ งกุ้ง หมายเหตุ : 1. คำนวณโดยใช้อตั ราแลกเปลยี่ นตามประกาศของธนาคารกลางเมยี นมาร์ 2. ข้อมูลสถติ ิแสดงเป็นปีงบประมาณ ตามการจดั เก็บข้อมลู ทางเศรษฐกจิ ของ เมียนมาร์ 3. ปีงบประมาณของเมยี นมารอ์ ยรู่ ะหวา่ งวนั ที่ 1 พฤษภาคม - 30 เมษายน 4. Export include re-export (re-export คอื การพฒั นาสินค้านำเข้า แลว้ ทำการส่งออก) จากสถิตกิ ารคา้ ขายกับต่างประเทศของเมยี นมาร์ พบวา่ มมี ลู คา่ การคา้ เพ่ิมสูงข้นึ อยา่ งตอ่ เน่ืองทกุ ปี โดยในปงี บประมาณ 2547 - 2548 มมี ูลค่า การค้ารวมถงึ 28,035.8 ลา้ นจ๊าต ในขณะทใี่ นปีงบประมาณ 2553 - 2554 มีมลู ค่าสูงขน้ึ ถงึ 3 เทา่ ของปงี บประมาณ 2547 - 2548 คือมีมลู คา่ สงู ถงึ 84,615.2 ล้านจ๊าต คมู่ ือ การค้าและการลงทุน สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมยี นมาร์ 39 สส

ตารางแสดงประเทศที่เมยี นมาร์สง่ ออกสินคา้ หลกั เรยี งลำดบั ตามมูลค่าส่งออกสูงสุด 10 ประเทศ หนว่ ย : ลา้ นจา๊ ต อนั ดับ ประเทศ 2547-2548 2548-2549 2549-2550 2550-2551 2551-2552 2552-2553 2553-2554 1 ไทย 7,219.17 7,868.64 13,533.7 15,530.0 14,340.6 17,431.0 16,065.2 2 อนิ เดยี 1,956.32 2,841.60 4,217.21 4,006.56 4,387.8 5,512.9 4,858.1 3 จนี 1,658.80 2,125.19 3,530.37 3,832.52 3,352.3 3,359.1 6,662.9 4 ฮ่องกง 656.05 1,488.10 2,316.59 3,573.00 3,610.9 5,162.9 10,530.6 5 สิงคโปร์ 807.28 1,532.69 1,047.87 2,210.10 4,638.4 3,690.9 2,499.9 6 ญีป่ ุ่น 737.26 790.43 952.43 1,021.28 1,005.8 966.1 1,313.9 7 มาเลเซีย 620.54 540.41 507.56 652.60 1,716.1 832.3 2,445.9 8 อนิ โดนเี ซีย 308.86 380.47 506.35 476.97 155.1 205.3 227.9 9 สหราชอาณาจักร 316.18 356.14 290.65 316.51 284.4 202.6 193.1 10 เกาหลใี ต้ 210.16 224.07 353.79 405.69 347.38 410.8 820.8 ท่มี า : กรมศุลกากร, กรมการคา้ ชายแดนเมยี นมาร์ หมายเหตุ : คำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามประกาศของธนาคารกลางเมยี นมาร์ ประเทศที่เมยี นมาร์นำเขา้ สินคา้ หลกั เรียงลำดับตามมูลค่านำเขา้ หลกั สูงสุด 10 ประเทศ ดงั แสดงในตาราง หนว่ ย : ลา้ นจ๊าต อันดบั ประเทศ 2547-2548 2548-2549 2549-2550 2550-2551 2551-2552 2552-2553 2553-2554 1 สิงคโปร์ 3,471.46 3,240.18 5,928.03 4,489.83 5,712.72 6,593.03 9,116.88 2 จีน 2,818.96 2,716.01 4,185.75 5,472.54 6,578.14 6,854.86 12,005.13 3 ไทย 1,054.21 1,376.24 1,749.40 2,110.66 2,150.73 2,069.56 3,938.59 4 ญปี่ ุ่น 920.42 610.65 896.30 1,335.04 908.40 1,412.44 1,417.05 5 อนิ เดยี 480.08 465.18 916.51 954.70 796.81 1,058.49 1,079.87 6 มาเลเซีย 666.07 810.83 634.45 635.79 1,972.09 871.32 805.00 7 อนิ โดนีเซยี 288.72 336.09 539.77 1,139.86 1,139.46 760.41 1,526.10 8 เกาหลีใต้ 514.60 498.62 486.85 590.78 1,027.27 1,221.54 1,683.41 9 สหรฐั อเมริกา 165.70 478.43 248.09 121.64 450.12 100.73 327.51 10 เยอรมนี 155.38 122.82 175.10 166.01 260.52 183.26 287.18 ท่มี า : กรมศุลกากร, กรมการคา้ ชายแดนเมยี นมาร์ หมายเหตุ : คำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลย่ี นตามประกาศของธนาคารกลางเมียนมาร์ 40 คู่มอื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

จากตารางแสดงมูลค่าการค้าของประเทศเมียนมาร์กับต่างประเทศ (รายประเทศ) พบว่า ดา้ นการส่งออก ประเทศเมียนมารส์ ง่ ออกมายงั ประเทศไทยในแต่ ละปี สงู ทสี่ ดุ เปน็ อนั ดับ 1 ส่วนอินเดีย และจนี เปน็ อันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ดา้ นการนำเข้า ประเทศเมียนมารม์ ีการนำเข้าสินคา้ จากประเทศ สงิ คโปรม์ ากเป็นอนั ดบั ท่ี 1 สว่ นจีน และไทย มาเป็นอนั ดับ 2 และ 3 ตามลำดับ มลู คา่ การคา้ รวม ดา้ นมลู คา่ การคา้ รวม พบวา่ ในปงี บประมาณ 2553- 2554 ประเทศท่มี ีมูลค่าการค้ากบั ประเทศเมียนมาร์สงู ท่สี ุดคอื ประเทศไทย โดยมีมูลคา่ สงู ถึง 25,181.1 ลา้ นจ๊าต รองลงมาคือประเทศจีน สงิ คโปร์ และ อนิ เดีย ตามลำดบั ประเภทของสินคา้ ทที่ ำการค้า สินค้าส่งออกหลัก ตารางแสดงสนิ ค้าส่งออกหลกั 10 รายการ โดยแสดงตามปีงบประมาณ (1 พฤษภาคม - 30 เมษายน) หนว่ ย : ล้านจา๊ ต อนั ดบั สนิ คา้ ส่งออก 2547-2548 2548-2549 2549-2550 2550-2551 2551-2552 2552-2553 2553-2554 1 กา๊ ซธรรมชาติ 5,812.2 6,234.7 11,676.2 13,937.9 12,995.7 15,853.8 13,946.8 2 ไมส้ ัก 1,515. 3 1,723.1 1,750.1 1,540.0 1,146.3 1,171.7 1,709.4 3 เส้อื ผา้ 1,237.7 1,586.0 1,601.8 1,554.6 1,593.9 1,543.7 2,100.1 4 Matpe 527.6 846.1 1,747.6 1,511.8 1,430.0 2,513.1 2,513.7 5 ไมเ้ นอื้ แขง็ 726.8 1,027.2 1.189.0 1,423.8 1,065.7 1,518.9 1,595.8 6 ปลา และ 409.8 544.4 725.4 1,059.4 972.3 1,053.3 1,168.3 ผลติ ภณั ฑจ์ ากปลา 576.1 7 กุ้งสดและกงุ้ แห้ง 597.2 451.6 608.0 556.3 472.1 346.2 367.2 8 Pedesein 248.0 646.2 843.1 605.0 771.1 1,424.0 1,002.9 9 โลหะและแร่ธาตุ 547.5 352.0 637.8 474.7 176.5 182.7 240.9 10 Pesingon 297.2 468.8 754.0 1,330.6 779.5 677.7 ที่มา : กรมศลุ กากร, กรมการค้าชายแดนเมียนมาร์ หมายเหตุ : คำนวณโดยใชอ้ ตั ราแลกเปลีย่ นตามประกาศของธนาคารกลางเมียนมาร์ คมู่ อื การคา้ และการลงทนุ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 41 สส

จากตารางพบว่า สินค้าสง่ ออกหลกั ของประเทศเมยี นมาร์ไดแ้ ก่ สนิ คา้ ขน้ั ปฐมภมู ิ และวตั ถดุ บิ จากธรรมชาติ อาทิ กา๊ ซธรรมชาติ ไมส้ กั เสอ้ื ผา้ ถว่ั Matepe ไม้เนื้อแข็ง และแรธ่ าตุ เป็นตน้ โดยพบวา่ กา๊ ซธรรมชาติเปน็ สัดส่วนที่สูงมากของมูลค่าการส่งออก ทั้งนี้เนื่องจากประเทศเมียนมาร์อุดม สมบรู ณ์ไปด้วยแหลง่ พลังงานดงั กล่าว ซง่ึ เปน็ ท่ตี ้องการของประเทศตา่ งๆ สินคา้ นำเข้าหลกั ตารางแสดงสินคา้ นำเขา้ หลกั 10 รายการ โดยแสดงตามปงี บประมาณ (1 พฤษภาคม - 30 เมษายน) หน่วย : ล้านจา๊ ต อันดบั สนิ คา้ นำเขา้ 2547-2548 2548-2549 2549-2550 2550-2551 2551-2552 2552-2553 2553-2554 1 เครือ่ งจกั รและ 2,164.9 1,786.2 2,718.2 4,161.7 7,240.2 4,908.2 6,660.8 อุปกรณข์ นส่ง 1,138.8 1,283.4 1,387.8 1,185.9 1,145.5 1,639.9 ท่ีไม่ใชไ้ ฟฟา้ 917.2 1,059.7 1,168.5 817.4 780.2 1,150.6 2 ส่ิงทอ 1,043.6 143.5 165.5 134.5 163.5 205.6 281.2 - จากใยสงั เคราะห์ 823.2 74.6 51.1 72.0 184.3 141.1 132.0 - พเิ ศษ 147.1 12.8 20.7 18.6 76.1 - จากฝา้ ย 66.5 3.5 7.2 2,034.0 3,192.2 3,674.3 7,711.3 - เสอื้ ผ้าและลูกไม ้ 6.8 1,560.9 3,966.0 3 ของเหลวจาก 1,361.0 1,206.2 1,818.3 1,992.9 3,065.8 การกลนั่ นำ้ มนั 1,164.0 1,183.0 861.1 948.6 977.1 1,928.4 ปโิ ตรเลียม 645.8 707.6 1,057.7 1,610.0 975.9 1,122.2 (refined mineral 571.1 478.2 857.0 908.8 859.2 1,371.5 oil) 574.3 719.7 635.6 389.9 4 ธาตโุ ลหะและ 899.3 362.1 554.9 292.3 338.1 ผลิตภัณฑ์โลหะ 295.8 302.8 287.3 391.7 318.1 5 เครอื่ งจักรและ 874.4 140.3 210.7 258.2 350.9 อุปกรณ์ไฟฟ้า 6 นำ้ มนั เพอื่ 474.0 การบรโิ ภค 7 พลาสตกิ 457.4 8 ยารกั ษาโรค 314.8 9 กระดาษ 314.6 กระดาษแข็งและ ผลิตภณั ฑก์ ระดาษ 10 ผลิตภณั ฑจ์ ากยาง 171.1 ทีม่ า : กรมศลุ กากร, กรมการค้าชายแดนเมยี นมาร์ หมายเหตุ : คำนวณโดยใชอ้ ัตราแลกเปลีย่ นตามประกาศของธนาคารกลางเมยี นมาร์ 42 ค่มู อื การค้าและการลงทุน สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์

จากตารางแสดงสินค้านำเข้าของประเทศเมียนมาร์ ซึ่งพบว่า สนิ คา้ นำเขา้ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ สนิ ค้าทตุ ยิ ภมู ิ อาทิ เครอ่ื งจกั รและอุปกรณข์ นสง่ ทไ่ี มใ่ ชไ้ ฟฟา้ นำ้ มนั ปโิ ตรเลยี ม เครอ่ื งจกั รและอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ยารกั ษาโรค เปน็ ตน้ ท้ังน้ีเน่ืองจากเมียนมาร์ยังไม่สามารถผลิตสินค้าดังกล่าวเพ่ือใช้ในประเทศ ตนเองได้ โดยสินคา้ ดังกล่าว สามารถนำไปใชใ้ นการพัฒนาประเทศและขยาย ระบบสาธารณปู โภคภายในประเทศ 2.5 การค้ากบั ประเทศไทย การค้ากับไทย ทางดา้ นเศรษฐกจิ การคา้ โดยทว่ั ไปของเมยี นมารน์ น้ั ปจั จบุ นั เมยี นมาร์ กำลังปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ให้เข้ามาสู่ระบบตลาดมาก ยิ่งข้ึนเพ่ือเป็นการตอบรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะการค้าของเมียนมาร์ซ่งึ จะทำการค้าขายกับประเทศในแถบเอเชียเป็น หลัก การค้ารวมระหวา่ งไทยกบั เมยี นมาร์ในช่วง 3 ปี ทผี่ ่านมา โดยคำนวณ จากสถิติปี 2551 - 2553 โดยมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 149,270.45 ล้านบาท และ ไทยขาดดุลการค้าเมียนมาร์เฉล่ียปลี ะ 45,081.92 ลา้ นบาท ตารางแสดงข้อมูลการคา้ ระหวา่ งไทยกับเมยี นมาร์ รายก าร มลู ค่า : ลา้ นเหรยี ญสหรัฐฯ อตั ราขยายตวั (%) 2554 (ม.ค.-ก.ค.) 2553 2553 (ม.ค.-ก.ค.) 2554 (ม.ค.-ก.ค.) 22.04 มูลค่าการคา้ 4,886.82 2,728.46 3,329.82 15.40 การนำเขา้ 2,813.87 1,528.26 1,763.57 30.50 การส่งออก 2,072.96 1,200.20 1,566.26 ที่มา : ศนู ย์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร สำนักงานปลดั กระทรวงพาณชิ ย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร หมายเหตุ : แสดงข้อมูลเป็นรายปี ( 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. ) การค้าระหว่างไทยกับเมียนมาร์มีปริมาณเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่องใน แตล่ ะปี ท้งั นีเ้ นอ่ื งจากเมยี นมาร์เร่ิมมกี ารเปิดประเทศมากขึน้ อีกท้ังทรัพยากร ธรรมชาตขิ องเมยี นมารท์ ย่ี งั คงมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ ทำใหส้ ง่ ผลตอ่ ความตอ้ งการ วตั ถุดิบเหลา่ นน้ั เพือ่ นำมาใช้ในการผลติ ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ จากสถติ พิ บวา่ ในปี 2553 ประเทศไทยสง่ ออกไปยงั เมยี นมาร์ มลู คา่ 2,072.96 ลา้ นเหรยี ญสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันที่ประเทศไทยนำเข้าสินค้าจาก เมยี นมาร์มูลคา่ 2,813.87 โดยทไี่ ทยขาดดุลการค้าในปดี งั กลา่ ว มลู คา่ 741 ลา้ นเหรียญสหรฐั ฯ คู่มือ การค้าและการลงทนุ สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์ 43 สส


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook