Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการจัดการเรียนรู้เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวน) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

แนวทางการจัดการเรียนรู้เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวน) ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

Published by Kunlawatthanasudtha, 2020-04-26 11:19:32

Description: วัตถุประสงค์ของการจัดทำหนังสืออีเล็กทรอนิกส์ออนไลน์เพื่อใช้ประกอบการศึกษารายวิชา การเรียนโปรแกรม

Keywords: วิทยาการคำนวณป.1,การจัดการเรียนรู้ ป.1

Search

Read the Text Version

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) ระดับชนั้ 1ประถมศกึ ษาปที ่ี

สารบญั 3 8 บทท่ี 1 เรอ่ื ง โปง้ กอ้ ยและอ่ิม 13 บทท่ี 2 เร่อื ง ครอบครวั ของเรา 18 บทท่ี 3 เรอื่ ง เสน้ ทางกลบั บา้ น 25 บทที่ 4 เรอื่ ง โปรแกรมแกห้ ิว 32 บทที่ 5 เรื่อง หนนู ้อยบา้ นนา 38 บทที่ 6 เรือ่ ง งานบ้านงานเรา 44 บทที่ 7 เรือ่ ง วันงานโรงเรยี น 50 บทที่ 8 เรอื่ ง ฝนตกน้าทว่ ม บทที่ 9 เรื่อง ทงุ่ ขาวรวงทอง

สมาชิกของกล่มุ นางสาว วชั ราภรณ์ กลุ วัฒนาสทุ ธา รหสั 61131114019 (หัวหน้ากลมุ่ ) นางสาว มนสชิ า แสงเรอื ง นาย ธรรมาทิตย์ เพ็ชรเส้ง นางสาว อรญั ญา บุญเวช รหสั 61131114008 รหสั 61131114017 รหสั 61131114025 นางสาว กญั ฐิกา ใยดี นางสาว อรนภา วนั แสวง รหสั 61131114029 รหสั 61131114033

แนวทางการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ โป้ง ก้อย และอิ่ม

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เปรยี บเทียบความเหมือน ความแตกตา่ งๆของส่ิงตา่ งๆ แก้ปญั หาอย่างงา่ ยโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ 2 ตัวช้ีวัด แก้ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้การลองผดิ ลองถกู การเปรียบเทียบ 3 สาระการเรียนรู้ การเปรยี บเทยี บ 4 แนวคิด เม่ือเปรียบเทียบสิ่งของสองสง่ิ อาจพบความเหมอื นและความ แตกตา่ ง ความเหมือนแลความแตกตา่ งอาจขน้ึ อย่กู ับลกั ษณะ ภายนอกหรือการใชง้ าน 5 ส่อื และอุปกรณ์ ใบงานที่ 1.1 ความเหมอื นและความต่าง ใบงานที่ 1.2 ค้นหาด้วยการเปรียบเทียบ

6 แนวทาง การจัดการเรียนรู้ การจัดเตรยี ม (ใบกจิ กรรมตามจานวนผู้เรียน) ขั้นตอนดาเนนิ ากร 1. ครูใช้คาถามนาเขา้ สู้บทเรยี น “รถมอเตอรไ์ ซตแ์ ละ รถจกั รยานมคี วามเหมือนและแตกตา่ งกนั อย่างไรบ้าง” 2. ครเู ขียนคาตอบของนกั เรียนบนกระดานจากน้ันครูอธบิ าย เพิม่ เติมวา่ การเปรียบเทยี บส่งิ ของสามารถพจิ ารณาจาก คุณสมบัตดิ า้ นต่างๆ เชน่ ขนาด จากนน้ั ครใู หน้ ักเรยี น รว่ มกนั พิจารณาคาตอบอนื่ แลว้ บอกว่าคาตอบนน้ั พจิ ารณาจากคณุ สมบัติด้านใด (นา้ หนัก ราคา องคป์ ระกอบ ความเรว็ การนาไปใช้) 3. ครูนานกั เรียนศึกษาเนอ้ื หาในหนังสอื บทเรียนที่1 ครกู ล่าวถึงการเปรยี บเทียบซึ่งมีการเปรยี บเทียบส่ิงที่ เหมือนกนั และเปรยี บเทยี บสิง่ ที่แตกต่างกัน 4. ครอู ธิบายวธิ ีการทาใบกจิ กรรมความเหมอื นและควมาต่าง ให้นกั เรยี นลงมือทาใบกจิ กรรม แลว้ สุ่มนกั เรยี นนาเสนอ คาตอบ

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ 6. ครูอธบิ ายวิธีการทาใบกจิ กรรม เรือ่ งการคน้ หาดว้ ยการ เปรียบเทยี บ และเล่นเกมจบั ผดิ ภาพจากนน้ั ให้ผเู้ รยี นลงมอื ทาใบกิจกรรม แลว้ สมุ่ นักเรยี นนาเสนอคาตอบ 7. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายและสรุปการเปรยี บเทยี บวา่ มีทัง้ การเปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนและสิ่งทีแ่ ตกตา่ งกนั เง่อื นไขต่างๆท่ีไดจ้ ากการเปรียบเทียบของสองสง่ิ โดย พิจารณาอย่างรอบดา้ น จะชว่ ยให้สามารถตดั สินใจเลือกได้ อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมกับเหตกุ ารณค์ รแู ละนักเรียนร่วม ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบท่ีเกย่ี วข้องในชวี ิตประจาวัน 7 การวัดและ การประเมินผล 7.1 ตรวจคาตอบในใบกจิ กรรม 7.2 สงั เกตจุ ากการมีสว่ นร่วมในการทากจิ กรรม 8 สอ่ื และ แหลง่ การเรียนรู้ เกมจับผดิ ภาพ

9 ข้อเสนอแนะ 1. ให้นักเรยี นดูวิดีโอเป็นตัวอยา่ ง 2-3 นาที โดยไม่ตอ้ งดู จบ 2. คาตอบบางข้อจากการทาใบกิจกรรม อาจมีมากกวา่ 1 คาตอบ ขนึ้ อย่กู บั เหตผุ ลของนักเรียน 3. ครอู าจให้นักเรยี นทา exit ticker ก่อนหมดช่วั โมง โดย ให้นกั เรยี นวาดรูปหรือเขยี นสิ่งท่ไี ดเ้ รยี นรู้ เพอื่ ใชใ้ นการ ประเมินความรู้ความเขา้ ใจของนกั เรยี น

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 1ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ครอบครัวของเรา

จุดประสงค์การเรียนรู้ เลา่ เหตุการณ์ หรือเรือ่ งราวได้อย่างถกู ตอ้ งแสดงลาดบั ขน้ั ตอนการทางานหรอื แกไ้ ขปญั หาท่เี ปน็ อัลกอรทิ ึมอย่างง่าย โดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ หรือข้อความตามลาดบั 2 ตวั ชีว้ ัด แสดงลาดับขน้ั ตอนการทางานหรือการแกป้ ัญหาทเ่ี ป็น อัลกอรทิ ึมอยา่ งงา่ ยโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรอื ข้อความ 3 สาระการเรยี นรู้ 1. การเล่านิทาน 2. การเลา่ กจิ วัตรประจาวนั 4 แนวคิด การเล่าเหตกุ ารณห์ รอื เรื่องราว จะตอ้ งจดั ลาดบั ขน้ั ตอนให้ ถูกตอ้ ง ในบางคร้ังอาจมลี าดบั ทถี่ กู ตอ้ งมากกวา่ 1 แบบ 5 ส่อื และอุปกรณ์ ใบงานที่ 2.1การลาดบั เหตกุ ารณ์ ใบงานที่ 2.2 การลาดับนทิ าน ใบงานท่ี 2.3 เรยี งใหเ้ ปน็ ลาดบั นิทานเรอื่ งมดกบั ตั๊กแตน

6 แนวทาง การจัดการเรยี นรู้ การจัดเตรียม - ใบกจิ กรรมตามจานวนนักเรยี น - นิทานเรอ่ื งมดกับต๊กั แตน ขั้นตอนการดาเนินการ 1. ครใู ช้คาถามนาเขา้ สบู่ ทเรียน “หลังจากทนี่ กั เรียนตน่ื นอนตอน เช้า นกั เรียนทากิจวตั รใดบา้ งก่อนไปโรงเรียน” 2. ครนู านกั เรยี นศกึ ษาเนอ้ื หาในหนังสือเรยี นบทที่ 2 3. ครอู ธบิ ายวธิ กี ารทาใบกจิ กรรมเรอ่ื งการลาดบั เหตุการณ์ จากนั้นให้นักเรยี นทาใบกิจกรรม แลว้ สุ่มนักเรียนนาเสนอ คาตอบ 4. ครูถามนกั เรยี นว่า “นักเรียนเคยฟงั นทิ านหรอื ไม่ นทิ านเรอื่ ง อะไร” และสุ่มใหน้ ักเรยี นเลา่ นทิ านใหฟ้ ัง จากนั้นครูเขา้ สกู่ ารทา ใบกิจกรรม โดยครอู ธบิ ายวิธีการทาและครเู ลา่ นิทานเรือ่ งมด กบั ตก๊ั แตน แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามในใบกจิ กรรม ซง่ึ สามารถเรยี งลาดบั ไดเ้ พียงแบบเดยี ว 5. ครอู ธิบายวิธกี ารทาใบกจิ กรรมเรื่องเรียงใหเ้ ปน็ ลาดบั จากน้นั ให้นกั เรียนทาใบกจิ กรรมแลว้ ส่มุ ใหน้ กั เรียนออกมานาเสนอ คาตอบ

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ 6. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและสรุปวา่ การเลา่ เหตกุ ารณ์เรยี งเหตกุ ารณต์ ามลาดบั เวลาทเี่ กดิ เพอื่ ให้เกิด ความตอ่ เนอ่ื งและไมส่ ับสน การทากจิ กรรมเพอ่ื ให้ไดผ้ ล ลพั ธบ์ างอย่างสามารถสลบั ขนั้ ตอนบางขนั้ ตอนได้ 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันยกตัวอย่างการลาดบั เหตกุ ารณแ์ ละ การทากจิ กรรมที่เป็นข้นั ตอนซง่ึ เก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ ประจาวัน เชน่ การไปเทีย่ วกับครอบครวั เหตุการณเ์ ลา่ เรื่องเก่ียวกบั สงิ่ ทส่ี นใจ 7 การวดั และ การประเมินผล 1. ตรวจคาตอบในใบกิจกรรม 2. สังเกตจากการมสี ว่ นร่วมใหก้ ารทากจิ กรรม 8 สอ่ื และ แหลง่ การเรยี นรู้ นิทานเร่ือง กลไกการทางานต่อเนื่อง ราชสหี ์กบั หนู เป็นลาดบั ขัน้ ตอน

9 ข้อเสนอแนะ 1. การเล่านทิ านในใบกจิ กรรมที่ 1.2 ครอู าจเลา่ โดยสมติเสยี ง ของตวั ละครตา่ งๆเพื่อใหเ้ กิดความสนุกสนาน น่าสนใจ 2. การเลา่ นทิ านเร่อื งมดกบั ตกั๊ แตน อาจใหน้ ักเรยี นท่ีเคยฟงั นทิ านนม้ี าแลว้ เปน็ ผอู้ อกมาเลา่ นทิ านใหเ้ พือ่ นฟงั

แนวทางการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 1ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี เส้นทางกลบั บ้าน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ผเู้ รียนสามารถแกป้ ญั หาโดยการลองผิดลองถกู แกป้ ญั หา อยา่ งง่ายโดยใชก้ ารลองผดิ ลองถูก การเปรียบเทียบ 2 ตวั ชี้วัด แกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้การลองผิดลองถูก การ เปรยี บเทียบ 3 สาระการเรยี นรู้ การลองผิดลองถกู 4 แนวคดิ การลองผดิ ลองถกู เป็นการแกป้ ัญหารปู แบบหน่ึง สามารถทาไดโ้ ดยทดลองแก้ปญั หาหลายๆวิธี แล้วพิจารณาผลลพั ธเ์ พ่อื เลอื กวธิ ที ่เี หมาะสม 5 สือ่ และอปุ กรณ์ ใบงานท่ี 3.1 เส้นทางกลับบา้ น ใบงานท่ี 3.2 หลงั ฉนั หายไปไหน เกมสต์ ่อภาพจ๊กิ ซอว์

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ การจดั เตรยี ม - ใบกจิ กรรมตามจานวนนักเรียน - เกมตอ่ ภาพจกิ๊ ซอว์ ที่มีชน้ิ ส่วนไม่เกนิ 10 ชนิ้ - ตัวตอ่ แสนสนกุ ( ตามจานวนกลมุ่ ) ขน้ั ตอนดาเนินการ 1. ครแู บ่งนกั เรียนออกเป็นกลุม่ กลุ่มละ 3-6 คน 2. ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันต่อภาพจกิ๊ ซอว์กลมุ่ ใดทาเสรจ็ กอ่ น เป็นผู้ชนะ 3. ครูนาอภิปรายเกีย่ วกบั การตอ่ ภาพจิ๊กซอว์วา่ นีกเรยี นมี วธิ กี ารอยา่ งไรใหต้ อ่ ภาพไดส้ าเรจ็ 4. ครนู านกั เรยี นศกึ ษาเนื้อหาในหนงั สอื เรยี นบทที่ 3 เรือ่ ง เส้นทางกลบั บ้าน และอภปิ รายความร้ทู ไี่ ด้ 5. ครูอธบิ ายวิธีการทากจิ กรรม เรือ่ งเสน้ ทางกลบั บ้าน จากนั้นใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทาใบกจิ กรรม แล้วสุ่มนักเรยี น นาเสนอคาตอบและร่วมกันแสดงความคดิ เห็น 6. ครนู าอภปิ รายเกี่ยวกบั การแกป้ ญั หาแบบลองผดิ ลองถกู โดยตงั้ คาถาม เชน่ ในการแกป้ ญั หาเขาวางวงกตดว้ ยการ ลองผิดลองถกู หากเสน้ ทางทเี่ ลอื กไม่สามารถนาไปสู่ จดุ หมายไดน้ ักเรียนควรทาอยา่ งไร

6 แนวทาง การจดั การเรยี นรู้ 7. ครอู ธิบายวิธกี ารทาในกิจกรรมท่ี 3 จากนนั้ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ทา ใบกจิ กรรมแลว้ สมุ่ นักเรียนนาเสนอคาตอบและร่วมกนั แสดงความ คิดเห็นครนู าอภปิ รายเพอื่ นาไปสู่ขอ้ สรปุ ดังน้ี - การลองผดิ ลองถูกเป็นวธิ กี ารแกป้ ญั หาอยา่ งหนง่ึ ซ่ึงในบทตอ่ ๆ ไป 8. นักเรยี นจะไดร้ จู้ ักวธิ ีการแกป้ ญั หาแบบอน่ื ท่มี ีความขับซอ้ นมากขน้ึ การแก้ปัญหาโดยวธิ ลี องผิดลองถกู ในชีวติ จรงิ ต้องเน้นถึงความ ปลอดภยั เปน็ สาคญั และควรเชือ่ ฟังคาแนะนาของคณุ ครูและ ผปู้ กครอง เพื่อไม่ใหเ้ กิดอันตรายจากการลองผดิ ลองถกู 7 การวดั และ การประเมินผล 1. ตรวจคาตอบในใบกจิ กรรม 2. สงั เกตจากการมสี ว่ นร่วมในการทากจิ กรรมกลมุ่ 8 สื่อและ แหล่งการเรยี นรู้ เกมส์ต่อภาพจก๊ิ ซอว์

9 ข้อเสนอแนะ 1. การแกป้ ญั หาแบบลองผิดลองถกู ในชวี ติ จรงิ ควรปรกึ ษาครู หรือผปู้ กครอง 2. นักเรยี นแตล่ ะคนอาจใช้วธิ ีการลองผดิ ลองถกู ในลักษณะท่ี แตกตา่ งกนั อาจทาใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ทแ่ี ตกตา่ งกนั หรือใชเ้ วลาไม่ เท่ากัน จึงไมค่ วรกงั วลทไี่ ม่ไดค้ าตอบหรือแกป้ ญั หาไดช้ ้ากว่า เพื่อน 3. ครอู าจกาหนดกตกิ าใหน้ กั เรียนช่วยกันต่อจ๊กิ ซอวเ์ พ่อื ปอ้ งกันปญั หาในการแยก่ ันตอ่ เช่น แบ่งจานวนจกิ๊ ซอวใ์ ห้แต่ ละคนเท่าๆกัน หรือใหน้ กั เรยี นกาหนดกู ตกิ าในการตอ่ จ๊ิกซอว์ ร่วมกัน

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวน) หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 1ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ผ้เู รียนมคี วามสามารถ 1. แก้ปญั หาโดยแสดงลาดบั ขน้ั ตอนชดั เจนครบถว้ น 2. เขียนโปรแกรมเบอื้ งต้นเพอื่ การการเคลอ่ื นท่ี 2 ตวั ชีว้ ดั 1. แสดงลาดับขน้ั ตอนการทางาน หรอื การแกไ้ ขปญั หาทเ่ี ปน็ อลั กอลิทึม อยา่ งงา่ ย โดยใช้ ภาพ สัญลกั ษณ์ ข้อความ 2. เขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ยโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรอื สือ่ 3 สาระการเรียนรู้ แนวคดิ แสดง ขน้ั สตอื่ อแนลใะนอปุ กรณ์ เขียนโปรแกรม การแก้ปัญหา โดยใชส้ ือ่

4 แนวคิด โปรแกรมคือชดุ คาส่งั ทสี่ ่งั ใหค้ อมพิวเตอร์ทางานโดยเขยี น โปรแกรมตอ้ งส่งั เป็นข้นั ตอนที่ชัดเจนและครบถว้ น 5 สอื่ และอุปกรณ์ 5.1 ใบงาน ใบงานท่ี 4.2 ใบงานท่ี 4.1 ลา้ งมอื ก่อนทาน อาหาร ไปหาของกินกัน เถอะ 15นาที 30นาที 5.2 บัตรคาส่ัง สื่อและอุปกรณ์

6 แนวทาง การจดั การเรยี นรู้ 6.1 ขั้นการจัดเตรียม 1. เตรียมใบงานให้พอดีกบั จานวนผูเ้ รียน 2. บตั รคาส่ัง ห้องน้า ลา้ งมือ ห้องอาหาร รับประทาน อาหาร จดุ เริม่ ตน้

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ ขัน้ ตอนการดาเนนิ การ 1. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรียนแนะนาเร่ืองทศิ ทาง จากนนั้ ใหน้ กั เรียนลอง ปฏบิ ตั ติ ามคาสงั่ จากบตั รคา เช่น เดินซา้ ย 1ก้าว ขวา 1ก้าว เดินหนา้ เดินลง 2. ครูใหน้ ักเรียนลองวิเคราะหก์ ารแกไ้ ขปญั หา ในใบงานที่ 4.1 ไป หาของกนิ กันเถอะ 3. ครูอธิบายการใช้คาสงั่ และใบงาน 4. นักเรยี นทาใบกิจกรรมที่4.1 จากน้ันครูสมรกั ษอ์ อกมานาเสนอ คาตอบโดยอาจสุ่มนกั เรียนท่มี คี าตอบแตกต่างกนั เพ่อื ใหเ้ ห็น วิธีการแกไ้ ขปญั หาท่หี ลากหลาย 5. นักเรยี นทาใบกจิ กรรมท่ี4.2 เรอ่ื งพาฉนั เขา้ หอ้ งเรียนและเขยี น ลาดับบตั รคาส่งั ลงในใบกจิ กรรมตามขนั้ ตอนจากนน้ั ส่มุ นักเรยี นออกมานาเสนอวธิ ีการหาคาตอบ ครูและนกั เรยี น ร่วมกันอภิปรายสรุป 6. เกี่ยวกบั ความรู้ทไ่ี ดร้ ับจากการทากจิ กรรมในประเดน็ ดังตอ่ ไปนี้ - ความรทู้ ี่ไดร้ บั จากการทากจิ กรรม - การสง่ั งานโดยใช้บตั รคาสงั่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ตามทต่ี ้องการ ควรทาอยา่ งไร - การใชบ้ ัตรคาสงั่ ในการสัง่ งานเป็นการเขยี นโปรแกรม เบื้องตน้

7 การวดั และ ใบงานท่ี 4.2 การประเมนิ ผล พาฉันเข้า ตรวจใบงาน ห้องเรยี น ใบงานท่ี 4.1 15นาที ไปหาของกนิ กนั เถอะ 30นาที 8 ส่อื และ แหล่งการเรยี นรู้ อลั กอริทึมและ Bee-Bot เกมสแ์ ก้ปญั หา ผงั งานเบ้ืองต้น Emulator ป1

9 ขอ้ เสนอแนะ 1. ครูอาจปรับเปลี่ยนคาสั่งจากการใชบ้ ตั รคาสั่งไดต้ ามความ ตอ้ งการและเหมาะสม 2. ในการเข้าสู่บทเรียนครูอาจใหน้ กั เรยี น เต้นทา่ ทางตา่ งๆตามลาดบั 3. ในการจัดกจิ กรรม สามารถแบง่ เปน็ กล่มุ ไดต้ วั อย่างเช่นนักเรียน กลุ่มที่ 1-3ทาใบงานที่ 4.1 และนกั เรียน กลุ่มที่5-7ทาใบงานท่ี 4.2 เม่อื เสร็จแล้วใหน้ กั เรยี นนาผลงานไปติดท่ีกระดานและให้ นักเรยี นอภปิ ราย ผลงานของตนเอง 10 บัตรคาสงั่ ตา่ งๆ ลา้ งมือ รับประทาน อาหาร

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวน) หนว่ ยการเรียนรทู้ 5่ี 1ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ผ้เู รียนมีความเข้าใจและมีความสามารถปฏิบตั ไิ ดด้ งั นี้ 1. บอกชื่อของอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ 2. บอกประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ 2 ตวั ชวี้ ดั 1. ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ งจัดเก็บเรียกใช้ขอ้ มลู ตาม วตั ถปุ ระสงค์ 2. ใชเ้ ทคโนโลยีสาระสนเทศอย่างปลอดภยั ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ในการใช้คอมพิวเตอรร์ ว่ มกนั ดูแลรกั ษา อปุ กรณ์เบ้อื งต้น ใช้งานอยา่ งเหมาะสม 3 สาระการเรียนรู้ ความปลอดภัย องคป์ ระกอบของ คอมพวิ เตอร์

4 แนวคดิ 1. อปุ กรณค์ อมพิวเตอรช์ น่ั คยี บ์ อร์ดจอภาพ เมาส์ 2. ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ 3. การใช้งานคอมพิวเตอร์ 4. การใชง้ านคอมพิวเตอรอ์ ยา่ งปลอดภัยและการ ดูแลรกั ษาคอมพวิ เตอร์ 5 สอื่ และอุปกรณ์ ใบงาน ใบงานใช้งาน อปุ กรณ์ ถูกตอ้ ง คอมพิวเตอร์ ปอ้ งกันความ เสียหาย

6 แนวทาง การจัดการเรยี นรู้ การจดั เตรยี ม - ใบกิจกรรม - สีเทียนหรือสีไม้ - คอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณอ์ ื่นๆขน้ั ตอนดาเนินการ ขนั้ ตอนดาเนนิ การ 1. ครูและนักเรียนร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณใ์ นประเด็นดงั ตอ่ ไปน้ี 1.นกั เรียนเคยใช้คอมพวิ เตอร์แท็บเเลท็ หรอื ไม่ และใชท้ า อะไรบ้าง 2. นักเรยี นเคยเห็นคณุ พอ่ คุณแม่ใชค้ อมพิวเตอรห์ รอื ไม่ 3. คอมพวิ เตอรท์ น่ี กั เรียนเคยพบมลี ักษณะอย่างไร 2. นักเรยี นจับคูก่ ันศึกษาเน้ือหาเก่ียวกบั ลกั ษณะคอมพวิ เตอรก์ าร ใช้งานคอมพวิ เตอร์โดยครคู อยใหค้ าแนะนาและชว่ ยเหลอื นักเรยี น แลว้ ตั้งคาถามในประเด็นดงั ตอ่ ไปนี้ 1.นักเรยี นได้เรยี นร้อู ะไรจากบทเรียน 3. ครนู าคอมพวิ เตอร์มาแสดงใหน้ กั เรียนดหู น้าชัน้ เรียน แล้วซักถาม ว่านกั เรียนรู้จักหรือไม่ใช้งานอยา่ งไร ให้นกั เรียนแสดงความ คิดเห็นอยา่ งอิสระจากน้ันครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมพรอ้ มสาธติ การใช้ งานอุปกรณ์

6 แนวทาง การจดั การเรยี นรู้ 4. ครู อธบิ ายวิธกี ารทาใบกจิ กรรมเรือ่ งอุปกรณค์ อมพิวเตอร์ แล้วใหน้ ักเรยี นลงมอื ทากจิ กรรมโดยครูสมุ่ ใหน้ ักเรยี น ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี นและรว่ มกันตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งอภิปรายสรปุ 5. ครซู ักถามถงึ พฤตกิ รรมทค่ี วรทาและไมค่ วรทาในการใช้งาน อุปกรณค์ อมพวิ เตอรพ์ รอ้ มอธิบายการทาใบกิจกรรมเรือ่ ง การใช้งานถกู ต้องป้องกันความเสยี หายและใหน้ กั เรียนลงมือทา กิจกรรม 6. ครซู กั ถามถึงพฤตกิ รรมทค่ี วรทาและไม่ควรทาในการใชง้ าน อุปกรณค์ อมพวิ เตอร์พรอ้ มอธิบายการทาใบกจิ กรรมเรือ่ ง การใช้งานถูกตอ้ งปอ้ งกนั ความเสยี หายและใหน้ ักเรียนลงมือทา กิจกรรม

6 แนวทาง การจัดการเรียนรู้ 7. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั เฉลยไวก้ จิ กรรมพร้อมพูดคยุ ซักถาม และใหเ้ หตผุ ลในการตอบโดยการเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นอธบิ าย ตามความคดิ เห็นของตนพร้อมอธบิ ายเรื่องวธิ กี ารดแู ลรกั ษา อุปกรณค์ อมพวิ เตอร์พร้อมกบั สาธติ วิธกี ารดแู ลรกั ษาให้ ถกู ตอ้ งพร้อมทงั้ ให้ตวั แทนนักเรยี นมาทดลองปฏิบตั ใิ หเ้ พ่ือนดู หน้าช้ันเรยี น 8. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายสรุปเรือ่ งสว่ นประกอบ คอมพิวเตอร์หน้าท่ขี องคอมพิวเตอร์ การดแู ลรกั ษาในการใช้ งานคอมพิวเตอรอ์ ย่างถกู วธิ ี 7 การวัดและ การประเมนิ ผล ตรวจใบงาน ใบงาน ใบงานใช้งาน อุปกรณ์ ถูกตอ้ ง คอมพวิ เตอร์ ป้องกันความ เสยี หาย

8 สือ่ และ แหลง่ การเรียนรู้ องค์ประกอบของ การดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์ คอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ 9 ข้อเสนอแนะ 1. ครูอาจใชบ้ ตั รภาพแทนเครื่องคอมพิวเตอรห์ รอื อปุ กรณจ์ รงิ

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวน) หนว่ ยการเรียนรู้ท6ี่ 1ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี งานบา้ นงานเรา

จุดประสงค์การเรยี นรู้ ผเู้ รียนสามารถแกป้ ญั หาโดยการแสดงลาดับขนั้ ตอนท่ี ชัดเจนและครบถว้ นจากปญั หาทม่ี เี ป้าหมายต่อเนอื่ งกนั มากกวา่ 1 เปา้ หมาย 2 ตวั ชวี้ ดั เขียนโปรแกรมอย่างอย่างง่าย โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื สือ่ 3 สาระการเรียนรู้ 1. การแสดงขน้ั ตอนในการแกป้ ัญหา 2. การเขยี นโปรแกรมโดยใช้สอ่ื 4 แนวคิด การแก้ปัญหาโดยแสดงลาดบั ข้ันตอนในการทางานที่มีเปา้ หมาย ตอ่ เนื่องกันมากกว่า 1 เป้าหมาย ทาไดโ้ ดยการจดั ลาดบั เป้าหมาย แล้ววางแผนการเดนิ ทางจากจดุ เริม่ ต้นไปยังเปา้ หมาย ท่ี 1 จากนั้นจงึ เดนิ ทางไปยงั เป้าหมายต่อไปตามลาดับ 5 ส่ือและอปุ กรณ์ ใบงานท่ี เรอ่ื งระบายสีผลส้ม ใบงานที่ เรื่องลา้ งมือกอ่ นรบั ประทานอาหาร ใบงานท่ี เรอื่ งวางแผนการเดนิ ทางใหค้ ุณพอ่ - บัตรคาสง่ั

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ การจดั เตรยี ม - ใบกจิ กรรม ตามจานวนกลุ่มของนักเรยี น - บัตรคาส่งั กลุม่ ละ 1 ชุด ขั้นตอนดาเนินการ 1. ครนู านกั เรียนศึกษาเนอ้ื หาในหนังสอื เรียน บทท่ี 6 เร่ืองงาน บา้ นงานเรา จากนัน้ อภปิ รายความรู้ที่ได้ 2. ครใู หน้ กั เรียนแบว่ กล่มุ กลมุ่ ละ 3-4 คน จากน้ันแจกใบ กิจกรรมเร่อื งระบายสีผลส้ม พร้อมทงั้ อธบิ ายวิธีทาใบ กิจกรรม 3. ครสู ุ่มนักเรียนนาเสนอคาตอบและวธิ คี ิด เพ่ือนกลุม่ อ่นื ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้องของคาตอบว่าเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร และเความรู้ทไี่ ดร้ บั จากการทากิจกรรม แลว้ อภปิ ราย ร่วมกันทง้ั ชั้น 4. ครูทบทวนเรอื่ งทศิ ทาง เพอ่ื ให้นกั เรยี นเข้าใจความหมายของ ซา้ ยและขวา โดยให้นกั เรยี นทงั้ ห้องยืนขึ้นแลว้ ใหห้ นั ดา้ นซา้ ย หันด้านขวา และเพิม่ คาสง่ั ใหเ้ ดนิ หน้าถอยหลงั 5. ครตู ง้ั คาถามวา่ ถา้ เราตอ้ งการสง่ั เพือ่ นใหท้ าตามคาสงั่ โดยไมใ่ ช้ การพูด เราจะใชว้ ิธกี ารใดในการสื่อสารไดบ้ า้ ง

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ 6. ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ใหม่ กลมุ่ ละ 3-4 คน โดยไมใ่ ห้มีสมาชกิ ในกลุม่ ซา้ กัน จากนน้ั แจกใบกจิ กรรมที่ เรื่องลา้ งมอื กอ่ นรับประ ทาอาหารพร้อมทั้งอธิบายวธิ กี ารทาใบกจิ กรรมให้นกั เรยี น ใช้ บตั รคาสงั่ ท่กี าหนดให้ วางแผน การเดินทางไปลา้ งมอื ทหี่ อ้ งนา้ ก่อนมารบั ประทานอาหารทโ่ี ตะ๊ โดยบนั ทกึ ลาดบั บตั รคาสัง่ ทไี่ ด้ ลงในใบกจิ กรรม 7. ครูสมุ่ นกั เรยี นนาเสนอคาตอบ แล้ววธิ คี ดิ พร้อมทงั้ ใหน้ ักเรียน ตรวจสอบคาตอบของตนเอง เหมือนหรอื แตกตา่ งกับของเพื่อน อยา่ งไร โดยอภิปรายร่วมกันทัง้ ชน้ั 8. ครูนานักเรยี นอภิปราย สรุปรว่ มกัน เกย่ี วกบั ความรทู้ ี่ได้รบั จากการทากจิ กรรม (บตั รคาสั่ง ทศิ ทาง การทางานเปน็ ทมี ) 9. ครสู ่มุ นกั เรยี นนาเสนอคาตอบและวธิ กี ารคิด พร้อมท้ังให้เพ่อื น กลุ่มอ่นื ๆ ตรวจสอบคาตอบของตนเอง วา่ เหมือนหรือแตกตา่ ง กับของเพื่อนอยา่ งไร เพราะเหตุใดจึงแตกตา่ งกนั อภิปราย รว่ มกันท้ังชั้น 10. ครูนานักเรียนอภิปรายสรปุ รว่ มกัน เกี่ยวกบั ความรทู้ ไี่ ด้รับจาก การทากจิ กรรม

7 การวัดและ การประเมินผล 1. ตรวจคาตอบในใบกจิ กรรม 2. สังเกตจากการปฏบิ ตั ิงาน 3. สังเกตการมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมและการนาเสนอ 8 สอ่ื และ แหล่งการเรียนรู้ ตวั อย่างของกจิ กรรมในชวี ิตจริงท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การทางานเพ่อื บรรลุหลายเป้าหมายเชน่ ไตรกีฬา Google Map วา่ ยน้าป่นั จกั รยานวิ่ง ช่วยในการคานวณระยะทาง แลว้ เวลาในการเดนิ ทาง โดย สามารถทดลองสลบั ลาดับของ เป้าหมายการเดนิ ทางได้

9 ขอ้ เสนอแนะ 1. ในใบกสจิ ื่อกรแรลมะครสู ามารถเพ่มิ ร้านดอกไม้ลงในแผนที่ และ เพมิ่ บัตแหรคลาง่สกง่ั โาดรยเรกยีาหนนรดู้ เงอ่ื นไขตามทต่ี ้องการได้ 2. การทากจิ กรรมแสดงลาดบั ขน้ั ตอน ครูอาจใหน้ ักเรยี นแต่ ละกลุม่ ต้ังโจทยป์ ัญหาเพอื่ ใหน้ กั เรียนกลมุ่ อืน่ ทา 3. เนอื่ งจากกจิ กรรมในบทเรียนนี้คอ่ นข้างมาก จงึ ควรให้ วางแผนกจิ กรรม ให้เปน็ ไปตามเวลาทกี่ าหนด 4. การวัดและประเมนิ ผลในการทากิจกรรมกลมุ่ สามารถ สงั เกตทกั ษะความร่วมมอื การนาเสนอการให้ขอ้ คดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ ตลอดจนทักษะในการวางแผนการทางาน ใหต้ รง ตามเวลาท่กี าหนด

แนวทางการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 1ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี วันงานโรงเรียน

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ผู้เรยี นสามารถคน้ หาสิ่งของจากภาพหรอื สถานการณจ์ ริง อยา่ งเป็นระบบ 2 ตัวชว้ี ดั แก้ปัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้การลองผิดลองถูกการเปรียบเทยี บ 3 สาระการเรียนรู้ 1. การคน้ หา 2. การคดิ อยา่ งมีระบบ 4 แนวคิด 1. การคน้ หาอยา่ งเป็นระบบทาใหเ้ รามัน่ ใจได้วา่ สามารถแกป้ ัญหา ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องและครบถว้ น 2. การคน้ หาอยา่ งเปน็ ระบบทาไดห้ ลายวิธีเชน่ คน้ หาจากซา้ ยไป ขวาจากบนลงลา่ งจากใกลไ้ ปไกลหรือคน้ หาทลี ะสว่ น 3. การคน้ หาอยา่ งเปน็ ระบบทาใหเ้ ราสามารถแบ่งงานกันทาเพอื่ นาไปสผู่ ลลัพธไ์ ดร้ วดเรว็ ยิ่งขึ้น 5 สอ่ื และอุปกรณ์ 1. ใบงานเร่ือง นักสืบนอ้ ย 2. ใบงานเรือ่ ง ค้นหาแบบไหนไวกว่า 3. ใบงานเร่อื ง หาเจอไว นับได้ถกู ตอ้ ง

6 แนวทาง การจัดการเรยี นรู้ การจดั เตรียม - ใบกิจกรรม - ลกู แกว้ ลกู ปิงปองสมุดหนังสอื ดินสอไม้บรรทดั ขวดน้า แก้วนา้ ขนั้ ตอนดาเนนิ การ 1. ครูรว่ มสนทนากบั นกั เรยี นเก่ียวกับการเปรียบเทยี บโดยส่มุ นักเรียน 2 คนออกมาหยบิ ส่ิงของในกลอ่ งคนละ 1 ชิน้ แลว้ ให้นกั เรียนทกุ คนรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ต่อไปนี้ 1. ของสองสิ่งนนั้ มีรูปรา่ งและลักษณะ เหมือนกันหรือ ต่างกนั อย่างไรบา้ ง 2. ของแตล่ ะสง่ิ มลี กั ษณะการใช้งานอยา่ งไรเหมือนกนั หรอื ไม่ 2. ครเู ลอื กสง่ิ ของทม่ี ีรปู รา่ งเหมอื นกับสิ่งของที่นกั เรยี นขน้ึ มา พรอ้ มทางต้ังคาถามเพ่ือเปรยี บเทยี บความเหมือนและบอกถงึ ลกั ษณะการใช้งานทเี่ หมาะสม 3. ครูนานักเรยี นศึกษาบทเรยี นบทที่ 7 เรอ่ื งวันงานโรงเรียนและ ร่วมกันตอบคาถามในแบบฝกึ หัดรว่ มกนั อภิปรายเรอ่ื งการ เปรียบเทียบว่ามที ้ังการเปรยี บเทียบสง่ิ ท่ีแตกตา่ งเปรียบเทยี บ สิ่งท่เี หมอื นกนั และการเปรียบเทียบและตดั สินใจ 4. ครอู ธิบายวธิ กี ารทาใบกจิ กรรมท่ี 7.1 เรอ่ื งนกั สืบนอ้ ยและให้ นกั เรยี นทาใบกิจกรรมเมอื่ ทาเสรจ็ ทงั้ ชน้ั เรียนแลว้ ให้ นักเรยี นที่ทาได้สาเร็จ 3 ลาดบั แรกออกมานาเสนอคาตอบ และขนั้ ตอนวธิ ีคิดทใี่ ช้ในการทาใบกจิ กรรม

6 แนวทาง การจดั การเรียนรู้ 5. อธิบายวธิ กี ารในการทาใบกจิ กรรมเร่อื งคน้ หาแบบไหนไวกว่า และให้นักเรยี นทาใบกจิ กรรมโดยตอบคาถามในใบกิจกรรมได้ ถูกตอ้ งและเสร็จกอ่ นจะไดค้ ะแนนมากทสี่ ุดจากนั้นคะแนนกจ็ ะ ลดหลนั่ กันลงมาตามเวลาทใ่ี ช้ในการทากจิ กรรม 6. นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายวธิ ีการทท่ี าใหส้ ามารถคน้ หา คาตอบในใบกิจกรรมไดเ้ รว็ ทส่ี ุด 7. ครูอธบิ ายวธิ กี ารในการทาใบกจิ กรรมเรื่องหาเจอไวนบั ได้ ถูกตอ้ งและใหน้ ักเรยี นทาใบกจิ กรรมจากน้นั นกั เรียนและครู ร่วมกันเฉลยคาตอบในใบกิจกรรม 8. นกั เรยี นและครอู ภิปรายเกีย่ วกบั วธิ กี ารคดิ อยา่ งเป็นระบบจาก การทาใบกจิ กรรม 9. ครสู รุปเกย่ี วกับการเปรียบเทียบและวธิ ีการคดิ อย่างเปน็ ระบบ วา่ เราใชก้ ารเปรยี บเทียบเพ่อื บอกความแตกตา่ งคน้ หาเป้าหมาย และการนับจานวนส่ิงของในภาพถ้าเรามีกระบวนการคดิ อยา่ ง เปน็ ระบบจะชว่ ยใหเ้ ราทางานสาเร็จตามเปา้ หมายได้ 10. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั การนาเสนอวธิ ีการ ค้นหาอยา่ งเป็นระบบไปใช้ในชีวติ ประจาวนั

7 การวดั และ การประเมนิ ผล 1. การตรวจคาตอบในใบกจิ กรรม 2. สังเกตจากการมีสว่ นรว่ มในกิจกรรม 8 ส่ือและ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. ตวั อยา่ งของกิจกรรมในชีวิตจริงท่ีเกยี่ วข้องกบั การ คน้ หาเชน่ การหาหอยตลบั ทาไดโ้ ดยการใช้คราดลากเปน็ แถวยาวและเปลยี่ นแถวไปเร่อื ย ๆอย่างเปน็ ระบบ

9 ข้อเสนอแนะ 1. ในกรณีทีน่ กั เรยี นบางคนคดิ วา่ การคน้ หาอยา่ งไมเ่ ปน็ ระบบ บางคร้ังอาจคน้ หาขอ้ มูลไดเ้ รว็ กว่าการคน้ หาอย่างเป็นระบบ ครูควรเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนได้อภปิ ลายความคิดเห็นและ กาหนดโจทย์สถานการณแ์ ลว้ แบง่ กลมุ่ ใหนกั เรียนคน้ หาและ เปรยี บเทยี บความเรว็ ในการค้นหาด้วยวธิ ีการทตี่ ่างกนั 2. การวัดผลจากการทากจิ กรรมกลมุ่ สามารถวัดทกั ษะการมี ส่วนรว่ มการรบั ฟงั ความคดิ เห็นความเป็นผู้นา

แนวทางการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวน) หนว่ ยการเรยี นรู้ท8่ี 1ระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ฝนตกนา้ ทว่ ม

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ แสดงลาดบั ขน้ั ตอนในการแกป้ ญั หาทชี่ ดั เจนและครบถว้ น จากปญั หาทม่ี ีเง่ือนไข หรือการแกป้ ัญหาอยา่ งงา่ ยโดยใช้ ภาพสญั ลกั ษณห์ รอื ขอ้ ความ 2 ตวั ช้ีวดั เขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รอื สอ่ื 3 สาระการเรียนรู้ การแก้ปัญหาทม่ี เี งือ่ นไขอย่างงา่ ย 4 แนวคดิ การแกป้ ญั หาใหส้ าเร็จตอ้ งแสดงขนั้ ตอนที่ชัดเจนครบถ้วน และทดสอบผลลพั ธก์ อ่ นลงมือปฏิบตั จิ รงิ ปญั หาทม่ี เี งอ่ื นไขเชน่ ต้องหลบหลกี อปุ สรรคหรอื สิ่งกดี ขวางสามารถแกป้ ญั หาไดโ้ ดย สร้างแนวทางการแกป้ ัญหาหลายๆแนวทางแลว้ ทดสอบวา่ แนวทางใดทจ่ี ะไปสู่เป้าหมายไดโ้ ดยไม่ผ่านส่ิงกีดขวาง 5 สอ่ื และอุปกรณ์ 1. ใบงานที่ 8.1 นกั สืบน้อย 2. ใบงานท่ี 8.2 ค้นหาแบบไหนไวกว่า 3. ใบงานท่ี 8.3 หาเจอไว นับไดถ้ กู ตอ้ ง

6 แนวทาง การจัดการเรยี นรู้ การจดั เตรยี ม - ใบกจิ กรรม - บตั รคาส่ังกลมุ่ ละ 1 ชุด ขั้นตอนดาเนินการ 1. ครูใช้คาถามนาเขา้ สูบ่ ทเรยี นเช่นนกั เรยี นเดนิ ทางมาโรงเรยี น อย่างไรบา้ งในระหว่างทางพบเจอสง่ิ กีดขวางการเดนิ ทางของ นกั เรียนหรอื ไมน่ า้ ท่วมทอ่ ระบายน้าต้นไม้เสาไฟฟ้าคนสุนขั รถ หาบเร่แผงลอยกองขยะ 2. ครเู ขียนคาตอบของผู้เรยี นบนกระดานครอู ธบิ ายนกั เรียนว่าใน การเดนิ ทางของนักเรยี นอาจพบเจออปุ สรรคหรอื สิ่งกีด ขวางทางหน่งึ ในการแกป้ ญั หาคอื หลบเลย่ี งจากอปุ สรรคสง่ิ กีด ขวางตา่ ง ๆ เพือ่ ใหก้ ารเดินทางประสบความสาเร็จ 3. ครูนานกั เรยี นศกึ ษาเน้ือหาเรือ่ งฝนตกน้าทว่ มครแู ละนกั เรยี น รว่ มกนั อภปิ ราย เนอื้ หาในหนงั สอื เรยี นจากน้ันให้นักเรยี นทา แบบฝกึ หดั และส่มุ นักเรยี นออกมานาเสนอคาตอบ

6 แนวทาง การจดั การเรยี นรู้ 4. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั เสน้ ทางทโ่ี ปง้ และ ก้อยเลอื กให้อมิ่ เดินทางกลบั วา่ มเี สน้ ทางใดบา้ ง 5. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแนวคิดทไี่ ดจ้ ากการเลอื ก เสน้ ทางของโป้งและกอ้ ยและถา้ เปน็ นกั เรยี นจะเลอื กเส้นทางใด 6. ครอู ธบิ ายและใหน้ ักเรยี นทาใบกจิ กรรมเรอ่ื งพากวางนอ้ ยกลบั บา้ นจากน้นั สมุ่ นักเรยี นออกมานาเสนอคาตอบขน้ั ตอนวธิ กี าร หรอื กระบวนการคดิ ทใ่ี ชใ้ นการทาใบกจิ กรรม 7. นักเรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายแนวทางในการเลอื กหรอื ตดั สนิ ใจเพอ่ื แก้ปัญหาตามท่กี าหนดใหใ้ นใบกิจกรรม 8. นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกบั วธิ ีการคิดแนวทางใน การแก้ปญั หาจากการทาใบกจิ กรรมทั้ง 2 กจิ กรรม 9. ครูสรุปเก่ียวกับการแกป้ ัญหาทมี่ กี ารหลบหลีกสง่ิ กดี ขวางว่า แนวทางในการแกไ้ ขปัญหาอาจมีไดห้ ลาแบบโดยตอ้ งทดสอบ แนวทางแกป้ ัญหาเหลา่ น้นั เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ตี่ อ้ งการและ นาไปสเู่ ปา้ หมายได้อย่างปลอดภัยบางครงั้ เส้นทางทปี่ ลอดภัย อาจไม่ใช่เสน้ ทางที่สั้นทส่ี ดุ ก็ได้ 10. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การนาความรใู้ นการ แกป้ ญั หาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาวนั

7 การวัดและ การประเมนิ ผล 7.1 ตรวจคาตอบในใบกจิ กรรม 7.2 สงั เกตการปฏิบตั งิ าน 7.3 สังเกตการมีส่วนร่วมในกิจกรรมและการนาเสนอ 8 สือ่ และ แหลง่ การเรียนรู้ Boomberman เกมหนอนน้อย หลบส่ิงกดี ขวาง

9 ขอ้ เสนอแนะ 1. การตอบคาถามในกจิ กรรมชวนคิดครคู วรให้นกั เรยี นได้ อธบิ ายเหตุผลของคาตอบ 2. การทาใบกจิ กรรมแตล่ ะเรอ่ื งนกั เรียนแตล่ ะคนอาจจะมี วิธกี ารแกป้ ญั หาแตกตา่ งกันแตไ่ ด้ผลลพั ธ์ตามท่ีโจทย์ กาหนดครคู วรเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนได้อภปิ ราย แลกเปลยี่ นวธิ ีการและสร้างความเขา้ ใจแกน่ ักเรยี นว่าการ แก้ปญั หาหนง่ึ อาจมีได้หลายวธิ แี ละเลือกวธิ ีการขนึ้ อยูก่ บั เงอ่ื นไขและเหตผุ ลของแตล่ ะคน