กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ 1
คณะผู้จัดทำ� ทป่ี รึกษา นายแพทยอ์ �ำ นวย กาจนี ะ อธบิ ดกี รมควบคมุ โรค นายแพทย์อษั ฎางค์ รวยอาจณิ รองอธิบดกี รมควบคุมโรค นายแพทย์วิชาญ ปาวนั ผู้อำ�นวยการสำ�นักส่ือสารความเส่ียง และพัฒนาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ คณะผู้จัดทำ� ดร.พาหุรัตน์ คงเมอื ง ทัยสวุ รรณ์ สำ�นักส่อื สารความเสย่ี ง และพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ นางสาวกมลวรรณ กลีบโกมุท สำ�นักส่อื สารความเสีย่ ง และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ จัดพมิ พ์โดย สำ�นักสอื่ สารความเส่ยี งและพฒั นาพฤตกิ รรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พิมพท์ ่ ี โรงพิมพส์ �ำ นกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ จำ�นวน 10,000 เล่ม ปที ่พี มิ พ ์ 2559 ISBN 978-616-11-3179-1
คำ�นำ� ตามทีม่ รี ายงานจากหลายสถาบนั ทงั้ ในกระทรวงสาธารณสขุ องค์การอนามัยโลก (WHO) ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US-CDC) ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค แห่งสหภาพยุโรป (ECDC) เกยี่ วกบั การระบาดของโรคต่าง ๆ มากมาย ทงั้ โรคตดิ เชือ้ โรคอุบัตใิ หม่ เชน่ โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง โรคติดเช้ือไวรัสซิกา เป็นต้น ท้ังในประเทศและต่างประเทศ จนบางคร้ังส่งผลให้เกิดภาวะวิกฤติทางด้านสาธารณสุข ซ่ึงภาวะวิกฤติทางด้านสาธารณสุขที่มี สาเหตุมาจากตัวโรคเอง หรือ อาจจะเกิดจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารท่ีสร้างความต่ืนตระหนก ใหแ้ กส่ งั คมเปน็ วงกวา้ ง สมุ่ เสย่ี งตอ่ ความเขา้ ใจผดิ เพม่ิ ความวติ กกงั วล แมบ้ างโรคยงั ไมม่ รี ายงานผปู้ ว่ ย ในประเทศไทยก็ตาม การสื่อสารความเสี่ยงท่ีทันเวลา ทันสถานการณ์ และเป็นระบบ สอดคล้อง กับสถานการณ์ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยลดความเข้าใจผิด ลดความวิตกกังวล ลดความต่นื ตระหนก รวมทัง้ เสรมิ สรา้ งใหป้ ระชาชนมีพฤติกรรมปอ้ งกันควบคมุ โรคทีถ่ กู ต้องได้ แมว้ า่ ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค ได้ด�ำ เนินภารกิจในการแกป้ ญั หาโรคและภยั สขุ ภาพ ทั้งโรค ที่ยังระบาดอยู่ในปัจจุบัน ท้ังโรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ํา ภัยจากส่ิงแวดล้อมต่างๆ ท่ีเป็นความท้าทาย ต่อการท�ำ งานปอ้ งกนั ควบคุมโรค โดยกรมควบคมุ โรค มีการผลกั ดนั ส่งเสริม และสนบั สนุนภารกจิ ตา่ งๆ จนท�ำ ใหง้ านปอ้ งกนั ควบคมุ โรคประสบผลส�ำ เรจ็ ดงั เชน่ ปจั จบุ นั ทสี่ ามารถก�ำ จดั กวาดลา้ งโรคให้ หมดไปจากประเทศไทย เช่น คดุ ทะราด กาฬโรค ไขท้ รพษิ โปลิโอ เปน็ ต้น และสามารถลดอัตราป่วย อัตราตายจากโรคท่ีเป็นปัญหาสำ�คัญลงได้ เช่น โรคเรื้อน โรคมาลาเรีย เท้าช้าง โรคพิษสุนัขบ้า โรคหดั เปน็ ตน้ แตอ่ ยา่ งไรกด็ ี ยงั มกี ารระบาดของโรคตา่ ง ๆ ทจี่ �ำ เปน็ ตอ้ งด�ำ เนนิ การควบคมุ และปอ้ งกนั การเกิดโรคของการระบาดของโรค รวมท้ังการสื่อสารความเส่ียงโรคและภัยสุขภาพด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากน้ี กรมควบคุมโรคได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุขให้เตรียมการและดำ�เนินการ ป้องกนั ควบคมุ โรคตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ (International Health Regulation-IHR 2005) และจากการท่ีกรมควบคุมโรคได้จัดต้ังระบบบัญชาการเหตุการณ์ข้ึนมาในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ทางดา้ นสาธารณสุข (EOC- Emergency Operation System) ซึง่ มอี งคป์ ระกอบในการดำ�เนนิ งาน หลายดา้ น การสอื่ สารความเสยี่ งโรคและภยั สขุ ภาพเปน็ หนง่ึ ในการด�ำ เนนิ งานหลกั ของทงั้ 2 กจิ กรรม ดงั นนั้ ส�ำ นักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ โดยกลมุ่ เฝ้าระวังสอ่ื และตอบโต้ และภาพลกั ษณจ์ งึ ผลติ คมู่ อื ส�ำ หรบั เจา้ หนา้ ท่ี เรอ่ื งการสอื่ สารความเสย่ี งในภาวะวกิ ฤติ ขน้ึ มา เพอ่ื เปน็ แนวทางส�ำ หรบั บคุ ลากรในการสอื่ สารความเสยี่ งโรคและภยั สขุ ภาพแกป่ ระชาชนใหเ้ กดิ ความตระหนกั ลดความตระหนก และความขดั แยง้ รวมทงั้ ลดความเขา้ ใจในเชงิ ลบตอ่ ภาพลกั ษณข์ องกรมควบคมุ โรค และการดำ�เนนิ งานปอ้ งกันควบคมุ โรคต่อไป นายแพทย์อ�ำ นวย กาจีนะ อธิบดกี รมควบคุมโรค กันยายน 2559
สารบัญ เนื้อหา หนา้ ค�ำ น�ำ บทท่ี 1 แนวคิดทฤษฎกี ารสอื่ สารความเสย่ี ง 1 บทท่ี 2 การสอ่ื สารความเส่ยี ง ตามกฎอนามยั ระหว่างประทศ 14 บทท่ี 3 การสื่อสารความเสยี่ ง ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 21 บทท่ี 4 การส่ือสารความเสยี่ ง ตามยทุ ธศาสตร์โรคตดิ ตอ่ อุบัติใหม่ชาติ 32 พ.ศ. 2560-2564 บทท่ี 5 การส่ือสารความเสย่ี ง และระบบบัญชาการเหตกุ ารณ์ 39 บทท่ี 6 การสอื่ สารความเส่ยี ง กรณโี รคติดเชอ้ื ไวรสั ซกิ า 43 บทที่ 7 การสอ่ื สารความเสี่ยง กรณโี รคเมอรส์ 55 บทที่ 8 การสื่อสารความเส่ยี ง กรณโี รคไข้หวัดนก 72 บทที่ 9 แนวทางการสื่อสารความเสีย่ ง และประชาสัมพันธโ์ รคและภยั สขุ ภาพ 81 กติ ตกิ รรมประกาศ 92 เอกสารอ้างอิง 92
บทท่ี 1 แนวคดิ ทฤษฎีการสือ่ สารความเสี่ยง ก.ความรู้เร่ืองการสอื่ สารความเสีย่ ง การสื่อสารเป็นปัจจัยสำ�คัญในการดำ�รงชีวิตของมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องติดต่อสื่อสารกัน อยตู่ ลอดเวลา โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในปจั จบุ นั ซงึ่ ไดช้ อ่ื วา่ เปน็ ยคุ โลกาภวิ ตั น์ เปน็ ยคุ ของขอ้ มลู ขา่ วสาร การ สื่อสารมปี ระโยชน์ทงั้ ในแงบ่ ุคคลและสงั คม การส่อื สารท�ำ ใหค้ นมคี วามรู้และโลกทศั นท์ กี่ วา้ งขวางขน้ึ การสือ่ สารเปน็ กระบวนการทท่ี ำ�ให้สังคม เจริญกา้ วหน้าอย่างไมห่ ยุดย้งั ท�ำ ให้มนุษยส์ ามารถสืบทอด พฒั นา และเรยี นรู้ รวมทงั้ รบั รวู้ ฒั นธรรมของตนเองและสงั คมได ้ การสอื่ สารจงึ เปน็ ปจั จยั ส�ำ คญั ในการ สรา้ งสรรค์ความเจริญก้าวหน้าแกช่ มุ ชน สงั คม และประเทศในทกุ ดา้ น การสื่อสาร (communications) มที มี่ าจากรากศัพทภ์ าษาลาตินวา่ communis หมายถึง ความเหมอื นกันหรือร่วมกนั ความหมายของการสอื่ สาร (communication) มหี ลากหลาย เช่น - กระบวนการถ่ายทอดข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็น ความตอ้ งการจากผสู้ ง่ สารโดยผ่านสือ่ ตา่ ง ๆ ท่ีอาจเป็นการพดู การเขยี น สญั ลักษณ์อ่ืนใด การแสดง หรือการจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ไปยังผู้รับสาร - วธิ ีการที่ผสู้ ่งสาร ซงึ่ อาจเปน็ บคุ คล กลุ่มคน หรอื สถาบนั ถา่ ยทอดสาร ท่อี าจเป็น เรอ่ื งราว ขา่ วสาร ขอ้ มูล ความรู้ เหตุการณ์ต่างๆ โดยอาศัยช่องทางในการถา่ ยทอด ไปยงั ผูร้ ับสาร ซ่ึง อาจเปน็ บุคคล กลุ่มคน หรือ สถาบนั เพอื่ ใหผ้ รู้ บั สารได้รบั ทราบสารนั้นร่วมกัน - กระบวนการส่ือความหมายของสารผ่านช่องทางการถ่ายทอด จากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร เพือ่ ให้เกดิ ความเขา้ ใจอยา่ งเดียวกัน โดยสรปุ การสือ่ สาร หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดสาร จากผู้ส่งสาร ไปยงั ผรู้ ับสาร โดยผา่ น ชอ่ งทางต่างๆ เพอ่ื ให้ผู้รับสารได้รับร้สู ารรว่ มกัน มปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองตอ่ กัน และเขา้ ใจอย่างเดียวกนั ท้ังน้ีอาจจะใช้กระบวนการสื่อสารท่ีแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม หรือความจำ�เป็นของผู้ส่งสาร และผู้รับสาร วตั ถุประสงค์ของการส่อื สาร เช่น 1. เพื่อแจ้งให้ทราบ คือ การรับและส่งข่าวสารด้านต่างๆ การนำ�เสนอเร่ืองราว ความรู้สึก นึกคดิ ความรู้ หรือส่งิ อื่นใด ทีต่ อ้ งการใหผ้ ู้รบั สารรแู้ ละเข้าใจขอ้ มูลน้นั ๆ โดยมุง่ ให้ความรแู้ ละ สร้างความเข้าใจทีถ่ ูกต้อง 2. เพ่ือความบันเทิงใจ คือ การรับส่งความรู้สึกท่ีดี และมุ่งรักษามิตรภาพต่อกัน เป็นการน�ำ เสนอเรือ่ งราวหรือสิ่งอน่ื ใดที่จะทำ�ใหผ้ รู้ บั สารเกดิ ความพึงพอใจ 3. เพ่ือชักจูงใจ คือ การนำ�เสนอเร่ืองราวหรือส่ิงอ่ืนใดเพ่ือจูงใจให้เกิดความร่วมมือ สร้างกำ�ลังใจ เพ่ือให้ผู้รับสารเกิดความคิดคล้อยตาม หรือปฏิบัติตามท่ีผู้ส่งสารต้องการและ น�ำ ไปสู่การปรับปรุงแก้ไข กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 1
บทท่ี 1 แนวคิดทฤษฎกี ารสื่อสารความเสย่ี ง ประเภทของการส่ือสาร การส่อื สารมปี ระเภทแตกตา่ งกนั หลายลกั ษณะ ท้งั นขี้ ึน้ อยกู่ บั ว่าจะใชอ้ ะไร เป็นเกณฑใ์ นการจ�ำ แนก เชน่ 1. จำ�แนกตามกระบวนการหรือการไหลของข่าวสาร 2. จำ�แนกตามภาษาสัญลกั ษณ์ทแ่ี สดงออก 3. จำ�แนกตามจ�ำ นวนผู้ส่อื สาร รายละเอยี ดของประเภทการสอื่ สาร 1. จ�ำ แนกตามกระบวนการหรอื การไหลของขา่ วสาร 1.1 การสอื่ สารทางเดยี ว (One-Way Communication) คอื การสอ่ื สารทขี่ า่ วสารจะถกู สง่ จากผสู้ ่งไปยงั ผรู้ ับในทศิ ทางเดียว โดยไม่มกี ารตอบโตก้ ลบั จากฝา่ ยผูร้ ับ เช่น การสอื่ สารผ่านสื่อ วิทยุ โทรทัศน์ หนงั สือพิมพ์ การออกคำ�สง่ั หรือมอบหมายงาน โดยฝ่ายผรู้ บั ไม่มีโอกาสแสดงความคิดเหน็ ซึ่งผู้รับอาจไม่เข้าใจข่าวสาร หรือเข้าใจไม่ถูกต้องตามเจตนาของผู้ส่งและทางฝ่ายผู้ส่งเมื่อไม่ทราบ ปฏิกิริยาของผู้รับจึงไม่อาจปรับการสื่อสารให้เหมาะสมได้ การส่ือสารแบบน้ีสามารถทำ�ได้รวดเร็ว จงึ เหมาะส�ำ หรบั การสอื่ สารในเรอื่ งทเี่ ขา้ ใจงา่ ย ในสถานการณข์ องการสอ่ื สารบางอยา่ ง มคี วามจ�ำ เปน็ ต้องใช้การสื่อสารทางเดียว แม้ว่าเร่ืองราวที่สื่อสารจะมีความซับซ้อนก็ตาม เช่น กรณีผู้รับและผู้ส่ง ไม่อาจพบปะ หรือติดต่อส่ือสารกันได้โดยตรง การส่ือสารแบบกลุ่มใหญ่ และการส่ือสารมวลชน ซง่ึ ไมอ่ าจทราบผรู้ บั ท่แี นน่ อน 1.2 การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) คือการสอ่ื สารทม่ี กี ารส่งขา่ วสาร ตอบกลับไปมาระหว่างผู้สื่อสาร ดังนั้นผู้ส่ือสารแต่ละฝ่ายจึงเป็นท้ังผู้ส่งและผู้รับในขณะเดียวกัน ผู้สื่อสารมีโอกาสทราบปฏิกิริยาตอบสนองระหว่างกัน ทำ�ให้ทราบผลของการส่ือสาร ว่าบรรลุ จุดประสงค์หรือไม่ และช่วยให้สามารถปรับพฤติกรรมในการส่ือสารให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตวั อยา่ งการสอื่ สารแบบสองทาง เชน่ การพบปะพดู คยุ กนั การพดู โทรศพั ท์ การออกค�ำ สงั่ หรอื มอบหมาย งานโดยฝ่ายรับมีโอกาสแสดงความคิดเห็น การส่ือสารแบบน้ีจึงมีโอกาสประสบผลสำ�เร็จได้มากกว่า แตถ่ า้ เรอื่ งราวทจ่ี ะสอ่ื สารเปน็ เรอ่ื งงา่ ย อาจท�ำ ใหเ้ สยี เวลาโดยไมจ่ �ำ เปน็ ในสถานการณข์ องการสอ่ื สาร บางอยา่ ง เชน่ ในการสอื่ สารมวลชน ซงึ่ โดยปกตมิ ลี กั ษณะเปน็ การสอื่ สารทางเดยี ว นกั สอื่ สารมวลชนก็ มีความพยายามท่ีจะทำ�ใหม้ กี ารสื่อสาร 2 ทางเกิดขึ้น โดยการใหป้ ระชาชนส่งจดหมาย โทรศัพท์ ตอบ แบบสอบถาม กลับไปยังองคก์ รสอื่ มวลชน เพอ่ื นำ�ผลไปปรับปรงุ การส่ือสารให้บรรลผุ ลสมบูรณย์ ่ิงขึ้น 2. จำ�แนกตามภาษาสญั ลักษณ์ทแี่ สดงออก เชน่ 2.1 การส่ือสารเชิงวัจนะ (Verbal Communication) หมายถึงการสื่อสารด้วยการใช้ ภาษาพดู หรือเขยี นเปน็ ค�ำ พดู ในการสือ่ สาร 2.2 การส่ือสารเชิงอวัจนะ (Non-Verbal Communication) หมายถึงการส่ือสารโดย ใช้รหัสสัญญาณอย่างอ่ืน เช่น ภาษาท่าทาง การแสดงออกทางใบหน้า สายตา ตลอดจนถึงนํ้าเสียง ระดบั เสียง ความเร็วในการพูด เป็นต้น 2 แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง ในภาวะวกิ ฤติ
บทที่ 1 แนวคดิ ทฤษฎกี ารสอ่ื สารความเส่ียง 3. จำ�แนกตามจำ�นวนผู้ส่ือสาร กิจกรรมตา่ งๆ ของบุคคลและสังคม ถือว่าเป็นผลมาจากการ สื่อสารทัง้ สิ้น ดงั นัน้ การสื่อสารจงึ มขี อบข่ายครอบคลุมลักษณะการสื่อสารของมนษุ ย์ 3 ลกั ษณะคือ 3.1 การสื่อสารสว่ นบคุ คล (Intrapersonal Communication) 3.2 การสอ่ื สารระหวา่ งบุคคล (Interpersonal Communication) 3.3 การส่ือสารมวลชน (Mass Communication) ทฤษฎี แนวคดิ และแบบจำ�ลองดา้ นการสือ่ สาร 1. แบบจ�ำ ลองดา้ นการส่ือสารของลาสเวลล์ (Harold D. Lasswell) มงุ่ อธิบายกระบวนการสอื่ สาร ความสัมพนั ธ์ขององคป์ ระกอบการสอื่ สาร จากคำ�ถามท่วี ่า ใคร กลา่ วอะไร ผา่ นช่องทางใด กบั ใคร ดว้ ยผลประการใด ผสู้ ่งสาร สาร ส่อื ผรู้ ับสาร ผลการสือ่ สาร (ใคร) (พูดอะไร) (ผา่ นสื่อใด) (กับใคร) (ผลเปน็ อยา่ งไร) เปน็ กระบวนการสอื่ สารแบบงา่ ยๆ ระหวา่ งบคุ คลซงึ่ ตอ้ งกระท�ำ ตอ่ หนา้ และมกี ารคาดหวงั ผลจากการส่อื สารในเวลาเดียวกัน แตไ่ มม่ กี ารตรวจสอบผลสะท้อนกลับ แบบจำ�ลองการสอื่ สารของ ลาสเวลล์ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของทฤษฎกี ารสอื่ สารเชงิ ระบบพฤตกิ รรม และทฤษฎกี ารสอ่ื สารเชงิ พฤตกิ รรม การเขา้ และถอดรหสั เพราะเปน็ การสอ่ื สารทจี่ �ำ เปน็ ตอ้ งมอี งคป์ ระกอบพน้ื ฐานการสอื่ สารครบถว้ น คอื มีผูส้ ่งสาร ผรู้ ับสาร ตัวสาร และช่องทางการสอื่ สาร โดยเนน้ วา่ ในการสอื่ สารนนั้ ผสู้ ง่ สารมเี จตนาทจ่ี ะมอี ทิ ธพิ ลเหนอื ผรู้ บั สาร เชน่ การโนม้ นา้ วใจ การโฆษณาชวนเชื่อ เน่ืองจากลาสเวลล์ ไม่ได้อธิบายถึงสภาพแวดล้อม หรือบริบททางสังคม วา่ มอี ิทธพิ ลต่อการสอ่ื สาร ท�ำ ใหม้ ีผวู้ จิ ารณว์ ่าแบบจ�ำ ลองน้ีวา่ อธบิ ายกระบวนการสอ่ื สารงา่ ยเกินไป เพราะจริงๆ แลว้ การส่ือสารมีความซบั ซอ้ นมากกว่านน้ั โดยเฉพาะในเร่อื งของปฏกิ ิรยิ าสะทอ้ นกลับ (Feedback) ของผรู้ ับสาร แต่อย่างไรก็ดี แบบจำ�ลองที่ลาสเวลล์กล่าวไว้ กลับมีประโยชน์อย่างมากต่อการนำ�ไปใช้ อธิบายโครงสร้าง และแบ่งประเภทของงานวิจัยทางการส่ือสาร โดยการจำ�แนกและวิเคราะห์องค์ ประกอบการสือ่ สาร 5 เร่ืองหรือ 5 ประเภท คอื (1) การวเิ คราะหแ์ หลง่ สาร (Control Studies Analysis) (2) การวิเคราะหเ์ นื้อหาของสาร (Content Analysis) (3) การวเิ คราะหส์ อื่ ท่ีใชเ้ ป็นช่องทางในการส่งสาร (Media Analysis) (4) การวเิ คราะห์ผ้รู ับสาร (Audience Analysis) และ (5) การวิเคราะห์ผลของการสอ่ื สาร (Effect Analysis) 2. ทฤษฏี SMCR ของเบอร์โล (Berio) เดวิด เค. เบอร์โล (David K.Berlo) ได้พัฒนาทฤษฎีท่ีผู้ส่งจะส่งสารอย่างไร และผู้รับ จะรบั แปลความหมาย และมีการโต้ตอบกับสารนนั้ อยา่ งไร ทฤษฏี S M C R ประกอบด้วย กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข 3
บทที่ 1 แนวคิดทฤษฎกี ารสือ่ สารความเสี่ยง 1) ผู้ส่ง (source) ต้องเป็นผู้ท่ีมีทักษะความชำ�นาญในการส่ือสาร โดยมีความสามารถใน “การเขา้ รหสั ” (encode) เนอ้ื หาขา่ วสาร มที ศั นคตทิ ด่ี ตี อ่ ผรู้ บั เพอ่ื ผลในการสอ่ื สารมคี วามรู้ อยา่ งดเี กยี่ วกบั ขอ้ มลู ขา่ วสารทจ่ี ะสง่ และควรจะมคี วามสามารถในการปรบั ระดบั ของขอ้ มลู นนั้ ใหเ้ หมาะสมและงา่ ยตอ่ ระดบั ความรขู้ องผรู้ บั ตลอดจนพน้ื ฐานทางสงั คมและวฒั นธรรม ท่สี อดคล้องกับผ้รู บั ดว้ ย 2) ข้อมูลข่าวสาร (message) เกย่ี วข้องด้านเนอื้ หา สัญลักษณ์ และวธิ กี ารสง่ ขา่ วสาร 3) ช่องทางในการส่ง (channel) หมายถงึ การท่จี ะส่งข่าวสารโดยการให้ผู้รบั ได้รับขา่ วสาร ข้อมูลโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 หรือเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง คือ การได้ยิน การดู การสัมผัส การลม้ิ รส หรือการไดก้ ลนิ่ 4) ผู้รับ (receiver) ต้องเป็นผู้มีทักษะความชำ�นาญในการส่ือสาร โดยมีความสามารถ ใน “การถอดรหัส” (decode) สาร เป็นผู้ที่มีทัศนคติ ระดับความรู้ และพ้ืนฐานทาง สังคมวัฒนธรรม เชน่ เดยี วหรือคล้ายคลงั กนั กบั ผู้สง่ จึงจะทำ�ใหก้ ารสือ่ สารความหมายหรอื การสือ่ สารนน้ั ไดผ้ ล ตามลักษณะของทฤษฏี S M C R มปี ัจจัยท่มี ีความส�ำ คญั ต่อความส�ำ เร็จในการสือ่ สาร ไดแ้ ก่ 1) ทกั ษะในการสอื่ สาร (communication skills) หมายถงึ ทักษะซ่งึ ทงั้ ผูส้ ่งและผู้รับควร จะมคี วามชำ�นาญในการส่งและการรบั สาร เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจกันไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เช่น ผสู้ ง่ ตอ้ งมคี วามสามารถในการเขา้ รหสั สาร หรอื การสง่ สาร เชน่ มกี ารพดู โดยการใชภ้ าษาพดู ทถ่ี กู ตอ้ ง ใชค้ �ำ พดู ทชี่ ดั เจนฟงั งา่ ย หรอื การเขยี นดว้ ยถอ้ ยค�ำ ส�ำ นวนทถี่ กู ตอ้ ง นา่ อา่ น เปน็ ตน้ สว่ นผูร้ บั ต้องมคี วามสามารถในการถอดรหสั และมที ักษะท่ีเหมือนกนั กับผสู้ ่งโดยมีทกั ษะ การฟงั ที่ดี ฟงั ภาษาท่ีผูส้ ง่ พดู มารูเ้ รอ่ื ง หรือสามารถ อ่านขอ้ ความที่ส่งมาได้ เป็นต้น 2) ทศั นคติ (attitudes) เปน็ ทศั นคตขิ องผสู้ ง่ และผรู้ บั ซงึ่ มผี ลตอ่ การสอ่ื สาร ถา้ ผสู้ ง่ และผรู้ บั มีทัศนคติท่ีดีต่อกันจะทำ�ให้การส่ือสารได้ผลดี เพราะทัศนคติหมายรวมถึงการยอมรับ ซ่ึงกันและกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ เช่น ถ้าผู้ฟังมีความนิยมชมชอบในตัวผู้พูดก็มักจะมี ความเหน็ คลอ้ ยตามไปไดง้ า่ ย แตใ่ นทางตรงขา้ ม ถา้ ผฟู้ งั มที ศั นคตไิ มด่ ตี อ่ ผพู้ ดู กจ็ ะฟงั แลว้ ไม่เห็นชอบด้วยและมคี วามเห็นขัดแยง้ ในส่งิ ที่พดู เป็นต้น 3) ระดบั ความรู้ (knowledge levels) ถา้ ผสู้ ง่ และผรู้ บั มรี ะดบั ความรเู้ ทา่ เทยี มกนั กจ็ ะท�ำ ให้ การส่ือสารลลุ ่วงไปด้วยดี แต่ถา้ หากความรู้ของผ้สู ่งและผ้รู ับมีระดบั ที่แตกต่างกันย่อมจะ ต้องมีการปรับปรุงความยากง่ายของข้อมูลที่จะส่ง เช่น ไม่ใช่คำ�ศัพท์ทางวิชาการ ศัพท์ทางการแพทย์ ภาษาต่างประเทศ หรือถ้อยคำ�ยาว ๆ สำ�นวนสลับซับซ้อน เป็นต้น ท้ังนีค้ วรใช้ถอ้ ยค�ำ หรอื ภาษาง่าย ๆ หรอื ใช้ภาษาท้องถิน่ เปน็ ตน้ 4 แนวทางการสอื่ สารความเสี่ยง ในภาวะวกิ ฤติ
บทที่ 1 แนวคดิ ทฤษฎีการส่อื สารความเส่ยี ง 4) ระบบสังคมและวัฒนธรรม (socio - culture systems) ซึ่งในแตล่ ะชาติ แต่ละพน้ื ที่จะ มขี นบธรรมเนียมประเพณีท่ยี ดึ ถือปฏบิ ัติแตกตา่ งกนั เชน่ การใหค้ วามเคารพต่อผอู้ าวุโส หรือ วัฒนธรรมการกนิ อยู่ ฯลฯ ดงั น้ัน ในการติดตอ่ ส่ือสารของบคุ คลตา่ งชาติตา่ งภาษา จะตอ้ งมี การศกึ ษาถงึ กฎข้อบังคับทางศาสนาของแต่ละศาสนาดว้ ย เป็นต้น 3. แบบจำ�ลองการส่ือสารของคล็อด อี. แชนนนั (Claude E.Shannon) และวอรเ์ รนวเี วอร์ (Warren Weaver) คลอ็ ด อ.ี แชนนนั (Claude E.Shannon) และวอร์เรนวีเวอร์ (Warren Weaver) ได้ คิดทฤษฏีการส่ือสารทางเดียวเชิงเส้นตรง ซึ่งการสื่อสารเร่ิมด้วยผู้ส่งซ่ึงเป็นแหล่งข้อมูลทำ�หน้าที่ ส่งเนื้อหาข่าวสารเพื่อส่งไปยังผู้รับ โดยผ่านทางเคร่ืองส่งหรือตัวถ่ายทอดในลักษณะของสัญญาณ ท่ีถูกส่งไปในช่องทางต่าง ๆ กัน แล้วแต่ลักษณะของการส่งสัญญาณแต่ละประเภท เมื่อทางฝ่าย ผู้ได้รับสัญญาณแล้ว สัญญาณท่ีได้รับจะถูกปรับให้เหมาะสมกับเครื่องรับหรือการรับเพ่ือทำ�การ แปลสัญญาณให้เป็นเน้ือหาข่าวสารน้ันอีกครั้งหน่ึงให้ตรงกับท่ีผู้ส่งส่งมาก ในข้ันน้ีเน้ือหาที่รับ จะไปถึงจุดหมายปลายทางคือผู้รับตามท่ีต้องการ แต่ในบางครั้งสัญญาณที่ส่งไปอาจถูกรบกวน หรืออาจมบี างสิง่ บางอยา่ งมาขัดขวางสัญญาณนนั้ ท�ำ ให้สัญญาณทีส่ ง่ ไปกับสญั ญาณที่ได้รบั มคี วาม แตกต่างกัน เป็นเหตุให้เน้ือหาข่าวสารที่ส่งจากแหล่งข้อมูลไปยังจุดหมายปลายทางอาจผิดเพ้ียนไป และเป็นความล้มเหลวของการส่ือสารเนื่องจากที่ส่งไปกับข้อมูลท่ีได้รับไม่ตรงกัน ทำ�ให้เกิดการแปล ความหมายผดิ หรอื ความเขา้ ใจผดิ ในการสอ่ื สารกนั ได้ และอาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ อปุ สรรคของการสอ่ื สาร เน่ืองจากท�ำ ให้การส่ือสารไม่ได้ผลเต็มท่ีถกู ตอ้ งตามท่ีควรจะเปน็ แบบจำ�ลองการส่อื สารทางเดยี วเชิงเสน้ ตรงของแชนนนั และวเี วอร์ ผูส้ ่ง ข่าวสาร เคร่ืองส่ง สัญญาณ ช่องทาง สัญญาณ ผูร้ ับ ขา่ วสาร จดุ หมาย (แหล่งข้อมลู ) Messenger (ตัวถา่ ยทอด) Signal (Channel) ทไ่ี ดร้ ับ (เครอ่ื งรบั ) Messenger ปลายทาง Received Receiver Source Transmitter Signal Destination สิง่ รบกวน (Noise) ที่มา: ที่มาจากหนงั สอื เทคโนโลยีการศึกษาและนวตั กรรมของ กติ านันท์ มลิทอง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 5
บทท่ี 1 แนวคดิ ทฤษฎีการสอ่ื สารความเสย่ี ง 4. แบบจ�ำ ลองการสอื่ สารของชารลส์ อี. ออสกดู (Charles E. Osgood) และ วิลเบอร์ แอล. ชแรมม์ (Wibur L. Schramm) ชารลส์ อ.ี ออสกดู (Charles E. Osgood) และ วลิ เบอร์ แอล. ชแรมม์ (Wibur L. Schramm) ไดส้ รา้ งแบบจ�ำ ลองการสอื่ สารเชงิ วงกลมขน้ึ โดยเนน้ องคป์ ระกอบของการสอื่ สาร และรวมถงึ พฤตกิ รรม ของทง้ั ผสู้ ง่ และผรู้ บั ดว้ ย โดยทแ่ี บบจ�ำ ลองการสอ่ื สารเชงิ วงกลมนจ้ี ะมลี กั ษณะของการสอื่ สารสองทาง ซง่ึ ตรงกนั ขา้ งอยา่ งเหน็ ไดข้ ดั กบั การสอื่ สารทางเดยี วเชงิ เสน้ ตรง ของแชนนนั และวเี วอร์ ขอ้ แตกตา่ งอกี ประการคือในขณะที่ความสนใจของแชนนันและวีวเรอ์อยู่ท่ีช่องทางการติดต่อระหว่างผู้ส่งและผู้รับ แต่ออสกูดและชแรมม์ได้มุ่งพิจารณาและเฉพาะพฤติกรรมของผู้ส่งและผู้รับซ่ึงเป็นผู้ที่มีส่วนสำ�คัญใน กระบวนการส่อื สาร ผูส้ ง่ สาร ขอ้ มลู การสื่อสาร ผ้สู ง่ สาร การแปลความหมาย การแปลความหมาย ผ้รู บั สาร ข้อมลู การสื่อสาร ผู้รบั สาร การส่อื สารเชิงวงกลมของ Schramm และ Osgood ในแบบจำ�ลองนี้จะเห็นได้ว่าออสกูดและชแรมม์มิได้กล่าวถึงตัวถ่ายทอดการสื่อสารเลย แต่ได้เน้นถึงการกระทำ�ของผู้ส่งและผู้รับ ซึ่งทำ�หน้าท่ีอย่างเดียวกันและเปลี่ยนบทบาทกันไปมา ในการเขา้ รหสั สาร การแปลความหมาย และการถอดรหสั สาร อาจกลา่ วไดว้ า่ หนา้ ทใี่ นการเขา้ รหสั นนั้ มีส่วนคลา้ ยคลึงกบั ตวั ถา่ ยทอด และการถอดรหสั กค็ ลา้ ยคลงึ กับการรับของเครอื่ งรบั นน่ั เอง ข.การสอ่ื สารความเส่ียง องค์การอนามัยโลกได้ให้นิยามของการส่ือสารความเสี่ยง ว่าหมายถึง การติดต่อส่ือสาร เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารและความคิดเห็นระหว่างผู้ประเมินความเสี่ยง (risk assessor) ผู้จัดการความเสี่ยง (risk manager) ถึงผู้รับสารหรือผู้ท่ีอยู่ในความเส่ียง เช่น ประชาชน กลุ่ม หรือองค์กรอ่ืนท่ีเก่ียวข้องและสนใจ (stake holder) เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ� การสื่อสารความเส่ียงมีอยู่ในทุกกระบวนการดำ�เนินงานป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ (WHO, 2541) การส่ือสารความเส่ียง คือ กระบวนการหนึ่งในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์ และสาธารณาสุขในการเกิดการระบาดของโรคใดโรคหน่ึง หรือ ภัยสุขภาพท่ีเกิดขึ้น รวมทั้งใน ภาวะภัยพิบัติต่างๆ การสื่อสารความเสี่ยงจะทำ�ให้ประชาชนท่ีอยู่ในภาวะเส่ียงเข้าใจความเส่ียง 6 แนวทางการสอื่ สารความเส่ยี ง ในภาวะวกิ ฤติ
บทที่ 1 แนวคิดทฤษฎีการสื่อสารความเสี่ยง ของตนเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ การสื่อสารความเสี่ยงจะทำ�ให้ผู้ท่ีมีอำ�นาจหน้าท่ี หรือผู้เช่ียวชาญได้รับฟังและเข้าใจความตระหนักของประชาชนและความต้องการประชาชน เพอื่ น�ำ ไปสกู่ ารใหค้ �ำ แนะน�ำ ใหป้ ระชาชนไดถ้ กู ตอ้ งตรงกบั ปญั หา สรา้ งความเชอื่ ถอื เชอ่ื มนั่ และการยอมรบั ประสิทธิภาพของการส่ือสารความเส่ียงจะต้องมีการประเมินต้ังแต่เร่ิมต้นเหตุการณ์และผลท่ีตามมา การจัดการขา่ วลอื การไดร้ บั ข้อผดิ รวมทั้งความทา้ ทายอน่ื ๆ ในภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ส่ิงสำ�คัญอย่างหนึ่งท่ีจะช่วยรักษาชีวิต ของประชาชน คือการส่ือสารความเสี่ยง ประชาชนมีสิทธิท่ีจะรู้ว่า พวกเขาต้องทราบว่าพวกเขา จะปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงต่อสุขภาพและชีวิตอย่างไร และประชาชนต้องได้รับข้อมูล เพ่ือใช้ในการตัดสินใจปฏิบัติเพ่ือปกป้องตนเอง บุคคลที่พวกเขารัก และคนที่อยู่รอบๆ จากภาวะ การเจ็บป่วยและสูญเสียจากความเส่ียง ประสิทธิภาพของการส่ือสารความเส่ียงไม่ใช่เพียงรักษาชีวิต และลดการเจ็บป่วย แต่ยังสามารถลดผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ และนโยบาย ในระหวา่ งภาวะฉกุ เฉนิ นั้นๆ ได้ แนวทางในการส่อื สารความเสยี่ งในภาวะวกิ ฤติขององคก์ ารอนามยั โลก 1. Trust คือ การสรา้ งความเชื่อม่นั หรือความน่าเช่ือถอื ใหก้ บั ผู้ที่เราจะสอ่ื สารความเสี่ยง 2. Announcing early คอื การสอื่ สารความเสยี่ งต้งั แต่ระยะเรม่ิ ต้นเหตุการณ์ 3. Transparency หรอื ข้อมลู ท่สี ื่อสารความเสย่ี งตอ้ งโปรง่ ใส ไมป่ ิดบัง และตรวจสอบได้ 4. The public หรอื การสื่อสารสาธารณะท่ไี มแ่ บง่ ฝ่าย ไม่เลอื กสือ่ สารความเส่ียงเฉพาะกบั คนทีเ่ รารกั 5. Planning หรือ มีการวางแผนการดำ�เนินงาน โดยต้องเตรียมพร้อมข้อความท่ีจะสื่อสาร ออกไป รวมทั้งเตรียมผู้ที่สื่อสารความเส่ียงต้องเป็นผู้ที่มีเครดิตน่าเชื่อถือ และต้องเตรียม ช่องทางที่จะสื่อสารข้อความออกไป เช่น ทางส่ือออนไลน์สมัยใหม่ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และทางการพบปะสาธารณชน (public meeting) เปน็ ต้น แนวคิดการสื่อสารโดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US-CDC, Centers for Disease Control and Prevention, USA) 1. Be first คอื การสือ่ สารความเส่ยี งตัง้ แต่ระยะเร่มิ แรกเหตุการณ์ 2. Be right หรอื ข้อมูลที่สื่อสารความเสย่ี งตอ้ งถกู ตอ้ ง ครบถว้ น 3. Be credible คือ การสร้างความเชื่อมั่น หรือความน่าเชื่อถือให้กับผู้ท่ีเราจะส่ือสาร ความเสีย่ งด้วย 4. Express empathy หรอื แสดงความเหน็ ใจ และรสู้ กึ รว่ มกับเหตกุ ารณ์ 5. Promote action หรือ การใหข้ อ้ มลู ในการปฏิบัติตนสำ�หรับประชาชน 6. Show respect หรือ การยอมรับความเปน็ มนุษยแ์ ละความแตกตา่ งของแต่ละคน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ 7
บทที่ 1 แนวคดิ ทฤษฎกี ารส่อื สารความเสี่ยง ความหมายของการส่อื สารความเสี่ยง ความหมายของการสอ่ื สารความเสยี่ งโดยสรปุ คอื กระบวนการแลกเปลย่ี นขอ มลู และความคดิ เหน็ ระหวางบุคคล กลมุ บุคคล และหนวยงาน สถาบัน โดยมขี อมูลหลากหลายเกีย่ วกับลักษณะของความ เสย่ี ง หรอื การแสดงความคิดเห็น ความวติ กกังวล ปฏิกิริยาตอบสนองตอบของผเู ก่ยี วขอ งตอ ขาวสาร ความเส่ียง หรือขอมูลเกย่ี วกบั กฎหมายและการดําเนนิ การของหนว ยงานในการจดั การความเส่ียง การสอ่ื สารความเสยี่ ง เปน็ องคป์ ระกอบหนง่ึ ในการวเิ คราะหค์ วามเสยี่ ง ในการคมุ้ ครองสขุ ภาพ ประชาชนหรือผู้บริโภค จะใช้หลักการวิเคราะห์ความเส่ียง เพ่ือระบุความเส่ียง ก�ำ หนดมาตรการ บริหารจัดการความเสี่ยงท่ีเหมาะสม โดยมีแนวทางการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม เพ่ือคุ้มครอง สุขภาพประชาชนผู้บริโภคใหไดผลดีท่ีสุดองคประกอบของการวิเคราะหความเสี่ยง (Risk analysis) ไดแ ก การจดั การความเส่ียง (risk management) การประเมินความเสี่ยง (risk assessment) และ การสื่อสารความเส่ียง (risk communication) แตไมไดหมายความวาในกระบวนการวิเคราะหความเส่ียง การส่ือสารความเสี่ยงจะเปน กจิ กรรมสดุ ทา ยในกระบวนการ เพราะการสอื่ สารความเสย่ี ง เปน เรอ่ื งทตี่ อ งดาํ เนนิ การโดยเรว็ ทสี่ ดุ จะดี ทสี่ ดุ เพอื่ สรา งความมนั่ ใจวา ทกุ คนทร่ี ว มอยใู นกระบวนการวเิ คราะหค วามเสยี่ งจะทาํ งานไปในแนวทาง เดียวกัน นอกจากการสื่อสารความเส่ียงจะตองมีข้ึนระหวางผูที่อยูในกระบวนการวิเคราะหความ เส่ียงแลว ประชาชนหรอื กลมุ คนทีเ่ กยี่ วขอ งไมว าโดยตรงหรือโดยออม ไมวา จะเปนผูท อ่ี าจตองไดรบั ความเสี่ยงหรอื ไมก็ตอ งรวมอยูในกลุมทีต่ อ งมีการสื่อสาร ความเสยี่ งดวย การส่ือสารความเส่ียง ควรจะต้องสื่อสารเฉพาะข้อความท่ีเป็นบวก (positive message) เท่านั้น เพราะเม่ือคนกำ�ลังอยู่ในความวิตกกังวล ข้อมูลที่เป็นลบจะกลายเป็นส่ิงท่ีมีนํ้าหนักยิ่งกว่า ข้อมูลที่เปน็ บวกเสมอ นัน่ คือผูค้ นมแี นวโนม้ จะคิดไปในทางลบ หรืออาจจะต้องใชข้ ้อความที่เปน็ บวก ถึง 3 ข้อความจึงจะเทา่ กับขอ้ ความทเ่ี ปน็ ลบเพียง 1 ขอ้ ความ หมายความว่า เราจะตอ้ งใชข้ อ้ ความ บวกถงึ 4 ขอ้ ความเพื่อโตแ้ ย้งขอ้ ความทีเ่ ปน็ ลบ การที่จะเอาชนะความคิดเชิงลบ หรือ ภาพลักษณ์ท่ีเป็นลบ ในการส่ือสารได้น้ันมีกฎว่า อย่าตอกยํ้าความคิดเชิงลบ หรือภาพลักษณ์ท่ีเป็นลบนั้น (repetitive of a negative) น่ันคือ อย่าพูดซํ้าประโยคที่เป็นลบ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาหรือการร้องทุกข์กล่าวโทษ ยิ่งเราตอบโต้ หรือปฏิเสธเท่าไร ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นการไปเสริมมุมลบนั้นให้แรงขึ้น ในการ ส่ือสารความเสี่ยงการตอบคำ�ถามใดๆ ให้หลีกเลี่ยงคำ�พูดเชิงปฏิเสธเหล่านี้ เช่น “ไม่” “ไม่ได้” “ไมส่ ามารถ” “ไม่เคย” “ไม่มี” ฯลฯ (“no” “not” “never” “nothing” “none”) โดยเฉพาะ อย่างย่งิ สำ�หรับคนท่ีกำ�ลงั วิตกกงั วลสงู 8 แนวทางการส่อื สารความเส่ียง ในภาวะวกิ ฤติ
บทที่ 1 แนวคดิ ทฤษฎกี ารสื่อสารความเส่ียง การสอื่ สารความเสย่ี งตอ งเปน กระบวนการเชงิ รกุ ทต่ี อ งครอบคลมุ เขา ถงึ ประชากรหรอื สมาชกิ ของทกุ กลมุ ทเี่ กีย่ วขอ ง และมเี ปา หมายเพือ่ 1) สง เสรมิ ใหผ มู สี ว นรว มมคี วามตระหนกั และเขาใจกระบวนการวเิ คราะหความเสี่ยง 2) สงเสรมิ ใหเกดิ ความโปรง ใสและไมเ บีย่ งเบนในการตัดสินใจจัดการความเสีย่ ง 3) ทาํ ใหเ กดิ ความเขาใจถงึ ทีม่ า หลักการในการตดั สนิ ใจจดั การความเสี่ยง 4) ปรับปรงุ ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของกระบวนการประเมินและจดั การความเส่ยี ง 5) สง เสรมิ ประสิทธภิ าพการทํางานรว มกัน ระหวา งผูทํางาน 6) สง เสรมิ การมีสว นรว มอยางเหมาะสมของผูมีสวนเกีย่ วขอ ง 7) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนขอ มลู ขา วสารระหวางผูมีสวนเกี่ยวของ 10 ค�ำ ถามท่ตี อ้ งตอบ ในการสอ่ื สารความเสย่ี งกับประชาชน 1) ทำ�ไมเราต้องสอ่ื สารความเส่ยี ง? 2) ใครคือกลมุ่ เปา้ หมาย? 3) มปี ระเด็นอะไรบ้างที่กลมุ่ เปา้ หมายอยากร?ู้ 4) มีประเดน็ อะไรบ้างท่เี ราอยากใหก้ ลมุ่ เป้าหมายรู?้ 5) เราจะสื่อสารอย่างไร/ชอ่ งทางการส่ือสาร? 6) เราจะเฝ้าระวัง หรือ รับรสู้ ถานการณไ์ ดอ้ ยา่ งไร? 7) เราจะตอบสนองตอ่ สถานการณต์ ่างๆ อย่างไร? 8) ใครจะเปน็ ผู้ส่ือสาร และจะสือ่ สารเม่ือใด? 9) ปัญหาและอปุ สรรคทอ่ี าจเกิดข้นึ เราจะแก้ไขอย่างไร? 10) เราจะประสบความสำ�เร็จในการสอื่ สารไหม? กลยุทธในการส่ือสารความเสี่ยง แตละเร่ืองจะมีความแตกตางกัน เน่ืองจากความแตกตาง ของกลุม เปาหมายผูเก่ียวของความเส่ียง การรับรูความเสี่ยงของกลุมเปา หมาย ความรุนแรงและ ผลกระทบของอันตรายท่ีเกิดขึ้น แนวทางในการดําเนินการจัดการความเสี่ยงในแตละประเด็น แตโดยหลักการสําคัญท่ีตองคํานึง คือ การวางแผนการสื่อสารความเสี่ยง การเลือกสาระสําคัญ ในการสื่อสาร วิธีการและความถ่ีในการสื่อสาร รวมทั้งผูรับผิดชอบในการส่ือสาร รายละเอียดและ เผยแพรในรูปแบบตาง ๆ อยูใ นบทท่ี 9 ภารกจิ ของการสอื่ สารความเส่ียง การสื่อสารความเสี่ยงครอบคลุมมากกว่าการเผยแพร่ข้อมูล โดยภารกิจหลักของการส่ือสาร ความเสีย่ ง คอื การก�ำ หนดกระบวนการทที่ �ำ ใหม้ ีการแลกเปลีย่ นข้อมูล และความเหน็ ท่ีสำ�คญั ตอ่ การ ประเมนิ ความเสย่ี งอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพระหวา่ งผสู้ นใจทง้ั หมด และมน่ั ใจวา่ ไดร้ วมขอ้ มลู และความเหน็ ทง้ั หมดทจี่ �ำ เปน็ ตอ่ การจดั การทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพไวใ้ นกระบวนการตดั สนิ ใจ และการแลกเปลยี่ นสอื่ สาร ระหวา่ งผสู้ นใจทงั้ หมดอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ดงั นนั้ การสอื่ สารความเสยี่ งนบั วา่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ทไ่ี มส่ ามารถแยก ออกจากกระบวนการประเมินความเส่ียง และการบริหารจัดการความเสี่ยง กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 9
บทที่ 1 แนวคดิ ทฤษฎกี ารส่อื สารความเส่ียง เป้าหมายของการสอ่ื สารความเส่ียง 1) สง่ เสรมิ การรบั รู้ และความเขา้ ใจเรอ่ื งทเี่ ฉพาะเจาะจง เรอ่ื งระหวา่ งการพจิ ารณาหรอื วเิ คราะห์ ความเสยี่ ง 2) สง่ เสรมิ ความสมาํ่ เสมอ และความโปรง่ ใสในการจดั ท�ำ ทางเลอื ก /ขอ้ เสนอแนะในการจดั การ ความเสีย่ ง 3) ปรับปรงุ กระบวนการวเิ คราะหค์ วามเส่ียง โดยรวมใหม้ ปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล 4) เสริมสรา้ งความสัมพันธใ์ นการทำ�งานระหว่างผู้มสี ว่ นร่วม 5) ใหก้ ารสนบั สนนุ ความเขา้ ใจของสาธารณชน เพ่อื เสรมิ ความเช่อื มั่น และม่ันใจ 6) สง่ เสริมความเก่ยี วข้องของผูส้ นใจทง้ั หมดตามความเหมาะสม สาระส�ำ คัญของแผนการสือ่ สารความเส่ยี งโรคและภัยสุขภาพ ประกอบด้วยเนอ้ื หาครอบคลมุ ทง้ั หมด 5 ดา้ น ดงั น้ี ด้านที่ 1 การจดั ระบบหรอื กลไก เพ่ือเตรยี มพรอ้ มรับผลกระทบโรคและภัยสุขภาพ 1) กำ�หนดผู้ประสานงานหลักและทีมงานรับผิดชอบเร่ืองการส่ือสารความเส่ียงโรคและ ภยั สุขภาพ โดยก�ำ หนดบทบาท หน้าที่ และการตอบสนองต่อสถานการณ์ 2) กำ�หนดบุคลกร และปัจจัยเฉพาะที่มีความจำ�เป็นต่อการดำ�เนินงานสื่อสารความเส่ียงโรค และภยั สุขภาพ เชน่ งบประมาณ การสนับสนนุ การให้บริการ สอื่ สง่ิ พิมพต์ ่าง เปน็ ต้น 3) ฝกึ อบรมและเตรยี มพรอ้ มบคุ ลากรทดแทนดา้ นการสอื่ สารความเสยี่ งหรอื บคุ ลากรรบั ผดิ ชอบ งานดา้ นอ่นื ซึ่งอาจเปน็ บคุ ลากรจากสำ�นักวิชาการอ่ืนๆ ในสว่ นกลาง และหรอื หน่วยงาน ของกรมควบคมุ โรคในสว่ นภมู ภิ าค 4) พัฒนาแผนตามสถานการณ์สมมุติ เพื่อฝึกอบรมบุคลากรทางด้านการส่ือสารความเสี่ยง โรคและภยั สุขภาพ 5) ประมาณการผลกระทบจากโรคและภัยสขุ ภาพท่มี ีต่อการดำ�เนินงานสือ่ สารความเส่ยี ง 6) ตดิ ตามขอ้ มลู เกย่ี วกบั โรคและภยั สขุ ภาพ รวมทง้ั การจดั การกรณฉี กุ เฉนิ และมกี ารประสาน เชื่อมโยงกับหนว่ ยงานทเี่ ก่ียวขอ้ ง และอัพเดตข้อมลู อยูเ่ สมอ 7) จดั ทำ�แผนการตดิ ต่อสือ่ สารกรณฉี กุ เฉนิ และมกี ารปรับเปลี่ยนเปน็ ระยะอยา่ งต่อเนอื่ ง 8) ทดสอบความพรอ้ มของแผนและการปฏบิ ตั งิ านตามแผน โดยท�ำ การซอ้ มแผนชนิดบนโตะ๊ หรอื ฝกึ ซ้อมแผนแบบฝกึ ปฏบิ ัตจิ ริง ด้านที่ 2 การจัดสรรทรัพยากร และการประสานงานกับองคก์ รภายนอก 1) จัดหาอปุ กรณ์ ครุภัณฑท์ ่ีจำ�เปน็ ในการตอบโต้ข้อมลู ขา่ วสารโรคและภัยสขุ ภาพ 2) จัดหาเครอ่ื งมอื /ช่องทางการตดิ ตอ่ สือ่ สารระหวา่ งบคุ ลากรและลกู คา้ เช่น โทรศพั ท์ วทิ ยุ ส่อื สาร โทรสาร อินเตอรเ์ น็ต ฯลฯ 3) จัดหน่วยให้คำ�ปรึกษาเก่ียวกับโรคและภัยสุขภาพ และสามารถให้คำ�แนะนำ�เก่ียวกับการ ตอบสนองในกรณีฉกุ เฉนิ ได้ทันท่วงที 4) วางแผนและกำ�หนดรายช่ือหน่วยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 10 แนวทางการสอ่ื สารความเส่ยี ง ในภาวะวิกฤติ
บทท่ี 1 แนวคิดทฤษฎกี ารสอ่ื สารความเสีย่ ง 5) ประสานกับหน่วยงานท่เี ก่ยี วข้อง เพือ่ แลกเปลี่ยนแผนการเตรียมพรอ้ มรับภาวะวิกฤติโรค และภัยสขุ ภาพ โดยมีความเข้าใจในแผนและการตอบสนองร่วมกันและเพื่อความเข้าใจใน ศกั ยภาพและการดำ�เนินงานตามแผนทีก่ �ำ หนด 6) แลกเปลย่ี นแผนปฏิบัตกิ ารตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินกบั หนว่ ยงานท่ีเกีย่ วข้อง ด้านที่ 3 การส่อื สารความเสยี่ งและการใหค้ วามรแู้ ก่ประชาชนและบคุ ลากร 1) จดั หา และพฒั นาสอ่ื เพอ่ื การให้การสอื่ สารความเสีย่ งโรคและภยั สขุ ภาพน้ันๆ 2) สอ่ื สารความเสยี่ ง เพอื่ สรา้ งความตระหนกั ลดความตระหนกและความหวาดวติ กกงั วลของ ประชาชน และบคุ ลากร รวมท้ังจดั การกบั ข่าวลือท่ไี ม่ถูกต้อง 3) การสอื่ สารความเสย่ี งโรคและภยั สขุ ภาพแกป่ ระชาชนและบคุ ลากร โดยใชภ้ าษาทเี่ ขา้ ใจงา่ ย และมีความสอดคล้องกบั ความแตกต่างของบุคคล 4) จดั ท�ำ /จดั หา ชอ่ งทางทใี่ ชใ้ นการสอื่ สารความเสย่ี งโรคและภยั สขุ ภาพ และวธิ กี ารปฏบิ ตั ติ น เพื่อใหป้ ระชาชนและบุคลากรไดร้ บั ทราบข้อมูลทีถ่ ูกต้องและทนั เวลา 5) ก�ำ หนด/จดั หา แหลง่ ขอ้ มลู ทส่ี ามารถใหข้ อ้ มลู ไดอ้ ยา่ งเทยี่ งตรง และฉบั ไว ตลอดจนสถานท่ี ที่สามารถให้บริการด้านการส่ือสารความเส่ียง เพ่ือการป้องกันและควบคุมโรคและ ภัยสุขภาพน้ันๆ ด้านท่ี 4 การเผยแพรข่ ้อมูลเปน็ ภาษาตา่ งประเทศแก่นักทอ่ งเที่ยว และแรงงานตา่ งด้าว ขนั้ ตอนการปฏบิ ัติ : 1) แต่งต้ังท่ีปรึกษาและคณะทำ�งาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรอิสระ รวมท้ังหน่วยงาน ระหว่างประเทศ 2) ร่วมหารือ และประสานความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ/จัดประชุม คณะทปี่ รึกษาและคณะท�ำ งานฯ ในการวางแผนในการผลติ ส่อื ชอ่ งทางการสอ่ื สาร 3) วิเคราะหก์ ลุ่มเปา้ หมายท่เี ปน็ ต่างชาติ ตา่ งด้าว และนักท่องเทยี่ ว ในพ้นื ทร่ี วมไปถึงคนไทย เช้ือสายอ่ืน ๆ เพอ่ื ทราบถึงเชอื้ ชาติ จำ�นวน และพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ 4) ประสานกบั หนว่ ยงานส�ำ นกั งานประชาสมั พนั ธจ์ งั หวดั (สปชส.) และสถานวี ทิ ยกุ ระจายเสยี ง แห่งประเทศไทย (สวท.) ในพ้นื ที่ 5) ดำ�เนินกิจกรรมกับสื่อต่างประเทศ โดยแปลเอกสาร ประสานงานและส่งข่าวให้สื่อต่าง ประเทศ 6) จัดหาล่ามหรอื ผู้ท่มี คี วามเชี่ยวชาญดา้ นภาษาร่วมทีมปฏิบัติการในพื้นที่ 7) ประเมินผลการเผยแพร่ ดา้ นท่ี 5 การประเมินผลการด�ำ เนินงาน โดยใชร้ ะบบการตดิ ตามและประเมนิ ผลปฏบิ ตั ริ าชการ เปน็ กลไกก�ำ กบั ตดิ ตาม และประเมนิ ผล การทำ�งานตามยุทธศาสตร์ในภาครัฐ เพ่ือให้สอดคล้องกับการบูรณาการการดำ�เนินงานตามแผน ยุทธศาสตร์ของหน่วยงานภาครฐั เขา้ กับกระบวนการจดั ทำ�แผนปฏิบตั ิราชการในทุกระดับ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 11
บทท่ี 1 แนวคิดทฤษฎีการส่อื สารความเสย่ี ง แนวทางการส่อื สารความเส่ยี งโรคและภัยสขุ ภาพในแตล่ ะระยะ ระยะก่อนเกิดเหตุ 1. ประเมินความเส่ียงและความรุนแรงท่ีอาจจะเกิดขึ้น (ตามแนวทางการวิเคราะห์ ความเสี่ยงทางสขุ ภาพ) 2 จัดตั้งคณะทำ�งานเพื่อบริหารทรัพยากรท่ีมีอยู่ เช่น คน วัสดุอุปกรณ์ และงบประมาณ ใหส้ ามารถดำ�เนินการสอ่ื สารในภาวะฉุกเฉนิ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 3. จดั ทำ�ขา่ วแจก (Press release) 4. เผยแพรข่ ้อมลู ทางโทรทัศน,์ วิทย,ุ หนงั สอื พมิ พ์, อนิ โฟกราฟิค เปน็ ตน้ 5. จดั กจิ กรรมพเิ ศษ และรณรงค์ (Special event activities & Campaign) 6. ใหข้ อ้ มลู ขา่ วสาร และรบั แจ้งเหตทุ าง call center ทหี่ มายเลข 1422 และ 0 2590 3333 7. ให้บริการข่าวสารทางเวบ็ ไซต์ ระหว่างเกดิ เหตุ ได้แก่ 1. บรหิ ารจดั การด้านการส่อื สารความเส่ยี งในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสขุ 2. จดั เตรียมประเดน็ ขอ้ มลู ข่าวสาร สำ�หรับการแถลงขา่ ว 3. กำ�หนดบุคคลทีเ่ ปน็ โฆษกจงั หวดั สำ�หรับใหข้ ่าว 4. จัดท�ำ ข่าวแจก (Press release) 5. ผลิตและเผยแพร่สอ่ื เผยแพร่ข้อมลู ทางโทรทัศน,์ วิทย,ุ หนังสือพิมพ์ 6. ให้ขอ้ มูลขา่ วสาร และรับแจ้งเหตุทาง call center ท่ีหมายเลข 1422 และ 0 2590 3333 7. บริการขา่ วสารทางเว็บไซต์ ให้สัมภาษณ์ส่ือมวลชน (Press interview) น�ำ ผสู้ ือ่ ขา่ วดูงาน ในพน้ื ท่ี (Study tours) 8. ประสานทีมวทิ ยากร และทป่ี รกึ ษาในกรณนี ำ�เสนอข้อมลู เชิงวิชาการ 9. ประชาสมั พนั ธเ์ คล่อื นทีล่ งชมุ ชนในพืน้ ทีเ่ ส่ยี ง 10. สร้างและพัฒนาเครอื ข่ายประชาสัมพนั ธ์ในระดับชมุ ชน 11. ประชาสมั พนั ธเ์ พอื่ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจแกผ่ เู้ กย่ี วขอ้ ง และผมู้ สี ว่ นส�ำ คญั ตอ่ การปอ้ งกนั ควบคุมโรค ท่เี กดิ กบั ประชาชนและชมุ ชน ระยะหลงั เกดิ เหตุ ได้แก่ 1. วิเคราะห์สถานการณ์ ประเมิน วางแผนสื่อสารประชาสัมพันธ์หลังเกิดเหตุ ได้แก่ การป้องกนั รกั ษา และควบคมุ โรคระบาด รวมทั้งสรปุ บทเรยี น 2. จดั เตรียมประเด็น ขอ้ มูลข่าวสาร ส�ำ หรบั การแถลงข่าว 3. จดั แถลงขา่ วสื่อมวลชน (Press conference) 4. ใหส้ ัมภาษณส์ ่อื มวลชน (Press interview) 5. ให้บริการข่าวสารทางเว็บไซต์ 6. ผลติ และเผยแพร่สอื่ 12 แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง ในภาวะวิกฤติ
บทที่ 1 แนวคดิ ทฤษฎีการสือ่ สารความเสยี่ ง อปุ สรรคทีม่ ีต่อการส่ือสารความเสยี่ ง 1) การเลือกในการสื่อสารความเส่ียง ในการสื่อสารมนุษย์ก็มักจะเลือกในส่ิงท่ีตนสนใจมาก เป็นอันดับแรกซึ่งความสนใจของคนแต่ละคนน้ันมีความแตกต่างกันอยู่ ข้ึนอยู่ว่าคนๆ นั้นจะ เลือกสนใจในส่งิ ไหน 2) การมีความหมายไม่ตรงกัน การมีความหมายไม่ตรงกันก็เป็นส่วนหนึ่งท่ีทำ�ให้เกิดอุปสรรค การส่ือสารไดอ้ ันเน่ืองมาจากความตา่ งของภาษานัน้ ในบางสถานท่ีก็มกั ใช้คำ�แบบเดียวกนั แต่ ดว้ ยความหมายกอ็ าจจะต่างกัน จนทำ�ใหก้ ารสอื่ สารมีความเขา้ ใจคลาดเคล่ือนได ้ 3) ความสับสนระหว่างความรู้สึกกับความจริง โดยจะใช้ความรู้สึกว่ามันจะเป็นเช่นน้ี แต่กับ ความเป็นจริงแล้วไมไ่ ดเ้ ป็นเช่นน้ัน จนทำ�ใหเ้ กดิ การสับสนในการส่อื สารได้ 4) การไมเ่ ปลย่ี นแปลงความคดิ เห็น ย่อมใชค้ วามคดิ เห็นทเี่ ปน็ ความคิดเห็นของตนเองเปน็ หลัก โดยไม่ไดอ้ งิ ความคิดเหน็ ของผูอ้ น่ื กม็ กั จะมกี ารขัดแยง้ กันในด้านความคิด 5) การมองไม่เหน็ ความแตกต่าง 6) การมีความคิดแบบสุดโตง่ 7) การมคี วามคิดวา่ รูห้ มด ปจั จัยความส�ำ เรจ็ ของการสื่อสารความเสีย่ ง 1. ผบู้ รหิ าร เขา้ ใจระบบงานสอ่ื สารความเสยี่ ง ใหก้ ารสนบั สนนุ ทางดา้ นนโยบายและงบประมาณ รวมท้ังให้ขวัญกำ�ลงั ใจผปู้ ฏิบัติงาน 2. ผูป้ ฏิบตั งิ าน เปน็ ผทู้ ่ีมปี ระสบการณ์ รกั และทุ่มเทกับงาน รวมทงั้ ตอ้ งพฒั นาตนเองและพัฒนา เสมอ 3. เครือขา่ ยและสื่อมวลชน ให้ความรว่ มมือในการเสนอข่าว และเสนอขา่ วตามขอ้ เท็จจริง กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 13
บทที่ 2 การสอ่ื สารความเสยี่ ง ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ กรมควบคุมโรคมีภารกิจในการส่งเสริมกระบวนการประสานความร่วมมือกับเครือข่าย ภายในและระหว่างประเทศในการผลิตและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ องค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร เครื่องมือ กฎหมายการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ รวมทั้งการบริการเฉพาะที่ได้มาตรฐาน สากล ส่งเสริม สนับสนุน ถ่ายทอด แลกเปล่ียนความรู้ให้เครือข่ายและประชาชน ผลักดัน และติดตามการบังคับใช้กฎหมายท่ีจำ�เป็นต่อการปกป้องประชาชนจากโรคและภัยสุขภาพ เตรียมความพร้อมในการจัดการภาวะคุกคามและภัยสุขภาพใหม่ๆ ได้ทันการณ์ พัฒนาและประเมิน ศกั ยภาพระบบ กลไกของเครอื ขา่ ยการดำ�เนนิ งานเฝ้าระวงั ปอ้ งกนั ควบคุมโรคและภยั สขุ ภาพ รวม ทั้งกรมควบคุมโรคได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุขให้เตรียมการและดำ�เนินการป้องกัน ควบคุมโรคตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulation-IHR 2005) การสื่อสารความเสี่ยงโรคและภัยสุขภาพเป็นหนึ่งการดำ�เนินงานท่ีอยู่ใน 8 สมรรถนะหลัก (8 core capacities) กฎอนามยั ระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 (International Health Regulations 2005: IHR) เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศท่ีเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรอื WHO) โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคทอ่ี าจมผี ลกระทบตอ่ การเดนิ ทาง และการค้าขายระหวา่ งประเทศ กฎอนามัยระหวา่ งประเทศฉบับแรกเรม่ิ ตง้ั แต่ ปี พ.ศ.2512 (1969) ต่อมากฎหมายอนามัยฉบับแรกนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในปัจจุบัน และ จากการที่มีบางประเทศใช้ปัญหาโรคติดต่อระหว่างประเทศเป็นข้อกีดกันทางการค้า การปกปิด ข้อมูล การใช้มาตรการที่รุนแรงเกินจำ�เป็น เช่น การกักตัว การห้ามเข้าประเทศ การเลือกปฏิบัติ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล องค์การอนามัยโลกจึงได้ร่วมกับประเทศสมาชิกจัดทำ�กฎอนามัยระหว่าง ประเทศฉบับใหม่ขึ้นมา เพื่อให้สามารถตรวจจับการระบาดของโรคหรือภัยคุกคามด้านสาธารณสุข วางมาตรการป้องกันควบคุมโรค และลดผลกระทบต่อการเดินทาง/ขนส่ง ระหว่างประเทศ โดย ได้ผ่านการรับรองจากสมาชิกทุกประเทศ ในท่ีประชุมสมัชชาอนามัยโลก เม่ือเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 (2005) กฎอนามยั ระหว่างประเทศฉบบั ใหม่นี้ มีผลบงั คับใช้ตัง้ แต่วนั ที่ 15 มถิ ุนายน พ.ศ. 2550 เปน็ ต้นไป ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) ประเทศสมาชิกและองค์การ อนามัยโลกจะต้องพัฒนาสร้างความเข้มแข็ง และรักษาระดับความสามารถในการตรวจจับ ประเมิน แจ้งความและได้กำ�หนดเกี่ยวกับการรับรอง ความถูกต้องของข้อมูล พร้อมทั้ง ข้อพึงปฏิบัติต่างๆ สำ�หรับประเทศสมาชิกและองค์การอนามัยโลก หากเกิดหรืออาจเกิด ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergencies of International Concern หรือ PHEIC) ท้ังน้ีประเทศต่างๆ จะต้องพัฒนาสมรรถนะหลักของประเทศ 14 แนวทางการส่ือสารความเสี่ยง ในภาวะวิกฤติ
บทที่ 2 การส่ือสารความเส่ียง ตามกฎอนามัยระหวา่ งประเทศ ในการดำ�เนินการเฝ้าระวังและแก้ไขสถานการณ์ รวมท้ังพัฒนาสมรรถนะของท่าอากาศยาน ท่าเรือ และจุดผ่านแดนทางบกต่างๆ เพื่อเป็นการประกันความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข ทง้ั ในระดบั ชาติระดบั ภมู ภิ าค และระดบั โลก ซึง่ จะครอบคลุมการเฝ้าระวังและการแก้ไขภาวะฉุกเฉิน ท้ังทางด้านโรคติดเช้ือ โรคที่เก่ียวกับกัมมันตภาพรังสี สารเคมี และอาหาร ท่ีเกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งเป็นอันตราย หรืออาจเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขในประเทศหรือระหว่างประเทศ โดยมีก�ำ หนดเวลาไม่เกิน 5 ปี นบั จากวันทก่ี ฎอนามัยฉบับน้ีมีผลบงั คับใช้ สาระส�ำ คญั ของกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ ประกอบไปดว้ ย 1. วัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคและการควบคุมโรคท่ีอาจเกิดจาก ภัยสุขภาพและการเดินทางข้ามประเทศ (ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศหมายถึงนี้) โรคหรือ ภัยสุขภาพที่เกิดจากผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของมนุษย์และชีวภาพ (พืชสัตว์, แบคทีเรีย, สารเคมี, หรือรังสี) โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (International traffic and trade) ซงึ่ ตอ้ งไม่ละเมดิ สิทธมิ นุษยชนและอำ�นาจอธปิ ไตยของแตล่ ะประเทศ 2. ผู้ดำ�เนินการ ประเทศสมาชิกจะดำ�เนินการผ่านจุดประสานงานกฎอนามัยระดับชาติ (National IHR Focal Point) ซ่ึงสำ�หรับประเทศไทยได้มีการมอบหมายให้สำ�นักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทำ�หน้าท่ีเปน็ จุดประสานงานกฎอนามัยระดับชาติ 3. โรคและภัยสขุ ภาพท่ีเขา้ เกณฑต์ ามแนวทางทก่ี ำ�หนด - โรคติดตอ่ ทปี่ ระเทศภาคตี ้องแจง้ ตอ่ องคก์ ารอนามัยโลก แม้จะมีผปู้ ่วยเพียงรายเดียว ภายใน 24 ช่ัวโมง และต้องรีบดำ�เนินการควบคุมป้องกันโรคทันทีท่ีทราบว่า มกี ารระบาด ไดแ้ ก่ โรคฝดี าษ (Smallpox) โปลโิ อ (Polio) ซารส์ (SARS) และไขห้ วดั ใหญ ่ (ในคน) ทเ่ี ปน็ เชอื้ ไวรสั สายพนั ธใ์ุ หม ่ (Human influenza caused by a new subtype) - โรคที่ต้องแจ้งองค์การอนามัยโลก เมื่อมีความรุนแรงหรือเกิดการระบาดที่จะกระทบ ประเทศอนื่ ไดแ้ ก่อหวิ าตกโรค (Cholera), กาฬโรคปอด(Pneumonicplague), ไขเ้ หลอื ง (Yellow fever), ไข้เลือดออกต่าง ๆ Viral hemorrhagic fevers (Ebola, Lassa, Marburg), West Nile Fever และโรคอ่นื ๆ ที่ประชาคมโลกห่วงกงั วล เช่น Dengue fever, Rift valley fever และ Meningococcal disease เป็นต้น 4. การรายงาน หากเกดิ การระบาดของโรค ประเทศสมาชกิ ตอ้ งรายงานองคก์ ารอนามยั โลก ภายใน 24 ชั่วโมง และองค์การอนามัยโลกสามารถใช้ข้อมูลการเกิดโรคจากแหล่งข้อมูลอื่นท่ีไม่ใช่ ของประเทศนั้น ตรวจสอบกับประเทศสมาชิก เพื่อยืนยัน และประเทศสมาชิกต้องจัดการควบคุม ปอ้ งกนั โรค และองคก์ ารอนามยั โลกจะสง่ ทมี ผเู้ ชย่ี วชาญเขา้ ไปชว่ ยเหลอื เมอื่ มกี ารรอ้ งขอจากประเทศ นน้ั ๆ 5. การพัฒนาปรับปรุงระบบและการเฝ้าระวังควบคุมโรค ให้สามารถตรวจจับประเมิน รายงาน และควบคุมโรคภัยสุขภาพ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงระดับประเทศ พัฒนามาตรการการ ป้องกันและควบคุมโรค ณ ชอ่ งทางเขา้ ออกระหวา่ งประเทศ โดยใหม้ คี วามพร้อมภายในกำ�หนดระยะ เวลาไม่เกนิ 5 ปี หลงั จากรบั รองกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 15
บทท่ี 2 การส่อื สารความเสย่ี ง ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ 6. จดั คณะท�ำ งาน ต้องจัดใหม้ คี ณะผู้เช่ยี วชาญ 2 คณะ คือ Review Committee มีหนา้ ที่ ทบทวนรา่ งกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ และ Emergency Committee มหี นา้ ทพ่ี จิ ารณาภาวะฉกุ เฉนิ ทางดา้ นสาธารณสขุ และให้ข้อเสนอแนะตอ่ องค์การอนามยั โลก 7. ดา้ นมาตรฐานสาธารณสขุ ทดี่ า่ นเขา้ ออกระหวา่ งประเทศ ใหม้ กี ารพฒั นามาตรฐานงาน ควบคุมโรคตดิ ต่อระหว่างประเทศ ณ ชอ่ งทางการเขา้ ออกระหวา่ งประเทศ เหตกุ ารณฉ์ กุ เฉนิ ดา้ นสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ หมายถงึ เหตกุ ารณฉ์ กุ เฉนิ ดา้ นสาธารณสขุ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสย่ี งตอ่ ประเทศอนื่ ๆ จากการแพรร่ ะบาดระหวา่ งประเทศและตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื จากนานาประเทศในการรับมือกับเหตกุ ารณ์นัน้ โดยต้องเข้ากบั เงอื่ นไขอยา่ งน้อย 2 ใน 4 ขอ้ ต่อไปน ี้ (1) เป็นเหตุการณ์ทม่ี ผี ลกระทบด้านสาธารณสุขทร่ี นุ แรง (2) เปน็ เหตกุ ารณ์ทีผ่ ดิ ปกติหรอื ไม่คาดคิดมาก่อน (3) มคี วามเสี่ยงสงู ที่จะแพร่ระบาดข้ามประเทศได้ และ (4) มีความเสยี่ งสงู ที่จะต้องจำ�กัดการเดนิ ทางหรือการคา้ ระหว่างประเทศ ตามบรบิ ทของ IHR ภาวะฉกุ เฉนิ ดา้ นสาธารณสุข อาจเกิดจากภาวะอันตราย (Hazard) ต่างๆ ดังน้ี (1) โรคติดเช้อื (2) โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งสตั ว์และคน (3) อาหารปลอดภัย (4) สารเคมี และ (5) กัมมันตรงั สีและนิวเคลยี ร์ สมรรถนะหลัก (Core Capacity) ของประเทศในการปฏิบัติงานตามกฎอนามัยระหว่าง ประเทศ พ.ศ. 2548 ไดแ้ ก่ 1. การดำ�เนินงานดา้ นกฎหมายและนโยบาย (Legislation and policy) 2. กลไกประสานความร่วมมือ (Coordination) 3. การเฝ้าระวังทางระบาดวทิ ยา (Surveillance) 4. การตอบโตภ้ าวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Response) 5. การเตรียมความพร้อมในการรองรบั ภยั ฉุกเฉนิ ด้านสาธารณสขุ (Preparedness) 6. การสื่อสารความเสีย่ ง (Risk communication) 7. การพฒั นาบคุ ลากร (Human resources) 8. การพฒั นาด้านห้องปฏบิ ัตกิ าร (Laboratory) 16 แนวทางการสอ่ื สารความเส่ียง ในภาวะวิกฤติ
บทท่ี 2 การสอื่ สารความเสีย่ ง ตามกฎอนามยั ระหว่างประเทศ การสอ่ื สารความเส่ียงโรคและภัยสุขภาพตามกฎอนามยั โลก พ.ศ. 2548 คอื การใหข้ ้อมูลโรค และภัยสุขภาพท่ีรวดเร็ว และทันเวลา ทันต่อสถานการณ์แก่ประชาชน โดยเฉพาะโรคระบาดต่างๆ ซง่ึ นอกจากจะค�ำ นงึ ถงึ โรคและภยั สขุ ภาพแลว้ จะตอ้ งค�ำ นงึ ถงึ ผลกระทบจากโรคและภยั สขุ ภาพเหลา่ นั้นที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ท้ังผลกระทบต่อสังคม ศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม นโยบาย และเศรษฐกิจทั้งต่อประชาชนเองและประเทศชาติ รวมท้ังต้องรับฟังประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบ การสอื่ สารความเสยี่ งเปน็ กลวธิ หี นงึ่ ในการสอื่ สารและประชาสมั พนั ธ์ เพอื่ ใหป้ ระชาชนเกดิ พฤตกิ รรม ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรค ผา่ นกระบวนการทางสงั คม ซง่ึ เราสามารถสอื่ สารความเสยี่ งไปยงั ประชาชน แตล่ ะคน หรอื ผา่ นทางครอบครวั หรอื ชมุ ชน พวกเขากไ็ ด้ ทส่ี �ำ คญั ตอ้ งผา่ นชอ่ งทางตา่ งๆ ทเี่ หมาะสม เครอื ขา่ ยและผทู้ มี่ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ของการสอ่ื สารความเสยี่ งโรคและภยั สขุ ภาพ ตามกฎอนามยั ระหวา่ ง ประเทศ ต้องมกี ารกำ�หนด ตอ้ งมกี ารประสานงาน และร่วมด�ำ เนนิ การสอ่ื สารความเสย่ี ง นอกจากนี้ การได้รบั สนบั สนุนทางด้านนโยบาย และการเมอื ง โดยผู้ที่มอี �ำ นาจ กจ็ ะนำ�มาสู่การสือ่ สารความเส่ยี ง ทโ่ี ปรง่ ใส ทันเวลา และทันสถานการณ์ สาระสำ�คญั ของแผนการสอ่ื สารความเส่ียงโรคและภัยสขุ ภาพ ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ ประกอบดว้ ยเนอ้ื หาครอบคลุมทัง้ หมด 5 ดา้ น ดงั นี้ ดา้ นที่ 1 การจดั ระบบหรือกลไก เพอ่ื เตรยี มพร้อมรับผลกระทบโรคและภัยสุขภาพ 1) กำ�หนดผู้ประสานงานหลักและทีมงานรับผิดชอบเร่ืองการสื่อสารความเส่ียงโรคและ ภยั สขุ ภาพ ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ โดยก�ำ หนดบทบาท หนา้ ท่ี และการตอบสนอง ต่อสถานการณ์ 2) กำ�หนดบุคลกร และปัจจัยเฉพาะท่ีมีความจำ�เป็นต่อการดำ�เนินงานส่ือสารความเส่ียงโรค และภยั สุขภาพ เชน่ งบประมาณ การสนับสนุน การให้บริการ สอ่ื สงิ่ พมิ พต์ า่ ง เป็นตน้ 3) ฝกึ อบรมและเตรยี มพรอ้ มบคุ ลากรทดแทนดา้ นการสอ่ื สารความเสยี่ งหรอื บคุ ลากรรบั ผดิ ชอบ งานดา้ นอ่ืน ซ่งึ อาจเป็นบคุ ลากรจากสำ�นักวิชาการอ่ืนๆ ในส่วนกลาง และหรอื หน่วยงาน ของกรมควบคมุ โรคในสว่ นภูมิภาค 4) พัฒนาแผนตามสถานการณ์สมมุติ เพ่ือฝึกอบรมบุคลากรทางด้านการส่ือสารความเสี่ยง โรคและภัยสุขภาพ 5) วเิ คราะหผ์ ลกระทบจากโรคและภัยสุขภาพที่มีต่อการด�ำ เนินงานสือ่ สารความเส่ยี ง 6) ตดิ ตามขอ้ มลู เกย่ี วกบั โรคและภยั สขุ ภาพ รวมทงั้ การจดั การกรณฉี กุ เฉนิ และมกี ารประสาน เชื่อมโยงกับหน่วยงานทีเ่ กีย่ วขอ้ ง และอพั เดตข้อมูลอยู่เสมอ 7) จัดทำ�แผนการตดิ ตอ่ สื่อสารกรณีฉุกเฉิน และมกี ารปรบั เปล่ยี นเปน็ ระยะอย่างตอ่ เน่อื ง 8) ทดสอบความพร้อมของแผนและการปฏิบตั งิ านตามแผน โดยทำ�การซอ้ มแผนชนดิ บนโต๊ะ หรอื ฝกึ ซ้อมแผนแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิจริง กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข 17
บทที่ 2 การส่อื สารความเส่ียง ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ ด้านท่ี 2 การส่ือสาร ประสานงาน และบรู ณาการการด�ำ เนินงาน ทง้ั ในองค์กรและเครอื ขา่ ย 1) มีกลไกการสือ่ สาร ประสานงาน และบรู ณาการการด�ำ เนินงานทัง้ ในองค์กรและเครือขา่ ย ทั้งไม่เป็นทางการหรืออย่างเป็นทางการที่จะประสานงาน การส่ือสารภายในองค์กร ในระหว่างภาวะฉกุ เฉิน 2) มีการพัฒนาแผนการสื่อสารอย่างสมํ่าเสมอร่วมกับพันธมิตร/เครือข่ายภายนอก และผู้มี ส่วนได้สว่ นเสีย 3) มีการประสานงบประมาณสำ�หรับการตอบโต้ด้านสื่อสารกับพันธมิตร/เครือข่ายภายนอก และผ้มู สี ่วนได้ส่วนเสยี 4) องคก์ รมกี ารด�ำ เนนิ การทดสอบแบบฝกึ หดั การประสานงานการสอ่ื สารกบั องคก์ รพนั ธมติ ร/ เครอื ขา่ ย หรอื มกี ารตอบสนอง/ตอบโต้ ในภาวะฉกุ เฉนิ จรงิ ซงึ่ เปน็ การทดสอบการประสาน งานการสื่อสารกบั องคก์ รพนั ธมิตร/เครือขา่ ย 5) จดั หาอุปกรณ์ ครภุ ัณฑท์ ี่จ�ำ เปน็ ในการตอบโต้ข้อมลู ขา่ วสารโรคและภยั สุขภาพ 6) จัดหาเคร่อื งมือ/ช่องทางการติดตอ่ สือ่ สารระหวา่ งบุคลากรและลกู คา้ เชน่ โทรศพั ท์ วทิ ยุ สื่อสาร โทรสาร อนิ เตอร์เน็ต ฯลฯ 7) จัดหน่วยให้คำ�ปรึกษาเก่ียวกับโรคและภัยสุขภาพ และสามารถให้คำ�แนะนำ�เกี่ยวกับ การตอบสนองในกรณฉี ุกเฉินได้ทันทว่ งที ด้านท่ี 3 การสื่อสารความเสยี่ ง และการให้ความรู้แกป่ ระชาชนและบคุ ลากร 1) มีการดำ�เนินการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายผู้รับ เพ่ือที่จะเข้าใจภาษาของผู้รับได้ดีข้ึน ความเชอ่ื ถอื ในแหลง่ ขอ้ มลู และช่องทางการสื่อสารท่แี นะน�ำ 2) จดั หา และพฒั นาสอื่ เพอ่ื การใหก้ ารสอื่ สารความเสย่ี งโรคและภยั สขุ ภาพ ทเี่ ขา้ ใจงา่ ย และ มคี วามสอดคลอ้ งกับความแตกต่างของบคุ คล 3) จดั ท�ำ /จดั หาชอ่ งทางทใ่ี ชใ้ นการสอื่ สารความเสยี่ งโรคและภยั สขุ ภาพนนั้ ๆ และวธิ กี ารปฏบิ ตั ติ น เพื่อให้ประชาชนและบุคลากรได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลา เพ่ือเพ่ิม ความตระหนกั ลดความตน่ื ตระหนก และความหวาดวติ กกงั วลของประชาชน และบคุ ลากร รวมทั้งจดั การกบั ข่าวลือทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง 4) ก�ำ หนด/จดั หา แหลง่ ขอ้ มลู ทส่ี ามารถใหข้ อ้ มลู ไดอ้ ยา่ งเทย่ี งตรง และฉบั ไว ตลอดจนสถานที่ ท่ีสามารถให้บริการด้านการส่ือสารความเส่ียง เพ่ือการป้องกันและควบคุมโรคและ ภยั สขุ ภาพนัน้ ๆ 5) มีทีมส่อื สารท่ีมีความทมุ่ เทในการเผยแพรส่ ือ่ และส่อื สังคม (Social media) 6) มกี ารก�ำ หนดและฝกึ อบรมโฆษกสาธารณะ 7) องค์กรมยี ทุ ธศาสตร์การสอื่ สารในเชิงรุกออกไปในสอื่ ทห่ี ลากหลาย เช่น หนงั สือพมิ พ์ วิทยุ โทรทัศน์ ส่ือสังคม (Social media) เว็บไซต์ ในการกำ�หนดเป้าหมายของข้อความการ สือ่ สาร เพอ่ื กลุ่มผรู้ ับทเ่ี ฉพาะเจาะจง 18 แนวทางการส่ือสารความเสย่ี ง ในภาวะวกิ ฤติ
บทที่ 2 การส่ือสารความเสี่ยง ตามกฎอนามยั ระหว่างประเทศ 8) มีการดำ�เนินงานประเมินสื่อความรู้ การรับรู้ประชาชน เพื่อกำ�หนดการเข้าถึงข้อความ ระหว่างสมาชกิ กลุม่ เปา้ หมายผรู้ บั 9) มีการสนับสนุนฐานข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการสื่อสารความเส่ียงท่ีดีท่ีสุดให้กับ กลมุ่ เปา้ หมายเพือ่ การเปลี่ยนพฤติกรรมในระหวา่ งภาวะฉกุ เฉิน 10) มีการแบ่งปันประสบการณ์และกลยุทธ์ใหม่ๆ กับองค์กรพันธมิตรในการปรับปรุง การตอบโต้ผา่ นทางการสอ่ื สารอย่างสมํ่าเสมอ ด้านท่ี 4 การสรา้ งการมีส่วนรว่ มในชมุ ชน 1) มีการขับเคล่ือนทางสังคม การส่งเสริมสุขภาพ หรือการมีส่วนร่วมของชุมชน หรือ การท�ำ งานเปน็ กลุ่ม ที่ใช้ในการสอ่ื สาร เพอ่ื การตอบโตใ้ นระหว่างภาวะฉุกเฉิน 2) มีการขับเคล่ือนทางสังคม การส่งเสริมสุขภาพ หรือการมีส่วนร่วมของชุมชน หรือ การทำ�งานเป็นกลุ่ม ในการทำ�งานอย่างสม่ําเสมอกับหน่วยงานด้านส่ือ หรือ บุคคลนอก หนว่ ยงาน ทั้งในภาวะปกติ และภาวะฉกุ เฉิน 3) มกี ารวางแผนงาน และด�ำ เนนิ งานงานตามแผนการขบั เคลอ่ื นทางสงั คม การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ หรอื การมสี ่วนร่วมของชุมชน หรือ การทำ�งานเป็นกลมุ่ รว่ มกันของหน่วยงานที่เก่ยี วขอ้ ง 4) มีการแบ่งปันข้อมูลหรือโอกาสในการฝึกอบรมระหว่างผู้เช่ียวชาญด้านการมีส่วนร่วมกับ ชมุ ชนทมี่ ปี ระสบการณแ์ ละอาสาสมคั ร หรอื การส�ำ รองก�ำ ลงั คนทสี่ ามารถท�ำ ไดใ้ นระหวา่ ง ภาวะฉุกเฉนิ 5) มีความต่อเน่ืองและผลการทำ�งานการทำ�งานตอบกลับเป็นวงจรระหว่างพ้ืนท่ีเสี่ยง หรือ ประชากรกลุ่มเส่ียงและหนว่ ยงานตอบโต้ ด้านท่ี 5 การเฝา้ ระวงั และตอบโตข้ า่ งลอื และขอ้ เขา้ ใจผิดของสงั คม 1) มีผู้รับผิดชอบ/หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการเฝ้าระวังและตอบโต้ข้อมูลข่าวสารเชิงลบ ข่าวลือ และขอ้ เขา้ ใจผิด 2) มกี ารคดั กรองขา่ วลอื เกย่ี วกบั ประเดน็ การแพทยแ์ ละสาธารณสุข (สุขภาพของวยั ทำ�งาน , ขอ้ มลู จากสายด่วน เป็นต้น) 3) โดยใชร้ ะบบการตดิ ตามและประเมนิ ผลปฏบิ ตั ริ าชการ เปน็ กลไกก�ำ กบั ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการท�ำ งานตามยทุ ธศาสตรใ์ นภาครฐั เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การบรู ณาการการด�ำ เนนิ งาน ตามแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยงานภาครัฐ เข้ากับกระบวนการจัดทำ�แผนปฏิบัติราชการ ในทกุ ระดับ 4) มีการจัดเก็บข่าวลือและข้อมูลท่ีผิดพลาดอย่างสมํ่าเสมอ มีวิธีการแบ่งปันข้อความท่ีมีอยู่ กบั พันธมิตร/เครือข่าย ทจ่ี ะทำ�ให้มัน่ ใจในข้อความดังกล่าว 5) มีการประเมินผลการส่ือสารตอบโต้และความสามารถในการรู้ท่ีมาของข่าวลือและข้อมูล ที่ผิดพลาดเพ่ือกำ�หนดการทำ�งานในการปรับเปล่ียนพฤติกรรม และ/หรือ หยุดการแพร่ กระจายของขา่ วลอื กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข 19
บทท่ี 2 การสือ่ สารความเสีย่ ง ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ หนว่ ยงานรับผิดชอบหลัก กลุม่ เฝา้ ระวงั ตอบโต้ส่ือ และภาพลกั ษณ์ สำ�นกั ส่ือสารความเสย่ี งและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ หน่วยงานสนับสนนุ - กลมุ่ อ่นื ๆ ในสงั กัดสำ�นกั สอื่ สารความเส่ยี งและพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ - กลมุ่ สอ่ื สารความเสย่ี ง ส�ำ นกั วชิ าการสว่ นกลาง เชน่ ส�ำ นกั ระบาดวทิ ยา ส�ำ นกั โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ส�ำ นักโรคติดต่อทัว่ ไป เป็นตน้ - กล่มุ สื่อสารความเสย่ี ง หรือ กลมุ่ ภาคีเครอื ขา่ ย สำ�นักงานปอ้ งกนั ควบคมุ โรคท่ี 1 - 12, สปคม. - งานสอ่ื สารความเส่ียง/ประชาสมั พนั ธ์ กรมต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข - เครือข่ายสอ่ื มวลชน และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นตน้ 20 แนวทางการสื่อสารความเส่ียง ในภาวะวกิ ฤติ
บทท่ี 3 การสือ่ สารความเสีย่ ง ตาม พ.ร.บ. โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นชอบต่อ ร่าง และแผนปฏิบัติการ ในการเฝ้าระวงั ปอ้ งกันและควบคมุ โรคติดตอ่ จำ�นวน 30 แผนปฏบิ ัติการ ตามทีค่ ณะอนุกรรมการ ด้านนโยบายและแผนปฏิบัติการ ได้ดำ�เนินการจัดทำ�แผนปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุม โรคตดิ ต่อหรอื โรคระบาดขึ้น เพอ่ื ให้หน่วยงานของรฐั คณะกรรมการ (คกก.) โรคติดต่อจังหวัด และ คกก.โรคตดิ ต่อกรงุ เทพมหานคร ดำ�เนนิ การตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 ที่ ได้ประกาศใช้แทนฉบับเก่า พ.ศ.2523 ที่ใช้มานานกว่า 30 ปี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2559 โดย พ.ร.บ.ฉบับใหม่น้ี ไดป้ รบั ปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจบุ นั ที่เกดิ การแพร่ กระจายของโรคตดิ ตอ่ รนุ แรงตลอดหลายสิบปีทีผ่ า่ นมา ทงั้ โรคติดต่ออบุ ตั ใิ หม่ เชน่ โรคติดเชอ้ื ระบบ ทางเดนิ หายใจตะวนั ออกกลาง หรอื โรคเมอรส์ โรคไขห้ วดั นก โรคซารส์ โรคไขห้ วดั ใหญส่ ายพนั ธุ์ 2009 โรคตดิ เชอื้ ไวรสั ซกิ า และโรคอบุ ตั ซิ าํ้ เชน่ วณั โรค มาลาเรยี ไขเ้ ลอื ดออก เปน็ ตน้ โดยจะน�ำ แผนปฏบิ ตั กิ าร ดังกล่าว เสนอครม.พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบต่อไป แผนปฏิบัติการประกอบด้วยวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าประสงค์ นโยบาย และยุทธศาสตร์ การปอ้ งกนั ควบคมุ โรคติดต่อ 4 ยุทธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 การพัฒนาระบบการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อให้มีประสิทธิภาพและ เปน็ ทย่ี อมรับในระดับนานาชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหท้ กุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มอยา่ งเขม้ แขง็ ในการปอ้ งกนั และควบคุมโรคตดิ ตอ่ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 การพฒั นา องคค์ วามรู้ นวตั กรรม และเทคโนโลยใี นการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคติดต่อและถ่ายทอดสู่เครอื ข่ายทุกภาคส่วน และ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 การพัฒนาสมรรถนะบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมโรค ติดตอ่ ทกุ ยุทธศาสตร์ ภายในแผนปฏบิ ัติการเฝ้าระวงั ปอ้ งกัน ควบคมุ โรคตดิ ตอ่ หรือโรคระบาดได้เสนอรายละเอยี ด มาตรการและแนวทางปฏบิ ตั ิ (แนวทางการด�ำ เนนิ งาน) แบง่ ตามยุทธศาสตร์และโรคตดิ ต่อแต่ละโรค ทีม่ ีความส�ำ คญั ไว้อยา่ งชดั เจนมวี ัตถุประสงคน์ โยบาย ยทุ ธศาสตร์ มาตรการและแนวทางการดำ�เนนิ งานเฝา้ ระวงั ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคตดิ ตอ่ เพอ่ื ปอ้ งกนั ควบคมุ และแกไ้ ขปญั หาสขุ ภาพของประชาชน และสังคมโดยรวม ให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสุขภาพจากโรคติดต่อ รวมท้ังโรคติดต่อท่ีอาจ แพร่ระบาดจากต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยปลอดภัยจากโรคติดต่อด้วยระบบป้องกันและ ควบคมุ โรคติดต่อทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 21
บทที่ 3 การสือ่ สารความเสีย่ ง ตาม พ.ร.บ. โรคติดตอ่ พ.ศ. 2558 การส่ือสารความเส่ยี งอยู่ในยุทธศาสตรท์ ่ี 3 การพัฒนาองคค์ วามรู้ นวตั กรรม และเทคโนโลยี ในการป้องกันควบคมุ โรคติดตอ่ และถา่ ยทอดสเู่ ครือขา่ ยทกุ ภาคสว่ น โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีในการป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อ การทำ�วิจัยของหน่วยงานทุกภาคส่วนแบบมีส่วนร่วมและสามารถนำ�ไป ใช้ประโยชนไ์ ดจ้ รงิ 2. เพ่ือพัฒนาช่องทาง/รูปแบบการสื่อสาร/ถ่ายทอดองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคติดต่อ สเู่ ครอื ขา่ ยทกุ ภาคสว่ น ตัวช้วี ดั ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 1. จำ�นวนผลิตภณั ฑว์ ิชาการดา้ นการเฝา้ ระวัง ป้องกนั และคบคมุ โรคตดิ ตอ่ ทเ่ี พิม่ ขนึ้ 2. ร้อยละของผลิตภัณฑ์วิชาการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันและคบคุมโรคติดต่อ ท่ีนำ�ไปใช้ ประโยชนใ์ นการแกไ้ ขปัญหาในพน้ื ที่ได้จรงิ 3. ความพึงพอใจของช่องทางการเข้าถึงผลิตภัณฑ์วิชาการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันและ ควบคุมโรคติดตอ่ เพมิ่ ข้นึ 4. ความพึงพอใจต่อช่องทางการการสื่อสารและผลิตภัณฑ์วิชาการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคตดิ ตอ่ แผนปฏิบัติการสื่อสารความเสี่ยง ตามแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อหรือ โรคระบาด พ.ร.บ. โรคตดิ ต่อ 2558 หลกั การและเหตุผล : ส�ำ นักสอื่ สารความเส่ยี งและพฒั นาพฤติกรรมสขุ ภาพ กรมควบคุมโรค มีบทบาทหนา้ ที่ในการ ส่ือสารความเสี่ยงท่ีถูกต้อง รวดเร็ว ครบถ้วน และทันเวลาทันต่อสถานการณ์แก่ประชาชน โดยนำ� ข้อมูลโรคและภัยสุขภาพจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ตลอดจนการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค รวมถึง การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย เพื่อใหป้ ระชาชนมีความรู้ และความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง รวมทัง้ มพี ฤติกรรมในการ ป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ สามารถป้องกันตนเองจากการเจ็บป่วย ซ่ึงนอกจากจะคำ�นึงถึง โรคและภัยสุขภาพแล้ว จะต้องคำ�นึงถึงผลกระทบจากโรคและภัยสุขภาพเหล่าน้ัน รวมท้ังต้องรับฟัง ประชาชนผู้ที่ได้รบั ผลกระทบ ท้ังผลกระทบต่อครอบครวั สงั คม ศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม นโยบายและเศรษฐกิจ โดยวิธีการส่ือสารความเสี่ยง สามารถส่ือสารความเส่ียงไปยังประชาชน กลุม่ เส่ียงแต่ละคนโดยตรง หรือผา่ นครอบครัว หรอื ชุมชนพวกเขาก็ได้ รวมท้ังการส่ือสารความเสีย่ ง ผา่ นสอื่ สารมวลชนแขนงต่างๆ เช่น หนงั สือพิมพ์ โทรทศั น์ เว็บไซต์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ส่อื สิ่งพิมพ์ และเครอื ขา่ ย เปน็ ตน้ โดยมงุ่ หวงั ใหป้ ระชาชนมคี วามรู้ ทศั นคตทิ ด่ี ี มกี ารปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมทถี่ กู ตอ้ ง เหมาะสม มีคุณภาพได้อย่างเขม้ แข็งและย่ังยนื เป้าหมาย : ประชาชนมีความรู้ เข้าใจ มีความตระหนัก และลดความตระหนก เรื่องโรคติดต่อ 22 แนวทางการสื่อสารความเสีย่ ง ในภาวะวิกฤติ
บทท่ี 3 การสือ่ สารความเสยี่ ง ตาม พ.ร.บ. โรคติดตอ่ พ.ศ. 2558 โรคระบาด และภัยสุขภาพ รวมทั้งมีพฤตกิ รรมสขุ ภาพท่ีถกู ต้องในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรค อนั จะส่งผล ให้ปญั หาทางด้านสาธารณสุขลดนอ้ ยลง ตัวช้ีวัดท่ีส�ำ คญั : ตวั ช้วี ัดสำ�คญั ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 3.1. รอ้ ยละของประชาชนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ 86 88 90 78 80 82 และมีความตระหนัก เรือ่ งโรคตดิ ตอ่ โรคระบาด และภยั สขุ ภาพทีถ่ ูกตอ้ ง 3.2.ร้อยละของประชาชนมีพฤติกรรมสขุ ภาพทีถ่ ูกตอ้ ง ในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคติดตอ่ โรคระบาด และ ภยั สขุ ภาพ แนวทางแผนปฏบิ ตั ิ : 1) การเฝ้าระวัง การบริหารจัดการความเส่ียง และการตอบโต้ข้อมูลข่าวสารโรคติดต่อ โรคระบาด และภยั สขุ ภาพ 2) การสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ โรคระบาด และภัยสุขภาพ 3) พัฒนากลไกการบรหิ ารจดั การด้านการสอ่ื สารความเส่ียง พื้นท่เี ปา้ หมาย : ทวั่ ประเทศ หนว่ ยงานหลกั ท่ีรับผดิ ชอบ : หนว่ ยงานรับผดิ ชอบหลัก กรมควบคมุ โรค โดย ส�ำ นกั สอื่ สารความเสยี่ งและพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ ส�ำ นกั วชิ าการ/สถาบนั และ สคร. ที่ 1-12 สำ�นกั งานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดย สำ�นกั สารนเิ ทศ หนว่ ยงานสนับสนุน เช่น กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการปกครองส่วนท้องถ่นิ และกรมปอ้ งกัน และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงศึกษาธิการ โดย สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมปศุสัตว์ กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์ กระทรวงกลาโหม สำ�นกั นายกรฐั มนตรี โดย กรมประชาสัมพนั ธ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ สงิ่ แวดลอ้ ม กระทรวงสาธารณสขุ โดย กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ กรมอนามยั กรมการแพทย์ เปน็ ตน้ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 23
บทที่ 3 การสื่อสารความเส่ียง ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 24 แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง ในภาวะวิกฤติ แผนปฏบิ ัตกิ ารรายมาตรการ/กจิ กรรม แผนปฏิบัติการ/ ตัวช้ีวดั สำ�คญั ตัวชี้วัดกจิ กรรม เปา้ หมาย งบประมาณ หน่วยงานด�ำ เนินการ กิจกรรม ปี 59 ปี 60 ปี 61 ปี ปี ปี หน่วยงานหลกั เครอื ขา่ ย 59 60 61 แนวทางปฏบิ ตั ทิ ี่ 1 การเฝ้าระวัง การบริหารจัดการความเสีย่ ง และการตอบโตข้ อ้ มลู ขา่ วสารโรคติดต่อ โรคระบาด และภัยสขุ ภาพ 1. การเฝร้ ะวัง - รอ้ ยละของ จำ�นวนครัง้ ในการ 220 220 220 2 2 2 ระดบั ประเทศ: สำ�นักวชิ า ควบคุม ประชาชนมคี วามรู้ เฝา้ ระวังข้อมลู ครั้ง ครั้ง ครงั้ ลบ. ลบ. ลบ. กระทรวงสาธารณสุข การฯ/สคร. ตดิ ตาม ข่าว ความเขา้ ใจ และ ข่าวสารโรคและ ระดับกระทรวง: 1-12/กรม โฆษณาทางสือ่ มีความตระหนกั ภัยสขุ ภาพช่อง กรมควบคุมโรค/ ประชา การตลาด และ เรอ่ื งโรคติดต่อ ทางส่อื สารตา่ งๆ ส�ำ นกั ปลดั กระทรวง สัมพันธ์ การสง่ เสริม โรคระบาด และ เช่น โทรทัศน์ สาธารณสขุ ระดับกรม: การขายทกุ ภยั สขุ ภาพที่ถูกต้อง หนงั สือพมิ พ์ ส�ำ นกั ส่อื สารฯ/ รูปแบบ เว็บไซต์ และโซเชียล ส�ำ นกั สารนเิ ทศ มเี ดยี อื่นๆ 2. การวเิ คราะห์ - รอ้ ยละของ - จำ�นวนคร้งั ในการ 220 220 220 ระดบั ประเทศ: - ความเสี่ยงใน ประชาชนมีความ วิเคราะห์ความเสย่ี ง ครั้ง คร้งั คร้งั กระทรวงสาธารณสุข การป้องกนั รู้ ความเข้าใจ และ - จ�ำ นวนคร้ังในการ 7 คร้งั 7 คร้ัง 7 ครัง้ 1 1 1 ระดับกระทรวง: ควบคมุ โรค มคี วามตระหนัก ประเมนิ การรบั รู้ ลบ. ลบ. ลบ. กรมควบคุมโรค/ ตดิ ตอ่ เร่ืองโรคติดต่อ ประชาชน (ดีดซี โี พล) สำ�นกั ปลดั กระทรวง โรคระบาดและ โรคระบาด และ สาธารณสุขระดบั กรม: ภัยสขุ ภาพ ภยั สขุ ภาพทถ่ี กู ตอ้ ง ส�ำ นักสือ่ สาร/ สำ�นกั สารนเิ ทศ
แผนปฏิบตั ิการ/ ตวั ชี้วดั สำ�คญั ตัวชี้วดั กจิ กรรม เปา้ หมาย งบประมาณ หน่วยงานด�ำ เนนิ การ กจิ กรรม ปี ปี ปี หนว่ ยงานหลกั เครือขา่ ย ปี 59 ปี 60 ปี 61 59 60 61 3. การจดั การ - รอ้ ยละของ ระดบั ความส�ำ เร็จ 555 111 ระดบั ประเทศ: - ความเสี่ยงใน ประชาชนมีความรู้ ในการจัดการความ ลบ. ลบ. ลบ. กระทรวงสาธารณสุข การป้องกนั ความเขา้ ใจ และ เสีย่ ง ฯ ระดบั ระดับ ระดบั ระดับกระทรวง: ควบคุมโรค มีความตระหนกั กรมควบคมุ โรค/ ตดิ ตอ่ เรื่องโรคติดตอ่ ส�ำ นกั ปลัดกระทรวง โรคระบาดและ โรคระบาด และ สาธารณสุขระดบั กรม: ภัยสุขภาพ ภยั สุขภาพทถ่ี ูกต้อง สำ�นักส่อื สารฯ/ ส�ำ นักสารนิเทศ 4. การตอบโต้ขา่ ว - รอ้ ยละของ รอ้ ยละของข่าวที่ 80 85 90 1 1 1 ระดับประเทศ: เครือขา่ ย บทท่ี 3 การสอ่ื สารความเส่ยี ง ตาม พ.ร.บ. โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 โฆษณา และ ประชาชนมีความรู้ ด�ำ เนินการตอบโต้ ลบ. ลบ. ลบ. กระทรวงสาธารณสุข สนบั สนนุ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ การสง่ เสรมิ ความเขา้ ใจ และ และสง่ ผลสำ�เร็จ ระดับกระทรวง: การขายทกุ มีความตระหนกั กรมควบคมุ โรค/ รปู แบบ ที่ เรื่องโรคติดต่อ สำ�นักปลัดกระทรวง สง่ ผลตอ่ โรคระบาด และ สาธารณสขุ ระดบั กรม: การป้องกัน ภยั สขุ ภาพทถ่ี กู ตอ้ ง ส�ำ นกั สอ่ื สารฯ/ ควบคุมโรค - รอ้ ยละของ ส�ำ นกั สารนิเทศ ติดตอ่ เชน่ ประชาชนมี การตอบโต้ พฤตกิ รรมสุขภาพ จากโฆษณา ทถ่ี กู ต้องในการ แอบแฝง ป้องกนั ควบคุมโรค เปน็ ต้น ตดิ ต่อ โรคระบาด 25 และภัยสุขภาพ
บทที่ 3 การสื่อสารความเส่ียง ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558แผนปฏิบัติการ/ตัวชวี้ ัดสำ�คญัตัวช้ีวดั กจิ กรรมเปา้ หมายงบประมาณหน่วยงานดำ�เนนิ การ 26 แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง ในภาวะวิกฤติกิจกรรม ปี 59 ปี 60 ปี 61 ปี ปี ปี หนว่ ยงานหลกั เครอื ข่าย 59 60 61 แนวทางปฏิบตั ิท่ี 2 การส่ือสารความเสี่ยงและประชาสมั พนั ธ์เชงิ รกุ เพอ่ื การป้องกันควบคมุ โรคตดิ ต่อ โรคระบาด และภัยสุขภาพ 1. การจดั ท�ำ และ - ร้อยละของ จ�ำ นวนแผนปฏบิ ัติ 1 1 1 2 2 2 ระดับประเทศ: เครอื ขา่ ย ทบทวนแผน ประชาชนมีความรู้ การและแนวทาง แผน แผน แผน ลบ. ลบ. ลบ. กระทรวงสาธารณสขุ สนบั สนุน ปฏิบตั กิ ารและ ความเขา้ ใจ และ ด้านการสื่อสาร ระดับกระทรวง: แนวทางการ มีความตระหนกั ความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค/ สอ่ื สารความ เร่อื งโรคติดตอ่ สำ�นักปลัดกระทรวง เส่ียงและการ โรคระบาด และ สาธารณสุขระดับกรม: ประชาสมั พันธ์ ภยั สขุ ภาพทถี่ ูกตอ้ ง ส�ำ นักสอ่ื สารฯ/ ในการเฝา้ ระวงั - ร้อยละของ ส�ำ นกั สารนิเทศ ปอ้ งกนั ควบคมุ ประชาชนมี โรคติดต่อ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ โรคระบาดและ ท่ีถกู ต้องในการ ภยั สุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค (รายช่ือโฆษก ตดิ ต่อ โรคระบาด และวิทยากร และภัยสขุ ภาพ ประเดน็ สาร ขา่ ว แจก ท�ำ เนยี บ สอ่ื มวลชน)
แผนปฏบิ ัตกิ าร/ ตวั ชี้วัดส�ำ คัญ ตวั ช้ีวดั กจิ กรรม เป้าหมาย งบประมาณ หนว่ ยงานด�ำ เนนิ การ กิจกรรม ปี ปี ปี หน่วยงานหลกั เครือข่าย ปี 59 ปี 60 ปี 61 59 60 61 2. การกำ�หนด - รอ้ ยละของ จ�ำ นวนพฤตกิ รรมที่ 111 - ระดับประเทศ: เครือข่าย พฤตกิ รรมท่ี ประชาชนมี พงึ ประสงคใ์ นการ กระทรวงสาธารณสขุ สนบั สนุน พงึ ประสงค์ใน พฤตกิ รรมสขุ ภาพ ปอ้ งกนั ควบคุมโรค ระดับกระทรวง: การป้องกัน ที่ถกู ตอ้ งในการ กรมควบคุมโรค/ ควบคุมโรค ป้องกันควบคมุ โรค สำ�นักปลดั กระทรวง ตดิ ตอ่ ตดิ ต่อ โรคระบาด สาธารณสขุ ระดบั กรม: โรคระบาดและ และภยั สุขภาพ สำ�นกั ส่อื สารฯ/ ภยั สุขภาพ สำ�นกั สารนเิ ทศ 3. การจัดการ - รอ้ ยละของ - จำ�นวนฐานขอ้ มูล 5 ฐาน 5 ฐาน 5 ฐาน - - - ระดบั ประเทศ: - บทท่ี 3 การสอ่ื สารความเส่ยี ง ตาม พ.ร.บ. โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 ความรู้ สอื่ ประชาชนมคี วามรู้ โรคและภัยสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ความรู้ และ ความเขา้ ใจ และ - จำ�นวนสอื่ ตน้ แบบ 12 12 12 1.2 1.2 1.2 ระดับกระทรวง: ฐานขอ้ มลู มคี วามตระหนัก เรื่อง เรอื่ ง เร่ือง ลบ. ลบ. ลบ. กรมควบคมุ โรค/ ข้อมลู ดา้ น เรื่องโรคติดตอ่ สำ�นกั ปลดั กระทรวง การสอื่ สาร โรคระบาด และ สาธารณสขุ ระดบั กรม: ความเสยี่ ง ภยั สุขภาพที่ สำ�นกั สือ่ สารฯ/ และ ถูกตอ้ ง ส�ำ นกั สารนเิ ทศ ประชาสมั พันธ์ ทส่ี นับสนนุ การเฝ้าระวงั ป้องกัน ควบคมุ โรค ตดิ ตอ่ 27
เป้าหมาย งบประมาณ หนว่ ยงานด�ำ เนนิ การ ปี 59 ปี 60 ปี 61 ปี ปี ปี หน่วยงานหลกั เครือขา่ ย บทที่ 3 การสื่อสารความเส่ียง ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558แผนปฏิบตั ิการ/ตัวช้วี ดั ส�ำ คญัตัวชว้ี ัดกจิ กรรม59 60 61 28 แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง ในภาวะวิกฤติกจิ กรรม 10 10 10 ลบ. ลบ. ลบ. 4. การเผยแพร่ - รอ้ ยละของ - รอ้ ยละของ 86 88 90 ระดับประเทศ: เครอื ขา่ ย ประชาสัมพันธ์ ประชาชนมีความรู้ ประชาชนมีความรู้ 100 100 100 222 กระทรวงสาธารณสุข สนบั สนนุ รณรงค์ ผา่ น ความเข้าใจ และ เรื่อง โรคติดต่อ ฯ ล้าน ล้าน ล้าน ลบ. ลบ. ลบ. ระดับกระทรวง: สอื่ ต่างๆ ทั้ง มคี วามตระหนกั - จำ�นวนประชาชน คน/ คน/ คน/ กรมควบคมุ โรค/ ทางตรง เรอื่ งโรคติดตอ่ ทร่ี บั รูข้ อ้ มลู ข่าวสาร ราย ราย ราย ส�ำ นกั ปลดั กระทรวง ทางออ้ ม โรคระบาด และ โรคตดิ ต่อ สื่อ ส่อื สื่อ สาธารณสุขระดบั กรม: เชน่ รณรงค์ ภัยสขุ ภาพที่ โรคระบาด สำ�นกั สอ่ื สารฯ/ สร้างกระแส ถกู ตอ้ ง 1 สำ�นกั สารนิเทศ สังคม สอ่ื สาร กลไก สาธารณะ และการ ตลาดเชิง สังคม (Social Marketing) แนวทางปฏบิ ัตทิ ่ี 3 พฒั นากลไกการบริหารจดั การด้านการสือ่ สารความเส่ียง 1. พัฒนากลไก - ร้อยละของ จ�ำ นวนกลไกทีม่ ี 1 1 ระดบั ประเทศ: เครอื ขา่ ย การบริหาร ประชาชนมีความรู้ การพฒั นาการ กลไก กลไก กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุน จดั การดา้ น ความเข้าใจ และ บรหิ ารจัดการดา้ น ระดบั กระทรวง: การสือ่ สาร มคี วามตระหนกั การส่ือสารความ กรมควบคุมโรค/ ความเส่ียงและ เร่ืองโรคตดิ ต่อ เส่ียงฯ สำ�นักปลัดกระทรวง ประชาสมั พนั ธ์ โรคระบาด และ สาธารณสุขระดบั กรม: ในการปอ้ งกัน ภยั สขุ ภาพทีถ่ กู ตอ้ ง สำ�นักสื่อสารฯ/ ควบคมุ โรค ส�ำ นกั สารนเิ ทศ ตดิ ตอ่
แผนปฏิบตั ิการ/ ตัวช้ีวัดส�ำ คัญ ตวั ชว้ี ัดกจิ กรรม เปา้ หมาย งบประมาณ หน่วยงานด�ำ เนินการ กจิ กรรม ปี ปี ปี หนว่ ยงานหลัก เครือขา่ ย ปี 59 ปี 60 ปี 61 59 60 61 2. พฒั นาภาคี 1. ร้อยละของ รอ้ ยละของเครอื ขา่ ย 80 85 90 333 ระดบั ประเทศ: เครอื ขา่ ย เครือขา่ ยด้าน ประชาชนมีความรู้ ทไ่ี ด้รบั การพฒั นา ลบ. ลบ. ลบ. กระทรวงสาธารณสขุ สนบั สนุน การสอ่ื สาร ความเข้าใจ และ ด้านการส่ือสาร ระดับกระทรวง: ความเสี่ยงและ มคี วามตระหนัก ความเสย่ี งและ กรมควบคุมโรค/ บทท่ี 3 การสอ่ื สารความเส่ยี ง ตาม พ.ร.บ. โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 ประชาสัมพันธ์ เร่ืองโรคติดต่อ ประชาสัมพนั ธ์ สำ�นกั ปลัดกระทรวง ทส่ี นบั สนุน โรคระบาด และ สาธารณสุขระดบั กรม: งานเฝา้ ระวงั ภัยสุขภาพที่ถูกตอ้ ง ส�ำ นกั สอ่ื สารฯ/ ป้องกัน สำ�นักสารนเิ ทศ ควบคมุ โรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ติดตอ่ ให้ ครอบคลมุ 29 พื้นท่แี ละ บริบทงานท่ี รบั ผิดชอบ - ภาครัฐ รัฐวสิ าหกจิ - เอกชน - ประชาชน และ อสม. - สื่อมวลชน
แผนปฏิบัติการ/ บทที่ 3 การสื่อสารความเส่ียง ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558ตัวชีว้ ดั สำ�คัญ ตัวชว้ี ัดกิจกรรมเป้าหมายงบประมาณหน่วยงานด�ำ เนินการ กิจกรรม30 แนวทางการสื่อสารความเสี่ยง ในภาวะวิกฤติ ปี ปี ปี หนว่ ยงานหลัก เครอื ขา่ ย ปี 59 ปี 60 ปี 61 59 60 61 3. ฝึกอบรม - ร้อยละของ - จ�ำ นวนครัง้ ท่ีมี 2 ครง้ั 2 คร้ัง 2 ครัง้ 111 ระดบั ประเทศ: - บุคลากรด้าน ประชาชนมคี วามรู้ การฝกึ อบรม ลบ. ลบ. ลบ. กระทรวงสาธารณสุข สอื่ สาร ความเข้าใจ และ ระดบั กระทรวง: ความเสย่ี ง มีความตระหนกั กรมควบคมุ โรค/ รวมท้งั เร่ืองโรคตดิ ต่อ สำ�นักปลดั กระทรวง บคุ ลากรท่ี โรคระบาด และภัย สาธารณสุขระดับกรม: เก่ยี วขอ้ งให้มี สุขภาพที่ถกู ต้อง สำ�นักสือ่ สารฯ/ องค์ความรู้ - ร้อยละของ ส�ำ นักสารนิเทศ ท่ถี ูกตอ้ งใน ประชาชนมี การเฝ้าระวงั พฤติกรรมสขุ ภาพ ปอ้ งกัน ที่ถกู ต้องในการ ควบคุมโรค ปอ้ งกันควบคุมโรค ติดตอ่ ติดตอ่ โรคระบาด - ระดับ และภัยสุขภาพ ผบู้ ริหาร - ระดับ ผปู้ ฏบิ ัติ
แผนปฏบิ ตั ิการ/ ตวั ช้วี ัดส�ำ คัญ ตวั ชว้ี ัดกิจกรรม เปา้ หมาย งบประมาณ หน่วยงานดำ�เนินการ กิจกรรม ปี ปี ปี หน่วยงานหลัก เครอื ขา่ ย ปี 59 ปี 60 ปี 61 59 60 61 ระดบั ประเทศ: 4. การส่งเสริม - ร้อยละของ จ�ำ นวนผลงานวจิ ัย 222 111 กระทรวงสาธารณสุข การวจิ ัยและ ประชาชนมีความรู้ ด้านการส่อื สารฯ เร่อื ง เร่ือง เรอ่ื ง ลบ. ลบ. ลบ. ระดับกระทรวง: การพฒั นาดา้ น ความเข้าใจ และ กรมควบคุมโรค/ การสือ่ สาร มีความตระหนกั สำ�นักปลัดกระทรวง ประชาสมั พนั ธ์ เร่ืองโรคติดต่อ สาธารณสขุ ระดบั กรม: ท่ีสนบั สนุน โรคระบาด และภัย ส�ำ นกั ส่อื สารฯ/ การเฝา้ ระวัง สขุ ภาพที่ถกู ต้อง ส�ำ นักสารนเิ ทศ ปอ้ งกนั - ร้อยละของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ควบคุมโรค ประชาชนมี บทท่ี 3 การสอ่ื สารความเส่ยี ง ตาม พ.ร.บ. โรคตดิ ต่อ พ.ศ. 2558 ติดตอ่ พฤติกรรมสขุ ภาพ ท่ีถกู ต้องในการ ป้องกนั ควบคมุ โรค ติดตอ่ โรคระบาด และภัยสุขภาพ 31
บทที่ 4 การสอ่ื สารความเส่ียง ตามยุทธศาสตร์ โรคติดต่ออุบตั ิใหมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 โรคติดต่ออุบัติใหม่ในปัจจุบันมีความเส่ียงสูงและสามารถแพร่กระจายได้ท่ัวโลก ประเทศไทยจำ�เป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมในการป้องกันควบคุมโรค ซ่ึงทางสำ�นัก โรคติดต่ออุบัติใหม่ได้จัดทำ�แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหา โรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2560 - 2564) และแผนปฏิบัติการแม่บท ภายใต้ แผนยุทธศาสตร์เตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. 2560 – 2564) เพื่อใชเ้ ปน็ แผนปฏิบตั ิการแม่บทในการป้องกนั และควบคมุ โรคติดตอ่ อุบตั ิใหม่ ให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องได้ใช้เป็นกรอบการจัดทำ�แผนปฏิบัติราชการและร่วมกันขับเคลื่อน แผนยุทธศาสตร์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกองค์กรภาคีต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยพิจารณาสถานการณ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ที่สำ�คัญ 6 ยุทธศาสตร์ ตามแผนยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ยุทธศาสตรท์ ่ี 1 การพัฒนาระบบเตรยี มความพรอ้ มสำ�หรับภยั พบิ ัติฉกุ เฉนิ ดา้ นสาธารณสุข ยุทธศาสตรท์ ี่ 2 การพัฒนาระบบเฝา้ ระวงั ปอ้ งกัน รักษา และควบคมุ โรคติดตอ่ อบุ ัตใิ หม่ ภายใต้แนวคดิ สุขภาพหนงึ่ เดียว ยุทธศาสตร์ ท่ี 3 การพฒั นาระบบการสอื่ สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ยุทธศาสตร์ ที่ 4 การเสริมสร้างความเขม้ แขง็ ด้านความร่วมมอื ระหว่างประเทศ ยทุ ธศาสตร์ ท่ี 5 การเสริมสร้างการมสี ว่ นร่วมจากภาคประชาสงั คมและภาคเอกชนในการ ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่ออุบตั ใิ หม่ ยุทธศาสตร์ ท่ี 6 การสง่ เสรมิ การจัดการความรู้ การวจิ ัยและพฒั นา ซ่งึ ในท่ีนี้จะกล่าวถงึ รายละเอียดเฉาะท่ีเก่ียวข้องกบั การส่ือสารความเสีย่ ง ยทุ ธศาสตร์ ท่ี 3 การพฒั นาระบบการส่ือสารความเสีย่ งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ต่ออบุ ตั ิใหม่ เป้าประสงค์ 1. ประเทศไทยมีระบบ โครงสร้าง และกลไกการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ เพ่ือส่งเสริมภาพลักษณ์ท่ีดีของประเทศและความเชื่อม่ันของนานาชาติ โดยเน้นการส่ือสาร ความเสี่ยงและประชาสมั พนั ธท์ โ่ี ปร่งใส ถูกตอ้ ง ครบถว้ น ทันเวลา และทนั สถานการณ์ 2. บคุ ลากร และประชาชนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ความตระหนกั และลดความตน่ื ตระหนก รวมถงึ มีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่ โดยการให้ข้อมูล ขา่ วสารที่ถกู ตอ้ ง ครบถว้ น ทันเวลา และทันสถานการณ์ 32 แนวทางการสื่อสารความเส่ยี ง ในภาวะวิกฤติ
บทท่ี 4 การสอ่ื สารความเสี่ยง ตามยุทธศาสตร์โรคตดิ ตอ่ อุบตั ิใหมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 ตัวช้วี ดั ผลการด�ำ เนนิ งานหลัก • ร้อยละของจังหวัดที่มีระบบ โครงสร้าง และกลไกการสื่อสารความเสี่ยงและ ประชาสมั พันธเ์ รอ่ื งโรคติดตอ่ อุบัติใหมท่ ่มี ปี ระสิทธิภาพ • ร้อยละของเครือข่ายส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและทันเวลา • ร้อยละของประชาชนมคี วามรู้ ความเข้าใจ และพฤตกิ รรมทพ่ี ึงประสงคใ์ นการปอ้ งกนั ควบคุมโรคตดิ ตอ่ อุบัตใิ หม่ กลยทุ ธ์ท่ี 1 พฒั นาการสอ่ื สารความเส่ียงและประชาสัมพนั ธเ์ ชิงรุก เพอ่ื การป้องกันควบคมุ โรคติดตอ่ อุบัตใิ หม่ มาตรการท่ี 1 ส่งเสริมให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ ได้ เรียนรแู้ ละพัฒนาศักยภาพตนเอง เรอ่ื งโรคตดิ ต่ออบุ ัตใิ หม่อย่างตอ่ เนื่อง แนวทางในการดำ�เนินงาน 1. กำ�หนดผู้รับผิดชอบงานด้านการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ในแต่ละองค์กร/ หนว่ ยงาน รวมทงั้ พฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรทม่ี หี นา้ ทใี่ นการใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ผ่านสายด่วนต่างๆ ในแต่ระดับเพ่ือพัฒนาศักยภาพเฉพาะในแต่ละองค์กร/หน่วยงานน้ัน โดยในระยะแรกให้ผู้รับผิดชอบสามารถส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ตรงประเดน็ และทนั สถานการณค์ รอบคลมุ ทกุ หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ตงั้ แตร่ ะยะ แรกของแผนยทุ ธศาสตร์ สว่ นในระยะหลงั แผนยทุ ธศาสตร์ จดั ใหม้ กี ารสรา้ งและพฒั นาใหเ้ กดิ “นกั สอื่ สารความเสย่ี งและประชาสมั พนั ธด์ าวเดน่ ” เพอื่ สรา้ งขวญั และก�ำ ลงั ใจในการท�ำ งาน 2. ก�ำ หนดองคค์ วามรู้ คมู่ อื และแนวทางการเรยี นรหู้ รอื หลกั สตู รส�ำ หรบั ผรู้ บั ผดิ ชอบงานดา้ นการ สอ่ื สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธ์ เรอ่ื งการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ทงั้ หลกั สตู ร กลางส�ำ หรบั พฒั นาบคุ ลากรทรี่ บั ผดิ ชอบของทกุ หนว่ ยงาน และหลกั สตู รเฉพาะส�ำ หรบั พฒั นา บคุ ลากรท่ีรับผดิ ชอบงานเฉพาะดา้ น เช่น โรคตดิ ตอ่ อุบัตใิ หม่ในคน สตั ว์ สตั วป์ ่า เปน็ ต้น 3. สง่ เสรมิ ใหส้ ว่ นราชการท่เี ก่ยี วขอ้ งน�ำ หลักสูตรดา้ นการสอื่ สารความเสยี่ งและประชาสมั พันธ์ เรื่องการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่ไปใช้ในการดำ�เนินงานส่ือสารความเส่ียง ประชาสมั พนั ธ์เชน่ การจดั ฝกึ อบรมใหก้ บั บคุ ลากรของหนว่ ยงานการบรรจใุ นการเรยี นการสอน ของนักเรยี น/นกั ศกึ ษาชัน้ ต่างๆ ตามความเหมาะสมเป็นตน้ 4. จัดทำ�และเพิ่มช่องทางการเผยแพร่และการเรียนรู้ข้อมูลข่าวสารความรู้โรคติดต่ออุบัติใหม่ ใหห้ ลากหลาย พร้อมท้งั ส่งข้อความหลักทต่ี ้องการส่อื (Key message) และสอดคลอ้ งกับ ลักษณะของผู้รับผิดชอบงานด้านการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ในแต่ละองค์กร/ หน่วยงาน เช่น เว็บไซต์ โซเซียลมีเดีย บทเรียนออนไลน์ หลักสูตรฝึกอบรม การสัมมนา การประชมุ เปน็ ต้น กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 33
บทท่ี 4 การสอ่ื สารความเส่ยี ง ตามยทุ ธศาสตรโ์ รคติดตอ่ อบุ ัติใหมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 5. ประเมนิ ความรู้ และพฤตกิ รรมทพี่ งึ ประสงคใ์ นการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ รวมทงั้ การรับรู้ความเส่ียง ของบุคลากรท่ีเก่ียวข้อง วิเคราะห์ข้อมูล สรุป และเสนอแนะ เพื่อใช้ ในการวางแผนและปรบั แนวทางการสอ่ื สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ เชงิ รุกต่อไป รวมท้ังมาตรการอ่นื ๆ มาตรการที่ 2 เผยแพรค่ วามรแู้ ละขอ้ มลู ขา่ วสารเรอื่ งโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หมแ่ กป่ ระชาชนผา่ นชอ่ งทางตา่ งๆ แนวทางในการด�ำ เนนิ งาน 1. กำ�หนดความรู้ และพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ในการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่ สำ�หรับประชาชน เพ่ือสร้างความเข้าใจและสร้างการมีส่วนร่วมในการดำ�เนินงานป้องกัน ควบคุมโรคตดิ ต่ออุบัติใหม่ 2. จัดทำ�และผลิตสื่อที่หลากหลายรูปแบบ เช่น คลิปเสียง คลิปภาพและเสียง อินโฟกราฟิก หลายภาษา เชน่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจนี ภาษาอาระบิก ภาษาอาเชียน ภาษาชาวเขา และ สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของกลมุ่ เปา้ หมาย เช่น ศาสนา ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี เปน็ ต้น 3. เผยแพร่ความรู้ ข้อมูลข่าวสารความรู้โรคติดต่ออุบัติใหม่ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเน่ือง ทั่วถึง ทันเวลา และทันสถานการณ์ เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ วิทยุชุมชน โซเชียลมเี ดยี สื่อบุคคล กิจกรรมรณรงค์ เปน็ ต้น 4. ประเมนิ ความรู้ และพฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงคใ์ นการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ รวมทงั้ การรับรู้/ความต้องการ/ความกังวล/ความเสี่ยง ของประชาชน วิเคราะห์ข้อมูล สรุป และ เสนอแนะ เพอ่ื ใช้ในการวางแผนและปรบั แนวทางการส่ือสารความเส่ยี งและประชาสมั พนั ธ์ โรคติดต่ออุบตั ิใหม่เชงิ รุกต่อไป รวมท้งั มาตรการอื่นๆ กลยทุ ธท์ ี่ 2 พฒั นาการเฝา้ ระวงั การบรหิ ารจดั การความเสย่ี ง และการตอบโตข้ อ้ มลู ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อุบตั ใิ หม่ มาตรการท่ี 1 พัฒนาความร่วมมือของเครือข่าย เพื่อการเฝ้าระวัง การบริหารจัดการความเสี่ยง และการตอบโต้ข้อมลู ขา่ วสารโรคติดตอ่ อุบตั ิใหม่ แนวทางในการด�ำ เนินงาน 1. กำ�หนดเครือข่ายด้านการเฝ้าระวัง การบริหารจัดการความเสี่ยง และการตอบโต้ข้อมูล ข่าวสารโรคติดต่ออุบตั ใิ หมท่ งั้ ในและต่างประเทศ เช่น หนว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน อสม. ประชาชน ส่อื มวลชนองค์การอนามัยโลก เปน็ ต้น 2. สรา้ งและพฒั นาความรว่ มมือเครอื ข่าย เพื่อการเฝ้าระวัง การบริหารจัดการความเส่ยี ง และ การตอบโตข้ อ้ มลู ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ โดยจดั การประชมุ สมั มนา และถา่ ยทอดความรู้ ให้บคุ ลากรทท่ี ำ�หน้าท่ีดา้ นการเฝา้ ระวัง การบริหารจดั การความเสี่ยง และการตอบโต้ขอ้ มลู ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อุบัตใิ หม่ 34 แนวทางการส่ือสารความเสี่ยง ในภาวะวกิ ฤติ
บทท่ี 4 การสือ่ สารความเสีย่ ง ตามยทุ ธศาสตรโ์ รคตดิ ต่ออบุ ตั ใิ หมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 3. สรา้ งและพฒั นาชอ่ งทางสอื่ สารใหก้ บั เครอื ขา่ ยเพอื่ บรู ณาการการด�ำ เนนิ งานดา้ นการเฝา้ ระวงั การบริหารจัดการความเส่ียง และการตอบโต้ข้อมูลข่าวสารโรคติดต่ออุบัติใหม่โดยมี จดุ มงุ่ หมายใหป้ ระชาชน ชมุ ชนเกษตรกรและผผู้ ลติ และจ�ำ หนา่ ยอาหารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม เพ่ือการปอ้ งกันและควบคมุ โรคทม่ี าจากสัตว์ กลยุทธ์ที่ 3 พัฒนากลไกการบริหารจัดการด้านการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่อ อุบัตใิ หม่ มาตรการท่ี 1 พัฒนาระบบและโครงสร้างด้านการส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่อ อุบัตใิ หม่ แนวทางในการดำ�เนนิ งาน 1. ก�ำ หนดหนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบหลกั และบทบาทหนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบดา้ นการสอื่ สารความเสย่ี ง และประชาสมั พันธใ์ นแต่ละกระทรวง กรม ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง เชน่ กรมควบคมุ โรค รับผดิ ชอบเรอ่ื ง การจัดทำ�ประเด็นสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ในคนรวมท้ังการ พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อปฏิบัติงานการสื่อสารความเส่ียงท่ีเกี่ยวข้องกับ โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ กรมประชาสมั พนั ธร์ บั ผดิ ชอบเรอื่ งการสรา้ งและพฒั นาชอ่ งทางสอ่ื สารความเสย่ี ง และประชาสัมพันธ์ รวมท้ังพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่เก่ียวข้องด้านการสื่อสารความเสี่ยง และประชาสัมพันธ์ กรมปศุสัตว์รับผิดชอบเร่ือง การจัดทำ�ประเด็นส่ือสารความเสี่ยง และประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ในสัตว์ รวมท้ังพัฒนาศักยภาพบุคลากรกรมปศุสัตว์ เพอื่ ด�ำ เนนิ งานดา้ นการสอ่ื สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธท์ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั โรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร (ICT) และส�ำ นกั งานต�ำ รวจแหง่ ชาติ บงั คบั ใชก้ ฎหมาย พระราชบญั ญัตคิ อมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 อยา่ งจริงจัง และมบี ุคลากรที่รบั ผิดชอบ ในการติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารท่ีสุ่มเสี่ยงต่อการผิดต่อ พระราชบัญญัติการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารท่ีเก่ียวข้องกับโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่อาจสุ่มเส่ียงทำ�ให้เกิดความตื่นตระหนกของ ประชาชนเปน็ ตน้ 2. จัดทำ�แผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการด้านการส่ือสารความ เสย่ี งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หมท่ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทนั เวลา และเหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ท้ังแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการ แนวทางการปฏิบัติ งานมาตรฐาน (Standard Operation Procedures: SOP) ทุกระดับ เช่น ระดับประเทศ ระดับกระทรวง ระดบั กรม ระดบั เขต ระดบั จงั หวัด และระดับอ�ำ เภอ โดยในระยะตน้ ของแผน ส่งเสริมให้มีการจัดทำ�แผนบูรณาการระดับประเทศ ระดับกระทรวง และระดับกรม ส่วนใน ตอนท้ายของแผนฯ ส่งเสริมใหม้ กี ารจดั ท�ำ แผนบูรณาการ ถึงระดบั ท้องถิน่ /ชุมชน 3. ซ้อมแผนปฏิบัติการ และประเมินผลการซ้อมแผนปฏิบัติการด้านการสื่อสารความเส่ียงและ ประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ทุกระดับ เช่น ระดับประเทศ ระดับกระทรวง ระดับกรม ระดบั เขต ระดบั จงั หวัด และระดบั อำ�เภอ โดยในระยะต้นของแผนฯ สง่ เสรมิ ให้มีการซอ้ มแผน ปฏิบัติการด้านการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ ระดับประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ 35
บทท่ี 4 การส่อื สารความเส่ียง ตามยทุ ธศาสตรโ์ รคตดิ ต่ออบุ ัติใหมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 ระดับกระทรวง และระดับกรม ส่วนในตอนท้ายของแผน ส่งเสริมให้มีการจัดทำ�แผนปฏิบัติ การดา้ นการส่อื สารความเส่ยี งและประชาสัมพนั ธ์โรคตดิ ต่ออุบัติใหม่ ถึงระดับทอ้ งถิ่น/ชมุ ชน 4. จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ท่ีจำ�เป็น พัฒนาช่องทางและเทคโนโลยีด้านการสื่อสารความเส่ียงและ ประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อดำ�เนินการส่ือสารความเส่ียงและ ประชาสมั พนั ธ์โรคติดต่ออุบตั ใิ หม่ ทั้งในภาวะปกติ และภาวะวิกฤติ 5. พัฒนาฐานขอ้ มลู กลาง เพ่อื บรู ณาการใชข้ อ้ มลู ข่าวสารร่วมของหนว่ ยงานท่หี น่วยงานด้านการ สื่อสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ เช่น ข่าว ประเด็นสาร ข้อเท็จจริง เป็นต้น โดยกรมควบคุมโรครับผิดชอบเรื่องการจัดทำ�และพัฒนาฐานข้อมูลข่าวสารประเด็น สื่อสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ในคน กรมปศุสัตว์ รับผิดชอบเรื่อง การจัดทำ�จัดและพัฒนาทำ�ฐานข้อมูลข่าวสารประเด็นส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ โรคติดต่ออุบัติใหม่ในสัตว์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับผิดชอบเร่ืองการจัดทำ� และพฒั นาฐานขอ้ มลู ผ้ทู ่ีได้รับผลกระทบและความเสียหายจากโรคติดต่ออบุ ัติใหม่ กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) รับผิดชอบเร่ือง การจัดทำ�ฐานข้อมูลกลางและ เชอื่ มโยงขอ้ มลู ขา่ วสาร ประเดน็ สอื่ สารความเสย่ี งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ เปน็ ตน้ 6. ติดตามและประเมินผลการสอื่ สารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคติดตอ่ อุบตั ิใหม่ มาตรการท่ี 2 พฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรดา้ นการสอื่ สารความเสย่ี งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ แนวทางในการดำ�เนินงาน 1. ก�ำ หนดและแตง่ ตง้ั โฆษก/ผใู้ หข้ า่ ว/ผจู้ ดั ท�ำ ประเดน็ สาร/ผใู้ หข้ อ้ มลู ขา่ วสาร เชน่ แกส่ อ่ื มวลชน ทุกระดับตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับกระทรวง ระดับกรม ระดับเขต ระดับจังหวัด และ ระดบั อ�ำ เภอ ก�ำ หนดผทู้ ที่ �ำ หนา้ ทด่ี า้ นการสอ่ื สารความเสย่ี งและประชาสมั พนั ธแ์ กป่ ระชาชน ในระดบั หมบู่ า้ น/ชมุ ชน เชน่ อาสาสมคั รประชาสมั พนั ธ์ อาสาสมคั รสาธารณสขุ อาสาปศสุ ตั ว์ อาสาสมัครป้องกันภยั ฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.) ก�ำ นนั ผใู้ หญ่บา้ น ผูน้ �ำ ชมุ ชน เป็นตน้ เพือ่ การ สอ่ื สารความเสย่ี งและประชาสัมพนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ 2. จัดทำ�ทำ�เนียบโฆษก/ผู้ให้ข่าว/ผู้เช่ียวชาญ/ผู้จัดทำ�ประเด็นสาร/ผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร ให้แก่ ส่ือมวลชนทุกระดับ ตลอดจนทำ�เนียบผู้ที่ทำ�หน้าท่ีด้านการสื่อสารความเส่ียงและ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชน พร้อมรายละเอียดที่สามารถติดต่อได้และปรับปรุงข้อมูล ใหถ้ ูกตอ้ ง ครบถ้วน และเปน็ ปจั จุบัน 3. จัดทำ�ทำ�เนียบผู้ส่ือข่าวทุกสื่อ เช่น ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ นักหนังสือพิมพ์ นักจัดรายการวิทยุ เปน็ ตน้ ทกุ ระดบั เชน่ เครอื ขา่ ยสอื่ มวลชนในสว่ นกลางหรอื ระดบั ประเทศ เครอื ขา่ ยสอ่ื มวลชน ระดับเขต เครือขา่ ยสอ่ื มวลชนระดบั จงั หวดั และเครือข่ายระดบั ทอ้ งถิน่ หรือชุมชน รวมท้งั เครือขา่ ยสอ่ื มวลชนระดบั นานาชาติ เช่น CNN, BBC, Reuters เปน็ ต้น พร้อมรายละเอียด ทส่ี ามารถตดิ ต่อไดแ้ ละปรบั ปรงุ ข้อมลู ใหท้ นั สมัยตลอดเวลา 36 แนวทางการสอ่ื สารความเสยี่ ง ในภาวะวกิ ฤติ
บทท่ี 4 การส่อื สารความเสยี่ ง ตามยทุ ธศาสตรโ์ รคติดต่ออุบัติใหมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 4. พัฒนาศักยภาพและส่งเสริมให้บุคลากรผู้ให้ข้อมูลข่าวสารแก่สื่อมวลชน และผู้ท่ีทำ� หน้าท่ีด้านการสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์แก่ประชาชน โดยการเรียนรู้ด้วย ตนเอง (e-learning) ด้านการสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ ท้ังกระบวนการดำ�เนินงานสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ และทักษะทางด้าน การจดั ทำ�สอ่ื รวมทัง้ ทักษะทางดา้ นภาษาตา่ งประเทศ 5. ตดิ ตามประเมนิ ผลการพฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากรดา้ นการสอ่ื สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธ์ โรคตดิ ต่ออบุ ัตใิ หม่ 6. พัฒนาเทคโนโลยแี ละระบบสารสนเทศ เพือ่ สนับสนนุ การปฏิบัตงิ านของเครือขา่ ยทุกระดับ ร่วมกับพัฒนาความร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการพัฒนา โครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ น (สารสนเทศ, IT) ใหค้ รอบคลมุ ทกุ ต�ำ บล เพอ่ื สรา้ งโอกาสใหป้ ระชาชน เขา้ ถึงบรกิ ารด้านสารสนเทศ (Free Wi-Fi) ไดอ้ ย่างท่ัวถงึ และมีประสทิ ธิภาพ กลยทุ ธท์ ี่ 4 จดั ตง้ั และพฒั นาศนู ยก์ ลางการผลติ และเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หมแ่ หง่ ชาติ มาตรการท่1ี จดั ตัง้ ศนู ย์กลางผลิตและเผยแพรส่ ื่อขอ้ มลู ขา่ วสาร ความรู้ เรอื่ งโรคตดิ ต่ออบุ ัตใิ หม่ แนวทางการด�ำ เนินงาน 1. กำ�หนดหน่วยงานรับผิดชอบหลัก เพื่อจัดตั้ง ดำ�เนินการ และพัฒนาการดำ�เนินการของ ศูนย์กลางการผลติ และเผยแพรข่ อ้ มลู ข่าวสารโรคติดตอ่ อุบัตใิ หมแ่ หง่ ชาติ 2. กำ�หนดโครงสร้างของศูนย์กลางการผลิตและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโรคติดต่ออุบัติใหม่ แหง่ ชาติ และองคป์ ระกอบ เชน่ มหี วั หนา้ ศนู ยฯ์ นกั ประชาสมั พนั ธ์ นกั วชิ าการเผยแพร่ พนกั งาน โสตทศั นปู กรณน์ กั สอื่ สารมวลชน เปน็ ตน้ รวมทง้ั ก�ำ หนดบทบาทหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบในการ ด�ำ เนนิ งานการผลติ และเผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ัตใิ หมแ่ ห่งชาติ 3. จัดทำ�แนวทางในการผลิตส่ือและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความรู้ เรื่องโรคติดต่ออุบัติใหม่ ทงั้ ในระยะก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุการณ์ 4. จัดทำ�คำ�ส่ังแต่งตั้งท่ีปรึกษาและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการผลิตและเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารความรู้ เรอ่ื งโรคติดตอ่ อบุ ัติใหม่ 5. ดำ�เนินการผลิตและเผยแพร่ เช่น คลิปเสียง คลิปภาพและเสียง อินโฟกราฟิก เป็นต้น หลายภาษา เชน่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาอาระบิก ภาษาอาเชียน ภาษาชาวเขา และ สอดคล้องกับบริบทของกลุ่มเปา้ หมาย เชน่ ศาสนา ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี เป็นตน้ 6. ประเมนิ การผลติ สอื่ และการเผยแพรแ่ ละเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารความรู้ เรอ่ื งโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ทงั้ ในระยะกอ่ นเกดิ เหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตกุ ารณ์ โดยใชก้ ลวธิ หี ลากหลาย เช่น แบบประเมิน ออนไลน์ เปน็ ตน้ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 37
บทที่ 4 การส่อื สารความเสยี่ ง ตามยทุ ธศาสตร์โรคติดต่ออบุ ัติใหมช่ าติ พ.ศ. 2560-2564 มาตรการท่ี 2 พัฒนาศูนยข์ อ้ มูลขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ัติใหม่ แนวทางในการด�ำ เนนิ งาน 1. ก�ำ หนดหนว่ ยงานและผรู้ บั ผดิ ชอบหลกั ในการใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ (เชน่ สายดว่ น กรมควบคมุ โรค 1422, สายด่วนรัฐบาล 1111, สายดว่ นกรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั 1784, สายด่วนกรมปศสุ ัตว์ 1170) ในแตล่ ะกระทรวง กรม ที่เก่ยี วขอ้ ง 2. จดั ท�ำ ฐานขอ้ มูลขา่ วสารโรคตดิ ต่ออบุ ัตใิ หม่ เพอื่ ใช้ในการใหข้ อ้ มูลขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อุบตั ิใหม่ 3. พฒั นาระบบการใหบ้ ริการขอ้ มูลขา่ วสารโรคตดิ ตอ่ อบุ ตั ิใหม่ผา่ นชอ่ งทางตา่ งๆ 4. ประเมินการให้ข้อมูลข่าวสารโรคติดต่ออุบัติใหม่ (เช่น สายด่วน 1422, 1111) ท้ังในระยะ กอ่ นเกดิ เหตุ ระหวา่ งเกดิ เหตุ และหลงั เกดิ เหตกุ ารณ์ โดยใชก้ ลวธิ หี ลากหลาย เชน่ แบบประเมนิ ออนไลน์ การประเมินหลังให้บรกิ ารขอ้ มลู ขา่ วสารฯ เปน็ ต้น กลยุทธ์ที่ 5 สร้างและพัฒนาภาคีเครือข่ายด้านการส่ือสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่อ อบุ ัตใิ หม่ มาตรการท่ี 1 สร้างและพัฒนาภาคเี ครอื ข่ายดา้ นการสอ่ื สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธโ์ รคติดตอ่ อบุ ตั ิใหม่ แนวทางในการด�ำ เนินงาน 1. ก�ำ หนดหนว่ ยงานภาคเี ครอื ขา่ ย ดา้ นการสอื่ สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ในแตล่ ะกระทรวง กรม ทเี่ กีย่ วข้อง 2. จัดการประชุมสัมมนา มีกิจกรรมร่วมกัน และสนับสนุนให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำ�เนินงาน ของภาคีเครือข่ายด้านการส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ในแต่ละ กระทรวง กรม ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 3. สร้างและพัฒนาช่องทางในการติดต่อส่ือสารและแลกเปล่ียนเรียนรู้ให้กับเครือข่าย เพื่อ บูรณาการการดำ�เนินงานด้านการส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคติดต่ออุบัติใหม่ ในแตล่ ะกระทรวง กรม ทเี่ ก่ยี วขอ้ งเช่น ไลนก์ ลุ่ม เฟสบคุ๊ เป็นต้น 4. ประเมนิ ความพงึ พอใจเครอื ขา่ ยดา้ นการสอ่ื สารความเสยี่ งและประชาสมั พนั ธโ์ รคตดิ ตอ่ อบุ ตั ใิ หม่ ผลผลิตของยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสอ่ื สารความเส่ียงและประชาสัมพนั ธโ์ รคติดต่ออุบัตใิ หม่ 1) มีระบบ โครงสร้าง และกลไกการสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์เรื่องโรคติดต่อ อบุ ัติใหม่ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ 2) ประชาชนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และพฤตกิ รรมทพ่ี ึงประสงค์ในการป้องกนั ควบคมุ โรคตดิ ตอ่ อุบัติใหม่ 3) ผู้รับข้อมูลขา่ วสารมคี วามพึงพอใจต่อการสอ่ื สารความเสี่ยงและประชาสมั พันธ์ 38 แนวทางการส่ือสารความเส่ยี ง ในภาวะวกิ ฤติ
บทท่ี 5 การสือ่ สารความเส่ียง และ ระบบบัญชาการเหตุการณ์ ความเส่ียงท่ีหน่วยงานในสังกัดกรมควบคุมโรคต้องเตรียมความพร้อมรับ เพื่อให้การ ปฏิบัติภารกิจหลักของกรมควบคุมโรค (Core function) ดำ�เนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่สำ�นัก/สถาบัน/สคร.1-12 รวมท้ังสำ�นักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ต้องจัดสรรบุคลากรส่วนหน่ึงไว้รองรับภารกิจสำ�คัญของหน่วยงาน ซ่ึงไม่สามารถหยุดดำ�เนินการได้ ส่วนบุคลากรที่รับผิดชอบภารกิจที่เหลือน้ันต้องมีการจัดสรรอัตรากำ�ลังเข้าร่วมปฏิบัติงานตาม การระดมอัตราก�ำ ลังของระบบบัญชาการเหตกุ ารณแ์ ละศูนยป์ ฏิบตั กิ ารภาวะฉุกเฉนิ กรมควบคมุ โรค (ICS&EOC) ความเส่ียงที่กรมควบคุมโรคต้องเตรียมการรองรับ คือ สถานการณ์การเกิดโรคและ ภยั สขุ ภาพ 5 ประเภท ได้แก่ 1. โรคตดิ ตดิ ตอ่ เปน็ เหตกุ ารณก์ ารแพรร่ ะบาดอยา่ งผดิ ปกตขิ องโรคตดิ ตอ่ เฉยี บพลนั เชน่ ไขห้ วดั ใหญ่ สายพนั ธใ์ุ หม่ ไขว้ ดั นก โรคซารส์ โรคชคิ กุ ุนยา โรคติดเชอื้ ไวรัสอโี บลา หรอื แมแ้ ตโ่ รคท่เี กดิ ขนึ้ ตาม ฤดกู าลและโรคประจ�ำ ถน่ิ ทมี่ กี ารแพรร่ ะบาดอยา่ งผดิ ปกติ เชน่ ไขเ้ ลอื ดออก ไขห้ วดั ใหญต่ ามฤดกู าล ทงั้ นรี้ วมถงึ โรคทปี่ ระกาศไวใ้ นกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ (IHR) ใหเ้ ปน็ ภาวะฉกุ เฉนิ ทางสาธารณสขุ ระหว่างประเทศ เป็นต้น 2. เหตกุ ารณท์ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ และอบุ ตั ภิ ยั เปน็ เหตกุ ารณภ์ ยั สขุ ภาพทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ และเสียชีวิตได้ เช่น อุบัติเหตุจากการขนส่งและโดยสาร (เคร่ืองบินตก อุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงเทศกาลท่ีมีผู้โดยสารจำ�นวนมาก รถบรรทุกสารเคมีและวัตถุอันตรายประสบอุบัติเหตุ) การจลาจล สงคราม และอุบตั เิ หตจุ ากการปฏบิ ัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เปน็ ต้น 3. โรคและภัยสุขภาพท่ีมากับภัยธรรมชาติ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติ (เช่น น้ําท่วม ลมพายุ ดินโคลน ถลม่ หรือสึนามิ) ผ้ปู ระสบภยั จะเผชญิ กับโรคระบาดและภัยสุขภาพ ได้แก่ โรคฉีห่ นู อจุ จาระร่วง อาหารเป็นพิษ ไฟฟา้ ช็อต/ไฟ้ฟา้ ดดู การบาดเจบ็ จากการพงั ของสง่ิ ก่อสรา้ ง การเสียชีวติ จากการ จมน้ํา เปน็ ต้น 4. ภัยสุขภาพท่ีเกิดจากสารเคมี เป็นเหตุการณ์ท่ีส่งผลถึงการบาดเจ็บและการเสียชีวิตของบุคคล ท่ีเกิดจากการมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพปนเป้ือนออกมาในส่ิงแวดล้อม ซึ่งอาจเกิดจาก การกระทำ�ของมนุษย์ด้วยกัน ได้แก่ การรวั่ ไหลออกจากโรงงานอุตสาหกรรม การก่อการร้ายดว้ ย อาวุธชีวภาพ/อาวธุ เคมี การเกดิ สงคราม เปน็ ต้น หรือเกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติ เช่น การปนเปื้อน ของสารหนูในธรรมชาตใิ นพ้ืนที่ เป็นตน้ 5. ภัยสุขภาพที่เกิดจากกัมมันตภาพรังสีและนิวเคลียร์ เป็นเหตุการณ์ท่ีส่งผลถึงการบาดเจ็บและ การเสียชีวติ ของบุคคลจำ�นวนมาก ซ่งึ เกิดจากรว่ั ไหลของกัมมันตรงั สี และนิวเคลยี ร์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 39
บทที่ 5 การสื่อสารความเส่ยี ง และระบบบัญชาการเหตกุ ารณ์ ภาพแสดงระบบบญั ชาการเหตกุ ารณก์ รมควบคมุ โรค ภาพแสดง ประเภทความเส่ยี งท่ีกรมควบคุมโรคตอ้ งเตรยี มการรองรับ (โรคและภยั สขุ ภาพ 5 ประเภท) 40 แนวทางการส่ือสารความเส่ยี ง ในภาวะวิกฤติ
บทที่ 5 การสือ่ สารความเสย่ี ง และระบบบัญชาการเหตุการณ์ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขท่ีมีผลกระทบกับการดำ�เนินภารกิจของกรมควบคุมโรค ระบบบัญชาการเหตุการณ์และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค (ICS&EOC) จะมี การระดมอัตรากำ�ลังจากทุกหน่วยงานในสังกัด ซ่ึงในแต่ระระดับมีความต้องการอัตรากำ�ลังท่ี ต่างกัน ได้แก่ จำ�นวนร้อยละ 10 ร้อยละ 25 และร้อยละ 50 หรือทั้งหมดของบุคลากร (ระดับ การ Activate ของระบบบัญชาการเหตุการณ์ และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค) โดยแบง่ ได้ดังน้ี ระดบั ลักษณะงาน ก�ำ ลังคน ภาวะปกติ การติดตามและประเมิน ทมี ติดตามและประเมนิ สถานการณ์ตา่ งๆ ตามปกติ สถานการณ์ (Situation การจดั ท�ำ แผน Awareness Team, SAT) การส�ำ รองเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ ทมี ผจู้ ดั การงานติดตามและ และเครื่องมอื ตา่ งๆ ประเมนิ สถานการณ์ การซ้อมแผน (SAT Manager) ผจู้ ัดการศนุ ย์ปฏิบัตกิ าร (EOC Manager) ผปู้ ฏบิ ัติงานหลักในศูนย์ ปฏบิ ตั ิการ (Core EOC Staff) Subject matter experts ระดบั ลกั ษณะงาน ก�ำ ลงั คน ระดบั ท่ี 1 เฝ้าระวังใกลช้ ิดขึน้ กำ�ลงั คนจากภาวะปกติ บวก ทำ�การวิเคราะห์ Mission มกี ารแจ้งและเพม่ิ จำ�นวน ประสานงานกับหนว่ ยงาน Subject Matter Experts ท่ีเกี่ยวข้องอน่ื ๆ เข้ามารว่ มติดตามและประเมนิ พฒั นา IAP สถานการณ์ เตรยี มพร้อมกำ�ลังคน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ 41
บทท่ี 5 การสอ่ื สารความเส่ยี ง และระบบบญั ชาการเหตกุ ารณ์ ระดบั ลักษณะงาน กำ�ลังคน ระดับที่ 2 มกี ารแต่งตงั้ ผ้บู ัญชาการ กำ�ลงั คนจากระดับที่ 1 บวก มกี ารแจ้งและเพ่ิมจ�ำ นวนก�ำ ลัง เหตกุ ารณ์ ปฏิบัติการตามโครงสรา้ งของ คนเข้ามาในระบบบัญชาการ เหตุการณไ์ ม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 10 ระบบบัญชาการเหตุการณ์ ของก�ำ ลงั คนของแต่ละ ระบบบญั ชาการเหตกุ ารณ์ หนว่ ยงาน ปฏิบัติการฉกุ เฉินตามแผน incidence action plan ระดับ ลกั ษณะงาน กำ�ลังคน ระดบั ท่ี 3 มกี ารแตง่ ตง้ั ผบู้ ญั ชาการ ก�ำ ลังคนจากระดับที่ 1 บวก มกี ารแจง้ และเพมิ่ จำ�นวนก�ำ ลัง เหตกุ ารณ์ ปฏบิ ัติการตามโครงสรา้ งของ คนเขา้ มาในระบบบญั ชาการ เหตุการณไ์ มน่ ้อยกว่าร้อยละ 25 ระบบบัญชาการเหตกุ ารณ์ ของกำ�ลังคนของแต่ละ ระบบบญั ชาการเหตุการณ์ หนว่ ยงาน ปฏิบัตกิ ารฉุกเฉินตามแผน incidence action plan ระดบั ลักษณะงาน ก�ำ ลงั คน ระดบั ท่ี 4 มกี ารแต่งตัง้ ผู้บญั ชาการ ก�ำ ลังคนจากระดบั ที่ 1 บวก ใหท้ ุกหนว่ ยงานหยุดการ เหตกุ ารณ์ ปฏบิ ัติการตามโครงสรา้ งของ ปฏบิ ตั งิ านท่ไี มใ่ ชง่ านสำ�คัญและ จำ�เปน็ ตอ้ งดำ�เนนิ การ ระบบบัญชาการเหตุการณ์ (non-critical/non-essesntial ระบบบัญชาการเหตุการณ์ operations เพ่ือใหบ้ ุคลากร ทง้ั หมดเขา้ รว่ มปฏบิ ัติการฉกุ เฉิน ปฏบิ ัติการฉุกเฉินตามแผน incidence action plan รายละเอียดการส่ือสารความเสี่ยงตามระบบบัญชาการเหตุการณ์และศูนย์ปฏิบัติการ ภาวะฉกุ เฉิน กรมควบคมุ โรค จะเพม่ิ เติมในโอกาสถัดไป 42 แนวทางการสอื่ สารความเสยี่ ง ในภาวะวิกฤติ
บทที่ 6 การสือ่ สารความเส่ียง กรณีโรคติดเชื้อไวรสั ซิกา จากที่มีข่าวการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสซิกาในหลายประเทศ ขณะน้ี องคก์ ารอนามยั โลก รายงานสถานการณ์ข้อมูลประเทศ/ ดินแดน / เขตปกครอง ท่ีพบการแพร่กระจายของ โรคติดเช้อื ไวรัสซิกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 – 6 ตุลาคม 2559 มีประเทศท่ีมีรายงานพบผู้ติดเชื้อ ไวรสั ซิกาโดยมียงุ ลายเปน็ พาหะทงั้ หมด 73 ประเทศ ประเทศไทยมีรายงานผปู้ ่วย ครงั้ แรก พ.ศ. 2555 พบกระจายทุกภาคและมผี ้ปู ว่ ยยนื ยนั เฉลย่ี ปีละ 5 ราย สาเหตุหลักเกิดจากโดนยุงลายที่มีเชื้อไวรัสซิกากัด และช่องทางอื่นท่ีเป็นไปได้ เช่น การแพร่ ผ่านการถ่ายเลือด แพร่จากจากมารดาท่ีป่วยสู่ทารกในครรภ์ โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนและยังไม่มียารักษา เฉพาะ จึงต้องรักษาตามอาการ ค�ำ แนะน�ำ สำ�หรับประชาชน คือ การก�ำ จัดแหลง่ เพาะพนั ธุย์ งุ และ ป้องกันไม่ให้ยุงกัด ด้วยการนอนในมุ้งหรือทายากันยุง ซึ่งเป็นการป้องกันควบคุมโรคเช่นเดียวกับไข้ เลอื ดออก หากประชาชนมีอาการไข้ ออกผืน่ ตาแดง หรอื ปวดขอ้ อาจมโี อกาสที่จะเปน็ โรคนไ้ี ด้ สว่ น ใหญ่อาการไม่รุนแรง ยกเว้นในหญิงต้ังครรภ์ซ่ึงอาจทำ�ให้เด็กทารกท่ีคลอดมามีสมองเล็กหรือมีภาวะ แทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ แนะนำ�ให้รับประทานยาพาราเซตามอล ห้ามรับประทานยาแอสไพริน หรือยากลุ่มลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์(NSAIDs) เพราะมียาบางชนิดที่เป็นอันตรายสำ�หรับการเป็น โรคน้ี อาจทำ�ใหเ้ ลือดออกในอวัยวะภายในไดง้ ่ายขึ้น ถึงแม้โรคติดเช้ือไวรัสซิกาจะมียุงพาหะ คือ ยุงลายบ้านเช่นเดียวกับไข้เลือดออก โดยโรคนี้มี ระยะฟกั ตัวเฉลีย่ 4-7 วนั สน้ั สุด 3 วันและยาว 12 วนั อาการที่พบบอ่ ย ได้แก ่ มไี ข ้ ออกผน่ื ตาแดง ปวดขอ้ ข้อบวม ปวดหลงั อาจมีอาการอื่นๆ ได้ เชน่ ออ่ นเพลีย ปวดศรี ษะ ตอ่ มน้าํ เหลืองโต และ อุจจาระร่วง สว่ นใหญอ่ าการไม่รนุ แรง อาการเหล่านท้ี ุเลาลงภายในเวลา 2-7 วนั หากได้รบั การรักษา อย่างถกู ตอ้ งและทันท่วงที ในการป้องกนั ควบคมุ โรคตดิ เชอ้ื ไวรสั ซกิ า เน่ืองจากไม่มีวัคซนี และยารักษาเฉพาะ ดังน้ันการ ปอ้ งกนั โดยการใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจประชาชน และสรา้ งตระหนกั ในมาตรการปอ้ งกนั โรคและชว่ ยกนั กำ�จดั แหลง่ เพาะพนั ธย์ุ งุ เนน้ การใช้หลัก 3 เกบ็ ไดแ้ ก่ 1. เกบ็ บ้านให้สะอาดเรยี บร้อย ปลอดโปรง่ ไม่ให้มมี มุ อับทบึ เปน็ ทีเ่ กาะพักของยงุ 2. เกบ็ ขยะ เศษภาชนะ รอบๆบา้ น ทงั้ ใบไม้ กล่องโฟม จานรองกระถางตน้ ไม้ ต้องเก็บกวาด ฝัง เผา หรอื ท�ำ ลาย 3. เก็บน้ํา ต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ เพื่อกำ�จัดแหล่งเพาะพันธ์ุลูกนํ้า ยงุ ลายอยา่ งต่อเน่ือง โดยเฉพาะในบรเิ วณครัวเรือน โรงเรียน เขตกอ่ สรา้ ง สถานีขนส่ง และหอพักรอบ มหาวิทยาลยั เปน็ ตน้ โดยให้ดำ�เนินการอยา่ งสม่เํ สมออยา่ งน้อยสัปดาห์ละ 1 คร้งั กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ 43
บทที่ 6 การสอ่ื สารความเสีย่ ง กรณโี รคติดเช้อื ไวรัสซกิ า ซึ่งส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์โรคและภัยสุขภาพมีความสำ�คัญในการสร้างความรู้ ความเขา้ ใจประชาชน และสรา้ งตระหนกั ในมาตรการปอ้ งกนั โรคตดิ เชอ้ื ไวรสั ซกิ าได้ สอ่ื สารความเสย่ี ง โรคและภัยสุขภาพตามกฎอนามยั โลก พ.ศ. 2548 คือ การใหข้ ้อมลู โรคและภัยสุขภาพทร่ี วดเรว็ และ ทนั เวลา ทนั ตอ่ สถานการณแ์ ก่ประชาชน โดยเฉพาะโรคระบาดตา่ งๆ ซึ่งนอกจากจะคำ�นึงถึงโรคและ ภัยสุขภาพแล้ว จะต้องคำ�นึงถึงผลกระทบจากโรคและภัยสุขภาพเหล่าน้ันที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ทั้งผลกระทบต่อสังคม ศาสนา วฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม นโยบายและเศรษฐกจิ ทัง้ ตอ่ ประชาชนเอง และประเทศชาติ รวมทั้งต้องรับฟังประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบ การส่ือสารความเส่ียงเป็นกลวิธี หนึ่งในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพ่ือให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมในการป้องกันควบคุมโรค ผ่านกระบวนการทางสังคม ซึ่งเราสามารถส่อื สารความเส่ยี งไปยังประชาชนแตล่ ะคน หรือ ผ่านทาง ครอบครัว หรอื ชุมชน พวกเขากไ็ ด้ ท่สี ำ�คญั ต้องผา่ นช่องทางตา่ งๆ ท่ีเหมาะสม เครอื ขา่ ยและผู้ทมี่ ี สว่ นไดส้ ว่ นเสยี ของการสอื่ สารความเสยี่ งโรคและภยั สขุ ภาพ ตามกฎอนามยั ระหวา่ งประเทศ ตอ้ งมกี าร กำ�หนด ตอ้ งมกี ารประสานงาน และรว่ มด�ำ เนินการสื่อสารความเสยี่ ง นอกจากนก้ี ารไดร้ ับสนับสนนุ ทางด้านนโยบาย และการเมือง โดยผู้ทม่ี ีอ�ำ นาจ กจ็ ะน�ำ มาสกู่ ารส่ือสารความเสีย่ งที่โปรง่ ใส ทันเวลา และทันสถานการณ์ การสื่อสารความเส่ียงและประชาสมั พนั ธ์ เพือ่ ตอบโต้ขอ้ มูลข่าวสารโรคติดเช้อื ไวรัสซิกา การส่ือสารความเส่ียงและประชาสัมพันธ์ เพื่อตอบโต้ข้อมูลข่าวสารโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ควรยดึ หลัก 5 ประการ 1. การรณรงค์และประชาสัมพนั ธ์ (Public Communication) คือ การส่ือสารความเส่ียงและ ประชาสมั พนั ธ์ผา่ นช่องทางต่างๆ สกู่ ลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม 2. ภาษาท่ใี ช้ในการส่อื สารความเส่ยี งและประชาสัมพันธ์ (Translational communication) ไดแ้ กก่ ารปรบั หรอื แปลง ขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตรใ์ หเ้ ปน็ ภาษา หรอื รปู แบบทเี่ ขา้ ใจไดง้ า่ ย และ ใช้สื่อ หรืออปุ กรณก์ ารสอ่ื สารทีเ่ หมาะสมกบั กลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์ 3. การสื่อสารความเส่ียงกับเครือข่าย (Stakeholder Communication) คือ มีการสื่อสาร นโยบายเพ่ือใหผ้ ู้เก่ียวข้องมีความเขา้ ใจถกู ตอ้ งตรงกนั 4. การสรา้ งการมีส่วนรว่ มของชมุ ชน (Community Management) เพื่อให้ชุมชนไดเ้ ข้ามามี สว่ นรว่ มในการออกแบบ วางแผน ด�ำ เนนิ การ และประเมนิ ผลมาตรการตา่ งๆ ทไ่ี ดด้ �ำ เนนิ การ 5. การจดั ระบบการเฝ้าระวังข่าวลอื และขอ้ เข้าใจผิด (Dynamic listening) คอื การจัดใหม้ ี ระบบ หรือ สรา้ งวิธกี ารรับฟัง ตอบสนองต่อการรบั รูข้ องประชาชน ร่วมทงั้ การจดั การข้อมูล ทผ่ี ิดพลาด หรือข่าวลอื ตา่ งๆ วัตถปุ ระสงค์ของการส่อื สารความเส่ยี งและประชาสมั พนั ธ์โรคติดเชอ้ื ไวรัสซกิ า 1. เพื่อให้ประชาชนได้รับการสื่อสารความเสี่ยง เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ลดความ ตนื่ ตระหนกจากโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั ซกิ า อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม รวดเรว็ ตรงประเดน็ รวมทงั้ น�ำ ไปส่กู ารปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 44 แนวทางการส่อื สารความเสีย่ ง ในภาวะวิกฤติ
บทที่ 6 การสอื่ สารความเสย่ี ง กรณีโรคติดเชื้อไวรัสซิกา 2. เพื่อให้ประชาชน หน่วยงานองค์กร และภาคีเครือข่ายต่างๆ มีแหล่งอ้างอิงในการสืบค้น ข้อมูลข่าวสารองค์ความรู้ ประเด็นสาร ผลิตภัณฑ์สื่อต่างๆ ด้านสื่อสารความเส่ียง และ ปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมสขุ ภาพ 3. เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคีเครือข่ายต่างๆ ได้รับการถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยน ประสบการณ์ร่วมกันวางแผนทางยุทธศาสตร์การสื่อสารความเส่ียง และการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้อง ส่งเสริม และสนับสนุนการดำ�เนินงาน ควบคุมปอ้ งกันโรค 4. เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานและองค์กร รวมท้ังลดความซำ้�ซ้อนของการทำ�งาน และงบประมาณของหน่วยงานตา่ งๆ 5. เพ่อื แกไ้ ขทัศนคติ ความเข้าใจเชิงลบท่มี ตี อ่ การด�ำ เนินงานควบคมุ ปอ้ งกนั โรค กลุ่มเปา้ หมาย และประเด็นสอ่ื สารความเสยี่ ง 1. กลุม่ หญิงต้งั ครรภ์ ครอบครัว และประชาชน 1.1 หญิงตั้งครรภ์ สตรีวัยเจรญิ พันธุ์ ท้ังในพนื้ ทที่ ่มี กี ารระบาด/พืน้ ท่ีปกติ ประเด็นส่ือสารความเสีย่ ง 1) ความรูเ้ ร่อื งโรค หญิงตงั้ ครรภ์ หลกี เลี่ยงการเดนิ ทางไปประเทศท่ีมีการระบาด 2) การวางครรภต์ ามกำ�หนดนดั 3) การแจ้งอาการปว่ ยทสี่ งสยั โรคตดิ เช้อื ไวรัสซกิ า 4) การสวมถุงยางอนามยั 5) การทายากันยงุ ทง้ั ชนิด DEET และ สมุนไพร ส่ังโดยแพทยแ์ ละซ้ือใช้เอง 6) การคมุ กำ�เนดิ ในสตรีวยั เจรญิ พันธุ์ และการดแู ลสุขภาพ 7) การดูแลดา้ นจิตใจ ในกรณที ที่ ารกมีความผดิ ปกติ/แนวโนม้ ผิดปกติ ชอ่ งทางสื่อสาร 1) สื่อสง่ิ พมิ พ์ คูม่ อื แผน่ พับ 2) สือ่ หลัก เช่น ทีวี นสพ. โดยการเขยี นข่าวแจก สมั ภาษณ์ 3) สื่อโซเซียล เว็บไซต์หน่วยงาน 4) เสยี งตามสาย หอกระจายขา่ ว รถประชาสมั พันธ์ 5) สื่อบคุ คล เชน่ จนท. อสม. 6) การเรียนการสอน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 45
บทท่ี 6 การส่ือสารความเส่ียง กรณีโรคตดิ เชือ้ ไวรัสซกิ า 1.2 มารดา-ทารกติดเช้อื ไวรัสซกิ า และสามี รวมทง้ั สมาชกิ ในครอบครัวทีม่ ีมารดา-ทารกตดิ เช้อื ไวรสั ซกิ า ประเด็นสอ่ื สารความเสี่ยง 1) ความรเู้ ร่ืองโรค การดแู ลสุขภาพตนเอง และการป้องกนั การแพรก่ ระจายเช้อื 2) การป้องกันการแพร่กระจายเช้ือ ทั้งขณะต้ังครรภ์ รอคลอด หลังคลอด เช่น การสวมถุงยางอนามัย การนอนในมุ้งการทายากันยุง ทั้งชนิด DEET และ สมุนไพร ส่งั โดยแพทยแ์ ละซ้ือใชเ้ อง ตลอดการตง้ั ครรภ์ 3) การวางแผนการมบี ุตรถัดไป 4) การดแู ลหลงั คลอด เชน่ พัฒนาการบตุ ร การให้นมบตุ รหลังคลอด 5) การดูแลดา้ นจิตใจ กรณที ารกมคี วามผดิ ปกต/ิ มแี นวโนม้ ผดิ ปกติ 6) การทำ�ลายแหลง่ เพาะพันธย์ุ ุงในบ้าน-รอบบา้ น ช่องทางสือ่ สาร 1) สอ่ื บคุ คล เชน่ บุคลากรทางดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ 2) สื่อสิ่งพิมพ์ คู่มือ แผน่ พับ 3) เสียงตามสาย หอกระจายขา่ ว รถประชาสัมพันธ์ 4) ส่อื โซเซียล เชน่ เวบ็ ไซต์ เฟสบ๊คู ไลน์ ทวิตเตอร์ ยูทปู เปน็ ต้น 5) สื่อหลกั เช่น ทีวี นสพ. โดยการเขียนขา่ วแจก สมั ภาษณ์ 6) การเรียนการสอนในสถานศกึ ษา 1.3 ประชาชนทั่วไป และชมุ ชน ประเดน็ สอ่ื สารความเสยี่ ง 1) การท�ำ ลายแหล่งเพาะพนั ธย์ุ ุงในบ้าน-รอบบา้ น และในชุมชน 2) ความร้เู ร่ืองโรค การดูแลสขุ ภาพตนเอง และการปอ้ งกนั การตดิ เชือ้ 3) การสังเกตอาการปว่ ยและไปพบแพทย์ ช่องทางส่อื สาร 1) ส่ือบคุ คล เชน่ อสม. บุคลากรทางด้านการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ 2) สอ่ื สงิ่ พิมพ์ ค่มู อื แผน่ พบั 3) เสียงตามสาย หอกระจายขา่ ว รถประชาสัมพันธ์ 4) สอ่ื โซเซียล เชน่ เว็บไซต์ เฟสบู๊ค ไลน์ ทวติ เตอร์ ยทู ูป เปน็ ต้น 5) สอ่ื หลกั เช่น ทวี ี นสพ. โดยการเขยี นขา่ วแจก สมั ภาษณ์ 6) การเรียนการสอนในสถานศกึ ษา 46 แนวทางการส่อื สารความเสย่ี ง ในภาวะวกิ ฤติ
Search