เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรบั สขุ ศกึ ษา 92 เรียนอะไรบ้าง มีการบ้านอะไรมั้ย ประโยคเหล่าน้ีจะไม่อยู่ในบทสนทนาช่วงนั่งรถกลับอีกต่อไป ถ้าครู นักเรยี น และผู้ปกครองลองใชแ้ อพฯ นี้ Seesaw เป็นเหมือนตัวช่วยในการจัดการการบ้าน ซ่ึงแทนที่จะพูดออกไปเฉยๆ ครูเองก็จะได้ บันทึกไว้เตือนความจาตัวเองและนักเรียนว่าสั่งงานอะไรไปบ้าง ส่งเมื่อไหร่ แล้วก็จะรู้ได้ว่าใครส่งมาแล้ว บ้างด้วย นักเรียนเองก็สามารถทางานได้ในแอพฯ นี้เลย และสามารถเลือกใช้วิธีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะ เป็นพิมพ์เนื้อหา วาดรูป ถ่ายคลิป หรืออัดเสียง และครูก็สามารถคอมเมนต์ผลงานได้แทบจะในทันที รวมถึงแชรใ์ หผ้ ูป้ กครองรับรูไ้ ด้ด้วย โหลดใช้ได้ท่ี https://web.seesaw.me
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรับสขุ ศกึ ษา 93 ไม่อยากจะอวย แต่แอพฯ น้ีคือความดีงามในการทาพรีเซนเตช่ัน ไม่ใช่แค่สาหรับครูใช้สอนหรือ นักเรยี นใชร้ ายงานหน้าหอ้ งเท่าน้ันนะ แตก่ ับคนทางานกย็ งั ใชเ้ สนอโปรเจคหัวหนา้ หรือลูกคา้ ได้ Prezi เป็นเว็บไซตส์ าหรับสรา้ งไฟลพ์ รีเซนเตชน่ั ออนไลน์ มีฟังกช์ ่นั และลูกเล่นหวือหวาพอสมควร รวมถึงมีเคร่ืองมือช่วยเหลือค่อนข้างเยอะ สามารถเซฟเก็บไว้ท่ีเซิฟเวอร์ เพื่อเวลาจะเปิดใช้ก็แค่ล็อกอิน เขา้ ไป ส่วนแอพฯ ก็มีไว้สาหรับดูไฟล์ได้ ซ้อมพูดได้ สรุปให้ว่าดีจนอยากให้ลองใช้ ถ้าจะติดนิดหน่อยก็คือ ตอนนโ้ี ปรแกรมยงั ไม่รองรับภาษาไทยเท่านนั้ เอง โหลดใช้ได้ท่ี https://prezi.com
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรบั สุขศึกษา เอกสารอา้ งองิ 94 https://sites.google.com/site/krualeeymat/bthkhwam-kar-suksa- thawpi/bthkhwammimichux https://thematter.co/byte/classroom-app/32535 รานี เคอร์ บาเนอรจี. (2554). https://sites.google.com/site/krualeeymat/bthkhwam-kar-suksa- thawpi/bthkhwammimichux
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สขุ ศกึ ษา แผนการสอนประจาสปั ดาห์ที่ 11 95 บทที่ 6 แหลง่ เรียนรู้และทรพั ยากรที่น่าสนใจในสือ่ ออนไลน์ รายละเอยี ด 1. เว็บเบราเซอร์ ซอฟต์แวรส์ รา้ งเว็บ และซอฟต์แวร์อเี มล์ 2. รบิ บอนและส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) 3. วธิ กี ารใชส้ รา้ งงานโปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) จานวนช่วั โมงทีส่ อน 3 ชว่ั โมง กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. อาจารย์นาเสนอริบบอนคาส่งั ต่าง ๆ ของโปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) 2. นิสิตซกั ถามวธิ กี ารใชส้ ร้างงานโปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) 3. นิสติ ฝกึ ปฏิบัติ สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียน 2. ส่ือการสอนโดยใช้ PowerPoint 3. ห้องปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 การเขา้ ชนั้ เรยี น และแต่งกายถกู ระเบยี บ (M) 1.2 ความเข้าใจจากการเรียนรู้ (K) 1.3 การประยุกต์ใชค้ วามร้ใู นการสรา้ งสรรค์ผลงาน (C) 1.4 ทักษะการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ (N) 2. วธิ กี ารการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ 2.1 อาจารยพ์ ิจารณาการเขา้ ชัน้ เรยี น และแตง่ กายถกู ระเบียบ 2.2 อาจารยส์ ังเกตความสนใจ การตอบคาถาม และการซักถาม 2.3 อาจารย์พจิ ารณาผลงานจากการฝกึ ปฏบิ ัติ 3. สดั ส่วนของการประเมิน 3.1 ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม (M) รอ้ ยละ 10
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรับสุขศึกษา 3.2 ด้านความรู้ (K) ร้อยละ 30 96 3.3 ด้านทักษะทางปัญญา (C) รอ้ ยละ 30 3.4 ด้านทักษะความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลและความรับผดิ ชอบ (I) รอ้ ยละ 0 3.5 ดา้ นทักษะการวิเคราะห์เชิงตวั เลข การสอ่ื สาร และการใช้ไอที (N)ร้อยละ 15 เน้อื หาทสี่ อน 1. เวบ็ เบราเซอรห์ รือเบราวเ์ ซอร์ เว็บเบราเซอร์หรือเบราว์เซอร์ เปน็ ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและเรียกดูหน้า เวบ็ เบราเซอรม์ คี วามสามารถในการเปดิ ดไู ฟลต์ ่างๆ ท่สี นับสนนุ เชน่ HTML Flash และ PDF เปน็ ต้นซ่ึง เบราเซอร์มีหลายตัวและความสามารถของแต่ละตวั กแ็ ตกต่างกนั ขึน้ อยูก่ บั ว่าผู้พัฒนาเบราเซอร์จะพัฒนา ให้มีความสามารถอะไรบ้าง เบราเซอร์มักใช้เปิดดูเว็บเป็นส่วนใหญ่ และการใช้งานต่างๆ ในงานต่างๆ ใน ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็มักจะทาผ่านเบราเซอร์ เช่น การดูภาพยนตร์ผ่าน Youtube การส่งอีเมล การซ้ือขายสินค้า การใช้ส่ือสังคมออนไลน์ (social media) การดาวน์โหลดไฟล์ การเล่นเกมส์ผ่าน อินเทอร์เน็ต การเรียนการสอนผ่านออนไลน์ เป็นตน้ ล้วนแล้วแตท่ าผ่านเบราเซอรท์ งั้ สน้ิ สาหรับการเรียกดูเว็บ คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือต้องมีเว็บเบราเซอร์และเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ตเม่ือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเปิดเว็บเบราเซอร์ เบราว์เซอร์จะดึงและแสดงหน้าเว็บเริ่มต้น บางครัง้ เรียกวา่ โฮมเพจของเบราเซอร์ การใช้คาวา่ โฮมเพจอีกประการหน่ึง หมายถึงหน้าแรกของเว็บไซต์ โฮมเพจเปรียบไดก้ ับสารบัญสาหรบั เวบ็ ไซต์ โฮมเพจให้ขอ้ มูลเก่ียวกับวัตถุประสงค์และเน้ือหาของเว็บไซต์ สว่ นใหญจ่ ะมกี ารเชอื่ มโยงกับเอกสาร เวบ็ เพจ หรือเว็บไซตอ์ ่ืนๆ ซ่งึ สามารถแสดงผลหรือดาวน์โหลดไปยัง เคร่ืองคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือ การดาวน์โหลดเป็นกระบวนการรับข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์มือถือ เช่น หน้าเว็บหรือไฟล์เอกสารจากเซิร์ฟเวอร์บนอินเทอร์เน็ต ระบบปฏิบัติการบาง ระบบมเี วบ็ เบราเซอรต์ ดิ ตง้ั มาพร้อมกบั ระบบปฏิบัติการ เว็บเบราเซอร์บางตัวสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ ฟรีเว็บเบราเซอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอร์ (Internet Explorer) ไฟร์ ฟอกซ์ (Firefox) โอเปอรา (Opera) ซาฟารี (Safari) และกเู กลิ โครม (Google Chrome) เปน็ ตน้ ภาพที่ 6.1 ซอฟต์แวร์กูเกิล โครม
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สขุ ศึกษา 2. ซอฟตแ์ วรส์ รา้ งเว็บ 97 เว็บเพจนั้นที่จริงแล้ว คือไฟล์นั่นเอง ซ่ึงสามารถสร้างโดยคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่เมื่อสร้างเสร็จ แล้วผู้สร้างจะต้องอัพโหลดไฟล์ไปไว้ที่เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ซอฟต์แวร์สาหรับโอนย้ายไฟล์ ในกรณีท่ี บุคคลท่ัวไปท่ีไม่มีพ้ืนท่ีหรือไดเร็คทอรีสาหรับเก็บไฟล์ก็อาจจะสมัครใช้บริการเว็บไซต์ที่ให้บริการฟรี ท่ี เรียกว่าฟรีเว็บไซต์ หรือฟรีโฮสติง ซึ่งมีเป็นจานวนมาก ในการสร้างเว็บเพจนั้นจะต้องสร้างด้วยภาษา เอชทีเอ็มแอล (HTML) โดยการแทรกคาส่งั หรือแทก็ เข้าไปในสว่ นต่างๆ ของเอกสารเพ่ือให้เอกสารปรากฏ บนจอภาพตามรูปแบบทีต่ ้องการ โดยทวั่ ไปการสร้างเวบ็ เพจอาจสร้างดว้ ยโปรแกรมตา่ งๆ ดังน้ี คือ 2.1 ซอฟต์แวรเ์ ท็กซอ์ ดิ ิเตอร์ (text editor) คือ ซอฟตแ์ วรส์ าหรับพมิ พข์ อ้ ความ สามารถใช้ใน การสรา้ งเวบ็ เพจได้ แต่ต้องมคี วามชานาญภาษา HTML ในระดับสูง เน่ืองจากไมม่ เี คร่ืองมอื ชว่ ยใดๆ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ เช่น โน้ตแพด (NotePad) เวิรด์ แพด (WordPad) ซบั ไลม์เท็กซ์ (Sublime Text) เป็นตน้ 2.2 ซอฟต์แวร์เอชทีเอ็มแอลอิดิเตอร์ (HTML editor) คือ ซอฟต์แวร์ท่ีสามารถใส่แท็กภาษา HTML ได้โดยไมต่ ้องพมิ พเ์ อง เหมาะสาหรบั ผพู้ ัฒนาเวบ็ ที่มีความชานาญพอสมควร ตวั อย่างซอฟต์แวร์ เชน่ อิดทิ พลสั (EditPlus) อลั ตราอีดทิ (UltraEdit) เป็นตน้ 2.3 ซอฟต์แวร์เอชทีเอ็มแอลเจนเนอร์เรเตอร์ (HTML generator) เป็นซอฟต์แวร์สาหรับการ สร้างเวบ็ โดยเฉพาะ นอกจากขอ้ ความแล้วซอฟต์แวรย์ ังช่วยให้สามารถแทรกกราฟิก เสียง และวิดีโอลงใน หน้าเว็บได้ บางซอฟต์แวร์มีคอมโพเนนต์สาเร็จรูปสาหรับการสร้างเว็บบรรจุอยู่ด้วย เช่น คอมโพเนนต์ส ไปรย์ (Spry) ในซอฟต์แวร์อะโดบี ดรีมวีฟเวอร์ (Adobe Dreamweaver) นอกจากภาษา HTML ยังมี ภาษาสาหรับสรา้ งเวบ็ อน่ื ๆ เชน่ เอเอสพีดอทเนต็ (asp.net) พเี อชพี (php) เจเอสพี (jsp) เปน็ ต้น ซอฟตแ์ วรเ์ อชทเี อม็ แอลเจนเนอร์เรเตอร์จะรองรบั เพียงบางภาษาเท่านัน้ ตวั อยา่ งซอฟต์แวร์ เชน่ อะโดบี ดรมี วีฟเวอร์ วิชวลสตดู ิโอ (Visual Studio) เป็นต้น 2.4 ซอฟต์แวร์ที่บันทึกเอกสารให้เป็นเอชทีเอ็มแอล คือ ซอฟต์แวร์สาหรับใช้งานทั่วไปแต่ สามารถบันทึกเป็นเอกสาร HTML ได้ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ เช่น ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ (Microsoft Ofce) คอรีล เวริ ด์ เพอร์เฟค็ ออฟฟศิ (Corel WordPerfect Ofce) เปน็ ต้น
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรับสขุ ศกึ ษา 98 ภาพที่ 6.2 ซอฟตแ์ วรอ์ ะโดบี ดรมี วฟี เวอร์ 3. ซอฟต์แวร์อีเมล อเี มล หรอื จดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ คือ การสง่ ขอ้ ความและไฟลผ์ ่านทางเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ปัจจุบัน อเี มลเปน็ วิธกี ารส่ือสารหลักสาหรับการใชง้ านทงั้ ส่วนบุคคลและธรุ กิจ ซอฟต์แวรอ์ เี มลใชใ้ นการ สร้างสมุดที่อยู่หรือโฟลเดอร์ติดต่อที่มีรายช่ือและที่อยู่อีเมล (e-mail address) ส่ง รับ ส่งต่อ จัดเก็บ พิมพ์ค้นหา ปิดก้ันและลบข้อความอีเมล การส่งอีเมลอาจมีเฉพาะข้อความหรืออาจรวมถึงการแนบไฟล์ เชน่ เอกสารการประมวลผลคา กราฟิก คลปิ เสียงและวิดีโอ เป็นต้น การดาเนินการดังกล่าวจะต้องมีท่ีอยู่ อเี มลของทั้งผู้รบั และผู้ส่ง เมื่อส่งข้อความอีเมล เซิร์ฟเวอร์อีเมลขาออกที่ดาเนินการโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต จะเป็น ตัวกาหนดเส้นทางส่งข้อความผ่านทางอินเทอร์เน็ตและจากนั้นจะส่งข้อความออกไปยังผู้รับ เม่ือได้รับ ข้อความอีเมล เซิร์ฟเวอร์จดหมายขาเข้าที่ดาเนินการโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเช่นกัน จะจัดเก็บ ข้อความในกล่องจดหมายจนกว่าผู้ใช้จะใช้ซอฟต์แวร์อีเมลเรียกดูข้อความนั้น ซอฟต์แวร์อีเมลส่วนใหญ่มี การแจง้ เตอื นอีเมลทีแ่ จง้ ใหท้ ราบผ่านทางข้อความและ/หรอื เสียงเม่อื ได้รบั อีเมลใหม่
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรบั สขุ ศกึ ษา บางซอฟต์แวร์สาเร็จและบางระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์อีเมลรวมอยู่ด้วย บางซอฟต์แวร์เป็น 99 ซอฟต์แวร์ประยุกต์บนเว็บท่ีให้บริการฟรีบนเว็บ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางรายมีซอฟต์แวร์อีเมลให้ใช้ งานฟรีเม่ือสมัครใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ตัวอย่างซอฟต์แวร์อีเมลสาหรับใช้งานบนเดสก์ท็อป เช่น ไมโครซอฟท์เอาต์ลุก (Microsoft Outlook) และมอสซิลลา ธันเดอร์เบิร์ด (Mozilla Thunderbird) เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์บนเว็บ สาหรบั ใชง้ านอเี มลฟรที ีเ่ ปน็ ทีน่ ยิ ม เช่น จเี มล (Gmail) ฮอทเมล (Hotmail) และยาฮู (Yahoo) เป็นตน้ ภาพท่ี 6.3 ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟทเ์ อาต์ลกุ ท่ี ม า : http://searchexchange.techtarget.com/tutorial/Previewing-SharePoint-document- libraries-in-Microsoft Outlook สืบค้นเมอื่ 28 ตลุ าคม 2560. 4. โปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) โปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) เป็นโปรแกรมประยกุ ต์ของกูเกลิ (Google application) หนงึ่ ในอีกหลาย ๆ โปรแกรม มีการใชง้ านบนระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ ทส่ี ามารถสร้าง แกไ้ ข และใหบ้ ริการไปพร้อม ๆ กันไดเ้ ลย โปรแกรมทาแบบสอบถามออนไลน์ (Google Form) มคี วามสามารถในการทาแบบสอบถาม อเิ ล็กทรอนิกส์ (electronic form) ที่สามารถประมวลผลด้วยค่าสถิตพิ ื้นฐาน อาทิ ค่าความถ่ี และคา่ รอ้ ย ละ แลว้ รายงานผลออกมาเป็นแผนภูมิรูปภาพได้ทันที สว่ นประกอบของ Google Form
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรับสขุ ศกึ ษา เมอ่ื เข้าสูโ่ ปรแกรม Google Form จะมหี นา้ จอการทางานดังภาพดา้ นลา่ งน้ี ซึ่งมสี ่วนประกอบท่ี 100 ควรรจู้ กั ดังนี้ ภาพที่ 6.4 หนา้ จอโปรแกรม Google Form หมายเลข ช่ือฟอร์ม ใช้ส าหรบั ตงั้ ชอ่ื เรียกของฟอรม์ อิเลก็ ทรอนิกส์ หมายเลข แท็บ Questions ใชส้ าหรบั การสร้างแบบสอบถาม หมายเลข แทบ็ Responses ใช้สาหรับกาหนดรูปแบบการตอบกลบั ไปยังผ้ใู ชเ้ มือ่ เสร็จสนิ้ ใน การตอบคาถาม หมายเลข พื้นที่ขอ้ คาถาม ใชส้ าหรบั ตั้งคาถามและคาตอบ สามารถเลือกรูปแบบคาถามได้ จากเมนูย่อยดา้ นขวา หมายเลข เคร่อื งมือสาหรับการเพ่ิมข้อคาถาม ปรับขนาดตวั อักษร เพ่ิมรปู ภาพ เพม่ิ วิดโี อ และการแบง่ ส่วนของแบบสอบถาม หมายเลข เคร่ืองมอื สาหรับการตกแต่งแบบสอบถาม การแสดงตัวอย่าง และการต้ังค่า แบบสอบถาม การสร้างแบบสอบถาม การสร้างแบบสอบถามโดยใช้โปรแกรม Google Form ผใู้ ช้จาเปน็ ตอ้ งเป็นสมาชกิ ของกูเกิลกอ่ น หลักจากทเี่ ข้าสู่ระบบของกูเกิลแลว้ ใหด้ าเนินตามขน้ั ตอนต่อไปน้ี 1. เลือกการทางานไปท่ี Google Drive
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สุขศกึ ษา 101 ภาพที่ 6.5 เมนเู ลอื กโปรแกรมของกเู กลิ 2. ไปท่ี My Drive - More - Google Form ภาพที่ 6.6 เมนูการเขา้ ใช้ Google Form 3. เมื่อเข้าสู่หนา้ โปรแกรม Google Form เริ่มสร้างแบบสอบถาม โดยรูปแบบข้อคาถามสามารถ ปรบั เปลี่ยนได้หลายรปู แบบ คอื 1) Short Answer - ใชส้ าหรบั คาถามทตี่ ้องการคาตอบแบบสนั้
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรับสุขศึกษา 102 ภาพที่ 6.7 ขอ้ คาถามแบบ Short Answer 2) Paragraph - ใช้สาหรับคาถามทีต่ ้องการคาตอบแบบยาว ภาพที่ 6.8 ข้อคาถามแบบ Paragraph 3) Multiple choice - ใชส้ าหรับคาถามท่เี ป็นตัวเลอื ก โดยเลอื กไดเ้ พยี งข้อเดยี ว ภาพที่ 6.9 ขอ้ คาถามแบบ Multiple choice
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรบั สขุ ศกึ ษา 4) Checkbox - ใชส้ าหรบั คาถามท่ีเปน็ ตวั เลือกและสามารถเลอื กไดห้ ลายตวั เลอื ก 103 ภาพที่ 6.10 ขอ้ คาถามแบบ Checkbox 5) Dropdown - ใชส้ าหรับคาถามท่ีใหเ้ ลือกตามจากรายการท่มี ีไวใ้ หแ้ ลว้ ภาพที่ 6.11 ข้อคาถามแบบ Dropdown 6) Linear scale - ใช้สาหรบั คาถามทตี่ อ้ งการใหผ้ ตู้ อบบอกระดับความคิดเห็นจากมากทสี่ ุด ไปน้อยทสี่ ุด
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สุขศึกษา 104 ภาพที่ 6.12 ขอ้ คาถามแบบ Linear scale 7) Multiple choice grid - ใชส้ าหรับคาถามทีเ่ ปน็ ลักษณะตารางเมทริก ภาพที่ 6.13 ข้อคาถามแบบ Multiple choice grid 8) Date - ใชส้ าหรับคาถามท่ีตอ้ งการทราบวัน ซง่ึ รปู แบบจะเป็น เดือน วนั ปี ภาพที่ 6.14 ข้อคาถามแบบ Date
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรบั สขุ ศกึ ษา 9) Time - ใช้สาหรับคาถามที่ตอ้ งการทราบเวลา 105 ภาพที่ 6.15 ข้อคาถามแบบ Time 4. การดรู ายงานสรปุ ใหไ้ ปท่แี ท็บ Responses - Summary จะมีรายงานสรปุ แสดงให้เหน็ กรณี ที่เปน็ คาถามแบบ Short answer, Paragraph, Date และ Time การรายงานสรุปจะไม่แสดงในรูปแบบ แผนภูมิ สรุป โปรแกรม Google Form เป็นโปรแกรมประยุกต์ของกูเกิลท่ีมีการใช้งานบนระบบเครือข่าย อินเทอรเ์ นต็ สามารถนาไปใชใ้ นการสรา้ งแบบสอบถามอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจนาไปประยุกต์ใช้ในการทา แบบฟอร์มเก็บข้อมูลขององค์การหรอื หน่วยงานก็ได้ แบบฝึกหัด ให้นิสติ สร้างแบบฟอร์อเิ ล็กทรอนิกส์ โดยเลอื กรปู แบบข้อคาถามใหเ้ หมาะสม ถูกต้อง และ สวยงาม 1 แบบฟอรม์ เอกสารอ้างอิง Use the new Google Forms. (2016). Retrieved July 3, 2016, from https://support.google.com/docs/answer/6281888?hl=en http://searchexchange.techtarget.com/tutorial/Previewing-SharePoint-document-libraries- in-Microsoft Outlook สืบคน้ เมอ่ื 28 ตุลาคม 2560.
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรับสขุ ศึกษา แผนการสอนประจาสปั ดาห์ที่ 12 106 บทที่ 7 กฎหมาย จรยิ ธรรม และความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รายละเอียด 1. กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. พระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 3. จริยธรรมกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ จานวนช่ัวโมงท่สี อน 3 ชวั่ โมง กิจกรรมการเรียนการสอน 1. อาจารย์นาเสนอกฎหมาย จรยิ ธรรม และความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. นิสติ ซักถามกฎหมาย จรยิ ธรรม และความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. นสิ ิตฝึกปฏบิ ตั ิสืบคน้ กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกบั เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ิมเตมิ ส่ือการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียน 2. สอื่ การสอนโดยใช้ PowerPoint 3. หอ้ งปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ผลการเรยี นรู้ 1.1 การเขา้ ชั้นเรยี น และแต่งกายถกู ระเบียบ (M) 1.2 ความเขา้ ใจจากการเรียนรู้ (K) 1.3 การประยุกต์ใช้ความรู้ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน (C) 1.4 ทกั ษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (N) 2. วิธกี ารการวดั และการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 2.1 อาจารยพ์ ิจารณาการเข้าชั้นเรียน และแตง่ กายถกู ระเบียบ 2.2 อาจารยส์ ังเกตความสนใจ การตอบคาถาม และการซักถาม 2.3 อาจารยพ์ จิ ารณาผลงานจากการฝึกปฏิบัติ 3. สดั ส่วนของการประเมิน
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรบั สุขศกึ ษา 3.1 ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม (M) รอ้ ยละ 30 107 3.2 ดา้ นความรู้ (K) ร้อยละ 30 3.3 ดา้ นทักษะทางปัญญา (C) ร้อยละ 15 3.4 ด้านทักษะความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรับผดิ ชอบ (I) รอ้ ยละ 10 3.5 ด้านทักษะการวเิ คราะหเ์ ชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้ไอที (N)รอ้ ยละ 15 เนอื้ หาที่สอน สังคมสารสนเทศเป็นสังคมใหม่ เพ่ือให้การอยู่ร่วมกันของคนในสังคมเป็นไปโดยสันติและสงบสุข เอ้ือประโยชน์ซึ่งกันและกัน จึงต้องมีกฎเกณฑ์ท่ีมากาหนดควบคุมเพ่ือให้สังคมดังกล่าวให้มีความสงบ เรียบรอ้ ยในปัจจุบนั เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เขา้ มามบี ทบาท ในชวี ติ ประจาวัน มกี ารใช้คอมพิวเตอร์ และ ระบบสื่อสารกนั มาก ขณะเดียวกันกม็ ผี ูใ้ ชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในทางท่ีไม่ถูก ไม่ควร ดังน้ันจึงจาเป็นต้อง มีกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้บังคับควบคุมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และเม่ือมีกฎหมาย ออกมาบังคับใชแ้ ล้ว ผูใ้ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะปฏเิ สธวา่ ไมร่ กู้ ฎหมายไมไ่ ด้ กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Law) หรือมักเรียกกันว่า กฎหมายไอที (IT Law) เสนอโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ ส่ิงแวดล้อม และเห็นชอบให้คณะกรรมการเทคโนโลยี สารสนเทศแห่งชาติ (National Information Technology Committee) หรือท่ีเรียกโดยย่อว่า คณะกรรมการไอทีแห่งชาติ หรือ กทสช. (NITC) ทาหน้าที่เป็นศูนย์กลางและประสานงานระหว่าง หน่วยงานต่าง ๆ ด าเนินการจัดทากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศและกฎหมายอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ท้ังน้ี คณะกรรมการไอทแี หง่ ชาตหิ รือ กทสช. (NITC) ได้แต่งต้ังคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อยกร่างกฎหมาย ไอทีท้ัง 6 ฉบับ โดยมอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Electronics and Computer Technology Center) หรือท่ีมักเรียกโดยย่อว่า \"เนคเทค\" (NECTEC) สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (National Science and Technology Development Agency) หรือท่ีเรียกโดยย่อว่า \"สวทช.\" กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ ส่ิงแวดล้อม ในฐานะสานักงานเลขานุการคณะกรรมการไอทีแห่งชาติ ทาหน้าท่ีเป็นเลขานุการในการยก ร่างกฎหมายไอทีทั้ง 6 ฉบับ เนคเทคจึงได้เริ่มต้นโครงการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้น เพ่ือ ปฏิบตั ติ ามนโยบายทไี่ ดร้ ับมอบหมายจากรฐั บาลและคณะกรรมการไอทแี ห่งชาติ ในการยกร่างกฎหมายไอ ทที ้งั 6 ฉบับ ให้แล้วเสรจ็ คอื 1. กฎหมายเกี่ยวกบั ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Law) เพอ่ื รับรอง สถานะทางกฎหมายของขอ้ มูลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ให้เสมอข้อมูลท่ที าในกระดาษ อนั เป็นการรองรบั นติ ิสมั พันธ์ ต่าง ๆ ซ่ึงแต่เดิมอาจจะจัดทาข้นึ ในรปู แบบของหนังสือใหเ้ ทา่ เทยี มกับนิติสัมพันธร์ ปู แบบใหม่ทจ่ี ัดทาข้ึน
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสุขศกึ ษา ให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมตลอดท้ังการลงลายมือช่ือในข้อมลู อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และการ 108 รับฟงั พยานหลักฐานท่ีอยใู่ นรูปแบบของข้อมลู อิเล็กทรอนกิ ส์ 2. กฎหมายเกี่ยวกับลายมือช่ืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law) เพ่ือรับรองการใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยกระบวนการใด ๆ ทางเทคโนโลยีให้เสมอด้วยการลงลายมือชื่อธรรมดา อัน ส่งผลต่อความเช่ือมั่นมากข้ึนในการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และกาหนดให้มีการกากับดูแลการ ให้บริการ เกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนการให้ บริการอ่ืน ที่เก่ียวข้องกับลายมือช่ือ อเิ ล็กทรอนิกส์ 3. กฎหมายเก่ียวกับการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานสารสนเทศให้ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน (National Information Infrastructure Law) เพื่อก่อให้เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนา โครงสร้างพน้ื ฐานสารสนเทศ อนั ได้แก่โครงข่ายโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ สารสนเทศทรัพยากร มนษุ ย์ และโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศสาคัญอน่ื ๆ อันเป็นปัจจัยพื้นฐาน สาคญั ในการพัฒนาสังคม และ ชุมชนโดยอาศยั กลไกของรฐั ซึง่ รองรบั เจตนารมณ์สาคญั ประการหน่ึงของแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐตาม รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 78 (3) ในการกระจายสารสนเทศให้ท่ัวถึง และเท่าเทียมกัน และนับเป็นกลไกสาคัญในการช่วยลดความเหล่ือมล้าของสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพ่ือสนับสนุนให้ท้องถ่ินมีศักยภาพในการปกครองตนเองพัฒนาเศรษฐกิจภายในชุมชน และนาไปสู่สังคม แห่งปญั ญา และการเรยี นรู้ 4. กฎหมายเก่ียวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law) เพ่ือก่อให้เกิดการ รับรองสิทธิ และให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซ่ึงอาจถูกประมวลผลเปิดเผยหรือเผยแพร่ถึงบุคคล จานวนมากได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วโดยอาศัยพัฒนาการทางเทคโนโลยี จนอาจก่อให้เกิดการนาข้อมูล น้นั ไปใชใ้ นทางมชิ อบอันเปน็ การละเมิดตอ่ เจ้าของข้อมูล ท้ังนี้โดยคานึงถึงการรักษาดุลยภาพระหว่างสิทธิ ขัน้ พ้ืนฐานในความเป็นสว่ นตัว เสรภี าพในการตดิ ตอ่ ส่ือสาร และความม่ันคงของรัฐ 5. กฎหมายเกี่ยวกับการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law) เพ่ือ กาหนดมาตรการทางอาญา ในการลงโทษผู้กระทาผิดต่อระบบการทางานของคอมพิวเตอร์ระบบข้อมูล และระบบเครือข่าย ท้งั นเ้ี พื่อเป็นหลกั ประกนั สิทธิเสรีภาพ และการคมุ้ ครองการอยรู่ ่วมกนั ของสงั คม 6. กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer Law) เพื่อ กาหนดกลไกสาคัญทางกฎหมายในการรองรับระบบการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ท้ังท่ีเป็นการโอนเงิน ระหว่างสถาบันการเงิน และ ระบบการชาระเงินรูปแบบใหม่ในรูปของเงินอิเล็กทรอนิกส์ก่อให้เกิดความ เชอื่ มน่ั ต่อระบบการทาธุรกรรมทางการเงิน และการทาธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์มากย่งิ ขึ้น ตอ่ มาคณะกรรมการกฤษฎกี าได้น าร่างพระราชบญั ญัติวา่ ด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และร่าง พระราชบัญญัติลายมือช่ืออิเล็กทรอนิกส์รวมเป็นฉบับเดียว โดยได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ รัฐสภาพจิ ารณาและตราเปน็ พระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ดังนั้นกฎหมาย เทคโนโลยี สารสนเทศของไทยในปจั จุบนั จงึ มีทัง้ สิน้ 5 ฉบับ ไดแ้ ก่ 1. พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสขุ ศกึ ษา 2. ร่างพระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการพฒั นาโครงสรา้ งพ้นื ฐานสารสนเทศ พ.ศ... 109 3. ร่างพระราชบญั ญัติว่าด้วย ร่างพระราชบัญญตั วิ า่ ด้วยการคมุ้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ… 4. พระราชบญั ญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทาความผดิ เก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 5. รา่ งพระราชบัญญัตวิ า่ ดว้ ยการโอนเงินทางอเิ ล็กทรอนิกส์ พ.ศ… จะเหน็ ไดว้ า่ กฎหมายดังท่ีกล่าวมาข้างต้นท้ัง 5 ฉบับ มี 3 ฉบับท่ีเป็นร่างของกฎหมายซ่ึงยังคงอยู่ ในขัน้ ตอนการพิจารณาออกบงั คบั ใช้ ในบทน้ขี อนาเสนอเฉพาะกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน และ มีความจาเป็นต่อการจัดการเรียนการสอน คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทาความผดิ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ผ่านการเห็นชอบ จากสภานิติบัญญัติ การลงพระปรมาภิไธย และการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เม่ือ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2550 และจะมีผลใช้บังคับต้ังแต่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป ดังน้ันผู้ใช้ คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตโดยท่ัวไป ผู้ให้บริการ ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เปิดบริการอินเทอร์เน็ต ให้แก่ผู้อ่ืนหรือ กลุ่มพนักงานนิสิตในองค์กร ควรทราบถึงรายละเอียดของพระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทาความผิดเกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยประเทศไทยได้มีการนาคบั ใช้เปน็ ท่เี รยี บรอ้ ยแลว้ ความเปน็ มาของพระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการกระทาความผดิ เกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 สภาพปญั หาเกี่ยวกับการกระทาความผิดทางคอมพวิ เตอร์ในปัจจบุ ัน ความสาคัญของคอมพวิ เตอร์ในชวี ติ ประจาวัน ผลของการกระทาผิดกระทบหรือความเสยี หายในวงกว้างและรวดเร็ว ยงั ไมม่ กี ฎหมายกาหนดความผดิ มากอ่ น o การทกี่ ฎหมายอาญามุ่งคมุ้ ครอง วตั ถุทม่ี รี ูปร่างเทา่ นน้ั แตใ่ นยคุ ไอที ข้อมูลข่าวสาร เป็นวัตถุท่ีไม่มีรูปร่าง ตัวอย่างของการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ได้แก่ การ โจรกรรมเงินในบัญชีลูกค้าของธนาคาร การโจรกรรมความลับของบริษัทต่างๆ ที่เก็บไว้ ในคอมพวิ เตอร์ การปล่อยไวรัสเข้าไปในคอมพิวเตอร์ o พยานหลักฐานทีเ่ ก่ยี วกับคอมพิวเตอร์น้ันสามารถเปลีย่ นแปลงไดต้ ลอดเวลาและถูก กระทาไดง้ ่ายแตย่ ากต่อการสบื หา o ปัญหาเร่อื งขอบเขตพ้ืนทีซ่ ่ึงเป็นเรื่องที่มคี วามสาคัญ เพราะผ้กู ระทาความผดิ อาจ กระทาจากทอี่ นื่ ๆ ทไ่ี ม่ใช่ประเทศไทย ซงึ่ อยนู่ อกเขตอานาจของศาลไทย เจตนารมณ์ในการร่างพระราชบญั ญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสขุ ศึกษา เน่ืองจากปัญหาภัยคุกคามที่เกิดจาก ไวรัสคอมพิวเตอร์ แฮกเกอร์ การเผยแพร่ รูปภาพ 110 ขอ้ ความ ท่ีมลี ักษณะลามก อนาจาร หรอื ข้อมลู อนั เป็นเท็จที่กอ่ ให้เกิดความเสียหายตอ่ บุคคล ต่อความ มั่นคงทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นเหตุให้เกิดการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทาความผดิ เกีย่ วกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ขน้ึ โดยมีเจตนารมณด์ ังน้ี 1. เพื่อเป็นการใช้กรอบแห่งกฎหมายในการกาหนดฐานความผิดและบทลงโทษในการเรียกร้อง ค่าเสียหายแก่ผู้กระทาความผิดเพอ่ื คมุ้ ครองสิทธิใหแ้ ก่ประชาชน 2. เพื่อกาหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับอานาจหน้าท่ีของเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ทั้งด้านนโยบาย มาตรฐาน แนวปฏิบัติ และกาหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการไม่ว่าจะแก่ตนเองหรือบุคคลอื่นในการเข้าสู่ อนิ เทอรเ์ นต็ หรอื ใหส้ ามารถติดต่อถึงกันโดยผ่านระบบคอมพวิ เตอร์กต็ าม โดยให้มีแนวทางการปฏิบัติการ ดาเนนิ งานให้เกิดความชดั เจนถูกต้องในแนวทางเดียวกัน สาระสาคัญ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีท้ังหมด 30 มาตรา ซึ่ง ในบทเรยี นนีจ้ ะกลา่ วถงึ หมวดที่ 1 ความผิดเกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ เท่าน้นั บทนยิ ามศพั ท์ มาตรา 3 ในพระราชบญั ญตั นิ ้ี “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความวา่ อุปกรณห์ รอื ชุดอปุ กรณ์ของคอมพวิ เตอร์ท่ีเชื่อมการทางาน เขา้ ด้วยกัน โดยได้มีการกาหนดคาสั่ง ชุดคาส่ัง หรือส่ิงอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้ อุปกรณ์ หรือชุด อุปกรณ์ทาหน้าท่ีประมวลผลขอ้ มลู โดยอตั โนมตั ิ “ข้อมลู คอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คาส่ัง ชุดคาสั่ง หรือสิ่งอ่ืนใดบรรดา ที่อยู่ ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพท่ีระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึง ข้อมูล อิเลก็ ทรอนกิ ส์ตามกฎหมายว่าดว้ ยธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนิกสด์ ้วย “ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเก่ียวกับการติดต่อส่ือสารของระบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถงึ แหลง่ กาเนิดต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันท่ี ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของ บรกิ าร หรืออ่นื ๆ ที่เกยี่ วข้องกบั การติดตอ่ สอ่ื สารของระบบคอมพวิ เตอรน์ ้นั “ผูใ้ ห้บรกิ าร” หมายความวา่ (๑) ผูใ้ หบ้ ริการแกบ่ ุคคลอ่นื ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดย ประการอ่ืน โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งน้ี ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือ ในนามหรือเพื่อ ประโยชน์ของบคุ คลอ่นื
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สุขศึกษา (๒) ผ้ใู ห้บรกิ ารเกบ็ รกั ษาขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์เพื่อประโยชนข์ องบุคคลอนื่ 111 หมวดท่ี 1 ความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ ฐานความผิดและบทลงโทษสาหรับการกระทาโดย มชิ อบการเขา้ ถงึ ระบบคอมพิวเตอร์ มาตรา 5 “ผใู้ ดเข้าถึงโดยมชิ อบซง่ึ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ มีมาตราการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการน้ันมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ” “การเข้าถึง” หมายถึงการเข้าถึงทั้งในระดับกายภาพ เช่น กรณีที่มีการกาหนดรหัสผ่านเพ่ือ ป้องกันมิให้บุคคลอื่นใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และผู้กระทาผิดดาเนินการด้วยวิธีใดวิธีหน่ึงเพ่ือให้ได้รหัสผ่าน นั้นมาและ สามารถใชเ้ ครอื่ งคอมพิวเตอร์น้ันได้โดยนั่งอยู่หน้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์นั้นเอง และ หมายความ รวมถึงการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์หรือเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์แม้ตัวบุคคลที่เข้าถึงจะอยู่ห่างโดย ระยะทางกับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่สามารถเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ท่ีตน ต้องการได้ การล่วงร้มู าตรการป้องกันการเข้าถงึ มาตรา 6 “ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึง ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีผู้อื่นจัดทาข้ึนเป็นการ เฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแต่ ผู้อ่ืน ต้อง ระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหนึ่งปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ สองหม่นื บาท หรอื ท้งั จาทั้งปรบั ” องคป์ ระกอบความผดิ มาตรานี้ ประกอบด้วย (1) ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดท าข้ึน เป็นการเฉพาะ หมายความว่า ระบบคอมพิวเตอร์น้นั มมี าตรการปอ้ งกันการเขา้ ถึง เชน่ มกี ารลงทะเบียน username และ password หรือมวี ธิ กี ารอ่นื ใดท่จี ดั ขนึ้ เปน็ การเฉพาะ และไมส่ าคญั ว่าผกู้ ระทาล่วงรถู้ งึ มาตรการป้องกันมา โดยชอบ หรอื ไม่ชอบ (2) เปดิ เผยโดยมิชอบ หมายความว่าเพียงแตน่ ามาตรการนั้นเปิดเผยแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือหลายคนก็ เขา้ องค์ประกอบความผิดแลว้ เม่ือเปิดเผยแล้วผู้ใดจะทราบหรือนาไปใช้หรอื ไม่ไมส่ าคัญ (3) ในประการท่ีนา่ จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อ่ืน เป็นองค์ประกอบความผิดอีกประการหนึ่งท่ีต้อง พิจารณาด้วยว่าการเปิดเผยน้ัน อยู่ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือไม่หากเป็นเรื่องที่ไม่ นา่ จะทาใหผ้ ใู้ ดเสียหายก็ไม่มีความผดิ (4) เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 กล่าวคือ ผู้กระทาได้กระทาโดยรู้สานึกในการ ที่กระทาและในขณะเดียวกันผกู้ ระทาประสงค์ตอ่ ผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทาน้ัน ซ่ึงถ้าผู้กระทา ไมม่ เี จตนาก็ย่อมไมม่ ีความผิด การเข้าถงึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สุขศกึ ษา มาตรา 7 “ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ท่ี มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ 112 และมาตรการน้ันมิได้มีไว้สาหรับตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้ง จาทัง้ ปรับ” องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 7 ตรงกับองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 5 เพียงแต่เปล่ียน จาก “ระบบคอมพิวเตอร์” เป็น “ข้อมลู คอมพวิ เตอร์” การดักรับข้อมลู คอมพวิ เตอร์ของผู้อื่นโดยมชิ อบ มาตรา 8 “ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์เพ่ือดักรับไว้ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อ่ืนที่อยู่ ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้ เพ่ือ ประโยชน์สาธารณะหรือเพอ่ื ให้บคุ คลทว่ั ไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปีหรือปรับ ไม่เกินหกหม่ืนบาท หรือทัง้ จาทั้งปรบั ” ตามคาอธิบายของเนคเทคประกอบการเสนอร่างกฎหมายมีดังน้ี การดักรับข้อมูลในมาตราน้ี หมายถึง การดักรับโดยวิธีการทางเทคนิค (technical means) เพ่ือลักลอบดักฟัง (listen) ตรวจสอบ (monitoring) หรือติดตาม เนื้อหาสาระของข่าวสาร (surveillance) ท่ีส่ือสารถึงกันระหว่างบุคคล หรือ เป็นการกระทาเพื่อให้ได้มาซึ่งเนื้อหาของข้อมูลโดยตรงหรือโดยการเข้าถึงและใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือ การทาให้ได้มาซึ่งเนื้อหาของข้อมูลโดยทางอ้อมด้วยการแอบบัน ทึกข้อมูล ส่ือสารถึงกันด้ ว ยอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่คานึงว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้บันทึกข้อมูลดังกล่าวจะต้องเช่ือมต่อเข้ากับ สายสัญญาณสาหรับส่งผ่านข้อมูลหรือไม่ เพราะบางกรณีอาจใช้อุปกรณ์เช่นว่าน้ันเพื่อบันทึกการส่ือสาร ข้อมูลที่ได้ส่งผ่านด้วย วิธีการแบบไร้สายก็ได้ เช่นการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่การติดต่อโดยใช้ เทคโนโลยีไร้สายประเภท wireless LAN เป็นต้น อีกทั้งข้อมูลน้ันมิได้มีไว้เพ่ือประโยชน์สาธารณะหรือ เพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ ท้ังนี้การกระทาผิดดังกล่าวจะต้องประกอบด้วยเจตนาตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 59 การทาใหเ้ สยี หาย ทาลาย แก้ไข เปลยี่ นแปลงข้อมูลคอมพวิ เตอร์โดยมิชอบ มาตรา 9 “ผใู้ ดทาใหเ้ สียหาย ทาลาย แก้ไข เปล่ียนแปลง หรือเพ่ิมเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้ังจาทง้ั ปรับ” ความผิดตามมาตรานี้หมายถึงการกระทาอันเป็นการรบกวนข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิ ชอบตัวอย่างของการกระทาความผิดตามมาตรานี้ ได้แก่ การป้อนโปรแกรมที่มีไวรัสทาลายข้อมูลหรือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือการป้อน Trojan Horse เข้าไปในระบบ เพ่ือขโมยรหัสผ่านของผู้ใช้ คอมพิวเตอร์หรือเพ่ือเข้าไปลบ เปล่ียนแปลงแก้ไขข้อมูล หรือกระทาการใดๆ อันเป็นการรบกวนข้อมูล เป็นต้น อย่างไรก็ตามการกระทาความผิดตามมาตราน้ีมีองค์ประกอบความผิดท่ีสาคัญคือ “โดยมิชอบ” ดังนั้นหากเป็นการกระทาของบุคคลผู้มีสิทธิโดยชอบ ก็จะไม่เป็นความผิด เช่น การเปล่ียนแปลงข้อมูล จราจรทางคอมพิวเตอร์ (traffic data) เพื่อประโยชน์ในการส่ือสารแบบไม่ระบุช่ือ ตัวอย่างเช่น การ
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สุขศึกษา สื่อสารผ่านระบบ anonymous remailer system หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเพื่อการรักษาความลับ 113 และความปลอดภยั ของการส่อื สาร อาทกิ ารเขา้ รหัสขอ้ มลู (encryption) เปน็ ต้น การรบกวน ขัดขวางการทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ มาตรา 10 “ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบเพ่ือให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของ ผู้อ่ืนถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทางานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกิน ห้าปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนึ่งแสนบาท หรือทงั้ จาทัง้ ปรับ” ความผิดตามมาตรานี้มีวัตถุประสงค์และองค์ประกอบความผิดคล้ายคลึง กับมาตรา 9 เพียงแต่ เปลี่ยนวัตถุแห่งการถูกกระทาจาก “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” เป็น “ระบบคอมพิวเตอร์” โดยมีเจตนาพิเศษ คือ เพื่อให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูก ระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่ สามารถทางานตามปกติได้ “จนไม่สามารถทางานตามปกติได้” ย่อมหมายความว่า ระบบ คอมพิวเตอร์ น้ันไม่สามารถทางานได้โดยสมบูรณ์ดังน้ันถึงแม้ว่าระบบคอมพิวเตอร์จะทางานได้แต่เป็นการทางานที่ไม่ สมบูรณ์หรือผิดปกติไป (malfunctioning) ก็ย่อมอยู่ใน ความหมายของถ้อยคาอันเป็นองค์ประกอบ ความผิดนแ้ี ลว้ การสแปมเมล์ (Spam mail) มาตรา 11 “ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอ่ืนโดยปกปิดหรือ ปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูล ดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคล อ่ืนโดยปกตสิ ุข ต้องระวางโทษไม่เกนิ หนึง่ แสนบาท” ความผดิ ตามมาตราน้ี เป็นการเอาผิดแกก่ ารกระทาท่ีไม่ถึงกับทาให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถ ทางานตามปกตไิ ด้ แต่เป็นการทาใหเ้ กิดการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอ่ืน เช่นส่ง e-mail มากจนล้นระบบคอมพวิ เตอรจ์ นทาให้เกิดความยุ่งยากในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ องค์ประกอบความผิด ตามมาตราน้ีสาคัญมากเพราะไม่ใช่เร่ือง “โดยมิชอบ” เหมือนกับ ความผิดตามมาตราอ่ืนๆใน พระราชบัญญัติน้ี แต่เป็นเร่ืองปกปิดหรือปลอมแปลง แหล่งท่ีมาของการส่งข้อมูล ได้แก่ การปกปิดหรือ ปลอมแปลง IP address และหมายถึงการกระทาท่ีทาให้ไม่สามารถตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของการส่ง ขอ้ มูล และส่งผลใหไ้ มอ่ าจตรวจสอบไดท้ างระบบข้อมลู จราจรทางคอมพิวเตอรเ์ ป็นตน้ การกระทาความผิดต่อ ประชาชนโดยท่วั ไป / ความมน่ั คง มาตรา 12 “ถา้ การกระทา ความผิดตามมาตรา 9 หรือ มาตรา 10 (1) กอ่ ให้เกิดความเสยี หายแก่ประชาชนไมว่ ่าความเสยี หายนั้นจะเกิดขึ้นในทันที หรือในภายหลัง และไมว่ ่าจะเกดิ ข้ึนพรอ้ มกันหรอื ไม่ต้องระวางโทษจาคุกไมเ่ กิน สบิ ปี และปรับไมเ่ กนิ สองแสนบาท (2) เป็นการกระทาโดยประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบ คอมพิวเตอรท์ ่เี กีย่ วกับการรกั ษาความม่นั คงปลอดภัยของประเทศความปลอดภัย สาธารณะ หรือเป็นการ
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรับสขุ ศึกษา กระทาต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุก 114 ตัง้ แต่สามปถี ึงสิบห้าปี และปรับต้งั แตห่ กหมืน่ บาทถึงสามแสนบาท ถ้าการกระทาความผิดตาม (2) เป็นเหตุให้ผู้อ่ืนถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่สิบปี ถงึ ยสี่ บิ ปี” เป็นบทลงโทษที่ หนักข้ึนสาหรับการกระทาความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 (ไม่รวม ความผิดฐาน spamming ตามมาตรา 11) ซ่ึงเป็นการกระทา โดยมิชอบกับข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ดังนั้นจะเปน็ ความผดิ ตามมาตรานไ้ี ด้จะตอ้ ง เป็นความผดิ ใน 2 มาตราดงั กล่าวกอ่ น การจาหน่าย / เผยแพรช่ ดุ คาส่งั เพอื่ ใชก้ ระทาความผิด มาตรา 13 “ผู้ใดจาหน่ายหรือ เผยแพร่ชุดคาสั่ง ท่ีจัดทาข้ึนโดยเฉพาะเพื่อนาไปใช้เป็นเคร่ืองมือ ในการกระทาความผิด ตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่งึ ปี หรอื ปรับไม่เกินสองหมน่ื บาท หรอื ท้ังจาทงั้ ปรับ” ชุดคาส่ังตามมาตราน้ีอาจเป็นแบบวัตถุ เช่น แผ่นซีดีก็ได้หรือาจเป็นไฟล์ดิจิตัลก็ได้ ส่วนการใช้ เป็นเคร่ืองมอื ในการกระทาความผดิ น้นั เปน็ ความผิดตามมาตราหน่ึงมาตราใดก็ได้ นาเขา้ / ปลอม / เท็จ / ภยั ม่นั คง / ลามก / ส่งต่อขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 “ผใู้ ด กระทาความผดิ ที่ระบไุ ว้ดงั ตอ่ ไปนี้ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่ เกินหนงึ่ แสนบาท หรือท้งั จา ท้งั ปรบั (1) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าท้ังหมดหรือบาง ส่วน หรือ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์อนั เปน็ เท็จ โดยประการทน่ี า่ จะเกดิ ความเสียหายแก่ผู้อน่ื หรือประชาชน (2) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการท่ีน่าจะเกิดความ เสยี หายตอ่ ความมน่ั คงของประเทศหรือก่อใหเ้ กดิ ความ ตนื่ ตระหนกแก่ประชาชน (3) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเก่ียวกับความม่ันคง แหง่ ราชอาณาจักรหรอื ความผิดเกีย่ วกบั การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรน์ ั้นประชาชนทัว่ ไปอาจเข้าถงึ ได้ (5) เผยแพร่หรือส่งต่อซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรอื (4)” ขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ปลอมตาม (1) หมายถงึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ทม่ี ีการเปลีย่ นแปลง แก้ไขไมว่ ่าการ เปล่ียนแปลงแก้ไขนั้นจะทงั้ หมดหรือแตเ่ พียงบางสว่ น ส่วนข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นเท็จตาม (2) นั้น น่าจะหมายถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ท่ีไม่ใช่ของจริง เชน่ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรท์ ร่ี ะบวุ ่าเปน็ เครอื่ งมือป้องกนั ไวรสั ของบริษัทหน่ึง แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ ไม่ใช่ เปน็ ตน้ การจะเป็นความผดิ ตาม (4) นอกจากข้อมูลคอมพิวเตอร์น้ันมีลักษณะอนั ลามกแลว้ ยังตอ้ งเปน็
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรับสุขศึกษา ข้อมลู คอมพิวเตอรท์ ีป่ ระชาชนท่วั ไปอาจเข้าถึงได้อีกด้วย ดังนั้นหากเป็นการนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ของตน 115 โดยเฉพาะท่ีไม่ได้ประสงค์จะให้ผู้ใดเข้าถึง แต่บังเอิญนาเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมแล้วช่างซ่อมตรวจพบ เข้า จึงนาไปเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเผยแพร่ดังที่เป็นข่าวคราว เช่นน้ีเฉพาะช่างซ่อมเท่าน้ันท่ีมี ความผิดตามมาตรา 14 (4) ความรับผิดของผูใ้ ห้บรกิ าร มาตรา 15 “ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือ ยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ทีอ่ ยู่ในความควบคมุ ของตน ต้องระวางโทษเชน่ เดียวกับผกู้ ระทาความผิดตามมาตรา 14” มาตราน้ีใช้ถ้อยคาว่า “จงใจ” ซึ่งเป็นค าท่ีเพิ่มขึ้นมาจาก “เจตนา” โดยมี เจตนารมณ์ท่ีจะเน้น ให้เห็นว่า “จงใจ” น้ันหมายถึงต้องรู้ว่ามีการกระทาความผิดตาม มาตรา 14 เช่นมีการเตือนหรือแจ้งให้ ทราบแล้วว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นความผิดต่อกฎหมายตามบทบัญญัติมาตรา 14 เม่ือผู้ให้บริการยัง ปล่อยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของ ตน ก็จะถือได้ว่าเป็นการจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทาความผิดการเผยแพร่ภาพ ตัดต่อ / ดัดแปลง มาตรา 16 “ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างข้ึน ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ท้ังนี้ โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อ่ืนน้ันเสียช่ือเสียง ถูกดูหม่ิน ถกู เกลียดชัง หรอื ไดร้ บั ความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ ทั้งจาท้ังปรบั ” ความผดิ ตามมาตรา 16 น้ีเป็นลักษณะของการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทด้วย การตกแต่งภาพของ บุคคลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอ่ืนใด ความผิดตามมาตรานี้ต้องเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น หมายถึงการแสดงข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกเป็นภาพของบุคคล และภาพนั้น อาจเกิดจากการสร้างขึ้นใหม่ หรือเป็นภาพที่มีอยู่แต่ได้มีการตัดต่อ เติมหรือดัดแปลง ซ่ึงเป็นการท าด้วย วิธีการทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์หรือวธิ กี ารอน่ื ใด ท้ังนีก้ ารกระทาความผดิ ดงั กล่าวจะต้องมีเจตนาตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายอาญาดว้ ย กรณีความผดิ เกิดข้ึนนอกราชอาณาจักร มาตรา 17 “ผ้ใู ดกระทาความผิดตามพระราชบญั ญัตินีน้ อกราชอาณาจักรและ (1) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศท่ีความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหาย ไดร้ ้องขอให้ลงโทษ หรือ (2) ผ้กู ระทาความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหาย ได้ร้องขอใหล้ งโทษ จะตอ้ งรบั โทษภายในราชอาณาจกั ร”
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรบั สขุ ศึกษา 116 ตัวอย่างลกั ษณะความผดิ ท่ีพบได้บอ่ ยในปัจจุบันสาหรับการใช้งานอินเทอรเ์ น็ต 1. การส่งเมล์ก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทป๊อปอัพ หรือพวกส่งอีเมล์ ขยะท่เี ขาไม่ต้องการมีโทษปรบั อย่างเดียวไม่เกิน 100,000 บาท โทษฐานกอ่ ความราคาญ 2. การส่งเมล์ ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ข่าวลือท่ีก่อให้เกิดความวุ่นวาย การส่งภาพลามกอนาจาร ท้ังหลาย รวมถึงการได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเสมอกันคือ จาคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ดังน้ันจงึ ไม่ควรสง่ ตอ่ เมล์ที่ไมเ่ หมาะสม 3. การตัดต่อภาพของคนอื่น แล้วนาเข้าเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทาให้เจ้าของภาพเสียหาย อับ อายต้องโทษจาคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600, 000 บาท แต่กฎหมายยกเว้นสาหรับผู้ที่ทาด้วยความ สจุ รติ จะไมเ่ ป็นความผิด 4. การ ใช้ user name/password ของผู้อ่ืน Log in เข้าสู่ระบบ มีความผิดตามมาตรา 5 ปรับ ไมเ่ กิน 10,000 บาท จาคุกไม่เกิน 6 เดือน ดังน้ัน ไม่ควรใช้ user/password ของผู้อื่นและไม่ควรให้ผู้อื่น ลว่ งรู้ password ของตนเอง 5. การโพสต์ข้อความตามกระทู้ต่างๆที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เป็นเท็จ กระทบความม่ันคง หรือ ลามกอนาจาร มีความผิดตามมาตรา 14 ปรับไม่เกิน 100,000 บาท จาคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนั้นจึงควรใช้ วจิ ารณญาณในการแสดงความคิดเห็น และคานงึ ถึงผลที่จะตามมา จริยธรรมกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศมีผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นจริยธรรมที่เกี่ยวกับ ระบบสารสนเทศท่ีจาเป็นต้องพิจารณารวมท้ังเรื่องความปลอดภัยของระบบสารสนเทศการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศหากไม่มีกรอบจริยธรรมกากับไว้แล้ว สังคมย่อมจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาไม่ส้ินสุด รวมทั้ง ปัญหาอาชญากรรมคอมพวิ เตอรด์ ้วย ดังนัน้ หน่วยงานทใี่ ชร้ ะบบสารสนเทศจึงจาเป็นต้องสร้างระบบความ ปลอดภัยเพื่อปอ้ งกนั ปญั หาดงั กลา่ ว กรอบความคิดเรอ่ื งจริยธรรม หลักปรัชญาเก่ียวกับจริยธรรม มีดังนี้ (Laudon & Laudon, 1999) R.O. Mason และคณะ ได้ จาแนกประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมท่ีเก่ียวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็น 4 ประเภทคือ ความเป็น ส่วนตัว (Privacy) ความถูกต้องแม่นยา (Accuracy) ความเป็นเจ้าของ (Property) และความสามารถใน การเข้าถงึ ได้ (Accessibility) (O'Brien, 1999: 675; Turban, et al., 2001: 512) 1) ประเด็นความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) คือ การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา และ การเผยแพร่ ข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับปัจเจกบุคคล หรือองค์กร ซึ่งเจ้าของข้อมูลหรือสารสนเทศน้ันๆ มี สิทธทิ จี่ ะไมเ่ ผยแพรข่ อ้ มลู ต่อสาธารณะ
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรับสขุ ศกึ ษา 2) ประเด็นความถูกต้อง (Information Accuracy) ข้อมูลหรือสารสนเทศที่ดีต้องสามารถ 117 ตรวจสอบถงึ แหล่งท่ีมาได้ รวมถึงมีการตรวจสอบความถกู ต้องกอ่ นทจี่ ะทาการเผยแพร่ข้อมูลนน้ั ๆ 3) ประเดน็ ของความเป็นเจา้ ของ (Intellectual Property) คือ กรรมสทิ ธ์แิ ละมลู ค่าของขอ้ มลู สารสนเทศ (ทรพั ยส์ ินทางปัญญา) 4) ประเด็นของการเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility) คือ เน่ืองจากการเข้าถึงข้อมูลทาได้อย่าง ง่าย ทาให้เกิดการกาหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล และสามารถ ตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผูบ้ ันทกึ แกไ้ ขขอ้ มลู น้นั ๆ การคุม้ ครองความเปน็ ส่วนตัว (Privacy) ความเปน็ ส่วนตัวของบคุ คลต้องไดด้ ลุ กบั ความต้องการของสงั คม สิทธิของสาธารณชนอยูเ่ หนือสทิ ธิความเป็นส่วนตัวของปัจเจกชน การคมุ้ ครองทางทรพั ย์สินทางปัญญา ทรัพยส์ ินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินท่ีจับต้องไม่ได้ที่สร้างสรรค์ข้ึนโดยปัจเจกชน หรือนิติบุคคล ซึ่ง อยภู่ ายใตค้ วามคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายความลับทางการคา้ และกฎหมายสิทธบิ ัตร ลิขสทิ ธิ์ (copyright) ตามพระราชบญั ญตั ลิ ิขสิทธ์ิ พ.ศ. 2537 หมายถงึ สทิ ธแิ์ ตผ่ ู้เดียวท่ีจะกระทา การใด ๆ เก่ยี วกับงานทผ่ี สู้ ร้างสรรค์ได้ทาข้ึน ซึ่งเป็นสิทธ์ิในการป้องกันการคัดลอกหรือทาซ้าในงานเขียน งานศิลป์ หรืองานด้านศิลปะอ่ืน ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวลิขสิทธ์ิทั่วไปมีอายุห้าสิบปีนับแต่งานได้ สร้างสรรคข์ น้ึ หรอื นบั แตไ่ ดม้ ีการโฆษณาเปน็ ครัง้ แรกในขณะท่ีประเทศสหรัฐอเมรกิ าจะมีอายุเพียง 28 ปี สทิ ธบิ ัตร (Patent) ตามพระราชบญั ญัติสิทธบิ ัตร พ.ศ. 2522 หมายถึง หนังสือสาคัญที่ออกให้ เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยสิทธิบัตรการ ประดษิ ฐ์มอี ายยุ ี่สิบปนี ับแตว่ ันขอรับสิทธบิ ตั ร ในขณะที่ประเทศสหรฐั อเมรกิ าจะคมุ้ ครองเพียง 17 ปี ประโยชนข์ องการมจี ริยธรรม 1. ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ภาคภูมใิ จ เป็นท่รี ักใคร่ เปน็ คนดี 2. ประโยชน์ต่อสังคม สงบสขุ ปรองดอง สามัคคี 3. ประโยชน์ตอ่ ประเทศชาติ ความเจรญิ รุ่งเรอื ง สามคั คี ความพัฒนา 4. ประโยชน์ต่อองคก์ รธุรกจิ ยกระดับมาตรฐานขององคก์ ร 5. ประโยชนต์ อ่ การดารงรักษาไว้ซง่ึ จรยิ ธรรม เผยแพร่ รกั ษาจรยิ ธรรมไปสรู่ ุน่ ตอ่ ไป จรยิ ธรรมของนกั คอมพิวเตอร์ 1. มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ การขายสินคา้ และบริการ 2. ทางานดว้ ยความศรัทธา และจรงิ ใจ
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสุขศกึ ษา 3. รักษาผลประโยชนข์ องผบู้ รโิ ภค 118 4. นาเสนอคุณภาพสนิ คา้ ตามความจริง 5. ไมเ่ ผยแพรส่ ิง่ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ผลเสยี ตอ่ สงั คม 6. ทาตามกฎหมาย ขอ้ บงั คบั ระเบียบของสังคม 7. ทาประโยชน์ตอ่ สังคม เอกสารอา้ งองิ http://www.lawyerthai.com/articles/it/006.php http://www.nectec.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=79:- 2550&catid=40:technology-news&Itemid=165 http://th.wikisource.org/wiki/พระราชบญั ญัติ_วา่ ดว้ ยการกระทาความผดิ เก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์_ พ.ศ._๒๕๕๐ กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร http://www.mict.go.th/more_news.php?cid=47 คู่มือการปฏบิ ัตแิ ละแนวทางการปอ้ งกนั เพ่ือหลีกเล่ยี งการกระทาความผดิ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร กฎหมายเบื้องตน้ http://computer.pcru.ac.th/worachai/teach/GESC103/103_ch7.doc กฎหมายเทคโนโลยสี ารสนเทศ https://sites.google.com/site/jantiwaporn813/kdhmaythekhnoloyi-sarsnthes-it-law กฎหมายพาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ http://phung0895.blogspot.com/2012/01/2544.html คาอธิบายพระราชบญั ญัตวิ ่าดว้ ยธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ศูนยเ์ ทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ คาอธิบายพระราชบัญญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทาความผิดเกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดย นายพรเพชร วิชิตชลชยั ประธานศาลอธุ รณ์ภาค4
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรับสขุ ศกึ ษา แผนการสอนประจาสปั ดาห์ท่ี 13 119 บทท่ี 8 การประยุกต์เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื ชวี ิต รายละเอยี ด การประยกุ ต์เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การศึกษา ทั้งในดา้ น e-Learning มลั ตมิ ีเดียเพื่อการเรียนรู้ และ Virtual Classroom จานวนชั่วโมงทีส่ อน 3 ช่วั โมง กจิ กรรมการเรียนการสอน 1. อาจารย์นาเสนอการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษา ท้ังในด้าน e-Learning มลั ตมิ ีเดยี เพ่อื การเรยี นรู้ และ Virtual Classroom 2. นิสิตระดมความคิดเรอ่ื งการประยุกตเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือชวี ิต สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการเรยี น 2. สื่อการสอนโดยใช้ PowerPoint 3. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ แผนการประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 การเขา้ ชน้ั เรียน และแต่งกายถูกระเบยี บ (M) 1.2 ความเขา้ ใจจากการเรยี นรู้ (K) 1.3 การประยุกต์ใช้ความร้ใู นการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน (C) 1.4 ทกั ษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (N) 2. วิธีการการวดั และการประเมินผลการเรยี นรู้ 2.1 อาจารย์พิจารณาการเขา้ ชน้ั เรยี น และแตง่ กายถกู ระเบยี บ 2.2 อาจารย์สังเกตความสนใจ การตอบคาถาม และการซกั ถาม 2.3 อาจารยพ์ ิจารณาผลงานจากการฝึกปฏิบตั ิ 3. สัดส่วนของการประเมนิ 3.1 ด้านคุณธรรม จริยธรรม (M) รอ้ ยละ 10
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรับสขุ ศกึ ษา 3.2 ด้านความรู้ (K) รอ้ ยละ 30 120 3.3 ดา้ นทักษะทางปัญญา (C) ร้อยละ 30 3.4 ด้านทักษะความสมั พันธ์ระหวา่ งบุคคลและความรบั ผิดชอบ (I) รอ้ ยละ 0 3.5 ด้านทักษะการวเิ คราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้ไอที (N)รอ้ ยละ 15 เนอ้ื หาทสี่ อน การนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์กับการศึกษาน้ันมีการนามาใช้กับระบบการศึกษา ของ ไทยมาเปน็ ระยะเวลาหลายปีแล้ว เทคโนโลยที างการศึกษาได้มีการพฒั นาขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีรูปแบบท่ี สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดสภาพการเรยี นรแู้ บบใหมท่ ีท่ าให้ผ้เู รยี นไดม้ ชี อ่ งทางการเรยี นรูเ้ พ่มิ มากข้นึ 1. e-Learning การพัฒนาการศึกษาโดยทาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าประยุกต์เพ่ือให้เกิดรูปแบบการศึกษาแบบ ใหม่ท่สี ามารถรองรับรปู แบบการศึกษาด้วยตนเอง การศึกษาตลอดชีวิต การนาคอมพิวเตอร์และเครือข่าย การสื่อสารโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตมาเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความสะดวกสบายในการเรียนรู้ การวัดผล และการจดั การศึกษาเพอ่ื ทดแทนหรอื สนับสนนุ การศกึ ษาแบบเดิม e-Learning ย่อมาจากคาว่า electronic(s) learning เป็นการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่ึง รวมถึงการเรียนรู้ทางคอมพิวเตอร์หรือการเรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์ด้วย (computer learning) เพื่อช่วย ในการสอนแทนรูปแบบเดมิ โดยสามารถใช้เทคโนโลยอี น่ื ๆ มาสนับสนุนด้วย เช่น วิดีโอ ซีดีรอม สัญญาณ ดาวเทียม เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต รูปแบบของการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนมากจะเป็นการเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งทาให้สามารถโต้ตอบกันได้เสมือนการเรียนในชั้นเรียนปกติได้ การปรับปรุงเน้ือหาความรู้ให้ทันสมัย การนาเสนอด้วยส่ือมัลติมีเดียทาให้การเรียนการสอนแบบการ เรยี นร้ทู างอเิ ลก็ ทรอนิกส์มีความนา่ สนใจมากข้นึ คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์นั่นคือ การเรียนแบบระยะไกล หรือ distance Learning เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีการส่ือสารโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ ทาให้ ผ้เู รียนและผสู้ อนไม่ต้องเดินทางมาเจอกันหรือเห็นหน้ากันในห้องเรียนปกติ แต่สามารถสื่อสารโต้ตอบกัน ไดห้ อ้ งเรยี นเสมือน เทคโนโลยีเหล่าน้ยี งั ช่วยส่งเสริมรูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองอีกด้วย บางคร้ังเราอาจ ได้ยินคาว่า “คอมพิวเตอร์ช่วยสอน” หรือ computer-assisted instruction (CAI) ซ่ึงมักมีรูปแบบการ สอนแบบออฟไลน์ หมายถึง ไม่เน้นการเรียนการสอนผ่านเครือข่าย แต่เน้นกับการเรียนด้วยเครื่อง คอมพวิ เตอร์สว่ นบุคคลเปน็ หลกั ตัวแบบการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์แบบผสมผสาน (A hybrid e-Learning model) (Tsai, 2011, p.147) ประกอบดว้ ย โปรแกรมประยกุ ต์สว่ นตา่ งๆ ดังนี้ 1. e-leaning map การเรียนโดยการออกแบบแผนที่การเรียนเฉพาะบุคคลซึ่งใช้ข้อมูลจากการ ทดสอบเบ้อื งตน้ 2. on-line e-learning มี 2 ตัวเลือก คือ การถ่ายทอดสด กับ การถา่ ยขอ้ มูลลงแบบออนไลน์
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สุขศึกษา 3. e-learning group ทรัพยากรในชุมชนการเรียนรู้ แลกเปล่ียนกันได้โดยใช้เครื่องแม่ข่ายของ 121 กลมุ่ ข่าว เปน็ การสอื่ สารระหวา่ งผสู้ อนกับผู้เรียนในการปฏิสัมพันธ์หรือแลกเปลี่ยนข่าวสารได้ทั้งภาพและ เสยี ง 4. e-comprehension กระบวนการเรียนรผู้ า่ นการสรา้ งสถานการณ์ กรณีศกึ ษา โดยใช้ข้อความ หลายมติ ิ เวบ็ ไซต์ มัลติมีเดีย คาถาม และอนื่ ๆ 5. e-illustration การใช้ภาพประกอบ แผนภาพ และมัลติมีเดีย เพื่อเป็นการยกตัวอย่าง ประกอบการอธบิ ายใหช้ ัดเจน 6. e-workgroup แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มต่างๆ และจัดกิจกรรมทั้งภายในและระหว่างกลุ่ม เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลการเรียนร้รู ่วมกนั 2. มลั ติมเี ดียเพ่อื การเรยี นรู้ มลั ตมิ ีเดียเพือ่ การเรียนรู้ หมายถงึ การใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ถ่ายทอดหรือนาเสนอเน้ือหาและ กิจกรรมการเรียนการสอน ที่บูรณาการหรือผสมผสานส่ือหลากหลายรูปแบบ (Multiple forms) เข้าไว้ ด้วยกัน ได้แก่ ขอ้ ความ กราฟิก ภาพนง่ิ ภาพเคลอื่ นไหว เสยี ง วดี ทิ ัศน์ หรือรูปแบบอื่นๆ ท่ีนอกเหนือจาก ขอ้ ความเพียงอยา่ งเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ ต่อผู้เรียน (ณฐั กร สงคราม, 2553) หลกั การออกแบบเนอ้ื หา ประกอบดว้ ย 3 ส่วน ได้แก่ 1. การเตรียมเน้ือหา ประกอบด้วย การวางโครงสร้างของเน้ือหา การคัดเลือกเนื้อหาท่ีจะ นาเสนอ การเรียงลาดับหัวขอ้ เนอื้ หา และการใช้ภาษาใหเ้ หมาะสม 2. การออกแบบเนื้อหาประเภทต่างๆ ประกอบด้วย การสร้างเนื้อหาด้านความรู้ ความจา ความ เข้าใจ การสร้างเนอ้ื หาด้านทกั ษะและการปฏิบตั ิ การสรา้ งเนื้อหาด้านทัศนคติ 3. การออกแบบข้อคาถามสาหรับการประเมิน ประกอบด้วย การสร้างแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรยี น การสรา้ งแบบฝึกหดั การสรา้ งคาถามทีใ่ ช้ในบทเรยี น หลักการออกแบบการเรียนการสอน (Gagne, 19921 อ้างใน ณัฐกร สงคราม, 2553) นาเสนอ ตามขัน้ ตอนกระบวนการเรยี นการสอนได้ 9 ขัน้ ดังนี้ 1. การกระตุ้นหรอื เร้าความสนใจให้พรอ้ มในการเรียน 2. การแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรียน 3. การทบทวนและกระตนุ้ ให้ระลกึ ถงึ ความรเู้ ดมิ 4. การนาเสนอส่งิ เรา้ หรอื เน้ือหาและความร้ใู หม่ 5. การแนะแนวทางการเรยี นรู้ 6. การกระตนุ้ การตอบสนองหรือแสดงความสามารถ
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรับสุขศึกษา 7. การให้ข้อมลู ป้อนกลับ 122 8. การทดสอบความร้หู รอื การประเมนิ ผลการแสดงออก 9. การสง่ เสริมความจาหรือความคงทน และการนาไปใช้หรือการถา่ ยโอนการเรยี นรู้ 3. Virtual Classroom หอ้ งเรยี นเสมือนเปน็ หอ้ งเรยี นที่สามารถรองรับชั้นเรียนได้ในเวลาและสถานที่ซึ่งผู้เรียนกับผู้สอน ไม่ได้อยู่ร่วมกันในสถานท่ีเดียวกัน โดยมีคุณลักษณะคือ การสนับสนุนการประเมินผลและการเข้ามีส่วน ร่วมในการส่ือสารด้วยเคร่ืองมือต่างๆ ท้ังปฏิทินออนไลน์ โปรแกรมค้นหา และคาแนะนาออนไลน์ สาหรับการประเมินผลประกอบด้วย เครื่องมือมาตรฐาน สมุดเกรดออนไลน์ ข้อสอบและคาถาม การ ติดต่อกับผู้สอนสามารถทาได้ผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความทันที ห้องสนทนา กระดาน อภิปราย การถ่ายโอนไฟล์สาหรับรูปแบบการเรียนรู้ เป็นการสร้างความร่วมมือกับผู้เรียนร่วมช้ัน และ เรียนรู้แบบอิสระแบบตัวต่อตัว ประโยชน์ที่ได้รับคือ ความยืดหยุ่นและอานวยความสะดวกให้กับผู้เรียน ด้วยต้นทนุ ทตี่ ่ากว่าเมอื่ เทียบกับความสามารถในการเข้าถงึ ชัน้ เรยี นของผเู้ รยี นที่ขาดแคลนในท้องถ่ินต่างๆ (Dean, 2012) ตัวอย่างของเทคโนโลยีท่ีนามาประกอบกันให้กลายเป็นสภาพการเรียนรู้เสมือน (Aitken, 2010, p.31) ได้แก่ 1. video conferencing 2. web conferencing 3. audio conferencing 4. wikis เชน่ wikipedia 5. virtual world เชน่ Second Life 6. social network เชน่ Twitter, Facebook, YouTube 4. Mobile Technology ในปัจจุบันอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนท่ีถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับทั้งการรับ -ส่งข้อมูลด้วย เสียงและข้อความ โดยกาจัดข้อจากัดด้านความสามารถของการส่งเนื้อหาท่ีเป็นวิดีโอได้ โดยเฉพาะการ เข้าถึงอุปกรณ์อ่ืนๆ ท่ีสามารถนามาเชื่อมต่อได้ท้ังเทคโนโลยีภาพเคลื่อนไหว เสียง ภาพลักษณ์ต่างๆ สามารถแปลงเข้าสอู่ ปุ กรณ์โทรศัพทเ์ คล่ือนท่ไี ด้ แนวโน้มของสงั คมทีต่ ้องการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ผ่านทางโทรศัพท์เคล่ือนท่ีน้ันมีมากขึ้น เช่นเดียวกับการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ไม่ได้จากัดอยู่เพียงใน เคร่ืองคอมพิวเตอร์อีกต่อไป โทรศัพท์เคล่ือนที่ก็กลายมาเป็นสภาพแวดล้อมท่ีสาคัญอีกแห่งหนึ่งของการ เรยี นรทู้ างอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Male and Pattinson, 2011, p.337)
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสุขศึกษา การเชือ่ มต่อกับอุปกรณภ์ ายนอก โทรศัพทเ์ คล่ือนทส่ี ามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แสดงผลต่างๆ ไม่ 123 ว่าจะเป็นอุปกรณ์แสดงภาพอุปกรณ์เสียง เครื่องพิมพ์ ถ่ายโอนข้อมูลไปยังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อ ไมโครโฟนในการส่งข้อมูลเสียง และรับเสียงจากภายนอกแล้วแปลงเข้าสู่โทรศัพท์เคล่ือนท่ีได้ รวมท้ังการ เช่ือมต่อสญั ญาณวิทยุสาหรบั การถ่ายทอดการเรยี นผา่ นเครือข่ายวทิ ยุ สาหรับการออกแบบการปฏสิ ัมพันธ์ การออกแบบการใช้งานจะมุ่งเน้นถึงประโยชน์ท่ีได้รับ ได้แก่ การกระตนุ้ ให้ผเู้ รียนมีความสนใจและใส่ใจในการเรียน เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ มุ่งเน้นการ เข้าเรียนของผู้เรียน เพราะระบบการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีผู้สอนโดยตรง ทางระบบต้องลด ชอ่ งว่างน้ีลง การส่งเสรมิ การคิดท้ังในกรอบและนอกกรอบ คงรักษาสถานะเพื่อการเตรียมพร้อมเข้าสู่การ เรยี น ตลอดจนการสรา้ งความเขา้ ใจซง่ึ กนั และกัน สรุป ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร อินเทอร์เน็ต และรูปแบบการเรียนรู้ ออนไลน์ เป็นสิ่งดึงดูดใจและเป็นเครื่องมือท่ีทรงพลังสาหรับการสอนและการเรียนรู้ เครือข่ายไร้สาย ระบบการจัดการบทเรียน มัลติมีเดียและเทคโนโลยีอื่นๆ ซ่ึงเพิ่มมิติของความมั่งคั่งและซับซ้อนไปสู่การ สร้างประสบการณ์เรียนรู้ การใช้การเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพจะต้องมีการปรับเปลี่ยน บทบาทของครูผู้สอนและการสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับผู้เรียน รวมทั้งพัฒนาความน่าเช่ือถือและ ความก้าวไกลของโครงสร้างทางเทคโนโลยีด้วย ผู้เรียนต้องเข้าร่วมในห้องเรียนออนไลน์ โดยในเว็บไซต์ จะต้องมีแนวการสอน คาอธิบายรายวิชา ข้อบังคับเบ้ืองต้น วัตถุประสงค์การเรียนรู้ งานท่ีมอบหมาย ให้ เหมาะสมกับเวลาที่กาหนดให้ เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสาเร็จในการเรียนรู้ตามที่ตั้งไว้ได้ แต่อาจ เกิดปัญหาขึ้นได้หากผู้เรียนยังขาดทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ดังน้ันในช่วงแรกผู้สอนควรให้ความช่วยเหลือ แนะนาผู้เรียนให้เกิดความมั่นใจในช่วงสัปดาห์แรก นอกจากนี้การรักษาระเบียบวินัยของการเรียนก็เป็น สิ่งจาเป็นอย่างยิ่งในการก้าวไปสู่ความสาเร็จของการศึกษา (Omar, Kalulu, and Belmasrour, 2011: 22) เอกสารอ้างอิง https://goo.gl/KqDeJo Omar, Kalulu, and Belmasrour, 2011: 22)
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สขุ ศึกษา แผนการสอนประจาสปั ดาห์ที่ 14 124 บทที่ 9 แนวโน้มของเทคโนโลยสี ารสนเทศในอนาคต รายละเอียด แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตทั้งในเชิงบวก และเชิงลบ สถานภาพการใช้ เทคโนโลยกี ารศึกษาในปัจจบุ ัน และเทคโนโลยีสารสนเทศทส่ี าคัญในอนาคต จานวนชั่วโมงที่สอน 3 ชั่วโมง กิจกรรมการเรียนการสอน 1. อาจารย์นาเสนอเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคตทั้งในเชิงบวก และเชิงลบ สถานภาพการใช้ เทคโนโลยกี ารศึกษาในปจั จุบัน และเทคโนโลยีสารสนเทศที่สาคัญในอนาคต 2. นสิ ติ ระดมความคิดเรอื่ งเทคโนโลยสี ารสนเทศท่สี าคญั ในอนาคต สื่อการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียน 2. ส่ือการสอนโดยใช้ PowerPoint 3. ห้องปฏบิ ัติการคอมพิวเตอร์ แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 การเข้าชั้นเรยี น และแต่งกายถกู ระเบียบ (M) 1.2 ความเขา้ ใจจากการเรยี นรู้ (K) 1.3 การประยุกตใ์ ชค้ วามร้ใู นการสร้างสรรคผ์ ลงาน (C) 1.4 ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (N) 2. วิธกี ารการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ 2.1 อาจารยพ์ จิ ารณาการเขา้ ช้นั เรียน และแต่งกายถูกระเบียบ 2.2 อาจารยส์ ังเกตความสนใจ การตอบคาถาม และการซกั ถาม 2.3 อาจารยพ์ ิจารณาผลงานจากการฝึกปฏบิ ัติ 3. สดั สว่ นของการประเมนิ 3.1 ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม (M) ร้อยละ 10
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สุขศกึ ษา 3.2 ด้านความรู้ (K) ร้อยละ 30 125 3.3 ด้านทกั ษะทางปญั ญา (C) รอ้ ยละ 30 3.4 ด้านทกั ษะความสมั พันธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรบั ผิดชอบ (I) รอ้ ยละ 0 3.5 ดา้ นทกั ษะการวเิ คราะห์เชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใชไ้ อที (N)รอ้ ยละ 15 เน้อื หาทสี่ อน การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษท่ี 21 มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มี ความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การเข้าภาษาส่ือสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบ จาลองระบบเสมือนจริง โดยพยายามนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้ นาไป ใช้ในทางท่ีไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย ในบทน้ีจะได้กล่าวถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศใน อนาคต แนวโน้มในด้านบวก การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลกก่อให้เกิด การเปล่ียนแปลงทางสังคม ช่องทางการดาเนินธุรกิจ เชน่ การทาธรุ กรรมอเิ ล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์การพัฒนาให้ คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา พูดได้อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของ คอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่น้ันจริง การพฒั นาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมลู ฐานความรเู้ พ่ือพฒั นาระบบผูเ้ ชยี่ วชาญและการจัดการความรู้ การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทร ศกึ ษา (tele-education) การคน้ ควา้ หาความรไู้ ด้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library) การ พัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบ สารสนเทศภมู ิศาสตร์ท าให้สามารถคน้ หาตาแหน่งไดอ้ ย่างแม่นยา การบรหิ ารจดั การภาครัฐสมัยใหม่ โดย การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพการ ดาเนินการของภาครัฐท่ี เรียกวา่ รัฐบาลอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-government) รวมทัง้ ระบบฐานข้อมูลประชาชน หรอื e-citizen แนวโน้มในดา้ นลบ ความผิดพลาดในการทางานของระบบ คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เกิดข้ึน จากการออกแบบและพัฒนา ทาให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา การ ละเมิดลิขสิทธ์ิของทรัพย์สินทางปัญญา การทาสาเนาและลอกเลียนแบบ การก่ออาชญากรรมทาง คอมพิวเตอร์การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ ขอแสดงความคิดเห็นถงึ แนวโน้มในอนาคตของเทคโนโลยีการศึกษาช่วงระยะปี 2539 - 2549 ไว้ ดังนค้ี อื
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สขุ ศึกษา 1. ศูนย์ทรัพยากรทางการเรียน (Learning resources center) ส าหรับการศกึ ษาระดบั ประถม 126 และมัธยมศกึ ษาจะมแี นวโนม้ รว่ มมอื ร่วงมือกันจดั ต้ังเป็นศนู ย์กลางใช้รว่ มกันในกลุ่มโรงเรยี น และเป็นการ บริการทส่ี ะดวกสบาย เพือ่ เป็นการประหยัดงบประมาณและมีสอ่ื การสอนท่ีมคี ุณภาพและมากพอเพียงกบั ความต้องการ ส่วนส่ือพื้นฐาน เช่น กระเป๋าผนัง แผ่นป้ายต่าง ๆ ฯลฯ ก็จะมีประจาอยู่ในห้องเรียนแล้ว ส่วนในระดับอดุ มศึกษากจ็ ะมีสานักเทคโนโลยีการศึกษา เพ่ือเป็นหน่วยกลางในการผลิตส่ือและให้บริการ กบั ทกุ หนว่ ยงานในสถาบนั ตลอดจนทาการวิจัยและพัฒนาสื่อใหม้ ปี ระสิทธิภาพสงู 2. ชุดสือ่ การสอน (Media package) นักเทคโนโลยีการศึกษาจะผลิตส่ือออกมาเป็นชุดสาเร็จรูป เพอ่ื สนองตอบความตอ้ งการของครโู ดยเนน้ เน้ือหาทค่ี รูสว่ นมากสอนนกั เรยี นไมค่ ่อยเข้าใจ ชุดส่ือสาเร็จรูป ประกอบด้วย คาแนะนาในการใช้ประกอบการสอนตัวส่ือ แบบฝึกหัดและแบบทดสอบตัวส่ือก็จะเป็น ลักษณะ สอ่ื ประสม (Multimedia) 3. การปรับปรุงเครื่องมือประกอบการสอน (Improved media equiment) จะมีลักษณะ พัฒนาเครื่องมือหลาย ๆ อย่างให้อยู่ในเครื่องมือเดียวกัน เป็นลักษณะเอนกประสงค์ท่ีมีเคร่ืองมือชิ้นเดียว แต่ ใช้ไดห้ ลายหนา้ ท่ี เชน่ เป็นท้งั เครื่องฉายสไลด์และเคร่อื งฉายภาพโปรง่ ใส เปน็ ต้น 4. ใช้คอมพิวเตอร์มากข้ึนจนเป็นเร่ืองปกติ (Increase utilizing computer) โดยจะนา เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบการสอน มีการผลิตโปรแกรม CAI มากวิชาและมากเน้ือหา เพ่ือให้ สถาบันการศึกษาได้นาไปใช้โดยเฉพาะจะทาเป็นลักษณะ Multimedia นอกจากน้ีใน สถา บัน กา รศึ กษ ายัง นา คอ มพิ ว เ ตอร์ ไป ใช้ ใน กา รบริ หา รจั ดก าร มาก ข้ึน ที่เ รีย กว่ า CMI (Computermanagement instruction) เพือ่ ความรวดเรว็ ในการใช้ขอ้ มลู 5. การผลิตส่ือจากท้องถิ่น (Local medias production) การผลิตส่ือโดยใช้วัสดุในท้องถิ่นยังมี ความจ าเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะประเทศก าลังพัฒนา ซึ่งจะมีความริเริ่มท้ังรูปแบบวัสดุและเน้น ประสทิ ธภิ าพใน การใชป้ ระกอบการสอน 6. การเปลีย่ นแปลงสื่อสิ่งพิมพ์ (Printing media) โดยเฉพาะตาราเรียนจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ เสมอท้ังด้านเนื้อหาวิชาท่ีเปล่ียนไปอย่างรวดเร็ว ลักษณะรูปเล่มและองค์ประกอบต่าง ๆ ท่ีสาคัญของ หนงั สอื จะเปลย่ี นไปเพื่อสนองตอบตอ่ ความตอ้ งการของนักเรียน จนในที่สุดจะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic books) 7. การประสานเช่ือมโยงกันระหว่างหน่วยงานในและนอกประเทศจะมีมากข้ึน ทั้งนี้เพราะระบบ โลกาภิวัฒน์ ทาให้หน่วยงานทางด้านเทคโนโลยีการศึกษา ได้ติดต่อใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วและ สะดวกสบาย และด้วยความกา้ วหนา้ ทาง IT (Information Technology) ก็ยิ่งช่วยให้การเช่ือมโยงข้อมูล สะดวกรวดเร็วและ มปี ระมาณมากขนึ้ เปน็ ลาดบั 8. ส่ือประเภทรายบุคคล (Individual media) เน่ืองจากการศึกษาเป็นการศึกษาตลอดชีวิต ฉะน้ัน โอกาสท่ีผู้เรียนจะเข้าชั้นเรียนจึงน้อยลง ทาให้ทุกคนต้องเรียนด้วยตนเองเมื่อมีเวลาว่างจากการ ทางาน ฉะนั้น สื่อประเภทนี้จึงต้องมีความสมบูรณ์ในตัวท่ีผู้เรียนสามารถศึกษาได้เอง ซ่ึงสะดวกต่อการ
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรับสุขศกึ ษา พกพาไปได้ มีขนาด กะทัดรัด ใช้ง่าย และจูงใจให้ใช้อาจจะอยู่ในรูปหนังสือโปรแกรม เทปเสียงหนังสือ 127 อเิ ล็กทรอนิกส์ และอน่ื ๆ แหลง่ ทม่ี า สถานภาพการใชเ้ ทคโนโลยกี ารศกึ ษาในปัจจบุ นั 1. การเรียนการสอนในระบบ .....การสอนในระบบ (formal education) หมายถึง การที่เทคโนโลยีการศึกษามีส่วนสนับสนุน การ เรียนการสอนในระบบ ในชน้ั เรยี นทม่ี หี ลักสูตรเฉพาะ มกี รอบการเรยี นท่ีชัดเจนนักเรียน นิสิตต้องเข้า เรยี น ตามเวลาทก่ี าหนดอย่างสมา่ เสมอ โดยครจู ะนาเทคโนโลยีการศึกษาท่ีเหมาะสมเข้ามาช่วยสนับสนุน การเรยี น การสอนในชนั้ เรยี น ทาใหก้ ารเรียนการสอนในระบบเกดิ ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ 2. สภาพการเรยี นการสอนนอกระบบ .....การสอนนอกระบบ (informal education) หมายถึง การที่เทคโนโลยีการศึกษามีส่วนช่วย สนับสนุนการ เรียนการสอนนอกระบบ คือการเรียนการสอนท่ีมีหลักสูตรเฉพาะกลุ่ม หรือหลักสูตรท่ีมี กรอบการเรียน ค่อนข้างกว้างขวาง โดยไม่กาหนดระยะเวลาที่แน่นอน ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับความสามารถและ โอกาสของผู้เรียนที่จะอานวยการเรียนการสอนประเภทนี้ผู้สร้างหลักสูตรจาเป็นต้องคัดเลือกเทคโนโลยี การศึกษาท่ีเหมาะสมมา ช่วยสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มท่ี ไม่ว่าจะเป็นสื่ออุปกรณ์ ซ่ึง ได้แก่ดาวเทียม โทรทัศน์เพื่อการศึกษา วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อวัสดุ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์หรือแม้กระทั่ง กิจกรรมตา่ ง ๆ ท่ีครู หรอื ผ้เู กยี่ วข้อง กบั การศกึ ษานอกระบบ จะกาหนดขึ้น 3. สภาพการเรยี นการสอนตามอธั ยาศัย .....การสอนตามอัธยาศัย (nonformal education) หมายถึง การท่ีเทคโนโลยีการศึกษามีส่วน ช่วยสนับสนุน การเรียนการสอนตามอัธยาศัย เป็นการจัดการศึกษาสาหรับบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ท่ีมีความ จากดั บางอยา่ ง แต่ บางครั้งมีความตอ้ งการไดร้ ับความรู้เป็นหน้าที่ของผู้ที่เก่ียวข้องต้องพยายามจัดโอกาส ให้กับบุคคลเหล่าน้ีโดย ใช้เทคโนโลยีการศึกษาเข้ามาช่วยสนับสนุนให้การจัดการศึกษาตามอัธยาศัยมี ประสิทธิภาพยิง่ ขน้ึ แนวโนม้ ของการใชเ้ ทคโนโลยีการศึกษาในอนาคต 1. ให้ความสาคัญกับการเรียนการสอนนอกระบบมากข้ึนจากพระราชบัญญัติการศึกษา ปีพ.ศ. 2542 ท่ีกล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้ความสาคัญแก่การจัดการศึกษานอกระบบ และ การศกึ ษาตาม อัธยาศัยมากข้ึน โดยเฉพาะอย่างย่ิงจะเน้นการศึกษารายบุคคล มวลชน และผู้ด้อยโอกาส ทั้งหลาย พระราชบัญญัติการศึกษาจะเป็นผู้ช้ีอนาคตในการจัดการศึกษา ซ่ึงแน่นอนการนาเทคโนโลยี การศึกษายอ่ มเขา้ มามีสว่ นเก่ียวข้องอย่างเล่ยี งไม่ได้น่าจะกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีการศึกษาในอนาคตจะผูก ติดกับพระราชบัญญัติ การศึกษา และนับวันจะมีบทบาทย่ิงข้ึน ดังจะพบว่าพระราชบัญญัติการศึกษาให้ ความสาคัญแกเ่ ทคโนโลยี การศึกษา โดยกาหนดไว้ในหมวดท่ี 9 ว่าด้วยเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาระบุไว้ 7 มาตรา ดังนี้
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรบั สุขศึกษา .....มาตรา 63 รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนาและโครงสร้างพ้ืนฐานอื่นที่จาเป็นต่อการส่ง 128 วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารในรูปอื่น เพ่ือใช้ประโยชน์สาหรับ การศึกษา ในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การทะนุบารุงศาสนา ศิลปะและ วัฒนธรรมตามความ จาเป็น .....มาตรา 64 รัฐต้องส่งเสริมและสนบั สนุนใหม้ กี ารผลิต และพัฒนาแบบเรียน ตารา หนังสือทาง วชิ าการ ส่อื สิ่งพมิ พอ์ ื่น วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาอื่น โดยเร่งรัด พัฒนาขีดความสามารถ ในการผลิต จัดให้ มีเงินสนับสนุนการผลิตและมีการให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิต และพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือ การศกึ ษา ทัง้ น้โี ดยเปิดใหม้ ี การแข่งขนั โดยเสรีอย่างเป็นธรรม .....มาตรา 65 ให้มีการพัฒนาบุคลากรท้ังด้านผู้ผลิต และผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพื่อให้มี ความรู้ ความสามารถ และทักษะในการผลิต รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม มีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพ .....มาตรา 67 รัฐต้องส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อ การศกึ ษา รวมท้ัง การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เพ่ือให้เกิดการ ใชท้ ีค่ ุ้มค่าและเหมาะสม กับกระบวนการเรียนรขู้ องคนไทย .....มาตรา 68 ให้มีการระดมทุน เพ่ือจัดต้ังกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากเงิน อุดหนนุ ของรัฐ ค่า สัมปทาน และผลกาไร ทไ่ี ด้จากการดาเนินกิจการสือ่ สารมวลชน เทคโนโลยสี ารสนเทศ และโทรคมนาคมจาก ทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง ท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กร ประชาคม รวมทั้งให้มีการ ลดอัตราค่าบริการเป็นพิเศษ ในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพ่ือพัฒนาคนและสังคม หลักเกณฑ์และวิธีการ จัดสรรเงนิ กองทุนเพ่ือการผลิต การ วิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาให้เป็นไปตามกาหนดใน กฎกระทรวง .....มาตรา 69 รฐั ต้องจัดให้มีหน่วยงานกลางทาหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผน ส่งเสริม และ ประสานการ วิจัย การพัฒนา และการใช้ รวมท้ังการประเมินคุณภาพ และประสิทธิภาพของการผลิต และการใช้เทคโนโลยี เพ่ือการศึกษา เทคโนโลยีอย่างหน่ึงท่ีเข้ามามีบทบาทอย่างกว้างขวางต่อการเรียน การสอนในปัจจุบันและจะมีบทบาทต่อการเรียนการสอนมากยิ่งข้ึนในอนาคตก็คือ การนาระบบการ สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการเรียน การสอน เมื่อไม่นานมาน้ีครูได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ถ่ายทอด ความรูแ้ ตเ่ พยี งผูเ้ ดียวในห้องเรียน แตป่ ัจจบุ นั เรามีการสอนโดยใช้โทรทัศน์ หรือวิทยุกระจายเสียง ระบบ ไมโครเวฟ (Microwave) ระบบดาวเทียมและระบบ วงจรปิด เช่น โทรทัศน์วงจรปิดหรือโทรศัพท์มาใช้ ประกอบ หรือใชเ้ ป็นส่ือแทนครู 2. เน้นเร่ืองการใช้เทคโนโลยีท่ีทันสมัย แม้ว่าการสอนโดยอาศัยการออกอากาศทางวิทยุหรือ โทรทัศน์จะ เคยเป็นและยังคงเป็นแรง สนับสนุนสาคัญในการจัดการศึกษา แต่ก็มีแนวโน้มว่าเราจะนา ระบบวงจรปิดเข้ามา ใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น ระบบวงจรปิด เช่น ไมโครเวฟ โทรทัศน์วงจรปิด และการใช้ดาวเทียมมีข้อ ได้เปรียบระบบวงจรเปิดที่สามารถถ่ายทอดผู้เรียนเป็น จานวนมากได้พร้อม ๆ กัน นอกจากน้ียังได้เปรียบ ตรงท่ีไม่มีข้อจากัดในเร่ืองสถานที่ตัวอย่างเช่น การส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรับสุขศึกษา จะทาให้เราสามารถส่งสัญญาณไป ได้ทุกจุดบนพ้ืนโลกและ เม่ือไปถึงจุดใดจุดหน่ึงแล้วก็สามารถส่งต่อไป 129 ตามสายเคเบิลหรือใช้ระบบ ไมโครเวฟไป ยังห้องเรียนสถานท่ีอื่นๆ ในโรงเรียนหรือที่บ้าน หรือห้อง ประชุมในโรงแรม เป็นต้น นอกจากน้ีการรับ สัญญาณโทรทัศน์จากดาวเทียมโดยตรงของทาง โรงเรียน วงการธุรกิจอตุ สาหกรรม โรงพยาบาล และสภาพ การเรียนการสอนอื่น ๆ ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ กด็ ว้ ยเหตทุ ี่เรามีเครื่องรบั ที่ดีและเหมาะสม จึงทาให้เรา สามารถขจัดปัญหาเดิมท่ีต้องส่งโดยใช้สายเคเบิล สัญญาณดาวเทียมสามารถส่งผ่านทางสายโทรศัพท์ซ่ึง ประกอบด้วยแผ่นไฟเบอร์ที่ สามารถส่งสัญญาณ ของหลายรายการไดใ้ นเวลาเดียวกัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอีกมิติหนึ่งของการเรียนการสอนโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เน่ืองจาก สมรรถภาพทางการสอนของคอมพิวเตอรท์ เ่ี ราพบเห็นในปจั จุบนั ทาให้คาดการณ์ได้ว่าในอนาคต จะมีการนาคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้โดยมีศูนย์คอมพิวเตอร์ทาหน้าที่ผลิตโปรแกรมทาง การศึกษาซ่ึงพร้อมที่ จะให้บริการได้ตลอดเวลา หรืออาจเก็บบทเรียนไว้ในอุปกรณ์ไมโครคอมพิวเตอร์ซึ่ง พร้อมทีจ่ ะนามาใชไ้ ด้เมอ่ื ตอ้ งการ ระบบส่ือสารอิเล็กทรอนิกส์เปิดโอกาสให้กับการนาเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ในการเรียนการสอน เช่น การ ประชุมทางไกล (Teleconferencing) หลงั จากการทดลองใช้ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียทาให้เรา ทราบว่า เราสามารถนาเทคนิคการ ประชุมทางไกลมาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีชีวิตชีวาโดยที่ครูไม่ จาเปน็ ตอ้ ง เดินทางออกจากบา้ นมาสอน ตวั อยา่ งเช่น ครูอาจบนั ทกึ บทเรยี นของเขาไว้ในวีดีโอเทปแล้วส่ง สัญญาณภาพ ออกไปโดยใช้ระบบ วงจรปิด หลังจากนั้นหรือขณะท่ีกาลังดูรายการโทรทัศน์อยู่นั้น ผู้สอน อาจพดู คยุ กับผู้ดู โทรทัศนท์ างสายโทรศพั ทท์ ี่ออกแบบเพื่อใช้ในการนี้โดยเฉพาะ ความสนใจในระบบการประชุมทางไกลเกิดขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายและความไม่สะดวกในการ เดนิ ทางอนั เป็นผล มาจากการขาดแคลนพลงั งานในหลาย ๆ ประเทศ ตัวอย่าง การทดลองเก่ียวกับเรื่องน้ี คือศูนย์การสอนท่ีมีชื่อ ว่า The Center for Interactive Programs and Instructional Communication ของมหาวิทยาลัย วิสคอนชิน สหรัฐอเมริกา ศูนย์การสอนแห่งน้ีได้จัดการสัมมนา เก่ยี วกับการประชุมทางไกล ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2518 แม้ว่าในหลายประเทศทไ่ี ม่คาด ฝันว่าจะมีปัญหาด้านการ ขาดแคลนพลังงานก็ตามต่างก็ได้ให้ความสนใจและ จะนาเทคนิคการประชุมทางไกลหรือเทคนิคการสอน ทางไกลอ่ืนๆ ท่ีคล้ายกันมาใช้ในเร็ววันน้ีประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสาคัญต่อการสื่อสาร ทางไกลโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งคือการสอนทางไกล ดังจะเห็นได้ จากการดาเนินงานของ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชซึ่งเปิดสอนใน ระดับปริญญาตรีสาขาวิชาต่างๆ โดยใช้เทคนิคการสอน ทางไกล ในระยะยาวการพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อนามาใช้ในการสอนจะส่งผลอย่างมากต่อการ บริหารสิ่ง อานวยความสะดวกในการจัดการศึกษา นักการศึกษาและประชาชนท่ัวไปได้คลาดการณ์ว่า ในช่วงหลังของ ศตวรรษน้ีโรงเรียน ขนาดใหญ่จะเข้ามาแทนที่โรงเรียนขนาดเล็ก จึงจะเพิ่มโอกาสให้แก่ นกั เรยี นไดเ้ ข้าถงึ การเรียนการสอนอย่างแท้จริง และช่วยให้การใช้บุคลากรที่มอี ย่เู ป็นไปอย่างคุ้มค่ารวมท้ัง ช่วยเพ่ิม ประสิทธิภาพใน การจัดการศึกษาด้วย อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสขุ ศกึ ษา สามารถขจัดอุปสรรคดังกล่าว ได้ ทั้งในด้านการบริหารและค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน 130 กลุ่มเล็ก ในโรงเรียนขนาดเล็กหลาย ๆ แห่ง ฝ่ายท่ีต้องการให้มีการกระจายอานาจทางการศึกษา มี ความเหน็ วา่ การเปดิ โอกาสให้ประชาชนไดเ้ ขา้ มามี สว่ นร่วมในการจัดการศึกษาอาจเป็นอีกแรง หน่ึงที่จะ ช่วยผลักดันให้โรงเรียนต้องหันมาสนใจในการท่ีจะนาเอา ความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีมาใช้ในการ จัดการเรียนการสอน 3. เน้นเร่ืองการศึกษาเป็นรายบุคคล การศึกษาเพ่ือมวลชน และการศึกษาเพ่ือคนด้อยโอกาส ภายใตค้ วาม รับผิดชอบ ของสานักงานการศึกษาพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ สหรัฐอเมริกา ได้มีงานวิจัย หลายฉบับที่ เกี่ยวข้องกับการศึกษาพิเศษ งานวิจัยเหล่านั้นมุ่งไปที่การพัฒนาวิธีการเรียนการสอนที่จะ ช่วยให้คนพิการ เอาชนะข้อจากัดทางด้านร่างกายและข้อจากัดท่ีเกี่ยวกับประสาทสัมผัส ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ของช่างไม้ที่ ช่วยให้คนตาบอกหรือคนท่ีตามองเห็นเพียงบางส่วนสามารถ รู้ทางเดินได้โดยไม่ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจาก คนอ่ืน อุปกรณ์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณเสียงที่มีลักษณะเสียงต่างๆ กัน สญั ญาณแหลา่ นี้จะช่วยให้คนตาบอกรู้ ทางเดินได้สานักงานการศึกษาพิเศษได้พัฒนาวิธีการและเครื่องมือ ใหม่ๆ ขน้ึ มาเพอ่ื ชว่ ยเหลอื คนพกิ ารให้ สามารถเรียนรู้ข่าวสารและทักษะใหม่ๆ เพ่ิมข้ึน ส่ิงเหล่าน้ีเป็นส่ิงที่ ควรไดร้ ับความสนใจอย่างยิง่ เพื่อให้ผู้ท่ีมีปัญหาด้านการฟังได้รับประโยชน์จากการดูโทรทัศน์โดยสมบูรณ์ได้มีการพัฒนา เทคนิคบาง ประการ ตัวอย่างเช่น เพื่อให้ผู้ที่หูพิการเข้าใจคาบรรยายในรายการโทรทัศน์ได้มีการพัฒนา เทคนิคชนิดหน่ึง ขึ้นมาเรียกว่า \"Closed Captioning\" คือเป็นการเพ่ิมหัวข้อหรือคาบรรยายท่ีเป็น ตวั อักษรเขา้ ไปในรายการ โทรทศั นค์ าบรรยายจะถกู บันทึกลงในจานแม่เหล็กโดยสถาบันจัดทาคาบรรยาย แห่งชาติ (The National Captioning Institute) จากแม่เหล็กที่ถูกบันทึกคาบรรยายแล้วจะถูกส่งไปยัง สถานีต่างๆ ท่ีขอใช้บริการน้ี สถานีจะแทรกคาบรรยายเหล่าน้ีเข้าไปในบรรทัดที่ 21 ของจอโทรทัศน์ ซ่ึง เป็นบรรทัดท่ีไม่รับสัญญาณภาพ อย่างอ่ืนๆ คาบรรยายนี้จะถูกส่งออกอากาศพร้อม ๆ กับสัญญาณภาพ และสัญญาณเสียงปกติของสถานีเราจะ เห็นคาบรรยายนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราติดเครื่องถอดรหัส (Decoder Unit) ท่ีเสาอากาศเครื่องรับโทรทัศน์หรือใช้ เคร่ืองรับโทรทัศน์ที่มีเครื่องถอดรหัสอยู่ในตัวเคร่ืองแล้ว เท่านั้น The Public Broadcasting System ซึ่งมีส่วน ในการพัฒนาเทคนิค Closed Captioning ได้ แพร่ภาพโดยการรวมคาบรรยายดังกล่าวเข้าไปด้วยวันละหลาย ชั่วโมง สถานีเครือข่ายเป็นต้นว่า ABC, CBS และ NBC ต่างออกอากาศโดยใช้เทคนิคดังกล่าวในหลายรายการ นอกจากเน้นการศึกษาเพื่อคน พกิ าร หรือคนด้อยโอกาสแล้ว การให้การศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีจะเน้นเร่ือง การศึกษาเป็นรายบุคคล ซ่ึง หมายถึง การให้โอกาสคนที่มีเวลาไม่ตรงกับคนอื่น สะดวกเวลาไหนก็เรียนเวลาน้ัน ไม่ต้องเรียนตรงกับ เวลาของผูอ้ ่ืน การใหก้ ารศกึ ษาแบบนี้ต้องร้จู ักเลือกใช้เทคโนโลยีทเี่ หมาะสม เชน่ การใช้ Internet ชุดการ สอน หรือ CAI (Computer- Assisted Instruction) นอกจากน้ันการให้การศึกษาแก่มวลชน คือคน จานวนมาก ๆ หากคนจานวนมาก ๆ อาจเลือกใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม เช่น การศึกษาทางไกลผ่าน ดาวเทยี ม การใชโ้ ทรทศั น์ วทิ ยุ เป็นตน้
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรับสขุ ศกึ ษา เทคโนโลยสี ารสนเทศทีส่ าคญั ในอนาคต 131 1. คอมพิวเตอร์ ได้มีการพัฒนาหน่วยความจาให้มีประสิทธิภาพสุงขึ้น แต่มีราคาถูกลง ซ่ึงช่วย เพิ่มศกั ยภาพในการทางานของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปัจจุบันตลอดจนการนาชุดคอมพิวเตอร์ชนิดลด คาสั่งมาใช้ในการออกแบบหน่วยประเมินผล ทาให้คอมพิวเตอร์สามารถทางานได้เร็วขึ้นโดยใช้คาส่ัง พ้นื ฐานงา่ ยๆ 2. ปัญญาประดิษฐ์ เป็นการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถในการตอบสนองกับ ความต้องการของมนษุ ยไ์ ด้ ให้มพี ฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์ มีความเข้าใจภาษามนุษย์ รับรู้ภาษามนุษย์ได้ เชน่ หุ่นยนต์ เป็นตน้ 3. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหาร เป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศท่ีสนับสนุนผู้บริหารในงาน ระดับวางแผนนโยบายและกลยุทธข์ ององคก์ ร 4. การจดจาเสียงเป็นการพัฒนาเพ่ือให้ผู้ใช้มามารถออกคาสั่งและตอบโต้กับคอมพิวเตอร์แทน การกดแป้นพิมพ์ 5. การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิล็กทรอนิกส์ เป็นการส่งข้อมูลจากระบบคอมพิวเตอร์หนึ่งไปสู่ระบบ คอมพิวเตอร์อื่นโดยผ่านระบบส่ือสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การทาธุรกิจ ค้าขาย ทาให้ไม่ต้องเสียเวลา เดินทาง 6. เส้นใยแก้วนาแสง เป็นตัวกลางท่ีสามารถส่งข้อมุลข่าสารได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยการส่ง สัญญาณแสงผ่านเส้นใยแก้วนาแสงท่ีมัดรวมกัน เกิดแนวคิด ทางด่วนข้อมูล ที่เช่ือมโยงระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์เข้าดว้ ยกัน 7. อินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายท่ีเชื่อมโยงกันท่ัวโลกได้รับความนิยมอย่างต่อเน่ือง โดยสมาชิก สามารถติดตอ่ สือ่ สารแลกเปลี่ยนข้อมูลกนั ได้ 8. ระบบเครอื ข่าย เปน็ ระบบสอื่ สารเครือขา่ ยที่ใช้ในระยะทางท่ีกาหนด ส่วนใหญ่จะอยุ่ในอาคาร หรือในหน่วยงาน 9. การประชุมทางไกล เป็นการผสมผสานกันระหว่าง คอมพิวเตอร์ เคร่ืองถ่ายโทรทัศน์ และ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ผู้ประชุมไม่จาเป็นอยู่ในห้องประชุม ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางและผู้ที่ อยหู่ า่ งไกลกันมาก 10. โทรทัศน์ตามสายและผ่านดาวเทียม เป็นการส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านสื่อต่างๆไปยังผู้ชม ขอ้ มูลแพร่ไปได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมพ้นื ที่กวา้ งขวาง 11. เทคโนโลยีมัลติมเิ ดีย เป็นการนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้กับคอมพิวเตอรืในการ เก็บขอ้ มูล เชน่ รปู ภาพ ข้อความ เสียง โดยสามารถนากลบั มาใช้ได้ใหม่ 12. การใช้คอมพิวเตอร์ในการฝึกอบรม เป็นการนาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการฝึกอบรมใน ดา้ นต่างๆ หรือท่เี รยี กว่า คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน เพ่อื ส่งเสรมิ ประสทิ ธภิ าพการเรียนรู้ 13. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบ ช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ รูปแบบหีบห่อ รวมทัง้ ดา้ นการออกแบบวศิ วกรรมและสถาปตั ยกรรมให้เหมาะกบั ความต้องการ
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สุขศกึ ษา 14. การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต ช่วยในการผลิตสินค้าในโรงงงานอุตสาหกรรม สามารถ 132 ตรวจสอบรายละเอียดและขอ้ ผดิ พลาดของผลติ ภัณฑ์ เพ่ือให้ได้มาตรฐาน 15. ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เป็นการนาเอาระบบคอมพิวเตอร์ทางด้าน รูปภาพและ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ มาจัดทาแผนที่ในบริเวณท่ีสนใจ เป็นประโยชน์ในการดาเนินกิจการต่างๆ เช่น การ วางแผนยทุ ธศาสตร์ การขนส่ง สารวจและปอ้ งกนั ภัยธรรมชาติ การช่วยเหลือและกภู้ ัย เป็นต้น สรุป จากท่ีกล่าว ในสังคมสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศมีการเปล่ียนแปลงไปอย่างมาก คนใน สังคมมีการปรับตัวเพ่ือรองรับการเปลี่ยนแปลง คนทุกระดับอายุ เกือบทุกอาชีพ มีความต้องการ สารสนเทศอยตู่ ลอดเวลาใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือให้สามารถนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือ ชว่ ยอานวยความสะดวกในการ ดาเนินชีวติ ประจาวัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้ การประกอบธุรกิจ การบรหิ ารจดั การ การพักผอ่ นและบนั เทงิ รวมทั้งการสรา้ งโอกาสใหม่ๆ ใหก้ ับชวี ติ ของตนเอง เอกสารอ้างอิง http://seagramiiz.blogspot.com/ https://goo.gl/u8gA1B
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรับสขุ ศกึ ษา แผนการสอนประจาสปั ดาห์ที่ 15 133 สรปุ เนื้อหาและรวบยอดความคิด รายละเอียด การวดั และประเมนิ ผลในภาพรวมของการเรียน ดว้ ยข้อสอบวัดความรู้ และทกั ษะปฏิบัติ จานวนช่วั โมงทีส่ อน 3 ชวั่ โมง กิจกรรมการเรียนการสอน 1. อาจารย์แนะนารายละเอียดของขอ้ สอบต่างๆ 2. นสิ ติ ปฏิบัติขอ้ สอบ ส่อื การสอน 1. ข้อสอบ 2. ห้องปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 การเขา้ ชัน้ เรยี น และแตง่ กายถกู ระเบียบ (M) 1.2 ความเขา้ ใจจากการเรยี นรู้ (K) 1.3 การประยุกตใ์ ช้ความรใู้ นการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน (C) 1.4 ทกั ษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (N) 2. วิธีการการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ 2.1 อาจารยพ์ จิ ารณาการเขา้ ช้นั เรยี น และแต่งกายถูกระเบียบ 2.2 อาจารยส์ งั เกตความสนใจ การตอบคาถาม และการซกั ถาม 2.3 อาจารย์พจิ ารณาผลงานจากการฝกึ ปฏบิ ัติ 3. สดั สว่ นของการประเมิน 3.1 ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม (M) ร้อยละ 10 3.2 ดา้ นความรู้ (K) ร้อยละ 30 3.3 ดา้ นทกั ษะทางปญั ญา (C) ร้อยละ 30 3.4 ด้านทักษะความสัมพนั ธ์ระหว่างบคุ คลและความรับผดิ ชอบ (I) ร้อยละ 0 3.5 ด้านทกั ษะการวิเคราะหเ์ ชิงตวั เลข การสอื่ สาร และการใช้ไอที (N)ร้อยละ 15
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สขุ ศกึ ษา 134 ภาคผนวก
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยกุ ต์สาหรบั สขุ ศกึ ษา ภาคผนวก ก 135 แบบทดสอบความรู้ 02170423 โปรแกรมประยุกตส์ ุขศกึ ษา 1. ชนดิ ของซอฟตแ์ วร์ (software) มที งั้ หมดก่ีชนิด a) มี 1 ชนดิ 1.ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ b) มี 2 ชนิด 1.ซอฟต์แวรร์ ะบบ 2.ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ c) มี 3 ชนิด 1.ซอฟต์แวร์ระบบ 2.ซอฟตแ์ วร์ ประยกุ ต์ 3.ซอฟตแ์ วรบ์ คุ คล d) มี 4 ชนิด 1.ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ 2.ซอฟต์แวร์ประยุกต์ 3.ซอฟตแ์ วรบ์ คุ คล 4. ซอฟต์แวร์ บริหาร 2. การเรียนรแู้ บบออนไลน์ (E-Learning) มลี ักษณะอย่างไร a) การเรียนนอกสถานท่ี b) การเรียนการสอนผ่านดาวเทียม c) การเรยี นการสอนโดยใชส้ ือ่ PowerPoint d) การเรยี นการสอนผ่าน World Wide Web 3. คาสั่งทใี่ ชใ้ นการคน้ หา คือคาสงั่ ใด a) Ctrl + A b) Ctrl + F c) Ctrl + C d) Ctrl + V 4. ขอ้ ใดเป็นแฟ้มขอ้ มูลทบี่ นั ทึกด้วยโปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วิรด์ (Microsoft Word) a) Sample.exe b) Sample.xls c) Sample.doc d) Sample.ppt 5. โปรแกรมไมโครซอฟต์เวริ ด์ (Microsoft Word) เปน็ โปรแกรมทมี่ จี ุดประสงคใ์ นการใชต้ ามข้อใด a) โปรแกรมประมวลผลคาท่ใี ชใ้ นการพมิ พเ์ อกสารตา่ ง ๆ b) โปรแกรมสาหรบั แผ่นงาน ตารางกราฟ และการคานวณ
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับสขุ ศึกษา c) โปรแกรมนาเสนอผลงาน 136 d) โปรแกรมบรหิ ารข้อมูลของอีเมล์ 6. การสรา้ งจดหมายเวียน ตอ้ งสรา้ งเอกสาร 2 ชดุ คอื ข้อใด a) รปู แบบซองจดหมาย และขอ้ มูลบนซองจดหมาย b) E-mail และ เอกสารหลัก c) จดหมายหลัก และ ขอ้ มูลบนซองจดหมาย d) เอกสารหลกั และ แฟ้มข้อมลู ผู้รบั 7. ต้องการแทรกวัตถุต่าง ๆ เช่น รูปภาพ รูปร่าง อักษรศิลป์ กล่องข้อความ เป็นต้น วางลงบน เอกสาร สามารถเลือกใชป้ มุ่ คาสง่ั ได้จากข้อใด a) หน้าแรก b) แทรก c) เค้าโครงหนา้ กระดาษ d) การอ้างองิ 8. ข้อใดคอื คาสงั่ ท่ีใชใ้ นการเปิดแฟ้มขอ้ มลู (Open) a) Ctrl + O b) Alt + O c) Ctrl + Shift + O d) Ctrl + Shift 9. ข้อใดคอื ขอ้ แตกต่างทีส่ าคญั ระหวา่ งคาสงั่ บนั ทกึ (Save) และคาส่ังบันทกึ เปน็ (Save As) a) ความสามารถในการปฏิบัตติ ามคาสงั่ b) จานวนเน้อื ทท่ี ี่ใช้ในการเก็บคาสงั่ c) จดุ ประสงค์ในการใชค้ าสั่ง d) ไมม่ ขี อ้ แตกตา่ ง 10. ส่วนใดของโปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วริ ์ด (Microsoft word) ท่ีทาหน้าท่ีรวมคาสง่ั ในการจัดการ a) ไตเติลบาร์ (Title bar) b) เมนูบาร์ (Menu bar) c) ทูลบาร์ (Tool bar) d) แถบสถานะ (Status bar)
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สุขศึกษา 11. เมื่อทาการบนั ทึกข้อมูลในโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด (Microsoft Word) แล้วชื่อแฟ้มข้อมูลจะ 137 ไปปรากฏอยู่ตาแหน่งใด a) ไตเติลบาร์ (Title bar) b) เมนูบาร์ (Menu bar) c) ทูลบาร์ (Tool bar) d) แถบสถานะ (Status bar) 12. ตัวหนงั สือหรือ FONT ที่เปน็ ภาษาไทยมกั จะมีช่อื ต่อทา้ ยวา่ อยา่ งไร a) IPC b) UPC c) PCU d) CPU 13. การยอ่ และขยายหน้าจอปกติจะตงั้ คา่ ปกติไว้ทเ่ี ทา่ ไหร่ a) 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ b) 75 เปอรเ์ ซน็ ต์ c) 100 เปอรเ์ ซ็นต์ d) 120 เปอรเ์ ซ็นต์ 14. โดยปกติตัวหนงั สอื ทใ่ี ชพ้ มิ พง์ านจะมขี นาดเท่าไหร่ a) 12 point b) 14 point c) 16 point d) 20 point 15. หากต้องการแทรกรูปลงในเอกสารจะตอ้ งใชค้ าส่ังใด a) เมนูแทรก > สญั ลกั ษณ์ > Wingdings b) เมนแู ทรก > รปู ภาพ > จากแฟ้มหรือภาพตดั ปะ c) เมนรู ปู แบบ > สัญลกั ษณแ์ ละหวั ขอ้ d) เมนแู ทรก > วตั ถุ 16. จากภาพเป็นแทบรปู วาดใชท้ าอะไร
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรบั สขุ ศกึ ษา a) แทรกตวั หนงั สือ 138 b) แทรกตัวอักษรศิลป์หรอื WordArt c) แทรกกล่องข้อความ d) แทรกภาพตดั ปะ 17. เมื่อพมิ พข์ อ้ ความลงในเซลล์ และกดปุ่ม Enter จะมีผลอยา่ งไร a) เซลล์จะมีขนาดสงู ขน้ึ b) เคอร์เซอรจ์ ะเลอ่ื นไปยงั เซลล์ท่ีอยดู่ า้ นลา่ งทันที c) เคอร์เซอร์จะเลือ่ นไปยงั เซลล์ท่ีอย่กู ่อนหน้าทันที d) เคอรเ์ ซอร์จะเลื่อนไปยงั เซลล์ทอี่ ย่ดู ้านขวามือทนั ที 18. ข้อใดมใิ ชก่ ารจัดรูปแบบตวั อักษร a) การเลือกชนิดของฟอนต์ b) การกาหนดขนาดของฟอนต์ c) การปรับระยะห่างระหวา่ งตวั อักษร d) การจัดระยะก้นั หนา้ 19. ขอ้ ใดเรียงลาดบั ข้นั ตอนการเปลย่ี นฟอนตด์ ว้ ยคาส่งั 1.เลอื กขอ้ ความที่ตอ้ งการ 2. เลอื กคาสงั่ Format > Font ( รปู แบบ > แบบอกั ษร ) 3. คลกิ คาสัง่ ลกู ศรช่อง Latin Text (ขอ้ ความละตนิ ) แล้วคลิกฟอนตท์ ่ตี อ้ งการ 4. คลกิ ปมุ่ ok ( ตกลง) a) 1-2-3-4 b) 2-3-1-4 c) 2-1-4-3 d) 4-3-1-2 20. การตง้ั ค่าหนา้ กระดาษตอ้ งเลือกเมนคู าสั่งใด a) Format > Page Setup b) File > Page Setup c) Edit > Page Setup d) Insert > Page Setup
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรบั สขุ ศกึ ษา 21. The shortcut to Paste is: 139 a) Ctrl + V b) Ctrl + X c) Ctrl + S d) Shift + C 22. หากกดปุ่ม Ctrl พรอ้ มกับป่มุ อกั ษร N เปน็ การให้โปรแกรมทางานใด a) เปิดสมดุ งานเดิม b) เปิดสมุดงานใหม่ c) บันทกึ สมุดงาน d) บันทึกสมุดงานเป็นชือ่ ใหม่ 23. ส่วนประกอบใดของโปรแกรม Microsoft Excel มีแต่ Microsoft Word ไมม่ ี a) แถบสูตร (Formula Bar) b) แถบชอ่ื เร่ือง (Title Bar) c) แถบคาส่ัง (Menu Bar) d) แถบเคร่ืองมอื (Tool Bar) 24. จากรปู หมายถงึ ข้อใด a) ผลรวมอตั โนมตั ิ b) การเชื่อมโยงหลายมติ ิ c) การเรยี งลาดบั ข้อมลู d) แสดงวธิ กี ารใช้ Excel 25. องค์ประกอบพื้นฐานหลักของการทางานของคอมพิวเตอร์คือข้อใด a) Excel ไมส่ ามารถคานวณสูตรข้ามเซลล์ได้ b) Excel สามารถท่ีจะเรยี งลาดบั ข้อมลู ทีต่ อ้ งการจากตารางมาวิเคราะห์ได้ c) Excel ไมส่ ามารถยอ้ นกลับมาแก้ไขข้อมลู ในเซลลไ์ ด้หลงั จากที่เปล่ียนเซลล์ใหมแ่ ลว้ d) Excel สามารถตกแตง่ ตารางไดแ้ ต่ไมส่ ามารถคานวณข้อมลู จากตารางท่ีไม่เหมือนกนั ได้ 26. ข้อใดคือคุณสมบตั ิท่ีสาคญั ของโปรแกรม Microsoft Excel a) เป็นโปรแกรมทใี่ ช้ในการพิมพ์งาน b) เปน็ โปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการออกแบบรูปภาพตา่ งๆ
เอกสารประกอบการสอน รายวิชา 02170432 โปรแกรมประยุกตส์ าหรับสุขศึกษา c) เป็นโปรแกรมที่จดั การขอ้ มูลในตารางไดเ้ ป็นอย่างดี 140 d) เปน็ โปรแกรมท่ีช่วยในการตกแตง่ ภาพและตัวอักษรไดด้ ี 27. นามสกลุ ของไฟลท์ ่สี ร้างด้วย MS. Excel 2007 คอื a) .xls b) .ppt c) .xlsx d) .ppt 28. การเลือกชว่ งเซลล์ใหเ้ ปน็ เซลลท์ างานในโปรแกรม Excel อาจเลอื กไดพ้ รอ้ มกันหลายเซลล์โดยไม่ ตดิ กันไดห้ รือไม่ a) ไม่ได้ b) ไดต้ อ้ งกดป่มุ Ctrl c) ได้ตอ้ งกดปุม่ shift d) ได้ตอ้ งกดปุ่มลูกศรค้างไว้ 29. เซลล์เปรยี บไดก้ บั สงิ่ ใด a) ตู้เก็บเอกสาร b) กลอ่ งท่ใี ชเ้ ก็บขอ้ มูล c) กลอ่ งปา้ ยช่ือ d) กลอ่ งปา้ ยชอ่ื 30. การสรา้ งสูตรในการคานวณต้องเริ่มต้นด้วยเคร่อื งหมายใด a) : b) ; c) = d) # 31. ถา้ กดปุ่ม Caps Lock บนแปน้ พมิ พใ์ หด้ วงไฟ Caps Lock สวา่ ง จะเกดิ ผลอยา่ งไร a) พิมพไ์ ด้เฉพาะตัวเลขเท่านนั้ b) พิมพ์ได้เฉพาะสัญลักษณพ์ ิเศษ c) พิมพไ์ ดเ้ ฉพาะตัวอกั ษรบน d) พิมพ์ไดเ้ ฉพาะตวั อกั ษรล่าง
เอกสารประกอบการสอน รายวชิ า 02170432 โปรแกรมประยุกต์สาหรับสุขศึกษา 32. พน้ื ท่กี ารทางานของ PowerPoint เรยี กว่าอะไร 141 a) เดสก์ท็อป b) หน้าจอ c) การนาเสนองาน d) สไลด์ 33. โปรแกรม Microsoft PowerPoint เป็นโปรแกรมประเภทใด a) โปรแกรมกราฟฟกิ ส์ b) โปรแกรมตารางการคานวณ c) โปรแกรมประมวลคา d) โปรแกรมนาเสนอข้อมูล 34. ถ้าเราต้องการนามัลติมีเดียเข้าสู่โปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007 ควรเลือกเมนูใด ต่อไปน้ี a) หน้าแรก (Home) b) รูปแบบ (Format) c) แทรก (Insert) d) มุมมอง (View) 35. ไฟลง์ าน PowerPoint 2007 ถ้าบนั ทึกแลว้ จะมีนามสกลุ ใด a) .doc b) .xls c) .pptx d) .ppt 36. จากภาพ คือสิ่งใด a) การสรา้ งงานนาเสนอเปลา่ b) มมุ มองในการทางาน c) การสร้างพ้นื ทว่ี าดภาพ d) การใส่รปู ภาพ 37. คาส่ังการนาเสนอภาพน่ิง สามารถใชป้ ุ่มลัดใดตอ่ ไปน้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166