Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2564)

วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2564)

Published by MBU SLC LIBRARY, 2021-04-29 07:11:39

Description: วารสารวิชาการ มมร วิทยาเขตล้านนา

Search

Read the Text Version

46 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) สนุก” มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นและสามารถ สมองเป็นฐานที่มีต่อทักษะกระบวนการทาง นำไปใช้ในการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์มากยิง่ ขนึ้ ของเดก็ ปฐมวยั โรงเรยี นอนื่ ต่อไป 2.การจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบ ข้อเสนอแนะเพ่อื การวจิ ัย ใหม่ๆควรใช้กระบวนการคิดสร้างสรรค์เป็น 1. ครูควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมใน ฐานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่าง ต่อเนอ่ื งดว้ ยการลงมือปฏบิ ัติ ทำให้การพัฒนา ด้านข้อมูลและควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีความ ทักษะกระบวนการ การพฒั นากิจกรรมการจัด คงทนต่อเน่ืองและยง่ั ยืน ประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้แบบใหม่ๆ โดยใช้ แหลง่ อา้ งองิ กัญนิกา พราหมณ์พิทักษ์. (2551). การจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการทางสมอง (BBL). วารสารวชิ าการ, 11(4), 19-23. เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศักด์ิ. (2551, 13 กุมภาพันธ์). พัฒนาเด็กปฐมวัย ต้องใช้ความร่วมมือ. สยามรฐั รายวัน, น. 12 เทพกญั ญา พรหมขตั ิแก้ว. (2554). ธรรมชาติการเรียนรขู้ องเด็กปฐมวัยกบั การเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี. สสวท, 40(174), 32-35. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2540). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมติ ร. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2551). แนวทางการจัดการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรป์ ฐมวัย. กรุงเทพฯ: สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2554). แนวทางการจัดการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. Danielson, C. (2010). 377-378) Driver, M. (2001). Activity-based Costing: A Tool for Adaptive and Generative Organizational Learning?. The Learning Organization, 8(3), 94-105. Illig, D. C. (1998). Birth to Kindergarten: The Importance of the Early Years. Sacramento, CA: California State Library.

Received: 2021-01-10 Revised: 2021-04-08 Research Articles Accepted: 2021-04-17 แนวทางการพฒั นาการควบคุมภายในของสำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 35 INTERNAL CONTROL DEVELOPING GUIDELINE OF SECONDARY EDUCATIONAL ADMINISTRATION AREA OFFICE 35 สงั วาร วังแจม่ 1 Sungwan Wangcham สุรศกั ดิ์ สุทธศิริ 1 Surasak Suthasiri ประกอบ สาระวรรณ 1 Prakob Sarawan สาโรจน์ แกว้ อรณุ 1 Saroj Kaewaroon สทิ ธิชัย มูลเขียน 2 Sittichai Mulkhien เพ็ญพรรณ แสงเนตร 3 Phenphan Saengnet Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ยอ่ บทความวจิ ยั นมี้ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) เพื่อศึกษาการดำเนินการควบคุมภายใน 2) เพือ่ เสนอแนะแนว ทางการพฒั นาการควบคมุ ภายใน ประชากรคอื หวั หนา้ กลุ่มงาน ผรู้ บั ผดิ ชอบงานการควบคมุ ภายใน ผู้บริหาร สถานศึกษาและครผู ูร้ ับผดิ ชอบงานการควบคมุ ภายในของสถานศึกษา รวมประชากรทงั้ ส้นิ 99 คน เคร่อื งมอื ไดแ้ กแ่ บบบันทกึ ขอ้ มลู จากเอกสารปฐมภูมิ แบบบันทึกการสมั ภาษณ์และการสนทนากลุ่มตามแนว CIPP Model วิเคราะห์ข้อมลู ด้วยการวิเคราะหเ์ นื้อหา ผลการวจิ ัยพบวา่ 1) การดำเนินการควบคมุ ภายใน ดา้ นบรบิ ท (C) คอื มีการเปล่ียนแปลงกฎหมายทีถ่ อื เป็นแนวปฏิบัติทำ ให้สถานศึกษาสบั สนในการดำเนินการ ปัญหาท่ีพบคือผูบ้ รหิ ารมคี วามรู้ความเข้าใจไมเ่ พยี งพอและมกี ารเปลย่ี น ผู้รับผดิ ชอบงานการควบคุมภายในระหวา่ งปีทำให้การดำเนินงานไมต่ อ่ เน่อื ง ดา้ นปจั จยั (I) คือ งบประมาณทใี่ ช้ ดำเนินโครงการไม่เพียงพอ บุคลากรเปลีย่ นย้ายงาน ผู้รบั ผดิ ชอบงานใหม่ขาดความร้คู วามเข้าใจในการ ดำเนนิ การ ด้านกระบวนการ (P) คอื การสรา้ งความร้คู วามเข้าใจแกบ่ ุคลากรด้วยการอบรมมคี วามสำเร็จรอ้ ยละ 80 การตดิ ตอ่ ประสานงานกับสถานศกึ ษาและการนเิ ทศ ตดิ ตามผลยังไมเ่ พียงพอ ดา้ นผลผลิต (P) คอื การจดั ทำ รายงานมคี วามถกู ตอ้ ง แตไ่ มค่ รอบคลุมภาระงาน การวางแผนการบรหิ ารความเส่ยี งยงั ดำเนนิ การไม่เหมาะสม 2) แนวทางการพฒั นาการควบคมุ ภายใน คอื ควรสรา้ งแกนนำในการควบคุมภายในจากบคุ ลากรใน สถานศึกษา มีบทบาทในการนเิ ทศกำกบั ตดิ ตามการดำเนินงานของสถานศึกษารว่ มกบั เขตพ้ืนท่ี และควรกำหนด 1 อาจารย์ประจำหลกั สตู รศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยนอรท์ -เชียงใหม่ 2 อาจารยพ์ เิ ศษหลักสตู รศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวทิ ยาลยั นอรท์ -เชยี งใหม่ 3 นักวิชาการอสิ ระ

48 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) นโยบายใหม้ ีการปรับปรงุ แผนปฏิบัติการประจำปเี พ่อื นำความเสย่ี งท่ีไดจ้ ากการประเมนิ เมอื่ สิน้ ปงี บประมาณไป วางแผนการบริหารเพอ่ื ลดความเสีย่ งให้ทนั เวลา คำสำคัญ: การควบคมุ ภายใน, สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา, ความเสย่ี ง ABSTRACT The purpose of this research were 1) To study the internal control operation in the Officeof theSecondaryEducationalServiceArea35. 2) Tosuggestguidanceonthedevelopment of internal control in theOffice of the Secondary Educational ServiceArea 35. The population is the leader of the work group, the person responsible for the internal control, the school administrators and teachers responsible for the internal control work of the school, All population are 99 people. The tools include the primary document data form. CIPP Model Interview and Group Discussion Forms. Analyze data through content analysis. The research results were found that; 1) Theprogressof internalcontrol operation, Context; thelawwaschangedasa guideline, causing the school to be confused in its implementation. The problem encountered was that the management had insufficient knowledge and understanding, and the person in charge of internal control has been changed during the year, causing the operation to be inconsistent. Factor; the budget used for the project is not enough. Personnel change jobs. The person responsible for the new job lacks the knowledge and understanding of the operation. Process; to create knowledge and understanding for personnel with training, with 80 percent success. Coordination with educational institutions and supervision Follow-up results are not enough. Productivity; The preparation of the report is accurate. But does not cover the workload Risk management planning was not performed properly. 2) Guidelines for the development of internal control should createa lead in internal control fromthepersonnel intheeducationalinstitution. Hasa roleinsupervisingand monitoring the operation of educational institutions together with the area, and should set policies for improvements. Keywords: Internal Control, Secondary Educational Administration Area ServiceOffice, Risk บทนำ กระจายอำนาจการบริหารจากสว่ นกลางลงสู่ การกำกับดูแลการจัดการศึกษาขน้ั ส่วนภูมิภาคที่เรียกว่าสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา ซึ่งกระจายอยู่ตามจงั หวัดต่าง ๆ ทวั่ พื้นฐาน เป็นบทบาทหน้าที่ของสำนักงาน ประเทศ ในส่วนของการจัดการศกึ ษาระดับ คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ซ่งึ มีการ

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 49 มัธยมศึกษากม็ ีสำนักงานเขตพื้นที่การ ศึกษา ทั้ง 5 ด้าน หลังส้ินปีงบประมาณทุกปี และ มธั ยมศึกษาเปน็ ผู้กำกับดแู ลการจดั การศึกษา จดั ทำรายงานต่อผกู้ ำกบั ดแู ล คอื สถานศกึ ษา ในระดบั มัธยมศึกษาในพน้ื ที่ทร่ี ับผิดชอบ โดย รายงานต่อเขตพื้นที่ และเขตพื้นที่จัดทำ มีสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาขนาดตา่ งๆ รายงานการประเมินผลและหลอมรวมความ เป็นหน่วยงานใตส้ งั กัด ซึง่ ในการกำกับดูแล เสี่ยงของสถานศึกษารายงานต่อสำนักงาน การบริหารจดั การของสถานศกึ ษานั้น จะมีกฎ คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานภายใน ระเบยี บตา่ งๆเป็นแนวทางการบรหิ ารจัดการ เดือนธนั วาคมทกุ ปี(สำนักงานคณะกรร มการ รวมทั้งการบริหารจดั การเพื่อควบคุมความ การศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน, 2561) เส่ยี ง มิใหเ้ กดิ ความเสยี หาย การร่ัวไหล ของ งบประมาณที่จัดสรรให้แต่ละหน่วยงานไป สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ดำเนนิ การ โดยมรี ะเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ มัธยมศกึ ษา เขต 35 เป็นหน่วยงานกำกบั ดแู ล การจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ของ ด้วยการควบคุมภายใน เป็นแนวทางก า ร ดำเนนิ งานสำหรับหนว่ ยงานทุกระดับทร่ี ับเงิน โรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดลำพูนและ ง บ ป ร ะมา ณ จ า ก ก ร ะท ร ว ง ก า ร ค ล ั ง ไป ลำปาง จำนวน 45 โรงเรยี น ซึ่งการดำเนินการ ดำเนินการ ระเบียบดังกลา่ วเรียกว่า แนว ค ว บ ค ุ ม ภ า ยใ นต า มแ นวป ฏิ บั ติของ ทางการดำเนินการควบคุมภายใน หน่ ว ย งา น กระทรวงการคลังและคู่มือของสำนักงาน ซึ่งมีขอ้ ปฏิบัติที่หนว่ ยงานต้องดำเนินการ คือ คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน สำนักงาน ตอ้ งมกี ารจัดวางระบบการควบคมุ ภายในตาม ฯได้กำหนดให้กลุ่มงานในเขตพื้นท ี่และ มาตรฐานการควบคุมภายใน 5 ด้าน สถานศกึ ษาในสังกัด จัดทำแผนการควบคมุ (กระทรวงการคลัง, 2561) ได้แก่ด้าน ภายในและมีการประเมินผลเมื่อสิ ้น สุด สภาพแวดลอ้ มการควบคุม ด้านการประเมิน ปีงบประมาณ แล้วนำความเส่ียงที่พบมาวาง ความเสี่ยง ด้านกิจกรรมการควบคุม ด้าน แผนการบริหารความเสี่ยงโดยการจดั ทำงาน/ สารสนเทศและการสื่อสาร และด้านการ โครงการที่มีกิจกรรมควบคุมความเสี่ยงให้ ประเมินผล ในส่วนของผู้กำกับดูแล คือ ลดลงในระดับที่ยอมรับได้ พร้อมทั้งจัดส่ง สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ร า ย งา น ก ารป ระเมิ น ผ ล กา รคว บคุ มภายใน ได้จัดทำคูม่ ือการดำเนนิ การควบคมุ ภายใน เพื่อเขตพื้น ที่จะได้ นำความเสี่ยงของ เพื่อเป็นแนวทางให้เขตพื้นที่การศึกษาและ ส ถ า น ศึ ก ษา มา หล อ มร วมแ ล ะบ รร จุ ล งเปน็ สถานศึกษานำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับ แผนปฏิบัติการประจำปีและรายงา น ต่อ แนวทางของกระทรวงการคลงั โดยกำหนดให้ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน เขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาและสถานศึกษาจดั ให้มกี าร ต่อไป การดำเนนิ การได้จดั ทำเปน็ โครงการท่ี ประเมินผลการควบคมุ ภายในตามมาตร ฐาน ดำเนินการต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเม่ือศกึ ษาจาก เอกสารรายงานผลการดำเนินงานของเขต

50 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) พ้นื ที่ พบวา่ โครงการฯมีกจิ กรรมซำ้ ๆกันทุกปี สนใจศึกษาผลการดำเนินการตามโครงการ และเมื่อตรวจสอบเอกสารรายงานผลการ ควบคุมภายใน ของสำนักงานเขตพื้นที่ ประเมินกา รควบคุมภา ยในประจ ำ ปีข อ ง การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 35 เพือ่ นำข้อมูล สถานศกึ ษาในสังกดั พบวา่ การประเมินความ เสนอแนะเป็นแนวทางการพฒั นาการควบคุม เสย่ี งและการวางแผนบริหารความเส่ียงยังไม่ ภายในใหม้ ีความรดั กุมและเกิดประสิทธิภาพ สามารถทำประโยชน์ให้แกส่ ถานศึกษาได้อยา่ ง ประสทิ ธิผลยงิ่ ข้นึ แทจ้ ริง ความเสยี่ งท่พี บเปน็ ความเส่ียงเดิม ๆ ทีร่ ายงานมาทุกปโี ดยไม่พบการบริหาร ความ วตั ถุประสงค์ เสี่ยงท่มี ีกจิ กรรมลดความเส่ยี งท่ีเขม้ ข้นย่ิงขึ้น 1. เพื่อศึกษาการดำเนินการควบคุม จากการสมั ภาษณ์ผรู้ บั ผิดชอบงานการควบคุม ภายในของสถานศกึ ษาพบวา่ การดำเนินการ ภายในของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 35 ขาดการมีส่วนรว่ มของบุคลากรในโรงเรยี น การจัดสง่ เอกสารรายงานต่อเขตพื้น ท่ีจึงเป็น 2. เ พ ื ่ อ เ ส นอ แนะ แนวทางการ การคัดลอกของเดมิ มาสง่ ความเสี่ยงท่รี ายงาน พัฒนาการควบคมุ ภายในของสำนักงานเขต จึงเป็นเร่ืองเดิมๆทุกปี ซึ่งเขตพื้นที่เองก็ พื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 35 รับทราบจากการนำความเสีย่ งของสถานศึกษา มาหลอมรวมกัน พบความเสย่ี งซำ้ ๆกับปที ีผ่ ่าน วิธดี ำเนนิ การวจิ ัย มาเชน่ เดียวกัน ท้งั สถานศกึ ษาและเขตพ้ืนที่ การวิจัยครั้งนี้เปน็ การวิจัยเชงิ คณุ ภาพ การศกึ ษาจึงไม่ได้รบั ประโยชนจ์ ากการควบคมุ ภายใน ทั้งๆที่สำนักงานคณะกรรมการ เก็บรวบรวมข้อมูลจากข้อมูลปฐมภมู ิ การ การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานไดส้ ง่ เสริมการดำเนนิ งาน สัมภา ษณ์และการสนทน ากลุ่ม ( Focus โดยใช้งบประมาณจำนวนมากในแต่ละปีใน group) ผเู้ กย่ี วขอ้ ง ดงั น้ี การเสรมิ สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจแก่เขตพ้ืนท่ี การศึกษาและมีการตดิ ตามประเมินผลตาม ประชากรกลุ่มตัวอยา่ ง เขตพื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทุกปี ผลการ ประชากร ได้แก่ 1) หัวหน้ากลมุ่ งาน ดำเนินการที่สะท้อนได้จากเขตพื้นท่ีจงึ ไม่ ในสำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา สอดคล้องกับแนวปฏิบตั ิของกระทรวง การ เขต 35 จำนวน 8 คน ผู้รับผดิ ชอบงานการ คลงั ที่มงุ่ ใหห้ น่วยงานต้นสังกัดมีการ จัดการ ควบคุมภายในของสำนกั งานเขตพน้ื ที่ 1 คน ความเสีย่ งอย่างเหมาะสม สามารถลดความ รวม 9 คน 2) ผู้บรหิ ารสถานศึกษาในสำนกั งาน เส่ียงลงในระดบั ที่ยอมรับไดท้ กุ ปี เพอ่ื มิให้เกิด เขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเขต 35 ความเสยี หายแก่หนว่ ยงาน ผวู้ ิจัยจึงมีความ สถานศึกษาละ 1 คน รวม 45 คน 3) ครู ผู้รับผิดชอบงานการควบคุมภาย ใ น สถานศึกษาละ 1 คน รวม 45 คน รวม ประชากรทั้งสน้ิ 99 คน

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 51 กลุม่ ตวั อย่าง ได้แก่ หัวหนา้ กลมุ่ งาน สรปุ ผลการวจิ ัย ในสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มั ธย ม ศึ กษา 1) การดำเนินการควบคุมภายในของ เขต 35 จำนวน 8 คน ผู้รับผดิ ชอบงานการ ควบคุมภายใน 1 คน รวม 9 คน ผู้บริหาร สำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต สถานศึกษา และครูผู้รับผิดชอบงานก า ร 35 ต า ม ร ู ป แ บ บ ซ ิ ป ( CIPP Model) ควบคุมภายในของสถานศึกษาขนาดกลางและ (Stufflebeam, Danial L. et al., 1977) ด้าน ขนาดเล็กจำนวน 10 สถานศึกษา เลือกแบบ บริบท (Context-C) ดา้ นปจั จยั (Input-I) ด้าน เจาะจงจากสถานศึกษาท่ีทง้ั ผบู้ รหิ ารและครทู ี่ กระบวนการ (Process-P) และด้านผลผลติ รับผดิ ชอบงานการควบคุมภายในปฏิบัติงาน (Product-P) ปรากฏผลดงั นี้ ต่อเนือ่ งในสถานศึกษาแห่งนั้นไมน่ อ้ ยกวา่ 2 ปี การศึกษา รวมจำนวนกล่มุ ตัวอย่าง 29 คน ด ้ า น บ ร ิ บท ( Context-C) พบว่า กฎหมายที่ถือเป็นแนวปฏิบัติ มีการ เครือ่ งมอื การวิจยั เปลี่ยนแปลงผ้รู ับผดิ ชอบหลักระดับปร ะเทศ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ ไดแ้ ก่ แบบบนั ทึกขอ้ มูล ปฐมภูมิจากโครงการควบคุมภายใน ข อ ง จากสำนกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดินเป็นความ สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาเขต รับผดิ ชอบของกระทรวงการคลัง พร้อมท้ังมี 35 รายงานผลการดำเนินการโครงการ การเปล่ยี นแปลงแนวปฏิบัตทิ ี่แตกต่างจากเดมิ ประจำปีงบประมาณ 2562 และรายงานผล หลายประการ ได้แก่ เปลี่ยนแปลงวิธกี าร การประเมนิ การควบคุมภายในของเขตพ้ืน ท่ี ประเมินความเสยี่ ง เปล่ยี นแปลงข้นั ตอนการ กา ร ศึกษา และสถา น ศึกษา ปร ะ จ ำ ปี จดั สง่ รายงาน รวมทั้งแบบฟอร์มในการจัดทำ งบประมาณ 2562 แบบสมั ภาษณ์ผ้บู ริหาร รายงานผลการประเมินการควบคุมภายใน สถานศกึ ษาและครู เรื่องปัญหาอุปสรรคในการ ประจำปี เป็นตน้ ทำให้สถานศกึ ษามีความ ดำเนนิ การควบคุมภายใน และแบบบันทกึ การ สับสนในการดำเนินการ สว่ นปัญหาอุปสรรค สนทนากลุ่มเกีย่ วกบั แนวทางการดำ เนินการ ในการดำเนินการทั้งในส่วนของเขตพื้นท่ี ควบคุมภายใน ของสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาและสถานศกึ ษา พบว่า มกี ารเปลย่ี น การศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 35 ผูร้ บั ผดิ ชอบงานการควบคมุ ภายในระหว่างปี การวิเคราะหข์ อ้ มูล ทำใหก้ ารดำเนนิ งานไม่ต่อเนอื่ ง ผูบ้ รหิ ารยังมี การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบบันทึก ความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอจึงทำให้การ ขอ้ มลู ปฐมภูมิ การสมั ภาษณแ์ ละการสนทนา สนับสนุนการดำเนนิ การควบคุมภายในไม่ กลุ่ม ใช้การวเิ คราะหเ์ น้ือหาและนำ เสน อใน เขม้ แข็งเท่าท่คี วร การประเมินความเส่ยี ง การ รูปแบบพรรณนา จัดลำดับความเสีย่ งรวมท้ังการวางแผนการ บริหารความเสี่ยงขาดการมีส่วนร่วมของ บุคลากรทั้งองค์กร รวมทั้งการนำความเสย่ี งท่ี ได้จากการประเมินไปจดั ทำกิจกรรม/โครงการ

52 วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) แก้ปัญหาในแผนปฏิบัติการประจำปีเพื่อ เรื่องแนวปฏิบัติและฝึกทำรายงาน การ นำไปสูก่ ารปฏิบตั จิ ริง ยังดำเนินการไมจ่ รงิ จัง ประเมินผล รวมทั้งฝกึ การวางแผนการบริหาร จึงทำให้งานการควบคมุ ภายในเป็นเพียงการ ความเสี่ยงโดยนำกิจกรรมการควบคุมความ จัดทำรายงานประจำปีท่ีนำข้อมลู เดมิ มาปรับ เสี่ยงไปจัดทำโครงการ/กจิ กรรมเพ่ือบรรจุใน ถอ้ ยคำแลว้ ส่งใหท้ นั ตามกำหนดเวลา เท่าน้ัน แผนปฏิบตั ิการประจำปี จากการประเมินโดย นอกจากนีย้ ังพบว่ารายงานของสถานศึกษา วิทยากรผู้ให้การอบรมพบว่า ผู้เข้ารบั การ ส่วนหน่งึ มกี ารคดั ลอกกนั มา อบรมมีความรคู้ วามเขา้ ใจ สามารถฝกึ ปฏิบัติ กิจกรรมไดร้ ะดบั ดปี ระมาณรอ้ ยละ 80 ของผู้ ด้านปจั จยั (Input-I) พบว่า งบประมาณ เข้ารับการอบรม ด้านการตดิ ตอ่ ประสานงาน ที่ใช้ดำเนินโครงการ ยังไม่เพียงพอ กบั สถานศึกษา พบวา่ นอกจากการส่อื สารดว้ ย งบประมาณที่ได้รับจัดสรรนำไปใช้เป็นคา่ หนังสือราชการปกติแล้ว ยังมีการ เอกสารท่ีเกี่ยวข้องกบั การอบรมบุคลากร ค่า ต ิ ด ต ่ อ ส ื ่ อ ส า ร ก ั นท าง ก ล ุ่ ม ไ ล น์ เ ฉพาะ วทิ ยากรในการอบรม คา่ อาหารผู้เขา้ รับการ ผูร้ ับผดิ ชอบระดบั เขตพ้นื ที่และผู้รับผิดชอบ อบรม เทา่ นน้ั งบประมาณสนบั สนนุ การนิเทศ ของสถานศึกษา มีการแลกเปลย่ี นเรยี นรขู้ ณะ ก ำ ก ั บ ต ิ ด ต า มแ ล ะก าร ปร ะเ มิ นผลการ ดำเนินการและขณะจัดทำรายงาน ส่วนด้าน ดำเนนิ การตามโครงการไมไ่ ดจ้ ัดสรรไว้ ด้าน การนิเทศ กำกับติดตามผลการดำเนินงาน บุคลากร พบวา่ บคุ ลากรทรี่ ับผิดชอบงานการ พบวา่ มีเพยี งการตดิ ตามการจดั ทำรายงานให้ ควบคุมภายในทงั้ ในกลุม่ งานของเขตพ้ืนทแ่ี ละ เสร็จตามกำหนดเวลาทางกลุ่มไลน์เท่านนั้ บคุ ลากรในสถานศกึ ษามีการเปล่ยี นย้ายงาน เนื่องจากขาดงบประมาณสนับสนนุ การนิเทศ มากกว่าร้อยละ 50 ของผู้รับผิดชอบเดิม ติดตามผลโดยการลงพืน้ ทถี่ งึ สถานศกึ ษาจริง ผ้รู ับผดิ ชอบงานใหมข่ าดความรคู้ วามเขา้ ใจใน การดำเนนิ การ จึงเป็นที่มาของการคัดลอก ด้านผลผลติ (Product-P) พบวา่ หลัง รายงานสง่ ในปีตอ่ ๆ มา วัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ใน การฝึกอบรมบุคลากรทั้งเขตพื้นที่ และ โครงการมีเพียงพอ และเวลาในการดำเนิน สถานศึกษามีความรูค้ วามเข้าใจแนวปฏบิ ตั ิ โครงการหน่งึ ปงี บประมาณมีความเหมาะสม สามารถออกแบบการบรหิ ารความเสี่ยงและ เพียงพอ สามารถจัดทำรายงานการประเมินผลได้ ถูกต้องร้อยละ80 ด้านประสิทธิผล การ ด้านกระบวนการ (Process-P) พบว่า ดำเนินงาน พบวา่ การจดั ทำรายงานของเขต การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากร พน้ื ทกี่ ารศึกษาและสถานศกึ ษามีความถกู ต้อง ผรู้ ับผิดชอบงานการควบคมุ ภายในท้ังของเขต จดั ส่งตรงตามเวลา แต่ไม่ครอบคลุมภาระงาน พน้ื ท่ีและสถานศึกษา มกี ารอบรมโดยวิทยากร กิ จ กร ร มกา ร ควบ คุ มควา มเส่ี ย งเดิ มย ั งไ ม่ จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน เขม้ ข้นพอทีจ่ ะเช่ือถือไดว้ า่ จะสามารถลดความ พื้นฐานเป็นเวลา 1 วันโดยมีการใหค้ วามรู้ใน

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 53 เส่ียงลงในระดับทย่ี อมรบั ได้ การนำความเสยี่ ง ของผู้บริหารและผู้รับผดิ ชอบงาน และด้าน ที่พบไปวางแผนการบรหิ ารโดยการปรับปรุง ปจั จัยกพ็ บวา่ บุคลากรทรี่ บั ผดิ ชอบการควบคมุ แผนปฏบิ ตั ิการประจำปีในปที ่ีพบความเสี่ยง ภายในยังไมม่ คี ณุ ภาพเช่นเดยี วกนั จงึ ส่งผลให้ ยังดำเนินการไม่เหมาะสม ไม่เพียงพอ ก า ร ด ำ เ น ิ น ง า น ค วบค ุ ม ภา ยใ น ไม่มี กลา่ วคือไมม่ ีการปรบั แผนปฏิบัติการเม่ือส้ิน ประสิทธิภาพประสิทธิผลเท่าที่ควร ซ่ึง ปีงบประมาณ ต้องรอส้ินปกี ารศึกษาแล้วจึง สอดคล้องกับการศึกษาของ สรัญญา ทัง้ สุข จัดทำแผนปฏิบตั ิการใหม่ตามนโยบายของเขต และ กมลทิพย์ คำใจ (2561, น. 142) ท่พี บวา่ พ้นื ท่ีการศกึ ษา ทำใหก้ ารบรหิ ารความเสี่ยงไม่ ปัญหาและอุปสรรคในการจดั วางระบบการ ทนั เวลาในบางกจิ กรรม ควบคุมภายในของเทศบาลในเขตจังหวัด เชียงใหม่ คือบุคลากรในองคก์ รยงั ขาดความรู้ 2) แนวทางการพัฒนาการควบคุม ค ว า มเ ข ้ า ใ จเ ก ี่ ยว ก ั บก ระบ วน การและ ภายในของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มธั ยมศึกษาเขต 35 มดี ังนี้ สำนกั งานเขตพื้นที่ ความสำคญั ของระบบควบคุมภายใน ผบู้ รหิ าร กา ร ศึ กษา คว ร ส ร ้ า งแ กน น ำใน การ คว บคมุ ไมไ่ ดใ้ ห้ความสำคัญต่อการจัดวางร ะบบการ ภายในโดยคัดเลือกบุคลากรจากสถานศึกษาที่ ควบคุมภายในอย่างจรงิ จัง ทั้งน้อี าจเป็นผลสืบ มีความรคู้ วามเขา้ ใจสามารถให้คำแน ะนำแก่ เนอ่ื งมาจากการทีผ่ บู้ รหิ ารสถานศึกษาละเลย เพือ่ นรว่ มงานได้ แตง่ ตัง้ ใหเ้ ป็นวิทยากรของ ไ ม่ ป ฏ ิ บ ั ต ิ ต า มมา ต ร ฐ า น ต ำ แห น ่ งของ เขตพืน้ ท่ี มบี ทบาทหน้าทใ่ี นการนิเทศ กำกับ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ที่กำหนดโดย ติดตามการดำเนินงานของสถานศกึ ษาร่วมกบั คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร เขตพื้นที่โดยให้มีวิทยากรกระจายไปตาม ทา งกา ร ศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่กำ หน ดให้ เครือข่ายสถานศึกษาทัง้ 6 เครือข่าย และ ผู้อำนวยการสถานศกึ ษามีภาระหน้าที่ในการ สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาควรมีนโยบายให้ จ ัดระบบควบคุมภา ยในสถา นศึ ก ษ า มีการปรับปรุงแผนปฏิบตั ิการประจำปขี อง (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละ สถานศึกษาเมื่อดำเนินการมาครบหนึง่ ภาค บุคลากรทางการศึกษา, 2561) เพื่อให้การ เรียน เพ่ือส่งเสริมการนำความเส่ียงท่ีได้จาก ดำเนินงานของสถานศึกษามีประสิทธิภาพ การประเมินเมื่อสิ้นปีงบประมาณไปว า ง เกิดประสิทธิผลและเชื่อถือได้ ส่วนด้าน แผนการบรหิ ารเพื่อลดความเส่ยี งให้ทันเวลา กระบวนการ (Process-P) ที่พบวา่ การสรา้ ง ความรู้ความเข้าใจแกบ่ ุคลากรผู้รับผิดชอบงาน อภปิ รายผลการวิจัย การควบคุมภายในทั้งของเขตพื้นท ี่และ การดำเนินการควบคุมภายในของ สถานศกึ ษามกี ารอบรมเสรมิ สร้างความรู้ความ เข้าใจแกบ่ คุ ลากรโดยวิทยากรจากสำนักงาน สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐานโดยตรง 35 ดา้ นบรบิ ทมีปญั หาดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจ

54 วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ส่งผลให้ผ้เู ข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจ ภายในด้านวิชาการ ในการศึกษารูปแบบการ สา มา ร ถฝึกปฏิบัติกิจ กร ร มได้ร ะดับ ด ีจึ ง บรหิ ารการควบคุมภายในของสถานศึกษาขั้น สามารถดำเนินการประเมินผลและรายงาน พื้นฐานในเขตภาคเหนือมีค่าเฉลีย่ ต่ำทีส่ ดุ ผลไดถ้ ูกต้อง ซ่ึงสวุ นิ ชา การพัดชี และอภิรดา เช่นกนั จงึ เป็นภาระหน้าทข่ี องเขต พื้น ท่ีฯที่ สุทธิสานนท์ (2558) พบว่าปัจจยั การบริหาร จะตอ้ งปรับเปลี่ยนวิธีการตดิ ต่อประสานงาน ด้านความพร้อมของบคุ ลากรและการฝกึ อบรม และการนิเทศตดิ ตามผลให้มีประสิทธภิ าพ มีควา มสัมพัน ธ์ในทิศทางเดียวกันกับ ยิ่งขนึ้ ดังทสี่ วุ นิ ชา การพัดชี และอภิรดา สทุ ธิ ประสทิ ธิภาพการควบคุมภายในตามแนวคิด สานนท์ (2558) พบว่าการประสานงานเป็น ของ COSO ในดา้ นการประเมนิ ความเสี่ยงใน ปัจจัยสำคัญท่ีก่อใหเ้ กิดประสิทธภิ าพในการ ภาพรวม ท้งั นก้ี ารอบรมใหค้ วามรูแ้ กบ่ ุคลากร ทำงานในระดับมากที่สดุ ส่วนด้านผลผลติ ให้มีความรูค้ วามเข้าใจในกระบวนการควบคุม (Product-P)ท่พี บวา่ การนำความเส่ียงที่พบไป วางแผนการบริหารโดยการปรบั แผนปฏบิ ตั ิ ภายในเปน็ เรื่องจำเปน็ สำหรบั บคุ ลากรที่รบั ผดิ การประจำปีในปที ่พี บความเสีย่ งยงั ดำเนินการ ขอบงานนี้ ดังจะเห็นได้ว่าสำนักงาน ไมเ่ หมาะสมไม่เพยี งพอ เปน็ จุดด้อยของการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จดั บริหารการควบคมุ ภายในทีพ่ บว่ามปี ัญหาด้าน อบรมเสริมสรา้ งความรูค้ วามเข้าใจแกบ่ คุ ลากร ความรู้ความเข้าใจของผู้บริหารและ ของเขตพืน้ ที่การศกึ ษาทกุ ปี ท้ังน้เี พ่ือให้เขต ผู้รับผิดชอบงานตามท่ีกลา่ วมาแลว้ จึงทำให้ พืน้ ท่สี ามารถเป็นที่ปรกึ ษาทีด่ แี ก่สถานศึกษา การดำเนนิ งานไม่ครบกระบวนการ นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามในด้านการติดต่อ ประสานงานกบั สถานศกึ ษาในสงั กัดและด้าน ซึง่ จากปญั หาทพี่ บทงั้ หมดนีผ้ ูว้ จิ ัยจงึ ได้ การนิเทศตดิ ตามผล เขตพน้ื ท่ฯี ยงั ดำเนินการ เสนอแนะแนวทางการดำเนินการควบคมุ ได้ไมค่ รอบคลุมและไมเ่ พียงพอ ดงั จะเหน็ ไดว้ ่า มีการติดต่อสื่อสารกันเฉพาะทางกลุ่มไลน์ ภายในของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่วนด้านการนิเทศกำกับติ ดตามผ ล ก า ร ดำเนนิ งาน พบว่ามีเพยี งการตดิ ตามการจดั ทำ มัธยมศึกษาเขต 35 โดยให้สำนกั งานเขตพืน้ ท่ี รายงานให้เสร็จตามกำหนดทางกลุ่มไลน์ การศึกษากำหนดนโยบายให้มีการปรับปรงุ เท่านั้น ข้อจำกัดในดา้ นการตดิ ต่อประสานงาน นี้ทำให้เขตพื้นท่ีฯขาดโอกาสในการติดตาม แผน ปฏิบัติการปร ะจำปีของเขตพื้นที่ ข้อบกพรอ่ งในการดำเนินงานรวมท้งั การให้ คำแนะนำแก่สถานศึกษา ซึ่งข้อจำกัดนี้ การศึกษาและสถานศึกษาเม่ือดำเนินการ มา สงั วาลย์ วังแจม่ (2559) พบว่าการตดิ ตามและ ตรวจสอบการปฏบิ ัตติ ามระบบการควบคุม ครบหน่งึ ภาคเรยี น เพอื่ ส่งเสรมิ การนำควา ม เสยี่ งท่ีไดจ้ ากการประเมนิ เมอ่ื สน้ิ ปีงบประมาณ ไปวางแผนการบริหารเพื่อลดความเส่ยี งให้ ทนั เวลา ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั แนวทางการพัฒนา ระบบการควบคุมภายในของเทศบาลในเขต จงั หวัดเชยี งใหมท่ ี่ สรญั ญา ทัง้ สขุ และ กมล

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 55 ทิพย์ คำใจ (2561) เสนอแนะให้ฝ่ายบริหาร ควบคมุ ผา่ นทางนโยบายมีอทิ ธพิ ลเชงิ บวกต่อ ออกแบบโครงสรา้ งระบบควบคุมภายในให้ ความสำเร็จอยา่ งยง่ั ยืนของวิสาหกิจการผลิต สอดคล้องและเหมาะสมกับภารกจิ ของแต่ละ ขนาดย่อมในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ตอนบน ส่วนงาน นอกจากน้ี เขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาควรมี ของประเทศไทย การสรา้ งแกนนำในการควบคมุ ภายใน ให้มี บทบาทหน้าทีใ่ นการนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม การ ข้อเสนอแนะ ดำเนินงานของสถานศึกษา ร่วมกับ เข ต พ้ื น ท่ี ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย เพือ่ เป็นการเตมิ เต็มให้แกส่ ถาน ศึกษาที่ขาด สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาควรให้ การนิเทศ กำกับติดตามจากเขตพน้ื ทเี่ น่ืองจาก ปัญหางบประมาณไม่เพยี งพอ ซง่ึ สอดคล้อง ความสำคญั กับงานการควบคมุ ภายในให้มาก กบั ข้อเสนอแนะของ สงั วาลย์ วงั แจ่ม (2559) ยิง่ ขน้ึ โดยการกำกบั ตดิ ตามการดำเนนิ การของ ให้มกี ารแตง่ ตัง้ คณะกรรมการควบคมุ ภายใน สถานศึกษาผา่ นผู้อำนวยการสถานศกึ ษาให้มี จากผเู้ กีย่ วข้องทุกฝา่ ยใหร้ บั ผดิ ชอบขบั เคลื่อน การปฏบิ ัติตามมาตรฐานตำแหนง่ ในเรอ่ื งการ การควบคุมภายในของสถานศึกษาให้เป็น ไป ควบคุมภายในอย่างจริงจัง ตามแผนท่ีวางไวอ้ ยา่ งจริงจัง ซงึ่ ปญิ ะธิดา อมร ภิญโญ (2560) พบวา่ การกำหนดกิจกรรมการ ข้อเสนอแนะเพื่อการวิจยั ควรวิจยั เร่อื งปัจจัยเสยี่ งของงาน การ ควบคมุ ภายในสถานศกึ ษาของสำนกั งานเขต พนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต 35 แหลง่ อา้ งองิ กระทรวงการคลงั . (2561). มาตรฐานการควบคุมภายในสำหรบั หน่วยงานของรัฐ. กรงุ เทพฯ: กระทรวงการคลัง. ปิญะธิดา อมรภิญโญ. (2560). การใช้การควบคมุ ภายในเพือ่ ความสำเรจ็ อย่างยง่ั ยนื ของวิสาหกจิ การผลติ ขนาดยอ่ มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประเทศไทย. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลยั ฟารอ์ สิ เทอรน์ , 11(1), 186-204. สรญั ญา ท้ังสขุ และกมลทพิ ย์ คำใจ. (2561). การประเมินผลการควบคมุ ภายใน และแนวทางการ พัฒนา ระบบการควบคุมภายใน ของเทศบาลในเขตจังหวัดเชียงใหม่. วารสาร มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ลำปาง, 7(2), 141-154. สังวาลย์ วังแจม่ . (2559). รปู แบบการบรหิ ารการควบคุมภายในของสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานในเขต ภาคเหนือวารสารบัวบณั ฑิต มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธานี, 16(3), 381.

56 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน. (2561). แนวทางการจดั ทำรายงานการประเมินผล การควบคุม ภายใน ประจำปีงบประมาณ 2561. สืบค้น 25 ตุลาคม 2563, จาก http://www.cpn2.go.th/wp-content/uploads/2019/08/1.หนังสือแจ้งจาก- สพฐ.pdf สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา. (2561). การปรับปรุง มาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ตำแหนง่ ผู้อำนวยการ สถา น ศึกษา . สืบค้น 25 ตุลา คม 2563, จ า ก https://otepc.go.th/images/ 00_YEAR2561/04_PV2/191261ว24.pdf สุวินชา การพดั ชี และอภิรดา สุทธสิ านนท์. (2558). การวิเคราะหป์ ระสิทธิภา พการ ควบคุม ภายในของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในเขต กรุงเทพมหานคร. วารสารทางวิชาการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี, 10(1), 107-120. Stufflebeam, D. L. et al. (1977). Phi Delta Kappa national study: Education evaluation and decision making. Indiana: Phi Delta Kappa.

Received: 2021-01-20 Revised: 2021-04-13 Research Articles Accepted: 2021-04-17 การปฏบิ ัติงานตามภารกิจของนักบริบาลชุมชน ในเขตอำเภอพรา้ ว จังหวดั เชียงใหม่ PERFORMANCE OF MISSIONS OF COMMUNITY CARE GIVERS IN PHRAO DISTRICT, CHIANG MAI PROVINCE ธนพร บุญส่ง 1 Tanapron Boonsong ทวชิ บุญธิรศั มี 2 Tawit Boonthirasamee Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ยอ่ บทความวิจัยน้มี ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ศึกษา 1) บริบทชุมชน สถานการณ์ผสู้ งู อายุ บทบาทหนา้ ท่ี และระบบ การ ปฏิบัตงิ านของนักบริบาลชุมชน 2) การปฏิบตั ิงานตามภารกจิ และคณุ ลักษณะ 3) ปัญหาและข้อเสนอแนะ เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ผู้ดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วย และเจ้าหน้าท่ีพยาบาลจาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยการสังเกต แบบสัมภาษณ์ และ แบบประเมินตนเอง สถิตทิ ใ่ี ช้ได้แก่ การหาค่าเฉลีย่ (������̅) และร้อยละ (Percentage) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. บรบิ ทชมุ ชนในอำเภอพร้าวมีลักษณะทางภมู ศิ าสตร์ เศรษฐกิจ สงั คมวัฒนธรรม ทเี่ สริมความเขม้ แข็ง ของชมุ ชนเอื้อต่อการดำเนินโครงการดูแลผสู้ ูงอายุอำเภอพร้าวมีจำนวนผสู้ ูงอายุมากท่สี ุดของจังหวัด มีแนวโน้ม เพม่ิ มากข้นึ ทุกปี ผสู้ งู อายกุ ล่มุ ตัวอย่าง 13 รายเป็นกล่มุ ตดิ เตยี ง 4 ราย และ 9 รายเปน็ กลมุ่ ติดบา้ น นักบริบาล ชุมชนมีบทบาทช่วยดูแลผู้ป่วยทางด้านร่างกายจิตใจตามแผนการดูแลรายบุคคล ให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วย ตนเอง ช่วยประสานงานญาติ ผ้ปู ว่ ย หน่วยบรกิ ารสาธารณสขุ 2. ผลการประเมินการปฏิบัติงานจากผู้เกีย่ วข้องทุกกลุ่ม นักบริบาลชุมชน มีผลการประเมินในระดับที่ ค่อนข้างสูงทุกคนทุกตำบล ทั้ง 6 ด้าน คือ ความรู้ ทักษะ การดูแลและการช่วยเหลือผู้ป่วย การสนับสนุน กจิ กรรมท่ีหลากหลาย การประสานงานสง่ ต่อบรกิ าร และความสุขอันเกิดจากความรักในงานที่ทำ ตรงกบั ปญั หา และความต้องการของผู้ป่วย และมีการดูแลผู้ป่วยแบบสุขภาพองค์รวม ทั้งด้านกายภาพ สังคม อารมณ์ และ สงิ่ แวดล้อม 3. การปฏิบตั ิหนา้ ทีต่ ามภารกจิ ไม่พบปัญหาจากการปฏิบตั ิงาน แต่ต้องการช่วยเหลือเร่ือง คา่ ใช้จ่ายใน การดำรงชพี ของผูป้ ่วย อยากใหม้ ีนกั บรบิ าลชมุ ชนแบบนต้ี ่อไป อยากให้มนี กั บรบิ าลชมุ ชนชนเผ่าเพื่อสื่อสารกัน เข้าใจมากขึ้น ปัญหาระบบการสนับสนุน การส่งต่อบริการ การเบิกจ่ายค่าตอบแทน มีความล่าช้า ไม่มีงบ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเยี่ยมผู้ป่วย อุปกรณ์การแพทย์ที่สนับสนุนการทำงานไม่เพียงพอ ขาดการ อบรมเสรมิ ความร้ทู กั ษะใหก้ บั นักบรบิ าลชุมชนต่อเน่ือง คำสำคัญ: การปฏิบัติงาน, ภารกิจ, นกั บริบาลชุมชน 1 นักศกึ ษาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการพัฒนาท้องถน่ิ แบบบรู ณาการ สถาบันการเรียนรูเ้ พื่อปวงชน, ปี การศึกษา 2563 2 อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาท้องถิ่นแบบบูรณาการ สถาบันการ เรยี นรูเ้ พอ่ื ปวงชน

58 วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ABSTRACT The purpose of this research were 1) to study community context, situation of the elderly, roles and performances of community caregivers, 2) mission and characteristic performances, 3) problems and suggestions. This is an action research. The sample used in the study consisted of caregivers, sick people, staff of the sub-district hospital. Observation, interview form, and self-assessment checklist were conducted as the study tools. Statistics utilized for processing data embraced means (������̅) and (Percentage). The results of this study are showed as follows; 1. The communities in Phrao District include appropriate geographical, economical and, sociocultural features for holding the Elderly Caregiving Program. The elderly people of Phrao District are ranked as the highest number in Chiang Mai and the numbers are increasing very year. Out of 13 participants, there were 4 bedbound patients and 9 housebound ones. The community caregivers play a role in taking care of mental health aspect with individual care plan by encouraging the patients helping themselves and coordinating patient relatives and public health services. 2. In terms of evaluation results of caregivers’ working performance from all groups of stakeholders, the scores are relatively high with 6 aspects including knowledge, skills, caring and assisting patients, promoting variety of activities, coordinating and interfacility transfer, and job satisfaction, which is in respond to patients’ problems and needs by implementing holistic care including physical, social, emotional, and environmental factors. 3. With mission and characteristic performance aspects, there are no problems with working operation and performance; however, patients’ living expenses need to be supported. The community caregivers should be continuing. There should be the local tribal community caregivers to increase higher communication and understanding. There are the delayed problems of support systems, interfacility transfer, and disbursement. Travel expresses to on-site patient visit should be supported. There is shortage of Medical equipment supply and lack of training support and enhancement knowledge and skills for the community caregivers constantly. Keywords: performance, missions, community care givers บทนำ เนื่องมาจากการพัฒนา ด้านสาธารณสุขและ เนื่องจากปัจจุบันจำนวนและสัดส่วน ทางการแพทย์ ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยนื ยาวขึ้น แต่ ก็ยังได้รับผลกระทบจากการเสื่อมถอย ของ ประชากรผู้สูงอายุมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายตามวัย รวมทั้งผลของโรคเรื้อรังที่ไม่ ทำให้ประเทศไทย เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงนำไปสู่ความ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ราว ถดถอยของร่างกาย เกิดภาวะพึ่งพิงที่ไม่ 10 ล้านคน จำนวนและสัดส่วนผู้สูงอายุ จะ สามารถช่วยเหลือตนเองได้หรือช่วยเหลือ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับและสังคมไทย ตนเองได้น้อยลง ในขณะที่ศักยภาพของ จะก้าวสู่ “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์”

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 59 ครัวเรือน ในการดูแลผู้สูงอายุถดถอยลง ภาพ ชีวิตประจำวัน ตามดัชนีบาร์เธล เอดีแอล ของผู้สูงอายุที่นอนติดเตียงหรือติดบ้านและ (Barthel ADL index) โดยโรงพยาบาลสง่ เสริม ขาดผ้ดู แู ล สุขภาพตำบลพบผู้สูงอายุที่มีคะแนน เอดีแอล เท่ากับหรือน้อยกว่า 11 คะแนน ได้แบ่ง จ า ก น โ ย บ า ย ข อ ง ร ั ฐ บ า ล ท ี ่ เ ห ็ น ถึ ง ออกเป็น 3 กลุ่ม (ชูชัย ศุภวงศ์, 2553) คือ ความสำคัญของปัญหาของผู้สูงอายุกระทรวง กลุ่มที่ 1 ผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคม กลุ่มที่ 2 สาธารณสุขจึงได้มีนโยบายหมอครอบครัว ผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน กลุ่มที่ 3 ผู้สูงอายุกลุ่ม (Family Care Team) เป็นแนวคิดที่เริ่มข้ึน ติดเตียง เป็นผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง เมื่อต้นปี พ.ศ.2558 เพื่อให้มีระบบการดูแล ในการทำกิจวัตรประจำวันได้ กลุ่มนี้ยังมีกลุ่ม สุขภาพของ ประชาชนอย่างครอบคลุมและ ย่อยเป็น “กลุ่มระยะสุดท้าย” เป็นกลุ่มที่มี ทั่วถึงรวมถึงการดูแลกลุ่มเป้าหมายที่เป็น ภาวะเจ็บป่วยด้วยโรค ที่มีความรุนแรงข้ึน ผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปยังสถาน เรื่อย ๆ ตามความเป็นไปของโรค และโรคนั้น บริการสาธารณสุข และผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วย คาดวา่ จะเป็นสาเหตุท่ที ำให้เสยี ชีวติ ได้ ติดเตียง หมอครอบครัวจะทำหน้าที่ดูแล ปัญหาด้านกาย ทั้งการรักษา ส่งเสริมและ โรงพยาบาลพร้าว อำเภอพร้าว จังหวัด ป้องกัน และดูแลปัญหาด้านจิตใจ สังคม เชียงใหม่ ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา บรรเทาทุกข์ พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ดังกล่าวจึงได้ ดำเนินการอบรมผู้ดูแลผู้ป่วยใน ครอบครัว ชุมชน อย่างใกล้ชิด เข้าถึง เข้าใจ “โครงการการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานการจัดระบบ ระยะยาว” เพื่อสร้างนักบริบาลชุมชน หรือ การดูแลระยะยาว (Long Term Care) ด้าน CG: Care Giver เพ่อื การดแู ลผ้สู ูงอายุ ผู้พิการ สาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้ป่วยจิตเวช และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงระยะยาว แบบบูรณาการในพื้นที่มีเป้าหมายคือป้องกัน ในชุมชน สามารถปฏิบัติดูแลสุขภาพผู้ป่วยได้ ไม่ให้ผู้สูงอายุที่ยังแข็ง แรง เจ็บป่วย ให้ได้รับ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพ การดูแลอยา่ งเหมาะสม จงึ เกดิ โครงการพัฒนา ชีวิตที่ดีต่อไป การอบรมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วม ศักยภาพผู้ดูแลผู้สูงอายุ (นักบริบาลชุมชน) อบรมโครงการจำนวน 6 ตำบลได้แก่ ตำบลน้ำ หลักสูตร 70 ชั่วโมง ของกรมอนามัย โดยการ แพร่ ตำบลป่าตุ้ม ตำบลสันทราย ตำบลแม่ปั๋ง มีนักบริบาลชุมชนประจำเขตพื้นที่ที่จะ ตำบลเวียง และตำบลทุ่งหลวง รวมผเู้ ข้าอบรม สามารถช่วยดูแล ผูส้ ูงอายุทต่ี ดิ บา้ นติดเตียงได้ 36 คน (กรมอนามัย, 2556) นกั บรบิ าลชุมชนจะกลับมาทำหน้าท่ีใน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แบ่งเขต ชุมชนของตน มีการแบ่งหน้าที่ความ การปกครองเป็น 11 ตำบล 109 หมู่บ้าน มี รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วย คนละ 2-3 ประชากรทงั้ หมด 48,257 คน พบวา่ มีผู้สงู อายุ หมู่บ้าน การทำงานของนักบริบาลชุมชนจะมี จำนวน 10,101 คน นับว่ามีผู้สูงอายุจำนวน เจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลส่งเสริม มากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ จากการตรวจ สุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งมีสถานะเป็น CM: ประเม ิ นความสามารถในการด ำเนิ น Care Manager ของแต่ละตำบลและเป็น

60 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ผู้รับผิดชอบหลัก ของนักบริบาล ชุมชนคน นักบริบาลชุมชนในเขตอำเภอพร้าวจังหวัด นนั้ ๆ รวมถึงจะทำหนา้ ท่ีประเมินสภาพผู้ป่วย เชียงใหม่รวมถงึ ศึกษาปัญหาข้อเสนอแนะ การ ก่อน แล้วจึงมอบหมายงานให้กับนักบริบาล พัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจ ของนัก ชมุ ชน บริบาลชุมชนในเขตอำเภอพร้าว จังหวัด เชยี งใหม่ นักบริบาลชุมชนมีบทบาทหน้าที่ (กรม อนามัย, 2556) คือ 1. ให้การดูแล 2. ให้การ วัตถุประสงค์ ช่วยเหลือ 3 ให้การประคับประคองด้าน 1. เพื่อศึกษาบริบทชุมชน สถานการณ์ ร่างกายและจิตใจ 4 สนับสนุนให้สามารถ ทำ กิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วย 5 เป็นผู้ประสานงาน ผู้สูงอายุ บทบาทหน้าที่ และระบบการ เชื่อมโยงระหว่างบุตรหลาน ญาติมิตร และ ปฏิบัติงานของนักบริบาล ชุมชนในเขตอำเภอ แพทย์ ลักษณะของนัก บริบาลชุมชนต้อง พร้าว จงั หวดั เชียงใหม่ ทำงานด้วยใจรัก เพราะมีลักษณะกึ่งจิตอาสา เป็นบุคคลที่อยู่ในชุมชน มีสุขภาพที่แข็งแรง 2. เพือ่ ศกึ ษาการปฏิบัติงานตามภารกิจ ไม่เป็นโรคเรื้อรัง มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และคุณลักษณะของนักบริบาลชุมชน ในเขต มีความซื่อสัตย์ การที่จะทราบว่านักบริบาล อำเภอพรา้ ว จงั หวดั เชียงใหม่ ชุมชน ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจที่ได้กล่าว มาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น สามารถ 3. เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะ วัดได้จาก การปฏิบัติงาน เป็นสิ่งสะท้อนให้ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของนักบริบาล เหน็ ถึงผลการดำเนินงาน ผา่ นการประเมินโดย ชมุ ชนในเขตอำเภอพร้าว จังหวัดเชยี งใหม่ ผทู้ เ่ี กี่ยวขอ้ งในกระบวนการทุกฝ่าย คือ ผู้ป่วย ญาติผู้ดูแลผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล วิธดี ำเนินการวิจัย ส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่เป็นพี่เลี้ยง บนฐาน การศึกษาวิจัยเรือ่ ง การปฏิบัติงานตาม ของข้อเท็จจริง หรือผลจากการปฏิบตั ิงานจรงิ จนทำให้เกดิ การยอมรบั ของผูเ้ ก่ียวข้อง ภารกิจของนักบริบาลชุมชนในเขตอำเภอ พร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการวิจัยเชิง ผู้วิจัยเป็นนักบริบาลชุมชน ที่ผ่านการ ป ฏ ิ บ ั ต ิ ก า ร ผ ู ้ ว ิ จ ั ย ไ ด้ อ อ ก แ บ บ อบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ หลักสูตร 70 กระบวนการวิจัยอย่างเป็นระบบ และมี ชั่วโมง เป็นรุ่นที่ 2 ในระดับอำเภอ ผู้วิจัยได้มี ขั้นตอนที่มีความสอดคล้องของกิจกรรมการ การปฏิบัติงามตามภารกิจมาเป็นระยะเวลา ศึกษาวิจัย ควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานใน หนึ่ง ได้สัมผัสกับผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย และ ตำแหนง่ ของนักบรบิ าลชุมชน เพื่อนร่วมงานที่เป็นนักบริบาลชุมชนด้วยกัน ทำให้มีความต้องการที่จะศึกษาถึงบริบท 1. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง ชุมชน บทบาทหน้าที่ และกระบวนการในการ 1. ผู้วิจัยร่วมคือนักบริบาลชุมชน ปฏิบัติงานของนักบริบาลชุมชนและศึกษาการ จำนวน 6 ราย จากจำนวนนักบริบาลชุมชน ปฏิบัติงานตามภารกิจ และคุณลักษณะของ ท้งั สิ้น 36 ราย 2. กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย เป็นกลุ่ม ที่ให้ข้อมูลสำคัญ ในการประเมินการ

วารสารปัญญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 61 ปฏิบัติงานของนักบริบาลชุมชนซึ่งมีการ กิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ 5. กำหนดไว้ 3 กลุม่ ดงั น้ี ด้านการประสานงานส่งต่อการให้บริการกับ หน่วยงานในชุมชน 6. ด้านความสุขอันเกิด 1) ผู้ดูแลผู้ป่วย จำนวน 23 ราย จากความรกั ในงานท่ีทำ (Passion) จากจำนวนทั้งหมด 127 ราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ นกั บริบาลชุมชนซึง่ เปน็ ผู้วิจัยร่วมปฏบิ ัตงิ าน 3. การรวบรวมข้อมูลจากแบบ สัมภาษณ์โดยมีการใช้เครื่องมือการวิจัยคือ 2) ผู้ป่วยจำนวน 13 ราย จาก แบบสัมภาษณ์ กับผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย และ จำนวนทั้งหมด 127 ราย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่นัก พยาบาลพีเ่ ลยี้ ง บรบิ าลชมุ ชนซ่งึ เป็นผู้วจิ ัยร่วมปฏิบัตงิ าน (เดิม มี 14 รายแต่ผู้ป่วยเสียชีวิตไปในช่วงเวลาการ 4. การรวบรวมข้อมูลจากแบบ เก็บขอ้ มลู วจิ ยั ) ประเมินตนเอง โดยให้นักบริบาลชุมชน ประเมินตนเองเกี่ยว กับการพัฒนาระบบการ 3) เ จ ้ า ห น ้ า ท ี ่ พ ย า บ า ล จ า ก ดูแลผู้ป่วย การทำงานกับผู้ดูแลผู้ป่วย ความ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจำนวน 6 ท้าทาย ปัญหาอุปสรรค และความต้องการ ใน ราย ซึ่งเป็นพยาบาล พี่เลี้ยงของนักบริบาล การสนับสนุนจากพยาบาลพี่เลี้ยงของนัก ชมุ ชนแต่ละตำบล บริบาลชุมชน 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ครั้งน้ี 5. การรวบรวมข้อมูลแบบบันทึกการ ประกอบด้วยแนวการสังเกต แบบสัมภาษณ์ ปฏิบัติงานของนักบริบาลชุมชน โดยเป็นการ และแบบประเมินตนเองของนกั บรบิ าลชมุ ชน เก็บข้อมูล มือสอง จากแบบฟอร์มของ โรงพยาบาลอำเภอพร้าว ที่นักบริบาลชุมชน 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยมี จะตอ้ งทำบันทึกรายงาน ส่งให้กับโรงพยาบาล ขัน้ ตอนการดำเนินการดังน้ี ส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็นประจำทุกเดือนตาม แผน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ในภาพรวมการ 1. การรวบรวมข้อมูลบริบทชุมชน ปฏิบตั ิงานของนกั บรบิ าลชุมชน อำเภอพรา้ ว จังหวดั เชียงใหม่ เปน็ การรวบรวม ข้อมูลทั่วไป เพื่อให้เห็นสภาพภูมิเศรษฐกิจ 6. การรวบรวมข้อมูลจากแบบคัด สังคมของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลประชากร กรองผปู้ ่วย คอื แบบประเมนิ ความสามารถ ใน ภมู ิศาสตร์ เศรษฐกจิ วฒั นธรรม การดำเนินชีวิตประจำวัน ตามดัชนบี ารเ์ ธล เอ ดีแอล (Barthel ADL index) ที่พี่เลี้ยงซึ่งเป็น 2. การรวบรวมข้อมูลจากแนวการ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สังเกต โดยผู้วิจัยหลักออกเยี่ยมผู้ป่วยพร้อม และนักบริบาลชุมชน ได้ทำการประเมิน กับ เพื่อนนักบริบาลชุมชนซึ่งเป็นผู้วิจัยร่วม สุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย และมีการติดตาม ในการสังเกตแต่ละครั้งผู้วิจัยได้ทำการบันทึก ประเมินเป็นระยะ ทำให้ทราบถึงพัฒนาการ เป็นข้อมูลเก็บไว้ ซึ่งมีประเด็นหลักในการ ความเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่ง สังเกตการปฏิบัติงาน 6 ด้าน ตามกรอบ แสดงให้เห็นถึงผลจากการปฏิบัติงานของนัก แนวคิดการวิจัย คือ 1. ด้านทักษะในการดูแล บรบิ าลชุมชนดว้ ย ผู้สูงอายุ 2. ด้าน ความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ 3. ด้านการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยตาม แผนการดูแลรายบุคคล 4. ด้านการสนับสนนุ

62 วารสารปัญญา ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 4. การวิเคราะห์ข้อมลู ผวู้ จิ ยั มีลำดับ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีสภาพ ข้นั ตอนในการวิเคราะห์ ดงั นี้ ส ั ง ค ม ท ี ่ ม ี ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ ์ แ บ บ เ ค ร ื อ ญ า ติ สถานการณ์ผู้สูงอายุ พบว่า อำเภอพร้าว มี 1. การวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ จาก จำนวนผู้สูงอายุ มากที่สดุ ของจังหวัดเชียงใหม่ บริบทชุมชนที่ได้มา ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐาน จากข้อมูลสุขภาพผู้สูงอายุจากการใช้ดัชนี เกี่ยวกับ ข้อมูลประชากร ข้อมูลสุขภาพ Barthes Activities of Daily Living: ADL ใน ผู้สูงอายุ ที่เกี่ยวข้องกับการสรุปและอภิปราย การการแปลผล การพ่ึงตนเอง ของผู้สูงอายุซึ่ง ผลการวิจัยเพื่อให้ตอบคำถามการวิจัย โดย เป็นผู้ป่วย จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างการ การตีความความสัมพันธ์ระหวา่ งตัวแปรทีเ่ ป็น วิจัย ที่เป็นผู้ป่วยจำนวน 13 รายพบว่า บริบทเงื่อนไขของชุมชน ว่าเงื่อนไขปัจจัยหรือ ผู้สูงอายุที่อยู่ในกลุ่มติดเตียงมี 4 ราย และอีก ตัวแปรใด ที่ส่งผลในเชิงบวกหรือลบต่อการ 9 รายเป็นกลุ่มติดบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ปฏบิ ตั งิ านของของนักบริบาลชุมชน และครอบครัวมีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อ เดือน และในชุมชนมีแนวโน้มของจำนวน 2. การวิเคราะห์ข้อมูลปฐมภูมิ จาก ผู้สูงอายุ ที่ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี ดังนั้น ข้อมูลที่ได้จากการสังเกต จากการสัมภาษณ์ หน่วยงานสาธารณสุขในอำเภอพร้าวจึงได้ และจาก แบบประเมินนำมาตรวจสอบความ ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การ ถูกต้อง และความน่าเชื่อถือของข้อมูล นำมา เข้าร่วมโครงการการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะ บนั ทกึ สรุปผล แยกหมวด หมตู่ ามวัตถปุ ระสงค์ พึ่งพิงระยะยาว เพื่อตอบสนองความต้องการ และข้อมูลจากแบบประเมินการปฏิบัติงาน ความช่วย เหลือของผู้สูงอายุที่ประสบภาวะ ของตนเองของนักบริบาลชุมชน ยากลำบาก โดยมผี ู้จัดการระบบการดูแลระยะ ยาวด้านสาธารณสุข (CM: care manager) 3.จัดระเบียบข้อมูลตามวัตถุประสงค์ หรือเรียกว่าพยาบาลพี่เลี้ยง และนักบริบาล แยกแยะจัดหมวดหมู่และนำมาวิเคราะห์สรุป ชุมชน (CG: care givers) ที่ผ่านการฝึกอบรม ประเด็นย่อยตีความ ของปรากฏการณ์จริงท่ี อย่างน้อย 70 ชั่วโมง โดยได้รับค่าตอบแทน เกดิ ข้ึน จากกองทุนหลักประกันสุขภาพที่ดำเนินงาน อยู่แลว้ ภายใต้ การบรหิ ารขององค์กร ปกครอง 4. เขียนเรียบเรียงเพื่ออธิบาย ส่วนท้องถิ่น กิจกรรมหลักคือ การสำรวจและ ความสัมพันธข์ องปรากฏการณต์ ่าง ๆ ทค่ี น้ พบ ประเมินระดับการพ่ึงพงิ ของผสู้ งู อายุแตล่ ะราย ในแตล่ ะข้ันตอนของ การวจิ ัย เพ่ือตอบคำถาม นำข้อมูลมาประชุมร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้อง และวตั ถปุ ระสงค์การวจิ ัย เพื่อวางแผนการดูแลแก่ผู้สูงอายุที่มีภาวะ พึง่ พงิ รายบคุ คล สรุปผลการวิจัย 1. บริบทชุมชน สถานการณ์สุขภาพ บทบาทหน้าที่ของนักบริบาลชุมชนคือ เยี่ยมบ้านเพื่อดูแลผู้สูงอายุตามกิจวัตร ผู้สูงอายใุ นพื้นท่ี บทบาทหนา้ ท่ี และระบบการ ประจำวัน สังเกตพฤติ กรรมการเปลี่ยนแปลง ปฏิบัติ งานของนักบริบาลชุมชน ในเขตอำเภอ พร้าว จังหวัดเชียงใหม่ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นป่าไม้ ภูเขาสลับกับ พื้นที่ราบลุ่มบางส่วน มีแหล่งน้ำและมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ประชากร

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 63 ต่าง ๆ เรื่องสุขภาพของผู้สูงอายุ และแจ้งให้ 3. ด้านการดูแลผู้สูงอายุที่เป็น ญาติของผู้สูงอายุทราบ จัดกิจกรรมส่งเสริม ผู้ป่วยตามแผนการดูแลรายบุคคล ผลคะแนน สุขภาพของผู้สูงอายุทุกด้าน ดูแล การประเมิน สมรถนะจากกลุ่มตัวอย่างการ สภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยถูกสุขลักษณะ ส่ง วิจัยทุกกลุ่ม พบว่า มีผลคะแนนในภาพรวมใน ต่อผู้สูงอายุกรณีพบว่ามีเหตุฉุกเฉิน หรือการ ระดับดีมากที่สุดทุกกลุ่มทุกตำบล รองลงมา เจ็บป่วย และจัดทำรายงานผลการดูแล อยู่ในระดับดี มีเพียงตำบลทุ่งหลวง ที่อยู่ใน ผู้สงู อายรุ ายเดอื น ระดับปานกลางด้วยเหตุผลเดียวกันกับผลการ ประเมนิ กอ่ นหน้าน้ี 2. ผลการปฏิบัติงานตามภารกิจของ นักบริบาลชุมชน และคุณลักษณะของนัก 4. ด้านการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อ บรบิ าลชุมชน แบง่ ได้ 6 ด้าน คอื ส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงอายุ ผลคะแนนการ ประเมนิ สมรถนะจากกลมุ่ ตวั อย่างการวิจัยทุก 1. ด้านความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุ กลุ่ม พบว่ามีผลคะแนนในภาพรวมส่วนใหญ่ ผลคะแนนการประเมินการปฏิบัติงานของนัก อยู่ในระดับดี รองลงมาอยใู่ นระดบั ดีท่สี ุด บริบาล ชุมชนจากกลุ่มตัวอย่างการวิจัยทุก กลุ่ม พบว่า มีผลคะแนนในภาพรวมในระดับดี 5. ด้านการประสานงานส่งต่อการ มากที่สุดทุกกลุ่มทุกตำบล รองลงมาอยู่ใน ให้บริการกับหน่วยงานในชุมชน ผลคะแนน ระดับดี มีเพียง 1 ตำบลคือตำบลทุ่งหลวง ท่ี การประเมิน สมรถนะจากกลุ่มตัวอย่างการ อยู่ในระดับปานกลางเพราะที่ไม่มีผลคะแนน วิจัยทุกกลุ่ม พบว่า มีผลคะแนนในภาพรวมใน จากผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยได้เสียชีวิตไปใน ระดับดีมากที่สุดทุกกลุ่มทุกตำบล รองลงมา ระหว่างกระบวนการวิจัย สอดคล้องกับข้อมูล อยู่ในระดับดี มีเพียงตำบลทุ่งหลวง ที่อยู่ใน ในส่วนของคะแนนรวม จากการทดสอบ ระดับปานกลางด้วยเหตุผลเดียวกันกับผลการ ความรู้ หลังจากการจัดอบรมที่จัดโดย ประเมินก่อนหนา้ น้ี โรงพยาบาลพร้าว นักบริบาลชุมชนที่เข้ารับ การอบรม มีคะแนนความรู้ที่สูงเกิน 18 6. ด้านความสุขอันเกิดจากความรัก คะแนน ทุกคนจากคะแนนเต็ม 20 คะแนน ในงานที่ทำ ผลคะแนนการประเมินสมรถนะ และข้อมูลเชิงคุณภาพที่ระบุว่า นักบริบาล จากกลุ่มตัวอย่างการวิจัยทุกกลุ่ม พบว่า มีผล ชุมชน ได้แสดงออกถึงความเป็นผู้มีความรู้ใน คะแนนในภาพรวมในระดับดีมากที่สุดถึง 4 เรอื่ งการดูแลเปน็ อยา่ งดี ตำบล รองลงมา อยู่ในระดับดีและระดับปาน กลาง 1 ตำบลคือตำบลท่งุ หลวง 2. ด้านทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ ผลคะแนนการประเมินสมรถนะ จากกลุ่ม 3. ปัญหาและข้อเสนอแนะในการ ตวั อย่างการวิจยั ทุกกลุ่ม พบวา่ มผี ลคะแนนใน พัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของนัก ภาพรวมในระดับดีมากที่สุดทุกกลุ่มทุกตำบล บริบาลชุมชน ในเขต อำเภอพร้าว จังหวัด รองลงมาอยู่ในระดับดี มีเพียง 1 ตำบล คือ เชยี งใหม่ ตำบลทุ่งหลวง ที่อยู่ในระดับปานกลางด้วย เหตผุ ลเดียวกัน กบั ผลการประเมินก่อนหน้าน้ี สามารถสรุปได้ว่า การปฏิบัติงานของ นักบริบาลชุมชนที่ผ่านมา ไม่พบปัญหา ที่เกิด จากความบกพร่อง ในการปฏิบัติงาน ปัญหาท่ี

64 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) พบเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพของ สำคญั มีข้อเสนอต่อหนว่ ยงานสว่ นกลางในการ ผู้ป่วย ขาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในการ ปรับระบบการเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้เร็วข้ึน ดูแลรักษา ส่วนของข้อเสนอแนะ ทุกคนล้วน การจัดอบรม เพือ่ เพิ่มจำนวนนักบริบาลชุมชน แต่อยากให้โครงการการดูแลผู้ป่วยโดยนัก ให้มีมากขน้ึ ดว้ ย บริบาลชุมชนแบบนี้เกิดขึ้นต่อไป ข้อมูลจาก การสัมภาษณ์ผู้วิจัยรว่ ม และผู้จัดการดูแล ทำ การศึกษาวิจัย เรื่องการปฏิบัติงานตาม ให้ทราบถึงปัญหา และข้อเสนอแนะจาก ภารกิจของนักบริบาลชุมชนในเขตอำเภอ มุมมองของผู้ปฏิบัติงาน คือนักบริบาลชุมชน พร้าว จังหวัดเชยี งใหม่ สามารถนำมาอภิปราย ได้สะท้อนปัญหาในเรื่องของระบบการ ผลได้ ดงั น้ี สนับสนุน การส่งต่อบริการ ที่มีข้อติดขัด เช่น การประสานรับยาให้ผู้ป่วย การเบิกจ่าย 1. บริบทชุมชน สถานการณ์ผู้สูงอายุ ค่าตอบแทนในการทำงานล่าช้า ไม่มีงบ บทบาทหน้าที่ และระบบการปฏิบัติงานของ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเยี่ยมผู้ป่วย นักบริบาลชุมชน เป็นไปตามสมมุติฐานการ ขาดการอบรมที่เพียงพอในการเสริมความรู้ วิจัย กล่าวคือ บริบทชุมชนมีความเหมาะสม ทักษะ ในขณะที่ปัญหาในการปฏิบัติงานของ และเป็นเงื่อนไขปจั จัยในเชิงบวก ที่เอ้ือต่อการ นักบริบาลชุมชนเอง จะมีปัญหาในเรื่องของ ปฏิบัติงาน การที่ชุมชนมีความเข้มแข็ง มี การจัดการเวลา เพราะนักบริบาลชุมชนบาง ความสัมพนั ธแ์ บบเครือญาติ ประชาชนมีความ คน มีผู้ป่วยท่ีตอ้ งดูแลท่ีบ้าน และมงี านประจำ เป็นผู้มีจิตอาสา ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทน ที่ต้องทำ ส่วนปัญหาในส่วน ของครอบครัว ที่เป็นเงินตรา กระบวนการคัดเลือกผู้มีจิต ผู้ป่วยและผู้ดูแล ผู้ป่วยบางรายอยู่เพียงลำพัง อาสาเหล่านี้ เข้ามาทำหน้าที่ เป็นนักบริบาล กว่าผู้ดูแลจะกลับมาก็ค่ำมืด ส่วนมุมมองของ ชุมชน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ จะเห็นได้ว่า ผู้ท่ี พยาบาลพเ่ี ล้ยี งหรือ Care Manager ท่สี ะท้อน ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของชุมชน จะ ปัญหาในเรื่องระบบการสนับสนุนจาก เป็นผู้ที่ ชุมชนให้การยอมรับ และมีบทบาท สว่ นกลาง ขอ้ จำกัดเรื่องเวลา ของผู้ปฏิบัติงาน หน้าทด่ี ้านสังคม เช่น เปน็ อสม. หรือเป็นผู้นำ ในส่วนของข้อเสนอแนะ มุมมองของ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลงาน เป็นที่ประจักษ์ ผู้ปฏิบัติงานคือนักบริบาลชุมชน อยากให้ทุก ในชุมชน เพราะสรรถนะหรือคุณลักษณะที่ดี ฝ่ายเห็น ความสำคัญของโครงการนี้ และให้ น้ัน เป็นบุคลกิ ลักษณะที่ซ่อนอยูภ่ ายในปัจเจก การสนับสนุนทุกด้าน ส่วนข้อเสนอแนะใน บุคคล ไม่สามารถวัดได้จากภายนอก ซึ่ง มุมมองของของพยาบาลพี่เลี้ยง ได้มี สามารถผลักดันให้ปัจเจกบุคคลนั้น สร้างผล ข้อเสนอแนะในเรื่องของการจัดสรรเวลาใน การปฏิบัติงานที่ดี หรือตาม เกณฑ์ที่กำหนด การดูแลผ้ปู ว่ ยของนักบรบิ าลชุมชน ให้มีความ ในงานที่ตนรับผิดชอบการที่จะคัดสรร ดังที่ ยืดหยนุ่ ตามข้อจำกัด และความเหมาะสม การ อานนท์ ศกั ดิ์วรวชิ ญ์ (2547) ได้ให้ความหมาย พัฒนาการสื่อสารในช่องทางของสื่อออนไลน์ ไว้ว่า หมายถึงความรู้ ทักษะ ความสามารถ เพื่อการช่วยเหลือกันในการดูแลผู้ป่วย ที่ และคุณสมบัติต่าง ๆ อันได้แก่ ค่านิยม จริยธรรม บุคลิกภาพ คุณลักษณะ ทาง

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 65 กายภาพและอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นและสอดคล้อง การแพทย์แบบองค์รวม ดังที่ เสรี พงค์พิศ กับความเหมาะสมกบั องค์การ (2553) ได้ให้ความหมายไว้ว่าการแพทย์แบบ องคร์ วม คอื การดูแลรักษาคนในทุกด้าน ซึ่งไม่ 2. ผลการประเมินการปฏิบัติงานตาม เพียงแต่ให้ปราศจากโรค แต่ยังหมายรวมถึง ภารกจิ และคุณลักษณะของนักบริบาลชุมชน ความเป็นปกติสุขทั้งกาย ใจ สังคมและ ในเขตอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ใน สิ่งแวดล้อม จากข้อมูลเชิงคุณภาพที่ทุกกลุ่ม มุมมองของผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม ล้วนให้คะแนน ตัวอย่างการวิจัยได้สะท้อน และข้อมูลจาก การประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด คือเกิน 4.0 แนวการสังเกต ทำให้เห็นว่า นักบริบาลชุมชน และผ่านเกณฑ์การประเมินทุกคนทั้ง 6 ด้าน ได้ทำหน้าท่ี หลายบทบาทในการดูแลสุขภาพ ตามกรอบแนวคิดการวิจัย คือ ด้านความรู้ใน ผู้สูงอายุ เป็นทั้งพยาบาลที่ให้การดูแลเยียวยา การดูแลผู้สูงอายุ ด้านทักษะในการดูแล โรคภัยไข้เจ็บ เป็นนักสังคม ที่ให้คำปรึกษา ผู้สูงอายุ ด้านการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วย ปัญหาในครอบครัว คลี่คลายความกังวล เป็น ตามแผนการดูแลรายบุคคล ด้านการ นักปราชญ์ชาวบ้าน ที่มีภูมิความรู้ด้าน สนับสนุนกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพให้กับ สมุนไพร หรือ มีความรู้ด้านศีลธรรม เป็นนัก ผู้สูงอายุ ด้านการประสานงานส่งต่อการ ประสานที่ประสานการส่งต่อการช่วยเหลือ ไป ให้บริการกับหน่วยงานในชุมชน และด้าน ยังหน่วยงานต่าง ๆ ในชุมชนรวม ถึงประสาน ความสุขอันเกิดจากความรักในงานท่ีทำ แม้ว่า ความร่วมมือกับเพ่ือนนักบริบาลชุมชน ในการ มีหนึ่งตำบลที่ผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยเสียชีวิตไป ให้การช่วยเหลอื ดูแลผู้สงู อายุ ระหว่างการวิจัย ทำให้ไม่สามารถให้คะแนน การประเมินได้ ทำให้คะแนนในภาพรวมต่ำลง 3. ปัญหาและข้อเสนอแนะในการ ไปกว่าความเป็นจริง แต่ผลคะแนนที่ได้ จากผู้ พัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของนัก ดแู ละและพ่ีเล้ียงรวมแลว้ ก็ยงั ผ่านการประเมิน บริบาลชุมชนในเขต อำเภอพร้าว จังหวัด ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักบริบาลชุมชนมีการ เชียงใหม่ เป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัย ทำงานที่เป็นที่พึงพอใจ เป็นที่ยอมรับของทุก กล่าวคือ ยังมีปัญหาในหลายระดับที่ทุกฝ่าย ฝา่ ย และผลการประเมินท่ีมาจากทุกฝ่ายถือว่า ต้องช่วยกันปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาให้ดีข้ึน มคี วามนา่ เชื่อถือ ดังที่ เทอื้ น ทองแก้ว (2550) โดยที่กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ที่เป็นผู้ป่วย ได้ระบุว่า การประเมินแบบสามร้อยหกสิบ และผู้ดูแลผู้ป่วย ไม่ค่อยมีมุมมองของปัญหาท่ี องศา (360 Evaluation) นี้เป็นการประเมิน เกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติงานของ โดยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง กับผู้ถูกประเมินเป็นผู้ นักบริบาลชุมชนหรือปัญหา ในเชิงโครงสร้าง ประเมินการปฏิบัติงาน ซึ่งการประเมินโดย มากนัก ปัญหาที่สะท้อนจึงเป็นเรื่องของ บุคคลหลายคนหลายระดับทำให้มีหลาย ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพของตนเองเป็นหลัก มุมมอง ลดอคติจากการประเมินโดยบุคคลคน การขาด วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในการ เดียว ความโดดเด่นที่สำคัญของการ ทำหน้าที่ ดูแลรักษา และข้อเสนอแนะ ทุกคนล้วนแต่ นักบริบาลชุมชน คือ สามารถตอบสนองการ อยากให้ โครงการการดูแล ผู้ป่วยโดยนัก ดูแลผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุอย่างรอบด้าน ของ บริบาลชุมชนแบบนี้เกิดขึ้นต่อไป อยากให้มี

66 วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) นกั บริบาลชุมชนเพิ่มข้ึน อยากให้มนี ัก บริบาล หรือมีศักยภาพในการสร้างระบบกลไกนัก ชุมชน ที่เป็นชนเผ่าบ้าง เพราะจะสามารถ บริบาลชุมชน ในการดูแลผู้สูงอายุ การดำเนิน สื่อสารกันไดเ้ ขา้ ใจมากข้นึ แต่มุมมองในปัญหา โครงการใดใดที่มุ่งหวังความต่อเนื่องยั่งยืน ของนักบริบาลชุมชน และพยาบาล พี่เลี้ยง ต้องให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ศักยภาพ หรือ Care Manager ทำให้เห็นการสะท้อน ของชุมชน ปญั หาในเชงิ โครงสร้างของระบบการสนับสนุน การส่งต่อบริการ ที่ยังมีข้อติดขัดในบางเรื่อง 2. การคัดเลือกนักบริบาลชุมชน ไม่มีงบในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการ คุณสมบัติสำคัญ คือเป็นผู้ที่ชุมชนให้การ เดินทางเยี่ยมผู้ป่วย ขาด การอบรมที่เพียงพอ ยอมรับ และมีประสบการณ์ เคยมีบทบาท ในการเสริมความรู้ทักษะให้กับนักบริบาล หน้าท่ดี า้ นสังคม เช่น เปน็ อสม. หรือเป็นผู้นำ ชุมชน ในขณะที่ปัญหาในการ ปฏิบัติงานของ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ นักบริบาลชุมชนเอง จะมีปัญหาในเรื่องของ ในชุมชนอยู่แล้ว จะมีแนวโน้มของความสำเร็จ การจัดการเวลา เพราะนักบริบาลชุมชนบาง ในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น คน มผี ปู้ ่วยทต่ี อ้ งดูแล ที่บ้านและมีงานประจำ ที่ต้องทำ ดังนั้น ข้อเสนอแนะจากมุมมองของ 3. การประเมินการปฏิบัติงานของนัก ผปู้ ฏบิ ตั ิงาน ทั้งนักบรบิ าลชมุ ชน และพยาบาล บรบิ าลชมุ ชน ต้องมีมิติการประเมินทรี่ อบด้าน พี่เลี้ยง ล้วนแต่อยากให้ทุกฝ่ายเห็น ดังที่ได้กำหนดเกณฑ์การประเมินในงานวิจัยนี้ ความสำคัญของโครงการนี้ และให้การ 6 ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับการปฏิบัติจริงของนัก สนับสนุนทุกด้าน รวมถึงการเห็นความสำคัญ บริบาลในชุมชนที่ให้การดูแลผู้ป่วยแบบ ในการสนับสนุนนักบริบาลชุมชน ที่มีความรู้ การแพทย์องค์รวม เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านสมุนไพร และมี ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้มีการถ่ายทอดและ 4. การพัฒนาการปฏิบัติหน้าท่ีตาม ขยายผล โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการ ภารกิจของนักบริบาลชุมชน ต้องพัฒนาระบบ พัฒนาระบบการดูแล ระยะยาว ที่คาดหวัง โครงสร้างการสนับสนุนในระยะยาว หาก อยากให้ชุมชนเป็นฐาน แต่หากการสนับสนุน คาดหวังให้ชุมชนเป็นฐานและสามารถจัดการ และตดิ ตามที่ดพี อ กอ็ าจทำใหโ้ ครงการนี้กลาย ปัญหาด้วยศักยภาพของชุมชน โดยเฉพาะ เป็นเพยี งหลกั การ และมีการดำเนินงานนำร่อง ในช่วงเริ่มต้น ต้องมีการสนับสนุนและติด ไปเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่เกิดผลความ ตามท่ีเข้มข้น มิเช่นนั้นอาจทำให้ความริเริ่มน้ี เปลย่ี นแปลง ทางระบบ นโยบายอย่างแท้จรงิ กลายเป็นเพียงหลักการ และมีการดำเนินงาน นำร่องไปเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่เกิดผล ความเปลี่ยนแปลง ทางระบบ นโยบายอย่าง แทจ้ รงิ องค์ความรทู้ ไี่ ด้จากการวิจัย ข้อเสนอแนะ 1. องค์ความรู้เกี่ยวกับต้นทุนทางสังคม ขอ้ เสนอแนะในเชิงนโยบาย 1. นักบริบาลชุมชนควรเน้นการทำงาน ของชุมชน ว่าเป็นเงื่อนไขปัจจัยเชิงบวกท่ี สำคัญมาก ในการท่ีชุมชนจะมีความพร้อม เชิงรุกแบบรอบด้าน ตามแนวคิดของการสร้าง

วารสารปัญญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 67 เสริมสุขภาพ แบบองค์รวม เพื่อแสดงให้เห็น ความต้องการ ความจำเป็นในการดูแลผู้ป่วย ผลงานที่เป็นรูปธรรม สร้างการยอมรับให้ รวมถึงส่งเสริมให้ความรู้แก่นักบริบาลชุมชน เกดิ ขึน้ ต่อผูท้ เ่ี ก่ียวข้องทุกฝา่ ย อย่างตอ่ เนือ่ ง เพื่อ ให้เกดิ การพฒั นาความรู้อยู่ ตลอดเวลา เช่น การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 2. นักบริบาลควรมีการสื่อสารส่งต่อ การนำสมุนไพรมาใช้กับผู้ป่วย ควรส่งเสริมให้ ความรู้ให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง หากมีความรู้ ข้อมูลข่าวสารและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมี ที่โดดเด่นก็ต้อง มีการขยายผล เช่น ความรู้ใน กจิ กรรมทำรว่ มกัน เรื่องการใช้สมุนไพร การนวดบำบัด ที่ทำให้ เกดิ ผลความเปลี่ยนแปลง ตอ่ สขุ ภาพของผปู้ ่วย ขอ้ เสนอแนะในการทำวจิ ัยคร้ังต่อไป 1. ควรมีการศึกษาวิจยั เรื่องการน้อมนำ 3. ผู้นำชุมชน ควรมีการคัดเลือกบุคคล หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้กับ ที่มีใจรักในการทำงาน มีความสุขกับงานที่ทำ ครอบครัวผู้ป่วย เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตนเอง และมีความพร้อม กับการปฏิบัติงาน เพราะ อย่างรอบด้าน ทั้งด้านสุขภาพ การบริหาร คุณลักษณะเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวคน แต่ความรู้ จดั การคา่ ใช้จ่ายของครอบครัว และทักษะสามารถเรียนรู้และพัฒนา ได้ใน 2. ควรมีการศึกษาวิจัยร่วม ระหว่าง ภายหลงั หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยใช้แนว ทางการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เป็นเครื่องมือใน 4. หน่วยงานภาครัฐ และองค์กร การพัฒนาการทำงานร่วมกัน ในการพัฒนา ปกครองท้องถิ่น ควรจัดสรรงบประมาณที่จะ ระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ส่งเสริม ให้นักบริบาลชุมชน ได้ออกแบบ ตอ่ ไป กิจกรรมท่หี ลากหลายกับผู้ป่วยมีกิจกรรมทำที่ เหมาะสมกับวัย และให้เพียงพอสอดคล้อง กับ แหล่งอ้างอิง กรมอนามัย. (2556). ค่มู อื แนวทางการฝึกอบรมผูด้ ูแลผสู้ งู อายุหลักสูตร 70 ชัว่ โมง. นครปฐม: โรง พิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาต.ิ กัลยา วานิชย์บัญชา. (2552). สถิติสำหรับงานวจิ ัย. กรุงเทพฯ: ภาควิชาสถิติคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ชูชยั ศภุ วงศ.์ (2553). แนวปฏิบัตใิ นการบริการผสู้ งู อายุ. นนทบรุ ี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสขุ . เทื้อน ทองแก้ว. (2550). สมรรถนะ: หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนดุสติ . สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2557). การสำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ:สำนกั งานสถิติแห่งชาติ เสรี พงคพ์ ิศ. (2553). สุขภาพ 200 คำ. กรุงเทพฯ: สำนกั พิมพพ์ ลังปัญญา. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์. (2547). แนวคิดเรื่องสมรรถนะ Competency: เรื่องเก่าที่เรายังหลงทาง. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Received: 2021-01-21 Revised: 2021-04-09 Research Articles Accepted: 2021-04-17 เครอื ข่ายเกษตรกรผูผ้ ลิตและจำหนา่ ยลำไยอบแห้งโดยไม่ผา่ นพ่อค้าคนกลาง หมู่บา้ นสนั ปา่ เหียง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จงั หวัดลำพนู NETWORK OF FARMERS PRODUCING AND SELLING DRIED LONGAN WITHOUT MIDDLEMEN IN THE AREA OF SANPHAHEANG, MAKHUEACHAE, MUEANG DISTRICT, LAMPOON PROVINCE. คำมลู พรหมพนัส 1 Khammoon Prompanat ปรชี า อยุ ตระกลู 2 Preecha Uitragool Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจยั มีวัตถุประสงค์ 1) เพอ่ื ศึกษาบริบทชุมชน และพฒั นาการของเครอื ข่ายผผู้ ลิตลำไยอบแห้ง การจำหน่ายและการมีส่วนร่วมของเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแหง้ 2) ศึกษาผลของการสรา้ งเครือข่ายผู้ผลิตลำไย อบแหง้ โดยไม่ผา่ นพ่อค้าคนกลางของเกษตรกรบ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมอื ง จงั หวัดลำพูน เป็น การวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยจำนวน 20 ราย เครื่องมือที่ใช้การวิจัยคือแบบสัมภาษณ์ข้อมูล และแบบสนทนากลุ่ม ผลการวจิ ัยพบว่า 1. ชุมชนบ้านสันป่าเหียง มีทรัพยากรธรรมชาติและทุนทางสังคมที่เหมาะสม ต่อการพัฒนาระบบ เศรษฐกิจชุมชน ผลิตและแปรรูปลำไยด้วยการอบแห้ง พบว่าปัญหาลำไยสดและแห้งที่มีราคาตกต่ำ ถูกเอา เปรียบจากพ่อค้าคนกลางที่เป็นตัวแทนของล้งจีน มีการรวมตัวกันเป็นเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง สร้าง เครือข่ายร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมสี ่วนร่วม ตั้งแต่การผลิตลำไย การบริหารจัดการ การตลาดรวมถึงการ จำหนา่ ยให้กบั ผบู้ ริโภคโดยตรง 2.ผลของการสรา้ งเครือข่ายผ้ผู ลติ ลำไยอบแห้งโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ของเกษตรกรบ้านสันป่าเหียง ตำบล มะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวดั ลำพนู พบวา่ การรวมกันเป็นเครือข่ายผจู้ ำหน่ายโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่งผลในด้านต่างๆ คือ 1) เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑท์ ี่มีคุณภาพได้มาตรฐาน 2) เกิดความเข้มแข็งของเครือขา่ ย เกษตรกรผู้ปลกู ลำไยอบแห้ง 3) เกิดการพฒั นาระบบเศรษฐกิจชุมชนทสี่ มดลุ และยุติธรรม ได้รบั การยอมรบั ทุก ฝ่ายมคี วามพึงพอใจในราคาที่จำหนา่ ย คำสำคญั : เครอื ข่ายผูผ้ ลติ ลำไยอบแห้ง, พอ่ คา้ คนกลาง, เศรษฐกจิ ชุมชน ABSTRACT The purpose of this research were 1) to study the community context and the development of the dried longan producer network, the distribution participation process of network and 2) to study the outcome of the network’s activities at Sanphaheang, Makhueachae, 1 นักศึกษาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาท้องถิ่นแบบบูรณาการ, สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน อำเภอบางคนที จงั หวัดสมทุ รสงคราม, ปีการศึกษา 2563 2 รองอธิการบดีสถาบนั การเรียนรูเ้ พือ่ ปวงชน, สถาบันการเรียนรู้เพอื่ ปวงชน, อำเภอบางคนที จังหวดั สมุทรสงคราม

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 69 Mueang district, Lampoon province. The research methodology is qualitative with 20 members of Sanphaheang farmers participated in the research. The research tool was interview form, group discussion guidelines and the research results found that 1. Ban Sanphahiang community have appropriate natural resources and social capital for the development of the community economy. Produce and process longan by drying found that the problem of fresh and dry longan with a depressing price. Being taken advantage of by the middleman representing Lhong, China. Longan producers build networks together based on the member’s participation to solve problems. Since longan production management marketing, including direct sales to consumers. 2. The effect of building a network of producers of dried longan without a middleman of farmers at Ban Sanpahiang, Makhuea Chae Subdistrict, Mueang District, Lamphun Province, it was found that the merger was a network of distributors without a middleman. The results are: 1) Develop products with quality standards. 2) Strengthening the network of dried longan farmers 3) Develop a balanced and fair community economy. Accepted All parties are satisfied with the prices they sell. Keywords: Dehydrated Longan Producer Network, Middleman, Community Economy บทนำ กรมศุลกากรไทยปี 2560 พบว่า ไทยส่งออก ลำไยเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญต่อ ผลไม้และลูกนัตเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.18 โดย ตลาดส่งออกที่สําคัญของไทย คือ เวียดนาม เศรษฐกิจ ประเทศไทยมีพื้นที่เพาะปลูก (ร้อยละ 50.97) จีน (ร้อยละ 27.17) และ ทั้งหมดประมาณ 762,114 ไร่ พื้นที่เพาะปลูก ฮ่องกง (ร้อยละ 6.55) ซึ่งเวียดนามเป็นตลาด สว่ นใหญ่ รอ้ ยละ 85 อยู่ในภาคเหนือ ซ่งึ ได้แก่ ส่งออกรายใหญ่ของไทยเปน็ ปีที่สอง ผลไม้ไทย จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา น่าน ส่งออกที่สําคัญ ได้แก่ ทุเรียน เพิ่มขึ้น ร้อยละ แพร่ ลำปาง และตาก ซง่ึ พนั ธุ์ลำไยท่ีเกษตรกร 21.37 ลําไย เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.68 ลําไย ปลูกมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 78 ได้แก่ พันธ์ุ อบแหง้ เพ่ิมขึน้ รอ้ ยละ 70.48 มงั คดุ สว่ นใหญ่ อีดอ และสายพันธ์เบย้ี วเขยี ว แห้ว สีชมพู และ ส่งออกไปเวียดนาม การนําเข้าผลไม้ไทยของ พันธุ์พื้นเมืองอื่น ๆ โดยพันธุ์อีดอ มีคุณภาพดี จีนนั้น จีนอนุญาตให้นําเข้าผลไม้ไทยได้ 22 เนื้อหนา กรอบ มีรสหวาน กลิ่นหอม และ ชนิด ซึ่งลําไยเป็นหนึ่งในผลไม้ที่จีนให้นำเข้า เมล็ดเล็ก เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งใน ประเทศได้ ประเทศ และต่างประเทศ พันธุ์นี้สามารถ นำไปแปรรูป เป็นลำไยกระป๋อง และแห้งที่มี เชียงใหม่นิวส์ (สำนักงานพาณิชย์ คุณภาพดี การบริโภคลำไย (สด/แห้ง) จังหวัดเชียงใหม่, 2562) ได้รับข้อมูลจาก ภายในประเทศมีเพียงร้อยละ 26 ส่วนที่เหลือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ถึง อีกร้อยละ 74 ส่งออกต่างประเทศ โดยที่มา สถานการณ์ลำไยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และ ของแหล่งข้อมูล ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ (2561) จงั หวดั ลำพนู พบวา่ ผลผลติ ลำไยท่ีออกสู่ตลาด จากภาพรวมการส่งออกผลไม้ไทยจากสถิติ มีคุณภาพ และขายได้ราคาดี โดยสถานการณ์

70 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ด้านราคา พบว่าลำไยสดช่อ เกรด AA+A โ ด ย บ า ง ช ่ ว ง ม ี ป ร ิ ม า ณ ล ำ ไ ย ส ด ม า ก ก ว่ า จำหน่ายในราคา 35-40 บาทต่อกิโลกรมั เกรด 300,000 กิโลกรัมต่อวัน จึงมีการนำลำไยสด A+B จำหน่ายในราคา 30-32 บาทตอ่ กิโลกรัม มาอบแห้ง เพื่อการจำหน่ายในชุมชนมีการ ส่วนลำไยรูดร่วง เกรด AA จำหน่ายในราคา พัฒนากระบวนการผลิตลำไยอบแห้งมาเป็น 22-23 บาทต่อกิโลกรัม เกรด A จำหน่ายใน ระยะเวลา10 ปี ทำใหเ้ กษตรกรในชุมชนสันป่า ราคา 15-16 บาทตอ่ กโิ ลกรมั เกรด B จำหนา่ ย เหียง มีความเชี่ยวชาญในการแปรรูปให้ได้ ในราคา 7-9 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด C คุณภาพตามที่ตลาดต้องการ เมื่อผลผลิตลำไย จำหน่ายในราคา 0.5-1 บาทต่อกิโลกรัม จากชุมชนอื่นและพื้นที่อื่น มีจำนวนมากเกิน เนื่องจากผลผลิตยังทยอยออกสู่ตลาดใน ความต้องการ ชุมชนอื่น ๆ จะนำเอาลำไยสด จำนวนน้อย ผู้ประกอบการในพื้นที่เปิดจุดรับ มายังชุมชนบ้านสันป่าเหียง เพื่อจ้างทำการ ซื้อ หรือจุดร่อนเพิ่มขึ้นจากเดิม และ แปรรูปเป็นสินค้าลำไยอบแห้ง ลำไยอบแห้ง ผู้ประกอบการโรงงานลำไยอบแห้งมีความ ของชมุ ชนบา้ นสนั ป่าเหียงมีลักษณะเด่น คือ มี ต้องการผลผลิตเพิ่มขึ้น ด้วยคุณภาพเป็นไป คุณภาพสูง มีเนื้อผลลำไยมาก หลังจากการ ตามความต้องการของตลาด จากการสำรวจ อบแห้งจะเปลี่ยนเนื้อลำไยเป็นสีทอง จึง การรับซื้อลำไย ถูกเหมาสวนกันหลายกลุ่ม เรียกว่า “ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง” เป็นที่ โดยเครือข่ายล้งนอกพื้นที่ และในพื้นท่ี ซึ่งมี ต้องการของตลาดทั้งใน และต่างประเทศขาย ทุนมากกว่าพ่อค้าคนไทย ที่เปิดจุดรับซื้อใน ได้ในราคาสูง การผลิตลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง ชุมชน ประกอบกับการส่งออกสินค้าจะต้องมี ของชุมชนบ้านสันป่าเหียงจะทำกันเป็น เอกสารหนังสือรับรองมาตรฐาน จีเอพี. จาก อุตสาหกรรมในครัวเรือนเกือบทุกบ้าน ซึ่งใน เกษตรกรแนบไปกับสินค้าทุกตู้ ปัจจุบันยังคง ชุมชนเมื่อได้ผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง ใช้ใบรับรอง 1 ไร่/1 ตู้ แต่ในอนาคตจะต้อง ก็จะนำไปขายให้แก่พ่อค้าคนกลางที่อยู่ใน ปรับเป็น 5 ไร่/1 ตู้ โดยหน่วยงานกระทรวง ชุมชน โดยราคารับซ้ือจะสูงหรือต่ำตาม เกษตรกำลังเร่งดำเนินการผลักดนั ให้เกษตรกร ปริมาณของลำไยในแต่ละฤดูกาล ถ้าผลผลิต หันมาขึ้นจีเอพี. เพิ่มมากขึ้น เพื่อเน้นส่งออก ของลำไยสดมีปริมาณน้อยก็จะได้ราคาดี แต่ จากสรรพคุณของลำไย ประกอบด้วย ลำไย ถ้าปีไหนมีผลผลติ มากจะมีราคาต่ำ ช่วยให้หลับสบาย เจริญอาหาร รักษาอาการ หวัด รักษาโรคมาลาเรีย รักษาอาการท้องร่วง จากปัญหาด้านผลผลิตที่มีจำนวนมาก รักษาปัสสาวะขัด แก้อาการวิงเวียนศีรษะ และการมีพ่อค้าคนกลางที่สร้างปัญหาให้กับ อ่อนเพลีย และลำไยอบแห้งยังมีสารต่อต้าน เกษตรกรผู้ปลูกลำไยในชุมชน เกษตรในชุมชน อนุมูลอิสระและช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งอีก บ้านสันปา่ เหยี ง หมูท่ ่ี 7 จึงร่วมกันหาทางออก ด้วยจึงเป็นท่นี ยิ มของผู้บรโิ ภค ด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยร่วมกันจัดตั้งเครือข่าย ผู้ผลิตลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ชุมชนบ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ เพื่อทำการผลิตลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง เน้น อำเภอเมือง จงั หวดั ลำพูน เป็นแหล่งชุมชนท่ีมี การจำหน่ายเพื่อบริโภคในท้องถิ่น และส่งขาย การผลิต และอบแห้งเนื้อลำไยเป็นจำนวนมาก เป็นผลิตภัณฑ์ไปตามจุดจำหน่ายอื่น ๆ ใน

วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 71 ทอ้ งถิน่ เป็นการสร้างเครอื ขา่ ยระบบเศรษฐกิจ ผู้ร่วมวิจัยครั้งนี้ คือ เกษตรกรบ้านสัน ชุมชนที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ช่วยให้ผู้ผลิต ปาเหียง หมู่ที่ 7 ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง สามารถจำหน่ายได้มากขึ้น และได้ราคาท่ี จังหวัดลำพูน จำนวน 20 ราย เป็นผู้ผลติ ลำไย เหมาะสม อบแห้งเนื้อสีทอง มีเตาอบแห้งเนื้อลำไยแบบ พื้นบ้านใช้ในครัวเรือน เพื่อใช้ในการประกอบ ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาถึง อาชีพ โดยลำไยอบแห้งเนื้อสีทองเป็นอาชีพ เครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้า หลักทีส่ ร้างรายได้ใหก้ ับครอบครวั ผรู้ ว่ มวิจยั มี คนกลาง บา้ นสนั ปา่ เหียง หม่ทู ี่ 7 ตำบลมะเขือ ส่วนร่วมในการวิจัย เป็นผู้ให้ข้อมูลตาม แจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ถึงกลไก แบบสอบถาม ร่วมแสดงความคิดเห็น กระบวนการ รูปแบบ และผลของการรวมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และวางแผนการบริหาร เป็นเครือข่าย จำหน่ายลำไยอบแห้ง โดยไม่ จดั การ ผลผลติ และการตลาดร่วมกนั ผ่านพ่อค้าคนกลาง อันจะเป็นประโยชน์ต่อ ชุมชนบ้านสันป่าเหียงโดยตรง ในการทบทวน 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย และพัฒนาศักยภาพของระบบเศรษฐกิจชุมชน 2.1 เครื่องมือรวบรวมข้อมูล ทีจ่ ะทำให้ชมุ ชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไป เ ค ร ื ่ อ ง ม ื อ ท ี ่ ส ำ ค ั ญ ใ น ก า ร เ ก็ บ วตั ถุประสงค์ รวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย เส้นพัฒนาการ 1. เพื่อศึกษาถึงบริบทชุมชนและ (Time line) เพื่อให้เห็นพัฒนาการของ เครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง โดยจะระบุ พัฒนาการของเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง ชว่ งเวลาท่ีเกิดเหตุการณ์สำคญั ของชมุ ชน และ โดยไม่ผ่าน พ่อค้าคนกลาง ของเครือข่ายผู้ผลิต พฒั นาการของเครือข่ายมาจนถึงปจั จบุ นั แบบ ลำไยอบแห้ง บ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ สมั ภาษณ์ สมาชิกเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง อำเภอเมอื ง จงั หวัดลำพูน โดยไม่ผา่ นพ่อค้าคนกลาง บ้านสันป่าเหียง หมู่ ที่ 7 ต.มะเขือแจ้ อ.เมือง จ.ลำพูน แนวสนทนา 2. เพื่อศึกษาถึงกระบวนการจำหน่าย กลุ่มในประเด็นคำถามหลัก โดยสอดคล้องกับ และการมีส่วนร่วมของเครือข่ายผู้ผลิตลำไย ประเด็นคำถามในแบบสัมภาษณ์ และแนว อบแห้งโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง บ้านสันป่า สงั เกต ทเี่ ปน็ ขอ้ มูลจากข้อเท็จจริงที่ผู้วิจัยเห็น เหียง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัด ในสนาม และช่วยสนับสนุนข้อมูลที่อาจไม่ ลำพูน ครบถ้วนจากการใช้เครื่องมือก่อนหน้านี้ รวมถึงการศึกษาเอกสาร บทความ ตำราทาง 3. เพื่อศึกษาผลของการรวมกันเป็น วิชาการ แนวคิดทฤษฎี และผลงานวิจัยที่ เครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้งโดยไม่ผ่าน พ่อค้า เกี่ยวข้อง จัดทำเป็นแบบสัมภาษณ์และการ คนกลางบ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ สนทนากล่มุ โดยแบง่ ออกเป็น 7 ตอน คือ อำเภอเมอื ง จังหวดั ลำพนู ตอนท่ี 1 เป็นแบบสัมภาษณ์ ถึง วิธีดำเนนิ การวจิ ัย บริบทชุมชนและข้อมูลของสมาชิกเครือข่าย 1. กลุ่มประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง เกษตรกรผ้ใู หส้ มั ภาษณ์

72 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ตอนท่ี 2 เป ็ นแบบส ั ม ภ า ษ ณ์ ยั่งยืน โดยผู้วิจัยได้กำหนดวิธีการ แนวทาง กระบวนการจำหน่าย และราคาจำหน่ายลำไย และข้ันตอนของการดำเนินงานวิจัย ทงั้ หมด 3 อบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง แบบ ตอน ดงั นี้ ปลายเปดิ ตอนที่ 1 สัมภาษณ์ในข้อมูลพื้นฐาน ตอนที่ 3 เป็นแบบสัมภาษณ์การมี ของชุมชน ในด้านข้อมูลประชากร ประวัติ ส่วนร่วมของเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง โดย ชุมชน สภาพแวดล้อมทางสังคม ทรัพยากร ไมผ่ า่ นพ่อคา้ คนกลางแบบปลายเปิด ท้องถิ่น ทุนชุมชน การศึกษา รวมถึง ศิลปวัฒนธรรม ตอนที่ 4 เป็นแบบสัมภาษณ์ผลของ การรวมกันเป็นเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง ตอนท่ี 2 ศึกษาเส้นพัฒนาการ ( โดยไม่ผ่านพอ่ ค้าคนกลาง แบบปลายเปิด Time line) จากการสังเกต เพื่อให้ เห็น พัฒนาการของเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง ตอนที่ 5 เป็นการสนทนากลุ่มในการ โดยระบุช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของ แก้ไขปัญหาการจำหน่าย และราคาจำหน่าย ชุมชนและพัฒนาการของเครือข่ายมาจนถึง ลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ของ ปัจจบุ นั เครอื ขา่ ยผผู้ ลติ ลำไยอบแห้ง ตอนท่ี 3 ป ั ญหาอ ุ ปสรรคและ ตอนท่ี 6 เป็นการสนทนากลุ่มการ ขอ้ เสนอแนะ เพอื่ นำผลทไี่ ด้ จากการสัมภาษณ์ บริหารจัดการ ประสานงาน ของเครือข่าย และการสนทนากลุ่มสู่การวิเคราะห์ หาข้อมูล ผู้ผลิตลำไยอบแห้ง ร่วมกับเครือข่ายร้านค้า ที่ได้จากข้อมูลทั้งหมด ด้วยวิธีการวิเคราะห์ ชมุ ชนตา่ งๆ เนื้อหา (content Analysis)ในรูปแบบของ การวจิ ัยต่อไป ตอนท่ี 7 ป ั ญหาอ ุ ปสรรคและ ขอ้ เสนอแนะ สรปุ ผลการวิจัย 1. บริบทชุมชนและข้อมูลของสมาชิก เพือ่ นำผลท่ีได้ จากการสัมภาษณ์และ การสนทนากลุ่มสู่การวิเคราะห์ หาข้อมูลที่ได้ เครือข่ายเกษตรกร พบว่า บ้านสันปาเหียง จากข้อมูลทั้งหมด ด้วยวิธีการวเิ คราะห์เน้ือหา ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มี (content Analysis) ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา รวมถึงเป็นเขต ป่าสงวนแห่งชาติ มีแม่น้ำสำคัญไหลผ่าน คือ 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล แมน่ ้ำกวง และลำน้ำแมต่ ีบ พรอ้ มทั้งมีอ่างเก็บ ผูว้ จิ ัยทำการวเิ คราะหข์ ้อมลู มีลำดับ น้ำแม่ตีบ ทำให้เป็นที่ราบลุ่ม เหมาะสำหรับ ขน้ั ตอนและสรุปได้ดงั นี้ การเกษตรและปศุสัตว์ มีระยะทางจากอำเภอ 3.1การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปฏิบัติการ เมืองลำพูนประมาณ 15 กิโลเมตร มีพื้นท่ี จากสมาชิกเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้งที่ไม่ ประมาณ 112 ตารางกิโลเมตร หรือ 70,000 ผ่านพ่อค้าคนกลาง จากเกษตรกรที่ประสบ ไร่ หรือคิดเป็นร้อย 4 ของพื้นที่อำเภอเมือง ปัญหาการผลิตและการจัดจำหน่ายโดยตรง ลำพูน มีจำนวนทั้งสิ้น 21 หมู่บ้าน มีพื้นท่ี ด้วยแนวคิดการสร้างความเข้มแข็งของระบบ เศรษฐกิจและการตลาดอย่างเป็นธรรม กลไก ศักยภาพของชุมชนและการพึ่งพาตนเองอย่าง

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 73 111,007,038 กิโลตารางเมตร มีประชากร แต่ละเตาสามารถอบลำไยสดได้วันละ 650- รวมกันทั้งสิ้น 8,435 คน ประชากรส่วนใหญ่ 700 กิโลกรัมต่อวัน ใช้เวลา อบประมาณ 12- ในชุมชนทำอาชีพเกษตรกรและปลูกลำไยเป็น 13 ชั่วโมง ซึ่งต้องใช้ลำไยสดประมาณ 10 หลัก1. เกษตรกรส่วนใหญ่มีแปลงลำไยเป็น กิโลกรัม ถึงจะได้ลำไยอบแห้งสีทอง 1 ของตนเอง และเรียนรู้การผลิตลำไยจากรุ่นต่อ กิโลกรัม การจำหน่าย เครือข่ายผู้ผลิตลำไย รุ่น มีการพัฒนา เทคโนโลยีการผลิต การบรรจุ อบแห้ง บ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ ภัณฑ์ โดยในกระบวนการแปรรูปลำไยอบแห้ง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มีอิสระในการ ปัจจุบัน มี 2 ประเภท คือ การอบ ลำไยท้ัง จ ำ ห น ่ า ย ผ ล ผ ล ิ ต ไ ป ย ั ง เ ค ร ื อ ข ่ า ย ร ้ า น ค้ า เปลือก และการอบลำไยเฉพาะเนื้อ ทั้งน้ี หน่วยงาน ผู้ประกอบการ ทงั้ ภายในชมุ ชนและ เกษตรกรยังได้รับอบรมพัฒนาศักยภาพโดย ภายนอกชุมชน เน้นการจำหน่าย หน่วยงานต่าง ๆ ของ สมาชิกเนื่องจากเป็น ภายในประเทศเป็นหลัก มกี ารประสานงานจุด กลุ่มอิสระ ทำให้เกิดความรู้ที่แตกฉานมาก จำหน่าย ที่เป็นเครือข่าย ภายในชุมชน และ ยงิ่ ขน้ึ เครือข่ายภายนอกชุมชน เมื่อมีการจองสินค้า ผลิตภัณฑ์ กลุ่มจะรับทราบทันที เพื่อ 2. กระบวนการจำหน่าย และราคา ดำเนินการจัดสรรโควตาสินค้าให้กับสมาชิก จำหน่ายลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคน และส่งผลผลิตให้กับลูกค้า รวมถึงสมาชิก กลาง พบว่า จากการที่มีภูมิประเทศที่ สามารถมีอิสระในการติดต่อหรือจำหน่าย เหมาะสมทำให้พื้นที่ในชุมชนนี้เป็นแหล่งปลูก ผลิตภัณฑ์ไปให้กับกลุ่มลูกค้าส่วนตัวได้ แต่ ลำไยของจังหวัดลำพูน โดยมีผลผลิตออกมา ตอ้ งอย่ใู นราคาเดียวกันท่ีกลุ่มกำหนด ไม่มีการ เป็นจำนวนมากในฤดูกาลลำไย ในเดือน ขายตัดราคากันเอง จงึ ถือวา่ การบรหิ ารจัดการ กรกฎาคมและสิงหาคม ของทุกปี ลำไยจะออก ผลผลิตและการจำหน่าย มีความ ยืดหยุ่นสูง ผลมาพร้อมกัน ทำให้เกิดราคาที่ตกต่ำ จาก ยังพบว่า มีการจัดการด้านการตลาด ของ อดีตนับจาก พ.ศ. 2547 เมื่อเกษตรกรประสบ สมาชิกเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง บ้านสัน ปัญหาผลผลติ ล้นตลาด เพราะเกษตรกรมีเวลา ป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัด เก็บเพียง 60 วันเพื่อเก็บรักษาคุณภาพของ ลำพูน ด้วยเหตุที่ราคาลำไยที่ขายหน้าเครื่อง ลำไยสด ชาวบ้านจงึ ระดมความคิดเร่ิมคิดค้นที่ ร่อนราคาไม่แน่นอน มขี ึน้ ลงวนั ต่อวัน ทงั้ ลำไย จะแปรรูป เป็นการเพิ่มมูลค่าของลำไย โดย สดและแห้ง สมาชิกเครือข่าย สามารถ เก็บส การเอาใส่ไหอบซึ่งเกษตรกรชาวบ้านที่เป็นคน ต๊อกสินค้าฝากไว้ในห้องเย็นก่อน และนำ ในหมู่บ้านสันป่าเหียง ก็ไปรับจ้างแกะลำไยที่ ออกจำหน่ายเมื่อเวลาที่ราคาลำไยอบแห้งมี หมู่บ้านอื่น ก็เลยลองทำตาม มีการพัฒนา ราคาสงู ขึ้นทีหลัง เทคโนโลยีเป็นสิบปี โดยมีมหาวิทยาลัยต่างๆ มาช่วยสนับสนุน มีการ สร้างเตาอบและโรง 3. การมีส่วนร่วมของเครือข่ายผู้ผลิต อบขึ้นมา โดยเป็นโรงเรือนที่สร้างขึ้นของ ลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง พบว่า เกษตรกรเพื่อใช้ในครัวเรือน เกษตรกรบ้านสัน จากการลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออก ป่าเหียง มีเตาอบรวมกันประมาณ 280 เตา ทสี่ ำคัญของภาคเหนือ ท้ังในรปู แบบของสินค้า

74 วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) สดและแปรรูปแบบลำไยอบแห้ง แช่แข็ง เป็นเครือข่ายที่มีความรู้สึกผูกพันเหมือนเป็น รวมถึงลำไยกระป๋อง ทำให้มีซื้อสินค้าพ่อค้า ญาติมิตร รวมถึงความเอื้ออาทรกันในเรื่อง ลำไยต่างถน่ิ เข้ามาติดตอ่ ขอรับซื้อเหมาในช่วง อื่นๆ มีระบบเศรษฐกิจชุมชนที่สมดุลและ ทีล่ ำไยตดิ ดอกหรือออกผลในระยะเริ่มตน้ และ ยุติธรรม จากการบริหารจัดการ จำหน่ายที่มี มีเกษตรกรบางส่วนท่ีขายเอง ทำให้ราคาสินค้า หลักเกณฑ์ มาตรฐานสินค้า มีความยืดหยุ่น ไม่เท่ากันต่างคนต่างจำหน่ายและพ่อค้าคน การกระจายกันผลิตแล้วค่อยนำผลผลิตมา กลางมาตั้งจุดร่อนลำไย และคัดเป็นเกรด A จัดส่งให้ลูกค้า นับเป็นข้อได้เปรียบของ เกรด B เกรด C ตามขนาดของลูก เพื่อส่ง เครือข่าย เมื่อกระจายกันผลิตรายครัวเรือน ให้กับพ่อค้าคนกลาง หรือล้งจีน ต่อไป จาก ย่อมง่ายต่อการจัดการของเสียในระดับ การกด ราคาผลิตผลทำให้มีการรวมกลุ่มกัน ครวั เรือน เพอ่ื ลดปัญหาสิง่ แวดลอ้ ม เป็นเครือข่ายผู้จำหน่ายลำไยเพื่อต่อรองราคา ให้ได้ ราคาที่เหมาะสมไม่ถูกเอาเปรียบจาก 5. การแก้ไขปัญหาการจำหน่าย และ พ่อค้าคนกลาง ราคาจำหน่ายลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้า คนกลาง ของเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง 4. ผลของการรวมกันเป็นเครือข่าย พบว่า เมื่อมีการสร้างเครือข่ายเกษตรกรแล้ว ผู้ผลิตลำไยอบแห้ง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง มีหน่วยงานภาครัฐให้การช่วยเหลือ ในด้าน พบว่า การรวมกันเป็นเครือข่ายผู้ผลิตลำไย ของการกำหนดราคากลาง ทั้งลำไยสดและ อบแห้ง ส่งผลในเรื่องของการกำหนดราคาท้ัง ลำไยแห้ง การสนับสนุนด้านเงินทุน การ ลำไยสด และลำไยแห้ง เดิม ล้งจีนเป็นผู้ พัฒนามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ สถานที่เก็บ กำหนดราคา มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ รักษาผลิตภัณฑ์ และการเชื่อมโยงกับตลาด ตลาดที่มีผู้ผลิตมากรายเป็นรายย่อยและมี ต่างประเทศให้มากขึ้น กลุ่มเกษตรกรกลุ่มท่ีมี ขนาดเล็ก ใหส้ ินคา้ มมี าตรฐาน มีความชำนาญ การจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนจะได้รับการ ในการแปรรูปให้มีคุณภาพตรงตามความ สนับสนุน เครื่องจักร เตาอบเพื่อไล่ความช้ืน ต้องการ ตลาดผู้รับซื้อลำไยอบแห้งไม่สามารถ ออกจากลำไยแบบลมร้อนผ่านโดยตรงขนาด ผูกขาดได้ จากการวิจัยยังพบว่า ผลผลิตที่มี มอเตอร์ 1 แรงม้า 220 v/380 v ความจุ คุณภาพได้มาตรฐาน รวมถึงสมาชิกเครือข่าย วัตถุดิบไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม/ครั้ง ให้กับ มีความสมัครใจร่วมกัน เป็นเครือข่าย มีการ กลุ่ม และมีข้อจำกัดในการเข้าร่วมเป็นสมาชกิ ดำเนินงานในลักษณะเครือข่ายธุรกิจร่วมกัน กลุ่ม ทำให้ไม่ครอบคลุมผู้ ประกอบการราย แลว้ มีการแบง่ ปันความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ ยอ่ ย ทลี่ งทนุ ซื้อเตาอบเอง ยังพบวา่ การแก้ไข เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผลผลิตที่มีคุณภาพและ ปัญหาการจำหน่าย และราคาจำหน่ายลำไย มีมาตรฐาน นอกจากนี้กลุ่มเครือข่ายยัง อบแห้ง โดยไมผ่ ่านพ่อค้าคนกลาง เกิดข้ึนในปี ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของ พ.ศ.2560 เกิดการรวมกลุ่มกันเป็น เครือข่าย ผลผลิต ก่อนที่จะจัดส่งไปให้กับเครือข่าย ผู้ผลิตลำไยอบแห้ง บ้านสันป่าเหียง ตำบล พอ่ ค้าคนกลาง เกิดความเข้มแข็งของเครือข่าย มะเขอื แจ้ อำเภอเมือง จงั หวดั ลำพูน มีสมาชิก เกษตรกรผู้ผลิตและจำหน่าย มีความรู้สึกว่า จำนวน 20 คนจนถงึ ปัจจบุ ัน

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 75 6. การบรหิ ารจดั การ ประสานงาน ของ สภาพปัญหาเดียวกันมาก่อนมารวมตัวกัน เครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง ร่วมกับเครือข่าย ร่วมกันแสวงหาทางเลือก ใหม่ที่ดีกว่า มี ร้านค้าชุมชนต่างๆ พบว่า การบริหารจัดการ องค์ประกอบที่ครบ ถ้วนของนิยามความเป็น มีรูปแบบของการประสานงานหรือการ เครือข่ายชุมชน สอดคล้องกับ เสรี พงศ์พิศ รวมกลุ่มแบบไม่เป็นทางการ เพื่อความ (2548) ได้ระบุว่าเป็นขบวนการทางสังคม ที่มี คล่องตัว ในการบริหารจัดการ จึงไม่มีคำสั่ง เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และความต้องการ แต่งตั้ง แต่ทราบบทบาทหน้าที่กันเองว่าใคร บางอย่างร่วมกัน สมาชิกของเครือข่ายมีความ ถนัดเรื่องใด มีประธานกลุ่มเป็นผู้นำตาม เป็นเอกเทศไม่ขึ้นต่อกัน ความสัมพันธ์ ภายใน ธรรมชาติ โดยมีสมาชิกจำนวน 20 ราย และ องค์กรไม่ใช่แบบลำดับชั้น (hierarchical) แต่ บางส่วนเป็นสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นเครือข่าย (networking) ที่ไม่เน้นการใช้ แต่เนื่องจากวิสาหกิจชุมชน ก็มีข้อจำกัดที่ไม่ อำนาจในการ บริหารจัดการ แต่เน้นการจัด สามารถรองรับผลผลิตของสมาชิกได้ทั้งหมด ความสัมพันธ์ การสรา้ งบรรยากาศการทำงานท่ี โดยเฉพาะในช่วงทีผ่ ลผลติ ลน้ ตลาด ดี ทำงานแบบประสานพลัง (synergy) ที่เป็น เชน่ น้ีได้ ด้วยเง่อื นไขต้นทุนทางสังคมของความ 7. ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ เป็นเครือญาติในสังคมชนบท ที่ยังคงมีอิทธิพล พบว่า เกษตรกรประสบกับปัญหารายได้จาก กับความคิด และวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนก่ึง การขายผลผลิต เพราะต้องการเงินหมุนเป็น เมืองก่งึ ชนบท ทำใหค้ วามเป็นเครือข่ายมีความ กำไรกลับคืนมาโดยเร็ว หลังจากที่ได้ลงทุนไป แน่นแฟ้นของความสัมพันธ์ ความไว้เนื้อเชื่อใจ การสต๊อกสินค้าไว้นานอาจส่งผลให้สภาพ กัน ผนวกกับการทีต่ ้องเผชิญกับปัญหาร่วมกัน คล่องหรอื การหมุนเวยี นของเงินเกิดข้ึน 2. กระบวนการจำหน่ายลำไยอบแห้ง อภปิ รายผลการวิจัย โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ของเครือข่ายผู้ผลิต จากการศึกษาเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลติ ลำไยอบแห้ง บ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นกระบวนการที่ และจำหนา่ ยลำไยอบแห้งโดยไมผ่ า่ นพ่อค้าคน เป็นความพยายามในการแก้ไข ปัญหาพ่อค้า กลาง หมู่บ้านสันป่าเหียง ตำบลมะเขือแจ้ คนกลางหรือล้งจีน ได้กดราคาลำไยสด ตั้งแต่ อำเภอเมือง จังหวดั ลำพนู เพื่อสรปุ หาคำตอบ ขั้นแรกที่รับซื้อแบบยกแปลง รวมถึงการขาย จากคำถามงานวิจยั ซึ่งการอภิปรายผล ผวู้ ิจัย ผลผลิตผ่าน เครื่องร่อนคัดเกรด ด้วยการ แบ่งเปน็ 3 ประเด็น ดงั น้ีคือ รวมกลุ่ม แล้วนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นลำไย อบแห้ง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชุมชน ได้สั่งสม 1. บริบทชุมชนและพัฒนาการของ ถ่ายทอด จนเกิดเป็นความชำนาญ เครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้งโดยไม่ผ่านพ่อค้า ประสบการณ์ การอบแห้งจะสามารถเก็บ คนกลาง ของ เกษตรกรบ้านสันป่าเหียง ตำบล รักษาผลผลิตได้นาน รอจนกว่าราคาของ มะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน การ ผลผลิตจะปรับสูงขึ้นในราคาที่ยุติธรรม หรือ เกิดขน้ึ ของเครือข่าย ถือวา่ เป็น เครือข่ายที่เกิด สามารถที่จะทยอยจำหน่ายให้กับพ่อค้าที่เป็น โดยธรรมชาติ เกิดจากการที่ผู้คนมีความคิด ตรงกัน ทำงาน คล้ายคลึงกัน หรือประสบกับ

76 วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) เครือข่าย เพราะเกษตรกรสมาชิกแต่ละคน มี เป็นร้านค้าหรือจุดจำหน่าย ที่เป็นเครือข่าย ฐานของลูกค้าที่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันแต่เดิม ภายในชมุ ชน และเครือขา่ ยภายนอกชุมชน เมื่อมารวมกันเป็นเครือข่ายก็สามารถที่จะใช้ ต้นทุนของแต่ละคน ประสานกับเครือข่าย 3. ผลของการรวมกันเป็นเครือข่าย พ่อค้ารวมถึงสามารถจำหน่ายผลผลิต โดยตรง ผู้ผลิตลำไยอบแห้งโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ไปถึงผู้บริโภคที่เป็นเครือข่ายร้านค้าในชุมชน การแก้ไขปัญหาของ เครือข่าย เป็นการแก้ไข และในเมืองได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคน ปัญหาเริ่มจากเรื่องที่เร่งด่วน หรือเรื่องที่เป็น กลาง การทีเ่ ครือข่ายเกษตรกรบ้านสันปา่ เหียง ความเดือดร้อนร่วมกันเฉพาะหน้า เมื่อแก้ไข ให้ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา ต้อง ได้ แล้ว ก็นำไปสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ อาศัยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของสมาชิก ทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน อย่างต่อเนื่อง จน ในทุกขั้นตอน สอดคล้องกับ ทานตะวัน อินทร์ เกิดการพัฒนาที่ส่งผลกระทบ ในมิติต่าง ๆ จันทร์ (2546) กล่าวว่าลักษณะของการมีส่วน แบบองค์รวมต่อสมาชกิ กล่าวคอื 1. การพฒั นา ร่วม ประกอบด้วยการมีส่วนร่วมในการ ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมี ตัดสินใจ การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ การมี มาตรฐาน ด้วยการแบ่งปันความรู้ ทักษะ สว่ นรว่ มในการรับผลประโยชน์ และการมีส่วน ประสบการณ์ ระหว่างสมาชิก ทั้งในส่วนของ รว่ มในการติดตามประเมินผล มีการรวมตัวกัน การปลูกลำไยให้ได้ผลผลิตที่ดี และความรู้ ในลักษณะเครือข่าย จัดว่าเป็นทางออกที่ดี เทคนิคการอบลำไยให้เป็นสีทองสวย การ ของเกษตรกร โดยเครือขา่ ยผผู้ ลิตลำไยอบแห้ง ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของ บา้ นสนั ป่าเหียง เปน็ เครือข่ายทสี่ มาชิก มีส่วน ผลผลิตรว่ มกัน กอ่ นทีจ่ ะจัดส่งไปให้กับร้านค้า ร่วมในกิจกรรมอย่างเข้มข้น มีกิจกรรมการ เครือข่าย 2. เกิดความเข้มแข็งของเครือข่าย อบรมพัฒนาศักยภาพของสมาชิกกับองค์กร เกษตรกรผู้ผลิตและจำหน่ายลำไยอบแห้ง บน หนว่ ยงานต่าง ๆ เพื่อเพ่ิมคุณภาพและปริมาณ ความสัมพันธ์ในลักษณะเครือขา่ ยสมาชิก เป็น ของผลผลิตลำไย เพอื่ ลดต้นทุนและเรียนรู้การ ความสัมพันธ์ในแนวราบ สมาชิกมีความรู้สึก ใช้เทคโนโลยี การเพาะปลูกที่ปลอดภัยต่อ เท่าเทียม ผูกพันเหมือนเป็นญาติมิตร มี ผู้บริโภค เป็นมิตร กับส่ิงแวดล้อม การพัฒนา ความรู้สึกเป็นเจ้าของและสุขใจ เต็มใจ ที่จะ กระบวนการผลิตจนถึงการแปรรูปอย่างมี เข้าร่วมทำกิจกรรมของกลุ่ม รวมถึง กิจกรรม ประสิทธ ิภาพ มีกิจกรรมการประชุ ม ส่วนตัวของสมาชิก 3. เกิดการพัฒนาระบบ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างสมาชิกเครือข่าย เศรษฐกจิ ชุมชนที่สมดลุ และยตุ ิธรรม การสร้าง ผู้ผลิตลำไยอบแห้ง มีกิจกรรมการพัฒนา มาตรฐาน ของสินค้า และความสัมพันธ์ต่อ เทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิต การบรรจุ พ่อค้าและร้านค้าเครือข่าย ทำให้มีเครดิต ภัณฑ์ โดยการให้ความสำคัญกับคุณภาพของ ความน่าเชื่อถือที่เกิดขึ้น และเพิ่มอำนาจ ใน ผลผลิต และการบริหารจัดการผลผลิตและ การต่อรองด้านราคา ที่พ่อค้ายอมที่จะจ่าย การจำหน่าย โดยสมาชิกเครือข่ายช่วยกัน เพิ่มเติม แต่มีความแน่นอนในมาตรฐานสินค้า ประสานงานกับลูกค้าที่ตนเองมีอยู่ ไม่ว่าจะ ทำให้ทุกฝ่าย มีความพึงพอใจในการ ดำเนินการร่วมกัน สอดคล้องกับ ชาญชัย สุข

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 77 สกุล (2555) ได้ทำการวิจัยเรื่องการพัฒนา 1.1 หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน รูปแบบการจัดการการตลาดธุรกิจชุมชนเพื่อ หรือองค์กรธุรกิจ ควรสนับสนุนเครือข่าย การพึ่งพาตนเอง ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ผ้ผู ลติ ลำไย ให้มคี วามเข้มแข็ง ด้วยการจัดสรร พบว่า ประสบความสำเร็จเพราะชุมชนมีส่วน งบประมาณสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของ ร่วมกันเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาด โดย กล่มุ การจดั หาแหล่งทุนอัตราดอกเบ้ียต่ำ เพ่ือ เริ่มจากการตั้งองค์กร มีการแบ่งงานกันทำ ส่งเสริม ให้มีการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ ตามความถนัดของบุคคล เมื่อเข้ามาร่วมกัน รายยอ่ ยมากขนึ้ เป็นเครือข่าย ต่างได้รับผลประโยชน์ที่ที่ไม่ใช่ เรื่องเงิน หรือการเพิ่มรายได้เพิ่มกำไรอย่าง 1.2 หนว่ ยงานราชการ องค์กรปกครอง เดียว แต่เป็นการรื้อฟื้น วัฒนธรรม ของความ ท้องถิ่น ควรบรรจุแผนการส่งเสริมและพัฒนา เอื้ออาทรกันแบบเครือญาติ การช่วยเหลือ กลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตลำไยอบแห้ง ให้อยู่ใน พึ่งพาอาศัยกัน และการบริหารแบบเครือข่าย แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาในระยะยาวของ กลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อ หน่วยงาน เพราะเป็นสินค้าท่ีถือเปน็ อัตลักษณ์ มาตรฐานคุณภาพสินค้า ความเสี่ยงในการ และจดุ เดน่ ของชุมชน จัดการ ของเสียที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ท ำ ใ ห ้ เ ค ร ื อ ข ่ า ย ผ ู ้ ผ ล ิ ต ล ำ ไ ย อ บ แ ห ้ ง เ ป็ น 2. ข้อเสนอแนะต่อการวจิ ัยและพฒั นา เครือข่ายทีช่ ่วยแก้ไขปัญหา ของเกษตรกรและ 2.1 ชุมชนควรมีการประสานกับ มแี นวโนม้ ของความย่ังยนื สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย ในการใช้ กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบ มีส่วน องคค์ วามรูท้ ไ่ี ดร้ ับจากการวิจัย ร่วมกับเครือข่ายผู้ผลิตลำไยอบแห้ง เพื่อ จากการวิจัยพบว่าองค์ความรู้คือการ วางแผนพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชนด้านการ ผลิตและจำหน่าย และปฏิบัติร่วมกันอย่าง สร้างเครือข่ายเป็นการรวมกำลังเพื่อให้เกิด ต่อเน่ือง ความเข้มแขง็ และเกิดเป็นอำนาจต่อรองในการ 2.2 ชุมชนควรมีการพัฒนาและใชส้ ่อื ซื้อและขายผลผลิตทางการเกษตร ไม่ให้เกิด และเทคโนโลยดี จิ ติ ลั การทำตลาดออนไลน์ ให้ การเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง เกิดกลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตและ จำหน่ายลำไย เกษตรกรในชมุ ชนไมต่ ้องแข่งขันการขายสินค้า อบแหง้ หรอื ตดั ราคาขายกันเอง แต่เป็นการร่วมมือกัน 2.3 ควรมีการศึกษาวิจัย เพื่อพัฒนา ท่สี ร้างความสัมพันธ์ในระดับหน่ึงของชุมชนให้ เทคโนโลยีทางชีวภาพในการผลิตลำไย เพื่อให้ เกิดความรักและสามัคคีกัน และพร้อมที่จะ ผลผลิตลำไยติดผลและสุก ไม่พร้อมกัน ที่ลด พัฒนาชุมชนให้มีความก้าวหน้า เข้มแข็งและ ต้นทุนและผลผลิตมีคุณภาพ สามารถให้ พง่ึ พาตนเองได้ ผลผลิตหมุนเวียนกันได้ตลอดปี รวมถึงการ พฒั นา เทคโนโลยีเคร่ืองอบลำไย และห้องเย็น ข้อเสนอแนะ โดยมุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนการผลิต เช่น 1. ข้อเสนอแนะทางนโยบาย การวิจัยเพอื่ ใชพ้ ลงั งานทางเลือก

78 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) แหล่งอ้างอิง ชาญชัย สุขสกุล. (2555). การพฒั นารูปแบบองค์กรเครือข่ายการท่องเทยี่ ว โดยชุมชนบนพ้ืนที่สูง จงั หวดั เพชรบรู ณ์. เพชรบูรณ:์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบูรณ์. ทานตะวนั อนิ ทร์จันทร์. (2546). การมีสว่ นร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนย่อย ในเขต เทศบาลเมืองลำพนู . เชยี งใหม่: บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ศนู ยธ์ รุ กิจสมั พนั ธ์. (2561). สถิติสง่ ออกผลไม้ไทยไปจีนปี 2560 ลำไยอบแห้งโตกวา่ 90%. สบื ค้น 18 กรกฎาคม 2562, จาก https://globthailand.com/chaina_0215 เสรี พงศ์พิศ. (2548). เครือข่ายยุทธวิธีเพื่อประชาคมเข้มข้น ชุมชนเข้มแข็ง. กรุงเทพฯ: สถาบัน ส่งเสริมวิสาหกจิ ชุมชน. สำนักงานพาณชิ ย์จังหวัดเชยี งใหม่. (2562, 23 กรกฎาคม). สถานการณ์ลำไยเชียงใหม่ ปกี ารผลิต 2562 เป็นที่น่าพอใจ มีคุณภาพ และขายได้ราคาดี. เชียงใหม่นิวส์. สืบค้น 25 พฤศจิกายน 2563 , จากhttps://www.chiangmainews.co.th/page/archives/ 1065946

Received: 2021-01-20 Research Articles Revised: 2021-04-13 Accepted: 2021-04-17 การจดั การกองทุนหมบู่ ้านทาสองทา่ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จงั หวัดลำพนู THASONGTHA VILLAGE FUND MANAGEMENT FOR THE ECONOMIC STRENGTHENING OF THE COMMUNITY, THAPLADUK SUB-DISTRICT, MAETHA DISTRICT, LAMPHUN PROVINCE วนั เพญ็ ชน่ื ใจ 1 Wanpen Chaunjai สง่ เสริม แสงทอง 2 Songserm Saengthong Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคดั ย่อ บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาบริบทชุมชนหมู่บ้านทาสองท่า การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน และการทำงานของคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมของสมาชิกเพื่อพัฒนาทุนทางสงั คม 2) เพื่อศึกษาการจัดการ กองทุนหมู่บ้านในการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนสู่การพึ่งพาตนเอง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากรทีใ่ ช้ในการ วิจัยคือ สมาชิกกองทุนหมู่บ้านทาสองท่า จำนวน 30 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบสัมภาษณ์และ แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลเนื้อหาที่เชื่อมโยงกันและรายงานผลการวิจัยอย่างเป็น ระบบ ผลการวิจยั พบวา่ 1.ชมุ ชนหมู่บ้านทาสองท่ามีการจัดตั้งกองทุนหมูบ่ ้านโดยคณะกรรมการกองทุนทำหน้าที่บริหารจัดการ กองทุน คณะกรรมการและสมาชิกกองทุนร่วมกันเรียนรู้ต่อการพัฒนาทุนทางสังคมที่มีอยู่ในท้องถิ่น ทำให้ กองทุนมีความเข้มแข็ง ส่งเสริมเงินออมของสมาชิก และนำเงินไปให้กับสมาชิกได้กู้ยืมและนำไปใช้เพื่อการ พัฒนาอาชีพ สร้างงาน ให้สมาชิกของกองทุนมีเงินทนุ หมุนเวียนเมื่อเกิดภาวะที่จำเป็น รวมถึงการส่งเสริมดา้ น การศึกษาให้กับบุตรหลานของสมาชกิ กองทุน 2.การจดั ตัง้ กองทนุ หมบู่ า้ นทาสองท่าเป็นการสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชนเพ่ือการพัฒนาคณุ ภาพชีวิตให้ดี ขน้ึ แก้ไขปญั หาจากการกู้หน้ีนอกระบบทสี่ ่งผลกระทบตอ่ จิตใจของสมาชิก ให้สมาชกิ ไม่เป็นหน้นี อกระบบต่อไป ด้วยการปรับวิธีคิด รวมถึงจัดระเบียบชีวิตในรูปแบบใหม่เพื่อความสมดุล เกิดขวญั และกำลังใจ มีเงิน มีงาน มี ความสุข ส่งผลให้เกิดการพึ่งพาตนเองตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความอยู่รอด พอเพียง เกิดความ สมดุลม่ันคงอย่างยั่งยืนของการดำเนินชวี ิตท่สี มบูรณ์ คำสำคญั : กองทนุ หมู่บา้ น, การจดั การ, เศรษฐกิจชมุ ชน 1 นักศกึ ษาหลักสูตรศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการพัฒนาท้องถิ่นแบบบูรณาการ สถาบันการเรียนรู้ เพอ่ื ปวงชน, ปีการศึกษา 2563 2 อาจารยป์ ระจำ สาขาวชิ าบา้ นและชมุ ชน ภาควชิ ามนุษยสมั พนั ธ์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่

80 วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ABSTRACT The objectives of the research were 1) To study the context of the Thasongtha village community and village fund establishment and management of the board and members' participation in learning to develop social capital and 2) To study the village funds management for the promotion of the community economy towards self-reliance. The research population was 30 people of the Thasongtha village fund. The research instruments are the interview guideline and group recording discussion in order to conduct a systematic analysis of the content that is linked together and report the research results. The research results were found that; 1. Thasongtha village community established a village fund by the fund committee is responsible for managing the fund. The committee and fund members join together to learn about the development of local social capital. Strengthening the fund Promote members' savings. The funds are given to members to borrow and use for career development, creating jobs, giving members of the fund to have working capital when necessary. Including promoting education for children of fund members. 2. Establishment of the Thasongtha village fund is to promote community economy for the development of better quality of life and to solve problems from informal debt borrowers that affect the members' minds. The members are not continued to owe the informal debt by adjusting their thinking including organizing life in new ways for balance, having encouragement, money, work, happiness, resulting in self-reliance according to the principle of sufficiency economy for sufficiency to survive, achieve a stable and sustainable balance of healthy living. Keywords: village fund, management, community economy บทนำ สร้างรายได้และลดรายจ่าย บรรเทาความ พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและ เดือดร้อนเร่งด่วนของคนในชุมชน เป็นแหล่ง รับฝากเงินจากสมาชิก และจัดหาทุนจาก ชุมชนเมอื งแห่งชาติ เลม่ ที่ 121 ตอนพิเศษ 85 แหล่งอื่น รวมถึงการพัฒนาความรู้ คุณภาพ ก. ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 30 ธันวาคม ชีวิต สวัสดิภาพและสวัสดิการของสมาชิก พ.ศ. 2547 สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและ กองทนุ ตามวัตถุประสงคท์ วี่ างไว้ ชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ตามมาตรา 5 ได้ กำหนด หนึ่งกองทุนของหมู่บ้านได้หมู่บ้านละ กองทุนหมู่บ้านทาสองท่าจัดตั้งขึ้นในปี 1 กองทุน เรียกว่า “กองทุนหมู่บ้าน” มี พ.ศ. 2551 มีรหัสกองทุน 51020107 เลขที่ คณะกรรมการผู้จัดตั้งกองทุนหมู่บ้านที่ได้รับ 55 หมู่ 7 ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา การคัดเลือกจากสมาชิก โดยมีวัตถุประสงค์ จงั หวัดลำพนู โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ ประกอบด้วย ของการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านประกอบด้วย 1) เปน็ แหลง่ เงินทุนหมุนเวียนให้กบั สมาชิก 2) เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมด้านการออมทรัพย์ 3) เป็นแหล่งเงนิ กู้

วารสารปัญญา ปีท่ี 28 ฉบับท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 81 และ 4) เป็นศูนย์เรียนรู้และการพัฒนาตนเอง ชีวิตแบบธรรมชาติที่ได้จากการเรียนรู้ ด้วย ขยัน ประหยัด อดทน รู้จักตนเองและยึดหลัก ประสบการณ์ ได้จากการสั่งสอน เกิดเป็นพลัง ตามแนวทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ที่เรียกว่า “ ศักยภาพ” ที่เปลี่ยนแปลงมาเป็น กองทุนที่บริหารจัดการด้านเงินแล้ว ยังมี “การกระทำ” เกิดเป็นพลังที่สร้างสรรค์ สวัสดิการให้กับสมาชิก เช่น ความช่วยเหลือ เพื่อให้ตนเองและชุมชนสามารถดำเนินชีวิต ผู้สูงอายุ ค่าเดินทาง/ค่ารักษา คนพิการ คน และนำไปใชเ้ พื่อการพึ่งพาตนเองได้ ด้อยโอกาสในชุมชน เน้นการพึ่งตนเอง ด้วย ทุนของตนเอง ต่อการจัดการกองทุนหมู่บ้าน ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงสนใจในการ หรือการพัฒนาบนพ้นื ฐานของการมสี ว่ นร่วมที่ ศึกษาวิจัยในเรื่อง การจัดการกองทุนหมู่บ้าน สอดคล้องกับหลักการพึ่งพาตนเองของชุมชน ทาสองท่าเพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน เพื่อ กองทุนหมู่บ้านดำเนินงานจากคณะกรรมการ ศึกษาบริบทชุมชนบ้านทาสองท่า แนวคิดของ ที่เป็นคนดี มีความรู้ และประสบการณ์ การบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้าน การศึกษา เสียสละและมีความรับผิดชอบ มีส่วนร่วมใน ความสำเร็จจากกองทุนต้นแบบ การมีส่วน กิจการของกองทุน ให้ความร่วมมือกิจกรรม ร่วม การพัฒนากองทุนให้เกิดการสร้างเสริม การเรียนรู้ ในลักษณะเครือข่ายกองทุน เศรษฐกิจชุมชนด้วยการน้อมนำหลักปรัชญา หมู่บ้าน และมีแนวโน้มของพัฒนากองทุน เศรษฐกิจพอเพียง สู่การพัฒนาด้านคุณภาพ หม ู ่ บ ้ าน ให ้ สา ม าร ถ พ ึ ่ ง พาต นเ อง ได้ อย ่ า ง ชีวิต อาชีพ การศึกษาและสุขภาพ ให้สามารถ ตอ่ เน่ือง พึง่ พาตนเองได้ การสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน จากการ วัตถปุ ระสงค์ มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ นำไปสู่การพึ่งพา 1. เพื่อศึกษาบริบทชุมชนหมู่บ้านทา ตนเอง ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง การใช้ทุนทางสังคม ทุนทางปัญญา และทุน สองท่า การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและการ ทางทรัพยากรธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น มีการ จัดการของคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมใน ปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาของ การเรียนรขู้ องสมาชิกเพ่ือพัฒนาทุนทางสังคม ชุมชนในด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นทางออกให้กลุ่ม หรือชุมชนมีความอยู่รอด ด้วยการปรับวิธีคิด 2. เพื่อศึกษาการจดั การกองทุนหมบู่ า้ น รวมถึงจัดระเบียบชีวิตในรูปแบบใหม่เพ่ือ เพ่ือส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนสู่การพึ่งพาตนเอง ความสมดุล การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จาก การซื้อทั้งหมดเปลี่ยนเป็นการทำเอง การ วธิ ีดำเนินการวจิ ยั เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ด้วยการใช้ความคิดที่เป็น 1. กลุม่ ประชากรแบบเจาะจง ระบบในการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เพื่อ ผู้วิจัยเลือกกลุ่มประชากรแบบเจาะจง เชื่อมโยงกันรวมถึงการใช้ภูมิปัญญามาใช้ให้ เกิดเป็นรากฐานของนำไปสู่การพัฒนาขยาย จำนวน 30 ราย โดยคัดเลือกจากสมาชิกและ และเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปมีการจัดการ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านทาสองท่า และ กลุ่มสนทนาที่ ใช ้ ในการว ิ จัย ได้ แก่ คณะกรรมการบริหารกองทุนจำนวน 11 ราย สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 16 รายและ

82 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกองทุน 2.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล จำนวน 3 ราย ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสัมภาษณ์กลุ่มประชากร ด้วยแบบ 2. เครื่องมือท่ีใช้ในการวจิ ยั สัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่ม จาก 2.1 เครื่องมือรวบรวมข้อมูล คณะกรรมการกองทนุ หมู่บา้ นทาสองท่า ก า ร ว ิ จ ั ย ค ร ั ้ ง น ี ้ ใ ช ้ แ บ บ ส ั ม ภ า ษ ณ์ 3. การวิเคราะหข์ ้อมูล (Interview) มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการ ผู้วิจัยทำการวเิ คราะหข์ ้อมูล มีลำดับ สัมภาษณ์ และมีขั้นตอน คือการกำหนดวัน ขั้นตอนและสรุปได้ดังนี้ เวลา และสถานที่ เพ่ือสมั ภาษณผ์ ใู้ ห้ข้อมลู จด 3.1การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ บันทกึ บันทกึ เสยี งการสัมภาษณ์และนำข้อมูล เพอ่ื หาแนวความคิดเห็นจากผู้ให้สมั ภาษณ์ นำ ที่ได้มาวิเคราะห์ ตามระเบียบวิธีวิจัยเชิง ข้อมูลที่ได้รับมาดำเนินการ วิเคราะห์และ คุณภาพ (Qualitative Research) และการ ประเมินผล รวมถงึ การสนทนากลุ่มนำไปสู่การ สนทนากลุ่ม (Focus Group) นำข้อมูลจากทัง้ สรุปงานวิจัย โดยมดี ำเนนิ การดงั น้ี 2 ส่วนมาวิเคราะห์ เพื่อให้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ตอนท่ี 1 สัมภาษณ์ถึงบริบทชุมชนของ ด้วยรูปแบบและเนื้อหา การศึกษาเอกสาร หมู่บ้านทาสองทา่ รวมถึงข้อมูลพน้ื ฐานทั่วไป บทความ ตำราทางวิชาการ แนวคิดทฤษฎี การเปน็ สมาชกิ ของกองทนุ หมู่บ้าน การ และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จัดทำเป็นแบบ ส่งเสรมิ เศรษฐกจิ ชุมชนของกองทุนหมูบ่ ้าน สัมภาษณ์โดยแบ่งออกเป็น 6 ตอน ดงั นี้ และการพงึ่ พาตนเองของสมาชิกกองทุน ตอนที่ 1 เป็นแบบสัมภาษณ์ ถึงบริบท ตอนที่ 2 การสนทนากลุ่มด้าน การ ชมุ ชนของหมู่บา้ นทาสองท่า รวมถึงข้อมลู บริหารจดั การกองทนุ ทาสองท่า ภาวะของผู้นำ พ้นื ฐานท่วั ไป การมสี ่วนรว่ มในการเรียนรู้ การบริหารจัดการ ตอนที่ 2 เป็นแบบสัมภาษณ์ประโยชน์ ของกองทุนหมู่บ้าน ระบบและกิจกรรมที่ ของการจัดตั้งกองทุนหม่บู ้าน คำถามแบบ เกดิ ข้ึนที่เอ้ือประโยชน์ในการพัฒนากองทุนให้ ปลายเปิด พง่ึ พาตนเองได้ ตอนท่ี 3 เป็นแบบสัมภาษณ์การ ตอนที่ 3 ปัญหาอปุ สรรคและ ส่งเสริมเศรษฐกจิ ชุมชนของกองทนุ หมู่บ้าน ขอ้ เสนอแนะ เพื่อนำผลทไี่ ด้ จากการ คำถามแบบปลายเปิด สมั ภาษณ์และการสนทนากลุ่มส่กู ารวิเคราะห์ ตอนที่ 4 เป็นแบบสัมภาษณ์การพึ่งพา หาข้อมูลที่ได้จากข้อมลู ทั้งหมด ด้วยวธิ กี าร ตนเองของสมาชิกกองทุน คำถามแบบ วเิ คราะห์เน้ือหา (Content Analysis) ใน ปลายเปดิ รปู แบบของการวิจยั ต่อไป ตอนที่ 5 เป็นการสนทนากลุ่มในการ บริหารจัดการกองทนุ ทาสองท่าโดยคณะ สรุปผลการวจิ ัย กรรมการบรหิ ารกองทนุ 1. บริบทชุมชนของหมู่บ้านทาสองท่า ตอนท่ี 6 ปัญหาอุปสรรคและ ข้อเสนอแนะ รวมถึงข้อมูลพื้นฐานทั่วไป พบว่า เป็นหมู่บ้าน

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 83 ที่อยู่ใน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัด ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน ลำพูน มีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ เป็นพื้นท่ี ประกอบดว้ ย การใช้ บุคคล ดนิ น้ำ ลม ปัจจัย ภูเขา ป่าไม้ และมีพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ขนาน 4 เงินทุน และความรู้สู่การพัฒนาให้ชุมชน กับแม่น้ำแม่ทาและที่ราบตามหุบ พื้นที่ราบมี สามารถพึ่งพาตนเองได้ 4) การพึ่งพาตนเอง ความอุดมสมบรู ณ์เหมาะสำหรับการเพาะปลูก ด้านเทคโนโลยี เครือข่ายมือถือ อินเทอเน็ต และการทำเกษตรกสกิ รรม เพื่อให้เกิดการปรับตัว เข้าใจและทันต่อการ เปลี่ยนแปลงของยุคปัจจุบัน และ 5) การ 2. การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน พบว่า พึ่งพาตนเองด้านเศรษฐกิจ ด้วยการแก้ไข กองทุนหมู่บ้านเป็นสถาบันการเงินของชุมชน ปัญหา ด้านการเงิน หนี้สิน การส่งเสริมการ ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนให้กับ ลงทุน จากการหาแหล่งเงินทุนในอัตรา สมาชิก ได้กู้ยืมเงิน การออมทรัพย์ และ ดอกเบ้ียทต่ี ่ำสุดให้กับชาวบ้าน นำไปใช้พัฒนา กองทุนหมู่บ้านทำหน้าท่ีสนับสนุน ให้สมาชิก ด้านอาชีพ ต่อยอด มีรายได้เพิ่มมากขึ้น จาก นำเงินไปใช้แก้ไขปัญหา เกิดความรู้และเข้าใจ การพึ่งพาตนเองทั้ง 5 ด้าน พบว่า ส่งผลต่อ ปรับแนวคิดและวิธีการ เพื่อให้ตนเองและ การดำเนินการและการพัฒนาให้กองทุน ครอบครัวสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมี หมู่บ้านเป็นกองทุนที่มีจุดยืน มีเป้าหมายและ ความสุข สร้างประโยชนใ์ ห้กับสว่ นรวม เป็นชุมชนทไ่ี ม่มี หนี้สินจากเงินนอกระบบ มีปัจจัยสี่มีสมบูรณ์ การส่งเสริมเศรษฐกิจชมุ ชนของกองทุน พร้อมของชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ สัมพันธ์ หมู่บ้าน พบว่า การสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน กับสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสมกับคน สังคม ด้วยการเป็นศูนย์กลางให้ความรู้ พัฒนาอาชีพ ธรรมชาติรอบตัว มีสวัสดิการและความมั่นคง หลักและอาชีพเสริม ด้วยการเชิญวิทยากร ในชวี ติ ในปจั จบุ ัน ด้านการพัฒนากองทุนหมู่บ้านจากอำเภอ โรงงานและฟาร์มนมที่ตั้งในชุมชน มาให้ การบริหารจัดการกองทุนทาสองท่า ความรู้ในด้านคุณภาพของนม การรับซื้อและ โดยคณะกรรมการบริหารกองทุน พบว่า การเลี้ยงโคนมให้ได้น้ำนมอย่างมีคุณภาพเข้า คณะกรรมการบริหารกองทุนหมู่บ้าน เกิดจาก มาอบรมและใหแ้ นวทางกับสมาชิกของกองทุน การคัดเลือกของสมาชิกในกองทุน ด้วย และพาคณะกรรมการกองทุนรวมถึงสมาชิก คณุ สมบัติ ประกอบด้วย เป็นคนดีมีศีลธรรม มี ศึกษาดูงาน ของกองทุนหมู่บ้านที่ประสบ จิตใจเมตตา ยอมรับจากเสียงส่วนใหญ่ มี ผลสำเรจ็ สามารถพงึ่ พาตนเองได้ จุดยืนต้องเป้าหมาย มีวิสัยทัศน์ รวบรู้และ เชี่ยวชาญ ทำหน้าที่การบริหารจัดการด้วย การพึ่งพาตนเองของสมาชิกกองทุน ความรอบคอบ ช่วยเหลือกันโดยไม่เกี่ยงว่า พบว่า การพึ่งพาตนเองประกอบด้วย 1) ไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง รวมถึงให้สมาชิกมีส่วน ทางด้านจิตใจ ให้ประกอบอาชีพด้วยความ ร่วมใน ลงมิติที่เกี่ยวข้องกับกองทุน แสดง เพียร สนใจด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ 2) การ ความเห็น เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคน มีส่วน พึ่งพาตนเองด้านสังคม เป็นการเกื้อหนุนแบ่ง ร่วมในการเรียนรู้ คิดและทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยเหลอื ซ่งึ กันและกัน แบง่ ปันกนั โดยไม่หวัง ผลตอบแทน 3) การพึ่งพาตนเองด้าน

84 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) เพราะข้อตกลงของกองทุน คือการมีส่วนร่วม สำนักงานหรือที่ตั้งของกองทุนอย่างชัดเจน ของสมาชิกทุกคนร่วมเป็นเจ้าของกองทุน เข้า โดยคณะกรรมการมีอำนาจตรวจสอบ ดูแล ร่วมประชมุ อยา่ งสมำ่ เสมอ จัดสรรรายได้หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงิน ของกองทุนหมู่บ้าน ด้วยเงื่อนไขและรูปแบบ ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ มีการรายงานผลการดำเนินการ ปัญหาและ พบวา่ การตดิ ต่อส่ือสารในชว่ งของโควิด 19 ท่ี อุปสรรค รวมทั้งฐานะการเงินของกองทุน คณะกรรมการบางสว่ นไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่ม หมู่บ้าน โดยมีหลักการสำคัญของกองทุน สนทนาได้และข้อจำกดั ของการเข้าร่วมประชุม หมู่บ้านและ การมีส่วนร่วมของประชาชนใน เมื่อไปยังเครือข่ายหรือพื้นที่อื่น ๆ ท่ี ชุมชนและคณะกรรมการกองทุน สู่ความ คณะกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมได้ใน เข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับ เสรี พงศ์พิศ ระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินงานการ (2554, น. 89-90) กล่าวว่าทุนทางสังคมทุน วางแผนเกิดความล่าช้า ต้องรอเวลาจนกว่า ทางสังคมที่มีความสำคัญและนำไปพัฒนาต่อ สถานการณ์จะกลับมาเหมือนเดมิ ยอด ในทางเศรษฐกิจชุมชน เป็นการพัฒนา ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และถ่ายทอด อภปิ รายผลการวจิ ัย ความรู้ประสบการณ์รวมถึงการพัฒนาเงินทุน จ า ก ก า ร ศ ึ ก ษ า ก า ร จ ั ด ก า ร ก อ ง ทุ น อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การสร้าง งาน อาชีพ การดำเนินชีวิตของสมาชิกใน หมู่บ้านทาสองท่าเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ปัจจุบัน และการโน้มนำปรัชญาเศรษฐกิจ ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต สอดคล้องกับ จากการอภิปรายผลการวิจัยเพื่อสรุปหา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ คำตอบจากคำถามวิจยั กองทนุ หมูบ่ ้านทาสอง และส ั งคมแห ่ งช าต ิ (2559) กล ่ าว ว่ า ท่า เกิดประโยชนต์ ่อชมุ ชน ดังตอ่ ไปนี้ ความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิด ความเชื่อมั่น ศรัทธา มีจุดยืนทางความคิด 1. การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและการ ส่งเสริมการรวมกลุ่มและสร้างจิตสำนึกให้ จัดการของคณะกรรมการ การมีส่วนร่วมใน ชุมชนพึ่งพาตนเองยอมรับในศักยภาพของกัน การเรียนรู้ของสมาชิกเพื่อพัฒนาทุนทางสงั คม และกัน มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของชุมชน พบว่า กองทุนหมู่บ้านทาสองท่า จัดตั้งขึ้นใน ร่วมการพึ่งพาตนเองด้านสังคม การประสาน พ.ศ. 2551 รหัสกองทุน 51020107 โดย ความร่วมมือทั้งใจและกาย เพื่อให้การทำงาน คณะกรรมการของกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 11 บรรลุเป้าหมาย อย่างสมบูรณ์ได้ด้วยตนเอง ร า ย ท ี ่ ม า จ า ก ก า ร เ ล ื อ ก ต ั ้ ง ข อ ง ส ม า ชิ ก เกิดความร่วมมือของชาวบ้านในชุมชนท่ี สอดคล้องกับ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและ ช่วยเหลือกัน ให้สามารถพึ่งตนเองใน ชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) (2547) ตาม ครอบครัวได้ ยังพบว่า กองทุนหมู่บ้านทาสอง มาตรา 3 เป็นกองทุนที่หมู่บ้านจัดตั้งขึ้นอย่าง ท่า เป็นศูนย์เรียนรู้ ที่ชุมชนเรียนรู้และนำไปสู่ ถูกต้องตามกฎหมาย มีคณะกรรมการที่มี การพัฒนาชุมชน สอดคล้องกับ โกวิทย์ พวง คุณสมบัติ ประกอบด้วย กรรมการที่เป็นผู้ บรรลุนิติภาวะ มาจากการคัดเลือกจากเสียง ส่วนใหญ่คือสมาชิกกองทุน มีสมาชิก และมี

วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 85 งาม (2553, น. 255-257) กล่าวว่า ชุมชนแห่ง ประกอบ ด้วยการตดั สนิ ใจ อย่างมีขั้นตอนการ การเรียนรู้ สมาชิกช่วยกันเรียนรู้หรือเรียนรู้ ปฏิบัติการ และมีการรับผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นกลุ่ม รับรู้ข่าวสารด้านเศรษฐกิจ สังคม และ ณรงค์ วารีชล (2551, น. 6) กล่าวว่าการ การเมือง ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มีส่วนร่วมในลักษณะตัวบุคคล มีความสำคัญ เทคโนโลยี ที่ส่งผลต่อการดำเนินการและการ ในรูปแบบขบวนการที่สร้างพื้นฐาน มี พัฒนาให้กองทุนหมู่บ้านเป็นกองทุนท่ีพึ่งพา กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ถ่ายทอดความรู้ สร้าง ตนเองสอดคล้องกับ เสรี พงศ์พิศ (2551, น. ผลประโยชน์และชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน 3-4) กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านคือ เงินทุนที่คน เน้นเรื่องหลักการยอมรับการมีส่วนร่วมของ ในหมู่บ้านนำมารวมกัน มีความเชื่อมโยง ประชาชนและผู้เสียเปรียบในสังคม และ สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม การอยู่ร่วมกัน และ สอดคล้องกับ ยุพิน ระพิพันธุ์ (2544, น. 21) ใช้ทุนจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีในท้องถ่ิน กล่าวว่าการมีส่วนร่วมและแบ่งการมีส่วนร่วม ประกอบด้วย ดิน น้ำ ป่าไม้ อากาศ ทุนทาง ออกเป็น 4 แบบ ดังน้ี 1) การมีส่วนร่วมร่วม ปัญญา เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความคิด ประชุม 2) การมีส่วนร่วมออกเงิน 3) การมี และภูมิปัญญา พง่ึ พาช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่าง ส่วนร่วมเป็นกรรมการ 4) การมีส่วนร่วมเป็น คนในชุมชน จัดการปัญหาและความเสี่ยงท่ี ผู้นำ ซึ่งปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านทาสองท่าได้ อาจเกิดขึ้น การมีผู้นำหรือประธานกองทุน ดำเนินการและบริหารจัดการจากสมาชิกของ หมู่บ้านทาสองท่า พบว่า ควรเปน็ บุคคลท่ีมาก กองทุน ด้วยความสามารถและตั้งใจเพื่อให้ ด้วยประสบการณ์ มีวัยวุฒิและคุณวุฒิท่ี กองทุนของหมู่บ้านเป็นสถาบันด้านการเงินที่ เหมาะสม เสียสละพร้อมที่จะทุ่มเทต่อการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและด้านความรู้ให้กับ ทำงาน มีจดุ ยนื กลา้ คิด กล้าทำ กลา้ แสดงออก บุคลากรและสมาชิกของกองทุน นำไปใช้ บทบาทการเป็นผู้นำ ต่อการบริหารจัดการมี เพื่อให้เกิดการพัฒนาของตัวสมาชิกเองรวมถึง ความสำคัญต่อการพัฒนายกระดับคุณภาพ ชมุ ชนเพ่ือการพัฒนาทุนทางสงั คม ชีวิตของกลุ่มสมาชิก เป็นบุคคลผู้ซึ่งมีพรม วิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา 2. เพ่ือศกึ ษาการจัดการกองทุนหมู่บ้าน รวมถึงเป็นบุคคลผู้ซึ่งเดินทางสายกลาง เพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชนสู่การพึ่งพา ส่งเสริมให้คณะกรรมการและสมาชิกของ ตนเอง พบว่า การสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน กองทุน ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และ คือการพัฒนาด้านอาชีพซึ่งสอดคล้องกับ คณะกรรมการมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ บริหารจัดการกองทุน ตามหลักประชาธิปไตย และสังคมแห่งชาติ (2559) มีการส่งเสริมด้าน กล้าคิด กล้าแสดงความเห็น ลงมิติถือความ การประกอบอาชีพในระดับชุมชน สนับสนุน เป็นเอกฉันท์ ชัดเจน ส่งผลให้กระบวนการ ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนให้ความรู้ในการบริหาร บริหารและการทำงานมีประสิทธิภาพ จัดการทางการเงินแก่สมาชิก มีการพัฒนา สอดคล้องกับ ทานตะวัน อินทร์จันทร์ (2546, อาชีพด้านเกษตรกรรม การผลิต บริโภคและ น. 19) กล่าวถึงลักษณะของการมีส่วนร่วม ดา้ นการบริการ การมีสว่ นร่วมของสมาชิก ตอ่ การแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจของชุมชน

86 วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม –เมษายน 2564) ด้วยการใช้ “ทุนของชุมชน” ที่ประกอบด้วย ชุมชนหมู่บ้านมีเศรษฐกิจดีขึ้น สอดคล้องกับ เงินทุน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และทรัพยากรใน รพีภัทร์ สุขสมเกษม (2559) กล่าวว่าการ ท้องถิ่น มีการแบ่งปันผลประโยชน์จากการ ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน มีปัจจัยที่ก่อให้เกิด ลงทนุ โดยชุมชน คดิ เองและทำเอง นอกจากน้ี ความสำเร็จ ประกอบด้วย ผนู้ ำกองทุนเป็นผู้มี ยัง พบว่า การสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน การ วิสัยทัศน์ และมีมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดี รับฟัง มีส่วนร่วมต่อการจัดการทรัพยากรในชุมชนใน ปัญหาและความคิดเห็นของสมาชิก มีการ ลักษณะเป็นหุ้นส่วน การบริหารจัดการ บรหิ ารจัดการอยา่ งชัดเจนและเป็นรูปธรรม ก อ ง ท ุ น อ ย ่ า ง มี ร ะ บ บ แ ล ะ เ ป ้ า ห ม า ย ต า ม วัตถุประสงค์ เริ่มจากการนำทุนของตนเองมา สรุปได้ว่าการจัดการกองทุนหมู่บ้านทา ลงหุ้นก่อนจากน้อยเป็นมาก ให้เป็นเงินทุนตั้ง สองท่าเพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจชุมชน ตำบล ต้น จนขยายและสร้างผลกำไร การจัดการมี ทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เป็น ความชัดเจนตรวจสอบได้ มีการปรับวิธีคิดทำ ดำเนินงานบริหารกองทุนอย่างมีส่วนร่วม มี ให้ตนเอง มีกินมีใช้ ไม่ขัดสนและนำไปสู่การ คณะกรรมการกองทุนหมูบ่ ้านทำหน้าที่บริหาร ปฏิบตั ิไดอ้ ย่างเป็นจริง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน จัดการ เป็นกองทุนที่มีศักยภาพ สร้างเสริม ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม นำไปสู่การพึ่งพา ด้านเศรษฐกิจชุมชนและสังคม การประกอบ ตนเองของกองทุนหมู่บ้านทาสองท่า พบว่า อาชีพ การแก้ไขปัญหาหนี้สินจากหนี้นอก เดิมสมาชิกมีปัญหาคือการกู้หน้ีนอกระบบ ไม่ ระบบ สรา้ งงานและรายได้เพิ่มเติม สนับสนุน มีเงินทุนสำหรับการต่อยอดอาชีพ ขาดเงินใน ให้สมาชิกร่วมคิดร่วมทำ กำหนดแนวทางเพ่ือ การส่งบุตรได้ศึกษาเล่าเรียน ไม่มีความรู้ความ การพัฒนาชุมชนท้องถิ่นบนหลักการพึ่งพา เข้าใจ เพ่อื ให้ตนเองและครอบครัวอยู่รอด การ ตนเอง ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง สอดคล้อง จัดการของกองทุนหมู่บ้านในปัจจุบัน เกิดการ กับการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจชุมชน สมาชิกมี ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช การจัดระเบียบชีวิตใหม่ ไม่สร้างหนี้ใหม่ เกิด มหาราช บรมนาถบพิตร ทรงกำหนดเป้าหมาย เป็นรายได้ที่มั่นคง ทำให้เกิดการขยายตัวทาง และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน เพื่อ พัฒนา เศรษฐกิจ ทำให้สมาชิกของกองทุนผู้ที่ชอบทำ ศักยภาพตั้งแต่ ระดับบุคคล ครอบครัว และ อาชีพ ทำนา ทำสวนและเลี้ยงสัตว์มีการเงินท่ี ชุมชน โดยใช้กิจกรรมเศรษฐกิจสร้าง ดีขึ้น เป็นการบริหารจัดการเศรษฐกิจของ “กระบวนการเรียนรู้” ซึ่งจะทำให้ชุมชน ตนเองและชมุ ชนได้อยา่ งมีความสุข สอดคล้อง พึ่งตนเองได้ เพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจากฐาน กับ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชน คิด อันประกอบด้วย 1) เน้นการพัฒนาอย่าง เมือง การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน ก่อให้เกิด บูรณาการ มีคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ประโยชน์ต่อสังคมที่ก่อให้เกิดรายได้ การใช้ สอดคล้องกับศักยภาพของท้องถิ่น 2) สร้าง ทรัพยากรอย่างเหมาะสม มีการพัฒนาในด้าน ภาคีและเครือข่ายความร่วมมือ โดยมีองค์กร ของอาชีพ ชุมชนมีศักยภาพ พัฒนาทาง ชุมชนเป็นแกนกลาง 3) เริ่มการพัฒนาจาก ความคิดที่เป็นประชาธิปไตย ช่วยให้สังคม ชุมชนท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติ และให้องค์กร ชุมชนเป็นจักรกลสำคัญในการดำเนินการ

วารสารปญั ญา ปีที่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) 87 พัฒนา 4) ส่งเสริมการรวมกลุ่มชาวบ้านและ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากเดิม ปราศจากหนี้สิน การสร้างเครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อให้คนใน จากนอกระบบ มีเงินทุนหมุนเวียนให้กับ ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา 5) ใช้กิจกรรม ครอบครัว มีเงินออมที่สามารถนำมาใช้ใน เศรษฐกิจสร้างการเรียนรู้และสร้างอาชีพท่ี ภาวะที่จำเป็น ให้สมาชิกในกองทุนสามารถ หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่คนใน พึ่งพาตนเอง ไม่ต้องออกไปหางานทำที่อื่น มี ชมุ ชน และ 6) ยึดปรชั ญาการพฒั นาเศรษฐกิจ อาชีพทั้งหลักและอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ ชุมชนตามแนวพระราชดำรัส “การพัฒนา ให้กับตนเองและครอบครัว ให้สามารถดำเนิน เศรษฐกิจแบบพอเพียง” ตามขั้นตอนของ ชวี ิตได้อย่างมคี วามสุข “ทฤษฎีใหม่” รวมถึงการวางเป้าหมาย และ ดำเนินกิจการให้บรรลุเป้าหมายสอดคล้องกับ ขอ้ เสนอแนะ กาญจนา แก้วเทพ และ กนกศักดิ์ แก้วเทพ 1. ข้อเสนอเชิงนโยบาย (2530, น. 34) กล่าวว่าการพึ่งพาตนเองของ 1.1 องค์การบริหารส่วนตำบลทา กลุ่ม คือระบบที่เอื้ออำนวยให้สมาชิกในกลุ่ม สามารถดำเนินการ เพื่อตอบสนองกับ ปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ควร เป้าหมาย เป็นการดำรงชีวิตอย่างอิสระและ ส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา มั่นคง มีการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยี การ อาชีพด้านเกษตรกรรมการปลูกพืชและการ วางโครงการ รวมถึงการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เล้ียงสัตวท์ ่ีสง่ ผลต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ ชุมชน มารวมกับความรู้สมัยใหม่ ให้สามารถ ดำรงชีวิตได้ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่าง 1.2 พัฒนาชุมชนทาปลาดุกให้เป็น สมดลุ การพ่งึ ตนเองโดยใชท้ รัพยากรธรรมชาติ แหล่งของการเรียนรู้ ที่เป็นต้นแบบของการ ทมี่ ีอยใู่ นชุมชนมาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสดุ พึ่งพาตนเอง การดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง รวมถึงอนุรักษ์ภูมิปัญญาในด้านอื่นๆที่เป็น องคค์ วามรู้ทีไ่ ด้จาการวิจัย เอกลักษณ์ของชุมชน จากการวิจัยเรื่อง การจัดการกองทุน 2.ข้อเสนอแนะในการวิจยั ครั้งตอ่ ไป หมู่บ้านทาสองท่าเพื่อสร้างเสริมเศรษฐกิจ 2.1 ค ว ร ม ี ก า ร ว ิ จ ั ย ใ น เ ร ื ่ อ ง ชุมชน ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัด ลำพูน พบว่าองค์ความรู้ที่ได้รับคือแนว ความสำเร็จของการพัฒนากองทนุ หมู่บ้านจาก ทางการจัดต้องกองทุนหมู่บ้านจาก การเรียนรู้ ความสามัคคีของคนในชุมชน เพื่อ คณะกรรมการที่ดำเนินการบริหารกองทุน เป็นแนวทางต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของ ของคนในหมู่บ้านทาสองท่า ตำบลทาปลาดุก สมาชิก ที่ส่งผลต่อการพัฒนาความเข้มแข็ง อำเภอแมท่ า จังหวัดลำพูน ให้กับชุมชนทาสองท่า รวมถึงการส่งเสริม เศรษฐกิจชุมชน ในด้านอาชีพของสมาชิก 2.2 ควรมีการวิจัย การเรียนร้เู พ่ือ การสรา้ งเสริมความเข้มแข็งของการพฒั นา อาชีพเพ่ือลดการพง่ึ พาปัจจัยจากภายนอก และการใช้ทรัพยากรท่ีมีในชมุ ชนให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด

88 วารสารปัญญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม –เมษายน 2564) แหลง่ อา้ งองิ กาญจนา แก้วเทพ และ กนกศักดิ์ แก้วเทพ. (2530). การพึ่งตนเอง : ศักยภาพในการพัฒนาของ ชนบท. กรุงเทพฯ: สำนกั เลขาธิการ สมาคมคาทอลิกแห่งประเทศไทยเพ่ือการพฒั นา. โกวทิ ย์ พวงงาม. (2553). การจดั การตนเองของชุมชนและท้องถน่ิ . กรุงเทพฯ: บพธิ การพิมพ.์ ทานตะวัน อนิ ทร์จันทร์. (2546). การมีสว่ นร่วมของคณะกรรมการชุมชนในการพัฒนาชุมชนย่อย ในเขต เทศบาลเมืองลำพนู . เชยี งใหม่: บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. ณรงค์ วารีชล. (2551). การมีส่วนร่วมของกรรมการชุมชนในการพัฒนาเทศบาลสู่ “เมืองน่าอยู่” กรณีศึกษาเทศบาลตำบลบางพระ อำเภอศรีราช จังหวัดชลบุรี. ชลบุรี: วิทยาลัยการ บริหารรฐั กิจ มหาวทิ ยาลยั บรู พา. ยุพิน ระพิพันธุ์. (2544). ความรู้ ทัศนคติและการจัดการที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของ คณะกรรมการชุมชนในการจำแนกประเภทมูลฝอยที่ใช้ในชีวิตประจำวันก่อนทิ้งในเขต เทศบาลเมืองพนัส อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์). รพีภัทร์ สุขสมเกษม. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนกรณีศึกษา ช ุ ม ช น ใ น เ ข ต เ ท ศ บ า ล น ค ร ป า ก เ ก ร ็ ด จ ั ง ห ว ั ด น น ท บ ุ รี . ก ร ุ ง เ ท พ ฯ : มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. เสรี พงศพ์ ิศ. (2554 ). เศรษฐกจิ พอเพยี ง เกิดได้ ถ้าใจปรารถนา (พมิ พค์ ร้ังท่ี 2). กรงุ เทพฯ: เจริญ วิทยก์ ารพมิ พ์. เสรี พงศ์พิศ. (2551). กองทุนหมู่บ้านสวสั ดิการชุมชน (พิมพ์ครั้งท่ี 3). กรุงเทพฯ: เจริญวทิ ย์การ พมิ พ์. สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ. (2547). พระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและ ชุมชนเมืองแห่งชาติ. สืบค้น 30 ตุลาคม 2562, จาก http://www.villagefund.or.th/ uploads/gallery/image_big_5a83c4a139ebc.pdf. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 11 พ.ศ. 2555-2559. สืบค้น 16 ตุลาคม 2563, จาก https://www.nesdc.go.th/download/article/article_20160323112431.pdf

Received: 2021-03-15 Research Articles Revised: 2021-04-13 Accepted: 2021-04-17 การศึกษาความต้องการศึกษาตอ่ ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า สายปฏบิ ตั ิการ ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม A STUDY OF THE NEED TO STUDY FOR A BACHELOR’S DEGREE DEPARTMENT OF TECHNOLOGY ELECTRICAL OPERATING LINE OF NAKHON PATHOM TECHNICAL COLLEGE สุวรรณ ม่วงนวล 1 Suwan Muangnual Corresponding Author E-mail: [email protected] บทคัดย่อ บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพข้อมูลทั่วไปของสถานประกอบการและนักศึกษาใน จงั หวดั นครปฐมและเขตใกล้เคียง และ 2) เพ่อื ศึกษาความต้องการของสถานประกอบการและนักศึกษา ในจังหวัด นครปฐมและเขตใกล้เคียง เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ได้กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 12 แห่ง กลุ่มเปา้ หมาย จำนวน 48 คน ผลการวจิ ัยพบว่า 1. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญเ่ ป็นเพศชายมีอายุ 30-39 ปขี ้ึนไป มตี ำแหน่งงานบุคลากร เปน็ หน่วยงาน เอกชน สนับสนุนให้เรียนสูงขึ้นในระดับปริญญาตรี มีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้าน เทคโนโลยีไฟฟ้า ด้านเนื้อหาวิชาที่ต้องการเรียน ในภาพรวมมีในระดับมากที่สุด คือ เรื่องการวางแผนจัดการ ควบคุมงานไฟฟ้าตามมาตรฐานไฟฟ้าและมาตรฐานความปลอดภัย มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากท่ีสดุ และรองลงมา คอื การใหค้ ำแนะนำสอนงานในสถานประกอบการใหด้ ำเนินงานอย่างมีประสทิ ธิภาพ 2. ผู้ตอบแบบสอบถามนักศึกษา ระดับ ปวส.ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม เพศชาย มีระดับผลการเรียน 2.6-3.0 ผปู้ กครองประกอบอาชีพธรุ กิจสว่ นตัวมีการศึกษา ระดับประถมศึกษา ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 10,001-25,000 บาท มีสมาชิกในครอบครัว 3-4 คน ผู้ปกครองมีสถานภาพอยู่ร่วมกัน ภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในจังหวัดนครปฐม นักศึกษาไม่ได้ทำงานหรือไม่มีรายได้ พิเศษ ได้รับทราบข่าวสารข้อมูลการเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีจากคู่มือการรับสมัครนักศึกษา และมีความ ต้องการท่ีจะศึกษาต่อปรญิ ญาตรีของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม เนือ้ หาวิชาทต่ี ้องการเรียน พบว่า มีความต้องการ เน้อื หาวชิ าในระดับมากทุกข้อ ขอ้ ทม่ี คี ่าเฉล่ียมากท่ีสุดมี 2 ข้อ คอื เรือ่ งการวางแผนจดั การควบคุมงานไฟฟ้าตาม มาตรฐานไฟฟ้าและมาตรฐานความปลอดภัย และเรื่องการกำหนดตารางทดสอบแก้ไขและซ่อมบำรุงงานไฟฟ้า รองลงมา คือ เรอ่ื งการบรหิ ารจัดการดำเนินการควบคุมงานในสถานประกอบการ คำสำคัญ: ความต้องการศึกษาต่อ, สาขาวชิ าเทคโนโลยีไฟฟ้า, วทิ ยาลัยเทคนิคนครปฐม ABSTRACT The purpose of this research were 1) to study general information conditions of establishments and students in Nakhon Pathom Province and nearby districts and 2) to study the needs of establishments and students in Nakhon Pathom Province and nearby districts. This 1 รองผอู้ ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ วิทยาลยั เทคนิคนครปฐม สถาบนั การอาชวี ศกึ ษาภาคกลาง 4

90 วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – เมษายน 2564) research is a survey research. By sampling get target groups of 12 locations, target groups of 48 people. The results were as follows: 1. It was found that most of the respondents were male personnel and aged 30-39 years. A private agency encouraged them for graduation with bachelor's degree. The personnel needed and supported for further study were the personnel who had electrical technology knowledge, and the subject content desired, it In terms of content was found that, the subjects that would like to study in the overall level were at the highest level being planning, managing and controlling electrical work according to electrical standards and safety standards. The average was at the highest level and followed by giving advice and teaching work in the workplace to operate effectively. 2. General information of the respondents from the second year students of vocational college who were majoring in electrical power. Most of them were male students from Nakhon Pathom Technical College with the grade point average of 2.6-3.0. Their parents were self- employed and graduated from elementary school. The family’s average monthly income was10,001-25,000 baht with 3-4 family members. Their parents lived together and their hometown is Nakhon Pathom Province. Students are not working and had no extra income. They received information about studying in the curriculum of bachelor's degree from the student admissions guide, and they needed to study for a bachelor's degree of Nakhon Pathom Technical College and the subjects needed was found, there was a high level of demand for all subject content. The items with the highest average were the planning, management and control of electrical work according to the electrical standards and safety standards, and the schedule for testing, correction and maintenance of electrical work. Managing and job controlling in the establishments. Keywords: Requirements for further study, Electrical Technology, Nakhon Pathom Technical College บทนำ ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือ การพัฒนาประเทศไทย ตาม รองรบั การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงเป็นการใช้ จุดแข็งและศักยภาพที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ ต่อการพัฒนาประเทศเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ที่ 11 พ.ศ. 2555– 2559 โดยสำนักงาน และรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนา แห่งชาติ ได้ตระหนักถึงสถานการณ์และความ เศรษฐกิจภายในประเทศ ที่เน้นการเสริมสร้าง เสี่ยงซึ่งเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่ ความเข้มแข็งของฐานการผลิตภาคเกษตร เป็นไปอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบอย่าง และการประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลาง ชัดเจนต่อประเทศไทยทั้งเชิงบวกและลบ และขนาดย่อม ขณะเดียวกันจำเป็นต้อง ดังนั้น ทิศทางการบริหารจัดการประเทศ

วารสารปญั ญา ปที ี่ 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2564) 91 ปรับตัวในการเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจโลก อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต้องเป็น และภมู ิภาค ซ่ึงประเทศไทยมีพันธกรณีภายใต้ การจัดการศึกษา ในด้านวิชาชีพที่สอดคล้อง กรอบความรว่ มมือต่างๆ เพ่อื สามารถใชโ้ อกาส กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เกิดขึ้นและเพิ่มภูมิคุ้มกันของทุนที่มีอยู่ใน รวมทั้งแผนการศึกษาแห่งชาติ เพื่อผลิตและ สังคมไทยได้อย่างเหมาะสม พร้อมก้าวสู่ พัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพระดับฝีมือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็น ขณะเดียวกันจำเป็นต้องสร้างความพร้อม การยกระดับการศึกษาวิชาชีพให้สูงขึ้นเพื่อให้ สำหรับเชื่อมโยงด้านกายภาพ ทั้งโครงสร้าง สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน พื้นฐาน และระบบโลจิส ติกส์ ควบคู่กับการ โดยนำความรู้ในทางทฤษฎีอันเป็นสากลและ ยกระดับคณุ ภาพคน การเสรมิ สรา้ งองค์ความรู้ ภูมิปัญญาไทยมาพัฒนาผู้รับการศึกษาให้มี การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีนวัตกรรม ความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติและมี และความคิดสร้างสรรค์ ใหเ้ ปน็ พลังขับเคลื่อน สมรรถนะจนสามารถนำไปประกอบอาชีพใน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย (สำนักงาน ลักษณะผู้ปฏิบัติหรือประกอบอาชีพโดยอิสระ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม ได้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แหง่ ชาต,ิ 2555) (2553, น. 1-14) โดยคณะอนุกรรมการ กนป. ด้านการพัฒนาอาชีวศึกษา ได้มีการกำหนด ในขณะที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญด้าน นโยบายยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาใน การศึกษา คอื มุง่ เน้นให้มีการปฏิรูปการศึกษา ทศวรรษที่สอง ไว้ในนโยบายที่ 3 พัฒนา ทั้งระบบ โดยจัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาใน คุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ใหม่ตาม ทศวรรษที่สอง (2552-2561) ให้คนไทยได้ แผนยุทธศาสตร์การยกระดับมาตรฐาน เรยี นร้ตู ลอดชวี ิตอย่างมีคุณภาพตามเป้าหมาย สถานศึกษาของอาชีวศึกษา คือ การเพ่ิม หลักสามประการ คือ พัฒนาคุณภาพ ศักยภาพของสถานศึกษาอาชีวะ และสถาน มาตรฐานการศึกษาเรียนรู้ของคนไทย เพิ่ม ประกอบการเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้วิชาชีพใกล้ โอกาสทางการศึกษาเรียนรู้ที่มีคุณภาพอย่าง บ้าน และเพิ่มการเรียนการสอนในระดับ ทั่วถึง และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาค ปริญญาตรีสายปฏิบัติการ เพื่อสร้างเส้นทาง ส่วนของสังคมภายใต้กรอบแนวทางการปฏริ ูป ความก้าวหน้าในสายอาชีพ โดยได้พิจารณา การศึกษา 4 ประการ ในด้านพัฒนาคุณภาพ ความสำคัญในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้ คนไทยยุคใหม่ พัฒนาครูยุคใหม่ พัฒนา มีความสอดคล้องกับความต้องการและมี คุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ ประสิทธิภาพในการเสริมสร้างการพัฒนา และพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการยุคใหม่ ประเทศอย่างยั่งยืน (สำนักงานคณะกรรมการ เ พ ื ่ อ ใ ห ้ ส อ ด ค ล ้ อ ง ต า ม พ ร ะ ร า ช บ ั ญ ญ ั ติ การอาชีวศึกษา, 2555, น. 5) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบบั ท่ี 2 พ.ศ.2545 โดยเฉพาะอย่างย่ิงการจัด คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) การศึกษาตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา ได้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การรวมและการ 2551 ที่กำหนดไว้ในมาตรา 6 การจัดการ แยกสถานศึกษา เพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันการ

92 วารสารปญั ญา ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2564) อาชีวศึกษา พ.ศ. 2554 โดยคำนึงถึงการ ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้ผลผลิตของอาชีวศึกษา เพื่อ ประสานความรว่ มมือให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดใน ผลิตกำลังคนตามความต้องการของ การใช้ทรัพยากรรว่ มกัน และเพื่อจัดตัง้ สถาบัน ตลาดแรงงานการจัดการอาชีวศึกษาจำเป็น การอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับเป้าหมายการ อย่างยิ่งที่จะต้องมีการศึกษาข้อมูลต่างๆ ท่ี พัฒนากำลังคน เพื่อสนับสนุนแผนพัฒนา เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามภาคการผลิต พัฒนาหลักสูตร และที่สำคัญคือผู้สำเร็จ การพาณิชย์ และบริการ สถาบัน การ การศึกษาวิชาชีพแล้วสามารถปฏิบัติงานได้ อาชีวศึกษาภาคกลาง 4 ได้จัดตั้งขึ้นโดยอาศัย จริงและมีงานทำ (สำนักงานคณะกรรมการ อำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่งและ การอาชีวศึกษา, 2555, น. 7) ดังน้ัน มาตรา 13 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม จึงได้ดำเนินการ อาชีวศึกษา พุทธศักราช 2551 และมติที่ ศึกษาวจิ ยั เร่ือง “ความต้องการศึกษาต่อระดับ ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลง ปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า สาย นามจัดตั้ง ณ วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2556 ซ่ึง ปฏิบัติการ ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม” สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 ของสถานประกอบการและนักศึกษาในจังหวัด ประกอบดว้ ยสถานศึกษาในกลุ่ม 4 จังหวดั คอื นครปฐม การศึกษานี้เพื่อใช้เป็นข้อมูล นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี สนับสนุนการเปิดสอนหลักสูตรการ รวม 9 สถานศึกษา คือ วิทยาลัยเทคนิค อาชีวศึกษาระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยี นครปฐม วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม หรือสายปฏิบัติการต่อไป วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี วิทยาลัยเทคนิคโพ ธาราม วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุพรรณบุรี วัตถปุ ระสงค์ วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี วิทยาลัย 1. เพื่อศึกษาสภาพข้อมูลทั่วไปของ อาชีวศึกษากาญจนบุรี วิทยาลัยเทคนิค กาญจนบุรี และวิทยาลยั การอาชพี กาญจนบุรี สถานประกอบการและนักศึกษา ในจังหวัด (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, นครปฐมและเขตใกล้เคียง ต่อความต้องการ 2555) ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาวิชา เทคโนโลยีไฟฟ้า สายปฏิบัติการของ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 ได้ วิทยาลยั เทคนิคนครปฐม ดำเนินการตามนโยบายการเตรียมความพร้อม แ ก ่ ก ล ุ ่ ม เ ป ้ า ห ม า ย ใ ห ้ ม ี ส ม ร ร ถ น ะ ท ี ่ ไ ด้ 2. เพื่อศึกษาความต้องการของสถาน มาตรฐานสากล สอดคล้องกับการปรับ ประกอบการและนักศึกษา ในจังหวัดนครปฐม โครงสร้างเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการผลิต และเขตใกล้เคียง ต่อความต้องการศึกษาต่อ สินค้าและบริการ โดยพัฒนาระบบการจัดการ ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า อาชีวศึกษาตามแรงขับจากผู้ใช้ “Demand สายปฏิบตั ิการของวิทยาลยั เทคนิคนครปฐม Driven” ภายใต้ความร่วมมือกันระหว่าง สถานศึกษาหรือสถาบันกับสถานประกอบการ

วารสารปัญญา ปีท่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – เมษายน 2564) 93 วิธดี ำเนนิ การวิจยั เกี่ยวกับความต้องการศึกษาต่อในระดับ การศึกษาเรื่อง ความต้องการศึกษา ปริญญาตรี นำข้อมูลมาเป็นแนวทางในการ สร้างแบบสอบถาม กำหนดกรอบความคิด ต่อระดับปริญญาตรี สาขาวชิ าเทคโนโลยีไฟฟ้า และขอบเขตของเนื้อหาที่จะใช้เป็นคำถามใน สายปฏิบัติการ ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม แบบสอบถามตลอดถึงตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 เป็นการ สร้างแบบสอบถามฉบับร่างให้ครอบคลุม วิจยั เชิงสำรวจ ขอบเขตการวิจัย นำแบบสอบถามให้ ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการวิจัย 1. กลมุ่ เป้าหมาย ตรวจสอบความเที่ยงตรงตามเนื้อหา ผู้วิจัยเกบ็ ขอ้ มูลจากกลุ่มเป้าหมาย เปน็ (Content Validity) ความสอดคล ้ อ ง กั บ บุคลากรที่ทำงานในสถานประกอบการ และ วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย และสำนวนของ น ั กศ ึ กษาท ี ่ กำล ั งศ ึ กษาอย ู ่ ในร ะดั บ ภาษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 ของ จังหวัดนครปฐมและเขตจังหวัดใกล้เคียง ที่มี 3. วธิ กี ารหาคุณภาพเครอื่ งมือ วุฒิการศึกษาสาขางานไฟฟ้ากำลงั ดังนี้ 3.1 นำแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุง 1.1 บุคลากรของสถานประกอบการ สถานประกอบการที่มีความร่วมมือและลงนาม แก้ไขแล้วไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านตรวจสอบ ความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ใน นำมาหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ เรื่องจัดการศึกษาระบบทวิภาคี และการรับ คำถามกับวัตถุประสงค์การวัดตามนิยามศัพท์ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (Index of Item Objective Congruence : แผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลังเข้าฝึกงาน จำนวน IOC) เลือกข้อคำถามที่มีค่า IOC มากกว่าหรือ 34 แหง่ เท่ากับ 0.5 ใช้วิธีของ โรวิเนลลีและแฮม 1.2 นักศึกษา คือนักศึกษาระดับ เบิลตัล (บุญชม ศรีสะอาด, 2543) โดย ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาย ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านได้แก่ 1) รศ.ดร.พิเชฐ ม่วง งานไฟฟ้ากำลัง ปกี ารศกึ ษา 2559 ของจังหวัด นวล 2) ดร.ประเสริฐ แก้วแจ่ม และ 3) ดร.วี นครปฐม 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิค ระ ทองประสิทธ์ิ ได้ตรวจสอบความเที่ยงตรง นครปฐม วิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า เชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยใช้เทคนิค (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) วิทยาลัยการอาชีพ IOC ผลการวิเคราะห์ดัชนีความสอดคล้อง นครปฐม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาล ระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ของ นครปฐม และวิทยาลัยเทคโนโลยีนครปฐม การศึกษา (Index of Consistency) ทุกข้อ จำนวน 48 คน คำถามมีค่า IOC ต้ังแต่ 0.50 ถึง 1.00 2. เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ัย เครื่องมือที่ใช้ในการในการวิจัยครั้งนี้ 3.2 ปร ั บปร ุ งแก ้ ไขคำถา ม ใน เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) สร้างขึ้น แบบสอบถามที่เหมาะสมแล้วพิมพ์เป็นฉบับ โดยการศึกษาแนวคิด เอกสาร งานวิจัยท่ี สมบูรณ์เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บ เกี่ยวข้อง รวบรวมความคิด และรูปแบบ รวบรวมข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมายในการวจิ ยั

94 วารสารปัญญา ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2564) 4. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม 6. การวิเคราะหข์ ้อมูล ขอ้ มูล ผู้วิจัยนำแบบสอบถามมาวิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป โดย แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือที่ใชใ้ นการ ดำเนินการวเิ คราะหข์ ้อมูลตามลำดับ ดงั น้ี เก็บรวบรวมข้อมูล ความต้องการศึกษาต่อ ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า 6.1 การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสอบ สายปฏิบัติการ ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม โดยวิเคราะห์ข้อมูลของแบบสอบถามจาก ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นแบ่งออกเป็นตอน คือ ตอน สถานประกอบการและจากนักศึกษาระดับ ท่ี 1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาย แบบสอบถาม ประกอบด้วย เพศ อายุ ฯลฯ ซง่ึ งานไฟฟ้ากำลัง ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไปของ มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ (Check ผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย เพศ อายุ list) ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามข้อมูลความ ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ ต้องรายการเนื้อหาวิชาที่เรียน ระดับปริญญา (Check list) โดยใช้สถิติการแจกแจงความถี่ ตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า สายปฏิบัติการ และหาค่าร้อยละ (Percentage) ตอนท่ี 2 ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐมมีลักษณะเป็น ข้อมูลความต้องรายการเนื้อหาวิชาที่เรียน แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า ระดับ 5 หมายถึง มีความต้องการมากที่สุด 4 สายปฏิบัติการ ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม หมายถึง มีความต้องการมาก 3 หมายถึง มี มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ความต้องการปานกลาง 2 หมายถึง มีความ (Rating scale) 5 ระดับ โดยใช้สถิติการหา ต้องการน้อย และ 1 หมายถึง มีความต้องการ ค่าเฉลี่ย (Mean ) และค่าส่วนเบี่ยงเบน น้อยที่สุด ตอนท่ี 3 เป็นข้อเสนอแนะอื่น ๆ มี มาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) ลักษณะเป็นคำถามปลายเปิด (Open end Questions) 6.2 การแปลความหมายของค่าเฉลี่ย ที่คำนวณได้เกี่ยวกับปัจจัยการออกกลางคัน 5. การเก็บรวมรวมข้อมูล ของนกั เรียนวิทยาลัยสารพัดช่างนครปฐม โดย ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลของจากสถาน กำหนดเกณฑ์ค่าเฉลี่ยแบ่งเป็น 5 ระดับ ดังน้ี ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย ในจังหวัด (บุญชม ศรีสะอาด, 2545) คือ 4.51 – 5.00 นครปฐมและเขตจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 12 หมายถึง มีความต้องการมากที่สุด 3.51 – แห่ง ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลของจากนักศึกษา 4.50 หมายถึง มีความต้องการมาก 2.51 – กลุ่มเป้าหมาย ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ 3.50 หมายถึง มีความต้องการปานกลาง 1.51 ชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สายงานไฟฟ้ากำลัง ปี – 2.50 หมายถึง มีความต้องการน้อย และ การศึกษา 2559 จากสถานศึกษาของวิทยาลัย 1.00 – 1.50 หมายถึง มีความต้องการน้อย ที่เปิดสอนในจังหวัดนครปฐม 5 แห่ง จำนวน ที่สุด สำหรับตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆ มี 42 คน โดยใช้วิธีแจกแบบสอบถามให้กับ ลักษณะเป็นคำถามปลายเปิด (Open end กลมุ่ เปา้ หมาย Questions) นำเสนอข้อมูลโดยการจัดกลุ่ม ขอ้ เสนอแนะแสดงตามลำดับความถ่ี

วารสารปญั ญา ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2564) 95 สรปุ ผลการวจิ ยั ความปลอดภัย และมีความต้องการในระดับ การศึกษาวิจัยเรื่อง ความต้องการ มาก จำนวน 9 ขอ้ คอื ข้อทมี่ ีค่าเฉลี่ยรองลงมา คือ การให้คำแนะนำสอนงานในสถาน ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาวิชา ป ร ะ ก อ บ ก า ร ใ ห ้ ด ำ เ น ิ น ง า น อ ย ่ า ง มี เทคโนโลยีไฟฟ้า สายปฏิบัติการ ของ ประสิทธิภาพ และ กำหนดตารางทดสอบ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม โดยศึกษาใน 2 ส่วน แ ก ้ ไขแ ล ะ ซ ่ อ ม บ ำ ร ุ ง ง า น ไ ฟ ฟ ้ า ต า ม ล ำ ดั บ คือ จากสถานประกอบการ และจากนักศึกษา สำหรับข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ผลการ ออกแบบ ควบคุม ติดตั้ง ซ่อมบำรุง ทดสอบ วเิ คราะหข์ อ้ มลู นำเสนอ ดงั นี้ เครื่องกลไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นิว แมติกส์ เครื่องทำความความเย็นและปรับ 1. สร ุ ปผลการว ิ จ ั ยจากส ถ า น อากาศ ประกอบการ 2. สรปุ ผลการวจิ ยั จากนักศึกษา สถานประกอบการที่ได้ร่วมลงนาม นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ใน ช้นั สงู ช้ันปีท่ี 2 สายงานไฟฟา้ กำลัง ในจังหวัด เรื่องจัดการศึกษาระบบทวิภาคี และการรับ นครปฐม 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิค นักศึกษาแผนกวิชาช่างไฟฟ้ากำลังเข้าฝึกงาน นครปฐม วิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จำนวน (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) วิทยาลัยการอาชีพ 34 แห่ง ได้กลุ่มเป้าหมายโดยการสุ่มตัวอย่าง นครปฐม วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาล แบบเจาะจงจากสถานประกอบที่มีบุคลากรท่ี นครปฐม และวิทยาลัยเทคโนโลยีนครปฐม ได้ เกี่ยวข้องกับงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า จำนวนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 42 คน มผี ลการ จำนวน 12 แห่ง มดี งั น้ี วเิ คราะห์ขอ้ มลู มดี งั น้ี 1.1 ข้อมลู ทวั่ ไป ผตู้ อบแบบสอบถาม 2.1. ข ้ อม ู ลท ั ่ ว ไป ข อ ง ผ ู ้ ต อ บ สว่ นใหญเ่ ปน็ เพศชาย มอี ายุ 30-39 ปขี ึ้นไป มี แบบสอบถามจากนักศึกษา ส่วนใหญ่เป็น ตำแหน่งงานบุคลากร เป็นหน่วยงานเอกชน นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม เพศชาย มี สนับสนุนให้เรียนสูงขึ้นในระดับปริญญาตรี มี ระดับผลการเรยี น 2.6-3.0 ผู้ปกครองประกอบ ค ว า ม ต ้ อ ง ก า ร บ ุ ค ล า ก ร ท ี ่ ม ี ค ว า ม รู้ อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีการศึกษาระดับ ความสามารถดา้ นเทคโนโลยีไฟฟ้า ประถมศึกษา ครอบครัวมีรายได้เฉล่ียเดือนละ 10,001-25,000 บาท มีสมาชิกในครอบครัว 1.2 ผู้ตอบแบบสอบถามจากสถาน 3-4 คน ผู้ปกครองมีสถานภาพอยู่ร่วมกัน ประกอบการ มีความต้องการศึกษาต่อระดับ ภูมิลำเนาอาศัยอยู่ในจังหวัดนครปฐม ปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีไฟฟ้า สาย นักศึกษาไม่ได้ทำงานหรือไม่มีรายได้พิเศษ ปฏิบัติการ ของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ด้าน ได้รับทราบข่าวสารข้อมูลการเปิดสอน เนื้อหาวิชาที่ต้องการเรียนที่สอบถามจำนวน หลักสูตรปริญญาตรีจากคู่มือการรับสมัคร 10 ข้อ ในภาพรวมมใี นระดับมาก เมือ่ พจิ ารณา เป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด จำนวน 1 ข้อ คือ การวางแผนจัดการควบคุม งานไฟฟ้าตามมาตรฐานไฟฟ้าและมาตรฐาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook