Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนฟิสิกส์ 5 ว30205

แผนการสอนฟิสิกส์ 5 ว30205

Published by pupa rung, 2021-04-12 11:10:18

Description: แผนการสอนฟิสิกส์ 5 ว30205

Search

Read the Text Version

ชือ่ – นามสกลุ สาเหตทุ ่ีไดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรบั ปรงุ /แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................................. 7. ผลการปรับปรุง ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. .......... 8. นักเรียนกลุ่มพอใช้ ดี และดมี าก ส่งเสริมอย่างไร ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................................. (.................................................)

ครผู ูส้ อนความเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. .......................... ลงชอ่ื ................................................................. (.................................................) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้........................................... ความเหน็ ของรองผู้อานวยการโรงเรยี นฝ่ายวชิ าการ ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................ .............................................................. ............. ลงชือ่ ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรียน ความเห็นของผอู้ านวยการโรงเรียน ............................................................................................................................................................ ............................. ................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................. (นางจฑุ ามาส เทพหสั ดิน ณ อยธุ ยา) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสระแก้ว

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 10 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง ของไหล เวลาเรยี น 19 ชวั่ โมง แผนการเรียนรู้ท่ี 10 เรอื่ ง พลศาสตรข์ องของไหล เวลา 4 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รูว้ ่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ่ีเกิดขึ้นสว่ นใหญม่ ีรปู แบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ข้อมลู และ เคร่อื งมือที่มอี ยู่ในชว่ งเวลานั้นๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดล้อม มีความเก่ียวข้องสัมพันธก์ นั 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ของไหลอดุ มคติมีสมบตั ดิ ังนี้ 1. มกี ารไหลอย่างสมา่ เสมอ 2. มีการไหลโดยไมห่ มุน 3. มกี ารไหลโดยไม่มีแรงต้านเนื่องจากความหนดื 4. ไม่สามารถอัดได้ ทางเดินของการไหลของของไหลเรียกว่าเส้นกระแส มัดของเส้นกระแสเรียกวา่ หลอดของการไหล สมการความต่อเนื่องสรปุ ได้ว่า ผลคูณระหวา่ งพน้ื ทห่ี น้าตดั กบั อัตราเร็วของการไหลอุดมคติ ไม่ว่าจะอยู่ ตาแหน่งใดของหลอดการไหล จะมีค่าคงตัวเสมอ ซ่ึงผลคณู นี้เรียกว่าอตั ราการไหล ดังสมการ A1v1 = A2v2 สมการของแบร์นูลลี กลา่ ววา่ ผลรวมของความดนั พลงั งานจลนต์ อ่ หนง่ึ หนว่ ยปริมาตร และพลังงานศกั ยโ์ น้ม ถว่ งตอ่ หนงึ่ หน่วยปริมาตร ณ ตาแหนง่ ใด ๆ ภายในท่อที่ของไหลผ่าน มีคา่ คงตวั เสมอ นัน่ คอื ถ้าระดบั คงตวั เมื่อของ ไหลมีอตั ราเร็วเพ่มิ ข้ึนความดันของของไหลจะลดลง ดงั สมการ P + ½…v2 + gh = คา่ คงตัว กฎของทอร์รเิ ซลลคี ือ อัตราเร็วของของเหลวท่ีพุ่งออกจากรูด้านข้างถังจะเทา่ กบั อตั ราเร็วของวตั ถุทตี่ กแบบ เสรีจากระดบั สงู เทา่ กนั และไม่ข้นึ กบั ชนดิ ของของเหลว 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สบื ค้นและอภิปรายเกย่ี วกับพลศาสตรข์ องของไหล 2. อธบิ ายความหมายของพลศาสตร์ของของไหล 3. อธบิ ายความสัมพันธ์ของพื้นทีห่ นา้ ตดั กับความเรว็ ของของไหล 4. นาความร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับพลศาสตร์ของของไหลไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน 5. จาแนกประเภทหรือสรา้ งเกณฑเ์ ก่ยี วกับของไหล 6. ทดลองเกีย่ วกับพลศาสตร์ของของไหล

7. ออกแบบเคร่ืองมือเคร่ืองใชห้ รือของเลน่ จากหลักการของพลศาสตรข์ องของไหล 8. ประเมินความสาคัญของพลศาสตรข์ องของไหล 9. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ 1.สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พลศาสตรข์ องของไหล - ของไหลในอุดมคติ - สมการความต่อเนื่อง - หลกั ของแบรน์ ลู ลี 2.สอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง การบรู ณาการกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความพอเพยี ง 1.1 ความพอประมาณ รู้จักใช้เทคโนโลยีอยา่ งพอประมาณไม่พึง่ พาเทคโนโลยมี ากเกนิ ไป 1.2 ความมเี หตผุ ล มเี หตผุ ลในการเลอื กใชเ้ ทคโนโลยี 1.3 การมภี ูมคิ ุ้มกนั ในตัวท่ีดี เทคโนโลยีมที ้ังคุณและโทษต้องเรยี นรแู้ ละศกึ ษาใหด้ ีก่อนท่ีจะใช้ 2. คณุ ธรรมกากับความรู้ 2.1 เงอ่ื นไขคุณธรรม สรา้ งจติ สานกึ ให้ใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และประหยดั 2.2 เงื่อนไขความรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) มีความร้เู ก่ียวกับเทคนิควิธีการใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างถูกตอ้ ง ปลอดภัย และประหยดั 3.สอดแทรกความรู้การเขา้ สู่ประชาคมอาเซยี น 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1.ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ปัญหา - การสารวจคน้ หา - การสรปุ ความเห็น 2.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - การทางานเป็นกลมุ่ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

- การนาความรู้ไปใช้ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ความซอื่ สัตย์ - ความมวี ินัย - ใฝ่เรียนรู้ - ม่งุ ม่ันในการทางาน 6. ช้นิ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - 7. การวดั และประเมินผล 1.การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน - คาถาม 2.การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ - แบบฝึกหดั 3.การประเมนิ หลงั เรียน - แบบทดสอบหลงั เรยี น - รายงานการปฏบิ ัติงาน 4.การประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝึกหัดก่อนเรียน – หลังเรียน - รายงานการปฏบิ ตั งิ าน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ 1. ขนั้ สรางความสนใจ (Engagement : E1) 1.1 ให้นกั เรยี นบีบปลายสายยางแลว้ สังเกตการเคลือ่ นทีข่ องน้าที่ผา่ นออกมา 1.2 นกั เรียนทง้ั หมดร่วมกนั ยกตัวอยา่ งการเคล่ือนทขี่ องของไหล รว่ มกันอภิปรายถงึ ความดันที่ เปลย่ี นไป รวมทง้ั การนาไปใช้ประโยชน์ 1.3 ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ตัง้ คาถามเกีย่ วกบั ส่ิงทีต่ อ้ งการรู้ จากเนือ้ หาท่เี ก่ียวกับเร่อื งพลศาสตร์ของของ ไหล 2. ขน้ั สารวจและคนหา (Exploration : E2) 2.1 แบง่ นกั เรยี นเปน็ กลมุ่ ละ 4 คน 2.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศกึ ษาหลักของแบร์นูลลี 2.3 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มอภิปรายรว่ มกันถึงหลักของแบรน์ ลู ลี 3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอสรปุ (Explanation : E3)

