Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบสืบพันธุ์

ระบบสืบพันธุ์

Description: ระบบสืบพันธุ์

Search

Read the Text Version

ระบบสืบพันธุ์

ใบความรู้ที่ 5 เรอ่ื ง ระบบสบื พนั ธ์ุ มนุษย์มีการสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศ ซงึ่ เกิดจากการรวมตวั ของเซลลส์ ืบพนั ธ์เุ พศชาย คือ ตวั อสุจกิ บั เซลลส์ บื พันธเ์ุ พศหญงิ คอื เซลลไ์ ข่ ซง่ึ เมื่อเซลล์สืบพนั ธทุ์ ั้งสองเพศ มาปฏิสนธิกันจะได้ไซโกต จากนน้ั จะแบ่ง เซลล์เป็นตัวออ่ นและเจรญิ เติบโตเป็นทารกต่อไป รปู ท่ี 4.1 การสบื พันธุ์ของมนษุ ย์ ทม่ี า : หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อจท 1 โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องอวยั วะในระบบสบื พันธุ์ 1.1 ระบบสบื พนั ธุ์เพศชาย ประกอบด้วยอวยั วะหลายอวัยวะท่ที างานสัมพนั ธ์กนั ดังน้ี รปู ที่ 4.2 โครงสรา้ งระบบสืบพันธเ์ุ พศชาย ทม่ี า : หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อจท ตอ่ มสร้างน้าเลีย้ งอสุจิ (seminal vesicle) ทาหน้าทส่ี ร้างนา้ เลยี้ งอสุจิทม่ี สี ภาพเปน็ เบสอ่อนๆ ประกอบด้วยน้า การเมื่อก กรดอะมโิ น และนา้ ตาลโมเลกลุ เด่ียว ซ่งึ เปน็ อาหารของเซลลอ์ สจุ ิ ตอ่ มคาวเปอร์ (Cowper’s gland) ทาหนา้ ทสี่ ร้างสารหล่อลนื่ ชว่ ยให้เซลล์อสจุ ิเคล่ือนทีไ่ ดร้ วดเร็วขนึ้

หลอดน้าอสุจิ (van deferens) มีลักษณะเปน็ ทอ่ ทาหน้าที่เปน็ ทางผ่านของเซลล์อสจุ ิทสี่ ร้างมาจากอณั ฑะ ต่อมลูกหมาก (prostate gland) ทาหน้าท่หี ลงั่ สารทมี่ ีสมบตั เิ ป็นเบสเพ่ือลดความเป็นกรดในชอ่ งคลอดของเพศหญงิ องคชาติ (penis) เป็นอวยั วะสืบพนั ธภ์ุ ายนอกรา่ งกายซ่งึ เป็นทางผ่านของเซลล์อสุจิออกจากร่างกาย หลอดเกบ็ อสุจิ (epididymis) อยดู่ า้ นบนของอัณฑะ ทาหน้าทีเ่ ก็บเซลล์อสจุ ิทีส่ รา้ งมาจากอัณฑะ ถงุ อัณฑะ (scrotum) ทาหนา้ ทีห่ ่อหุ้มอณั ฑะและปรบั อุณหภูมิของอณั ฑะให้ต่ากว่าอุณหภูมปิ กตขิ องร่างกาย ประมาณ 3 องศาเซลเซียส อัณฑะ (testis) มี 1 คูอ่ ยู่ภายในถุงอัณฑะทาหน้าทผ่ี ลติ ฮอร์โมนเพศชายและสร้างเซลล์อสจุ ิ อสจุ ิของเพศชายประกอบด้วย 3 ส่วนดังน้ี สว่ นหัว ประกอบด้วยนวิ เคลียส ที่บรรจสุ ารพันธุกรรมอยู่ ซ่ึงถกู หวั ห่อหมุ้ ดว้ ยถงุ ที่เรยี กวา่ อะโครโซม (acrosome) และภายในถุงยงั ประกอบด้วยเอนไซม์ ที่ทาหนา้ ทเ่ี จาะเลือดหมุ้ เซลล์ไข่ ลาตวั สว่ นล้าตัว มีลกั ษณะเปน็ ทรงกระบอกยาว ประกอบด้วยไมโทคอนเดรีย หาง ซ่ึงเป็นแหลง่ พลงั งานสาคัญในการเคลือ่ นทีข่ องเซลลอ์ สจุ ิ สว่ นหาง ประกอบด้วย แฟลเจลลมั (flagellum) ชว่ ยการเคลื่อนที่ ของเซลล์อสจุ ิ รูปที่ 4.3 โครงสรา้ งเซลลอ์ สุจิ ท่ีมา : หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี อจท เซลล์อสุจิสร้างจากอัณฑะ และเคล่ือนที่มาเก็บยังหลอดเก็บอสุจิ ซึ่งเป็นแหล่งพัฒนาเซลล์อสุจิ ให้เจริญเติบโตเต็มที่ เม่ือมีการหลั่งอสุจิและเซลล์อสุจิ จะถูกลาเลียงมาตามหลอดนาอสุจิ ไปยังท่อปัสสาวะซึ่ง จะมีการหล่ังของเหลวจากต่อมต่างๆ ได้แก่ อาหารเล้ียงอสุจิจากต่อมสร้างน้าเล้ียงอสุจิ ของเหลวท่ีมีฤทธิ์เป็น เบสอ่อนๆ จากต่อมลูกหมากช่วยลดความเป็นกรดในช่องคลอดของเพศหญิง และของเหลวสาหรับหล่อลื่น ท่อปัสสาวะจากต่อมคาวเปอร์ ของเหลวเหล่าน้ีจะเคล่ือนท่ีมารวมกันกับเซลล์อสุจิ เรียกว่า น้าอสุจิ โดยเพศ ชายจะเรม่ิ สรา้ งเซลลอ์ สจุ ิเมื่ออายปุ ระมาณ 12-13 ปีและจะสรา้ งไปตลอดชีวิต

1.2 ระบบสบื พนั ธเุ์ พศหญิง ประกอบด้วยอวัยวะอวยั วะท่ีทางานสัมพนั ธก์ นั ดังน้ี รูปท่ี 4.4 โครงสร้างระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญิง ที่มา : หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี อจท ท่อน้าไข่หรอื ปีกมดลูก (Oviduct) มีเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 2 มลิ ลิเมตรและยาวประมาณ 6-7 มิลลิเมตรเปน็ ทางเช่ือมต่อระหวา่ งรังไขท่ ้ัง 2 ข้างกบั มดลกู ทาหนา้ ท่เี ปน็ ทางผา่ นของเซลล์ไข่ ทอี่ อกจากรงั ไข่ เข้าสมู่ ดลูกและเปน็ บรเิ วณที่เซลลอ์ สุจจิ ะเข้าปฏสิ นธกิ บั เซลลไ์ ข่ รังไข่ (Ovary) มี 2 อันซึง่ อยู่ด้านขา้ งของมดลกู มลี ักษณะคล้ายเมด็ มะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ 2-3 เซนตเิ มตร หนาประมาณ 1 เซนติเมตร ทาหน้าทผ่ี ลิตเซลลไ์ ข่และฮอร์โมนเพศหญงิ มดลกู (Uterus) มรี ปู รา่ งคล้ายผลชมพหู่ ัวกลบั ลง กวา้ งประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6 - 8 เซนตเิ มตร และหนาประมาณ 2 เซนติเมตร อยู่ในบริเวณองุ้ เชงิ กราน ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก ทาหน้าที่ เปน็ ที่ฝงั ตัวของเซลลไ์ ข่ทไ่ี ดร้ ับการผสม แล้วและเป็นที่เจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ชอ่ งคลอด (Vagina) อยู่ตอ่ จากมดลูกลงมา ประกอบด้วยกลา้ มเนอื้ เรียบตามขวาง สามารถยืดหยนุ่ ไดม้ ีหลอด เลอื ดและเสน้ ประสาทมาเล้ยี งจานวนมาก ชอ่ งคลอดทาหนา้ ทท่ี างผ่านของเซลลอ์ สจุ ิเข้าสู่มดลูก และเป็น ทางออกของทารกเม่อื ครบกาหนดคลอด

การตกไข่ เซลล์ไขท่ ี่เจรญิ เต็มที่และพร้อมทีจ่ ะไดร้ บั การผสม เรยี กว่า “ไข่สุก” ซึง่ จะเคลื่อนทจี่ ากรังไข่เข้าสู่ปีก มดลกู เรยี กกระบวนการน้ีวา่ “การตกไข่ (Ovulation)” โดยปกติเพศหญงิ ที่อยใู่ นวัยเจริญพันธุ์จะตกไข่เดือนละ 1 เซลลซ์ ึ่งในขณะที่รงั ไข่สร้างไข่และตกไขผ่ นัง ด้านในของมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลง เมอื่ เซลลไ์ ขส่ ุกจะตกจากรงั ไข่เขา้ สูท่ อ่ นาไข่ เซลล์ไขเ่ จริญและพฒั นาอยใู่ นรงั ไข่ หากเซลล์ไขไ่ ม่ถูกปฏิสนธจิ ะ เซลล์ไขเ่ คลอื่ นไปยังผนงั มดลูกทหี่ นาตวั เพอ่ื สลายตัว ผนงั มดลกู และหลอด เตรียมพร้อมรับการฝังตัว เลอื ดหลุดกลายเปน็ ประจ้าเดือน รปู ที่ 4.5 ข้นั ตอนการตกไข่ ทีม่ า : หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อจท 2 ฮอรโ์ มนเพศ ฮอร์โมนเพศ เปน็ สารเคมีท่ีรา่ งกายสรา้ งขน้ึ ทาหน้าที่ควบคุมการสร้างเซลล์สบื พนั ธ์ุ ได้แก่ เซลลอ์ สจุ ขิ อง เพศชาย และเซลล์ไข่ ของเพศหญิง รวมทัง้ ควบคมุ การเปลี่ยนแปลงลกั ษณะทางรา่ งกาย เมอ่ื เจรญิ เข้าส่วู ัยหนุม่ สาว -ฮอรโ์ มนเพศชาย ได้แก่ เทสโทสเทอโรน ทาหนา้ ท่ี ควบคมุ การสร้างเซลลอ์ สจุ ิ และการเกดิ ลักษณะข้ัน ทส่ี องของเพศชาย -ฮอร์โมนเพศหญิง ไดแ้ ก่ โพรเจสเทอโรน และอีสโทรเจน ทาหน้าที่ ควบคมุ การเปลย่ี นแปลงของเซลล์ ไข่ ผนังมดลกู ประจาเดือน และการเกิดลกั ษณะขัน้ ทส่ี องของเพศหญิง รปู ที่ 4.6 ฮอร์โมนเพศ ทีม่ า : หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อจท

การปฏสิ นธแิ ละการตงั้ ครรภ์ การปฏิสนิ ธิเกดิ จากการผสมกันของเซลล์อสุจกิ ับเซลล์ไข่ เกิดเป็นไซโกต และแบ่งตวั เปน็ เอม็ บริโอ ซ่ึง การเคลอื่ นท่ีไปฝงั ตัวท่ีผนงั มดลูกเป็นเวลา 9 เดอื น จึงคลอดออกมาเปน็ ทารก รปู ท่ี 4.7 การปฏสิ นธิ ท่มี า : shorturl.asia/pbYi7 การคมุ ก้าเนดิ การคมุ กาเนิดเปน็ การปอ้ งกันการตั้งครรภ์ ซ่งึ อาจเปน็ การป้องกันการปฏสิ นธิ หรือการป้องกันการฝังตวั ของ เอ็มบรโิ อที่ผนังมดลูก ซึ่งมหี ลายวธิ ี ได้แก่ วธิ ธี รรมชาติ วธิ ธี รรมชาตเิ ปน็ วิธกี ารนับวนั ในการมีเพศสมั พนั ธ์ซง่ึ เปน็ วนั ทเ่ี ซลลไ์ ข่และเซลลอ์ สจุ ิไมม่ ีโอกาสปฏิสนธิ กันคือระยะก่อนมีประจาเดือน 7 วนั และระยะหลงั จากวันทมี่ ีประจาเดอื นวนั แรก 7 วนั เช่นประจาเดอื นมาวนั แรกในวันที่ 15 มีนาคมใหน้ ับย้อนหลงั ข้ึนไปอีก 7 วันและนบั รวมกับวันที่ 15 มนี าคมต่อไปอกี 7 วนั จะได้ ระยะปลอดภัยคือวนั ท่ี 8 ถึง 21 มนี าคมซึ่งเปน็ ชว่ งทม่ี ีโอกาสตง้ั ครรภต์ า่

รปู ที่ 4.8 การนบั ระยะปลอดภัย ทม่ี า : shorturl.asia/SCDgh การคมุ ก้าเนดิ โดยใชอ้ ุปกรณ์ เพศชายการใช้ถุงยางอนามยั เพอื่ ป้องกนั ไม่ให้เซลล์อสุจิเข้าไปในชอ่ งคลอด และ ยังสามารถป้องกันโรคทีเ่ กดิ จากการมีเพศสัมพนั ธ์ เช่น โรคหนองใน โรคซิฟลิ ิส โรคเอดส์ เปน็ ตน้ เพศหญิงการใช้ห่วงคมุ กาเนดิ ซ่ึงจะถูกใสเ่ ขา้ ไปในปากมดลูก เพื่อป้องกนั การฝังตัวของเอ็มบรโิ อ รูปที่ 4.9 ถุงยางอนามยั เพศชาย รูปท่ี 4.10 หว่ งคุมกาเนิด ทมี่ า : shorturl.asia/uX9yq ท่ีมา : shorturl.asia/r3BSQ รูปท่ี 4.11 ถุงยางอนามยั เพศหญงิ ท่ีมา : shorturl.asia/7E0V8

การคมุ กา้ เนดิ โดยใชส้ ารเคมี เชน่ การใช้ยาคมุ กาเนิด มที ้งั ประเภทรบั ประทาน ฉีด หรอื ฝังใตผ้ ิวหนังยา คุมกาเนิดมสี ว่ นประกอบของฮอร์โมนเพศหญิง ท่ชี ว่ ยยบั ยงั้ การตกไข่หรือทาใหส้ ภาพของผนงั มดลูกไม่ เหมาะสมสาหรบั การฝงั ตัวของเอม็ บรโิ อ ซ่ึงยาคุมกาเนดิ สามารถใช้ปอ้ งกันการตง้ั ครรภ์ในกรณฉี ุกเฉนิ แต่อาจ ส่งผลขา้ งเคยี งต่อร่างกาย เชน่ อาเจียน เวยี นศรี ษะ มีเลือดออกจากช่องคลอด หากใช้เปน็ ประจาจะมีผลตอ่ รัง ไข่และเยอ่ื บุโพรงมดลูก และมโี อกาสเสย่ี งต่อการต้ังครรภ์นอกมดลูก รปู ที่ 4.12 ยาคุมกาเนิด ท่มี า : shorturl.asia/UCG2S การผา่ ตัดท้าหมนั เปน็ การคุมกาเนดิ แบบถาวรและเป็นวธิ ีการป้องกนั การต้ังครรภท์ ม่ี ีประสทิ ธิภาพสูงสดุ เหมาะสาหรบั ผทู้ ่ีมีบตุ รเพียงพอแลว้ ซึ่งจะแตกต่างกันแต่ละประเภท ดังน้ี การท้าหมันชาย โดยการผกู หรอื ตัดท่อนาอสุจิ เพือ่ ป้องกันไม่ให้เซลล์อสุจิเคล่ือนทม่ี ายังหลอดเกบ็ อสุจิ ทาใหน้ า้ อสจุ ทิ ห่ี ล่ังออกมาไม่มตี วั อสจุ ิ การทา้ หมนั หญิง โดยการผูกหรอื ตัดท่อนาไข่ เพ่ือป้องกันไม่ให้เซลล์ไขเ่ คลอื่ นทีไ่ ปตามท่อนาไข่ ทาให้ เซลลจ์ งึ ไมส่ ามารถผสมกบั เซลล์ไข่ได้ รปู ที่ 4.13 การทาหมันหญงิ รูปที่ 4.12 การทาหมันชาย ท่มี า : shorturl.asia/VdvZc ท่ีมา : shorturl.asia/Q39NE


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook