Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10

โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10

Published by patawee.prin, 2022-07-13 10:47:06

Description: โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” กรณี พื้นที่กรุงเทพมหานคร

Search

Read the Text Version

รูปที่ 11 : บ้านพระหฤทยั หนองแขมในปจั จุบนั ต้อนรับการเรยี นรใู้ นชุมชนจากนักเรียนโรงเรยี นตา่ ง ๆ 3. ปจั จยั คกุ คาม (ประชากรแฝง) ปจั จัยทีอ่ าจเกิดเป็นปญั หา หรือส่งผลให้เกดิ ปัญหาต่อชุมชน อยา่ งหน่ึงคือ การมีประชากรแฝง หรือ ประชากรทีซ่ ่อนเร้นในชมุ ชน ซึง่ สง่ ผลต่อการเป็นปจั จยั คกุ คามต่อชมุ ชน ไดด้ งั นี้ - เนื่องจากชุมชนกองขยะหนองแขม เป็นชุมชนที่เกิดจากการอพยพย้ายถิ่น เข้ามาตั้งรกราก จึง ไม่ได้มีความรัก และผูกพันกับชุมชนมากนัก จึงมีการให้ความร่วมมือน้อย เพิกเฉยต่อคำกล่าวเตือนของ กรรมการชุมชน ไม่ให้ความสำคญั กบั การชำระหนคี้ ่าบ้านพักอาศัย แตใ่ หค้ วามสำคัญกบั ทรัพยส์ ินสว่ นตัว เชน่ รถยนต์มากกว่า ทำใหเ้ กิดเป็นภาระหนีข้ องชมุ ชน แตเ่ นือ่ งจากเคา้ ไม่ไดท้ ำผิดกฎท่ีตัง้ ไว้ คือการไปยุ่งเกี่ยวกับ ยาเสพตดิ จงึ ไมส่ ามารถใชม้ าตรการในการดำเนนิ การกบั คนเหลา่ นีไ้ ด้ - การยา้ ยถิ่นเข้า - ออกของประชากร ทำใหข้ าดฐานข้อมูลทีแ่ ท้จริงของคนในชุมชน - เนื่องจากประชากรแฝงส่วนใหญ่ จะย้ายแต่ที่อยู่ ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านตามมา ทำให้เอกสาร สิทธิ์การรักษา สวัสดิการต่าง ๆ ยังคงอยู่ในพื้นที่กำเนิด ทะเบียนบ้านเดิม เมื่อมาอยู่ในชุมชน จึงทำให้เสีย สทิ ธก์ิ ารรกั ษา และสวสั ดกิ ารต่าง ๆ ไป - เมื่อมีการเลือกตั้งผู้แทน หรือ ผู้นำชุมชน จะไม่ได้รับการให้ความสำคัญจากประชากรแฝง เนื่องจากการไม่มีสิทธิ์ออกเสียงแสดงความคิดเห็น หรือในการเลือกตั้ง และการไม่ได้รับผลกระทบจากการ เลอื กตั้งน้ัน ทำให้เขาเหล่านัน้ ไม่ให้ความรว่ มมือกับแนวทางการปฏบิ ัติ ในชมุ ชนท่ีอาศัยอยเู่ ทา่ ที่ควร - ในการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ จะถูกจัดสรรตามความเหมาะสม ตามจำนวน ประชากรในรายชื่อสำมะโนประชากร ในพื้นที่นั้น ๆ แต่ประชากรแฝงที่ไม่มีรายชื่อ ทำให้ตัวเลขจำนวน 101

ประชากรทีอ่ าศัยอย่จู ริง มีมากกวา่ งบทไี่ ดร้ ับการจัดสรรมา ทำให้การวางแผนพัฒนาชุมชนเป็นไปได้ยาก เกิด เปน็ ปญั หาสาธารณูปโภค ความปลอดภัยในชีวิตและทรพั ย์สนิ อตั ราการแย่งงาน แยง่ ที่อยู่อาศัยจึงเกดิ ข้ึน แหล่งอา้ งอิง - ศูนย์คุณธรรม (องค์กรมหาชน). 2560. องค์ความรู้ชุด องค์กรคุณธรรม สร้างคนดี สังคมดี. สืบค้น จาก https://www.m-culture.go.th/adminli/ebook/B0088/#p=305 - ประภาพรรณ จูเจริญ และณรากร วงษ์สิงห์. 2559. สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล. 2559. การมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด. นครปฐม; สถาบนั พัฒนาสขุ ภาพอาเซียน มหาวทิ ยาลยั มหิดล. 102

บทเรียนการทำงานกบั มติสมัชชา 1. มติสมชั ชาสุขภาพ การประชุม สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้ง ที่ 10 วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ได้พิจารณารายงาน เรื่อง “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกัน ขับเคล่ือนเพือ่ หยุดความเดือดรอ้ นของสังคมตอ่ ปัญหานี้ 1 จึงมมี ติดังตอ่ ไปน้ี 1) ขอใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ เป็นเจ้าภาพหลัก ประสาน เชือ่ มโยง ฝ่ายปกครองท้องที่ องค์กร ชุมชน องค์กรศาสนา สถาบันครอบครัว องค์กรสตรี เด็กและเยาวชน สถาบันการศึกษา ศูนย์ยุติธรรม ชุมชน ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ภาคประชาสังคม องค์กรภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วม ขับเคลอื่ นการดำเนนิ งานปอ้ งกนั ดูแล และแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ ในชมุ ชน ดังนี้ 1. ดำเนินการปรับทัศนคติให้เกิดในชุมชนใน 4 ประเด็นหลักคือ 1) ปรับจากผู้รับปัญหา เป็น ศูนย์กลางของการแก้ปัญหา 2) เปลี่ยนจากการมองผู้ติดยาเสพติดเป็นภาระ ให้มองเป็นทุนของสังคม 3) เปล่ยี นจากการใช้นโยบายปราบปราม เปน็ การลดปญั หา 4) ลด ละ เลิกการตตี ราผู้ตดิ ยาเสพตดิ 2. สาํ รวจเพ่อื บ่งชี้ปัญหาในพ้นื ท่ี เชน่ การประชมุ ประชาคม เวทเี สวนา และวเิ คราะหส์ ภาพปัญหา ที่มีอยู่ เป็นต้น เพื่อแยก ระดับปัญหาและจัดทําเป็นแผนปฏิบัติการร่วมกันให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาที่ได้ จากการสํารวจ เน้นการสำรวจ คัดกรองเพ่อื บ่งชีป้ ญั หาในพืน้ ท่ชี ุมชน 3. ดําเนนิ การค้นหาผูเ้ สพ/ผู้ติดยาเสพตดิ พูดคยุ ทําความเข้าใจ ดแู ลช่วยเหลือตามสภาพของแต่ละ คน หรือส่งต่อให้ เขา้ รับการบําบดั รกั ษาตามอาการ 4. ติดตาม ดูแลช่วยเหลือในด้านอาชีพ การศึกษา และโอกาสทางสังคมให้แก่ผู้ผ่านการบําบัดฯ อย่างตอ่ เน่อื ง เพอื่ ประคบั ประคองให้ปลอดภยั จากปัญหายาเสพติด 5. สร้างกลไกเฝ้าระวังและป้องกันปัญหายาเสพติดและการใช้ยาในทางที่ผิด ในครอบครัว สถานศกึ ษา สถานประกอบการ ชมุ ชน ฯลฯ รวมทง้ั การเฝ้าระวังในสอื่ สังคมออนไลน์ 6. กําหนดให้มีประเด็นเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้อยู่ในธรรมนูญสุขภาพของ ชุมชนชมชน 7. สรุปบทเรียนการดําเนินงานถ่ายทอดให้แก่แกนนําชุมชนรุ่นต่อไปในพื้นที่และพัฒนาเป็น ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เสนอต่อหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอําเภอ/ เขต (พชอ.ปพชข.) 1 สมชั ชาสขุ ภาพ. (2560). สมชั ชาสุขภาพแห่งชาตคิ ร้งั ที่ 10 มตทิ ่ี 3 ชมชนเปน็ ศนู ยก์ ลางในการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หายาเสพติด.

8. ขยายผล เชื่อมโยงเปน็ เครือข่ายกบั ชุมชนพื้นที่อืน่ ในระดบั ต่าง ๆ เพอื่ ร่วมกนั แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สภาพปัญหา ช่วยกันเสนอแนวทางการแก้ไขและสนับสนุนการดําเนินงานระหว่างกัน โดยประสานให้ หน่วยงานวชิ าการในพนื้ ท่ีช่วยเหลือดา้ นองค์ความรูแ้ ละวิชาการ 2) ขอให้ คณะกรรมการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ระดับอาํ เภอ/เขต (พชอ./พชข.) บรู ณาการกับภาคประชา สงั คมและองคก์ รเอกชน เพื่อ สนับสนนุ กระตุ้นและเป็นพ่เี ลี้ยง ใหข้ ับเคล่ือนการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ในประเดน็ ปญั หายาเสพติดอยา่ งมีสว่ นร่วมจากชมุ ชน ทั้งการเฝา้ ระวัง ป้องกัน ฟ้ืนฟู เยียวยาตดิ ตามช่วยเหลอื และแก้ไข ปญั หายาเสพติดในพื้นท่ี 3) ขอให้ ศนู ยอ์ าํ นวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจงั หวัด (ศอ.ปส.จ.) ศนู ย์อาํ นวยการปอ้ งกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด กรุงเทพมหานคร (ศอ.ปส.กทม.) และ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน และปราบปรามยา เสพตดิ อําเภอ/เขต (ศป.ปส.อ./เขต) หนุนเสริม กํากับตดิ ตามการดําเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตระดับอําเภอ/เขต (พซอ/พซข.) เพื่อให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการจัดการปัญหาขยายผล และจัดเวที แลกเปล่ียนเรยี นรูภ้ ายในจงั หวดั 4) ขอให้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ สํานักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพตดิ (ป.ป.ส.) สํานักงานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ (สป.สมัชชา สุขภาพแห่งชาติ) ภาคประชาสังคม และองค์กรภาคเอกชน ส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนให้เป็น ศูนย์กลางใน การป้องกนั และแก้ไขปัญหายาเสพติด 5) ขอให้ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) องค์กรสื่อสารมวลชนทุกระดับ สภาเด็กและเยาวชน และองค์กร/เครอื ขา่ ยทเ่ี ก่ยี วข้อง เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และรณรงค์เพ่ือให้ทุกภาคส่วนที่ เกย่ี วข้องไดป้ รับทัศนคติและมุมมองต่อ การป้องกันและแก้ไข บาํ บัด ฟ้นื ฟยู าเสพตดิ รวมทั้งส่งเสริม ให้ทุกภาค ส่วนรว่ มกนั เฝา้ ระวงั และตรวจสอบ เพอื่ กาํ กบั และควบคุมสอ่ื ทมี่ ีเนอื้ หาเชงิ ลบหรอื ไมเ่ หมาะสม 6) ขอให้ สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สป.สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ) กําหนดแนวทางการ สนับสนุนงบประมาณ โดยบูรณาการกับสํานักงานตรวจเงินแผน่ ดินเพื่อกําหนดให้กองทุนหลักประกันสุขภาพ ระดบั ท้องถ่นิ หรอื พนื้ ทส่ี นับสนนุ งบประมาณในการดาํ เนนิ งานตามความต้องการของพ้ืนทใ่ี นแต่ละแห่ง 7) ขอให้ คณะกรรมการการกระจายอํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กก.) ร่วมกับ กรม ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พิจารณาปรับแก้ข้อ กฎหมาย เพื่อเพิ่มอํานาจหน้าที่ให้องค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถิน่ ให้ครอบคลมุ และสามารถสนับสนุนงบประมาณในภารกิจการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพตดิ ได้ เช่น การอุดหนนุ งบประมาณในการ ชุดตรวจหาสารเสพตดิ และการบําบัดรักษา 8) ขอให้เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ รายงานความก้าวหน้าแก่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครัง้ ท่ี 12 104

จากมตขิ า้ งตน้ เห็นไดว้ า่ สมัชชาสขุ ภาพแหง่ ชาติเลง็ เหน็ ควมสำคัญในการป้องกนั ปัญหายาเสพติดและ เข้าใจวา่ การทำงานในระดับท้องถิ่นมีศักยภาพและเหมาะสมในการเป็นแกนในการแก้ปัญหายาเสพติดในพ้ืนท่ี ของตนเอง กระบวนการดำเนินงานจึงต้องเริ่มจากหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารต่อลงไปยังชุมชน การ ประสานงานต่อเชื่อมไปยังองค์กรที่จะรับนโยบายในระดับท้องถิ่น ในเขตกรุงเทพมหานคร คือเขตแต่ละเขต เพื่อสนับสนุนให้ชุมชนสามารถดำเนินการได้ รวมถึง และการติดตามผลเพ่ือรายงานต่อสมัชชาสุขภาพในปี ตอ่ ไปดว้ ย ทั้งนี้หน่วยงานที่เกีย่ วข้องซึ่งมชี ่ือปรากฎในมตขิ ้างต้นมีความหลากหลายท้ังในภาคสว่ น ระดับอำนาจ และการทำงาน (ข้อ 4) ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐในระดับระทรวง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวง ยุติธรรม หรือหน่วยงานท่ีทำหน้าท่เี ฉพาะ เชน่ สาํ นกั งานตาํ รวจแห่งชาติ สํานกั งานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หน่วยงานด้านงบประมาณ เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หน่วยงานให้ทุนในการขับเคลื่อนในกำกับของรัฐ เช่น สสส. รวมถึง ภาคประชาสังคม และ องค์กรภาคเอกชน ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ ดังนั้นในการทำงานใน ระดบั พ้นื ท่ตี อ้ งมีการประสานงานและสร้างความเข้าใจในแตล่ ะบทยาทอย่างชัดเจน เพ่อื ใหส้ ามารถดำเนินงาน ท่ีระบุไวใ้ นข้อ 1 เพ่ือรว่ มขบั เคล่ือนการดำเนินงานป้องกัน ดแู ล และแก้ไขปญั หายาเสพตดิ ในชุมชนให้ได้อย่าง แทจ้ ริง 2. ความเข้มแขง็ ของชมุ ชนในกรอบแนวคดิ เรอื่ งชมุ ชน ในการทำงานระดับชุมชนมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ากรองแนวคิดเรื่องประเภทของชุมชน เพื่อให้ สามารถอธิบายระบบการทำงานและกลไกที่จะสามารถพัฒนาให้เหมาะสมต่อการทำงานโดยเฉพาะประเด็น ออ่ นไหวเช่นการแก้ปัญหายาเสพตดิ ในพน้ื ที่ แนวคิดเรือ่ งชุมชนแบง่ ออกเป็น 4 แนวคดิ หลัก ๆ คอื 1. แนวคิดทางสังคมวิทยา (Sociological Perspective) มองชุมชนมีฐานะเป็นหน่วยทางสังคม (Community as unit of Social Organization) และนิยามความหมายว่า “ชุมชน” หมายถึง หน่วยทาง สังคมและกายภาพ อันได้แก่ ละแวกบ้าน หมู่บ้าน เมือง มหานคร ดังนั้นชุมชนทางสังคมวิทยาจึงมี องค์ประกอบของ อาณาบริเวณทางภูมิศาสตร์ (Geographical area-territorial) ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (Social interaction-sociological) และมีความผูกพัน (Common ties-psycho cultural) หรือบางคร้ัง เรียนกว่า เครอื ขา่ ยการปฏิสมั พนั ธ์ของมนุษย์ (Network of interaction) 2. แนวคิดทางมานุษยวิทยา (Humanistic Perspective) เป็นชุมชนในแนวคิดแบบยูโธเบีย (Utopia) ชุมชนต้องก่อมิตรภาพ ความเอื้ออาทร ความมั่นคง และความผูกพันระหว่างคนในชุมชน หมายถึง ตอ้ งมีความเหนียวแนน่ ของคนในชุมชน ทีม่ กี ารกระทำทเ่ี ต็มไปด้วยความร่วมมือ รว่ มใจ ความรสู้ ึกเป็นเจ้าของ เปน็ สังคมทีต่ นรู้จักอย่างใกล้ชิดและสนิทสนม รวมถึงความคดิ เรื่องตนเองมีส่วนรว่ มในความรับผิดชอบตดั สินใจ 105

หรือรับผลประโยชน์น้ัน ๆ ไม่ได้มีการผูกชุมชนไว้กับอาณาบรเิ วณทางภูมิศาสตร์ หรือพื้นที่เท่านั้น ซึ่ง Nisbet เห็นว่าสังคมสมยั ใหม่ทำให้เกดิ การสูญเสยี ความร้สู กึ ผกู พนั ของชมุ ชน ( sense of community) 3. แนวคิดเกี่ยวกับชุมชนประชาคม (Civil Society Perspective) มีความหมายถึง การรวมตัว พบปะของคนหลากหลาย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคนที่รู้จักคุ้นเคยเพียงกลุ่มเดียว แต่รวมถึงคนแปลกหน้าที่สนใจใน ประเด็นส่วนรวม (สาธารณะ) ประเด็นใดประเด็นหนึ่งร่วมกัน เพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย อาจผ่านเวที ประชาคม หรือสามารถพัฒนาไปสู่การตั้งกลุ่มเช่น กลุ่มออมทรัยพ์ เป็นต้น ดังนั้นชุมชนแบบนี้ตึงเน้นที่การมี เครือขา่ ย ตดิ ตอ่ ส่อื สาร พูดคยุ มกี จิ กรรมรว่ มกัน และมีจติ สำนึกสาธารณะ (Public Consciousness) 4. แนวคิดเกีย่ วกับชุมชนในรูปแบบใหม่ (Virtual Community Perspective) เกิดขึ้นพรอ้ มกับการ พัฒนาเทคโนโลยีและปัญหาของสังคมคุณลักษณะที่สำคัญของชุมชนในรูปแบบใหม่ คือ (Schuler, 1996.) มี จิตสำนึกร่วม (Consciousness) มีหลักการ (Principle) และมีจุดมุ่งหมาย (Purpose) บางคนเรียนชุมชนใน จนิ ตนาการ (imagine community) หรือชมุ ชนทางอากาศ ไม่มีอาณาบริเวณทางภูมิศาสตร์ หรือพ้ืนที่ชัดเจน หรือไม่มีเลย เช่นในระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ บางครั้งถูกเรียนกว่า “ชุมชนเหมือนจริง” ( Virtual Community) ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครส่วนมากเป็นชุมชนทีเ่ กิดจากการจัดตั้งชุมชน และเป็นชุมชนดั้งเดิมที่ เกิดจากการอยู่อาศัยของชุมชนมายาวนาน มีประวัติศาสตร์รว่ มกนั ซึง่ มกั อยใู่ นแนวคิดชุมชนในแบบทางสังคม วิทยาและมานุษยวิทยา และชุมชนทั้งหมดในกรุงเทพมหานครมีอาณาบริเวณชัดเจน มีการประกาศตั้งชุมชน แมว้ า่ จะมกี ารประกาศหลังจากมีการก่อตั้งเปน็ ชุมชนมานานแล้วก็ตาม กระบวนการประกาศชุมชนจึงเป็นการ รบั รองสิทธิของชุมชนเหนือพื้นที่ แบบสงั คมวิทยา แต่มลี ักษณะของความสัมพนั ธ์ท่ีแน่นแฟน้ ในกรณีของชุมชน ทผี่ า่ นประวัติศาสตร์ความยากลำบากมาดว้ ยกัน ซ่งึ ชุมชนทัง้ หกที่เปน็ กรณีศกึ ษาลว้ นผา่ นประสบการณ์ร่วมกัน ในดา้ นปญั หายาเสพติด และการพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชวี ิตที่ดีขน้ึ ซง่ึ ตอบสนองต่อแนวคิทางมานุษยวิทยา ดังนั้น กลไกในการทำงานของชุมชนแต่ละแห่งจึงต้องแสดงออกถึงความเป็นชุมชน ที่มีจุดร่วมกันเพื่อให้เกิด ความต้องการรบั ผิดชอบและมุง่ พฒั นาไปในทางที่ดขี ึ้นรว่ มกนั 3. การศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 10 “ชุมชน เป็นศนู ยก์ ลางในการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ ” กรณี พ้นื ที่กรุงเทพมหานคร บทเรียนในการนำมติสมัชชาสุขภาพไปใช้ในพื้นที่ชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครเมื่อพิจารณาจาก รูปแบบการถอดบทเรียนแลว้ มีประเด็นทีส่ ำคญั ดงั นี้ 1. ชุมชนมีความเข้มแข็งเดิมและมีงานด้านการแก้ไขป้องกันปัญหายาเสพติดอยู่แล้ว ชุมชนที่มี ลักษณะเช่นนี้สามารถผลักดันแนวคิดเรื่องชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ใน ชุมชน ปัจจัยความเข้มแข็งของชุมชนมีส่วนประกอบที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ การประสานการทำงาน ภายในและนอกชุมชน เพื่อรวมและใช้ทรัพยากรเพื่อการทำงาน การสร้างกลไกการทำงานให้เหมาะกับแต่ละ 106

พื้นที่ รวมถึงการวางอนาคตกับการทำงานในกลุ่มเยาวชน ชุมชนกรณีศึกษาหลายแห่งมีการตั้งศูนย์ ประสานงานด้านยาเสพติดทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อให้สามารถทำงานระดับพื้นที่ได้อย่าง บรู ณาการ อย่างไรก็ตาม ชุมชนทุกแห่งไม่ได้เป็นชุมชนเข้มแข็งทุกชุมชน ดังนั้นในการดำเนินการต้องพิจารณา สองประเด็น คือ 1) ศักยภาพของชมุ ชนเพือ่ นำไปสู่การเสรมิ กำลังและศักยภาพของชุมชน โดยเฉพาะการเสริม ศักยภาพความสัมพันธ์ในชุมชนตามแนวคิดทางมานุษยวิทยาเพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนาตนเองได้ ตามหลัก ความเป็นเจ้าของชุมชน ร่วมรับรู้และตัดสินใจไปด้วยกัน 2) โอกาสของชุมชนในการเข้าถึงทรัพยากร และพ่ี เลี้ยงในการทำงานผ่านแนวคิดชุมชนแบบสังคมวิทยาที่อิงตามเขตการปกครองเพื่อให้การสนับสนุนมีความ ชดั เจนจากหนว่ ยงานทจี่ ะเขา้ มาดแู ล และสร้างเครอื ข่ายความสมั พันธร์ ะหว่างคนทำงาน 2. ความแตกต่างของลักษณะพื้นที่ เมือง ชานเมือง ชนบท ความแตกต่างของพื้นที่มีผลต่อการ ทำงานพัฒนาในพื้นที่อย่างมาก ในการศึกษาชุมชนทั้ง 6 ในกรุงเทพมหานครนั้นพบว่า พื้นที่ชุมชนในกรุงเทพ ทั้งหมดมีความเป็นเมือง และชานเมืองแต่ก็ยังมคี วามเจริญของระบบสาธารณูปโภคมากกวา่ ชุมชนที่อยู่ชนบท หรอื นอกเมอื ง ความเจรญิ เหล่านเ้ี ป็นทั้งผลดีและผลเสยี ต่อชุมชน เพราะแม้วา่ คุณภาพชวี ิต การเข้าถึงงานอาจ มีมากกว่าชนบท แต่ปญั หายาเสพติดส่วนมากจะเกิดในชุมชนเมืองมากกวา่ ชุมชนชนบทเพราะปัญหาของเมือง แตกต่างจากชนบท อีกทั้งการเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ก็มีความแตกต่างกันด้วย นอกจากนี้ โครงสร้างและ ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเมืองมีความแน่นแฟ้นน้อยกว่าชุมชนชนบท และชุมชนเมืองจะมีความลื่นไหล มากกว่าชุมชนชนบท การใช้ตัวเชื่อมประสานจากภายนอก เช่น หน่วยงานรัฐ หรือเอกชน ในฐานะหน่วย สนับสนุนจะช่วยให้ชุมชนเมืองสามารถผูกยึดกันได้ดีขึ้น ดังนั้นการวางแผนการทำงานตามมติสมัชชาสุขภาพ ต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ประกอบด้วย จากการลงพื้นที่ทั้ง 6 ชุมชนพบว่า ชุมชนได้มีความพยายามในการ สร้างความสัพมพันธ์ในชุมชนให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดความร่วมมือและรับผิดชอบต่อชุมชนมากขึ้น เช่น ชุมชน บ้านแบบใช้กิจกรรมกบั เด็กและเยาวชนในการพฒั นาชุมชนเพ่ือดึงครอบครัวมาร่วมทำกิจกรรม ชุมชนกองขยะ ไดร้ ับการสนบั สนนุ การพฒั นาชุมชนจากบา้ นพระหฤทยั หนองแขมซ่ึงเปน็ องค์กรศาสนา เปน็ ต้น 3. การสื่อสาร การรับรู้มติและการใช้ประโยชน์จากมติของชุมชน ประเด็นเรื่องการสื่อสารนี้พบว่า มติสมัชชาสุขภาพยังมีการเผยแพร่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับรู้ และเข้าใจเนื้อหาสาระของมติในวงแคบ ซึ่งเมื่อการ สื่อสารเป็นไปในวงแคบแล้วย่อมส่งผลต่อการดำเนินการที่เก่ียวข้อง นอกจากนี้ ยังพบอีกว่านอกจากเนื้อหา สาระของมติแล้ว การสื่อสารเรื่องความคาดหวงั ในบทบาทของแตล่ ะหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้อง และความคาดหวัง ของแตล่ ะหน่วยงานในการดำเนนิ ตามมติ ยงั เปน็ ประเดน็ ที่แต่ละหน่วยงานเหน็ ชดั เจนไม่เทา่ กัน 3.1 ผู้ปฏิบัติงานในเขต หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะเจ้าภาพ มีการรับรู้เรื่องมติ สมัชชาสุขภาพในวงแคบ และยังมีความไม่เข้าใจทั้งหลักการและการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อมติในเชิง รูปธรรม ตวั อย่างทช่ี ัดเจน จากผลการสมั ภาษณ์เจ้าหน้าท่ีหน่วยตา่ ง ๆ ในเขต มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า งานดา้ นยาเสพตดิ ในชมุ ชนเปน็ เร่ืองที่ชุมชนและเขตดำเนินการอยู่แลว้ ร่วมกบั หนว่ ยงานอื่น เชน่ ปปส. รวมถึง กิจกรรมตามมติสมัชชาก็เป็นกิจกรรมที่มีหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและชุมชน ดำเนินการอยู่แล้ว บางเรื่อง 107

เช่นกัน ดังนั้นการดำเนินการตามมติจึงเป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้วและเหมือนจะไม่ต้องดำเนิ นการอะไรเพิ่มเติมใน ชุมชนทีม่ ีความเข้มแขง็ หรอื มีการทำงานด้านน้ีอยแู่ ล้ว 3.2 ชุมชนมักมีช่องว่างในการติดต่อสื่อสารประสานงานกับหน่วยงานรัฐ เป็นเรื่องปกติในการ ทำงานพฒั นาชุมชน ดังนั้นการทำงานเรื่องมติสมชั ชาจึงเปน็ อีกประเดน็ หน่ึงที่ไม่แตกต่างจากเร่ืองอ่ืน ๆ ดังน้ัน การสร้างพื้นที่พูดคุยในรูปแบบต่าง ๆ เพ่ิมเติมนอกเหนือการพูดคุยอย่างเป็นทางการน่าจะเป็นทางช่วยให้ สถานการณด์ ีข้ึน อย่างไรก็ตาม การส่ือสารเชิงระนาบในชุมชนก็มีข้อตดิ ขัด ข้อมูลจากการสัมภาษณ์บางชุมชน ชี้ชัดว่า ความวุ่นวายในการรับงบประมาณการทำงานตามมติสมัชชาสุขภาพจะนำมาซึ่งความยุ่งยากและไม่ โปร่งใส ทำให้บางชุมชนไมอ่ ยากมีสว่ นรว่ มในการดำเนินการ และเมื่อไม่ประสงค์จะรบั ทำกจิ กรรมต่าง ๆ ตาม มติ จึงไม่มีการประชาสมั พันธ์กับสมาชกิ ในชุมชนทราบ 3.3 หน่วยงานอนื่ ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องซึง่ ระบุไว้ตามมติน้ัน จากขอ้ มูลฝั่งชุมชนในฐานะพน้ื ทท่ี ำงานยังไม่ พบการสอ่ื สารในระดับพน้ื ชมุ ชนทเี่ พอ่ื ดำเนินการ ทำให้ยังไมพ่ บการบรู ณาการแผนงานการทำงานระดับชุมชน ดังนั้นการพัฒนากลไกประสานงานกับหน่วยงานอื่นในรูปของการบูรณาการแผนท่ีประกอบด้วย งบ กำลังคน ในระดับพน้ื ทีจ่ ึงเปน็ แนวทางหนงึ่ ดังจะเห็นได้ว่า ประเด็นการสื่อสารส่งผลต่อการดำเนนิ งานจงึ มีความขลุกขลักและสง่ ผลตอ่ ประเดน็ ในขอ้ ตอ่ ไป 4. กลไกต่อเชื่อมการทำงาน เจ้าภาพ บทบาทเจา้ ภาพ และหนว่ ยงานทีเ่ ก่ยี วข้องตามมติ 4.1 เจ้าภาพหลักนั้น ตามมติในข้อแรกได้ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเจ้าภาพหลัก ประสาน เชอื่ มโยง ฝ่ายปกครองทอ้ งที่ ดงั นัน้ จากมติสมชั ชาม่งุ มองการทำงานในลกั ษณะความรว่ มมือของการ แก้ปัญหายาเสพติดในสามระดับในรูปแบบของประชารัฐ คือ ระดับยุทธศาสตร์ ระดับนโยบาย และระดับ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและท้องที่เป็นกลไกหลัก ร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตระดับอำเภอ ซึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร คือ สำนักงานเขต จากการศึกษาพบว่า เขตในฐานะเจ้าภาพตาม มติยังไมส่ ามารถทำหน้าท่ีไดอ้ ยา่ งเต็มประสทิ ธภิ าพ การเช่อื มประสานไปยงั ชุมชนยงั ตดิ ขดั และเขตยังมีปัญหา เรื่องการกระจายงานในเขตเพื่อการประสานงานต่อไปยังชุมชนหรือองค์กรอื่น ๆ ตามมติ ข้อมูลยังชี้อีกว่า เจ้าหน้าที่เขตและคนที่เกี่ยวข้องยังมีความรู้และความเข้าใจกับมติสมัชชาสุขภาพไม่ถ่องแท้ ซึ่งส่งผลให้การ ดำเนินการผลักดันให้มติในขอ้ ตอ่ ๆ มา 4.2 ข้อมูลชี้วา่ ยังไม่พบบทบาทท่ีชัดเจนของ คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอาํ เภอ/เขต (พชอ./พชข.) ในการขับเคลื่อนมติ โดยเฉพาะบทบาทการเป็นพี่เลี้ยง ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สองประการ คือ หน่วยงานมีการดำเนินงานด้านนี้อยู่แล้ว จึงไม่มีการดำเนินการเพิ่มเติมตามมติ และอีกประเด็น คือ ความ ชัดเจนในการทำงานตามมติยังขาดการประสานงานให้ทราบถึงบทบาทของหน่วยงานและการแสดงให้เห็น บทบาทท่ีชัดเจนวา่ ต้องดำเนินการเพ่ิมเตมิ จากการทำงานเดิมอยา่ งไร 108

4.3 บทบาทของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในการผลักดันนโยบาย ในการดำเนินการแล้ว สมัชชา สุขภาพแห่งชาติ มีบทบาทหลักในฐานะเจ้าภาพเพื่อการขับเคลื่อนมติให้เป็นไปตามที่วางไว้ ข้อมูลบางส่วนมุ่ง ฉายภาพของกระบวนการติดตาม ในมติในเชิงรปู ธรรม ซ่ึงมีความจำเปน็ อย่างมากในฐานะผู้รบั มติครงั้ ที่ 10 มา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม บทบาทของ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในการดำเนินการติดตามควรมี หนว่ ยงานเฉพาะในการออกแบบและวางแผนการตดิ ตามอย่างใกลช้ ดิ 4. สรปุ หลงั จากทม่ี ตสิ มชั ชาสุขภาพแห่งชาติได้ประกาศออกมา ใน พ.ศ. 2560 เรื่อง“ชุมชนเป็นศูนยก์ ลางใน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” และขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ประชาสังคม เอกชน และ ชุมชน เข้ามาทำหนา้ ที่ ตั้งแต่เจา้ ภาพ และการให้การสนับสนุน และลงมือปฏบิ ตั นิ ัน้ ขอ้ มูลจากการศกึ ษาพบว่า 1) การแกป้ ัญหายาเสพตดิ โดยใช้ชมุ ชนเปน็ แกน เป็นสิ่งสำคญั 2) ชุมชนบางชุมชนมีศักยภาพในการดำเนินการเป็นศูนย์กลางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไดเ้ ป็นอย่างดี ภายใต้เงอื่ นไขการทำงานของชุมชน และการสนบั สนุนจากภายนอก 3) การดำเนินการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนมีการดำเนินการมาแล้วใน ชมุ ชนตา่ ง ๆ เพื่อลดปญั หายาเสพติดในชมุ ชน โดยเฉพาะในชมุ ชนทีม่ ีปญั หารนุ แรง 4) การใช้แนวคิดชุมชนในการแก้ปัญหายาเสพติดมุ่งการทำงานด้านความสัมพันธใ์ นชุมชนเพือ่ ให้เกิด จติ สำนึกรว่ มในการทำงานป้องกันแก้ปัญหา และใช้รปู แบบความเปน็ ชุมชนทางการในการขอการสนบั สนุนการ ทำงาน 5) มติสมัชชาสุขภาพยังไม่สามารถนำมาใช้ในชุมชนกรณีศึกษาได้ชัดเจนเนื่องจากความไม่ชัดของ กระบวนการดำเนินการ และความทบั ซ้อนกับแผนการทำงานด้านการป้องกันและแก้ไขปญั หายาเสพติดท่ีมีอยู่ เดิมในพนื้ ท่ี 6) การสร้างความเข้าใจของแต่ละหน่วยงาน การสร้างวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมตามมติสัมชชา สุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ไปสู่ปลายทางการทำงาน เป็นสิ่งสำคัญเพื่อหน่วยงานต่าง ๆ ทราบและเข้าใจบทบาท ของตนในการทำงาน 109

110

ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย การศึกษาบทเรยี นและพัฒนากลไกการขบั เคล่อื นมติสมัชชาสขุ ภาพแห่งชาตคิ รั้งที่ 10 “ชมุ ชนเปน็ ศนู ยก์ ลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” กรณี พ้นื ท่กี รงุ เทพมหานคร 1. สถานการณ์และสภาพปญั หา ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาระดับโลกที่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างภูมิภาค และประเทศ ตลาดการค้ายา เสพติดมีการขยายกว้างมากขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้นจากสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของประชากร ภาวะการ กลายเป็นเมือง และปัญหาเศรษฐกิจที่ช่องว่างถ่างมากขึ้นระหว่างคนจนและรวย (UNODC, 2020a) เช่นเดียวกบั ประเทศไทยที่ปัญหายาเสพติดมีความ ผ้ตู อ้ งหา จานวนคดี รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลหลายสมยั ตา่ งยกให้ปัญหายาเสพ ติดเป็นวาระแห่งชาติเพื่อเร่งแก้ปัญหา 174,295 169,727 202,437 218,009 256,139 210,349 154,563 176,171 193,348 232,305 ยาเสพติดในระดับชุมชนเป็นอีกหนึ่ง ปัญหาที่มีความซับซ้อน ใน กรุงเทพมหานคร พบว่า มีชุมชนอย่าง 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 น้อย 23 ชุมชมจาก 14 เขตที่ถูกระบุว่า เป็นแหล่งจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง 6 ปี สถานการณ์ยาเสพติดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาพบว่า ภาคเหนือ (พ.ศ. 2555 - 2560) (ปปส., มปป) ตอนบนเป็นพ้ืนที่ลักลอบนำเขา้ ยาบา้ ยาไอซ์ และเฮโรอีน ส่วนกญั ชาจะ ลกั ลอบเข้ามาทางชายแดนของภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ใน พ.ศ. 2560 ผลกระทบจากปัญหายาเสพติด ยาบ้ายังคงเป็นยาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด รองลงมาคือ หลัก ๆ คือ 1) ปัญหาสุขภาพ ใบกระท่อม และไอซ์ อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ต้องหาในคดียาเสพติดใน สถานการณ์ระดับโลก กัญชาเป็นยาเสพ ประเทศตัง้ แต่ พ.ศ. 2552 ถึง พ.ศ. 2562 มีจำนวนมากในแต่ละปี และ ติดที่มีคนใช้มากที่สุด ราว 192 ล้านคน ได้กลายเป็นปัญหาไม่เฉพาะทางสังคมแต่เป็นปัญหาทางการคลังของ ในปี พ.ศ. 2561 และพบว่ามีการตาย ประเทศด้วย เฮโรอนี อื่นๆ พ.ศ. 2560 จำนวนมากเกี่ยวข้องจากการใช้ยาเสพ 0.4% 10% ติด (ร้อยละ 66) และมีการตายก่อนวัย กญั ชา อันควร (UNODC, 2020b) 2) ปัญหา 5% ทางเศรษฐกิจ เป็นค่าใช้จา่ ยเรอื่ งสุขภาพ ไอซ์ ยาบา้ และกระบวนการยุติธรรมจากคดียาเสพ 9% 64% ติด 3) ปัญหาทางสังคม ที่ก่อปัญหา อาชญกรรม และค่าความเสียโอกาสกับ ใบกระท่อม 12% ประชากรท่เี ก่ยี วข้องกับยาเสพตดิ

การดำเนินการแก้ไขปัญายาเสพตดิ ในประเทศไทยมีแนวทางท้ังในด้านการปราบปรามจับกุม การป้องกัน และการบำบัดรักษา ซึ่งที่ผ่านมา แนวทางการป้องกันดูเหมือนจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นทางและมีรูปแบบการ ดำเนินการที่หลากหลาย การทำงานกับชุมชนเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหา เพราะการ ดำเนินการในพ้ืนที่เล็กสามารถบริหารจัดการได้ง่ายกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การกำหนดนโยบายและแนวโน้มในการ แก้ไขปญั หายาเสพตดิ ต้องคำนงึ ถึงการป้องกนั ยาเสพติด กระบวนการรักษา การฟืน้ ฟดู ูแล และการกลบั คืนสู่สังคม รวมทัง้ ตอ้ งมกี ารประเมนิ ผลสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพตดิ เพือ่ ประโยชนใ์ นการพิจารณาแนวทางทจี่ ะทำให้ มปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ขึ้น 2. ข้อคน้ พบหลัก 1. มตสิ มั ชชาสุขภาพแห่งชาติ การประชุม สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้ง ที่ 10 วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ได้พิจารณารายงานเรื่อง “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนเพ่ือ หยดุ ความเดอื ดร้อนของสังคมตอ่ ปญั หาน้ี และมีสาระของมติ ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพหลัก ประสาน เชื่อมโยง ฝ่ายปกครองทอ้ งท่ี องค์กร และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงชุมชน เครือข่ายภาคเอกชน และประชา สังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกัน ดูแล และแก้ไขปัญหายาเสพติดใน ชุมชน ขอให้หน่วยงานอื่น ๆ มีหน้าที่สนับสนุนการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับอาเภอ/เขต (พชอ./พชข.) บูรณาการกับภาคประชาสังคม และองค์กรเอกชน เพื่อสนับสนนุ กระตุ้นและเป็น พเ่ี ลย้ี ง ขอให้ศูนย์และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดำเนินการโดยตรงเกี่ยวกับยาเสพติด สนับสนุนการทำเวทีแลกเปลี่ยน และสง่ เสริมการทำงานของชมุ ชน และขององค์กรอื่น ๆ ทเี่ กย่ี วข้องสนับสนุนดา้ นอ่ืน ๆ เชน่ งบประมาณ และการ รณรงค์ตา่ ง ๆ รวมถงึ การปรบั แก้ข้อบังคับและกฎหมายระดบั ท้องถ่ินใหส้ อดคล้องกับการทำงานป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพตดิ โดยใช้ชมุ ชนเปน็ แกน การดำเนนิ งานเนน้ การขับเคลือ่ นผา่ นการประสานงานหลายหนว่ ยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชา สังคม และชุมชน ดังนั้นจึงขอกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมากและมีระดับหลายระดับร่วมกันทำงานใน ระดับชุมชนซึ่งมีจำนวนมากเช่นกัน ทำให้ต้องมีความซับซ้อน มีรายละเอียดและมีความอ่อนไหวอย่างมากในการ ทำงานในแต่ละชมุ ชน การดำเนนิ การสร้างความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของแตล่ ะหนว่ ยงานจึงมีความจำเป็นที่ ต้องดำเนินการชว่ งเร่ิมการทำงาน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า แนวคิดเรื่อง “ให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด” นั้น มีการดำเนินงานอยู่แล้วตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งสร้างความสับสนให้กับ 112

คนทำงานโดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐ ว่าควรดำเนินการเช่นไรกับมติสมัชชาซึ่งบางพื้นที่เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ทำอยู่ แล้วกใ็ หด้ ำเนนิ การตามเดิม เปน็ ต้น จงึ เป็นการขาดโอกาสที่จะสนบั สนุนชมุ ชนได้ดกี วา่ เดิม 2. การดำเนินการดา้ นการป้องกันและแก้ไขปญั หายาเสพติในชุมชน กรณีศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครประกอบด้วย ตัวแทนของ กรุงเทพเหนือ กรุงเทพกลาง กรุงเทพใต้ และกรงุ เทพตะวนั ออก และเลอื กธนบรุ ีเหนือ และธนบรุ ีใต้ รวม 6 ชุมชน พบว่า ชุมชนทั้งหกมีจุดร่วม สำคัญคือ เป็นชุมชนเข้มแข็ง ที่ มีการดำเนินการป้องกันและ แก้ปญั หายาเสพตดิ อยู่ก่อนแล้ว ชุมชนทั้งหมดมีการสร้างทุน ทางสังคมผ่านประวัติศาสตร์ที่ มีมาร่วมกัน แต่ชุมชนส่วนมาก ก็ประสบปัญหาเรื่องยาเสพติด ในอดีตรวมถึงมีปัญหาเรื่อง คุณภาพชีวิต และไม่มั่นคงทาง ภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน ใ น ด ้ า น ก า ย ภ า พ ช ุ ม ช น มี ลักษณะเป็นชุมชนที่เอื้อให้เกิดกิจกรรมเกี่ยวกับยาเสพติดได้ง่าย ร่วมกับการมีประชากรแฝงจากการอพยพ ของคนนอกชุมชน ผู้นำชุมชน และกลไกการทำงานในชมุ ชนแบบบูรณาการท่ีผนวกงานดา้ นยาเสพติดกับงานด้านอื่น ๆ ไว้ ด้วยกันเป็นจุดแข็งสำคัญของชุมชม การทำงานร่วมกันภายใต้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการดึงคนในชุมชน รวมถึง เด็กและเยาวชนมาร่วมงาน เป็นข้อดีของการทำงานเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกคือการได้รับการสนับสนุน จากภาคีภายนอก อย่างไรก็ตาม ด้วยขอ้ จำกัดด้านงบประมาณ และปญั หารายไดข้ องครวั เรือนเป็นปัจจัยภายนอก ท่ขี ดั ขวางการทำงานของชุมชน ในขณะท่กี ารพึง่ พาเฉพาะผนู้ ำคนเดิมกย็ งั เป็นภยั คุกคามด้วยเชน่ กนั 3. บทเรียนจากการดำเนนิ การตามมติสมชั ชาสขุ ภาพ กระบวนการมีส่วนร่วม มติสมัชชาถูกออกแบบให้เกิดการมีส่วนร่วมในกระบวนการเสนอมติในแต่ละ วาระ และโดยมากวาระแตล่ ะเร่ืองเกดิ จากเจ้าของประเด็น หรือคนทำงานในประเดน็ นั้น ดังนั้น การออกแบบการ ทำงานตามมติสมัชชา จึงเป็นกิจกรรมที่คิดเพื่อให้เกิดการทำงานแบบมีสว่ นร่วมต้ังแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางที่ ชมุ ชน การสร้างวิสัยทัศน์รว่ ม (shared vision) ปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานร่วมของหลายองค์กร และภาคี คือขาดการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมเพื่อให้เห็นภาพปลายทางที่ชัดเจนร่วมกัน เพราะการสร้างวิสัยทัศน์ร่วม 113

เป็นการร่วมกันพัฒนาภาพของอนาคตที่กลุ่มต้องการจนได้ภาพที่มีรายละเอียดชัดเจน และเป็นภาพเดียวกันของ ทุก ๆ คน ตลอดจนร่วมกันพัฒนาหลักการ (Principle) และวิธีปฏิบัติ (Guiding Practice) ที่จะนำกลุ่ม ให้บรรลุ อนาคตที่วาดภาพไว้ (Senge, 2014) ดังนั้น ที่ผ่านมาหน่วยงานที่ปรากฎในมติสมัชชายังต้องการการสร้าง วิสัยทัศน์ร่วมในการทำงานเพื่อให้เข้าใจบทบาทของตนในการทำงานประเด็นชุมชนเป็นแกนในการป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพตดิ กลไกเชื่อมประสาน ในมิตมีการระบุองค์กรจำนวนมากมาจากหลายภาคส่วน และมีระดับขององค์กรที่ แตกต่างกัน ดังนัน้ กลไกในการเชอ่ื มประสานแต่ละหน่วยงาน องคก์ ร มีความสำคญั ยิ่ง ทั้งการเชือ่ มประสานในแนว ระนาบ และการเชื่อมประสานในแนวดิ่ง แม้ว่าในมติจะระบุว่าให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสำนักงาน เขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพและทำหน้าที่เชื่อมประสาน แต่เมื่อพิจารณาจากความร่วมมือแล้ว เขต อาจจะทำหนา้ ทเี่ ช่ือมระหวา่ งชุมชนและหนว่ ยงานระดับสำนักได้ แตย่ ังอาจจะไม่สามารถเชื่อมต่อหน่วยงานระดับ กระทรวงหรอื องคก์ รภาคเอกชนไดอ้ ย่างเตม็ ประสิทธภิ าพ 3. ขอ้ เสนอเชงิ นโยบาย 1. มาตรการการสื่อสาร เพื่อให้เกิดการรับรู้วิสัยทัศน์ร่วม (share vision) เพื่อเห็นภาพร่วมกัน และ สามารถต่อเชื่อมการทำงานเดิมของแต่ละหน่วยงานกบั มติสมัชชาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้สมัชชาสขุ ภาพ ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึง สำนกั งานเขตในพน้ื ทก่ี รุงเทพมหานคร และกระทรวงยตุ ิธรรมผ่านสำนักงาน ปปส. 2. มาตรการเชื่อมประสานงาน ต้องมีแนวทางหรือกลไกในการเชื่อมประสานการทำงานในระดับ แนวราบและแนวดิ่ง โดยพิจารณาจากอำนาจหน้าที่ ของแต่ละหน่วยงาน 2.1 ชุมชนต้องสร้างกลไกในการประสานงานภายในชุมชน ระหว่างชุมชนและองค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถน่ิ รวมถึงสำนักงานเขตในพ้นื ท่ี 2.2 กรงุ เทพมหานคร และระหว่างองคก์ รชมุ ชนดว้ ยกนั 2.3 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าภาพและ ทำงานใกล้ชดิ กับชุมชนเป็นกลไกเช่อื มประสานงานระหว่าง ชุมชน สมัชชาสขุ ภาพ และกระทรวงมหาดไทย 2.4 สมัชชาสุขภาพในฐานะผู้สนับสนุนต้องเป็นเจ้าภาพในการเชื่อมองค์กรระดับกระทรวง และ ภาคเอกชน ในแนวราบ และทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมระหว่างแนวดิ่งกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึง สำนักงานเขตในพื้นท่ีกรุงเทพมหานคร 3. มาตรการการติดตามมติสมัชชาแห่งชาติ สร้างกลไก และหน่วยงานเจ้าภาพในการติดตามผลการ ดำเนนิ งานเพ่ือใหเ้ ป็นไปตามมติ ทั้งน้ี สมชั ชาสขุ ภาพอาจแต่งต้ังหนว่ ยงานภาคประชาสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมใน การติดตามร่วมกับสมัชชาสุขภาพเพื่อให้สามารถกระจายพื้นที่การติดตามให้ครอบคลุมครบถ้วน ในรูปของการ 114

กระจายล่างสู่บน (bottom up approach) รวมถึงการสร้างเวทีในการแลกเปล่ียนประสบการณ์ และความรู้จาก การติดตาม และการดำเนนิ งานของแตล่ ะพ้ืนท่ี 4. มาตรการการดูแลบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในชุมชน เป็นมาตรการสนับสนุนตามมติให้ สร้างกลไกหรือแนวทางการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในชุมชน โดยไม่ต้องส่งต่อออกนอกพื้นที่ เป็นมาตรการเพ่ือ สร้างความเป็นชุมชน ลดภาระการดูแลและงบประมาณ โดยให้ชุมชนร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพ้ืนที่สร้าง แนวทางการบำบัดรักษาและฟื้นฟูทเี่ หมาะสม ผา่ นกลไกของสมัชชา ในการต่อเช่อื มความร่วมมือขา้ มหน่วยงาน ที่มา: โครงการศึกษาบทเรียนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 10 “ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการ ป้องกันและแกไ้ ขปัญหายาเสพติด” กรณี พนื้ ทกี่ รงุ เทพมหานคร. 2563 โดย ศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนอื มหาวิทยาลยั เชียงใหม่, คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หนว่ ยปฏบิ ัติการวิจัยความม่ันคงของมนุษยแ์ ละความเทา่ เทียม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , สมัชชาสขุ ภาพแห่งชาติ สงิ หาคม 2563 115