คมู่ อื ความรู้สาํ หรับประชาชน และเครอื ข่าย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรค และดแู ลสขุ ภาพในภาวะ น้ําทว่ ม สาํ นักส่อื สารความเสี่ยงและพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ กรมควบคมุ โรค
ชือ่ หนังสือ : คู่มือความรู้สําหรับประชาชนและเครือข่าย เรือ่ งการป้องกันโรคและดแู ลสุขภาพในภาวะนํ้าท่วม จดั พิมพโ์ ดย : สํานักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ปีทจี่ ดั พิมพ์ กรมควบคมุ โรค จํานวนพมิ พ์ พมิ พ์ที่ : กันยายน 2560 ISBN : 37,000 เล่ม : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั : 978-616-11-3513-3
คํานํา ภยั ธรรมชาติโดยเฉพาะอุทกภยั เปน็ ส่ิงทไี่ ม่อาจหลีกเลีย่ งได้ในปจั จบุ ัน ซึ่งส่งผลกระทบและความเสียหายขึ้นมากมาย ได้แก่ ผลกระทบด้าน สิ่งแวดล้อม ทีเ่ กิดจากนํ้าท่วม เกิดปญั หาอุปสรรคต่อการดําเนินชีวิตของผู้ประสบภัย สร้างความกดดัน เกิดความสูญเสียด้านทรัพย์สิน เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ขึน้ มากมาย อย่างฉับพลัน รวดเร็ว ถือเป็นภาวะวิกฤต และภาวะอันตราย ผลกระทบ ด้านสุขภาพของผปู้ ระสบภัยซึง่ มกั เกดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ โรคติดต่อ หรอื เกิดโรคระบาดขึน้ กรมควบคุมโรคมีมาตรการในการป้องกันควบคุมโรคติดต่อมิให้เกิด การแพร่ระบาดซ้ําเติมความเดือดร้อนของประชาชนและเครือข่าย โดยได้จัดทีม เจา้ หน้าทีส่ าธารณสุขทุกพืน้ ทที่ ีป่ ระสบภยั น้ําทว่ ม ในการดแู ลสุขภาพป้องกนั โรค แกป่ ระชาชน อกี ท้ังให้การสนับสนุนยาชดุ ทีจ่ าํ เปน็ ให้แก่พนื้ ทีป่ ระสบภัย ท้ังนี้การ สื่อสารความเสี่ยงโรคและภัยสุขภาพ ซึ่งเป็นมาตรการที่สําคัญในการป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพจากภาวะนํ้าท่วมขัง รวมท้ังสร้างความเชื่อมั่น ความรู้ ความตระหนักถึงมาตรการป้องกันโรค ลดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนและ เครือข่าย เพือ่ ให้ข้อมูลโรคและภัยสุขภาพทีร่ วดเร็ว ทันเวลา ทันต่อสถานการณ์ แก่ประชาชนและเครือข่าย พร้อมท้ังสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพและความ เข้มแข็งในการจัดการระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ สํานัก สื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพจึงจัดทําโครงการผลิตและพัฒนา คมู่ อื ความรสู้ ําหรบั ประชาชนและเครอื ขา่ ย การป้องกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะ น้ําท่วม เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมสําหรับประชาชนผู้ประสบภัย ใหล้ ดความเสี่ยงต่ออนั ตราย ลดการเจ็บป่วย และลดการเกิดโรคติดตอ่ ตา่ งๆ เมือ่ เกดิ ภยั จากน้ําทว่ มตอ่ ไป นายแพทย์เจษฎา โชคดํารงสุข อธบิ ดกี รมควบคมุ โรค กันยายน 2560
สารบญั 1. การเตรยี มพรอ้ มกอ่ นนํ้าทว่ ม.........................................................7 2. การป้องกนั ไฟฟ้าดดู ระหวา่ งนํ้าทว่ ม............................................10 3. นํ้าดืม่ และนํ้าใช้สะอาด................................................................13 4. อาหารสุก ร้อน สะอาด และปลอดภยั ..........................................16 5. จะดูแลตนเองเบือ้ งตน้ อยา่ งไร เมอื่ มีอาการท้องรว่ ง...................18 6. ลา้ งมอื สะอาด รา่ งกายสะอาด ป้องกนั โรคได.้ ..............................20 7. ขบั ถา่ ยในส้วมถกู สุขลกั ษณะ หยดุ การแพรโ่ รคระบาด.................22 8. การจดั การขยะทถี่ กู ตอ้ ง...............................................................24 9. การป้องกันอบุ ตั เิ หตุ และการดูแลบาดแผล................................26 10. ใส่รองเทา้ บทู๊ ช่วยป้องกันบาดแผลและป้องกนั โรคได.้ ..............27 11. การดแู ลบาดแผล และนํ้ากดั เทา้ .................................................29 12. การป้องกนั การเสียชวี ติ จากการจมน้ํา.........................................31 13. การทาํ เสื้อชชู พี จากวสั ดเุ หลอื ใช.้ .................................................34 14. การปฏบิ ัตติ วั เมอื่ ถูกสัตว์ แมลงมีพิษกัด.....................................36 - งกู ดั ...................................................................................36 - แมลง และสัตวอ์ ืน่ ๆ.........................................................38 - ปลงิ .................................................................................39 15. การดแู ลสัตวเ์ พอื่ ป้องกนั โรคตดิ ตอ่ ระหวา่ งสัตวแ์ ละคน..............40
16. โรคตดิ ตอ่ ทพี่ บบอ่ ยในชว่ งนํ้าทว่ ม และหลงั นํ้าลด.......................43 1. โรคผวิ หนัง.......................................................................43 2. โรคตาแดง........................................................................44 3. โรคระบบทางเดินหายใจ.................................................45 - ไข้หวดั ......................................................................45 - ไขห้ วดั ใหญ.่ ..............................................................46 - โรคปอดบวม.............................................................47 4. โรคหดั .............................................................................48 5. โรคมอื เทา้ ปาก...............................................................50 6. โรคอจุ จาระร่วง................................................................52 7. โรคฉี่หนู...........................................................................54 8 โรคเมลอิ อยโดสิส..............................................................56 9. โรคไข้เลือดออก...............................................................57 10. โรคมาลาเรยี ....................................................................59 17. การปฏิบตั ิตวั หลังน้ําลด..............................................................60 การดแู ลบา้ นเรอื น สิ่งของ เครอื่ งใช้ และอาหารหลงั นํ้าลด............................................................60 การปรบั สภาพชวี ติ สู่สภาพปกต.ิ ..........................................62 การระมดั ระวงั โรคระบาดหลงั น้ําทว่ ม.....................................62 - การป้องกนั และกาํ จดั ยงุ ลาย......................................62 - การป้องกนั และกาํ จดั ยงุ กน้ ปลอ่ ง..............................64 - การป้องกันและกาํ จดั แมลงวัน...................................65 18. ทาํ อยา่ งไร เมอื่ เชอื้ รามาเยือนบา้ นหลงั นํ้าลด............................67 19. บทสรปุ .........................................................................................72 อา้ งองิ ..................................................................................................74
1 การเตรยี มพรอ้ ม กอ่ นน้ําท่วม การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสําคัญยิ่ง ไม่ควรประมาทว่าจะไม่เกิด นํ้าท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประวัตินํ้าท่วมมาก่อน หรือพื้นที่เสี่ยง ควรเตรียมพรอ้ ม ดังนี้ 1. ตดิ ตามข่าวและสถานการณ์น้ําท่วมอย่างสมา่ํ เสมอ สํานกั ส่ือสารความเสีย่ งและพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ 7 กรมควบคุมโรค
2. เ ต รี ย ม น้ํ า ส ะ อ า ด อ า ห า ร อาหารกระปอ๋ ง ยาท่ีจําเป็นต่างๆ เช่น ยาลดไข้ ยาหยอดตา ยาใส่แผล ผง นํ้าตาลเกลือแร่ ยาประจําตัวสําหรับผู้ที่ มีโรคประจําตัว อุปกรณ์ที่จําเป็น เช่น อปุ กรณ์การสื่อสารพรอ้ มแบตเตอรสี่ ํารอง อปุ กรณ์ ชูชีพ ไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉาย เทียนไข ไม้ขีดไฟ ถงุ ขยะ หรอื ถงุ พลาสตกิ ให้เพยี งพอ ให้สามารถชว่ ย ตนเองได้ 5 - 7 วัน 3. ศึกษาแผนปฏิบัติในกรณีฉุกเฉินของชุมชน สัญญาณตา่ งๆ การตดิ ตอ่ การเตอื นภยั เส้นทางการอพยพ แ ล ะ ส ถ า น ที่ ต้ั ง ที่ พั ก ฉุ ก เ ฉิ น ห รื อ ศนู ย์อพยพ 4. เตรียมช่องทางติดต่อกับหน่วยงานใน ท้องถิ่น ชุมชน สําหรับความต้องการช่วยเหลือ กรณีพิเศษ เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วย โรคเรือ้ รัง ผพู้ กิ าร 5. หากมีสัตว์เล้ียง ให้เตรียมสิ่งของจําเป็น สําหรบั การดแู ลสัตว์ เชน่ อาหาร พนื้ ทสี่ ําหรบั สัตว์ รวมทั้งการป้องกนั โรคทีอ่ าจเกดิ จากสัตวส์ ู่คน 8 คู่มือความรู้สาํ หรบั ประชาชนและเครือขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
6. การเตรียมการเกยี่ วกับระบบไฟฟา้ ในบา้ น 6.1 เคลือ่ นย้ายเครือ่ ง ใช้ไฟฟ้ าไปติดต้ังในจุดที่ ป ล อ ด ภั ย ที่นํ้ า ท่ ว ม ไ ม่ ถึ ง และติดตั้งให้มั่นคง ป้องกัน การหล่นลงน้ําขณะที่ใช้งาน ได้แก่ พัดลม หม้อหุงข้าว ไฟฟ้า กาต้มนํ้าไฟฟ้า เปน็ ต้น 6.2 ตัดวงจรไฟฟ้าชนิดทีต่ ิดตั้ง กับที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหนีน้ํา ได้ เครือ่ งป้ มั น้ํา เครือ่ งซักผ้า โดย การถอดปล๊กั ออก 6.3 ยกระดับปลั๊กไฟให้สูงขึ้น จ า ก พื้ น ที่ คิ ด ว่ า จ ะ ถู ก นํ้ า ท่ ว ม ประมาณ 1 - 1.2 เมตร หรอื ถ้าไม่ สามารถ ยกระดับปล๊ักได้ ให้ตัดวงจรไฟฟ้าที่เต้ารับ หรือสวิทช์หลักที่นํ้าท่วมถึง รวมทั้งตัดวงจร ไฟฟ้าโคมไฟทรี่ วั้ บา้ น โคมไฟทสี่ นาม ไฟกริง่ และเครอื่ งใช้ไฟฟ้าอนื่ ๆ ทีเ่ ดินสายไฟฝงั ใต้ดิน สํานักส่ือสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ 9 กรมควบคุมโรค
2 การปอ้ งกนั ไฟฟา้ ดูดระหว่างน้ําทว่ ม 1) ไม่เปิด ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้า ขณะมือ หรอื ตัวเปยี ก หรอื ยนื อยใู่ นนํ้า 2) อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ย้ายหนีนํ้า ก่อนใช้งาน ต้อง จดั วางใหอ้ ย่ใู นทมี่ ่ันคงป้องกันการตกหลน่ ลงนํ้า เชน่ ปล๊กั พว่ ง พัดลม หม้อหุงขา้ ว เปน็ ต้น 10 คมู่ อื ความรู้สาํ หรบั ประชาชนและเครือขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
3) พบเหน็ สายไฟฟา้ หรอื อปุ กรณ์ ไฟฟา้ แช่ในนํ้า หา้ มเข้าใกลห้ รอื จับต้อง 4) กรณีใช้เครื่องสูบนํ้าไฟฟา้ สูบนํ้า ออกจากบ้าน ต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว เพือ่ ป้องกนั ไฟฟ้าดดู ซึง่ ต้องระวงั เปน็ พเิ ศษ เ พ ร า ะ มี ร า ย ง า น ผู้ เ สี ย ชี วิ ต จ า ก ไ ฟ ฟ้ า ดู ด เนื่องจากจับต้องเครื่องสูบนํ้าไฟฟ้า ขณะ มือ หรอื ตวั เปยี กนํ้า 5) เพอื่ ปอ้ งกนั อนั ตราย ไฟฟา้ ดูด ควรหลกี เลีย่ ง หลีกเลีย่ ง และไมจ่ บั ต้องกิง่ ไม้ ใกล้แนวสายไฟฟ้า เพราะกงิ่ ไม้อาจถกู ลมพัด ไปแตะสายไฟฟ้าแรงสูง สํานกั ส่ือสารความเสีย่ งและพฒั นาพฤตกิ รรมสุขภาพ 11 กรมควบคุมโรค
หลีกเลีย่ งและ ไม่จบั ตอ้ งสายไฟฟา้ ขาด ทหี่ อ้ ยลงมา เพราะอาจมกี ระแสไฟฟ้าอยู่ และห้ามผ้อู ืน่ เข้าใกลก้ ิง่ ไม้ อาจถกู ลมพดั ไปแตะ สายไฟฟ้าแรงสูง หลีกเลยี่ งและ ไม่จบั ตอ้ งโคมไฟสาธารณะ ทีเ่ ปน็ เสาเหลก็ เพราะอาจมี กระแสไฟฟ้ารั่ว 12 คูม่ ือความรู้สําหรับประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
3 น้ํ าด่มื และน้ํ าใช้สะอาด ในสถานการณน์ า้ํ ทว่ ม ประชาชนจะขาดแคลนนํ้า สะอาด สําหรับดืม่ และใช้ใน ชีวติ ประจําวนั เนื่องจากการ จัดส่งนํ้าประปา ไม่สามารถ ดําเนินการได้ตามปกติ รวมท้ัง แหล่งน้ํ าในธรรมชาติถูก ปนเป้ อื นดว้ ยเชอื้ โรค และสิ่งปฏกิ ลู ทมี่ ากบั นํ้าทว่ ม ทาํ ใหป้ ระชาชนเสี่ยง ตอ่ การเจบ็ ป่วยจากโรคตดิ ตอ่ ทางอาหารและน้ํา ประชาชนควรเรยี นรวู้ ธิ ี การทาํ น้ําดมื่ นํ้าใช้ ใหส้ ะอาดไว้ใช้เองในครัวเรอื น ดงั นี้ 1. การต้มน้ํา โดยต้มให้เดือดนาน 5 นาที เพื่อทําลายเชื้อโรคในน้ํา และช่วยทําลายความ กระด้างของนํ้าได้ นํ้าที่นํามาต้มควรเป็นนํ้าที่ใส สะอาดผ่านการกรองหรือทาํ ให้ตกตะกอนแล้ว 2. ใชส้ ารส้ม โดยใชส้ ารส้มกวนในนํ้า ทงิ้ ไวส้ ักครู่ สังเกตตะกอน ในนํ้าเรมิ่ จบั ตวั นําสารส้มออก ใชม้ อื เปลา่ กวนน้ําตอ่ อกี 1 - 2 นาที ตง้ั ทงิ้ ไวจ้ นตกตะกอน ใช้สายยางจุ่มไปที่ก้นภาชนะบริเวณที่เกิดตะกอน ดดู ตะกอนออกจนหมด เหลือแต่นํ้าใส เติมคลอรนี ตามปรมิ าณ และวธิ ีการทกี่ าํ หนดก่อนการนําไปใช้ สํานักส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 13 กรมควบคุมโรค
3. การใช้คลอรีน เพือ่ ฆา่ เชอื้ โรคในน้ํา สามารถทําไดโ้ ดย - คลอรีนชนิดผง ผสมผงปูนคลอรีน 60% ในอัตราส่วน คลอรีน ½ ช้อนชา ในน้ํา 1 แก้ว คนให้เข้ากันทิ้งไว้ให้ตกตะกอน รินเฉพาะส่วนที่เป็นนํ้าใสผสมในนํ้าสะอาด 10 ป๊ ีบ ต้ังทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทกี ่อนนําไปใช้ - คลอรีนชนิดเม็ด มหี ลายขนาด เช่น ขนาด 2.5 กรมั 3 กรัม หรือ 5 กรมั ต่อเม็ด ใหผ้ สมนํ้าในสัดส่วนตามฉลากทรี่ ะบุไว้ขา้ งกระป๋อง - คลอรีนชนิดนํ้า ใช้หยดลงในน้ํา 1 - 2 หยดตอ่ น้ํา 1 ลิตร 14 ค่มู ือความร้สู าํ หรบั ประชาชนและเครือขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
4. ปิดฝาภาชนะใส่นํ้าให้มิดชิด ยกภาชนะหรือถ่ายนํ้าไปยัง ภาชนะที่เคลื่อนย้ายสูง น้ําท่วมไม่ถึง และจัดให้มีภาชนะที่สะอาด สําหรบั ตักน้ํา 5. ใช้ชุดปรับปรุงคุณภาพนํ้าดื่มภาวะฉุกเฉิน (V9) ซึ่ง สํานักงานป้องกันควบคมุ โรคที่ 2 พิษณุโลกไดพ้ ฒั นาขนึ้ เพือ่ ปรบั ปรุง คุณภาพน้ําให้สะอาด ปลอดภัย สามารถนํามาดื่มในภาวะฉุกเฉินได้ โดยเฉพาะประชาชนผขู้ าดแคลนน้าํ สะอาดดมื่ ในพนื้ ทปี่ ระสบภยั ชดุ อปุ กรณ์ (V9) ประกอบดว้ ย ขวดบรรจนุ ํ้าสารส้ม 15 ซซี ี และขวดบรรจุน้ําคลอรีน 15 ซซี ี วิธีการปรับปรุงคุณภาพน้ํา นําน้ําดิบจากแหล่งน้ําผิวดิน เช่น หนองนํ้า คลอง บ่อนํ้า เป็นต้น ใส่ลงในขวดขนาด 0.70 - 1.5 ลิตร (ประมาณขวดน้ําปลา หรือ ขวดน้ําอัดลมขนาดใหญ่) หยดน้ําสารส้ม 3 - 5 หยด ตามเกณฑ์ขนาดความจุขวด เขย่าหรือกลับขวดไปมา 30 ครั้ง ต้ังทิง้ ไว้ 12 - 24 ชว่ั โมง แลว้ หยดน้ําคลอรนี 1 - 2 หยด ต้ัง ทงิ้ ไว้ 30 นาที เพอื่ ใหค้ ลอรนี ออกฤทธทิ์ าํ ลายเชอื้ โรค ผลการตรวจสอบ คณุ ภาพน้ําทผี่ า่ นการปรบั ปรงุ ดว้ ยวธิ นี ี้ไดม้ าตรฐานทางกายภาพ และมี คลอรีนอิสระตกค้างอยู่ในเกณฑ์คุณภาพนํ้าประปา จึงเหมาะสําหรับ การนํามาดืม่ และใชไ้ ด้ 6. ในกรณีใช้น้ําดมื่ บรรจขุ วด จะต้องดูตราเครือ่ งหมาย อย. (กอ่ นดมื่ ใหส้ ังเกตความสะอาดของนํ้าภายในขวด วา่ มสี ิ่งปลอมปนหรอื ไม)่ ควรทําลายขวด ภาชนะบรรจุ โดยทุบ บีบให้เล็กลง ก่อนนําไปทิ้งใน ถงุ ดาํ เพือ่ ง่ายและสะดวกตอ่ การนําไปกําจัด สํานักส่ือสารความเสีย่ งและพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ 15 กรมควบคมุ โรค
4 อาหารสกุ ร้อน สะอาด และปลอดภยั ในช่วงเวลานํ้าท่วม อาหารเป็นปจั จัยแรกที่ทุกคนต่างกลัวว่า จะได้รับผลกระทบและขาดแคลน ผู้คนจึงกักตุนอาหารที่คิดว่าจําเป็น ตอ่ การยงั ชพี ทง้ั อาหารสด อาหารแหง้ และอาหารปรงุ กึง่ สําเรจ็ รปู ตา่ งๆ เช่น บะหมี่กึง่ สําเร็จรูป อาหารกระป๋อง เป็นต้น อย่างไรก็ดี การใส่ใจ อาหารทรี่ บั ประทาน ตง้ั แตว่ ตั ถดุ บิ เครอื่ งปรงุ ภาชนะทใี่ ชใ้ นการประกอบ อาหาร ภาชนะใส่อาหาร ต้องสะอาด ถกู สุขลักษณะ เกบ็ รกั ษาอาหารใหม้ ิดชิด ปลอดภัยจากแมลงวัน และสัตว์นําโรค หลีกเลี่ยงอาหารที่เน่าเสียได้ง่าย เพื่อ ป้องกันการเกิดโรคระบบทางเดินอาหาร ต้องมีพฤติกรรมอนามัยที่ถูกต้อง คือ กนิ อาหารปรงุ สุกใหม่ รอ้ น ใชช้ อ้ นกลาง ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดกอ่ นกนิ อาหาร และหลงั ขบั ถา่ ย 16 คมู่ ือความรู้สาํ หรบั ประชาชนและเครือขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
ในสถานการณ์นํ้าท่วม หากได้รับอาหารกล่องหรืออาหาร บรรจถุ ุงพรอ้ มบริโภค ควรปฏิบตั ิดงั นี้ 1. ควรกนิ ภายใน 2 - 4 ช่ัวโมง ไม่ควรเก็บอาหาร ไวน้ านข้ามมือ้ อาหาร 2. ใหส้ ังเกตลักษณะสภาพ สี กลิน่ ของ อาหารว่า บูด เสีย หรือไม่ หากอาหารมี ลักษณะผิดปกติ ห้ามชิมหรือกิน ให้ทิ้งใน ถุงดํา และนําไปกําจดั ต่อไป 3. หากต้องนําอาหารค้างมื้อ มากิน ควรอนุ่ ใหร้ ้อนอย่างถวั่ ถงึ ก่อน 4. อาหารจากการบริจาค เช่น อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสําเร็จรูป และ อาหารกระป๋อง ก่อนจะบริโภคควร ตรวจวนั หมดอายุ หรือดสู ภาพ สี กลิน่ และภาชนะบรรจุ หากหมดอายุหรือ มีลกั ษณะผิดปกตใิ หท้ ิง้ ทันที 5. สําหรับผู้ที่ดูแลผู้อพยพหรือคนในชุมชนจํานวนมาก ควร จัดต้ังโรงประกอบอาหาร เพือ่ ประกอบอาหารสดใหม่ กรณีรับประทาน อาหารที่ได้จากการบริจาคเป็นอาหารกล่อง ควรแจกจ่ายให้ประชาชน บริโภคเฉพาะทีป่ รุงสุก ใหม่ และร้อนเท่านั้น สํานกั ส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤตกิ รรมสุขภาพ 17 กรมควบคมุ โรค
5 จะดแู ลตนเองเบ้ืองต้นอยา่ งไร เม่อื มีอาการทอ้ งรว่ ง ให้ปฏิบตั ติ ัวตอ่ ไปนี้ อาการอุจจาระร่วงหรือท้องร่วง พบได้เสมอเมื่อเกิดภาวะนํ้าท่วมขัง เนื่องจากการขาดแคลนอาหาร การกักตุนอาหาร อาหารปนเป้ อื น และ การเกบ็ อาหารทีป่ รุงสุกไว้นานหรอื คา้ งมอื้ ขอใหป้ ระชาชนปฏิบตั ดิ ังนี้ 1. กนิ อาหารออ่ นยอ่ ยงา่ ย และดมื่ ของเหลวมากกวา่ ปกติ เชน่ นาํ้ แกงจดื นํา้ ขา้ วใสเ่ กลอื เปน็ ตน้ 2. ดื่มสารละลายนํ้าตาล เกลือแร่ โอ อาร์ เอส ผสมตาม สัดส่วนทีร่ ะบุขา้ งซอง 18 คมู่ ือความรสู้ ําหรบั ประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
3. เตรียมสารละลายเกลอื แร่เอง โดยผสมนํ้าตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ กับเกลือป่นครึง่ ชอ้ นชา ละลายในนํ้าต้มสุกทีเ่ ยน็ แล้ว 1 ขวดกลม หรือ 750 ซีซี ให้ผู้ป่วยดมื่ บอ่ ย ๆ หากดืม่ ไม่หมดใน 1 วนั ควรเททงิ้ 4. เด็กท่ีกินนม ให้กินนมได้ตามปกติ เพือ่ ป้องกันการขาดนํ้า เกลอื แร่ และขาดสารอาหาร 5. รบี พามาพบแพทยท์ ันที หากอาการไมด่ ีขึน้ หรือเมื่อถ่ายเป็นน้ําจํานวนมาก อาเจียนบ่อย กิน อาหารหรือดื่มน้ําไม่ได้หรือได้แต่น้อยมาก มีไข้ ออ่ นเพลยี มาก ถา่ ยอจุ จาระเปน็ มกู เลอื ด โดยเฉพาะ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรแจ้งแพทย์ หรอื เจ้าหน้าทสี่ าธารณสุขทันที สํานกั ส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤตกิ รรมสุขภาพ 19 กรมควบคุมโรค
6 มือสะอาด ร่างกายสะอาด ปอ้ งกนั โรคได้ มือ เป็นอวัยวะสําคัญที่ใช้สัมผัสกับร่างกายของตนเอง และ สิ่งแวดลอ้ มทว่ั ๆ ไป ถา้ มอื สกปรกกจ็ ะเปน็ แหลง่ แพรเ่ ชอื้ โรคได้ โดยมอื อาจเปรอะเป้ อื นสิ่งสกปรก เชน่ ขยะมูลฝอย อาหารดบิ เปน็ ต้น ผู้ป่วย โรคติดเชื้อทางเดินหายใจมีโอกาสที่จะใช้มือสัมผัสนํ้ามูก นํ้าลายของ ตวั เอง และเชือ้ จะไปปนเป้ อื นกบั สิ่งของรอบ ๆ ตัว ทําใหค้ นอืน่ ๆ ทีใ่ ช้ มือหยิบจับสิ่งของเหล่านั้นได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เมื่อใช้มือมา จบั ตอ้ งเยอื่ บุจมูก ตา และปาก ดังนั้ น จึงต้องดูแลรักษาให้ “มอื สะอาดและมสี ุขภาพด”ี ตดั เลบ็ มอื ให้ ส้ันอยเู่ สมอ กรณีมแี ผลทมี่ อื และนิ้วมอื ตอ้ ง รกั ษาใหห้ ายหรอื ใส่ยาปดิ พลาสเตอรไ์ ว้ และ ล้างมือให้สะอาดด้วยนํ้าและสบู่ หรือใช้ แอลกอฮอลเ์ จลทําความสะอาดมอื ทกุ ครงั้ 20 คู่มอื ความรสู้ ําหรับประชาชนและเครือขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
หลงั ไอ จาม หรอื สั่งน้ํามกู กอ่ นและหลงั จากสมั ผสั ผปู้ ว่ ย ก่อนรับประทานอาหาร ก่ อ น แ ล ะ ห ลั ง ก า ร เ ต รี ย ม และป้อนอาหารให้เดก็ หลังการขับถ่าย สัมผัสสัตว์ หรอื ขยะตา่ งๆ วธิ ที ีง่ า่ ย สะดวก และประหยัดทสี่ ุด คอื การลา้ งมือใหส้ ะอาดด้วยสบูแ่ ละนํ้าสะอาด โดยถซู อกนิ้วมอื ฝ่ามือ หลงั มือ และรอบขอ้ มือให้ทว่ั ถึง แลว้ เชด็ มือให้แหง้ ด้วยผา้ สะอาด หรือหากปฏิบัติไม่ได้ ใหใ้ ช้แอลกอฮอล์เจล ทําความสะอาดมืออย่างน้อย 30 วินาทีแทน สํานกั ส่ือสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ 21 กรมควบคุมโรค
7 ขับถ่ายในสว้ มถูกสุขลกั ษณะ หยุดการแพร่โรคระบาด น้ําท่วมเขา้ ส้วมไม่ได้ แตต่ ้องถา่ ยอย่างไม่แพรเ่ ชือ้ โรค ควรถ่ายในห้องส้วมทีย่ ังใช้การได้ กรณีไม่สามารถใช้ห้องส้วมได้ ควรขบั ถา่ ยลงในถงุ ดาํ ใส่ปนู ขาวหรอื น้ํายาฆา่ เชอื้ โรคลงในถงุ ใส่อจุ จาระ แล้วมัดปากถุงให้แน่น กรณีไม่มีปูนขาวหรือน้ํายาฆ่าเชือ้ โรค หลังถ่าย เสรจ็ ให้มดั ปากถุงใหแ้ น่น แล้วรวบรวมส่งไปกําจดั อยา่ งถกู วิธี กรณีทไี่ มม่ สี ้วม อาจทาํ ส้วมชวั่ คราวอยา่ งงา่ ยใชย้ ามฉุกเฉิน ดงั นี้ ส้วมช่ัวคราวแบบท่ี 1 นํากล่องกระดาษใส่ของที่มีความหนา และแข็งแรงพอสมควร เช่น ลงั ใส่ของ ลงั เบียร์กระดาษขนาด กลางหรือขนาดใหญ่ เจาะรู ด้านบน จากนั้นใช้ถุงพลาสตกิ หรือถุงดําสวม เพือ่ รองรับของ เสียจากร่างกาย 22 คู่มอื ความร้สู าํ หรบั ประชาชนและเครือขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
ส้วมชั่วคราวแบบที่ 2 นํากล่องกระดาษใส่ของที่มีความหนา และแข็งแรงพอสมควร เช่น ลังใส่ของ ลังเบียร์กระดาษขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ เจาะรูด้านบน หากเป็นเด็กเล็ก ก็อาจใช้กระดาษแข็ง เจาะรูแล้วประกอบเข้ากับกล่องเพิ่มเติม เพื่อให้มีขนาดเหมาะสมกับ ร่างกาย จากน้ันใช้ถุงพลาสติกหรือถุงดําสวม เพื่อรองรับของเสีย จากรา่ งกาย ส้วมช่ัวคราวแบบที่ 3 ใช้เก้าอี้พลาสติกมีขา นํามาเจาะรู ตรงกลางที่นั่ง วางถังพลาสติกไว้ใต้เก้าอี้ จากน้ันใช้ถุงพลาสติกหรือ ถุงดาํ สวม เพือ่ รองรบั ของเสียจากรา่ งกาย สาํ นกั ส่ือสารความเสีย่ งและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ 23 กรมควบคุมโรค
8 การจดั การขยะ ที่ถกู ต้อง ขยะมูลฝอยส่วนใหญ่ที่ออกจากครัวเรือนช่วงน้ําท่วม ได้แก่ ถุงพลาสติก ขวด หนังสือ เศษไม้ ตู้ เตียง ทีวี ทนี่ อนและเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้า อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ทั้งหลาย เพราะบ้านบางหลัง ไม่ได้ขนย้าย ข้าวของพวกนี้ได้ทัน ทําให้ได้รับความเสียหายท้ังหมด รวมท้ัง ขยะมูลฝอยที่เกิดจากการประกอบอาหาร การใช้ชีวิตประจําวัน และ สิ่งของที่เสียหายจากนํ้าท่วม หากไม่มีการรวบรวมนําไปกําจัดอย่าง ถูกต้อง อาจทําให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ ซ่ึงส่วนใหญ่ มักเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคท้องร่วง หรือเป็น แหล่งใหเ้ กิดสัตวพ์ าหะนําโรคตา่ งๆ เช่น แมลงวัน เปน็ ต้น ดังนั้น ในการจดั การขยะ ควรมีการคัดแยกขยะ ดังนี้ 1. ขยะมูลฝอยประเภทเศษอาหาร หรือขยะย่อยสลาย หรือ ขยะเปียก คือ เศษอาหารที่เหลือจากการกินในแต่ละวันที่มากถึงกว่า ร้อยละ 46 ควรทงิ้ ลงในถุงดํา มัดปากถุงให้แน่น เพือ่ ป้องกันหนู และ แมลงวัน เพื่อสะดวกในการเก็บขนไปกําจัดได้ทุกวัน จากนั้นรวบรวม ให้หน่วยงานทเี่ กยี่ วข้องนําไปกาํ จดั โดยเรว็ ก่อนบดู เน่า 24 ค่มู ือความร้สู าํ หรับประชาชนและเครือข่าย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสขุ ภาพในภาวะน้ําท่วม
2. ขยะทว่ั ไป หรอื มลู ฝอยทว่ั ไป คอื ขยะประเภทอนื่ นอกเหนือจากขยะยอ่ ยสลาย ขยะรไี ซเคลิ และขยะอนั ตราย มลี กั ษณะยอ่ ยสลายยาก และไมค่ มุ้ คา่ สําหรบั นํากลบั มาใช้ ประโยชน์ใหม่ เช่น ห่อพลาสติกใส่ขนม ถุงพลาสติกบรรจุ ผงซกั ฟอก พลาสตกิ หอ่ ลกู อม ซองบะหมกี่ งึ่ สําเรจ็ รปู ถงุ พลาสตกิ เป้ อื นเศษอาหาร เปน็ ต้น ให้ทิง้ ลงในถุงดาํ มดั ปากถงุ ให้แน่น รอนําไปกาํ จัดเชน่ เดียวกบั มลู ฝอยประเภทเศษอาหาร 3. ขยะรไี ซเคลิ หรือ มูลฝอยที่ยังใช้ได้ คือ ของเสียบรรจุภัณฑ์ หรือ วัสดุเหลือใช้ที่นํากลับมา ใชไ้ ด้ใหม่ เช่น แกว้ กระดาษ กระป๋องเครือ่ งดืม่ เศษพลาสตกิ เปน็ ต้น ให้เก็บแยก เพือ่ รอนํากลบั มาใชป้ ระโยชน์ใหม่ 4. ขยะอนั ตราย หรอื มลู ฝอยอนั ตราย คอื มลู ฝอยทปี่ นเป้ อื น อาจเปน็ วสั ดทุ รี่ ะเบดิ ได้ วัตถุไวไฟ วตั ถุมีพิษ รวมทงั้ วตั ถอุ ืน่ ๆ ทอี่ าจก่อ ใหเ้ กดิ อนั ตรายแกบ่ คุ คล สัตว์ พชื หรอื ทรพั ยส์ ิน เชน่ หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ถา่ นไฟฉาย ตอ้ งแยกทงิ้ และปดิ ปา้ ยขยะอนั ตราย ถงั ขยะควรทาํ ดว้ ยวสั ดุ แขง็ แรง ทนทาน ไมร่ ่วั ซมึ มคี วามจุไม่เกิน 20 ลติ ร มฝี าปดิ มิดชดิ และ ควรใชถ้ งุ พลาสตกิ รองด้านในถงั ขยะ สํานักส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 25 กรมควบคุมโรค
9 การปอ้ งกนั อบุ ตั ิเหตุ และการดูแลบาดแผล อุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงนํ้าท่วม เช่น ไฟดูด พลัดตกนํ้า จมนํ้า รวมถึงบาดแผลจากของมีคม เศษแก้วบาด แผลถลอก แผล ถูกตํา แผลฟกช้ําต่างๆ เป็นต้น ซึ่งอาจติดเชื้อโรคแทรกซ้อน และ เปน็ สาเหตุทาํ ใหเ้ สียชีวิตได้ การปอ้ งกัน ตัดไฟฟ้าในบ้าน โดยสับคัทเอาต์ของบ้าน เพอื่ ตัดไฟ ป้องกันไฟฟ้าร่ัว ไฟฟ้าดูด ถอดปล๊กั อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน เกบ็ กวาดขยะ วตั ถทุ แี่ หลมคม ตะปู ในบรเิ วณ พนื้ บา้ น และทางเดินอย่างสมํา่ เสมอ ระมัดระวัง และดูแลเด็กอยา่ งใกล้ชดิ อยา่ ให้ เลน่ นํ้า เพราะอาจพลัดตกจมนํ้าได้ สวมใส่รองเท้าขณะเดินในนํ้า เพื่อป้องกัน อบุ ัติเหตจุ ากของมีคม 26 คมู่ อื ความรสู้ าํ หรบั ประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
10 ใสร่ องเทา้ บ๊ทู ช่วยปอ้ งกัน บาดแผลและปอ้ งกันโรคได้ เมอื่ เกดิ นํ้าทว่ ม อาจเกดิ อบุ ตั เิ หตจุ ากการเดนิ ไปชนหรอื เหยยี บ ของมีคมต่างๆ ทําให้เกิดบาดแผล และก่อให้เกิดโรคตามมา เช่น แผลติดเชอื้ นํ้ากดั เท้า เปน็ ตน้ ดงั นั้น ถา้ จําเปน็ ตอ้ งเดินยํ่านํ้า ไม่ควร ใส่รองเท้าที่อบท้ังวัน และไม่ใส่รองเท้าที่เปียกชื้น ควรใส่รองเท้าบู๊ท กันน้ํา หากน้ําล้นเข้าไปในรองเทา้ บู๊ท ให้ถอดแล้วเทน้ําในรองเท้าออก เปน็ คราวๆ ไม่ควรแชน่ ํ้าอย่ตู ลอดเวลา หลังการเดนิ ยํ่าน้ําทุกครั้ง ต้อง ลา้ งเทา้ ใหส้ ะอาด ฟอกสบใู่ หท้ ว่ั และใชผ้ า้ สะอาดเชด็ ใหแ้ หง้ โดยเฉพาะ ตามซอกนิ้วเท้า หากมีบาดแผลให้ใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบบาดแผล แลว้ ใส่ยาฆา่ เชอื้ เชน่ เบตาดนี เปน็ ตน้ หากหารองเทา้ บทู๊ ไมไ่ ด้ ใหใ้ ชถ้ งุ พลาสตกิ ดาํ มาประยกุ ตใ์ ช้ทาํ รองเทา้ กันนํ้าช่ัวคราว ดงั นี้ - ถงุ พลาสติกหนา เช่น ถุงดาํ หรอื ถงุ ขยะ - ถุงเท้า ถ้าเป็นชนิดยาว และหนายงิ่ ดี - รองเท้าหมุ้ ส้น เช่น รองเท้าผ้าใบ หรอื รองเทา้ กีฬา - เชือกฟาง หรือ เชือกด้าย สาํ นักส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ 27 กรมควบคุมโรค
28 คู่มือความรสู้ ําหรับประชาชนและเครือข่าย เร่อื ง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
11 การดแู ลบาดแผล และน้ํากดั เทา้ ในสถานการณ์นํ้าท่วมขังผู้ประสบภัย มักจะมีบาดแผลหรอื รอยขดี ข่วน ซึง่ ส่วนมาก เกิดจากการเหยียบสิ่งของมีคมใต้นํ้า และ บาดแผลจากการยํ่าลุยนํ้าเป็นเวลานาน เกิด เป็นบาดแผลน้ํากัดเท้า ถ้าดูแลรักษาไม่ดี อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึน้ เช่น แผลติดเชือ้ จากแบคทีเรียเกิดหนอง เป็นแผลเรื้อรัง เกิดการเน่าของเนื้อเยื่อ จน บางครง้ั อาจตอ้ งตดั อวยั วะส่วนน้ันทิง้ ไป หรอื เสียชวี ติ ได้ ผทู้ มี่ บี าดแผล หรอื มีรอยขีดข่วนตามผิวหนัง ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยนํ้า เพื่อ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าแผล แล้วเกิด อาการอกั เสบรุนแรง เนื่องจากน้ําทว่ มขัง มกั มสี ิ่งสกปรก และสิ่งปฏกิ ลู ปนเป้อื นอยมู่ าก 2. หากหลีกเลี่ยงการเดินลุยนํ้าไม่ได้ ขอให้สวม รองเท้าบู๊ท หรือรองเท้าบู๊ททําเองป้องกันการสัมผัสนํ้า โดยตรง หลังจากการลุยนํ้าขอให้ล้างแผลให้สะอาด และซับ ให้แห้งแผลจะคอ่ ยๆ ดีขนึ้ 3. ผู้ที่มีบาดแผลลึก ขอให้ทําแผลทุกวัน และให้สังเกตอาการ ผิดปกติ หากแผลอักเสบ บวมแดง มีหนอง หรือเนื้อที่ขอบแผล มีลักษณะซีด ขอให้ไปพบแพทย์ที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หรือสถาน พยาบาลทเี่ ปดิ บรกิ ารใกล้บา้ นทันที สํานกั ส่ือสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ 29 กรมควบคมุ โรค
4. แผลข่วน แผลถลอก หรือแผลแยกของ ผิวหนังที่ไม่ลึก จะมีเลือดออกเล็กน้อยและหยุดเอง ได้ แผลพวกนี้ไม่ค่อยมีอันตราย ให้ทําความสะอาด บาดแผล โดยใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน และ ปดิ ปากแผล แผลก็จะหายเอง 5. แผลฉกี ขาด เปน็ แผลทเี่ กดิ จากแรงกระแทก หากเปน็ วสั ดทุ ไี่ มม่ คี ม แผลมกั ฉีกขาดขอบกะรงุ่ กะรงิ่ แผลชนิดนี้เนื้อเยอื่ จะถกู ทาํ ลาย และมโี อกาสตดิ เชอื้ มาก ควรทําความสะอาดบาดแผลให้สะอาด ถ้า บาดแผลลึกมากควรนําส่งโรงพยาบาล เพราะผปู้ ่วย อาจไดร้ ับอันตรายจากการติดเชือ้ โรคได้ 6. บาดแผลจากน้ํากัดเท้า จากการเดินลุยน้ําย่ํานํ้าที่ท่วมขัง เป็นเวลานาน ทําให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ผิวหนังที่เท้าเป่ ือย ลอก แดง คนั และแสบ ถา้ ยงั เดนิ ลยุ นํ้าซาํ้ อกี กจ็ ะทาํ ใหเ้ ชอื้ โรคเขา้ ไปใน แผล ทาํ ให้อักเสบ บวมแดง เรมิ่ มหี นอง และรูส้ ึกปวด 6.1 เพอื่ ป้องกนั ไมใ่ หเ้ ปน็ โรคนํ้ากดั เทา้ ไมค่ วรแชอ่ ยใู่ นนํ้านาน จนผิวเป่ ือย ทุกครั้งที่เดินพ้นจากน้ําที่ท่วมขัง ให้ฟอกสบู่ ล้างน้ําให้ สะอาด และเช็ดให้แหง้ สนิท โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้ว 6.2 ถ้าเรมิ่ มอี าการนํ้ากัดเท้า สามารถดแู ลได้ด้วยตนเอง โดยใช้ ด่างทับทิมละลายน้ําสะอาดแช่เท้าไว้ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชอื้ รา หรอื ใชน้ ํ้ายาฆา่ เชือ้ เช็ดทาํ ความสะอาดโดยรอบแผล 6.3 ผู้ที่เป็นโรคน้ํากัดเท้า ส่วนใหญ่มักติดเชื้อราร่วมด้วย ดังน้ัน เมื่อน้ําลดและสามารถเดินทางไปพบแพทย์ได้สะดวก ควรไปรบั การตรวจ และรกั ษาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครดั เพือ่ ฆ่า เชอื้ ราให้หายสนิท 30 คมู่ ือความรู้สําหรับประชาชนและเครอื ข่าย เร่อื ง...การปอ้ งกันโรคและดแู ลสขุ ภาพในภาวะน้ําทว่ ม
12 การปอ้ งกนั การเสียชวี ติ จากการจมน้ํ า ในช่วงน้ําท่วมขัง การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจมนํ้าก็มี ความสําคญั โดยเฉพาะในกล่มุ ผ้สู ูงอายุ เดก็ เล็ก และคนเมา คําแนะนํา สําหรบั การป้องกนั การเสียชวี ิตจากการจมนํ้าจากภาวะนํ้าท่วมขงั ดังนี้ 1. ประชาชนท่ีประกอบอาชีพทางน้ํา เช่น หาปลา งมหอย ต้องเข้าไปในพื้นที่น้ําท่วมขังหรือ ตอ้ งทาํ กจิ กรรมทางนํ้า ควรเดนิ ทางเปน็ กลมุ่ และตอ้ ง สวมเสื้อชูชีพ หรือเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการจมนํ้า เช่น ถังแกลลอนเปล่าปิดฝา ขวดน้ําพลาสติกเปล่าปิดฝา ลกู มะพร้าว ห่วงยาง เสื้อชชู ีพ หรอื อปุ กรณ์อนื่ ๆ ที่ ชว่ ยใหล้ อยตัวในน้ําได้ เพือ่ ป้องกนั การจมนํ้า 2. ไม่ควรลงเล่นน้ําในช่วงน้ําท่วม และ ผปู้ กครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชดิ 3. อย่าพยายามวิ่ง หรือขับรถผ่าน บรเิ วณทีน่ ้ําไหลหลาก 4. ระมัดระวังในการเดินลุยน้ํา เพราะ ความลกึ เพยี ง 15 เซนตเิ มตร กส็ ามารถทาํ ให้ เสียหลกั ลม้ ได้ หากจาํ เปน็ ตอ้ งเดนิ ผา่ นทาง น้าํ ไหล ใหล้ องจมุ่ ไมท้ ดสอบน้าํ เพอื่ วดั ระดบั ความลึกทกุ คร้ัง สาํ นักส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ 31 กรมควบคมุ โรค
5. ผสู้ ูงอายุ และผทู้ มี่ โี รคประจาํ ตวั ไมส่ ามารถดแู ลตวั เองได้ เชน่ โรคลมชัก เครยี ด ความดันโลหติ ตํ่า ไม่ควรอยู่ตามลาํ พงั 6. หากพบคนจมนํ้า มวี ธิ ีช่วยเหลือทถี่ กู ตอ้ งดงั นี้ 6.1 ตะโกนรอ้ งขอความชว่ ยเหลือ และโทรแจ้ง 1669 หรือ เจา้ หน้าทีส่ าธารณสุข 6.2 ตง้ั สติ อย่าว่วู ามกระโดดลงไปช่วย 6.3 ไม่ควรลงไปในน้ํา เพือ่ ช่วยคนจมน้ํา ควรหาอุปกรณ์ ใกล้ตัว เช่น ไม้ เชือก หรืออุปกรณ์ที่ใช้ช่วยเหลือ เพอื่ โยนหรอื ยนื่ ไปชว่ ยใหค้ นจมน้ําเกาะลอยตวั ไดแ้ ลว้ จึงลากเขา้ ฝ่ งั โดยคนชว่ ยเหลือยบู่ นฝ่ งั 6.4 กรณีช่วยเหลือผู้จมนํ้าที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หรือ ไมม่ อี ุปกรณ์ใหร้ ้องขอความชว่ ยเหลือ 6.5 หากจาํ เปน็ ตอ้ งลงนาํ้ ไปชว่ ยเหลอื ตอ้ งมนั่ ใจวา่ วา่ ยนาํ้ เปน็ และควรมีอุปกรณ์ช่วยเหลือติดตัวไปด้วย เพื่อยื่นให้ คนจมน้ําเกาะแล้วลากเข้าฝ่ ัง ที่สําคัญไม่ควรสัมผัส คนจมน้ําโดยตรง เพราะอาจถูกกอดรัด และจมน้ํา ไปดว้ ยกนั 32 คู่มอื ความร้สู ําหรับประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
7. เมอื่ ช่วยเหลอื ผจู้ มนํ้าได้แลว้ 7.1 ห้ามจับคนจมนํ้าอุ้มพาดบ่า แล้วกระโดดหรือวิ่งไปมา เพอื่ ใหน้ ้ําไหลออกจากปอด เพราะ เป็นวธิ ที ผี่ ดิ เนื่องดว้ ย นาํ้ ทไี่ หลออกมาจะเปน็ นํา้ จากกระเพาะอาหาร และยงิ่ ทาํ ให้ คนจมนํ้าขาดอากาศหายใจนานยงิ่ ขนึ้ จนเสียชีวิตได้ 7.2 วางคนจมนํา้ ใหน้ อนราบกบั พนื้ ตะแคงหนา้ เปดิ ทางเดนิ หายใจให้โล่ง และช่วยหายใจด้วยการเป่าลมเข้าออก ตามจังหวะการหายใจเข้าออก หากสามารถปฏิบัติการ กชู้ ีพไดถ้ ูกตอ้ งให้ดําเนินการชว่ ยเหลอื ตามข้ันตอน 8. กรณีที่ตกน้ํา หรือพลัดตกจากเรือ หรือเรือล่ม ให้ตั้งสติ อย่าตกใจ สิ่งแรกที่ควรทําคือ พิจารณาว่าฝ่ ังอยู่ใกล้ที่สุดอยู่ด้านใด กอดอุปกรณ์ลอยนํ้า ทนี่ ําติดตัวมา แลว้ จึงเคลือ่ นทไี่ ปในน้ําหรือลอยตวั ไป จากน้ันโบกมอื ขอความชว่ ยเหลอื และรอการช่วยเหลือ สํานักส่ือสารความเสีย่ งและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ 33 กรมควบคมุ โรค
13 การทําชชู พี จากวัสดุเหลอื ใช้ อุปกรณ์ชูชพี สามารถทาํ เองได้จากวสั ดุทมี่ ี หรือหาไดโ้ ดยใช้ ขวดพลาสติก หรือแกลลอนพร้อมฝาปิดขนาดพอเหมาะสําหรับการรับ น้ําหนักตัว จํานวน 2 ใบ และใช้เชือกทีม่ ีความยาวพอดีกับการใช้งาน ผกู แกลลอนไวด้ ้วยกนั ตรวจสอบก่อนนําไปใช้วา่ แกลลอนไมแ่ ตก หรือ รว่ั สามารถรบั น้ําหนักผใู้ ชไ้ ด้ เชอื กทผี่ กู ตอ้ งมขี นาดพอดี ไมส่ ั้นหรอื ยาว เกนิ ไป เพราะจะทาํ ใหไ้ มส่ ะดวก เมอื่ ใชช้ ชู พี ทาํ ชชู พี จากขวดน้าํ ดมื่ เปลา่ และถุงป๋ยุ สามารถรองรบั คนนํ้าหนัก 70 กโิ ลกรัม ดงั นี้ 1. มดั ขวดนํ้าดมื่ เปล่าทปี่ ดิ ฝาแล้ว 4 ใบ ให้เรียงกันดว้ ยเชือก ทาํ จาํ นวน 2 ชดุ 2. ใส่ขวดน้ําทีม่ ัดเรยี งลงในถุงป๋ยุ แลว้ เย็บปดิ ถงุ ทํา 2 ชุด 3. ใช้กรรไกรตัดถุงปุ๋ยที่เย็บแล้วด้านที่ไม่มีขวดน้ําเปล่า ให้เป็น วงคอเสื้อ 4. เย็บถุงปุ๋ยทั้ง 2 ใบทางด้านคอเสื้อเข้าด้วยกันเป็นเสื้อชูชีพ เจาะหูร้อยเชือกด้านข้างลําตัวทั้งด้านบนและด้านล่าง มัด ใหแ้ น่น นําไปทดลองใช้ เพือ่ ตรวจสอบการใช้งาน 34 คู่มอื ความรสู้ ําหรับประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
ถุงยงั ชพี เป็นเส้อื ชูชพี ตดั คออย่าให้ใหญ่ จดั ถงุ ใหม่ จะไดเ้ ส้อื เอาแค่ใสห่ ้วได้ เอาตะเขบ็ ไว้ตรงกลาง ชูชพี ตดั แขนท้งั 2 ข้าง ขวดน้ํา 4 ขวด ผูกเชอื ก ปิดฝาใหแ้ น่นๆ ใสถ่ งุ ตรงเอว กอ๊ บแกบ๊ ผกู ให้แน่น ใส่เข้าไปใน ใหแ้ น่น ถุงชชู พี ดา้ นหนา้ ลอยตวั ในน้ําโดย หงายให้ขวดน้ํ า อยู่ด้านหนา้ ใส่ขวดน้ํ า ใสข่ วดน้ําพลาสตกิ พลาสติก ในปลอกหมอนข้างแลว้ ผกู ท่เี อว ในเป้ สาํ นกั ส่ือสารความเสีย่ งและพฒั นาพฤติกรรมสขุ ภาพ 35 กรมควบคมุ โรค
14 การปฏบิ ัตติ วั เม่อื ถูกสตั ว์ แมลงมพี ิษกดั งูกัด เป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจพบได้กรณีนํ้าท่วม ผู้ถูกงูกัด ควรดแู ลรกั ษาตนเองเบือ้ งตน้ ดงั นี้ - ตง้ั สตใิ หด้ ี อยา่ ตกใจเกนิ เหตุ เนื่องจากบางรายทถี่ กู งพู ษิ กดั อาจไม่ได้รับพิษ เพราะบางคร้ังงูพิษกัด แต่ไม่ปล่อยพิษออกมา หรือ งูพิษตัวนั้นได้กัดสัตว์อื่นมาก่อน และไม่มีน้ําพิษเหลือ ในกรณีทีไ่ ด้รับ พษิ งู ผ้ถู ูกงกู ัดจะไม่เสียชีวิตหรือมอี าการอันตรายร้ายแรงทนั ที ตอ้ งใช้ เวลาอย่างน้อย 30 นาที จงึ จะเริม่ มอี าการรุนแรง - ลา้ งแผลดว้ ยนํ้าสะอาด (ถ้าม)ี ห้ามทาํ สิ่งต่อไปนี้ คือ กรีดแผล ดดู แผล ใชไ้ ฟ / ไฟฟ้าจีท้ แี่ ผล โปะน้ําแขง็ สมุนไพร พอกแผล ดื่มสุรา กินยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของแอสไพริน การกระทําเหล่านี้ไม่ช่วยรักษาผู้ถูกงูกัด แต่จะมีผลเสีย เช่น เพิม่ การติดเชอื้ เนื้อตาย และทสี่ ําคญั ทําใหเ้ สียเวลาทีจ่ ะนําส่ง ผู้ถูกงกู ัดไปสถานพยาบาล 36 คมู่ อื ความรสู้ าํ หรับประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
- เคลอื่ นไหวรา่ งกายใหน้ อ้ ยทสี่ ุด โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ย่ า ง ยิ่ ง บ ริ เ ว ณ ที่ ถู ก งู กั ด การเคลอื่ นไหวร่างกายมาก ๆ อาจจะทําใหม้ ีการดูดซมึ พิษงู จากบรเิ วณทีถ่ ูกกดั เข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดมากขึน้ และถ้าทาํ ไดใ้ หใ้ ช้ ไม้ดามบริเวณทีถ่ ูกงูกัดและใช้ผ้าพันยืด หรือผ้าสะอาดพันทับให้แน่น พอประมาณ คลา้ ยการปฐมพยาบาลผ้ปู ่วยกระดกู หัก หรอื ขอ้ มอื ขอ้ เท้าซ้น - ไมค่ วรทาํ การขนั ชะเนาะ เพราะอาจทาํ ใหเ้ นื้อเยอื่ บรเิ วณน้ัน ๆ ขาดเลอื ดไปเลีย้ ง เกดิ เปน็ เนื้อเน่าตายได้ - นําส่งสถานพยาบาลทใี่ กล้ทีส่ ุด เร็วทีส่ ุด - ระหวา่ งการนําส่ง ถา้ ผู้ปว่ ยหยดุ หายใจ ให้ทาํ การชว่ ยหายใจ เชน่ การชว่ ยหายใจแบบปากตอ่ ปาก จะชว่ ยชวี ติ ผปู้ ่วยไดน้ านพอ จนไป รบั การรกั ษาทสี่ ถานพยาบาลได้ เพราะงพู ษิ บางอยา่ ง เชน่ งเู หา่ งจู งอาง งูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลา มีพิษทําให้ร่างกายเป็นอัมพาตทั้งตัว ผู้ถกู งูกดั จะเสียชีวติ จากการหยดุ หายใจ สิ่งทีค่ วรรู้ - ควรแจ้งให้แพทย์ทราบลักษณะงูที่กัด และกัดบริเวณใด เมื่อไร ถ้านําซากงูไปด้วยก็จะดีมาก แต่ไม่จําเป็นต้องเสียเวลา ตามหา และไล่ตีงูเพื่อนําไปด้วย เพราะจะทําให้เสียเวลาในการ รกั ษาโดยไมจ่ าํ เปน็ ถา้ ผปู้ ว่ ยมโี รคประจาํ ตวั เคยมปี ระวตั แิ พย้ าหรอื สารใด ๆ ตอ้ งแจง้ ใหแ้ พทยท์ ราบดว้ ย - ผู้ถูกงูกัดไม่จําเป็นต้องได้รับเซรุ่มแก้พิษงูทุกราย แพทย์จะให้เซรุ่มแก้พิษงูเฉพาะในรายที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เทา่ น้ัน สํานกั ส่ือสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 37 กรมควบคุมโรค
แมลง สัตวอ์ นื่ ๆ - ผึ้ง ต่อ แตนกัดต่อย ให้ใช้หลอด เล็ก ๆ แข็ง ๆ หรือปลายด้ามปากกาลูกลืน่ ที่ ถอดไส้ออกแลว้ ครอบจดุ ทถี่ กู กดั ตอ่ ย และกด ให้เหล็กในโผล่ขึน้ มา แล้วจึงใช้วิธีคีบดึงออก อย่าใช้วิธีบีบหรือเค้น เพราะจะทําให้เนื้อเยื่อ บริเวณที่ถูกกัดต่อยบวมได้ ทาแผลด้วย แอมโมเนียหรอื ครีมไตรแอมซิโนโลน - ตะขาบ แมงปอ่ งกดั ใหท้ าแผลดว้ ย แอมโมเนียหรอื ครีมไตรแอมซิโนโลน - ถ้ามีอาการปวดมาก มีอาการแพ้ เช่น หนังตาบวม หายใจไม่สะดวก ควรรีบ ไปพบแพทย์ ถอดเอา ใชแ้ ตต่ ัวปลอก กดเค้นเหล็กใน ไสห้ มึกออก ของปากกา ออกมา เหล็กใน ถอดปลอก กน้ ปากกาออก 38 คู่มือความร้สู าํ หรับประชาชนและเครือขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําท่วม
ปลิง ปลิงเป็นสัตว์ที่กัด และดูดเลือดคนและสัตว์เป็นอาหาร โดยปล่อยสารที่กระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว และสารต้านทานการ แขง็ ตวั ของเลอื ด ทาํ ใหค้ นทถี่ กู กดั เลอื ดไหลไมห่ ยดุ และเสียเลอื ดเรอื่ ยๆ หากปลิงไชเข้าไปในลําไส้ใหญ่ และทะลุลําไส้ จะทําให้ช่องท้องอักเสบ หากปลิงเข้าไปในกระเพาะปสั สาวะจะทําให้เกิดเปน็ ก้อนนิ่วในภายหลัง แต่พบไดน้ ้อย อาการทพี่ บจากการถกู ปลงิ กัด คอื มเี ลอื ดไหลออกมาจากทวาร รู หรอื โพรง หลงั การแชน่ ้ํา เชน่ เลอื ดกาํ เดาออก ไอหรอื อาเจยี นเปน็ เลอื ด มีเลือดออกทางทวาร หรือช่องคลอด ทําให้เสียเลือดมาก ถ้าหากปลิง อยู่ในโพรงจมูกอาจทําให้ปวดศีรษะเป็นเวลานาน ถ้าอยู่ในกล่องเสียง จะทําใหไ้ อเปน็ เลอื ด หายใจไม่ออก การดแู ลตนเองเบอื้ งตน้ 1. ควรเดินทางโดยเรือหรืออุปกรณ์อื่นที่ ลอยน้ําได้ ถา้ จาํ เปน็ ตอ้ งเดนิ ลยุ นํ้า โดยเฉพาะจดุ ทมี่ ี นํ้าท่วมสูงระดับเอวขึ้นไป ขอให้แต่งตัวให้มิดชิด ควรใส่กางเกงใน สวมกางเกงขายาวและสวมถุง พลาสตกิ หมุ้ เทา้ และหมุ้ ปลายขากางเกง ทงั้ 2 ข้าง แลว้ รัดดว้ ยเชอื กหรือยางเพอื่ ป้องกนั ไม่ให้ปลิงเข้าไปในกางเกงได้ 2. หลกี เลยี่ งการเลน่ นาํ้ หรอื แชน่ าํ้ นาน ๆ โดยเฉพาะในบริเวณทีน่ ้ําท่วมขัง 3. ระมัดระวังบุตรหลานหรือเด็กเล็ก ที่เล่นนํ้าในบริเวณ นํ้าท่วมขัง เพราะเสี่ยงต่อการที่ปลิงจะเกาะ และชอนไชเข้าไปใน ทวาร รู ชอ่ ง และโพรงต่าง ๆ ของร่างกายได้ สาํ นักส่ือสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ 39 กรมควบคมุ โรค
4. กรณีถูกปลงิ กดั หรอื ดูดเลอื ด - หากเห็นตัวปลิงเกาะอยู่บนร่างกายไม่ควรดึงออกทันที เพราะจะทําให้เนื้อฉีกขาดเป็นแผลใหญ่ และเลือดหยุดยากขึ้น ควรใชน้ ํ้าเกลือเข้มขน้ (ใช้นํ้าผสมเกลอื แกง) นํ้าส้มสายชูแท้ หรือ แอลกอฮอล์ 70% หยดบริเวณรอบ ๆ ปากของปลิง หรืออาจใช้ ไมข้ ีด หรอื บหุ รีท่ ตี่ ดิ ไฟจตี้ ัวปลงิ จะทาํ ให้ปลิงหลดุ ออกได้ - ทําความสะอาดบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อเบตาดีนหยดลง บนสําลีหรอื ไม้พันสําลที สี่ ะอาด เช็ดเปน็ วงรปู ก้นหอยจากส่วนใน แผลออกสู่ส่วนรอบนอกของแผล - กรณีไม่มียาทําความสะอาดบาดแผล อาจใช้วิธีการ พื้นบ้าน เช่น ใช้ใบสาบเสือล้างให้สะอาดนํามาขยี้ปิดปากแผล ใช้ยาเส้นพอกปดิ ปากแผล เปน็ ตน้ - หากเลือดยังไม่หยุดไหล ให้ใช้ยาซึ่งมีฤทธิ์ช่วยในการ หดตวั ของเนือ้ เยอื่ และหลอดเลอื ด เชน่ คาลามาย โลชนั ทาบรเิ วณ ปากแผล 5. หากสงสัยว่าปลงิ ชอนไชเข้าไปในร่างกาย เช่น มเี ลอื ด ออกตามช่องหรือโพรงต่าง ๆ ไม่หยุด ให้รีบนําส่งโรงพยาบาล แพทยจ์ ะได้ชว่ ยเหลอื คบี ปลงิ ออกได้ทนั 40 คู่มือความรูส้ าํ หรับประชาชนและเครือขา่ ย เร่อื ง...การปอ้ งกนั โรคและดูแลสขุ ภาพในภาวะน้ําท่วม
15 การดแู ลสตั ว์เพ่อื ปอ้ งกันโรค ติดตอ่ ระหวา่ งสตั วแ์ ละคน ระยะก่อนน้ําทว่ ม ควรปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1) จดั เตรียมอาหารสัตว์และนํ้าสะอาดไว้ใหพ้ ร้อมใชย้ ามฉุกเฉิน 2) งดการนําสัตว์ใหมเ่ ขา้ มาในพืน้ ที่ หากจาํ เปน็ ตอ้ งทราบประวตั ิ และแยกสัตว์ใหม่ออกจากสัตว์ทีม่ ีอยู่เดิม เพือ่ ลดความเสี่ยงในการนํา เชือ้ โรคเขา้ พนื้ ที่ 3) ใหย้ าถา่ ยพยาธิและกําจัดเห็บ หมัด ไร (ถ้าเปน็ ไปได้ควรมกี าร ตรวจสุขภาพสัตว์ด้วย) 4) ฉีดวัคซีนป้องกนั โรคทอี่ าจตดิ ตอ่ ถงึ คนได้ เช่น วัคซนี ป้องกนั โรคพิษสุนัขบ้า เปน็ ต้น 5) อพยพย้ายสัตว์ไปยังพื้นที่ปลอดภัย กรณีไม่สามารถเคลื่อน ยา้ ยสัตวไ์ ด้ ยกพนื้ ทเี่ ลยี้ งสัตวใ์ หส้ ูงขึน้ และพน่ ทาํ ลายเชอื้ อยา่ งถกู ตอ้ ง พร้อมท้งั หมนั่ สังเกตดอู าการของสัตว์ว่ามอี าการป่วยหรอื ไม่ 6) กรณีพบสัตว์ป่วยให้แยกสัตว์ออกจากฝูง และรีบแจ้งปศุสัตว์ ในพืน้ ที่ หรือ Call Center กรมปศสุ ัตวห์ มายเลข 08 5660 9906 สํานักส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 41 กรมควบคุมโรค
ระยะน้ําทว่ มและหลังนํ้าลด ควรปฏิบัตดิ ังนี้ 1) เพมิ่ ความระมดั ระวงั การถกู สตั วก์ ดั หรอื ขว่ น 2) ลา้ งมอื ดว้ ยสบแู่ ละนํ้าทกุ ครงั้ หลงั สัมผสั สัตว์ 3) ทําความสะอาดคอกสัตว์หรือเพิงพัก อุปกรณ์ ที่ใช้กับสัตว์เลี้ยง ด้วยผงซักฟอกตามด้วยน้ํายาฆ่าเชื้อเป็นประจํา พร้อมทั้งสวมถุงมือหรือถุงพลาสติกกันนํ้าทุกคร้ัง โดยต้องปฏิบัติตาม คําแนะนําของฉลากอยา่ งระมัดระวัง 4) ทัง้ คนและสัตว์ ควรลดการสัมผสั กบั สัตวภ์ ายนอกบา้ น 5) เศษอาหารและอุจจาระของคนและของสัตว์เลี้ยง ต้องเก็บ ทงิ้ ใหเ้ ปน็ ที่ อย่าปลอ่ ยทงิ้ ให้เปน็ แหล่งของแมลงวนั หนูหรือสัตวอ์ ืน่ ๆ ซึง่ อาจนําเชอื้ โรคเข้ามาสู่คนและสัตวเ์ ลีย้ งได้ 6) หากมีสัตวใ์ หญ่ตายหรือสัตวต์ าย จํานวนมาก ให้แจ้งเจ้าหน้ าที่ปศุสั ตว์ พื้นที่มาดําเนินการ หรือ Call Center กรมปศุสัตว์หมายเลข 08 5660 9906 7) ไม่ควรนําสั ตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ มารับประทาน เพราะอาจทําให้เชือ้ แพร่กระจาย และ เจ็บป่วยได้ 8) หากเป็นไปได้ควรแยกพื้นที่เลี้ยงสัตว์จาก พื้นที่อยู่อาศัย หรือทําที่กั้นแยกชนิดสัตว์ไม่ให้ ปะปนกัน 9) ภายหลังนํ้าท่วมจะมีซากสัตว์ตาย ปรากฏใน ทีต่ ่าง ๆ ซึง่ จะตอ้ งจัดการเกบ็ ฝงั โดยเรว็ 10) สัตว์ที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งอดอาหารเป็นเวลานาน ควรรบี ให้อาหาร และนํากลบั คืนเจา้ ของ 42 ค่มู ือความรู้สําหรบั ประชาชนและเครอื ข่าย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดแู ลสขุ ภาพในภาวะน้ําท่วม
16 โรคตดิ ตอ่ ท่พี บบอ่ ย ในชว่ งน้ําท่วมและหลังน้ําลด 1. โรค ผิว ห นั ง ที่พ บ บ่ อ ย ไ ด้ แ ก่ โรคนํ้ากดั เทา้ โรคผวิ หนังจากเชอื้ รา แผลพพุ อง เป็นหนอง เป็นต้น ซึ่งเกิดจากการย่ํานํ้าหรือ แช่น้ําที่มีเชื้อโรค หรือความอับชื้นจากเสื้อผ้า เครอื่ งแตง่ กายทไี่ มส่ ะอาด ไมแ่ หง้ เปน็ เวลานาน อาการ - ในระยะแรกอาจมอี าการเทา้ เป่อื ย และ เปน็ หนอง ตอ่ มาเรมิ่ มอี าการคนั ตามซอกนิ้วเทา้ และผวิ หนังลอกออกเปน็ ขยุ มผี นื่ - ระยะหลังๆ ผิวหนังที่เท้าเกิดพุพอง นิ้วเท้าหนาและแตก อาจเกิดโรคแทรกซอ้ น เชน่ ผวิ หนังอกั เสบได้ การดแู ลตนเองเบอื้ งต้น ควรหลกี เลยี่ งการยํ่าน้ําโดยไม่จําเปน็ ถา้ จาํ เปน็ ตอ้ งยํา่ นํ้า ควรใส่รองเทา้ บทู๊ กนั นํ้า และควรลา้ ง เท้าใหส้ ะอาดด้วยนํ้าสบู่ และเชด็ ใหแ้ ห้งเมือ่ กลับเข้าบ้าน สวมใส่ถงุ เท้า รองเทา้ และเสื้อผา้ ทสี่ ะอาดไมเ่ ปยี กชืน้ หลังย่ําน้ําใช้น้ําสะอาดใส่ถัง เกลือแกง 1 - 2 ช้อนชา แชเ่ ทา้ 10 นาที เชด็ ใหแ้ หง้ และหากมอี าการเทา้ เป่ อื ย คนั ใหท้ ายา รักษาตามอาการ หากมีบาดแผล ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผล แล้วทาด้วย ยาฆา่ เชอื้ เช่น เบตาดีน สาํ นักส่ือสารความเสีย่ งและพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ 43 กรมควบคมุ โรค
2. โรคตาแดง เปน็ โรคทตี่ ดิ ตอ่ ไดง้ า่ ยทงั้ เดก็ และผใู้ หญ่ โดยเฉพาะในเดก็ เลก็ เป็นโรคทีไ่ ม่มีอันตรายรุนแรง เพราะส่วนใหญ่เกิดจากเชือ้ ไวรัส แต่ถ้า ไม่ได้รับการรกั ษาตงั้ แต่เริม่ เปน็ อาจติดเชือ้ แบคทเี รยี แทรกซอ้ นได้ การติดต่อ - จากการสัมผัสใกลช้ ดิ กับผ้ปู ่วย ได้แก่ การสัมผสั โดยตรงกบั นํ้าตา ขีต้ า นํ้ามูกของผู้ป่วย - จากการใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเชด็ ตวั หรอื จากแมลงวนั แมลงหวที่ มี่ าตอมตา เปน็ ต้น อาการ - หลงั ได้รบั เชือ้ ประมาณ 1 - 2 วนั จะเรมิ่ มีอาการระคายเคอื งตา ปวดตา นํ้าตาไหล กลวั แสง มขี ีต้ ามาก หลังตาบวม เยอื่ บุตาขาวอักเสบ แดง โดยอาจเริม่ ทตี่ าข้างหนึ่งก่อน แลว้ จึงลามไปตาอีกข้าง - ผู้ป่วยมักหายได้เองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ แตถ่ ้าไมด่ แู ลรักษาให้ถูกวิธี อาจเกดิ อาการแทรกซอ้ น เชน่ กระจกตา ดาํ อกั เสบ ทาํ ใหป้ วดตา ตามัว 44 ค่มู ือความรู้สาํ หรบั ประชาชนและเครอื ขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
การดแู ลตนเองเบอื้ งตน้ เมื่อมีฝุ่นละอองหรือนํ้าสกปรกเข้าตาควรรีบล้างตาด้วย นํ้าสะอาดทันที เมื่อมีอาการของโรค ควรพบแพทย์เพื่อรับยาหยอดตา หรือยาป้ายตาป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยใช้ติดต่อกันประมาณ 7 วนั หากมไี ข้ให้รบั ประทานยาลดไขแ้ ก้ปวดตามอาการ หม่นั ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดด้วยสบบู่ อ่ ยๆ ไมค่ วรขยตี้ า อยา่ ใหแ้ มลงตอมตา และไมค่ วรใชส้ ายตามากนัก ผู้ป่วยควรนอนแยกจากคนอื่น ๆ และไม่ใช้สิ่งของต่าง ๆ รว่ มกัน และไมค่ วรไปในทมี่ คี นมาก เพือ่ ไม่ใหโ้ รคแพร่ระบาด ถ้ามีอาการปวดตารุนแรง ตาพร่ามัว หรืออาการไม่ทุเลา ภายใน 1 สัปดาห์ ต้องรีบพบแพทยอ์ กี ครง้ั 3. โรคระบบทางเดินหายใจ ไ ข้ ห วัด เ ป็ น โ ร ค ที่ติ ด ต่ อ ไ ม่ อั น ต ร า ย เกิดจากเชื้อไวรัส ก่อโรคในบุคคลทุกเพศทุกวัย พ บ ไ ด้ บ่ อ ย ใ น ช่ ว ง ที่มี อ า ก า ศ เ ป ลี่ย น แ ป ล ง สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยเชื้อโรคแพร่กระจายมาจากน้ํามูก น้ําลาย เสมหะ หรือสิ่งของเครอื่ งใช้ของผู้ป่วย อาการ มักมีอาการคร่ันเนื้อคร่ันตัว มีไข้เล็กน้อย คดั จมูก มีน้ํามกู ใส ๆ ไอ จาม ปวดศีรษะ ปวดเมือ่ ย ตามร่างกาย อ่อนเพลีย และเบือ่ อาหาร มักหาย ได้เองภายใน 1 สัปดาห์ สาํ นักส่ือสารความเสี่ยงและพฒั นาพฤติกรรมสขุ ภาพ 45 กรมควบคมุ โรค
ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส ทําให้เกิดโรคได้ใน คนทุกเพศทุกวัย เชื้อจะแพร่กระจายอยู่ในลมหายใจ เสมหะ นํ้าลาย น้ํามูก และสิ่งของเครอื่ งใชข้ องผปู้ ่วย จึงมีโอกาสตดิ ต่อกันไดง้ ่าย อาการ มกั มไี ขส้ ูง ปวดศีรษะ ปวดเมือ่ ยตามตัวมาก มีนํ้ามกู ไหล คดั จมูก ไอ จาม เจบ็ คอ เบือ่ อาหาร และอ่อนเพลยี การดแู ลตนเองเบอื้ งตน้ ผู้ป่วยควรใช้ผ้าปิดปาก และจมูกเวลาไอ จาม หรือควร สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค สู่บุคคลอืน่ ใช้ผา้ เชด็ หน้า หรือกระดาษนุ่มสะอาด เชด็ น้ํามูก และไม่ ควรสั่งนํ้ามกู แรง ๆ เพราะอาจทําใหเ้ กิดหอู ักเสบได้ กินอาหารที่อ่อนย่อยง่าย กินผักและผลไม้ ดื่มน้ําอุ่น จํานวนมากขึน้ อาบน้ําหรือเช็ดตัวดว้ ยนํ้าอนุ่ แลว้ เช็ดตวั ให้แหง้ ทันที เมื่อไข้สูง หรือเป็นไข้นานเกิน 7 วัน เจ็บคอ ไอมาก เจบ็ หนา้ อก หรอื มอี าการผดิ ปกตอิ นื่ ๆ ควรไปพบหรอื ปรกึ ษาแพทย์ 46 คมู่ อื ความร้สู ําหรับประชาชนและเครือขา่ ย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
โรคปอดบวม เกิดจากเชือ้ ได้หลาย ชนิด เช่น แบคทเี รยี ไวรัส หรอื สําลักสิ่ง แปลกปลอมเข้าไปในปอด ทําให้มีการ อกั เสบของปอด ผปู้ ระสบภยั นํา้ ทว่ ม หาก มกี ารสําลักนํ้า หรือสิ่งสกปรกตา่ ง ๆ เขา้ ไป ในปอด ก็มีโอกาสเปน็ โรคปอดบวมได้ การตดิ ตอ่ ตดิ ตอ่ โดยการหายใจเอาเชอื้ โรคใน อากาศเข้าไป หรือจากการคลุกคลีกับผู้ป่วยเมื่อ ไอ จาม หรอื หายใจรดกัน หรอื ในผูท้ ีม่ ภี มู ติ ้านทานตํ่า อ่อนแอ พิการ มักพบเกิดจากการสําลักเอาเชือ้ แบคทีเรีย ทมี่ ีอยปู่ กตใิ นจมกู และลําคอเข้าไปในปอด อาการ มีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบและเร็ว ถ้าเปน็ มากจะหายใจหอบเหนื่อยจนเห็นชายโครงบุ๋ม เล็บมือ เล็บเท้า รมิ ฝีปากซีด หรอื เขียวคลํ้า กระสับกระส่าย หรือซึม เมือ่ มีอาการสงสัย ว่าเปน็ โรคปอดบวม ต้องรบี ไปพบแพทย์ทนั ที เพราะมีโรคแทรกซ้อนที่ อาจเกดิ ได้ หากไมไ่ ดร้ บั การรกั ษาทเี่ หมาะสม เชน่ น้าํ ในชอ่ งเยอื่ หมุ้ ปอด หนองในชอ่ งเยอื่ หมุ้ ปอด ปอดแตก และมลี มรวั่ ในชอ่ งปอด หรอื เยอื่ หมุ้ หวั ใจอกั เสบในผู้ป่วยมโี รคหวั ใจอยู่กอ่ นอาจหัวใจวาย และเสียชวี ติ ได้ การดแู ลตนเองเบอื้ งตน้ ต้องรีบพบแพทย์ และรับการรกั ษาในโรงพยาบาล ผูป้ ่วยควรใช้ผา้ ปดิ ปาก และจมกู เวลาไอ จาม หรือใส่หน้ากาก อนามยั เพอื่ ป้องกนั การแพรเ่ ชอื้ สู่บุคคลอนื่ หากมีไข้ ให้กินยาลดไข้ และใชผ้ า้ ชุบนํ้าเช็ดตัวเพือ่ ลดไข้ กนิ อาหารทอี่ อ่ นยอ่ ยงา่ ย กนิ ผกั และผลไม้ ดมื่ นํ้าอนุ่ จาํ นวน มากขนึ้ ใส่เสื้อผา้ ทสี่ ะอาด ไมเ่ ปยี กชนื้ และรกั ษารา่ งกายใหอ้ บอนุ่ อยเู่ สมอ สาํ นกั ส่ือสารความเสีย่ งและพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ 47 กรมควบคุมโรค
4. โรคหัด เป็นโรคไข้ออกผื่นที่พบบ่อยในเด็กเล็ก เกิดจากเชื้อไวรัส มักพบในช่วงฤดูฝน เป็นโรคที่สําคัญ เนื่องจากอาจมโี รคแทรกซ้อนทาํ ให้เสียชวี ติ ได้ การติดต่อ - ติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยการไอ จาม หรือพูดกัน ในระยะใกล้ชิด - ระยะตดิ ต่อ 2 - 4 วันกอ่ นเกิดผนื่ และหลงั เกิดผืน่ แล้ว 2 - 5 วนั - เชอื้ กระจายอยใู่ นละอองเสมหะ นํ้ามกู นํ้าลายของผปู้ ่วย และเขา้ สู่รา่ งกายทางการหายใจ อาการ - หลังไดร้ บั เชอื้ ประมาณ 8 - 12 วัน จะเริม่ มีอาการไข้ นํ้ามูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะ ตรวจ พบจุดขาวๆ เล็กๆ ขอบแดง ในกระพุง้ แก้ม - ในชว่ ง 1 - 2 วนั แรกไข้จะสูงขนึ้ และจะ สูงเตม็ ทใี่ นวนั ที่ 4 เมือ่ มีผนื่ ขนึ้ - ผืน่ มีลักษณะนูนแดง ติดกันเป็นป้ ืน ๆ โดยจะขึน้ ทีใ่ บหน้า บรเิ วณชิดขอบผม แล้วแพร่กระจายไปตามลําตวั แขน และขา - ตอ่ มาไขจ้ ะเรมิ่ ลดลง ผนื่ จะมสี ีเขม้ ขนึ้ แลว้ คอ่ ย ๆ จางหายไป ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในเด็กที่มีภาวะโภชนาการไม่ดี หรือใน เด็กเล็ก อาจมีโรคแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือสมองอักเสบ และอาจเสียชีวิตได้ง่ายกว่าเด็กปกติทีม่ ี สุขภาพแขง็ แรง 48 คู่มือความรสู้ าํ หรบั ประชาชนและเครือข่าย เร่ือง...การปอ้ งกันโรคและดูแลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
การดูแลรกั ษา - ใหก้ ารรกั ษาตามอาการ ถา้ ไขส้ ูงมากควรใหย้ าลดไขเ้ ปน็ ครง้ั คราว ร่วมกับการเช็ดตัว ไม่จําเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ยกเว้นกรณีที่มี โรคแทรกซอ้ น เชน่ ปอดอักเสบ หอู ักเสบ เปน็ ต้น - แยกผปู้ ่วยทีส่ งสัยเปน็ หัด - ใหร้ บั ประทานอาหารอ่อนทมี่ คี ุณค่าทางอาหารครบถว้ น - ถ้ามีผืน่ ออกแลว้ ยังมีไข้สูง หรือมไี ข้ลดลงสลับกับไขส้ ูง ไอมาก หรือหอบ ตอ้ งรีบพาไปพบแพทย์ทันที การดูแลตนเองเบือ้ งต้น หลกี เลีย่ งการสัมผสั ใกล้ชดิ ผู้ป่วย รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด รับประทานอาหารที่มี คุณค่าทางอาหาร และออกกําลังกายเป็นประจํา เพื่อให้มี ภมู ิตา้ นทานโรค เดก็ ทารกมภี มู ติ า้ นทานเชอื้ โรคน้อย ควรเลยี้ งลกู ดว้ ยนม แม่ โดยเฉพาะในช่วง 1 ถึง 2 สัปดาหแ์ รกหลังคลอด นํ้านมแม่จะ อดุ มไปดว้ ยภูมติ ้านทานต่อโรคต่าง ๆ วิธปี ้องกันทดี่ ีทีส่ ุด คอื ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด สาํ นักส่ือสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤตกิ รรมสุขภาพ 49 กรมควบคมุ โรค
5. โรคมอื เทา้ ปาก เกดิ จากเชือ้ ไวรสั ลาํ ไส้หรือเอนเทอโรไวรัสหลายชนิด พบไดบ้ อ่ ย ในเด็กทารก และเด็กเล็กอายุตํ่ากว่า 5 ปี ในโรงเรียนอนุบาล สถาน รับเลี้ยงเด็ก ศูนย์เด็กเล็ก สถานที่เล่นของเด็กในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในทอี่ ยรู่ วมกนั อยา่ งแออดั จะมโี อกาสทเี่ กดิ การระบาดไดง้ า่ ย โรคเกดิ ประปรายตลอดปี แตจ่ ะเพิม่ มากขนึ้ ในฤดฝู น ซงึ่ อากาศเยน็ และชนื้ การตดิ ตอ่ ส่วนใหญ่เกิดจากได้รับเชือ้ ไวรัสเข้าสู่ปาก โดยตรง โรคแพร่ติดต่อง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของ การป่วย โดยเชื้อไวรัสติดมากับมือหรือของเล่นที่ เป้ อื นนํ้าลาย นํ้ามูก นํ้าจากตมุ่ พองและแผล หรือ อจุ จาระของผปู้ ว่ ย และเกดิ จากการไอจามรดกนั โดย หายใจเอาเชื้อที่แพร่กระจายจากละอองฝอยของ ผู้ป่วย สําหรับการติดเชื้อจากอุจจาระ จะเกิดได้ใน ระยะที่เด็กมีอาการทุเลาจนกระทั่งหายป่วยแล้ว ประมาณ 1 เดือน แตจ่ ะเกดิ ขึน้ ได้น้อยกวา่ 50 ค่มู อื ความรสู้ าํ หรบั ประชาชนและเครอื ข่าย เร่ือง...การปอ้ งกนั โรคและดแู ลสุขภาพในภาวะน้ําทว่ ม
Search