Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนแบบบูรณาการประถม1-2563

แผนการสอนแบบบูรณาการประถม1-2563

Published by darin.raka11, 2020-06-10 00:38:32

Description: แผนการสอนแบบบูรณาการประถม1-2563

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ที่ 1 อาชพี ในชมุ ชน การเปล่ียนแปลงทางดานสังคมและสิ่งแวดลอม ความเจริญกาวหนาทางดานเทคโนโลยีมีผล ตอชีวิต ความเปนอยู และโดยเฉพาะการประกอบอาชีพของคนในหมูบาน ไดแก การเกิดอาชีพใหม หรือการอนุรักษ อาชพี เดมิ ใหอยใู นทองถิน่ ดงั น้ี 1. การสรางอาชีพจากชองวางระหวางอาชีพ โดยอาศัยชองวางระหวางอาชีพ 2 อาชีพ เชน อาชีพ ขยายลําไมไผ โดยซื้อจากแหลงปลูกไปขายใหกับแหลงทําเครือ่ งจกั สาน 2. การสรางอาชีพจากผลของการประกอบอาชีพ โดยอาศัยผลพลอยไดจากอาชีพเดิม เชน ทําภาชนะ ใสของจากทางมะพราว จากตนมะพราวที่ปลูกเปนอาชพี อยูแลว 3. การสรางอาชีพจากทรพั ยากรทองถน่ิ เปนการสรางอาชีพใหม โดยการนําทรัพยากรที่มีอยู ในทอง ถิ่นมาใชใหเปนประโยชน เชน ทําอฐิ จากดินเหนยี วท่มี ีอยูในทองถน่ิ 4. การสรางอาชพี จากความตองการของตลาด เปนการสรางอาชพี ใหม โดยอาศัยขอมลู ทาง การตลาด เชน เลย้ี งกบเพราะตลาดมคี วามตองการมาก หรือปลกู ผักปลอดสารพษิ 5. การสรางอาชีพที่ขาดแคลนในทองถิ่น เปนการสรางอาชีพใหม โดยอาศัยขอมูลในทองถ่ิน เชน อาชพี รับซอมมอเตอรไซคเกดิ ขนึ้ เพราะชางในหมูบานขาดแคลน 6. ประกอบอาชีพตามบรรพบุรุษ พอแม ปูยา ตายาย ทําอาชีพอะไร รุนลูก รุนหลาน ก็จะ ดําเนิน การตอ เชน อาชพี ขายกวยเตี๋ยว ถามีช่อื เสียงก็จะขายจนกระทั่งรุนลกู รุนหลาน 7. ประกอบอาชีพตามสภาพภูมิประเทศ ซ่ึงในประเทศไทยประกอบดวยสภาพพื้นที่ ท่ีเปน ภูเขา ท่ีราบลุม ท่ีดอน ดังนั้นการเพาะปลูกขึ้นอยูกับสภาพพ้ืนที่ดวย เชน ท่ีราบลุม สามารถทํานาได อยูใกลทะเล ประกอบอาชพี ดานประมง หรอื บางทาํ เลสามารถจัดเปน แหลงทองเท่ียวได การจดั การงานอาชีพ 1. ทําเลท่ีต้ัง อาชีพท่ีเก่ียวกับอาหาร เชน การเปดรานขายอาหารขายเครื่องดื่ม ขายขนม นอกจาก รสชาติอาหารยังจะตองอาศัยทาํ เลทีต่ งั้ ราน จึงจําเปนตองเลือก สถานที่ทอ่ี ยูในยานชุมชน 2. การจดั สถานที่ ควรออกแบบรานใหดูโลง จัดโตะและเกาอี้ รวมท้ังของใชภายใน รานตองมี ความ สะอาดและถูกอนามัย 3. ควรเลอื กซื้ออาหารท่มี ีคณุ ภาพ มีความสดใหม ถาเปนอาหารแหงควรหลีกเล่ียง ท่ีเก็บไวนาน ตรวจ สอบวามีเชื้อราหรือไม มีสารอื่นปนเปอนหรือไม 4. การปรุงอาหาร ควรคํานงึ ถึงคุณคาอาหาร เชน การใชความรอน การรักษา ความ สะอาด การใชผง ชูรส การคงคุณคาของอาหารทั้ง 5 หมู การจัดอาหารใหเหมาะสมกับวัย เชน วัย 19 ผูใหญเปนวัยที่ตองการ เสริมสรางเซลลตางๆ เพ่ือรักษาสมรรถภาพการทํางานในรางกายใหคงที่ จึงควรไดรับอาหารทั้ง 5 หมูใน สดั สวนท่เี หมาะสม

5. การบริการในธุรกิจขายอาหาร มีความสาํ คญั ยง่ิ ผูบริการตองใสใจกับการมีมารยาทในการ บริการ มคี วามรูเกี่ยวกับการเสริ ฟอาหารและเคร่อื งด่มื 6. การมีคุณธรรม จริยธรรม ตอลูกคา เชน การคิดราคาอาหารท่ีเปนธรรม รับผิดชอบในกรณีที่ อาหารตองมคี วามสดหรอื มีคุณคาทางอาหาร กิจวัตรประจําวันของอาชีพขายอาหารอาจไมเหมือนอาชีพอื่นๆ เชน ต่ืนเชาไปซื้อของ ที่ตลาดแลว เตรียมอาหารเพอื่ ใหทันขาย ชวงทเ่ี หน่อื ยในการบริการลกู คากค็ ือชวงเชา ชวง กลางวัน ชวงเย็น ซ่ึงเปนชวงท่ี ลูกคาสวนใหญมารบั ประทานอาหาร ชวงเวลาอ่นื ๆ อาจจะเปนงานเบา เชน ชวงที่เตรียมอาหาร มีการห่ันผัก หนั่ เนื้อ สภาพปญหา 1. ขาดการบริการท่ีดี ไมมีมนุษยสัมพันธไมสนใจลูกคาเม่ือมาใชบริการ ดังน้ัน จึงควรปรับปรุง ดาน การบรกิ ารทด่ี ีตอลูกคา เชน เมื่อลูกคาเขารานควรย้ิมแยม แจมใส พรอมจัดหาโตะใหน่ัง บริการตามลําดับที่ ลกู คาเขามาใชบรหิ าร 2. เจาของรานมกั ขาดทนุ เนือ่ งจากการขายอาหารสามารถถูกคดโกงไดหลายทาง ถาเจาของหรือ ผูไว ใจไดไมไดดูแลอยางใกลชิด เชน คนเก็บเงนิ ไมซ่อื สัตย ลูกจางมักหยบิ ฉวยสิง่ ของไปใช ในบาน 3. คุณภาพสินคาไมคงที่ เชน ไมสุก ไมสะอาด เสื่อมคุณภาพ ทําใหลูกคาไมมาใชบริการ การอนุรักษ พลังงานและสง่ิ แวดลอม อาชพี ท่ีเกีย่ วของกับงานเกษตร 1. อาชีพปลูกพืช อาจจะปลูกพืชชนิดเดียวหรือปลูกพืชหลายชนิดผสมกัน เชน ปลูกพืชผัก แตมี หลายชนดิ หรือปลกู พชื ประเภทตางๆ เชน ปลูกผัก ปลูกผลไมและทาํ นาดวย 2. อาชีพเล้ียงสัตว เปนอาชีพท่ีทําไดท่ัวประเทศ การเลี้ยงสัตวบางชนิดขึ้นอยูกับสภาพพ้ืนที่ ทรพั ยากรและส่งิ แวดลอม เชน อยูตดิ ทะเลกป็ ระกอบอาชีพประมงจบั ปลาจบั หอย 3. อาชีพเกษตรผสมผสาน เปนอาชีพเกษตรประกอบดวยหลายประเภทที่มีการ เก้ือกูลกัน เชน มกี ารปลกู พืชรวมกับการเลีย้ งสตั วโดยเอาเศษพชื มาใหสตั วกนิ เอามลู สตั วไปใสพืช หรือผสมผสาน กันระหวาง พชื เชน เก้อื กลู กันโดยอาศัยรมเงาจากตนไมที่ใหญกวา 4. อาชพี แปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร โดยเอาผลผลิตทางการเกษตรท่ีเหลือจากการขาย หรือเปน ชวงที่มรี าคาตกต่าํ ก็นํามาแปรรปู ได เชน การตากแหง การ ดอง การรมควัน การเช่ือม 5. อาชีพพอคาคนกลาง เปนอาชีพที่รับซ้ือสินคาจากอีกท่ีหน่ึงไปยังอีกท่ีหน่ึง ซ่ึงไมตองเปนผูผลิต เอง เชน มีการรบั ซ้ือสินคาหลากหลายจากผูผลิตไปขายตลาด 1. การปลูกพชื

1.1 ประเภทของการปลูกพืช สามารถแบงพืชออกตามลกั ษณะการใชดังนี้ (1) พชื ไร คือ พชื ท่ปี ลูกโดยอาศัยสภาพดนิ ฟาอากาศในพ้ืนที่ สวนใหญอาศัย น้ําฝน เชน การ ปลกู ขาวโพด ออย ขาว มันสําปะหลัง (2) พชื สวน เชน ปลูกผกั ผลไม ไมดอกไมประดับ ตองมีการดูแลรักษาอยางใกลชิด มนุษยต องดแู ลมากกวาพืชไร เชน ใหนา้ํ การปองกันกาํ จดั ศตั รูพืช (3) พืชปา เปนพืชที่ไมตองการดูแลรกั ษา หรือมนษุ ยปลกู ขึ้นโดยอาศัยธรรมชาติท่ี สอดคลอง กับพืชชนิดที่เกิดข้ึนเองในปา เชน การปลกู สกั ปลกู ไผ (4) พืชสมนุ ไพร หมายถึง พืชท่ีมีสรรพคุณในการรักษาโรคไดท้ังหมด พืชและสัตวบาง ชนิด ยงั นํามาสกดั เปนเคร่อื งสาํ อาง เชน วานหางจระเขอัญชัญ ขม้ิน เปนอาหาร เสริม เชน กระชาย กระเทียม เป นเครอื่ งดม่ื เชน บัวบก คําฝอย ตะไคร ใชปรงุ แตง อาหาร เชน หอมแดง มะนาว 1.2 กระบวนการผลิตพชื การปลูกพืชชนิดใดก็ตาม ควรมขี ัน้ ตอนการเตรียม ดังน้ี (1) การจัดเตรียมกอนเพาะปลกู 1. จัดเตรยี มสภาพพื้นที่ เตรยี มดินใหเหมาะสมกับพืชท่จี ะปลูกจดั หานา้ํ ใชอยางเพยี งพอ 2. เตรียมวัสดอุ ุปกรณเชน เตรียมพนั ธุพชื วสั ดุในการปลูกพืช นา้ํ มัน เครื่องมือท่ี จําเปน อาจ มกี ารเตรยี มตรวจสอบเครอ่ื งจกั รทีจ่ ะใชเชน เครอื่ งสบู น้ํา อาจตองมี การเปลี่ยนอะหล่ัยบางช้ินก็ไดใหจัดหาไว ลวงหนา 3. เตรยี มทุน ในท่นี ห้ี มายถึงเงินทุนที่จะเตรียมซื้อวัสดุอุปกรณจางแรงงาน 4. เตรยี มแรงงาน แรงงานท่ีใชอาจจะเปนแรงงานในครอบครัว หรือแรงงานจางขางนอกตอง วางแผนการใชแรงงานวาชวงใดตองใชมากนอยเพียงใด 5. ศึกษาราคาของตลาดพชื ในชวงนนั้ ๆ เพ่ือวางแผนการปลกู ใหตรงกบั ชวงทมี่ ีราคาแพง 6. เตรียมพันธุพชื อาจไดพนั ธุมาจากการเพาะเมล็ด กิ่งตอน กงิ่ ทาบ การแยกหนอ การเสียบ ยอด ซ่งึ ตองพจิ ารณาขอดีขอเสยี ของแตละวธิ ี และความเหมาะสมของ พชื ทจี่ ะใชปลกู (2) การปลูกพืช เม่ือเตรียมสถานที่แลวก็ลงมือปลูก การปลูกมีหลายวิธีเชน หวานเมล็ด การขุดหลุม ปลูก ข้นึ อยูกับชนิดของพชื ดวย (3) การดูแลรักษา เม่ือปลูกแลวตองมีการดูแลรักษา มีการใหนํ้า ใหปุยบํารุง ดิน ปองกัน กําจัด ศัตรูพืช ทง้ั น้ีข้นึ อยูกับชนิด อายุของตนพชื ดวย (4) อายุการเก็บเกี่ยว มคี วามแตกตางตามชนิดของพืชขึ้นอยูกับระยะเวลา หรือใชวิธีการ สังเกต พืช อาจเกบ็ เกย่ี วดวยแรงคน เคร่ืองทุนแรง หรือเก็บเก่ียว ไดทั้งแรงคนและ เครื่องจักรก็ตองข้ึนอยูกับขนาดของ ธุรกจิ ดวย (5) การขาย พืชมีวิธีการขายไดหลายวิธี เชน มีพอคาคนกลางมาซื้อถึงบาน ไปขายเองท่ี ตลาด สงรานคาประจํา เชน สงตามหางสรรพสินคา สงกลุม สหกรณ

2. การเลี้ยงสตั ว 2.1 ประเภทของการเลย้ี งสัตว แบงตามลกั ษณะของสัตวไดดงั นี้ (1) สัตวใหญ นิยมเลี้ยงกันแพรหลาย เปนสัตวท่ีเลี้ยงไวเพื่อใชงาน ใชเปนพาหนะ เล้ียง เปนอาชพี เชน โคเน้อื โคกระบอื (2) สัตวเล็ก นิยมเล้ียงในครัวเรือนเปนอาชีพ เปนอาหารหรือเพ่ือความเพลิดเพลิน เชน สกุ ร แพะ กระตาย (3) สตั วปก เปนสัตวประเภทมปี ก เชน ไก เปด หาน นก (4) สตั วน้าํ เปนสตั วที่อาศยั ในนํา้ หรือครง่ึ บกคร่ึงนํา้ เชน ปลากุงกบ และตะพาบน้าํ 2.2 กระบวนการผลติ สัตว (1) การเตรียมการกอนการเลี้ยงสัตว คลายกับการเตรียมการปลูกพืช มีการเตรียมสถานที่ วสั ดุอปุ กรณ เตรยี มทนุ แรงงาน ศึกษาราคาตลาด เตรียมพันธุ ซึ่งส่งิ ของเคร่ืองใช อาจแตกตางกัน การเตรียม สถานท่ีตองมีการเตรียมเพิม่ เตมิ เชน เตรยี มโรงเรือน เตรยี ม บอน้าํ สาํ หรบั การเลี้ยงสตั ว บางชนดิ (2) การเล้ียงสัตว ตองจัดสถานที่ใหเหมาะสมกับสัตวชนิดนั้น ศึกษาความชอบ ชนิดและ ปรมิ าณอาหารทต่ี องการตามวัยของสัตว (3) การดูแลรักษา อาจตองมีการใหอาหารเสริม หรือบางชนิดตองใหออกกําลังกาย มีการ สงั เกตเพอื่ ปองกันโรคตางๆ (4) การขาย ขายเม่ือสัตวเจริญเติบโตเต็มที่ ถาเล้ียงตอไปจะทําใหตนทุนสูง ตองเสีย คาอาหาร คาแรงงานเล้ยี ง และอื่น ๆ อกี การขายกเ็ ชนเดียวกันกบั การจําหนายผลผลติ ท่ีเกี่ยวกับพืช เชน มีพ อคาคนกลางมาซือ้ หรอื สงตาม หางสรรพสินคา สภาพปญหา 1. พ้ืนฐานความรูของเกษตรกรรายยอยสวนใหญมีการศึกษานอย เชน จบ ป.4 ป.6 หรือลืม หนังสือไปแลว ทําใหมีปญหาในการศึกษาหาความรู โดยเฉพาะการ ศึกษาขอมูลการผลิตกับ ขอมูลทางการ ตลาด จึงเปนสาเหตุทีท่ าํ ใหการผลติ ยังคงเดมิ หรือตาม ๆ กันไป 2. ราคาพชื ผลไมแนนอน ไมมีหลักประกนั ในการรับซ้อื ผลผลิตทางการเกษตร เมื่อผลผลิตเก็บ เกี่ยว ไดแลวจงึ หาตลาด ไมมีการหาตลาดไวลวงหนา ดงั น้ัน ผลผลิตทางการเกษตรจึงถูก กําหนดราคาโดยพอคาคน กลาง เน่ืองจากผลผลติ ทาง การเกษตรมีอายสุ ั้น ทําใหเกษตรกรตอง รบี ขาย ถาไมขายทันที ตองเตรียมยุงฉาง สําหรับเก็บ เชน ขาว 3. ระบบชลประทาน การวางระบบชลประทานของภาครัฐบาลไมทั่วถึง บางแหงมีนํ้าใชทาง การเกษตรตลอดปบางแหงตองอาศยั นํ้าตามธรรมชาติ

4. การชวยเหลือในการสรางถนนเขาไปในพ้ืนท่ีของเกษตรกรยังไมท่ัวถึง ทําใหไมสะดวกในการ ขนสงผลผลติ ทางการเกษตรออกมาจากฟารม 5. การจดั การของเกษตรกรยงั ไมคมุ คากับการลงทนุ มกี ารใชทนุ มากกวาผลท่ีได ทําใหขาดทุน ทุกป จนเกดิ เปนหนีส้ นิ เพ่ิมขึน้ ๆ 6. ราคาผลผลิตตกต่า เมื่อผลผลิตออกมากจะทําใหราคาผลผลิตตกต่ํา อาจแกปญหาโดยการทําให ออกนอกฤดกู าล หรอื เพิ่มมลู คาผลผลิต โดยการแปรรูปอาหาร หรอื ถนอมผลผลติ การอนุรักษพลังงานและสิ่งแวดลอม 1. ใชพลงั งานไฟฟาทางการเกษตรอยางประหยัด เชน เครือ่ งปนไฟฟา 2. ประหยัดนา้ มันเชอ้ื เพลงิ ในการดาํ เนินงานควรวางแผนการดาํ เนินงานกอนเพอ่ื ประหยดั ใน การใช นํ้ามัน เชน วางแผนซอื้ วัสดุอปุ กรณใหนอยครง้ั 3. ไมควรเผาตอซงั ในพน้ื ทีน่ า ไร สวน นอกจากจะทาํ ใหเกิดมลพิษทางอากาศแลว ยังทําใหหนาดิน ซึ่งประกอบดวยแรธาตอุ าหารสูญเสยี ไปดวย โดยการถกู ความรอน 4. การใชผลผลติ ใหเกดิ ประโยชน ผลผลติ ทเ่ี หลือจากการจําหนายควรนํามาใชใหเกิดประโยชน ตอไป เชน มลู สตั ว ใหนาํ มาใชหมักปุย เศษพืชนํามาใหสัตวกนิ หรอื ทําปยุ หมกั

ใบงานที่ 1 สํารวจอาชีพในชมุ ชน ภูมภิ าค ภูมภิ าค 5 ทวีป ไดแก ทวีปเอเซยี ทวปี ออสเตรเลีย ทวีปอเมรกิ า ทวีปยโุ รป และทวปี อัฟรกิ า ใหผูเรียนสํารวจอาชีพในชุมชน ภูมิภาค และในโลก มา 10 อาชีพ ลงในแบบสํารวจ โดยดําเนินการ ดงั น้ี 1. ครูและผูเรียน ศึกษาวิธีการสํารวจ แลวรวมกันกําหนดแบบสํารวจ และกําหนด วิธีการที่จะใช สาํ รวจ 2. ดาํ เนินการสํารวจแลวกรอกรายละเอียด ดงั นี้ 2.1 ชื่อผูเรยี น ศรช. สถานศึกษา ช่อื ครูประจํากลุม 2.2 ช่ืออาชพี เชน เพาะเห็ด 2.3 ทําเลทต่ี ้ัง 2.4 การประกอบอาชีพ ใหมีรายละเอียดเก่ียวกับระยะเวลาการประกอบอาชีพ ต้ังแต เริ่มตน จนถึงปจจุบัน จุดเร่ิมตนหรือเหตุจูงใจในการประกอบอาชีพ วัสดุ อุปกรณ (หลัก) ที่ใช กระบวนการผลิต กระบวนการตลาด ปญหาอปุ สรรค การสรางความมัน่ คงใน

แบบสารวจ ชอ่ื ผูเ้ รียน..........................................................................................กศน.ตาํ บล................................................... วันท่ีพบกลมุ่ ..................................................................................... วันท่ี ชื่ออาชพี ทําเลท่ตี ้งั การประกอบอาชพี



ใบความรู้ที่ 2 ความเปนไปไดในการเขาสอู าชีพ ความเปนไปไดในการเขาสูอาชพี ของบคุ คลทว่ั ไป ควรคํานึงถงึ ปจจยั ตอไปนี้ 1. การจัดการการผลิต การจัดการการผลิต เปนการเตรียมความพรอมในการผลิตสินคาหรือการบริการ โดย การวางแผน เพ่อื เตรียมความพรอมในกจิ กรรมการผลติ เชน การจดั หาวัตถุดิบ แผนการใชแรงงาน แผนการใชเงินทุน เพื่อ ใหการผลิตสนิ คา/บริการตางๆ เปนไปอยางมีประสิทธิภาพ คือ ตนทุน ตํ่าและรายไดสูง ไดสินคาที่มี คุณภาพ ตรงตามความตองการของตลาด การจดั การการผลิต เนนไปที่การทําแผนตางๆ แผนที่ดีน้ันจะตองผานการทดลองหรือ ผานการปรับ เพื่อใหไดแผนท่ีดีท่สี ดุ เมอื่ ไดแผนแลวจึงนําไปผลิตสนิ คา/บรกิ าร แผนท่ีจาเปน ตอการผลิตสินคา ไดแก 1. แผนการเลือกผลิตสินคา โดยศึกษารายละเอียดตางๆ ท่ีเกี่ยวกับสินคา ไดแกความตองการของ ผูบรโิ ภค จํานวนผูขาย จาํ นวยผูผลิต เพอ่ื นาํ มาใชเปนขอมูล ในการผลิตสินคา ซ่ึงเปนสิ่งที่ ผูผลิตตองคํานึงถึง มฉิ ะนั้นสินคาท่ีผลิตออกมาจะไมเปนไปตามความตองการของลกู คา จะทาํ ใหเกดิ ความสูญเสยี ข้ึน เมื่อสินคาถูก ผลติ ขึน้ มาแลว สนิ คาบางชนิดอาจมีการทดลอง แลวนาํ ไปตรวจสอบกับลูกคาใหทดลองใชหรือทดลองชิม เพ่ือ ดูความพอใจของลกู คา 2. แผนการเลือกทาํ เลทีต่ ัง้ หมายถึง แหลงที่ต้ังที่จะประกอบอาชีพ การเลือกทําเล ควรให เหมาะสม กับลักษณะของอาชีพ อาชีพบริการ เชน รานขายอาหาร รานเสริมสวย ตองเลือก ทําเลท่ีอยูในแหลงชุมชน โรงงาน อุตสาหกรรมน้ําตาล ก็มักตั้งอยูในแหลงท่ีมีวัตถุดิบ อยางไรก็ตามการเลือกทําเลควรพิจารณาระบบ การขนสงดวย 3. แผนการใชแรงงาน แรงงานในท่ีน้ีหมายถึงท้ังกําลังคนและการใชเคร่ืองจักร เครื่องมือตาง ๆ โดย พิจารณาจากแผนการผลิต และจํานวนสินคาท่จี ะผลติ เพอื่ จะไดจดั เตรียมแรงงานไวให พรอมในชวงที่ตองการ เชน ชวงเก่ียวขาว 100 ไรในเดือนพฤศจิกายนของทุกปจะตองใชท้ัง แรงงานคนและเครื่องจักรก็ตองเตรียม แรงงานใหพรอมในชวงเดือนพฤศจิกายน 4. วางแผนการใชทนุ ในการกําหนดจํานวนสินคาน้นั ตองพิจารณาฐานทางการเงนิ ของผูผลติ ดวย แมว าจะคาดคะเนความตองการของตลาดได แตถาไมมีเงินทุน ก็ไมเกิดประโยชนอยางใด อาจ แกไขไดโดยไปกูยืม เงินทีต่ องเสียดอกเบย้ี ซงึ่ จะตองเพม่ิ เปนตนทุนของการผลิต หรือหาปจจัย การผลติ ทดแทนปจจัยที่มีราคาแพง แตตองระวังในเรอื่ งของคณุ ภาพของสนิ คาดวย

5. วางแผนกําหนดจาํ นวนการผลิต เมื่อทําแผนการผลิตเรียบรอยทุกดานแลว ใหพิจารณาวาจะ ผลิต สินคาจํานวนเทาใด แรกเร่ิมการผลิตอาจผลิตจํานวนนอยแลวคอยๆทะยอยเพิ่มจํานวนการ ผลิต โดยมีการ ปรับแผนการผลิตตลอดเวลา 6. ประมาณการผลตอบแทนท่ีไดจากการผลิตสนิ คา เม่ือวางแผนการผลิตสินคา ตั้งแตเลือกทําเล ที่ต้ัง การใชแรงงาน การใชทนุ การกาํ หนดจํานวนการผลิต เรียบรอยแลว ลองทําแผน ประมาณผลตอบแทนท่ีคาด วาจะไดจากการผลิตสินคาในคร้ังน้ี โดยอาจลองนําขอมลู ใสใน บัญชีรายรับ-รายจาย กระบวนการผลติ เปนการนําปจจยั การผลิตสูการปฏิบัติ เพื่อผลิตสินคาตามแผนการ จัดการการผลิต โดยนํามาจัดทําแผนปฏิบัติลงสู การปฏิบัติตามลําดับก อน-หลัง ซ่ึงเปนข้ันตอน สําคัญ และอาจมีการ ปรับเปลี่ยน แผนตามสถานการณนั้น ๆ เพ่ือจะหลีกเลี่ยงความเส่ียงที่อาจจะตามมา เชน อาชีพการเกษตร มกั จะเสี่ยงตอ สภาพดนิ ฟาอากาศ ราคาขนึ้ ลงของสินคา จํานวนสนิ คาที่ผลติ ออกมามจี าํ นวนมาก ดังนั้น ความ สมั พนั ธ ระหวางปจจัยการผลิตกบั ผลผลติ อาจเปนไปในทิศทางเดยี วกัน คือเมื่อเพ่ิมปจจัยการผลิตเขาไปจะทํา ใหผลผลิต เพ่มิ ขนึ้ แตบางครั้งความสัมพนั ธระหวางปจจัยการผลิตกับผลผลิตอาจไมไปในทิศทางเดียวกัน เม่ือ เพ่ิมปจจัย การผลิตหลักเขาไปจะทําใหผลผลิตลดลงนาจะเปนอาชีพการเกษตร ถึงแมจะเพิ่มปจจัยการผลิต ผลผลิตท่ีได อาจไมไดเพิ่มตามปจจัยการผลิตที่เราเพิ่มเขาไป เน่ืองจากอาชีพการเกษตรน้ัน เกษตรกรไม สามารถควบคุม สภาพดินฟาอากาศได บางปฝนตกมากทําใหน้ําทวม หรือฤดูแลงแลงมากกวาทุกป ดังนั้น แนวทางในการแกไข สาํ หรบั อาชีพเกษตร เชน 1. ศึกษาสภาพดินฟาอากาศ ศึกษาขอมูลจากพยากรณของหนวยงานท่ีเก่ียวของ เชน กระทรวง เกษตรและสหกรณ มักจะไดยินคําเตือนบอยๆ เชน ปน้ีหาม ทํานาปรังในบางพื้นที่ เน่ืองจาก น้ํานอย ดังนั้น อาจใชวิธีหลีกเลยี่ งโดยหันมา ปลูกพชื ทมี่ อี ายสุ ้ันๆ แทนการปลกู ขาว 2. เกษตรกรควรปลูกพืชหลากหลายชนิด และอายุพืชแตกตางกัน เพ่ือใหมีผลผลิตออกมาอยาง ตอเนอ่ื ง ทําใหลดการเส่ียงลงได 3. มีการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ซ่ึงจะทาํ ใหเกษตรกรขายผลผลิตได ในราคาท่แี นนอน 2. การจดั การการตลาด การจัดการดานตลาด หมายถึง การวิเคราะห การวางแผน การปฏิบัติงาน และการควบคุม การ ดําเนนิ งานการตลาดจากผูผลติ ถงึ ผูบรโิ ภค โดยมผี ลประโยชนจากการแลกเปลีย่ นกับกลุมผูซ้ือ หนาท่ีการตลาด เปนกิจกรรมการตลาดทีท่ าํ ใหสินคาหรอื บรกิ ารเคลื่อนยายจากผูผลิตไปยงั ผูบริโภค โดยวธิ ตี างๆ เชน 1. การแลกเปลยี่ น โดยการซอ้ื -การขาย 2. การกระจายสินคาเก่ยี วของกับการขนสง การเกบ็ รกั ษา 3. การอาํ นวยความสะดวกทางการตลาด เชน ขอมูลทางการตลาด ขอมูลเกี่ยวกบั ผูบรโิ ภค

วิวัฒนาการของการตลาด การตลาดสมัยกอนมุงการผลิตใหมีประสิทธิภาพ โดยไมสนใจผูบริโภค ไมสนใจวา ผูบริโภคจะ ตองการสินคานั้นหรือไม ซึ่งเปนสมัยท่ีมีคูแขงขันนอย จึงทําใหผูผลิตประสบ ความสาํ เร็จ แตยุคปจจบุ นั มีการ แขงขนั สงู จึงตองใหความสาํ คัญกบั ลกู คา โดยจะตองศึกษาความตองการของ ผูบริโภควา ตองการสนิ คาอะไร อยางไร ราคาเทาไหร ซ้ือสะดวกไหม แลวจึงทําการผลิตใหตรงกับความตอง การ การแขงขันทางการตลาด นอกจากจะศกึ ษาขอมูลของกลุมลูกคาและขอมูลของคูแขงแลว จะตองมีการแขงขัน ดานอ่ืนๆ ดวย ไดแก 1. สินคาหรือบรกิ าร สินคาตองมคี ุณภาพถกู ใจผูบรโิ ภค มีประโยชนตอการนาํ ไปใช 2. ราคา ราคาสินคาตองเหมาะสมกับคุณภาพ ไมตั้งราคาเกินความจริง และตองพิจารณาจาก ราคา ของคูแขงดวยไมสูงและไมตาํ่ เกินไป 3. ชองทางการจําหนาย พิจารณาวาจะจําหนายอยางไร โดยทางใดสินคาจึงจะถึงผูบริโภคได อยาง ปลอดภัยและยังคงคุณภาพ เชน บริการถึงบานผานการขายตรง หรือ ขายปลีกทาง อินเทอรเนต็ 4. การสงเสรมิ การขาย เปนกรรมวิธีการขายท่ีสามารถดึงดูดใจใหลูกคา เชน การลด แลก แจก แถม หรอื ใหลองเอาสินคาไปใชกอน หรือขายควบกับสนิ คาชนิดอนื่ ๆ การโฆษณาตาง ๆ ขอมลู ที่ใชในการตดั สนิ ใจทางการตลาด 1. ขอมูลผบู ริโภค ตองรูวาผูบริโภคมรี สนยิ มอยางไร และมีอํานาจในการซ้ือมาก นอยเพียงใด 2. ขอมูลคูแขง ตองรูวาคูแขงขันเปนใคร ขายอะไร จุดเดนของสินคา กําลังทําอะไร ถึงข้ันใด ถาสามารถมขี อมลู ผบู รโิ ภคและขอมูลคูแขงขันมากเทาไร ก็สามารถตัดสินใจไดถกู ตอง การคิดตนทุนการผลติ การคิดตนทนุ การผลิต นิยมคิดตนทุนในรอบปหรือตอรอบการผลิตข้ึนอยูกับลักษณะของผลผลิต การคิดตนทุนการผลิตให พจิ ารณาทงั้ ตนทนุ ทใ่ี ชไปในลกั ษณะเงินสดและทไี่ มเปนเงนิ สด ซ่งึ ประกอบดวย ตนทนุ ผันแปร 1. ตนทุนผนั แปรทีเ่ ปนเงินสด

1.1 คาวัสดอุ ุปกรณในการประกอบอาชีพ เชน วัสดุอุปกรณอาชีพการเกษตร เชน ปุย พันธุ พชื พนั ธุสัตว คาน้ํามัน และคาแรงซอมเครื่องจักรวัสดุอุปกรณในอาชีพรับจางซักรีด เสื้อผา เชน ผงซักฟอก น้ํายาซกั แหง 1.2 คาจางแรงงาน เปนคาจางแรงงานในการผลิต เชน คาแรงซอมเครื่องจักร คาแรงงานไถ ดนิ คาจางลูกจางในรานอาหาร 1.3 คาเชาทดี่ นิ เปนคาเชาทีด่ นิ ในการประกอบธรุ กจิ เชน คาเชานา 1.4 คาเสียโอกาสของเงินทุน หมายถึง คาชดเชยท่ีเจาของธุรกิจนําเงินสดของตนไปลงทุน แทนการไดรับเมอ่ื นาํ เงนิ น้ีไปฝากธนาคารก็จะไดดอกเบ้ียแทน ดังนั้น การคิดตนทุน ก็ใหใชอัตราดอกเบี้ยเงิน ฝากประจําของธนาคารพาณิชยปน้นั ๆ 1.5 คาใชจายอ่นื ๆ ทนี่ อกเหนือจากขอ1.1-1.4 2. ตนทนุ ผันแปรที่ไมเปนเงินสด ไดแก 2.1 คาแรงงานในครัวเรือน เปนแรงงานในครัวเรือน สวนใหญธุรกิจใน ครอบครัวไมคอย มีการนํา แรงงานมาคิดเปนตนทุน จงึ ไมทราบตนทุนที่แทจริง การคิดคาแรงในครวั เรอื น ใหคิดในอัตราคาแรงงานในทอง ถิ่น นนั้ ๆ 2.2 คาเสียโอกาสของท่ีดิน กรณีท่ีเจาของกิจการมีท่ีดินเปนของตนเอง การคิดตนทุนใหคิด ตาม อัตราคาเชาทด่ี ินในทองถน่ิ หรือบริเวณใกลเคยี ง ตนทนุ คงท่ี 1. ตนทุนคงที่ท่ีเปนเงินสด เปนจํานวนเงินที่ตอง จาย เปนคาดอกเบี้ยเงินกูเพ่ือนํามาใชในการทํา ธุรกิจ 2. ตนทุนท่ีไมมีเงินสด ไดแกคาเส่ือมราคาของอุปกรณ อาคาร โรงเรียน หมายถึงการเสื่อมของ เคร่ืองจักร อุปกรณตาง ๆ อาคาร โรงเรือน ท่ีลดลงตามอายุการ ใชงาน การคิดตนทุนจะคิด จากการเฉลี่ย จาํ นวนเงนิ ที่ซ้ือไป เชน ซื้อรถไถนามา 1 คัน ราคา 10,000 บาท ก็คิดวาจะใชได 5 ป ดังนั้นคาเสื่อมราคาเท ากับ 10,000 หาร5 ตองเสียคาเสอ่ื มราคาของรถไถนาปละ2,000 บาท ก็ใหนําไปคิดเปน ตนทุนการผลิตทุก ๆ ป ใน 5 ป รายไดจากการประกอบอาชพี เปนรายไดทเ่ี กดิ จากการขายผลผลติ /บรกิ าร อาจจะเปนรายไดท่ีทะยอยการไดรับ ควรคิดเปนรายได ในรอบปหรือชวงการผลติ เชนเดียวกบั การคดิ ตนทุน การพิจารณาจุดคุมทุน จดุ คุมทุน หมายถึง ปริมาณการขายท่ีทําใหมีรายไดท้ังหมดเทากับตนทนุ ทัง้ หมดพอดีซึ่งจะไมมี กาํ ไร หรือขาดทนุ

ใบงงานท่ี 2 อาชพี ท่ี1 1. กาํ หนดชนดิ ของสินคา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 2. ปจจัยท่ีใชในการผลติ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 3. การจดั การการผลิต .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 4. กระบวนการผลิต .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 5. การจัดการการตลาด .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................

6. ผลกระทบตอสภาพแวดลอมในชุมชน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 7. ความรูความสามารถของผูประกอบอาชีพ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 8. รายไดที่คาดวาจะไดรับ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 9. ปญหาอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................

บนั ทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครงั้ ที่ ……… วนั ที่ …………. เดือน …………………………………..……….. พ.ศ. …………….. ระดบั ประถมศึกษา จํานวนนกั ศกึ ษา ทัง้ หมด....................คน ชาย................คน หญิง..................คน จํานวนนักศกึ ษาทีเ่ ขา้ เรียน ทงั้ หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน จาํ นวนนักศกึ ษาทขี่ าดเรยี น ทงั้ หมด....................คน ชาย................คน หญงิ ..................คน ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... สภาพการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ปัญหาที่พบและการแกไ้ ขปัญหา ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ การดาเนินการแกไ้ ข/พฒั นา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ขอ้ เสนอแนะ/ความคิดเห็นผู้นเิ ทศ ……………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่อื ) ................................................... (ลงชอ่ื ) ................................................... ผ้นู ิเทศ (........................................) (........................................) ………….. /….……… /…….…… ………….. /….……… /…….…… (ลงชื่อ) ………………………………..…………............. ผอ.กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบรุ ี (นายศักดช์ิ ยั นาคเอ่ยี ม) ………….. /….……… /…….……

บรรณานกุ รม ที่มา : https://sites.google.com/site/kanokwanjampong40/bthth-4 ทม่ี า : https://www.m-culture.go.th/surveillance/ewt_news.php?nid=882&filename=index ที่มา : http://civicduty12345.blogspot.com/2015/08/blog-post_87.html ที่มา : file:///C:/Users/LENOVO/Downloads/116460-Article%20Text-327002-1-10-20180523.pdf ทมี่ า : http://www.sa.ku.ac.th/project/sdd241152.ppt

คณะผู้จัดทา แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กศน. แบบบรู ณาการ ตามรูปแบบ ONIE MODEL หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี .......... ปีการศึกษา ................... ท่ีปรกึ ษา ผู้อํานวยการ กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี นายศักดช์ิ ยั นาคเอ่ียม ครูพเี่ ลีย้ ง จนั ทนะ ครชู ํานาญการ นางสาวชมพู คณะผจู้ ดั ทา 1. ครอู าสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรียน กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบรุ ี 2. ครู กศน.ตาํ บล กศน.อาํ เภอเมอื งกาญจนบุรี 3. ครู ศรช. กศน.อาํ เภอเมืองกาญจนบรุ ี



แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กศน. แบบบรู ณาการ ตามรูปแบบ ONIE Model หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หัวเรื่อง อาชพี ดเี ริ่มต้นด้วยทกั ษะอาชพี หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ……….. ปกี ารศกึ ษา ……………. สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดกาญจนบรุ ี สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ

คานา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอเมืองกาญจนบุรีได้ดําเนินการ จัดทําแผนกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หัวเรื่อง อาชีพดีเริ่มต้นด้วยทักษะ อาชีพ เพือ่ ใหค้ รูผู้สอนใช้เป็นคู่มือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานพทุ ธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียน ท่ี ......... ปีการศกึ ษา .................... เอกสารประกอบการจัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หน่วยการ เรียนรู้ที่ 3 หัวเร่ือง อาชีพดีเร่ิมต้นด้วยทักษะอาชีพ ประกอบด้วยแผนผังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน. แบบ ONIE Mode แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ ใบความรู้ แบบประเมินการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวตอบ และแบบบันทึกหลังการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การดําเนินการจัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี .......... ปีการศึกษา ............. ในคร้ังน้ี ประสบความสําเร็จได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ นายศักด์ิชัย นาคเอ่ียม ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอเมืองกาญจนบุรี นางสาวชมพู จันทนะ ครูชํานาญการเป็นอย่างสูงท่ีเป็นผู้ให้ คําปรึกษา ในการดําเนินการจัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 หัวเร่ือง อาชีพดีเร่ิมต้นด้วยทักษะอาชีพ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี น ท่ี ………… ปกี ารศึกษา ………………… มาโดยตลอดทําให้การดําเนินการจัดทํา แผนการเรียนรู้แบบบรู ณาการบรรลุตามวัตถุประสงค์ จดั ทาํ โดย กศน.อําเภอเมอื งกาญจนบุรี

สารบญั หนา้ เรอ่ื ง คานา สารบัญ แผนผงั การจัดหน่วยการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กศน.แบบบูรณาการตามรปู แบบ ONIE MODEL ใบความรทู้ ี่ 1 เรื่องทักษะในการเขา้ สู่อาชพี ใบความรูท้ ี่ 2 เรอ่ื งการขบั เคล่อื นสร้างธรุ กจิ เพ่ือเข้าส่อู าชพี แบบประเมนิ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ แนวตอบแบบประเมนิ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ บันทกึ หลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ บรรณานกุ รม คณะทางาน

แผนผงั หน่วยการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ กศน. แบบบรู ณาการ หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั กา ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท รายวิชา ทกั ษะการประกอบอาชพี (อช11002) รายวิชา ทักษะการประกอบอา หวั เรอื่ ง ทกั ษะในการเข้าสูอ่ าชีพ หัวเร่อื ง โครงการเขา้ สู่อาชีพ เนอื้ หา เน้ือหา - ความจาํ เปน็ ในการฝึกทกั ษะอาชพี กระบวนการ - ความสําคญั ของโครงการประก ผลติ - ข้นั ตอนการเขยี นโครงการประ กระบวนการตลาดท่ใี ช้นวัตกรรม เทคโนโลยี - การเขียนแผนปฏิบตั กิ ารประก - ความหมาย ความสําคัญของการจัดการอาชีพ - การตรวจสอบโครงการประกอ - แหลง่ เรียนรแู้ ละสถานทีฝ่ ึกอาชพี - การวางแผนในการฝึกทักษะอาชพี หัวเรอื่ ง อาชพี ดเี ร่มิ ต้นด้วยท - การฝึกทักษะอาชีพ สภาพปญั หา 1. ขาดความภาคภูมิใจ ความ รายวิชา ทกั ษะการประกอบอาชพี (อช11002) 2. มีความแตกต่างของเช้ือชา หวั เรอื่ ง การจัดการการตลาด 3. ขาดการปฏิบัตติ นด้วยควา 4. ขาดการปลูกฝังอาชพี สุจรติ เนือ้ หา 5. ขาดความรู้ความเข้าใจการ 6. ขาดคุณธรรมจริยธรรมและ - การจดั การการตลาด 7. ขาดการส่งเสริมอาชพี ของต - การจัดทาํ แผนการจัดการการตลาด

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 หัวเร่อื ง อาชีพดีเริม่ ต้นด้วยทกั ษะอาชีพ ารศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ท่ี …….. ปกี ารศกึ ษา ………….. าชีพ (อช11002) รายวิชา ชอ่ งทางการเขา้ สูอ่ าชีพ (อช11001) กอบอาชพี หัวเรอื่ ง ความเป็นไปไดใ้ นการเข้าสอู่ าชีพ ะกอบอาชีพ กอบอาชพี เน้ือหา อบอาชพี - ความจําเปน็ ในการมองเห็นชอ่ งทางการ ประกอบอาชีพ - ความเปน็ ไปไดใ้ นการเข้าสู่อาชพี - การลาํ ดับอาชีพและเหตุผล - ตรวจสอบความเป็นไปไดใ้ นการประกอบอาชีพ หนว่ ยที่ 3 เนื้อหาเสรมิ (ภาษาไทย) ทกั ษะอาชีพ 1. การฟงั การดู และการพูด มรกั และหวงแหน ในอาชพี ตน 2. สรุปความ จบั ประเดน็ ใจความสําคัญท่ี าติ ศาสนา ความเชอ่ื ในการประกอบอาชีพ ามซ่อื สัตย์ ฟัง และดู ต 3. วเิ คราะห์ข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเห็น รทําอาชีพของตน ะการเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และสรปุ ใจความสาํ คญั ตน เนือ้ หาเสริม (ภาษาอังกฤษ) คาศพั ท์ภาษาองั กฤษเก่ียวกบั การปฏิบตั ติ นตาม มารยาท วฒั นธรรม ประเพณีตา่ ง ๆ การกลา่ วทกั ทาย

ประเด็น/ปญั หา/สง่ิ จาเป็นทีต่ อ้ งเรยี นรู้ การจดั กจิ ก 1. ผู้เรียนขาดความภาคภูมใิ จ ความรกั และหวงแหน ในอาชีพตน 1. ให้ผเู้ รียน 2. ผเู้ รยี นมคี วามแตกต่างของเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ในการ ส่อื สิ่งพ ประกอบอาชพี 3. ผู้เรียนขาดการปฏิบัตติ นความซ่อื สัตย์ 2. ให้ผู้เรียน 4. ผูเ้ รยี นขาดการปลกู ฝังอาชีพสุจรติ บทบาท 5. ผู้เรียนขาดความรูค้ วามเขา้ ใจเรือ่ งอาชพี ของตน เรยี นรู้ศ 6. ผ้เู รียนขาดคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและการเหน็ ประโยชน์สว่ นตนมากกวา่ 3. ให้ผูเ้ รียน สว่ นรวม สื่อออนไ เพื่อนฟงั 7. ผเู้ รียนขาดการสง่ เสรมิ อาชีพของตน 4. ให้ผเู้ รียน สรุปเป 5. ให้ผู้เรียน ความร ภาษาอ 6. ใหผ้ ู้เรยี น ครอบค และอภ 7. ให้ผู้เรียน ส่ิงพมิ พ เพื่อน แ

กรรมการเรียนรู้ นศกึ ษาค้นคว้าความหมายความสําคญั ของอาชพี ตน จากหอ้ งสมุด แหล่งเรยี นรู้ สอ่ื ออนไลน์ พมิ พ์ แลว้ สรปุ ทําเป็นรูปเล่มรายงานและนํามาอธิบายให้เพ่ือนฟังท่ี กศน.ตําบล นคน้ ควา้ เร่ือง เชือ้ ชาติ ศาสนา ความเช่ือ ในการประกอบอาชีพ และนาํ มาแสดง ทสมมตุ ิ รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ และสรปุ ความรู้ที่ กศน.ตําบล พรอ้ ม ศพั ทภ์ าษาอังกฤษเกีย่ วกับวัฒนธรรม ประเพณี มาอยา่ งน้อย 5 คาํ นศึกษาแนวทางการปฏิบตั ิตน ตามหลกั ศาสนาตา่ ง ๆ (พทุ ธ ครสิ ต์ อสิ ลาม) จาก ไลน์ แหลง่ เรยี นรู้ ห้องสมดุ แลว้ สรปุ ใจความสาํ คญั ลงในกระดาษชาร์ต อธิบายให้ งในการพบกลุม่ ท่ี กศน.ตาํ บล นศึกษาคน้ ควา้ แนวทางการปฏบิ ัติตนอาชีพสุจรติ ท่ีเหมาะสมจาก สือ่ ออนไลน์ หนังสือ ผรู้ ู้ ป็นแผนผังที่ความคิด อภปิ รายแลกเปล่ียนเรียนรใู้ ห้เพอื่ นฟังในการพบกลุ่มท่ี กศน.ตําบล นศึกษาค้นควา้ เรอื่ งอาชพี ของตน จากหอ้ งสมุด สอื่ ออนไลน์ สือ่ สิง่ พมิ พ์ และนํามาสรปุ องค์ รทู้ ําเปน็ แผนผงั ความคิด อภปิ รายและแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ร่วมกนั ท่ี กศน.ตาํ บลพรอ้ มเรยี นรูศ้ พั ท์ องั กฤษอย่างน้อย 5 คํา นศกึ ษาประวัตบิ คุ คลตวั อย่างทีม่ ชี ่ือเสยี ง ดา้ นการนาํ จรยิ ธรรมมาใช้ในการพฒั นาตนเอง ครวั ชุมชน สงั คม จากห้องสมดุ สอ่ื ออนไลน์ สอ่ื ส่งิ พิมพ์ พรอ้ มวิเคราะหส์ รุปใจความสําคัญ ภปิ รายแลกเปลีย่ นเรยี นรูใ้ ห้เพ่ือนฟงั ท่ี กศน.ตาํ บล นแบ่งกลุม่ ไปศกึ ษาคน้ ควา้ เรื่องอาชีพของตนของงานตา่ ง ๆ จากห้องสมดุ ส่อื ออนไลน์ สอ่ื พ์ แลว้ นาํ มาแสดงบทบาทสมมุติ พรอ้ มสรุปใจความสําคญั ทีไ่ ดจ้ ากการแลกเปลยี่ นเรียนรกู้ ับ และร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ท่ี กศน.ตําบล

แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ก หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 หัวเรอ่ื ง อ หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั กา ระดบั ประ ภาคเรียนที่ .......... ปีกา ครัง้ ท่ี วนั /เดอื น/ ปี ตัวช้วี ัด เนอื้ หาสาระการ หวั เร่ือ เรียนรู้ มีทักษะในการ ปฏิบตั ติ น รายวชิ า ทักษะ หนว่ ยท่ี 3 การประกอบอาชพี อาชีพดเี ร่มิ ต้นด (อช11002) หวั เร่อื ง ทกั ษะอาชพี สภาพปัญหา เรื่อง ทกั ษะในการ 1. ขาดความภา เข้าสู่อาชีพ ความรักและหว - ความจาํ เปน็ ใน ในอาชพี ตน การฝึกทกั ษะอาชพี 2. มคี วามแตกต กระบวนการผลิต เช้ือชาติ ศาสน กระบวนการตลาด เชือ่ ในการประ ที่ใชน้ วตั กรรม อาชีพ เทคโนโลยี - ความหมาย 3. ขาดการปฏบิ ด้วยความซอ่ื สัต ความสาํ คัญของ การจดั การอาชพี 4. ขาดการปลกู อาชพี สจุ รติ

กศน. ตามรูปแบบ ONIE Model อาชีพดเี ร่มิ ตน้ ด้วยทกั ษะอาชีพ ารศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ะถมศกึ ษา ารศกึ ษา ..................... อง ประเดน็ /ปญั หา/ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ สิ่งจาเปน็ ท่ีต้องเรียนรู้ ดว้ ย 1. ผเู้ รียนขาดความ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ าคภมู ิใจ ภาคภมู ใิ จ ความรัก และ วงแหน 1. ใหผ้ ู้เรยี นศึกษาค้นคว้า หวงแหน ในอาชีพตน ความหมายความสําคญั ของ ต่างของ นา ความ 2. ผูเ้ รยี นมีความแตกตา่ ง อาชพี ตน จากห้องสมุด ะกอบ ของเชอ้ื ชาติ ศาสนา แหลง่ เรยี นรู้ ส่อื ออนไลน์ สอื่ บัติตน ความเช่อื ในการ สงิ่ พิมพ์ แลว้ สรุปทาํ เปน็ ตย์ ประกอบอาชีพ รปู เลม่ รายงานและนํามา กฝงั 3. ผู้เรียนขาดการปฏิบัติ อธิบายให้เพ่อื นฟงั ที่ กศน. ตนความซอื่ สัตย์ ตาํ บล 4. ผเู้ รียนขาดการปลกู ฝงั 2. ให้ผูเ้ รยี นค้นควา้ เรอ่ื ง เช้ือชาติ อาชีพสจุ ริต ศาสนา ความเชื่อ ในการ 5. ผเู้ รยี นขาดความรูค้ วาม ประกอบอาชีพ และนํามาแสดง เขา้ ใจเรอื่ งอาชีพของตน บทบาทสมมตุ ิ รว่ มกนั แสดง 6. ผเู้ รียนขาดคุณธรรม ความคิดเห็นและสรปุ ความรทู้ ี่ จรยิ ธรรมและการเห็น กศน.ตําบล พร้อม ประโยชน์ส่วนตนมากกว่า เรียนรู้ศพั ทภ์ าษาองั กฤษ สว่ นรวม เกย่ี วกับวัฒนธรรม ประเพณี มา

คร้งั ที่ วนั /เดือน/ ปี ตัวช้วี ัด เนอื้ หาสาระการ หวั เร่ือ เรียนรู้ - แหลง่ เรยี นรแู้ ละ 5. ขาดความรคู้ สถานทฝ่ี กึ อาชพี เข้าใจการทําอา - การวางแผนใน ตน การฝกึ ทักษะอาชีพ 6. ขาดคุณธรรม - การฝกึ ทกั ษะ จรยิ ธรรมและก อาชพี ประโยชน์ส่วนต เรื่อง การทาแผน มากกว่าส่วนรว ธรุ กิจเพอื่ การเข้าสู่ 7. ขาดการสง่ เส อาชีพ อาชีพของตน - การวเิ คราะห์ ชุมชน - การกําหนด วิสัยทศั น์ พนั ธกิจ เปา้ หมาย กลยทุ ธ์ ในการกําหนดแผน ธรุ กจิ ชุมชน - การวางแผน ปฏิบตั ิการ

อง ประเดน็ /ปัญหา/ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ สง่ิ จาเปน็ ท่ีต้องเรยี นรู้ ความ อยา่ งน้อย 5 คํา าชีพของ 7. ผู้เรียนขาดการส่งเสรมิ 3. ใหผ้ เู้ รียนศกึ ษาแนวทางการ ปฏบิ ัติตน ตามหลักศาสนาตา่ ง ๆ ม อาชีพของตน (พทุ ธ ครสิ ต์ อสิ ลาม) จาก การเหน็ ตน สื่อออนไลน์ แหลง่ เรยี นรู้ วม หอ้ งสมดุ แลว้ สรปุ ใจความสําคัญ สรมิ ลงในกระดาษชาร์ต อธิบายให้ เพอ่ื นฟงั ในการพบกลมุ่ ท่ี กศน. ตําบล 4. ใหผ้ ู้เรียนศกึ ษาค้นคว้าแนว ทางการปฏบิ ัตติ นอาชีพ สุจริต ที่เหมาะสมจาก สือ่ ออนไลน์ หนังสอื ผ้รู ู้ สรปุ เป็นแผนผงั ที่ความคิด อภิปรายแลกเปลยี่ นเรียนร้ใู ห้ เพอ่ื นฟังในการพบกลมุ่ ท่ี กศน.ตําบล 5. ให้ผู้เรียนศึกษาค้นควา้ เร่ือง อาชพี ของตน จากหอ้ งสมุด สอื่ ออนไลน์ สอื่ สง่ิ พิมพ์ และ นาํ มาสรปุ องคค์ วามร้ทู ําเป็น แผนผังความคิด อภปิ ราย และแลกเปลี่ยนเรยี นรูร้ ่วมกนั ที่ กศน.ตําบลพร้อมเรียนรู้ ศัพทภ์ าษาองั กฤษอย่างนอ้ ย

คร้งั ที่ วนั /เดือน/ ปี ตัวช้วี ัด เน้อื หาสาระการ หัวเร่ือ เรยี นรู้

อง ประเด็น/ปัญหา/ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หมายเหตุ สิง่ จาเป็นที่ต้องเรียนรู้ 5 คํา 6. ให้ผเู้ รียนศกึ ษาประวตั บิ ุคคล ตวั อย่างท่มี ีชื่อเสยี ง ด้านการ นําจรยิ ธรรมมาใช้ในการ พัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม จากห้องสมดุ สอื่ ออนไลน์ ส่ือ สิ่งพมิ พ์ พร้อมวเิ คราะหส์ รุปใจความ สาํ คัญ และอภิปราย แลกเปล่ียนเรยี นรู้ให้เพือ่ นฟงั ที่ กศน.ตําบล 7. ใหผ้ เู้ รยี นแบง่ กล่มุ ไปศึกษา ค้นควา้ เรอ่ื งอาชีพของตน ของงานตา่ ง ๆ จากห้องสมดุ สื่อออนไลน์ ส่ือ สิ่งพมิ พ์ แล้ว นาํ มาแสดงบทบาทสมมุติ พรอ้ มสรุปใจความสาํ คญั ทีไ่ ด้ จากการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กับ เพ่ือน และร่วมกันแสดงความ คิดเห็นท่ี กศน.ตําบล

การหางานจากสื่อและแนวทางการเขา้ สู่อาชีพ สาระการเรยี นรู้ 1. การหางานหรือตาแหน่งงานท่ีวา่ งจากสอื่ ต่างๆ o ส่ือสิ่งพิมพ์ o ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ o วธิ กี ารหางานสื่อส่ิงพิมพป์ ระเภทตา่ งๆ 2. แนวทางเข้าสู่อาชพี และการประเมินทางเลอื กอาชพี การหางานหรอื ตาแหน่งที่วา่ งจากส่อื ตา่ งๆ 1. ส่ือสิง่ พิมพ์ “ส่ือสิ่งพมิ พ”์ ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ไดใ้ ห้ความหมายไวด้ งั น้ี  คาวา่ ส่ิงพิมพ์ หมายถงึ สมุด แผนกระดาษหรอื วัตถุใด ๆ ท่พี มิ พข์ ึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนท่ี แผนผงั ภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิง่ อื่นใดอนั มลี ักษณะเชน่ เดียวกนั  คาวา่ สอ่ื หมายถงึ ทาํ การติดตอ่ ให้ถงึ กนั ชกั นาํ ให้รู้จกั กนั ผู้หรอื ส่งิ ที่ทาํ การตดิ ต่อใหถ้ ึงกัน หรอื ชกั นาํ ให้รูจ้ กั กนั  คาวา่ พมิ พ์ หมายถงึ ถา่ ยแบบ ใช้เคร่ืองจักรกดตัวหนงั สอื หรอื ภาพ ให้ตดิ บนวตั ถุ เช่น แผ่นกระดาษ ผา้ ทําให้เปน็ ตัวหนังสอื หรือรปู รอยอย่างใด ๆ โดยการกดหรือการใช้พิมพ์หนิ เครื่องกล วิธีเคมี หรือวิธีอื่นใด อนั อาจให้เกิดเป็นสิ่งพิมพ์ขนึ้ หลายสําเนา ดงั นั้น ส่ือสิง่ พมิ พ์ จึงหมายถงึ สิง่ ท่พี ิมพข์ ึน้ ไม่วา่ จะเปน็ แผน่ กระดาษหรอื วตั ถุใด ด้วยวธิ กี ารต่าง ๆ อันเกิดเปน็ ชน้ิ งานทีม่ ลี ักษณะเหมือน ตน้ ฉบบั ขนึ้ หลายสําเนาในปริมาณมากเพื่อเป็นสิ่งทท่ี ําการติดตอ่ หรือ ชักนําให้บุคคลอ่นื ไดเ้ ห็นหรือทราบ ขอ้ ความต่างๆ ประเภทของสอื่ ส่งิ พิมพ์ ปัจจุบันได้มีการแบ่งประเภทของสอ่ื สงิ่ พิมพ์ไว้มากมายหลายประเภท ดังนี้ 1. สื่อสงิ่ พมิ พป์ ระเภทหนังสอื ไดแ้ ก่ หนังสือสารคดี ตาํ รา แบบเรยี น หรือหนงั สือบนั เทิงคดี 2. สอ่ื สงิ่ พิมพ์เพอื่ เผยแพร่ขา่ วสาร ไดแ้ ก่ หนังสือพิมพ์ (Newspapers) วารสาร นิตยสาร จุลสาร และสง่ิ พมิ พโ์ ฆษณา เชน่ โบรชวั ร์ (Brochure) ใบปลวิ (Leaflet, Handbill) และ แผน่ พับ (Folder) หรือใบปดิ (Poster) 3. สิ่งพมิ พ์เพอ่ื การบรรจภุ ัณฑ์ แยกเปน็ สิง่ พิมพ์หลกั ได้แก่ สงิ่ พิมพ์ทใี่ ช้ปดิ รอบขวดหรือกระปอ๋ ง ผลิตภัณฑ์การคา้ ส่ิงพมิ พร์ อง ได้แก่ ส่งิ พมิ พ์ทเ่ี ป็นกล่องบรรจหุ รอื ลงั 4. สิ่งพิมพ์มีค่า เช่น ธนาณตั ิ บตั รเครดติ เช็คธนาคาร ตว๋ั แลกเงนิ หนงั สือเดนิ ทาง โฉนด 5. ส่ิงพมิ พล์ ักษณะพเิ ศษ เปน็ สื่อสงิ่ พมิ พ์มกี ารผลติ ขึ้นตามลักษณะพิเศษแลว้ แตก่ ารใชง้ าน ได้แก่ นามบตั ร บัตรอวยพร หรืออ่นื ๆ

6. ส่ิงพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ เปน็ ส่อื สง่ิ พมิ พ์ทผี่ ลิตขึน้ เพ่ือใชง้ านในคอมพิวเตอร์ หรอื ระบบเครอื ข่าย อนิ เตอร์เน็ต ได้แก่ Document Formats E-book ประโยชน์ของสือ่ สง่ิ พิมพ์ 1. ส่งิ พิมพเ์ ปน็ สื่อที่มคี วามนา่ เช่อื ถอื เพราะเป็นลายลักษณอ์ ักษรชัดเจน 2. สะดวกสบายสําหรับการใชง้ านและราคาถูก 3. เปน็ สอื่ ท่ีมคี วามคงทนถาวร 4. สามารถเข้ากลมุ่ เปา้ หมายไดอ้ ย่างกวา้ งขวางสะดวกรวดเรว็ และยังเลอื กกลมุ่ เปา้ หมายท่ตี อ้ ง สื่อขอ้ มูลข่าวสารไดด้ ้วย 5. มคี วามเปน็ อสิ ระ สามารถออกแบบสอื่ สง่ิ พิมพ์ได้อย่างเตม็ ที่เพราะไมม่ ีขอ้ จํากดั เรอ่ื งขนาดและ เนอ้ื ที่ ส่อื ส่ิงพิมพ์ มีประโยชนใ์ นหลายๆ ดา้ นแต่ก็มีขอ้ จํากัดคือไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ผู้อ่านทอี่ า่ นหนงั สอื ไมอ่ อก หรือผ้สู ูงอายทุ ่สี ายตาไมด่ ี การเผยแพรอ่ ยใู่ นวงจาํ กัดและผ้อู า่ นส่วนมากจะเลอื กอ่านเฉพาะส่วนที่เก่ยี วขอ้ งกบั ตนเองเท่านั้น 2. ส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ สอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ เปน็ สอ่ื การเรยี นการสอนท่เี กิดจากการววิ ฒั นาการของเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและระบบการสอื่ สารโทรคมนาคม ความหมาย “สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส”์ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic media) หมายถงึ ส่อื ทีบ่ ันทกึ สารสนเทศด้วยวิธกี ารทาง อเิ ล็กทรอนกิ สอ์ าจอยู่ในรูปของ สือ่ บันทึกขอ้ มลู ประเภทสารแมเ่ หลก็ เช่น แผน่ จานแม่เหล็กชนิดอ่อน (floppy disk) และส่อื ประเภทจานแสง(optical disk)บนั ทึกอักขระแบบดจิ ิตอลไม่สามารถอ่านได้ด้วยตาเปลา่ ต้องใช้ เครอ่ื งคอมพิวเตอรบ์ นั ทกึ และอา่ นข้อมลู ประเภทส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์ เป็นส่ือการเรียนการสอนทเ่ี กดิ จากววิ ฒั นาการของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารโทรคมนาคม การใชส้ อ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ในการเรยี นการสอนจะออกมาในลกั ษณะของสือ่ ประสม หรอื มลั ตมิ ีเดยี (Multimedia) แสดงผลออกมาหลายรปู แบบตามทโ่ี ปรแกรมไว้ เช่น มเี สียง เป็นภาพเคล่ือนไหว สามารถให้ ผู้เรยี นมปี ฏิสมั พันธ์ ปจั จุบันสือ่ ประเภทนมี้ หี ลายลกั ษณะ 1. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน (คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน CAI) บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน เป็นซอฟตแ์ วรท์ างการศึกษาชนดิ หนึง่ ที่สามารถช่วยให้ผเู้ รียนสามารถ เรียนร้แู ละมผี ลตอบสนองไดเ้ ร็วกวา่ สือ่ ประเภทอ่ืน ยกเว้น สื่อบคุ คล CAI ย่อมาจากคาํ ว่า COMPUTER-ASSISTED หมายถึง สอื่ การเรยี นการสอนทางคอมพิวเตอร์ รปู แบบหน่ึง ซ่ึงใชค้ วามสามารถของคอมพวิ เตอร์ในการนาํ เสนอส่อื ประสม ไดแ้ ก้ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟกิ แผนภูมิ กราฟ วดี ที ัศน์ภาพเคล่อื นไหวและเสียง 2. สือ่ การเรียนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Learning

เปน็ การศกึ ษาเรียนรู้ผา่ นเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เนต็ หรืออินทราเน็ตเปน็ การเรยี นรู้ด้วยตัวเอง ผเู้ รยี นจะไดเ้ รียนตามความสามารถและความสนใจของตนโดยเน้อื หาของบทเรยี นซ่งึ ประกอบดว้ ยข้อความ รูปภาพ เสียง วดี ีโอ มัลติมีเดียอนื่ ๆ บทเรียนทีส่ ร้างขนึ้ สาํ หรับการเรียนผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ตโดยนําจุดเดน่ ของวธิ ีการให้บริการข้อมลู แบบ www มาประยกุ ต์ใช้ Web Base Instruction จงึ เปน็ บทเรียนประเภท CAI แบบ On-line ในที่นี้ หมายความว่า ผ้เู รยี นเรยี นอย่หู น้าจอคอมพิวเตอร์ทตี่ ดิ ต่อผา่ นเครือข่ายกับเคร่อื งแมข่ ่ายทบี่ รรจุบทเรียน 3. หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-book) เป็นคาํ ภาต่างประเทศ ย่อมาจากคําวา่ electronic book หมายถงึ หนังสือทส่ี ร้างข้นึ ด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอรม์ ีลักษณะเป็นเอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ โดยปกตมิ ักจะเป็นแฟ้มข้อมูลท่สี ามารถอ่านเอกสารทาง หนา้ จอคอมพวิ เตอร์ทั้งในระบบออฟไลนแ์ ละออนไลน์ คณุ ลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์สามารถ เชอ่ื มโยงไปยังสว่ นต่างๆ ของหนังสอื เว็บไซต์ตา่ งๆ ตลอดจนมีปฏสิ ัมพันธแ์ ละโต้ตอบกบั ผเู้ รยี นได้สามารถ แทรกภาพ เสยี ง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถพิมพเ์ อกสารท่ีตอ้ งการออกทางเคร่ืองพมิ พไ์ ด้ และ ทสี่ าํ คัญคือสามารถปรบั ปรุงข้อมูลให้ทันสมยั ไดต้ ลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่าน้ีไม่มีในหนังสือธรรมดาทว่ั ไป 4. วารสารอิเล็กทรอนกิ ส์ วารสารอเิ ล็กทรอนิกส์ หมายถึง วารสารรูปแบบใหมท่ มี่ ีการจัดเก็บบนั ทกึ และพมิ พ์เผยแพร่ สารนเิ ทศทางวิชาการไวใ้ นรูปแฟม้ คอมพวิ เตอร์และส่ืออเิ ล็กทรอนิกส์มีกาํ หนดออกแนน่ อน สม่ําเสมอ โดย สามารถเขา้ ถึง สืบค้นขอ้ มูล และสงั่ ซ้อื หรือบอกรบั เป็นสมาชกิ ได้ 3 รปู แบบ คือ จากฐานข้อมลู ซีดี-รอม จาก ฐานข้อมลู ออนไลน์ และเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ 5. ฐานขอ้ มลู ฐานขอ้ มูล คือ กลุ่มของขอ้ มลู ท่ีถูกเก็บรวบรวมไว้ โดยมคี วามสัมพันธ์ซ่งึ กันและกัน โดยไมไ่ ด้บงั คับวา่ ข้อมลู ทัง้ หมดนจี้ ะต้องเกบ็ ไวใ้ นแฟ้มข้อมูลเดียวกันหรอื แยกเก็บหลาย ๆ แฟม้ ข้อมูล โดยมชี ุดคําส่งั ระบบ จดั การฐานขอ้ มูล ทําหน้าท่ีควบคมุ การจัดการและการใช้ฐานข้อมูล 3. วิธกี ารหางานส่ือสง่ิ พิมพ์ประเภทต่างๆ สือ่ โฆษณาเปน็ วิธีทีไ่ ดร้ บั การยอมรบั และถใู ชอ้ ยา่ งแพรห่ ลายในประเทศไทยอยู่หลายประเภทด้วยกัน เช่น หนังสอื พมิ พ์ นิตยสาร วารสาร ส่ิงพิมพ์ต่างๆ วิทยุ โทรทัศน์ แต่สื่อท่นี ยิ มใช้หางานกนั มา คือ หนงั สือพมิ พ์ รายวัน รายสัปดาห์ ทมี่ กี ารประกาศรบั สมคั รงานโดยเฉพาะในการสมคั รงานผ่านสื่อต่างๆ นั้น จําเป็นต้อง เลอื กใช้ส่ือให้เหมาะสมกบั ตําแหนง่ งาน เพราะองคก์ รที่เลือกใชส้ อ่ื จะมีกลุ่มเปา้ หมายท่ีสอดคล้องกบั ตาํ แหนง่ งานทีป่ ดิ รับ สือ่ โฆษณาทน่ี ิยมใช้ในการลงรบั สมคั รงานมีดงั นี้ 1. หนังสือพิมพร์ ายวนั หรอื รายสปั ดาห์ท่วั ไป 2. หนังสอื พิมพร์ ายวันภาษาองั กฤษ 3. หนังสอื พิมพร์ านวนั ภาษาไทยและหนงั สอื พิมพ์เศรษฐกจิ 4. นิตยสารรายสปั ดาห์เพ่ือการสมัครงาน 5. หนังสอื พมิ พ์ทอ้ งถิน่ 6. วารสารสง่ิ พิมพ์ 7. โทรทัศน์

8. อินเตอร์เน็ต 1. หนังสอื พิมพร์ ายวันหรือรายสปั ดาห์ทั่วไป สื่อสิง่ พมิ พ์ที่นาํ เสนอข่าวความเคลือ่ นไหวใหมๆ่ ทง้ั ภายในและภายนอกประเทศเนอื้ หาหลกั ของหนงั สือพิมพร์ ายวันหรอื รายสปั ดาห์ทว่ั ไปจะเป็นขา่ วการเมืองข่าว อาชญากรรมข่าวเศรษฐกิจ ขา่ วกฬี า ข่าวบันเทิง และมีคอลัมน์แหล่งหางานหรือประกาศรับสมัครงานปรากฏ อย่โู ดยหนงั สือพิมพ์แตล่ ะฉบบั จะมีกลุ่มเป้าหมายทแี่ ตกตา่ งกันออกไป 2. หนังสือพิมพ์รายวนั ภาษาอังกฤษ เชน่ หนงั สือพิมพ์ The Nation มีการลงประกาศโฆษณาใช้ชื่อ วา่ Workplace หรือ Classified และใชป้ ระกาศรบั สมคั รงานในระดับปรญิ ญาตรขี น้ึ ไปสมคั รต้องมคี ุณสมบตั ิ วฒุ กิ ารศึกษาประสบการณ์ทํางานท่ตี รงกับความต้องการและการคาดหวงั บางหน่วยงานเนน้ ความสามารถใน การสอ่ื สารภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศอ่นื อื่นซ่งึ ผู้สมคั รร่นุ ใหมต่ ้องมีความรคู้ วามสามารถในการใช้ เครือ่ งคอมพิวเตอรห์ รืออปุ กรณส์ ํานักงานไดเ้ ป็นอย่างดี 3 หนังสือพมิ พ์รายวันภาษาไทยและหนงั สอื พิมพเ์ ศรษฐกิจ ในปัจจุบนั หนงั สอื พมิ พร์ ายวนั หรือราย สัปดาห์ท่ีเนน้ ความสําคญั ของเศรษฐกิจมักจะไดร้ บั ความนิยมในการนําเสนอประกาศโฆษณารบั สมัครงาน เช่น กรงุ เทพธรุ กิจ ซึง่ ผูล้ งโฆษณาต้องเนน้ กลุม่ ผสู้ มัครกลุม่ เดียวกันกบั หนงั สือพมิ พ์รายวนั ฉบับภาษาองั กฤษ สว่ น ตาํ แหน่งงานทัว่ ไปจะปรากฏตามหนังสือพิมพอ์ ่นื ๆ เช่น ผจู้ ดั การ มตชิ น ไทยโพสต์ จะเนน้ กลุม่ ผ้สู มัครใน ระดับ ปวช.จนถงึ ปรญิ ญาตรขี นึ้ ไป หนังสือพมิ พ์ ไทยรฐั เดลินิวส์ ขา่ วสด หรอื อนื่ ๆ จะใช้ในการรบั สมคั ร กลุ่มแรงงานทไี่ ม่ต้องใชค้ วามรูค้ วามสามารถมาก ยกเวน้ การรบั สมคั รบคุ ลากรจาํ นวนมาก และจะดําเนนิ การ ในลักษณะมาสัมภาษณด์ ว้ ยตัวเอง เพื่อให้ผู้สมัครทราบผลทนั ทีท่ีเข้าไปสมัครงาน ส่วนหนงั สือพมิ พ์ ฐานเศรษฐกจิ ประชาชาติ ธรุ กิจ ผู้จัดการ รายสัปดาห์ สยามธุรกจิ จะรบั สมคั รงานท่วั ไปตัง้ แต่ระดับ ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพจนถงึ ปรญิ ญาตรใี นสายงานการผลติ หรอื การขาย เช่นเดยี วกบั หนังสือพิมพ์ วฏั จกั ร สมคั รด่วน สมคั รงาน และอ่นื ๆ ทร่ี บั สมัครบุคคลทกุ ระดับ 4. นิตยสารรายสัปดาหเ์ พื่อการสมคั รงาน การประกาศรับสมัครงานหนังสอื นติ ยสารรายสปั ดาห์ เพ่ือการสมคั รงานซึ่งเป็นทน่ี ยิ มกนั อย่างแพร่หลายสาํ หรับผู้สมัครงานในทกุ ตําแหน่งงานโดยเป็นสิง่ ท่ีทําการ รวบรวมตําแหนง่ งานต่างๆจากการโฆษณารายวนั และตพี ิมพ์เป็นรูปเลม่ มีเนอ้ื หาตา่ งๆมากมาย เช่น Recruit วฏั จักร และอืน่ ๆ ตาํ แหนง่ งานในตา่ งจังหวดั มักจะลงประกาศรับสมัครงานในส่อื นติ ยสารดังกล่าวให้เหน็ สมํา่ เสมอ 5. หนังสือพมิ พท์ อ้ งถนิ่ เป็นการรับสมคั รบคุ ลากรในทอ้ งถิน่ เขา้ ทํางานซง่ึ ในปจั จบุ นั นมี้ คี วามเจริญ มากข้ึน มกั จะพบวา่ หนังสือพมิ พร์ ายวนั หลายฉบับเริม่ มองเหน็ ความสําคญั ในท้องถ่ิน โดยจะมคี อลัมนเ์ ฉพาะ ตพี มิ พ์ในทอ้ งถิ่นน้นั ๆ รวมถึงการประกาศรบั สมัครงานในทอ้ งถ่นิ ดว้ ย 6. วารสารสงิ่ พมิ พ์ ในวารสารต่างในบางครงั้ จะปรากฏวา่ มีการประกาศรบั สมคั รงาน แตไ่ มเ่ ปน็ ที่ นยิ มมากนกั เน่อื งจากมกี ลมุ่ เปา้ หมายท่ีเฉพาะเจาะจง ยกเว้นวารสารประเภทท่ีกลุ่มเป้าหมายในอาชีพท่ี ต้องการน้ัน เช่น วศิ วกรรมสาร หรือหนงั สือเฉพาะสําหรับพนกั งานขาย นกั การตลาด 7. โทรทศั น์ การประกาศโฆษณาทางโทรทัศนไ์ มเ่ ป็นท่นี ิยมมากนกั เน่อื งจากคา่ ใชจ้ า่ ยสูง ถ้าจะใช้ส่ือ ประเภทน้กี ม็ กั จะหวงั ใช้ประโยชน์ในเชงิ ประชาสัมพันธอ์ งค์กร การรับสมคั รงานตําแหนง่ งานจํานวนมาก หรอื

ใชเ้ ฉพาะควบคกู่ บั การจัดงานนดั พบแรงงานเพื่อดึงดดู กล่มุ เปา้ หมายจํานวนมากการประกาศทางโทรทัศน์ จัดเปน็ ประเภทหนง่ึ เพราะนอกจากจะไดย้ นิ เสยี งแล้วยงั ทาํ ให้เห็นภาพการโฆษณาอีกดว้ ย 8. อนิ เทอรเ์ นต็ การหาแรงงานจากอนิ เตอร์เน็ตเป็นทางเลือกใหม่ท่ตี อบรบั งานประกาศโฆษณารับ สมคั รงานและในอนาคตตราบเทา่ ท่ีครวั เรอื นต่างๆ จะมีความสามารถในการซื้อหาเครื่องคอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื ใช้ใน ชวี ติ ประจําวัน แต่ปญั หาของการสมัครงานทางอนิ เตอรเ์ น็ตในปัจจุบนั มักพบวา่ มบี คุ ลากรที่ค่อนข้างจาํ กัด เพราะขีดความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์และการใช้ภาษาองั กฤษหรอื การใช้อุปกรณค์ อมพวิ เตอรต์ ่างๆ เวบ็ ไซตท์ ใี่ ห้บรกิ ารค้นหางานและฝากประวตั ิ ซงึ่ ให้บรกิ ารฟรีสาํ หรับผทู้ ี่กําลงั หางานทาํ และเป็นทีน่ ยิ ม กันมากในปัจจุบนั เพราะสามารถสมัครงานไดร้ วดเร็วเพียงคลกิ เมาส์เทา่ น้ัน ใบสมัครงานก็จะถกู สง่ ไปถงึ นายจ้างทนั ที และนายจ้างกช็ อบท่ีจะคน้ หาผสู้ มัครงานจากเว็บไซต์เหลา่ นเ้ี พราะไปสมัครทนี่ า่ สนใจสามารถ เกบ็ ไวใ้ นรปู Soft File ได้ ไม่ตอ้ งเสียเวลาฉีกซองจดหมายและเกบ็ เข้าแฟ้มเหมือนสมยั ก่อน เวบ็ ไซตท์ ่ี ให้บริการกม็ อี ยเู่ ป็นจํานวนมากในปัจจบุ นั เชน่ w.w.w.jobthai.com แนวทางเขา้ สู่อาชีพและการประเมนิ ทางเลอื กอาชีพ แนวทางในการตดั สินใจดา้ นอาชีพแบบจาลอง

การตัดสินใจเลือกอาชีพ การตัดสนิ ใจเลอื กอาชีพเป็นเร่ืองสําคัญอยา่ งย่งิ ในชีวิตมนษุ ย์ ดังนั้น ในการเลือกอาชีพจาํ เป็นตอ้ งมี การเริม่ ตน้ ดว้ ยการวางแผนชีวิตดา้ นอาชีพตงั้ แต่วัยเรียน ซ่ึงเปน็ การวางแผนระยะยาวทตี่ อ้ งใชเ้ วลานาน และ ใช้ความพยายามอยา่ งมาก ส่ิงสําคัญในการตัดสินใจเลอื กอาชพี ข้นึ อยู่กับองคป์ ระกอบท่ีสําคัญ 2 ประการ คอื ประการที่ 1 ปจั จยั ภายนอก ได้แก่ ข้อมลู ดา้ นอาชพี เปน็ ข้อมลู ทมี่ ขี อบข่ายกวา้ งขวางมากซ่ึง ขอบข่ายของขอ้ มลู ด้านอาชพี พอสรปุ ได้ดังน้ี 1. แนวโน้มของตลาดแรงงาน เป็นข้อมลู เกยี่ วกับความตอ้ งการผู้ทํางานในด้านต่างๆในปจั จุบันและ การพยากรณท์ ่จี ะมคี วามตอ้ งการเพิม่ ขนึ้ หรอื ลดลงในอนาคต 2. ลกั ษณะงาน งานท่จี ะต้องทําเป็นประจาํ มลี กั ษณะอย่างไร ผทู้ าํ งานจะต้องทําอะไรบา้ ง เปน็ งานที่ ทาํ ให้เกิดความเพลดิ เพลินหรือกอ่ ใหเ้ กิดความเบือ่ หน่าย งานใหญ่หรอื งานเลก็ มีความรับผดิ ชอบท่ีสําคัญ หรือไม่ ต้องเกี่ยวขอ้ งกับตัวเลข ส่งิ ของ หรือคน ต้องใชเ้ ครอื่ งมืออปุ กรณ์มากหรือไม่ตอ้ งนงั่ ทํางานยนื ทาํ งาน ต้องเดินหรอื ไม่ 3. สภาพแวดล้อมของสถานทท่ี างาน ไดแ้ ก่ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานท่ีทาํ งาน เช่น ร้อน เยน็ ชื้น แห้งเ ปียก ฝุ่นละอองสกปรก เสยี งดงั ในอาคารหรือกลางแจ้ง ในโรงงานมีสารพิษ มีสาร กัมมันตภาพรังสี มีความขัดแย้ง 4. คุณสมบตั ขิ อง คณุ สมบตั ขิ องผู้ประกอบอาชีพ  อายุ ได้มกี ารกําหนดช่วงอายใุ นการทาํ งานและเกษยี ณไว้อย่างไร  เพศ อาชพี น้ันๆโดยทัว่ ไปเป็นอาชีพสาํ หรบั เพศหญงิ หรือเพศชาย หรือใหโ้ อกาสแก่เพศหญิง เพศชายหรือใหโ้ อกาสแก่เพศใดเพศหนง่ึ มากกวา่ 5. การเข้าประกอบอาชีพ การเขา้ ประกอบอาชีพตอ้ งมวี ธิ กี ารอยา่ งไร โดยการสมัครงานกับนายจ้าง ดว้ ยตนเอง ต้องมกี ารสอบสัมภาษณห์ รือตอ้ งสอบขอ้ เขียนด้วย ถ้าเป็นการประกอบอาชีพอิสระต้องใชท้ นุ ทรพั ย์เพ่ือดําเนินกจิ การมากนอ้ ยเพยี งใด 6. รายได้ ในการประกอบอาชีพน้นั ๆจะมีรายได้เปน็ วัน สัปดาห์ เดือน ปี โดยเฉลย่ี แล้วเปน็ เงินเทา่ ใด 7. ความกา้ วหนา้ อาชพี นนั้ ๆจะมีความก้าวหนา้ เพียงใด จะต้องมีการศกึ ษา อยู่เสมอมีความสามารถ หรอื ประสบการณอ์ ยา่ งไรจงึ จะไดเ้ ล่อื นขัน้ การประกอบอาชีพเดิมนาํ ไปสูอ่ าชพี ใหม่ได้หรอื ไม่

8. การกระจายของผู้ประกอบอาชีพ มผี ู้ประกอบอาชีพมากนอ้ ยเพยี งใดและกระจายอยทู่ ่วั ประเทศ หรือมอี ยู่เพยี งบางจังหวัดผ้ปู ระกอบอาชพี อาจอยทู่ ใ่ี ดกไ็ ดห้ รอื จะต้องอยู่ที่ใดที่หนงึ่ โดยเฉพาะ 9. ข้อดแี ละข้อเสยี อาชีพแต่ละอย่างย่อมมที ้งั ข้อดีและข้อเสยี ขึ้นอยกู่ ับความพอใจและความ ตอ้ งการของผ้ปู ระกอบอาชีพ งานบางอยา่ งอาจมกี ารทํางานล่วงเวลา ทํางานในวนั เสารอ์ าทิตย์ หรือวนั หยดุ และความจําเป็นในการเดนิ ทางไปปฏิบัติงานในท้องที่อน่ื ๆ ประการที่ 2 ปจั จยั ภายใน ได้แก่ ปัจจยั ส่วนบคุ คล 1. ความสนใจ 2. บุคลิกภาพ 3. สตปิ ัญญา 4. ความถนดั 5. ทกั ษะ 6. ความสมั ฤทธผ์ิ ล 7. ประสบการณ์ 8. แรงจงู ใจใฝส่ ัมฤทธผ์ิ ล 9. ความรับผดิ ชอบ 10. ความอตุ สาหะ 11. ความตรงตอ่ เวลา 12. ความอบอุ่น 13. ระดบั การกลา้ เสย่ี ง 14. ความเปน็ คนเปิดเผย 15. ความไมย่ ดื หยนุ่ 16. ความแกรง่ ของจิตใจ 17. ความรู้สึกเกีย่ วกับคุณคา่ แหง่ ตน 18. ความสามารถในการตัดสินใจ 19. วุฒิภาวะทางอาชพี 20. เพศ 21. เช้อื ชาติ 22. อายุ 23. ความแขง็ แรงของร่างกาย 24. สขุ ภาพ ปัจจัยเกยี่ วกบั โครงสรา้ งของคา่ นิยม 1. คา่ นิยมท่ัวไป 2. คา่ นิยมทางการงาน

3. จุดมงุ่ หมายของชวี ติ 4. จดุ มุ่งหมายทางอาชีพ 5. การรับรู้เกยี รตแิ ละชื่อเสยี งของอาชีพ 6. ทศั นคตติ ่ออาชพี ตา่ งๆ 7. ความเขา้ ใจอาชพี ทเ่ี ก่ียวกบั คนข้อมูล 8. จริยธรรมในการทํางาน 9. การใช้เวลาว่าง 10. ความตอ้ งการเปล่ยี นแปลง 11. ความตอ้ งการกฎเกณฑ์ 12. ความตอ้ งการสนบั สนุนชว่ ยเหลอื 13. ความต้องการอาํ นาจ 14. ตอ้ งการความม่นั คง 15. ต้องการความปลอดภัย 16. การทํางานให้เปน็ ประโยชนก์ บั ผอู้ นื่ ปญั หาเกีย่ วกบั การตัดสนิ ใจเลือกอาชีพของนกั เรียน 1. ขาดความรู้ความเข้าใจในการประกอบอาชพี ตา่ งๆขาดทกั ษะและรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับโลก อาชีพ เชน่ ลกั ษณะของงานอาชพี กระบวนการในงานอาชีพนนั้ ๆความกา้ วหนา้ ในอาชพี การทาํ งาน และความต้องการของตลาดแรงงานสาขาอาชีพน้ันๆ 2. นักเรียนต้องการความชว่ ยเหลอื เก่ียวกับการใหค้ ําปรึกษา แนะนํา แนะแนวอาชพี แนะแนวทาง การศึกษาต่อ และการเตรียมตวั ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน 3. นักเรยี นจะตอ้ งร้ขู ดี ความสามารถ สติปัญญา ความถนดั ความสนใจ และความพร้อมในการเลอื ก ประกอบอาชพี ใหเ้ หมาะสมกับตนเอง 4. ปญั หาทางดา้ นเศรษฐกิจ นักเรียนจะตอ้ งมคี วามร้ใู นเร่ืองปญั หาเศรษฐกจิ ซ่งึ มผี ลตัง้ แต่การเลือกเรียน ตอ่ หรอื ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ ในสาขาวชิ าท่ีใช้ทนุ จํานวนนอ้ ย และเม่ือสาํ เร็จการศึกษาแล้วเป็นท่ีต้องการของ ตลาดแรงงาน ตลอดจนฝกึ พัฒนาฝีมือตนเองเพิ่มเตมิ เพือ่ ใหเ้ กดิ คุณลักษณะเด็กในการสมัครงาน ข้อแนะนาก่อนตัดสนิ ใจเลือกอาชพี 1. นักเรียนตอ้ งรจู้ กั ตนเองใหด้ ี โดยเฉพาะตรงกบั สาขาที่ไดเ้ รียนมา ในด้านอปุ นสิ ัย ความรู้ ความสามารถ ความถนดั ความสนใจบุคลกิ ลกั ษณะ สขุ ภาพ นสิ ยั ทัศนคติกับอาชพี น้ันๆ และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครวั 2. นกั เรียนต้องมคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั อาชีพต่างๆลักษณะงานอาชพี คา่ จ้าง สวสั ดิการ ความกา้ วหน้าและความม่ันคงของงานตลอดจนความต้องการของตลาดแรงงาน

ใบงานที่ 1 คาถามทายบท ชอื่ ………………………………………………………. ชน้ั ……………. เลขที่ …………. คาํ ช้ีแจง : ใหนกั เรยี นตอบคําถามตอไปน ้ี 1. สง่ิ พมิ พตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน หมายถึงอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สื่อสิ่งพมิ พประเภทหนงั สอื ไดแกอะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สอ่ื ส่งิ พมิ พเพอ่ื เผยแพรข่าวสารไดแกอะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การหางานทาํ จากหนังสือพิมพรายวนั ภาษาองั กฤษมีลักษณะอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การหางานทาํ จากหนังสอื พมิ พรายวนั ภาษาไทยและหนงั สอื พมิ พเศรษฐกิจ มีลกั ษณะอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2 6. นติ ยสารรายสัปดาหเพ่ือการสมัครงานมีการประกาศสมคั รงานอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7. วารสารสงิ่ พิมพจะประกาศรบั สมัครงานอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. การรับสมัครงานทางโทรทัศนมีลกั ษณะอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. การหางานทางอินเตอรเน็ตมลี กั ษณะอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ส่ือส่ิงพมิ พมกี ่ปี ระเภท อะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

การประเมินทางเลือกอาชีพ สาระการเรยี นรู้ 1. การวางแผนศึกษาตอ่ เพอ่ื เลือกอาชีพ 2. องค์ประกอบก่อนตัดสินใจเลอื กอาชีพ 3. ปัญหากอ่ นตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี 4. ขอ้ แนะนาํ กอ่ นตัดสินใจเลอื กอาชพี 5. หลักเกณฑใ์ นการเลือกอาชีพ 6. การตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี 7. การประเมินความพรอ้ มและความเปน็ ไปได้ของอาชพี ท่ีตดั สนิ ใจเลอื ก การวางแผนศกึ ษาตอ่ เพ่ือเลือกอาชพี เมอื่ จบการศึกษาระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว แตล่ ะคนจะต้องคดิ ว่าจะเรียนต่อหรือจะทํางาน ทกุ คนควรมี การวางแผนชวี ิตในการศกึ ษาต่อไวล้ ว่ งหนา้ เมือ่ เรียนจบแลว้ จะไดป้ ระกอบอาชีพตามท่ีตอ้ งการ และตรงกับ ความสนใจและความถนัด และสามารถปฏิบัติได้ตามท่วี างแผนไว้ ก็เชือ่ ว่าทุกคนตอ้ งประสบความสําเร็จใน ชีวิตการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพซะวา่ จะสามารถทําให้ตัดสินใจหรือวางแผนแนวทางศึกษาตอ่ และ ประกอบอาชพี ได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับตนเองมากที่สดุ ซงึ่ การวางแผนศกึ ษาตอ่ เพื่อเลอื กอาชีพควรมปี ัจจัย ต่างๆพจิ ารณาประกอบดงั นี้ 1. ตอ้ งร้จู ักตนเอง 1.1 ความชอบหรือความสนใจของบคุ คล ในการเลอื กอาชีพทเี่ หมาะสมกบั ตนเองควรนําเอาผลการ สํารวจดา้ นตา่ งๆ มาประกอบการพิจารณา เช่นมีบคุ ลกิ ภาพแบบใด ความสามารถด้านใด ชอบทํา กจิ กรรมอะไรซ่ึงจะช่วยใหพ้ ิจารณาตนเองได้ว่า ควรประกอบอาชีพอะไร ซง่ึ หากเลือกอาชีพได้ตรงกบั คุณสมบัติของตนเองก็จะทาํ ให้ประกอบอาชีพนั้นไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข และมผี ลงานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ 1.2 ความถนัดของบคุ คล การท่ีบคุ คลจะวางแผนในอนาคตไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสมกับตนเองไดน้ ้ัน บุคคลตอ้ งรจู้ กั ความถนดั ของตนเอง ทกุ คนมคี วามถนัด แต่ละด้านแตกตา่ งกันไป เม่อื ทาํ สง่ิ ใดได้ดีกจ็ ะ ทาํ ใหม้ ีความสขุ และเกิดความภาคภูมใิ จในตนเอง การรู้จกั จดุ ด้อยของตนเองจะชว่ ยให้พฒั นาได้ ถกู ต้อง และเรยี นรู้ท่จี ะปรบั ปรุงดา้ นที่ไมถ่ นัด ความถนดั และความสนใจมกั เป็นสง่ิ ที่คกู่ นั ไปความถนัด อาจสงั เกตไดจ้ ากการที่บคุ คลทํากจิ กรรมใดหรอื ส่ิงใดแล้วทําได้ดีคลอ่ งแคล่ว ทําแล้วประสบ ความสําเร็จ 1.3 สติปญั ญาและความสามารถ การที่จะดวู ่าสตปิ ญั ญาหรอื ความสามารถดีหรือไมด่ นี น้ั อาจดูได้ จากผลการเรยี นทีผ่ า่ นมาในแต่ละวชิ าที่สอบ ได้ผลการเรยี นเป็นอย่างไรถา้ ไดผ้ ลการเรยี นในวชิ านัน้ สงู ก็แสดงวา่ ระดับสติปัญญาหรอื ความสามารถในการเรียนวิชานนั้ สูง แต่ถ้าผลการเรียนในวชิ าน้นั ต่ําก็ แสดงว่าสติปัญญาหรือความสามารถในการเรียนวิชานน้ั ตา่ํ ถ้าบุคคลรูว้ า่ ตนเองมคี วามสามารถดา้ นใด ก็จะชว่ ยทาํ ให้ เลือกแนวทางท่เี หมาะสมกบั ตนเองมากทส่ี ุด

1.4 ค่านยิ ม การทีบ่ ุคคลจะวางแผนอนาคตไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสมกับตนเองได้น้ัน ต้องรคู้ ่านยิ มใน งานทต่ี นยดึ ไวเ้ ปน็ หลักคา่ นยิ มในตนเองมีผลตอ่ การเลอื กแนวทางตา่ งๆในชวี ติ การสาํ รวจค่านยิ มใน งานอาชีพจะช่วยช้นี าํ ไปสอู่ าชพี ที่ตรงกับความตอ้ งการของตนเอง มโี อกาสประสบความสาํ เร็จใน หน้าท่ีการงานสูง แตก่ ็ควรจะนําคณุ สมบัตดิ ้านอนื่ ๆมาประกอบกบั ค่านยิ มของตนเองด้วย เพ่อื ชว่ ยให้ พิจารณาอาชพี ท่ีควรเลอื กทํา เพ่อื จะไปประกอบอาชีพในอนาคต 1.5 บุคลกิ ภาพ เปน็ ลกั ษณะเฉพาะตวั ของแต่ละบคุ คลดา้ นต่างๆทั้งภายนอกและภายใน  ภายนอก เช่น รปู รา่ ง หน้าตา กิริยา มารยาท การแต่งกาย  ภายใน เช่น สติปัญญา ลกั ษณะอารมณ์ ลกั ษณะตา่ งๆของบคุ ลิกภาพ ไม่สามารถแยกเปน็ ส่วนๆออกจากกนั ได้ บุคลกิ ภาพของบคุ คลถูกหล่อหลอมดว้ ยพนั ธุกรรม การเรียนรู้ วิธี ปรบั ตัวของบุคคลและสิง่ แวดล้อม ต้องพจิ ารณาว่าอุปนิสัยใจคอของตนเองเปน็ อยา่ งไร ควร ไดร้ บั การพฒั นาจนกลายเปน็ ความสามารถและลักษณะเฉพาะตัว ทําให้เปน็ คนมีคณุ ภาพ ลกั ษณะบางอยา่ งอาจนึกไมถ่ ึงเพราะเป็นจดุ เล็กๆ แต่อาจเปน็ จุดที่ดีและเด่นของตนเองก็ได้ การสาํ รวจตนเองจะทําให้เลอื กแนวทางชีวติ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.6 รูปร่างและลกั ษณะของรา่ งกาย สถานศึกษาหลายแหง่ กําหนดคุณสมบัติ รปู รา่ งและลักษณะ ของทางร่างกายไว้ด้วย เช่น สถานศกึ ษาด้านทหาร ตํารวจ พลศกึ ษา จะตอ้ งเป็นคนที่มีสุขภาพดีคอื มี รปู ร่างสมบูรณแ์ ข็งแรง (มสี ่วนสงู สัมพนั ธ์กบั นาํ้ หนกั ) มลี ักษณะสมชายและตอ้ งไมพ่ ิการทางสายตา 1.7 อายุ สถานศกึ ษาหลายแห่ง กาํ หนดอายขุ องผูท้ จ่ี ะเข้าศึกษาไว้ ซ่งึ ต้องนํามาประกอบการ ตัดสินใจ 1.8 เพศ บางสถานศึกษาได้กําหนดเพศเอาไว้ด้วย เพอื่ ความเหมาะสมและความคล่องตัวในการ ประกอบอาชีพ เช่น พยาบาล 1.9 สัญชาติและเช้อื ชาติ สถานศึกษาบางแห่งจะกําหนดว่า ผเู้ ขา้ ศึกษาตอ่ ต้องมีสัญชาตแิ ละเชื้อชาติ ตามสถานศกึ ษาน้นั กาํ หนด ทง้ั น้ีต้องสงวนสทิ ธ์ิในการประกอบอาชพี บางอาชีพเพอ่ื คนไทย เชน่ อาชพี ทหารหรือตํารวจ 1.10 เปา้ หมายในอนาคต ควรต้งั เปน็ เป้าหมายในอนาคตวา่ ต้องการประกอบอาชีพใดเพือ่ จะได้ ศึกษาต่อในสาขาวชิ าท่สี อดคล้องกบั อาชีพท่ีตนเองสนใจ มีความถนัดและสอดคลอ้ งกับบุคลกิ ภาพของ ตน 1.11 ผู้ปกครอง การท่ีจะเลอื กศึกษาตอ่ หรอื ประกอบอาชีพ ควรขอคําปรกึ ษาจากผู้ปกครองก่อน เพ่อื ช่วยชแ้ี นะแนวทางใหต้ ัดสนิ ใจไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. ต้องรจู้ ักส่ิงแวดลอ้ ม ต้องดูขอ้ มูลเกยี่ วกบั สถานศกึ ษาที่จะศกึ ษาต่อว่า มที ่ีตง้ั ระยะทางไป-กลบั ระหวา่ งท่พี ักกับสถานศึกษา ระเบยี บการ หลักสูตร คุณสมบัติทตี่ อ้ งการ สวัสดิการ ค่าใชจ้ ่าย เปน็ อยา่ งไรหรอื ขอ้ มูลเกีย่ วกบั อาชีพว่า ลักษณะงาน คณุ สมบัติที่ตอ้ งมี โอกาสก้าวหน้าในอาชีพ รายได้ สวัสดกิ ารเป็นอยา่ งไร และอาชพี ในอนาคตเป็น ท่ตี ้องการของตลาดแรงงานหรือไม่

3. เปรียบเทียบข้อมลู ของตนเองกบั ส่ิงแวดล้อม เมื่อรูจ้ กั ตนเองดา้ นตา่ งๆ ร้จู ักขอ้ มลู เก่ยี วกบั สถานศกึ ษาทตี่ อ้ งศกึ ษาตอ่ หรือข้อมลู เก่ยี วกบั อาชพี แลว้ ใหน้ าํ ขอ้ มลู ทเี่ ก่ยี วกับตนเองเปรียบเทยี บกับข้อมูลส่ิงแวดลอ้ ม ว่าเหมาะสมที่จะเลอื กศกึ ษาตอ่ หรือประกอบอาชพี ได้ อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม กบั อตั ภาพของตนโดยมกี ารพจิ ารณาอย่างรอบคอบ องค์ประกอบก่อนตัดสนิ ใจเลอื กอาชพี กอ่ นตัดสนิ ใจเลอื กอาชพี จําเปน็ ต้องมีการวางแผนชวี ติ ดา้ นอาชีพตง้ั แต่วยั เรยี น ซ่ึงเป็นการวางแผนระยะยาวท่ี ตอ้ งใช้ระยะเวลานาน และใช้ความพยายาม การจะไดร้ บั ผลตอบแทนอยา่ งคมุ้ ค่าขน้ึ อย่กู ับองค์ประกอบ 2 ประการคือ 1. ปจั จยั ภายนอก ได้แก่ ข้อมูลอาชพี เปน็ ขอ้ มลู ท่มี ีขอบขา่ ยกวา้ งขวางมากซ่งึ สรปุ ได้ดงั นี้ 1.1 แนวโน้มของตลาดแรงงาน เปน็ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ความต้องการผูท้ ํางานในดา้ นต่างๆใน ปัจจบุ นั และพยากรณ์ที่จะมคี วามตอ้ งการเพม่ิ ขนึ้ หรือลดลงใน 1.2 ลกั ษณะงาน งานทจ่ี ะต้องทําเปน็ ประจาํ มีลักษณะอย่างไร ที่ทาํ งานจะตอ้ งทําอะไรบา้ ง เป็นงานทที่ ําใหเ้ กิดความเพลิดเพลนิ หรอื กอ่ ใหเ้ กิดความเบ่อื หนา่ ย 1.3 สภาพแวดลอ้ มของงาน ไดแ้ ก่ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศของงานเ ชน่ รอ้ น เยน็ ชนื้ แหง้ เปยี ก ฝ่นุ ละออง สกปรก เสียงดงั ในอาคารกลางแจง้ ในโรงงานมีสารพิษ มีความขดั แย้ง 1.4 คุณสมบัตขิ องผู้ประกอบอาชพี  อายุ ได้มกี ารกาํ หนดชว่ งอายใุ นการทํางานและเกษียณไว้อย่างไร  เพศ อาชีพนน้ั ๆโดยทั่วไปเปน็ อาชีพสําหรบั เพศหญิงหรือเพศชายหรอื ให้โอกาสแกท่ ้ัง หญิง ทงั้ ชายหรอื ให้โอกาสแก่เพศใดเพศหน่ึงมากกวา่ 1.5 การเลอื กประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพตอ้ งมีวธิ กี ารอย่างไร โดยการสมัครงานกบั นายจา้ งด้วยตนเอง ตอ้ งมกี ารสอบสัมภาษณ์ หรือต้องสอบขอ้ เขยี นดว้ ย ถ้าเป็นการประกอบอาชีพอิสระตอ้ งใช้ ทุนทรัพย์เพื่อดาํ เนินกิจการมากนอ้ ยเพยี งใด 1.6 รายได้ ในการประกอบอาชีพน้ันควรพิจารณาว่าจะมรี ายไดเ้ ป็น วนั สัปดาห์ เดือน ปี โดย เฉล่ียแลว้ เป็นเงนิ จํานวนเท่าใด 1.7 ความก้าวหนา้ อาชพี น้นั จะมคี วามก้าวหน้าเพยี งใด จะตอ้ งมีการศึกษาอบรมเพิ่มเตมิ มี ความสามารถหรือประสบการณอ์ ย่างไรจึงจะไดเ้ ล่อื นข้ันมากนอ้ ยเพียงใด การประกอบอาชพี เดิมนาํ ไปส่อู าชพี ใหมห่ รอื ไม่ 1.8 การกระจายของผปู้ ระกอบอาชีพ มผี ู้ประกอบอาชพี มากนอ้ ยเพียงใด และกระจายอยู่ทัว่ ประเทศหรอื มอี ยเู่ พียงบางจังหวดั ทาํ ไมจึงเป็นเช่นนนั้ ประกอบอาชีพใดกไ็ ด้หรือจะตอ้ งอยทู่ ่ีใดที่หนง่ึ โดยเฉพาะ 1.9 ขอ้ ดีและข้อเสีย อาชีพแตล่ ะอย่างยอ่ มมีทัง้ ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ขน้ึ อยู่กบั ความพอใจและความ ตอ้ งการของผ้ปู ระกอบอาชีพ ของแตล่ ะคน งานบางอยา่ งอาจมีการทาํ งานลว่ งเวลา ทํางานในวนั เสารอ์ าทติ ย์ หรือวันหยุด และเดินทางไปปฏบิ ตั ิในทอ้ งทอ่ี นื่ ๆ งานบางอาชพี มคี วามมน่ั คงกว่างานอาชพี อื่น

2. ปัจจัยภายใน โดยแบ่งออกเปน็ 2.1 ปัจจัยส่วนบุคคล เช่นความสนใจ บุคลิกภาพ สตปิ ญั ญา ความถนดั ทักษะความสมั ฤทธิ์ผล ประสบการณ์ แรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิผ์ ล ความรบั ผิดชอบ ความอุตสาหะ ความตรงต่อเวลา ความอบอุ่น เพศ เชือ้ ชาติ

2.2 ปัจจยั เกีย่ วกับโครงสร้างของค่านยิ ม ปญั หาก่อนตดั สินใจเลือกอาชพี

ในการตดั สินใจเลอื กอาชีพจาํ เป็นตอ้ งวางแผนให้รอบคอบ ซ่ึงตอ้ งใชร้ ะยะเวลานานพอสมควร และตอ้ งใช้ ความเพยี รพยายามอย่างมาก เพือ่ ใหไ้ ด้ผลตอบแทนอย่างดที ี่สุดในชีวติ ของตนเอง อยา่ งไรก็ตามกอ่ นจะ ตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี อาจจะมปี ัญหาของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไปดังน้ี 1. ขาดความรู้ความเข้าใจในการประกอบอาชพี ขาดทักษะและรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ เชน่ ลกั ษณะของงานอาชีพ กระบวนการทํางานในอาชีพนัน้ ๆ ความกา้ วหน้าในอาชีพ และความ ต้องการของตลาดแรงงานสาขาอาชพี น้ัน 2. ขาดความช่วยเหลอื เกยี่ วกบั การใหค้ าปรึกษา แนะนํา แนะแนวอาชีพ แนะแนวการศึกษาตอ่ และ การเตรียมตวั ก่อนเขา้ สตู่ ลาดแรงงาน 3. ขาดความรูข้ ดี ความสามารถของตนเอง ผสู้ มคั รงานไม่สามารถประเมนิ สตปิ ญั ญาความถนัด ความ สนใจและความพร้อมในการเลือกประกอบอาชีพใหเ้ หมาะสมกับตนเองได้ 4. ขาดความรู้ด้านเศรษฐกิจ ผสู้ มัครงานจะต้องมีความรู้เรอื่ งปญั หาเศรษฐกิจ ซ่งึ มผี ลตั้งแต่ การเลือกเรยี นตอ่ หรอื ศกึ ษาเพ่มิ เตมิ ในสาขาวชิ าที่ใชเ้ งนิ ทุนจาํ นวนนอ้ ย และเมอื่ สาํ เรจ็ การศกึ ษา แลว้ เปน็ ท่ีตอ้ งการของตลาดแรงงานและการฝึกพฒั นาฝมี อื ตนเองเพม่ิ เติม เพ่อื คุณลักษณะเด่น ในการสมคั รงาน ข้อแนะนาก่อนตัดสนิ ใจเลือกอาชพี ก่อนตัดสินใจเลือกอาชพี ใดควรพิจารณาอย่างรอบคอบซ่งึ มีข้อแนะนําดงั นี้ 1. ผตู้ ดั สินใจเลอื กอาชพี ควรรจู้ กั ตนเอง ไมว่ า่ จะเป็นนสิ ยั ความรู้ ความถนดั ความสามารถ ความ สนใจบคุ ลิกภาพ เจตคตเิ กีย่ วกับอาชพี และฐานะการเงนิ ของตนเอง 2. ควรมีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับอาชีพต่างๆ ไมว่ ่าจะเป็น ค่าจ้าง สวสั ดิการ ความกา้ วหนา้ และ ความมนั่ คงของงาน ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน 3. ควรเลอื กอาชีพทีช่ อบหรือคดิ วา่ ถนดั สารวจตวั เอง ว่าสนใจอาชพี อะไร ชอบหรอื ถนัดด้านใด มี ความสามารถอะไรบ้าง ที่สาํ คญั คอื ต้องการหรอื อยากจะประกอบอาชีพอะไรจงึ จะเหมาะสมกบั ตวั เองและ ครอบครวั กล่าวคือ พจิ ารณาลักษณะงานอาชีพและ พิจารณาตัวเองพร้อมท้ังบคุ คลในครอบครัวประกอบกันไป ดว้ ย 4. ควรจะตอ้ งพัฒนาความสามารถของตนเอง คอื ต้องศกึ ษารายละเอยี ดของอาชพี ท่ีจะเลอื กไป ประกอบ ให้ความรู้ความเข้าใจยังมีน้อยมีไม่เพียงพอก็ต้องทาํ การศกึ ษา ฝึกอบรม ฝึกปฏิบัตเิ พมิ่ เติมจากบุคคล หรือหน่วยงานตา่ งๆ ใหม้ พี ืน้ ฐานความรู้ความเขา้ ใจ ในการเริ่มประกอบอาชีพท่ถี ูกตอ้ ง เพ่อื จะไดเ้ รียนร้จู าก ประสบการณ์จรงิ ของผูม้ ปี ระสบการณ์มากอ่ น จะไดเ้ พมิ่ โอกาสความสําเรจ็ สมหวังในการประกอบอาชีพน้ันๆ 5. ควรพจิ ารณาองคป์ ระกอบอน่ื ทีเ่ กย่ี วข้อง เช่น ทําเลที่ตงั้ ของอาชพี สภาพแวดล้อมผรู้ ่วมงาน พื้นฐานในการเร่ิมทาํ ธุรกจิ เงินทนุ โดยเฉพาะเงินทนุ 6. ตอ้ งพิจารณาว่ามีเพยี งพอหรือไม่ ไม่พอจะหาแหล่งเงินทุนจากท่ใี ด หลักเกณฑใ์ นการเลอื กอาชีพ

เมือ่ ได้รายช่ือบริษัททีผ่ ูส้ มัครสนใจจะไปสมคั รงานจากแหล่งต่างๆเรยี บร้อยแลว้ ควรจะมกี ารศึกษาหา รายละเอยี ดเก่ียวกบั บริษทั เหล่านนั้ บา้ ง เพอ่ื ปอ้ งกันความผิดพลาดการหารายละเอยี ดนี้ก็เพ่อื ดูความมน่ั คงของ กจิ การ ซึ่งมีหลกั เกณฑ์ในการพจิ ารณาต่อไปนี้ 1. หนุ้ ดาเนนิ การและกิจการทว่ั ไปผู้สมคั รคงจะไม่ทราบฐานะทางการเงนิ ของบริษัทยกเว้น ธนาคารบางแหง่ ท่ีมกี ารเปดิ เผยผลกําไรขาดทุนและแสดงฐานะของกจิ การในรายงานประจําปี แต่ผู้สมัครกพ็ อจะมีทางทราบฐานะของกจิ การท่ัวไป เช่น ดา้ นการตลาด การผลิต และการ ใหบ้ รกิ าร และสวัสดิการแก่พนกั งาน บรษิ ัทหลายแห่งท่มี ั่นคงจะมีตกึ สาํ นกั งานของตนเอง และมี การใหบ้ รกิ ารแก่สังคมสูง เป็นทีย่ อมรับของคนทว่ั ไป 2. ท่ีต้งั ผสู้ มัครควรพจิ ารณาที่ต้งั ของบรษิ ทั ทไี่ ปสมัครงานเพื่อความสะดวกในการเดนิ ทางไปกลับ จากท่ี ทาํ งานถา้ บรษิ ัทอยู่ไกลจากท่ีพักมาก 3. รายได้ ผสู้ มคั รจะต้องพจิ ารณาให้ดีอาจจะสอบถามคนท่ีทํางานอยูแ่ ลว้ หรือสอบถามจากกรรมการเมื่อ สอบสัมภาษณก์ ็ได้ 4. บรรยากาศการทางาน ผูส้ มัครควรศกึ ษาบรรยากาศในการทาํ งานของบรษิ ัทน้นั ว่า มีการทํางานกัน อย่างมคี วามสุข เป็นระเบียบเรียบร้อย มวี ินัยดีพอสมควรหรือไม่ เพอ่ื ประกอบการตัดสินใจให้ถกู ต้องและเพือ่ ความสบายใจในการทํางาน 5. สภาพการทางาน สภาพการทาํ งานเปน็ สง่ิ ท่เี ป็นประโยชนส์ ําคัญในการทาํ งานอยา่ งมีความสุขและมี ประสิทธิภาพ บ้างบรษิ ทั ทีก่ ้าวหนา้ และทนั สมยั จะมีอปุ กรณ์อํานวยความสะดวกในการทาํ งานเกือบทกุ อย่าง นับตงั้ แต่ มีท่ีจอดรถของพนกั งาน ลฟิ ต์ เคร่อื งปรับอากาศ โตะ๊ และม้านั่ง เครื่องใชส้ ํานักงาน เครือ่ งเขียนและ อุปกรณโ์ ทรศัพท์หลายเลขหมาย เพ่อื การติดต่อภายนอกได้สะดวก โต๊ะรบั แขก บริการกาแฟและเครอ่ื งดื่ม ห้องนาํ้ และหอ้ งอาหาร 6. โอกาสกา้ วหน้า ผู้สมคั รควรพิจารณาดวู า่ บรษิ ทั นั้นให้โอกาสแกพ่ นักงานในการพัฒนาความรู้ ความสามารถอย่างไรบ้าง เพ่อื จะได้มีความกา้ วหน้าในตําแหนง่ งานอาชีพ และเงนิ เดือน บางบรษิ ทั จะ สนับสนนุ พนกั งานในการเขา้ รับการฝกึ อบรม สัมมนาดงู าน และฝกึ งานทง้ั ในและนอกประเทศ หรอื ให้ พนกั งานรว่ มกจิ กรรมของสงั คมที่เปน็ ประโยชน์ซง่ึ เป็นการเปดิ โอกาสให้พนกั งานมโี อกาสพฒั นาตนเอง 7. มีวตั ถุประสงค์ตรงกับผู้สมคั ร ปรชั ญาในการดําเนนิ ธรุ กจิ ของบรษิ ทั ควรจะสอดคลอ้ งกบั ปรชั ญาใน การประกอบอาชีพผ้สู มคั รด้วย เช่น มคี วามรบั ผิดชอบต่อสงั คม ไมเ่ อาเปรยี บผ้บู ริโภค หรอื มเี ป้าหมายแอบ แฝง หรือเปน็ ภัยตอ่ ความมนั่ คงของประเทศชาติ 8. ลักษณะงาน มนษุ ย์ทุกคนมคี วามถนัดเฉพาะตวั แตกต่างกนั และความถนดั น้ี ก็นา่ จะได้มีโอกาส นํามาใชง้ านให้เหมาะสมและถกู ตอ้ ง ดงั คําสภุ าษิตที่ว่า จงบรรจคุ นท่เี หมาะสมท่ีสดุ ในงานทีเ่ หมาะสมทีส่ ุด หรือ put the right Man on the right Job ดังนัน้ ลักษณะงานจึงจาํ เป็นตอ้ งทาํ ให้เกิดความพอใจในงานด้วย เพอื่ จะไดท้ าํ งานดว้ ยความรกั และมปี ระสิทธิภาพ การตดั สนิ ใจเลอื กอาชีพ การตัดสินใจเลือกอาชพี คอื การนําข้อมูลหลายๆ ดา้ น ท่ีเกี่ยวกบั อาชพี ทจ่ี ะเลือกมาพจิ ารณาอย่าง ละเอียดถ่ถี ้วนรอบคอบ เพ่อื ประกอบการตัดสินใจ เลอื กประกอบการให้เหมาะสมกบั สภาพ ขีดความสามารถ ของตนเองใหม้ ากทส่ี ดุ มีปญั หาอุปสรรคนอ้ ยที่สุด

องคป์ ระกอบในการตัดสนิ ใจเลือกอาชพี การตดั สินใจเลอื กอาชพี มอี งคป์ ระกอบที่สําคัญดงั น้ี 1. ข้อมลู ประกอบการตัดสินใจ ซง่ึ จะพิจารณาข้อมูล 3 ดา้ นคือ 1.1 ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง คอื ขอ้ มลู ตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วกบั การประกอบอาชพี ท่ตี นเองมีอยู่ เชน่ เงนิ ทนุ ทด่ี นิ อาคารสถานที่ แรงงาน เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้ วัสดุ อุปกรณ์ ความรู้ ทกั ษะตา่ งๆทีจ่ ะนาํ มาใชใ้ นการ ประกอบอาชีพมหี รอื ไม่อย่างไร 1.2 ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สภาพแวดล้อมและสงั คม เช่น ผทู้ จ่ี ะมาใช้บรกิ าร(ตลาด) สว่ นแบง่ ของตลาด ทําเลการคมนาคม ทรพั ยากรท่จี ะเออ้ื ประโยชนใ์ นท้อง ถ่ินแหล่งความรู้ ตลอดจนผลที่จะเกิดข้นึ ต่อชุมชน 1.3 ขอ้ มลู ทางวิชาการ ไดแ้ ก่ ความรู้ทางเทคนิคต่างๆ ท่จี าํ เปน็ ตอ่ อาชีพนั้นๆ เชน่ การตรวจ ซอ่ มแก้ไขเทคนคิ การให้บรกิ ารลูกคา้ ทกั ษะงานอาชพี ต่างๆ 2. ความถนัด โดยท่วั ไปคนเราจะมคี วามถนัดในเชิงช่างแตกต่างกัน เชน่ ความถนัดในการทําอาหาร ถนัดในการประดษิ ฐ์ ผทู้ ี่มีความถนดั จะชว่ ยใหก้ ารทํางานนน้ั เปน็ ไปได้อยา่ งสะดวกรวดเร็ว คล่องแคลว่ รวมทัง้ ยังชว่ ยใหม้ องเหน็ แนวทางในการพัฒนาอาชีพนั้นๆ ท่ีรดุ หน้าได้ดกี วา่ คนทไ่ี มม่ คี วามถนดั 3. เจตคติทดี่ ีตอ่ งานอาชีพ เปน็ ความรู้สึกภายในของแต่ละคนทีม่ ตี ่องานอาชพี ได้แก่ ความรัก ความ ศรทั ธา ความภูมิใจ ความจรงิ ใจ ความรสู้ กึ ต่างๆ เหล่าน้ี จะเป็นแรงผลักดนั ให้คนเกดิ ความมานะอดทน ม่งุ ม่ัน ขยัน กล้าสู้ กลา้ เสี่ยง ทําใหป้ ระสบความสาํ เร็จในการประกอบอาชพี ได้ การทจ่ี ะตัดสินใจเลือกอาชีพ ผ้ปู ระกอบการต้องนําเอาข้อมลู ตา่ งๆ มาวิเคราะห์โดยมีแนวทางในการพจิ ารณา คือ 3.1 วิเคราะหส์ ภาพท่เี ปน็ อยู่ หมายถงึ สงิ่ ทีเ่ ปน็ อยู่ในขณะนัน้ เก่ียวกับเร่ืองต่างๆโดยต้อง วิเคราะหต์ ามสภาพจริงทเ่ี ปน็ อยู่ 3.2 วเิ คราะห์ทางออก หมายถงึ แนวทางในการดาํ เนินงานทีผ่ วู้ ิเคราะหเ์ หน็ ว่า ในกรณีที่สภาพที่ เปน็ อยนู่ นั้ ไม่เป็นไปตามความต้องการหรือตามท่ีกําหนด แต่อาจมีแนวทางดําเนินงานหรอื ทางออกอ่ืนๆ ท่ีจะ ทาํ ใหเ้ ปน็ ไปตามทตี่ อ้ งการไดห้ ลายวิธี ซงึ่ ตอ้ งตดั สินใจเลอื กทางออกโดยวธิ ีที่เหมาะสมเปน็ ไปได้ มากทีส่ ุด 3.3 วิเคราะห์ความเป็นไปได้ หมายถึง การวเิ คราะหค์ วามสัมพันธ์ระหวา่ งสภาพทีเ่ ป็นอยูก่ บั ทางออกแนวทางทจ่ี ะดําเนินการนั้นเป็นส่ิงท่ีสามารถจะ ทาํ ใหเ้ กิดขึน้ หรือเปน็ ไปไดจ้ ริงหรือไม่ ตามทางออกทคี่ ดิ ไว้ 3.4 ตัดสนิ ใจเลอื ก เป็นการตัดสินใจเลอื กอาชพี หลงั จากทมี่ ีการวเิ คราะหอ์ ย่างละเอยี ดรอบคอบ แลว้ ขัน้ ตอนการตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี 1. กาํ หนดปัญหาหรืออปุ สรรคให้ชดั เจนว่าเรากําลังตัดสินใจเลอื กอะไร เช่น เรากําลังเลือกแผนการเรยี น อะไรหรอื เลอื กทีจ่ ะประกอบอาชพี 2. สาํ รวจตัวเลอื ก ต้องรู้จกั แผนทจ่ี ะเลอื กหรอื อาชพี ท่จี ะเลือก 3. เปรียบเทยี บแต่ละตัวเลือกว่า แตกต่างกนั อยา่ งไร 4. สาํ รวจข้อมูลเกีย่ วกับ การตัดสินใจท่ีจะเลือกแผนหรืออาชีพท้ังหมด

5. แปลความข้อมลู ต้องกําหนดนา้ํ หนักความสําคญั ใหแ้ ต่ละตวั เลือก การตดั สนิ ใจเลอื กอาชีพมักเกิดข้ึน เมอื่ มอี าชพี ให้เราตัดสินใจเลอื กมากกว่าหน่งึ อาชพี มีความรูแ้ ละประสบการณ์เกย่ี วกับอาชีพที่จะเลอื ก 6. จัดการกบั ข้อมลู โดยการใหน้ ํา้ หนกั ความสาํ คญั แตล่ ะตัวเลอื ก ในแตล่ ะประเดน็ เม่อื เราเข้าใจว่าทาํ ไม จงึ เลอื กตัวเลอื กน้ี จะทําให้ตวั เลอื กลดลงจนเหลอื อาชพี ทเี่ ราสนใจเทา่ น้นั 7. เรยี งลาํ ดบั ประโยชน์ของตวั เลือก จากมากไปหานอ้ ย จะช่วยให้เหน็ ความสําคญั ของตวั เลอื กแต่ละตัว มากขนึ้ 8. ตัดสนิ ใจการตัดสนิ ใจเลือกอาชพี จะต้องไมก่ งั วลว่าตวั เลอื กท่ีเหลอื จะเหมาะสมกับตนเองหรอื ไม่ เมื่อ พจิ ารณาตัวเลือกหลายปจั จยั อย่างรอบคอบ ตอ้ งตระหนักว่าตนเองทําดที ีส่ ดุ แลว้ แมว้ ่าการตัดสนิ ใจเลือกจะมี ความเสี่ยง เพราะไมว่ ่าอะไรจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต ปญั หาคือต้องพยายามเลือกอาชีพทีเ่ หมาะสมและเปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองมากท่สี ดุ ไม่ตดั สินใจดว้ ยอารมณ์และความรสู้ ึก ต้องพจิ ารณาความสนใจ บุคลิกภาพ คา่ นยิ ม และความต้องการท่ีแท้จริงของตนเอง การประเมนิ ความพรอ้ มและความเปน็ ไปได้ ของอาชพี ที่ตดั สินใจเลือก การเตรียมความพร้อมและความเป็นไปได้ของการประกอบอาชีพ 1. เงินทนุ การประกอบอาชพี ต้องใชเ้ งนิ ทนุ เร่ิมตน้ จาํ นวนเทา่ ใด ถา้ เปิดเปน็ ร้านคา้ ต้องสาํ รวจตนเอง กอ่ นว่ามเี งนิ ทนุ เพียงพอหรือไม่ และจะสามารถหาเงนิ ทุนจากแหลง่ ใดไดบ้ ้าง 2. แรงงาน ต้องพิจารณาวา่ การประกอบอาชีพจาํ เป็นต้องจ้างแรงงานคนอนื่ เข้ามาช่วยหรอื ไม่ และ สามารถหาได้จากทไ่ี หน 3. วสั ดุ อปุ กรณ์ ต้องพจิ ารณาถึงความจําเป็นวา่ ตอ้ งใช้ เครือ่ งมอื วัสดุ อปุ กรณอ์ ะไรบ้าง จํานวนเทา่ ใด ในการประกอบอาชพี 4. ทาเลทต่ี ง้ั สาํ รวจตนเองมีสถานที่หรอื ไม่ ถ้าไม่มีจําเป็นต้องเชา่ หรอื ซือ้ จะมีทนุ เพียงพอหรอื ไม่ คุม้ กบั การลงทุนเพยี งใด 5. วตั ถดุ บิ จะหาซื้อวัตถุดิบได้จากแหลง่ ใดได้บ้าง 6. คณุ สมบัตทิ ่จี าเปน็ ในอาชีพ ผู้ประกอบอาชพี ใดก็ตามต้องเปน็ ผ้ทู ม่ี ีใจรกั ในอาชีพน้นั และมคี วาม อดทนมุง่ มนั่ ในการประกอบอาชพี ให้ประสบผลสาํ เร็จ 7. สขุ ภาพ สํารวจว่าตนเองมีสุขภาพแขง็ แรงเหมาะสมทีจ่ ะประกอบอาชีพที่ตนไดเ้ ลือกไวห้ รอื ไม่ 8. ความถนดั และความมใี จรกั ในอาชพี ต้องพจิ ารณาวา่ อาชพี ท่ีตนเองไดเ้ ลอื กแลว้ มคี วามเหมาะสมกบั คุณสมบัติของตนเองหรอื ไม่ มคี วามถนัดทจี่ ะทําหรือมใี จรกั ท่จี ะทาํ เพยี งพอทจ่ี ะเผชญิ ปญั หาอุปสรรค ต่างๆ ในอาชีพหรอื ไม่ 9. ส่วนแบง่ ตลาด ตอ้ งสํารวจว่าอาชีพทีต่ นไดเ้ ลอื กแลว้ นัน้ มีโอกาสก้าวหน้าได้หรอื ไม่ จะใชก้ ลยุทธท์ าง การตลาดให้ประชาชนสนใจสนิ ค้าตนเองได้อยา่ งไร 10. การขยายกจิ การ พจิ ารณาวา่ ในอนาคตสามารถขยายกจิ การได้หรอื ไม่จะมีปัญหาหรอื อุปสรรค อะไรบา้ ง 11. ความม่ันคงในอาชพี พจิ ารณาวา่ อาชีพนม้ี ีความม่ันคงเพยี งใดเม่ือลงทุนแลว้ จะคมุ้ ทนุ หรือไม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook