Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย Journal of Professional Routine to Research ปีที่ 8 (มกราคม-มิถุนายน 2564)

วารสารการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย Journal of Professional Routine to Research ปีที่ 8 (มกราคม-มิถุนายน 2564)

Published by MBU SLC LIBRARY, 2021-05-28 03:38:00

Description: 16875-5601-PB

Search

Read the Text Version

วารสารการพฒั นางานประจาสู่งานวิจยั Journal of Professional Routine to Research (JPR2R) วารสารการพฒั นางานประจาสู่งานวิจยั (JPR2R) เป็นวารสารสาหรับเผยแพร่บทความ/ผลงานวชิ าการของ บุคคลทว่ั ไป และบุคลากรทางการศึกษาเพ่ือเป็นส่อื กลางในการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ความคดิ ทฤษฎี ตลอดจนแนวปฏบิ ตั ิ ใหม่ๆ รวมท้งั เป็ นการส่งเสริมให้มีการพัฒนางานประจาส่งู านวิจัย และเป็ นโอกาสให้บุคลากรสาหรับเผยแพร่ผลงาน วชิ าการสสู่ งั คม วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือเผยแพร่ความรู้ ความคดิ และผลงานวิชาการท่เี กดิ จากการพัฒนางานประจาสงู่ านวิจยั ในแนวทางท่สี ร้างสรรค์ และเป็นประโยชนใ์ นเชิงวิชาการ 2. เพ่ือเป็นส่อื กลางในการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ ความคดิ ทฤษฏี ตลอดจนแนวปฏบิ ตั ใิ หม่ๆ 3. เพ่ือสง่ เสรมิ บุคลากรให้มคี วามเช่ยี วชาญ และส่งเสริมพฤตกิ รรมด้านวชิ าการอนั เป็นประโยชน์ต่อสงั คม 4. เพ่ือสร้างเครอื ข่ายทางวชิ าการท้งั ภายในและภายนอกมหาวิทยาลยั ปี ที่ 8 ฉบบั เดือนมกราคม – มถิ ุนายน พ.ศ. 2564 กาหนดออก ปี ละ 2 ฉบบั (มกราคม – มถิ นุ ายน และ กรกฎาคม – ธนั วาคม) สานกั งาน วารสารการพัฒนางานประจาสงู่ านวจิ ยั คณะสง่ิ แวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล 999 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ตาบลศาลายา อาเภอพทุ ธมณฑล จงั หวัดนครปฐม 73170 โทรศัพท์ 02-441-5000 ต่อ 2114 โทรสาร 02-441-9510 เวบ็ ไซต์ : http://www.en.mahidol.ac.th/jpr2r/index.html ISSN 2392-5671 ISSN 2392-568X (Online) Indexed in ศนู ย์ดชั นกี ารอ้างองิ วารสารไทย (Thai Journal Citation Index-TCI) กล่มุ 2

กองบรรณาธิการ ที่ปรึกษา ศาสตราจารย์คลนิ ิกพเิ ศษนายแพทยเ์ สรี ต้จู นิ ดา ศาสตราจารย์ ดร.สวุ ลักษณ์ สาธมุ นัสพันธุ์ รองศาสตราจารย์ ดร.สรุ ะ พัฒนเกยี รติ รองศาสตราจารย์ ดร.กมั ปนาท ภักดกี ลุ บรรณาธิการ รองศาสตราจารย์ ดร.จารวุ รรณ วงคท์ ะเนตร กองบรรณาธิการ ศาสตราจารย์ ดร.ศวิ ัช พงษ์เพียจนั ทร์ สถาบนั บณั ฑติ พัฒนบริหารศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.นิรมล สธุ รรมกจิ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ รองศาสตราจารย์ นพ.วัชระ วไิ ลรตั น์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สมั ภัตตะกลุ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.ศวิ นิต อรรถวฒุ ิกุล มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร รองศาสตราจารย์ ดร.อรศิ รา เลก็ สรรเสริญ มหาวทิ ยาลัยมหิดล ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.จงรักษ์ หงษ์งาม มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.เจนจติ เอ่ยี มจตรุ ภทั ร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.มณฑริ า อนิ จ่าย มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.วภิ ารัตน์ แสงจนั ทร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภกฤษฎ์ิ นวิ ฒั นากุล มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สริ วิ ดี ชมเดช มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.สวุ ิณี ววิ ฒั นว์ านิช จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ฝ่ ายบริหารจดั การวารสาร นางสาวณฐั กานต์ รัชกลุ นางสาวอสิ รยี ์ อภิญญา

บทบรรณาธิการ ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre – TCI) ได้มีการพิจารณาจัดกลุ่ม วารสารตามเกณฑใ์ หม่ โดยเพ่ิมเตมิ การให้คะแนนคุณภาพของบทความ ท้งั น้วี ารสารการพัฒนางานประจาส่วู จิ ยั สามารถ รักษาคุณภาพและดาเนินการตามเกณฑ์ของศูนย์ดัชนีการอ้างองิ วารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre – TCI) จึงผ่านเกณฑก์ ารประเมินโดยจัดเป็นวารสารกลุ่มท่ี 2 ซ่ึงมีระยะเวลาการรับรองคุณภาพวารสารเป็นระยะเวลา 5 ปี คอื ต้งั แต่วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2563 – 31 ธนั วาคม พ.ศ. 2567 วารสารการพัฒนางานประจาสงู่ านวจิ ัย ม่งุ เน้นเผยแพร่ความรู้ ผลงานวิชาการท่เี กดิ จากการพัฒนางานประจาสู่ งานวิจยั ในแนวทางท่สี ร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ในเชงิ วิชาการ เพ่ือเป็นส่อื กลางในการแลกเปล่ียนเรียนรู้ ความคดิ ทฤษฏี ตลอดจนแนวปฏิบัติใหม่ๆ และสร้างเครือข่ายทางวิชาการท้ังภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย จึงเพ่ิม กาหนดการวารสารจาก 1 ฉบับ ทุกเดือนสงิ หาคม เป็ น 2 ฉบับ (มกราคม – มิถุนายน และ กรกฎาคม – ธนั วาคม) และวารสารฉบบั น้เี ป็นฉบบั ท่ี 8 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) ประกอบด้วยบทความวิจัยในด้านต่างๆ จานวน 6 เร่อื ง จากหลากหลายสาขา กองบรรณาธกิ ารขอขอบพระคณุ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิทุกท่านท่กี รณุ าสละเวลาให้ความสาคญั กบั วารสารโดย ให้ข้อเสนอแนะเพ่ือพัฒนาบทความของวารสารให้มคี ุณภาพ ขอขอบคุณผู้เขียนและผู้อ่านทุกท่านท่ีให้เกยี รติติดตาม วารสารมาโดยตลอด และในโอกาสน้ขี อเชิญชวนผู้สนใจท่จี ะเผยแพร่ผลงานวิชาการผ่านวารสารการพัฒนางานประจาสู่ งานวิจัย (JPR2R) ฉบับต่อไป โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติม และส่งบทความเพ่ือเผยแพร่ผ่านทางเวบ็ ไซต์ได้ท่ี https://www.tci-thaijo.org/index.php/jpr2r รองศาสตราจารย์ ดร.จารวุ รรณ วงคท์ ะเนตร บรรณาธกิ าร

สารบญั หนา้ 1 บทความวิจยั การศึกษาทศั นคติและความคิดเห็นของบุคลากรต่อการพฒั นาแผนยทุ ธศาสตร์ วิทยาลยั นานาชาติ มหาวิทยาลยั มหิดล กวนิ มงคลประภา และ พรชนก เกตกุ ณั ฑร การพฒั นาระบบสนบั สนุนการบริการดา้ นระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรด์ ว้ ยการบูรณาการฐานขอ้ มูล 10 ผูร้ บั บริการ กรณีศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ อานนท์ มะโนเมือง การศึกษาแนวทางการพฒั นาการดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน ของโรงเรียนใน 19 สงั กดั สานกั งานเขตพ้ นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 9 จงั หวดั สพุ รรณบุรี สหวิทยาเขตพเุ ตย มาโนช ตญั ยงค์ และ วชั รภทั ร เตชะวฒั นศิริดาํ รง ทศั นคติในการประกอบวิชาชีพของนกั ศึกษาคณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล 29 พรเพ็ญ เผอื กเอม และ กาญจณา ประสงค์ พฤติกรรมการออกกาลงั กายและความตอ้ งการของลูกคา้ ที่มารบั บริการของศูนยอ์ อกกาลงั กาย 36 วิทยาลยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลยั มหิดลหลงั สถานการณก์ ารแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) มานิตย์ บุบผาสขุ และ ยวุ ดี วงคใ์ หญ่ การพฒั นาตวั ช้ ีวดั และเกณฑก์ ารประเมนิ งานจดั ซ้ ือสินคา้ สาหรบั งานพสั ดุมหาวิทยาลยั มหิดลดว้ ย 44 วิธีเดลฟาย พิชามญชุ์ กาหลง

CONTENTS หนา้ 1 Research Article A Study of Staff Members’ Attitude and Opinions Regarding the Strategic Plan Development Mahidol University International College Kawin Mongkolprapa and Pornchanok Ketkuntorn The Development of the Computer Network Service Support System by Integrating the Client 10 Database : A Case Study at Chiang Mai Rajabhat University Arnon Manomuang A Study of Guidelines to Develop the Operation of Student Caring and Support System of School 19 Administrators under the Suphanburi Secondary Educational Service Area Office 9, Phu Toei Cluster Manoch Tunyong and Wacharapatr Techawattanasiridumrong The Career Attitude of Students in Faculty of Veterinary Science, Mahidol University 29 Pornpen Phuakaim and Kanjana Prasong The Exercise Behaviors and Needs of the Customers at the Sports Center, College of Sports 36 Science and Technology, Mahidol University, after the Pandemic of Coronavirus 2019 (COVID-19) Manit Bubphasook and Yuwadee Wongyai Development of Indicators and Criteria of Procurement Job for Mahidol University by Delphi 44 Method Pichamon Kalong

Journal of Professional Routine to Research Volume 8, January-June 2021: 1-9 1 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) การศึกษาทศั นคติและความคดิ เห็นของบุคลากรต่อการพฒั นาแผนยทุ ธศาสตร์ วิทยาลยั นานาชาติ มหาวิทยาลยั มหิดล A Study of Staff Members’ Attitude and Opinions Regarding the Strategic Plan Development Mahidol University International College กวนิ มงคลประภา*1และ พรชนก เกตกุ ณั ฑร Kawin Mongkolprapa* and Pornchanok Ketkuntorn บทคดั ย่อ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาทศั นคติและความคิดเห็นของบุคลากรต่อการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ วทิ ยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กลุ่มตวั อย่างท่ใี ช้ในการวิจัย ได้แก่ บุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนท่ี ได้รับการคัดเลือกเป็ นคณะทางานพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ ปี 2563-2567 จานวน 39 คน รวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถาม สถิติท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการ วิเคราะห์หาความแตกต่างของกล่มุ ตวั อย่างด้วยการทดสอบ Independent t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทศิ ทาง เดียว (one-way ANOVA) และการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปรด้ วย Post-Hoc Multiple Comparisons ผลการวิจัย พบว่า บุคลากรส่วนใหญ่มีทัศนคติในเชิงบวกต่อการพัฒนาแผนแผนยุทธศาสตร์โดย บุคลากรร้อยละ 66.7 เห็นด้วยอย่างมาก และร้อยละ 25.6 เห็นด้วยต่อการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ ในขณะท่ี บุคลากรร้อยละ 61.5 ยินดีมาก และร้อยละ33.3 ยินดีเข้าร่วมเป็ นส่วนหน่ึงในการพัฒนาแผนแผนยุทธศาสตร์ บุคลากรเหน็ ด้วยเป็นอย่างสงู ว่า “ผ้บู ริหาร บุคลากรสายวชิ าการ หัวหน้างาน และบุคลากรสายสนับสนุนจากทกุ สว่ น งานควรเข้ามามสี ่วนร่วมในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์” และ “ผู้บริหารระดับสงู ควรให้ความสาคัญต่อการพัฒนา แผนยุทธศาสตร์” บคุ ลากรท่มี ปี ระสบการณใ์ นการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์มคี วามคดิ เหน็ แตกต่างจากบุคลากรท่ไี ม่มี ประสบการณด์ ้านน้ใี นเร่อื ง “การใช้วทิ ยากรผ้เู ช่ยี วชาญเป็นผ้นู าในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์” อย่างมนี ยั สาคญั ทาง สถิติท่ีระดับ 0.05 ในขณะท่ีบุคลากรสายสนับสนุนมีความคิดเหน็ แตกต่างจากบุคลากรสายวิชาการในเร่ือง “การ ทางานเป็ นทีมเพ่ือพัฒนาแผนยุทธศาสตร์” ซ่ึงข้อมูลท่ีได้น้ีจะใช้เป็ นแนวทางในการดาเนินการพัฒนาแผน ยุทธศาสตรข์ องวิทยาลัยฯ ในคร้งั ต่อไป คาสาคญั : ยุทธศาสตร/์ แผนยุทธศาสตร/์ การพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ Abstract This research studied the staff member attitudes and opinions regarding the Mahidol University International College strategic plan development. The sample included 39 academic and support staff members who were selected to be part of the MUIC strategy 2020–2024 development working group. The questionnaire was a crucial tool for data collection, while data analysis was conducting using frequency, percentage, mean, and standard deviation. Moreover, Independent t-test and One-way Analysis of Variance (one-way ANOVA) were applied to analyze the sample differences, plus Post-Hoc Multiple Comparisons, which were run to confirm the differences between variables. The survey found that most MUIC staff members were strongly positive towards the MUIC strategic plan development. The results revealed that งานแผนและพัฒนาคณุ ภาพ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวทิ ยาลัยมหิดล Planning and Quality Development Section, Mahidol University International College *Corresponding author: [email protected] Received : 20 สิงหาคม 2563/ Revised : 22 กนั ยายน 2563/ Accepted : 25 กนั ยายน 2563

2 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) 66.7% of staff members strongly agreed and 25.6% of staff members agreed that the development of the strategic plan was important. In addition, 61.5% of staff members were strongly willing and 33.3% of staff members were willing to participate in the development of the strategic plan. They also strongly agreed that “the executive, academic staff, chiefs, and support staff from all sections and divisions should participate in the development of the MUIC strategic plan” and “the executives gave a high priority to developing the MUIC strategic plan.” MUIC staff members who had experience in strategic plan development had different opinions from staff members with no experience in strategic plan development, at a significance level of 0.05, on the statement, “the speaker professionally conducted and facilitated the 10-day workshop.” Meanwhile, support staff members had different opinions from academic staff members, at a significance level of 0.05 on “working as a team in the development of MUIC strategic plan.” The result from this study can be used for the next MUIC strategic plan development. Keywords: Strategy/ Strategic Plan/ Strategic Plan Development 1. Introduction conditions and unfavorable changes; helping the managers to relate crucial decisions to determined Mahidol University International College objectives; making the time and resources allocated (MUIC) is part of Mahidol University. For the past to recognized opportunities more effective; three decades, MUIC has been offering the providing group activities according to combining international programs in many disciplines; the different staff’s duties; developing a framework Sciences, Arts, Engineering, Communication Arts, for the interior relationship of the personnel; and Business. Regarding an autonomous and self- granting the organization a better competitive generated income institute, MUIC also sets the advantage compared to the rivals; changing the strategy to high priority as Neda Esmaeili has individual activities of the personnel into a group mentioned that strategic management is both activity; and encouraging anticipation in the necessary and highly beneficial to the organizations. personnel and managers [1]. Patrik Aláč has Considering the rapid social and environmental mentioned that Planning is the first and one of the changes and the necessity of aligning organizations most important managerial function because of its to these changes, organizations need to develop specification the business goals and description of plans which enable them to tolerate and even relevant tasks to meet those goals [2]. overcome these political and socioeconomic fluctuations. Therefore, the ability to anticipate the Many fiscal years ago, MUIC had different future, get information about the environment, and approaches of strategic plan development. have efficient plans for success in the future Normally, the approaches of strategic plan requires strategic management and planning. development were designed by the new coming Strategic management is also considered as a great executive team without a previous approaches advantage for organizations. The principal reconsideration. Thus, the MUIC’s strategic advantages of strategic management consist of planning process never be assessed for warning against problems before their occurrence; improvement. As the fiscal year 2019 ends, MUIC preparing for environmental changes and the strategic plan for 2016-2019 is completely activities of rivals, and not being surprised by these finished, and the new strategic plan for 2020- factors; producing favorable reactions to the 2024 has to be developed. Over a four-year changes; providing realistic attitudes toward the period, the management team has reviewed the problems; facilitating the recognition and usage of efficiency and effectiveness of the previous strategic opportunities; minimizing the adverse effects of bad

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 3 plan to outline a better planning process and refine improve the process and procedures of next strategic the implementation approaches for the next five plan development. years. According to Mr. Kawin Pla-on’s R2R, staff engagement in the strategic planning process This research aims to study faculty and generates better awareness and understanding of the support staff’s opinions regarding the MUIC mission, goals, values, and procedures of the strategic plan 2 0 2 0 –2 0 2 4 development and organization among staff members, thereby explore the differences between personnel facilitating an easy deployment [3 ]. Consequently, characteristics and their opinions regarding MUIC MUIC emphasizes the importance of staff strategic plan 2020 – 2024 development. engagement in strategic plan development by Objective changing the planning process, workshop duration and participant types. Previously, the workshop was To study the academic and support staff held in upcountry for 3 days, only executives and members’ attitude and opinions regarding MUIC division chairs attended the session. The overall strategic plan 2020–2024 development. process has been changed in 2019 as the workshop duration was divided into 1 0 times (one time per 2. Materials and Methods week) and there was a variety of activities as follows; 1) the workshop led by a guest speaker 2) This study is a quantitative research which Brainstorming 3 ) Data research and analysis 4 ) aims to explore approaches to the development of Interview and survey on key stakeholders (academic MUIC strategic plan by researching and analyzing and support staff, current students, alumni and high the academic staff and support staff members’ school students) and 5) Presentation with share and attitude and opinions regarding MUIC strategic plan learn session. The 10-day workshop was carefully 2020–2024 development during March to May designed to serve with strategic plan and the number 2 0 1 9 . The data was collected by questionnaire of participants was increased to 80 people in order distribution in October 2019. to add up the engagement level of a whole Population and Sample organization. The participants were executives, division chairs, chiefs, heads, and assigned faculty The population of this study consists of 80 and staff members by separating them into two main faculties and support staff members who were groups, a group of staff members with high selected to participate in a working group of MUIC experience who have been working at MUIC for strategy 2 0 20 –2 0 2 4 development. Eighty self- more than 1 0 years and those with less than 1 0 completion questionnaires were sent to all years of experience but have high potential. Ghada, participants and thirty-eight responses were Ayman, and Mohab (as cited in Smith, 1 9 7 3 ) received. indicated that participation in planning attempts to Research Tools move away from Static, state driven, spatially biased planning process to one that is dynamic, Paper-based questionnaire adapted from people-driven and integrative. It is believed that the workshop documents of MUIC strategic plan participatory planning is better model for 2020–2024 development [5] was used as a main management relative to “conventional” one based tool for collecting primary data. The questionnaire primarily on expert input [4]. After completing the was reviewed by the Institutional Review Board, strategic planning development, the researchers have Institute for Population and Social Research studied the participants’ opinions towards the (COA.No2019/09 -351), Mahidol University. overall activities in order to use the results to Moreover, quality of a questionnaire had been evaluated by Reliability method in 3 0 preliminary staff members. Using Cronbach's alpha coefficient, the Reliability was 0 .9 3 4. The questionnaire was divided into 3 parts as follows;

4 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) Part I – General information questions Strong agree, 3.41 – 4.20 = Agree, 2.61 – 3.40 consisted of gender, age, working time, position, = Neutral, 1.81 – 2.60 = Disagree, and 1.00 – and experience in MUIC strategic plan 1.80 = Strong disagree. development. 3. Results and Discussion Part II – Faculty and support staff’s attitude regarding the MUIC strategic plan 2020– The data analysis results are divided into 2024 development. There were both closed-ended three parts as follows; 1) demographic and open-ended questions in this part. characteristics of the respondent sample, 2) mean analysis of opinion regarding the approaches of Part III – Faculty and support staff’s MUIC strategic plan development and 3) difference opinions regarding the MUIC strategic plan 2020– of opinion regarding demographic. 2024 development process. There were 7 closed- Demographic characteristics of the respondent ended questions in this part. sample The questionnaire was designed on a five- There were 3 9 respondents consisted of point Likert scale; 5 = Strong agreement, 4 = 21 females (55.3%) and 17 males (44.7%). The Agreement, 3 = Neutral, 2 = Disagreement, and 1 majority of the respondents were persons who were = Strong disagreement, respectively. between 46 – 50 years old (27% ), followed by Data Analysis 3 6 – 4 0 years old (2 4 .3 % ) . Most of the respondents have been working at MUIC for 6 – Statistics used for data analysis consisted 10 years (29 .7% ),followed by less than 1 – 5 of frequency, percentage, mean, standard deviation years (24.3%).The respondents were support staff and comparison among samples by Independent T- (55.3%) and academic staff (44.7%). 81.6% of test and One-way analysis of variance (One-way the respondents have ever participated in the ANOVA) while comparing differences among development of MUIC strategic plan and only factors and demographics by using Post Hoc 1 8 .4 % of them never participate in this activity. Multiple Comparisons. The variances were tested The result is shown in Table 1. and the scales were based on the Least Significant Difference (LSD). The rating scales illustrated the levels of agreement as follows; 4 .2 1 – 5 .0 0 = Table 1 The result of demographic characteristics of the respondent sample Gender Frequency Percent Male Female 17 44.7 Age 21 55.3 26 - 30 31 – 35 3 8.1 36 – 40 3 8.1 41 – 45 9 24.3 46 – 50 7 18.9 51 - 55 10 27.0 Position 5 13.5 Academic staff Support staff 17 44.7 21 55.3

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 5 Table 1 The result of demographic characteristics of the respondent sample (cont.) Frequency Percent Working years at MUIC 24.3 29.7 Less than 1 - 5 9 16.2 18.9 6 - 10 11 5.4 5.4 11 - 15 6 81.6 16 - 20 7 18.4 21 - 25 2 26 - 30 2 Participation experience in the development of MUIC strategic plan Yes 31 No 7 Attitude of MUIC staff towards the development of plan was important. 61.5% of staff members MUIC strategic plan strongly willing and 33.3% of staff members willing to participate in the development of strategic The study shows that 66.7% of staff plan. The result is shown in Table 2. members strongly agreed and 25.6% of staff members agreed that the development of strategic Table 2 Attitude of MUIC staff towards the development of MUIC strategic plan Statements Strongly Agree Neutral Disagree Strongly agree Disagree You are positive that the development 26 10 2 0 of MUIC strategic plan is important. (66.7%) (25.6%) (5.1%) (0%) 1 You are willing to participate in the 24 (2.6%) development of MUIC strategic plan. (61.5%) 13 1 0 (33.3%) (2.6%) (0%) 1 (2.6%) MUIC staff members’ opinions regarding the develop MUIC strategic plan” (x̅ = 4 .2 3 , SD = approaches of MUIC strategic plan development 0 . 8 7 2 ) , and “the executive provided full The study shows that staff members strongly agreed cooperation in the development of MUIC strategic that “the executive, academic staff, chiefs and plan” (x̅ = 4.08, SD = 0.957) respectively. The support staff from all sections/divisions participated lowest score was “the 1 0 - day strategic plan in the development of MUIC strategic plan” with development workshops in 2 – 3 months instead a the highest score (x̅ = 4 .4 9 , SD = 0 .9 1 4 ) , 3-day strategic plan development” (x̅ = 2.9, SD = followed by “the executive gave a high priority to 1.294). The result is shown in Table 3. Table 3 MUIC staff members’ opinions regarding the approaches of MUIC strategic plan development Statements ���̅��� S.D. Level The executive, academic staff, chiefs and support staff from all 4.49 0.914 Strongly agree sections/divisions participated in the development of MUIC strategic plan. The executive gave a high priority to develop MUIC strategic plan. 4.23 0.872 Strongly agree

6 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) Table 3 MUIC staff members’ opinions regarding the approaches of MUIC strategic plan development (cont.) Statements ���̅��� S.D. Level The executive provided full cooperation in the development of 4.08 0.957 Agree MUIC strategic plan. Working as a team in the development of MUIC strategic plan. 3.90 0.754 Agree The information prepared and provided to the participants in the 3.67 0.898 Agree development of MUIC strategic plan. The speaker professionally conducted and facilitated the 10-day 3.15 1.04 Neutral workshop. The 10-day strategic plan development workshops in 2 – 3 2.90 1.294 Neutral months instead a 3-day strategic plan development. Testing the difference of opinions with different had experiences in strategic planning development demographics considered this statement was very important. Meanwhile, support staff members had different The result shows that MUIC staff members opinions from faculty staff members, at a who had experiences in strategic planning significance level of 0.05 in “working as a team in development had different opinions from other staff the development of MUIC strategic plan” (p-value members who have never had an experience in = 0.024 ) referring to support staff members who strategic planning development, at a significance considered this statement was very important. The level of 0.0 5 in “the speaker professionally other statements were not different. The result is conducted and facilitated the 1 0 -day workshop” shown in Table 4 and Table 5. (p-value = 0.004) referring to staff members who Table 4 Opinion differences categorized by gender, position, and experience in strategic plan development Statements Gender Position Experience The executive, academic staff, chiefs and t p-value t p-value t p-value support staff from all sections/divisions participated in the development of MUIC -1.080 0.287 0.019 0.985 -0.612 0.545 strategic plan. The executive gave a high priority to 0.155 0.878 -1.755 0.088 0.224 0.824 develop MUIC strategic plan. 0.071 0.944 -1.310 0.198 -1.455 0.154 The executive provided full cooperation in -0.089 0.930 -2.359 0.024* 0.142 0.888 the development of MUIC strategic plan. -1.529 0.135 -1.797 0.086 0.735 0.467 Working as a team in the development of MUIC strategic plan. 0.860 0.395 -1.587 0.125 3.074 0.004* The information prepared and provided to the participants in the development of MUIC strategic plan. The speaker professionally conducted and facilitated the 10-day workshop.

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 7 Table 4 Opinion differences categorized by gender, position, and experience in strategic plan development (cont.) Statements Gender Position Experience t p-value The 10-day strategic plan development t p-value t p-value 1.111 0.274 workshops in 2 – 3 months instead a 3-day strategic plan development. -1.438 0.159 -0.882 0.385 Table 5 Opinion differences categorized by age and working time at MUIC in strategic plan development Statements Age Working time at MUIC F p-value F p-value The executive, academic staff, chiefs and support staff 1.495 0.220 from all sections/divisions participated in the 1.922 0.119 development of MUIC strategic plan. 0.550 0.737 The executive gave a high priority to develop MUIC 0.189 0.965 0.753 0.590 strategic plan. 1.089 0.386 0.867 0.514 The executive provided full cooperation in the 0.592 0.706 0.423 0.829 development of MUIC strategic plan. 0.819 0.546 0.756 0.588 Working as a team in the development of MUIC 0.590 0.707 0.120 0.987 strategic plan. 1.053 0.405 The information prepared and provided to the participants in the development of MUIC strategic plan. The speaker professionally conducted and facilitated the 10-day workshop. The 10-day strategic plan development workshops in 2 – 3 months instead a 3-day strategic plan development. Discussion MUIC staff members strongly agreed that “the There are particularly interesting results executive, academic staff, chiefs and support staff from all sections/divisions participated in the from the study that should be discussed as follows: development of MUIC strategic plan” with the 1. The study reveals that most of MUIC highest score. Mitchell stated that participation is not only a tool for a better planning; it empowers faculty and staff members were strongly positive peoples as well. It is enabling people to work that the development of strategic plan was important together in a spirit of collaboration and cooperation and were strongly willing to participate in the and to make decisions about their own lives. This development of strategic plan (Table 2). It can be attained by sharing vision among partners demonstrated the high level of staff participation in and exchanging information, altering activities, the development of strategic plan as they were all sharing resources and enhancing each other’s determined, devoted and able to fully utilize capacity for mutual benefit. It has been concluded knowledge and skills to achieve MUIC vision and that seven basic components, in participation, strategic goal. The willingness to participate in MUIC activity is consistent with result stating

8 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) usually characterize empowerment of individuals; strategies to achieve that vision since leadership Self efficacy, Knowledge and skills, Opportunity, serves as a link between the soul and the body of an Action, Resources, Impact, and Building trust and organization [9]. Leadership plays a vital role in the respect [6]. Radomska indicates that elements such formulation and implementation of strategies. It is as internal processes, systems, people and the considered as a link that relates the strategic environment should be taken into account when management process with the organization’s vision. strategy is developed to secure its successful It starts up the strategic thinking by providing vision implementation [7]. While carefully planned then it establishes a culture in which everyone strategy implementation is a success factor to knows what to do, what are the values of the firm. organizations, however, many organizations fail on Basically, values provide the direction [10]. it [8]. Muhammad & Wan (as cited in Giles & Morrison (2010)) stated that leadership is an arrangement of 2. Faculty and support staff members who conducts that urges the people to define the had experiences in strategic planning development organizational objectives and afterward spur them to considered that “the speaker professionally mutually contribute with a specific end goal to conducted and facilitated the 10-day workshop” accomplish strategic objectives. In ensuring success was very important (Table 4). This demonstrates of firm while maintaining the efficacy in that the staff members with experiences in a organizational operations strategic leadership has a strategic plan development are well aware that pivotal role [11]. Formulated strategies can’t be strategic planning is very difficult to implement implemented without the involvement of every one. without a professional facilitator, especially when it Everyone should understand the need of change and comes to conducting a 10-time strategic plan should contribute their effort to efficiently development workshops. implement the strategies. And only leadership can inspire and motivate the people to bring change 3. The study shows that most of support because people always resist change. Motivating staff members agreed that the factor of “working as and supportive behavior of leader towards its a team in the development of MUIC strategic plan” subordinates is necessary. Inclusion of everybody was very important (Table 4). This is due to the inside the organization should be made as it is different types of job responsibilities between significantly related towards performance [12]. faculty and support staff members. The support staff Conclusion members normally work in teams, coordinate within and between sections and departments at all times, The study shows that there are 2 while the faculty staff members often work approaches of MUIC's 2020-2024 strategic plan individually, both teaching and doing research. development that highly agreed by MUIC’s staff members. Therefore, MUIC should remain these 4. According to the study, most of the approaches in the next MUIC strategic plan population sample agreed that “the executive gave a development. Two good approaches of MUIC's high priority to develop MUIC strategic plan”, and 2020-2024 strategic plan development are shown “the executive provided full cooperation in the below; development of MUIC strategic plan” (Table 3). It significantly shows that the executive is very 1. The executive, academic staff, chiefs important to the process of strategic plan and support staff from all sections/divisions development as Azhar et al said that leadership has participated in the development of MUIC strategic significant impact on strategic management process. plan. Especially, it helps to determine the vision and mission of the organization. Furthermore, it 2. The executive gave a high priority to facilitates the organization to execute effective develop MUIC strategic plan.

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 9 4. References 7. Radomska J. Operational risk associated with the strategy implementation. Management 1. Esmaeili N. Strategic management and its 2014;18:31-43. application in modern organizations. International Journal of Organizational 8. Blahová M, Knápková A. Effective strategic Leadership 2015;4:118-26. action: From formulation to implementation. Conference: International Conference on 2. Aláč P. Decision making and its importance in Economics, Business and Management; production planning within the woodprocessing December 2010; Manila: Philippines; 2010. company, respectively in the whole supply chain. Procedia Economics and Finance 9. Azhar A. et al. The Role of Leadership in 2015;34:682-8. Strategy Formulation and Implementation. International Journal of Management and 3. Pla-on K. Supporting staff’s participation in Organizational Studies 2012;1(2):32-8. MUIC strategy preparation regarding their acknowledgement and implementation. Mahidol 10. Arooj A, Sumera I, Sajjad R, and Shahnawaz R2R e-Journal 2017;4(1):240-58. S. The Role of Leadership in Strategy Formulation and Implementation. International 4. Ghada FH, Ayman EH, Mohab ER. Efficiency Journal of Management and Organizational of participation in planning. Alexandria Studies 2012;1(2),32-7. Engineering Journal 2011;50(2):203-12. 11. Muhammad FM, and Wan FWY. Impact of 5. Mahidol University International College. strategic leadership on strategy implementation. Workshop documents of MUIC strategic plan British Journal of Management and Marketing 2020–2024 Development. Nakorn Pathom: Studies 2019;2(1):32-43. 2019. 12. Goleman D. Leadership that gets results 6. Mitchell B. Participatory partnerships: engaging (Harvard Business Review Classics). and empowering to enhance environmental Massachusetts, USA: Harvard Business Press; management and quality of life. Social 2017. Indicators Research 2005;71:123-44.

Journal of Professional Routine to Research Volume 8, January-June 2021: 10-18 10 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) การพฒั นาระบบสนบั สนุนการบริการดา้ นระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรด์ ว้ ยการบูรณา การฐานขอ้ มูลผูร้ บั บริการ กรณศี ึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ The Development of the Computer Network Service Support System by Integrating the Client Database : A Case Study at Chiang Mai Rajabhat University อานนท์ มะโนเมอื ง*1 Arnon Manomuang* บทคดั ย่อ งานวิจัยคร้ังน้ีมวี ัตถุประสงค์เพ่ือ 1.ศึกษาสภาพปัญหา อุปสรรค ของการบริการผู้ใช้ระบบเครือข่ายของ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ 2.พัฒนาระบบสนบั สนุนการบริการด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยการบรู ณาการ ฐานข้อมูลผู้รับบรกิ ารของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 3.ศึกษาความ พึงพอใจของผู้ใช้ระบบ งานวิจัยน้ีได้พัฒนา ระบบสารสนเทศในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) และได้นาวงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle : SDLC) มาใช้เพ่ือออกแบบและพัฒนาระบบ กลุ่มตัวอย่างท่ใี ช้ในการวิจัยคร้ังน้ี ได้แก่ นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จานวน 400 คน โดยวิธกี ารส่มุ ตวั อย่างแบบบังเอญิ สถติ ิท่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่าปัญหาการเข้ารับบริการ งานด้านระบบเครือข่ายในภาพรวม มีค่าเฉล่ียระดบั มาก พิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการให้บริการเครือข่ายไร้ สาย (CMRU-WiFi) มปี ัญหามากท่สี ดุ รองลงมาคอื การให้บรกิ ารจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (CMRU-MAIL) และ ด้านการให้บริการเครือข่ายเสมือนส่วนตัว (VPN) ตามลาดับ และจากการพัฒนาระบบสนับสนุนการบริการด้าน ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการฐานข้อมูลผู้รับบริการ มีคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ เช่น การ ลงทะเบยี นขอใช้งาน การอนุมตั กิ ารใช้งาน และการออกรายงานต่าง ๆ ท่เี ก่ยี วข้องกบั ระบบเครือข่าย ผลการประเมิน ความพึงพอใจพบว่า ในภาพรวม มีค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมาก (���̅��� = 4.16, S.D = 0.994) เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการออกแบบระบบการใช้งานได้รบั ความพึงพอใจมากท่สี ดุ รองลงมาคอื ด้านประสทิ ธภิ าพและประโยชน์ ของระบบ และ ด้านการสนับสนุนและการให้บรกิ ารการใช้งาน ตามลาดบั คาสาคญั : เทคโนโลยีสารสนเทศ/ งานบริการเครอื ข่าย/ การบูรณาการฐานข้อมูล Abstract This research consisted of three parts: 1. Study the conditions, problems, and obstacles of the network user service of Chiang Mai Rajabhat University, 2. Develop a system to support computer network services by integrating the client database of Chiang Mai Rajabhat University, and 3. Study the satisfaction of the users toward the system. The researcher developed the information system in the form of a web application (Web Application) and used the system development life cycle (SDLC) to design and develop the system. The sample group used in this research was composed of 400 students, professors and personnel from Chiang Mai Rajabhat University selected by accidental sampling. The statistics used for data analysis were mean and standard deviation. The results of the research found that problems accessing the network services, in general, were at a high level. Considering each aspect, it was found that the wireless network service สานักดิจิทลั เพ่ือการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ Office of Digital Eduction , Chiang Mai Rajabhat University *Corresponding author: [email protected] Received : 14 กุมภาพันธ์ 2563/ Revised : 30 เมษายน 2563/ Accepted : 7 สิงหาคม 2563

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 11 (CMRU-WiFi) had the highest problems, followed by electronic mail services (CMRU-MAIL), and virtual private network services (VPN), respectively. In developing the computer network service support system by integrating the client database, various other features were included, such as registration, usage requests, usage approval, and issuing various reports related to networking. The results of the satisfaction assessment show that, in general, the average value was at a high level (���̅��� = 4.16, S.D = 0.994). When considering each aspect, we found that the system design had the highest satisfaction, followed by the efficiency and benefits of the system, and the support and service provision, respectively. Keywords: Information Technology/ Network Services/ Database Integration 1. บทนา กลับมาตดิ ต่อเพ่ือขอใช้บริการใหม่อกี คร้งั อกี ท้งั ในการ สร้ างสารสนเทศให้ กับผู้บริหารสานักดิจิทัลเพ่ื อ ปัจจุบันการติดต่อส่อื สารผ่านระบบเครือข่าย การศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ในการ มีความสาคัญมากข้ึน สานักดิจิทัลเพ่ือการศึกษา ตัดสินใจทางด้ านการบริหารทรัพยากรเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มีพั นธกิจในการ คอมพิวเตอร์ ยังไม่มีระบบสารสนเทศ ต้องทาการ ให้บริการด้านระบบเครือข่าย ดังน้ี 1) เครือข่ายไร้สาย ประมวลผลด้วยมือ เช่น ผู้บริหารต้องการทราบถึง (CMRU-WiFi) 2) เครือข่ายเสมือนส่วนตัว(VPN) ผู้ใช้งาน Google Classroom เท่าใด เน่ืองจาก Google 3) จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (CMRU-MAIL) และ 4) ไม่สามารถดูสถิติผู้ใช้งานย้อนหลังได้ท้ังหมด ดูสถิติ พ้ืนท่เี วบ็ ไซต์ (web hosting) ให้แก่นักศึกษา อาจารย์ ผ้ใู ช้งานได้เพียง 6 เดอื น ทาให้ไม่สามารถทราบถงึ สถิติ และบุคลากร รวมจานวนมากกว่า 20,000 คนต่อปี ผู้ใช้งานท้ังหมดได้ อีกท้ังการบริหารจัดการครุภัณฑ์ ผู้ใช้บริการดงั กล่าวจะต้องมีข้อมูลผู้ใช้และรหัสผ่านจึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และ โปรแกรมการบริหาร จะสามารถเข้าใช้บรกิ ารได้ ผู้ใช้งานระบบมแี นวโน้มท่จี ะ จดั การเครือข่ายคอมพิวเตอรไ์ ม่สามารถท่จี ะคาดการณ์ มจี านวนเพ่ิมข้นึ ทุกปี จงึ มีความจาเป็นอย่างย่งิ ท่จี ะต้อง การใช้งานได้ เน่ืองจากยังไม่มรี ะบบสารสนเทศ จึงทา มี ระบ บ การบ ริห ารจัด การผู้ ใช้ ระบ บ เค รือข่ าย ให้เสียโอกาสในการหาครภุ ัณฑเ์ ครือข่ายคอมพิวเตอร์ คอมพิ วเตอร์ท่ีมีประสิทธิภาพ ดังน้ันฝ่ ายระบบ และ โปรแกรมการบรหิ ารจัดการเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่าย สานักดิจิทลั เพ่ือการศึกษา มหาวิทยาลัยราช มารองรับการใช้งานของผ้ใู ช้งานระบบเครือข่ายได้อย่าง ภัฏเชียงใหม่ จึงมีหน้าท่ีบริหารจัดการและให้บริการ มปี ระสทิ ธภิ าพและทนั สมยั แก้ไขปัญหาต่าง ๆ แกผ่ ้ใู ช้บริการด้านระบบเครือข่าย จากปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดในการ เน่ื องจากใน ปั จจุ บั น น้ั น ยังไม่ มี ระบ บ พัฒนาระบบสนับสนุนการบริการด้านระบบเครือข่าย ฐานข้อมูลในการจัดเกบ็ ข้อมูลของนักศึกษา อาจารย์ คอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการฐานข้อมูลผู้รับบริการ และบุคลากร เก่ียวกับการเข้ารับบริการด้านระบบ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยพัฒนาให้ เป็ น เครือข่าย ดังน้ี 1) เครือข่ายไร้สาย (CMRU-WiFi) รูปแบบเว็บแอปพลิเคชัน และโมบายแอปพลิเคชัน 2) เครือข่ายเสมือนส่วนตัว (VPN) 3) จดหมาย รองรับการใช้งานของผู้ใช้งานระบบดังน้ี 1) ผู้ดูแล อิเล็กทรอนิ กส์ ( CMRU-MAIL) แ ละ 4 ) พ้ื น ท่ี ระบบ คอื เจ้าหน้าท่ฝี ่ ายระบบเครอื ข่ายของสานกั ดจิ ทิ ลั เว็บไซต์ (web hosting) เม่ือผู้ใช้ ต้ องการใช้ บริการ เพ่ือการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ สามารถ จะต้องดาวน์โหลดเอกสารมากรอกข้อมูล และนามาย่ืน จัดการข้อมูลผู้มาขอใช้บริการ สามารถดูสถิติการขอใช้ ด้วยตัวเองท่ีสานักดิจิทัลเพ่ือการศึกษา มหาวิทยาลัย บริการ และสามารถให้ บริการได้ ทุกท่ี ทุกเวลา 2) ราชภัฏเชียงใหม่ กรณีเจ้าหน้าท่ีไม่อยู่ประจาท่ีสานัก ผู้ใช้งานระบบได้แก่ นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากร ดิจิทัลเพ่ือการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ คือ ผู้ท่ีมาย่ืนคาร้องขอใช้บริการระบบเครือข่ายท้ัง 4 เน่ืองจากต้องไปปฏิบัติหน้าท่ภี ายในวิทยาเขตเวียงบัว บริการ สามารถดูผลการอนุ มัติการใช้ งานระบบ ซ่งึ เป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ หรือ เครือข่าย สามารถย่ืนคาร้องขอเปล่ียนแปลงรหัสผ่าน กรณีเจ้ าหน้ าท่ีกาลังดาเนินการแก้ ไขระบบเครือข่าย และ 3) ผู้บริหารสานักดิจิทัลเพ่ือการศึกษา คือ ผู้ท่ี ผ้ใู ช้บริการต้องกลบั มาตดิ ต่ออกี คร้งั หรอื ผู้ใช้บรกิ ารจะ สามารถดูสถิตกิ ารขอใช้บริการ เพ่ือให้การบริการด้าน ได้รับการบริการท่ีล่าช้า ส่งผลให้ไม่ได้รับความสะดวก ในการใช้บริการในคร้งั ดงั กล่าว และต้องเสยี เวลาในการ

12 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) ระบบเครือข่ายให้มปี ระสทิ ธภิ าพมากข้นึ ผู้ใช้งานระบบ กรอบแนวคิดในการวิจยั เครือข่ายสามารถขอรับบรกิ ารได้ทุกท่ที ุกเวลา เพ่ือช่วย กรอบแนวความคดิ ของงานวิจยั น้กี ารวจิ ัยและ ในการตัดสินใจในการบริหารงานด้านระบบเครือข่าย ของผ้บู ริหารและยงั เป็นการพัฒนาความร้คู วามสามารถ การพัฒนา (Research and Development, R&D)ผ้วู จิ ยั ข อ ง ผู้ วิ จั ย เพ่ื อ ป ร ะ โย ช น์ ข อ ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย ร า ช ภั ฏ ใช้หลักวงจรการพัฒนาระบบ (System Development เชยี งใหม่ Life Cycle: SDLC) เป็ นแนวทางในการพัฒนาระบบ วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศกับฐานข้อมูลผู้ใช้ ระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เพ่ือให้ 1. ศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคจากการ งานบริการด้านระบบเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากข้ึน บริการผู้ใช้ ระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏ ผ้ใู ช้งานระบบเครือข่ายสามารถขอรับบริการได้ทุกท่ที ุก เชยี งใหม่ เวลา เพ่ือช่วยในการตัดสินใจในการบริหารงานด้าน ระบบเครือข่ายของผู้บริหาร และยังเป็ นการพัฒนา 2. พัฒนาระบบสนับสนุนการบริการด้ าน ค ว า ม ร้ ู ค ว า ม ส า ม า ร ถ ข อ ง ผ้ ู วิ จั ย เพ่ื อ ป ร ะ โย ช น์ ข อ ง ระบบเครือข่ายคอมพิ วเตอร์ด้ วยการบูรณ าการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชยี งใหม่ ฐานข้อมลู ผ้รู ับบริการของมหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่ จากภาพท่ี 1 การวิจัยคร้ังน้ีเป็ นการพัฒนา 3. ศึกษ าความพึ งพ อใจของผู้ใช้ ระบบ ระบบสนับสนุ น การบริการด้ านระบบเครือข่าย สนับสนุนการบริการด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการฐานข้อมูลผู้รับบริการ ด้ วยก ารบู รณ าก ารฐาน ข้ อ มู ล ผู้ รับ บ ริการขอ ง ของมห าวิทยาลัยราชภั ฏเชียงให ม่ ผู้วิจัยได้ ใช้ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ แนวความคิดการพัฒนาระบบงานตามแบบวงจรการ พั ฒ น าระบ บ (System Development Life Cycle : SDLC) [1] โดยมกี ารดาเนินการตาม 7 ข้นั ตอน ดงั น้ี Input สารวจปัญหาและความต้องการการบรกิ ารผ้ใู ช้ระบบเครอื ข่าย เพ่อื ใช้เป็นข้อมลู ในการวิเคราะหป์ ัญหา และ ศกึ ษาเอกสาร และวิจัยท่เี ก่ยี วข้องกบั ระบบ Process เกบ็ รวบรวมข้อมูลผ้ใู ช้งานระบบเครอื ข่าย วเิ คราะห์และออกแบบระบบงานใหม่ และ ฐานข้อมูลผ้ใู ช้งานระบบเครือข่าย ของ ทดลองใช้ และสารวจความพึงพอใจ และ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ ปรบั ปรงุ ระบบให้ตรงตามข้อเสนอแนะ พัฒนาระบบสนับสนุนการบริการด้านระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการ ฐานข้อมูลผู้รับบริการของมหาวทิ ยาลัย ราชภัฏเชียงใหม่ Output ระบบสนบั สนุนการบรกิ ารด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรด์ ้วยการบูรณาการฐานข้อมลู ผ้รู ับบรกิ ารของ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ Outcome - นกั ศกึ ษา อาจารย์ และบคุ ลากรได้รบั การบริการท่รี วดเรว็ และสามารถขอใช้บรกิ ารได้ทกุ ท่ที กุ เวลา - ได้สารสนเทศท่ชี ่วยในการตดั สนิ ใจในการบรหิ ารงานด้านระบบเครือข่ายของผ้บู รหิ ารสานักดจิ ิทลั เพ่ือ การศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่ - นักศกึ ษา อาจารย์ และบคุ ลากรมคี วามพึงพอใจในการให้บรกิ ารด้วยระบบการบูรณาการเทคโนโลยี สารสนเทศกบั ฐานข้อมลู ผ้ใู ช้ระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่ มากข้ึนร้อยละ 10 % ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั ระบบสนบั สนุนการบริการด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรด์ ้วยการ บูรณาการฐานข้อมลู ผ้รู บั บริการของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 13 ภาพที่ 2 แผนภาพกระแสข้อมลู (Data Flow Diagram : DFD) ข้นั ตอนท่ี 1 การศึกษา สารวจปัญหาระบบงานเดิม ข้นั ตอนท่ี 4 พัฒนาและทดสอบระบบ โดยการวิจัย การบริการผู้ใช้ระบบเครือข่าย เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการ คร้ังน้ีโดยใช้โปรแกรม Sublime Text 3 ในการจัดทา วเิ คราะห์ปัญหา และศกึ ษาความเป็นไปได้ในการพัฒนา และใช้ภาษา PHP ในการเขยี นโปรแกรม และโปรแกรม ระบบ โดยใช้ แบบสอบถามสอบถามปัญหาการใช้ ท่ีใช้ เช่ือมฐานข้ อมูล MySQL โดยมี phpMyAdmin บริการระบบงานเดมิ จาลองเป็น Client และ Server ข้ันตอนท่ี 2 การวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน ข้ันตอนท่ี 5 ติดต้ังและทดลองใช้ งานระบบ ให ม่ โด ย น าค ว าม ต้ อ งก าร ท่ี ได้ จ าก ก ารต อ บ สารสนเทศเรียบร้อยแล้ ว มีการอบรมการใช้ ระบบ แบบสอบถามของผู้ใช้ระบบเครือข่ายเดิม มาทาการ สารสน เท ศ เพ่ื อส ร้ างค วาม เข้ าใจใน การใช้ ระบ บ แ ก่ วิเคราะห์และออกแบบระบบงานใหม่ในการพัฒนา โดย นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏ การส ร้ าง ผั งการไห ล ข้ อมู ล รวบ ยอด ( Context เชยี งใหม่ Diagram) ผังการแยกฟั งก์ชัน งาน ย่ อย ( Decom position Diagram) ผั งการไห ลข้ อมู ล (Data Flow ข้นั ตอนท่ี 6 จัดสร้างค่มู ือและประชาสมั พันธก์ ารใช้ Diagram) โมเดลจาลองความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล งาน ระบ บ ส นั บ สนุ น ก ารบ ริก ารด้ าน ระบ บ เค รือข่ าย (ER Diagram) พจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) คอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการฐานข้อมูลผู้รับบริการ การออกแบบข้อมูลเชิงแนวคิด(Conceptual Design) ของมหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่ และ การออกแบบข้ อมูลเชิงกายภาพ (Physical Design) ข้ันตอนท่ี 7 ติดต้ังและทดลองใช้ งานระบบ สารสนเทศดังกล่าว พร้อมประเมินความพึงพอใจของ ข้ัน ต อน ท่ี 3 การออกแบ บ (Design)ใน การ การใช้งานระบบสารสนเทศ เพ่ือหาข้อผิดพลาดและทา ออกแบบการออกระบบมลี ักษณะการทางานแผนภาพ การปรบั แก้ระบบให้ได้ประสทิ ธภิ าพมากท่สี ดุ กระแสข้อมูล (Data Flow Diagram : DFD) ดังภาพ ท่ี 2 2. วสั ดุและวิธีการ การวิจัยคร้ังน้ี เป็ น การวิจัยและพั ฒ น า (Research and Development)

14 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง ค ณ ะ ก ร ร ม ก าร ป ร ะ จ า จ ริ ย ธ ร ร ม ก า ร วิ จั ย ใ น ม นุ ษ ย์ ประชากรท่ใี ช้ในการศึกษาวิจัย คือ นักศึกษา มห าวิท ยาลั ย ราช ภั ฏ เชียงให ม่ (เอกสารเล ขท่ี IRBCMRU 2019/013.03.01) โดยมีวิธใี นการเกบ็ ท่ีกาลังศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ปี รวมรวมข้อมูล จาแนกตามประเภทข้อมลู ดงั ต่อไปน้ี การศึกษา 2557–2561 [2] [3] อาจารย์ [4] และ บุคลากร [5] ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 1. ข้อมูลแบบปฐมภมู ใิ ช้การสารวจภาคสนาม ประชากรจานวน 11,005 คนแบ่งเป็ น นักศึกษา โดยการเกบ็ ข้อมลู จากแบบสอบถาม จานวน 10,500 คน อาจารย์ จานวน 275 คน และ บุคลากร จานวน 230 คน กล่มุ ตวั อย่างท่ใี ช้ในการวิจยั 2. ข้อมลู แบบทุตยิ ภมู ิ ศึกษาข้อมลู ท่เี ก่ยี วข้อง ในคร้ังน้ี โดยคานวณจากสูตรของ Taro Yamane [6] จากหนังสอื ท่วั ไป หนังสอื ตารา หนังสอื คู่มอื การทางาน คานวณท่คี ่า 95 เปอร์เซน็ ต์โดยกระจายตามกลุ่มแบบ รายงานความก้าวหน้าทางวทิ ยาการ ตลอดจนบทคดั ย่อ โควตาคอื นักศกึ ษาท่กี าลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลยั ราช งานวิจัย ภัฏเชียงใหม่ ปี การศึกษา 2557-2561 จานวน 187 การวิเคราะหข์ อ้ มูล คน อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จานวน 113 คนและบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จานวน 1. นาแบบสอบถามท้ังหมดมาตรวจสอบ 100 คน รวมท้งั ส้นิ 400 คน ความสมบูรณ์ความถูกต้ องในการตอบแบบสอบถาม เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวิจยั แล้วนามาคัดเลือกฉบับท่ีสมบูรณ์ เพ่ือนามาวิเคราะห์ ข้อมูลโดยการบันทึกคะแนนแต่ละข้อของแต่ละคนลง เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล มี ในแบบลงรหัส (Coding Form) แบบสอบถาม จานวน 2 ชุด คือ แบบสอบถามเพ่ือ สารวจปัญหาการรับบริการด้านระบบเครือข่าย และ 2 . ด า เนิ น ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล จ า ก แบบสอบถามเพ่ือประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งาน แบบสอบถามโดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู เพ่ือการวจิ ัยทาง ระบบ โดยมีหลักเกณฑก์ ารให้คะแนนความคิดเห็น ซ่ึง สงั คมศาสตร์ มีลักษณะเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating การวิเคราะหข์ อ้ มูล Scale) มี 5 ระดบั คอื มากท่สี ดุ (5 ) มาก (4 ) ปาน กลาง (3 ) น้อย (4 ) และ น้อยท่สี ดุ (1 ) 1. ข้ อมูลเก่ียวกับสถานภาพของผู้ตอบ แบบสอบถาม ประกอบด้วยเพศ สถานภาพ หน่วยงาน แบบสอบถามท้งั 2 ชุดได้เสนอต่อผู้เช่ียวชาญ ท่ีสงั กัด วิเคราะห์โดยใช้ค่าความถ่ี (Frequency) และ จานวน 3 ท่าน เพ่ือตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมอื การหา ค่าร้อยละ (Percentage) ค่ าค ว าม ต ร ง ( IOC) แ ล ะ ห าค่ าค ว า ม เช่ื อ ม่ั น (Reliability) ของแบบสอบถามเพ่ือสารวจปัญหาการ 2. ระดับความคิดเห็นของการสารวจปัญหา ใช้บริการระบบเครือข่าย ผลการทดสอบ ได้ค่าความ การบรกิ ารด้านระบบเครอื ข่าย และแบบสารวจความพึง ตรง (IOC) = 1 แสดงว่าข้ อคาถามสอดคล้ องกับ พอใจในการใช้ ระบบสนับสนุ นการบริการด้ านระบบ วัตถุประสงค์ แบบสอบถามได้ ค่าความเช่ือม่ัน = เครือข่ายคอมพิ วเตอร์ด้ วยการบูรณ าการฐาน ข้ อมู ล 0.946 แสดงว่าแบบสอบถามมีความเช่ือถือได้ และ ผู้รับบริการของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยใช้ แบบสอบถามเพ่ือสารวจความ พึงพอใจของผู้ใช้งาน ค่าเฉล่ยี (Mean) และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (Standard ระบบ ผลการทดสอบ ได้ ค่าความตรง (IOC) = 1 Deviation) ของคะแนนจากการตอบแบบสอบถาม แสดงว่าข้อคาถามสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ได้ค่า สถติ ิที่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล ความเช่ือม่ัน = 0.957 แสดงว่าแบบสอบถามมีความ เช่ือถือได้ เช่นเดียวกนั ด้านการพัฒนาระบบผู้วิจัยได้ สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู ได้แก่ พัฒนาโดยใช้ภาษา PHP และใช้โปรแกรม MySQL 1. ค่าร้อยละ (Percent) ใช้ สาหรับอธิบาย เพ่ือสร้างฐานข้อมลู ของระบบ การเก็บรวมรวมขอ้ มูล ข้อมลู ปัจจยั ส่วนบุคคล 2. ค่าเฉล่ีย (Mean) ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การวิจัยในคร้ังน้ีได้ทาการเกบ็ รวบรวมข้อมูล จากผู้เก่ียวข้องกับการใช้งานระบบ ได้แก่ นักศึกษา (Standard Deviation) ใช้ สาหรับการอธิบายระดับ อาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ความคิดเห็นเก่ียวกบั ปัญหาด้านการบริการด้านระบบ ได้ รับการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ จาก เครือข่ายและความคิดเห็นความพึงพอใจในการใช้ ระบบสนับสนุ น การบริการด้ านระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการฐานข้อมูลผู้รับบริการ ของมหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 15 3. ผลการวิจยั และอภิปรายผล เชยี งใหม่ รวมท้งั ประเมนิ ผลความพึงพอใจของผ้ใู ช้งาน ระบบดังกล่าว ดาเนินการพัฒนาด้วยโปรแกรมภาษา ผลการพัฒนาระบบสนับสนุนการบริการด้าน PHP ร่วมกับฐานข้อมูล MySQL สามารถใช้งานผ่าน ระบบเครือข่ายคอมพิ วเตอร์ด้ วยการบูรณ าการ ทาง Web Browser ได้ ท้ังอุปกรณ์ PC และอุปกรณ์ ฐานข้อมลู ผ้รู บั บรกิ ารของมหาวิทยาลัยราชภฏั เชียงใหม่ Smart Phone จากภาพท่ี 3 ส่วนของผู้ดูแลระบบ 1. สรปุ ได้ดงั น้ี ผ้ดู ูแลระบบสามารถบริหารจดั การ 1) เครอื ข่ายไร้สาย (CMRU-WiFi) 2) เครือข่ายเสมือนส่วนตัว(VPN) 1. ผลการพัฒนาระบบสนับสนุนการบริการ 3) จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (CMRU-MAIL) และ 4) ด้ าน ระบบเครือข่ายคอมพิ วเตอร์ด้ วยการบูรณ าการ พ้ืนท่เี วบ็ ไซต์ (Web Hosting) ผ่านทาง Web Browser ฐานข้อมลู ผ้รู ับบริการของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้ 2. สามารถเช่ือมต่อฐานข้อมูลไปยังฐานข้อมูล มผี ู้เช่ียวชาญ จานวน 3 ท่านในการตรวจสอบคุณภาพ นักศึกษาและฐานข้ อมูลบุคลากรเพ่ื อนามาเป็ น เคร่ืองมือ ห ลังจากน้ั น ได้ ท าการเก็บรวบ รวม ฐานข้อมูลกลางเพ่ือใช้ในการเข้าสรู่ ะบบของผู้ใช้งานผล แบบสอบถามเพ่ือสารวจปัญหา และนาปัญหามาพัฒนา การวิเคราะ ห์ ข้ อมู ลความ คิดเห็นเก่ียวกับ ปั ญ ห าการ ระบบ และได้ดาเนินการทดลองใช้ระบบโดยผู้บริหาร อาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏ ภาพที่ 3 แสดงระบบสนับสนุนการบริการด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยการบูรณาการฐานข้อมูลผ้รู ับบริการ ของมหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่ (ส่วนของผ้ดู แู ลระบบ) ตารางที่ 1 แสดงข้อมูลจานวน และค่าร้อยละของกล่มุ ตวั อย่างของมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ (n=400) ขอ้ มูลทวั่ ไปของกล่มุ ตวั อย่างมหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ จานวน รอ้ ยละ เพศ ชาย 182 45.50 หญงิ 218 54.50 รวม 400 100.00 สถานภาพ ผ้บู ริหาร 8 2.00 นักศกึ ษา 190 47.50 อาจารย์ 107 26.75 บุคลากร 95 23.75 รวม 400 100.00

16 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) ตารางที่ 2 แสดงผลของระดับความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหาการบริการด้านระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏ เชียงใหม่ ในภาพรวม ขอ้ รายการ ผลความคิดเห็น ระดบั ความ ������̅ S.D คิดเห็น 1. การให้บรกิ ารเครอื ข่ายไร้สาย (CMRU-WiFi) มาก 2. การให้บริการเครือข่ายเสมอื นสว่ นตวั (VPN) 3.84 0.805 มาก 3. การให้บริการจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (CMRU-MAIL) 3.64 0.858 มาก 4. การให้บริการพ้ืนท่เี วบ็ ไซต์ (Web Hosting) 3.66 0.827 มาก 3.59 0.832 มาก โดยภาพรวม 3.68 0.836 ตารางที่ 3 แสดงผลระดบั ความพึงพอใจในการใช้ระบบการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศกบั ฐานข้อมูลผู้ใช้ระบบ เครือข่าย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ในภาพรวม ขอ้ รายการ ผลความคิดเห็น ระดบั ความ ������̅ S.D คิดเห็น 1. ด้านประสทิ ธภิ าพและประโยชนข์ องระบบ มาก 2. ด้านการออกแบบระบบการใช้งาน 4.20 0.853 มาก 3. ด้านการสนบั สนุนและการให้บรกิ ารการใช้งาน 4.19 0.882 มาก 4.02 0.917 มาก โดยภาพรวม 4.16 0.994 บริการด้ านระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏ จานวน 95 คิดเป็ นร้อยละ 23.75 และผู้บริหาร มี เชียงใหม่ จากกลุ่มตวั อย่าง และผลการวิเคราะห์ความ จานวนน้อยท่สี ดุ จานวน 8 คน คดิ เป็นร้อยละ 2 คิดเห็นความพึ งพอใจใน การใช้ ระบบการบูรณ าการ เทคโนโลยีสารสนเทศกบั ฐานขอมูลผู้ใช้ระบบเครือข่าย ผ ล ก า ร วิ จั ย เ ก่ี ย ว กั บ ร ะ ดั บ ค ว า ม คิ ด เ ห็ น มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่จากกล่มุ ตวั อย่าง เก่ียวกับ ปั ญ ห าการบริการด้ าน ระบ บเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ในภาพรวม จากตาราง อภิปรายผล ท่ี 2 จะเห็นได้ว่า การให้บริการด้านระบบเครือข่ายท้งั จากผลการศึกษาสภาพและอุปสรรคจากการ 4 ด้าน ได้แก่ การให้บริการเครือข่ายไร้สาย (CMRU- WiFi) การบริการจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (CMRU- บริการผู้ใช้ ระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏ MAIL) การบริการพ้ืนท่ีเวบ็ ไซต์ (web hosting) และ เชียงใหม่ พบว่า ข้อมูลท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การบริการเครือข่ายเสมือนส่วนตัว (VPN) มีระดับ ระบบการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศกบั ฐานข้อมูล ความคิดเหน็ อยู่ในเกณฑม์ ากทุกด้าน ผู้วจิ ัยได้นาข้อมูล ผู้ใช้ ระบบเครือข่าย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ท่ีได้ จากการสอบ ถามเก่ียวกับปั ญ ห าการบริการด้ าน จาแนกได้ดงั น้ี ระบบเครือข่ายนามาพัฒนาระบบสนับสนุนการบริการ การบริการด้ านระบบเครือข่ายด้ วยการบูรณาการ จากตารางท่ี 1 สามารถแสดงรายละเอยี ดดงั น้ี ฐานข้อมูลผู้รับบริการเพ่ือช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ เพศ จากการวิจัยพบว่า เพศของผู้ตอบ ของผ้รู หิ าร เช่น การเรยี กดสู ถติ กิ ารให้บรกิ าร หลงั จาก แบบสอบถาม สว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 218 คน น้ันได้ ทาการทดลองใช้ และประเมิน ความพึงพอใจใน คิดเป็ นร้อยละ 54.50 และเป็ นเพศชาย จานวน 182 แต่ละด้านของระบบ คน คดิ เป็นร้อยละ 45.50 สถานภาพ จากการวิจัยพบว่า สถานภาพของ จากผลการประเมินความพึงพอใจในแต่ละ ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็ นนักศึกษา จานวน ด้านของระบบน้ัน ตามตารางท่ี 3 สามารถพิจารณาผล 190 คน คิดเป็ นร้อยละ 47.50 รองลงมาอาจารย์ ของความพึ งพ อใจของการใช้ ระบบใน ภาพ รวมของ จานวน 107คน คิดเป็ นร้ อยละ 26.75 บุคลากร ระบบคือ การพัฒนาระบบสนับสนุนการบริการด้าน

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 17 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้ วยการ บูรณ าการ ระบบท่ที าการพัฒนาข้ึนมาน้ันสามารถนาไปใช้งานจริง ฐานข้อมลู ผ้รู ับบรกิ ารของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชยี งใหม่ ได้ สอดคล้องกบั งานวจิ ัยของ พลู ศักด์ิ หลาบสดี า และ น้ั น ถือ ว่ าได้ ผ ลแ ละ ป ระส บ ค วาม สาเร็จใน ระดับ ท่ีดี นาคุณ ศรีสนิท [8] ได้ทาการออกแบบและพัฒนา สามารถแก้ไขปัญหาการขอใช้บริการระบบเครือข่ายท้งั ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การงานบรกิ ารของสายงาน 4 ด้านได้ เช่น ปัญหาด้านการขอรับบริการ กล่าวคือ เทคโนโลยีและสารสนเทศภายในบริษัท กรณีศึกษา กรณีผ้ ูใช้ ไปขอรับบริการแต่เจ้ าหน้ าท่ีผ้ ูรับผิดชอบติด บริษัทประกนั ภยั รวมท้งั หาประสทิ ธภิ าพ และความพึง ภารกิจอ่ืน ส่งผลให้ ผู้ขอใช้บริการต้องกลับมาติดต่อ พอใจของระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการงานบริการ ใหม่อีกคร้ัง ทาให้เสียเวลาและเกิดความล่าช้าในการ ของสายงานเทคโนโลยีและสารสนเทศท่ีได้พัฒนาข้ึน ขอรับบริการ และปัญหาในเร่ืองรายงานต่าง ๆ ท่ี โดยได้ พั ฒ น าระบบ ข้ ึน ใน รูป แบบเว็บแอพ พลิเคช่ัน ผู้บริหารต้องการใช้เพ่ือประกอบการตัดสินใจทางด้าน (Web Application) และได้นาหลักการพัฒนาระบบ การบริหารทรพั ยากรเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สอดคล้อง แบบ (System Development Life Cycle : SDLC) มา กับงานวิจัยของ ศัชชญาส์ ดวงจันทร์ [7] ได้ทาการ ใช้เพ่ือออกแบบและพัฒนาระบบ เคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการ พัฒนาระบบฐานข้อมูลการให้ บริการออนไลน์ ศูนย์ วิจัย คือ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการงานบริการ นวัตกรรมการเรียนร้เู พ่ือการพัฒนา มหาวิทยาลัยสวน ของสายงานเทคโนโลยีและสารสนเทศท่ีได้พัฒนาข้ึน ดุสิต จึงนาความรู้ท่ีได้ จากการใช้ ในการออกแบบ แบบสอบถามเพ่ือประเมินประสิทธิภาพของระบบ ฐานข้อมูลผู้ใช้งานระบบเครือข่ายเพ่ือนาข้อมูลท่ีเป็ น ส าร ส น เท ศ เพ่ื อ ก าร จั ด ก า ร ง า น บ ริ ก า ร ข อ ง ส า ย ง า น ประโยชน์อย่างมาก มาใช้ในการการวางแผนกลยุทธ์ เท คโน โล ยีแ ละสารสน เท ศ ท่ีป ระเมิ น โด ยกลุ่ ม และนโยบายของผู้บริหารสานักดิจิทัลเพ่ือการศึกษา ผู้เช่ียวชาญทางด้ านระบบ และแบบสอบถามเพ่ือ เน่อื งจากว่าระบบน้ที าให้ทราบได้ว่ามผี ้ใู ช้งานระบบมาก ประเมินความพึงพอใจของการใช้งานระบบสารสนเทศ น้อยแค่ไหน และส่วนใหญ่เข้าใช้งานข้อมูลออนไลน์ใน เพ่ือการจัดการงานบริการของสายงานเทคโนโลยีและ บริการอะไรบ้าง เม่ือได้ข้อมูลดังกล่าวแล้วกส็ ามารถ สารสนเทศท่ปี ระเมินโดยเจ้าหน้าท่ีท่เี ก่ียวข้องของสาย ทราบได้ว่า ผู้บริหารสานักดิจิทัลเพ่ือการศึกษา ควร งานเทคโนโลยีและสารสนเทศภายในบริษทั กรณศี ึกษา จะต้องดาเนินการอะไรบ้าง เช่น ช่วยในการตัดสินใจ บริษัทประกันภัย ผลของการศึกษาวิจัยพบว่า ผลการ จัดหาเคร่ืองแม่ข่าย อุปกรณ์ในการเช่ือมต่อสัญญาณ ประเมินประสิทธิภาพในการพัฒนาระบบสารสนเทศ อนิ เทอร์เนต็ มากเป็ นพิเศษ และจัดสรรงบประมาณใน เพ่ือ การจัดการงานบริการของสายงานเทคโนโลยีและ ส่วนน้ีมากข้นึ จากการพัฒนาระบบข้นึ มาใหม่น้ีผู้วิจยั มี สารสนเทศภายในบริษัทกรณศี ึกษาบริษัทประกนั ภัย มี ก ารวิเค ราะห์ ถึงค ว าม ต้ อ งก ารข อ งบุ ค ล าก รภ าย ใน ประสิทธภิ าพอยู่ ในเกณฑ์ท่ีดี มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.11 องคก์ ร แล้วนาข้อมลู ความต้องการต่าง ๆ มาประยุกต์ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.44 ท่ีความเช่ือม่ัน และทาการพัฒนาระบบ พบว่า การพัฒนาระบบ ของแบบสอบถามค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาเท่ากับ 0. สนับสนุนการบริการด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 9210 และผลการประเมินความพึงพอใจในการใช้งาน ด้ วยก ารบู รณ าก ารฐาน ข้ อ มู ล ผู้ รับ บ ริการขอ ง ระบบอยู่ในเกณฑ์ท่ีดี คือค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.29 ส่วน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ น้ันมคี วามสาคญั ต่อการ เบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ0.43 ท่ีความเช่ือม่ันของ จัดระบบการบริหารจัดการงานให้ เกิดประสิทธิภาพ แบบสอบถามค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาเท่ากับ 0.7493 ท้ังส้ิน โดยอาศัยหลักการพัฒนาระบบโดยยึดทฤษฎี ดังน้ัน ระบบสารสนเทศท่ีพัฒนาข้ึนน้ีสามารถนาไปใช้ ของ System Development Life Cycle(SDLC) เป็ น จริงได้ เทคนิคหน่ึงในการวางแผนเพ่ือการพัฒนาระบบและ แก้ไขหรือป้ องกันปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน ทาให้ การ จากผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่ม พัฒนาระบบออกมาได้ตรงตามความต้องการมากท่สี ดุ ตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ระบบสนับสนุนการบริการด้าน อกี ท้งั ประหยัดเวลาในกระบวนการพัฒนาระบบในด้าน ระบบเครือข่ายคอมพิ วเตอร์ด้ วยการบูรณ าการ คุณภาพและผลลัพธ์ท่ีได้น้ัน มีการประเมินความพึง ฐานข้อมูลผ้รู ับบริการของมหาวิทยาลยั ราชภัฏเชียงใหม่ พอใจของผู้ใช้ระบบและได้ผลลัพธ์อยู่ในเกณฑท์ ่ดี ี ซ่ึง สามารถตอบสนองความต้องการของนักศึกษา อาจารย์ จากผลการประเมินและทดลองใช้ระบบน้ัน สามารถท่ี และบคุ ลากรของมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเชยี งใหม่ สามารถ จะแก้ไขปัญหาท่ีกล่าวมาได้ โดยผลของการประเมิน แก้ปัญหาท่เี กดิ ข้นึ ได้และสามารถนาไปใช้งานจรงิ ได้ ความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบอยู่ในเกณฑ์ท่ีดี ดังน้ัน

18 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) 4. เอกสารอา้ งอิง 5. กองบริหารงานบุคคล มหาวิทยาลัยราชภัฏ เชยี งใหม่. จานวนบุคลากรสายสนับสนุน ประจาปี 1. โอภาส เอ่ยี มสริ วิ งศ.์ การวเิ คราะห์และออกแบบ งบประมาณ 2561 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ระบบ (System Analysis and Design). เชียงใหม่ [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเม่ือวันท่ี 14 กรงุ เทพมหานคร: ซเี อด็ ยูเคช่นั ; 2555. ธั น ว า ค ม 2 5 6 1 ] . เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://www.dhrm.cmru.ac.th/web58/datas/fil 2. สานักทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยราช e/tabenprawat/1539050962.pdf ภฏั เชียงใหม่. จานวนสาขาวิชาท่เี ปิ ดสอน ระหว่าง ปี การศึกษา 2557-2561 [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. [เข้าถงึ 6. ชูศรี วงศ์รัตนะ. เทคนิคการใช้สถิติเพ่ือการวิจัย. เม่ือวันท่ี 14 ธันวาคม 2561]. เข้าถึงได้ จาก พิมพ์คร้ังท่ี 12. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนคริ http://www.academic.cmru.ac.th/schedule/ch นทรวิโรฒ; 2553. ecksch/list.php 7. ศัชชญาส์ ดวงจันทร์. การพัฒนาระบบฐานข้อมูล 3. สานักทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยราช การให้บริการออนไลน์ ศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ ภั ฏเชียงให ม่ . จาน วน นั กศึ กษ า ระห ว่ างปี เพ่ือการพัฒนา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. วารสาร การศึกษา 2557-2561 [อนิ เทอร์เนต็ ]. [เข้าถึง เทคโนโลยีภาคใต้ 2559;9:1-9. เม่ือวันท่ี 14 ธันวาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก http://www.academic.cmru.ac.th/count/ 8. พูลศักด์ิ หลาบสีดา และ นาคุณ ศรีสนิท. การ พัฒนาระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการงานบริการ 4. กองบริหารงานบุคคล มหาวิทยาลัยราชภัฏ ของสายงานเทคโนโลยีและสารสนเทศภายใน เชียงใหม่. จานวนบุคลากรสายวิชาการ ประจาปี บริษัท: กรณีศึกษา บริษัทประกนั ภัยแห่งหน่ึงใน งบประมาณ 2561 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ กรุงเทพมหานคร. นเรศวรวิจัย 2559;12:237- เชียงใหม่ [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเม่ือวันท่ี 14 47. ธั น ว า ค ม 2 5 6 1 ] เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://www.dhrm.cmru.ac.th/web58/datas/fil e/tabenprawat/1539050962.pdf

Journal of Professional Routine to Research Volume 8, January-June 2021: 19-28 19 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) การศึกษาแนวทางการพฒั นาการดาเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน ของโรงเรียนในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 9 จงั หวดั สุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย A Study of Guidelines to Develop the Operation of Student Caring and Support System of School Administrators under the Suphanburi Secondary Educational Service Area Office 9, Phu Toei Cluster มาโนช ตญั ยงค*์ 1และ วชั รภัทร เตชะวฒั นศิรดิ ารง Manoch Tunyong* and Wacharapatr Techawattanasiridumrong บทคดั ย่อ การทาวิจยั คร้งั น้มี วี ตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาการดาเนนิ งาน สภาพการดาเนินงาน และแนวทางการพัฒนาการ ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนในสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 สุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าเฉล่ีย ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เน้อื หา ผลการวิจยั พบว่า 1) การดาเนินงานระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี นโดยผ้บู รหิ ารสถานศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มากท่สี ดุ เม่อื พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การดาเนนิ งาน ท่มี ีระดับสูงสุด คือ ด้านการบริหารจัดการ อนั ได้แก่ การออกคาส่ังแต่งต้งั คณะกรรมการ สนับสนุน ส่งเสริม และ ตดิ ตามการดาเนินงาน เป็นต้น 2) สภาพการดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก โดยสภาพการดาเนินงานท่ีมีระดับสูงสุด คือ ด้านการรู้จักนักเรียนเป็ นรายบุคคล และ 3) แนวทางการ พัฒนาการดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ได้แก่ ควรมีการจัดการอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ครูท่ี ปรึกษาเก่ยี วกบั กระบวนการดาเนนิ งานระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น คาสาคญั : แนวทางการพัฒนา/ การดาเนนิ งาน/ ระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน Abstract This research studied the operation, operating conditions and guidelines to develop the student care and support system of school administrators under The Suphanburi Secondary Educational Service Area office 9, Phu Toei school cluster. The research tool for collecting data was a questionnaire. The statistics used for data analysis were percentage, mean, and standard deviation. The research results were as follows: 1) Regarding the operation of the student care and support system by school administrators as a whole, the survey revealed, when each aspect was considered, that the highest rated issue is managing the system administration, such as issuing orders to appoint committees, supporting, promoting and following up operations, etc. 2) Regarding operating conditions as a whole, when each aspect was considered, the highest rated issue is knowing the students individually. 3) Regarding guidelines to develop the operation of a student care and support system, there should be training for providing knowledge and understanding to counselors about the process of operating the student support system. Keywords: Development Guidelines/ The Operation/ Student Caring and Support System สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั พระนครศรีอยุธยา Education Program in Educational Administration, Faculty of Education, Phranakhon Si Ayutthaya Rajabhat University *Corresponding author: [email protected] Received : 29 กรกฎาคม 2563/ Revised : 1 กนั ยายน 2563/ Accepted : 22 กนั ยายน 2563

