146 คู่มอื ครู สำหรับการดำเนนิ การจัดกจิ กรรมแนะแนวในชดุ การสอนกิจกรรมแนะแนวเพอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ติ ดา้ นการพัฒนาชีวติ ส่วนตนและสงั คม ของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 โดยเทคนิคการใช้คำถาม R-C-A เร่ือง ส่ือออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภัยไอที และตอบคำถาม R-C-A คำถามสะท้อน (R) คำถามเชือ่ มโยง (C) คำถามปรบั ใช้ (A) เป็นกจิ กรรมหลกั ในการผ่านจดุ ประสงค์การเรียน ใชเ้ วลาเรียน 50 นาที ครูควรศกึ ษาเพอื่ เตรียมการสอน ดงั น้ี 1. สาระสำคัญ เทคโนโลยีเปน็ สิ่งจำเปน็ ในชีวิตประจำวัน บางอย่างกลายเป็นปจั จยั ที่ 5 ไปแล้ว แต่ผลกระทบ จากความสะดวกสบายกลายเป็นภยั ทแี่ ฝงอันตรายตอ่ สขุ ภาพอย่างหลกี เลย่ี งไม่ได้ เทคโนโลยีไมว่ ่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โน๊ตบคุ๊ แทบ็ เลต็ สมารท์ โฟน ฯลฯ น้นั มผี ลกระทบตอ่ สุขภาพท้ังทางตรงและทางออ้ ม กระทบต่อท้ังร่างกายและจิตใจ ๑. ผลกระทบด้านร่างกาย พบว่าการติดส่ือสังคมออนไลน์เป็นเวลานานทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดหลงั ปวดข้อ ปวดท้อง เจ็บหน้าอก อ่อนเพลยี โรคความดัน อาการลมชกั ปัญหาสายตา เปน็ ตน้ และ ยังส่งผลกระทบต่อสมองส่วนหน้าทำให้มีขนาดเล็กและมีการเช่ือมโยงของเซลล์ประสาทสมองส่วนหน้า ลดลง 2. ผลกระทบด้านจิตใจและอารมณ์ ส่งผลให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิดในลักษณะเดียวกับ การเล่นเกมออนไลน์ได้ รวมทั้งความคิด อารมณ์และพฤติกรรมกา้ วรา้ วรุนแรง เนื่องจากเด็กและเยาวชน ยงั ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์จรงิ กับจินตนาการหรือสิ่งที่เกดิ ขึ้นได้ รวมทั้งการขาดทักษะการเรียนรู้ ร่วมกบั ผอู้ นื่ ๓. ผลกระทบในครอบครวั พบว่า ครอบครวั ขาดความอบอุ่น สัมพันธภาพในครอบครัวลดลง ทำให้ เกิดความไม่เขา้ ใจและความขัดแย้งในครอบครวั 4. ผลกระทบด้านสังคม ก่อให้เกิดการกระทำผดิ ของเด็กและเยาวชน รวมทั้งเดก็ และเยาวชนซ่ึง ตกเป็นเหย่ือในการถูกลอ่ ลวงจากการใช้ส่ือสงั คมออนไลนท์ ่ไี มเ่ หมาะสม ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 เพือ่ ให้นักเรียนบอกชอ่ื โรคท่มี ากับสอ่ื ออนไลน์และเทคโนโลยไี ด้ 2.2 เพ่อื ให้นกั เรียนอธิบายวิธปี อ้ งกันตนไมใ่ หเ้ ปน็ โรคที่มากับส่อื ออนไลนแ์ ละเทคโนโลยีได้ 2.3 เพ่อื ให้นักเรียนวิเคราะห์สาเหตุท่ีเกิดโรคท่มี ากับส่ือออนไลน์และเทคโนโลยีได้ 2.4 เพ่ือให้นกั เรยี นหลีกเล่ยี งพฤตกิ รรมท่ไี ม่เหมาะสมในการใชส้ ือ่ อนไลน์และเทคโนโลยี 3. เนอ้ื หา องค์ประกอบของทักษะชีวติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (2556:4-5) ได้กำหนดองคป์ ระกอบของทักษะชีวิต สำคญั ที่จะสร้างและพัฒนาเป็นภูมคิ ุ้มกนั ชีวติ ใหแ้ ก่เด็กและเยาวชนในสภาพสังคมและเตรียมความพร้อม สำหรับอนาคต ไดแ้ ก่
147 องค์ประกอบที่ 2 การคดิ วิเคราะห์ ตดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การแยกแยะข้อมูล ข่าวสาร ปัญหาและสถานการณ์รอบตัว วิพากษ์วิจารณ์และประเมินสถานการณ์รอบตัวด้วยหลักเหตุผล และข้อมูลที่ถูกต้อง รับรู้ปัญหา สาเหตุของปัญหา หาทางเลือกและตัดสินใจในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งระบพุ ฤตกิ รรมทกั ษะชีวติ ทคี่ าดหวัง ดังน้ี 1. ร้จู ักสงั เกต ตง้ั คำถาม และแสวงหาคำตอบ 2. วเิ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื ของขอ้ มลู ขา่ วสาร 3. ประเมินสถานการณแ์ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ 4. มคี วามสามารถในการคิดเช่ือมโยง 5. รูจ้ ักวพิ ากษว์ ิจารณ์บนพ้ืนฐานของขอ้ มูลสารสนเทศที่ถกู ตอ้ ง 6. ร้จู ักวิธีการและขัน้ ตอนการตัดสนิ ใจและแก้ไขปัญหาทีถ่ กู ตอ้ ง ยุทธวธิ ีในการฝกึ คือ 1. ใช้เทคนคิ ตอบคำถาม R-C-A คำถามสะทอ้ น (R) คำถามเช่ือมโยง (C) คำถามปรบั ใช้ (A) 2. การคิดวิเคราะห์ ตดั สนิ ใจ และการแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ 4. วิธดี ำเนนิ การจัดกจิ กรรม 4.1 ข้นั ทดสอบกอ่ นเรียน ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่ือง ส่อื ออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภยั ไอที โดยใช้เทคนิคคำถาม R-C-A จำนวน 10 ขอ้ 4.2 ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 4.2.1 ครนู ำเข้าส่กู ิจกรรม โดยครกู ลา่ วนำเก่ียวกับภัยจากการใช้สอื่ ออนไลน์ 4.2.2 ครกู ระต้นุ ให้นกั เรียนร่วมสนทนาและแสดงความคิดเห็น 4.2.3 ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มของนักเรียนและทำความเข้าใจ เกี่ยวกบั การปฏบิ ัติกจิ กรรมใหน้ กั เรียนทราบ 4.2.4 ครใู ห้นักเรียนแบ่งกลมุ่ ๆละ 5-6 คน โดยวธิ คี ละนกั เรยี นเกง่ ปานกลาง อ่อน ๔.๓ ขน้ั กจิ กรรม ข้ันนำ ๔.๓.๑ ครูชูบัตรคำ “Phubbing”ให้นักเรียนดแู ละร่วมกันสนทนาว่ามีความหมายวา่ อย่างไร ใครเคยไดย้ ินหรือได้เห็นคำนบ้ี ้าง 4.3.2 ครูอ่านแบบทดสอบอาการติดโทรศัพท์หรือโซเชียลข้ันรุนแรง (Phubbing) ให้นักเรียน สำรวจตนเอง
148 แบบทดสอบอาการฟับบ้งิ แบบทดสอบนี้จะช่วยให้ยอ้ นมองตวั เองว่าตวั เองมีพฤตกิ รรมเหล่านบี้ ้างหรือไม่ และคน้ พบวา่ ตัวเองมีอาการฟับบง้ิ หรอื สมุ่ เสย่ี งกบั อาการติดโทรศัพทข์ ้นั หนักหรอื ไม่ โดยผา่ นการตอบคำถาม งา่ ยๆ วา่ “ใช”่ หรอื “ไม่” 1. เมือ่ รับประทานอาหารร่วมกับคนอนื่ คณุ มักจะลุกออกไปเช็คโทรศัพท์อยู่บอ่ ยๆ 2. แมว้ ่าคณุ จะอยกู่ ับคนอ่ืน คณุ ไม่เคยละสายตาออกจากโทรศัพท์เลย 3. ไมว่ ่าจะอย่กู ับใคร แต่โทรศัพท์กย็ ังคงอยู่ในมือตลอด 4. หากคุณได้ยินเสยี งโทรศัพท์ หรือเสยี งเตือนโทรศพั ท์ดังขนึ้ คุณจะหยิบข้นึ มาดูในทนั ที แม้ว่าจะกำลังคุยกบั ผู้อืน่ อยู่ 5. คุณมักจะจ้องหน้าจอโทรศพั ทต์ ลอดแม้แต่ในเวลาท่ีกำลงั คุยกับใครสกั คน 6. แมก้ ำลังอย่กู ับเพือ่ นๆ คุณก็ยังหยบิ โทรศัพทข์ ้ึนมาเชค็ เวลาเบ่ือๆ หรือเวลาทม่ี ีเสียง แจง้ เตือนดงั ขึ้น 7. ตอ่ ใหก้ ำลงั คยุ อยู่กับเพ่ือน คุณก็สามารถหยิบโทรศัพท์ข้ึนมาใช้ได้ 8. กำลงั อย่กู ับคนรัก คุณกย็ งั หยบิ โทรศัพท์ขน้ึ มาเช็คได้ 9. ถา้ หากคุณและคู่สนทนาอีกฝ่ายเร่ิมไมม่ ีอะไรจะคุยกัน คุณจะเริ่มหันไปให้ความสนใจ กับโทรศพั ท์แทน หากคุณตอบว่า “ใช”่ 6 ข้อขึน้ ไป นนั่ หมายถึง คุณกำลงั มอี าการฟับบ้งิ หรือ ถ้าตอบวา่ “ใช”่ 3-5 ข้อ แปลวา่ คณุ กำลังสมุ่ เส่ยี งท่ีจะตดิ โทรศัพท์อย่างหนัก แต่ถ้านอ้ ยกว่า 3 ข้อก็สบายใจได้ เพราคุณไมม่ ีอาการฟับบง้ิ ................................................................................................................................. อา้ งอิงจาก http://www.health.kapook.com. 4.3.3 ครสู นทนากบั นักเรยี นเกีย่ วกบั ผลการสำรวจตนเอง และครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเก่ียวกับคำว่า “Phubbing” 4.3.4 ครูแจกใบความรปู้ ระกอบการจัดกจิ กรรม เรื่อง โรคยุคใหม่ ภัยไอที ให้นกั เรยี นคนละ 1 ชุด พรอ้ มอธิบาย 4.3.5 นกั เรยี นศกึ ษาใบความรปู้ ระกอบการจดั กจิ กรรม เรอ่ื ง สือ่ ออนไลน์ กิจกรรมโรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที ข้ันเทคนคิ การใชค้ ำถาม R-C-A 4.3.6 ครูเร่ิมต้นใช้เทคนิคการใช้คำถาม R-C-A เพ่ือให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดเพื่อ วเิ คราะห์ แก้ปญั หา ค้นหาคำตอบ ดงั นี้ คำถามสะทอ้ น (R) นักเรียนรู้สกึ อยา่ งไรกับโรคต่างๆทีม่ ากับใช้สื่อออนไลนแ์ ละเทคโนโลยีในกิจกรรมน้ี
149 คำถามเช่อื มโยง (C) พฤตกิ รรมอย่างไรในการใชส้ ่ือออนไลน์และเทคโนโลยีที่จะนำโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายของผู้ใช้ คำถามปรบั ใช้ (A) ถ้าเพ่ือนของนักเรียนมีอาการปวดตา แสบตาหลังจากใช้งานจากคอมพิวเตอร์ นักเรียน จะช่วยเหลือหรอื มกี ารแนะนำเพือ่ นหรอื ไม่ อย่างไร 4.3.7 เมอ่ื นักเรียนได้รบั ฟงั คำถาม R-C-A แล้ว ครูใหต้ วั แทนแต่ละกลุ่มตอบคำถามปากเปล่าและ แสดงความคิดเห็น (ขอ้ ละ ๒–๓ คน) หลังจากน้ันครูแจกแบบฝึกกิจกรรม โรคยุคใหม่ ภัยไอที กล่มุ ละ ๑ ชุด 4.3.8 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยทำแบบฝกึ กจิ กรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที 4.3.9 ครูเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนได้มโี อกาสปฏิสมั พนั ธภ์ ายในกลุ่ม ให้ไดข้ อ้ สรปุ งาน การอภิปราย การซกั ถาม ข้อเสนอแนะ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซึง่ กันและกัน 4.3.10 ครใู ห้คำแนะนำและเป็นทปี่ รกึ ษานกั เรยี นขณะทน่ี ักเรยี นทำกิจกรรมและสอดแทรก คุณธรรมและจรยิ ธรรม ตรวจสอบการปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ งๆของนกั เรียน 4.3.11 ครูสงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในดา้ นความสนใจ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มุ่งมนั่ ในการทำงาน ความซ่ือสัตย์ และความรับผิดชอบ 4.4 ขน้ั สรุปและการประเมินกิจกรรม 4.4.1 ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยวิธกี ลุ่มสมั พนั ธ์รว่ มกับเทคนิคการใชค้ ำถาม R- C-A ให้นักเรยี นตอบปากเปล่าและครอู ธบิ ายเพม่ิ เติม - “ประสบการณท์ ี่นกั เรียนได้รบั ในการรว่ มกจิ กรรมวนั น้ี คืออะไร” - “นักเรยี นจะเช่อื มโยงกบั สิง่ ทรี่ ู้ ส่ิงทน่ี ักเรยี นเช่ือ หรอื รูส้ กึ มากอ่ นไดอ้ ยา่ งไร” - “นักเรียนจะนำส่งิ ทไี่ ด้เรยี นรจู้ ากประสบการณ์ไปใชไ้ ดอ้ ย่างไร” 4.4.2 ครปู ระเมนิ นกั เรียน ด้านความรู้ ด้านกระบวนการ ด้านเจตคติ ลงในเคร่อื งมือการวัด และประเมินผลการร่วมกจิ กรรม - ด้านความรู้ โดยวธิ กี ารตรวจแบบฝกึ กจิ กรรมโรคยุคใหม่ ภัยไอที - ดา้ นกระบวนการ โดยวธิ ีการสังเกต การรว่ มอภปิ ราย และกิจกรรมกลุ่ม - ดา้ นเจตคติ โดยวิธกี ารสงั เกตพฤติกรรม 4.4.3 นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ผลการทำแบบฝกึ กจิ กรรมและข้อคิดไดจ้ ากการทำกิจกรรม 4.4.4 ครใู หข้ อ้ คิดเรอ่ื ง โรคยุคใหม่ ภัยไอที 4.5 ขั้นทดสอบหลังเรียน 4.5.1 ครูให้นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง ส่อื ออนไลน์ กิจกรรม โรคยุคใหม่ ภัยไอที โดยใชเ้ ทคนคิ คำถาม R-C-A จำนวน 10 ข้อ 4.5.2 ครูให้นักเรียนทำแบบสอบถามความคิดเห็นท่ีมีต่อชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวเพ่ือ พัฒนาทกั ษะชวี ิต ด้านการพัฒนาชีวติ ส่วนตนและสังคม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวิธกี ลุ่มสมั พันธ์ ร่วมกบั เทคนิคการใชค้ ำถาม R-C-A
150 ๕. สื่อ – อปุ กรณ์ ๕.๑ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียนเรื่อง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรมโรคยคุ ใหม่ ภัยไอที ๕.๒ บัตรคำ “Phubbing” 5.3 แบบทดสอบอาการติดโทรศพั ท์หรอื โซเชียลข้ันรนุ แรง (Phubbing) ๕.4 ใบความรปู้ ระกอบการจัดกิจกรรม เรือ่ ง ส่ือออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภัยไอที ๕.5 แบบฝกึ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภยั ไอที ๕.6 คำถาม R-C-A และแนวการตอบคำถาม ๕.7 แบบประเมินการตอบคำถาม R-C-A 5.8 แบบสอบถามความคดิ เหน็ ทมี่ ตี ่อชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวเพอื่ พัฒนาทกั ษะชีวิต โดยเทคนิคการใช้คำถาม R-C-A ๕.9 แบบสงั เกตการปฏิบัตกิ จิ กรรม 6. การประเมนิ ผล วิธวี ดั เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การประเมิน 1. สังเกตการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 1. แบบสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม 1. พฤติกรรมการปฏิบัตกิ ิจกรรม 2. ตรวจผลงานแบบฝึก 2. แบบฝกึ กจิ กรรม R-C-A ตัง้ แต่ระดบั ดีขึน้ ไป กิจกรรม R-C-A 3. แบบทดสอบก่อนเรยี นหลังเรียน 2. ได้คะแนนจากการทำแบบฝึก 3. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ร้อยละ 60 ข้ึนไป และหลงั เรียน 3. ไดค้ ะแนนจากการทำ แบบทดสอบร้อยละ 60ขึ้นไป
151 คำอธบิ ายเพ่ิมเติม เกีย่ วกบั เทคนิคการใช้คำถาม R-C-A เพอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ติ คำถาม R-C-A เป็นคำถามท่ีสะท้อนประสบการณ์ของผู้เรียน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดึงประสบการณ์ ท่ีเกี่ยวกับทักษะชีวิตของบุคคลน้ันออกมา การทำกิจกรรมแล้วมีการต้ังคำถาม R-C-A ร่วมด้วย จะทำให้ เด็กเขา้ ถึงบทเรียนมากข้ึน แล้วสามารถนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์หรือสงิ่ ต่างๆ ท่ีผา่ นมา รวมถึงการนำ ประสบการณ์ต่างๆ เหล่าน้ันไปปรับใช้ในอนาคต (คู่มือทักษะชีวิต.มมป.:15) ซึ่งกระบวนการเรียนรู้รูปแบบนี้ สนับสนุนใหเ้ กิดความรว่ มมือและการมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะในการคิด เช่น การคิดวเิ คราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การเจรจาและการสังเคราะห์ การใช้คำถาม R-C-A จะทำให้นักเรียนผ่านการประมวล ผลประสบการณ์ 3 ขั้นตอน ดงั ตารางตอ่ ไปนี้ ขน้ั ตอนในวงจร ส่ิงทีน่ ักเรียนพจิ ารณา เกดิ อะไรขึ้นกบั ประสบการณ์ คำถามสะท้อน นกั เรียนจะนกึ ถงึ ประสบการณ์ท่ี (Reflect : R) “ประสบการณ์ทไี่ ดร้ ับคอื อะไร” ไดร้ ับและทำใหม้ ันชดั เจนขนึ้ โดย “รู้สกึ อย่างไร” “เหน็ อะไร” ประสบการณท์ ่ีเพงิ่ เกดิ ขน้ึ จะถกู คำถามเชอ่ื มโยง “ความสัมพนั ธร์ ูปแบบใดที่ไดม้ ีส่วนร่วมกบั สง่ เขา้ สกู่ ระบวนการจดั เรียงลำดับ (Connect : C) ประสบการณ์” การจัดลำดับของประสบการณ์ ยังคงดำเนนิ ตอ่ ไป และ คำถามปรับใช้ “ประสบการณ์ครง้ั นสี้ มั พันธ์กับประสบการณ์ ประสบการณต์ า่ งๆทนี่ กั เรียนมี (Apply : A) กอ่ นหนา้ นีอ้ ยา่ งไร” จะถูกเชอ่ื มโยงเข้าด้วยกัน “จะเชื่อมโยงกบั ส่ิงทรี่ ู้ เชอ่ื หรือรู้สึกมากอ่ นได้ อยา่ งไร” การเรียนรูถ้ กู ถ่ายทอดและ “มันสรา้ งความชดั เจนหรือขยายขอบเขตมุมมอง ถูกนำไปปรบั ใช้กบั สถานการณ์ หรือไม่” ต่างๆ “มันทา้ ทายหรอื หกั ล้างมุมมองหรือไม”่ “จะนำสงิ่ ท่ีได้เรยี นรู้จากประสบการณไ์ ปใช้ได้ อย่างไร” “สามารถนำประสบการณ์ดังกล่าวไปปรบั ใชก้ ับ สถานการณท์ ี่คล้ายคลึงกันหรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร” “สามารถนำการเรยี นรู้ใหม่นไ้ี ปใช้เพ่ือใหเ้ กดิ ประโยชน์กบั ตนเอง ผ้อู ื่น และชุมชนของตนเอง ไดอ้ ย่างไร”
152 คูม่ อื นกั เรียน สำหรับการดำเนินการจัดกิจกรรมแนะแนวชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต ด้านการพัฒนาชวี ิตส่วนตนและสังคม ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ โดยเทคนิคการใช้คำถาม R-C-A เร่ือง ส่ือออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภัยไอที และตอบคำถาม R-C-A คำถามสะท้อน (R) คำถามเชื่อมโยง (C) คำถามปรับใช้ (A) เป็นกิจกรรมหลักในการผ่านจุดประสงค์การเรียน ใช้เวลาเรียน ๕๐นาที สำหรับนักเรียนเพ่ือ การเตรยี มตวั ดังน้ี ๑. นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอื่ ง สื่อออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภยั ไอที 2. นกั เรยี นสนทนาและวเิ คราะหต์ นเอง จากการทำแบบทดสอบอาการติดโทรศัพท์หรือโซเชียล ขน้ั รุนแรง (Phubbing) 3. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ กลมุ่ ๆละ 5-6 คน 4. นกั เรยี นศึกษาใบความรู้ เร่อื ง โรคยุคใหม่ ภัยไอที ๕. นกั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรม แบบฝึกกจิ กรรม เรอ่ื ง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรมโรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที โดยตอบคำถามและทำกจิ กรรมกลมุ่ ฝึกการคดิ วเิ คราะห์ การแก้ปัญหา ทักษะการคดิ เช่ือมโยง ข้นั ตอนการตัดสินใจ และการแกป้ ัญหาท่ีถกู ตอ้ ง 6. นักเรียนรวบรวมความคิดของกลุ่ม นำเสนอ รว่ มอภิปรายกบั เพ่ือนต่างกลุ่มจากการตอบ คำถามสะทอ้ น (R) คำถามเชอื่ มโยง (C) คำถามปรบั ใช้ (A) เรือ่ ง สื่อออนไลน์ กิจกรรม โรคยคุ ใหม่ ภัยไอที 7. นักเรียนร่วมกนั สรุปผลการทำแบบฝกึ และสิง่ ทีน่ กั เรยี นไดจ้ ากการทำกิจกรรม และการตอบ คำถาม R-C-A ๘. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภยั ไอที 9. นักเรียนทำแบบสอบถามความคิดเห็นท่มี ีต่อการเรียนโดยใช้ชดุ การสอนกจิ กรรมแนะแนวเพ่อื พัฒนาทกั ษะชวี ติ ดา้ นการพฒั นาชวี ิตส่วนตนและสงั คมของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3 โดยวิธกี ล่มุ สัมพนั ธ์รว่ มกบั เทคนิคการใช้คำถาม R-C-A เรื่อง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรมโรคยุคใหม่ ภัยไอที
153 แบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ การสอนกจิ กรรมแนะแนวเพอื่ พฒั นาทกั ษะชีวิต ดา้ นการพฒั นาชีวิตสว่ นตนและสังคม ของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 โดยวิธกี ลุ่มสัมพันธ์รว่ มกับเทคนิคการใชค้ ำถาม R-C-A เร่อื ง ส่อื ออนไลน์ กจิ กรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที ................................................................................................................................... คำชแี้ จง 1. ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย X ทับข้อทถ่ี ูกต้องที่สุดเพียงข้อเดยี วในกระดาษคำตอบ 2. แบบทดสอบมีทั้งหมด 10 ข้อ คะแนนเตม็ 10 คะแนน ๑. โรคท้องรว่ งเพราะคีย์บอร์ด เกิดจากสาเหตุใด ก. เชื้อไวรสั ชนิดหนึ่ง ข. เกดิ จากเชอื้ แบคทเี รีย ค. อาหารเปน็ พษิ ง. เลอื กข้อ ข และข้อ ค ๒. เดก็ ที่เล่นสือ่ ออนไลนแ์ ละเทคโนโลยี มกั จะมีพฤติกรรมดื่มชาเย็น ชาไขม่ ุก นำ้ อัดลม ขณะใช้งานไปด้วย เดก็ เหลา่ น้มี ีโอกาสเปน็ โรคใดมากที่สุด ก. โรคท้องรว่ งรนุ แรง ข. โรคอ้วน ค. โรคเบาหวาน ง. โรคทางเดนิ อาหาร ๓. ปัจจัยที่สง่ ผลทำให้วยั รุ่นมภี าวะปวดหัวและโรคไมเกรน เกดิ จากสาเหตใุ ด ก. แสงทีม่ าจากจอคอมพวิ เตอร์ ข. แบคทีเรยี ทม่ี าจากคยี ์บอร์ด ค. เช้อื ไวรสั ข้นึ สมอง ง. ปัญหาด้านสายตาท่ีเกิดจากเพง่ นาน ๆ ๔. เราควรตัง้ จอคอมพิวเตอรห์ ่างจากสายตาประมาณเทา่ ใด เพือ่ ปอ้ งกันปญั หาทีจ่ ะเกดิ กบั ดวงตา ก. ประมาณ ๒๐ - ๒๔ เซนตเิ มตร ข. ประมาณ ๒๐ - ๒๔ น้วิ ค. ประมาณ ๒๕ เซนติเมตร ง. ประมาณ ๒๕ น้วิ
154 ๕. ทุกๆ ๑-๒ ชัว่ โมง เราควรพกั สายตาจากการใช้คอมพวิ เตอร์ ประมาณกน่ี าที ก. ประมาณ ๑๐ - ๒๐ นาที ข. ประมาณ ๑๐ - ๑๕ นาที ค. ประมาณ ๕ - ๑๐ นาที ง. ประมาณ ๒ - ๕ นาที ๖. โรคทม่ี าจากคล่ืนแม่เหล็กไฟฟา้ และหลอดภาพจากคอมพวิ เตอร์ เปน็ สาเหตทุ ำใหเ้ กดิ เป็น โรคชนดิ ใด ก. โรคปวดตา ข. โรคเส้นประสาทบรเิ วณข้อมอื ถูกกดทบั ค. โรคปวดคอและปวดหลงั ง. เป็นไปได้ทกุ ข้อทกี่ ลา่ วมา ๗. ขอ้ ใด ไม่ใช่ พฤติกรรมชีวติ ติดออนไลน์ ก. อยู่เฉยๆ ได้ไมน่ านกร็ ูส้ ึกว่าตอ้ งเขา้ ไปเลน่ Facebook, Twitter เขา้ เว็บไซต์ ข. หากไมม่ ีอินเตอร์เน็ตใช้ จะเกดิ อาการหงดุ หงิด ซึมเศรา้ ค. พดู คยุ กับคนรอบขา้ งอยา่ งสนุกสนาน ง. เม่อื มปี ญั หาหรือผดิ หวัง มกั จะใช้สื่อออนไลนเ์ พือ่ ระบายความรสู้ ึกเหลา่ นั้น ๘. อาการฟับบิ้ง (Phubbing) คืออะไร ก. อาการติดโทรศัพท์หรือโซเชยี ลข้นั รุนแรง ข. อาการท้องเสยี ค. อาการเร่ิมต้นของกระเพาะปสั สาวะอักเสบ ง. อาการเกีย่ วกับระบบหายใจ ๙. ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะของโรคโนโมโฟเบยี โทรศพั ทขกม์.. อื เทปถาือ็นนโอราคหทาารงไจมิต่ไเดว้ ชปปวรดะเมเภื่อทยหมนไี ึ่งข้ ค. รสู้ ึกเครยี ดเม่ือไม่มีสัญญาณอินเตอรเ์ นต็ ง. มีอาการหงดุ หงิด เมือ่ หาโทรศัพท์ไม่เจอ ๑๐.ขอ้ ใด ไม่ใช่ โรคท่ีเกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์แหลง่ สาธารณะ หรือตามร้านค้าอินเตอร์เน็ต ก. พิษสุนขั บ้า ข. ภมู แิ พ้ ค หวัด ง. เชอื้ รา
155 ช่ือ.......................................................นามสกลุ ..................................เลขท่ี.......... กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ การสอนกิจกรรมแนะแนวเพอ่ื พฒั นาทักษะชวี ิต ด้านการพฒั นาชวี ิตส่วนตนและสงั คม ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โดยวิธีกลุ่มสัมพนั ธร์ ว่ มกับเทคนคิ การใชค้ ำถาม R-C-A เร่ือง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรม โรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที ข้อที่ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนก่อนเรยี น คะแนนเต็ม 10 คะแนนทไ่ี ด้
156 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น ชุดการสอนกจิ กรรมแนะแนวเพ่อื พัฒนาทักษะชวี ิต ดา้ นการพัฒนาชวี ติ ส่วนตนและสงั คม ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โดยวิธีกลุ่มสัมพันธ์รว่ มกบั เทคนิคการใชค้ ำถาม R-C-A เร่อื ง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรม โรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที ข้อ 1 ง ขอ้ 6 ง ขอ้ 2 ค ขอ้ 7 ค ขอ้ 3 ก ขอ้ 8 ก ข้อ 4 ข ขอ้ 9 ข ข้อ 5 ค ขอ้ 10 ก
157 สงั คม ใบความรู้ โรคยุคใหม่ ภัยไอที มาทำความร้จู กั โรคตา่ งๆท่ีเกดิ จากการใชส้ ื่อออนไลน์ ยคุ สงั คมออนไลน์ที่ทุกคนแทบจะมสี มารท์ โฟน คุยกบั เพือ่ นผ่านเฟซบุ๊คหรือไลน์แทน การโทรศพั ท์ สไลดห์ น้าจอรับขา่ วสารรอบตัวแบบไม่ให้ตกยคุ พฤตกิ รรมแบบนท้ี ำใหม้ ีปัญหา ด้านสขุ ภาพได้ 1. โรคซมึ เศรา้ เฟซบ๊คุ หลายคนอาจสงสัยวา่ เล่นเฟซบคุ๊ ก็มเี พื่อนมากมายแล้วจะเป็นโรค ซึมเศร้าได้อย่างไร แต่อาการนี้เกิดข้ึนได้จริงๆเพราะคนเราเม่ือติด อยู่แต่หน้าจอ จิ้มๆกดๆ คุยกับคนในโลกออนไลน์ ก็กลายเป็นไป เพิกเฉยต่อคนในโลกจริง อีกท้ังยังใช้เฟชบุ๊คเป็นเคร่ืองระบาย ความรสู้ กึ มากขึน้ โดยเฉพาะเวลาเหงา เดียวดาย กย็ ง่ิ โพสต์เยอะ น่ันเพราะเฟซบุ๊คได้สร้างความเป็นจริงเทียมข้ึนมา จากการโพสต์ เร่ืองดีๆ แต่เก็บงำเร่ืองรา้ ยๆแย่ๆ ท่อี ยากปกปิดไว้ เราจึงเหน็ แต่คนทม่ี ชี วี ิตสมบรู ณแ์ บบในโลก เสมือนจรงิ ไปหมด เมอ่ื นำมาเปรยี บเทียบกับตวั เอง ความร้สู กึ “ไรค้ ่า”จึงเกดิ ข้นึ 2. โรคละเมอแชท (sleep-texting) อาการนี้คือ ถึงแม้เราจะนอนแต่ก็ยังลุกข้ึนมาพิมพ์เหมือนกับคนละเมอ สาเหตุมา จากพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนเกินเหตุ ทำให้สมองยดึ ติดกับโทรศัพท์อยู่ทุกขณะจิต แม้กระท่ัง เวลานอน หากมีข้อความเข้ามา สมองก็จะปลุกร่างกายที่หลับให้อยู่ในสภาวะละเมอ แล้วส่ง ข้อความไปโดยอัตโนมัติ ซ่ึงเราอาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเขียนอะไรไป หรือส่งไปหาคนไหน เพราะอย่ใู นสภาวะกึ่งหลบั ก่ึงตืน่ และอาการละเมอแชทยงั กระทบต่อสุขภาพ เพราะเมอื่ สมอง ปลุกใหเ้ ราตื่นในช่วงทร่ี า่ งกายพกั ผ่อน ทำให้กระทบการทำงานของร่างกาย สะสมความเครยี ด
158 3. โรควุ้นในตาเสือ่ ม การเพ่งขอ้ ความในจอสเี่ หล่ียมเล็กๆกจ็ ะทำให้ดวงตาของเราทำงาน หนกั ขน้ึ แบบคณู สอง ถ้าปลอ่ ยไปนานๆจนมองเห็นหยากไย่ ตาขา่ ย หรือเส้นอะไรวนไปวนมา เหมือนยงุ ปัดเทา่ ไรก็ไมโ่ ดน แบบนีเ้ รียก “โรควุ้นในตาเสอื่ ม” ควรรบี หาหมอ โดยปกติจะพบในผู้สงู อายุ เพราะใชง้ านดวงตามานานจนเสอ่ื มไป ตามวัย แตน่ ่าตกใจท่ีปัจจุบันพบคนในอายุนอ้ ยๆ เป็นโรคน้ีมากขนึ้ สาเหตหุ ลกั ๆ ก็มาจากการในสือ่ ออนไลน์ เช่น การแชททั้งวัน จ้องจอทง้ั คนื เล่นเกม ใช้คอมพิวเตอรต์ ิดต่อกนั นานๆ 4. โรคกลัวไม่มีมือถือใช้ (Nomophobia) เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหน่ึงที่จัดอยู่ใน กลุ่มวิตกกังวล เป็นอาการหวาดกลัวการขาดโทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อส่ือสาร ซึ่งสามารถ สำรวจตนเองได้วา่ เป็นโรคนี้หรือไม่ เช่น ถา้ เราอยใู่ นท่ีไม่มีสญั ญาณโทรศัพท์อินเตอรเ์ น็ต หรอื จู่ๆ แบตเตอร่ีโทรศัพท์หมด แล้วเรารู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวาย แสดงว่ามีอาการโนโมโฟเบีย ถ้าบางคนเป็นมากๆ อาจมีอาการเครียด ตัวสั่น เหง่ือออก คลื่นไส้ ซ่ึงอาการหนักเบาขึ้นอยู่ กับแต่ละคน 5. โรคสมาร์ทโฟนเฟซ (Smartphone face)หรอื โรคใบหน้าสมารท์ โฟน เกดิ จากการท่ี เราก้มหน้ามองหน้าจอ หรือจ้องสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ ทำให้กล้ามเน้ือคอเกิด อาการเกร็งและเพิ่มแรงกดบรเิ วณแก้ม เม่ือแก้มถกู แรงกดนานๆเข้าก็จะทำใหเ้ ส้นใยอลิ าสติก บนใบหน้ายืดจนแกม้ บริเวณกรามย้อยลงมา แถมกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากก็จะตกไปด้วยจน ใบหนา้ อาจดูผดิ แปลกไปจากเดมิ และจะเห็นชัดข้นึ เมอ่ื ถา่ ยภาพดว้ ยอุปกรณ์ของตวั เอง 6. โรคทนรอไมไ่ ด้ เนือ่ งจากพฤติกรรมทเี่ ปลย่ี นไปตามความรวดเรว็ ของ เทคโนโลยที ำให้เราใช้ชีวติ เรง่ รีบจนเปน็ นสิ ัย ความสะดวกสบาย ในการใช้อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีเปน็ ท่ีมาของโรคทนรอไม่ได้ หรอื Hurry Sickness Syndrome) เพราะไมว่ ่าจะท่องโลกโซเชียล เล่นเกมส์ ดูหนงั ฟงั เพลง หรอื ถ่ายรปู ก็สามารถทำได้งา่ ยและ รวดเรว็ ทำให้กลายเปน็ คนใจรอ้ น ขาดความอดทน ไม่ยอมทน แมแ้ ต่เรอ่ื งเลก็ ๆน้อยๆ อารมณเ์ สยี ง่าย โรคนจ้ี ะสง่ ผลกระทบกับชีวติ ประจำวนั อย่างมาก เพราะความใจร้อน ทำใหก้ ลายเป็นคนไม่รอบคอบ ถา้ เป็นหนกั ขน้ึ อาจเข้าข่ายเปน็ โรคประสาทได้
159 7. โรคความผิดปกติจากอุบัตภิ ยั สะสม (Cumulative Trauma Disorders) อาการ ของโรคจะคอ่ ยเปน็ ค่อยไป จะมอี าการปวดคอ ไหล่ ขอ้ มือ และหลัง ผู้ท่ีเป็นมากๆ อาจมี อาการอ่นื ร่วมด้วย เช่น อาการชาท่มี ือ อาการแบง่ ออกเปน็ 3 ระยะ คือ 1. ระยะแรกเป็นแลว้ หายเม่อื ไดพ้ ัก 2. ระยะสอง คือ มอี าการตอ่ เนือ่ งถึงกลางคืนและหายเมื่อได้พัก 3. ระยะสาม คือ เปน็ ตลอดเวลาไม่หายเมอ่ื ไดพ้ ัก โรคน้ีมคี วามคล้ายกบั โรคจากการทำงานซำ้ ซาก มกั มอี าการชาขอ้ มือ เกดิ เนอ่ื งจากการใช้งานซ้ำๆ ทบี่ ริเวณขอ้ มอื ทำใหเ้ อ็นรอบๆข้อมือหนาขน้ึ แลว้ ไปกดประสาททีว่ ่งิ ผ่าน ทำให้เกดิ อาการชาและเจ็บได้ 8. โรคภูมแิ พ้ โรคนีเ้ กดิ จากสารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกดิ โรคสารน้ีมีชือ่ ว่า Triphenyl Phosphate ทัง้ ในจอวดิ โี อ จอคอมพิวเตอร์ สามารถกอ่ ใหเ้ กดิ ปฏิกิรยิ าภูมิแพ้ เชน่ คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวจิ ัยพบวา่ เม่ือจอคอมพวิ เตอรร์ ้อนขึ้นจะปลอ่ ยสารเคมีดงั กล่าวออกมาโดยเฉพาะ หากสภาพภายในหอ้ งทำงานมีเน้ือที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์ อาจจะเปน็ สาเหตสุ ำคญั ท่กี อ่ ให้เกิดโรคภูมิแพไ้ ด้ ดงั นนั้ อากาศท่ดี ใี นบรเิ วณท่ที ำงานหรอื ที่อยูอ่ าศัยจึงจำเป็นอยา่ งยงิ่ 9. โรคทอ้ งร่วง โรคน้ีตั้งชื่อตามตัวอกั ษรชุดแรกบนแป้นคยี บ์ อร์ด ว่า Qwerty Tummy สาเหตขุ องโรคเพราะแปน้ คยี ์บอรด์ มแี บคทีเรยี ซ่งึ เป็นต้นเหตุของโรคอาหารเปน็ พิษและผใู้ ช้รบั ประทานอาหารไป พร้อมกบั ใชง้ านคีย์บอรด์ คีย์บอรด์ เปน็ แหล่งเพาะแบคทีเรียทนี่ า่ กลวั ดว้ ย (ผลการสำรวจ คนทำงาน 1 ใน 10 ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอรด์ และ 20% ไม่เคยทำความสะอาด เมาส์ ขณะที่ 50% ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดภายในเวลาหน่งึ เดอื น)
160 10. โรคอ้วน เดก็ มีภาวะอ้วนงา่ ยกวา่ ในอดีต และพบวา่ มอี ัตราเพ่ิมสงู ขึ้น เน่ืองจากวถิ ี ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป โดยเด็กยคุ น้นี ิยมการหันมาใชเ้ วลาว่างในการเล่นเกมหรือใช้ เทคโนโลยีมากข้นึ ทั้งผา่ นคอมพิวเตอร์ สมารท์ โฟน แท็บเล็ต ต่างจากเด็กสมยั ก่อน ทนี่ ิยมทำกจิ กรรมในยามว่างรว่ มกับเพ่ือน โดยการวง่ิ เล่น เล่นกฬี า ออกกำลงั กายกลางแจ้ง ซ่ึงการละเลน่ หรอื กจิ กรรม เหล่านนั้ จะช่วยเสรมิ สร้างพฒั นาการด้านรา่ งกายของเดก็ ให้แข็งแรง 11. โรคสมาธิสั้น ทเ่ี กิดจากการเล่นเกม เล่นอนิ เทอร์เน็ต ดทู วี เี ยอะ บาง คนเข้าใจผิดเห็นเด็กดูโทรทศั นไ์ ด้นานเปน็ ช่วั โมง แล้วนกึ ว่าเดก็ มสี มาธิดี แต่โดยหลกั การวดั สมาธเิ ดก็ จะไมน่ ำสิง่ เหล่าน้นั มาวัด เน่ืองจากถอื วา่ เป็นส่ิงเรา้ ที่มี การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในหน่ึงนาทีมกี ารเปลี่ยน ภาพเป็นพันภาพ การทเี่ ดก็ ได้ดูโทรทัศน์หรือเล่นเกม นานๆและรู้สึกสนุกจนเมอื่ ทำอย่างอ่ืนก็ร้สู กึ ไม่สนกุ เท่า เม่อื ตอ้ งมาอ่านหนงั สือหรอื ทำอะไรนง่ิ ๆจึงจดจ่อไดไ้ ม่นาน เกดิ ความรสู้ กึ ไมอ่ ยากทำ เพราะเปน็ ตัวกระตุ้นเดยี ว 12. โรคนอนไม่หลับ ปัญหาการนอนไม่หลับจากการใช้คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งโรคท่ี หลายคนเป็นอยู่แต่อาจไม่รู้ตัว มีผลการวิจยั พบว่าความสว่างของหน้าจอมีผลตอ่ การนอน ไมห่ ลับจรงิ แล้วไม่ใชแ่ คก่ ารใช้คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่รวมการใช้สมาร์ทโฟนและแทบ็ เล็ต ต่างๆด้วย เมลาโทนิน (Melatonin) คอื ฮอร์โมนท่ีชว่ ยควบคุมการนอนหลับและเวลาตนื่ ของมนุษย์ จากการศึกษาของนกั วิจยั พบวา่ การท่ีเราสัมผสั กับแสงของหน้าจอ คอมพิวเตอร์ต่างๆ ทำให้จำนวนของเมลาโทนินลดลง นอกจากนก้ี ารใช้ คอมพิวเตอรใ์ นช่วงกลางคืนยงั ทำใหร้ ่างกายรสู้ กึ ตื่นตวั และยังทำใหน้ าฬิกาชีวิต เปลี่ยนแปลงดว้ ย น่ีคอื สาเหตทุ ี่ทำให้เรานอนไม่หลบั นั่นเอง
161 13. ปญั หาด้านสายตา ปญั หาด้านสายตาท่ีเกดิ จากการเพ่ง การใชส้ ายตาเยอะและใช้ในทม่ี แี สงไม่เหมาะสม จะทำใหป้ วดตาได้ง่าย 14. โรคไมเกรน ภาวะปวดหวั และโรคไมเกรน เกิดจากการทำงานของสมอง อยา่ งหน่ึง พบว่าแสงจา้ ๆ จากคอมพิวเตอร์ มือถือ ลว้ นเปน็ ตัว กระตนุ้ ไมเกรนได้ เด็กบางคนปดิ ไฟมืด แล้วเลน่ ไอแพด เป็นต้น 15. โรคหมอนรองกระดูกเส่อื มสภาพกอ่ นวัยอันควร จากการนั่งผิดทา่ น่ังเกร็งเป็นเวลานาน ๆ และทำเปน็ ประจำจนเปน็ นสิ ยั หากเปน็ หนักจนมีอาการปวดมาก ๆ แพทยต์ ้องผ่าตัดรักษา ---------------------------------------------------------------------------- อา้ งอิงจาก https://www.thaihealth.or.th/ https://health.kapook.com/view87257.html http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/information/story/14446 https://health.kapook.com/view90153.html https://www.dek-d.com/lifestyle/17369/ https://www.potatotechs.com
162 แบบฝกึ ประกอบการสอนกิจกรรมแนะแนวเพือ่ พฒั นาทกั ษะชีวติ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 เรือ่ ง สอื่ ออนไลน์ กิจกรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แบบฝกึ กิจกรรม โรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที โดยเทคนคิ การใชค้ ำถาม R-C-A ชอื่ กลุ่ม....................................................ชน้ั ............ รายชอื่ สมาชิกกลุ่ม 1……………………………………….........………………..4………………………………....………………..….. 2………………………………………………….........……..5………………....………………………..………….. 3…………………………………………………….........…..6………………………....…………………..……….. คำชแี้ จง ใหส้ มาชิกในกลมุ่ ช่วยกันตอบคำถามต่อไปน้ี (๑๐ คะแนน) 1. นักเรียนรสู้ กึ อย่างไรกบั โรคตา่ งๆที่มากบั ใชส้ ่ือออนไลน์และเทคโนโลยีในกจิ กรรมน้ี (๒ คะแนน) .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... 2. เม่อื นักเรียนได้ศึกษาใบความร้โู รคยุคใหม่ ภัยไอทแี ล้ว โรคต่างๆเกิดจากสาเหตุใด นักเรียนเป็นโรคอะไรบ้างหรือไม่ (๒ คะแนน) .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... .......................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................
163 ๓. พฤตกิ รรมอย่างไรในการใช้สื่อออนไลน์และเทคโนโลยที ี่จะนำโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายของผ้ใู ช้ .(.๒....ค...ะ..แ..น...น..)........................................................................................................................... ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 4. ถา้ เพอ่ื นของนักเรยี นมอี าการปวดตา แสบตาหลังจากใชง้ านจากคอมพิวเตอร์ นักเรยี นจะ ช่วยเหลือหรือมกี ารแนะนำเพือ่ นหรือไม่ อย่างไร (๒ คะแนน) ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. 5. จงบอกวิธปี อ้ งกันโรคต่างๆ ที่มากับการใชส้ ่ือออนไลนแ์ ละเทคโนโลยมี า ๓ วิธี (๒ คะแนน) ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................
164 เกณฑ์การให้คะแนน แบบฝกึ กจิ กรรม โรคยคุ ใหม่ ภัยไอที ขอ้ 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน 1 บอกสิ่งท่ีไดจ้ ากการอา่ น บอกสิ่งทีไ่ ด้จากการอา่ น บอกสง่ิ ทไ่ี ด้จากการอ่าน ใบความร้/ู บอกความรูส้ ึก/ ใบความร้/ู บอกความรู้สกึ / ใบความร/ู้ บอกความรู้สึก/ เลา่ ประสบการณ์ทีเ่ กี่ยวข้อง เลา่ ประสบการณท์ ่ีเกีย่ วข้อง เล่าประสบการณ์ท่ีเกย่ี วขอ้ ง ไดช้ ดั เจน ตรงประเด็น ไดแ้ ตไ่ ม่ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่ได้ บางสว่ น 2 บอก/อธิบาย/เลา่ บอก/อธิบาย/เล่า บอก/อธิบาย/เล่า ประสบการณ์ไดช้ ัดเจน ประสบการณ์ไดช้ ดั เจน แต่ ประสบการณ์ไม่ชดั เจน พร้อมบอกเหตผุ ลประกอบ บอกเหตุผลประกอบไม่ได้ และไมม่ ีเหตผุ ลประกอบ ได้ 3 บอก/อธิบาย โดยสามารถ บอก/อธิบาย โดยสามารถ ไม่สามารถบอก/อธบิ าย/ เช่อื มโยงประสบการณเ์ ดิม เชื่อมโยงประสบการณ์เดิม เชอื่ มโยงประสบการณ์เดิม กับความรใู้ หม่ได้ชัดเจน กับความรใู้ หม่ไดแ้ ต่ไม่ชัดเจน กบั ความรใู้ หม่ได้ พร้อมบอกเหตุผลประกอบ ได้ 4 บอก/อธิบาย โดยสามารถ บอก/อธิบาย โดยสามารถ ไมส่ ามารถบอก/อธิบาย/ เชื่อมโยงประสบการณเ์ ดมิ เชือ่ มโยงประสบการณ์เดมิ เชือ่ มโยงประสบการณ์เดมิ กบั ความร้ใู หม่ได้ชดั เจน กับความรใู้ หม่ได้ไม่คอ่ ยชดั กบั ความรู้ใหมไ่ ด้ พรอ้ มบอกเหตผุ ลประกอบ ชัดเจน บอกเหตผุ ลประกอบ ได้ ไม่ได้ 5 บอก/อธบิ าย โดยสามารถ บอก/อธบิ าย โดยสามารถ ไมส่ ามารถบอก/อธิบาย/ เช่อื มโยงประสบการณ์เดมิ เชอ่ื มโยงประสบการณ์เดมิ เชื่อมโยงประสบการณ์เดิม กบั ความรูใ้ หม่ไดช้ ัดเจน กบั ความรใู้ หมไ่ ดแ้ ตไ่ มช่ ดั เจน กับความรใู้ หม่ได้ พร้อมบอกเหตผุ ลประกอบ ได้
165 เกณฑก์ ารประเมิน แบบฝกึ กิจกรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที โดยเทคนคิ การใช้คำถาม R-C-A 9 - 10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ดีมาก 6-8 คะแนน ระดบั คุณภาพ ดี 3-5 คะแนน ระดบั คุณภาพ พอใช้ 0-2 คะแนน ระดบั คุณภาพ ตอ้ งปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ร้อยละ 60 ข้นึ ไป (6 คะแนน)
166 แนวคำตอบแบบฝึกกิจกรรม โดยเทคนิคการใชค้ ำถาม R-C-A คำถาม (ข้อ) แนวคำตอบ /พฤตกิ รรมการคิด 1. นักเรียนร้สู ึกอยา่ งไรกับโรคตา่ งๆที่มากับ ๑.๑. ไดท้ ราบโรคที่เกดิ ขนึ้ จากการใช้ส่ือออนไลน์และ ใชส้ ่ือออนไลน์และเทคโนโลยใี นกจิ กรรมน้ี เทคโนโลยี ๑.๒ หาวธิ กี ารป้องกัน ไม่ใหต้ นเองเป็นโรคตา่ งๆ จากการใช้ส่อื ออนไลน์และเทคโนโลยี ๑.๓ หมน่ั ดแู ลอปุ กรณ์เครอ่ื งมือ เครอ่ื งใช้ ส่อื เทคโนโลยี ให้สะอาดและสะดวกต่อการใช้งาน 2. เมื่อนกั เรยี นได้ศกึ ษาใบความรโู้ รคยุคใหม่ ๒.๑ โรคท้องร่วง อาหารเปน็ พษิ เกิดจากการนำอาหาร ภัยไอทแี ลว้ โรคตา่ งๆเกิดจากสาเหตุใด มารบั ประทานขณะใช้ส่ือไอที มเี ชื้อแบคทีเรียตดิ ที่ นักเรียนเปน็ โรคอะไรบา้ งหรือไม่ อุปกรณ์ ๒.๒ โรคอ้วน โรคเบาหวาน ขณะใช้สอ่ื ออนไลน์ ผใู้ ช้จะ นำเอาขนมขบเคย้ี ว ไก่ทอด น้ำอดั ลม ชาเยน็ สาเหตโุ รคอ้วนและเบาหวาน ๒.๓ โรคปวดหลังปวดไหล่จากการนงั่ การใชง้ านนาน ๒.๔ โรคสมาธิสัน้ หงดุ หงดิ สญั ญาณเน็ตไมด่ ี ฯลฯ 2.5 (ดกู ารตอบของนักเรยี น) ๓. พฤตกิ รรมอยา่ งไรในการใชส้ ือ่ ออนไลน์ ๓.๑ นำอาหารมารบั ประทานขณะเล่นสอ่ื ออนไลน์ และเทคโนโลยีท่ีจะนำโรคต่างๆเขา้ สู่ 3.๒ ไมท่ ำความสะอาดอุปกรณแ์ ละเคร่ืองมอื ร่างกายของผูใ้ ช้ ๓.๓ อยู่ในทม่ี ดื อากาศมาถ่ายเท อุปกรณ์จอภาพมรี ังสี ไมไ่ ดป้ ้องกัน ๓.๔ ใช้สอื่ เทคโนโลยเี วลานาน ขาดการออกกำลังกาย 4. ถา้ เพ่ือนของนักเรยี นมอี าการปวดตา 4.1 ควรชว่ ยเหลอื เพอ่ื น ก่อนอืน่ แนะนำเพื่อนไปหาหมอ แสบตาหลงั จากใช้งานจากคอมพิวเตอร์ เพ่ือรกั ษาดวงตาก่อน นกั เรียนจะชว่ ยเหลือหรอื มกี ารแนะนำ 4.๒ หาสาเหตุทท่ี ำใหป้ วดตา แสบตาจากการใช้สอื่ เชน่ เพอ่ื นหรอื ไม่ อย่างไร จอคอมพิวเตอร์ ไมม่ แี ผงกนั้ รงั สี แนะนำให้นำมาใส่ กอ่ นใช้ ๔.๓ ควรมแี สงสวา่ งเพยี งพอ อากาศถ่ายเท ท่านัง่ และ การอยู่หา่ งจากจอภาพ ฯลฯ 5. จงบอกวธิ ีปอ้ งกนั โรคต่างๆ ที่มากบั การใช้ 5.๑ ไม่ควรนำอาหารมารับประทานขณะใชง้ านสื่อ สื่อออนไลน์และเทคโนโลยีมา ๓ วิธี ๕.๒ ทำความสะอาด คยี บ์ อร์ดคอมพิวเตอรอ์ ย่เู สมอ ๕.๓ ควรหยดุ พัก ๕-๑๐ นาทีทุกการใชง้ าน ๑-๒ ชว่ั โมง
167 แบบบันทึกคะแนนแบบฝึกกิจกรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที โดยเทคนิคการใชค้ ำถาม R-C-A ลำดบั ท่ี ช่ือ-สกลุ 1 2 ข้อ 45 รวมคะแนน แบบฝกึ 1 (2คะแนน) (2คะแนน) 3 (๒คะแนน) (2คะแนน) 2 กจิ กรรม 3 (2คะแนน) (10คะแนน) 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
168 ลำดบั ท่ี ชื่อ-สกุล 1 2 ขอ้ 45 รวมคะแนน 26 (2คะแนน) (2คะแนน) 3 (๒คะแนน) (2คะแนน) แบบฝกึ 27 กิจกรรม 28 (2คะแนน) (10คะแนน) 29 30 31 32 33 34 35
169 แบบทดสอบหลงั เรยี น ชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวเพอื่ พฒั นาทกั ษะชีวิต ดา้ นการพัฒนาชีวิตส่วนตนและสังคม ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยวิธกี ลมุ่ สัมพนั ธ์รว่ มกับเทคนคิ การใชค้ ำถาม R-C-A เรือ่ ง สือ่ ออนไลน์ กิจกรรม โรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที .................................................................................................................................... คำชแี้ จง 1. ใหน้ ักเรยี นทำเคร่ืองหมาย X ทับข้อท่ีถูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งขอ้ เดียวในกระดาษคำตอบ 2. แบบทดสอบมีทงั้ หมด 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน 1. เด็กท่เี ลน่ สอ่ื ออนไลนแ์ ละเทคโนโลยี มกั จะมีพฤติกรรมด่มื ชาเย็น ชาไข่มกุ น้ำอัดลม ขณะใช้งานไปด้วย เด็กเหลา่ นม้ี ีโอกาสเป็นโรคใดมากท่ีสุด ก. โรคทอ้ งรว่ งรนุ แรง ข. โรคอว้ น ค. โรคเบาหวาน ง. โรคทางเดนิ อาหาร 2. เราควรต้ังจอคอมพวิ เตอร์หา่ งจากสายตาประมาณเทา่ ใด เพื่อป้องกันปญั หาทีจ่ ะเกิดกบั ดวงตา ก. ประมาณ ๒๐ - ๒๔ เซนติเมตร ข. ประมาณ ๒๐ - ๒๔ นวิ้ ค. ประมาณ ๒๕ เซนติเมตร ง. ประมาณ ๒๕ นว้ิ 3. โรคทมี่ าจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและหลอดภาพจากคอมพวิ เตอร์ เปน็ สาเหตุทำให้เกิดเปน็ โรคชนิดใด ก. โรคปวดตา ข. โรคเสน้ ประสาทบริเวณขอ้ มอื ถกู กดทบั ค. โรคปวดคอและปวดหลงั ง. เปน็ ไปไดท้ ุกข้อทก่ี ลา่ วมา 4. โรคทอ้ งร่วงเพราะคีย์บอร์ด เกิดจากสาเหตใุ ด ก. เชอ้ื ไวรสั ชนิดหน่งึ ข. เกิดจากเชื้อแบคทีเรยี ค. อาหารเปน็ พษิ ง. เลอื กข้อ ข และข้อ ค
170 5.ข้อใด ไมใ่ ช่ โรคทเี่ กดิ จากการใช้คอมพวิ เตอร์แหล่งสาธารณะ หรือตามรา้ นค้าอินเตอรเ์ น็ต ก. พษิ สุนขั บ้า ข. ภูมิแพ้ ค หวดั ง. เชอื้ รา 6. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ลักษณะของโรคโนโมโฟเบยี ก. เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึง่ ข. ทานอาหารไม่ได้ ปวดเม่อื ย มไี ข้ ค. รู้สึกเครียดเมอ่ื ไม่มสี ัญญาณอนิ เตอรเ์ นต็ ง. มีอาการหงุดหงดิ เมอ่ื หาโทรศพั ท์ไม่เจอ ๗. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ พฤตกิ รรมชวี ติ ติดออนไลน์ ก. อยเู่ ฉยๆ ได้ไม่นานก็รู้สึกว่าตอ้ งเขา้ ไปเล่น Facebook, Twitter เขา้ เว็บไซต์ ข. หากไม่มอี นิ เตอรเ์ น็ตใช้ จะเกิดอาการหงดุ หงดิ ซมึ เศรา้ ค. พดู คุยกับคนรอบขา้ งอยา่ งสนกุ สนาน ง. เมื่อมีปญั หาหรอื ผดิ หวงั มกั จะใช้สอ่ื ออนไลน์เพอื่ ระบายความร้สู กึ เหล่านนั้ ๘. อาการฟบั บงิ้ (Phubbing) คืออะไร ก. อาการตดิ โทรศัพท์หรือโซเชียลขัน้ รุนแรง ข. อาการทอ้ งเสยี ค. อาการเริ่มตน้ ของกระเพาะปัสสาวะอกั เสบ ง. อาการเกีย่ วกับระบบหายใจ 9. ทุกๆ ๑-๒ ชั่วโมง เราควรพกั สายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์ ประมาณกนี่ าที ก. ประมาณ ๑๐ - ๒๐ นาที ข. ประมาณ ๑๐ - ๑๕ นาที ค. ประมาณ ๕ - ๑๐ นาที ง. ประมาณ ๒ - ๕ นาที 10. ปัจจยั ที่สง่ ผลทำใหว้ ยั ร่นุ มภี าวะปวดหัวและโรคไมเกรน เกิดจากสาเหตุใด ก. แสงทมี่ าจากจอคอมพวิ เตอร์ ข. แบคทเี รยี ทม่ี าจากคียบ์ อรด์ ค. เชอ้ื ไวรสั ขึ้นสมอง ง. ปญั หาดา้ นสายตาทเี่ กดิ จากเพง่ นาน ๆ
171 ช่ือ.......................................................นามสกุล..................................เลขท่ี.......... กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน ชดุ การสอนกจิ กรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวติ ด้านการพัฒนาชวี ิตส่วนตนและสังคม ของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โดยวิธีกลุ่มสัมพันธร์ ่วมกบั เทคนคิ การใช้คำถาม R-C-A เร่อื ง สื่อออนไลน์ กิจกรรม โรคยคุ ใหม่ ภยั ไอที ข้อท่ี ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คะแนนหลังเรยี น คะแนนเตม็ 10 คะแนนที่ได้
172 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ชุดการสอนกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต ดา้ นการพัฒนาชวี ิตสว่ นตนและสังคม ของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวิธกี ลุ่มสัมพันธ์ร่วมกบั เทคนิคการใช้คำถาม R-C-A เรือ่ ง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที ขอ้ 1 ค ขอ้ 6 ข ขอ้ 2 ข ขอ้ 7 ค ขอ้ 3 ง ขอ้ 8 ก ขอ้ 4 ง ขอ้ 9 ค ข้อ 5 ก ข้อ 10 ก
173 แบบบันทึกคะแนนทดสอบก่อนเรยี นหลงั เรยี น ชดุ การสอนกิจกรรมแนะแนวเพอ่ื พัฒนาทักษะชวี ิต ดา้ นการพฒั นาชวี ิตสว่ นตนและสังคม ของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 โดยวิธกี ลุ่มสัมพนั ธ์ร่วมกบั เทคนคิ การใชค้ ำถาม R-C-A เร่อื ง สื่อออนไลน์ กิจกรรม โรคยุคใหม่ ภยั ไอที ลำดับที่ ชื่อ-สกุล คะแนน คะแนน ก่อนเรียน หลังเรยี น 1 (10คะแนน) (10คะแนน) 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
ลำดับท่ี ช่อื -สกุล คะแนน 174 ก่อนเรยี น 26 (10คะแนน) คะแนน 27 หลงั เรียน 28 (10คะแนน) 29 30 31 32 33 34 35
175 แบบสอบถามความคิดเหน็ ทมี่ ีต่อชุดการสอนกจิ กรรมแนะแนวเพ่ือพัฒนาทกั ษะชวี ิต ดา้ นการพฒั นาชีวิตสว่ นตนและสงั คม ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 โดยวิธกี ลุ่มสมั พันธ์ร่วมกับเทคนคิ การใชค้ ำถาม R-C-A เรื่อง สอ่ื ออนไลน์ กจิ กรรมโรคยุคใหม่ ภยั ไอที คำช้แี จง ให้นกั เรียนทำเครื่องหมาย ลงในชอ่ งว่างใหต้ รงกบั ระดบั ความคดิ เหน็ ของนกั เรียน ระดบั 5 หมายถงึ เห็นดว้ ยในระดับมากทสี่ ุด ระดบั 4 หมายถึง เห็นด้วยในระดับมาก ระดับ 3 หมายถึง เห็นด้วยในระดบั ปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง เหน็ ด้วยในระดบั นอ้ ย ระดับ 1 หมายถงึ เห็นด้วยในระดับน้อยที่สุด ท่ี รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น 54321 1. หลงั จากทำกิจกรรมนักเรยี นมคี วามเขา้ ใจเนอ้ื หาเกีย่ วกับ เรื่อง สื่อออนไลน์ กจิ กรรมโรคยุคใหม่ ภัยไอที 2. เนอื้ หาในกิจกรรมสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคท์ มี่ ุ่งพัฒนานักเรยี น ใหร้ ูจ้ กั สร้างความคดิ มีทักษะชวี ิตและตอบคำถาม R-C-A 3. เน้อื หาในกิจกรรมการเรยี นเหมาะสมกับการพัฒนานักเรยี นให้ เกิดทกั ษะชีวติ และตอบคำถาม R-C-A 4. กิจกรรมการเรยี นเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนมสี ว่ นร่วม ในการแสดงออก และกลา้ แสดงความคดิ เห็น 5. กิจกรรมการเรยี นมุง่ ปลูกฝงั ใหน้ กั เรยี นเป็นผมู้ ีทักษะการคดิ และตอบคำถาม R-C-A 6. ขอ้ ความในใบความรู้ แบบฝกึ อา่ นง่าย คำสงั่ ชัดเจน และเขา้ ใจง่าย 7. เวลาท่ีใช้เหมาะสมกบั กิจกรรมการเรียนและเนอ้ื หา 8. ส่ือตา่ งๆที่ใชใ้ นกจิ กรรมมคี วามน่าสนใจ มคี วามหลากหลาย 9. การวดั และการประเมินผลเปน็ การวดั จากการกระทำ ของนกั เรียน 10. นักเรียนสามารถนำความรู้และทักษะชวี ิตที่ได้รับไปใช้ ประโยชน์ได้
176 แบบสงั เกตการปฏิบัตกิ ิจกรรม เรอ่ื ง สอ่ื ออนไลน์ กิจกรรมโรคยคุ ใหม่ ภัยไอที และตอบคำถาม R-C-A ลำดบั ท่ี ชอื่ -สกลุ ความสนใจ การตอบคำถาม ช้นิ งาน รวม ในกิจกรรม R-C-A ทไ่ี ด้รบั 12 1 คะแนน 2 มอบหมาย 3 4 432143214321 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25
177 ลำดบั ที่ ชือ่ -สกลุ ความสนใจ การตอบคำถาม ทำช้ินงาน รวม ในกจิ กรรม R-C-A ท่ไี ด้รับ 12 26 มอบหมาย คะแนน 27 28 432143214321 29 30 31 32 33 34 35 ลงช่อื ........................................ผปู้ ระเมนิ ( นางสาวนนั ทิยา ชมุ ดี ) …........./............/............ เกณฑก์ ารประเมิน หมายถึง ดีมาก 4 คะแนน หมายถึง ดี 3 คะแนน หมายถึง พอใช้ 2 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง 1 คะแนน =1 เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ (จากคะแนนรวม) ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 10-12 คะแนน ดมี าก 7-9 คะแนน ดี 4-6 คะแนน พอใช้ 1-3 คะแนน ปรับปรุง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183