Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ประจำปีการศึกษา 2563

รายงานการประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ประจำปีการศึกษา 2563

Published by Nicha Si, 2021-07-04 11:34:09

Description: รายงานการประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล

Search

Read the Text Version

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเป็นเลศิ ด้านกฬี าฟุตบอล ก

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สูตรความเปน็ เลิศดา้ นกฬี าฟตุ บอล ข รายงานการประเมนิ หลักสูตรความเปน็ เลิศด้านกีฬาฟตุ บอล ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ประจาปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ โรงเรยี นมธั ยมเทศบาล ๖ นครอดุ รธานี สานกั การศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเปน็ เลศิ ดา้ นกฬี าฟตุ บอล ค คานา หลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ซึ่งได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในบางส่วน ตามนโยบายการ จดั การศึกษาทุกระดบั และสภาพบริบทท่ีเปลี่ยนแปลงทกุ ปี เพ่อื ความเหมาะสมกับผู้เรียนให้ผู้เรียนได้เรียนตาม ศักยภาพและมีคุณภาพบรรลุตามเป้าหมายของการจัดการศึกษา โรงเรียนจึงเห็นว่าควรมีการตรวจสอบโดย ภาพรวมของการบรหิ ารและพัฒนาการศกึ ษาทง้ั ระบบ จึงจัดการประเมนิ หลกั สูตรสถานศึกษาข้นึ เพือ่ เป็น ข้อมูลในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาใหส้ มบูรณย์ ิ่งขึ้น ต่อไป คณะครูโครงการหลักสตู รความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาฟตุ บอล มิถนุ ายน ๒๕๖๔

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเป็นเลศิ ด้านกฬี าฟุตบอล ง สารบญั คานา ๑. บทนา หนา้ สารบัญ ๒. เอกสารและงานวิจัยทเี่ ก่ียวข้อง ค บทท่ี ๓. วิธดี าเนินการ ง ๔. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล บรรณานุกรม ๕. สรุปอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ๑ ภาคผนวก ๔ ๒๙ ๓๑ ๓๙ ๔๒ ๔๔

รายงานการประเมินผลหลกั สูตรความเป็นเลิศดา้ นกีฬาฟุตบอล ๑ บทท่ี ๑ บทนา ความเป็นมาและความสาคัญ กระทรวงศึกษาธกิ ารมีนโยบายในการพัฒนาเยาวชนของชาติ สโู่ ลกยคุ ศตวรรษท่ี ๒๑ โดยมุ่ง ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรมรักความเป็นไทย มีทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ ทักษะด้าน เทคโนโลยี สามารถทางานร่วมกบั ผู้อื่น และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมโลกไดอ้ ย่างสันติ สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน กล่าวถึง การบริหารจัดการหลักสูตรว่า สถานศึกษามีภารกิจหลักในการจัดการศึกษาให้ผู้เรียน ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ สถานศึกษามีบทบาทสาคัญในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา และ ดาเนินการนาหลักสตู รสู่การปฏิบัติในการจดั การเรียนการสอนในชัน้ เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องสร้างความ มั่นใจ ต่อพ่อแม่ผู้ปกครอง และชุมชนว่า ผู้เรียนจะมีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดและเกิด สมรรถนะสาคญั ตลอดจนมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตร เพ่อื ใหบ้ รรลุตามเจตนารมณ์ ดังกล่าว สถานศึกษาต้องออกแบบหลักสูตรให้ครอบคลุมส่วนที่เป็นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามทีก่ ระทรวงศึกษาได้ประกาศใช้ เพ่อื พฒั นาผ้เู รยี นใหบ้ รรลถุ งึ คุณภาพตามมาตรฐาน อนั เป็นความคาดหวังที่ กาหนดไว้ร่วมกันในการพัฒนาเยาวชนทุกคนในชาติ นอกจากนั้น หลักสูตรสถานศึกษา ยังต้องสอดคล้องกับ สภาพปัญหา และความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน สามารถ อยู่ในสงั คมแวดล้อมได้อย่างมีความสุข และเกิดความรักความผูกพันในบ้านเกดิ เมืองนอน มบี ทบาทในการร่วม พัฒนาชุมชน ในการจัดการศึกษาให้บรรลุมรรคผลดังกล่าว สถานศึกษาต้องมีการเตรียมวางแผนเพื่อใช้ หลักสูตรใหม่ ผู้บริหารสถานศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาจะต้องศึกษาและทาความเข้าใจกบั หลักสูตร ใหม่ เตรียมความพร้อมในการใช้หลักสูตร พิจารณาถึงงบประมาณและอาคารสถานที่ว่าเพียงพอหรือไม่ การ เตรียมบุคลากร เกย่ี วกบั การใชห้ ลักสตู รจะด าเนินการโดยวิธีใดวางแผนการใช้หลักสูตรอย่างละเอียดรอบคอบ โรงเรียนควรมีการส่งเสริมสนับสนุนการนาหลักสตู รไปสู่การปฏิบัติอย่างเหมาะสม เนื่องจากสถานศึกษาแตล่ ะ แห่งมีบริบทต่างกัน ความพร้อมต่างกัน รวมทั้งความต่างด้านงบประมาณ ทรัพยากร สถานที่ บุคลากร และ ผู้เรียนที่มีพื้นฐานครอบครัว ฐานะทางเศรษฐกิจ สังคมที่แตกต่างกัน มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนความ ต้องการแตกต่างกัน ดังนั้นการวางแผนการบริหารจัดการหลักสูตรจึงควรพิจารณาให้สอดคล้องสัมพันธ์กับ ปัจจัยต่าง ๆ นอกจากนั้นสถานศึกษาจะต้องมีการติดตาม ดูแลคุณภาพการจัดทาหลักสูตรและการจัดการ เรยี นรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบต่อเน่ือง และครบวงจร และนาผลการตดิ ตาม กากบั ดแู ลคณุ ภาพนั้นมาพิจารณาปรับปรุง หลกั สูตรและการจดั การเรียนร้ใู ห้มคี ุณภาพและประสทิ ธภิ าพย่ิงขนึ้ หลงั จากที่ครูผู้สอนนาหลักสูตรสถานศึกษา ไปพัฒนาผู้เรียนให้มีคณุ ภาพตามเป้าหมาย ควรมีการติดตามผลการใช้หลักสูตรอย่างต่อเนือ่ งเป็นระยะ ๆ เพ่ือ

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกฬี าฟุตบอล ๒ นาผลจากการติดตามมาใช้เป็นข้อมูลพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน (๒๕๕๓, หนา้ ๓๖-๓๙) จะเห็นได้ว่าในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตาม ศักยภาพ หลักสูตรสถานศึกษามีความสาคัญ สถานศึกษามีบทบาทสาคัญในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักการและเป้าหมายของการจดั การศึกษาของชาติ และดาเนนิ การนาหลกั สตู รสู่การปฏิบตั ิในการจัดการ เรียนการสอนในชัน้ เรยี นอยา่ งมีประสิทธภิ าพ มีการติดตามผลการใชห้ ลักสูตรอย่างตอ่ เนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อนา ผลจากการติดตามมาใช้เป็นข้อมูลพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพ ดังนั้นการประเมินหลักสูตร สถานศกึ ษาจึงเปน็ กระบวนการสาคญั อย่างหนึ่งที่มบี ทบาทต่อการพฒั นาหลักสูตร เป็นการพิจารณาตรวจสอบ ประสิทธิภาพของหลักสูตรว่ามีคุณค่าเหมาะสมหรือไม่ และตรวจสอบ ประสิทธิภาพในการดาเนินงาน ฉะน้ัน การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาจึงควรประเมินอย่างรอบด้าน ซึ่งจะช่วยทาให้ได้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ที่มีส่วน รับผิดชอบต่อหลักสูตรใช้เป็นแนวทางในการตัดสินที่จะปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรต่อไป จากการศึกษา วิธกี ารประเมนิ หลกั สูตรพบว่า มรี ปู แบบการประเมนิ หลกั สูตรหลายรูปแบบด้วยกัน งานหลักสตู รความเป็นเงิน ด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมธั ยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี จึงเลือกประยกุ ตใ์ ช้รูปแบบการประเมินผลเชิงระบบ (Input Output Model) โดยการประเมินองค์ประกอบ ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา ด้านการนาหลักสูตรสถานศึกษาไปใช้ และด้านผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อการนาไปสู่ คาตอบว่า หลักสูตรมีความเหมาะสมเพียงใด การดาเนินงานเป็นไปตามความมุ่งหมายท่ีวางไว้หรือไม่ มีปัญหา และอุปสรรค และข้อผิดพลาดในด้านใด เพื่อสามารถตัดสินใจได้ว่าควรมีการปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรใน ด้านใด เพอ่ื ให้เป็นหลักสูตรท่มี ปี ระสิทธิภาพตอ่ ไป วัตถปุ ระสงคข์ องการประเมิน เพือ่ ประเมนิ หลักสูตรความเป็นเงนิ ด้านกีฬาฟตุ บอล โรงเรยี นมธั ยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สานักการศึกษา เทศบาลนครอดุ รธานี ในองคป์ ระกอบ 2 ด้าน ได้แก่ ๑. ด้านองคป์ ระกอบของหลักสตู รสถานศึกษา ๒. ด้านการนาหลกั สตู รสถานศกึ ษาสู่การจดั การเรยี นรู้

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเปน็ เลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๓ ขอบเขตการประเมนิ การประเมนิ หลกั สูตรความเป็นเงินด้านกีฬาฟตุ บอล โรงเรยี นมัธยมเทศบาล ๖ นครอดุ รธานี สานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี คร้งั นี้ มขี อบเขตของการประเมิน ดงั นี้ ๑. กลมุ่ เปา้ หมาย กลุ่มเปา้ หมายที่ใชใ้ นการประเมินคร้ังน้ี ประกอบดว้ ย ๑.๑ ผ้อู านวยการสถานศึกษา จานวน ๑ คน ๑.๒ ผเู้ ชีย่ วชาญ จานวน ๑ คน ๑.๒ ครูผู้สอน จานวน ๖ คน ๒. ขอบเขตดา้ นเนื้อหา เนอื้ หาการประเมนิ ในคร้ังนี้ ประกอบดว้ ย ๒ ดา้ น ได้แก่ ๒.๑ ด้านองค์ประกอบของหลกั สตู รสถานศึกษา ๒.๒ ด้านการน าหลกั สตู รสถานศกึ ษาสกู่ ารจัดการเรียนรู้

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ๔ บทที่ ๒ เอกสารและงานวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง การประเมินหลกั สูตรความเป็นเงินดา้ นกีฬาฟตุ บอล โรงเรียนมธั ยมเทศบาล ๖ นครอดุ รธานี สานกั การศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ผู้ประเมินไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวิจัยท่เี กยี่ วข้อง ดังน้ี ๑. การประเมนิ หลกั สูตร ๒. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๓. หลักสูตรส่งเสริมศักยภาพสู่ความเป็นเลิศของนักเรีนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รายวชิ าเพิม่ เติมฟตุ บอล กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา การประเมินหลักสตู ร ความหมายของการประเมนิ หลกั สตู ร ผู้ประเมินได้ศึกษาถึงความหมายของการประเมิน และการประเมินหลักสูตรได้มีผู้ให้ ความหมายไว้ดังนี้ คือ กัมพล ธิติกร (๒๕๔๒, หน้า ๕๑) การประเมินเป็นกระบวนการที่ให้คาตอบเกี่ยวกับ คุณค่าของสิ่งที่ทา หรือเป็นกระบวนการที่ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อการตัดสินใจในทุกข้ันตอนของการ บริหารงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินหลักสูตรที่ได้เริ่มมีการปฏิบัติงานไปแล้วว่ามีความก้าวหน้าไปแค่ ไหน มปี ญั หาในการปฏิบตั อิ ย่างไร บรรลเุ ปา้ หมายและวตั ถุประสงคท์ ีก่ าหนดไว้หรือไม่ โสภา ชมช่นื (๒๕๔๖, หนา้ ๒๑) การประเมนิ คือการใช้กระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ ข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ โดยใช้เครื่องมอื ท่ีมีคุณภาพ นาผลการประเมินมาตัดสนิ คณุ ค่าสว่ นทใี่ ชไ้ ดแ้ ละสว่ นท่ตี ้อง ปรบั ปรุงใหด้ ยี ิง่ ข้ึน ศกั ดิศ์ รี ปาณะกลุ (๒๕๔๙, หนา้ ๒๑-๒๓) ได้รวบรวมความหมายของคาวา่ การประเมินไว้ซึง่ มสี าระสาคัญ ดังนี้ ๑. การประเมิน (Evaluation) = การวัด (Measurement) เปน็ การให้ความหมายของการ ประเมินในความหมายเดยี วกับคาว่า การวัด การให้ความหมายในลกั ษณะน้มี สี ว่ นดใี นแง่ทาให้การประเมนิ เกยี่ วข้องกบั หลกั การทางวิทยาศาสตรข์ องการวดั ซ่งึ เน้นความเปน็ ปรนยั และความเทีย่ งตรงของเครอื่ งมอื ๒. การประเมิน (Evaluation) = การวิจยั ประยกุ ต์ (Applied research) การให้ความหมายใน ลกั ษณะนผ้ี ู้ให้ความหมายเหน็ ว่า การประเมนิ มีลกั ษณะใกล้เคียงกบั การวจิ ัยเปน็ อยา่ งมาก ทัง้ ในแง่ของระเบยี บ วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ การออกแบบเครอ่ื งมอื และการวิเคราะห์เป็นการมองการประเมนิ ว่าเปน็ วิทยาศาสตร์ ประยกุ ตห์ รือการวิจยั ประยุกต์

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเป็นเลิศดา้ นกฬี าฟตุ บอล ๕ ๓. การประเมนิ (Evaluation) = การตรวจสอบความสอดคล้อง (Determining congruence) หมายถึงกระบวนการตรวจสอบความสอดคลอ้ งระหว่าง “ผลทีไ่ ด้กับวตั ถุประสงคท์ ีก่ าหนดไว้” ซ่ึงความหมายนี้ ไดร้ ับการยอมรับอยา่ งแพร่หลาย และมีอทิ ธิพลต่อการประเมนิ ผลในปัจจุบนั ๔. การประเมิน (Evaluation) = การช่วยตัดสนิ ใจ (Assistant decision making) เป็น ความหมายที่เห็นวา่ การประเมินหมายถึง กระบวนการระบุและเสนอสารนเิ ทศเพ่อื ชว่ ยการตัดสนิ ใจ ๕. การประเมิน (Evaluation) = การบรรยายอย่างลมุ่ ลึก (Description or portrayal) หมายถึง การบรรยายความสัมพนั ธ์และความสอดคลอ้ งของสิ่งที่คาดหวงั สง่ิ ทีเ่ กิดข้ึนจริง และเกณฑ์มาตรฐาน ของโครงการ ซงึ่ เหมาะสาหรับการใชศ้ กึ ษาเฉพาะกรณี (Case study) 6. การประเมนิ (Evaluation) = การตดั สนิ คุณค่า (Determining of worth or value) หมายถึง การตัดสินคณุ ค่าของสิง่ ที่มงุ่ ประเมนิ เช่น ตัดสินคณุ ค่าโดยผ้เู ช่ยี วชาญ (Professional judgment) และการตัดสินคุณคา่ ตามมาตรฐานวิชาชีพ (Professional review) ส่วนการประเมินหลักสูตร ได้มีนักการศึกษาหลายท่านให้ความหมายของการประเมิน หลกั สูตรไว้ดังน้ี นิรมล ศตวุฒิ (๒๕๔๓, หน้า ๑๐๕) การประเมินหลักสตู รหมายถึง การหาคาตอบวา่ หลักสูตร บรรลุผลตามท่กี าหนดจุดมุ่งหมายไว้หรอื ไม่ บรรลผุ ลมากหรอื นอ้ ยเพยี งไร และสาเหตุท่ีไม่บรรลุผลเพราะอะไร การประเมนิ หลกั สูตรจึงเป็นกระบวนการเปรยี บเทียบระหว่างผลการใชห้ ลกั สตู รกับจุดมุ่งหมายของหลกั สตู รว่า การนาไปใช้จรงิ แล้วนัน้ ไดผ้ ลใกล้เคยี งกับจุดม่งุ หมายทก่ี าหนดไว้หรือไม่ ครอนบาซ (Cronbach, 1970, p.231) ใหค้ วามหมายว่า การประเมนิ หลักสตู ร คือการ รวบรวมขอ้ มูลและการใช้ข้อมูลเพอื่ ตัดสนิ ใจในเรอ่ื งโปรแกรมหรอื หลักสตู รการศกึ ษา สตัมเฟิลบมี , และคณะ (Stufflebeam, et al, 1971, p.128) ให้ความหมายของการประเมนิ หลกั สูตรว่าการประเมนิ หลักสตู รคือกระบวนการหาข้อมูล เกบ็ ข้อมลู เพื่อนามาใช้เป็นประโยชนใ์ นการตดั สนิ หา ทางเลือกท่ดี ีกว่าเดิม กดู๊ (Good, 1973, p.209) ได้ใหค้ วามหมายวา่ การประเมนิ หลกั สตู รคือการประเมินผลของ กจิ กรรมการเรยี นภายในขอบข่ายของการสอนทเ่ี น้นเฉพาะจุดประสงค์ของการตัดสินใจในความความถูกต้อง ของจดุ มุ่งหมาย ความสัมพันธ์และความต่อเนอ่ื งของเนือ้ หา และผลสมั ฤทธ์ิของวตั ถุประสงค์เฉพาะ ซึง่ นาไปสู่ การตัดสินใจในการวางแผน การจดั โครงการ การต่อเนื่องและการหมุนเวียนของกิจกรรมโครงการตา่ งๆ ท่จี ะจัด ใหม้ ขี ึ้น จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า การประเมินเป็นกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็น ระบบ ก่อให้เกิดสารสนเทศเพือ่ ช่วยในการตดั สินใจ ส่วนการประเมนิ หลกั สูตรจะทาให้รู้คณุ ค่าของหลักสูตรว่า ใช้ได้ดีเพียงใด และข้อมูลที่ได้จากการประเมินจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณค่ามาก

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สตู รความเปน็ เลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๖ ขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการนาหลักสูตรไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพการประเมินหลักสูตรควรประเมินทั้งระบบและ ทุกขัน้ ตอนของการบรหิ ารหลักสูตรเพอ่ื ให้ได้สารสนเทศเพ่ือการวางแผนและพัฒนา จดุ ม่งุ หมายของการประเมินหลกั สูตร วิชัย วงษ์ใหญ่ (๒๕๔๐, หน้า ๒๑๗) ได้ให้แนวคิดวา่ การประเมินหลักสูตรน้ัน มีวัตถุประสงค์ เพื่อพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับคุณภาพของหลักสูตร โดยใช้ผลการวัดในแง่มุมต่าง ๆ ของสิ่งที่จะประเมินนามา พจิ ารณาร่วมกนั เชน่ ตวั เอกสารหลกั สูตร วัสดุหลกั สูตร กระบวนการจัดการเรียนเรยี นรตู้ ัวผ้เู รียน ความคดิ เหน็ ของผใู้ ช้หลกั สูตรและความคดิ เหน็ ของผเู้ ก่ียวขอ้ งในชุมชนและสงั คม เปน็ ต้น แนวการประเมินหลักสตู รสามารถ ทาได้เป็น ๓ ระยะด้วยกันคือ ระยะก่อนโครงการเพื่อการสร้างและ พัฒนาหลักสูตร ส่วนระยะระหว่าง โครงการ เพือ่ การนาหลักสตู รไปใช้และระยะหลังโครงการเพ่ือการตดิ ตามประเมนิ หลักสตู รทั้งระบบ ทิศนา แขมมณี (๒๕๔๐, หน้า ๑๓๔) กล่าวว่า การประเมินหลักสูตรใด ๆ ก็ตาม จะมี จุดมุ่งหมายคล้ายคลึงกนั อยู่ ๓ ประการสาคญั ๆ คือ ๑. องค์ประกอบที่หลักสูตรนั้นต้องการหรือไม่ เช่น หลักสูตรพยาบาล มีวัตถุประสงค์ที่จะฝกึ ผู้เรียนใหเ้ ป็นพยาบาล การประเมินหลักสูตรพยาบาล ก็จะดูว่าหลักสูตรนัน้ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นได้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ ดงั กลา่ วหรือไม่ ๒. เพื่อตัดสินว่า การวางเค้าโครงและรูปแบบของหลักสูตร ตลอดจนการบริหารงานและ จัดการเรยี นร้ตู ามหลักสตู ร เปน็ ไปในทางท่ีถกู ต้องแลว้ หรือไม่ ๓. เพ่อื วัดผลดูว่า ผลผลติ คอื ผู้เรยี นนนั้ เปน็ อย่างไร ศกั ด์ศิ รี ปาณะกุล (๒๕๔๙, หนา้ ๓๓) การประเมินหลักสตู รโดยทว่ั ไปจะมจี ดุ มงุ่ หมายสาคัญท่ี คลา้ ยคลงึ กัน ดังน้ี ๑. เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตร การ ประเมินในลักษณะนี้มักจะดาเนินในช่วงที่การพัฒนาหลักสูตรยังคงดาเนินการอยู่ เพื่อที่จะพิจารณาว่า องค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตร เช่น จุดมุ่งหมาย โครงสร้าง เนื้อหา การวัดผลมีความสอดคล้อง และ เหมาะสมหรือไม่ สามารถนามาปฏิบัติในช่วงการน าหลักสูตรไปทดลองใช้หรือในขณะที่การใช้หลักสูตร และ กระบวนการจัดการเรยี นรกู้ าลงั ด าเนนิ การอย่ไู ด้มากน้อยเพยี งใด ได้ผลเพียงใด และมีปัญหาอุปสรรคอะไร จะ ได้เป็นประโยชน์แก่นักพัฒนาหลักสูตรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่าง ๆ ของหลักสตู รใหม้ ีคุณภาพดีขน้ึ ได้ทนั ท่วงที ๒. เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตร การนิเทศกากับดูแล และการจัด กระบวนการเรยี นรู้ให้มีประสทิ ธิภาพยิ่งขึ้น การประเมนิ ในลักษณะนี้ จะดาเนินการในขณะท่ีมีการนาหลักสูตร ไปใช้ จะไดช้ ่วยปรบั ปรุงหลักสตู รให้บรรลตุ ามเป้าหมายทว่ี างไว้

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเปน็ เลศิ ดา้ นกฬี าฟุตบอล ๗ ๓. เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารว่า ควรใช้หลักสูตรต่อไปอีก หรือควรยกเลิกการใช้ หลักสูตรเพียงบางสว่ น หรอื ยกเลกิ ทัง้ หมด การประเมินในลกั ษณะนจ้ี ะดาเนนิ การหลักจากทใ่ี ชห้ ลักสูตรไปแล้ว ระยะหนง่ึ แลว้ จึงประเมนิ เพื่อสรุปผลตัดสินว่า หลักสตู รมคี ณุ ภาพดีหรือไม่ดีบรรลเุ ป้าหมายท่ีหลักสูตรกาหนด ไวม้ ากน้อยเพยี งใด สนอบความตอ้ งการของสงั คมเพยี งใดและเหมาะสมกับการน าไปใชต้ ่อไปหรอื ไม่ ๔. เพื่อต้องการทราบคุณภาพของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตของหลักสูตรว่า มีการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปตามความมุ่งหวังของหลักสูตร หลักจากผ่านกระบวนการทางการศึกษามาแล้วหรือไม่อย่างไร การประเมินในลักษณะนี้จะดาเนินการในขณะที่มีการนาหลักสูตรไปใช้หรือหลังจากที่ใช้หลักสูตรไปแล้วระยะ หนง่ึ ก็ได้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มารตุ พัฒผล “การประเมินหลักสูตร เพ่ือการเรยี นรู้และพัฒนา” (๒๕๕๘, หน้า ๑๕) ไดใ้ หค้ วามหมาย ระบบการประเมินหลักสูตร หมายถึง กระบวนการวางแผน เกบ็ รวบรวม ขอ้ มูล และวิเคราะห์ข้อมลู น าไปส่กู ารตัดสนิ ใจในเชิงคุณคา่ (value judgments) ของหลักสูตรในมิตติ ่างๆ ท่ีตั้ง อยู่บนพ้ืนฐานขอ้ มูลเชิงประจักษ์ (empirical data) การรายงานผลการประเมินตอ่ ผู้มสี ่วนเกี่ยวขอ้ งทกุ ฝ่าย และนาผลการประเมนิ มาประกอบการพจิ ารณาการปรบั ปรุงหลกั สูตรหรอื ยกเลิกการใชห้ ลักสูตรระบบการ ประเมินหลักสตู รประกอบดว้ ยกจิ กรรมหลกั ๔ กจิ กรรม ดังนี้ ๑. การวางแผนการประเมิน หมายถึง การออกแบบการประเมินหลักสูตรที่สอดคล้องกับ จุดมุ่งหมายของการประเมนิ เพื่อให้ได้ผลการประเมินท่ีมีความถกู ต้อง สามารถนาไปใชเ้ ปน็ สารสนเทศสาหรบั การปรบั ปรงุ หลกั สูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ของการประเมินการกาหนดกรอบ การประเมิน การกาหนดวิธีการเครื่องมือสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล การกาหนดแหล่งข้อมูล วิธีการ วิเคราะห์ข้อมูล และเกณฑ์การประเมิน การวางแผนการประเมินเป็นสิ่งสาคัญต่อการประเมินหลักสูตรเพราะ เปรียบเสมือนพิมพ์เขียว (blueprint) ของการดาเนินการจริงๆ ซึ่งจะช่วยทาให้การประเมินหลักสูตรมีความ ถูกตอ้ งและประหยัดงบประมาณไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ๒. การวางแผนเก็บขอ้ มูล หมายถึง การเตรียมความพร้อมก่อนดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ การเตรียมเครื่องมือสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล การติดต่อประสานงานและนัดหมายวันเวลาสถานท่ี กับผู้ให้ข้อมูล การกาหนดบุคคลที่จะทาหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูล บันทึกข้อมูล ตลอดจนผู้ทาหน้าที่วิเคราะห์ ข้อมูล และระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ประเมินหลักสูตรต้องวางแผนการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ สอดคล้องกับแผนการประเมินเพื่อให้การประเมินบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนเก็บ รวบรวมข้อมูลที่ดีจะทาให้การเก็บข้อมูลมีความประหยัดทั้งในด้านเวลางบประมาณ และทรัพยากรอื่นๆ ส่ง ผลท าใหข้ ้อมูลมีความถูกต้องสมบูรณ์ สามารถนาไปวิเคราะห์ไดท้ นั ที ๓. การเก็บข้อมลู และวเิ คราะหข์ ้อมูล หมายถงึ การดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู ตามแผนการ เกบ็ ข้อมลู ท่ีกาหนดไว้ และนามาวเิ คราะห์แปลความหมาย และลงสรุปตามเกณฑ์การประเมินการเกบ็ รวบรวม ข้อมูลท่ีดตี อ้ งได้ขอ้ มลู ครบถว้ น และต้องมีความซ่ือสัตยก์ ลา่ วคือ ผู้เก็บข้อมลู ตอ้ งไม่สรา้ งข้อมลู จากความคิดหรือ

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเปน็ เลิศด้านกฬี าฟุตบอล ๘ อุปาทานของตนเอง (ไม่ใช่การสร้างข้อมลู เทจ็ แต่เป็นการตคี วามปรากฏการณ์จากมมุ มองของตนเอง) เช่น ข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกตพฤติกรรมกจ็ ะตอ้ งบันทึกข้อมูลเฉพาะพฤติกรรมทสี่ ังเกตได้จรงิ ๆ เทา่ น้นั โดยไม่นา ความรูส้ กึ ของตนเองทเ่ี กดิ ขน้ึ ในระหว่างการสังเกตไปบนั ทึกเปน็ ข้อมูลการประเมิน เพราะสง่ิ นี้เปน็ ความรู้สึก (feel) ไม่ใชข่ อ้ เท็จจริง (fact) สาหรบั การวเิ คราะห์ขอ้ มูลผปู้ ระเมินหลกั สูตรต้องวเิ คราะห์อย่างตรงไปตรงมา และไมน่ ามมุ มองของตนเองไปใช้เปน็ เกณฑ์การประเมนิ หลักสูตรเพราะจะทาใหเ้ กิดความขดั แยง้ ตามมา ภายหลังได้ สว่ นการสรุปผลการประเมนิ ตอ้ งสรปุ ไปตามเกณฑ์การประเมินที่ไดก้ าหนดไว้ อยา่ งไรกต็ ามหากมี ประเด็นอน่ื ทน่ี ่าสนใจยงั สามารถนาเสนอเปน็ ข้อสังเกตเพิ่มเติมได้ ๔. การรายงานผลตอ่ ผู้เกีย่ วขอ้ ง หมายถงึ การสอื่ สารขอ้ สรุปผลจากการประเมนิ หลักสูตรด้วย วิธีการต่างๆ อย่างเหมาะสมไปยังผู้มีสว่ นเกีย่ วข้องกับหลักสูตรทุกฝ่าย เช่น ผู้บริหารผู้สอน ผู้สนับสนุน ผู้เรียน ผปู้ กครอง และชุมชน การรายงานผลตอ่ ผู้เกย่ี วข้องมีความสาคัญมากในฐานะทีจ่ ะทาใหผ้ เู้ กีย่ วข้องท้ังหลายได้มี โอกาสรับรูค้ ณุ ภาพของหลักสตู รในประเด็นต่างๆ ทัง้ ทเ่ี ปน็ จดุ แข็งและจุดท่ีตอ้ งปรบั ปรงุ แก้ไข อนั จะนาไปสู่การ ปรบั ปรุงหลกั สตู รให้มคี ณุ ภาพมากย่งิ ข้ึน เชน่ การปรบั เปล่ยี นจุดม่งุ หมายของหลักสูตร การเปลย่ี นแปลงวิธีการ จัดการเรียนการสอนและการประเมินผล การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร การจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนการปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา เป็นต้น อย่างไรก็ตามการรายงานผลการประเมิน หลักสูตรจะต้องใช้วิธีการสื่อสารเชิงบวกและการเสริมพลัง (empowerment) ที่ช่วยให้เกิดการปรับปรุงและ พัฒนาคุณภาพของหลักสูตรทั้งระบบ ได้แก่ ระบบร่างหลักสูตร ระบบบริหารหลักสูตรและระบบประเมิน หลกั สูตร บนพน้ื ฐานของผลการประเมินต่อไป จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า การประเมินหลักสูตรมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาคุณค่าของหลักสูตร โดย พิจารณาการบริหารหลักสูตรทั้งระบบ ตั้งแต่บริบทหรือสภาวะแวดล้อม ปัจจัยเบื้องต้น กระบวนการบริหาร หรือการนาหลักสูตรไปใช้ รวมทั้งผลผลิตและผลกระทบจากการนาหลักสูตรไปใช้ว่ามีความเหมาะสมและ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและสังคมเพียงใด เพื่อปรับปรุงหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพมาก ยิง่ ขึน้ ประโยชนข์ องการประเมนิ หลกั สตู ร สาราญ มีแจง้ (๒๕๔๓, หน้า ๒๓) กลา่ ววา่ การประเมินมีประโยชน์ ดังต่อไปนี้ ๑. การประเมินช่วยให้การกาหนดวัตถุประสงค์และมาตรฐานของการดาเนินงานมีความ ชดั เจน กล่าวคือ กอ่ นที่จะนาโครงการไปใชย้ ่อมจะไดร้ ับการตรวจสอบอย่างละเอยี ดจากผู้บรหิ ารและผู้ประเมิน ว่ามีส่วนใดที่ไม่ชัดเจน เช่น วัตถุประสงค์หรือมาตรฐานการดาเนินงานหากขาดความแนน่ อน ที่แจ่มชัดจะต้อง ไดร้ บั การปรบั ปรุงแก้ไขให้มคี วามถูกต้องชัดเจนเสยี ก่อน

รายงานการประเมินผลหลักสตู รความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาฟตุ บอล ๙ ๒. ประโยชน์เตม็ ท่ี ท้งั นี้เพราะการประเมินจะต้องวิเคราะห์ทุกส่วนของโครงการข้อมูลใดหรือ ปัจจัยใดที่เป็นปัญหาจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานหรือใช้ในการปฏิบัติงานอย่าง เหมาะสมคุ้มค่า ทรัพยากรทุกชนิดจะได้รับการจัดสรรให้อยู่ในจานวนหรือปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอแก่การ ดาเนินงาน ทรัพยากรที่ไม่จาเป็นหรือมีมากเกินไปจะได้รับการตัดทอน และทรัพยากรใดที่ขาดจะได้รับการ จดั สรรเพิม่ เตมิ ๓. การประเมินช่วยให้แผนงานบรรลุวัตถุประสงค์ เพราะโครงการเป็นส่วนหนึ่งของแผน ดังนนั้ เมื่อโครงการได้รับการตรวจสอบวิเคราะห์ปรบั ปรงุ แก้ไข เพ่อื ให้ดาเนนิ การเป็นไปด้วยดี ๔. การประเมินมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาอันเกิดจากผลกระทบของโครงการ และทาให้ โครงการมีขอ้ ทที่ าให้ความเสยี หายลดน้อยลง ๕. การประเมินมีส่วนช่วยอย่างสาคญั ในการควบคุมคุณภาพของงาน เพราะการประเมินเป็น การตรวจสอบ และควบคมุ ชนดิ หน่ึง ๖. การประเมินมีส่วนในการสร้างขวัญและกาลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานตามโครงการเพราะการ ประเมินมิใช่เป็นการควบคุมบังคับบัญชาหรือสั่งการ แต่เป็นการศึกษาวิเคราะห์เพื่อการปรับปรุงแก้ไขและ เสนอแนะวิธีการใหม่ ๆ เพอื่ ใชใ้ นการปฏบิ ัตโิ ครงการอนั ย่อมจะนามาซ่ึงผลงานทดี่ ีเป็นทีย่ อมรับของผู้เกี่ยวข้อง ทัง้ ปวง ๗. ผลของการประเมินอาจเปน็ ข้อมลู อย่างสาคญั ในการวางแผน หรอื การกาหนดนโยบายของ ผู้บริหาร ๘. การประเมินช่วยในการตัดสินใจในการบริหารโครงการ กล่าวคือการประเมินจะทาให้ ผู้บริหารได้ทราบถึงอุปสรรคปัญหา ข้อดี ข้อเสีย ความเป็นไปได้ และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขในการ ดาเนินการโครงการ โดยข้อมูลดังกล่าวจะช่วยทาให้ผู้บริหารตัดสินใจว่าจะดาเนินโครงการนั้นต่อไป หรือยุติ โครงการน้นั เสีย จากทีก่ ล่าวมาสรุปได้ว่า ประโยชนข์ องการประเมินโครงการ หมายถึง การประเมินโครงการมี ประโยชน์ต่อการตัดสินใจ การกาหนดวัตถุประสงค์ การวางแผนการดาเนินการใช้ทรัพยากร การควบคุม คณุ ภาพ ตลอดจนแนวทางแก้ไขปัญหา อุปสรรค เพือ่ เป็นข้อมลู ประกอบการตัดสินใจในการบรหิ ารโครงการให้ บรรลุวตั ถุประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ความนา กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ ให้เป็น หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทาง ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถ ในการแข่งขันใน

รายงานการประเมินผลหลกั สตู รความเป็นเลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๑๐ เวทีระดับโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๔) พร้อมกันนี้ได้ปรับกระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้มีความ สอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ทมี่ งุ่ เนน้ การกระจายอานาจทางการศึกษาให้ทอ้ งถน่ิ และสถานศกึ ษาไดม้ บี ทบาทและมีสว่ นร่วมใน การพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของท้องถิ่น (สานักนายกรัฐมนตรี, ๒๕๔๒) จากการวิจัยและติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรในช่วงระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา (สานักวิชาการ และมาตรฐาน การศึกษา, ๒๕๔๖ ก, ๒๕๔๖ ข,.๒๕๔๘ ก, ๒๕๔๘ ข, สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๔๗; สานัก ผ้ตู รวจราชการและติดตามประเมนิ ผล, ๒๕๔๘; สวุ ิมล ว่องวาณชิ และนงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั , ๒๕๔๗; Nutravong, 2002; Kittisunthorn, 2003) พบว่า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ มีจุดดีหลายประการ เช่น ช่วยสง่ เสริมการกระจายอ านาจทางการศกึ ษาทาให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีส่วนรว่ มและมีบทบาทสาคัญ ในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น และมีแนวคิดและหลกั การในการสง่ เสริมการ พัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวมอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาดังกล่าว ยังได้สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นท่ี เป็นปัญหาและความไม่ชัดเจนของหลักสูตรหลายประการทั้งในส่วนของเอกสารหลักสูตร กระบวนการน า หลักสูตรสู่การปฏิบัติ และผลผลิตที่เกิดจากการใช้หลักสูตร ได้แก่ ปัญหาความสับสนของผู้ปฏิบัติในระดับ สถานศึกษาในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา สถานศกึ ษาส่วนใหญก่ าหนดสาระและผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวังไว้ มาก ทาให้เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัดและประเมินผลไม่สะท้อนมาตรฐาน ส่งผลต่อปัญหาการจัดทา เอกสารหลักฐานทางการศึกษาและการเทียบโอนผลการเรียน รวมทั้งปัญหาคุณภาพของผู้เรียนในด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถและคุณลักษณะที่พึงประสงค์อันยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับ นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ ๒๑ โดยมุ่งส่งเสริม ผเู้ รยี นมีคณุ ธรรม รกั ความเป็นไทย ใหม้ ที กั ษะการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยี สามารถท า งานร่วมกับผู้อื่น และสามารถอยู่ร่วมกบั ผู้อื่นในสังคมโลกได้อย่างสันติ (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๕๑) จากข้อ ค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ที่ผ่านมา เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาคนในสังคมไทย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนสู่ ศตวรรษ ที่ ๒๑ จึงเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ เพื่อนาไปสู่การพัฒนา หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ท่มี คี วามเหมาะสม ชัดเจน ท้งั เป้าหมาย ของหลกั สูตรในการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น และกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การ ปฏิบัติในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญ ของผ้เู รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชี้วัดทช่ี ัดเจน เพ่ือใชเ้ ป็นทิศทางในการจัดทา หลักสูตรการเรยี นการสอนในแตล่ ะระดบั นอกจากน้ันได้กาหนดโครงสร้างเวลาเรียนขนั้ ตา่ ของแต่ละกลุ่มสาระ การเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความ พร้อมและจุดเนน้ อีกท้ังได้ปรบั กระบวนการวดั และประเมินผลผเู้ รยี น เกณฑก์ ารจบการศึกษาแตล่ ะระดับ และ เอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการ

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สตู รความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาฟุตบอล ๑๑ นาไปปฏิบัติเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ นี้ จัดทาขึ้นสาหรับท้องถ่ิน และสถานศึกษาได้นาไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา และจัดการเรียน การสอน เพื่อพฒั นาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้มคี ุณภาพด้านความรู้ และทักษะที่จาเป็น สาหรับการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง และแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องตลอด ชวี ติ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชว้ี ัดท่กี าหนดไวใ้ นเอกสารนี้ ช่วยทาใหห้ น่วยงานท่ีเก่ยี วขอ้ ง ในทกุ ระดับเห็นผล คาดหวังที่ต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสามารถช่วยให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างมั่นใจ ทาให้ การจัดทาหลักสูตรใน ระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความชัดเจนเรื่องการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทียบโอนระหวา่ งสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนาหลกั สูตรในทกุ ระดับตั้งแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึงสถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดท่ี กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมายในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานการจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะ ประสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคล ต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันท างานอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ในการวางแผน ดาเนินการ ส่งเสริม สนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพือ่ พฒั นาเยาวชนของชาติไปสู่คุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ทก่ี าหนดไว้ วิสัยทัศน์ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน มุ่งพฒั นาผ้เู รียนทกุ คน ซง่ึ เปน็ กาลังของชาติให้เป็น มนุษยท์ ี่มีความสมดลุ ท้ังดา้ นร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานกึ ในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึด มน่ั ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ มีความร้แู ละทักษะพืน้ ฐาน รวมทง้ั เจตคติ ท่ีจาเปน็ ต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการศึกษาตลอดชวี ิต โดยมุ่งเนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั บนพ้ืนฐานความเชอื่ วา่ ทกุ คนสามารถเรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ หลกั การ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน มีหลกั การทีส่ าคัญ ดังน้ี ๑. เป็นหลกั สูตรการศึกษาเพ่ือความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ดุ หมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็ เปา้ หมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพ้ืนฐาน ของความเป็น ไทยควบคู่กบั ความเปน็ สากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอ ภาค และมคี ุณภาพ

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ๑๒ ๓. เป็นหลักสูตรการศกึ ษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกับสภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถน่ิ ๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัด การเรียนรู้ ๕. เปน็ หลักสูตรการศึกษาที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ๖. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั ครอบคลุม ทกุ กลมุ่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดมมุ่งหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษา ข้นั พนื้ ฐาน ดงั นี้ ๑. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทีพ่ ึงประสงค์ เหน็ คุณคา่ ของตนเอง มวี ินัยและปฏิบัติตน ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนบั ถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแกป้ ญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทักษะชีวติ ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มสี ุขนสิ ยั และรกั การออกกาลงั กาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจติ สาธารณะที่มุ่งทาประโยชน์และสรา้ งสิ่งทีด่ ีงามในสังคม และอย่รู ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสขุ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน มุ่งใหผ้ ู้เรยี นเกิดสมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดังนี้ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรบั และส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรูค้ วามเข้าใจ ความรสู้ ึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปญั หาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รบั ข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลือกใชว้ ธิ ีการส่อื สาร ทีม่ ีประสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถึงผลกระทบทม่ี ีต่อตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพ่อื การตัดสินใจเกีย่ วกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาฟุตบอล ๑๓ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่ี เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและ ส่ิงแวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการน ากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ ใน การดาเนินชวี ติ ประจาวัน การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรู้อย่างต่อเนื่อง การทางาน และการอยู่ร่วมกันใน สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง เหมาะสม การปรับตวั ใหท้ ันกับการเปลีย่ นแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลกี เลย่ี งพฤติกรรม ไมพ่ งึ ประสงคท์ ่สี ่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่นื ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้าน ต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่อื ใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกับผู้อน่ื ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ดงั นี้ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซื่อสัตย์สจุ รติ ๓. มีวินยั ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อย่อู ยา่ งพอเพียง ๖. มุ่งม่นั ในการท างาน ๗. รกั ความเป็นไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้อง ตาม บรบิ ทและจุดเน้นของตนเอง

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สตู รความเป็นเลศิ ดา้ นกฬี าฟตุ บอล ๑๔ มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคานึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน จึงก าหนดใหผ้ ้เู รียนเรียนรู้ 8 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ดังนี้ ๑. ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๓. วทิ ยาศาสตร์ ๔. สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๕. สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๖. ศลิ ปะ ๗. การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๘. ภาษาตา่ งประเทศ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาคัญของการ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยม ที่ พึงประสงค์เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่อน พัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบวา่ ต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และ ประเมินอย่างไร รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการ ประเมนิ คุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซึง่ รวมถึง การทดสอบระดบั เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา และ การทดสอบระดบั ชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพดังกลา่ วเป็นส่ิงสาคัญท่ีช่วยสะท้อนภาพการจัด การศึกษาว่าสามารถพฒั นาผู้เรยี นให้มีคณุ ภาพตามที่มาตรฐานการเรียนรกู้ าหนดเพยี งใด ตัวชีว้ ัด ตัวชว้ี ดั ระบุสง่ิ ทน่ี กั เรียนพงึ ร้แู ละปฏบิ ตั ิได้ รวมทงั้ คณุ ลกั ษณะของผู้เรยี นในแตล่ ะระดบั ช้ัน ซึ่ง สะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช้ ในการกาหนดเนื้อหา จัดท าหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับการวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบ คณุ ภาพผเู้ รยี น ๑. ตัวชี้วัดชั้นปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละชั้นปีในระดับการศึกษาภาคบังคับ (ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ – มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓) ๒. ตัวชี้วัดช่วงชั้น เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔-๖)

รายงานการประเมินผลหลักสตู รความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล ๑๕ หลักสูตรได้มีการกาหนดรหัสกากับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เพื่อความเข้าใจและให้ สอ่ื สารตรงกนั ดงั น้ี ว ๑.๑ ป. ๑/๒ ป.๑/๒ ตัวชีว้ ดั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ ขอ้ ที่ ๒ ๑.๑ สาระที่ ๑ มาตรฐานขอ้ ที่ ๑ ว กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต ๒.๒ ม.๔-๖/ ๓ ม.๔-๖/ ๓ ตวั ชีว้ ดั ช้นั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ข้อท่ี ๓ ๒.๓ สาระที่ ๒ มาตรฐานข้อที่ ๒ ต กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ซึ่งกาหนดใหผ้ เู้ รียนทุกคนในระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐานจาเปน็ ต้องเรยี นรู้ โดยแบ่งเป็น ๘ กลุ่ม สาระการเรียนรู้ ดังนี้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : การนาความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ใน การศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล คิดวิเคราะห์คิด สร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม : การอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกอย่างสันติสุข การเป็นพลเมืองดี ศรัทธาในหลักธรรมของศาสนาการเห็นคุณค่าของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ความรักชาติ และภูมใิ จในความเปน็ ไทย ศิลปะ : ความรู้และทักษะในการคิดริเริ่ม จินตนาการ สร้างสรรค์งานศิลปะ สุนทรียภาพและ การเหน็ คุณคา่ ทางศลิ ปะ ภาษาไทย : ความรู้ ทักษะและวัฒนธรรมการใช้ภาษาเพื่อ การสื่อสาร ความชื่นชมการเห็น คุณคา่ ภมู ปิ ญั ญา ไทย และภูมใิ จในภาษาประจาชาติ ภาษาต่างประเทศ : ความรู้ทักษะ เจตคติ และวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศในการ สือ่ สาร การแสวงหาความรแู้ ละการประกอบอาชพี การงานอาชีพ : ความรู้ ทักษะ และเจตคติในการท างาน การจัดการ การดารงชีวิต การ ประกอบอาชพี และการใช้เทคโนโลยี สุขศึกษาและพลศึกษา : ความรู้ ทักษะและเจตคติในการสร้างเสริมสุขภาพพลานามัยของ ตนเองและผอู้ นื่ การป้องกนั และปฏบิ ัติต่อสงิ่ ตา่ ง ๆ ทีม่ ผี ลต่อสขุ ภาพอยา่ งถกู วธิ แี ละทกั ษะในการดาเนนิ ชวี ิต

รายงานการประเมินผลหลกั สตู รความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาฟตุ บอล ๑๖ คณิตศาสตร์ : การนาความรู้ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปใช้ใน การแก้ปัญหา การดาเนินชีวิต และศึกษาต่อ การมีเหตุมีผล มีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ พัฒนาการคิดอย่างเป็นระบบและ สรา้ งสรรค์ คณุ ภาพผู้เรยี น ระดับการศึกษาข้นั พื้นฐาน ความสัมพันธ์ของการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียนตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน การจดั การเรียนรู้ การจัดการเรียนร้เู ป็นกระบวนการสาคญั ในการนา หลักสูตรสู่การปฏบิ ัติ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน เปน็ หลักสตู รทม่ี มี าตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ สาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น เปน็ เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพฒั นา ผู้เรียนให้มีคุณสมบัตติ ามเป้าหมายหลกั สตู ร ผสู้ อนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรโู้ ดยชว่ ย ใหผ้ ูเ้ รยี นเรียนรู้ผ่านสาระทก่ี าหนดไวใ้ นหลกั สูตร ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ รวมทั้ง ปลูกฝงั เสรมิ สรา้ งคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะต่างๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคัญใหผ้ เู้ รียนบรรลตุ ามเปา้ หมาย ๑. หลักการจัดการเรยี นรู้ การจดั การเรียนรู้เพื่อใหผ้ ้เู รียนมีความรคู้ วามสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะ สาคญั และคุณลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามทกี่ าหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน โดยยดึ หลัก ว่า ผู้เรยี นมีความสาคัญทสี่ ดุ เชือ่ ว่าทกุ คนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ่เี กิดกบั ผู้เรียน กระบวนการจัดการเรยี นรู้ต้องส่งเสริมให้ผูเ้ รียน สามารถพฒั นาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศักยภาพ คานงึ ถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสาคญั ทั้งความรู้ และคุณธรรม ๒. กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรยี นรู้ท่ีเนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั ผเู้ รียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่ จาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสงั คม กระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของ ตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสัยกระบวนการเหล่านเ้ี ปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรู้ทีผ่ ู้เรียนควรได้รับ การฝกึ ฝน พฒั นา เพราะจะสามารถชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนร้ไู ดด้ ี บรรลเุ ป้าหมายของหลกั สตู ร ดงั น้นั ผูส้ อน จึงจาเป็นต้องศึกษาทาความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการ เรยี นรไู้ ด้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเปน็ เลศิ ด้านกฬี าฟตุ บอล ๑๗ ๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผสู้ อนต้องศกึ ษาหลกั สตู รสถานศกึ ษาใหเ้ ข้าใจถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกับผเู้ รียน แล้วจึงพจิ ารณาออกแบบการ จัดการเรยี นรู้โดยเลือกใช้วิธสี อนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผล เพ่ือให้ผ้เู รียนได้ พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายท่ีกาหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผเู้ รยี น การจดั การเรยี นรเู้ พ่ือใหผ้ เู้ รยี นมคี ุณภาพตามเป้าหมายของ หลักสตู ร ทงั้ ผู้สอนและผู้เรยี นควรมีบทบาท ดังน้ี ๔.๑ บทบาทของผูส้ อน ๔.๑.๑ ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรยี นเป็นรายบุคคล แล้วนาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการ จดั การเรยี นรู้ ทท่ี า้ ทายความสามารถของผ้เู รียน ๔.๑.๒ กาหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะ กระบวนการ ท่ีเปน็ ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทั้งคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๔.๑.๓ ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่าง บคุ คลและพฒั นาการทางสมอง เพอื่ นาผ้เู รียนไปสู่เปา้ หมาย ๔.๑.๔ จัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้เกิดการ เรยี นรู้ ๔.๑.๕ จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยที ีเ่ หมาะสมมาประยุกตใ์ ช้ในการจัดการเรียนการสอน ๔.๑.๖ ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาตขิ องวิชาและระดับพฒั นาการของผ้เู รียน ๔.๑.๗ วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้ง ปรับปรงุ การจดั การเรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผู้เรียน ๔.๒.๑ กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรขู้ องตนเอง ๔.๒.๒ เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหล่งการเรียนรู้ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตง้ั คาถาม คิดหาคาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาด้วยวิธีการตา่ ง ๆ ๔.๒.๓ ลงมอื ปฏิบัตจิ รงิ สรุปสงิ่ ที่ได้เรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง และน าความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ๔.๒.๔ มปี ฏิสมั พนั ธ์ ท างาน ท ากิจกรรมร่วมกบั กลุม่ และครู ๔.๒.๕ ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรียนร้ขู องตนเองอยา่ งต่อเนื่อง

รายงานการประเมินผลหลกั สูตรความเปน็ เลิศดา้ นกฬี าฟตุ บอล ๑๘ สือ่ การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึง ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ สื่อการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น การเลือกใชส้ ื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลลี าการเรียนร้ทู ห่ี ลากหลายของผู้เรียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุง เลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากส่ือตา่ ง ๆ ที่มีอย่รู อบตัวเพื่อนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถส่งเสริม และสื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการ เรียนรอู้ ยา่ งแท้จริง สถานศึกษา เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งและผู้มีหน้าท่ีจดั การศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรดาเนนิ การดังน้ี ๑. จัดใหม้ แี หล่งการเรียนรู้ ศูนยส์ ือ่ การเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือขา่ ย การ เรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพทั้งในสถานศกึ ษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเรยี นรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ทอ้ งถ่ิน ชุมชน สงั คมโลก ๒. จัดทาและจัดหาสื่อการเรียนรู้สาหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้ังจดั หาสิง่ ทีม่ อี ยู่ในท้องถ่ินมาประยุกต์ใชเ้ ป็นส่อื การเรยี นรู้ ๓. เลือกและใชส้ ื่อการเรียนรู้ท่มี ีคุณภาพ มคี วามเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคล้อง กับ วิธกี ารเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผู้เรียน ๔. ประเมินคุณภาพของสื่อการเรียนรทู้ ่ีเลือกใชอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ ๕. ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพอื่ พฒั นาสื่อการเรยี นร้ใู ห้สอดคล้องกับกระบวนการเรยี นรูข้ องผู้เรียน ๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ การเรียนรู้เป็นระยะๆ และสม่าเสมอในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ใน สถานศึกษา ควรคานึงถึงหลักการสาคญั ของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การ เรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่ กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนาเสนอที่เข้าใจง่าย และ นา่ สนใจ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การ ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบ ผลสาเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรียนรูใ้ นทุกระดับไม่ว่าจะเปน็ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และ

รายงานการประเมินผลหลกั สตู รความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล ๑๙ ระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนโดยใช้ผลการประเมนิ เปน็ ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน ข้อมลู ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อการส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนเกดิ การพฒั นาและเรยี นรู้อย่างเต็มตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศึกษา ระดบั เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา และระดบั ชาติ มีรายละเอยี ด ดังน้ี ๑. การประเมนิ ระดับชนั้ เรยี น เปน็ การวัดและประเมนิ ผลทอี่ ยู่ในกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนดาเนินการเปน็ ปกติและสม่าเสมอ ในการจดั การเรียนการสอน ใชเ้ ทคนคิ การประเมินอยา่ งหลากหลาย เช่น การซกั ถาม การสงั เกต การตรวจการบ้าน การประเมนิ โครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟม้ สะสม งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผูส้ อนเป็นผ้ปู ระเมนิ เองหรอื เปิดโอกาส ใหผ้ ูเ้ รียนประเมินตนเอง เพื่อน ประเมนิ เพือ่ น ผปู้ กครองร่วมประเมิน ในกรณีที่ไมผ่ า่ นตัวชว้ี ดั ใหม้ ี การสอนซ่อมเสริม การประเมนิ ระดับช้นั เรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรยี นมพี ัฒนาการ ความก้าวหนา้ ใน การเรียนรู้ อนั เปน็ ผลมาจากการจัดกิจกรรม การเรยี นการสอนหรอื ไม่ และมากน้อยเพยี งใด มสี ่งิ ทีจ่ ะต้องไดร้ ับการพฒั นาปรบั ปรุงและส่งเสรมิ ในด้านใด นอกจากน้ยี ังเป็นข้อมลู ให้ผสู้ อนใช้ปรับปรงุ การเรียนการสอนของตนด้วย ทัง้ นี้โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการ เรียนรู้และตวั ช้ีวดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาด าเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึง ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่า สง่ ผลต่อการเรยี นร้ขู องผู้เรยี นตามเป้าหมายหรือไม่ ผ้เู รียนมีจดุ พฒั นาในด้านใด รวมทงั้ สามารถนาผลการเรียน ของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ จัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน ๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี การศึกษาตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เพ่ือใชเ้ ป็นข้อมูลพื้นฐานในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมิน คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทาและดาเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วย ความรว่ มมือกับหน่วยงานตน้ สังกดั ในการดาเนินการจัดสอบ นอกจากน้ี ยงั ไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล จากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้นื ท่ีการศึกษา ๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การ เรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในช้ัน

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล ๒๐ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ และชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมลู ในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพอื่ นาไปใชใ้ นการวางแผน ยกระดับคณุ ภาพการจดั การศกึ ษา ตลอดจนเปน็ ข้อมูลสนบั สนนุ การตัดสินใจในระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ ทบทวนพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่าง บคุ คลท่จี าแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุม่ ผูเ้ รียนท่วั ไป กลมุ่ ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลมุ่ ผู้เรยี นที่มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนตา่ กลมุ่ ผู้เรียนที่มปี ัญหาด้านวินยั และพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนทปี่ ฏิเสธโรง เรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจาก การประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้รับการพัฒนาและประสบความสาเร็จในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้อง จัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และแนวปฏบิ ตั ทิ ี่เป็นข้อกาหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน เพอ่ื ใหบ้ ุคลากรที่เก่ียวข้องทุกฝ่าย ถอื ปฏิบัตริ ่วมกัน หลกั สูตรส่งเสริมศักยภาพสคู่ วามเปน็ เลิศของนักเรียนสงั กัดองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ รายวชิ าเพิ่มเตมิ ฟตุ บอล กลุม่ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา หลกั การและเหตผุ ล กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาสากลที่ได้รับการยอมรับและนิยมมากที่สุดทั้งในและต่างประเทศ บทบาทของกีฬาฟุตบอลมีอิทธิพลอย่างมากต่อตัวนักกีฬา ผู้เกี่ยวข้องกับนักกีฬา (โค้ช ผู้ฝึกสอน ครอบครัว) และผู้ชมหรือ ประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ทั้งประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นและแข่งขัน กีฬาฟุตบอลในลกั ษณะของ “กีฬาอาชีพ” ทาให้เกิดอาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล เช่น นักฟุตบอล โค้ชผู้ ฝึกสอน นักวิทยาศาสตร์การกีฬาประจาทีม นักจัดการแข่งขัน นักการตลาด ตลอดจนผู้ประกอบอาชีพธุรกิจ หรอื คา้ ขายท่ีเกี่ยวข้องกับกีฬาฟุตบอล อยา่ งไรก็ตามการทจ่ี ะประสบผลสาเร็จในอาชีพตา่ งๆ เหล่าน้ันสิ่งสาคัญ ประการแรกคอื ความจาเปน็ ท่จี ะต้องไดร้ บั ประสบการณ์ตรงและเข้มข้นมากพอในเชงิ ฟตุ บอล ซง่ึ ควรได้รับการ หลอ่ หลอม ปลูกฝัง และเรยี นร้เู พมิ่ พูน ความรู้ ทักษะ และเจคตทิ ด่ี ตี ่อฟตุ บอล ตงั้ แตพ่ ืน้ ฐานหรอื รากหญา้ การเรียนการสอนรายวิชาฟุตบอล ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา มีการจัดการเรียนการสอน ภายใต้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยกาหนดให้โรงเรยี นจัดการเรียนการสอนได้เพียงหนึง่ รายวิชาในภาคการศึกษาใดภาคการศึกษาหนึ่ง สาหรับระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ซึ่งการจัดการศึกษาดังกล่าวยังถือว่าเป็นการจัดการศึกษาท่ี ยังมคี วามเข้มข้นน้อยสาหรับการเตรยี มพ้ืนฐานฟุตบอลในเยาวชน ดงั นั้นการจัดทาหลักสูตรส่งเสริมศักยภาพสู่

รายงานการประเมินผลหลักสตู รความเปน็ เลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๒๑ ความเป็นเลิศกฬี าฟุตบอล จึงมียุทธศาสตร์สาคญั ในการส่งเสริมการจัดการเรยี นการสอนเพื่อให้ผูเ้ รียนที่สาเรจ็ การศึกษาสามารถนาไปเป็นแนวทางต่อยอดสาหรับการประกอบอาชีพเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลที่ประสบผลสาเรจ็ ในอนาคต วิสยั ทัศน์ มุ่งพัฒนาผู้เรียนใหม้ ีความพร้อมที่จะเปน็ นักฟุตบอลหรือผู้ประกอบอาชพี ที่เกี่ยวกบั ฟตุ บอลท่ี มคี วามสมดุล ท้ังทักษะความสามารถทางกีฬาฟุตบอล สมรรถภาพทางกายและจิตใจ ความร้แู ละคณุ ธรรม เป็น อย่างดี รวมทั้งมีเจตคติที่ดีต่อการศึกษาและพัฒนาตนเองต่อการประกอบอาชีพหรือความสาเร็จทางฟุตบอล โดยมุ่งเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั บนพื้นฐานความเชอ่ื วา่ การเตรียมผูเ้ รียนและสง่ เสริมใหต้ ่อเนื่อง จากระดบั รากหญ้า ซงึ่ ทุกคนสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ต็มตามศกั ยภาพ หลกั การ หลักสูตรส่งเสริมศักยภาพสู่ความเป็นเลิศของนักเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รายวชิ าเพ่ิมเติมฟตุ บอล มหี ลกั การทส่ี าคญั ดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรเพื่อความเป็นเลิศทางกีฬาฟุตบอล มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มคี วามรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรม ๒. เป็นหลักสูตรเพื่อผู้เรียนที่มีความสนใจและมีความสามารถพิเศษทางด้านฟุตบอล ได้รับ การต่อยอดและเพ่ิมพูนทกั ษะฟุตบอล สมรรถภาพทางกายและจติ ใจ ความรู้ และคณุ ธรรม รวมทงั้ ใหม้ เี จตคติท่ี ดตี ่อกีฬาฟตุ บอล ๓. เป็นหลักสูตรที่เน้นการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความ ตอ้ งการของโรงเรียนและชุมชน ๔. เป็นหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มีการบูรณาการทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศัย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์ จุดหมาย มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนที่มีความสามารถทางฟุตบอล มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพใน การประกอบอาชีพและการศึกษาต่อทางด้านฟุตบอล จึงกาหนดเป็นจุดหมายเพื่อให้เกิดกับผู้เรียน เมื่อจบ การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน ดงั นี้ ๑. มีทักษะความสามารถทางกีฬาฟุตบอล สมรรถภาพทางกายและจิตใจ มีสุขปฏิบัติที่ดีใน การเลน่ และเป็นนกั กฬี าฟุตบอล ตลอดจนมีทกั ษะชวี ิตที่ดที ้ังในเกมฟตุ บอลและการดาเนนิ ชีวิต ๒. มีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในการฝึกซ้อมและแข่งขันกีฬาฟุตบอล วงการฟุตบอลและ อาชีพฟุตบอล รวมทงั้ เข้าใจในการส่อื สาร วิธีการคดิ การแก้ปญั หา และการใชเ้ ทคโนโลยใี นกฬี าฟตุ บอล

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สูตรความเป็นเลิศดา้ นกีฬาฟตุ บอล ๒๒ ๓. มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ท่เี หมาะสมกับการเลน่ กฬี าฟุตบอล และรกั กฬี าฟุตบอล สมรรถนะและคณุ สมบัตทิ ่ีพึงประสงค์ของผู้เรียนทศี่ ึกษารายวิชาเพ่ิมเตมิ ฟุตบอล สมรรถนะ หลักสูตรนม้ี ุ่งใหผ้ ู้เรยี นเกดิ สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปลยี่ นขอ้ มูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความสามารถในกีฬาฟุตบอลของตนเองและทีม รวมทั้งการ สื่อสารเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและ ความถูกต้องตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่มีต่อความสามารถ ในเกมกีฬาฟตุ บอลตนเองและทีม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อน าไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพือ่ การตดั สนิ ใจในเกมกีฬาฟุตบอลของตนเองและทมี ได้อยา่ งเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ เผชญิ ได้ อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพืน้ ฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธ์ และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเกมกีฬาฟุตบอลและสังคมภายนอก แสวงหาความรู้ ประยุกต์ ความรู้มาใช้ในการปอู งกันและแก้ไขปัญหา และมีการตดั สินใจท่มี ีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบ ที่เกิดขึ้น ตอ่ เกมกีฬาฟุตบอลของตนเองและทมี ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ จาก กฬี า ฟุตบอล ไปใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง การเรยี นรู้อยา่ งต่อเน่อื ง การทางาน และ การอยรู่ ่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดรี ะหว่างบคุ คล การจดั การปญั หา และความขัดแย้ง ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จัก หลกี เล่ียงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ ่ีสง่ ผลกระทบต่อความสามารถทางฟตุ บอลของตนเอง และทมี ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยีด้าน ต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาความสามารถทางกีฬาฟุตบอลของตนเองและ ทีม ในดา้ นการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะที่พึงประสงค์ หลักสูตรเพิ่มเติมฟุตบอล มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์โดยทั่วไป เพื่อให้เป็นผู้ที่มี ทักษะกีฬาฟุตบอล ความรู้ ความสามารถ ตลอดจนการตระหนักและรักในอาชีพฟุตบอล สามารถอยูร่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ดังน้ี

รายงานการประเมินผลหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๒๓ ๑. มีความสามารถทางฟตุ บอล ๒. มีความมงุ่ มนั่ ใฝ่เรียนรูแ้ ละพฒั นาในกีฬาฟุตบอล ๓. มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และนา้ ใจนักกฬี า ๕. มีความสามารถในการปรบั ตัวและทักษะชีวิต และนาไปสู่อาชพี ทางฟุตบอล นอกจากน้ีแล้ว หลักสูตรฯ ยังเน้นการสง่ เสริมและพฒั นาผู้เรยี นใหม้ ีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เฉพาะทางสาหรับความเป็นเลิศ ทางฟตุ บอล ดังน้ี ๑. ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ม. ๑ - ๓) ๑.๑ มีเชยี่ วชาญเชิงทกั ษะและเทคนิคในการเล่นและแขง่ ขันฟตุ บอล ๑.๒ มคี วามโปรดปราณฟตุ บอล ๑.๓ มีความสามารถในการเป็นผูด้ ูและผูเ้ ล่นไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ๑.๔ ได้รับการจัดประสบการณ์อันหลากหลายทั้งภายในและนอกหอ้ งเรียน ๒. ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ (ม. ๔-๖) ๒.๑ มีเชีย่ วชาญเชงิ ทักษะ เทคนคิ ยุทธวิธี และแทคติกในการเล่นและแขง่ ขันฟตุ บอล ๒.๒ มีความโปรดปราณฟตุ บอล และมีเจตคติทดี่ ีเก่ียวกบั อาชพี ทางฟุตบอล ๒.๓ มีความสามารถในการเป็นผู้ดูผู้เล่น ผู้ตัดสิน ผู้ฝึกและผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลได้ อยา่ งดเี ยีย่ ม ๒.๔ ไดร้ บั การจัดประสบการณ์อนั หลากหลายทงั้ ภายในและนอกห้องเรยี น คุณภาพของผเู้ รียน (ทเ่ี พ่ิมจากหลกั สตู รแกนกลาง) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ผู้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล บอกประวัติความเป็นมา ประโยชน์และคุณค่า ของ กฬี าฟุตบอลได้ มีความสามารถเปน็ ผเู้ ลน่ ทมี่ มี ารยาทและเปน็ ไปอยา่ งปลอดภยั สามารถดูและวิเคราะห์การเล่น ของนักกีฬาฟุตบอลได้สามารถดูแลร่างกายและจิตใจสาหรับการเป็นนักฟุตบอล มีทักษะการเคลื่อนที่เชิง ฟุตบอลที่เชี่ยวชาญ มีความมั่นใจในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ของการฝึกซ้อมและแข่งขันฟุตบอล มีความคุ้นเคย และสามารถฝึกเล่นเกมน าต่างๆที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล และมีสมรรถภาพทางกายพื้นฐานและเฉพาะกีฬา ฟตุ บอลท่ดี ี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ผ้เู รียนรู้ เข้าใจ และเล่นฟุตบอลได้ตามกฎและกติกาอย่างถูกต้อง มคี วามสามารถ แสดงทกั ษะ การเล่นลูกด้วยเท้า หน้าอก ศีรษะและมือได้อย่างคล่องแคล่วทั้งในรูปแบบการฝึกและการน าไปใช้ในการ แข่งขนั พึงปฏบิ ตั ิตนในการเป็นนักฟุตบอลที่มีระเบียบวินยั แตง่ กายถูกต้อง ตรงตอ่ เวลาและมีความรับผิดชอบ เล่นฟุตบอลไดต้ ามรปู แบบและวธิ กี ารเลน่ ตา่ งๆ ท้งั ในการฝึกเล่นเกมและกลุ่มยอ่ ย

รายงานการประเมินผลหลกั สูตรความเปน็ เลิศดา้ นกฬี าฟตุ บอล ๒๔ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ ผู้เรยี นรู้ เข้าใจ และการเลน่ ฟตุ บอลโดยมเี ทคนคิ ในการเลน่ ลูกดว้ ยเท้า หน้าอก ศรี ษะ และมือ มีความเข้าใจและมีความสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการนักกีฬาและทีม ออกแบบโปรแกรมการ จัดการแขง่ ขนั ฟตุ บอลได้และปฏบิ ัตหิ น้าที่การเป็นผูจ้ ดั การแข่งขัน อธบิ ายคณุ สมบัตแิ ละเลน่ ตามตาแหน่งต่างๆ ของผู้เล่นได้ เข้าใจและสามารถเล่นได้ตามระบบการเล่นแบบต่างๆ พัฒนาทักษะและยกระดับความสามารถ ทางกฬี าฟตุ บอลของตนเองได้มากขึน้ อย่างภาคภูมิใจและความรู้สึกทา้ ทาย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ผู้เรียนรู้ เข้าใจ และในกีฬาฟุตบอลระดับชาติและสากล ทั้งองค์กรในและต่างประเทศ รายการการแข่งขันฟุตบอล ทีมระดับชาติและสโมสร ทั้งภายในและต่างประเทศ ปฏิบัติตามเทคนิคการดูแล ร่างกายและจิตใจในนักกีฬาฟุตบอลมืออาชีพ มีการใช้การเลือกใช้ และการออกแบบอุปกรณ์การฝึกซ้อมฝึก ทักษะฟุตบอลได้มีทักษะและเทคนิคต่างๆ เพื่อความถูกต้องและแม่นย า และการน าไปใช้ได้จริง มี ความสามารถในการจดั การแข่งขันฟตุ บอล และมคี วามสามารถในการเปน็ ผู้ตัดสินฟุตบอล ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ผู้เรียนรู้ เข้าใจ และมีความสามารถในการฝึกและเป็นผู้ฝึกสอนฟุตบอล เล่นและแข่งขัน ฟุตบอลภายใต้ความมีระเบียบวนิ ัยไดก้ ารแต่งกายท่ีเหมาะสม ตรงต่อเวลา มคี วามรบั ผิดชอบและจรรยาบรรณ ของนักฟุตบอล เล่นได้ตามระบบการเล่นและรูปแบบการฝึกที่หลากหลายและท้าทาย และมีกลยุทธิ์และ แทคติกในการเล่นและแข่งขันฟุตบอล เข้าใจและนาหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาไปปฏิบัติตนในการเล่นและ แข่งขันฟุตบอล อธิบายและสามารถร่วมบริหารจัดการทีมฟุตบอลได้โดยครอบคลุมทั้งด้านบุคคลากร อุปกรณ์ สนาม และงบประมาณ มีทักษะการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศในกีฬาฟุตบอล และปฏิบัตติ ามลักษณะของผู้ ฝึกสอนฟตุ บอลแบบมอื อาชีพ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ผู้เรยี นรู้ เข้าใจและสามารถใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์กีฬาฟุตบอลและรูปแบบการสื่อสาร ต่างๆ ในกีฬาฟุตบอลได้นาหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาไปปฏิบัติตนและแนะน าผู้อื่นในการเล่นและแข่งขัน ฟุตบอล ได้พัฒนาทักษะ ยกระดับสมรรถภาพทางกายและความสามารถทางกีฬาฟุตบอลของตนเองได้มากขนึ้ เป็น ท่ียอมรับและภาคภมู ใิ จ และมคี วามม่นั ใจกับชวี ิตการเป็นนกั กีฬาฟุตบอล เงื่อนไขในการนาหลักสูตรไปใช้ เพื่อให้การใช้หลักสูตรเพิ่มเติม : ฟุตบอล มีประสิทธิภาพ สูงสุดในการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนสคู่ วาม เป็นเลิศ จึงมีเงอ่ื นไขในการน าหลกั สตู รไปใช้ ดังนี้ ๑. โรงเรียนต้องมีความพร้อมด้านสถานที่และอุปกรณ์ทั้งในการฝึกซ้อมและแข่งขันฟุตบอล งบประมาณและสามารถบรหิ ารจัดการในเรื่องของเวลาเรียนทจี่ าเป็นต้องเพ่ิมมากข้ึนกว่าเวลาท่ีได้ก าหนด ใน

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ๒๕ หลักสูตรแกนกลาง ดังนั้นแหล่งเรียนรู้และอุปกรณ์ในการเรียนของแต่ละโรงเรียนควรมีความพร้อม ความ หลากหลาย มกี ารสนับสนนุ มีการรักษาและดแู ลใหส้ ามารถใชง้ านได้ตลอดปี เชน่ - สนามหญ้ามาตรฐาน (เขียวตลอดปี) ประตูใหญ่ และประตูเล็ก ซึ่งมีไฟฟูาสว่างที่สามารถ ฝกึ ซอ้ มไดใ้ นเวลากลางคนื และมรี ะบบเสียงไดย้ ินทว่ั สนาม - หอ้ งน้า ห้องอาบน้า และห้องเปลยี่ นชุด - ห้องเก็บและอุปกรณ์การฝึกซ้อม เช่น ลูกฟุตบอลอย่างน้อย ๑ ลูก ต่อ ๑ คน ถุงหรือรถเขน็ เก็บประตูและลูกฟุตบอล กรวยและมาร์คเกอร์ขนาดและสีต่างๆ รั้วกระโดดสาหรับฟุตบอล เมดิซิลบอล บันไดลงิ เส้ือเอ๊ียม ธง นกหวีด ถงั และกระติกน้า - ห้องปฐมพยาบาล พรอ้ มชดุ อปุ กรณแ์ ละเวชภัณฑก์ ารปฐมพยาบาลภาคสนาม - ห้องฟติ เนส และเครอ่ื งมือ หรือ อุปกรณป์ ระกอบการฝึก เช่น ชุดฝกึ บารเ์ บล ดัมเบล เคร่ือง ฝกึ แตล่ ะสถานฝี กึ ตา่ งๆ เบาะและเสอื่ ยาง - ห้องแกเลอรี่ฟุตบอล (Football Gallery) เพื่อใช้ในการแสดงนิทรรศการ ผลงาน เก็บส่ือ วสั ดกุ ารเรียน และชมวดิ ทิ ศั นแ์ ละภาพยนตร์ - อุปกรณ์ส่วนตัวของนักเรียน เช่น รองเท้า ชุดวอร์ม ชุดฝึกซ้อม ถุงเท้า รองเท้า และสนับ แขง้ ๒. ครูผู้สอนและทีมครูผู้สอนต้องเป็นผู้ที่มีความรักและจริงจังในกีฬาฟุตบอล ควรเป็นครู พลศึกษาที่ความเชี่ยวชาญทางฟุตบอล สามารถแสดงและสาธิตสาธิตให้นักเรียนได้ ควรเป็นผู้มีประสบการณ์ การเป็น นักกีฬาฟุตบอล ผู้ตัดสิน หรือผู้ฝึกสอน และจะดีมากยิ่งขึ้นหากเป็นมีความรู้ความเชี่ยวชาญและ ประสบการณ์เกี่ยวกับฟุตบอลเป็นอย่างดีโดยผ่านการอบรมการฝึกกีฬาฟุตบอลโดยวิทยากรที่มี license จาก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยโดยตรง อย่างไรก็ตามก่อน การนา หลักสูตรฯ ไปใช้ครูผู้สอนต้องผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียนรู้และการสอนกีฬาฟุตบอล โดยมี รายละเอียดของการอบรม ดังน้ี - ระยะเวลาในการอบรมประมาณ ๕ วัน - วิทยากรมีความหลากหลาย ทั้งทีมผู้ประเมิน และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร นักวชิ าการ โคช้ ผ้ฝู กึ สอน ผตู้ ดั สิน นกั กฬี าทีมชาติ และนักกฬี าอาชีพ - ควรมีการจดั อบรมครผู ้สู อน เพอื่ ใหม้ ีความรู้และแนวทางในการจดั การเรยี นการสอนทใหม่ๆ เนื้อหาการอบรมทีส่ าคัญ คอื รปู แบบการฝกึ โดยเน้นการนาผลการประเมนิ สมรรถภาพทางกายและทักษะกีฬา ของนักเรียนไปใช้ออกแบบการฝึก การประเมินการฝึกซ้อมการเตรียมแผนการสอน เทคนิคการทาทีม เทคนิค การตดั สนิ การจัดการอปุ กรณส์ ถานที่ และระบบสง่ เสริมทีเ่ ออื้ อานวย ๓. แต่ละโรงเรียนทนี่ าหลักสตู รฯ ไปใชค้ วรกาหนดเปน็ หลักสูตรสถานศึกษา ซึ่งจาเป็นจะต้อง มีคณะกรรมการบริหารหลักสูตรเพื่อดาเนินการวางแผน มีระบบพี่เลี้ยงและกระบวนการนิเทศติดตามการนา

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเป็นเลิศดา้ นกฬี าฟุตบอล ๒๖ หลักสูตรไปใช้ในแต่ละภาคการศึกษา ร่วมกากับติดตามและดูแลคุณภาพการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไป อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสูงสุด ๔. มีรูปแบบการเรียนในแหล่งเรียนรู้และสถานการณ์จริง จึงจ าเป็นต้องมีการศึกษานอก สถานที่ในรายการการแข่งขันต่าง ๆ เป็นประจา เนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนให้เน้นการสอนใน ภาคปฏิบัติหรือลงภาคสนามให้ได้อย่างเข้มข้น ทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ – ม. ๓) และระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ม. ๖) โดยให้ความสาคัญกับหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาในการจัดการเรียน ควร เน้นให้ผู้เรียนเกิดความเข้าในใจหลักการทางด้านวิทยาศาสตรก์ ารกีฬาด้านต่างๆ และสามารถอธิบาย พร้อมน าไปปฏบิ ตั ิใช้จรงิ กับตนเองจนเปน็ นสิ ัย และนอกเหนอื จากเวลาเรยี นในแต่ละรายวิชาตาม หลักสตู รฯ ควรมีการ ออกแบบกิจกรรมการเรียนหรือปรับให้นักเรียนให้มีเวลาในการฝึกซ้อมเหมือนนักฟุตบอลเพื่อการแข่งขันหรือ อาชีพ (ขนั้ ตา่ ) เช่น เวลาฝกึ ซอ้ มรวมตอ่ สัปดาห์ คือ ๕ ครั้ง (เช้า ๒ ครง้ั และ เยน็ ๓ ครง้ั ) ๕. จานวนนักเรียนและการคัดกรองผู้เรียน แต่ละห้องเรียนควรไม่เกินห้องเรียนละ ๓๐ คน เพือ่ การจัดการเรียนสอนให้ได้อยา่ งท่วั ถึง และมกี ารคัดเลอื กนักเรียนท่ีเข้ามาเรยี นเป็นส่ิงสาคญั อีกประการหนึ่ง ซึ่งนักเรียนที่เข้ามาเรียนจาเป็นมีความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเป็นอย่างดี ไม่ควรเริ่มต้นที่ศูนย์จึง จาเป็นจะต้องมีกระบวนการพิจารณาและคัดเลือกผู้เรียน โดยสามารถดาเนินการทดสอบความสามารถทาง ฟุตบอลและสมรรถภาพ เช่น การทดสอบทักษะและเทคนิคฟุตบอล และการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (ความทนทาน ความแขง็ แรง กาลัง ความเร็ว ความคลอ่ งตัว และความอ่อนตัว) รวมท้งั ควรมกี ารสัมภาษณ์เพื่อ พิจารณาถงึ การมีเจตคติที่ดีต่อกีฬาฟุตบอล และความพร้อมจากการสนับสนนุ จากครอบครวั หรือผูป้ กครอง ใน กรณีผู้เรียนที่มีความต้องการเข้ามาเรียนระหว่างชั้นปีโรงเรียนจะต้องมีกระบวนการประเมิน โดยผู้เรียนต้องมี ความรู้ความสามารถเทียบเท่ากบั ผู้เรียนในระดับชั้นน้นั ๆ หรือมีการปรับพน้ื ฐานของผู้เรียนให้ทีความเท่าเทียม กัน ๖. มกี จิ กรรมเสรมิ หลักสูตรเพื่อเป็นกิจกรรมเติมแรงบันดาลใจ เปน็ กิจกรรมสาคญั ที่จะช่วยให้ การนาหลักสูตรฯ ไปใช้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งๆ ขึ้น นาไปสู่การพัฒนาและความสาเร็จของนัก ฟตุ บอลอาชีพให้มีความชัดเจนมากยิ่งขน้ึ ซ่ึงสามารถทาได้ทั้งกิจกรรมระดบั จังหวัด ภาค หรือประเทศ ดังนั้นผู้ ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรฯ ทั้งในระดับและฝ่ายต่างๆ สามารถให้การสนับสนุนและเอื้ออานวยให้เพิ่มขึ้นจาก หลักสูตรฯ เชน่ - กิจกรรมเข้าค่ายฟุตบอล (Football camp) ใช้เวลา ประมาณ ๓-๕ วัน โดยคัดเลือก นักเรียนและแต่ละโรงเรียนมาฝึกซ้อม แข่งขัน หรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน โดยมีวิทยากรที่มีชื่อเสียง ระดับประเทศ นักกีฬาฮีโร่หรืออาชีพร่วมฝึกซ้อมและเป็นพี่เลี้ยง กิจกรรมนี้นอกจากนักเรียนที่เข้าร่วมจะได้ เรียนทักษะและประสบการณ์ทางกีฬาฟุตบอลที่มากขึ้นแลว้ นักเรียนยังมีแรงจูงใจในการเป็นนักฟุตบอลอาชพี มากยงิ่ ๆ ข้ึน

รายงานการประเมนิ ผลหลักสูตรความเปน็ เลิศด้านกีฬาฟุตบอล ๒๗ - กิจกรรมแข่งขันฟุตบอลระหว่างโรงเรียน เขต จังหวัด หรือภาค (ที่มีการเปิดสอนหลักสูตร ฟุตบอล) ข้อดีของกิจกรรมนี้ คือ นักเรียนจะได้มีโอกาสร่วมการแข่งขันจริง เตรียมการฝึกซ้อมจริง และเรียนรู้ ในสถานการณก์ ารแข่งขันจรงิ เป็นการสร้างบรรยากาศในช้ันเรยี นให้เข้มข้นมากขึ้นเพราะทุกคนต้องเข้ารับการ คัดเลือก และพยายามฝึกซ้อมเพื่อเป็นตัวแทนโรงเรียน เขต จังหวัด หรือ ภาค อีกทั้งในระหว่างรายการการ แข่งขนั นอ้ี าจท ามกี ารค้นพบนักกีฬาฟตุ บอลอาชีพในระดับเยาวชนได้ - กิจกรรมการศึกษาหรือฝึกซ้อมฟุตบอลร่วมกับในทีมฟุตบอลอาชีพต่างประเทศ กิจกรรมนี้ อาจสามารถทาได้โดยการคัดเลือกนักเรยี นที่มีความสามารถและความเหมาะสม เป็นตัวแทนของโรงเรียน เขต จังหวัด หรือ ภาค ได้มีโอกาสหาประสบการณ์ในระดับตา่ งประเทศ กิจกรรมนี้นอกจากจะเป็นการเสรมิ แรงให้ นักเรียนทุกคนตั้งใจการเรียนและฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้มีโอกาสได้รับการคัดเลือกและตัวแทน ส่วน นักเรียนที่ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมก็ถือว่าได้รับประสบการณ์ตรงไป อีกทั้งยังสามารถนามาถ่ายทอดกับเพื่อน ๆ นกั เรียนคนอื่น ๆ ได้ กจิ กรรมการเรียนรูข้ องหลักสตู ร กิจกรรมการเรยี นรู้ของหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมฟตุ บอล ใช้รปู แบบการเรียนการสอน วิธีสอน และเทคนิคการสอนที่หลากหลาย เน้นการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริงและผู้เรียนเป็นสาคัญ เพื่อให้ผู้เรียนมี ทักษะ ความรู้ และความสามารถในการกฬี าฟตุ บอล พรอ้ มทงั้ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม มเี จตคติทดี่ ตี อ่ กฬี าฟุตบอล และวิชาชีพทางด้านฟุตบอล มีทักษะสาคัญในการพัฒนาตนเองให้ประสบผลสาเร็จและเป็นผู้นาทางกีฬา ฟุตบอล และสามารถยกระดับความสามารถในการเป็นนักกีฬาฟุตบอลของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึง กจิ กรรมการเรียนร้ขู องหลกั สูตรนี้ ประกอบด้วย ๑. การบรรยาย ๒. การสาธติ ๓. การฝกึ ปฏิบตั ิเปน็ รายบคุ คลและเป็นกลมุ่ ๔. การท าโครงงาน ๕. บทบาทสมมุติ ๖. สถานการณ์จาลองและสถานการณจ์ ริง ๗. กรณตี วั อย่างหรือกรณศี ึกษา ๘. การศกึ ษาดูงาน ๙. การใช้คาถาม ๑๐. อภิปรายกล่มุ ๑๑. การสงั เกตการณ์และวเิ คราะห์พฤติกรรมและความสามารถ ๑๒. การทดสอบสมรรถภาพทางกายและทักษะฟุตบอล

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สตู รความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาฟุตบอล ๒๘ ส่ือการเรยี น/แหลง่ เรยี นรู้ ๑. เอกสาร ตารา และเว็ปไซด์ ๒. ใบความรแู้ ละใบงาน ๓. วีดิทศั น์ ๔. สนาม ประตูและลูกฟุตบอล กรวยสน้ั -กรวยยาวและอุปกรณป์ ระกอบการฝกึ ต่างๆ ๕. อุปกรณเ์ กย่ี วกับการตดั สนิ นกหวีด บัตรเหลือง – แดง นาฬิกาจับเวลา และธง เป็นต้น ๖. ห้องฟิตเนส อุปกรณป์ ฐมพยาบาลและอุปกรณก์ ารฝึกอน่ื ๆ ๗. เครื่องมอื และอุปกรณท์ ดสอบสมรรถภาพทางกายตา่ งๆ ๘. นา้ และเกลือแร่ ๙. ศึกษานอกสถานที่ บรรยากาศการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ สโมสรฟุตบอลอาชีพ ตา่ งๆ องค์กรเกี่ยวกับฟุตบอล ๑๐. วิทยากรต่างๆ เช่น นักกีฬาที่ประสบผลสาเร็จ โค้ช ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน ตัวแทนสมาคม ฟุตบอลแหง่ ประเทศไทย คนตา่ งประเทศที่เกีย่ วข้องกบั ฟตุ บอล และผู้เช่ียวชาญทางด้าน วิทยาศาสตรก์ ารกีฬา เป็นต้น ๑๑. อื่นๆ ตามความเหมาะสม การประเมินผลการเรียนรู้ ๑. ประเมินทักษะและความสามารถทางฟุตบอล ด้วยแบบทดสอบ แบบฝึก แบบสังเกต โดย ครผู สู้ อน ๒. ประเมนิ สมรรถภาพทางกาย ดว้ ยแบบทดสอบสมรรถภาพรายการต่างๆ โดยครผู สู้ อน ๓. ประเมินทักษะการฝึกซ้อมและแข่งขัน ด้วยแบบประเมิน แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์โดย ครูผูส้ อนหรอื ระหว่างนักเรยี น ๔. ประเมินความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน ด้วยแบบทดสอบ แบบสังเกต และการ สอบถาม โดยครผู สู้ อน ๕. ประเมินการทารายงาน โครงงาน หรือการศึกษานอกสถานที่ ด้วยแบบประเมินหรือ รายงาน โดยครูผ้สู อน ๖. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์และเจตคติที่ดีต่อฟุตบอล ด้วยแบบวัด แบบประเมิน และ การสงั เกตโดยครผู สู้ อนหรอื นกั เรยี นเอง ๗. ประเมินทักษะการคิดและแก้ปญั หา ด้วยแบบประเมินและแบบสังเกต โดยครูผ้สู อน

๒๙ บทท่ี ๓ วิธดี าเนนิ การ การประเมินหลักสตู รหลักสูตรความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาฟตุ บอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นคร อุดรธานี สงั กัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอดุ รธานี ได้ดาเนินการดังน้ี ๑. กลมุ่ เปา้ หมาย ๒. เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการรวบรวมข้อมูล ๓. ข้ันตอนการดาเนินการ ๔. การวิเคราะหข์ ้อมลู ๕. สถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู กล่มุ เปา้ หมาย กลมุ่ เปา้ หมายทใ่ี ช้ในการประเมินครัง้ นี้ ประกอบดว้ ย ๑. ผ้อู านวยการสถานศึกษา จานวน ๑ คน ๒. ผ้เู ช่ียวชาญ จานวน ๑ คน ๓. ครผู สู้ อน จานวน ๖ คน เคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการรวบรวมข้อมูล การประเมินหลักสตู รหลกั สูตรความเปน็ เลิศด้านกฬี าฟตุ บอล โรงเรยี นมัธยมเทศบาล ๖ นคร อดุ รธานี สังกดั สานกั การศกึ ษา เทศบาลนครอุดรธานี ครงั้ น้ี ใชเ้ ครื่องมือเปน็ แบบสอบถามเพ่ือการประเมิน หลกั สูตรฯ สาหรับผูบ้ รหิ าร ผ้เู ชย่ี วชาญและครผู สู้ อน ข้นั ตอนการดาเนนิ การ การเก็บรวบรวมข้อมลู ดาเนินการดงั นี้ ๑. ศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั เกยี่ วกบั การจัดทาหลกั สตู รและการประเมินหลกั สูตร ๒. สรา้ งเครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการประเมิน ได้แก่ แบบสอบถามเพ่ือการประเมนิ หลักสตู ร ๓. เก็บรวบรวมข้อมลู และวเิ คราะห์ข้อมลู สอบถามความคิดเห็นเก่ยี วกับดา้ นองค์ประกอบของ หลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอลและด้านการนาหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอลสู่การจัดการ เรียนรู้ ๔. สรุปผลการประเมนิ และนาเสนอรายงานผลการประเมนิ

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สตู รความเปน็ เลิศด้านกีฬาฟตุ บอล ๓๐ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือการหาค่าสถิติ ทาการวิเคราะหโ์ ดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเร็จรูป เพอ่ื หาคา่ ความถี่ ค่าร้อยละ คา่ เฉลีย่ และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน เพอื่ ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู ดงั นี้ ตอนที่ ๑ วเิ คราะห์ข้อมูลโดยหาคา่ ความถ่ี คา่ ร้อยละ นาเสนอในรูปแบบตารางประกอบความ เรยี ง ตอนท่ี ๒ การวเิ คราะห์การประเมินหลกั สตู รหลักสูตรความเป็นเลิศดา้ นกีฬาฟุตบอล โรงเรียน มัธยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานกั การศึกษา เทศบาลนครอดุ รธานี ใน ๒ ดา้ น ได้แก่ ด้านองคป์ ระกอบ ของหลักสูตรความเป็นเลศิ ด้านกฬี าฟุตบอล ด้านการนาหลักสตู รฯ ส่กู ารจัดการเรียนรู้ โดยการหาคา่ เฉลี่ย และ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน สถติ ทิ ่ีใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ๑. วิเคราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบประเมนิ เปน็ ค่าร้อยละ (บุญชม ศรีสะอาด ๒๕๔๕, หนา้ ๑๐๔) ๒. วิเคราะห์ผลการประเมินหลักสูตรสถานศึกษา ดา้ นองค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษา ด้านการน าหลักสตู รสถานศึกษาสู่การจดั การเรียนรู้ เป็นคา่ เฉลยี่ และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน จากระดับความ คดิ เห็นของผตู้ อบแบบประเมนิ ทก่ี าหนดไว้ ๕ ระดบั ดงั น้ี เหน็ ดว้ ยในระดับมากท่สี ุด มีค่าคะแนนเท่ากับ ๕ เหน็ ด้วยในระดบั มาก มีค่าคะแนนเท่ากบั ๔ เห็นด้วยในระดับปานกลาง มีคา่ คะแนนเทา่ กับ ๓ เหน็ ดว้ ยในระดับนอ้ ย มีคา่ คะแนนเท่ากับ ๒ เหน็ ดว้ ยในระดับนอ้ ยท่ีสดุ มีคา่ คะแนนเท่ากับ ๑ นาคะแนนระดับคณุ ภาพจากผลการประเมินหลกั สตู รสถานศกึ ษา ด้านองค์ประกอบของ หลักสตู รสถานศกึ ษา ดา้ นการนาหลักสตู รสถานศึกษาสูก่ ารจัดการเรยี นรมู้ าคดิ คานวณค่าเฉล่ยี เพอื่ แปลผล ดงั นี้ ค่าเฉลี่ยระหวา่ ง การแปลผล ๔.๕๑ - ๕.๐๐ เหน็ ดว้ ยมากท่ีสดุ ๓.๕๑ - ๔.๕๐ เหน็ ดว้ ยมาก ๒.๕๑ – ๓.๕๐ เห็นดว้ ยปานกลาง ๑.๕๐ – ๒.๕๐ เหน็ ดว้ ยนอ้ ย ๑.๐๐ – ๑.๔๙ เห็นดว้ ยน้อยทส่ี ุด

รายงานการประเมินผลหลกั สูตรความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล ๓๑ บทที่ ๔ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล การประเมินหลกั สตู รหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟตุ บอล โรงเรยี นมธั ยมเทศบาล ๖ นคร อดุ รธานี สังกดั สานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ผปู้ ระเมนิ เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู ดงั นี้ ๑. สัญลักษณ์ทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล ๒. การวเิ คราะห์ข้อมลู ๓. ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล สญั ลักษณ์ทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู เพื่อความเข้าใจตรงกันในการแปลความหมาย ผู้ประเมินขอกาหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในการ วเิ คราะห์ข้อมลู ดังนี้ ������̅ แทน ค่าคะแนนเฉลีย่ (mean) SD แทน คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) n แทน จานวนกลมุ่ ตัวอยา่ ง (sample size) การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวิเคราะห์ขอ้ มลู ครัง้ นี้ ผปู้ ระเมินขอนาเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลออกเป็น ๒ ตอน ดงั น้ี ตอนที่ ๑ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผูต้ อบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการแจกแจงความถี่ (frequency) และคา่ รอ้ ยละ (percentage) ตอนที่ ๒ การประเมินหลักสูตรหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยม เทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี วิเคราะห์โดยใชส้ ถติ ิพ้ืนฐาน คือ การ หาค่าเฉลีย่ (mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนท่ี ๑ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั สถานภาพของผตู้ อบแบบสอบถาม วิเคราะหโ์ ดยการแจกแจงความถี่ (frequency) และคา่ ร้อยละ (percentage)

รายงานการประเมินผลหลกั สตู รความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาฟตุ บอล ๓๒ ตารางที่ ๑ สถานะภาพของผ้ตู อบแบบสอบถาม สถานภาพ กลมุ่ ตวั อยา่ ง จานวน ร้อยละ ผู้อานวยการสถานศกึ ษา ๑ ๑๒.๕ ผูเ้ ชี่ยวชาญ ๑ ๑๒.๕ ครู ๖ ๗๕ รวม ๘ ๑๐๐ จากตารางท่ี ๑ สถานะภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม พบวา่ มีผูต้ อบแบบสอบถามท่ีเป็น ครู มากทส่ี ุดคิดเป็นรอ้ ยละ ๗๕ ซึง่ มผี ้อู านวยการสถานศึกษาและผู้เชยี่ วชาญ คดิ เป็นร้อยละ ๑๒.๕ ตอนที่ ๒ ผลการวเิ คราะหค์ วามคดิ เหน็ ของผู้เกยี่ วข้อง ด้านองคป์ ระกอบของหลักสตู รความ เป็นเลิศดา้ นกีฬาฟุตบอล ด้านการนาหลักสูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกฬี าฟตุ บอลสกู่ ารจดั การเรียนรู้ ด้านผลผลิต ของหลักสูตรความเปน็ เลศิ ด้านกฬี าฟตุ บอล ตารางที่ ๒ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดับการประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ด้าน องคป์ ระกอบของหลักสตู รฯ การประเมินหลักสูตร N=8 ร้อยละ ระดบั ด้านองค์ประกอบของหลกั สูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกฬี าฟตุ บอล ���̅��� SD ๘๒.๕๐ ๑. ส่วนนา ๔.๑๓ ๐.๓๕ เหมาะ ๙๐.๐๐ สมมาก ๑.๑ ความนา ๔.๕๐ ๐.๕๓ แสดงความเชอื่ มโยงระหว่างหลักสตู รแกนกลาง เหมาะ สมมาก การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ หลักสตู รสถานศกึ ษา ทสี่ ุด วิสัยทศั น์ พันธกจิ เป้าประสงค์ จุดเน้น และความตอ้ งการของ โรงเรยี น ๑.๒ วสิ ัยทัศน์ของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ แสดงภาพอนาคตท่ีพึงประสงค์ของผเู้ รียน สอดคล้อง กับวสิ ัยทศั น์ของหลักสตู รสถานศึกษา ความตอ้ งการของนักเรยี น ผู้ปกครองโรงเรียน ชมุ ชน ทอ้ งถ่ิน มีความชดั เจนสามารถปฏิบัตไิ ด้

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาฟตุ บอล ๓๓ การประเมนิ หลกั สูตร N=8 ร้อยละ ระดับ ด้านองคป์ ระกอบของหลกั สูตรความเป็นเลศิ ด้านกฬี าฟุตบอล ���̅��� SD ๘๐.๐๐ ๔.๐๐ ๐.๕๓ เหมาะ ๑.๓ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น สมมาก สอดคล้องกบั หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๑.๔ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผเู้ รียน ๔.๕๐ ๐.๕๓ ๙๐.๐๐ เหมาะ สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน สมมาก พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลกั สตู รสถานศึกษา วสิ ยั ทัศน์ ทส่ี ุด เปา้ ประสงค์และจุดเนน้ ของโรงเรียน ๒. โครงสร้างหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๔.๕๐ ๐.๗๖ ๙๐.๐๐ เหมาะ ๒.๑ โครงสร้างเวลาเรยี น สมมาก ระบเุ วลาเรียนตลอดหลักสตู รครบทุกรายวชิ าท่ีเป็นเวลา ทสี่ ุด เรยี นพื้นฐาน และเพ่มิ เติม จาแนกแต่ละชัน้ ปีอย่างชัดเจน เวลา เรียนรวมของหลกั สตู รกลุ่มสาระกบั โครงสรา้ งเวลาเรยี นตาม หลักสตู รสถานศกึ ษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๒.๒ โครงสรา้ งหลกั สตู ร ๔.๒๕ ๐.๔๖ ๘๕.๐๐ เหมาะ ระบุรายวิชาพื้นฐาน รายวิชาเพ่ิมเติม รหสั วิชา ชื่อ สมมาก รายวชิ า เวลาเรียน และ/หรือหนว่ ยกิต สอดคล้องกับวิสยั ทัศน์ เปา้ ประสงค์และจุดเน้นของโรงเรยี น

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ๓๔ การประเมนิ หลกั สตู ร N=8 ร้อยละ ระดับ ดา้ นองคป์ ระกอบของหลกั สูตรความเปน็ เลิศด้านกีฬาฟุตบอล ���̅��� SD ๘๕.๐๐ เหมาะ ๓. คาอธบิ ายรายวิชา ๔.๒๕ ๐.๘๙ สมมาก ๙๒.๕๐ ระบุรหสั วชิ า ช่ือรายวชิ า และชอ่ื กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ช้นั ๔.๖๓ ๐.๕๒ เหมาะ ปีทีส่ อน จานวนเวลาเรยี น และ/หรือหนว่ ยกิต ไว้อย่างถูกต้อง สมมาก ชดั เจน ที่สดุ เขียนคาอธิบายรายวชิ าไดเ้ ขียนเป็นความเรยี งโดยระบอุ งค์ ความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลักษณะหรอื เจตคติทต่ี อ้ งการ และครอบคลมุ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ระบุรหสั ตัวชีว้ ดั ในรายวิชาพื้นฐานและจานวนรวมของ ตัวช้วี ัดและระบผุ ลการเรยี นรู้ ในรายวิชาเพิม่ เติมและจานวนรวม ของผลการเรยี นรู้ถกู ต้อง กาหนดสาระการเรียนรใู้ นคาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐานหรอื รายวิชาเพ่มิ เตมิ 4. เกณฑ์การจบการศึกษา ระบเุ วลาเรยี น/หนว่ ยกติ ท้ังรายวิชาพ้ืนฐานและรายวิชา เพิ่มเติมตามเกณฑก์ ารจบการศึกษาของโรงเรียน ชดั เจน ระบุเกณฑ์การประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี นไว้ อยา่ งชดั เจน ระบุเกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงคไ์ ว้อย่าง ชดั เจน ระบเุ กณฑ์การผ่านกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนไว้อยา่ งชดั เจน จากตารางที่ ๒ การประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ด้านองค์ประกอบของหลักสูตรฯ พบว่า อยู่ใน ระดับเหมาะสมมาก เมื่อพิจารณารายข้อแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ๓ อันดับแรก ได้แก่ เกณฑ์การจบ การศึกษาไดม้ ีการระบเุ วลาเรียน/หนว่ ยกิต ทงั้ รายวิชาพ้นื ฐานและรายวิชาเพิ่มเติมตามเกณฑก์ ารจบการศึกษา ของโรงเรียน ชัดเจน, มีการระบุเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนไว้อย่างชัดเจน, มีการระบุ เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้อย่างชัดเจน และระบุเกณฑ์การผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไว้ อย่างชัดเจน คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๕ วิสัยทัศน์ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ แสดงภาพอนาคตที่พึงประสงค์ของ ผู้เรียน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของหลักสูตรสถานศึกษา ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครองโรงเรียน ชุมชน

รายงานการประเมินผลหลักสูตรความเป็นเลิศดา้ นกีฬาฟตุ บอล ๓๕ ท้องถิ่น มีความชัดเจนสามารถปฏิบัติได้, คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน สอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสูตรสถานศึกษา วิสัยทัศน์เป้าประสงค์และ จุดเน้น ของโรงเรียน และ โครงสร้างเวลาเรียน ระบุเวลาเรียนตลอดหลักสูตรครบทุกรายวิชาที่เป็นเวลาเรียน พื้นฐาน และเพิ่มเติม จาแนกแต่ละชั้นปีอย่างชัดเจน เวลาเรียนรวมของหลักสูตรกลุ่มสาระกับโครงสร้างเวลา เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีระดับความ เหมาะสมเทา่ กันคดิ เปน็ ร้อยละ ๙๐ ตารางที่ ๓ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ด้าน องค์ประกอบของหลักสูตรฯ ด้านการนาหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอลสู่การจัดการ เรยี นรู้ การประเมนิ หลักสตู ร N=8 ดา้ นการนาหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ���̅��� SD ร้อยละ ระดับ สู่การจดั การเรียนรู้ ๑. โครงสร้างรายวิชา ๑.๑ การจดั กลุม่ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั ๔.๐๐ ๐.๗๖ ๘๐.๐๐ เหมาะ จดั กลุ่มมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั ท่มี ีความสมั พนั ธก์ ัน สมมาก และเวลา ในแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้ เหมาะสม ๑.๒ การจดั ทาสาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ๔.๐๐ ๐.๙๓ ๘๐.๐๐ เหมาะ ไดว้ ิเคราะหแ์ กน่ ความรขู้ องทกุ ตวั ชี้วัดในแตล่ ะหน่วยการ สมมาก เรียนรู้ มาจดั ทาสาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ชัดเจนเหมาะสมและ ครบทกุ หน่วยการเรียนรู้ ๑.๓ การตั้งชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรูข้ องแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ ๔.๕๐ ๐.๘๓ ๙๐.๐๐ เหมาะ สะท้อนให้เห็นสาระสาคัญ หรือประเด็นหลักในหนว่ ยการ สมมาก เรยี นรนู้ ัน้ ๆ น่าสนใจเหมาะสมกบั วัย ความสนใจ ความสามารถของ ทส่ี ุด ผู้เรียน ๑.๔ การกาหนดสดั สว่ นเวลาเรยี น ๔.๑๓ ๐.๖๔ ๘๒.๕๐ เหมาะ กาหนดสัดสว่ นเวลาเรียนแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ เหมาะสม สมมาก และรวมทุกหน่วยต้องเท่ากบั เวลาเรยี นตามหลักสูตร

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล ๓๖ การประเมนิ หลักสูตร N=8 รอ้ ยละ ระดบั ด้านการนาหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ���̅��� SD ๙๕.๐๐ ๔.๗๕ ๐.๕๒ เหมาะ สู่การจัดการเรยี นรู้ ๘๐.๐๐ สมมาก ๑.๕ การกาหนดสดั สว่ นน้าหนักคะแนน ๔.๐๐ ๐.๙๓ ๘๒.๕๐ ท่ีสดุ ๔.๑๓ ๐.๘๓ กาหนดสดั ส่วนน้าหนักคะแนนแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ ๘๐.๐๐ เหมาะ เหมาะสมและรวมตลอดปี/ภาคเรยี นเทา่ กับ ๑๐๐ คะแนน ๔.๐๐ ๐.๙๓ ๘๒.๕๐ สมมาก ๒. หนว่ ยการเรยี นรู้ ๔.๑๓ ๐.๖๔ ๘๐.๐๐ ๔.๐๐ ๐.๙๓ ๗๗.๕๐ เหมาะ ๒.๑ การวางแผนจดั ทาหน่วยการเรียนรู้ ๓.๘๘ ๐.๓๕ ๘๐.๐๐ สมมาก มีการวางแผนออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ครบทุกหน่วย ๔.๐๐ ๐.๗๖ เหมาะ การเรียนรู้ และทุกกลุม่ สาระฯ สมมาก ๒.๒ การจัดทาหนว่ ยการเรียนรู้ : การกาหนดเป้าหมาย กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด สาระสาคญั /ความคดิ เหมาะ สมมาก รวบยอด สาระการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ถกู ต้อง เหมาะสมมีความสอดคล้องกนั เหมาะ สมมาก ๒.๓ การจดั ทาหน่วยการเรยี นรู้ : การกาหนดหลักฐานการเรียนรู้ กาหนดชิ้นงาน /ภาระงาน การวดั และประเมินผล เหมาะ สมมาก สอดคลอ้ งกับตวั ชว้ี ดั และมาตรฐานการเรยี นรู้ เหมาะ ๒.๔ การจดั ทาหน่วยการเรียนรู้ : ออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ สมมาก ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ ได้สอดคล้องกับตวั ช้วี ดั / มาตรฐานและเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ๓. แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓.๑ เขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ทีค่ รบตามองค์ประกอบทีส่ าคญั ทุกหนว่ ยการเรียนรู้ ๓.๒ ใช้เทคโนโลยีทางการศกึ ษาในการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ๓.๓ สอดคล้องจุดเน้นสกู่ ารพฒั นาผ้เู รยี น ความสามารถและ ทักษะของผเู้ รยี นศตวรรษที่ ๒๑ (3Rs x 8Cs x 2Ls)

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สตู รความเป็นเลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๓๗ การประเมินหลักสูตร N=8 ดา้ นการนาหลกั สูตรความเป็นเลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ���̅��� SD ร้อยละ ระดับ ๓.๘๘ ๐.๘๓ ๗๗.๕๐ เหมาะ สกู่ ารจัดการเรยี นรู้ ๓.๔ สอดคลอ้ งการบูรณาการตามพระราชบญั ญัติการศึกษา สมมาก แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่๒ี ) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ และ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๔.๒๕ ๐.๘๙ ๘๕.๕๐ เหมาะ สมมาก บรู ณาการกับหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บูรณาการกับหลักสูตร Eco school บูรณาการกับประชาคมอาเซยี น บรู ณาการกบั ค่านิยม ๑๒ ประการ บูรณาการขา้ มกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๓.๕ ใชก้ ระบวนการวจิ ยั ในช้ันเรยี นมาใชใ้ นการจดั กระบวนการ เรียนรูข้ องครู แก้ไขปัญหาและพฒั นาผู้เรียน ๓.๖ การประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้ ทกุ แผนก่อนการนาไปใช้ ๔.๑๓ ๐.๖๔ ๘๒.๕๐ เหมาะ จริง สมมาก ๓.๗ มีการนาเอาแผนการจัดการเรยี นรทู้ ปี่ รับปรุงแลว้ ไปใช้ในการ ๔.๗๕ ๐.๔๖ ๙๕.๐๐ เหมาะ จัดการเรียนรู้จริง สมมาก ท่ีสุด ๔. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ระดบั ช้ันเรียน ๔.๑ การประเมนิ ผลการเรยี นรูต้ ามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๔.๖๓ ๐.๕๒ ๙๒.๕๐ เหมาะ ๔.๑.๑ การวางแผนการประเมนิ รายวชิ าและตรวจสอบการใช้ตัวชว้ี ัด สมมาก ๑) กาหนดโครงสร้างรายวิชาและการวางแผนการประเมิน ท่ีสุด ๒) การตรวจสอบการนาตวั ชวี้ ดั มาใช้ในการจัดทาหนว่ ยการ เรยี นรู้ในรายวชิ า ๔.๑.๒ มกี ารออกแบบการวัดและประเมินผลปลายปี/ปลายภาค ๑) การกาหนดหน่วยการเรยี นรู้ ๒) การวางแผนประเมินในหนว่ ยการเรยี นรู้ ๓) การให้ขอ้ มูลย้อนกลบั และการบันทกึ ผลการประเมินเพื่อการ พฒั นา

รายงานการประเมินผลหลกั สูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล ๓๘ การประเมนิ หลักสตู ร N=8 รอ้ ยละ ระดับ ดา้ นการนาหลกั สตู รความเป็นเลศิ ด้านกีฬาฟุตบอล ���̅��� SD ๘๒.๕๐ เหมาะ ๔.๑๓ ๐.๖๔ สมมาก สกู่ ารจัดการเรียนรู้ ๗๕.๐๐ ๔.๒ การประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะหแ์ ละเขียน ๓.๗๕ ๑.๐๔ ๗๗.๕๐ เหมาะ ๓.๘๘ ๐.๘๓ ๘๒.๕๐ สมมาก ๑) มกี ารบันทึก ตรวจสอบตัวช้ีวดั ความสามารถในการ ๔.๑๓ ๐.๘๓ เหมาะ อา่ น คิด วิเคราะหแ์ ละเขียนตามกลุ่มสาระ การ สมมาก เรยี นรู้ เหมาะ สมมาก ๒) มีการบันทึกและสรปุ ผลการประเมินผลการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียนแต่ละกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๓) มกี ารบันทึกและสรุปผลการประเมนิ การอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขยี นรวม 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๕. พฒั นาหลกั สตู รการศึกษาอย่างย่งั ยนื ๕.๑ มีการนิเทศการใช้หลักสตู รสถานศกึ ษาอยา่ งต่อเนื่อง ๕.๒ มีการประเมินการใชห้ ลักสูตรสถานศึกษาอย่างต่อเน่ือง ๕.๓ นาผลการประเมนิ การใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษามาวางแผนใน การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษาอย่างตอ่ เน่ือง จากตารางที่ ๓ การประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ด้านองค์ประกอบของหลักสูตรฯ ด้านการนา หลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอลสู่การจัดการเรียนรู้ พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก เม่ือ พิจารณารายข้อแล้วเรียงอันดับจากมากไปน้อย ๓ อันดับแรก ได้แก่ การกาหนดสัดส่วนน้าหนักคะแนน และ การนาเอาแผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ปรบั ปรุงแล้วไปใช้ในการจัดการเรียนรู้จริง มีระดับความเหมาะสมมาก ที่สดุ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๙๕.๐๐ และการประเมินผลการเรียนรตู้ ามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙๒.๕๐

รายงานการประเมินผลหลกั สตู รความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาฟุตบอล ๓๙ บทท่ี ๕ สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศดา้ นกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอุดรธานี สังกัดสานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ครั้งนี้ เพื่อประเมินหลักสูตรฯ ในองค์ประกอบ ๒ ด้าน ได้แก่ ด้านองค์ประกอบของหลักสูตร ด้านการนาหลักสูตรสู่การจัดการเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย ผู้อานวยการสถานศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ครูผู้สอน จานวน ๘ คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน เป็นแบบสอบถามการประเมินหลักสูตรความเปน็ เลิศด้านกีฬาฟุตบอล การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการหาค่าสถิติ ทาการวิเคราะห์โดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเร็จรปู เพ่อื หาคา่ ความถ่ี คา่ ร้อยละ ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบน มาตรฐาน สรุปผล ๑. การประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอดุ รธานี สงั กดั สานักการศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ดา้ นองค์ประกอบของหลักสตู รความเป็นเลิศด้าน กีฬาฟุตบอล โดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ซึ่งเกณฑ์การจบการศึกษาได้มีการระบุเวลาเรียน/หน่วยกิต ทั้งรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมตามเกณฑ์การจบการศึกษาของโรงเรียน ชัดเจน, มีการระบุเกณฑ์การ ประเมินการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี นไว้อยา่ งชัดเจน, มกี ารระบเุ กณฑ์การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ไว้อย่างชัดเจนและระบุเกณฑ์การผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไว้อย่างชัดเจน คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๕ วิสัยทัศน์ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ แสดงภาพอนาคตที่พึงประสงค์ของผู้เรียน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของหลักสูตร สถานศึกษา ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครองโรงเรียน ชุมชน ท้องถิ่น มีความชัดเจนสามารถปฏิบัติได้ , คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสูตรสถานศึกษา วิสัยทัศน์เป้าประสงค์และจุดเน้น ของโรงเรียน และ โครงสร้างเวลาเรียน ระบุเวลาเรียนตลอดหลักสูตรครบทุกรายวิชาที่เป็นเวลาเรียนพื้นฐาน และเพิ่มเติม จาแนกแต่ละชั้นปีอย่าง ชัดเจน เวลาเรียนรวมของหลักสูตรกลุ่มสาระกับโครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีระดับความเหมาะสมเทา่ กันคดิ เปน็ ร้อยละ ๙๐ ๒. การประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นครอดุ รธานี สงั กดั สานักการศกึ ษา เทศบาลนครอดุ รธานี ดา้ นการนาหลักสูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล สู่การจดั การเรยี นรู้ โดยรวมอยูใ่ นระดับเหมาะสมมาก ซง่ึ การกาหนดสดั ส่วนนา้ หนกั คะแนน และ การนาเอา แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ปี รบั ปรงุ แล้วไปใช้ในการจดั การเรียนรู้จริง มรี ะดบั ความเหมาะสมมากทีส่ ุด คดิ เป็นร้อย ละ ๙๕.๐๐ และการประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๕๐

รายงานการประเมินผลหลักสตู รความเป็นเลศิ ด้านกฬี าฟตุ บอล ๔๐ อภิปรายผล ๑. การประเมินหลักสูตรความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล โรงเรียนมัธยมเทศบาล ๖ นคร อุดรธานี สงั กดั สานกั การศึกษา เทศบาลนครอุดรธานี ด้านองคป์ ระกอบของหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกีฬา ฟุตบอลโดยรวมอยู่ในระดับเหมาะสมมาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากองค์ประกอบของหลักสูตรความเป็นเลิศด้าน กีฬาฟุตบอลในส่วนของความนา แสดงความเชื่อมโยงระหว่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสูตรส่งเสริมศักยภาพสู่ความเป็นเลิศของนักเรีนสังกัดองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น รายวิชาเพิ่มเติมฟุตบอล กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา จุดเน้นและความต้องการของ โรงเรียน วิสัยทัศน์แสดงภาพอนาคตที่พึงประสงค์ของผู้เรียนที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ อย่างชัดเจน คุณลักษณะอันพึงประสงค์มีความสอดคล้องกับ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โครงสร้างเวลาเรียนเวลาเรยี นรวมของหลักสูตร สถานศึกษา สอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางฯ โครงสร้างหลักสูตรชั้นปีมีการระบุ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พร้อมทั้งระบุเวลาเรียนไว้อย่างถูกต้องชัดเจน คาอธิบายรายวิชามีการระบุรหัสวิชา ชื่อ รายวิชา และชื่อกลุ่มสาระการเรียนรู้ ชั้นปีที่สอน จานวนเวลาเรียน และ/หรือหน่วยกิต ไว้อย่างถูกต้อง กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาและโครงสร้างหลักสูตรชั้นปี ได้ระบุกิจกรรม และจัด เวลาสอน ตามท่กี าหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและสอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน และ เกณฑ์การจบการศึกษาระบุเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนไว้อย่างชัดเจน และระบุเกณฑ์ การผ่านกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนไว้อย่างชัดเจน ๒. การประเมนิ หลักสูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกฬี าฟตุ บอล โรงเรยี นมธั ยมเทศบาล ๖ นคร อดุ รธานี สังกัดสานกั การศึกษา เทศบาลนครอดุ รธานี ด้านการนาหลักสูตรความเปน็ เลิศด้านกีฬาฟุตบอลสู่การ จดั การเรยี นรู้ โดยรวมอยู่ในระดบั เหมาะมาก ทงั้ นอี้ าจเนือ่ งมาจากการนาหลักสตู รความเปน็ เลิศดา้ นกีฬา ฟตุ บอลสู่การจัดการเรียนรู้ ในส่วนของการกาหนดสดั ส่วนน้าหนกั คะแนนกาหนดสดั ส่วนนา้ หนักคะแนนแตล่ ะ หนว่ ยการเรยี นรู้เหมาะสมและรวมตลอดปี/ภาคเรยี น เท่ากับ ๑๐๐ คะแนน และมีการนาเอาแผนการจัดการ เรียนร้ทู ป่ี รบั ปรงุ แลว้ ไปใช้ในการจัดการเรียนร้จู รงิ ซ่ึงการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ระดบั ชั้นเรียน มกี าร ประเมนิ ผลการเรียนร้ตู ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีการวางแผนการประเมนิ รายวชิ าและตรวจสอบการใช้ตัวชว้ี ัด กาหนดโครงสรา้ งรายวิชาและการวางแผนการประเมนิ การตรวจสอบการนาตัวชี้วดั มาใช้ในการจัดทาหนว่ ย การเรยี นรใู้ นรายวิชา มกี ารออกแบบการวดั และประเมินผลปลายป/ี ปลายภาค การกาหนดหน่วยการเรยี นรู้ การวางแผนประเมินในหน่วยการเรยี นรู้ การใหข้ ้อมูลย้อนกลบั และการบนั ทึกผลการประเมินเพือ่ การพัฒนา

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สูตรความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาฟตุ บอล ๔๑ ข้อเสนอแนะ จากการสรปุ และอภปิ รายผลการประเมนิ หลักสูตรความเป็นเลิศดา้ นกีฬาฟุตบอล โรงเรยี น มัธยมเทศบาล ๖ นครอดุ รธานี สงั กัดสานักการศกึ ษา เทศบาลนครอุดรธานี พบจดุ เดน่ และจดุ ท่ีควรพัฒนา ดงั นี้ ๑. ดา้ นองค์ประกอบของหลกั สูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอล มจี ุดที่ควรพฒั นา คอื สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการ เลือก และใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพัฒนาความสามารถทาง กีฬาฟตุ บอลของตนเองและทีม ในด้านการเรียนรู้ การสอ่ื สาร การทางาน การแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ุณธรรม คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ หลักสตู รเพ่มิ เติมฟุตบอล มุง่ พฒั นาผู้เรยี นใหม้ ีคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงคโ์ ดยทัว่ ไป เพ่ือให้เป็นผู้ทีม่ ี ทักษะกีฬาฟุตบอล ความรู้ ความสามารถ ตลอดจนการตระหนักและ รักในอาชีพฟตุ บอล สามารถอยูร่ ว่ มกบั ผ้อู นื่ ในสังคมได้อยา่ งมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ดงั นี้ ๑) มคี วามสามารถทางฟุตบอล ๒) มคี วามม่งุ ม่นั ใฝเ่ รยี นรแู้ ละพัฒนาในกีฬาฟตุ บอล ๓) มีคณุ ธรรม จริยธรรม และนา้ ใจนกั กีฬา ๕) มคี วามสามารถในการปรับตัวและทกั ษะชวี ิต และนาไปสู่อาชพี ทางฟุตบอล ๒. ดา้ นการนาหลกั สูตรความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาฟุตบอลสู่การจดั การเรยี นรู้ มีจุดท่คี วรพัฒนา ดงั น้ี ๒.๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ ๑) ใหม้ กี ารนาเทคโนโลยีทางการศึกษามาใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนรู้ ๒) การบูรณาการให้ สอดคล้องการบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ และ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ บรู ณาการกับหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง บูรณาการกับหลักสตู ร Eco school บรู ณาการกับ ประชาคมอาเซยี น บูรณาการกับค่านยิ ม ๑๒ ประการ บรู ณาการขา้ มกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๒.๒ พัฒนาหลกั สูตรการศึกษาอยา่ งยั่งยนื ๑) มกี ารนเิ ทศการใช้หลักสูตรสถานศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ๒) มกี ารประเมินการใช้หลักสูตรสถานศกึ ษาอย่างต่อเน่อื ง ๓) นาผลการประเมนิ การใช้หลกั สูตรสถานศกึ ษามาวางแผนในการพฒั นาหลักสตู ร สถานศึกษาอย่างต่อเนอ่ื ง

รายงานการประเมนิ ผลหลกั สูตรความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาฟตุ บอล ๔๒ บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๑). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรง พมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด. กัมพล ธิติกร. (๒๕๔๒) การพัฒนาการใช้และการประเมินหลักสตู ร. วารสารการวัดผลการศึกษา (พฤษภาคม – สิงหาคม ๒๕๔๒) ทศิ นา แขมมณ.ี (๒๕๔๐). หลกั การศึกษา. . กรงุ เทพฯ ไทยวัฒนาพานชิ . นิรมล ศตวุฒิ. (๒๕๔๓). การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสิรินธราชวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัย ศลิ ปากร. วิชัย วงษใ์ หญ.่ (๒๕๔๐). กระบวนการพฒั นาหลกั สรู และการสอน ภาคปฏิบัติ. . กรงุ เทพฯ : สุวรี ิยาสาร์น. มารุต พัฒผล (๒๕๕๘). การประเมนิ หลกั สูตรเพื่อการเรยี นรู้และพฒั นา. กรงุ เทพฯ : จรัลสนทิ วงศ์การพิมพ์ครั้ง ที่ ๓ , ๒๕๕๘ . ๑๙๕ หนา้ ศักด์ิศรี ปาณะกลุ . (๒๕๔๙) พ้นื ฐานและหลักการพฒั นาหลักสูตร (พิมพค์ รงั้ ที่ 3) . กรุงเทพฯ : ภาควชิ าบริหาร การศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. โสภา ชมชื่น. (๒๕๔๖) การประเมินหลักสูตรหมวดวิชาการศึกษาทั่วไป สถาบันราชภั ฏในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ. สาขาพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอน สถาบันราชภั ฏ อุบลราชธานี. สาราญ มีแจ้ง.(๒๕๔๓). วิธีวิทยาการประเมินทางการศึกษา. . กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๕๐). การประเมินโครงการทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : วี.ท.ี ซ.ี คอม มวิ นิเคชนั่ . สานักนายกรัฐมนตรี. (๒๕๕๒). แนวคิดพื้นฐานการสร้างและการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๓). การประเมินโครงการทางการศึกษา..กรุงเทพฯ : สานักพมิ พว์ ัฒนาพานิชย.์ Cronbach, K. (1970). Educational Technology. Maryland : Penguin Book. Good. Carter V. (1973). Dictionary of Education. New York : McGraw Hill. Kittisunthorn, C. (2003). Dictionary of Education. New York : McGraw Hill.

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเป็นเลิศด้านกฬี าฟตุ บอล ๔๓ Nutravong, V., (2002). Active Learning. New York : Education Technology Publication, Englewood Cliffs. Stufflebeam, et al. (1971). Principles of instructional design. U.S.A. : Holt, Rinehart and Winston.

รายงานการประเมินผลหลกั สตู รความเป็นเลศิ ด้านกฬี าฟุตบอล ๔๔ ภาคผนวก

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเปน็ เลศิ ดา้ นกฬี าฟตุ บอล ๔๕

รายงานการประเมนิ ผลหลักสตู รความเปน็ เลศิ ดา้ นกฬี าฟุตบอล ๔๖