20 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) 1. บทนา ในแนวทางเดยี วกนั ตามปณิธานท่วี ่า “เราจะไม่ท้งิ เดก็ แม้แต่คนเดียวไว้เบ้ืองหลัง” จึงได้ดาเนินการส่งเสริม การพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้ เป็ นมนุษย์ท่ีมี งานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ดังท่ไี ด้ระบุไว้ใน ความสมดุลท้ังทางด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มี ยุ ทธศ า ส ต ร์ ข อง ส า นั กง า นเ ข ต พ้ื น ท่ีกา ร ศึกษา จิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึด มัธยมศึกษาเขต 9 ยุทธศาสตร์ท่ี 2 เก่ียวกับการเพ่ิม ม่ันในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยโดยมี โอกาสการเข้าถึงบริการทางการศึกษาด้วยการส่งเสริม พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุข มีความรู้และทักษะ ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างท่ัวถึง [3] เพ่ือ พ้ืนฐานท่มี เี จตคตทิ ่จี าเป็นต่อการศกึ ษาต่อ เป็ นการส่งเสริมและป้ องกันมิให้ เกิดปัญหาแก่เด็ก นักเรียนโดยเฉพาะเด็กกลุ่มเส่ียง อีกท้ังเป็ นการ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต แก้ ปั ญหาให้ กับนักเรียนในเบ้ืองต้ น โรงเรียน ดังวิสยั ทศั น์ท่รี ะบุไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั มัธยมศึกษาในจังหวัดสุพรรณบุรี สังกดั สานักงานเขต พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง 2560) [1] พ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 ได้ดาเนินงานระบบ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 การดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเน่ือง ท้ังน้ีปัญหาท่ี มาตรา 6 ระบุวัตถุประสงค์และเป้ าหมายของการจัด พบได้ แก่ การนิเทศติดตาม การดาเนินงาน การ การศึกษาว่ า การจัดการศึกษาต้ อง เป็ นไปเพ่ือ ประสานงานกับผู้ปกครองนักเรียน และหน่วยงานท่ี วัตถุประสงค์ในการพัฒนาบุคคลให้มีความสมบูรณท์ ้งั เก่ียวข้อง [4] การวิจัยน้ีได้ศึกษาปัญหาการดาเนิน ร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา ความรู้ และคุณธรรม เป็นคน ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนบ้านแม่ต๋อม ดี มีวินัย ภูมิใจในชาติมีทักษะการเรียนรู้ทักษะอาชีพ อาเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ [5] พบว่าเกิดจาก และทักษะชีวิตท่ีสอดคล้ องและเท่าทันพัฒนาการของ ปัญหาของบุคลากรภายในโรงเรียนเป็ นส่วนใหญ่ คือ โลก มีโอกาสพัฒนาความถนัดของตนให้ เกิดความ ครขู าดความรู้ ความเข้าใจ ในการดาเนินงานระบบดูแล เช่ียวชาญได้ มีสานึกในความรับผิดชอบต่อครอบครัว ช่วยเหลือนักเรียน ขาดความชัดเจนในนโยบายและ ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ และสามารถอยู่ร่วมกับ วิธีการปฏิบัติงานในหน่วยงาน ข้อมูลนักเรียนไม่เป็ น ผู้อ่ืนได้อย่างผาสุก ส่งผลให้ระบบการดูแลช่วยเหลือ ปัจจุบัน ครูไม่สามารถติดตาม ดูแลนักเรียนได้อย่าง นักเรียนเป็นกระบวนการสาคญั กระบวนการหน่ึงในการ ท่ัวถึง เป็ นต้น จากสภาพปัญหาเด็กและเยาวชนท่ี พัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามวัตถุประสงคแ์ ละเป้ าหมาย เกดิ ข้ึนปัจจัยเส่ียงจากโรงเรียนอันได้แก่ ขาดความเอา ดงั กล่าว [2] ใจใส่นกั เรียนอย่างจรงิ จัง ขาดการจัดการท่เี หมาะสมต่อ การพิทกั ษ์ ปกป้ อง คุ้มครองและให้การดูแลช่วยเหลือ วิกฤตการณเ์ ดก็ และเยาวชนในปัจจุบนั มีความ นักเรียนอย่างท่วั ถึง ประกอบกับข้อมูลสารสนเทศทาง ซับซ้อนมากข้นึ ปัญหาและสภาพแวดล้อมบริบทต่าง ๆ การศึกษาปี การศึกษา 2560 ท่ีพบว่า โรงเรียนสังกัด ในสงั คมไม่ว่าจะเป็ นปัจจัยเส่ียงจากสภาพครอบครัวท่ี สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 9 จงั หวัด เป็นครอบครวั แตกแยก นยิ มใช้ความรนุ แรง ปล่อยปละ สุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย มีนักเรียนด้อยโอกาส ละเลย ปัจจัยเส่ียงจากชุมชนและสังคมท่ีอ่อนแอ ไม่ จานวน 2,799 คน จากท้งั หมด 11,914 คน หรือคิด เคารพกฎระเบียบของสังคม ละเลยต่อปัญหาของเดก็ เป็นร้อยละ 23 [6] และเยาวชน ปัจจัยเส่ียงจากเพ่ือนท่ีมีพฤติกรรมโน้ม เอียงไปในทางก้ าวร้ าว เส่ียงภัย ม่ัวสุมส่งผลต่อ ดงั น้นั จงึ สนใจศกึ ษาการดาเนนิ งาน สภาพการ พฤตกิ รรมและความปลอดภัยของเดก็ และเยาวชนด้าน ดาเนินงาน และแนวทางการพัฒนาการดาเนนิ งานระบบ การถูกล่วงละเมิดละเมิด ยาเสพติด และปัญหาอ่นื ๆ การดูแลช่วยเหลือนักเรยี นของโรงเรียนสงั กดั สานักงาน ตามมา สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 9 เขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัด ซ่งึ เป็นหน่วยงานท่จี ดั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน มหี น้าท่ดี ูแล สุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย เพ่ือให้เป็ นไปอย่างมี เดก็ นักเรียนครู บุคลากรทางการศึกษา ลูกจ้างประจา ประสทิ ธภิ าพเกดิ ผลดตี ่อเดก็ นักเรียนต่อไป พนักงานราชการและลูกจ้างช่ัวคราว โดยเฉพาะเดก็ นิยามคาศพั ทเ์ ฉพาะ นักเรียนจาเป็ นต้ องได้ รับการส่งเสริมพัฒนาตาม ศักยภาพของเดก็ นักเรียน และการปกป้ องคุ้มครองให้ 1. การดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือ ความช่วยเหลือและแก้ ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนกับเด็ก นักเรียน หมายถึง กระบวนการดาเนินงานระบบการ นักเรียน โดยผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องจะต้องมีแนวทางการ ดแู ลช่วยเหลือนักเรยี นอย่างเป็นระบบ มขี ้นั ตอน วธิ กี าร ปฏบิ ตั กิ ารค้มุ ครองและช่วยเหลอื เดก็ นักเรียนให้เป็นไป และเคร่อื งมอื ท่มี มี าตรฐาน คณุ ภาพ และมหี ลักฐานการ

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 21 ทางานท่ีตรวจสอบได้ ซ่ึงครอบคลุมด้านต่าง ๆ ซ่ึง กรอบแนวคิดในการวิจยั ได้แก่ ด้านนโยบาย ด้านบุคลากร ด้านการบริหาร การวิจัยน้ีมุ่งศึกษาแนวทางการพัฒนาการ จัดการ และด้านการมสี ว่ นร่วม ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของ 2. สภาพการดาเนินงานระบบการดูแล โรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา ช่วยเหลือนักเรียน หมายถึง สภาวการณ์ท่ีเป็นจริงของ เขต 9 จังหวัดสพุ รรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย จากการ โ ร ง เ รี ย น ใ น ก าร ด า เนิ นงา นร ะ บ บ ก า ร ดู แ ลช่ วย เ หลือ สังเคราะห์กระบวนการดาเนินงานระบบการดูแล นักเรียนใน 5 ข้ันตอนของระบบการดูแลช่วยเหลือ ช่วยเหลือนักเรียน ซ่ึงเป็ นกระบวนการดาเนินงานท่มี ี นักเรียน ซ่ึงได้แก่ การร้จู ักนักเรียนเป็นรายบุคคล การ องค์ประกอบสาคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1) การรู้จัก คัดกรองนักเรียน การส่งเสริมและพัฒนา การป้ องกนั นักเรียนเป็ นรายบุคคล 2) การคัดกรองนักเรียน 3) และแก้ไขปัญหา และการส่งต่อ การส่งเสริมนักเรียน 4) การป้ องกนั และการแก้ปัญหา 5) การส่งต่อ [7] อันสืบเน่ืองมาจากการดาเนินงาน 2. วสั ดุและวิธีการ ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซ่ึงเป็ นกระบวนการ บริหารงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็ น รปู แบบการศึกษาเป็นการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ โดย ระบบ มีข้ันตอน วิธีการ และเคร่ืองมือท่มี มี าตรฐาน มี มวี ัตถุประสงคด์ งั น้ี คุณภาพ และมีหลักฐานการทางานท่ตี รวจสอบได้ โดย ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น ด้านนโยบาย ด้านบุคลากร 1. เพ่ือศึกษาการดาเนินงานระบบการดูแล ด้านการบริหารจัดการ และด้านการมีส่วนร่วม จึงได้ ช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่ี เสนอเป็ นภาพแสดงกรอบแนวคิดในการวิจัยดังภาพ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสุพรรณบุรี สห ท่ี 1 วิทยาเขตพเุ ตย เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเป็ น 2. เพ่ือศึกษาสภาพการดาเนินงานระบบการ แบบสอบถามท่ีสร้ างข้ึน เพ่ือศึกษาการดาเนินงาน ดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขต สภาพการดาเนินงาน และแนวทางการพัฒนาการ พ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสุพรรณบุรี ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี น แบ่งเป็น สหวทิ ยาเขตพุเตย ดังน้ีการสอบถามสถานภาพของผู้ตอบใช้ แบ บ ตรวจสอบรายการ (Check list) ประกอบด้วย เพศ อายุ 3. เ พ่ื อ เ ส น อ แ น ว ท า ง ก า ร พั ฒ น า ก า ร การดารงตาแหน่ง ประสบการณ์ในการทางานและวุฒิ ด า เ นิ น ง า น ร ะ บ บ ก า ร ดู แ ล ช่ ว ย เ ห ลื อ นั ก เ รี ย น ข อ ง ทางการศึกษา การสอบถามความเห็นเก่ียวกับการ โรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา ดาเนินระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน กลุ่มตัวอย่างท่ี เขต 9 จังหวัดสพุ รรณบุรี สหวิทยาเขตพเุ ตย ใช้ ในการวิจัย คือ ผู้บริหารสถานศึกษา สภาพการ ขอบเขตการวิจยั ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็ นการ สอบถามแบบปลายปิ ดชนิดมาตรส่วนประมาณค่า 5 ประชากรท่ใี ช้ในการวิจยั คร้งั น้ี ได้แก่ ผ้บู ริหาร ระดับ ตามวิธีของ ลิเคิร์ท (Likert) และแนวทางการ สถานศึกษา และครูท่ีปรึกษา จากโรงเรียนสังกัด พัฒนาการดาเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ใช้ สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 9 จังหวัด วิธีเรียงลาดับจากส่ิงท่ีต้ องการพั ฒนามากท่ีสุดไปถึง สุพรรณบุรี สหวิทยเขตพุเตย ปี การศึกษา 2562 ซ่ึง ต้องการพัฒนาน้อยทสี ดุ 5 ลาดับ กลุ่มตวั อย่างท่ใี ช้ใน ประกอบด้วย 7 โรงเรียน ดังน้ี 1) โรงเรียนบรรหาร การวิจัย เก่ยี วกบั สภาพการดาเนินงานและแนวทางการ แจ่มใสวิทยา 3 2) โรงเรียนธรรมโชติศึกษาลัย 3) พัฒนาการดาเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน คือ โรงเรียนหนองหญ้าไซวทิ ยา 4) โรงเรยี นบรรหารแจ่มใส ครูท่ีปรึกษา ใช้แบบสอบถามสาหรับการวิจัยรวม 2 วิทยา 7 5) โรงเรียนด่านช้างวิทยา 6) โรงเรียนทุ่งคลี ฉบบั โคกช้างวิทยา และ7) โรงเรียนบ่อกรุวิทยา รวมท้งั ส้นิ 318 คน กลุ่มตัวอย่างท่ใี ช้ในการวิจัย คือ ผู้บริหาร การวิจัยน้ีได้นาแบบสอบถามท้ัง 2 ฉบับ ท่ี สถานศึกษา จานวน 7 คน กาหนดขนาดของกลุ่ม สร้างข้ึนสาหรับสอบถามผ้บู ริหารสถานศึกษา และครทู ่ี ตวั อย่างโดยการเลือกกลุ่มตวั อย่างแบบเจาะจง และครู ปรึกษาไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิจานวน 5 คน เพ่ือตรวจสอบ ท่ีปรึกษาโดยคานวณขนาดกลุ่มตัวอย่างจากการใช้ ตารางสาเร็จรูปของเครจซ่ีและมอร์แกน(Krejcie & Mogan) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างจานวน 175 คน รวม ท้งั ส้นิ 182 คน

22 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) การดาเนนิ งานระบบการ กระบวนการดาเนนิ งานระบบการดแู ล แนวทางการพัฒนาการ ดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน ช่วยเหลอื นกั เรยี น ดาเนนิ งานระบบการ 1.ด้านนโยบาย ดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น 2.ด้านบคุ ลากร 1.ด้านการร้จู กั นักเรยี นเป็นรายบคุ คล 3.ด้านการบรหิ ารจัดการ 2.ด้านการคดั กรองนักเรียน 4.ด้านการมสี ว่ นร่วม 3.ด้านการสง่ เสรมิ และพัฒนานักเรียน 4.ด้านการป้ องกนั และแก้ปัญหา 5.ด้านการสง่ ต่อ ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั ความเท่ียงตรงของ เน้ือหา (IOC) โดยคัดเลือกเฉพาะ ค่าเฉล่ยี 2.50–3.49 ระดบั ปานกลาง, ค่าเฉล่ีย 1.50– ข้อคาถามท่ีมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.60 - 2.49 ระดบั น้อย, 1.00 นาแบบสอบถามไปทดลองใช้ (Try out)กับ ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า แ ล ะ ค รู ท่ีป รึ ก ษ า ท่ีไ ม่ ใ ช่ ก ลุ่ ม ค่าเฉล่ีย 1.00–1.49 ระดบั น้อยท่สี ดุ สาหรับ ตวั อย่างในการวจิ ัย ชุดละจานวน 30 คน เพ่ือวิเคราะห์ แนวทางการพัฒนาการดาเนินงานระบบการดูแล ค่าความเท่ียง (Reliability) ของแบบสอบถามโดยใช้ ช่วยเหลือนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจง สูตรสัมประสิทธ์ิแอลฟาของครอนบาค (Cronbach’ ความถ่ี และค่าร้อยละ (%) ของการพิจารณาเลือกใน alpha coefficient) ผลการวเิ คราะห์พบว่าแบบสอบถาม แต่ละลาดบั สาหรับผู้บริหารและครูท่ีปรึกษาได้ค่าความเท่ียงตรง เท่ากับ 0.933 และ 0.974 ตามลาดับ จากน้ันจึงทา 3. ผลการวิจยั และอภิปรายผล หนังสอื ขอความร่วมมือในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลออก โ ด ย ส า นั ก ง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร บั ณ ฑิ ต ศึ ก ษ า จ า ก ผลการวิจยั มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ถึงผู้บริหาร 1. การดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือ สถานศกึ ษาและครทู ่ปี รึกษาซ่งึ เป็นกลุ่มตวั อย่าง นกั เรยี นของโรงเรียนสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา การวเิ คราะห์ข้อมูล ดาเนนิ การวเิ คราะห์ข้อมูล มัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุ สภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยใช้การแจก เตย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด โดยการ แจงความถ่ี และค่าร้อยละ (%) การดาเนินงานและ ดาเนินงานท่ีมีระดับสงู สุด คือ ด้านการบริหารจัดการ สภาพการดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน รองลงมาคอื ด้านบุคลากร ด้านการมสี ว่ นร่วม และด้าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉล่ีย (������̅) และส่วนเบ่ียงเบน นโยบาย ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 1 มาตรฐาน (S.D.) ท่ไี ด้จากแบบสอบถามจะถูกประเมนิ เป็ น 5 ระดับ ตาม Likert Scale ดังน้ีค่าเฉล่ีย 4.50– การวิเคราะห์การดาเนินงานสงู สุดแต่ละด้าน 5.00 ระดับมากท่สี ดุ , ค่าเฉล่ีย 3.50–4.49 ระดบั มาก, ของการดาเนินงานของระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน ดงั ตารางท่ี 2 ตารางที่ 1 แสดงระดบั การดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยภาพรวม รายการ N ระดบั การดาเนนิ งาน ลาดบั 1. ด้านนโยบาย ���̅��� S.D. แปลผล 2. ด้านบคุ ลากร 3. ด้านการบริหารจดั การ 7 4.55 0.59 มากท่สี ดุ 4 4. ด้านการมสี ่วนร่วม รวมเฉล่ยี 7 4.72 0.51 มากท่สี ดุ 2 7 4.75 0.46 มากท่สี ดุ 1 7 4.69 0.51 มากท่สี ดุ 3 4.67 0.51 มากท่สี ดุ -

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 23 ตารางที่ 2 สรุปผลการวิเคราะห์การดาเนินงานสงู สดุ แต่ละด้านของการดาเนินงานของระบบการดูแลช่วยเหลือ นกั เรยี น (N=7) รายการ ระดบั การดาเนินงาน ���̅��� S.D. แปลผล ด้านนโยบาย 5.00 0.00 มากท่สี ดุ ผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาแต่งต้งั คณะกรรมการดาเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น ด้านบคุ ลากร 5.00 0.00 มากท่สี ดุ ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาสง่ เสริมให้ครทู ่ปี รกึ ษาจดั เกบ็ ข้อมลู นกั เรียนเป็นรายบุคคล ด้านการบริหารจัดการ 5.00 0.00 มากท่สี ดุ ผ้บู ริหารสถานศึกษามคี าส่งั แต่งต้งั คณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพ่ือวางแผนการ บรหิ ารงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้านการมสี ่วนร่วม 5.00 0.00 มากท่สี ดุ ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาสง่ เสรมิ ให้ครทู ่ปี รึกษาได้มสี ว่ นร่วมในการดาเนนิ โครงการเพ่ือ แก้ปัญหาเดก็ กลุ่มเส่ยี งและกล่มุ มปี ัญหา การวิเคราะห์การดาเนินงานต่าสุดแต่ละด้าน ปัญหา ด้ านการคัดกรองนักเรียน ด้ านการส่งต่อ ของการดาเนนิ งานของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักเรยี น ด้านการส่งเสรมิ และพัฒนานกั เรยี นตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 3 ดงั ตารางท่ี 4 2. สภาพการดาเนินงานระบบการดูแล การวิเคราะห์สภาพการดาเนินงานต่าสดุ แต่ละ ช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขต ด้ านของการดาเนินงานข องระบบการดูแลช่ วยเหลือ พ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสุพรรณบุรี นักเรียน ดงั ตารางท่ี 5 สหวิทยาเขตพุเตย โดยรวมอยู่ในระดบั มาก โดยสภาพ การดาเนินงานท่มี รี ะดบั สงู สดุ คอื ด้านการร้จู กั นกั เรียน กา รวิ เ ครา ะ ห์ แน ว ทา ง กา รพั ฒ น า กา ร เป็นรายบุคคล รองลงมาคือ ด้านการป้ องกนั และแก้ไข ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียนท่ไี ด้รับการ พิจารณาลาดับความสาคัญสูงสุดของแต่ละด้าน ดัง ตารางท่ี 6 ตารางที่ 3 สรปุ ผลการวเิ คราะห์การดาเนนิ งานต่าสดุ แต่ละด้านของการดาเนนิ งานของระบบการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน (N=7) รายการ ระดบั การดาเนนิ งาน ���̅��� S.D. แปลผล ด้านนโยบาย 4.14 0.69 มาก ผ้บู ริหารสถานศึกษามแี ผนกากบั ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการส่งตอ่ 4.43 0.78 มาก ด้านบุคลากร ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาสง่ เสรมิ ให้ครทู ่ปี รกึ ษาได้ร้สู ภาพปัญหาของนกั เรียนก่อน 4.43 0.78 มาก สง่ เสริมและพัฒนา ด้านการบริหารจัดการ 4.29 0.75 มาก ผ้บู ริหารสถานศกึ ษากาหนดให้สถานศึกษามกี ารเผยแพร่การดาเนินงานระบบการ ดูแลช่วยเหลือนกั เรียน ด้านการมสี ่วนร่วม ผู้บริหารสถานศึกษาสง่ เสริมให้ครทู ่ปี รึกษาได้มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ทุกข้นั ตอน

24 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) ตารางที่ 4 แสดงระดบั สภาพการดาเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นโดยรวมและรายด้าน (N=175) รายการ ระดบั สภาพการดาเนนิ งาน ลาดบั ���̅��� S.D. แปลผล 1. ด้านการร้จู กั นกั เรยี นเป็นรายบคุ คล 3.99 0.93 มาก 1 2. ด้านการคดั กรองนักเรยี น 3.95 0.96 มาก 3 3. ด้านการสง่ เสรมิ และพัฒนานกั เรียน 3.91 0.94 มาก 5 4. ด้านการป้ องกนั และแก้ไขปัญหา 3.96 0.94 มาก 2 5. ด้านการสง่ ต่อนกั เรียน 3.93 0.91 มาก 4 รวมเฉล่ยี 3.94 0.93 มาก - ตารางที่ 5 สรปุ ผลการวเิ คราะห์สภาพการดาเนินงานต่าสดุ แต่ละด้านของการดาเนนิ งานของระบบการดแู ลช่วยเหลือ นักเรยี น (N=175) รายการ ระดบั สภาพการดาเนนิ งาน ลาดบั ̅������ S.D. แปลผล 1 1.ด้านการร้จู ักนักเรียนเป็นรายบคุ คล 3.17 1.19 มาก 2 ครทู ่ปี รกึ ษาได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณในการเย่ยี มบ้านนกั เรียน 3.79 0.93 มาก 4 2.ด้านการคดั กรองนกั เรยี น 5 ครทู ่ปี รกึ ษาได้รับการสนับสนุนเคร่ืองมอื ต่าง ๆ เพ่ือให้การคดั กรอง 3.85 0.95 มาก 3 ข้อมูลนักเรียนเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 3.ด้านการสง่ เสรมิ และพัฒนานกั เรียน 3.87 1.02 มาก ครทู ่ปี รกึ ษาได้รบั การสนับสนุนเคร่ืองมอื ต่าง ๆ เพ่ือให้ได้ร้สู ภาพปัญหา หรอื ศกั ยภาพของนักเรียนก่อนสง่ เสริมและพัฒนา 3.82 1.01 มาก 4.ด้านการป้ องกนั และแก้ไขปัญหา ครทู ่ปี รึกษามเี พียงพอกบั จานวนนักเรียนทาให้การดแู ลช่วยเหลือ นกั เรียนเป็นไปอย่างทว่ั ถงึ 5.ด้านการสง่ ต่อนักเรยี น ครทู ่ปี รกึ ษาทราบข้นั ตอนการดาเนนิ งานด้านการสง่ ต่อนักเรยี นตาม ระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นท้งั ภายในและนอกโรงเรยี น ตารางที่ 6 สรปุ ผลการวเิ คราะหแ์ นวทางการพัฒนาการดาเนนิ งานระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียนท่ไี ด้รับการ พิจารณาลาดบั ความสาคญั สงู สดุ ของแต่ละด้าน รายการ N รอ้ ยละ ลาดบั 1.ด้านการร้จู ักนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล 74 42.29 3 ควรจดั การอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจแกค่ รทู ่ปี รึกษาเก่ยี วกบั กระบวนการ 53 30.28 5 ดาเนนิ งานระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน 2.ด้านการคดั กรองนักเรียน ควรส่งเสริมให้ครทู ่ปี รึกษากาหนดแผนปฏบิ ตั งิ านคดั กรองนกั เรยี น

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 25 ตารางที่ 6 สรปุ ผลการวเิ คราะห์แนวทางการพัฒนาการดาเนนิ งานระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนท่ไี ด้รบั การ พิจารณาลาดบั ความสาคญั สงู สดุ ของแต่ละด้าน (ต่อ) รายการ N รอ้ ยละ ลาดบั 3.ด้านการสง่ เสรมิ และพัฒนานักเรียน 73 40.17 4 ควรอบรมให้ความร้แู ละประสบการณเ์ ก่ยี วกบั การดาเนนิ งานด้านการสง่ เสริมและ 76 43.42 2 พัฒนานกั เรียนแก่ครทู ่ปี รึกษา 80 45.71 1 4.ด้านการป้ องกนั และแก้ไขปัญหา ควรอบรมให้ครทู ่ปี รึกษามคี วามร้คู วามเข้าใจ และความพร้อมในการให้คาปรึกษา เบ้อื งต้นแกน่ ักเรยี น 5.ด้านการสง่ ต่อนักเรยี น ควรอบรมครทู ่ปี รกึ ษาให้มที กั ษะ และการตดั สนิ ใจท่ดี สี าหรับการดาเนนิ งานด้าน การส่งต่อนักเรียน อภิปรายผล ดาเนินโครงการเพ่ือแก้ปัญหาเดก็ กลุ่มเส่ยี งและกลุ่มมี 1. การดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือ ปัญหา และการดาเนินงานต่าสุด ได้แก่ ผู้บริหาร สถานศึกษาส่งเสริมให้ครูท่ปี รึกษาได้มีส่วนร่วมในการ นักเรียนของผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนสังกัด แสดงความคิดเห็นทุกข้ันตอน เม่ือพิจารณาการ สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 9 จังหวดั ดาเนินงานท้ัง 4 ด้ าน รายการท่ีรายการท่ีมีการ สุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย โดยภาพรวมอยู่ใน ดาเนินงานต่าสุด ได้ แก่ ด้ านนโยบาย ผู้บริหาร ระดับมากท่สี ดุ โดยการดาเนินงานท่มี ีระดับสงู สุด คือ สถานศึกษามแี ผนกากบั ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการสง่ ด้านการบริหารจดั การ รองลงมาคอื ด้านบคุ ลากร ด้าน ต่อ สอดคล้องกบั ผลการวิจัยของ สธุ ญั ญา แก้วคาสอน การมีส่วนร่วม และด้านนโยบาย ตามลาดับ เม่ือ [8] พบว่า การพัฒนาการทางานเป็ นทีมท่ีดี เช่น ด้าน พิจารณาระดับการดาเนินงานแต่ละด้าน พบว่า ระดับ การมสี ่วนร่วม ด้านการกาหนดวัตถปุ ระสงคข์ องทมี งาน การดาเนินงานสูงสุดและต่าสุดในแต่ละด้าน มีดังน้ี ด้านการเสริมสร้างบรรยากาศของทมี งาน และด้านการ ด้านนโยบาย รายการท่ีมีการดาเนินงานสูงสุด ได้แก่ ส่อื สารแบบเปิ ด ผลจากการพัฒนาการทางานเป็นทมี ใน ผู้บริหารสถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการดาเนินงาน ระ บบดูแล ช่ วยเห ลือนักเรี ยนอยู่ ในระดับมาก ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และรายการท่มี ีการ สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ สรุ ศกั ด์ิ เสดสกี าง [9] พบว่า ดาเนินงานต่าสุด ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษามีแผน ปัจจัยท่ีสัมพันธ์ทางบวกกับการดาเนินงานระบบการ กากับติดตาม และประเมินผลการส่งต่อ ด้านบุคลากร ดูแลช่วยเหลือนักเรียน คือ การนิเทศ ติดตาม และ รายการท่ีมีการดาเนินงานสูงสุด ได้แก่ ผู้บริหาร ประเมินผล อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 สถานศึกษาส่งเสริมให้ ครูท่ีปรึกษาจัดเก็บข้ อมูล และสอดคล้องกบั เรวตั ลายนา้ เงนิ [10] พบว่าแนวทาง นักเรียนเป็นรายบุคคล และรายการท่มี ีการดาเงินงาน ก า ร ด า เ นิ น ง า น ร ะ บ บ ดู แ ล ช่ ว ย เ ห ลื อ นั ก เ รี ย น ข อ ง ต่าสุด ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริมให้ ครูท่ี โรงเรียน โรงเรียนควรแต่งต้ังคณะกรรมการการ ปรึกษาได้รู้สภาพปัญหาของนักเรียนก่อนส่งเสริมและ ดาเนินงานเป็ นคาส่ังโรงเรียน และกาหนดบทบาท พัฒนา ด้ านการบริหารจัดการ รายการท่ีมีการ หน้าท่ี ภาระงานของคณะกรรมการอย่างชัดเจน ดาเนินงานสูงสุด ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษามีคาส่งั แต่งต้ังคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพ่ือวางแผนการ 2. สภาพการดาเนินงานระบบการดูแล บริหารงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และ ช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน สังกัดสานักงานเขต รายการท่ีมีการดาเนินงานต่าสุด ได้ แก่ ผู้บริหาร พ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสพุ รรณบุรี สถานศึกษากาหนดให้ สถานศึกษามีการเผยแพร่การ สหวิทยาเขตพุเตย โดยรวมอยู่ในระดับมาก ซ่ึงสาเหตุ ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และด้าน น้ัน สามารถวิเคราะห์ได้จากระดับการดาเนนิ งานระบบ การมีส่วนร่วม การดาเนินงานสงู สุด ได้แก่ ผู้บริหาร ดูแล กา รดูแล ช่ ว ยเ ห ลื อนั กเ รียน โ ดยผู้บริห า ร สถานศึกษาส่งเสริมให้ครูท่ปี รึกษาได้มีส่วนร่วมในการ สถานศึกษา ซ่ึงอยู่ในระดับมากท่ีสุด ได้แก่ ผู้บริหาร

26 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) สถานศึกษาแต่งต้งั คณะกรรมการดาเนินงานระบบการ ป รึกษ า ทรา บข้ัน ตอ น กา รดา เ นิน ง า น ด้ า น กา ร ส่ ง ต่ อ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่งเสริมให้ครูท่ีปรึกษาจัดเกบ็ นกั เรียนตามระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียนท้งั ภายใน ข้ อ มู ล นั ก เ รี ย น เ ป็ น ร า ย บุ ค ค ล มี ค า ส่ัง แ ต่ ง ต้ั ง และนอกโรงเรียน เม่ือพิจารณาท้งั 5 ด้าน รายการท่มี ี คณะกรรมการชุดต่างๆ เพ่ือวางแผนการบริหารงาน สภาพการดาเนินงานต่าสดุ ได้แก่ ด้านการร้จู ักนักเรยี น ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และส่งเสริมให้ครูท่ี เป็ นรายบุคคล ครูท่ีปรึกษาได้รับการสนับสนุนด้าน ปรึกษาได้ มีส่วนร่วมในการดาเนินโครงการเพ่ือ งบประมาณในการการเย่ียมบ้านนักเรยี น สอดคล้องกบั แก้ปัญหาเดก็ กลุ่มเส่ยี งและกลุ่มมีปัญหา เป็ นต้น โดย ยุวดี โกสมุ าลย์ [11] พบว่า สภาพการดาเนินงานระบบ สภาพการดาเนินงานท่มี ีระดับสูงสดุ คือ ด้านการรู้จัก ดูแลช่วยเหลือนกั เรยี นโดยรวมอยู่ในระดบั มาก นักเรียนเป็ นรายบุคคล รองลงมาคือ ด้านการป้ องกัน และแก้ไขปัญหา ด้านการคดั กรองนักเรียน ด้านการสง่ 3. แนวทางการพัฒนาการดาเนินงานระบบ ต่อนักเรียน ด้ านการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน การดูแลช่วยเหลอื นักเรียนของโรงเรียนสงั กดั สานักงาน ตามลาดับ เม่ือพิจารณาระดับสภาพการดาเนินงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 9 จังหวัด แต่ละด้านโดยครูท่ีปรึกษา พบว่า ระดับสภาพการ สุพรรณบุรี สหวิทยาเขตพุเตย รายการท่ีได้รับการ ดาเนินงานสูงสุดและต่าสุดในแต่ละด้าน มีดังน้ี ด้าน พิจารณาความสาคัญเป็ นอันดับแรก ด้านการรู้จัก การรู้จักนักเรียนเป็ นรายบุคคล รายการท่ีมีการสภาพ นกั เรียนเป็นรายบคุ คล คอื ควรจัดการอบรมให้ความรู้ การดาเนนิ งานสงู สดุ ได้แก่ ครูท่ปี รึกษาดาเนนิ งานด้าน ความเข้ าใจแก่ครูท่ีปรึกษาเก่ียวกับกระบวนการ การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลโดยใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนด้านการคดั เช่นระเบียนสะสม แบบประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ (SDQ) กรองนักเรียน คือ ควรส่งเสริมให้ครูท่ปี รึกษากาหนด แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (E.Q.) และ แผนปฏบิ ัติงานคัดกรองนกั เรียน ด้านการส่งเสริมและ รายการท่ีมีการสภาพการดาเนินงานต่าสดุ ได้แก่ ครูท่ี พั ฒ น า นั กเรียน คือ คว รอบรมใ ห้ ควา มรู้และ ปรึกษาได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณในการการ ประสบการณ์เก่ียวกับการดาเนินงานด้านการส่งเสริม เย่ียมบ้านนกั เรียน ด้านการคดั กรองนกั เรียน รายการท่ี และพัฒนานกั เรยี นแกค่ รทู ่ปี รกึ ษา ด้านการป้ องกนั และ มีการสภาพการดาเนินงานสูงสุด ได้แก่ ครูท่ีปรึกษา แก้ไขปัญหา คือ ควรอบรมให้ครูท่ีปรึกษามีความรู้ ดาเนินการคัดกรองนักเรียนตามแผนปฏิบัติงานคัด ความเข้ าใจ และความพร้ อมในการให้ คาปรึกษา กรองนักเรียนและรายการท่ีมีการสภาพการดาเนินงาน เบ้ืองต้นแก่นักเรียน ด้านการส่งต่อนักเรียน คือ ควร ต่าสดุ ได้แก่ ครูท่ปี รึกษาได้รับการสนับสนุนเคร่ืองมอื อบรมครูท่ีปรึกษาให้ มีทักษะ และการตัดสินใจท่ีดี ต่าง ๆ เพ่ือให้การคดั กรองข้อมลู นกั เรยี นเป็นไปอย่างมี สาหรับการดาเนินงานด้านการส่งต่อนักเรียนนักเรียน ประสิทธิภาพ ด้านการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน เม่ือพิจารณาแนวทางการพัฒนาการดาเนินงานท้งั 5 รายการท่มี ีการสภาพการดาเนินงานสงู สดุ ได้แก่ ครูท่ี ด้าน รายการท่ไี ด้รับการพิจารณาสงู สดุ คอื ด้านการสง่ ปรกึ ษาส่งเสรมิ และพัฒนานักเรยี นโดยใช้กจิ กรรมต่าง ๆ ต่อนักเรียน ควรอบรมครูท่ปี รึกษาให้มีทกั ษะ และการ และรายการท่มี ีการสภาพการดาเนินงานต่าสุด ได้แก่ ตัดสินใจท่ีดีสาหรับการดาเนินงานด้ านการส่งต่อ ครทู ่ปี รึกษาได้รบั การสนับสนุนเคร่ืองมอื ต่าง ๆ เพ่ือให้ นักเรยี น สอดคล้องกบั งานวจิ ยั ของ จาปี แก้วทอง [12] ได้ รู้สภาพปัญหา หรือศักยภาพของนักเรียนก่อน พบว่า สภาพและปัญหาของครใู นการดาเนินงานระบบ ส่งเสริมและพัฒนา ด้านการป้ องกันและแก้ไขปัญหา ดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนยังไม่เป็นระบบและข้นั ตอน ขาด รายการท่มี ีการสภาพการดาเนินงานสงู สดุ ได้แก่ ครูท่ี ทักษะและกระบวนการทางานท่ีถูกต้ อง อีกท้ัง ปรึกษามีความร้คู วามเข้าใจ และความพร้อมในการให้ ผู้ปกครองนักเรียนไม่รู้ปัญหาของนักเรียน ผลการ คาปรึกษาเบ้ืองต้นแก่นักเรียน และรายการท่ีมีการ พัฒนาครูเก่ยี วกบั การดาเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือ สภาพการดาเนินงานต่าสุด ได้ แก่ ครูท่ีปรึกษามี นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองแปน พบว่าครูทุกคนมี เพียงพอกับจานวนนักเรียนทาให้ การดูแลช่ วยเหลือ ความรู้ความเข้าใจ และสามารถดาเนินงานระบบดูแล นักเรียนเป็ นไปอย่างท่ัวถึง ด้านการส่งต่อนักเรียน ช่วยเหลือนักเรียนท้งั 5 ข้ันตอน ได้อย่างต่อเน่ืองและ รายการท่ีมีการสภาพการดาเนินงานสูงสดุ ได้แก่ ครูท่ี เป็ นระบบมากข้ นึ ปรึกษาสรุปผลการดาเนินงานด้านการส่งต่อนักเรียน ขอ้ เสนอแนะในการวิจยั เพ่ือใช้เป็นสารสนเทศในการดาเนินงานคร้ังต่อไป และ รายการท่ีมีการสภาพการดาเนินงานต่าสดุ ได้แก่ ครูท่ี 1. จากการวิจัย พบว่า การดาเนินงานระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหาร ในระดบั ต่าสดุ คือ ผู้บริหารสถานศึกษามีแผนกากับติดตาม และ

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 27 ประเมินผลการส่งต่อ เม่ือพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า 4. เอกสารอา้ งอิง ด้านท่มี กี ารดาเนินงานระดบั ต่าสดุ คอื ด้านการนโยบาย ดงั น้ันหน่วยงานและผ้ทู ่เี ก่ยี วข้องควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. กระทรวงศึกษาธิการ.หลักสูตรแกนกลางการ ศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์คร้ังท่ี 1.1 ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีแผนกากับ 3. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณก์ ารเกษตร ตดิ ตาม และประเมนิ ผลการส่งต่อ แห่งประเทศไทย จากดั ; 2552. 1.2 ผู้บริหารสถานศึกษาควรมีแผนพัฒนา 2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542. นักเรียนกลุ่มความสามารถพิเศษ และควรกาหนด (2542,19 สิงหาคม). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม นโยบายการดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี น 116 (ตอนท่ี 74 ก): 2542; หน้า 3. ในสถานศึกษาให้ชัดเจน 3. ศริ ิพร ขนุ ภกั ด.ี ค่มู อื การปฏบิ ตั งิ าน แนวทางการ 1.3 ผู้บริหารสถานศึกษาควรนานโยบายไปสู่ คุ้มครอง แล ะ ช่ ว ยเ ห ลื อเ ด็กนั กเ รี ยน ข อ ง การปฏบิ ตั ิ สถานศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 9. สพุ รรณบุร:ี 2561; หน้า 3. 2 . จ า กผล กา รวิ จั ย พ บว่ า ส ภ า พ การ ดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของครูท่ี 4. ญาณภัทร กาจันทร์. ความคิดเห็นของครูท่ีมีต่อ ปรึกษาในระดับต่าสุด คือ ครูท่ีปรึกษาได้ รับการ การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ สนับสนุนด้านงบประมาณในการการเย่ียมบ้านนกั เรียน การบริหารแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนมัธยม เม่ือพิจารณาแต่ละด้ าน พบว่า ด้ านท่ีมีสภาพการ ศึกษาสังกัดสานักงานเขตพ้ื นท่ีการศึกษา ดาเนินงานระดับต่าสดุ คือ ด้านการส่งเสริมและพัฒนา มธั ยมศึกษา เขต 9 จังหวัดสพุ รรณบุรี [หลักสตู ร นักเรียน ดังน้ันหน่วยงานและผู้ท่ีเก่ยี วข้องควรปฏิบัติ ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร ม ห า บั ณ ฑิต ส า ข า ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร ดงั น้ี ศึกษา]. กาญจนบุรี: มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทยบรกิ ารกาญจนบุรี; 2557. 2.1 ครูท่ปี รึกษาต้องได้รับการสนับสนุนด้าน งบประมาณในการการเย่ียมบ้านนกั เรียน 5. สุรศักด์ิ เสดสีกลาง. การดาเนินงานระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน: กรณีศึกษาโรงเรียนบ้านแม่ 2.2 ครูท่ีปรึกษาต้ องได้ รับการสนับสนุน ต๋ อ ม อ า เ ภ อ อ ม ก๋ อ ย จั ง ห วั ด เ ชี ย ง ใ ห ม่ เคร่อื งมอื ต่าง ๆ เพ่ือให้ได้ร้สู ภาพปัญหา หรือศักยภาพ [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: ของนักเรียนก่อนส่งเสรมิ และพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภฏั เชยี งใหม่; 2558. 2.3 ครูท่ีปรึกษาควรส่งเสริมและพัฒนา 6. งานข้ อมูลสารสนเทศ สานักงานเขตพ้ืนท่ี นักเรยี นโดยใช้กจิ กรรมต่าง ๆ การศึกษามัธยมศึกษาเขต 9. ข้อมูลสารสนเทศ ทางการศึกษาปี การศึกษา 2560. สุพรรณบุรี; 2.4 ครูท่ีปรึกษาควรวัดและประเมินผลการ 2560; หน้า 86. ดาเนนิ งานสง่ เสริมและพัฒนานักเรียน 7. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน. 3. จากผลการวิจัย พบว่า แนวทางการพัฒนา คู่มือการคัดเลือกสถานศึกษา และสานักงานเขต การดาเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนท่ไี ด้รบั พ้ ื น ท่ี ก า ร ศึ ก ษ า เ พ่ื อ รั บ ร า ง วั ล ร ะ บ บ ก า ร ดู แ ล การพิจารณาลาดบั ความสาคญั ระดบั สงู สดุ คอื ด้านการ ช่วยเหลือนักเรียนประจาปี 2563. กรุงเทพ ส่งต่อนักเรียน ดังน้ันหน่วยงานและผู้ท่ีเก่ียวข้องควร มหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่ง ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ประเทศไทย จากดั ; 2563; หน้า 2. 3.1 ควรอบรมครูท่ีปรึกษาให้มีทักษะ และ 8. สธุ ญั ญา แก้วคาแสน. การวิจัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารแบบ การตัดสินใจท่ีดีสาหรับการดาเนินงานด้านการส่งต่อ มสี ว่ นร่วมเพ่ือพัฒนาการทางานเป็นทมี . ในระบบ นกั เรยี น การดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนโรงเรยี นอนุบาลสวุ รรณ เทน สังกัดสานักงานคณะกรรมการส่งเสริม 3.2 ควรสร้างเครือข่ายการดาเนินงานด้าน การศึกษาเอกชน [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหา การส่งต่อนักเรียนให้ชัดเจนไปยงั ผู้มสี ่วนเก่ยี วข้อง อาทิ บณั ฑติ ]. สกลนคร: มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร; ครูแนะแนว ฝ่ ายปกครอง ครูประจาวิชา และครู 2553. พยาบาล 3.3 ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง นักเรียน โดยเชิญเข้าร่วมประชุมผู้ปกครองตามท่ี โรงเรยี นกาหนดก่อนการสง่ ต่อนกั เรยี น

28 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) 9. สุรศักด์ิ เสดสีกลาง. ปัจจัยท่ีสัมพันธ์กับการ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา ดาเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เขต 27 [วิทยานิพนธศ์ ึกษาศาสตรมหาบัณฑติ ]. โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ร้ อยเอ็ด: มหาวิทยาลัยรามคาแหง สาขาวิทย กาฬสินธุ์เขต 2 [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหา บริการร้อยเอด็ ; 2560. บัณฑิต]. มหาสารคราม: มหาวิทยาลัยมหาสาร 12. จาปี แก้วทอง. การวิจัยเชิงปฏบิ ัติการแบบมีส่วน คราม; 2554. ร่วมเพ่ือพัฒนาศักยภาพครูในการดาเนินงาน ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนบ้านหนอง 10. เรวัต ลายน้าเงิน. แนวทางการดาเนินงานระบบ แปน สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา ดู แ ล ช่ ว ย เ ห ลื อ นั ก เ รี ย น ข อ ง โ ร ง เ รี ย น สั ง กั ด สกลนคร เขต 2 [วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหา สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 42 บณั ฑติ ]. สกลนคร: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สกลนคร; [วิทยานิพนธค์ รศุ าสตรมหาบัณฑติ ]. นครสวรรค:์ 2556. มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครสวรรค;์ 2559. 11. ยุวดี โกสุมาลย์. สภาพการดาเนินงานระบบดูแล ช่วยเหลือนกั เรียนโรงเรยี นสวุ รรณภมู พิ ิทยไพศาล

Journal of Professional Routine to Research Volume 8, January-June 2021: 29-35 29 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 7 กรกฎาคม – ธนั วาคม 2563) ทศั นคติในการประกอบวิชาชีพของนกั ศึกษาคณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล The Career Attitude of Students in Faculty of Veterinary Science, Mahidol University พรเพญ็ เผอื กเอม1 และ กาญจณา ประสงค2์ * Pornpen Phuakaim1 and Kanjana Prasong2* บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาทัศนคติในการเลือกประกอบวิชาชีพของนักศึกษาคณะสัตว แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในด้านการร้จู ักตวั เอง ด้านลักษณะงานและการเตรียมความพร้อมเพ่ือประกอบ อาชีพจาแนกตามช้ันปี ของนักศึกษา ประชากรท่ศี ึกษาคือนักศึกษาคณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ท่ี ศึกษาในหลักสตู รสตั วแพทยศาสตรบณั ฑติ ในปี การศึกษา 2562 จานวน 224 คน เคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการศึกษาเป็น แบบสอบถาม แบ่งเป็ น 2 ส่วน คือ ส่วนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม และส่วนท่ี 2 ทัศนคติในการ ประกอบการวิชาชีพของนกั ศึกษา มที ้งั หมด 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการร้จู กั ตนเอง ด้านลักษณะของงานและด้าน การเตรียมความพร้อมเพ่ือประกอบอาชีพ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยอตั ราส่วนร้อยละ (%) ค่าเฉล่ีย ( ������̅ )และค่า สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษาพบว่าประชากรสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง เหตผุ ลในการเลือกเข้าศกึ ษาใน หลักสตู รสตั วแพทยศาสตรบณั ฑติ เพราะเป็นความต้งั ใจท่จี ะประกอบอาชีพการสตั วแพทย์ในอนาคต และกจิ กรรม พัฒนานกั ศกึ ษาท่เี ลอื กเข้าร่วมเป็นลาดบั แรกคอื กจิ กรรมด้านวิชาการและวชิ าชีพ ในด้านทศั นคตใิ นการประกอบการ วิชาชีพของนักศึกษาโดยรวมอยู่ในระดบั มาก (������̅ = 4.11) โดยนักศึกษาช้ันปี ท่ี 6 มที ศั นคตใิ นการประกอบวิชาชีพ สงู ท่สี ดุ คอื มคี ่าเฉล่ีย 4.21 คดิ เป็นระดบั มากท่สี ดุ คาสาคญั : นกั ศกึ ษาคณะสตั วแพทยศาสตร์/ มหาวทิ ยาลัยมหิดล/ ทศั นคตใิ นการประกอบวชิ าชพี Abstract The research studied career attitudes: (1) knowledge of oneself, (2) knowledge of the career, and (3) preparation for the career, of the students at the Faculty of Veterinary Science, Mahidol University (MUVS). The participants of the study were the students in the Doctor of Veterinary Medicine Program, Faculty of Veterinary Science, Mahidol University, of the academic year 2019. The participants were divided into groups by their year of study. The data were collected from 224 students using questionnaires, which had two separate parts: (1) general information and (2) the career attitudes: knowledge of oneself, knowledge of the career, and preparation for the career. The data were analyzed for the percentage, mean, and standard deviation. The research found that the majority of the sample population is female. The reason students chose to study in the program is the intention to become a professional veterinarian. The activities that students gave first attention 1 งานบริหารการศึกษา พัฒนานักศึกษาและศิษย์เกา่ สัมพันธ์ คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล Education Program in Educational Administration Student Development and Alumni relations, Faculty of Veterinary Science, Mahidol University 2 ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล Education Program Department of Clinical Sciences and Public Health, Faculty of Veterinary Science, Mahidol University *Corresponding author: [email protected] Received : 24 สิงหาคม 2563/ Revised : 30 กนั ยายน 2563/ Accepted : 16 ตุลาคม 2563

30 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) and chose to participate in are the academic-and-veterinary professional development activities. The career attitude of the students is at a high level (������̅ = 4.11), while the 6th-year students have the highest level of career attitude with an average of 4.21 Keywords: Students of the Faculty of Veterinary Science/ Mahidol University/ Career Attitude 1. บทนา คน โดยส่วนใหญ่เลือกทางานในสถานพยาบาลสัตว์ รองลงมาคืองานด้านปศุสัตว์ภาคเอกชน [3] ซ่ึงจาก ตามราชกิจจานุเบกษา เร่ือง พระราชบญั ญัติ การเพ่ิมกาลังการผลิตสัตวแพทย์ดังกล่าว ทาให้การ การอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 หมวด 1 บทท่วั ไป มาตรา เลอื กประกอบอาชีพของสตั วแพทยม์ ีอตั ราการแข่งขันท่ี 32 กาหนดว่าสถาบันอุดมศึกษาต้องให้การศกึ ษาอย่าง สงู ข้นึ ตามไปด้วย ท้งั น้ี ในการตดั สนิ ใจเลือกอาชีพ ผู้ท่ี เตม็ ท่กี บั ผู้เรียนโดยมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีความเป็นเลิศ จะเร่ิมเข้าส่อู าชีพควรจะได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ ท่ีเก่ยี วกบั ท้ังในด้านวิชาการหรือวิชาชีพและเป็ นคนดีของสังคม อาชีพให้ มากท่ีสุดก่อนท่ีจะตัดสินใจเข้ าสู่อาชีพน้ันๆ สถาบันอุดมศึกษาต้องสร้างเสริมผู้เรียนให้ เป็ นผู้มี ข้อมูลท่สี าคญั ประกอบด้วย การรู้จักตนเอง เช่น ความ คุณธรรม จริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อตนเอง สนใจ ความถนัด บุคลิกภาพ การรู้จักอาชีพ เช่น ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศ [1] มหาวิทยาลัย ลักษณะของงาน คุณสมบตั ขิ องผ้ปู ระกอบอาชพี โอกาส มหิดล เป็นสถาบันอดุ มศึกษาในกากบั ของรัฐท่มี ีหน้าท่ี ก้าวหน้าในอาชีพและทิศทางตลาดแรงงาน [4] ดังน้ัน ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความเช่ียวชาญตาม การศึกษาทศั นคติในด้านการรู้จักตนเอง ด้านลักษณะ สาขาวิชาและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของ งาน และการเตรียมความพร้อมเพ่ือประกอบอาชพี ของ ประเทศและสร้ างขีดความสามารถในการแข่งขันใน นกั ศกึ ษา จะทาให้การวางแผนการจดั การเรียนการสอน ระดบั โลก และจดั การศึกษาให้ผ้เู รียนมคี วามเป็นเลศิ ท้งั หรือกิจกรรมพัฒนานักศึกษาเพ่ือส่งเสริมการสร้ าง ทางด้านวิชาการและวิชาชีพ ซ่ึงคณะสตั วแพทยศาสตร์ ทศั นคติท่ดี ีและสร้างความพร้อมในการเลือกประกอบ มหาวิทยาลัยมหิดล กม็ พี ันธกจิ ในการผลิตบัณฑิตให้มี วิชาชพี สามารถทาได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การวจิ ยั คร้งั น้ี ความเป็นเลศิ ท้งั ทางด้านวิชาการและวชิ าชพี โดยม่งุ เน้น จึ ง มี วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ เ พ่ื อ ศึ ก ษ า ทั ศ น ค ติ ใ น ก า ร เ ลื อ ก การเรียนการสอนท่มี ีผู้เรียนเป็ นศูนย์กลาง (Learning ประกอบวิชาชีพของนักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์ Centered) มุ่งผลลัพธ์ของผู้เรียน (Outcome Based มหาวิทยาลัยมหิดล โดยศึกษาตัวแปรต้นประกอบ Education) ใ ห้ ผู้เ รียน สา มารถสร้ าง ควา มรู้ด้ วย ด้วย ช้ันปี ท่ีกาลังศึกษา เหตุผลในการเลือกเข้าศึกษา กระบวนการคิด วิเคราะห์และสังเคราะห์ผ่านการทา หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต และการเข้าร่วม กิจกรรมต่างๆ และสามารถบูรณาการความรู้ท่ีได้กบั กิจกรรมพัฒนานักศึกษา ตัวแปรตาม คือ ทัศนคติใน ประสบการณ์เดิม (Constructivism) เพ่ือสร้างบัณฑติ การเลือกประกอบวิชาชีพของนักศึกษา ในด้านการร้จู ัก สาขาสตั วแพทยศาสตร์ท่ตี อบสนองความต้องการของ ตนเอง ด้านลกั ษณะของงานและการเตรียมความพร้อม สังคม มีคุณลักษณะของบัณฑิตท่ีพึงประสงค์ เป็ นผู้มี เพ่ือประกอบอาชีพ โดยคาดหวังประโยชน์ให้คณะฯ คุณธรรม จริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อตนเอง สามารถกาหนดแนวทางในการจัดการเรียนการสอน ชุมชน สงั คมและประเทศ [2] และกิจกรรมพัฒนานักศึกษาในด้ านการประกอบ วิชาชีพให้ ตรงตามความต้องการของนักศึกษาและ เม่ือปี พ.ศ. 2532 รัฐบาลได้เสนอแผนการ สอดคล้องกบั ทศิ ทางการพัฒนาของประเทศมากย่งิ ข้นึ ผลิตสัตวแพทย์ โดยให้เพ่ิมกาลังการผลิตสัตวแพทย์ เพ่ือบทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารท่ีมาจาก 2. วสั ดุและวิธีการ สัตว์ ต้ังแต่ พ.ศ.2533-2547 เป็ นระยะเวลา 15 ปี ดงั น้ัน ต้งั แต่ พ.ศ. 2533 จนถงึ ปัจจุบนั จงึ ได้มกี ารเพ่ิม โ ค ร ง ก า ร วิ จั ย น้ ี ไ ด้ รั บ ก า ร รั บ ร อ ง โ ด ย ค ณ ะ กาลังการผลิตสัตวแพทย์ร่วมกับการเปิ ดคณะสัตว กรรมการการวิจัยในคนชุดกลาง มหาวิทยาลัยมหิดล แพทยศาสตร์ในสถาบนั ต่างๆ เพ่ิมเตมิ ทาให้มีจานวน (MU-CIRB) รหัสโครงการ MU-CIRB 2017/077. สัตวแพทย์เพ่ิมสูงข้ึนจากจานวน 1,290 คน ในปี 0704 โดยศึกษาจากประชากร คอื นักศึกษาช้ันปี ท่ี 1- 2532 เป็นจานวน 7,554 คนในปี 2557 และจากการ 6 ท่ีกาลังศึกษาในหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต คาดการณ์กาลังคนด้านอาชีพสัตวแพทย์พบว่า ในปี พ.ศ.2568 จะมจี านวนสตั วแพทย์เพ่ิมข้นึ เป็น 12,297

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 31 คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล ปี การศึกษา ค่าเฉล่ียระหว่าง 3.41 – 4.20 2562 จานวน 273 คน ได้รับแบบสอบถามท่ีตอบ หมายถงึ มคี วามสาคญั มาก คาถามครบถ้วนจานวน 224 ชุด คดิ เป็นร้อยละ 82.05 เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามท่ผี ้วู จิ ยั สร้าง ค่าเฉล่ยี ระหว่าง 4.21 – 5.00 ข้ึนจากการทบทวนวรรณกรรมท่เี ก่ยี วข้องและเสนอต่อ หมายถงึ มคี วามสาคญั มากท่สี ดุ ผู้ทรงคุณวุฒิเพ่ือพิจารณาและประเมินความเท่ยี งตรง ของแบบสอบถาม แบ่งออกเป็ น 2 ตอน คือ ส่วนท่ี 1 3. ผลการวิจยั และการอภิปรายผล ข้อมูลท่ัวไป ประกอบด้วย ช้ันปี เพศ เหตุผลในการ เลือกเข้ าศึกษาในหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต ผลการวิเคราะห์ข้ อมูลจากผู้ตอบแบบ และการเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนานักศึกษา และส่วนท่ี 2 สอบถาม จานวน 224 คน แบ่งเป็ น นักศึกษาช้ันท่ี 1 ทศั นคติในการประกอบวิชาชีพ ประกอบด้วย ด้านการ จานวน 41 คน ช้ันปี ท่ี 2 จานวน 40 คน ช้ันปี ท่ี 3 รู้จักตนเอง จานวน 5 ข้อ เป็ นข้อคาถามเก่ียวกับการ จานวน 33 คน ช้ันปี ท่ี 4 จานวน 40 คน ช้ันปี ท่ี 5 พิ จ า รณ า ทักษะแล ะความส ามารถ คว า มถนัด จานวน 38 คน และช้ันปี ท่ี 6 จานวน 32 คน เป็นเพศ บุคลิกภาพและทศั นคติของผู้ตอบแบบสอบถาม ด้าน ชายรวม 49 คน คิดเป็ นร้อยละ 21.88 เป็ นเพศหญิง ลักษณะของงาน จานวน 5 ข้อ เป็ นข้อคาถามเก่ยี วกบั รวม 175 คน คิดเป็นร้อยละ 78.13 ในด้านเหตุผลท่ี อัตราค่าจ้าง สวัสดิการ ความก้าวหน้าในอาชีพ ความ สาคัญท่ีสุดในการเลือกเข้ าศึกษาในหลักสูตรสัตว ปลอดภัยในการทางาน และความม่ันคงในการทางาน แพ ทยศ า ส ตรบัณ ฑิต คณ ะ สัตว แพ ทยศ าสตร์ และการเตรียมความพร้อมเพ่ือประกอบอาชีพ จานวน มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนใหญ่เลอื กเข้าศึกษาเพราะเป็น 3 ข้อ เป็ นข้อคาถามเก่ียวกบั การฝึ กงานในหน่วยงาน ความต้งั ใจท่จี ะประกอบอาชีพการสตั วแพทยใ์ นอนาคต ต่างๆ ระหว่างศึกษา การลงทะเบียนเรียนรายวิชาท่ีมี จานวน 145 คน คิดเป็ นร้อยละ 64.73 รองลงมาคือ ความเก่ียวข้องกับลักษณะงานท่ีต้องการ และการฝึ ก เลือกตามลาดับคะแนนท่ีคาดว่าจะสอบเข้าศึกษาได้ ทักษะ หรือพั ฒนาความสามารถพิเศษท่ีเก่ียวข้ องกับ จานวน 52 คน คิดเป็ นร้อยละ 23.21 และเลือกเข้า ลักษณะงานท่ตี ้องการ โดยแบบสอบถามมีลักษณะเป็น ศกึ ษาตามคาแนะนาของผ้ปู กครองหรือคนในครอบครวั แบบมาตราส่วนประเมินค่า (Rating Scale) โดยสร้าง จานวน 27 คน คิดเป็ นร้อยละ 12.05 ในด้านการเข้า ตามมาตรฐานวัดของลิเคิร์ท (Likert Scale) กาหนด ร่วมกิจกรรมพัฒนานักศึกษาของนักศึกษาคณะสัตว การให้คะแนนระดับการให้ความสาคัญ 5 ระดับ โดยมี แพทยศาสตร์ ท่ีผู้ตอบแบบสอบถามเลือกเป็ นอันดับ ค่าความเท่ยี งตรงของแบบสอบถาม (IOC) ท่ปี ระเมนิ แรก คือกิจกรรมด้านวิชาการและวิชาชีพ จานวน 89 โดยผู้ทรงคณุ วฒุ ิท่รี ะดบั 0.89 คะแนน คน คิดเป็ นร้อยละ 39.73 รองลงมาคือกิจกรรมด้าน บริการสงั คมหรือจิตอาสา จานวน 49 คน คดิ เป็นร้อย การวเิ คราะห์ข้อมูล ดาเนินการวเิ คราะห์ข้อมูล ละ 21.88 และกิจกรรมด้ านการประกวดแข่งขัน พ้ืนฐานของประชากรด้วยอัตราส่วนร้อยละ (%) และ จานวน 38 คน คิดเป็ นร้อยละ 16.96 กิจกรรมด้าน วิเคราะห์ทัศนคติในการประกอบวิชาชีพ ในด้านการ ทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม จานวน 25 คน คิดเป็ นร้อย รู้จักตนเอง ด้านลักษณะของงานและการเตรียมความ ละ 11.16 และกจิ กรรมสนั ทนาการ จานวน 23 คน คดิ พร้อมเพ่ือประกอบอาชีพด้วยค่าเฉล่ีย (������̅) และค่าสว่ น เป็นร้อยละ 10.27 ตามลาดบั เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยคะแนนท่ีได้ จาก แบบสอบถามจะนามาวิเคราะห์และแปลผลของค่าเฉล่ีย ผลกา รศึ กษ า ด้ า น ทัศ น คติใ น กา รป ร ะ ก อ บ ตามระดับความสาคัญ โดยมีเกณฑ์ให้ คะแนนแต่ละ วิ ช า ชี พ ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ค ณ ะ สัต ว แ พ ท ย ศ า ส ต ร์ ระดบั ดงั น้ี [5] มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.00 – 1.80 1) ด้านการรู้จักตนเอง นักศึกษาช้ันปี ท่ี 6 มี หมายถงึ มคี วามสาคญั น้อยท่สี ดุ ทัศนคติด้ านการให้ ความสาคัญกับการร้ ูจักตนเองสูง ท่ีสุด คิดเป็ นระดับมาก (������̅ = 4.17) รองลงมาคือ ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.81 – 2.60 นักศึกษาช้ันปี ท่ี 4 ช้ันปี ท่ี 3 ช้ันปี ท่ี 5 ช้ันปี ท่ี 1และช้ัน หมายถงึ มคี วามสาคญั น้อย ปี ท่ี 2 ตามลาดบั (������̅ = 4.08, 4.06, 4.02, 3.91, และ 3.86) ค่าเฉล่ียระหว่าง 2.61 – 3.40 หมายถงึ มคี วามสาคญั ปานกลาง 2) ด้านลักษณะของงาน นักศึกษาช้ันปี ท่ี 5 มี ทัศนคติในด้ านการให้ ความสาคัญกับลักษณะของงาน

32 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) สงู ท่สี ดุ คดิ เป็นระดบั มากท่สี ดุ (������̅ = 4.24) รองลงมา เม่ือวิเคราะห์ภาพรวมของทัศนคติในการ คอื นักศกึ ษาช้นั ปี ท่ี 4 ช้ันปี ท่ี 3 ช้นั ปี ท่ี 1 ช้นั ปี ท่ี 6 และ ประกอบวิชาชีพของนักศึกษาท้ัง 3 ด้ าน พบว่า ช้ันปี ท่ี 2 ตามลาดับ (������̅ = 4.20, 4.12, 4.06, 4.04, นักศึกษาช้ันปี ท่ี 6 มีทศั นคติในการประกอบวิชาชพี สงู และ 4.02) ท่สี ดุ คิดเป็นระดบั มากท่สี ดุ (������̅ = 4.21) รองลงมาคอื นักศกึ ษาช้นั ปี ท่ี 4 คดิ เป็นระดบั มาก (������̅ = 4.18) ส่วน 3) ด้านการเตรียมความพร้อมเพ่ือประกอบ นักศึกษาช้ันปี ท่ี 3 และช้ันปี ท่ี 5 มีค่าเฉล่ียเท่ากนั คือ อาชีพ พบว่า นักศึกษาช้ันปี ท่ี 6 มีทัศนคติในการให้ 4.12 คิดเป็นระดับมาก และช้ันปี ท่ี 2 มคี ่าเฉล่ีย 4.01 ความสาคัญกบั การเตรียมความพร้อมเพ่ือการประกอบ และช้ันปี ท่ี 1 มีค่าเฉล่ีย 3.99 ตามลาดับ ดังแสดงใน อาชีพสูงท่ีสุด คิดเป็ นระดับมากท่ีสุด (������̅ = 4.41) ตารางท่ี 1 รองลงมาคอื ช้ันปี ท่ี 4 ช้ันปี ท่ี 3 ช้ันปี ท่ี 2 ช้ันปี ท่ี 5 และ ช้ันปี ท่ี 1 ตามลาดบั (������̅ = 4.27, 4.19, 4.14, 4.09, และ 3.99) ตารางที่ 1 แสดงค่าเฉล่ีย (������̅) และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.)ของทศั นคตใิ นการประกอบวชิ าชพี ของนกั ศึกษา คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (n = 224) ช้นั ปี ดา้ นการรูจ้ กั ตนเอง ดา้ นลกั ษณะของงาน ดา้ นการเตรียมความ รวมทุกดา้ น พรอ้ มเพอื่ ประกอบอาชีพ ���̅��� S.D. ค่า ���̅��� S.D. ค่า ���̅��� S.D. ค่า ���̅��� ค่า ระดบั ระดบั ระดบั ระดบั 1 3.91 0.85 มาก 4.06 0.79 มาก 3.99 0.98 มาก 3.99 มาก 2 3.86 0.94 มาก 4.02 0.85 มาก 4.14 0.89 มาก 4.01 มาก 3 4.06 0.85 มาก 4.12 0.89 มาก 4.19 0.90 มาก 4.12 มาก 4 4.08 0.97 มาก 4.20 0.88 มาก 4.27 0.81 มากท่สี ดุ 4.18 มาก 5 4.02 1.01 มาก 4.24 0.86 มากท่สี ดุ 4.09 0.97 มาก 4.12 มาก 6 4.17 0.77 มาก 4.04 0.94 มาก 4.41 0.76 มากท่สี ดุ 4.21 มากท่สี ดุ รวม 4.02 0.11 มาก 4.11 0.09 มาก 4.18 0.15 มาก 4.11 มาก จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ปัจจัยส่วน ประกอบวชิ าชีพการสตั วแพทยไ์ ด้ ดงั น้นั ผู้ท่เี ลอื กเข้ามา บุคคลในด้านเหตผุ ลท่สี าคญั ท่สี ดุ ในการเลือกเข้าศึกษา ศึกษาส่วนใหญ่จึงเป็ นผู้ท่ีจะต้องมีความต้ังใจท่ีจะ ในหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต คณะสัตว ประกอบวิชาชีพการสตั วแพทยใ์ นอนาคต แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนใหญ่เลือกเข้า ศึกษาเพราะเป็นความต้ังใจท่จี ะประกอบอาชีพการสตั ว ในด้านการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนานักศึกษา แพทย์ในอนาคต จานวน 145 คน คิดเป็ นร้อยละ ของนักศึกษาคณะสัตวแพทยศาสตร์น้ัน กิจกรรม 64.73 เน่ืองจากหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต พัฒนานักศึกษาท่ีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เลือก เป็ นหลักสูตรทางด้านวิชาชีพท่ีมีความเฉพาะท่ีจัด เป็ นอันดับแรก คือ กิจกรรมด้านวิชาการและวิชาชีพ การศึกษาเพ่ือให้ บัณฑิตมีความรู้และทักษะในการ จานวน 89 คน คิดเป็ นร้อยละ 39.73 รองลงมาคือ ปฏบิ ัติงานเป็ นผู้ประกอบวิชาชีพการสตั วแพทย์ และ กจิ กรรมด้านบริการสงั คมหรือจิตอาสา จานวน 49 คน ส า ม า ร ถ บู ร ณ า ก า ร ศ า ส ต ร์ ท า ง สั ต ว แ พ ท ย์ ร่ ว ม กับ คิดเป็นร้อยละ 21.88 ท้งั น้ี เน่ืองจากเม่อื นักศึกษาเข้า วิทยาศาสตร์การแพทย์ และส่งิ แวดล้อม เพ่ือจัดการ มาศึกษาในช้ันปี ท่ี 1 นักศึกษาจะต้องศึกษารายวิชาใน ปัญหาสุขภาพสัตว์ของประเทศชาติได้อย่างเหมาะสม หมวดวชิ าศึกษาทว่ั ไป เช่น กล่มุ ภาษา กล่มุ สงั คมศาสตร์ [2] นอกจากน้ีการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ และมนุษยศาสตร์ กลุ่มคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จะ ต้ องได้ รับใบอนุ ญาตประกอบวิชาชีพท่ีอนุ มัติโดย รวมถงึ กลุ่มวิชาพ้ืนฐานวิชาชีพ เช่น ชีววิทยา เคมี เคมี สัตวแพทยสภาซ่ึงจะต้องผ่านการประเมินและรับรอง อนิ ทรีย์ [2] โดยท่ยี ังไม่ได้ศึกษารายวิชาท่เี ก่ียวข้องกบั ความรู้ความสามารถของสัตวแพทย์จึงจะสามารถ วิชาชีพการสัตวแพทย์โดยตรง ทาให้นักศึกษาต้องการ ศกึ ษา เรียนร้หู รอื หาประสบการณท์ ่มี คี วามเก่ยี วข้องกบั

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 33 วชิ าชีพการสตั วแพทย์เพ่ิมข้นึ ในสว่ นของช้นั ปี อ่นื ๆ น้นั ใ น ด้ า น ก า ร ศึ ก ษ าทัศ นค ติใน ก าร ป ร ะกอบ เน่ืองจากวิชาชีพการสัตวแพทย์ เป็ นวิชาชีพท่ีมีความ วิ ช า ชี พ ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ค ณ ะ สัต ว แ พ ท ย ศ า ส ต ร์ หลากหลายท้งั กลุ่มวิชาและชนดิ สตั ว์ โดยตามหลักสตู ร มหาวิทยาลัยมหิดล ผลการศึกษาพบว่านกั ศกึ ษาช้ันปี ท่ี นักศึกษาจะต้องศึกษาในทุกกลุ่มวิชาและทุกชนิดสัตว์ 6 มที ศั นคตใิ นการประกอบวิชาชีพในภาพรวมสงู ท่ีสุด ซ่ึงด้วยระยะเวลาการจัดการเรียนการสอนท่จี ากดั ทาให้ คิดเป็ นระดับมากท่ีสุด (������̅ = 4.21) รองลงมาคือ สามารถจัดการเรียนการสอนในภาคบรรยายและ นกั ศกึ ษาช้ันปี ท่ี 4 คดิ เป็นระดบั มาก (������̅ = 4.18) ส่วน ภ า ค ป ฏิบัติไ ด้ ต าม เก ณ ฑ์ม า ตร ฐ า นวิช าชี พก ารสัตว ช้ันปี ท่ี 3 และช้ันปี ท่ี 5 มีค่าเฉล่ียเท่ากนั คิดเป็ นระดบั แพทย์เท่าน้ัน หากนักศึกษามีความสนใจกลุ่มวิชาหรือ มาก (������̅ = 4.12) ถดั มาคอื ช้ันปี ท่ี 2 และช้ันปี ท่ี 1 คดิ สตั ว์ชนิดใดเป็นพิเศษกจ็ ะต้องเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนา เป็นระดบั มาก (������̅ = 4.01, 3.99 ตามลาดบั ) โดยเม่อื นักศึกษา หรือกิจกรรมนอกหลักสูตร เพ่ือเป็ นการ พิ จารณาเป็ นรายด้ านพบว่ าด้ านท่ีนักศึกษาให้ เพ่ิมพูนความรู้ ประสบการณแ์ ละทกั ษะหัตถการต่างๆ ความสาคญั มากท่สี ดุ คอื ด้านการเตรียมความพร้อมเพ่ือ เพ่ิมเติม เช่น กจิ กรรมสร้างเสริมประสบการณท์ างสตั ว ประกอบอาชพี (������̅ = 4.18) โดยนกั ศึกษาช้ันปี ท่ี 6 ให้ แพทย์ กจิ กรรมเปิ ดบ้านสตั วแพทย์ เป็นต้น ในสว่ นของ ความสาคัญสูงท่ีสุด (������̅ = 4.41) รองลงมาคือด้าน กจิ กรรมด้านบรกิ ารสงั คมหรอื จติ อาสาน้นั เป็นกจิ กรรม ลักษณะของงาน (������̅ = 4.11) โดยนักศึกษาช้ันปี ท่ี 5 ท่ีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลให้ ให้ ความสาคัญสูงท่ีสุด (������̅ = 4.24) สอดคล้องกับ ความสาคญั เป็นอย่างมาก เน่ืองจากเป็นการส่งเสริมให้ การศึกษาของ นราธปิ ธรี ธนาธร ท่พี บว่านักศึกษาสาขา นักศึกษามีคุณลักษณะของบัณฑิตท่ีพึงประสงค์ของ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีช้ันปี ท่ีกาลังศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ในด้ านการมีจิตสานึกและ แตกต่างกันจะมีความคาดหวังในการประกอบอาชีพ รับผิดชอบต่อสังคม [6] การจัดกิจกรรมพัฒนา แตกต่างกนั [8] และผลการศึกษาของ เสฎฐวุฒิ หนุ่ม นักศึกษาจึงมุ่งเน้ นการจัดกิจกรรมท่ีใช้ ความรู้ คา และ สัชฌุเศรษฐ์ เรืองเดชสุวรรณ ท่ีศึกษาพบว่า ความสามารถทางวิชาชีพการสตั วแพทย์เพ่ือการบรกิ าร ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเลือกงานของบัณฑติ ระดับปริญญา สงั คม รวมถงึ เป็นการเพ่ิมพนู ความรู้ ประสบการณแ์ ละ ตรี มหาวิทยาลัยฟาร์อสี เทอร์นท่สี งู ท่สี ดุ คือ ปัจจัยด้าน ทักษะหัตถการต่างๆ ของนักศึกษาได้อีกด้วย เช่น ค่าจ้างและผลประโยชน์ตอบแทน รองลงมาคือ ขนาด กจิ กรรมค่ายสตั วแพทย์อาสา โครงการกนั ภัยพิษสนุ ัข องคก์ ร ความก้าวหน้าในงาน ด้านลักษณะงานท่ตี รงกบั บ้า โครงการฝึกสนุ ัขนสิ ยั ดี เป็นต้น ซ่ึงกจิ กรรมพัฒนา ความสามารถ ด้านสภาพแวดล้อม ด้านความม่นั คงของ นักศึกษาเป็ นกิจกรรมท่ีส่งเสริมคุณภาพของผู้เรียน องค์กร ด้านความสะดวกในการเดินทางและช่ือเสียง นอกเหนือจากการเรียนการสอนตามปกติ เป็นการเปิ ด ขององค์กร ตามลาดับ [9] และภาณุวัฒน์ สว่างแสง โอกาสให้ ผู้เรียนได้ นาความร้ ูความสามารถท่ีได้ ไปใช้ พบว่าปัจจัยท่มี ผี ลในการตัดสนิ ใจเลือกประกอบอาชีพ จริง และเป็นการถ่ายโยงการเรยี นร้สู กู่ ารปฏบิ ตั ไิ ด้ท่เี น้น ของนิสติ ในระดบั ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม การพัฒนาบุคคล ร่างกาย จิตใจ บุคลิกภาพ แนวคิด ประจาปี การศึกษา 2561 โดยรวมและรายด้านอยู่ใน ความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมในการ ระดบั มาก เม่อื พิจารณารายด้าน เรียงลาดับจากมากไป ดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข น้อย คอื ด้านองคก์ ร ด้านครอบครวั ด้านอทิ ธพิ ลบคุ คล โดยการจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ส่งิ สาคญั ท่สี ดุ คอื [10] ท้งั น้ี เน่ืองจากการเรียนการสอนช้ันปี ท่ี 1 ถงึ ช้นั ปี การปลูกฝงั ให้นักศึกษาตระหนักและให้ความสาคัญใน ท่ี 3 เป็ นการศึกษาในระดับปรีคลินิกหรือพ้ืนฐาน การพัฒนาความคิดของตนเอง บนพ้ืนฐานของการ ทางการสตั วแพทย์ ประกอบด้วย ช้ันปี ท่ี 1 เป็นการนา เปล่ียนแปลงของโลกในอนาคต โดยต้องยึดหลักในแง่ ความรู้พ้ืนฐานทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ของความรู้ในวิชาแกนและทกั ษะแห่งศตวรรษใหม่ ซ่ึง สงั คมศาสตร์ ภาษาศาสตร์ เพ่ือใช้สาหรับการศึกษาใน ประกอบด้วย ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะ วชิ าชพี การสตั วแพทย์ระดบั ปรคี ลินกิ ช้นั ปี ท่ี 2 สามารถ ชีวิตและอาชีพ ทักษะด้ านสารสนเทศ ส่ือ และ อธิบายโครงสร้ างและการทางานของร่างกายสัตว์ เทคโนโลยี เป็ นต้น [7] ดังน้ัน การท่ีนักศึกษาได้เข้า พ้ืนฐานการดูแลและการจัดการสุขภาพสัตว์ อาชีวอนา ร่วมกจิ กรรมพัฒนานักศึกษาด้านต่างๆ จึงมสี ว่ นในการ มัย และคิดวิเคราะห์ปัญหาทางคลินิกอย่างเป็ นระบบ สร้างโลกทัศน์และแนวทางในการประกอบวิชาชีพการ ช้นั ปี ท่ี 3 สามารถอธบิ ายสาเหตแุ ละกลไกการเกดิ พยาธิ สัตวแพทย์ในอนาคตให้ นักศึกษาได้ อย่างชัดเจนมาก สภาพในสตั ว์ หลักการทางเภสชั วิทยา หลักการทาวิจัย ย่งิ ข้นึ เพ่ือใช้สาหรับการศึกษาในวิชาชีพการสตั วแพทย์ และ

34 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มถิ ุนายน 2564) คิดวิเคราะห์ปัญหาทางคลินิกอย่างเป็นระบบ ในขณะท่ี ทางคลินิก ณ โรงพยาบาลสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ และ ช้นั ปี ท่ี 4 ถงึ ช้นั ปี ท่ี 6 เป็นการศึกษาในระดบั ช้ันคลนิ กิ สถานประกอบการต่างๆ ซ่ึงนักศึกษาจะได้ฝึ กปฏบิ ัติ ประกอบด้วย ช้ันปี ท่ี 4 มีทักษะปฏิบัติทางอายุรกรรม ทางคลินิกและทาหัตถการต่างๆ เสมอื นเป็นสตั วแพทย์ และศัลยกรรมทางสตั วแพทย์ในสนุ ขั และแมว หลักการ ภายใต้ การกากับดูแลอย่ างใกล้ ชิดจากอาจารย์ผ้ ูสอน จั ด ก า ร ท า ง อ า ยุ ร ก ร ร ม ข อ ง สุ ก ร แ ล ะ สั ต ว์ ท ด ล อ ง หรอื สตั วแพทยพ์ ่ีเล้ยี ง และการจดั กจิ กรรมแนะแนวการ ดาเนินการวิจัย และคดิ วิเคราะห์ปัญหาทางคลินิกอย่าง ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์อย่างต่อเน่ืองตลอดปี เป็นระบบ ช้ันปี ท่ี 5 มที กั ษะปฏบิ ัตทิ างอายุรกรรมและ การศึกษากเ็ ป็นส่วนสาคญั ในการพัฒนาทศั นคตใิ นการ ศัลยกรรมทางสตั วแพทย์ในม้าและสตั ว์เล้ยี งชนิดพิเศษ ประกอบวิชาชีพได้เป็ นอย่างดี ซ่ึงจากผลการศึกษา สตั วเ์ พ่ือการบริโภค สตั ว์ป่ า สตั วส์ วนสตั ว์ ทกั ษะปฏบิ ตั ิ ดงั กล่าวจะทาให้คณะฯ สามารถกาหนดแนวทางในการ ทางสัตวแพทย์สาธารณสขุ กฎหมายและจรรยาบรรณ จัดการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษา ทางสตั วแพทย์ ดาเนินการวิจยั และคดิ วิเคราะห์ปัญหา เก่ียวกับการประกอบวิชาชีพให้ ตรงตามความต้ องการ ทางคลินิกอย่างเป็นระบบ และช้ันปี ท่ี 6 มีทกั ษะปฏบิ ตั ิ ของนักศึกษาและสอดคล้องกบั การศึกษาในศตวรรษท่ี ทางคลินิกในกลุ่มสตั ว์เล้ียงเป็นเพ่ือนและสัตว์เพ่ือการ 21 ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และจากผลการสารวจพบว่า บริโภค สัตวแพทย์สาธารณสุข สรุปและนาเสนอ ทศั นคติในการประกอบอาชีพ ด้านการร้จู ักตนเองของ ผลงานวิจัย [2] ซ่ึงการเรียนการสอนในระดับคลินิกทา นักศึกษาคณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มี ให้ นักศึกษาได้ มีโอกาสรับร้ ูและมีประสบการณ์ตรงท่ี ค่าเฉล่ียต่าท่สี ดุ คอื มคี ่าเฉล่ีย 4.02 ดังน้ัน คณะฯ ควร เก่ยี วข้องกบั วิชาชีพการสตั วแพทย์เพ่ิมข้นึ จากการเรียน มีการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนานักศึกษาในด้านดังกล่าว การสอนในระดับช้ันปรีคลินิก จึงทาให้ นักศึกษามี เพ่ิมข้นึ โดยพิจารณาในด้านการรับร้คู วามถนดั ความรู้ ทศั นคติและการรับร้แู นวทางในการประกอบวิชาชีพสงู ความสามารถของตนเอง การประเมนิ ตนเองตามเกณฑ์ กว่านักศกึ ษาระดบั ช้ันปี ท่ี 1 ถงึ ช้ันปี ท่ี 3 การประเมินความรู้ ความสามารถข้ันพ้ืนฐานของการ สรุปผลการวิจยั และขอ้ เสนอแนะ ประกอบวชิ าชีพการสตั วแพทย์ ลักษณะงานท่สี อดคล้อง กับบุคลิกภาพของตนเอง ทัศนคติของตนเองท่ีมีต่อ จากการศึกษาสามารถสรุปผลการวิจัยและ ลักษณะงานรูปแบบต่างๆ เป็ นต้น เพ่ือให้นักศึกษามี ประโยชน์ท่ีได้จากการวิจัยได้ดังน้ี นักศึกษาคณะสตั ว การประเมินตนเองและพิจารณาเลือกประกอบอาชีพท่ี แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีทัศนคติในการ เหมาะสมกับตนเองได้มากย่ิงข้ึน นอกจากน้ีจาก ประกอบวิชาชพี ท้งั ในด้านการร้จู ักตนเอง ด้านลักษณะ การศึกษาท่ีพบว่านักศึกษาช้ันปี ท่ี 1 ถึงช้ันปี ท่ี 3 มี ของงาน และด้านการเตรียมความพร้อมเพ่ือประกอบ ค่าเฉล่ียของทศั นคตใิ นการประกอบวิชาชีพโดยรวมต่า อาชีพในระดับมาก รวมถงึ ในภาพรวมท้งั 3 ด้านกอ็ ยู่ กว่านักศึกษาช้ันปี ท่ี 4 ถึงช้ันปี ท่ี 6 ซ่ึงคณะฯ อาจจัด ในระดับมากเช่นกัน ท้งั น้ี เน่ืองมาจากเหตุผลหลักใน กิจกรรมท่ี สนับสนุนให้นักศึกษาได้เข้าร่วมกิจกรรม การเลือกเข้าเรียนในหลักสตู รสตั วแพทยศาสตรบณั ฑติ พัฒนานักศึกษาต้ังแต่เร่ิมเข้าศึกษาในช้ันปี ท่ี 1 ซ่ึงจะ ของนักศึกษาส่วนใหญ่คือเป็ นสาขาท่ีตรงกับความ เป็ นการสะสมการรับรู้และทัศนคติเก่ียวกับการ ต้องการท่จี ะประกอบอาชีพในอนาคต ประกอบกบั การ ป ร ะ ก อ บ วิ ช า ชี พ ก า ร สั ต ว แ พ ท ย์ ต ล อ ด ร ะ ย ะ เ ว ล า ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนานักศึกษาต้ังแต่เร่ิม การศึกษาในหลักสตู ร โดยการเปิ ดโอกาสให้นักศึกษา เข้าศึกษาในช้ันปี ท่ี 1 โดยกจิ กรรมท่ีสนใจเข้าร่วมเป็น ได้ฝึ กประสบการณ์ทางวิชาชีพนอกหลักสูตร เช่น ลาดับแรกคือ กิจกรรมด้านวิชาการและวิชาชีพ เช่น การศึกษางานในโรงพยาบาลสัตว์ ฟาร์ม หรือสถาน กิจกรรมสร้ างเสริมประสบการณ์วิชาชีพทางการสัตว ประกอบการต่างๆ รวมถงึ ได้มสี ่วนร่วมในด้านการดูแล แพทย์ กิจกรรมเปิ ดบ้านสัตวแพทย์ ลาดับถัดไปคือ สขุ ภาพสตั ว์ในหน่วยงานต่างๆ ของคณะฯ เช่น บ้านรกั กิจกรรมด้านบริการสังคมหรือจิตอาสา เช่น ค่ายสัตว ห ม า ศ า ล า ย า ศู น ย์ แ ร ก รั บ แ ล ะ ฟ้ื น ฟู สั ต ว์ ป่ า แพทย์อาสา กิจกรรมกนั ภัยพิษสุนัขบ้า ซ่ึงการเข้าร่วม ณ โรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่ า อ.ไทรโยค กจิ กรรมพัฒนานักศึกษาดงั กล่าว มสี ่วนในการสร้างโลก จ.กาญจนบุรี เป็ นต้น รวมถึงการจัดกิจกรรมแนะแนว ทศั น์และแนวทางในการประกอบวิชาชพี การสตั วแพทย์ การประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ โดยมีศิษย์เก่าท่ี ในอนาคตให้นักศึกษาได้อย่างชัดเจน สาหรับทศั นคติ ปฏบิ ัติงานในสาขาต่างๆ มาแลกเปล่ียนประสบการณ์ ต่อการประกอบวิชาชีพน้ัน นักศึกษาช้ันปี ท่ี 6 มีระดับ ในการประกอบวิชาชีพให้กบั นักศึกษาช้ันปี ท่ี 5 และ 6 ทศั นคติในการประกอบวิชาชีพสูงท่สี ุด โดยมีค่าระดับ อย่างต่อเน่ืองตลอดปี การศึกษากเ็ ป็นส่วนสาคญั ในการ มากท่สี ดุ เน่ืองจากนักศกึ ษาในช้นั ปี ท่ี 6 จะได้ฝึกทกั ษะ

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 35 พัฒนาทัศนคติในการประกอบวิชาชีพได้เป็ นอย่างดี 4. กรมการจัดหางาน. คู่มือการเตรียมความพร้อม อกี ท้งั จากการศึกษาท่พี บว่าสดั ส่วนอปุ ทานสตั วแพทย์ ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน. กรุงเทพฯ: กระทรวง ป ศุ สัตว์ ท้ังใน ส่ว นราชการและเอกชน มีสัดส่วนน้ อย แรงงาน; 2559. ในขณะท่มี อี ปุ สงคห์ รือความต้องการมากและมแี นวโน้ม สงู ข้นึ ดงั น้นั เพ่ือส่งเสริมให้มกี ารผลิตสตั วแพทยใ์ ห้เข้า 5. Best, J. W. Research in Education.3 rd ed. New มาประกอบวิชาชีพในกลุ่มงานน้ีให้มากย่ิงข้ึน จึงควรมี Jersey: Prentice hall Inc.; 1977. การส่งเสริมให้ มีความร่วมมือกันระหว่างสถาบันผลิต บัณฑิตสัตวแพทย์กับบริษัทเอกชนหรือหน่วยงาน 6. กองกิจการนักศึกษา. คู่มือนักศึกษา ประจาปี ราชการ ในการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตบัณฑติ การศึกษา 2561.นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล; เพ่ือประกอบวิชาชีพด้านปศุสตั ว์มากข้นึ [3] 2561. 4. เอกสารอา้ งอิง 7. รมย์รัมภา ณัฐธัญอติรุจ. การบริหารกิจการ นักศึกษาของสถาบันอดุ มศึกษาในศตวรรษท่ี 21. 1. พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พุทธศักราช วารสารการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัย 2562. ราชกจิ จานุเบกษา. เล่ม 136 ตอนท่ี 57 ก 2562;10(2):11-23. ราชกจิ จานุเบกษา (ลงวนั ท่ี 1พฤษภาคม 2562). 8. นราธิป ธีรธนาธร. ความคาดหวังของนักศึกษา 2. คณะสตั วแพทยศาสตร์. รายละเอยี ดของหลกั สตู ร สาขาการจัดการทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยราช (มคอ.2) หลักสตู รสตั วแพทยศาสตรบณั ฑติ ฉบบั ภั ฏ ใ น เ ข ต ภ า ค ใ ต้ ต อ น บ น ท่ีมีต่ อ ก า ร ป ร ะ ก อ บ ปรับปรงุ ปี การศึกษา 2563. นครปฐม: คณะสตั ว อา ชี พ .ว า รส า รวิ ทยบริกา ร มห า วิ ทยา ลั ย แพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหิดล; 2563. สงขลานครนิ ทร์ 2561;29(2):96-110. 3. ศุกลรัตน์ บุณยยาตรา, สวุ ิชา เกษมสุวรรณ, วลา 9. เสฎฐวุฒิ หนุ่มคา และ สัชฌุเศรษฐ์ เรืองเดช สนิ ี มลู อามาตย์, กนกอร เอ้อื เกษมสนิ , ภาณวุ ัฒน์ สวุ รรณ. ปัจจัยท่มี ผี ลต่อการเลือกงานของบัณฑติ แย้มสกุล, ศิริพร เพียรสุขมณี และคณะ. การ ระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น. คาดการณ์กาลังคนทางด้านอาชีพสัตวแพทย์ ปี ว า ร ส า ร วิ ช า ก า ร ม ห า วิ ท ย า ลั ย ฟ า ร์ อี ส เ ท อ ร์ น พ.ศ.2568. วารสารวิจัยระบบสาธารณสขุ 2561; 2557;7(2):160-7. 12(2):232-44. 10. ภาณุวัฒน์ สว่างแสง. ปัจจัยท่มี ผี ลในการตดั สนิ ใจ เลือกประกอบอาชีพของนิสติ ในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจาปี การศึกษา 2561. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2562;38(2):84-92.

Journal of Professional Routine to Research Volume 8, January-June 2021: 36-43 36 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวิจัย (ปี ท่ี 7 กรกฎาคม – ธนั วาคม 2563) พฤติกรรมการออกกาลงั กายและความตอ้ งการของลูกคา้ ทีม่ ารบั บริการของ ศูนยอ์ อกกาลงั กาย วิทยาลยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลยั มหิดล หลงั สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้ ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) The Exercise Behaviors and Needs of the Customers at the Sports Center, College of Sports Science and Technology, Mahidol University, after the Pandemic of Coronavirus 2019 (COVID-19) มานติ ย์ บุบผาสขุ *1 และ ยุวดี วงคใ์ หญ่ Manit Bubphasook and Yuwadee Wongyai บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษา (1) พฤตกิ รรมการออกกาลังกายของลูกค้าของศูนย์ออกกาลังกาย กอ่ นและหลังการแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (2) ความต้องการของลกู ค้าในการ ให้บริการของศูนย์ออกกาลังกายตามมาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) ประกอบด้วยมาตรการด้านกายภาพและส่ิงแวดล้อม มาตรการด้านการติดตามและคัดกรองความเส่ียง มาตรการด้านการป้ องกันตนเองและมาตรการด้านการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (3) ความร่วมมือของลูกค้าต่อ มาตรการป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ (4) ความคิดเห็นของ ลูกค้าต่อการให้บริการของศูนย์ออกกาลังกายตามฐานวถิ ชี ีวิตใหม่ (New Normal) ประชากรท่ศี ึกษาคอื ลูกค้าท่มี า รับบริการของศูนย์ออกกาลังกาย วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่างเดือน สิงหาคม-กันยายน 2563 จานวน 81 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็ นเคร่ืองมือในการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ความถ่ี อตั ราส่วนร้อยละ (%) ค่าเฉล่ีย (������̅) และค่าสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศึกษาพบว่าพฤตกิ รรม การออกกาลังกายของลูกค้าท่มี ารับบรกิ ารของศูนย์ออกกาลังกายกอ่ นและหลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคตดิ เช้ือ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ไม่แตกต่างกนั ในด้านความต้องการของลูกค้าในการให้บริการศูนย์ออกกาลัง กายหลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ในภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (������̅ = 3.86) เม่อื จาแนกตามรายด้านพบว่ามคี วามต้องการด้านมาตรการตดิ ตามและคดั กรองความเส่ยี งมากท่สี ุด (������̅ = 3.98) ในส่วนของความร่วมมอื ของลกู ค้าต่อมาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาดของของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่าอยู่ในระดับมากท่สี ุด (������̅ = 4.21) และความคิดเหน็ ของลูกค้าต่อการให้บริการของ ศูนยอ์ อกกาลงั กายตามรปู แบบฐานวถิ ชี วี ติ ใหม่ (New Normal) หลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่าอยู่ในระดบั มาก (������̅ = 4.00) คาสาคญั : พฤตกิ รรมการออกกาลังกาย/ ศูนย์ออกกาลังกาย/ การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)/ ฐานวิถชี วี ิตใหม่ สานักงานสนับสนุนกจิ กรรมกฬี าและการออกกาลังกาย วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกฬี า มหาวิทยาลัยมหิดล Office of the Sport Activities and Exercise Supporting, College of Sports Science and Technology, Mahidol University *Corresponding author: [email protected] Received : 28 กนั ยายน 2563/ Revised : 30 ตุลาคม 2563/ Accepted : 23 พฤศจิกายน 2563

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 37 Abstract The research studied (1) the exercise behaviors of customers at the Sports Center before and after the pandemic of coronavirus disease 2019 (COVID-19), (2) the needs for prevention measures after the pandemic of coronavirus disease 2019 – including the physical and environmental measures, monitoring and risk-screening measures, self-protection measures, and personal-spacing measures, (3) the cooperation of customers, and (4) their opinions about the Sports Center services after the pandemic with the new normal pattern. The data were collected by questionnaires during August – September 2020 from 81 customers at the Sports Center, College of Sports Science and Technology, Mahidol University, before analysis using frequency, percentage (%), mean (������̅), and standard deviation (S.D.). The research found that exercise behaviors before and after the pandemic of coronavirus disease 2019 (COVID-19) are not different. The needs for the prevention measures at the Sports Center after the pandemic of coronavirus disease 2019 (COVID-19) is at a high level (������̅ = 3.86). The need for the monitoring and risk-screening guideline is the most crucial (������̅ = 3.98). Moreover, the cooperation of customers when using the Sports Center to prevent the pandemic is at the highest level with an average of 4.21, while their opinions about the post COVID-19 services of the Sports Center with a new normal concept is also at the highest level with an average of 4.00. Keywords: Exercise Behaviors/ Sports Center/ The Pandemic of Coronavirus Virus Disease 2019 (COVID- 19)/ New Normal 1. บทนา อย่างเป็ นทางการ โดยให้ คานิยามว่า เป็ นโรคท่ี แพร่กระจายระหว่างคนในหลายประเทศท่วั โลกในเวลา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับแจ้งเม่ือ เดียวกัน ซ่ึงขณะน้ียังไม่มีวัคซีนป้ องกันสาหรับไวรัส เดือนธันวาคม พ.ศ.2562 ว่าพบกลุ่มผู้ป่ วยมีอาการ ชนิดน้ี ดังน้ันการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองโดย ปอดบวมโดยไม่ทราบสาเหตใุ นเมอื งอ่ฮู ่ันมณฑลหูเป่ ย การสวมหน้ากากอนามัย หลีกเล่ียงการสัมผัสบริเวณ สาธารณรัฐประชาชนจีน และมรี ายงานว่าเช้อื ไวรัสโคโร ใบหน้า การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเล่ียงพ้ืนท่ี น าส าย พั น ธุ์ให ม่ ห รื อ Severe Acute Respiratory แออดั และการใกล้ชิดผู้ป่ วย รวมท้งั กนิ อาหารร้อน ใช้ Syndrome Coronavirus (SARS-CoV-2) เป็นสาเหตุ ช้ อนกลางเฉพาะของตนเองและหม่ันล้ างมือให้ สะอาด ของโรคและได้แพร่ระบาดไปยังประเทศอ่ืนๆ อย่าง ด้วยสบู่อย่างถูกวิธี การเฝ้ าระวังและสงั เกตอาการของ รวดเร็วและกว้างขวาง ต่อมาองค์การอนามัยโลกได้ ตนเอง พบแพทย์หรือรายงานต่อแพทย์เม่ือมีความ กาหนดช่ือสาหรับเรยี กโรคทางเดนิ หายใจท่เี กดิ จากเช้ือ เส่ียง มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการติดต่อของเช้ือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า Coronavirus Disease ไวรัส การติดตามข้อมูลข่าวสารและมีความตระหนัก 2019 หรือ COVID-19 โดยกระทรวงสาธารณสขุ ของ เป็ นการเตรียมรับมือเพ่ือป้ องกนั และควบคุมการแพร่ ประเทศไทยเรียกว่าโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 โดย ระบาดในประเทศไทยได้ [1] จากแนวทางการป้ องกนั เช้ือดังกล่าวก่อให้ เกิดอาการปอดบวม ทาให้ ระบบ ดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการท่เี ข้มข้นเพ่ือ หายใจล้มเหลว ผ้ปู ่ วยมีอตั ราการเสยี ชีวิตประมาณร้อย ควบคุมการระบาดโดยได้ เร่ิมใช้ มาตรการล็อกดาวน์ ละ 3.4 ผ้สู งู อายุท่มี โี รคประจาตวั เป็นกล่มุ เส่ยี งท่โี รคจะ ต้ังแต่วันท่ี 26 มีนาคม 2563 รวมถึงสนับสนุนแนว เพ่ิมความรุนแรงได้มากท่ีสุดและเช้ือสามารถแพร่จาก ทางการปฏบิ ัตติ วั แบบปกตใิ หม่ หรือ New Normal ซ่ึง คนส่คู นได้ (human to human transmission) โดยเม่ือ ส่งผลกระทบในวงกว้างไม่ว่าจะเป็ นด้านเศรษฐกิจ วันท่ี 13 มกราคม 2563 ได้พบผู้ป่ วยรายแรกใน สงั คม รวมถงึ พฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น จากดั ตวั เอง ประเทศไทย ต่อมาได้มกี ารรายงานว่าพบผู้ป่ วยตดิ เช้ือ ให้อยู่ในบริเวณบ้านมากข้ึน ซ่ึงแนวทางการปฏิบัติตัว ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นอกประเทศจีนเพ่ิมข้ึน แบบป กติให ม่ ห รือ New Normal น้ั น ส่งผลต่ อ เร่ือยๆ และในวันท่ี 11 มนี าคม 2563 องคก์ ารอนามัย พฤติกรรมการออกกาลังกายโดยเฉพาะการออกกาลัง โลก ได้ประกาศยกระดับการแพร่ระบาดของโคโรนา กายในศูนย์ออกกาลังกายซ่ึงเป็ นสถานประกอบการท่ี ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 จากโรคระบาด (Epidemic) เป็ นโรคระบาดใหญ่ท่ัวโลก (Pandemic)

38 วารสารการพัฒนางานประจาสู่งานวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) ถูกจัดอยู่ในกลุ่มพ้ืนท่ีเส่ียงในการแพร่ระบาด จากการ มหิดล ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และตรง สารวจพฤติกรรมการซ้ือสนิ ค้าและบริการของผู้บริโภค ตามความต้องการของลูกค้าต่อไป ชาวไทย พบว่าสถานประกอบกจิ กรรมเพ่ือสขุ ภาพหรือ ฟิ ตเนสมอี ตั ราการบริโภคลดลง ร้อยละ 58.1 เน่อื งจาก 2. วสั ดุและวิธีการ ไม่สามารถเปิ ดให้บริการได้ แต่อย่างไรกต็ าม ธรุ กจิ ฟิ ต เนสท่อี ยู่บนโลกออนไลน์กลับเตบิ โตได้ แสดงให้เหน็ ว่า โค รง ก ารวิ จั ย น้ี ได้ รั บ ก ารรั บ ร อ ง โด ย ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่ คณะกรรมการการวิจัยในคนชุดกลาง มหาวิทยาลัย ผ้ ูบริโภ คยังคงรักสุขภาพ และต้ องการออกกาลั งกาย มหิดล (MU-CIRB) รหัสโครงการ MU-CIRB2020/ เหมือนเดิม [2] ปัจจุบันศูนย์ออกกาลังกาย วิทยาลัย 1 8 6 .0 3 0 8 นิ ย าม ศั พ ท์ ข อ งตั ว แ ป ร ท่ี ศึ ก ษ า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย 1) ลูกค้า หมายถึง ผู้ท่มี ารับบริการศูนย์ มหิดล ได้เปิ ดให้บริการภายหลังการประกาศผ่อนคลาย ออกกาลังกาย วทิ ยาลัยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี าร ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้เข้าใช้ กีฬา ในช่วงเดือนสิงหาคม–กันยายน 2563 2) บริการวันละประมาณ 40-50 คน ส่วนใหญ่ เป็ น พฤติกรรมการออกกาลังกาย หมายถึง การออกกาลัง นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดล แต่ กายตามหลักเกณฑ์ของ FITT 3) ความต้องการของ อย่างไรกต็ ามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าว ลูกค้า หมายถงึ ความต้องการในการให้บรกิ ารของศูนย์ ศูนย์ออกกาลังกายมีความจาเป็ นต้องปรับเปล่ียนการ ออกกาลังกายตามแนวทางป้ องกนั การแพร่ระบาดของ บริการให้ มีความเห มาะสมท้ังใน ด้ าน กายภ าพ กระทรวงสาธารณสุข ในด้านกายภาพและส่งิ แวดล้อม สภาพแวดล้อม การบริหารจัดการและการให้บริการใน ด้ านการติดตามและคัดกรองความเส่ียง ด้ านการ รปู แบบฐานวิถชี วี ิตใหม่ หรอื New Normal ซ่ึงหมายถงึ ป้ องกนั ตนเองและด้านการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ความปกตใิ หม่ ฐานวถิ ชี วี ติ ใหม่ รปู แบบการดาเนินชวี ิต 4) ความร่วมมือของลูกค้ า หมายถึง การให้ ความ แบบใหม่ท่ีแตกต่างจากอดีต อันเน่ืองจากมีบางส่ิงมา ร่วมมือของลูกค้าต่อมาตรการป้ องกันการแพร่ระบาด กระทบ จนแบบแผนและแนวทางปฏบิ ัติท่ีคนในสงั คม ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ี ค้นุ เคยอย่างเป็นปกตแิ ละเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ต้อง ศูนยอ์ อกกาลังกายจดั ไว้ให้บริการ และ5) ความคดิ เหน็ เปล่ียนแปลงไปส่วู ิถใี หม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ท่ไี ม่ ของลูกค้ า หมายถึง ความคิดเห็นต่อแนวทางการ คุ้นเคย [3] ด้วยเหตุน้ีผู้วิจัยจึงต้องการท่ีจะศึกษาวิจัย ให้ บริการของศูนย์ออกกาลังกายตามฐานวิถีชีวิตใหม่ เร่ืองพ ฤติกรรมการออกกาลังกายและความต้ องการ (New Normal) โดยศึกษาจากประชากร คือ ลูกค้าท่ี ของลูกค้ าท่ีมารับบริการของศูนย์ออกกาลังกาย เข้ารับบริการศูนย์ออกกาลังกาย วิทยาลัยวิทยาศาสตร์ วิท ยาลั ยวิท ยาศ าส ต ร์แล ะเท ค โน โล ยีการกีฬ า และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล ช่วงเดือน มหาวิทยาลยั มหิดลหลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของ สงิ หาคม–กนั ยายน 2563 ท้งั หมด 86 คนโดยมีผ้ตู อบ โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมี แบบสอบถามท่ีมีความครบถ้วนสมบูรณ์ จานวน 81 วัตถุประสงค์เพ่ือศึกษา 1) พฤติกรรมการออกกาลัง คนคิดเป็ นร้อยละ 94.19 เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย กายของลูกค้าก่อนและหลังการแพร่ระบาดของโรคติด เป็นแบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 5 ส่วน กาหนดการให้ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2) ความ คะแนน 5 ระดับ มีค่าความเท่ยี งตรงของแบบสอบถาม ต้ องการของลูกค้ าในการให้ บริการของศูนย์ออกกาลัง (IOC) ท่ปี ระเมนิ โดยผู้เช่ียวชาญ ระหว่าง 0.69-0.99 กายตามมาตรการป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติด ท่ีระดับ 0.84 คะแนน ดาเนินการวิเคราะห์ลักษณะ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 3) ความ พ้ืนฐานของประชากร และพฤตกิ รรมการออกกาลงั กาย ร่วมมือของลูกค้าต่อมาตรการป้ องกันการแพร่ระบาด ของลูกค้าก่อนและหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วย 4) ความคิดเห็นของลูกค้าต่อการให้บริการของศูนย์ ความถ่ีและอตั ราส่วนร้อยละ (%) และวิเคราะห์ความ ออกกาลังกายตามฐานวิถชี ีวิตใหม่ (New Normal) ซ่ึง ต้องการ ความร่วมมือและความคิดเห็นของลูกค้าหลัง ผลการวิจัยน้ ีจะเป็ นข้ อมูลเพ่ือการพัฒนาและปรับปรุง สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา การดาเนินงานของศูนย์ออกกาลังกาย วิทยาลัย 2019 (COVID-19) ด้วยค่าเฉล่ีย (������̅) และค่าส่วน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัย เบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.)

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 39 โดยการแปลผลของค่าเฉล่ียตามระดับความ อายุระหว่าง 21-30 ปี จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ ต้องการ ความร่วมมือและความคิดเห็น มีเกณฑ์ให้ 29.63 อายุระหว่าง 41-50 ปี จานวน 16 คน คดิ เป็ น คะแนนแต่ละระดบั ตามแนวคดิ ของ Best [4] ดงั น้ี ร้อยละ 19.75 อายุต่ากว่า 21 ปี และมากกว่า 60 ปี มี ค่าเฉล่ยี ระหว่าง 1.00 – 1.80 หมายถงึ จานวนเท่ากนั คือ 6 คน คดิ เป็นร้อยละ 7.41 และอายุ ระหว่าง 51-60 ปี จานวน 3 คน คดิ เป็นร้อยละ 3.70 มีความต้องการ ความร่วมมอื และเหน็ ด้วยน้อยท่สี ุด ประเภทของการเป็นสมาชิก ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกรายปี ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.81 – 2.60 หมายถงึ จานวน 29 คน คิดเป็ นร้อยละ 35.80 รองลงมาคือ สมาชิกราย 3 เดือน จานวน 18 คน คิดเป็ นร้อยละ มคี วามต้องการ ความร่วมมอื และเหน็ ด้วยน้อย 22.22 รายวัน จานวน 10 คน คดิ เป็ นร้อยละ 12.35 ค่าเฉล่ียระหว่าง 2.61 – 3.40 หมายถงึ สมาชกิ ประเภทบตั รสว่ นงานภายในมหาวิทยาลัยมหิดล จานวน 9 คน คิดเป็ นร้อยละ 11.11 สมาชิกประเภท มคี วามต้องการ ความร่วมมอื และเหน็ ด้วยปานกลาง รายเดือน จานวน 8 คน คิดเป็ นร้อยละ 9.88 สมาชิก ค่าเฉล่ียระหว่าง 3.41 – 4.20 หมายถงึ แบบผู้สอนส่วนตวั จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 3.70 และสมาชิกราย 6 เดือนและตลอดชีพมีจานวนเท่ากัน มคี วามต้องการ ความร่วมมอื และเหน็ ด้วยมาก คอื 2 คน คดิ เป็นร้อยละ 2.47 ค่าเฉล่ยี ระหว่าง 4.21 – 5.00 หมายถงึ พฤตกิ รรมการออกกาลังกายของลูกค้าท่มี ารับ มคี วามต้องการ ความร่วมมอื และเหน็ ด้วยมากท่สี ดุ บริการของศูนย์ออกกาลังกายก่อนและหลังสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 3. ผลการวิจยั และการอภิปรายผล (COVID-19) ผลการวจิ ยั แสดงตามตารางท่ี 1 ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูล มีดังน้ี ลักษณะ พ้ืนฐานของประชากร จานวนท้งั หมด 81 คน เป็นเพศ ชาย 49 คน คิดเป็ นร้อยละ 60.49 เพศหญิง 32 คน คิดเป็นร้อยละ 39.51 ส่วนใหญ่มอี ายุระหว่าง 31-40 ปี จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 32.10 รองลงมาคือ ตารางที่ 1 แสดงการเปรยี บเทยี บพฤตกิ รรมการออกกาลังกายของลูกค้าท่มี ารบั บริการของศูนย์ออกกาลังกายก่อน และหลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พฤติกรรมการออกกาลงั กายของลูกคา้ ที่มารบั บริการศูนย์ ก่อนการแพร่ระบาด หลงั การแพร่ระบาด ออกกาลงั กาย ตามหลกั การของ FITT จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ ความถใี่ นการออกกาลงั กาย (Frequency) 10 12.35 10 12.35 - น้อยกว่า 1 คร้งั หรือบางสปั ดาห์ไม่ออกกาลังกายเลย 6 7.41 29 35.80 - 1-2 คร้งั /สปั ดาห์ 52 64.20 31 38.27 - 3-5 คร้งั /สปั ดาห์ 13 16.05 11 13.58 - มากกว่า 5 คร้งั /สปั ดาห์ ระดบั ความหนกั ในการออกกาลงั กาย (Intensity) 8 9.88 5 6.17 - ระดบั เบา 60 74.07 68 83.95 - ระดบั ปานกลาง 13 16.05 8 9.88 - ระดบั หนัก ระยะเวลาที่ใชใ้ นการออกกาลงั กาย (Time) 15 18.52 7 8.64 - น้อยกว่า 1 ช่วั โมง/คร้งั 54 66.67 65 80.25 - 1-2 ช่วั โมง/คร้งั 12 14.81 9 11.11 - 2-3 ช่วั โมง/คร้งั 0 0.00 0 0.00 - มากกว่า 3 ช่วั โมง/คร้งั ช่วงเวลาทีอ่ อกกาลงั กาย (Time) 14 17.28 12 14.81 - ต้งั แต่เปิ ดบรกิ ารจนถงึ 12.00 น. 15 18.52 14 17.28 - 12.00-16.00 น.

40 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวิจัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทยี บพฤตกิ รรมการออกกาลังกายของลูกค้าท่มี ารบั บริการของศูนย์ออกกาลังกายก่อน และหลงั สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ต่อ) พฤติกรรมการออกกาลงั กายของลูกคา้ ที่มารบั บริการศูนย์ ก่อนการแพร่ระบาด หลงั การแพร่ระบาด จานวน รอ้ ยละ ออกกาลงั กาย ตามหลกั การของ FITT จานวน รอ้ ยละ 55 67.90 ช่วงเวลาทีอ่ อกกาลงั กาย (Time) 71 87.65 - ต้งั แต่ 16.00 น.จนปิ ดบริการ 52 64.20 10 12.35 วนั ที่เลือกออกกาลงั กาย (Time) 30 27.27 41 37.27 จันทร์ - ศุกร์ 72 88.89 26 23.64 6 5.45 เสาร์ - อาทติ ย์ 9 11.11 0 0.00 7 6.36 ประเภทของการออกกาลงั กาย (Type) เลอื กตอบไดห้ ลายประเภท - ออกกาลังกายเพ่ือความทนทานของหัวใจ 37 29.13 - ออกกาลังกายเพ่ือความแขง็ แรงของกล้ามเน้อื 41 32.28 - กจิ กรรมกล่มุ เช่น โยคะ แอโรบกิ ฟิ ตบอล 24 18.90 - ใช้บริการผ้ฝู ึกสอนสว่ นตวั (Personal Trainer) 7 5.51 - ห้องซาวน่าและสตมี 7 5.51 - สระว่ายนา้ 11 8.66 ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมการออกกาลัง แนะนาให้ ดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองและรักษา กายขอ งลูก ค้ าท่ีม ารับ บริการของศู นย์ ออก กาลังกาย สขุ ภาพให้แขง็ แรงเพ่ือป้ องกนั การติดไวรสั ดงั กล่าว [1] ก่อนและหลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือ ผลการวิจัยน้ีสอดคล้องกบั ผลสารวจของสวนดุสติ โพล ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ไม่แตกต่างกัน ท่ีสารวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างของคนไทยใน โดยในด้านความถ่ีในการออกกาลังกาย (Frequency) สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา สว่ นใหญ่ออกกาลังกาย 3-5 คร้งั ต่อสปั ดาห์ ด้านระดับ 2019 (COVID-19) พบว่าร้อยละ 45.39 หันมาให้ ความหนักในการออกกาลังกาย (Intensity) ส่วนใหญ่ ความสาคัญกับการดูแลสุขภาพมากข้ึนโดยการออก ออกกาลงั กายในระดบั ปานกลาง ด้านระยะเวลาท่ใี ช้ใน กาลังกายและรับประทานผลิตภัณฑ์ท่ชี ่วยดูแลสุขภาพ การออกกาลังกาย (Time) ส่วนใหญ่ ใช้ เวลา 1-2 ของตนเอง และไอพีจี มีเดียแบรนด์ (ประเทศไทย) ท่ี ช่ัวโมงต่อคร้ัง ช่วงเวลาท่ีออกกาลังกาย ส่วนใหญ่ใช้ ได้คาดการณค์ วามเปล่ยี นแปลงของพฤตกิ รรมผ้บู ริโภค เวลาต้ังแต่ 16.00 น.จนถึงปิ ดบริการ โดยส่วนใหญ่ หลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไว้ว่า ออกกาลังกายในวันจันทร์-ศุกร์ และประเภทของการ ผู้คนจะให้ความสาคัญเร่ืองสขุ ภาพ และมีแนวโน้มใน ออกกาลังกาย (Type) ส่วนใหญ่ออกกาลังกายเพ่ือ การดูแล ป้ องกนั สุขภาพเพ่ิมข้นึ เน่ืองจากได้รับข้อมูล ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ รองลงมาคือออกกาลัง ว่าการรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอจะช่วยป้ องกนั การติด กายเพ่ือความทนทานของหัวใจ ท้ังน้ี พฤติกรรมการ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 ได้ [5] อกี ท้งั ธรุ กจิ ฟิ ตเนสแบบ ออกกาลังกายของลูกค้าท่ีใช้บริการของศูนย์ออกกาลัง ออนไลน์กม็ ีผู้สมัครเข้ามาใช้งานเพ่ิมข้นึ แสดงให้เห็น กายก่อนและหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ว่าถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโร ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ท่ีผล นา 2019 (COVID-19) ผู้บริโภคยังรักสุขภาพและ การศึกษาพบว่าไม่แตกต่างกนั น้ัน เน่ืองจากพฤตกิ รรม ต้องการออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ [2] ของคนไทยท่ีหันมาสนใจออกกาลังกายและเล่นกีฬา ตามกระแสความใส่ใจสขุ ภาพท่มี แี นวโน้มเพ่ิมข้นึ อย่าง ในส่วนของการศึกษาความต้องการ ความ ต่อเน่ืองโดยผู้ท่ีออกกาลังกายเพ่ื อสุขภาพยังคง ร่วมมอื และความคดิ เหน็ ของลกู ค้าในการให้บริการของ ตระหนักถงึ ประโยชน์และความสาคัญของการมสี ขุ ภาพ ศูนยอ์ อกกาลังกายหลังสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของ ท่ดี ี โดยเฉพาะในช่วงท่มี กี ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือ โรคติด เช้ือไวรัสโคโรน า 2 0 1 9 ( COVID-1 9 ) ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซ่ึงผู้เช่ียวชาญ ผลการวจิ ยั แสดงตามตารางท่ี 2

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 41 ตารางที่ 2 แสดงค่าเฉล่ีย (������̅) และค่าส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของความต้องการ ความร่วมมือและความ คดิ เหน็ ของลูกค้าในการให้บริการของศูนย์ออกกาลงั กาย ตามมาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) (n=81) ความคิดเห็นของลูกคา้ ̅������ S.D. ค่าระดบั 1. ความต้องการของลกู ค้าในการให้บรกิ ารของศูนย์ออกกาลงั กายตาม 3.86 1.05 มาก มาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 3.94 1.01 มาก 3.98 1.00 มาก 1.1 ความต้องการมาตรการด้านกายภาพและส่งิ แวดล้อม 3.83 1.07 มาก 1.2 ความต้องการมาตรการด้านการตดิ ตามและคดั กรองความเส่ยี ง 3.64 1.13 มาก 1.3 ความต้องการมาตรการด้านการป้ องกนั ตนเอง 4.21 0.93 มากท่สี ดุ 1.4 ความต้องการมาตรการด้านการเว้นระยะห่างระหว่างบคุ คล 2. ความร่วมมอื ของลกู ค้าต่อมาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรคตดิ 4.00 0.93 มาก เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 3. ความคดิ เหน็ ของลกู ค้าต่อการให้บริการของศูนยอ์ อกกาลงั กายตาม ฐานวิถชี วี ติ ใหม่ (New Normal) หลงั สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรค ตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากผลการศึกษาความต้องการของลูกค้าใน ท่ีพ บว่ าป ระชาชนส่วนใหญ่ สามารถค้ นหาหรือเข้ าถึง การให้ บริการของศูนย์ออกกาลังกายตามมาตรการ แหล่งข้อมูลเก่ียวกับโรคโควิด-19 ได้ ทันทีร้อยละ ป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 98.5 และสามารถค้ นหาหรือเข้าถึงแหล่งข้อมูลท่ี 2019 (COVID-19) พบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับ ถูกต้องและทนั สมัยได้ร้อยละ 97.4 [6] จึงทาให้ลูกค้า มาก (������̅ = 3.86) เม่ือจาแนกตามรายด้านพบว่า มี ส่วนใหญ่มีความรู้และตระหนักถึงความสาคัญในการ ความต้ องการมาตรการด้ านการติดตามและคัดกรอง ป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ความเส่ียงมากท่ีสุด (������̅ = 3.98) รองลงมาคือ ด้าน 2019 (COVID-19) โดยมาตรการป้ องกันท่ีลูกค้ามี กายภาพและสง่ิ แวดล้อม (������̅ = 3.94) ด้านการป้ องกนั ความต้องการสงู ท่สี ดุ คอื มาตรการด้านการตดิ ตามและ ตนเอง (������̅ = 3.83) และด้านการเว้นระยะห่างระหว่าง คดั กรองความเส่ียง เช่น มรี ะบบลงทะเบียน เข้า-ออก บุคคล (������̅ = 3.64) ตามลาดับ โดยอยู่ในระดับมาก จากศูนย์ออกกาลังกาย มีจุดคัดกรองสาหรับลูกค้าและ ท้งั หมด ในสว่ นของความร่วมมอื ของลูกค้าต่อมาตรการ พนักงาน เป็ นต้น เน่ืองจากมาตรการดังกล่าวสามารถ ป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา คัดกรองผู้มีความเส่ียงได้ต้ังแต่ก่อนเข้าใช้บริการ ซ่ึง 2019 (COVID-19) พบว่าอยู่ในระดับมากท่ีสุด (������̅ นับว่าเป็ นการป้ องกันต้ังแต่ต้นเหตุและการมีระบบ = 4.21) และความคิดเหน็ ของลูกค้าต่อการให้บริการ ติดตามกรณีพบผู้ป่ วยท่ีเข้ามาใช้บริการทาให้สามารถ ของศูนย์ออกกาลังกายตามฐานวิถีชีวิตใหม่ (New ติดตามผู้มีความเส่ียงท่ีสัมผัสผู้ป่ วยได้อย่างรวดเร็ว Normal) หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด นอกจากน้ี มาตรการด้านกายภาพและส่ิงแวดล้อมก็ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อยู่ในระดับ เป็ นมาตรการท่ีลูกค้ าให้ ความสาคัญในระดับมาก มาก (������̅ = 4.00) ท้งั น้ี เน่ืองจากกลุ่มลกู ค้าท่เี ข้ามาใช้ เช่นกัน (������̅ = 3.94) เน่ืองจากเป็ นมาตรการสาคัญท่ี บริการศนู ยอ์ อกกาลังกายน้ัน โดยพ้ืนฐานเป็นกล่มุ คนท่ี ช่วยลดการแพร่กระจายของเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 ได้ ให้ ความสนใจและตระหนักถึงการดูแลใส่ใจสุขภาพ เป็ นอย่างดี เช่น การเว้นระยะห่างระหว่างเคร่ืองออก รวมถึงการรักษาสุขภาพให้ แข็งแรงอยู่เสมอ จึงให้ กาลังกาย การทาความสะอาดพ้ืนผิวท่ีมีการสัมผัส ความสาคัญกับมาตรการป้ องกันการแพร่ระบาดของ บ่อยๆ เป็นต้น ซ่งึ ศูนยอ์ อกกาลังกายได้มกี ารปรับพ้ืนท่ี โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ใน และการให้ บริการตามคู่มือปฏิบัติการตามมาตรการ ระดบั มาก ประกอบกบั ปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึง ผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมเพ่ือป้ องกันการแพร่ ข้ อ มู ล แ ล ะ ค ว า ม ร้ ูเก่ีย ว กับ โรค ติด เช้ ื อ ไว รัส โค โรน า ระบาดของโรคโควิด-19 สาหรับประเภทกิจการและ 2019(COVID-19)ได้ง่ายดงั งานวจิ ยั ของอวาทพิ ย์ แว กจิ กรรม กลุ่มท่ี 3 [7] อย่างเคร่งครัด จึงทาให้ลูกค้ามี

42 วารสารการพัฒนางานประจาส่งู านวจิ ัย (ปี ท่ี 8 มกราคม–มิถุนายน 2564) ความเช่อื ม่นั ในมาตรการด้านดงั กล่าว นอกจากน้ลี ูกค้า แอลกอฮอล์เป็ นประจาร้อยละ 89 ซ่ึงสูงท่ีสุดในกลุ่ม ท่ีมาใช้บริการยังให้ความสาคัญกับมาตรการป้ องกัน ประเทศอาเซยี น [10] ตนเอง และการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลในระดับ มาก (������̅ = 3.83 และ 3.64 ตามลาดับ) ท้ังน้ี จากการศึก ษาสามารถสรุป ได้ ว่ าลูกค้ าท่ีใช้ เน่ืองจากการเข้าถึงข่าวสารและแหล่งข้อมูลสาคัญดงั ท่ี บริการศูนย์ออกกาลังกาย วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และ กล่าวมาข้ างต้ น จึงทาให้ ประชาชนมีการรับรู้และ เทคโนโลยีการกฬี า มหาวทิ ยาลยั มหิดล ให้ความสาคัญ ตระหนกั เก่ยี วกบั การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโค กบั การให้บริการตามมาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาด โรนา 2019 (COVID-19) เป็ นอย่างดี ซ่ึงส่งผลต่อ ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พฤติกรรมการป้ องกันตนเอง เช่น การล้างมือท้งั ก่อน โดยเฉพาะมาตรการด้านการติดตามและและคัดกรอง และหลังการใช้บริการ หลีกเล่ียงการออกกาลังกายใน ความเส่ียง และพร้อมให้ ความร่วมมือกับมาตรการ บริเวณท่ีมีผู้ใช้บริการหนาแน่น เป็ นต้น สอดคล้องกบั ป้ องกันการแพร่ระบาดและเห็นด้วยกับการให้บริการ การศึกษาเร่ืองการรับรู้และพฤติกรรมการป้ องกัน ของศูนย์ออกกาลังกายตามฐานวิถีชีวิตใหม่ (New ตนเองของประชาชนจากประเทศกลุ่ม G7 จานวน Normal) หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด 7,005 คน ผลการศึกษาพบว่าการรับรู้และความ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังน้ัน ศูนย์ ตระหนักเก่ยี วกบั มาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาดของ ออกกาลงั กาย จงึ ควรพัฒนารปู แบบการให้บรกิ ารลกู ค้า โรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถ ท่ีสอดคล้องกับมาตรการป้ องกันการแพร่ระบาดและ ทานายพฤติกรรมการป้ องกันตนเองได้ [8] และจาก เป็ นไปตามแนวทางฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) การศึกษาเร่ืองการรับรู้ความเส่ียงของการแพร่ระบาด อย่างต่อเน่ือง อันเป็ นส่วนสาคัญในการควบคุมและ ของโควิด19 จากกลุ่มตัวอย่าง 6,991 คน จาก 10 ป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ประเทศ พบว่าการรับร้คู วามเส่ยี งของการแพร่ระบาดมี 2019 (COVID-19) ซ่ึงเป็ นนโยบายของกระทรวง ผลต่อพฤติกรรมการป้ องกนั ตนเอง [9] ในด้านความ สาธารณสุข และตรงตามความต้องการของลูกค้าเพ่ือ ร่วมมือของลูกค้าต่อมาตรการป้ องกนั การแพร่ระบาด สร้างความเช่ือม่นั ให้กบั ลกู ค้าในด้านความปลอดภัยใน ของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อยู่ การเข้ารบั บรกิ ารต่อไป ในระดับมากท่สี ุด (������̅ = 4.21) และความคิดเหน็ ของ ลกู ค้าต่อการดาเนินงานของศูนย์ออกกาลังกายตามฐาน 4. เอกสารอา้ งอิง วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) หลังสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 1. สุรัยยา หมานมานะ,โสภณ เอ่ียมศิริถาวร และ 19) อยู่ใน ระดับมาก (������̅ = 4.00) ท้ังน้ี เพ ราะ สุมนมาลย์ อุทยมกุล. โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา นอกเหนือจากการรับร้ ูและความตระหนักของลูกค้ า 2019 (COVID-19).วารสารสถาบันบาราศนรา เก่ียวกับมาตรการป้ องกันการแพร่ระบาดของโรคติด ดรู 2563;14(2):E1-E10. เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แล้ว ยังเป็นผล มาจากการปลกู ฝงั พฤตกิ รรมเก่ยี วกบั การปฏบิ ตั ติ วั ตาม 2. แบรนด์ อินไซด์. จุดพลิกอุตสาหกรรมฟิ ตเนส ฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ของสังคมไทยใน เม่ือ COVID-19 ทาการออกกาลังกายออนไลน์ ปัจจุบัน ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยเพ่ือป้ องกัน บูมจนยิมต่างๆ เร่ิมมีปัญหา [อินเทอร์เน็ต]. ตนเองและป้ องกันเช้ือไวรัสจากบุ คคลอ่ืน การ 2563 [เข้าถึงเม่อื 2563 ก.ค.31]. เข้าถึงได้จาก แสดงออกทางพฤติกรรมระหว่างบุคคลในครอบครัว https://brandinside.asia/fitness-future-covid- และชุมชนตามมาตรการเว้ นระยะห่ างทางสังคม 19/ (Social Distancing) การน่ังรับประทานอาหารใน ร้านอาหาร การเว้นระยะขณะออกกาลังกาย และการเข้า 3. มาลี บุญศิริพันธ.์ รู้จัก \"New Normal\" ฉบับราช ชมแข่งขันกีฬาในสนาม เป็ นต้น จากผลการสารวจใน บัณฑิตยสภา [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเม่ือ ประชาชนกล่มุ อาเซยี น 6 ประเทศ จานวน 12,999 คน 2563 กรกฎาคม 10]. เข้าถึงได้จาก https:// พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการสวมหน้ากากอนามัย news.thaipbs.or.th/content/292126 บ่อยและบ่อยท่ีสดุ ถึงร้อยละ 95 และล้างมือด้วยเจล 4. Best, J.W. Research in Education.10thed. Cape Town: Pearson Education Inc.; 2006 5. ไทยโพสต์. ยุคทองธรุ กิจสขุ ภาพ [อินเทอร์เนต็ ]. 2563 [เข้าถึงเม่อื 2563 มิถุนายน 2]. เข้าถึงได้

Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 43 จ า ก https://www.thaipost.net/main/detail/ prevent COVID-1 9 transmission in the G7 67567. nations. Population Medicine 2020;2(June): 6. อวาทิพย์ แว. COVID-19 กับการเรียนรู้สู่การ 17. ปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพในวันน้ี. วารสาร 9. Dryhurst S, Schneider CR, Kerr J, Freeman สมาคมวิชาชพี สขุ ศกึ ษา 2563;35(1): 24-9. ALJ, Recchia G, Marthe van der Bles A et al. 7. กระทรวงสาธารณ สุข.คู่มือป ฏิบัติการตาม Risk perceptions of COVID-1 9 around the ม า ต ร ก า ร ผ่ อ น ค ล า ย กิจ ก า ร แ ล ะ กิจ ก ร รม เพ่ื อ world. Journal of Risk Research. online: 0 5 ป้ องกนั การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สาหรับ May 2 0 2 0 https://doi.org/1 0 .1 0 8 0 / ประเภทกจิ การและกจิ กรรม กล่มุ ท่ี 3. กรงุ เทพฯ: 13669877.2020. 1758193. สานักพิมพ์อกั ษรกราฟฟิ กแอนดด์ ไี ซน์; 2563. 10. ขวัญเมือง แก้วดาเกิง.พฤติกรรมของประชากร 8. Vardavas CI, Odani S, Nikitara K, Banhawi โลกในช่วงเผชญิ ภาวะวิกฤติ COVID-19.วารสาร HE, Kyriakos CN, Taylor L et al. Perceptions สมาคมวิชาชีพสุขศึกษา 2563;35(1):14-22. and practice of personal protective behaviors to

Journal of Professional Routine to Research Volume 8, January-June 2021: 44-52 Journal of Professional Routine to Research (Volume 8, January-June 2021) 44 การพฒั นาตวั ช้ ีวดั และเกณฑก์ ารประเมินงานจดั ซ้ ือสินคา้ สาหรบั งานพสั ดุมหาวิทยาลยั มหิดลดว้ ยวิธีเดลฟาย Development of Indicators and Criteria of Procurement Job for Mahidol University by Delphi Method พิชามญชุ์ กาหลง*1 Pichamon Kalong บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนาตัวช้ีวัดและเกณฑ์การประเมินงานจัดซ้ือสินค้ าของ มหาวิทยาลัยมหิดลให้มคี วามถูกต้องเชิงเน้ือหา และเป็นไปตามขอบเขตงานพัสดุตามพระราชบัญญัตกิ ารจัดซ้ือจัด จ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบยี บกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 การวิจัยในคร้ังน้ีเป็ นวิจัยเชิงสาํ รวจ (Survey Research) การวิจัยคร้ังน้ีเกบ็ ข้อมูลจาก ผู้เช่ียวชาญจาํ นวน 14 คน ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิควิธีเดลฟาย (Delphi Method) ผลการศึกษาพบว่า ตัวช้ีวัดและเกณฑก์ ารประเมินงานจัดซ้ือสนิ ค้าของมหาวิทยาลัยมหิดล มี 8 ข้อ ได้แก่ ตัวช้ีวัดท่ี 1 ระยะเวลาในการ จัดทาํ แผนการจัดซ้ือจัดจ้างสินค้า (เหมาะสมมากท่สี ดุ , สอดคล้องมากท่ีสุด) ตัวช้ีวัดท่ี 2 ระยะเวลาในการจัดทาํ เอกสาร (เหมาะสมมาก, สอดคล้องมากท่สี ดุ ) ตวั ช้ีวัดท่ี 3 ระยะเวลาในการจัดทาํ ราคากลางสนิ ค้า (เหมาะสมมาก ท่สี ดุ , สอดคล้องมากท่สี ดุ ) ตวั ช้ีวดั ท่ี 4 ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลในการปฏบิ ตั งิ านจัดซ้ือจัดจ้าง (เหมาะสมมาก ท่สี ดุ , สอดคล้องมากท่สี ดุ ) ตวั ช้ีวัดท่ี 5 ความโปร่งใสในกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้าง (เหมาะสมมาก, สอดคล้องมาก ท่สี ดุ ) ตวั ช้ีวัดท่ี 6ความคุ้มค่า ด้านคุณลกั ษณะในการดาํ เนินการจัดซ้ือจดั จ้าง (เหมาะสมมาก, สอดคล้องมากท่สี ดุ ) ตวั ช้ีวัดท่ี 7 ความคุ้มค่า ด้านราคา ในการดาํ เนนิ การจดั ซ้อื จดั จ้าง (เหมาะสมมาก, สอดคล้องมากท่สี ดุ ) และตวั ช้ีวัด ท่ี 8 ความตรวจสอบได้ ในกระบวนการจดั ซ้อื จดั จ้าง (เหมาะสมมาก, สอดคล้องมากท่สี ดุ ) คาสาคญั : การพัฒนา ตวั ช้วี ัด เกณฑก์ ารประเมนิ งานพัสดุ มหาวิทยาลัยมหิดล วิธเี ดลฟาย Abstract This study developed indicators and criteria of procurement for Mahidol University to comply with the law on “Government Procurement and Supplies Management Act B.E. 2017” and the “Annual Budget Expenditure Budget Act B.E. 2017.” Research survey methods were used to collect data from 14 participants. The survey data was analyzed using the Delphi method. The results showed that there are 8 indicators as follows: Indicator 1 is Time in Planning a Purchase Order (most appropriate, most consistent), Indicator 2 is Time in Preparing Documents (Very appropriate, most consistent), Indicator 3 is Time in Obtaining Price Quotes (most appropriate, most consistent), Indicator 4 is Efficiency and Effectiveness in Operations (most appropriate, most consistent), Indicator 5 is Transparency (very appropriate, most consistent), Indicator 6 is Value for Features of the Purchase (very appropriate, most consistent), Indicator 7 is Value for the Price of the Purchase (very appropriate, most consistent) and Indicator 8 is Accountability (very appropriate, most consistent). Keywords: Development / Indicators / Criteria / Procurement / Mahidol University / Delphi Method สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล ตาํ บลศาลายา อาํ เภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170 Institute for Innovative Learning, Mahidol University, Salaya, Putthamonthon, Nakhon Pathom 73170 Thailand *Corresponding author: [email protected] Received : 30 ธนั วาคม 2563/ Revised : 22 กุมภาพันธ์ 2564/ Accepted : 5 มีนาคม 2564