Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์สุโขทัย

ประวัติศาสตร์สุโขทัย

Description: ประวัติสุโขทัย

Search

Read the Text Version

เบ็ดสำรดิ ➤ ➤ ลูกปัดแกว้ ➤ ลูกกล้ิงดนิ เผา ขวานหินขดั หลกั ฐานทางประวัติศาสตร์จากแหลง่ โบราณคดีบา้ นเชยี ง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธาน ี จากชุมชนเกษตรกรรม หลายชมุ ชนมีพัฒนาการสงู ขน้ึ กลายเป็นเมืองท่ีมผี ู้คนอาศัยอย่หู นาแนน่ นำไปสู่การจัดระเบียบการปกครอง มีการรวมตัวกันทำสาธารณประโยชน์ เช่น สร้างเขื่อน ทำคูคลอง ส่งน้ำเข้าสู่ท้องไร่ท้องนา การพัฒนาชุมชนเมืองข้ึนอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ท่ีต้ังและสภาพภูมิศาสตร์ท่ีเหมาะสม และความอุดมสมบูรณ์ส่งผลให้มีผลผลิตมากเพียงพอต่อการเล้ียงประชาชนในชุมชน การต้ังอยู่ใกล้แม่น้ำ ทำให้มีเส้นทางคมนาคมติดต่อกับชุมชนอื่น ๆ ได้สะดวก ซ่ึงเป็นผลทำให้มีพ่อค้าต่างแดนที่ห่างไกล เดินทางเข้ามาตดิ ต่อคา้ ขาย เกดิ การรบั และแลกเปลย่ี นทางวัฒนธรรม และวทิ ยาการความเจรญิ ด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการนับถือศาสนาและศิลปกรรม รวมท้ังปัจจัยอื่น ๆ เช่น ผู้นำชุมชน ความสามารถทางการรบ และการปกป้องตนเอง เชน่ การสรา้ งคนู ้ำ คันดนิ ล้อมรอบเพ่อื ปอ้ งกันศตั รูรุกราน เรยี กลักษณะสังคมสมัยนี้วา่ สมยั สังคมบา้ นสูเ่ มือง แหลง่ โบราณคดีทส่ี ำคญั เชน่ เมืองอทู่ อง จงั หวัดสพุ รรณบุรี เมอื งนครชัยศรี หรอื นครปฐมโบราณ เมอื งคูบัว จังหวดั ราชบรุ ี พงตึก จังหวัดกาญจนบรุ ี เมอื งละโว้ หรือลพบุรี เมืองพระรถ อำเภอพนสั นิคม จังหวัดชลบรุ ี เมอื งศรมี โหสถ จังหวัดปราจนี บุรี เมืองดงละคร จังหวัดนครนายก เมอื งซับ จำปา จังหวัดลพบุรี เมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ และเมืองท่าโบราณทางภาคใต้ เช่น เขาสามแก้ว จงั หวดั ชมุ พร ทา่ มว่ ง จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี ควนลูกปัด จงั หวัดกระบี่ ซงึ่ ลว้ นเป็นเมอื งท่าที่มหี ลักฐานแสดง ร่องรอยความสัมพันธท์ างการคา้ ระหว่างชุมชนทอี่ ย่ภู ายในผืนแผน่ ดินกบั ดินแดนโพน้ ทะเล ท่มี าของภาพ : ศิลปากร, กรม. กำเนิดชนชาตไิ ทยและหลกั ฐานการอยอู่ าศัยของชมุ ชนในประเทศไทย. หน้า 110. 43 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

จารึกแผ่นทองแดงเปน็ อักษรปลั ลวะ ในราวพุทธศตวรรษท่ี 6 - 7 พ่อค้าต่างชาติได้พบ ภาษาสันสกฤต สมัยทวารวด ี เส้นทางลมมรสุมเข้ามาสู่ดินแดนไทย ทำให้เส้นทางการค้า ทางทะเลเจริญรุ่งเรืองข้ึน โดยเฉพาะพ่อค้าชาวอินเดียได้นำ ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 13 - 14 วัฒนธรรมเข้ามาเผยแพร่ที่สำคัญคือ แนวความคิดเกี่ยวกับ กษัตริยภาพ ภาษา กฎหมาย ศาสนา และความเชื่อให้แก ่ ชาวพื้นเมืองในดินแดนไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรับวัฒนธรรมจากภายนอกท่ีมาพร้อมกับพ่อค้า ทำให ้ ชุมชนเมืองหลายแห่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นแคว้นและอาณาจักร ดังได้พบศิลาจารึกโบราณทส่ี ร้างข้ึนในราวพุทธศตวรรษท่ี 11 - 18 ในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย (ยกเว้นภาคเหนือ) ท่ีเก่าแก่ท่ีสุด เป็นจารึกอักษรปัลลวะ (อินเดียใต้) ภาษาสันสกฤต ภาษาบาลี จารึกอีกหลายหลักเป็นอักษรมอญโบราณ เขมรโบราณ รวมทั้ง หลักฐานทางด้านศิลปกรรมในโบราณสถานและโบราณวัตถ ุ ในดินแดนไทย ชี้ให้เห็นว่าดินแดนประเทศไทยมีรัฐ หรือ อาณาจักรโบราณเจริญรุ่งเรืองอยู่ในช่วงเวลาต่าง ๆ กัน เช่น เจดีย์จุลประโทน เหรียญเงนิ ทีม่ อี ักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤตว่า ศรีทวารวตี ศวรปุณย แปลว่า “การบุญของผู้เป็นใหญ่แห่ง ศรที วารวดี” ท่ีเมอื งอ่ทู อง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี จารึกภาษามอญ 2 หลักท่ีบริเวณพระปฐมเจดีย์ จารึกภาษาสันสกฤตมีคำว่า ศรีทวารวดี รวมทั้งเอกสารจีนโบราณ ล้วนเป็นหลักฐาน สนับสนุนว่ามีอาณาจักรทวารวดีเจริญรุ่งเรืองในบริเวณลุ่มแม่น้ำ เจา้ พระยา ทมี่ าของภาพ : ศิลปากร, กรม. นำชมพพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติอทู่ องและเรอื่ งราวสุวรรณภมู ิ. หนา้ 53. 44 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบศิลาจารึก (จารึกวัดหัวเวียง) กล่าวถึงอาณาจักรตามพรลิงค์ ทเ่ี จริญรุ่งเรืองในภาคใตข้ องไทย ในราวพทุ ธศตวรรษที่ 18 ท่เี มอื งละโว้ หรือลพบรุ ี พบศลิ าจารกึ อกั ษร และภาษามอญโบราณ ในพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 แสดงถงึ ความเจริญรุง่ เรอื งของรัฐละโว้ทนี่ ับถือพระพุทธศาสนา และมีความสมั พันธ์กบั อาณาจกั รทวารวดี ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 จารึกท่ีพบในเมืองลพบุรีใช้อักษรเขมร ภาษาสันสกฤต แทนอักษร และภาษามอญโบราณ รวมถึงจารึกภาษาและอักษรเขมรอีกหลายหลักท่ีพบในภาคกลางและ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื แสดงถงึ อำนาจของอาณาจกั รเขมรที่แผข่ ยายเขา้ มาถึงดนิ แดนในประเทศไทย แผน่ อฐิ มีจารกึ อกั ษรธรรมล้านนา ภาษาไทย อายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 22 - 23 ที่มาของภาพ : ศลิ ปากร, กรม. โบราณคดีลมุ่ แม่น้ำปิงตอนบน. หน้า 67. 45 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ส่วนในภาคเหนือของไทย ก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 นั้น หลักฐานจากเรื่องเล่าในตำนานท้องถิ่น แสดงถึงการอพยพเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งถ่ินฐานของกลุ่มชนเช้ือสายไทย ในบริเวณลุ่มแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์ เชน่ ตำนานสิงหนวัติ สุวรรณโคมคำ ตำนานอุรังคธาตุ และพงศาวดารลาว กล่าวถึงพ่อขุนบรม ผู้นำชาวไท และกลุ่มชาวไทท่ีอพยพจากบริเวณทางใต้ของจีน เคลื่อนย้ายเข้าสู่แม่น้ำโขง แม่น้ำกก แม่น้ำงึม แมน่ ้ำมูล และแม่น้ำชี ตำนานจามเทวีวงศ์ พงศาวดารหริภุญไชย ตำนานมูลศาสนา กล่าวถึงกลุ่มคนที่อพยพ มาจากเมอื งละโว้ เขา้ มาตั้งเมอื งหรภิ ญุ ไชย (ลำพนู ) และขยายไปถงึ ลำปาง ตำนานหิรัญนครเชยี งแสน (ตำนานเมืองเงินยางเชยี งแสน) ตำนานพ้ืนเวยี งเชยี งใหม่ ตำนาน 15 ราชวงศ์ กล่าวถึงการเคล่ือนย้ายกลุ่มชนจากที่ราบสูงมาสู่ที่ราบลุ่ม และมีการผสมผสานทางชาติพันธุ์ และวฒั นธรรมระหว่างกลุม่ ชนท่อี พยพเข้าไปอยู่ใหมก่ ับชาวพืน้ เมืองเดมิ ในตำนานอุรังคธาตุ กล่าวถึงการตั้งถิ่นฐานของผู้คนในบริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงของแคว้นศรีโคตรบูร ต้ังแต่เขตจังหวัดหนองคาย อุดรธานี นครพนม สกลนคร จนถึงเวียงจันทน์ของประเทศลาว เรื่องราว ในตำนานเหล่านี้แสดงถึงการตั้งชุมชนไทยในดินแดนต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ว่าไม่สามารถระบ ุ ช่วงเวลาแน่ชัดได้ว่าคนไทยอพยพมาต้ังถ่ินฐานในดินแดนไทย สร้างบ้านเมืองไทยได้อย่างม่ันคงตั้งแต่เม่ือใด แตจ่ ารกึ โบราณ เรียกบรรพบรุ ษุ ของคนไทยท่ตี ้ังถิน่ ฐานในดนิ แดนไทยในชือ่ แตกตา่ งกนั เชน่ จารึกมอญโบราณ เรยี กว่า สาม (ซาม) เสม (เซม) เขมรโบราณ เรียกวา่ สยำ (เซียม) จามโบราณ (ในเวยี ดนาม) เรยี กวา่ สยาม พม่าโบราณ เรียกวา่ สยม สยํ และในเอกสารจีน เรยี กว่า เสยี ม เซียม ขณะท่ีตำนานสิงหนวัติ และตำนานชินกาลมาลีปกรณ์ เรียกพื้นที่บริเวณตอนเหนือแม่น้ำปิงว่า สามเทศะ ซึ่งหมายถึง ท้องถ่ินของชาวสยาม และจารึกภาษาไทยจำนวนมากท่ีจารึกในพุทธศตวรรษที่ 19 ระบุชัดเจนว่าชาวไท เรียกตัวเองว่าไทย นอกจากน้ี ธรรมเนียมในหมู่ชนเชื้อสายไทยท่ีนำชื่อสถานท่ีอย ู่ มาบอกกลุ่มสังคม เช่น ไทตุรุง หรือไทรง หมายถึงกลุ่มชาวไทท่ีอยู่ริมแม่น้ำตุรุงมานี ในรัฐอัสสัม ประเทศ อินเดีย ไทเขิน คือกลุ่มชาวไทที่อยู่ริมแม่น้ำเขิน ในรัฐฉาน ไทชาวอู ชาวของ ในจารึกพ่อขุนรามคำแหง หมายถึงชาวไทที่อยรู่ ิมแม่นำ้ อู และแมน่ ้ำโขง (ของ) นั่นเอง หลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่า ก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 กลุ่มชาวไท ได้ตั้งบ้านเมืองกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมกับ ชนพ้นื เมืองเดมิ และมคี วามสัมพันธ์กบั ชุมชนอ่ืน ๆ ทง้ั ท่ีอยใู่ กลเ้ คียง และตดิ ต่อคา้ ขายกบั เมืองท่อี ยหู่ า่ งไกล เมืองต่าง ๆ เหล่านี้คงมีอิสระในการปกครองตนเอง ต่อมาจึงเกิดการรวมกลุ่มเมืองโดยมีความสัมพันธ ์ ทางเครือญาติ หรือการขยายอำนาจครอบคลุมเมืองต่าง ๆ ทำให้เกิดการรวมตัวเป็นแคว้นและอาณาจักรไทยข้ึน ในดินแดนไทยปจั จุบนั 46 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

บรรณานกุ รม จิตร ภูมิศักด์ิ. ความเป็นมาของคำสยาม ไทย ลาว และขอม และลักษณะ ทางสังคมและชอื่ ชนชาติ. กรุงเทพฯ : โครงการตำราทางสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์, 2519. วิชาการ, กรม. กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ประวัติศาสตร์ : ประวัติศาสตร์ไทยจะเรียนจะสอนกันอย่างไร. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พก์ ารศาสนา, 2543. ศรศี กั ร วลั ลิโภดม. สยามประเทศ : ภูมิหลังของประเทศไทยต้ังแตย่ ุคดึกดำบรรพ์ จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ราชอาณาจักรสยาม. กรุงเทพฯ : สำนกั พมิ พม์ ติชน, 2534. ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าประวตั ิศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของครุ สุ ภา, 2553. 47 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดที่ 1 การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั 2. ถ่นิ กำเนดิ ของชนชาตไิ ทย เนื่องจากไม่มีหลักฐานยืนยันได้ชัดเจนว่าคนไทยมีถ่ินฐานบ้านเมืองอยู่ที่ใด ท้ังการสำรวจ กลุ่มชนที่พูดภาษาไทหรือไต และวัฒนธรรมแบบสังคมเกษตรกรรมเช่นเดียวกับคนไทยในปัจจุบันน้ัน พบว่ามีหลายกลุ่มชน และแพร่กระจายต้ังถ่ินฐานกันอย่างกว้างขวางในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ ดังน ้ี ในมณฑลยูนนาน มณฑลกุ้ยโจว มณฑลกวางสี และเกาะไหหลำ ของประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจนี ประกอบดว้ ย ชาวไทเหนือ ไทลื้อ ไทหยา่ ไทปู้ยี (อี) ไทลี (หล)ี ไทจว้ ง (ไทนงุ หรอื ไทโท)้ หญิงชราชาวปยู้ ี เตรียมเส้นใยฝา้ ย สำหรบั ทอผา้ ทีบ่ ้านพอจ๋ี อำเภอเจินฟง มณฑลกุ้ยโจ สตรชี าวหลแี ตง่ กายแบบด้งั เดิม ทบี่ า้ นแย่งดาว อำเภอเล่อตงุ มณฑลไหหลำ ในแคว้นอัสสัม และรัฐอุรุณาจลประเทศ ของประเทศอินเดีย ประกอบด้วย ชาวไทคำตี่ (คำท่ี) ไทคำหยัง ไทผาแก่ (พ่าเก) ไทโนรา ไทอ่ายตอน (ตน) ไทตรุ งุ (ไทรง) และไทอาหม ในสหภาพพมา่ ประกอบด้วย ชาวไทใหญ่ (ฉาน) ไทคำต่ี ไทเขนิ ไทลื้อ (ไทยอง) และไทเมา ที่มาของภาพ : ศลิ ปากร, กรม. กำเนดิ ชนชาติไทยและหลกั ฐานการอยอู่ าศัยของชมุ ชนในประเทศไทย. หนา้ 41 และ 54. 48 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ในสาธารณรฐั เวยี ดนาม ประกอบด้วย ชาวไทขาว ไทแดง ไทดำ ไทแถง และไทเมอื ง ในสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ไดแ้ ก่ พวกไทล้ือ และไทลาว รวมทั้งชาวไทยในคาบสมุทรมลายู หรอื ชาวไทยท่ีอพยพย้ายถนิ่ ในดนิ แดนต่าง ๆ ถิ่นกำเนิดของชนชาติไทยจึงเป็นปัญหาที่นักวิชาการสาขาต่าง ๆ ท้ังไทยและตะวันตกยังคง โต้แย้งกันมาเป็นเวลานาน ในการดำเนินงานขุดค้นทางโบราณคดี และการศึกษาค้นคว้าทางมานุษยวิทยา และภาษาศาสตร์ได้เสนอขอ้ สนั นษิ ฐานเกีย่ วกับถ่นิ กำเนดิ ของชนชาติไทยเป็น 5 แนวคิด ได้แก่ แนวคดิ ที่ 1 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดในบริเวณเทือกเขาอัลไต ตอนกลางทวีปเอเชีย ผู้นำแนวคิดน ้ี คือ วลิ เลียม คลิฟตนั ด็อดด์ (William Clifton Dodd) หมอสอนศาสนาชาวอเมรกิ นั แนวคดิ ท่ี 2 ชนชาติไทยมีถ่ินกำเนิดในมณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำแนวคิดน ี้ คือ ศาสตราจารย์แตเรียน เดอลา คูเปอร์ (Terrein de la Couperie) ผู้เช่ียวชาญภาษาศาสตร ์ สาขาอินโดจนี แห่งมหาวทิ ยาลัยคอลเลจ ในลอนดอน แนวคดิ ที่ 3 ชนชาติไทยมีถ่ินกำเนิดในบริเวณตอนใต้ของจีน แถบมณฑลกวางสีกับเมือง เดียนเบียนฟู หรือเมืองแถงของเวียดนาม ผู้นำแนวคิดน้ีคือ ศาสตราจารย์ ดร.วิลเลียม เกดนีย ์ (Dr. William Gedney) นักภาษาศาสตร์ซ่ึงพบว่าในบริเวณดังกล่าวพบภาษาไทจำนวนมาก สอดคล้องกับ ทฤษฎที างภาษาวา่ ภาษาใดก็ตามเมอ่ื อยูใ่ นถิ่นใดนาน ๆ จะเกิดภาษาถ่ินข้ึนมากมาย นอกจากน้ี พวกไทจ้วง (Zhuang) ในมณฑลกวางสี ซ่ึงมีวัฒนธรรมด้านภาษาและอักษร เปน็ แบบเฉพาะของตนเอง มคี ำที่มีความคลา้ ยคลึงกบั ภาษาไทยกลางท่ีใช้ในปัจจบุ ันถึง 500 คำ ในจำนวน คำเปรยี บเทียบ 2,000 คำ แนวคิดท่ี 4 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดในบริเวณคาบสมุทรมลายู แล้วอพยพข้ึนสู่บริเวณภาคพื้น แผ่นดนิ ใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ ผู้นำแนวคดิ นีค้ ือ รูธ เบเนดกิ ท์ (Ruth Benedict) แนวคดิ ที่ 5 ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดในบริเวณดินแดนไทยในปัจจุบัน ผู้นำแนวคิดน้ีคือ ศาสตราจารย์นายแพทย์สุด แสงวิเชียร โดยศึกษาเปรียบเทียบโครงกระดูกมนุษย์สมัยโบราณกับสมัย ปัจจุบันว่าไม่มีความแตกต่าง รวมท้ังอ้างอิงผลงานของศาสตราจารย์ชิน อยู่ดี ท่ีศึกษาค้นคว้าหลักฐาน ทางโบราณคดีในประเทศไทยแสดงถึงร่องรอยการต้ังถ่ินฐานของมนุษย์ในดินแดนไทยราว 50,000- 10,000 ปีมาแล้ว ดินแดนไทยจึงเป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัยของมนุษย์กลุ่มชาติพันธ์ุต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร เห็นว่ายังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นคนไทย เพราะยังไม่ได้ศึกษาว่าเหมือนกับ โครงกระดกู ของมอญ เขมร พม่า หรอื ชวา หรอื ไม ่ หมายเหตุ : คำวา่ ไทย (มี ย เปน็ ตวั สะกด) ใช้กบั ภาษาและผู้คนท่อี าศัยในดนิ แดนไทยปัจจุบนั ส่วนไท (ไม่มี ย) ใชส้ ำหรับ ภาษาและผู้คนทอ่ี าศยั นอกดนิ แดนไทย 49 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ข้อง : เคร่อื งมอื จับสตั ว์นำ้ ของชาวจ้วง สาวชาวจว้ งเกบ็ ฝ้าย ไซ : เคร่ืองมอื จับสตั วน์ ำ้ ของชาวจว้ ง ในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐานบางข้อไม่ได้รับการยอมรับแล้ว เพราะมีการค้นพบหลักฐานและอ้างอิง เหตุผลที่น่าเช่ือถือสามารถหักล้างแนวคิดดั้งเดิมดังกล่าว โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่า ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิด ท่ีเทือกเขาอัลไต เนื่องจากบริเวณเทือกเขาอัลไตมีพื้นท่ีทุรกันดาร อากาศแห้งแล้งและหนาวจัด ไม่เหมาะ แก่การต้ังถ่ินฐาน ท้ังหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าบริเวณน้ีเคยเป็นถ่ินท่ีอยู่ของพวกซิเธียน (Seythians) ซึ่งเป็นเผ่าเร่ร่อน เลี้ยงสัตว์ สำหรับแนวคิดท่ีว่าคนไทยน่าจะอพยพมาจากคาบสมุทรมลายูนั้น ก็ไม่ม ี หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หรือหลักฐานทางโบราณคดีสนับสนุน อีกท้ังขัดกับหลักการที่ว่าวัฒนธรรม ยอ่ มเคล่ือนยา้ ยจากตน้ น้ำทางเหนือลงไปทางใตท้ อ่ี ดุ มสมบูรณม์ ากกว่า ส่วนแนวคิดที่ว่า ชนชาติไทยมีถิ่นกำเนิดในมณฑลเสฉวน ก่อนเคล่ือนย้ายสู่มณฑลยูนนาน ต้ังอาณาจักรน่านเจ้าข้ึนน้ัน แนวคิดนี้ไม่ได้รับการยอมรับเช่นกัน เพราะภาษาของกลุ่มชนท่ีเคยอาศัย ในมณฑลดังกล่าวไม่มีคำใดตรงกับภาษาไทย แต่เป็นภาษาของกลุ่มชนอ๋ี (หลอหลอ หรือโล - โล) และ กลุ่มชนไป๋ (หมินเฉีย) ที่ใกล้เคียงกับกลุ่มภาษาในตระกูลทิเบต - พม่า แม้แต่คำว่าน่านเจ้า (หนานเจา) ก็เป็นช่ือในภาษาจีน แปลว่า กลุ่มชนท่ีอยู่ทางใต้ อีกทั้งจารึกของน่านเจ้าที่ทำข้ึนในปี พ.ศ. 1309 ก็ไม่ม ี ขอ้ ความใดท่รี ะบุวา่ อาณาจกั รน่านเจา้ เปน็ ดนิ แดนของไทย ท่มี าของภาพ : ศลิ ปากร, กรม. กำเนดิ ชนชาตไิ ทยและหลักฐานการอย่อู าศยั ของชมุ ชนในประเทศไทย. หนา้ 70 - 71. 50 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

สาวชาวปู้ยที ่ีบ้านหลงกง อำเภอฮนั ซ่นุ มณฑลกยุ้ โจว การแตง่ กายของหญิงสงู อายชุ าวไทเมอื ง ในจังหวดั เหงอ่ ัน รวมท้ังความเช่ือด้ังเดิมท่ีว่า เมื่อจีนตีน่านเจ้าแตกแล้วคนไทยได้อพยพมาต้ังอาณาจักรสุโขทัย ข้ึนน้ันก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากหลักฐานท้ังจารึกน่านเจ้า และบันทึกประวัติศาสตร์ในราชวงศ์หยวน ระบุ ชัดเจนว่า พระเจ้าหยวนสื่อจู่ (กุบไลข่าน) ตีเมืองตาลีฟู (อาณาจักรต้าหลี) ในมณฑลยูนนานได้ ในราว พ.ศ. 1796 นั้น อาณาจกั รสุโขทัยไดต้ งั้ ม่ันและเจริญรุ่งเรืองแลว้ โดยมสี มั พนั ธไมตรรี ะหว่างราชวงศพ์ ระรว่ ง ของอาณาจกั รสโุ ขทัยกับราชวงศห์ งวนของจนี ในระหวา่ ง พ.ศ. 1823 - 1911 เรอื นชาวไทเมืองกวา่ ท่จี งั หวัดเหง่อนั สาธารณรัฐเวยี ดนาม ทม่ี าของภาพ : ศลิ ปากร, กรม. กำเนิดชนชาติไทยและหลักฐานการอยู่อาศัยของชุมชนในประเทศไทย. หน้า 40 และ 84 - 86. 51 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ข้อสมมตุ ฐิ านที่นักวชิ าการให้การยอมรบั กนั มาก เพราะมขี ้อมูลหลักฐานทางดา้ นภาษาและพื้นฐาน ทางวฒั นธรรมประเพณี เช่น การทอผา้ การดำเนินชีวิต การตั้งบา้ นเรอื น การทำนา และการเพาะปลูกพืช อื่น ๆ ล้วนสนับสนุนว่า ถ่ินกำเนิดของชนชาติไทยน่าจะอยู่บริเวณมณฑลกวางสีของจีนกับตอนเหนือ ของเวยี ดนาม และแพร่กระจายไปในบริเวณกวา้ งตงั้ แตม่ ณฑลกวางสี กวางตุ้ง ยนู นาน ตลอดถงึ ตอนเหนอื ของภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใตจ้ นถงึ รัฐอสั สมั ของอนิ เดีย บรรณานุกรม ชิน อยู่ดี. รายงานการสำรวจและขุดค้นเร่ืองราวก่อนประวัติศาสตร์ท่ีจังหวัด กาญจนบุรีของคณะสำรวจไทย - เดนมาร์ก : ชิน อยู่ดี บิดา แห่งวชิ าก่อนประวตั ิศาสตรไ์ ทย. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพพ์ ฆิ เณศ, 2529. วิชาการ, กรม. กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ประวัติศาสตร์: ประวัติศาสตร์ไทยจะเรียนจะสอนกันอย่างไร. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา, 2543. ศิลปากร, กรม. สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. กำเนิดชนชาติไทยและหลักฐาน การอยอู่ าศัยของกลมุ่ ชนในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : กรมศลิ ปากร, 2548. สุมิตร ปิติพัฒน์ และเสมอชัย พูลสวัสดิ์. คนไทยและเครือญาติในมณฑลไหหลำ และกุ้ยโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน. กรุงเทพฯ : บริษัท ส่องสยาม จำกัด, 2542. 52 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชดุ ที่ 1 การสถาปนาอาณาจกั รสุโขทยั 3. ปัจจยั ทีม่ ีอิทธพิ ลตอ่ การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัย กำเนิดและพฒั นาการของรฐั แวน่ แควน้ หรอื อาณาจักรตา่ ง ๆ ยอ่ มเกย่ี วข้องกับปัจจยั สำคัญ 2 ประการ คือ (1) สภาพทางภูมิศาสตร์ และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และ (2) กระบวนการ ทางสังคมของแต่ละรัฐ เช่น ความสามารถของผู้นำ ภูมิปัญญาของการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเจริญดา้ นเทคโนโลยี การรบั อทิ ธพิ ลจากภายนอก และการผสมผสานทางวฒั นธรรม แผนทแี่ สดงเมืองสำคญั ในสมัยสุโขทัย ท่มี าของภาพ : ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. หนังสอื เรียนรายวชิ าประวตั ิศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1. หน้า 110. 53 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

อาณาจักรสุโขทัยสถาปนาข้ึนในบริเวณชุมชนโบราณท่ีตั้งถ่ินฐานในที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำยม แม่น้ำน่านตอนล่าง และแม่น้ำป่าสักตอนบน ชุมชนเหล่าน้ีได้เจริญเติบโตขึ้นเป็นชุมชนเมืองเมื่อประมาณ พทุ ธศตวรรษท่ี 16 ร่องรอยการต้ังเมืองท่ีมีคูน้ำคันดินล้อมรอบเป็นกำแพงเมืองตามธรรมชาติ และการสร้าง ศาสนสถานกลางเมืองเป็นหลักฐานท่ีบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของผู้คนในบริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้ำน่าน คือ เมืองทุ่งยั้ง (เขตอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์) ซึ่งมีพระธาตุทุ่งยั้งเป็นศูนย์กลางเมือง และเมืองสองแคว (เมืองพิษณุโลก) ซ่ึงศูนย์กลางเมืองอยู่ท่ีวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก หรือท่ีวัดจุฬามณี ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำป่าสัก คือ เมืองศรีเทพ (อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์) ส่วนบริเวณที่ราบลุ่ม แม่น้ำยมมี 2 เมือง คือ เมืองเชลียงเก่า ทางตะวันตกของแม่น้ำตรงจุดท่ีลำน้ำไหลคดงอเป็นไส้ไก ่ ศูนย์กลางเมืองอยู่บริเวณพระบรมธาตุเชลียง เมืองนี้มีลำน้ำยมขนาบทั้งสามด้าน น้ำเซาะตลิ่งพังตลอดเวลา จึงมีการย้ายเมืองไปทางตะวันตกติดเชิงเขาโดยใช้แม่น้ำยมเป็นคูเมืองด้านตะวันออกเพียงด้านเดียว และขดุ คเู มืองลอ้ มรอบอกี 3 ด้าน เมอื งที่ขยายขนึ้ ภายหลังนเี้ รียกวา่ เมอื งศรสี ชั นาลัย แผนทตี่ ัง้ ของเมืองเชลยี งเกา่ ทมี่ าของภาพ : ศลิ ปากร, กรม. นำชมอทุ ยานประวตั ิศาสตรส์ โุ ขทัย ศรสี ัชนาลยั กำแพงเพชร. หนา้ 102 - 103. 54 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

อกี เมืองหนงึ่ คอื เมอื งสุโขทยั เก่า ซึง่ อยู่ทางฝั่งตะวนั ตก ของแม่น้ำยม ห่างจากเมืองเชลียงลงมาทางใต้ มีพระปรางค ์ สามองค์ของวัดพระพายหลวงเป็นศูนย์กลางเมือง ต่อมาจึงได้ มีการขยายเมืองกว้างขวางมากข้ึน โดยมีวัดมหาธาตุเป็น ศูนย์กลางเมือง หลักฐานทางโบราณคดีในบริเวณท่ีราบลุ่มแม่น้ำปิง แม่น้ำยม แม่น้ำน่านตอนล่าง และแม่น้ำป่าสักตอนบน แสดงถึง พัฒนาการของชุมชนเมืองที่เจริญเติบโตข้ึนเป็นอาณาจักรสุโขทัย ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในต้นพุทธศตวรรษ ที่ 19 และค่อย ๆ เสื่อมอำนาจลงจนถูกรวมเข้าเป็นส่วนหน่ึง ของอาณาจักรอยุธยาอย่างสมบูรณ์ในตน้ พทุ ธศตวรรษที่ 21 ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการสถาปนาอาณาจักรและ พัฒนาการของอาณาจกั รสโุ ขทยั ประกอบดว้ ย 1. ท่ตี ั้งและสภาพภมู ิศาสตร ์ วดั พระพายหลวงสุโขทยั เปน็ บรเิ วณชุมชนดง้ั เดมิ ของแวน่ แควน้ สุโขทยั อาณาจักรสุโขทัยตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำที่เหมาะกับการตั้งถ่ินฐาน การปลูกข้าว และการทำไร่ทำสวน และการคมนาคมติดต่อค้าขายกับชุมชนอ่ืน ๆ ทั้งทางเหนือ - ใต้ และตะวันออก - ตะวันตก โดยเส้นทางเหนือ เมอื งตา่ ง ๆ ในอาณาจักรสโุ ขทัยสามารถเดนิ ทางติดต่อกับชมุ ชนเมืองในบริเวณ ท่ีราบเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำปิงตอนบน และบริเวณท่ีราบเชียงรายซึ่งเป็นท่ีตั้งของเมืองเชียงแสน พะเยา ส่วนทางใต้ สามารถใช้แม่น้ำปิงไปถึงเมืองชากังราว (กำแพงเพชร) เข้าสู่เมืองพระบาง (นครสวรรค)์ สู่แม่นำ้ เจ้าพระยา และออกทะเลได ้ ทางตะวันออก มีเส้นทางไปสู่แม่น้ำน่าน (ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์) และไปยังเมืองอ่ืน ๆ ในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนถึงเมืองชวา (หลวงพระบางในประเทศลาว) และแม่น้ำโขงตอนล่างไปถึง เมืองเวียงจันทน์ เวยี งคำ (ประเทศลาว) ทางตะวันตก มีเส้นทางติดต่อกับเมืองเชียงทอง (จังหวัดตาก) ข้ามทิวเขาตะนาวศรีไปถึง เมืองฉอด (ประเทศพม่า) สู่ลุ่มแม่น้ำสาละวินและอิรวดี ติดต่อกับหัวเมืองมอญและเมืองพุกาม ทงั้ ยังสามารถออกทะเลตดิ ต่อกับลงั กาและอินเดยี ท่ีมาของภาพ : ศิลปากร, กรม. นำชมอทุ ยานประวตั ิศาสตรส์ ุโขทัย ศรสี ชั นาลัย กำแพงเพชร. หนา้ 21. 55 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

จะเห็นว่าเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรสุโขทัยตั้งอยู่ในทำเลท่ีเหมาะสม ทั้งทางด้านการติดต่อ แลกเปลี่ยนค้าขายระหว่างหัวเมืองเหนือ (อาณาจักรล้านนา) กับหัวเมืองทางใต้ การอพยพโยกย้าย ตงั้ ถน่ิ ฐานของผคู้ นทำใหเ้ มืองขยายตวั เจรญิ ขึ้น เกิดการสรา้ งความสมั พนั ธ์ทางเครือญาติระหวา่ งเมืองต่าง ๆ นอกจากนี้ อาณาจักรสุโขทัยยังต้ังอยู่ระหว่างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรือง 2 อาณาจักร คือ อาณาจักรพุกาม ซ่ึงรวมหัวเมืองมอญทางตะวันตก และอาณาจักรเขมรหรือกัมพูชา ทางตะวันออก เป็นผลให้ชุมชนไทยได้รับวฒั นธรรมของสองอาณาจักรดว้ ย ท่ีสำคัญอาณาจักรสุโขทัยมีแหล่งทรัพยากรท่ีมีค่า และสำคัญยิ่งคือ แหล่งแร่เหล็ก สำหรับการผลิตเครื่องมือ เคร่ืองใช้ และอาวุธ และทรัพยากรดินท่ีมีคุณภาพสำหรับการทำเครื่องถ้วยชาม ท่มี ชี อื่ เสียงคอื “เคร่อื งสังคโลก” ซ่ึงนบั เป็นสินค้าออกทส่ี ำคญั ของอาณาจกั รสโุ ขทัย 2. ปัจจัยทางสังคม กระบวนการทางสังคมท่ีส่งเสริมให้อาณาจักรสุโขทัยสถาปนาขึ้นได้ในปลายพุทธศตวรรษ ท่ี 18 ประกอบด้วยปัจจยั หลายดา้ น ทีส่ ำคัญไดแ้ ก่ 2.1 การขยายอำนาจของอาณาจักรเขมร และอาณาจักรพุกาม ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 16 อาณาจักรเขมรได้ขยายอำนาจเข้าสู่ดินแดนไทย ทำให้ ชุมชนหลายแห่งรับศิลปวัฒนธรรมตามแบบเขมร และเกิดเมืองสำคัญตามเส้นทางการค้าและชุมชนต่าง ๆ จนถึงพุทธศตวรรษที่ 18 อาณาจักรเขมรเร่ิมเส่ือมอำนาจลงภายหลังส้ินรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. 1762 ส่วนอาณาจักรพกุ ามนน้ั มกี ารแข่งขนั อำนาจกับชาติตา่ ง ๆ เพื่อควบคมุ เส้นทางการคา้ ในอ่าวเบงกอล ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้เกิดสงครามกับลังกาและมอญ รวมท้ังจีน ซึ่งเป็นผลให้พุกาม เส่ือมอำนาจลงในพุทธศตวรรษที่ 18 เช่นกนั ความเสื่อมอำนาจของอาณาจักรท่ีย่ิงใหญ่ท้ังสอง ประกอบกับศูนย์กลางการปกครอง ของอาณาจักรอยู่ห่างไกลจากการควบคุมอำนาจของเขมร ทำให้ชาวไทยสามารถรวมตัวกันเป็นปึกแผ่น และสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นได้ปลายพุทธศตวรรษที่ 18 และสามารถพัฒนาอาณาจักรให้ม่ันคง เปน็ ปึกแผน่ ไดใ้ นตน้ พุทธศตวรรษท่ี 19 2.2 ภมู ิปญั ญาและความเจรญิ ทางเทคโนโลยี ภูมิปัญญาของชาวสุโขทัยในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติปรากฏชัดเจน ในแหล่งโบราณคดีและโบราณวัตถุ ส่งผลให้ชาวสุโขทัยมีความเช่ียวชาญในงานฝีมือเฉพาะ เช่น การทำ เครื่องสังคโลก การทำโลหะ การทำเครื่องประดับ ซึ่งส่งผลให้เกิดพัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจของ อาณาจกั รดว้ ย 56 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

เครอ่ื งสงั คโลกจากเตาเกาะน้อย เมืองศรสี ัชนาลัย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการถลุงเหล็ก ชาวสุโขทัยมีความรู้ความสามารถทาง โลหะวิทยามาต้ังแต่ก่อนพุทธศตวรรษท่ี 18 เพราะได้พบเคร่ืองมือเหล็ก กำไลสำริด แหวนเงิน แหวนทองคำ ลูกกระพรวนโลหะ โดยแหล่งแร่เหล็กอยู่ที่บ้านวังหาด (ในจังหวัดสุโขทัย) และเมืองตรอน (จงั หวดั อตุ รดติ ถ์) ความก้าวหน้าในการผลิตเคร่ืองปั้นดินเผา ชาวสุโขทัยสามารถใช้ทรัพยากรดิน ที่มีคุณภาพและความรู้ทางเทคโนโลยีในการทำน้ำเคลือบ และการสร้างเตาเผาแบบพิเศษ ผสมผสานกับ การรับและประยุกต์ลักษณะและรูปแบบของเคร่ืองดินเผาจากชุมชนอ่ืน ๆ เช่น มอญและเขมร และต่อมา ได้รับวิทยาการจากจีน ทำให้สุโขทัยผลิตเคร่ืองมือสังคโลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นสินค้าออกที่ได้รับ ความนิยมไปถงึ หมเู่ กาะมลายู อนิ โดนเี ซีย ฟิลปิ ปนิ ส์ และญี่ปนุ่ ทีม่ าของภาพ : ธิดา สาระยา. เมืองศรีสัชนาลัย. หนา้ 167. 57 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ความก้าวหน้าในการสร้างระบบชลประทาน สืบเนื่องจากตัวเมืองของอาณาจักรสุโขทัย ต้ังอยู่ในที่สูง และภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นท่ีราบลุ่มเชิงเขาท่ีมีแม่น้ำไหลผ่าน มีทิวเขาสลับกับที่ราบ ดังนั้น ในฤดูฝนน้ำจะไหลหลากท่วมท่ีราบอย่างรวดเร็ว ส่วนในฤดูแล้งก็จะขาดแคลนน้ำ ดังนั้น คนสุโขทัยในอดีต จึงปรับปรุงธรรมชาติเพื่อการดำเนินชีวิต โดยสร้างคันดินก้ันน้ำขนาดใหญ่ระหว่างหุบเขากิ่วอ้ายมาถึง เขาพระบาทใหญ่ให้เป็นแหล่งรวมน้ำท่ีไหลจากภูเขา ซึ่งเช่ือกันว่าอ่างเก็บน้ำนี้คือ สรีดภงส์ ที่กล่าวไว้ใน ศลิ าจารึกพ่อขนุ รามคำแหง ทัง้ ยังทำคันดินสำหรับบังคบั น้ำใหไ้ ปยงั คคู ลองเพอื่ สง่ เข้าไปใชใ้ นเมอื ง และไรน่ า สำหรบั การเกษตร โดยมีการสร้างตระพังสำหรับเก็บนำ้ อกี หลายแห่งในตวั เมืองสำหรบั ใชใ้ นหน้าแล้ง ภาพถา่ ยทางอากาศเมืองเชลียง มีแม่น้ำยมเป็นปราการทางดา้ นตะวนั ออก ความก้าวหน้าในการปั้นและการหล่อโลหะ ช่างสุโขทัยได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปั้นและหล่อโลหะ โดยเฉพาะการสร้างพระพุทธรูปอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ของสุโขทัย เราจะพบเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ท่ีงดงามจำนวนมาก รวมทั้งผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆ ท่ีแสดงถึง ความสามารถในการปั้นและหล่อโลหะท่ีปรากฏในเคร่ืองประดับ เครื่องประกอบสถาปัตยกรรมในอุทยาน ประวัตศิ าสตร์สโุ ขทัย ศรสี ัชนาลยั และกำแพงเพชร ทม่ี าของภาพ : ศลิ ปากร, กรม. นำชมอทุ ยานประวตั ิศาสตร์สุโขทัย ศรีสชั นาลยั กำแพงเพชร. หนา้ 73. 58 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

พระพุทธสำรดิ ศิลปะสุโขทยั 1 วีรกษัตรยิ ์ พอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช2 ภูมิปัญญาและความเจริญทางเทคโนโลยีดังกล่าว เป็นผลให้สุโขทัยเป็นแหล่ง ผลิตสินคา้ หลากหลาย และทำการคา้ กับหัวเมอื งต่าง ๆ และอาณาจักรภายนอกทห่ี ่างไกล 2.3 ความสามารถของผู้นำไทย อาณาจักรสุโขทัยสถาปนาข้ึนจากความร่วมมือ ร่วมใจของผู้นำไทย 2 คน คือ พอ่ ขนุ ผาเมือง เจ้าเมอื งราด และพอ่ ขนุ บางกลางหาว ซึ่งเปน็ พระสหาย ไดช้ ่วยกันนำกองทพั ไทยขบั ไลศ่ ัตรู ท่ีเข้ามายึดเมืองต่าง ๆ ได้สำเร็จ นอกจากนี้ พระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ในยุคแรกเริ่มสถาปนาอาณาจักร ได้แก่ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนบานเมือง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้แผ่ขยายอำนาจสร้างบ้านเมือง ให้เป็นปึกแผ่น อาณาจักรสุโขทัยจึงมีอาณาจักรกว้างขวางในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช นอกจากน้ี กษัตริย์สุโขทัยทุกพระองค์ยังส่งเสริมทางการค้า สร้างความม่ังค่ังทางเศรษฐกิจ สร้างระบบชลประทาน เพ่ือส่งเสริมการเกษตร และปกครองบ้านเมืองด้วยหลักธรรมทางศาสนา ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนส่งเสริม และสนบั สนุนให้อาณาจักรสโุ ขทยั เจรญิ รงุ่ เรืองสบื ตอ่ มาเปน็ เวลาประมาณ 200 ปี ท่มี าของภาพ : 1. โครงการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย. มรดกชา่ งศลิ ปไ์ ทย. หนา้ 331. 2. ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. สุโขทัย : รุ่งอรุณแห่งความสขุ . หนา้ 96. 59 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

บรรณานุกรม ธิดา สาระยา. เมืองศรสี ชั นาลัย. กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พ์เมืองโบราณ, 2537. ศิลปากร, กรม. สำนักโบราณคดี. นำชมอุทยานประวัติศาสตรส์ โุ ขทัย ศรีสัชนาลยั กำแพงเพชร. จังหวดั สุโขทัย : กรมศิลปากร, 2546. 60 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดที่ 1 การสถาปนาอาณาจกั รสุโขทยั 4. การก่อตั้งอาณาจักรสโุ ขทยั : จารึกวดั ศรชี มุ หลักฐานชั้นต้นที่บอกเล่าเหตุการณ์การสถาปนาอาณาจักร สุโขทัยได้ชัดเจนคือ จารึกวัดศรีชุม หรือจารึกหลักท่ี 2 สุโขทัย ซ่งึ เป็นแผ่นศิลาขนาดสงู 2 เมตร 75 เซนตเิ มตร กวา้ ง 67 เซนติเมตร หนา 8 เซนตเิ มตร นับเปน็ จารึกที่มขี นาดใหญ่ทส่ี ุด ยาวทสี่ ดุ ในบรรดา จารึกภาษาและอักษรไทยสมัยสุโขทัย จารึกเหล่านี้พบในอุโมงค์ มณฑปวัดศรชี ุม เมอื งเกา่ สุโขทัย จารึกหลักนี้ผู้สร้างเป็นพระภิกษุ ช่ือว่า พระมหาเถรศรี ศรทั ธาราชจฬุ ามนุ ี สันนิษฐานว่าสร้างขึน้ เม่อื ประมาณ พ.ศ. 1921 - 1931 ข้อความในจารึกวัดศรีชุมเป็นอัตชีวประวัติของผู้สร้างคือ สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนี ซ่ึงเป็นราชตระกูลราชวงศ์ ของพ่อขุนศรีนาวนำถุมท่ีครองกรุงสุโขทัย - ศรีสัชนาลัยมาก่อน การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั ของราชวงศพ์ ระร่วง พระประวัติในส่วนท่ียังเป็นคฤหัสถ์ก่อนบวช ได้ให้ความรู้ เก่ียวกับประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยเฉพาะก่อนการสถาปนาอาณาจักร สุโขทัย การข้ึนสู่อำนาจของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และความสัมพันธ์ กับพ่อขุนผาเมือง สำหรับส่วนท่ีเป็นบรรพชิตได้ให้ความรู้ในเรื่อง การเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ ท้ังในดินแดนไทย อินเดีย และลังกา รวมท้ังการสะสมบารมเี พือ่ หวังจะได้ตรสั รูเ้ ป็นพระพุทธเจา้ ในอนาคต จารกึ วัดศรชี มุ ทมี่ าของภาพ : ประเสรฐิ ณ นคร. งานจารึกและประวตั ิศาสตร.์ หน้า 42. 61 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

นับได้ว่าจารึกวัดศรีชุมเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญย่ิงในการศึกษาประวัติศาสตร์ สโุ ขทัย ดงั ความวา่ “...พระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีเกิดในนครสระหลวงสองแคว ปู่ชื่อพระยาศรีนาวนำถุม เป็นขุนเป็นพ่อพรญา เสวยราชย์ในนครสองอัน อันหนึ่งชื่อนครสุโขทัย อันหน่ึงช่ือศรีเสชนาไล... ประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุใกล้ฝั่งน้ำ... ในนครสุโขทัยน้ัน พ่อขุนศรีนาวนำถุม สถิตในนครสุโขทัย ศรเี สชนาไลดังอิง เป็นบุญธรรมหนักหนา... เป็นขนุ ในเมอื งเชลยี ง เมอื งเหนือ เมอื งใตอ้ อก...” เร่ืองราวในศิลาจารกึ วดั ศรีชมุ ไดอ้ ธิบายการก่อตง้ั อาณาจักรสโุ ขทัยวา่ เดิมเมืองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย มีพ่อขุนศรีนาวนำถุมครอบครองอยู่ และสามารถแผ่ขยาย อำนาจรวบรวมเมืองต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในอำนาจ อาณาเขตของอาณาจักรสมัยพ่อขุนศรีนาวนำถุมกว้างใหญ่ มีเมืองข้ึนมากมาย พระโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถุมองค์หนึ่ง ช่ือพ่อขุนผาเมือง ครองเมืองราด เมืองลุม โดยเจ้าเมืองเขมร (ผีฟ้าเจ้าเมืองศรีโสธรปุระ) ได้พระราชทานธิดา พระนามว่า “นางสุขรมหาเทวี” พร้อมพระขรรค์ชยั ศรี และพระนาม “ศรอี นิ ทรบดินทราทิตย์” ใหแ้ กพ่ ่อขุนผาเมือง ภายหลังรัชกาลพ่อขุนศรีนาวนำถุม บ้านเมืองจึงเกิดความระส่ำระสาย โดย “ขอมสบาดโขลญ ลำพง” (ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเจ้าเมืองเขมร หรือหัวหน้ากองกำลังเขมรท่ีรักษาศาสนสถานอยู่ที่สุโขทัย) ไดเ้ ขา้ ยึดเมอื งสโุ ขทยั ศรีสัชนาลยั และเมืองอ่นื ๆ ไว้ พ่อขุนบางกลางหาวจึงนำทัพไปถึงเมืองบางยาง และรวมพลกับพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด พ่อขุนบางกลางหาวตีได้เมืองศรีสัชนาลัย สุโขทัย แล้วจึงได้โอนคืนเมืองบางขลังให้แก่พ่อขุนผาเมือง พ่อขุนผาเมืองจึงยกทัพกลับเมืองราดดังเดิม แต่การรบกับขอมสบาดโขลญลำพงยังไม่เสร็จส้ิน พ่อขุนบางกลางหาวได้ขอไพร่พลจากพ่อขุนผาเมืองให้มาช่วยรบอีก ดังน้ัน พ่อขุนบางกลางหาวกับพ่อขุนผาเมือง จึงได้ปรึกษาหารือวางแผนการรบร่วมกันในระหว่างทำศึก และร่วมกันทำศึกชนะขอมสบาดโขลญลำพง พ่อขุนผาเมืองยึดเมืองสุโขทัยได้ จึงโอนเมืองสุโขทัยให้แก่พ่อขุนบางกลางหาว แต่พ่อขุนกลางบางหาว รู้สึกเกรงใจต่อพระสหาย ดังน้ัน พ่อขุนผาเมืองจึงยกพลออกจากเมืองสุโขทัย พ่อขุนบางกลางหาว จึงได้เข้าเมืองสุโขทัย พ่อขุนผาเมืองจึง “อภิเษกพ่อขุนบางกลางหาว ให้เมืองสุโขทัย ให้ทั้งชื่อตน แก่พระสหาย เรียกช่ือศรอี ินทรบดนิ ทราทิตย.์ ..” นอกจากน้ี จารกึ วดั ศรชี ุมยังได้สรรเสรญิ พระมหากษตั รยิ ์ท่คี รองกรงุ สโุ ขทัยต่อมา ความว่า ...ลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ผู้หน่ึง ช่ือพ่อขุนรามราชปราชญ์รู้ธรรม ก่อพระศรีรัตนอันหน่ึง ในศรีสัชนาลัย หลานพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ผู้หน่ึง ช่ือธรรมราชา พุล รู้บุญ รู้ธรรม มีปรีชญา แก่กม บ่ มิกลา่ วถเ่ี ลย... * ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ไดส้ ันนิษฐานว่าจารกึ วดั ศรีชมุ สร้างขน้ึ หลงั พ.ศ. 1912 โดยใชร้ ปู ลกั ษณะตัวอักษรและอกั ขรวธิ ีเป็นตัวกำหนด 62 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

บรรณานุกรม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. วินัย พงศ์ศรีเพียร. ประวัติศาสตร์และหลักฐานประวัติศาสตร์สุโขทัย. เอกสาร ประกอบการบรรยาย ณ โรงแรมโลตสั ปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่, 2554. (เอกสารอัดสำเนา) ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรท่ี 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เร่ืองสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. 63 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดท่ี 1 การสถาปนาอาณาจกั รสุโขทัย 5. การขยายอำนาจทางการเมอื ง และการลม่ สลายของอาณาจกั รสโุ ขทัย อาณาจักรสุโขทัยในยุคท่ีพ่อขุนศรีนาวนำถุม ปกครองอยู่ มีขอบเขตครอบคลุมถึงเมืองฉอด (ทางตะวันตกในประเทศพม่า) ลำพูน พะเยา ศูนย์กลางการปกครองอยู่ท่ีเมอื งสุโขทยั - ศรสี ัชนาลัย และมีอำนาจครอบคลุมเมืองหลายเมือง เช่น เมืองราด เมอื งลมุ บาจาย เมืองสคา อาณาจักรสุโขทัยในยุคพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เม่ือข้ึนครองราชย์เมื่อราว พ.ศ. 1792 น้ัน ขอบเขต อาณาจักรคงไม่กว้างขวางเท่าใดนัก ดังจะเห็นว่า ราชตระกูลของพ่อขุนศรีนาวนำถุมยังคงมีอำนาจ เหนือเมืองศรีสัชนาลัย ท้ังพ่อขุนผาเมืองยังคงครอง เมืองราด เมืองลุมบาจาย และเมืองสคา (ซึ่ง ยังไม่แน่ชัดว่าตั้งอยู่ในพ้ืนท่ีใดแน่ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร สันนิษฐานว่าอยู่ในบริเวณ ลุ่มแม่น้ำน่าน ขณะที่ ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร สันนิษฐานว่า เป็นกลุ่มเมืองที่ต้ังอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำป่าสัก) ส่วนพระยา จารกึ พอ่ ขุนรามคำแหง คำแหงพระราม (พระโอรสอีกองค์หน่ึงของพ่อขุนศรีนาวนำถุม พระบิดาของพระมหาเถรศรีศรัทธา ราชจุฬามุนี) ครองเมืองสระหลวงสองแคว (พิษณุโลก) แต่อย่างไรก็ตาม พ่อขุนศรีอินทราทิตย ์ ได้สร้างอาณาจักรให้เป็นปึกแผ่น ดังจะเห็นว่า เม่ือขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ยกทัพมาตีเมืองตาก พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และพระราชโอรสได้ยกทัพไปปราบปรามได้สำเร็จ ซ่ึงการศึกในครั้งนั้นทำให้ พระองคพ์ ระราชทานนามใหพ้ ระโอรสท่ีเกง่ กล้าสามารถวา่ “พระรามคำแหง” พ่อขุนบานเมืองและพ่อขุนรามคำแหงมหาราชซ่ึงได้ครองราชย์ ต่อมาได้สร้างบ้านเมือง ให้เปน็ ปกึ แผน่ ขยายอาณาเขตไดอ้ ย่างกว้างขวาง ดังปรากฏความในจารกึ พอ่ ขนุ รามคำแหงว่า “...กูไปท่บ้านท่เมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่ว ได้นาง ได้เงือน ได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตาย ยงั พี่กู กูพร่ำบำเรอแกพ่ ีก่ ู ด่ังบำเรอแกพ่ ่อกู พ่กี ตู ายจงึ ไดเ้ มืองแกก่ ูทง้ั กลม...” ท่ีมาของภาพ : ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวตั ศิ าสตร.์ หนา้ 30. 64 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

อาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัยในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตามท่ีปรากฏในจารึก พ่อขุนรามคำแหง มีเขตแดนกว้างขวางมาก ทางทิศใต้ถึงนครศรีธรรมราช และมีฝ่ังทะเลสมุทรเป็นที่แล้ว คือสุดท่ีแหลมมลายู ทางเหนือถึงเมืองชวา คือ หลวงพระบาง (ประเทศลาว) ทางตะวันออกถึงเมือง เวยี งจันทน์ เวียงคำ (ประเทศลาว) สว่ นทางตะวนั ตกไปถงึ เมอื งหงสาวดี (ประเทศพม่า) ภายหลังเม่ือสิ้นรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาณาจักรสุโขทัยเริ่มสูญเสียอำนาจ ทางการเมือง เมืองต่าง ๆ ได้แยกตัวออกเป็นอิสระ เช่น เมืองเชียงทอง (จังหวัดตาก) เมืองพระบาง (จังหวัดนครสวรรค์) ท้ังในราชธานีก็มีการช่วงชิงอำนาจกันปกครอง มาจนถึงสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไทย) พระองค์ทรงปราบดาภเิ ษก โดยใช้ขวานประหารศัตรู เสด็จขน้ึ เป็นกษตั รยิ ์ พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พ.ศ. 1890 - 1911) ได้ทรงพยายามรวบรวมอาณาจักรสโุ ขทยั ให้เปน็ ปึกแผ่นข้ึนอีกคร้ังหน่ึง ในสมัยนี้อาณาเขตของสุโขทัยครอบคลุมเมืองระหว่างแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน และ แควปา่ สัก มีเมอื งเชียงทอง (ตาก) กำแพงเพชร พระบาง (นครสวรรค)์ ปากยม (พิจติ ร) สระหลวงสองแคว (พิษณุโลก) ข้ึนไปถึงกลุ่มเมืองราด เมืองสคา เมืองลุมบาจาย และชวา (หลวงพระบาง) ในรัชกาลน้ี อาณาจักรอยุธยาได้แผ่ขยายอำนาจข้ึนมาถึงอาณาจักรสุโขทัย ในระหว่างปี พ.ศ. 1905 - 1911 พระมหาธรรมราชาที่ 1 จึงไดเ้ สดจ็ ไปประทับอยทู่ ีเ่ มอื งสองแคว (พษิ ณุโลก) เปน็ เวลานานถงึ 7 ปี เพ่ือควบคมุ และป้องกันเมืองทางลุ่มแม่น้ำป่าสัก หลังจากน้ันเมืองพิษณุโลกจึงได้กลายเป็นราชธานีของอาณาจักรสุโขทัย สบื ต่อมา ในรัชกาลของพระมหาธรรมราชาที่ 2 ในปี พ.ศ. 1921 สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 1 (ขนุ หลวง พะงั่ว) แห่งอาณาจักรอยุธยายกทัพไปตีเมืองกำแพงเพชรได้สำเร็จ ทำให้สุโขทัยต้องยอมอ่อนน้อมเป็นเมือง ข้ึนของอยุธยา ประมาณ พ.ศ. 1931 สุโขทัยได้กลับมาเป็นเอกราชอีกคร้ังหน่ึง แต่ไม่นานนักก็ต้องตกอย่ ู ภายใตอ้ ำนาจของอยธุ ยาอกี จนถึงสิน้ รชั สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาท่ี 3 ในปี พ.ศ. 1962 พระโอรสของ พระมหาธรรมราชาที่ 2 คือ พระยาบาล และพระยาราม ต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน สมเด็จพระอินทราชา แห่งอาณาจักรอยุธยาจึงทรงยกทัพมาถึงเมืองพระบาง (นครสวรรค์) พระยาบาล และพระยาราม จงึ ตอ้ งยอมออ่ นน้อมต่ออยุธยา สมเด็จพระอินทราชาได้ให้พระยาบาลเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชาท่ี 4 ครองเมืองพิษณุโลก ส่วนพระยารามครองเมืองสุโขทัย ให้พระยาเชลียงครองเมืองเชลียง (สวรรคโลก) และพระยาแสนสอยดาว ครองเมืองกำแพงเพชร ซ่ึงหมายความว่าอาณาจักรสุโขทัยถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ พิษณุโลก สุโขทัย สวรรคโลก และกำแพงเพชร นอกจากนี้ ยังได้ทูลขอพระธิดาของพระมหาธรรมราชาให้สมรสกับ เจ้าสามพระยา พระโอรสของพระองค์ ภายหลงั เมื่อพระมหาธรรมราชาที่ 4 ส้นิ พระชนม์ เมือ่ พ.ศ. 1981 พระยายุธษิ เฐียรไดค้ รองเมอื ง พิษณุโลกต่อมา โดยทางอยุธยาไม่ได้แต่งต้ังให้เป็น “พระมหาธรรมราชา” หรือมีฐานะเป็นกษัตริย์อีก 65 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ทำให้พระยายุธิษเฐียรไม่พอใจ ในปี พ.ศ. 1994 พระยายุธิษเฐียรจึงได้หันไปสวามิภักดิ์ต่อพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์นครเชียงใหม่ พระราชชนนีของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงครองเมืองพิษณุโลกสืบต่อมา จนส้ินพระชนมใ์ นปี พ.ศ. 2006 ในปี พ.ศ. 2006 - 2031 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งอยุธยาได้เสด็จไปประทับที่เมือง พิษณุโลก ซ่ึงเป็นผลให้อาณาจักรสุโขทัยถูกผนวกรวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยาอย่างสมบูรณ์ เห็นได้ว่า อาณาจักรสุโขทัยล่มสลาย เนื่องจากการแผ่ขยายอำนาจของอาณาจักรอยุธยาท่ีเข้มแข็งกว่า และมีนโยบาย ที่จะครอบครองอาณาจักรสุโขทัย ผนวกกับความอ่อนแอของอาณาจักรสุโขทัยทางด้านการเมือง การปกครอง เช่น การแย่งชิงอำนาจกนั เอง ผนู้ ำขาดความสามารถทางด้านการรบ ทำให้ไมส่ ามารถควบคมุ เมืองในอาณาจกั รไว้ได ้ บรรณานกุ รม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. วิชาการ, กรม. กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ประวัติศาสตร์ : ประวัติศาสตร์ไทยจะเรียนจะสอนกันอย่างไร. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์การศาสนา, 2543. 66 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชดุ ท่ี 1 การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั 6. ระบบการชลประทาน : ภูมปิ ัญญาของชาวสุโขทยั สืบเน่ืองจากสภาพภูมิศาสตร์ของอาณาจักรสุโขทัยส่วนใหญ่เป็นท่ีราบเชิงเขา มีทิวเขา ประทักษ์ทางตะวันตก และเขาหลวงทางเหนือ มีแม่น้ำยมและคลองแม่ลำพันเป็นองค์ประกอบตาม ธรรมชาติ ทงั้ เมืองสุโขทยั ต้ังอยูบ่ นพืน้ ทล่ี าดเอยี ง และห่างจากแม่นำ้ ยมถงึ 13 กิโลเมตร ชัยภมู ิดังกลา่ ว เป็นภูมิสถานที่ดีต่อการต้ังเมือง ที่มีศาสนสถานอยู่กลางเมือง และเป็นศูนย์กลางการปกครอง แต่เป็น แหล่งที่จะขาดแคลนน้ำ คือในฤดูฝนน้ำจากเขาประทักษ์จะไหลบ่าผ่านลงไปท่ีแม่น้ำยม ดังนั้น ชาวสุโขทัยจึงได้สร้างระบบชลประทานขนาดใหญ่ โดยสร้างคันดินก้ันน้ำในระหว่างหุบเขากิ่วอ้ายมาถึง เขาพระบาทใหญ่ ให้เป็นแหล่งรวมน้ำท่ีมาจากเขาประทักษ์ซ่ึงเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของสุโขทัย เช่ือกันว่าแหล่งเก็บกักน้ำนี้คือ สรีดภงส์หรือทำนบพระร่วง อีกทั้งยังทำแนวคันดินสำหรับบังคับน้ำไปยัง คูคลองและตระพงั จำนวนมากในบรเิ วณเมือง เพือ่ เป็นแหลง่ เก็บกกั นำ้ ไวใ้ ช้ในเมืองในฤดูแล้ง บ่อน้ำขนาดใหญ่จำนวนมากในเมืองส่วนใหญ่อยู่ในวัดหรือในบริเวณพุทธสถาน เป็นผลให้ แหล่งน้ำได้รับการสงวนรักษาไวอ้ ยา่ งดี และเพื่อการใช้ประโยชนร์ ่วมกนั คูเมืองสุโขทยั สรดี ภงส์หรือทำนบพระรว่ ง ทม่ี าของภาพ : ศึกษาธิการ, กระทรวง. สโุ ขทยั : รงุ่ อรุณแห่งความสขุ . หน้า 109. 67 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

นอกจากน้ี ยังปรากฏรอ่ งรอยการสรา้ งถนนพระร่วง 2 สาย จากทางเหนือของเมืองสุโขทัยไปยังเมืองศรีสัชนาลัย ยาว 54 กิโลเมตร อีกทางหนึ่งจากทางตะวันออกของเมือง สุโขทัยวกไปทางใต้ไปยังเมืองกำแพงเพชร ยาว 72 กิโลเมตร ซึ่งเช่ือกันว่าเป็นแนวท่อปู่พระยาร่วงท่ีปรากฏในจารึก พ.ศ. 2053 บนฐานพระพุทธรูปพระอิศวรที่เมืองโบราณกำแพงเพชร ดังความตอนหนง่ึ ว่า “...อนง่ึ ท่อปู่พระยารว่ ง ทำเอาน้ำไปเถิงบานพานน้นั ก็ถมหายสิ้น และเขาย่อมทำนาทางฟ้า และหาท่อน้ำนั้นพบ กระทำท่อเอาน้ำไปเล้ียงนา ให้เป็นนาเหมือง นาฝาย มิได้เป็น นาทางฟ้า...” ถนนพระร่วงจากกำแพงเพชรมาถึงสุโขทัยน้ัน ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศอย่างชัดเจนว่าเป็นแนวคลอง ท่ีขุดต่อเน่ืองเชื่อมโยงจากเมืองกำแพงเพชรทางด้านใต ้ มายังสุโขทัย และจากด้านตะวันตกของเมืองศรีสัชนาลัย ทางด้านเหนือมาเช่ือมต่อกับคลองแม่รำพัน ซ่ึงจะไหลตาม คลองแม่รำพันลงสู่แม่นำ้ ยม ซึง่ เป็นทีล่ มุ่ ตำ่ ถนนพระร่วงดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนคลอง ชลประทานที่ผันน้ำจากแม่น้ำปิงจากเมืองกำแพงเพชร ไปหล่อเลยี้ งบรเิ วณพื้นทีน่ าของเมอื งสุโขทัยน้ันเอง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างพนังและการทำนุบำรุง เหมืองฝายเป็นการใช้ระบบชลประทานเพ่ือช่วยในยาม ขาดแคลนน้ำ อันเป็นภูมิปัญญาสำคัญของชาวสุโขทัยที่ยังคง เห็นร่องรอยจนถึงปจั จุบันน ี้ แผนที่สโุ ขทัยสมยั พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่มาของภาพ : ศกึ ษาธกิ าร, กระทรวง. สโุ ขทยั : รุง่ อรุณแหง่ ความสขุ . หนา้ 108. 68 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

บรรณานุกรม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. วิชาการ, กรม. กระทรวงศึกษาธิการ. คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ประวัติศาสตร์ : ประวัติศาสตร์ไทยจะเรียนจะสอนกันอย่างไร. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พก์ ารศาสนา, 2543. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่ม 15. กรุงเทพฯ : โครงการสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน, 2548. ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรท่ี 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เร่ืองสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. 69 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

POST-TEST ชุดท่ี 1 การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทัย คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่สี ุดเพียงขอ้ เดียวทำลงในกระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดคอื หลกั ฐานทแี่ สดงว่าดนิ แดนในประเทศไทยเปน็ แหลง่ ตง้ั ถิ่นฐานของมนษุ ย ์ เมอ่ื 10,000 ปีมาแลว้ ก. โครงกระดูกมนษุ ย์ท่ีกระจายในทอ้ งถ่นิ ตา่ ง ๆ ข. เหรยี ญเงินและศลิ าจารกึ ท่มี ตี ัวอกั ษรมอญโบราณ ค. แหลง่ โบราณคดีสโุ ขทยั -ศรีสชั นาลยั -กำแพงเพชร ง. แหล่งโบราณคดบี า้ นเชียง อำเภอหนองหาน จงั หวัดอดุ รธาน ี 2. แหลง่ โบราณคดสี มัยชมุ ชนล่าสัตว์-หาของป่าคืออะไร ก. เมืองศรมี โหสถ จงั หวดั ปราจีนบรุ ี ข. บ้านเชียง อำเภอเมือง จังหวดั อุดรธานี ค. บ้านดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จงั หวดั กาญจนบรุ ี ง. ถ้ำตาดว้ ง อำเภอเมอื ง จังหวดั กาญจนบรุ ี 3. อาณาจักรโบราณท่ีเจริญรุ่งเรืองในลุ่มน้ำเจ้าพระยามาก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย คือข้อใด ก. อโยธยา ข. เชยี งแสน ค. ทวารวดี ง. หรภิ ญุ ไชย 4. แนวคิดเกย่ี วกับถิน่ กำเนดิ ของชนชาติไทยในข้อใดทข่ี าดหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรส์ นบั สนนุ ก. บรเิ วณคาบสมทุ รในมลายู ข. บรเิ วณทางตอนใต้ของจนี ค. บรเิ วณมณฑลเสฉวนในประเทศจีน ง. บรเิ วณดินแดนไทยในปัจจบุ ัน 5. ข้อใดเป็นปจั จัยทางภมู ศิ าสตร์ที่สง่ เสรมิ ให้อาณาจักรสุโขทยั มีพฒั นาการเจริญรุ่งเรอื ง ก. ต้ังอยู่ในทำเลทรี่ าบลุ่มแมน่ ้ำ ข. รับวัฒนธรรมจากมอญและเขมร ค. อาณาจกั รเขมรเสอื่ มอำนาจลง ง. ความก้าวหนา้ ในเทคโนโลยีการถลงุ เหล็ก 70 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

6. ขอ้ ใดคือหลกั ฐานทใ่ี ห้ความรู้เกย่ี วกับอัตชวี ประวัตขิ องสมเด็จพระมหาเถรศรีศรทั ธา ราชจฬุ ามนุ ี ก. จารกึ วดั ศรีชุม ข. จารกึ พอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช ค. ตำนานเมืองเงนิ ยางเชยี งแสน ง. พงศาวดารหริภุญไชย 7. เมืองทีเ่ จริญรงุ่ เรอื งในบรเิ วณลมุ่ แมน่ ำ้ ปา่ สกั คอื เมอื งใด ก. เมอื งทุง่ ยง้ั จังหวดั อตุ รดติ ถ ์ ข. เมืองสองแคว จงั หวัดพิษณโุ ลก ค. เมืองเชลียง จังหวัดสโุ ขทยั ง. เมืองศรเี ทพ จงั หวัดเพชรบรู ณ์ 8. อาณาจกั รที่ย่งิ ใหญท่ างตะวันตกของสุโขทยั หมายถงึ ข้อใด ก. พุกาม ข. อยธุ ยา ค. เขมรโบราณ ง. มอญโบราณ 9. เมอื งพระบางตัง้ อยูใ่ นบรเิ วณจังหวดั ใดในปจั จบุ นั ก. นครสวรรค ์ ข. อตุ รดิตถ์ ค. พษิ ณุโลก ง. กำแพงเพชร 10. สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถของอยุธยาทรงมคี วามสมั พนั ธ์กบั กษตั ริย์องคใ์ ดของสุโขทยั ก. พ่อขนุ ศรีนาวนำถมุ ข. พระมหาธรรมราชาที่ 2 ค. พระมหาธรรมราชาที่ 4 ง. สมเด็จพระมหาเถรศรศี รทั ธาราชจฬุ ามนุ ี เฉลย 1. ง 2. ง 3. ค 4. ก 5. ก 6. ก 7. ง 8. ก 9. ก 10. ข 71 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดท่ี 2 ศลิ าจารึกและกำเนดิ อกั ษรไทย ความสอดคล้องกบั หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 การศกึ ษาเอกสารประกอบสอ่ื Virtual Field Trip ประวัติศาสตรส์ โุ ขทัย ชดุ ที่ 2 ศลิ าจารกึ และกำเนิดอกั ษรไทย นักเรียนจะได้รับความรซู้ ึ่งสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้วี ัด ช้นั ปี ดังน ี้ § ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลา และยุคสมัยทางประวัติศาสตร ์ สามารถใช้วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์มาวเิ คราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ ม.1/ส 4.1 ข้อ 3 นำวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์มาใชศ้ กึ ษาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร ์ § ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภมู ใิ จ และธำรงความเป็นไทย ม.1/ส 4.3 ขอ้ 2 วิเคราะห์พัฒนาการของอาณาจกั รสุโขทัยในดา้ นต่าง ๆ ม.1/ส 4.3 ข้อ 3 วิเคราะห์อิทธิพลของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยสมัยสุโขทัย และสงั คมไทยในปจั จุบนั 72 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

PRE-TEST ชดุ ที่ 2 ศิลาจารึกและกำเนดิ อักษรไทย คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถกู ต้องทีส่ ุดเพียงข้อเดียวลงในกระดาษคำตอบ 1. จารกึ ท่ีเกา่ แกท่ ่ีสดุ ทพ่ี บในดนิ แดนไทยใชร้ ูปแบบตัวอกั ษรแบบใด ก. อกั ษรไทย ข. อกั ษรเขมรโบราณ ค. อักษรมอญโบราณ ง. อักษรปัลลวะของอนิ เดีย 2. ชว่ งเวลาใดท่ดี ินแดนไทยปรากฏหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรก ก. พ.ศ. 1826 ข. พทุ ธศตวรรษที่ 12 ค. พุทธศตวรรษท่ี 20 ง. ยุคสมยั ทวารวดศี รีอยธุ ยา 3. การพบศิลาจารึกอักษรอินเดีย มอญโบราณ เขมรโบราณในดินแดนไทยเป็นหลักฐาน ทีแ่ สดงถงึ อะไร ก. การรับวัฒนธรรมดา้ นภาษาและตัวอกั ษรของคนไทยในดินแดนไทย ข. ดินแดนไทยมีกล่มุ คนหลายชาตหิ ลายภาษาต้ังถ่นิ ฐานอย่ ู ค. การรบั วฒั นธรรมดา้ นภาษา ศาสนา และวฒั นธรรมจากอินเดีย ง. คนไทยใช้อกั ษรอินเดีย มอญโบราณ เขมรโบราณในศิลาจารกึ 4. หลักฐานการจารึกภาษาไทยเป็นครัง้ แรกคอื ขอ้ ใด ก. จารกึ เขาน้อย จังหวัดปราจนี บุร ี ข. จารกึ วดั ศรชี ุม จังหวดั สุโขทัย ค. จารกึ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ง. จารึกพระมหาเถรศรศี รัทธาราชจุฬามนุ ี 5. หลกั ฐานสมัยอยุธยาทีเ่ ปน็ หลักฐานยนื ยนั การประดิษฐอ์ กั ษรไทยในสมยั พ่อขุนรามคำแหง คือข้อใด ก. จารึกวัดศรชี ุม จังหวัดสโุ ขทยั ข. จารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ค. จารึกวดั พระยนื จังหวดั เชยี งใหม ่ ง. หนงั สอื จินดามณีฉบบั สมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศ 73 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

6. จารกึ ท่ฐี านพระพทุ ธรปู วดั เชียงมน่ั จงั หวดั เชียงใหม่ มีลกั ษณะตัวอักษรเปน็ แบบใด ก. อกั ษรฝักขาม ข. อกั ษรพ่อขุนรามคำแหง ค. อกั ษรธรรมของล้านนา ง. อกั ษรไทยสมยั พระยาลิไทย 7. ตัวหนงั สือของชนชาตใิ ดที่ดัดแปลงตวั หนังสอื จนี มาเขียนเปน็ ภาษาของชาตติ น ก. ไทจว้ ง ข. ไทยล้านนา ค. ผ้ไู ทยในญวน ง. เจ้าไทยในตงั เกย๋ี 8. ข้อใดคอื อักขรวิธีลายสอื ไทยสมัยพอ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช ก. สระและพยัญชนะอยใู่ นระดบั เดียวกนั ข. สระบางตวั อย่ขู ้างบน และบางตวั อยขู่ ้างล่างพยัญชนะ ค. ใชพ้ ยัญชนะตัวทเี่ สยี งซำ้ เพยี งตวั เดยี ว ง. วางไมห้ ันอากาศไว้บนตัวสะกดแมก่ งและกน 9. ลักษณะของวรรณยุกตใ์ นลายสือไทยสมัยพอ่ ขุนรามคำแหง คือขอ้ ใด ก. ไม่ปรากฏรปู วรรณยกุ ต ์ ข. มีเพยี งรูปวรรณยุกต์เอกในจารึกหลกั 1 ค. วรรณยุกต์มี 2 รปู คือ เอก และโท ง. รปู วรรณยกุ ตม์ ีครบคือ เอก โท ตรี และจัตวา 10. ใครคอื ผปู้ ระดษิ ฐอ์ ักษรอรยิ กะ ท่ีวางสระและพยญั ชนะอยู่บรรทัดเดียวกนั ก. พอ่ ขนุ มงั ราย ข. พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช ค. พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ง. จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม เฉลย 1. ง 2. ข 3. ข 4. ค 5. ง 6. ค 7. ก 8. ก 9. ค 10. ค 74 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชดุ ที่ 2 ศลิ าจารึกและกำเนดิ อกั ษรไทย 1. ตวั อกั ษรโบราณในดนิ แดนไทย การขุดคน้ ท่ีแหลง่ โบราณคดบี า้ นเชยี ง อำเภอหนองหาน จงั หวดั อดุ รธานี จารกึ เยธมมฺ าฯ บนแผน่ อฐิ จารึกดว้ ยอกั ษรปลั ลวะ พบท่ีบา้ นท่ามว่ ง อำเภออ่ทู อง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งเหมาะสมกับการตั้งถ่ินฐานของมนุษย์มาต้ังแต่ โบราณ รวมทั้งทำเลท่ีต้ังอยู่บนเส้นทางการติดต่อระหว่าง 2 อารยธรรม คือ จีน และอินเดีย ที่ม ี ความเจริญรุ่งเรืองสูง ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนความเจริญของชุมชนโบราณในดินแดนไทย ก่อนที่จะ ปรากฏหลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษรขึ้นในศิลาจารึก ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร ์ ที่ปรากฏตวั หนังสือท่เี กา่ แก่ทส่ี ุดของไทย มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 11 - 12 จารึกรุ่นแรก ๆ ที่พบในประเทศไทย เป็นจารึกท่ีใช้อักษรปัลลวะของประเทศอินเดีย กล่าวถึงหลกั ธรรมในพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ด ู ทมี่ าของภาพ : ศิลปากร, กรม. โบราณคดีและประวัตศิ าสตรเ์ มอื งสุพรรณบุร.ี หนา้ 65. 75 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ศิลาจารึกท่ีเก่าแก่ท่ีสุด โดยระบุปีที่สร้างขึ้นไว้ด้วยคือ จารึกเขาน้อย พบท่ีเขาน้อย อำเภอ อรญั ประเทศ จงั หวัดปราจนี บรุ ี จารกึ ขึ้นในปี พ.ศ. 1180 นับเป็นหลกั ฐานท่ีแสดงวัฒนธรรมการใช้รปู แบบ ตัวอักษรท่ีปรากฏบนดินแดนไทยเป็นคร้ังแรก และจารึกอีกหลายหลักจารึกด้วยอักษรปัลลวะเป็นภาษา บาลี - สันสกฤต ภาษามอญโบราณ และเขมรโบราณ พบในบริเวณภาคกลางของไทย เช่น กาญจนบุรี เพชรบรุ ี นครปฐม ชยั นาท ลพบุรี และนครสวรรค์ ในบรเิ วณภาคใต้ เช่น ปัตตานี นครศรธี รรมราช และสรุ าษฎร์ธาน ี และในบรเิ วณทางภาคตะวันออกและตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เชน่ ปราจนี บุรี และบรุ รี มั ย ์ ในราวพทุ ธศตวรรษท่ี 14 - 16 พบจารกึ เป็นอกั ษรและภาษาเขมรโบราณในภาคกลาง ภาคตะวนั ออก เฉียงเหนือ และภาคใต้ ส่วนในภาคเหนือพบจารึกที่ใช้อักษรและภาษามอญโบราณในเขตจังหวัดลำพูน มอี ายุราวพทุ ธศตวรรษท่ี 17 ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 17 - 18 พบศิลาจารึกที่ใช้อักษรและภาษาเขมรจำนวนมาก ในดินแดนไทย แสดงถึงอำนาจและอิทธิพลของอาณาจักรเขมรได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของเขมร ดังปรากฏหลักฐานเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรม รูปแบบเขมรในดินแดนต่าง ๆ ของประเทศไทย เช่น วัดศรีสวาย จังหวัดสุโขทัย พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินวัดกำแพงแลง จังหวัดเพชรบุรี ปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ท่ีสำคัญคือในพุทธศตวรรษที่ 18 ซ่ึงเป็นช่วงเวลาท่ีมีหลักฐานชัดเจนว่า กลุ่มชาติไทยได้ต้ังบ้านเมือง ได้อย่างมั่นคง หลายแห่งในดินแดนไทยน้ีได้พบศิลาจารึกท่ีจารึกด้วยอักษรและภาษาเขมร และมีภาษาไทย ปะปนอยดู่ ว้ ยไม่มากนกั ได้แก่ จารกึ ดงแมน่ างเมอื ง จังหวดั นครสวรรค์ พ.ศ. 1710 จารกึ หลงั พระพทุ ธรูปนาคปรก จังหวดั ลพบุรี พ.ศ. 1756 ส่วนจารึกทีค่ นไทยทำข้นึ ปรากฏเปน็ ครง้ั แรกในพุทธศตวรรษท่ี 19 คอื ในศิลาจารึกพอ่ ขนุ รามคำแหง จารกึ ด้วยอักษรไทย และภาษาไทย หลักฐานการใช้ตัวอักษรในจารึกที่พบในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าดินแดนในประเทศไทย ตัง้ แต่พุทธศตวรรษท่ี 11 - 12 เปน็ ต้นมา มีกล่มุ ชนหลายเช้ือชาติ หลายศาสนาอาศยั อยู่ โดยรบั วัฒนธรรม ทางด้านตัวหนังสือจากอินเดีย ซ่ึงเข้ามาพร้อมกับการค้าและการเผยแผ่ศาสนา จารึกที่ทำคร้ังแรกใน ดินแดนไทยยังคงใช้รูปแบบตัวอักษรปัลลวะของอินเดีย ต่อมาชาวพ้ืนเมืองในไทยจึงได้ดัดแปลงรูปแบบ ตัวอักษรให้สอดคล้องเหมาะกับภาษาของตน ดังนั้น จึงปรากฏรูปแบบตัวอักษรและภาษาเป็นมอญโบราณ และเขมรโบราณ ส่วนคนไทยนั้นคงต้ังถิ่นฐานในดินแดนไทยมาช้านานแล้ว แต่อยู่ปะปนกับชนชาติอ่ืน เช่น ขอม มอญ และตั้งถ่ินฐานกระจัดกระจายอยู่ท่ัวไป โดยยังมิได้รวมตัวเป็นปึกแผ่น หรือเป็นผู้นำในการปกครอง จนกระท่ังพุทธศตวรรษที่ 19 จึงได้ปรากฏหลักฐานข้ึน อักษรและภาษาไทยในศิลาจารึกจึงเป็นหลักฐาน ยืนยนั การสถาปนาอาณาจกั รไทยดงั ได้กลา่ วแลว้ 76 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

บรรณานุกรม ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรท่ี 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เรื่องสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่ม 16. กรุงเทพฯ : โครงการสารานุกรมไทย สำหรบั เยาวชน, 2548. 77 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดที่ 2 ศิลาจารกึ และกำเนดิ อกั ษรไทย 2. กำเนิดลายสือไทย โดยท่ัวไปทุกกลุ่มชาติพันธุ์ เม่ือตั้งถ่ินฐานอยู่ ณ ที่ใด ก็มักจะใช้ภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ ของชาติตนสื่อสารซ่ึงกันและกัน กลุ่มชาติพันธุ์ไทยก็เช่นกัน ดังน้ัน จึงปรากฏการใช้ภาษาไทย ในกลุ่มคนไทยท่ีกระจายอยู่ในบริเวณทางใต้ของจีนทางรัฐอัสสัมของอินเดีย และในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ น้ัน คงจะใช้ตัวอักษรที่ใช้กันอยู่ในรัฐนั้นซึ่งมีมาก่อน เช่น อักษรปัลลวะของอินเดีย อักษรมอญโบราณ ขอมโบราณ ตราบจนคนไทยสามารถต้ังบ้านเมือง ได้ม่ันคง และมอี ำนาจปกครองตนเองแล้ว จงึ ได้คดิ ประดษิ ฐ์ตวั หนังสอื ไทยขึ้น เม่ือ พ.ศ. 1826 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์ตัวหนังสือไทยท่ีทรงเรียกว่า “ลายสือไทย” ขึ้น ทั้งพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวเลขไทย และโปรดให้ใช้รปู แบบตัวอักษรและ อักขรวิธีลายสือไทยจารึกลงในแท่นหิน ซ่ึงเปรียบเสมือนพระราชโองการประกาศให้สาธารณชน รบั ทราบ ปจั จุบนั เรยี กแท่นหินนั้นวา่ ศลิ าจารึกหลกั ท่ี 1 หรอื จารกึ พ่อขุนรามคำแหง ถอื เป็นหลักฐาน การจารึกอกั ษรไทยครั้งแรก ทเี่ ปน็ หลักฐานทางประวัตศิ าสตร์สมยั สโุ ขทยั ท่หี ลงเหลืออยจู่ นถงึ ปจั จุบนั ขอ้ ความบางส่วนในศลิ าจารกึ พ่อขุนรามคำแหง ความวา่ “ เมื่อก่อนลายสอื ไทยนี้บม่ ี 1205 ศกปีมะแม1 พอ่ ขุนรามคำแหง หาใคร่ใจในใจ แลใสล่ ายสือไทยนี ้ ลายสือไทยนจี้ งึ มเี พือ่ ขนุ ผู้นั้นใส่ไว้ ” ศลิ าจารกึ พ่อขนุ รามคำแหง ทีม่ าของภาพ : คณะกรรมการจดั พมิ พเ์ อกสารทางประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม และโบราณคดี, สำนักนายกรัฐมนตรี. ประชุมศิลาจารกึ ภาคท่ี 1. หนา้ 12. 1 1205 ศกปีมะแม หมายถงึ มหาศักราช 1205 ซ่ึงเป็นศกั ราชท่สี ุโขทัยนิยมใชเ้ ทา่ กบั พ.ศ. 1826 78 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

การประดิษฐ์ตัวหนังสือไทยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัยเป็น พระเกียรติคุณท่ีได้รับการยอมรับในกลุ่มชาติพันธ์ุไทยด้วยกัน ดังปรากฏในเอกสารของอาณาจักรอยุธยา เช่น หนังสือจินดามณี (ฉบับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ซึ่งเป็นหนังสือเรียนภาษาไทยเล่มแรกของไทย มีข้อความว่า “อน่ึง มีในจดหมายแต่ก่อนว่า ศักราช 645 มแมศก1 พญาร่วงเจ้าได้เมืองศรีสัชนาไลย ได้แต่งหนังสือ และจะได้แต่งรปู กด็ ี แต่งแม่อกั ษรกด็ มี ไิ ดว้ า่ ไวแ้ จง้ ” หลักฐานดังกล่าวเป็นเคร่ืองสนับสนุนชัดเจนว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นผู้ให้กำเนิด ลายสือไทยข้ึน ในการน้ี ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ราชบัณฑิตและผู้เชี่ยวชาญการอ่านจารึกโบราณ ได้อธบิ ายว่า “ในชั้นแรกเม่ือคนไทยมิได้เป็นชนชั้นปกครอง ก็จำเป็นจะต้องเรียน ตัวหนังสือท่ีทางราชการบ้านเมืองใช้อยู่ เพื่ออ่านประกาศของทางราชการ ให้เขา้ ใจ ถ้าจะประดิษฐต์ วั หนงั สอื ขน้ึ ใชเ้ อง จะไปบงั คบั ใครให้มาเรยี นหนงั สือ ดังกล่าว เมื่อใดคนไทยได้เป็นชนช้ันปกครองขึ้น ก็น่าจะดัดแปลงหนังสือ ท่ีใช้กันอยู่ในถ่ินน้ันมาเป็นตัวหนังสือของไทย เช่น “จ้วง” คนไทยในเมืองจีน คงดัดแปลงตัวหนังสือจีนมาใช้ คนไทยในล้านนาคงจะดัดแปลงตัวหนังสือ มอญซึ่งนิยมใช้กันในถ่ินน้ีมาก่อน ส่วนพ่อขุนรามคำแหงมหาราชก็น่าจะ ดดั แปลงตัวหนังสอื ขอม (เขมร) ซงึ่ นยิ มใชก้ ันอยแู่ ถวลุ่มแม่นำ้ เจ้าพระยามาแต่ เดิม แท้จริงน้ันมีเค้าเง่ือนอยู่ในพงศาวดารเหนือว่า พ่อขุนรามฯ ได้ทรงอาศัย นักปราชญ์ราชบัณฑิตท่ีเชี่ยวชาญตัวหนังสือชาติต่าง ๆ ท่ีอยู่ใกล้เคียงไทย ยกเว้นแต่จีนเพราะจีนใช้หลักการเขียนหนังสือเป็นรูปภาพ ผิดกับหลักการเขียน เป็นรูปพยัญชนะ และสระแบบของไทย รูปอักษรของพ่อขุนรามคำแหงคล้าย ตวั หนงั สือลงั กา บงั คลาเทศ ขอม และเทวนาครี ฯลฯ” ลายสือไทยในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ส่งผลให้ชาวไทยทุกกลุ่มได้จดบันทึกและ เผยแพร่ความรู้สรรพสาขาวิชาต่าง ๆ สืบต่อกันมาได้ นับเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยท่ีได้สร้างสรรค ์ “ภาษาไทย” เปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยสืบต่อมาจนถงึ ปัจจบุ นั น ี้ 1 645 มแมศก หมายถึง จุลศักราช 645 ซงึ่ เป็นศกั ราชท่ีอยธุ ยานิยมใช้ เท่ากับ พ.ศ. 1826 79 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

บรรณานกุ รม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรที่ 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เร่ืองสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. . สำนักหอสมุดแห่งชาติ. ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนราม คำแหง. กรุงเทพฯ : รงุ่ ศิลปก์ ารพิมพ,์ 2547. 80 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชดุ ท่ี 2 ศิลาจารึกและกำเนิดอักษรไทย 3. ลายสอื ไทยกับตัวอกั ษรไทยของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ไุ ท เน่ืองจากชนชาติท่ีพูดภาษาไท แพร่กระจายอยู่ในดินแดนหลายประเทศทางตอนใต้ของจีน แคว้นอัสสัมของอินเดีย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในดินแดนไทย พม่า เวียดนาม และลาว ซ่ึงปรากฏหลักฐานว่าไทยทุกเผ่าเริ่มบันทึกประวัติศาสตร์ในเวลาใกล้เคียงกัน ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีการพบจารึกภาษาไทยท่ีมีอายุเก่ากว่า จารกึ พอ่ ขนุ รามคำแหงเลยไม่วา่ จะเป็นจารึกในรปู ลกั ษณะใดทงั้ สิ้น ดังนั้น เม่ือพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1826 นั้น ลายสอื ไทยกไ็ ด้แพร่หลายในหม่กู ลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุไททตี่ งั้ ถน่ิ ฐานบา้ นเมือง ณ ทตี่ ่าง ๆ เช่น อาณาจักรล้านนา โดยพระมหาสุมนเถร ได้นำพุทธศาสนานิกายรามัญวงศ์หรือนิกาย ลังกาวงศ์เก่าเข้าไปในล้านนา เมื่อ พ.ศ. 1912 ก็ได้นำตัวหนังสือไทยของพ่อขุนรามคำแหง เข้าไปเผยแพร่ด้วย ต่อมาตัวหนังสือไทยได้เปล่ียนรูปและอักขรวิธีไปบ้างกลายเป็นอักษรตัวฝักขาม ปรากฏในจารึกวดั พระยนื พ.ศ. 1914 และจารกึ วดั พระสวุ รรณมหาวหิ าร จังหวดั เชยี งราย พ.ศ. 1954 เมืองเชียงตุง และเมืองในประเทศพม่า มีศิลาจารึกอักษรฝักขามที่ดัดแปลงจากลายสือไทยของ พ่อขนุ รามคำแหง ปรากฏในศลิ าจารึกหลายหลกั ประเทศลาว มีจารึกที่ผนังถ้ำนางอันตั้งอยู่ใกล ้ เมืองหลวงพระบาง จารึกด้วยตัวอักษรสุโขทัยในสมัย พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลไิ ทย) ส่วนจารกึ หลักอ่ืน ๆ ก็ใช้ตัวอักษรท่ีเปลี่ยนรูปร่างและอักขรวิธีจากลายสือไทย ของพ่อขุนรามคำแหง เป็นอักษรลาวหรืออักษรไทยน้อย จากน้ันจึงเปล่ียนแปลงเป็นตัวอักษรไทขาว ไทแดง เจ้าไท ผูไ้ ท ในเวยี ดนาม จารึกวัดพระยนื ทม่ี าของภาพ : คณะกรรมการจัดพมิ พเ์ อกสารทางประวตั ิศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี, สำนักนายกรฐั มนตรี. ประชมุ ศลิ าจารึกภาคที่ 1. หนา้ 84. 81 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ส่วนตวั หนงั สือไทของกลุ่มชาตพิ ันธอุ์ ่ืน ๆ ที่ปรากฏหลักฐานชดั เจน ได้แก ่ 1. อักษรธรรมของอาณาจักรล้านนา พ่อขุนมังรายแห่งอาณาจักรล้านนา ได้ทรงประดิษฐ์ ตัวอักษรธรรมขึ้นจากการดัดแปลงอักษรมอญ เพ่ือใช้เขียนภาษาไทย ซึ่งปรากฏหลักฐานในจารึก ท่ีฐานพระพุทธรูปวัดเชียงหมั้น จังหวัดเชียงใหม่ เม่ือ พ.ศ. 2008 และจารึกลานทอง วัดมหาธาตุสุโขทัย พ.ศ. 1919 ท่ใี ชต้ ัวอกั ษรธรรม ภาษาบาลี ตัวอักษรธรรมของอาณาจักรล้านนาได้แพร่ขยายไปยังดินแดนต่าง ๆ ท่ีล้านนาแผ่ขยาย อำนาจไปถึง เช่น ชาวไทยวน ไทเขิน และไทล้ือท่ีสิบสองพันนา ใช้ตัวหนังสือที่ดัดแปลงจากอักษรธรรม ของล้านนา ส่วนลาวก็ใช้ตัวอักษรธรรมสำหรับจารเร่ืองราวทางศาสนา และใช้อักษรลาวหรือไทยน้อยจาร เรื่องราวเกีย่ วกับทางโลก 2. อักษรไทอาหม ไทอาหมในอินเดียก็ได้ประดิษฐ์ตัวอักษรข้ึนใช้เช่นกัน โดยมีหลักฐานจาก ตำนานว่า ขณะที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในรัฐอัสสัมน้ัน ไทอาหมมีตัวอักษรของตนอยู่แล้ว แต่ไม่ปรากฏ หลักฐานเป็นจารึกยืนยนั ชัดเจน ส่วนไทเผ่าอ่ืน ๆ เช่น ไทจ้วงในมณฑลกวางสี ประเทศจีน ได้ดัดแปลงตัวอักษรจีนใช้เขียน ภาษาไทจ้วง แสดงให้เห็นว่าเม่ือคนไทยังอยู่ในดินแดนทางตอนใต้ของจีนน้ันยังไม่ได้มีการประดิษฐ์ ตัวอักษรไทยขึ้นใช้มาก่อนเลย ลายสือไทยและตัวอักษรไทเผ่าต่าง ๆ กำเนิดขึ้นภายหลังท่ีชนชาติไทย ต้ังถิ่นฐานได้อยา่ งมัน่ คงแล้ว บรรณานกุ รม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม: มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรที่ 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เรื่องสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. . สำนักหอสมุดแห่งชาติ. ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนราม คำแหง. กรงุ เทพฯ : รงุ่ ศิลปก์ ารพิมพ์, 2547. 82 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดที่ 2 ศิลาจารกึ และกำเนดิ อกั ษรไทย 4. คุณคา่ ของลายสือไทย ลายสือไทยท่ีพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งสุโขทัยประดิษฐ์ขึ้นน้ี นอกจากจะแสดงถึง ความเป็นเอกราชของชาติไทย และเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแล้ว ลายสือไทยยังมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากตัวอักษรของชาติอ่ืน ๆ ที่รับวัฒนธรรมจากอินเดีย เช่น อักษรเขมรและอักษรมอญ ทีใ่ ช้กนั อย่างแพรห่ ลายในภูมิภาคน้ี 1. พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์ตัวพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์เอกและโท ซ่งึ ทำให้เขียนคำไทยไดท้ กุ คำสอดคล้องกับเสยี งพดู ของคนในชาติ 2. อักขรวิธีของลายสือไทยสามารถเขียนคำให้อ่านข้อความได้ถูกต้อง ไม่กำกวม คือ คำควบกล้ำให้เขียนติดกัน ส่วนตัวสะกดใหเ้ ขยี นห่างออกไป 3. เขียนสระและพยัญชนะอยู่ในระดับเดียวกับแบบตัวอักษรของชาติตะวันตกทั้งหลาย ทำให้ประหยัดเวลาและกระดาษ 4. พยัญชนะทุกตัวเขียนเรียงอยู่บรรทัดเดียวกัน ซ่ึงแตกต่างจากตัวหนังสือของเขมร มอญ พมา่ และไทยใหญ่ ทำให้สะดวกตอ่ การเขยี น โดยเฉพาะการคดิ แบบเคร่ืองพิมพด์ ีด และการพิมพ์หนังสอื ปจั จบุ นั 5. ตัวอกั ษรทกุ ตวั สงู เทา่ กนั หางของตวั อกั ษรบางตัว เช่น ศ ส กข็ ดี ออกไปข้าง ๆ หางของ ป และ ฝ สูงกวา่ ตัวอกั ษรตวั อื่น ๆ เพียงเลก็ น้อย สระทกุ ตวั สูงเทา่ กบั พยญั ชนะ รวมทั้งสระ โอ ใอ และไอ 6. ตัวอักษรไทยเขียนได้ง่ายและรวดเร็ว พยัญชนะแต่ละตัวเขียนเชื่อมต่อเป็นเส้นเดียวตลอด ในขณะที่ตัวหนงั สือเขมรต้องเขียนสองหรอื สามเสน้ ตอ่ พยญั ชนะหนึ่งตัว 7. การประดิษฐร์ ูปวรรณยุกตข์ ้ึนทำให้สามารถอา่ นความหมายของคำไดถ้ ูกตอ้ ง ปัจจุบันตัวหนังสือไทยได้เปลี่ยนแปลงจากลายสือไทยท่ีพ่อขุนรามคำแหงประดิษฐ์ข้ึนมาก ทั้งรูปแบบตัวอักษรและอักขรวิธี เช่น นำสระข้ึนไปใช้ข้างบนและข้างล่างตามความเคยชินกับวิธีเขียน ตามแบบเขมร บรรณานกุ รม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. ศิลปากร, กรม. สำนักหอสมุดแห่งชาติ. ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนราม คำแหง. กรุงเทพฯ : รงุ่ ศลิ ป์การพมิ พ,์ 2547. 83 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชดุ ท่ี 2 ศลิ าจารกึ และกำเนดิ อกั ษรไทย 55.. ววิ ัฒนาการของอกั ษรไทย จากสุโขทัยสูอ่ ยุธยา ธนบุรี และรตั นโกสนิ ทร ์ รูปแบบตัวอักษรและอักขรวิธีลายสือไทยที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐ์ข้ึน และ ปรากฏในจารึกพ่อขุนรามคำแหงหรือศิลาจารึกหลักท่ี 1 ของจารึกอักษรไทย ภาษาไทยซ่ึงถือว่า เปน็ รูปแบบของตวั อักษรและวธิ ีเขียนหนังสอื ไทยในปัจจุบนั ลกั ษณะอกั ษรและอักขรวิธลี ายสือไทยในศลิ าจารึกหลกั ท่ี 1 ทีส่ ำคญั ได้แก ่ 1. ตัวอักษรแต่ละตัวมีลักษณะเป็นอักษรตัวตรง รูปอักษรอยู่ในทรงเหล่ียม อาจเรียกได้ว่า อกั ษรตวั เหลย่ี ม 2. ตวั พยัญชนะไทยทปี่ รากฏในจารึกหลกั ท่ี 1 มีเพยี ง 39 ตัว (ตัวพยญั ชนะไทยในปจั จบุ นั มีท้ังหมด 44 ตัว ขาดตัว ฌ ฑ ฒ ฬ ฮ) ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ได้อธิบายว่า เช่อื วา่ อักษร ฌ ฑ ฒ ฬ จะมใี ชอ้ ยแู่ ลว้ ดงั ได้พบตัวอักษร ฌ ปรากฏในจารึกหลักท่ี 2 พ.ศ. 1921 - 1931 อกั ษร ฬ ปรากฏในจารึกวดั อโสการาม พ.ศ. 1942 อักษร ฬ ปรากฏในจารึกวดั บรู พาราม พ.ศ. 1956 อักษร ฑ พบในจารึกแผ่นหินวังจันทรเกษม พ.ศ. 2298 ส่วนอักษร ฮ คงเกิดข้ึนใหม่ ปรากฏคร้ังแรก ในนนั โทปนันทสตู ร พ.ศ. 2279 3. วรรณยุกต์มี 2 รปู คอื เอก และโท 4. กำหนดให้วางรปู สระและพยญั ชนะอยู่ในบรรทดั เดยี วกัน 5. สระในสมัยพ่อขนุ รามคำแหงมหาราชมี 20 ตวั ประกอบด้วย สระท่วี างอยู่หน้าพยญั ชนะ คือ อิ อี อึ อื อุ อู เอ แอ โ_ ใ_ ไ_ สระทว่ี างอย่หู ลังพยัญชนะ คือ อะ อา อำ อวั ออ และรูปประสมของสระทีว่ างไวข้ า้ งหนา้ และขา้ งหลงั อกี 5 ตัว คอื แอะ เอีย เอือ เออ เอา อักษรไทยในสมยั พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไทย) ตอ่ มาประมาณ 50 - 70 ปี ลกั ษณะของตัวอักษรไดเ้ ปลี่ยนไป ทสี่ ำคญั คอื การเปล่ยี นแปลง วิธีการวางรูปสระไว้ข้างบนและข้างล่างรูปพยัญชนะ ตามอย่างอักขรวิธีที่เคยใช้ในภาษาเขมร แตอ่ กั ษรบางตวั ก็ยังคงรักษาแบบฉบบั ตามอักษรลายสือไทยไว้ไม่เปลย่ี นแปลง นอกจากน้ี ในจารึกสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี 1 หลังปี พ.ศ. 1900 เป็นต้นมา ได้เริ่มใช ้ ไม้หันอากาศ โดยวางไว้ข้างบนตัวสะกด ทั้งนี้ รูปแบบการเขียนคำในสมัยนี้ได้วางพยัญชนะต้น สระ และตัวสะกดเว้นช่องไฟเท่า ๆ กัน และตัวอักษรควบก็เขียนแยกจากกัน ซึ่งแตกต่างจากวิธีเขียน ในสมยั พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช 84 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

อักษรไทยในสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชแห่งอยธุ ยา รูปแบบตัวอักษรและอักขรวิธีของภาษาไทย ได้วิวัฒนาการต่อมาจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ของอาณาจักรอยุธยา ตัวอักษรไทยในสมัยน้ันมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับ ตัวอักษรไทยในปจั จบุ ันมาก ท้ังนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสรฐิ ณ นคร อธิบายเพิม่ เติมว่า “เข้าใจว่าเม่ือมีผู้แต่งหนังสือจินดามณีข้ึนเป็นหนังสือแบบเรียน ในสมัยอยุธยา ทำให้หนังสือแพร่หลายไปสู่ประชาชนโดยทั่วไป หนังสือ แบบเรียนช่วยให้รูปแบบของตัวหนังสือคงตัวอยู่ รูปตัวอักษรจึงเปล่ียนแปลง ต่อไปอีกน้อยมาก” อักษรอรยิ กะของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั แหง่ รัตนโกสินทร ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงประดิษฐ์อักษรอริยกะข้ึน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2390 เพ่ือใช้เขียนภาษาบาลี โดยพระองค์ทรงนำสระมาอยู่บรรทัดเดียวกับพยัญชนะ และเขียนสระ ทุกตัวไว้หลังพยัญชนะ และเม่ือข้ึนต้นประโยคจะใช้อักษรตัวใหญ่แบบเดียวกับภาษาอังกฤษ แต่ตัวหนังสือ อริยกะมไิ ดแ้ พร่หลายไปถงึ ประชาชนสว่ นใหญ่ อักษรไทยสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายหลังการเปล่ียนแปลงการปกครองเป็นระบอบ ประชาธปิ ไตย เมื่อ พ.ศ. 2485 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีของไทยในสมัยน้ันได้ปฏิรูปวิธีเขียน หนังสือไทยให้สะดวกและงา่ ยข้ึน โดยตดั พยญั ชนะทเ่ี สยี งซ้ำกนั ออก เชน่ - ศ ษ ส ให้ใช้ ส เพยี งตัวเดียว เช่น ศกึ ษา เปน็ สึกสา - ใช้คำสะกดตวั เดียว เชน่ สมเด็จ เป็น สมเดด็ - การใช้คำควบกลำ้ ให้เขียนตามเสียงสะกด เช่น ทรง เปน็ ซง แตป่ ระชาชนไม่นยิ มจึงเลกิ ไป เม่ือ พ.ศ. 2488 85 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ตวั อยา่ งรูปลักษณะตัวอกั ษรทมี่ ีวิวัฒนาการถงึ ปัจจบุ ัน ตวั พยัญชนะ สมยั สมยั ววิ ฒั นาการและหลกั ฐานที่ปรากฏ ปัจจบุ นั พ่อขุนรามคำแหง พระยาลไิ ทย (หลัก 44 พ.ศ. 1916) (สนธสิ ัญญาไทย - ฝรง่ั เศส พ.ศ. 2231) (หลัก 115 พ.ศ. 2228) (นันโทปนันทสตู ร พ.ศ. 2279) (หลกั 2 บรรทดั ท่ี 93 และ 95 พ.ศ. 2231) (สนธสิ ญั ญาไทย - ฝร่งั เศส พ.ศ. 2231) (หลกั 15 พ.ศ. 2052) (หลัก 15 พ.ศ. 2052) บรรณานุกรม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรที่ 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เรื่องสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. . สำนักหอสมุดแห่งชาติ. ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนราม คำแหง. กรุงเทพฯ : รุ่งศิลป์การพิมพ,์ 2547. 86 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดที่ 2 ศิลาจารึกและกำเนิดอกั ษรไทย 6. ศลิ าจารึกสโุ ขทัยหลักที่ 1 จารกึ พอ่ ขนุ รามคำแหง จารึกพ่อขุนรามคำแหงเป็นศิลาจารึก หลักแรกท่ีจารึกด้วยอักษรไทย ภาษาไทย และอักขรวิธีลายสือไทยที่พ่อขุนรามคำแหง ไดป้ ระดษิ ฐ์ข้ึน จารกึ หลักนี้มีลักษณะเป็นแทง่ หนิ รูปส่ีเหล่ียมทรงกระโจม ทำจากหินทราย สูง 1 เมตร 11 เซนติเมตร กว้างด้านละ 35 เซนตเิ มตร มขี อ้ ความจารกึ ทงั้ 4 ด้าน จารกึ พอ่ ขนุ รามคำแหง จารึกหลักนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคร้ังทรงผนวชได้เสด็จไปจาริก แสวงบญุ ทีห่ ัวเมืองเหนือ ใน พ.ศ. 2376 ได้พบจารกึ พ่อขุนรามคำแหงทร่ี มิ เนนิ ปราสาท เมอื งเก่าสุโขทยั จึงโปรดให้นำกลับกรุงเทพฯ พร้อมจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาเขมร และพระแท่นมนังศิลาบาตร ปัจจุบัน จารกึ หลกั น้อี ยู่ท่พี พิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติพระนคร พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพากเพียรอ่านจารึกพ่อขุนรามคำแหง ดว้ ยพระองค์เอง และไดแ้ ปลเป็นภาษาอังกฤษพระราชทานแก่เซอร์จอหน์ เบาวร์ งิ (Sir John Bowring) เมื่อ พ.ศ. 2398 ซ่ึงเซอร์จอห์น เบาว์ริง ได้นำตัวอย่างลงพิมพ์ไว้ในหนังสือ “The Kingdom and people of Siam” และคำอ่านจารึกบางตอน ตอ่ มาไดล้ งพมิ พ์ในหนงั สือวชริ ญาณ เมื่อ พ.ศ. 2440 ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศ ใหค้ วามสนใจศกึ ษา ได้มีการแปลเป็นภาษาองั กฤษ ฝรงั่ เศส และเยอรมัน แมว้ า่ จะมนี ักวชิ าการบางคน ตั้งข้อสงสัยว่า จารึกหลักน้ีไม่ได้ทำข้ึนในสมัยสุโขทัย แต่ทำขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ อีกทั้ง ได้มีการอภิปรายโต้แย้งอย่างกว้างขวาง ซึ่งสมาคมโบราณคดีได้เชิญนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ ร่วมการวิเคราะห์ รวมท้ังได้ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบอายุของหินและรอยขีดข่วนบนแผ่นหิน อันเป็นการยืนยันได้ชัดเจนว่า เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในสมัยสุโขทัย อยา่ งแท้จริง นบั เปน็ หลกั ฐานชนั้ ต้นสำหรับการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั ที่มาของภาพ : คณะกรรมการจดั พมิ พเ์ อกสารทางประวตั ิศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี, สำนักนายกรฐั มนตร.ี ประชุมศิลาจารึกภาคท่ี 1. หน้า 13. 87 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

สาระสำคัญของจารึกพ่อขุนรามคำแหง เป็นเรื่องเก่ียวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ทางดา้ นตา่ ง ๆ ของพระองค์ สาระสำคัญ เชน่ พระราชประวตั ิส่วนพระองค ์ “พ่อกูชื่อ ศรีอินทราทิตย์ แม่กูช่ือ นางเสือง พี่กูช่ือ บานเมือง ตูพี่น้องท้องเดียวห้าคน... เมื่อกูข้ึนใหญ่ได้สิบเก้าเข้า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดมาท่เมืองตาก พ่อกูไปรบ ขุนสามชนหัวซ้าย ขุนสามชนขับมาหัวขวา ขุนสามชนเกลื่อนเข้า ไพร่ฟ้าหน้าใสพ่อกู หนีญญ่ายพายจแจ้น กูบ่หนี กูขี่ช้างเบกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู กูต่อช้างด้วยขุนสามชน ตนกูพุ่งช้างขุนสามชนตัวช่ือมาส เมืองแพ้ ขุนสามชนพา่ ยหนี พ่อกจู ึงข้ึนชอ่ื กู ชอ่ื พระรามคำแหง เพอ่ื กพู งุ่ ชา้ งขนุ สามชน...” การทำนบุ ำรุงบา้ นเมอื งให้เจริญรงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ “...เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยน้ีดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบ ในไพลูท่างเพื่อนจูงวัวไปค้า ข่ีม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร ่ ค้าเงือนคา้ ทอง คา้ ไพร่ฟา้ หนา้ ใส...” การปกครองหวั เมอื งในอาณาจักร “...คนใดขี่ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ ช่วยเหนือเฟ้ือกู้ มันบ่มีช้างบ่มีม้า บ่มีป่ัวบ่มีนาง บ่มีเงือนบ่มีทอง ให้แก่มัน ช่วยมันตวงเป็นบ้านเป็นเมือง ได้ข้าเสือกข้าเสือ หัวพุ่งหัวรบก็ดี บฆ่ ่าบ่ต.ี ..” การปกครองไพรฟ่ า้ ประชาชน “...ในปากประตูมีกะดิ่งอันณ่ึงแขวนไว้ห้ัน ไพร่ฟ้าหน้าปกกลางบ้านกลางเมือง มีถ้อย มีความ เจ็บท้องข้องใจ มันจักกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ ไปล่ันกะดิ่งอันท่านแขวนไว้ พ่อขุนราม คำแหงเจา้ เมอื งได้ยินเรยี กเมอื ถาม สวนความแก่มนั ด้วยซอ่ื ไพร่ในเมอื งสุโขทัยน้ีจ่งึ ชม...” สาระสำคัญในศิลาจารึกหลักท่ี 1 กล่าวถึงสภาพของเมืองสุโขทัย เช่น ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ รวมท้งั ไร่ สวน และทน่ี า ถนิ่ ฐานท่อี ยอู่ าศยั และชาวสุโขทยั ทีม่ ีศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา รวมทง้ั การสรา้ ง ขดานหิน หรือ “มนังศิลาบาตร” สำหรับการออกว่าราชการในวันธรรมดา และสำหรับพระภิกษุอบรม ประชาชนในวนั พระและการประดิษฐล์ ายสอื ไทย 88 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

จารึกพ่อขุนรามคำแหง เป็นจารึกสำคัญของชาติไทยที่ให้ความรู้เก่ียวกับความเจริญของไทย ในสมัยสุโขทัย โดยเฉพาะรูปอักษรและอักขรวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย และเป็นแม่แบบของรูปอักษรไทย ที่มีวิวัฒนาการจนถึงทุกวันนี้ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องศิลาจารึกพ่อขนุ รามคำแหงให้ขนึ้ ทะเบยี นเปน็ เอกสารมรดกความทรงจำโลก เม่อื พ.ศ. 2546 บรรณานกุ รม ประเสริฐ ณ นคร. งานจารึกและประวัติศาสตร์. นครปฐม : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน, 2534. วินัย พงศ์ศรีเพียร. อาจารยบูชา : สรรพสาระประวัติศาสตร์ ภาษาและ วรรณกรรมไทย. โครงการวิจัย “100 เอกสารสำคัญเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ไทย” ในความสนับสนุนของสำนักงานกองทุน สนบั สนุนการวจิ ยั (สกว.). กรุงเทพฯ : ศักดิ์โสภา การพมิ พ์, 2552. ศิลปากร, กรม. สำนักงานศิลปากรที่ 6 สุโขทัย. โบราณคดีและประวัติศาสตร์ สุโขทัย : ความรู้เรื่องสุโขทัยใน 4 ทศวรรษ. เอกสารประกอบ การประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, 2546. . สำนักหอสมุดแห่งชาติ. ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนราม คำแหง. กรุงเทพฯ : รงุ่ ศิลป์การพิมพ์, 2547. 89 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

POST-TEST ชดุ ท่ี 2 ศลิ าจารึกและกำเนิดอักษรไทย คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนเลอื กคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดยี วลงในกระดาษคำตอบ 1. อักษรปลั ลวะในจารึกทพ่ี บในดนิ แดนไทยเปน็ รูปแบบตวั อกั ษรจากประเทศใด ก. มอญ ข. เขมร ค. พกุ าม ง. อนิ เดยี 2. หลกั ฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษรไทยทเี่ ก่าแก่ทสี่ ดุ ปรากฏในชว่ งเวลาใด ก. พทุ ธศตวรรษท่ี 12 ข. พุทธศตวรรษที่ 17 ค. พุทธศตวรรษที่ 19 ง. พทุ ธศตวรรษท่ี 20 3. ข้อใดเป็นหลักฐานแสดงว่าดินแดนไทยมีกลุ่มคนหลายชาติหลายภาษาต้ังถิ่นฐานอยู่นานกว่า 700 ปมี าแลว้ ก. รอ่ งรอยการตง้ั บา้ นเมืองของชาตติ ่าง ๆ ในดนิ แดนไทย ข. สังคมไทยเปน็ สังคมพหวุ ัฒนธรรม ค. คนไทยผสมผสานเชื้อชาติ ภาษา และศิลปกรรม ง. พบจารึกอักษรอนิ เดีย มอญ เขมร ในดนิ แดนไทยตัง้ แต่พทุ ธศตวรรษที่ 12 4. ข้อใดแสดงความสำคัญของจารึกพอ่ ขนุ รามคำแหง ก. หลักฐานการจารึกภาษาไทยเป็นครงั้ แรก ข. บันทกึ เรอ่ื งราวเกยี่ วกบั การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทัย ค. หลักฐานการตัง้ ราชวงศพ์ ่อขนุ ศรีนาวนำถมุ ง. ถูกทกุ ข้อ 5. หนังสอื จินดามณีซง่ึ เป็นหนังสือเรยี นภาษาไทยฉบบั แรกของไทยไดร้ ะบวุ ่า พอ่ ขุนรามคำแหง มหาราชประดษิ ฐอ์ ักษรไทยในปใี ด ก. พ.ศ. 1725 ข. พ.ศ. 1826 ค. พ.ศ. 1835 ง. พ.ศ. 1900 90 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

6. ข้อใดเปน็ หลักฐานแสดงวา่ อาณาจกั รล้านนาใช้ตวั อักษรไทยทีด่ ัดแปลง จากลายสอื ไทยของพ่อขุนรามคำแหง ก. จารึกวัดพระยนื จงั หวัดเชยี งใหม ่ ข. จารกึ ท่ผี นังถำ้ นางอัน เมอื งหลวงพระบาง ค. จารกึ ท่ฐี านพระพทุ ธรูปวัดเชียงหมน้ั จังหวัดเชียงใหม ่ ง. จารึกอักษรธรรมของลา้ นนา 7. หลกั ฐานการใช้ตัวอกั ษรธรรมของลา้ นนาในอาณาจักรสุโขทยั คอื ขอ้ ใด ก. จารกึ วดั ศรีชมุ จังหวัดสโุ ขทัย ข. จารึกมหาวิหาร วดั ป่าแดง จังหวัดเชียงใหม่ ค. จารกึ วัดสวุ รรณมหาวิหาร จังหวดั เชยี งราย ง. จารกึ ลานทอง วัดมหาธาตุ จังหวดั สุโขทยั 8. การใช้ไม้หันอากาศวางไวบ้ นตวั สะกดเรมิ่ ในสมัยใด ก. พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช ข. พ่อขุนมังรายมหาราช ค. พระมหาธรรมราชาที่ 1 ง. สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช 9. สมัยใดที่อกั ขรวธิ ลี ายสือไทยเปลี่ยนการวางรปู สระไว้ข้างบนและข้างลา่ ง รูปพยัญชนะ ก. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ข. พอ่ ขนุ มังรายมหาราช ค. พระมหาธรรมราชาท่ี 1 ง. จอมพล ป. พิบลู สงคราม 10. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัวทรงประดิษฐ์อกั ษรไทยแบบใดข้นึ ก. อักษรอริยกะ ข. อกั ษรฝักขาม ค. อักษรธรรม ง. ลายสือไทย เฉลย 1. ง 2. ค 3. ง 4. ก 5. ข 6. ก 7. ง 8. ค 9. ค 10. ก 91 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์

ชุดที่ 3 สังคโลก ความสอดคลอ้ งกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 การศึกษาเอกสารประกอบสื่อ Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์สุโขทัย ชุดที่ 3 สังคโลก นกั เรยี นจะไดร้ ับความรู้ซ่งึ สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั ชั้นปี ดังนี ้ § ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลา และยุคสมัยทางประวัติศาสตร ์ สามารถใชว้ ิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณต์ า่ ง ๆ อยา่ งเปน็ ระบบ ม.1/ส 4.1 ขอ้ 3 นำวธิ ีการทางประวัตศิ าสตรม์ าใช้ศกึ ษาเหตุการณท์ างประวัติศาสตร ์ § ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธำรงความเป็นไทย ม.1/ส 4.3 ขอ้ 2 วิเคราะหพ์ ัฒนาการของอาณาจักรสโุ ขทัยในด้านตา่ ง ๆ ม.1/ส 4.3 ข้อ 3 วิเคราะห์อิทธิพลของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยสมัยสุโขทัย และสังคมไทยในปจั จุบนั 92 Virtual Field Trip ประวัติศาสตร์