ยาเสพตดิ ยาเสพติดให้โทษ หมายความว่า สารเคมี หรือวตั ถุชนดิ ใดๆ ซึงเมอื เสพ เข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยประการใดๆ แล้ว ทาํ ให้เกดิ ผลต่อร่างกายและจติ ใจในลกั ษณะสําคญั เช่น ต้องเพมิ ขนาดการ เสพเรือยๆ มอี าการถอนยาเมอื ขาดยา มคี วามต้องการเสพทงั ทางร่างกาย และจติ อย่างรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และสุขภาพโดยทวั ไปจะทรุดโทรมลง รวมถงึ พชื หรือ ส่วนของพชื ทเี ป็ น หรือให้ผลผลติ เป็ นยาเสพตดิ ให้โทษ หรืออาจใช้ผลติ เป็ นยาเสพตดิ ให้โทษและสารเคมี ทใี ช้ในการผลติ ยาเสพตดิ ให้โทษดงั กล่าวด้วย แต่ไม่หมายความถึง ยาสําคญั ประจาํ บ้านบางตาํ รับ ตามทกี ฎหมายว่าด้วยยาทมี ยี าเสพตดิ ให้โทษผสมอยู่
ประเภทของยาเสพตดิ จําแนกตามการออกฤทธิต่อระบบประสาท แบ่งเป็ น ๔ ประเภท ๑. ประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ น มอร์ฟี น เฮโรอนี ยา นอนหลบั ยาระงบั ประสาท ยากล่อมประสาทเครืองดมื มึน เมา ทุกชนิด รวมทัง สารระเหย เช่น ทินเนอร์ แลก็ เกอร์ นํามนั เบนซิน กาว เป็ นต้น มกั พบว่าผู้เสพตดิ มี ร่างกายซูบ ซีด ผอมเหลอื ง อ่อนเพลยี ฟ้ งุ ซ่าน อารมณ์ เปลยี นแปลง ง่าย
๒. ประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ ยาบ้า ยา อี กระท่อม โคเคน มกั พบว่าผู้เสพตดิ จะมี อาการ หงุดหงดิ กระวนกระวาย จติ สับสน หวาดระแวง บางครังมอี าการคลุ้มคลงั หรือทาํ ในสิงทีคนปกติ ไม่กล้าทํา เช่น ทําร้ายตนเอง หรือฆ่าผู้อนื เป็ นต้น
๓. ประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี และ เห็ดขคี วาย เป็ นต้น ผู้เสพตดิ จะมอี าการ ประสาทหลอน ฝันเฟื องเห็นแสงสีวจิ ติ รพสิ ดาร หูแว่ว ได้ยนิ เสียง ประหลาดหรือเห็นภาพหลอน ทนี ่าเกลยี ดน่ากลวั ควบคุมตนเองไม่ได้ ในทสี ุด มกั ป่ วยเป็ นโรคจติ
๔. ประเภทออกฤทธิผสมผสาน คอื ทงั กระตุ้นกดและหลอนประสาทร่วมกนั ได้แก่ ผู้เสพตดิ มักมี อาการ หวาดระแวง ความคดิ สับสนเห็นภาพ ลวงตา หูแว่ว ควบคุมตนเองไม่ได้และ ป่ วยเป็ นโรคจติ ได้
แบง ตามแหลงทีม่ า หรือ ตามแหลง ทเี่ กดิ ซ่งึ จะแบงออกเปน ๒ ประเภท คอื ๑. ยาเสพติดธรรมชาติ (Natural Drugs) คือ ยา เสพตดิ ท่ีผลติ มาจากพืช เชน ฝน มอรฟน กระทอ ม กญั ชา เปนตน ๒. ยาเสพติดสงั เคราะห (Synthetic Drugs) คอื ยาเสพติดท่ผี ลติ ขึ้นดว ยกรรมวิธีทางเคมี เชน เฮโรอีน แอมเฟตามนี ยาอี เอ็คตาซี เปน ตน
แบ่งตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ซึงจะแบ่งออกเป็ น ๕ ประเภท คอื ยาเสพตดิ ให้โทษ ประเภทที ๑ ได้แก่ เฮโรอนี แอลเอสดี แอมเฟตามีน หรือ ยาบ้า ยาอี หรือ ยาเลฟิ ยาเสพตดิ ให้โทษ ประเภทที ๒ ยาเสพตดิ ประเภทนีสามารถ นํามาใช้เพอื ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่ต้องใช้ภายใต้การ ควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณที ีจาํ เป็ นเท่านัน ได้แก่ ฝิ น มอร์ฟี น โคเคน หรือ โคคาอนี โคเคอนี และเมทาโดน
ยาเสพตดิ ให้โทษ ประเภทที ๓ ยาเสพตดิ ประเภท นี เป็ นยาเสพตดิ ให้โทษทมี ยี าเสพติดประเภทที ๒ ผสมอยู่ด้วย มปี ระโยชน์ทางการแพทย์ การนําไปใช้ เพอื จุดประสงค์อนื หรือเพอื เสพติด จะมบี ทลงโทษ กาํ กบั ไว้ ยาเสพติดประเภทนี ได้แก่ ยาแก้ไอ ทมี ตี ัวยา โคเคอนี ยาแก้ท้องเสีย ทมี ฝี ิ นผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงบั ปวดต่าง ๆ เช่น มอร์ฟี น เพทดิ นี ซึงสกดั มาจากฝิ น
ยาเสพตดิ ให้โทษ ประเภทที ๔ คอื สารเคมที ใี ช้ในการ ผลติ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที ๑ หรือประเภทที ๒ ยาเสพตดิ ประเภทนีไม่มกี ารนํามาใช้ประโยชน์ในการ บาํ บดั โรคแต่อย่างใด และมบี ทลงโทษกาํ กบั ไว้ด้วย ได้แก่นํายาอะเซตคิ แอนไฮไดรย์ และ อะเซตลิ คลอไรด์ ซึงใช้ในการเปลยี นมอร์ฟี นเป็ นเฮโรอนี สารคลอซูได อเี ฟครีน สามารถใช้ในการผลติ ยาบ้า ได้ และวตั ถุออก ฤทธิต่อจิตประสาทอกี ๑๒ ชนิด ทสี ามารถนํามาผลติ
ยาเสพตดิ ให้โทษ ประเภทที ๕ เป็ นยาเสพ ตดิ ให้โทษทมี ไิ ด้เข้าข่ายอยู่ในยาเสพตดิ ประเภทที ๑ ถงึ ๔ ได้แก่ ทุกส่วนของพชื กญั ชา ทุกส่วนของพชื กระท่อม เห็ด ขคี วาย เป็ นต้น
จําแนกตามการออกฤทธต์ิ อระบบประสาท แบงเปน ๔ ประเภท ๑. สาเหตุที่เกิดจากความรเู ทาไมถ ึงการณ ๑. อยากทดลอง เกิดจากความอยากรอู ยากเห็นซึ่งเปนนิสัยของ คนโดยทว่ั ไป และโดยทีไ่ มคดิ วา ตนจะติดส่ิงเสพยตดิ นี้ได จงึ ไปทําการ ทดลองใชสง่ิ เสพยต ดิ นั้น ในการทดลองใชคร้ังแรกๆ อาจมี ความรูสึกดหี รอื ไมดกี ต็ าม ถา ยงั ไมตดิ สิง่ เสพยติดนน้ั กอ็ าจ ประมาท ไปทดลองใชส ิง่ เสพยต ิดนน้ั อีก จนใจทีส่ ุดกต็ ดิ ส่ิงเสพย ติดน้นั หรือ ถาไปทดลองใชส่ิงเสพยต ิดบางชนดิ เชน เฮโรอนี แมจ ะเสพเพียงครัง้ เดียว ก็อาจทําใหติดได
๒. ความคกึ คะนอง คนบางคนมีความคกึ คะนอง ชอบ พูดอวดเก่งเป็ นนิสัย โดยเฉพาะวยั รุ่นมักจะมีนิสัยดงั กล่าว คนพวกนีอาจแสดงความเก่งกล้าของตนในกล่มุ เพอื นโดยการ แสดงการใช้สิงเสพย์ตดิ ชนิต่าง ๆ เพราะเห็นแก่ความ สนุกสนาน ตนื เต้น และให้เพอื นฝูงยอมรับว่าตนเก่ง โดยมไิ ด้ คาํ นึง ถงึ ผลเสียหาย หรือ อนั ตรายทีจะเกดิ ขนึ ในภายหลงั แต่ อย่างไร ในทสี ุดจนเองกก็ ลายเป็ นคนตดิ สิงเสพย์ตดิ นัน
๓. การชกั ชวนของคนอืน อาจเกิดจากการเชือตามคาํ ชกั ชวน โฆษณา ของผขู้ ายสินคา้ ที เป็นสิงเสพยต์ ิดบางชนิด เช่น ยา กระตุน้ ประสาทต่างๆ ยาขยนั ยามา้ ยาบา้ เป็นตน้ โดยผขู้ าย โฆษณาสรรพคุณของสิงเสพยต์ ิดนนั วา่ มีคุณภาพดีสารพดั อยา่ งเช่น ทาํ ใหม้ ีกาํ ลงั วงั ชา ทาํ ใหม้ ีจิตใจแจ่มใส ทาํ ใหม้ ีสุขภาพดี ทาํ ใหม้ ี สติปัญญาดี สามารถรักษาโรคไดบ้ างชนิด เป็นตน้ ผทู้ ีเชือคาํ ชกั ชวนโฆษณาดงั กลา่ วจึงไปซือตามคาํ ชกั ชวนของเพอื นฝงู ซึง โดยมากเป็นพวกทีติดสิงเสพยต์ ิดนนั อยแู่ ลว้ ดว้ ยความเกรงใจ เพือน หรือ เชือเพือน หรือตอ้ งการแสดงวา่ ตวั เป็นพวกเดียวกบั เพือน จึงใชส้ ิงเสพยต์ ิดนนั
๒. สาเหตุทีเกดิ จากการถูกหลอกลวง ปจจุบนั นม้ี ีผูขายสนิ คา ประเภทอาหาร ขนม หรอื เครอื่ งดื่มบาง รายใชส งิ่ เสพยต ิดผสมลงในสนิ คา ทขี่ าย เพ่ือใหผซู อ้ื สนิ คาน้นั ไป รับประทานเกดิ การติด อยากมาซือ้ ไปรบั ประทานอีก ซึง่ ในกรณนี ี้ ผู ซอ้ื อาหารน้ันมารบั ประทาน จะไมรสู ึกวาตนเองเกิดการตดิ สง่ิ เสพย ติดข้นึ แลว รูแตเ พียงวา อยากรบั ประทานอาหาร ขนม หรือ เคร่ืองดืม่ ท่ซี อื้ จากรา นนนั้ ๆ กวาจะทราบกต็ อเม่ือตนเองรูสึกผดิ สงั เกตตอ ความตอ งการ จะซื้ออาหารจากรานน้นั มารบั ประทาน หรอื ตอเมอื่ มีอาการเสพยต ดิ รุนแรง และมสี ุขภาพเส่ือมลง
๓. สาเหตุที่เกดิ จากความเจ็บปวย ๑. คนทม่ี ีอาการเจ็บปว ยทางกายเกิดขน้ึ เพราะสาเหตุตา ง ๆ เชน ไดร บั บาดเจบ็ รนุ แรง เปน แผลเร้ือรงั มคี วามเจ็บปวดอยเู ปนประจํา เปน โรคประจําตัวบางอยาง เปนตน ทาํ ใหไ ดร ับทกุ ขทรมานมาก หรือ เปน ประจาํ จึงพยายามแสวงหาวิธีท่จี ะชวยเหลือตนเองใหพน จากความทุกข ทรมานนน้ั ซง่ึ วธิ ีหนง่ึ ทที่ ําไดงายคือ การรับประทานยาท่ีมีฤทธริ์ ะงบั อาการ เจบ็ ปวดน้ันได ซ่ึงไมใชเ ปนการรกั ษาทีเ่ ปนตน เหตขุ องความเจบ็ ปว ย เพียงแตระงับอาการเจบ็ ปวดใหห มดไปหรือลดนอยลงไดช ั่วขณะ เมอื่ ฤทธ์ิ ยาหมดไปกจ็ ะกลับเจบ็ ปวดใหม ผูปว ยก็จะใชยานนั้ อีก เมื่อทาํ เชน น้ีไป นานๆ เกิดอาการติดยาน้นั ข้ึน
๒. ผทู ่ีมจี ติ ใจไมเ ปน ปกติ เชน มคี วามวติ ก กังวล เครยี ด มคี วามผิดหวงั ในชีวิต มีความเศรา สลดเสียใจ เปน ตน ทําใหสภาวะจติ ใจไมเ ปนปกติจนเกดิ การปว ยทาง จติ ขน้ึ จึงพยายามหายาหรอื สง่ิ เสพยต ิดทีม่ ฤี ทธิส์ ามารถ คลายความเครยี ดจากทางจิตไดช ัว่ ขณะหนง่ึ มารบั ประทาน แตไ มไ ดร กั ษาท่ตี น เหตเุ ม่ือยาหมดฤทธ์ิ จิตใจกจ็ ะกลบั เครียดอกี และ ผปู ว ยก็จะเสพสงิ่ เสพยต ิด ถา ทําเชน นี้ ไปเรือ่ ยๆ ก็จะทําใหผนู ้นั ติดยาเสพยติดในท่ีสดุ
๓. การไปซือยามารับประทานเองโดยไม่ ทราบสรรพคุณยาทีแทจ้ ริงขนาดยาทีควร รับประทาน การรับประทานยาเกินจาํ นวนกวา่ ทีแพทยไ์ ดส้ ังไว้ การรับประทานยาบางชนิด มากเกินขนาด หรือรับประทานติดต่อกนั นานๆ บางครังอาจมีอาการถึงตายได้ หรือ บางครังทาํ ใหเ้ กิดการเสพติดยานนั ได้
๔.สาเหตุอืนๆ การอยูใกลแหลง ขายหรือใกลแ หลง ผลติ หรือ เปน ผขู ายหรอื ผผู ลติ เอง จงึ ทาํ ใหม โี อกาสติดสิง่ เสพยติด ใหโทษน้ันมากกวา คนทัว่ ไปเม่อื มเี พ่อื นสนทิ หรือพ่ี นอ งท่ีติดส่ิงเสพยต ดิ อยู ผูน ั้นยอมไดเห็นวธิ ีการเสพ ของผูทอ่ี ยูใกลชดิ รวท้งั ใจเหน็ พฤติกรรมตา งๆ ของ เขาดวย และยงั อาจไดรบั คําแนะนําหรือชกั ชวนจากผู เสพดว ย จึงมโี อกาสตดิ ได
คนบางคนอยู่ในสภาพทมี ปี ัญหา เช่น ว่างงาน ยากจน ค่าใช้จ่ายเพมิ โดยมรี ายได้ลดลง หรือคงที มหี นีสินมาก ฯลฯ เมอื แก้ปัญหา ต่าง ๆ เหล่านีไม่ได้กห็ ันไปใช้สิงเสพย์ตดิ ช่วยผ่อนคลายความรู้สึก ใน ความทกุ ข์ยากต่างเหล่านี แม้จะรู้ว่าเป็ นชัวครู่ชัวยามกต็ าม เช่น กล้มุ ใจ ทเี ป็ นหนีคนอนื กไ็ ปกนิ เหล้า หรือ สูบกญั ชาให้เมาเพอื ทจี ะได้ลมื เรือง หนีสิน บางคนต้องการรายได้เพมิ ขนึ โดยพยายามทาํ งานให้ หนัก และ มากขนึ ทงั ๆ ทรี ่างกายอ่อนเพลยี มากจึงรับประทานยากระตุ้น ประสาทเพอื ให้สามารถทาํ งานต่อไปได้ เป็ นต้น ถ้าทาํ อยู่เป็ นประจําทาํ ให้ตดิ สิงเสพย์ติดนันได้
การเลียนแบบ การที่ไปเห็นผูท ่ีตนสนทิ สนมรักใคร เหรือเพอื่ น จึงเห็นวาเปน ส่งิ นาลอง เปน ส่ิงโกเก เปน สิ่งแสดงความเปนพวกเดยี วกัน จึงไปทดลองใชส่งิ เสพยติดน้ันจนติด คนบางคนมคี วามผดิ หวงั ในชีวติ ตนเอง ผดิ หวงั ในชีวติ ครอบครัว หรือผดิ หวงั ในชีวติ สังคม เพอื เป็ นการประชด ตนเองหรือคนอนื จึงไปใช้สิงเสพย์ตดิ จนตดิ ทังๆ ทที ราบ ว่าเป็ นสิงไม่ดี กต็ ามลกั ษณะการตดิ ยาเสพตดิ
ÑÂÒàʾµÔ´ºÒ§ª¹Ô´¡Í ãËà¡Ô´¡ÒõԴ䴷§é ·Ò§ÃÒ §¡ÒÂáÅШµÔ 㨠áµÂ Òàʾµ´Ô ºÒ§ª¹Ô´ ¡ç ¡Í ãËà ¡´Ô ¡Òõ´Ô ·Ò§´Ò¹¨µÔ 㨠à¾Õ§ÍÂÒ§à´ÂÕ Ç ลกั ษณะทวั ไป ๑. ตาโรยขาดความกระปร้กี ระเปรา น้ํามูกไหล น้ําตาไหล รมิ ฝป ากเขยี ว คลา้ํ แหง แตก (เสพโดยการสูบ) ๒. เหงอ่ื ออกมาก กล่ินตัวแรง พดู จาไมสมั พันธกับความจรงิ ๓. บรเิ วณแขนตามแนวเสนโลหติ มีรอ งรอยการเสพยาโดยการฉดี ใหเ หน็ ๔. ทท่ี อ งแขนมีรอยแผลเปนโดยกรีดดวยของมคี มตามขวาง (ตดิ เหลา แหง ยา กลอ มประสาท ยาระงบั ประสาท) ๕. ใสแ วน ตากรองแสงเขมเปนประจาํ เพราะมานตาขยายและเพ่ือปด นยั นตาสแี ดงกํ่า
๖. มกั สวมเสอ้ื แขนยาวปกปดรอยฉีดยา โปรดหลกี ใหพ นจากบคุ คลท่มี ี ลักษณะดงั กลา ว ชีวิตจะสุขสนั ตต ลอดกาล ๗. มีความตองการอยางแรงกลาที่จะเสพยาน้ันตอไปอีกเร่ือยๆ ๘. มคี วามโนม เอียงทจ่ี ะเพ่ิมปรมิ าณของสิง่ เสพยต ิดใหมากขนึ้ ทกุ ขณะ ๙. ถาถงึ เวลาทีเ่ กิดความตองการแลว ไมไดเสพจะเกิดอาการขาดยาหรอื อยากยาโดยแสดงออกมา ในลักษณะอาการตา งๆ เชน หาว อาเจียน นาํ้ มกู นํ้าตาไหล ทรุ นทรุ าย คลมุ คลั่ง ขาดสติ โมโห ฉุนเฉยี ว ฯลฯ ๑๐.ส่งิ เสพยติดน้นั หากเสพอยเู สมอๆ และเปน เวลานานจะทําลาย สขุ ภาพของผเู สพทัง้ ทางรา งกายและจิตใจ ๑๑. ทําใหร า งกายซบู ผอมมีโรคแทรกซอ น และทําใหเ กิดอาการทางโรค ประสาทและจิตไมปกติ
การติดยาทางกาย เป็ นการตดิ ยาเสพติดทผี ู้เสพมคี วามต้องการเสพ อย่างรุนแรง ทงั ทางร่างกายและจิตใจ เมอื ถึงเวลาอยาก เสพแล้วไม่ได้เสพ จะเกดิ อาการผดิ ปกตอิ ย่างมาก ทงั ทางร่างกายและจติ ใจ ซึงเรียกว่า \"อาการขาดยา\" เช่น การตดิ ฝิ น มอร์ฟี น เฮโรอนี เมอื ขาดยาจะมอี าการ คลนื ไส้ อาเจยี น หาว นํามูกนําตาไหล นอนไม่หลบั เจบ็ ปวดทวั ร่างกาย เป็ นต้น
การติดยาทางใจ เปน การติดยาเสพตดิ เพราะจติ ใจเกิด ความตอ งการ หรือ เกดิ การติดเปน นิสยั หาก ไมไดเสพรางกายกจ็ ะไมเ กิดอาการผิดปกติ หรอื ทรุ นทรุ ายแตอ ยางใด จะมีบางก็เพียงเกิด อาการหงดุ หงิดหรือกระวนกระวายใจเทานน้ั
• วธิ สี ังเกตุอาการผูตดิ ยาเสพตดิ จะสังเกตว่าผู้ใดใช้หรือเสพยาเสพตดิ ให้สังเกตจากอาการและการเปลยี นแปลง ทงั ทางร่างกาย และจิตใจดงั ต่อไปนี ๑ การเปลยี่ นแปลงทางรางกาย จะสังเกตไดจ าก - สขุ ภาพรา งกายทรุดโทรม ซบู ผอม ไมม ีแรง ออนเพลีย - ริมฝป ากเขียวคลาํ้ แหง และแตก - รา งกายสกปรก เหง่อื ออกมาก กล่ินตวั แรงเพราะไมชอบอาบนา้ํ - ผวิ หนงั หยาบกรา น เปน แผลพพุ อง อาจมหี นองหรอื น้าํ เหลอื ง คลายโรคผิวหนัง - มรี อยกรีดดวยของมีคม เปน รอยแผลเปน ปรากฏทบี่ รเิ วณแขน และ/หรอื ทอ งแขน - ชอบใสเสอ้ื แขนยาว กางเกงขายาว และสวมแวน ตาดําเพอ่ื ปดบงั มา นตาที่ ขยาย
๒ การเปลยี นแปลงทางจติ ใจ ความประพฤตแิ ละบุคลกิ ภาพ สังเกตุได้จาก - เป็ นคนเจ้าอารมย์ หงดุ หงดิ ง่าย เอาแต่ใจตนเอง ขาดเหตุผล - ขาดความรับผดิ ชอบต่อหน้าที - ขาดความเชือมันในตนเอง - พูดจากร้าวร้าว แม้แต่บดิ ามารดา ครู อาจารย์ ของตนเอง - ชอบแยกตวั อยู่คนเดยี ว ไม่เข้าหน้าผู้อนื ทําตัวลกึ ลบั - ชอบเข้าห้องนาํ นาน ๆ - ใช้เงนิ เปลอื งผดิ ปกติ ทรัพย์สินในบ้านสูญหายบ่อย - พบอุปกรณ์เกยี วกบั ยาเสพตดิ เช่น หลอดฉีดยา เขม็ ฉีดยา กระดาษตะกัว - มัวสุมกบั คนทมี พี ฤติกรรมเกยี วกบั ยาเสพตดิ - ไม่สนใจความเป็ นอยู่ของตนเอง แต่งกายสกปรก ไม่เรียบร้อย ไม่ค่อยอาบนํา - ชอบออกนอกบ้านเสมอ ๆ และกลบั บ้านผดิ เวลา - ไม่ชอบทาํ งาน เกยี จคร้าน ชอบนอนตืนสาย - มอี าการวติ กกงั วล เศร้าซึม สีหน้าหมองคลาํ
๓ การสังเกตุอาการขาดยา ดงั ต่อไปนี - นํามูก นําตาไหล หาวบ่อย - กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หายใจถี ปวดท้อง คลืนไส้ อาเจียน เบอื อาหาร นําหนักลด อาจมอี จุ าระเป็ นเลือด - ขนลุก เหงือออกมากผดิ ปกติ - ปวดเมอื ยตามร่างกาย ปวดเสียวในกระดูก - ม่านตาขยายโตขึน ตาพร่าไม่สู้แดด - มีอาการสัน ชัก เกร็ง ไข้ขนึ สูง ความดนั โลหิตสูง - เป็ นตะคริว - นอนไม่หลบั - เพ้อ คล้มุ คลัง อาละวาด ควบคุมตนเองไม่ได้
อิทธิพลของเพื่อน เพอ่ื นเปน คนสาํ คญั ของเราก็จรงิ อยู แตถา เพือ่ นมี อิทธิพลตอเราในทางทไ่ี มดี พาไปเสยี ผูเ สียคน ในฐานะท่ี เราเปน เพือ่ นก็ตองใหส ติดว ยการตักเตือน และปฏเิ สธ ไมท ําตามและชกั จูงใหเขาไดใชช วี ติ ท่ีถูกตองและดีงาม แตถ า หากเปนเรอ่ื งท่ยี งุ ยาก เหลอื บา กวาแรงก็คงตอ ง โบกมือลาเลิกคบเสียดีกวา ถือคตทิ ีว่ า “มเี พอื่ นดีเพียง หนึง่ ดกี วา มเี พ่ือนเปน รอยและเลว”
ความอยากรู อยากทดลอง ความคกึ คะนองของเยาวชน -ความ ตอ งการใหเปนทย่ี อมรับของกลุม เพอื่ นหรือเขา กับเพ่ือนไดไ ด ความไมรูหรือรเู ทาไมถงึ การณของเยาวชนใชย าในทางท่ีผดิ หรือ หลงเชื่อคาํ โฆษณา จติ ใจของเยาวชนเอง จติ ใจออนแแอ ใจคอไมหนกั แนน เม่ือมี ปญ หา ไมสมหวัง ไมไตรต รองหาเหตุผลเพ่ือแกป ญ หา กใ็ ชย าหรือยา เสพตดิ เปนเคร่อื งชว ยระงบั ความรสู ึกทกุ ขข องตน ใชบ อ ยๆ ทําให เกดิ การเสพติด ฉะนั้น การปองกนั และแกไขตนเองของเยาวชนให ปลอดภยั จากปญ หายาเสพติด สามารถกระทําไดโดย
๑. ศึกษาหาความรเู กี่ยวกบั โทษและพษิ ภยั ของยาเสพติด และระมดั ระวังในการใชยา ๒. รู้จกั เลอื กคบเพอื นทดี ี ส่งเสริมให้คดิ และกระทาํ สิงดมี ปี ระโยชน์กล้าพดู ปฏิเสธเพอื นทชี ักจูงไปในทาง ทไี ม่ดี เช่นการพูดปฏิเสธเพอื นทชี วนให้ลองเสพยาเสพ ตดิ
๓. ใชเ้ วลาวา่ ง และความอยากรู้ อยากลอง ไป ในทางทีเป็นประโยชนพ์ งึ ระลึกเสมอวา่ ตนเอง นนั มีคุณค่าทงั ต่อตนเอง ครอบครัว และสงั คม ๔. มีความภาคภมู ิใจและนบั ถือตนเอง ดว้ ยการ ไม่พงึ พาหรือเกียวขอ้ งอบายมุ ขและสิงเสพติด ใดๆ ซึงจะนาํ ความเสือม ไปสู่ชีวติ ของตนเอง
๕. รูจักแกไ ขปญ หาชีวิตของตนเองดวยเหตุ และผล ๖. รูจักบทบาทหนาทีข่ องตนเอง ดว ยการตั้งใจ ศกึ ษาเลาเรยี น เช่อื ฟงคาํ ส่งั สอนของ พอ แมแ ละ ประพฤตแิ ตใ นสิ่งท่ีดีงาม จะชว ยใหเ ยาวชนประสบ กับความสําเรจ็ ในชวี ิต
๗. ทาํ จิตใจใหร้ ่าเริงแจ่มใส เขา้ ใจวธิ ีการดาํ เนินชีวติ และยอมรับความเป็นจริง ทีตนเองเป็นอยู่ โดยนาํ หลกั ศาสนามาเป็นแนวทางในการดาํ เนินชีวติ จะช่วยให้ เยาวชนเกิดความมนั คงทางดา้ นจิตใจมากขึน ๘. เม่อื มปี ญ หา รูจักปรึกษาผใู หญ พอ แม หรือ ผูทีไ่ วว างใจ หรือ หนวยงานตา งๆ ทรี่ ับใหค าํ ปรึกษา ในฐานะทเี่ ยาวชนเปน สมาชกิ คนหนึ่งของครอบครัว จงึ ควรมสี วนชวย พอแม ผูปกครอง
การปอ งกันปญ หายาเสพตดิ แกครอบครวั ของตนเอง ๑. ชว ย พอ แม สอดสองดูแลนอ งๆ หรอื สมาชกิ คนอืน่ ๆ ภายในครอบครัวมิใหก ระทําส่ิงทีผ่ ิด เชน การคบเพือ่ นท่ีไมดี การม่ัว สุมในอบายมุขและสง่ิ เสพติด เยาวชนควรทาํ ตัวเปนแบบอยางท่ดี ีแก สมาชิกคนอนื่ ๆภายในครอบครัวดวย เชน การใชเวลาวางใหเ ปน ประโยชน ความมีระเบยี บวนิ ยั ความขยนั หม่นั เพียร ๒. ชวยสรางความสัมพนั ธอันดีตอกนั ระหวางสมาชกิ ใน ครอบครัว มคี วามรกั ใครกลมเกลียวและมคี วามเขาใจกัน ชว ยเหลือ ซ่ึงกันและกนั เมื่อมีปญหา
๓. เมือมีโอกาสควรบอกกล่าวหรือตกั เตือนสมาชิก คนอืนๆภายในครอบครัว โดยเฉพาะนอ้ งๆใหร้ ู้เกียวกบั โทษพิษภยั ของยาเสพติดวธิ ีการใชย้ าอยา่ งปลอดภยั ๔. ชวยทาํ ให พอ แม เกิดความสบายใจและ ภาคภมู ิใจดว ยการประพฤตดิ ี ตั้งใจศกึ ษาเลา เรียน แบงเบาภาระหนาทก่ี ารงาน ของพอ แม ภายในบา น
การปองกนั การตดิ ยาเสพตดิ ๑. ปอ งกันตนเอง ไมใชย าโดยมไิ ดร บั คําแนะนําจากแพทย และจงอยา ทดลองเสพยาเสพติดทุกชนิดโดย เดด็ ขาด เพราะติดงา ยหายยาก
ป้ องกนั ตนเอง ทําได้โดย.. • ศึกษาหาความรู้ เพอื ให้รู้เท่าทนั โทษพษิ ภยั ของยาเสพติด • ไม่ทดลองใช้ยาเสพติดทุกชนิดและปฏเิ สธเมอื ถูกชักชวน • ระมดั ระวงั เรืองการใช้ยา เพราะยาบางชนิดอาจทาํ ให้เสพตดิ ได้ • ใช้เวลาว่างให้เป็ นประโยชน์ • เลอื กคบเพอื นดี ทชี ักชวนกนั ไปในทางสร้างสรรค์ • เมอื มปี ัญหาชีวติ ควรหาหนทางแก้ไขทไี ม่ข้องเกยี วกบั ยาเสพติดหากแก้ไขไม่ได้ควรปรึกษาผู้ใหญ่
การปองกนั การตดิ ยาเสพตดิ ๒. ปองกนั ครอบครัว ควรสอดสองดูแลเดก็ และบุคคลในครอบครวั หรือที่อยู รวมกัน อยา ใหเกย่ี วขอ งกับยาเสพติด ตองคอยอบรมสั่ง สอนใหร ถู งึ โทษและภัยของยา-เสพตดิ หากมผี เู สพยาเสพ ตดิ ในครอบครวั จงจดั การใหเ ขา รักษาตัวที่โรงพยาบาลใหหาย เดด็ ขาด การรักษาแตแรกเร่ิมติดยาเสพตดิ มีโอกาสหายไดเร็ว กวาที่ปลอ ยไวน านๆ
ปองกนั ครอบครัว ทําไดโ ดย • สรา งความรกั ความอบอนุ และความสัมพนั ธ อนั ดรี ะหวา งสมาชกิ ในครอบครวั • รแู ละปฏบิ ัติตามบทบาทหนา ท่ีของตนเอง • ดแู ลสมาชกิ ในครอบครัว ไมใหข อ งเกย่ี วกับยา เสพติด • ใหก าํ ลงั ใจและหาทางแกไข หากพบวา สมาชกิ ใน ครอบครวั ติดยาเสพติด
๓. ปอ งกันเพอ่ื นบาน โดยชวยชี้แจงใหเ พอื่ นบานเขา ใจถึงโทษและ ภยั ของยาเสพติด โดยมิใหเ พ่ือนบา นรเู ทา ไมถึงการณ ตอ งถูกหลอกลวง และ หากพบวา เพ่อื นบา นตดิ ยาเสพติด จงชวยแนะนําใหไปรกั ษาตวั ทโ่ี รงพยาบาล ๔. ปอ งกันโดยใหค วามรวมมือกับทางราชการ เมื่อทราบวาบา น ใดตําบลใด มียาเสพติดแพรระบาดขอใหแ จง เจาหนาทตี่ าํ รวจทกุ แหง ทกุ ทอ งทีท่ ราบ หรอื ทศ่ี นู ยปราบปรามยาเสพตดิ ใหโทษ กรมตาํ รวจ (ศปส.ตร.) โทร. 2527962 , 0-252-5932 และ ทส่ี าํ นกั งาน คณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ (สํานักงาน ป.ป.ส.) สํานกั นายกรัฐมนตรโี ทร. 2459350-9
๕. ปอ งกนั ชมุ ชน ทาํ ไดโ ดย • ชว ยชมุ ชนในการตอตา นยาเสพติด • เมือ่ ทราบแหลง เสพ แหลงคา หรือผลิตยาเสพติด ควรแจงใหเ จาหนาท่ที ราบทนั ที ท่ี... • สาํ นกั งาน ป.ป.ส. โทร. 02-2459414 หรือ 02- 2470901-19 ตอ 258 โทรสาร 02-2468526 • ศนู ยรบั แจง ขาวยาเสพตดิ สาํ นักงานตาํ รวจ แหงชาติ โทร. 1688
ขอคดิ สําหรบั ผกู ระทาํ ผดิ เกีย่ วกบั ยาเสพตดิ “ ไมว า จะไดรับทรัพยส นิ เงินทองมากเทา ใดจากการ ผลติ การคายาเสพตดิ ไมวาจะเปล่ยี นแปลงสภาพ ทรัพยสิน หรือโอนไปอยใู นชอ่ื ของใครกต็ าม เชน ลูก เมยี ญาตพิ น่ี อ ง หรือคนใกลชดิ หากไมส ามารถ พสิ จู นไ ดว า ทรพั ยสินเหลานน้ั ไดมาอยา งบริสทุ ธิ์ ศาลจะสัง่ รบิ ทรัพยสินนั้นใหต กเปนของ “กองทนุ ปองกันและปราบปรามยาเสพตดิ ” ตอไป และยงั ตอ งทนทุกขทรมานอยใู นคุกอกี ดว ย “
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: