ชุดฝึ กที่ 1 ความรู้เบือ้ งต้นเก่ียวกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนอา่ นหวั เรื่องศกึ ษาสาระสาคญั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั โครงงานวิทยาศาสตร์ ต่อไปน้ี หวั เรื่อง 1. ความหมายของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ 3. ประโยชน์ของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาระสาคญั โครงงาน เป็นการศกึ ษาคน้ ควา้ ตามความสนใจ ตามความถนดั และตามความสามารถของผเู้ รียนเองภายใต้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงคาตอบหรือผลงาน ซ่ึงมคี วามสมบรู ณ์ในตวั โดยผเู้ รียนเป็นผวู้ างแผนการศกึ ษา คน้ ควา้ และดาเนินการดว้ ยตนเอง เพ่ือใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ มีเจตคติทด่ี ีต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ครูเป็นเพยี ง ผใู้ หค้ าปรึกษา (Adviser) เท่าน้นั จุดประสงค์การเรียนรู้ เม่อื ศึกษาจบชุดฝึกที่ 1 แลว้ นกั เรียนสามารถ 1. อธิบายความหมาย และความสาคญั ของโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 2. ระบุประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้ 3. จาแนกชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ตามประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้
สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของโครงงาน โครงงานเป็นการทากิจกรรมเพ่อื ที่จะเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ และลงมอื ปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ตามความสนใจ ตามความถนดั และตามความสามารถของผเู้ รียน ภายใตก้ ารดูแล และใหค้ าปรึกษาของครู ต้งั แตก่ ารคิดสร้างโครงงาน การวางแผนดาเนินการ การออกแบบ การลง มือปฏิบตั ิ รวมท้งั ร่วมกาหนดแนวทางในการวดั และประเมินผล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ อยา่ งยง่ั ยนื มีเจตคติท่ีดีต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โครงงานแบ่งตามสาระการเรียนรู้ได้ 2 ประเภทคอื 1. โครงงานตามสาระการเรียนรู้ เป็นโครงงานที่ใชเ้ น้ือหาตามกลมุ่ สาระการเรียนรูต้ ่างๆ เป็นพ้นื ฐานในการทาโครงงาน โดยมกี ารบูรณาการความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม เขา้ ดว้ ยกนั 2. โครงงานตามความสนใจ เป็นโครงงานท่ีผเู้ รียนสามารถกาหนดข้ึนมาตามความสนใจ และความถนดั โดยเป็นการนาเอาความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม จากลมุ่ สาระการ เรียนรู้ต่างๆ มาบูรณาการเขา้ ดว้ ยกนั โครงงานแบ่งตามลกั ษณะของการดาเนินงาน ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 4 ประเภท คือ 1. โครงงานประเภทสารวจขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มลู 2. โครงงานประเภทศึกษาคน้ ควา้ 3. โครงงานประเภททดลอง 4. โครงงานส่ิงประดิษฐ์ 2. ประโยชน์ของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. ไดใ้ ชค้ วามรู้และประสบการณ์ในการปฏิบตั ิโครงงานตามความสามารถ ความสนใจ และความถนดั ของตนเอง 2. ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ หาขอ้ มลู จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ดว้ ยตนเอง 3. ไดแ้ สดงออกซ่ึงความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ 4. ทาใหม้ ีเจตคติท่ีดีต่อการปฏบิ ตั ิงาน และเห็นคุณค่าของการใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหา 5. ไดผ้ ลติ ผลงานท่ีเป็นของผเู้ รียนเอง และนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 6. กระตนุ้ หรือเร้าความสนใจในวิทยาศาสตร์ 7. ส่งเสริมความพงึ พอใจใฝ่ รู้ 8. พฒั นาเทคนิคกระบวนการแกป้ ัญหา
สาระการเรียนรู้ โครงงาน เป็นการศกึ ษาคน้ ควา้ ตามความสนใจ ตามความถนดั และตามความสามารถ ของผเู้ รียนเอง ภายใตก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพ่อื ให้ไดม้ าซ่ึงคาตอบหรือผลงานซ่ึงมีความ สมบูรณ์ในตวั โดยผเู้ รียนเป็นผวู้ างแผนการศกึ ษาคน้ ควา้ และดาเนินการดว้ ยตนเอง เพ่อื ใหผ้ เู้ รียน เกิดการเรียนรู้ มเี จตคติทีด่ ีต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ครูเป็นเพียงผใู้ หค้ าปรึกษา (Adviser) เท่าน้นั คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. โครงงานวิทยาศาสตร์ หมายถึงอะไร ……………………………………………………………………….............…………….……… ……………………………………………………………………………………………….……… ……………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียนโครงงานวิทยาศาสตร์ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง ……………………………………………………………………….............…………….……… ……………………………………………………………………………………………….……… ……………………………………………………………………………………………………… 3. ประเภทของโครงงานแบ่งตามลกั ษณะของการดาเนินงานมกี ี่ประเภท อะไรบา้ ง ……………………………………………………………………….............…………….……… ……………………………………………………………………………………………….……… ……………………………………………………………………………………………………… 4. นกั เรียนคิดว่าการทาโครงงานมีประโยชนต์ ่อตนเองอยา่ งไร ใหเ้ ขียนบรรยายเป็น ความเรียง ……………………………………………………………………….............…………….……… ……..………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………
สาระการเรียนรู้ โครงงานวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท 1. โครงงานประเภทสารวจขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มลู 2. โครงงานประเภททดลอง 3. โครงงานประเภทการสร้างส่ิงประดิษฐ์ 4. โครงงานประเภทการสร้างทฤษฎีหรือการอธิบาย คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนนาหมายเลขหนา้ ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์เติมลงหนา้ ชื่อโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ที่มคี วามสมั พนั ธก์ นั (ขอ้ ละ 1 คะแนน) ประเภทโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. โครงงานประเภทสารวจขอ้ มลู รวบรวมขอ้ มลู 2. โครงงานประเภททดลอง 3. โครงงานประเภทการสร้างสิ่งประดิษฐ์ 4. โครงงานประเภทการสร้างทฤษฎีหรือการอธิบาย ช่ือโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ........................ก. อตั ราการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืชในคลนื่ แสงท่ีแตกต่างกนั ........................ค. การใชฮ้ อร์โมนจากปลาเพศผเู้ พ่มิ มลู ค่าของปลาหางนกยงู ........................ง. กงั หนั ร้องเพลง ........................จ. การปลกู พืชไร้ดิน ........................ฉ. เครื่องตากผา้ อตั โนมตั ิ ........................ช. วงชีวิตของดว้ งไมไ้ ผ่ ........................ซ. ความหลากหลายของพนั ธุป์ ลาในแม่น้ามลู
ชุดฝึ กที่ 2 เร่ิมต้นกับโครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอ่านหวั เรื่อง ศึกษาแนวคิด และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เริ่มตน้ กบั โครงงาน วิทยาศาสตร์ ต่อไปน้ี หัวเรื่อง 1. การฝึกต้งั ปัญหา 2. ปัญหาท่ีเหมาะสมที่จะทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 3. การวิเคราะหโ์ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาระสาคญั การฝึกต้งั ปัญหาสาหรับการทาโครงงาน โดยทวั่ ไปมกั จะไดม้ าจากการต้งั ปัญหาท่ีเกิดจาก ความสงสยั ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกบั เร่ืองต่างๆ ซ่ึงถือไดว้ า่ เป็นข้นั ตอนท่ีมีความสาคญั เพราะ ถา้ เลอื กปัญหาไดเ้ หมาะสม ก็จะทาใหก้ ารดาเนินการทาโครงงานประสบผลสาเร็จดว้ ยดี การวิเคราะหโ์ ครงงานวิทยาศาสตร์จากบทคดั ยอ่ และแผงแสดงโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เป็น การ ศึกษาบทคดั ยอ่ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเกิดแนวคิดนาไปกาหนดปัญหาในการทาโครงงานและ ดาเนินการต่อไปอยา่ งมนั่ ใจ จุดประสงค์การเรียนรู้ เมอ่ื ศึกษาจบชุดฝึกที่ 2 แลว้ นกั เรียนสามารถ 1. ต้งั ปัญหาได้ 2. ระบุปัญหาท่ีเหมาะสมท่ีจะทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 3. วเิ คราะห์โครงงานวิทยาศาสตร์จากบทคดั ยอ่ และแผงโครงงานที่กาหนดใหไ้ ด้
สาระการเรียนรู้ ปัญหา คือ ส่ิงท่ีเราตอ้ งการหาคาตอบ การคน้ พบทางวิทยาศาสตร์เป็นผลมาจากความ สงสยั อยากรู้อยากเห็นของคนเรานน่ั เองโดยเราตอ้ งสงั เกตสิ่งต่างๆ ที่เราไมส่ ามารถอธิบายได้ จะทา ใหเ้ กิดความสงสยั อยากรู้อยากเห็นและเกิดปัญหาทตี่ อ้ งการแสวงหาคาตอบข้ึนมา คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนต้งั ปัญหาจากหวั ขอ้ ท่ีกาหนดให้ 1. ต้งั ปัญหาเกี่ยวกบั “ปลาร้า” มา 4 ขอ้ (ขอ้ ละ 1 คะแนน) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. ต้งั ปัญหาเกี่ยวกบั สิ่งท่ีพบเห็น / สิ่งที่อ่าน 2.1 ภายในบา้ น ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2.2 จากหนงั สือที่อ่าน ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
3. ใหน้ กั เรียน ทา mind mapping โครงงานในส่ิงที่นกั เรียนอยากเรียนรู้หรือมคี วามสงสยั มคี วามสนใจ อยากนามาใชป้ ระโยชน์ มา 2 อยา่ ง ตวั อยา่ ง เช่น ยสี ต์ ขมิ้นชนั ตะไคร้หอมว่านหางจระเข้ ปลา ขา้ ว เน้ือ มะละกอ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………
สาระการเรียนรู้ การต้งั ปัญหาเป็นสิ่งที่สาคญั อยา่ งยงิ่ เพราะหวั ขอ้ ที่ไดจ้ ากการต้งั ปัญหาจะนาไปส่กู ารทา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ในข้นั ต่อไป การเลือกปัญหาที่เหมาะสมท่ีจะทาโครงงานวิทยาศาสตร์มี หลกั เกณฑ์ ดงั น้ี 1. เป็นปัญหาที่สามารถหาคาตอบไดด้ ว้ ยตนเอง 2. เป็นปัญหาที่ชดั เจนสามารถหาคาตอบดว้ ยวิธกี ารต่างๆ ได้ คาชีแ้ จง 1. ใหน้ กั เรียนกาเคร่ืองหมาย (a) หนา้ ขอ้ ความ ที่เห็นว่าเป็นปัญหาที่เหมาะสมจะทา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2. ใหน้ กั เรียนกาเคร่ืองหมาย (r) หนา้ ขอ้ ความ ท่ีเห็นวา่ เป็นปัญหาท่ีไม่เหมาะสมจะทา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ .........................1. ทาไมโลกจึงกลม .........................2. บนทอ้ งฟ้ ามีดาวกี่ดวง .........................3. ขนาดของใบพืชมีผลต่ออตั ราการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง .........................4. ปลากินพชื เจริญเติบโตเร็วกว่าปลากินสตั ว์ .........................5. หญิงหรือชายใครเก่งกวา่ .........................6. ว่านหางจระเขร้ ักษาอาการผมร่วงได้ .........................7. น้าสบั ปะรดใชห้ มกั เน้ือใหน้ ุ่มได้ .........................8. จุลนิ ทรียย์ อ่ ยสลายสารในอุณหภูมิสูงไดด้ ีกว่าอณุ หภมู ติ ่า .........................9. ทาไมมอดจึงกินไม้ .........................10. ชนิดของน้าผลไมม้ ีผลต่อการหมกั แอลกอฮอล์
2. ใหน้ กั เรียนกาเคร่ืองหมาย (r) ทบั หนา้ ขอ้ ที่เป็นปัญหาทช่ี ดั เจน สามารถหาคาตอบโดย การชงั่ การตวง การวดั การนบั หรือ ทดสอบได้ 2.1 ก. จุลินทรียอ์ ีเอม็ ใชด้ บั กลนิ่ เน่าเหมน็ ของน้าเสียไดห้ รือไม่ ข. จุลนิ ทรียอ์ เี อม็ มสี ูตรวา่ อยา่ งไร 2.2 ก. ทาไมจึงเค้ียวขา้ ว ข. การเค้ียวขา้ วใหล้ ะเอยี ดจะทาใหย้ อ่ ยง่ายหรือไม่ 2.3 ก. แสงแดดทาใหเ้ กิดการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงไดอ้ ยา่ งไร ข. แสงสีใดทาใหเ้ กิดอตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงไดด้ ีที่สุด 2.4 ก ความช้ืนมผี ลต่อการเจริญเติบโตของเช้ือรา ข ทาไมบริเวณท่ีมคี วามช้ืนจึงเกดิ เช้ือรา 3. ใหน้ กั เรียนต้งั ปัญหาท่ีเหมาะสมท่ีจะทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์เป็นปัญหาที่นกั เรียนชอบ ที่สุดหลงั จากต้งั ปัญหาแลว้ ใหเ้ ติมขอ้ มลู ของแต่ละปัญหา 3.1 ปัญหาที่พบในทอ้ งถนิ่ …………............................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………… 3.1.1 วสั ดุอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ …………............................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3.2 ปัญหาจากความสงสยั /ความสนใจ .…………............................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………… 3.2.1 วสั ดุอปุ กรณ์ท่ีสามารถหาได้ คือ …………............................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3.2.2 แหลง่ ความรู้ท่ีสามารถหาได้ คือ …………............................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………
สาระการเรียนรู้ การวิเคราะหโ์ ครงงานวทิ ยาศาสตร์จากบทคดั ยอ่ เป็นการศกึ ษาขอ้ มลู ท่ีปรากฏบนบทคดั ยอ่ จากน้นั จึงจาแนกเน้ือความท่ีรวบรวมไวอ้ อกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ ดงั น้ี 1. วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ในเรื่องน้นั ๆ 2. วธิ ีการทดลองและวธิ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู น้นั ๆ 3. ผลการทดลอง 4. รูปผลการทดลอง คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนศกึ ษาโครงงานวทิ ยาศาสตร์จากบทคดั ยอ่ ท่ีกาหนดให้ จากน้นั ใหน้ กั เรียนตอบ คาถาม
ช่ือโครงงาน มะเกลอื ป้ องกนั แปลงศตั รูพืช โรงเรียนพยหุ ะพทิ ยาคม อาเภอ พยหุ ะคีรี จงั หวดั นครสวรรค์ บทคดั ย่อ โครงงานน้ีเป็นการศึกษาปฏกิ ิริยาของน้ามะเกลอื กบั แมลงศตั รูพืชลม้ ลุกในตระกลู ผกั กาด โดยเลือกศึกษากบั ผกั กาดกวางตุง้ เขียว โดยแบ่งการทดลองออกเป็น 2 ตอน ตอนท่ี 1 ศึกษาความเขม้ ขน้ ของน้ามะเกลือที่มีผลต่อการป้ องกนั แมลง ตอนท่ี 2 ศึกษา ระยะเวลาในการฉีดพ่นน้ามะเกลอื ที่มีผลต่อการป้ องกนั แมลง ตอนท่ี 1 ศึกษาความเขม้ ขน้ ของน้า มะเกลือท่ีมผี ลต่อแมลง โดยทาการทดลองนาผลมะเกลือสดมาค้นั น้า โดยการโขลกผลมะเกลือแลว้ ค้นั ดว้ ยเครื่องค้นั ละนาไปฉีดพ่นในแปลงผกั กวางตุง้ มีการควบคุมใหเ้ หมือนกนั โดยใชค้ วามเขม้ ขน้ ของน้ามะเกลือต่างกนั แต่ใชป้ ริมาณเท่ากนั และเปรียบเทียบผลกบั แปลงผกั กวางตุง้ ที่ไม่ไดฉ้ ีดพ่นน้า มะเกลือซ่ึงรดน้าธรรมดาโดยใช้เกณฑ์เปรียบเทียบจากตน้ กวางตุง้ ที่ใบมีรูพรุนเน่ืองจากแมลง รบกวน ตอนที่ 2 ศึกษาระยะเวลาในการฉีดพน่ น้ามะเกลือที่มีผลต่อการป้ องกนั แมลง โดยทดลอง นาความเข้มข้นที่ได้ผลจากตอนที่ 1 มาฉีดพ่นลงบนแปลงผกั กวางตุ้งที่มีการควบคุมให้ เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ระยะเวลาจานวนวนั ในการฉีดพ่นน้ ามะเกลือไม่เท่ากัน แล้ว เปรียบเทียบจานวนตน้ ผกั กวางตุ้ง ที่ใบมีรูพรุนเน่ืองจากแมลงมารบกวน เป็ นเกณฑ์ในการ เปรียบเทียบผลการทดลองปรากฏว่าแปลงผกั กวางตุง้ ที่ฉีดพ่นน้ามะเกลือท่ีมีความเขม้ ขน้ 50% โดย ปริมาตรข้ึนไป จะไมม่ ีแมลงมารบกวนหรือรบกวนในปริมาณนอ้ ยมาก ซ่ึงต่างจากแปลงผกั ท่ีรด ดว้ ยน้าธรรมดาอย่างเดียวจะมีแมลงมาเจาะกินใบเป็ นปริมาณมาก สาหรับผลการทดลองตอนท่ี 2 ปรากฏวา่ ระยะเวลาท่ีใชฉ้ ีดพ่นน้ามะเกลอื ไดผ้ ลดีท่ีสุดคือการฉีดพน่ 3 วนั ต่อ 1 คร้ัง
1. การทดลองน้ีกาหนดวตั ถปุ ระสงคไ์ วว้ า่ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. ปัญหาของการทดลองน้ี คืออะไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 3. สมมติฐานของการทดลองน้ี คืออะไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 4. วธิ ีดาเนินการทดลอง 4.1 การทดลองไดเ้ ลอื กอุปกรณ์อะไรเพอ่ื ใชท้ ดลองบา้ ง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 4.2 การทดลองน้ี ไดแ้ บ่งออกเป็นกี่ข้นั ตอน และมขี ้นั ตอนอยา่ งไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
5. ผลการทดลองเป็นอยา่ งไร ................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 6. สรุปผลการทดลองไดว้ ่าอยา่ งไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 7. โครงงานวิทยาศาสตร์น้ีมีประโยชน์อยา่ งไรบา้ ง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
ชุดฝึ กที่ 3 การทาโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอา่ นหวั เร่ือง ศกึ ษาสาระสาคญั และ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้วามรู้เบ้ือง ตน้ เกี่ยวกบั โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ต่อไปน้ี หวั เรื่อง 1. การคดิ และเลอื กหวั เรื่องหรือปัญหาท่ีจะทาโครงงานวิทยาศาสตร์ 2. การวางแผนในการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ และการจดั ทาโครงร่าง หรือ เคา้ โครงของ โครงงานวิทยาศาสตร์ 3. การลงมอื ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ สาระสาคญั 1.การทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์มขี ้นั ตอนสาคญั คือ 1) การเลอื กหวั เร่ืองหรือปัญหาที่จะทา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2) การวางแผนในการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 3) การลงมือทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เมอ่ื ศกึ ษาจบชุดฝึกที่ 3 แลว้ นกั เรียนสามารถ 1. ต้งั ปัญหาในหวั ขอ้ ท่ีกาหนดใหไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง 2. ระบุหวั เร่ือง หรือปัญหาที่เหมาะที่จะทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 3. วางแผนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์หรือเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์จาก สถานการณ์ท่กี าหนดใหไ้ ด้ 4. ลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 5. สรุปผลการศกึ ษาโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
สาระการเรียนรู้ การเลอื กหวั เร่ืองท่ีจะทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นข้นั ตอนท่ีสาคญั ท่ีสุด เพราะจะนาไปสู่ การลงมือทาโครงงานวิทยาศาสตร์ต่อไป หวั เร่ืองส่วนใหญ่จะไดม้ าจากความสนใจความอยากรู้ อยากเห็นของนักเรี ยนเอง ตลอดจนประสบการณ์ต่างๆ ท่ีพบเห็นและเรี ยนรู้มาก่อน คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนต้งั ปัญหาในหวั ขอ้ ที่กาหนดให้ โดยสงั เกตจากสิ่งต่างๆ และประสบการณ์ของ นกั เรียนเอง จากน้นั ใหเ้ ขียนช่ือโครงงานวิทยาศาสตร์ ใหส้ อดคลอ้ งกนั 1. ปัญหาใกลต้ วั ของนกั เรียน ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ............................................................................................................................................................. 2. ปัญหาทอ้ งถิ่น ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง ..............................................................................................................................................
3. ความสนใจส่วนตวั ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ............................................................................................................................................................. 4. คาบอกเล่า ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง ............................................................................................................................................................. 5. จากหนงั สือที่อา่ น ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. โครงงานวิทยาศาสตร์ เร่ือง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .....................................................................................................................
สาระการเรียนรู้ การวางแผนในการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์น้นั จะตอ้ งเขียนโครงร่างหรือเคา้ โครงของ โครงงานวทิ ยาศาสตร์เสนอต่อครูท่ีปรึกษา เพ่ือขอความเห็นชอบและคาแนะนาปรึกษา การเขยี นเคา้ โครงเป็นการกาหนดแผนงานอยา่ งคร่าวๆ ล่วงหนา้ ว่าจะดาเนินการอยา่ งไรบา้ ง เป็นข้นั ตอน โดยมี จุดมุ่งหมายใหส้ ามารถดาเนินการไดโ้ ดยไมส่ บั สน การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์นิยมเขียนแตกต่างกนั ไป ข้ึนอยกู่ บั ประเภท ของโครงงาน โดยทวั่ ไปควรประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1. ชื่อโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2. ช่ือผทู้ าโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 3. ชื่อครูท่ีปรึกษาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 4. ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 5. วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษาคน้ ควา้ 6. สมมติฐานของการศกึ ษาคน้ ควา้ 7. ตวั แปรที่เก่ียวขอ้ ง 8. นิยามเชิงปฏิบตั ิการ 9. วิธีดาเนินการ 10. ประโยชนห์ รือผลท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ 11. เอกสารอา้ งองิ ในการเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์คลา้ ยคลึงกบั การเขียนรายงานโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ การเขียนแผนการปฏิบตั ิงาน ส่วนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นการรายงานส่ิงท่ี ไดก้ ระทาไปแลว้
กจิ กรรม การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนศกึ ษาสถานการณ์ต่อไปน้ี แลว้ วางแผนการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์หรือเขียน เคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ โดยการตอบคาถามจากหวั ขอ้ ที่กาหนดให้ สถานการณ์ ลกู เหมน็ หรือแนพทาลีนท่ีใชป้ ้ องกนั แมลงสาบ ตามบริเวณมมุ อบั หรือตูเ้ ส้ือผา้ เน่ืองจากหา ง่ายใชส้ ะดวก แต่มขี อ้ เสีย คือ มกี ลิ่นเหมน็ มาก ระคายเคืองต่อโพรงจมกู และมสี ารที่เป็นอนั ตราย ต่อระบบทางเดินหายใจ มีนกั เรียนคนหน่ึงมคี วามสงสยั จะทาลกู เหมน็ จากสารธรรมชาติ จะ ป้ องกนั แมลงสาบไดห้ รือไม่ 1. ช่ือโครงงานวิทยาศาสตร์วา่ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. ที่มาและความสาคญั ของโครงงานวิทยาศาสตร์คืออะไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
4. สมมติฐานของการทดลองน้ี คืออะไร ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 5. ตวั แปรท่ีเก่ียวขอ้ ง 5.1 ตวั แปรตน้ คืออะไร ............................................................................................................................................................. 5.2 ตวั แปรตาม คืออะไร ............................................................................................................................................................. 5.3 ตวั แปรควบคุม ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ............................................................................................................................................................. 6. นิยามเชิงปฏิบตั ิการ ............................................................................................................................................................. 7. การออกแบบการทดลอง 7.1. วสั ดุ/อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการทดลองมีอะไรบา้ ง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………
7.2 วิธีการทดลอง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 8. ประโยชนข์ องโครงงานน้ีมีอะไรบา้ ง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 9. ชื่อหนงั สืออา้ งอิง ช่ืออะไร ใครเป็นผเู้ ขียน พมิ พท์ ี่สานกั พมิ พใ์ ด พ.ศ.อะไร และส่วนน้ี อยหู่ นา้ ที่เท่าใด ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………… ………………………
สาระการเรียนรู้ การลงมือทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์เป็นการปฏิบตั ิตามแผนดาเนินงานท่ีวางไวล้ ่วงหน้าซ่ึง เป็นการปฏบิ ตั ิตามข้นั ตอนของเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ที่ผา่ นการเห็นชอบของอาจารยท์ ่ี ปรึกษาแลว้ เม่ือดาเนินการทาโครงงานครบถว้ นตามข้นั ตอน ไดข้ ้อมลู และวิเคราะห์ขอ้ มูลแลว้ จะต้องแปลผลและ สรุปผลการศึกษาค้นควา้ ว่าไดผ้ ลอย่างไรบา้ ง พร้อมท้ังอภิปรายผลของ การศึกษาคน้ ควา้ ไมว่ า่ ผลน้นั จะตรงตามสมมติฐานที่ต้งั ไวห้ รือไมก่ ็ตาม ส่วนทส่ี าคญั ของการลงมอื ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. สร้างหรือจดั หาเคร่ืองมอื ที่จะใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู 2. การดาเนินการทดลอง/หรือรวบรวมขอ้ มลู 3. วิเคราะหข์ อ้ มลู และแปลความหมายของผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู 4. การสรุปผลของการศกึ ษา ข้อแนะนาในการลงมอื ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. การทดลองปฏิบตั ิจริง จะตอ้ งเป็นไปตามแผนการดาเนินงานท่ีวางไวล้ ว่ งหนา้ 2. เตรียมวสั ดุอุปกรณ์ใหพ้ ร้อมก่อนลงมอื ทา 3. ควรปฏบิ ตั ิการทาโครงงานดว้ ยความระมดั ระวงั และคานึงถงึ ความปลอดภยั 4. ควรปฏบิ ตั ิการทดลองซ้าหลายๆ คร้ัง เพื่อใหไ้ ดผ้ ลการทดลองที่ใกลเ้ คียงหรือ ตรงกนั จึงจะ เป็ นท่ีน่าเชื่อถอื 5. ควรทาการทดลองในระยะเวลาที่พอเหมาะ ไม่มากหรือนอ้ ยจนเกนิ ไป
กิจกรรมท่ี 1 โครงงานการสารวจรวบรวมข้อมูล คาชี้แจง 1. ใหน้ กั เรียนลงมอื ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จากขอ้ มลู ที่กาหนดให้ โดยปฏิบตั ิการจริง จากน้นั ใหต้ อบคาถาม โครงงานการสารวจรวบรวมข้อมูล หัวข้อเรือ่ ง : สารวจพชื สมุนไพร สถานการณ์ : ปัจจุบนั ประชาชนทวั่ โลกรวมท้งั ประเทศไทยหนั มานิยมใชส้ มนุ ไพร ท้งั ในแง่เป็นยาและผลิตภณั ฑเ์ สริมอาหาร เคร่ืองสาอางและผลติ ภณั ฑท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั สุขภาพอืน่ ๆ ( นายแพทยว์ ิชยั โชคววิ ฒั น : 2544) ซ่ึงในแต่ละทอ้ งถน่ิ มีสมนุ ไพร ที่มสี รรพคุณทางยาและเป็น อาหารเป็นจานวนมาก เราจึงควรสารวจสมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ ของเรา เพือ่ การใชป้ ระโยชนจ์ าก สมุนไพรท่ีมีอยใู่ หถ้ กู ตอ้ ง และคุม้ ค่า แทนการใชส้ ารเคมแี ละสารปฏิชีวนะ ตอบคาถาม การสารวจและผลการศกึ ษาโครงงานของเร่ืองน้ี 1. โครงงานเรื่อง ............................................................................................................................................................. 2. วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา (ระบุส่ิงที่ตอ้ งการศกึ ษาว่าจะทาอะไร ทาอยา่ งไร) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
3. อปุ กรณ์ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 4. วิธีการศกึ ษา/สารวจ (บอกลาดบั ข้นั ตอนของการศึกษา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 5. ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ (กาหนดขอบเขตที่จะศึกษาโครงงาน เช่น กล่มุ บุคคล สถานท่ี ช่วงเวลาท่ีทา โดยกาหนดเป็นขอ้ ) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................
6. ขอ้ มลู การสารวจ (ออกแบบตารางบนั ทึกผลการสารวจ) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 7. สรุปผลการศึกษา/สารวจ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 8. ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ……………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………… ………………………………………………………….. ……………………………………………….. ………………………..
กิจกรรมท่ี 2 โครงงานการทดลอง คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนศกึ ษาการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภทการทดลองจากขอ้ มลู ท่ีกาหนดให้ แลว้ นาไปปฏบิ ตั ิการทดลองจริง โดยใชส้ มนุ ไพรตามตวั อยา่ งหรือนาไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั สมนุ ไพรที่ จดั หาไดใ้ นทอ้ งถน่ิ ใหด้ าเนินการและส่งผลงานภายใน 1 สปั ดาห์ หัวเร่ือง ศึกษาการทาลกู ประคบจากสมุนไพร ปัญหา 1. การนาเอาสมนุ ไพรต่างๆหลายชนิดท้งั สดและแหง้ มาโขลกพอแหลกและนามาคลกุ รวมกนั ห่อดว้ ยผา้ ทาเป็นลกู ประคบ บรรเทาอาการปวดขอ้ อกั เสบและอาการบวมได้ หรือไม่ 2. ลกู ประคบท่ีทาจากส่วนผสมของสมนุ ไพรสด หรือลูกประคบที่ทาจากสมุนไพร แหง้ อยา่ งไหนมปี ระสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดไดด้ ีกวา่ กนั อปุ กรณ์ 1. มดี 2. เชือก 3. อปุ กรณ์สาหรับใส่คลุก 4. ครก ตวั อย่างสูตรการทาลกู ประคบจากสมนุ ไพร สมนุ ไพร จานวน สรรพคุณ 1. ไพล 250 กรัม แกป้ วดเมื่อย ลดการอกั เสบปวดขอ้ ต่อและกลา้ มเน้ือฟกซ้า 2. ขมิ้นชนั 50 กรัม ตา้ นเช้ือแบคทีเรีย แกโ้ รคผวิ หนงั ลดการอกั เสบทาใหผ้ วิ สดใส 3. ตะไคร้บา้ น 100 กรัม ทาความสะอาดผวิ หนงั ทาใหผ้ วิ กระชบั แต่งกลน่ิ 4. ผวิ มะกรูด 50 กรัม กระตนุ้ การไหลเวยี นของเลือด 5. การบูร 15 กรัม ฆา่ เช้ือและทาความสะอาดสิ่งสกปรกเลก็ ๆนอ้ ยๆบริเวณผวิ 6. เกลือ 30 กรัม แต่งกล่ิน ช่วยดูดความร้อนและพาตวั ยาซึมผา่ นผวิ หนงั
วธิ ที าลกู ประคบ 1. คลุกเกลอื กบั การบรู ใหเ้ ขา้ กนั 2. หนั่ สมนุ ไพรที่ลา้ งสะอาดแลว้ เป็นช้ินเลก็ ๆ โขลกพอแหลก 3. นาสมนุ ไพรที่ไดจ้ ากขอ้ 1 และ 2 มาใส่ผา้ ห่อเป็น ลกู ประคบ (น้าหนกั ประมาณ 400 กรัม) รัดดว้ ยเชือก ใหแ้ น่น ข้ันตอนการประคบ ข้อแนะนา 1. นาลกู ประคบไปน่ึงดว้ ยไอน้าใหร้ ้อน อยา่ งนอ้ ย ไม่ควรประคบบริเวณ 5 นาที หรือวางบนบริเวณปากหมอ้ น้าร้อน 2. ทดสอบความร้อนโดยแตะที่แขนหรือหลงั มอื นาไป ใบหนา้ หรือ บริเวณผวิ หนงั ประคบบริเวณท่ีตอ้ งการ บริเวณละประมาณ 30 วินาที ท่ีอ่อนบาง ถึง 1 นาที วธิ ีการทดลอง ใหน้ กั เรียนศึกษาปัญหาและวสั ดุอุปกรณ์ทก่ี าหนดใหแ้ ลว้ ออกแบบ การทดลอง และบนั ทึกผลตามแนวความคิดของนกั เรียนเอง จากน้นั ใหต้ อบคาถาม 1. ชื่อโครงงานวิทยาศาสตร์ เร่ือง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. แนวคิดท่ีมาและความสาคญั (ระบคุ วามเป็นมาของเร่ืองที่จะทาโครงงาน ว่ามี ความสาคญั หรือปัญหาอะไร ทาไมถงึ อยากทาเรื่องน้ี) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ..........................................................................................
3. วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา (ระบุส่ิงที่ตอ้ งการศกึ ษาว่าจะทาอะไร ทาอยา่ งไร) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... 4. สมมติฐาน (เป็นการคาดคะเนคาตอบไวล้ ่วงหนา้ วา่ ผลของการศึกษาโครงงาน คืออะไร) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 5. ตวั แปรท่ีเกี่ยวขอ้ ง ตวั แปรตน้ (สิ่งที่จดั ใหต้ ่างกนั ) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ตวั แปรตาม (สิ่งที่ตอ้ งการศกึ ษา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ตวั แปรควบคุม (ส่ิงทีจ่ ดั ใหเ้ หมือนกนั ) ............................................................................................................................................................. ...........................................................................................................................................
6. นิยามเชิงปฏิบตั ิการ (ใหร้ ายละเอยี ดความหมายของคาท่ผี ทู้ าโครงงานกาหนดข้ึนเพ่อื ใชเ้ ฉพาะ การศกึ ษาและการส่ือความหมายโครงงานโดยกาหนดเป็นคา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 7. ขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ (กาหนดขอบเขตท่ีจะศกึ ษาโครงงาน เช่น กล่มุ บุคคล สถานท่ี ช่วงเวลาที่ทา โดยกาหนดเป็นขอ้ ) วธิ ีดาเนินการ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 8. อปุ กรณ์และสารเคมี แนวการศกึ ษา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 9. ตอนที่ 1 ข้นั ตอนวธิ ีทา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
10. ตอนที่ 2 วธิ ีการทดลอง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 11. ผลการทดลอง (ระบุวธิ กี ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู หรือการจดั กระทาขอ้ มลู อาจจะเสนอผล การวิเคราะห์ในรูปแผนภมู ิ ตารางหรือกราฟกไ็ ด)้ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... สรุป อภปิ รายผล และเสนอแนะ 12. สรุปผล (ระบุขอ้ คน้ พบจากการศกึ ษา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 13. อภิปรายผล (ระบุขอ้ คน้ พบว่าโครงงานที่ทาน้นั สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาหรือทฤษฎีที่ศกึ ษา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเลอื กเร่ืองที่จะทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์จากเร่ืองที่สนใจ จากน้นั ใหว้ างแผนการทา โครงงานวทิ ยาศาสตร์ และลงมอื ทาโครงงานวิทยาศาสตร์โดยการปฏบิ ตั ิจริง ตามข้นั ตอนที่ กาหนดให้ 1. ช่ือโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. แนวคิดท่ีมาและความสาคญั (ระบุความเป็นมาของเร่ืองท่ีจะทาโครงงาน ว่ามี ความสาคญั หรือปัญหาอะไร ทาไมถงึ อยากทาเร่ืองน้ี) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
3. วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา (ระบุสิ่งที่ตอ้ งการศกึ ษาวา่ จะทาอะไร ทาอยา่ งไร) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 4. สมมติฐาน (เป็นการคาดคะเนคาตอบไวล้ ่วงหนา้ วา่ ผลของการศึกษาโครงงาน คืออะไร) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 5. ตวั แปรที่เก่ียวขอ้ ง ตวั แปรตน้ (สิ่งท่ีจดั ใหต้ ่างกนั ) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ตวั แปรตาม (สิ่งที่ตอ้ งการศกึ ษา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ตวั แปรควบคุม (สิ่งทจ่ี ดั ใหเ้ หมอื นกนั ) ............................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................
6. นิยามเชิงปฏิบตั ิการ (ใหร้ ายละเอยี ดความหมายของคาที่ผทู้ าโครงงานกาหนดข้ึนเพ่ือใช้ เฉพาะการศกึ ษาและการสื่อความหมายโครงงานโดยกาหนดเป็นคา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 7. ขอบเขตของการศึกษาคน้ ควา้ (กาหนดขอบเขตท่ีจะศกึ ษาโครงงาน เช่น กลมุ่ บุคคล สถานท่ี ช่วงเวลาท่ีทา โดยกาหนดเป็นขอ้ ) วิธีดาเนินการ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 8. อปุ กรณ์และสารเคมี แนวการศกึ ษา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
9. ตอนที่ 1 ข้นั ตอนวิธีทา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 10. ตอนท่ี 2 วธิ ีการทดลอง ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 11. ผลการทดลอง (ระบุวธิ ีการวิเคราะหข์ อ้ มลู หรือการจดั กระทาขอ้ มลู อาจจะเสนอผล การวเิ คราะหใ์ นรูปแผนภูมิ ตารางหรือกราฟกไ็ ด)้ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. สรุป อภิปรายผล และเสนอแนะ 12. สรุปผล (ระบุขอ้ คน้ พบจากการศกึ ษา) ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 13. อภิปรายผล (ระบุขอ้ คน้ พบวา่ โครงงานที่ทาน้นั สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาหรือทฤษฎีที่ ศกึ ษา) ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
ชุดฝึ กท่ี 4 การเขยี นรายงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอา่ นหวั เรื่อง ศึกษาสาระสาคญั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเขียนรายงาน โครงงานวิทยาศาสตร์ ต่อไปน้ี หวั เรื่อง 1. การเขียนบทคดั ยอ่ 2. การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ จากรูปแบบรายงานการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ที่กาหนดให้ สาระสาคญั การเขียนบทคดั ยอ่ เป็นการเขียนอธิบายถงึ ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงานวตั ถุประสงค์ วิธีดาเนินการ ผลที่ได้ ตลอดจนขอ้ สรุปต่างๆ อยา่ งยอ่ ประมาณ 300-500 คา โดยมีคาวา่ บทคดั ยอ่ อยตู่ รงกลางหนา้ กระดาษ และมีเน้ือความเร่ืองที่ทา การเขียนรายงานเป็นการเขียนรายงานสรุปผลของการศึกษาคน้ ควา้ ออกมาเป็นเอกสาร เพอ่ื อธิบายใหผ้ อู้ น่ื ทราบถึง แนวคิด ปัญหาที่ศกึ ษา วิธีดาเนินการศกึ ษา และขอ้ มลู ต่างๆ ที่รวบรวม ได้ ตลอดจนประโยชน์ และขอ้ เสนอแนะที่ไดจ้ ากการทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จุดประสงค์การเรียนรู้ เมอ่ื ศึกษาจบชุดฝึกที่ 4 แลว้ นกั เรียนสามารถ 1. เขียนบทคดั ยอ่ ได้ 2. เขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์จากรูปแบบรายงานการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ท่ี กาหนดใหไ้ ด้
สาระการเรียนรู้ บทคดั ยอ่ เป็นการเขียนบอกเน้ือความยอ่ ๆ ของการทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ให้ เหลอื ไมเ่ กิน 300-500 คา ประกอบดว้ ย 1. วตั ถุประสงค์ 2. วิธีดาเนินการ - วธิ ีการทดลองและวิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ของการทดลอง (เขียนยอ่ ๆ) 3. สรุปผลการศึกษา คาชีแ้ จง 1. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาโครงงานวิทยาศาสตร์ที่นกั เรียนทา จากน้นั ใหต้ อบคาถาม (6 คะแนน) 1. ชื่อโครงงาน..................................................................................................................... 2. ผจู้ ดั ทาโครงงาน 1............................................................................................................................. 2............................................................................................................................. 3............................................................................................................................ 3. ระดบั ช้นั .......................................................................................................................... 4. ท่ีปรึกษา........................................................................................................................... 5. โรงเรียน........................................................................................................................... 6. ปี การศึกษา ท่ีทา............................................................................................................... 2. ใหน้ กั เรียนเขียนบทคดั ยอ่ จากโครงงานวทิ ยาศาสตร์ที่นกั เรียนทา (4 คะแนน) บทคดั ย่อ
............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........
............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........
สาระการเรียนรู้ ในการเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ประกอบดว้ ย คานา บทคดั ยอ่ กิตตกิ รรมประกาศ เน้ือเรื่องในโครงงานวทิ ยาศาสตร์ประกอบดว้ ย บทที่ 1 บทนา ที่มาและความสาคญั วตั ถุประสงค์ สมมติฐานของการศกึ ษาคน้ ควา้ ตวั แปรที่เกี่ยวขอ้ ง ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ นิยามศพั ท์ บทท่ี 2 เอกสาร / ทฤษฎีท่ีเก่ียวขอ้ ง บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการ อปุ กรณ์และวสั ดุ วธิ ีการศึกษา บทที่ 4 ผลการศึกษาและการอภิปรายผลการศกึ ษา (ผลการทดลอง) บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ
สรุปผลการศกึ ษา อภิปรายผล ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากโครงงาน ขอ้ เสนอแนะ เอกสารอา้ งองิ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์จากรูปแบบรายงานการทา โครงงาน วิทยาศาสตร์ทีก่ าหนดให้ ปกนอก โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง…………………………………………………………………. โดย…………………………………………………ช้นั …………….. ………. ……………………………………………………………. ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… โรงเรียน………………. อาเภอ………………. จงั หวดั …………….. รายงานน้ีเป็นส่วนประกอบโครงงานวชิ า………………………ระดบั ช้นั …... ภาคเรียนที่…………………………ปี การศกึ ษา………………………………...
ปกใน ชื่อโครงงาน.................................................................................................................................. ชื่อผทู้ าโครงงาน ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...... ............................................................................................................................. ...... ............................................................................................................................. ...... ระดบั ช้นั ................................................................................................................................. โรงเรียน ............................................................................................................................. ... ที่ปรึกษา .................................................................................................................................. ปี การศึกษา .............................................................................................................................. บทคดั ย่อ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........
............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ คานา กติ ตกิ รรมประกาศ (การเขียนคาขอบคุณ ท่ีไดช้ ่วยเหลอื ใหโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์สาเร็จ) ............................................................................................................................................................. ........
............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ ............................................................................................................................................................. ........ สารบญั เร่ือง หน้า คานา…………………………………………………………………………..………..…… บทคดั ยอ่ ..………………………………………………………………………………..….. กิตตกิ รรมประกาศ…………………………………………………………………..…….… เน้ือเร่ืองในโครงงานวทิ ยาศาสตร์ประกอบดว้ ย…………………………………………....… บทที่ 1 บทนา
ท่ีมาและความสาคญั ………………………………………………………………… วตั ถุประสงค…์ ……………………………………………………………………… สมมติฐานของการศกึ ษาคน้ ควา้ ……………………………………………….…… ตวั แปรท่ีเก่ียวขอ้ ง………………………………………………………………….. ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ ……………………………………………..……….. นิยามศพั ท.์ .................................................................................................................. บทท่ี 2 เอกสาร / ทฤษฎีที่เกี่ยวขอ้ ง………………………………………………………….. บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการ............................................................................................................... อุปกรณ์และวสั ดุ………………………………………………………………....…. วิธีการศกึ ษา…………………………………………………………………...….... บทที่ 4 ผลการศกึ ษาและการอภิปรายผลการศกึ ษา (ผลการทดลอง)...................................... บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ....................................................................... สรุปผลการศึกษา…………………………………………………………………… อภิปรายผล…………………………………………………………………………. ขอ้ เสนอแนะ……………………………………………………………………….. ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากโครงงาน…………………………………………………….. เอกสารอา้ ง..................................................................................................................
ชุดฝึ กท่ี 5 การจดั นิทรรศการโครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอา่ นหวั เร่ือง ศกึ ษาสาระสาคญั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้การจดั นิทรรศการ โครงงานวิทยาศาสตร์ ต่อไปน้ี หวั เร่ือง 1. การจดั นิทรรศการโครงงานวิทยาศาสตร์ 2. การทาแผงสาหรับแสดงโครงงานวิทยาศาสตร์ 3. การประเมนิ โครงงานวิทยาศาสตร์ สาระสาคญั การจดั นิทรรศการโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นการรวบรวมผลงานต่างๆ มาแสดงไวใ้ นที่ เดียวกนั เพ่อื แสดงแนวคิดการกระทา หรือผลงานใหผ้ ชู้ มไดศ้ กึ ษาขอ้ มลู ต่างๆ เป็นการกระตุน้ ให้ ประชาชนทวั่ ไปสนใจผลงานหรือสนใจในผลติ ภณั ฑท์ ี่นาออกจาหน่าย การจดั นิทรรศการเป็นการ รวบรวมผลงานที่แสดงแนวคิดท่ีเป็นรูปแบบท่ีสามารถจบั ตอ้ ง ดูได้ สมั ผสั ได้ การประเมนิ โครงงานวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งท่ีมคี วามสาคญั และมีความจาเป็นอยา่ งหน่ึงท่ีอาจารยท์ ่ี ปรึกษาจะตอ้ งทาข้ึนเพอ่ื ใหน้ กั เรียนที่ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ไดท้ ราบผลการจดั ทาโครงงาน วิทยาศาสตร์ของตนเองวา่ อยใู่ นระดบั ใด ควรปรับปรุงแกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง จุดประสงค์การเรียนรู้ เมือ่ นกั เรียนศกึ ษาจบชุดฝึกที่ 5 แลว้ นกั เรียนสามารถ 1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของการจดั นิทรรศการโครงงาน วิทยาศาสตร์ได้ 2. อธิบายขอ้ ปฏิบตั ิในการจดั นิทรรศการโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 3. จดั ทาแผงสาหรับแสดงโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 4. อธิบายส่วนประกอบของหวั ขอ้ ต่างๆ บนแผงโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 5. ประเมินผลโครงงานวทิ ยาศาสตร์ของตนเองและของเพือ่ นได้
สาระการเรียนรู้ การจดั นิทรรศการแสดงโครงงานวิทยาศาสตร์ ควรคานึงถึงส่ิงต่างๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. ความปลอดภยั 2. ความเหมาะสมของเน้ือหาท่ีจดั แสดง 3. การเขียนอธิบาย ควรใชข้ อ้ ความทกี่ ะทดั รดั ชดั เจน เขา้ ใจง่าย 4. ใชส้ ีที่สดใส เพื่อดึงดดู ผชู้ ม 5. ใชต้ ารางและรูปภาพประกอบโดยจดั วางใหเ้ หมาะสม 6. กรณีที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ ควรอยใู่ นสภาพท่ีทางานไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามต่อไปน้ี (ขอ้ ละ 2 คะแนน)
1. การจดั นิทรรศการ หมายถึงอะไร ……………………………………………………………………………..............……………… ……. ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… …… 2. การจดั นิทรรศการมีประโยชน์อยา่ งไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………..............…… ……. ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… …… 3. การจดั นิทรรศการโครงงานน้นั ควรคานึงถึงสิ่งใดบา้ ง ……………………………………………………………………………….............……………… …. ……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… ……
……………………………………………………………………………………………………… …… ……………………………………………………………………………………………………… ……
เนือ้ หาสาระ การทาแผงสาหรับแสดงโครงงานวิทยาศาสตร์ใหใ้ ชไ้ มอ้ ดั มขี นาดดงั รูป ติดบานพบั มีห่วงรับและขอสบั ทามุมฉากกบั ตวั แผน่ กลาง ในการเขียนแผง ควรปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1. ตอ้ งประกอบดว้ ย ชื่อโครงงาน ชื่อผจู้ ดั ทาโครงงาน ชื่อที่ปรึกษา คาอธิบายยอ่ ยๆ ถึงเหตุจูงใจในการทาโครงงาน ความสาคญั ของโครงงาน วิธีดาเนินการเลอื กเฉพาะข้นั ตอนท่ี สาคญั ผลที่ไดจ้ ากการทดลอง อาจแสดงเป็นตาราง กราฟ หรือรูปภาพกไ็ ด้ ประโยชน์ของโครงงาน สรุปผล เอกสารอา้ องิ 2. จดั เน้ือที่ใหเ้ หมาะสม ไม่แน่นจนเกินไปหรือนอ้ ยจนเกินไป 3. คาอธิบายกะทดั รดั ชดั เจน เขา้ ใจง่าย 4. ใชส้ ีสนั สดใส เนน้ จุดสาคญั ดึงดดู ความสนใจ 5. อปุ กรณ์ประเภทประดิษฐค์ วรอยใู่ นสภาพที่ทางานไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนนาหวั ขอ้ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ที่อยหู่ ลงั พยญั ชนะ มาเติมลงหลงั หมายเลข บนแผงโครงงานวิทยาศาสตร์ตามลาดบั ข้นั ตอนการจดั ทาแผงโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ (ขอ้ ละ 1 คะแนน) ก.วตั ถุประสงค์ ข.บทคดั ยอ่ ค.ท่ีปรึกษา ง.ผจู้ ดั ทา จ.ท่ีมาและความสาคญั ฉ.สรุปผล ช.ช่ือเรื่อง
ซ.ขอ้ เสนอแนะ ฌ.สมมติฐาน ญ.ผลของการศกึ ษาคน้ ควา้ ฎ.ประโยชน์ ฏ. โรงเรียน ฐ.ตวั แปรท่ีเก่ียวขอ้ ง ฑ.วิธีดาเนินการศึกษาคน้ ควา้ สาระการเรียนรู้ การประเมนิ โครงงานวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่มคี วามสาคญั และมคี วามจาเป็นอยา่ ง หน่ึงท่ีครู
Search