3.1 นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการศึกษาหลักของแบรน์ ลู ลี 3.2 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มได้ผลการศกึ ษาเหมือนกนั หรือตา่ งกนั อย่างไร เพราะเหตุใด 3.3 ครูต้งั คาถามว่า - เม่อื ใชท้ เี่ ปา่ ผมเป่าระหวา่ งลูกปงิ ปองสองลูก ลูกปงิ ปองทง้ั สองจะเคล่อื นที่อยา่ งไร เพราะเหตุใด - ของไหลอุดมคตหิ มายความว่าอยา่ งไร - สมการความต่อเน่ืองเปน็ อย่างไร - สมการของแบร์นลู ลีเปน็ อย่างไร 3.4 นกั เรยี นทัง้ หมดร่วมกนั สรปุ ผลจากการศึกษาหลักของแบรน์ ูลลี 4. ขนั้ ขยายความรู (Elaboration : E4) 4.1 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เสนอแนวคิดในการแกป้ ัญหาโจทย์เร่ืองพลศาสตรข์ องของไหล - นา้ ไหลด้วยอัตราเรว็ 10 cm/s ในท่อรัศมี 3 cm ไปสู่ท่อรัศมี 2 cm จงหาอัตราเร็วของน้าในท่อเล็ก - ทอ่ นา้ ไม่สมา่ เสมอ ตอนบนมพี ืน้ ทหี่ น้าตกั 4.0 cm2 อยู่สูงจากพืน้ 10 m นา้ ในท่อมีความดนั 1.5 x 105 Pa ไหลด้วยอตั ราเร็ว 2 m/s ไปยังท่อตอนล่าง ซง่ึ มีพืน้ ท่ีหนา้ ตัด 8 cm2 และอยสู่ งู จากพื้น 1 m จงหา ก. อัตราเรว็ ของน้าในท่อตอนล่าง ข. ความดนั ของน้าในท่อตอนล่าง - ถังบรรจขุ องเหลวความหนาแน่น  มรี ูเล็กพนื้ ท่ีหน้าตัดน้อยมากทดี่ ้านขา้ งของถงั โดยรูอย่ตู ่า จากระดับผิวของเหลวในถงั h จงหาอัตราเร็วของของเหลวท่พี ุ่งออกจากรู 4.2 ครถู ามว่า จงเสนอแนวคิดในการนาความเขา้ ใจเกยี่ วกับพลศาสตร์ของของไหลไปใช้ประโยชน์ 4.3 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันสรุปเชือ่ มโยงความคดิ เกยี่ วกับพลศาสตร์ของของไหล 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation : E5) 5.1 ให้นกั เรียนแต่ละคนยอ้ นกลับไปอา่ นบันทึกประสบการณเ์ ดิม ส่ิงทต่ี ้องการรู้ และ ขอบเขตเป้าหมาย แล้วตรวจสอบว่าไดเ้ รียนรู้ตามทต่ี ง้ั เป้าหมายครบถ้วนหรอื ไม่เพียงใด ถ้ายังไม่ ครบถ้วนจะทาอย่างไรต่อไป (อาจสอบถามให้ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ สอบถามใหเ้ พื่อนอธบิ าย หรือ วางแผนสบื คน้ เพม่ิ เติม) 5.2 ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนด้านพทุ ธพิ ิสัย 5.3 ใหน้ กั เรยี นบนั ทึกหลังเรยี น 5.4 ครูใหค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบันทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากขอ้ มูลไมเ่ พียงพอใชว้ ธิ ี สมั ภาษณเ์ พิ่มเตมิ 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ ีวัดและประเมนผล 1.1 ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบอตั นัย 1 ข้อ

1.2 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวิทยาศาสตร์ จากเกณฑ์การให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไมเ่ พยี งพอใชว้ ธิ สี มั ภาษณ์เพ่มิ เติม 2. เครอื่ งมือวัดและประเมินผล 2.1 ขอ้ สอบอัตนัย 1 ขอ้ 2.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจิตวทิ ยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ข้อสอบอัตนยั ไดค้ ะแนนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 3.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ75 3.3 แบบประเมินจิตวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 75 วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. ชุดการทดลองหลกั ของแบรน์ ลู ลี 7. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. สายยางฉีดน้า 2. สเปรย์พ่นสี 3. ห้องสมุด 4. ชุมชน 5. ฐานข้อมลู Internet http://www.th.wikipedia.org/wiki/knowledge

บนั ทกึ หลงั การการจดั การเรยี นรู้ 1. จานวนนกั เรียนทสี่ อน...............................คน 2. จานวนนกั เรียนที่มาเรียน หอ้ ง จานวนนักเรยี น (คน) ห้อง จานวนนักเรยี น (คน) รวมจานวนนกั เรยี น 3. คุณภาพผเู้ รียนก่อนเรียนแบง่ กลมุ่ ได้ดังน้ี จานวนนกั เรยี น(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ 4. ดาเนนิ การเรยี นการสอนเพือ่ ส่งเสรมิ และปรับปรงุ อยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผเู้ รยี นหลงั เรยี น แบง่ กลุ่มไดด้ งั น้ี ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรียน(คน) ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ

ชื่อ – นามสกุล สาเหตทุ ไี่ ดป้ รบั ปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรบั ปรงุ /แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................................. 7. ผลการปรบั ปรุง .................................................................................................................. ....................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. .......... 8. นกั เรียนกล่มุ พอใช้ ดี และดมี าก ส่งเสรมิ อย่างไร ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................... .............................................................. ........................................................................................................................................................ ลงชอื่ ................................................................. (.................................................)

ครูผู้สอนความเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................. ............................................................ ................................ ....................................................... ............................................................................................................. ..................... .............................................................................................................................. .......................... ลงชือ่ ................................................................. (.................................................) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้........................................... ความเหน็ ของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื ................................................................. (....................................................) รอง/ผู้ชว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรียน ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................................................ ............................. ................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ................................................................. (นางจุฑามาส เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ผ้อู านวยการโรงเรียนสระแก้ว

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 11 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง ความรอ้ น เวลาเรยี น 19 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี 11 เรอ่ื ง การขยายตัวของวตั ถเุ นอ่ื งจากความรอ้ น การเปลย่ี นสถานะของสาร และ การถา่ ยโอนความรอ้ น เวลา 4 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รู้วา่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ีเ่ กิดขน้ึ ส่วนใหญ่มีรูปแบบท่แี น่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ขอ้ มลู และ เครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เขา้ ใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม มีความเกีย่ วขอ้ งสัมพันธ์กนั ผลการเรยี นรู้(สสวท.) 1. อธบิ ายความหมายของอุณหภมู ศิ นู ย์สมบรู ณ์ และบอกความสัมพันธ์ระหว่างอณุ หภูมสิ ัมบรู ณ์ในหนว่ ยเคลวินกบั อุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส 2. บอกความหมายของสมดุลความร้อน 3. บอกได้ว่า การถ่ายโอนพลังงานความร้อนระหว่างวตั ถุ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงาน 4. บอกได้ว่า พลงั งานความร้อนนอกจากทาให้สารมีการเปล่ยี นอุณหภมู แิ ลว้ ยงั ทาให้สารมีการเปลยี่ นสถานะได้อกี ดว้ ย และคานวณหาพลงั งานความรอ้ นปรมิ าณดงั กลา่ วน้ี 5. บอกความหมายของความร้อนแฝงและความร้อนจาเพาะของสาร และคานวณปรมิ าณดงั กลา่ วได้ เมื่อกาหนด สถานการณ์ให้ 6. บอกไดว้ ่า พลังงานความร้อนทาให้สารขยายตวั 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เมอ่ื สารได้รบั ความร้อนจะขยายตัว โดยสารต่างชนดิ กันเมอื่ ได้รบั ความร้อนเท่ากัน จะขยายตวั ไมเ่ ท่ากัน สารมี 3 สถานะได้แก่ 1. ของแขง็ มีแรงดึงดดู ระหว่างโมเลกลุ มาก ทาให้โมเลกลุ อยูใ่ กล้กัน รปู รา่ งและ ปริมาตรจงึ คงตวั 2. ของเหลว มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกลุ น้อย ทาให้โมเลกลุ อยู่หา่ งกนั รปู ร่างจึงเปล่ียน ไปตามภาชนะ แต่ปรมิ าตรยงั คงตัว 3. แกส๊ มแี รงดึงดดู ระหว่างโมเลกุลนอ้ ยมาก ทาให้โมเลกุลอยู่ห่างกนั มาก ทง้ั รปู ร่าง

และปรมิ าตรจึงไมค่ งตัว ฟงุ้ กระจายเตม็ ภาชนะบรรจุ เมอื่ สารเปล่ียนสถานะ ปรมิ าณความรอ้ นท่ีทาให้สารเปล่ยี นสถานะจากของแข็งเปน็ ของ เหลวเรียกวา่ ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว ส่วนปริมาณความรอ้ นที่ทาให้สารเปล่ียนสถานะจากของเหลวเป็นแกส๊ เรยี กวา่ ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ การถา่ ยโอนความรอ้ นมี 3 รปู แบบคือ 1. การนา หมายถงึ การถ่ายโอนความร้อนผา่ นตวั กลาง 2. การพา หมายถึงการทต่ี วั กลางทเี่ ป็นของไหลเปน็ ผู้พาความร้อนไป 3. การแผ่รงั สี หมายถึงการถ่ายโอนความร้อนที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สบื ค้นและอภิปรายเก่ยี วกับการขยายตวั ของวัตถุเน่ืองจากความร้อน การเปล่ียน สถานะของสาร และการถ่ายโอนความร้อน 2. อธิบายความหมายของความร้อนแฝงของการหลอมเหลวและความร้อนแฝงของการกลายเปน็ ไอ 3. อธบิ ายความสมั พันธ์ของความร้อนแฝงของการหลอมเหลวและความรอ้ นแฝงของการกลายเป็นไอกบั พลงั งานความร้อน 4. นาความร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับการขยายตวั ของวัตถุเน่ืองจากความร้อน การเปลี่ยนสถานะของสาร และ การถ่ายโอนความรอ้ นไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั 5. จาแนกประเภทหรือสร้างเกณฑเ์ กยี่ วกับการถ่ายโอนความร้อน 6. ออกแบบเคร่ืองมือเครื่องใชห้ รอื ของเลน่ จากหลักการการถ่ายโอนความร้อน 7. ประเมินความสาคญั ของการถา่ ยโอนความร้อน 8. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ 1.สาระการเรียนรแู้ กนกลาง เมื่อสารไดร้ บั ความร้อนจะขยายตวั โดยสารตา่ งชนดิ กันเม่อื ได้รับความร้อนเท่ากัน จะขยายตัวไม่เท่ากนั สารมี 3 สถานะได้แก่ 1. ของแข็ง มแี รงดึงดูดระหว่างโมเลกลุ มาก ทาให้โมเลกุลอย่ใู กล้กัน รปู ร่างและ ปรมิ าตรจึงคงตวั 2. ของเหลว มแี รงดึงดูดระหว่างโมเลกลุ นอ้ ย ทาให้โมเลกุลอยู่ห่างกนั รปู ร่างจึงเปลี่ยน ไปตามภาชนะ แต่ปริมาตรยงั คงตวั 3. แกส๊ มแี รงดึงดูดระหวา่ งโมเลกุลน้อยมาก ทาให้โมเลกุลอย่หู ่างกันมาก ทัง้ รูปรา่ ง และปริมาตรจึงไม่คงตัว ฟุ้งกระจายเต็มภาชนะบรรจุ

เมือ่ สารเปลีย่ นสถานะ ปริมาณความร้อนท่ีทาให้สารเปลยี่ นสถานะจากของแขง็ เปน็ ของ เหลวเรียกว่าความร้อนแฝงของการหลอมเหลว ส่วนปริมาณความร้อนที่ทาให้สารเปล่ยี นสถานะจากของเหลวเป็นแกส๊ เรยี กวา่ ความรอ้ นแฝงของการกลายเป็นไอ การถ่ายโอนความร้อนมี 3 รูปแบบคือ 4. การนา หมายถงึ การถ่ายโอนความร้อนผา่ นตวั กลาง 5. การพา หมายถึงการท่ตี วั กลางที่เป็นของไหลเป็นผู้พาความร้อนไป 6. การแผร่ งั สี หมายถึงการถา่ ยโอนความร้อนท่ีไมต่ ้องอาศยั ตัวกลาง คุณลกั ษณะ(จติ วทิ ยาศาสตร)์ ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบคอบ การรว่ มแสดงความคดิ เห็นและยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่ ความมี เหตุผล และ การทางานรว่ มกับผ้อู ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ 2. ช้นิ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) 1. สืบค้นข้อมูลจากใบความรู้ ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ 2. ออกแบบการทดลอง 3. บันทกึ และทาแบบฝึกหดั ในใบงาน 4. ออกแบบชน้ิ งาน 5. จดั นทิ รรศการ 6. ทาโครงงาน 3. การวัดและประเมินผล 1.การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น - คาถาม 2.การประเมินระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ - แบบฝึกหดั 3.การประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรยี น - รายงานการปฏบิ ัตงิ าน 4.การประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝึกหัดกอ่ นเรียน – หลงั เรียน - รายงานการปฏิบตั งิ าน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ กิจกรรมนาสู่การเรยี น 1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (15 นาที)

1.1 ให้นักเรยี นอ่านค่าอุณหภูมจิ ากเทอรม์ อมิเตอร์ชนดิ ตา่ ง ๆ 1.2 นักเรยี นทัง้ หมดรว่ มกนั ยกตวั อยา่ งการขยายตวั ของวตั ถเุ นอื่ งจากความร้อน ร่วมกันอภิปรายถึง ปริมาณความร้อนที่ใชใ้ นการเปลีย่ นสถานะ การถา่ ยโอนความร้อน รวมทง้ั การนาไปใชป้ ระโยชน์ 1.3 ให้นกั เรยี นรว่ มกันตง้ั คาถามเกีย่ วกับสง่ิ ทตี่ อ้ งการรู้ จากเน้อื หาทเี่ กี่ยวกบั เรื่องการขยายตวั ของ วตั ถเุ นอื่ งจากความร้อน การเปลี่ยนสถานะของสาร และการถ่ายโอนความร้อน กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2. ข้นั สารวจและค้นหา (60 นาท)ี 2.1 แบง่ นกั เรยี นเปน็ กลุม่ ละ 4 คน 2.2 เมอ่ื วตั ถุไดร้ ับความร้อนจะขยายตัวและเปล่ยี นสถานะ หลกั การของการขยายตัว ของวัตถุเน่ืองจากความร้อน การเปลย่ี นสถานะของสาร และการถ่ายโอนความร้อน เป็นอยา่ งไรให้สบื ค้นดู 2.3 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสบื คน้ การขยายตวั ของวัตถุเนอื่ งจากความร้อน การ เปลย่ี นสถานะของสาร และการถ่ายโอนความร้อน 2.4 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ อภปิ รายร่วมกนั ถึงการขยายตัวของวัตถุเน่อื งจากความร้อน การ เปลยี่ นสถานะของสาร และการถ่ายโอนความร้อน 3. ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (45 นาท)ี 3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการสบื คน้ การขยายตัวของวตั ถเุ น่ืองจากความร้อนการเปลยี่ น สถานะของสาร และการถ่ายโอนความร้อน (พูดถา่ ยทอด) 3.2 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มไดผ้ ลการสืบค้นเหมือนกนั หรือต่างกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด 3.3 ครูต้งั คาถามว่า - สมบัตเิ กย่ี วกบั การขยายตัวของของแขง็ มีอะไรบ้าง - ความรอ้ นแฝงของการหลอมเหลวคอื อะไร - ความรอ้ นแฝงของการกลายเป็นไอคืออะไร 3.4 นักเรยี นทง้ั หมดรว่ มกนั สรปุ ผลจากการสืบคน้ การขยายตวั ของวตั ถเุ น่ืองจาก ความร้อนและการเปลยี่ นสถานะของสาร กจิ กรรมรวบยอด 4. ข้นั ขยายความรู้ (90 นาที) 4.1 ครูถามว่า - ลมบก ลมทะเล เกิดขึน้ ได้อยา่ งไร ในช่วงเวลาใด - กระตกิ น้าร้อนรักษาความร้อนของนา้ ไดอ้ ยา่ งไร - จงหาปริมาณความร้อนที่ทาให้น้าแข็งมวล 250 กรัม อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซยี ส กลายเป็นน้า และสดุ ท้ายกลายเป็นไอจนหมด - ในตาราง 10.1 โลหะชนดิ ใดมีความร้อนจาเพาะสูงสุด

- กอ้ นอะลมู ิเนยี ม 200 กรมั อุณหภมู ิ 300 องศาเซลเซยี ส อยู่ในภาชนะทเ่ี ป็นฉนวน เมอ่ื เทนา้ แข็ง 0 องศาเซลเซยี ส มวล 70 กรัม ลงในภาชนะ อณุ หภูมสิ ุดท้ายภายในภาชนะเป็นเทา่ ไร 4.2 นักเรยี นแต่ละกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการแก้ปัญหาโจทยเ์ รื่องการขยายตวั ของวตั ถุ เนอื่ งจากความรอ้ นและการเปลยี่ นสถานะของสาร 4.3 ครถู ามว่า จงเสนอแนวคิดในการนาความเข้าใจเก่ยี วกับการขยายตัวของวตั ถุเนื่องจากความร้อน และการเปล่ียนสถานะของสารไปใชป้ ระโยชน์ 4.4 นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันสรปุ เก่ียวกับความร้อน 5. ขั้นประเมินผล (30 นาท)ี 5.1 ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนย้อนกลบั ไปอ่านบนั ทึกประสบการณเ์ ดิม สิ่งทตี่ ้องการรู้ และ ขอบเขตเป้าหมาย แลว้ ตรวจสอบวา่ ได้เรยี นรตู้ ามท่ตี ง้ั เปา้ หมายครบถว้ นหรอื ไม่เพียงใด ถ้ายังไม่ครบถว้ นจะทาอยา่ งไร ต่อไป (อาจสอบถามใหค้ รูอธิบายเพิม่ เติม สอบถามให้เพอ่ื นอธิบาย หรือวางแผนสบื ค้นเพ่ิมเตมิ ) 5.2 ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนด้านพุทธิพสิ ัย 5.3 ให้นกั เรยี นบนั ทึกหลงั เรยี น 5.4 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วทิ ยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบนั ทกึ รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไม่เพียงพอใช้วธิ สี ัมภาษณเ์ พม่ิ เติม 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ วี ดั และประเมินผล 1.1 ให้นักเรียนทาแบบทดสอบอัตนยั 1 ข้อ 1.2 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมลู ไมเ่ พียงพอใชว้ ธิ สี ัมภาษณเ์ พิ่มเติม 2. เครื่องมือวัดและประเมินผล 2.1 ข้อสอบอัตนัย 1 ข้อ 2.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมนิ จติ วิทยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ขอ้ สอบอัตนยั ไดค้ ะแนนไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 75 3.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 75 3.3 แบบประเมนิ จติ วิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 75 วสั ดอุ ปุ กรณ์ ไม่มี 7. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. ตะเกยี งบนุ เส็น 2. หอ้ งสมดุ

3. ชมุ ชน 4. ฐานข้อมลู Internet http://www. dekgeng.com/thai/conp/9812.htm บนั ทกึ หลังการการจดั การเรยี นรู้ 1. จานวนนักเรียนท่ีสอน...............................คน 2. จานวนนกั เรียนทม่ี าเรียน หอ้ ง จานวนนกั เรียน (คน) ห้อง จานวนนกั เรียน (คน) รวมจานวนนกั เรยี น จานวนนกั เรยี น(คน) 3. คุณภาพผูเ้ รียนก่อนเรยี นแบ่งกลุ่มไดด้ งั นี้ ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 4. ดาเนินการเรยี นการสอนเพื่อสง่ เสริมและปรบั ปรงุ อยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................ ......................................................................................... ......................................................................................................................................................... ................................

5. คุณภาพผู้เรียนหลังเรยี น แบง่ กลมุ่ ได้ดงั น้ี จานวนนกั เรยี น(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ช่ือ – นามสกลุ สาเหตทุ ไี่ ดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรับปรงุ /แก้ไขปัญหา ................................................................................................................................................................................ ......... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ 7. ผลการปรับปรุง ......................................................................................................... ................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ......... 8. นักเรยี นกล่มุ พอใช้ ดี และดมี าก ส่งเสรมิ อย่างไร ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................. ....................................................................... ลงช่อื ................................................................. (.................................................)

ครูผู้สอนความเหน็ ของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (.................................................) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้........................................... ความเห็นของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวชิ าการ ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่ือ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรยี น ความเห็นของผูอ้ านวยการโรงเรยี น ..................................................................................................................................... .................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางจฑุ ามาส เทพหสั ดนิ ณ อยธุ ยา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นสระแก้ว

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 12 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรอื่ ง ความรอ้ น เวลาเรยี น 19 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี 12 เรอื่ ง แกส๊ อดุ มคติ เวลา 5 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วทิ ยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รวู้ า่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเี่ กดิ ขนึ้ สว่ นใหญม่ รี ปู แบบท่ีแน่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและ เคร่ืองมอื ท่ีมอี ยู่ในช่วงเวลานนั้ ๆ เข้าใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม มีความเกย่ี วข้องสัมพันธก์ ัน ผลการเรยี นร(ู้ สสวท.) 1. ทาการทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างความดันและปริมาตรของแก๊สในภาชนะปิด เมื่ออุณหภูมิคงตัว และสรุป ไดว้ ่า ความดนั ของแกส๊ แปรผกผันกบั ปรมิ าตรของแก๊สพร้อมทั้งบอกไดว้ ่าขอ้ สรปุ นี้ คอื กฎของบอยล์ 2. ทาการทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร และอุณหภูมิของแก๊สในภาชนะปิด เม่ือความดันคงตัว และ สรปุ ได้วา่ ปรมิ าตรของแกส๊ แปรผันตรงกบั อณุ หภมู ิสมบรู ณ์ พร้อมทง้ั บอกได้วา่ ข้อสรปุ น้ีคือ กฎของชารล์ 3. นากฎสของบอยล์และกฎของชาร์ลมาศกึ ษาร่วมกันและสรปุ ได้ว่า มีค่าคงตัวและความดันแปรผันตรงกบั อุณหภูมิ สัมบรู ณ์ เมือ่ ปริมาตรคงตวั พรอ้ มทง้ั บอกได้ว่าความสมั พันธ์นี้เป็นกฎของเกย์-ลูสแซก 4. นากฎของบอยล์และกฎของชารล์ มาสรปุ เป็นกฎของแก๊สได้ 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด จากกฎของแกส๊ จาแนกแก๊สเป็น 3 ชนิดคอื แก๊สอะตอมเด่ียว แกส๊ อะตอมคู่ และแกส๊ หลายอะตอม เลขอโว กาโดรใชบ้ อกจานวนอนุภาคของสาร สาหรบั แกส๊ ในภาชนะปิด ถา้ อุณหภูมิคงตัว ปรมิ าตรจะแปรผกผนั กับความดนั และแกส๊ ในภาชนะปิด ถา้ ความดนั คงตวั ปรมิ าตรจะแปรผันตรงกบั อุณหภูมิเคลวิน กฎของแกส๊ ไดจ้ ากการรวมกัน ของกฎของบอยล์กบั กฎของชารล์ ได้ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สบื ค้น อภิปราย และสารวจตรวจสอบ เกย่ี วกบั แกส๊ อุดมคติ 2. อธบิ ายความหมายของแก๊สอุดมคติ 3. อธิบายความสัมพันธ์ของอุณหภูมิ ความดนั และปริมาตรของแก๊สได้ได้ 4. นาความรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั แกส๊ อดุ มคติไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ 5. จาแนกประเภทหรือสรา้ งเกณฑ์ของแกส๊ อุดมคตไิ ด้ 6. ทดลองเกยี่ วกับแกส๊ อุดมคติได้

7. ออกแบบเครือ่ งมอื เคร่อื งใช้หรอื ของเลน่ จากหลกั การของแก๊สอดุ มคติได้ 8. ประเมนิ ความสาคญั ของแกส๊ อุดมคตไิ ด้ 9. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ 1.สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง จากกฎของแกส๊ จาแนกแกส๊ เป็น 3 ชนิดคือ 1. แกส๊ อะตอมเดีย่ ว เช่น แก๊สเฉื่อยตา่ ง ๆ 2. แก๊สอะตอมคู่ เช่น แกส๊ ออกซิเจน 3. แกส๊ หลายอะตอม เช่น แก๊สมีเทน เลขอโวกาโดร หมายถึงจานวนอะตอมของคารบ์ อน-12 ทม่ี ีมวลรวมกันได้ 12 กรัม ซึ่งมี คา่ เท่ากบั 6.02 x 1023 กฎของบอยล์ สาหรับแกส๊ ในภาชนะปิด ถา้ อุณหภมู คิ งตวั ปรมิ าตรจะแปรผกผันกบั ความดนั V/P = ค่าคง ตวั กฎของชาร์ล สาหรบั แกส๊ ในภาชนะปิด ถา้ ความดันคงตวั ปรมิ าตรจะแปรผันตรงกบั อณุ หภูมเิ คลวนิ V/T = คา่ คงคัว กฎของแก๊ส ไดจ้ ากการรวมกันของกฎของบอยล์กบั กฎของชาร์ล ได้ P1V1/T1 = P2V2/T2 สมการของแก๊สอดุ มคติคือ PV = nRT และ PV = NKBT โดย KB เปน็ ค่าคงตัวของโบลต์ซมนั น์ คุณลกั ษณะ(จติ วทิ ยาศาสตร)์ ความสนใจใฝร่ ู้ ความรอบคอบ การร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อื่น ความมี เหตผุ ล และ การทางานร่วมกับผอู้ น่ื อย่างสรา้ งสรรค์ 2. ชิ้นงาน/ภาระงาน(รวบยอด) 1. สืบคน้ ขอ้ มลู จากใบความรู้ สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ 2. ออกแบบการทดลอง 3. บนั ทึกและทาแบบฝึกหัดในใบงาน 4. ออกแบบชิ้นงาน 5. จัดนิทรรศการ 6. ทาโครงงาน 3. การวัดและประเมินผล 1.การประเมินกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น

- คาถาม 2.การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ - แบบฝึกหดั 3.การประเมนิ หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - รายงานการปฏิบตั ิงาน 4.การประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝึกหดั ก่อนเรยี น – หลังเรียน - รายงานการปฏิบตั งิ าน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรมนาสู่การเรยี น 1. ข้ันสรา้ งความสนใจ (15 นาท)ี 1.1 ให้นกั เรยี นปล่อยลกู โป่ง 1.2 นักเรียนทงั้ หมดร่วมกนั ยกตัวอย่างแก๊สในบรรยากาศ รว่ มกนั อภิปรายถึงสมบัติของแกส๊ แต่ละ ชนดิ รวมท้ังการนาไปใชป้ ระโยชน์ 1.3 ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ต้ังคาถามเกีย่ วกบั สงิ่ ท่ีตอ้ งการรู้ จากเนื้อหาที่เก่ียวกบั เรื่องแก๊สอุดมคติ กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2. ข้ันสารวจและค้นหา (60 นาที) 2.1 แบง่ นักเรียนเปน็ กลุ่มละ 4 คน 2.2 นักเรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันวางแผนศึกษากฎของบอยล์ 2.3 นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากฎของบอยล์ 2.4 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายร่วมกนั ถงึ กฎของบอยล์ 2.5 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันวางแผนศกึ ษากฎของชารล์ ส์ 2.6 นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันศึกษากฎของชาร์ลส์ 2.7 นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกันถึงกฎของชารล์ ส์ 3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (45 นาท)ี 3.1 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลการศึกษากฎของบอยล์ 3.2 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ไดผ้ ลการศกึ ษาเหมือนกนั หรือตา่ งกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด 3.3 นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการศึกษากฎของชารล์ ส์ 3.4 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มไดผ้ ลการศึกษาเหมือนกันหรือตา่ งกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด 3.5 ครูตั้งคาถามวา่ - แกส๊ แบ่งออกเป็นก่ีชนิด อะไรบา้ ง ใช้สิ่งใดเปน็ เกณฑ์ในการแบง่

- จานวนโมเลกุลและจานวนโมลของแก๊สมีความสมั พันธ์กันอย่างไร - ถ้าจะหาความดันของบรรยากาศจากกราฟระหวา่ งจานวนถุงทรายกับสว่ นกลบั ของปริมาตร จะต้องทาอย่างไร - กราฟท่ีได้จากการทดลองเป็นกราฟเส้นตรงหรือไม่ และสอดคล้องกับกฎของบอยล์อยา่ งไร - ถา้ อณุ หภูมริ ะหว่างการทดลองเปลย่ี นแปลงมาก จะมผี ลตอ่ กราฟอย่างไร - ความสัมพันธ์ระหวา่ งความดนั กบั ปรมิ าตรของแกส๊ ตามกฎของบอยลเ์ ปน็ อยา่ งไร - ความสัมพันธ์ระหวา่ งปริมาตรกบั อุณหภมู ิของแก๊สตามกฎของบอยล์เปน็ อยา่ งไร - การทีต่ วั สเกลหรอื หลอดแก้วยืดหรอื หดตามอณุ หภมู ิทเ่ี ป็นปฏภิ าคกบั อณุ หภูมิ สัมบรู ณน์ นั้ มผี ลตอ่ การทดลองนีอ้ ย่างไร - ทอ่ อากาศลักษณะนีจ้ ะใช้ปรบั เทียบเปน็ เทอร์มอมเิ ตอร์สาหรับวัดอณุ หภมู ไิ ด้หรือไม่ - การทากระเปาะที่ปลายให้ใหญ่ข้ึนกวา่ ขนาดของหลอด จะมผี ลไวตอ่ การเปล่ยี นแปลงของอุณหภมู ิ เพียงใด - เหตุใดเทอร์มอมเิ ตอรแ์ อลกอฮอลจ์ ึงมักใสส่ แี ละมีกระเปาะใหญ่ สมบัตใิ ดของแอลกอฮอล์ที่เหมาะ สาหรบั ใส่ในเทอร์มอมิเตอร์ - เพราะเหตุใดจุดหลอมเหลวของน้าแขง็ และจดุ เดือดของน้าบรสิ ุทธิ์ จึงเปน็ จุดสะดวกในการ ปรับเทียบอุณหภมู ิ จุดหลอมเหลวและจุดเดอื ดของสารอืน่ สามารถใชป้ รับเทยี บอณุ หภูมิได้หรอื ไม่ - จงหาความสัมพนั ธ์ระหว่างอณุ หภมู หิ น่วยตา่ ง ๆ - กฎของแกส๊ ในอดุ มคตเิ ป็นอยา่ งไร - ความดนั ไอเปน็ อยา่ งไร 3.6 นกั เรยี นทั้งหมดร่วมกันสรปุ ผลจากการศึกษากฎของบอยลแ์ ละกฎของชารล์ ส์ กิจกรรมรวบยอด 4. ขน้ั ขยายความรู้ (90 นาท)ี 4.1 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ เสนอแนวคิดในการแกป้ ญั หาโจทย์เรื่องแกส๊ อดุ มคติ - แกส๊ ออกซิเจนในถงั ปริมาตร 40 dm3 เดิมมคี วามดัน 20 บรรยากาศ อณุ หภมู ิ 20 องศาเซลเซยี ส จง หาวา่ แก๊สรว่ั ไปเท่าใด - ยางรถยนต์บรรจุลมด้วยความดันเกจ 200 กิโลพาสคัล อณุ หภมู ิ 10 องศาเซลเซยี ส หลงั แล่นไป 100 กิโลเมตร อุณหภมู ภายในเพมิ่ เปน็ 40 องศาเซลเซียส ถ้าถือว่าปริมาตรยางคงตัว จงหาความดนั ลมตอนหลงั - บอลลูนบรรจแุ ก๊สไฮโดรเจน 1 m3 ความดัน 1 บรรยากาศ อณุ หภูมิ 30 องศาเซลเซยี ส จะยกมวลได้ เทา่ ใด 4.2 ครูถามวา่ จงเสนอแนวคิดในการนาความเข้าใจเกยี่ วกับแกส๊ อดุ มคติไปใช้ประโยชน์ 4.3 นักเรยี น แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั สรปุ เชอ่ื มโยงความคดิ เก่ียวกบั แก๊สอดุ มคติ 5. ข้ันประเมนิ ผล (30 นาที) 5.1 ใหน้ ักเรียนแต่ละคนยอ้ นกลบั ไปอา่ นบนั ทึกประสบการณเ์ ดิม สงิ่ ที่ต้องการรู้ และ

ขอบเขตเป้าหมาย แลว้ ตรวจสอบวา่ ไดเ้ รยี นรู้ตามทตี่ ง้ั เป้าหมายครบถ้วนหรอื ไมเ่ พยี งใด ถ้ายังไมค่ รบถ้วนจะทาอย่างไร ต่อไป (อาจสอบถามให้ครูอธิบายเพิม่ เติม สอบถามใหเ้ พ่อื นอธิบาย หรอื วางแผนสืบคน้ เพ่มิ เติม) 5.2 ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นด้านพุทธิพสิ ัย 5.3 ใหน้ ักเรยี นบนั ทึกหลงั เรยี น 5.4 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบันทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากขอ้ มูลไมเ่ พยี งพอใชว้ ิธีสมั ภาษณเ์ พ่ิมเติม 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ วี ดั และประเมินผล 1.1 ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบอตั นัย 1 ข้อ 1.2 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑ์การให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไม่เพยี งพอใช้วิธสี ัมภาษณเ์ พิ่มเติม 2. เครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล 2.1 ข้อสอบอัตนยั 1 ข้อ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจติ วทิ ยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมิน 3.1 ข้อสอบอัตนยั ไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 75 3.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไดค้ ะแนนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 75 3.3 แบบประเมินจิตวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 วสั ดุอปุ กรณ์ 1. ชดุ การทดลองกฎของบอยล์ 2. ชุดการทดลองกฎของชาล์ล 7. สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หลอดฉดี ยา 2. ห้องสมดุ 3. ชมุ ชน 4. ฐานขอ้ มลู Internet http://www.

บนั ทกึ หลังการการจัดการเรียนรู้ 1. จานวนนักเรยี นท่สี อน...............................คน 2. จานวนนกั เรียนที่มาเรียน หอ้ ง จานวนนกั เรยี น (คน) ห้อง จานวนนกั เรียน (คน) รวมจานวนนักเรียน จานวนนกั เรียน(คน) 3. คณุ ภาพผ้เู รยี นก่อนเรียนแบ่งกลุม่ ได้ดงั น้ี ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง 4. ดาเนนิ การเรียนการสอนเพ่อื สง่ เสริมและปรบั ปรุงอยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................ ............................................................................. ............ ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผูเ้ รยี นหลังเรียน แบง่ กลุม่ ไดด้ งั น้ี ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรียน(คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

ชือ่ – นามสกุล สาเหตทุ ี่ไดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรับปรงุ /แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ 7. ผลการปรับปรุง ......................................................................................................... ................................................................................ ........................................................ ........................................................................................................................ ......... 8. นกั เรยี นกลุ่มพอใช้ ดี และดมี าก สง่ เสริมอย่างไร ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................. ....................................................................... ลงชอื่ ................................................................. (.................................................) ครูผูส้ อนความเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................. (.................................................) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้...........................................

ความเหน็ ของรองผูอ้ านวยการโรงเรียนฝา่ ยวิชาการ ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรียน ความเหน็ ของผูอ้ านวยการโรงเรยี น ................................................................................................................................... ...................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางจฑุ ามาส เทพหสั ดิน ณ อยธุ ยา) ผู้อานวยการโรงเรยี นสระแกว้

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 13 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง ความรอ้ น เวลาเรยี น 19 ช่ัวโมง แผนการเรียนรู้ที่ 13 เรอ่ื ง ทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ เวลา 4 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสูง โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา ร้วู ่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทเี่ กดิ ขึน้ ส่วนใหญม่ ีรูปแบบท่แี น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ขอ้ มลู และ เคร่ืองมอื ท่ีมอี ยู่ในชว่ งเวลานน้ั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และส่งิ แวดล้อม มคี วามเกี่ยวขอ้ งสัมพนั ธ์กนั ผลการเรยี นร(ู้ สสวท.) 60. นาความร้เู ร่อื งแบบจาลองของแก๊ส และความรู้ท่เี กี่ยวข้องไปอธิบายความดันตามทฤษฏจี ลนข์ องแก๊สได้ และหาความสัมพนั ธ์ระหว่างความดัน ปริมาตร จานวนโมเลกลุ และอัตราเร็วของโมเลกุลของแกส๊ 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด แบบจาลองของแกส๊ ในอดุ มคตคิ อื แก๊สประกอบด้วยโมเลกุลจานวนมาก ทุกโมเลกุลมลี ักษณะเปน็ ก้อนกลมที่ มขี นาดเท่ากนั มีความยืดหยุ่นสูง ชนผนงั ภาชนะและกระดอนแบบยดื หยุน่ สมบูรณ์ ปรมิ าตรรวมของแต่ละโมเลกุลมี ค่าน้อยมาก ไมม่ แี รงใด ๆ กระทาโมเลกลุ ของแก๊ส แตล่ ะโมเลกลุ ของแก๊สเคล่ือนท่แี บบส่มุ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สบื คน้ และอภิปรายเกยี่ วกับทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ 2..อธบิ ายความหมายทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ 3. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของอุณหภมู ิ ความดัน และปริมาตรของแก๊ส 4. นาความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ทฤษฎีจลนข์ องแก๊สไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจาวัน 5. ออกแบบเครื่องมือเคร่ืองใชห้ รอื ของเลน่ จากหลกั การของทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ 6. ประเมินความสาคัญของทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส 7. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ 1.สาระการเรยี นรู้แกนกลาง แบบจาลองของแก๊สในอุดมคติมดี ังน้ี 1. แก๊สประกอบด้วยโมเลกลุ จานวนมาก ทุกโมเลกุลมลี ักษณะเป็นก้อนกลมทีม่ ีขนาด

เท่ากัน มคี วามยืดหยุน่ สูง ชนผนงั ภาชนะและกระดอนแบบยดื หยนุ่ สมบรู ณ์ 2. ปรมิ าตรรวมของแต่ละโมเลกุลมคี า่ นอ้ ยมาก 3. ไม่มีแรงใด ๆ กระทาโมเลกุลของแกส๊ 4. แต่ละโมเลกลุ ของแกส๊ เคล่ือนที่แบบสุ่ม ความดนั และพลงั งานจลนข์ องเฉลี่ยของแก๊สเป็นไปตามสมการ PV = 1/3 mN<v2> PV = NKBT <Ek> = 3/2 KBT v2rms = 3KBT/m vrms = /…3RT/m คุณลกั ษณะ(จติ วทิ ยาศาสตร)์ ความสนใจใฝร่ ู้ ความรอบคอบ การร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื ความมี เหตุผล และ การทางานรว่ มกับผูอ้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ 2. ช้ินงาน/ภาระงาน(รวบยอด) 1. สบื คน้ ขอ้ มลู จากใบความรู้ ส่ือ และแหลง่ เรียนรู้ 2. ออกแบบการทดลอง 3. บันทึกและทาแบบฝึกหัดในใบงาน 4. ออกแบบชนิ้ งาน 5. จดั นทิ รรศการ 6. ทาโครงงาน 3. การวัดและประเมินผล 1.การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน - คาถาม 2.การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ - แบบฝกึ หัด 3.การประเมินหลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น - รายงานการปฏบิ ตั ิงาน 4.การประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝึกหดั กอ่ นเรียน – หลงั เรียน - รายงานการปฏิบตั ิงาน

5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ กิจกรรมนาสู่การเรยี น 1. ขน้ั สร้างความสนใจ (15 นาที) 1.1 ให้นักเรียนสังเกตการเคลื่อนทข่ี องควนั ไฟในที่ไม่มีลมพัด 1.2 นักเรยี นทั้งหมดรว่ มกนั ยกตัวอยา่ งแก๊สในบรรยากาศ ร่วมกนั อภิปรายถงึ สมบตั ิของแก๊สแตล่ ะ ชนดิ รวมท้งั การนาไปใชป้ ระโยชน์ 1.3 ให้นกั เรียนร่วมกนั ตั้งคาถามเก่ยี วกบั สิ่งทต่ี อ้ งการรู้ จากเนื้อหาท่ีเก่ยี วกบั เร่ืองทฤษฎจี ลน์ของ แกส๊ กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2. ขน้ั สารวจและคน้ หา (60 นาท)ี 2.1 แบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่มละ 4 คน 2.2 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันวางแผนสบื ค้นทฤษฎีจลน์ของแก๊ส 2.3 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสบื ค้นทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส 2.4 นักเรียนแต่ละกลมุ่ อภปิ รายรว่ มกันถึงทฤษฎจี ลนข์ องแก๊ส 3. ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (45 นาที) 3.1 นกั เรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอผลการสบื ค้นทฤษฎจี ลนข์ องแกส๊ 3.2 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มไดผ้ ลการสืบค้นเหมือนกันหรือตา่ งกันอยา่ งไร เพราะเหตุใด 3.3 ครูต้ังคาถามวา่ - การเคลื่อนที่แบบบราวน์เป็นอยา่ งไร - แบบจาลองของแกส๊ อุดมคติเป็นอย่างไร - ความดนั และพลงั งานจลน์เฉล่ียของแกส๊ หาได้อย่างไร - อตั ราเร็วของโมเลกุลของแกส๊ หาได้อย่างไร 3.4 นักเรียนทั้งหมดรว่ มกันสรุปผลจากการสบื ค้นทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส กิจกรรมรวบยอด 4. ขัน้ ขยายความรู้ (90 นาที) 4.1 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ เสนอแนวคิดในการแก้ปญั หาโจทยเ์ รื่องทฤษฎจี ลน์ของแกส๊ - จงหา Vrms ของโมเลกุลของแกส๊ ออกวิเจนที่อณุ หภูมิ 300 เคลวิน 4.2 ครูถามว่า จงเสนอแนวคิดในการนาความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีจลน์ของแก๊สไปใช้ประโยชน์ 4.3 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสรปุ เช่อื มโยงความคดิ เกีย่ วกบั ทฤษฎจี ลน์ของแก๊ส 5. ขั้นประเมินผล (30 นาที) 5.1 ให้นกั เรยี นแต่ละคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดมิ สิ่งทต่ี ้องการรู้ และ

ขอบเขตเป้าหมาย แลว้ ตรวจสอบวา่ ได้เรียนรู้ตามทต่ี ้งั เป้าหมายครบถว้ นหรือไม่เพียงใด ถา้ ยงั ไม่ครบถ้วนจะทาอย่างไร ตอ่ ไป (อาจสอบถามใหค้ รูอธบิ ายเพิ่มเติม สอบถามใหเ้ พ่ือนอธบิ าย หรอื วางแผนสืบคน้ เพมิ่ เตมิ ) 5.2 ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนด้านพุทธพิ ิสยั 5.3 ใหน้ ักเรยี นบนั ทึกหลงั เรยี น 5.4 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบันทกึ รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไม่เพยี งพอใชว้ ธิ สี ัมภาษณเ์ พมิ่ เติม 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ วี ัดและประเมนิ ผล 1.1 ให้นักเรียนทาแบบทดสอบอตั นัย 1 ข้อ 1.2 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจติ วทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑ์การให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไม่เพียงพอใช้วิธสี มั ภาษณ์เพมิ่ เติม 2. เคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผล 2.1 ขอ้ สอบอัตนัย 1 ข้อ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจิตวิทยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ข้อสอบอัตนัย ไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 75 3.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 75 3.3 แบบประเมนิ จติ วิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 วสั ดอุ ปุ กรณ์ ไม่มี 7. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. ชุดลูกสูบเครื่องยนต์เบนซิน 2. หอ้ งสมุด 3. ชุมชน 4. ฐานข้อมลู Internet http://www. sripatum.ac.th/online/physics5/k15.htm

บันทกึ หลังการการจดั การเรียนรู้ 1. จานวนนกั เรยี นท่ีสอน...............................คน 2. จานวนนกั เรยี นทีม่ าเรยี น หอ้ ง จานวนนกั เรยี น (คน) ห้อง จานวนนกั เรียน (คน) รวมจานวนนักเรียน จานวนนกั เรียน(คน) 3. คณุ ภาพผเู้ รยี นก่อนเรยี นแบ่งกลมุ่ ไดด้ งั นี้ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 4. ดาเนนิ การเรียนการสอนเพื่อสง่ เสริมและปรบั ปรงุ อย่างไร ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ........................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 5. คุณภาพผ้เู รยี นหลังเรยี น แบ่งกลุ่มไดด้ งั นี้ ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรียน(คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

ชือ่ – นามสกลุ สาเหตทุ ี่ไดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรับปรุง/แก้ไขปัญหา ................................................................................................................................................................................ ......... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 7. ผลการปรบั ปรงุ ......................................................................................................... ................................................................................ ....................................................................... ......................................................................................................... ......... 8. นกั เรยี นกลุม่ พอใช้ ดี และดมี าก สง่ เสริมอย่างไร ........................................................................................................................................................................ ................. ......................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (.................................................) ครผู ู้สอนความเหน็ ของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ......................................................................................... .................................................................................. .............. ................................................................................................................................................................ ......................... ลงชอื่ ................................................................. (.................................................) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้...........................................

ความเห็นของรองผู้อานวยการโรงเรยี นฝ่ายวชิ าการ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................ ....................................................... ลงชอื่ ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรียน ความเห็นของผอู้ านวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................................................ ............................. ................................................................................................................................................................... ลงช่อื ................................................................. (นางจฑุ ามาส เทพหัสดนิ ณ อยุธยา) ผูอ้ านวยการโรงเรียนสระแก้ว

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 14 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอื่ ง ความรอ้ น เวลาเรยี น 19 ชว่ั โมง แผนการเรียนรู้ท่ี 14 เรอื่ ง พลงั งานภายในของระบบ เวลา 6 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ีเ่ กดิ ขนึ้ สว่ นใหญ่มีรูปแบบทแี่ น่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและ เครื่องมือท่ีมีอยู่ในช่วงเวลาน้ันๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสง่ิ แวดล้อม มคี วามเก่ียวขอ้ งสัมพันธ์กนั ผลการเรยี นรู(้ สสวท.) 61. อธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างอณุ หภมู ิกับพลงั งานจลน์เฉลขี่ องโมเลกลุ ของแกส๊ ได้ พรอ้ มท้ังใชค้ วามสัมพันธ์นี้ คานวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวข้องกับสถานการณท์ ี่กาหนดให้ 62. นาความร้เู รือ่ งทฤษฏจี ลน์ของแกส๊ และกฎการอนุรักษพ์ ลังงานไปอธิบายการเปล่ียนแปลงพลงั งานภายใน ระบบของแกส๊ 63. นาความรู้เรื่องทฤษฎจี ลน์ของแก๊สไปอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั เช่นเครือ่ งยนต์แบบต่าง ๆ ไอนา้ ในอากาศและความดันไอ ตลอดจนการถ่ายโอนความร้อนของขวดเทอร์มอส ใยแกว้ และโฟมขาว 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด พลงั งานภายในของระบบคือพลังงานทัง้ หมดของโมเลกุลของแก๊สในระบบนน้ั ผลรวมของพลังงานจลน์ ทัง้ หมดของโมเลกุลคือพลังงานภายในของแก๊ส ความร้อนเป็นพลงั งานท่ีสามารถถา่ ยโอนจากท่ีหนึง่ ไปยงั อีกทีห่ นึง่ ที่ อณุ หภมู ติ า่ งกันไดจ้ นอุณหภมู ิเทา่ กันเรยี กว่าเกดิ สมดลุ ความรอ้ น อณุ หพลศาสตร์ เป็นการศึกษาเกี่ยวกบั การถ่ายโอน พลังงานความร้อนและงานทร่ี ะบบกระทาหรือถูกกระทาโดยส่ิงแวดล้อม 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สบื คน้ และอภปิ รายเก่ียวกับพลงั งานภายในของระบบ 2. อธิบายความหมายพลงั งานภายในของระบบ 3. อธบิ ายความสมั พันธ์ของพลงั งานภายในของระบบกับความร้อน 4. นาความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั พลงั งานภายในของระบบไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวัน 5. ออกแบบเคร่ืองมือเครื่องใช้หรอื ของเลน่ จากหลักการของพลงั งานภายในของระบบ 6. ประเมนิ ความสาคญั ของพลังงานภายในของระบบ 7. มีจิตวิทยาศาสตร์

4. สาระการเรยี นรู้ 1.สาระการเรียนรแู้ กนกลาง พลังงานภายในของระบบคือพลงั งานทงั้ หมดของโมเลกุลของแก๊สในระบบนั้น ผลรวมของพลังงานจลนท์ ั้งหมดของโมเลกุลคือพลงั งานภายในของแก๊สดังสมการ U = N< Ek > = 3½/2 NKBT กฎของความร้อน กล่าววา่ ความรอ้ นคือพลังงานทส่ี ามารถถ่ายโอนจากที่หนงึ่ ไปยังอีกท่ีหนึ่งที่อุณหภูมิต่างกนั ได้ ซง่ึ จะถา่ ยเทเม่ืออณุ หภมู ิต่างกันไม่เกี่ยวข้องกบั ความแตกตา่ งของพลังงาน หากอณุ หภมู ิเทา่ กันเรยี กว่าเกดิ สมดุล ความร้อน อุณหพลศาสตร์ เปน็ การศึกษาเกยี่ วกับการถ่ายโอนพลงั งานความร้อนและงานทรี่ ะบบกระทาหรือถกู กระทา โดยส่งิ แวดลอ้ ม โดยพลังงานท่ีระบบรับมาจะมีคา่ เท่ากับพลังงานของระบบท่เี ปลย่ี นไปรวมกบั การทางานของระบบ ดงั สมการ Q = U1-U2 + W กฎนเ้ี ป็นกฎขอ้ ท่ี 1 ซง่ึ เปน็ กฎการอนรุ ักษ์พลังงานของระบบ คณุ ลักษณะ(จติ วทิ ยาศาสตร)์ ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบคอบ การร่วมแสดงความคิดเหน็ และยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื ความมี เหตผุ ล และ การทางานรว่ มกับผูอ้ ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ 2. ชิ้นงาน/ภาระงาน(รวบยอด) 1. สบื คน้ ขอ้ มูลจากใบความรู้ ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ 2. ออกแบบการทดลอง 3. บนั ทึกและทาแบบฝึกหดั ในใบงาน 4. ออกแบบช้ินงาน 5. จดั นิทรรศการ 6. ทาโครงงาน 3. การวดั และประเมินผล 1.การประเมินกอ่ นเรียน - แบบทดสอบก่อนเรยี น - คาถาม 2.การประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ - แบบฝกึ หดั 3.การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรียน - รายงานการปฏบิ ตั ิงาน 4.การประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด)

- ผลการตรวจแบบฝึกหัดกอ่ นเรียน – หลังเรยี น - รายงานการปฏบิ ัติงาน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ กิจกรรมนาสู่การเรียน 1. ขั้นสร้างความสนใจ (15 นาท)ี 1.1 ให้นกั เรยี นสงั เกตการทางานของลูกสบู และกระบอกสูบ 1.2 นกั เรยี นท้ังหมดร่วมกนั ยกตวั อยา่ งการทางานของลกู สูบและกระบอกสูบในเคร่อื งจักรตา่ ง ๆ รว่ มกนั อภปิ รายถึงพลังงานภายในระบบ รวมทงั้ การนาไปใช้ประโยชน์ 1.3 ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ตัง้ คาถามเก่ียวกบั สง่ิ ท่ตี ้องการรู้ จากเน้อื หาทเ่ี กย่ี วกบั เรอ่ื งพลังงานภายใน ของระบบ กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2. ขัน้ สารวจและค้นหา (60 นาที) 2.1 แบง่ นักเรียนเปน็ กลุ่มละ 4 คน 2.2 นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันวางแผนสบื คน้ พลังงานภายในของระบบ 2.3 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสบื ค้นพลังงานภายในของระบบ 2.4 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ อภิปรายรว่ มกันถึงพลังงานภายในของระบบ 3. ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (60 นาท)ี 3.1 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลการสบื คน้ พลังงานภายในของระบบ 3.2 นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ไดผ้ ลการสบื ค้นเหมือนกนั หรือต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใด 3.3 ครตู ง้ั คาถามวา่ - พลังงานภายในของระบบหาไดอ้ ย่างไร - อุณหพลศาสตรเ์ ป็นอย่างไร 3.4 นักเรียนทงั้ หมดร่วมกนั สรุปผลจากการสบื ค้นพลังงานภายในของระบบ กจิ กรรมรวบยอด 4. ขน้ั ขยายความรู้ (150 นาที) 4.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มเสนอแนวคดิ ในการแกป้ ัญหาโจทย์เรื่องพลังงานภายในของ ระบบ 4.2 ครูถามวา่ จงเสนอแนวคิดในการนาความเข้าใจเกย่ี วกับพลังงานภายในของระบบไปใช้ประโยชน์ 4.3 นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรปุ เชอ่ื มโยงความคิดเกยี่ วกบั พลังงานภายในของระบบ 5. ข้ันประเมนิ ผล (90 นาท)ี 5.1 ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดิม สงิ่ ทีต่ ้องการรู้ และ

ขอบเขตเปา้ หมาย แล้วตรวจสอบวา่ ไดเ้ รียนรู้ตามทต่ี ้งั เปา้ หมายครบถ้วนหรอื ไมเ่ พียงใด ถา้ ยังไม่ครบถ้วนจะทาอย่างไร ต่อไป (อาจสอบถามใหค้ รูอธิบายเพ่มิ เติม สอบถามให้เพอ่ื นอธิบาย หรอื วางแผนสืบค้นเพ่ิมเติม) 5.2 ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านพทุ ธิพิสัย 5.3 ให้นักเรยี นบนั ทึกหลงั เรียน 5.4 ครูให้คะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบนั ทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมูลไมเ่ พยี งพอใชว้ ิธสี ัมภาษณเ์ พ่มิ เติม 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วิธีวดั และประเมนิ ผล 1.1 ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบอัตนัย 1 ข้อ 1.2 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมลู ไม่เพยี งพอใช้วิธสี ัมภาษณเ์ พม่ิ เติม 2. เคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล 2.1 ขอ้ สอบอัตนยั 1 ขอ้ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจิตวทิ ยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมิน 3.1 ขอ้ สอบอัตนัย ไดค้ ะแนนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 75 3.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 75 3.3 แบบประเมนิ จติ วิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 75 วสั ดุอปุ กรณ์ ไม่มี 7. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ 1. กระตกิ นา้ ร้อน 2. ห้องสมุด 3. ชุมชน 4. ฐานข้อมลู Internet http://www. e-learning.ne7.go.th/ntc/basicles_pensri/science/unit6.doc

บันทกึ หลังการการจัดการเรียนรู้ 1. จานวนนกั เรยี นท่ีสอน...............................คน 2. จานวนนกั เรยี นทีม่ าเรียน หอ้ ง จานวนนักเรยี น (คน) ห้อง จานวนนักเรียน (คน) รวมจานวนนกั เรยี น จานวนนกั เรียน(คน) 3. คณุ ภาพผเู้ รยี นก่อนเรยี นแบง่ กลมุ่ ไดด้ งั นี้ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง 4. ดาเนนิ การเรียนการสอนเพ่อื สง่ เสริมและปรบั ปรุงอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ........................................... ................................................................................................ ......................................................................................... ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผ้เู รยี นหลังเรียน แบ่งกลมุ่ ได้ดงั นี้ ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรยี น(คน) ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง

ชือ่ – นามสกลุ สาเหตทุ ไ่ี ดป้ รบั ปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรับปรงุ /แก้ไขปัญหา ................................................................................................................................................................................ ......... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ 7. ผลการปรบั ปรงุ ......................................................................................................... ................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ......... 8. นกั เรยี นกลุม่ พอใช้ ดี และดมี าก ส่งเสริมอย่างไร ................................................................................................................................................................................... ...... .................................................................................................................. ....................................................................... ลงชอื่ ................................................................. (.................................................) ครูผูส้ อนความเหน็ ของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้ ......................................................................................... ................................................................................................ ....................................................... ......................................................................................................... ......................... ลงชอื่ ................................................................. (.................................................) หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้...........................................

ความเห็นของรองผ้อู านวยการโรงเรยี นฝ่ายวชิ าการ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ ................................................................. (....................................................) รอง/ผู้ชว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรยี น ความเห็นของผ้อู านวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................................................ ............................. ................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ................................................................. (นางจุฑามาส เทพหัสดนิ ณ อยุธยา) ผ้อู านวยการโรงเรียนสระแก้ว

โรงเรยี นสระแกว้ ตาบลสระแกว้ อาเภอเมอื งสระแก้ว จงั หวัดสระแกว้ สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 7


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook