Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนฟิสิกส์ 5 ว30205

แผนการสอนฟิสิกส์ 5 ว30205

Published by pupa rung, 2021-04-12 11:10:18

Description: แผนการสอนฟิสิกส์ 5 ว30205

Search

Read the Text Version

10. หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 11. การบรู ณาการ - บรู ณาการกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย - บูรณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ - บูรณาการกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ - บรู ณาการกลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ 12. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ กจิ กรรมนาสู่การเรียน 1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (15 นาท)ี 1.1 ใหน้ ักเรยี นสงั เกตการหมุนของมอเตอรไ์ ฟฟา้ และไดนาโม 1.2 นกั เรยี นทงั้ หมดร่วมกนั ยกตวั อย่างไดนาโมและมอเตอรไ์ ฟฟา้ ในเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ในชีวิตประจาวนั รว่ มกนั อภปิ รายถงึ การเหนย่ี วนาไฟฟ้าและหลักการทางาน รวมท้ังการนาไปใช้ประโยชน์ 1.3 ให้นกั เรียนร่วมกนั ต้ังคาถามเกยี่ วกับสิง่ ที่ตอ้ งการรู้ จากเน้อื หาทเี่ ก่ยี วกบั เรือ่ งกระแสไฟฟา้ เหน่ยี วนาและ แรงเคลอื่ นไฟฟ้าเหนย่ี วนา กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ 2. ขนั้ สารวจและคน้ หา (90 นาท)ี 2.1 แบง่ นักเรียนเป็นกล่มุ ละ 4 คน 2.2 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษากระแสไฟฟา้ เหน่ยี วนาและแรงเคล่ือนไฟฟา้ เหนย่ี วนา 2.3 นกั เรยี นแต่ละกลุม่ อภปิ รายร่วมกันถึงกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนาและแรงเคล่ือนไฟฟ้าเหนี่ยวนา 3. ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (75 นาท)ี 3.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลการศึกษากระแสไฟฟ้าเหนีย่ วนาและแรงเคล่ือนไฟฟ้าเหนย่ี วนา

3.2 นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ได้ผลการศึกษาเหมอื นกนั หรอื ต่างกนั อยา่ งไร เพราะเหตุใด 3.3 ครตู ง้ั คาถามว่า - เมอ่ื ให้แท่งแม่เหล็กเคลื่อนทเี่ ข้าใกล้ขดลวดโดยใชข้ ้วั แม่เหลก็ เดิม เขม็ แอมมิเตอรเ์ บนอยา่ งไร - เมอื่ ให้แทง่ แมเ่ หล็กเคลื่อนทีเ่ ข้าใกล้ขดลวดโดยเปลย่ี นขัว้ แม่เหลก็ การเบนของเขม็ แอมมิเตอร์แตกตา่ ง กนั หรอื ไม่ เพราะเหตุใด - ลวด PQ และ RS จะมีกระแสไฟฟา้ เหนี่ยวนาเกิดขนึ้ หรอื ไม่ - กฎของเลนซ์เป็นอยา่ งไร - เมือ่ ให้ขดลวดตวั นา P หยดุ นิง่ และใหก้ ระแส I มีค่าเพิม่ ขึ้น จะเกิดกระแสไฟฟา้ ในขดลวดตัวนา P หรอื ไม่ และกระแสไฟฟ้ามีทิศใด - ถ้าขดลวด P มสี ่วนขาดที่ทาให้ไมค่ รบรอบ แต่มีฟลกั ซ์แมเ่ หลก็ ผา่ นขดลวด จะมีกระแสไฟฟ้าเหนยี่ วนา เกดิ ขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด 3.4 นกั เรียนทั้งหมดร่วมกันสรปุ ผลจากการศึกษากระแสไฟฟา้ เหนี่ยวนาและแรงเคล่ือนไฟฟ้า เหนยี่ วนา กิจกรรมรวบยอด 4. ขน้ั ขยายความรู้ (90 นาที) 4.1 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาโจทย์เรื่องกระแสไฟฟา้ เหน่ียวนาและแรงเคลือ่ นไฟฟา้ เหนีย่ วนา 4.2 ครูถามว่า จงเสนอแนวคิดในการนาความเข้าใจเกย่ี วกับกระแสไฟฟ้าเหนย่ี วนาและแรงเคลือ่ นไฟฟ้า เหน่ียวนาไปใชป้ ระโยชน์ 4.3 นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรปุ เช่ือมโยงความคิดเก่ยี วกับกระแสไฟฟา้ เหนย่ี วนาและแรงเคลื่อนไฟฟา้ เหนี่ยวนา 5. ขนั้ ประเมินผล (30 นาท)ี 5.1 ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนย้อนกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดมิ ส่ิงท่ตี ้องการรู้ และ ขอบเขตเป้าหมาย แล้วตรวจสอบวา่ ไดเ้ รยี นรู้ตามทต่ี ั้ง เป้าหมายครบถ้วนหรอื ไมเ่ พยี งใด ถ้ายงั ไม่ครบถ้วนจะทา อยา่ งไรตอ่ ไป (อาจสอบถามให้ครอู ธิบายเพ่ิมเติม สอบถามให้เพอ่ื นอธิบาย หรือวางแผนสบื คน้ เพม่ิ เติม) 5.2 ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นด้านพทุ ธิพิสยั 5.3 ใหน้ ักเรียนบนั ทึกหลงั เรยี น 5.4 ครใู หค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวิทยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบันทกึ รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไมเ่ พยี งพอใช้วธิ ีสมั ภาษณ์เพมิ่ เติม 13. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ ีวดั และประเมินผล 1.1 ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบอัตนยั 1 ข้อ

1.2 ครใู หค้ ะแนนทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไมเ่ พยี งพอใชว้ ธิ ีสัมภาษณ์เพมิ่ เติม 2. เครือ่ งมือวดั และประเมนิ ผล 2.1 ข้อสอบอัตนยั 1 ขอ้ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจิตวทิ ยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ข้อสอบอัตนยั ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 75 3.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ75 3.3 แบบประเมนิ จติ วทิ ยาศาสตร์ ไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 75 14. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แมแ่ รง 2. ห้องสมุด 3. ชุมชน 4. ฐานขอ้ มูล Internet http://www. sripatum.ac.th/online/physics5/k07.htm

บนั ทึกหลังการการจัดการเรียนรู้ 1. จานวนนักเรยี นทส่ี อน...............................คน 2. จานวนนกั เรียนท่ีมาเรียน ห้อง จานวนนักเรยี น (คน) หอ้ ง จานวนนกั เรยี น (คน) รวมจานวนนักเรยี น จานวนนกั เรียน(คน) 3. คณุ ภาพผู้เรยี นก่อนเรียนแบ่งกลมุ่ ได้ดงั น้ี ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง 4. ดาเนนิ การเรียนการสอนเพอ่ื สง่ เสริมและปรับปรุงอยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................... .................................................................. ................................................................................................ ......................................................................................... ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผ้เู รียนหลงั เรียน แบง่ กลุม่ ไดด้ งั น้ี จานวนนกั เรียน(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

ช่ือ – นามสกลุ สาเหตทุ ไ่ี ดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรับปรุง/แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ 7. ผลการปรับปรงุ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 8. นักเรียนกล่มุ พอใช้ ดี และดมี าก ส่งเสรมิ อย่างไร ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................. ....................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชือ่ ................................................................. (.................................................) ครูผู้สอนความเหน็ ของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้

....................................................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................................................................ ......................... ลงช่ือ................................................................. (.................................................) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้........................................... ความเหน็ ของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ ......................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................... ......................................................... ลงชื่อ................................................................. (....................................................) รอง/ผชู้ ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรยี น ความเหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียน ............................................................................................................................................................ ............................. ................................................................................................................................................................... ลงช่อื ................................................................. (นางจฑุ ามาส เทพหสั ดนิ ณ อยธุ ยา) ผู้อานวยการโรงเรียนสระแก้ว

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง แมเ่ หลก็ และไฟฟา้ เวลาเรยี น 19 ชวั่ โมง แผนการเรยี นรู้ที่ 5 เรอ่ื ง ไฟฟ้ากระแสสลบั เวลา 3 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสูง โรงเรยี นสระแกว้ 1. สาระท่ี - 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ – 3. ผลการเรียนรู้ อธิบายหลกั การทางานและประโยชนข์ องเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลบั 3 เฟส การแปลงอีเอ็มเอฟของหมอ้ แปลง และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้อง 4. สาระการเรยี นรู้ 1. สาระการเรียนรู้แกนกลาง - กฎเหนย่ี วนาของฟาราเดย์ - เครื่องกาเนิดไฟฟ้า - การประยุกต์ใชห้ ลกั การอีเอ็มเอฟเหน่ียวนา 2. สอดแทรกหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง การบูรณาการกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3. สอดแทรกความรกู้ ารเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน สาระการเรียนรูท้ ้องถิ่น - 5. สาระสาคญั ลกั ษณะไฟฟ้ากระแสสลับ ความต่างศกั ย์ไฟฟ้ามีการเปล่ยี นแปลงตามเวลา ในลักษณะที่เปน็ กราฟรูป Sine และทิศทางของกระแสไฟฟ้า จะกลับไปกลบั มา เป็นการเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารโ์ มนิกอยา่ งงา่ ย การต่อตวั ต้านทานในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ความสัมพนั ธข์ องความตา่ งศักย์ กบั เวลา คอื V  Vm sin t เมือ่ Vm คือ ศกั ย์ไฟฟ้าสงู สดุ ความสัมพนั ธข์ องกระแสไฟฟา้ กบั เวลา คือ I  Im sin t เมื่อ Im คือ กระแสไฟฟา้ สูงสดุ

การวัดคา่ ความต่างศกั ย์ของไฟฟ้ากระแสสลบั โดยท่ัวไป การวดั ไฟฟา้ กระแสสลบั เช่น ความต่างศักย์ หรอื กระแสไฟฟ้า จะวัดเปน็ ค่ารากทส่ี องของค่าเฉล่ีย ของ กาลังสอง ของความต่างศักย์ (Vrms ) และรากท่ีสองของค่าเฉล่ีย ของกาลังสอง ของไฟฟ้ากระแสสลับ ซ่ึงมีสัญลักษณ์ ( Irms ) โดยท่ี ,I rms  Im Vrms  Vm 2 2 หาค่าเฉลย่ี ของกาลงั สองเฉล่ยี จาก i 21 T Im2 sin 2 tdt  I 2m T 0 2 I rms  Im 2 การต่อตัวต้านทาน และตวั เก็บประจุ ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั การหาค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีตกคร่อมตัวต้านทาน และต่อตัวประจุ ที่ต่อในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ไม่ เหมือนกับในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าที่ตกคร่อมตวั ตา้ นทาน สัมพนั ธก์ บั เวลา ดงั นี้ VR  Vm sin t ความตา่ งศักยไ์ ฟฟา้ ท่ีตกคร่อมตัวเก็บประจุ สัมพนั ธ์กบั เวลา ดงั น้ี VC  Vm sin(t ) นั่นคือ เฟสของความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีตกคร่อมตัวเก็บประจุ จะตามเฟสของความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัว ต้านทาน ท่ีตอ่ แบบอนกุ รมอยู่ 90 การหาความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ารวม ต้องใช้วธิ กี ารเขยี นแผนภาพเฟสเซอร์ ดงั น้ี VR Vรวม  VR2 VC2 VC ความยาวของลูกศรแทนขนาด และตาแหน่งของลูกศรแสดงเฟสเริ่มต้น สาหรับตัวเก็บประจุท่ีต่ออยู่ใน วงจรไฟฟา้ กระแสสลับ ความต่างศักยท์ ต่ี ัวเก็บประจุ (VC ) คือ

VC  Vm sin t และกระแสไฟฟ้า( IC ) คอื IC  CV cos t  CV sin(t  ) 2 นั่นคือความต่างศักยไ์ ฟฟ้าจะมีเฟสตามกระแสไฟฟา้ อยู่ 900 ตวั ตา้ นทานและตวั เหนยี่ วนาในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั การหาค่าของความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าทีต่ กคร่อมตัวต้านทานและตวั เหน่ียวนาไฟฟ้าที่ต่อในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ ไม่เหมือนกบั ในวงจรไฟฟ้ากระแสตรง ความตา่ งศกั ย์ไฟฟ้าท่ตี กคร่อมตัวตา้ นทาน สัมพนั ธก์ ับเวลา ดงั น้ี VR  Vm sin t ความตา่ งศักยไ์ ฟฟ้าที่ตกคร่อมตวั เหน่ยี วนา สมั พันธก์ ับเวลา ดงั นี้ VL  Vm sin(t ) น่ันคือ เฟสของความต่างศักย์ไฟฟ้าท่ีตกคร่อมตัวต้านทาน จะตามเฟสของความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ตกคร่อมตัว เหนยี่ วนา ทต่ี อ่ แบบอนุกรมอยู่ 90 การหาความต่างศักย์รวมตอ้ งใชว้ ิธกี ารเขียนแผนภาพเฟสเซอร์ ดังนี้ VL Vรวม VR ความยาวของลูกศรแทนขนาด และตาแหน่งของลูกศรแสดงเฟสเรมิ่ ต้น สาหรับตัวเหนี่ยวนาท่ตี ่ออย่ใู นวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั ความตา่ งศักย์ท่ตี วั เหนยี่ วนา (VL ) คือ VL  Vm cos t  Vm sin(t  ) 2 และกระแสไฟฟา้ ( IL )คือ IL  Im sin t น่นั คอื กระแสไฟฟ้าจะมเี ฟสตามความต่างศักย์ไฟฟ้าอยู่ 90

6. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกลกั ษณะของกราฟระหว่างความต่างศักย์กับเวลาในวงจรทตี่ ัวตา้ นทานต่อกับแหล่งกาเนดิ ไฟฟ้า กระแสสลับ 2. สรุปความสัมพันธ์ระหว่างกระแสกบั เวลา และความต่างศักย์กบั เวลา ทม่ี กี ารเปลี่ยนคา่ ในรปู ของฟังกช์ นั ไซน์ ได้ 3. สามารถอธบิ ายค่ารากท่สี องของคา่ เฉลย่ี ของกาลังสองของความต่างศักย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า กระแสสลับได้ 4. สามารถอธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งคา่ สงู สดุ กับคา่ รากท่สี องของค่าเฉลยี่ ของกาลังสองของกระแสไฟฟ้าและ ความตา่ งศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ได้ 5. สามารถวัดคา่ ปรมิ าณต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับท่ีประกอบด้วยตวั ต้านทานและตัวเก็บ ประจุได้ เมื่อ กาหนดสถานการณม์ าให้ 6. สามารถวิเคราะห์และเปรียบเทยี บกราฟระหว่างความต่างศักย์ไฟฟา้ กับเวลาของตัวต้านทานและตัวเก็บประจุ ไฟฟา้ ได้ 7. สามารถเขียนแผนภาพเฟสเซอร์ได้ 8. สามารถแกป้ ญั หาเกยี่ วกับไฟฟา้ กระแสสลับโดยใช้แผนภาพเฟสเซอรไ์ ด้ 9. สามารถบอกความหมายของคา่ รแี อกแทนซเ์ ชิงเหน่ียวนาได้ 7. จุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรียน 7.1 ดา้ นความสามารถและทกั ษะ แสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง ใช้เทคโนโลยเี พ่ือการเรยี นรู้ มีทักษะการคิดชั้นสูง ทักษะการส่อื สารอย่าง สรา้ งสรรค์ตามชว่ งวัย 7.2 ดา้ นคุณลักษณะเฉพาะชว่ งวัย อยอู่ ย่างพอเพยี ง 8. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

9. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซือ่ สตั ย์ สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6. มุง่ มั่นในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 10. หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 11. การบรู ณาการ - บูรณาการกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย - บูรณาการกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ - บรู ณาการกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ - บรู ณาการกลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ 12. กระบวนการจดั การเรียนรู้ / กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ 3. แลกเปลย่ี นประสบการณ์ - ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภิปราย ก่อนเรยี น เก่ียวกับลักษณะของไฟฟ้ากระแสสลบั วา่ ต่างจากไฟฟา้ กระแสตรงอยา่ งไร เครื่องมือทใี่ ช้วดั ปรมิ าณต่างๆของไฟฟ้ากระแสสลับใชเ้ หมือนกบั ไฟฟ้ากระแสตรงอย่างไร 4. นาเสนอความรู้ - ครทู บทวนเกีย่ วกับกราฟของฟงั ก์ชันไซน์

- ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ หลงั จากทากิจกรรมท่ี 4.1 เก่ยี วกบั กราฟระหวา่ งความตา่ งศกั ย์กับเวลาในวงจรที่ตัว ตา้ นทานต่อกบั แหลง่ กาเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับ โดยใช้ Power point - ครูอธิบายเพ่ิมเติม หลังทากิจกรรมที่ 4.1 เกี่ยวกับ สมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสกับเวลา และความตา่ งกับศักย์กับ เวลา ทม่ี ีการเปลี่ยนคา่ ในรูปของฟังก์ชันไซน์ โดยใช้ Power point - ครอู ธบิ ายการหาคา่ เฉลีย่ กาลังสองของกระแสไฟฟ้าโดยการอินทิเกรต และอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ค่าสูงสุดกบั ค่ารากท่สี องของค่าเฉล่ียของกาลังสองของกระแสไฟฟา้ และความตา่ งศกั ย์ไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า กระแสสลบั ได้ โดยใช้ Power point - ครอู ธบิ ายวงจรไฟฟา้ กระแสสลับที่มีเฉพาะ ตัวเกบ็ ประจุ โดยใช้ Power point และสื่อ Physics Cyber Lab เร่ืองวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ - ครอู ธิบายวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั ท่มี เี ฉพาะ ขดลวดเหนี่ยวนา โดยใช้ Power point และส่อื Physics Cyber Lab เรอื่ งวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั 5. สรา้ งองคค์ วามรู้ - นักเรียนทากจิ กรรมท่ี 4.1 การวดั ค่าความตา่ งศักย์ไฟฟา้ โดยแบ่งนกั เรียน เปน็ กล่มุ ละ 3 คน แจก อุปกรณ์ - นกั เรยี นบันทึก วเิ คราะห์ และสรุป และรายงานผลการทากจิ กรรมท่ี 4.1 - ฝึกหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งระหว่างคา่ สงู สดุ กับค่ารากทสี่ องของค่าเฉลีย่ ของกาลังสองของ กระแสไฟฟ้าและความต่างศักยไ์ ฟฟ้าในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับนักเรยี นทาใบงาน เร่ือง กระแสและ ความต่างศักย์ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลบั 6. การประยุกตใ์ ชห้ รอื ลงมือปฏบิ ตั ิ - นักเรยี นทาใบงาน เร่อื ง กระแสและความต่างศกั ย์ในวงจรไฟฟา้ กระแสสลับ 13. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ วี ดั และประเมนิ ผล 1.1 ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบอัตนัย 1 ข้อ 1.2 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไม่เพยี งพอใชว้ ิธีสมั ภาษณเ์ พ่ิมเติม 2. เครือ่ งมือวัดและประเมินผล 2.1 ข้อสอบอัตนยั 1 ข้อ

2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจติ วิทยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ข้อสอบอัตนัย ได้คะแนนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 75 3.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ75 3.3 แบบประเมนิ จติ วิทยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 75 14. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แม่แรง 2. ห้องสมดุ 3. ชมุ ชน 4. ฐานข้อมูล Internet http://www. sripatum.ac.th/online/physics5/k07.htm บนั ทกึ หลังการการจดั การเรยี นรู้ 1. จานวนนักเรยี นทสี่ อน...............................คน 2. จานวนนกั เรียนทีม่ าเรียน หอ้ ง จานวนนกั เรยี น (คน) หอ้ ง จานวนนักเรยี น (คน) รวมจานวนนักเรียน จานวนนกั เรยี น(คน) 3. คณุ ภาพผูเ้ รียนก่อนเรยี นแบง่ กลมุ่ ไดด้ งั นี้ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

4. ดาเนินการเรียนการสอนเพ่ือส่งเสรมิ และปรบั ปรงุ อยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ........................................... ................................................................................................ ......................................................................................... ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผเู้ รียนหลงั เรียน แบ่งกลุ่มได้ดงั นี้ จานวนนกั เรียน(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ช่อื – นามสกลุ สาเหตทุ ี่ไดป้ รบั ปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรบั ปรุง/แก้ไขปัญหา ................................................................................................................................................................................ ......... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................

7. ผลการปรับปรุง ......................................................................................................... ................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ......... 8. นกั เรยี นกลุม่ พอใช้ ดี และดีมาก สง่ เสริมอย่างไร .......................................................................................................................................................................... ............... .................................................................................................................. ....................................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชอื่ ................................................................. (.................................................) ครผู ู้สอนความเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ......................................................................................... ................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ......................... ลงชื่อ................................................................. (.................................................) หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้........................................... ความเห็นของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝ่ายวิชาการ ......................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ............................. ลงช่อื ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรยี น ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางจุฑามาส เทพหัสดนิ ณ อยุธยา) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสระแก้ว



แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง ของไหล เวลาเรยี น 19 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรู้ที่ 6 เรอ่ื งกฎของพาสคลั เวลา 3 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสูง โรงเรยี นสระแกว้ 1. สาระที่ - 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ – 3. ผลการเรยี นรู้ อธิบายและคานวณความดันเกจ ความดันสมั บูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทั้งอธิบายหลกั การทางาน ของแมนอมิเตอร์ บารอมเิ ตอร์ และเคร่อื งอัดไฮดรอลกิ 4. สาระการเรยี นรู้ 1. สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - กฎของพาสคัล - เครื่องอัดไฮดรอลกิ 2. สอดแทรกหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การบรู ณาการกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 3. สอดแทรกความร้กู ารเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน - 5. สาระสาคัญ กฎของพาสคัลคือ เมื่อเพ่ิมความดันในของเหลวท่ีอย่นู ง่ิ ในภาชนะปิด ความดนั ท่ีเพม่ิ จะถูกถา่ ยทอดไปยงั ทุก ๆ ตาแหน่งในของเหลวรวมทั้งผนังของภาชนะด้วย นาหลกั การนไ้ี ปสร้างเคร่อื งอัดไฮดรอลิก ดังสมการ W/F = A/a ซึ่งปริมาณนีเ้ รียกวา่ การได้เปรียบเชิงกล เคร่ืองมือที่อาศยั หลักการของเครื่องอัดไฮดรอลิกได้แก่ แมแ่ รงยกรถยนต์ เก้าอ้ีทาฟนั และระบบห้ามลอ้ รถยนต์ 6. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สืบค้นและอภปิ รายเกย่ี วกับกฎของพาสคัลและเคร่ืองอัดไฮดรอลิก 2. อธบิ ายความหมายของเคร่ืองอัดไฮดรอลิก 3. อธบิ ายความสัมพนั ธเ์ ก่ยี วกับแรงและพืน้ ทใ่ี นเคร่ืองอัดไฮดรอลิก 4. นาความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับกฎของพัสคลั ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวัน

5. จาแนกประเภทหรอื สรา้ งเกณฑ์เก่ยี วกบั เครอ่ื งอัดไฮดรอลิก 6. ออกแบบเคร่ืองมือเครื่องใชห้ รอื ของเล่นจากหลักการของเครือ่ งอัดไฮดรอลิก 7. ประเมินความสาคัญของเครื่องอดั ไฮดรอลิก 8. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. จดุ เน้นการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน 7.1 ดา้ นความสามารถและทักษะ แสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง ใช้เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ มีทักษะการคิดช้ันสูง ทักษะการสอ่ื สารอยา่ ง สร้างสรรค์ตามชว่ งวยั 7.2 ด้านคณุ ลกั ษณะเฉพาะชว่ งวัย อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง 8. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 9. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซอ่ื สัตย์ สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพยี ง 6. มุง่ มน่ั ในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 10. หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

11. การบูรณาการ - บูรณาการกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย - บรู ณาการกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ - บรู ณาการกลุม่ สาระการเรียนร้ศู ลิ ปะ - บรู ณาการกลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ 12. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ 1. ขน้ั สรางความสนใจ (Engagement : E1) 1.1 ให้นักเรียนสังเกตการทางานของแมแ่ รงยกรถยนต์ 1.2 นกั เรยี นทงั้ หมดร่วมกนั ยกตัวอยา่ งการทางานของเครื่องไฮดรอลกิ อน่ื ๆ รว่ มกันอภปิ ราย กระบวนการทางาน รวมท้งั การนาไปใชป้ ระโยชน์ 1.3 ใหน้ กั เรียนร่วมกันตัง้ คาถามเก่ยี วกบั สง่ิ ทต่ี อ้ งการรู้ จากเน้อื หาท่เี กยี่ วกับเร่ืองกฎของพาสคลั และ เครอ่ื งอดั ไฮดรอลิก 2. ขนั้ สารวจและคนหา (Exploration : E2) 2.1 แบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ ละ 4 คน 2.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสืบค้นกฎของพาสคลั และเครื่องอดั ไฮดรอลิก 2.3 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ อภิปรายรว่ มกนั ถงึ กฎของพาสคลั และเครอ่ื งอัดไฮดรอลิก 3. ขนั้ อธบิ ายและลงขอสรปุ (Explanation : E3) 3.1 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการสืบคน้ กฎของพาสคลั และเครื่องอัดไฮดรอลิก 3.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มไดผ้ ลการศึกษาเหมือนกันหรือต่างกันอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด 3.3 ครูต้งั คาถามว่า - กฎของพาสคลั กลา่ ววา่ อย่างไร - การไดเ้ ปรียบเชิงกลของเครอ่ื งอดั ไฮดรอลิกหาได้อย่างไร 3.4 นกั เรียนทง้ั หมดรว่ มกันสรุปผลจากการสบื ค้นกฎของพาสคลั และเคร่ืองอัด ไฮดรอลกิ 4. ขนั้ ขยายความรู (Elaboration : E4) 4.1 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาโจทย์เรื่องกฎของพาสคลั และ เครอ่ื งอดั ไฮดรอลิก - ลกู สูบใหญข่ องของแมแ่ รงยกรถยนตม์ ีพ้ืนท่เี ป็น 100 เทา่ ของลกู สูบเล็ก ถ้ายกมวล 1,200 kg ตอ้ ง ออกแรง กดท่ลี กู สบู เลก็ เท่าไร 4.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ เสนอแนวคดิ ในการนาความเข้าใจเก่ียวกับกฎของพาสคัลและเครื่องอัดไฮ ดรอลิกไปใช้ประโยชน์ 4.3 นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรุปเก่ียวกับกฎของพาสคลั และเคร่ืองอัดไฮดรอลิก

5. ขั้นประเมิน (Evaluation : E5) 5.1 ให้นกั เรยี นแตล่ ะคนย้อนกลับไปอ่านบนั ทึกประสบการณเ์ ดมิ สงิ่ ทีต่ ้องการรู้ และ ขอบเขตเป้าหมาย แลว้ พูดและบนั ทกึ ส่ิงท่ไี ด้เรียนรู้ และตรวจสอบวา่ ได้เรียนรู้ตามท่ีตั้งเปา้ หมาย ครบถว้ นหรอื ไมเ่ พยี งใด ถ้ายังไมค่ รบถว้ นจะทาอยา่ งไรต่อไป (อาจสอบถามให้ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติม สอบถามให้เพ่ือนอธิบาย หรือวางแผนสืบค้นเพม่ิ เติม) 5.2 ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นด้านพทุ ธพิ สิ ัย 5.3 ใหน้ กั เรยี นบันทึกหลงั เรียน 5.4 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจติ วิทยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบันทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไมเ่ พยี งพอใชว้ ธิ ี สัมภาษณ์เพ่ิมเตมิ 13. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วิธีวัดและประเมินผล 1.1 ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบอัตนยั 1 ข้อ 1.2 ครใู ห้คะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวทิ ยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไมเ่ พียงพอใชว้ ิธีสมั ภาษณ์เพ่ิมเติม 2. เครื่องมือวดั และประเมินผล 2.1 ข้อสอบอัตนัย 1 ขอ้ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจิตวทิ ยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ข้อสอบอัตนัย ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 75 3.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ75 3.3 แบบประเมนิ จิตวทิ ยาศาสตร์ ได้คะแนนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 75 14. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แม่แรง 2. หอ้ งสมดุ 3. ชมุ ชน 4. ฐานข้อมลู Internet http://www. sripatum.ac.th/online/physics5/k07.htm

บันทึกหลงั การการจัดการเรียนรู้ 1. จานวนนกั เรียนทสี่ อน...............................คน 2. จานวนนักเรียนท่ีมาเรียน ห้อง จานวนนกั เรยี น (คน) หอ้ ง จานวนนกั เรยี น (คน) รวมจานวนนักเรียน 3. คณุ ภาพผู้เรยี นก่อนเรยี นแบ่งกลมุ่ ไดด้ งั นี้ จานวนนกั เรยี น(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 4. ดาเนนิ การเรยี นการสอนเพื่อสง่ เสรมิ และปรบั ปรุงอยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................... ................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผู้เรยี นหลังเรยี น แบง่ กลมุ่ ได้ดังน้ี ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรียน(คน) ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง

ช่อื – นามสกลุ สาเหตทุ ีไ่ ดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรบั ปรงุ /แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................................. 7. ผลการปรับปรุง ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. .......... 8. นักเรียนกลุ่มพอใช้ ดี และดีมาก สง่ เสริมอย่างไร ......................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชือ่ ................................................................. (.................................................) ครผู สู้ อนความเห็นของหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้

......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. .......................... ลงชอื่ ................................................................. (.................................................) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้........................................... ความเห็นของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝา่ ยวิชาการ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................. ............. ลงชอื่ ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ่วยรองผอู้ านวยการโรงเรยี น ความเหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรยี น ....................................................................................................................................... .................................................. ................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ................................................................. (นางจุฑามาส เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ผอู้ านวยการโรงเรียนสระแกว้

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง ของไหล เวลาเรยี น 19 ชวั่ โมง แผนการเรียนรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง แรงลอยตวั และหลกั ของอารค์ มิ ดิ สี เวลา 3 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ – ตวั ชวี้ ดั STEM วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ออกแบบและเทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ -เขา้ ใจขบวนการของ -ระบุปัญหา ออกแบบ อธิบายแรงลอยตัว หลัก -การนา้ ความรู้เรอ่ื งการ เทคโนโลยีในการพัฒนา และพัฒนาช้นิ งานจาก และป รับ ป รุงเครื่องมื อ วสั ดุที่กาหนดเพ่ือใหผ้ า่ น ข อ ง อ า ร์ คี เม ดิ ส แ ล ะ วัด ตัวเลข ความสัมพนั ธ์ เค ร่ือ งใช้ วัส ดุ อุ ป ก รณ์ เง่อื นไขโดยใช้ ผลิตภัณฑ์ หรือ วิธีการ กระบวนการออกแบบ คานวณหาปรมิ าณ ตา่ งๆ ที่ การดาเนนิ การ สถติ เชงิ เพ่ือใช้ในการดารงชีวิตท่ีดี เชิงวิศวกรรม ขึ้น เกย่ี วข้องจากสถานการณท์ ี่ พรรณนาและเรขาคณติ -ออกแบบและสร้างวสั ดุ อุ ป ก ร ณ์ เค รื่ อ ง มื อ กาหนดให้ได้ ในการอธบิ ายเก่ยี วกบั เคร่ืองใช้และผลิตภัณ ฑ์ หรือวิธีการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมทเ่ี ก่ียวข้อง กบั การเรียนรู้และ สรา้ งสรรค์ชิน้ งาน 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด แรงพยงุ หรือแรงลอยตัว คอื แรงท่ี ของเหลวกระท้าต่อวัตถมุ คี า่ เท่ากับน้าหนักของของเหลวที่ มี ปรมิ าตรเท่ากบั สว่ นทจ่ี มของวัตถุ ของเหลวทม่ี ีความหนาแน่นมากจะมแี รงพยงุ มาก วตั ถุที่ ลอยไดใ้ นของเหลว จะมีความหนาแนน่ น้อยกวา่ ความหนาแน่นของของเหลว ดังนนั้ แรงพยุงหรือแรงลอยตัวจะข้นึ อยู่กับปริมาณ ของของเหลวท่ี ถูกวัตถนุ นั้ แทนท่ี ยิ่งวตั ถุมพี ้นื ท่ี สัมผสั กับ ของเหลวมากหรือเข้าไปแทนที่ของเหลวได้มาก ความหนาแน่ นของวัตถุ น้นั จะลดลง ส่งผลใหแ้ รงพยุงหรือ แรงลอยตัวเพิ่มขนึ้ วตั ถจุ งึ ลอยตัวใน ของเหลวได้ ดังน้นั การลอยของวัตถใุ นของเหลวจะเกีย่ วขอ้ งกับความรูด้ ้านวทิ ยาศาสตร์ในเร่ืองของแรงลอยตวั หรือแรงพยุง การออกแบบให้ชน้ิ งานท่ีสามารถบรรจุส่ิงของต่างๆ ลงไปให้สามารถ ลอยในน้าได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพและมี ความสวยงามตอ้ งอาศยั กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ซงึ่ การออกแบบนวตั กรรมน้จี ะตอ้ งมีการสืบค้น

ข้อมลู เพอ่ื รวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ท่ี เก่ียวข้องกับการแก้ปญั หา และจะต้องมีการคานงึ ถงึ การทดสอบ ประสิทธภิ าพภายใตข้ ้อมูลเชิงปรมิ าณท่ีนา่ เช่ือถือ รวมถึงการคานึงถึงต้นทนุ ในการผลิตชนิ้ งานนั้น ความคุ้มคา่ ของชิน้ งานภายหลังการผลิต การเรียนร้ใู นเรื่องนส้ี ามารถออกแบบให้ผเู้ รยี นสร้างสรรคผ์ ลงานดว้ ย กระบวนการสะเตม็ ศึกษา โดยการเสนอประเดน็ ให้นักเรียนสร้างสรรคช์ ิ้นงานเพ่ือแก้ ปัญหาน้าทว่ ม ท่มี ีระดบั นา้ แปรปรวนตลอดเวลามที งั้ ระดับนา้ ท่ขี ้นึ สงู และลงตา่ ขนึ้ ลงโดยการออกแบบบา้ นสะเท้ินน้าสะเทิน้ บกท่ี สามารถ อยู่ด้วยตวั เองไดไ้ มว่ ่าระดบั น้าจะสูงหรือต่าหรือเป็นเพยี งดินชนื้ แฉะ บา้ นจะต้องสามารถวางอย่บู นดนิ ไดล้ อยอยู่ บนน้าไดโ้ ดยกนิ ระดับนา้ ที่ ตา่ สามารถรองรับน้าหนักได้ตามเงื่อนไขที่ กาหนด เป็นการเชือ่ มโยงสู่ชวี ิตจรงิ ที่ นักเรยี นอาจจะเผชญิ ไดใ้ นอนาคต เนอ่ื งจากปัจจุบนั โลกเผชญิ กบั ปัญหาภัยพบิ ัติต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ อยา่ งยิ่งภาวะโลกร้อน มนษุ ยเ์ ราจงึ ต้องเตรยี มพร้อมและต้องปรบั ตัวเพ่อื ให้สามารถดารงชีวิตอยู่ ได้เมื่อ สถานการณ์เปลีย่ นไป “โดยเฉพาะอย่างย่ิงนวัตกรรมบา้ นลอยน้า” 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับแรงพยุง จดุ ศนู ย์ถ่วงและเสถียรภาพสมดลุ รปู ทรงและปรมิ าตรของวตั ถุท่ีเกี่ยวข้อง กบั การสรา้ งแบบจ้าลองบ้านลอยนา้ ได้ 2. อธบิ ายเชือ่ มโยงองคค์ วามรู้ดา้ นคณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์กบั การสรา้ ง แบบจ้าลองบา้ นลอยนา้ ได้ ทักษะกระบวนการ 1. สืบคน้ ข้อมลู ผา่ นแหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ เกีย่ วกบั แรงพยุง จดุ ศนู ยถ์ ่วงและเสถียรภาพสมดุล รูปทรง และปรมิ าตรของวัตถุทีเ่ กี่ยวข้องกบั การสรา้ งแบบจ้าลองบ้านลอยน้า 2. ทดลองเพอื่ อธบิ ายเกย่ี วกบั แรงพยุงของของเหลวได้ 3. ออกแบบและเลอื กใช้วสั ดอุ ุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหาตามสถานการณ์ท่กี าหนดได้ 4. นาเสนอผลงานผ่านวธิ ีการต่างๆ ได้ ดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ไี ด้รบั มอบหมาย 2. ร่วมกนั ทา้ งานโดยใหก้ ระบวนการกลมุ่ 4. สาระการเรียนรู้ 1.สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - แรงพยุง - หลกั อารค์ ิมีดสี 2. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1.ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ปัญหา - การสารวจค้นหา

- การสรุปความเห็น 2.ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - การทางานเป็นกลุ่ม 3.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - การนาความร้ไู ปใช้ 3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - ความซือ่ สตั ย์ - ความมวี นิ ยั - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มน่ั ในการทางาน 4. การวดั และประเมนิ ผล 1.การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน - คาถาม 2.การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - แบบฝกึ หดั 3.การประเมินหลงั เรียน - แบบทดสอบหลงั เรยี น - รายงานการปฏบิ ัติงาน 4.การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝึกหดั ก่อนเรยี น – หลงั เรยี น - รายงานการปฏบิ ัติงาน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ แบง่ กลุม่ นักเรียนโดยคละชาย – หญงิ กล่มุ ละ 4 คน ข้นั สรา้ งความสนใจ (engagement) 1. บรหิ ารสมองและทบทวนความร้เู ดมิ ของนกั เรยี นเกีย่ วกับแรงพยุงของของเหลว โดยการต้งั คาถาม นักเรียนรู้อะไร มาแล้วเก่ยี วกบั แรงพยุงของของเหลว โดยการเขยี นบนกระดานของกลุม่ จากนั้นนาเสนอแลกเปลีย่ นเรยี นร้โู ดยการ จับฉลากหมายเลขสมาชกิ ท่ีจะนาเสนอผลงาน และกลุม่ ทีเ่ รมิ่ นา้ เสนอผลงาน วนจนครบทุกกลมุ่ 2. ร่วมกนั อภิปรายสรุปเพื่อให้เกิดความเขา้ ใจท่ีตรงกนั และแก้ไขความเข้าใจท่คี ลาดเคล่ือน (ถ้ามี)

ขน้ั สารวจและคน้ หา (exploration) 3. ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาวีดิทัศน์เก่ยี วกับแรงพยงุ ของของเหลวและรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับแรงพยงุ ในของเหลว พรอ้ ม ต้งั คาถาม “ถ้านักเรยี นจะออกแบบอุปกรณ์ให้สามารถบรรจสุ ่งิ ของและลอยน้าได้นักเรียนจะต้องคานึงถึงองคค์ วามรูท้ ี่ เกีย่ วขอ้ งอะไรบา้ ง” 4. นักเรยี นรว่ มกนั ศึกษาใบความรู้ที่ 1 เรื่อง แรงพยงุ และเสถยี รภาพของสมดุล 3. ท้าการทดลองหาแรงพยุงของนา้ ท่ีกระทา้ ต่อลกู แก้ว ตามรายละเอียดในใบกจิ กรรมที่ 1 4. ใหน้ ักเรียนศึกษาใบความรู้ที่ 2 เรือ่ ง รปู ทรงและพน้ื ท่สี มั ผสั มผี ลตอ่ แรงพยุง เพ่ือน้าความรทู้ ่ไี ด้ ไปใชใ้ นการสรา้ งแบบจาลองบา้ นลอยนา้ จากวัสดุที่กาหนดให้ 5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาสถานการณ์ จะสรา้ งแบบจาลองบา้ นลอยนา้ จากวสั ดทุ ก่ี าหนดให้ ไดแ้ ก่ หลอดกาแฟ เทปใส เทปกาวสองหนา้ ไม้ เสยี บลกู ชนิ้ ตะเกยี บ ยางรดั ของ ลกู ปิงปอง กระดาษฟอยด์ ดว้ ยรปู ทรงอยา่ งไร ใหส้ ามารถรบั นา้ หนักลูกแกว้ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ (ตอ้ งใชท้ ง้ั สองขนาด) ตามจานวนที่ กลมุ่ ของนกั เรยี นวางแผนโดยเมอ่ื ใสล่ กู แกว้ ทง้ั สองขนาดแลว้ บา้ นจาลองของกลมุ่ นักเรยี นจะตอ้ งมปี ริมาตรสว่ นทจี่ มในนา้ ไมต่ า่ กวา่ 850 cm3และอยู่ไดน้ านไมต่ า่ กว่า 5 นาที และพิจารณาวัสดทุ ี่กาหนดให้ ตดั สนิ ใจเลอื กวสั ดุทก่ี ลุ่มจะใช้ในการสร้างแบบจา้ ลองบา้ นลอยน้า จากนั้น ร่วมกันวางแผนและรา่ งแบบจาลองบา้ นลอยน้าของกลุ่มตนเอง คานวณปริมาตรทีเ่ ปน็ ไปได้ของแบบจาลองบ้านลอย น้าของกลมุ่ คานวณปริมาณลกู แก้วทัง้ สองขนาดทก่ี ลุม่ จะใชใ้ นการทดสอบประสทิ ธิภาพของแบบจาลองบ้านลอยน้า ของกลมุ่ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขทีก่ าหนด ทาการสร้างแบบจาลองบา้ นลอยนา้ ของกลุ่ม ทาการทดสอบช้ินงานทส่ี รา้ งขนึ้ บันทกึ รายละเอียดท้ังหมดในใบกิจกรรมให้แลว้ เสรจ็ ภายในเวลาท่ีกาหนดคือ ไมเ่ กนิ 100 นาที (ข้อ 1 – 6 ) 6. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาชิ้นงานของกลุ่มที่สร้างขึ้น มาท้าการทดสอบประสิทธิภาพตามเง่อื นไขที่กาหนด โดยการ ทดสอบครง้ั ละ 2 กลุ่ม บันทกึ ผลการทดสอบในใบกิจกรรมขอ้ 6 และ 7 7. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิดเพ่ือตอบคา้ ถามทา้ ยกิจกรรมให้เสร็จในเวลาที่กาหนด และนาเสนอผลงานให้ นา่ สนใจและครอบคลมุ ประเด็นต่างๆ ต่อไปน้ี ลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ (ใหเ้ วลา 30 นาท)ี - ปญั หาคืออะไร - ภาพร่างชิน้ งาน การเลือกวสั ดแุ ละรูปทรงพร้อมเหตผุ ล - วธิ ีการทดสอบประสทิ ธิภาพของแบบจาลองบ้านลอยนาของกลุ่ม ปญั หาท่กี ลุ่มพบในขณะทาการทดสอบ ชิ้นงานและวธิ กี ารแก้ปัญหา - ผลการทดสอบประสทิ ธิภาพของบา้ นลอยน้าตามเงื่อนไขทก่ี าหนด - แนวคิดในการปรับปรุงพฒั นาชน้ิ งานภายหลงั การทดสอบประสิทธิภาพตามเงือ่ นไขท่ีกาหนด -งบประมาณทใี่ ช้

-การบรู ณาการความรดู้ า้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยใี นการออกแบบและสร้างแบบจาลองบา้ น ลอยนา้ ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 8. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาผลงานกระดาษแผ่นใหญ่ของกลุ่มไปตดิ ทผี่ นงั ห้อง 9. ครแู จกดาวประเมินการนาเสนอผลงานใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม ๆ ละ 3 ดาว ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ประเมินการนาเสนอ ผลงานของเพ่อื นโดยการตดิ ดาวใหก้ ับกลุ่มท่ี นาเสนอผลงานไดใ้ นเวลาที่ กาหนดและครอบคลมุ ประเด็น น่าสนใจ เป็น ที่เขา้ ใจมีการอ้างองิ หลกั ฐานประจกั ษ์พยานได้ชัดเจนสามล้าดบั ยกเว้นกลมุ่ ตนเอง 10. ให้นักเรยี นสง่ ตวั แทนออกไปนาเสนอผลงานของกลมุ่ โดยต้องนาเสนอภายในเวลา 3 นาที 11. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายสรปุ เพอื่ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่ตรงกัน ขนั้ ขยายความรู้ (elaboration) 12. ครเู พม่ิ เติมความรู้เก่ียวกับการเชอ่ื มโยงบูรณาการองค์ความรู้ STEM ในกจิ กรรมการสรา้ งแบบจาลองบ้านลอยน้า 13. นักเรยี นทาแบบฝึกหัดเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับการหาแรงพยุงในของเหลว ขั้นประเมนิ (evaluation) 11. สมุ่ นกั เรยี นประมาณ 1 - 2 คน สรุปเกย่ี วกับการเรยี นในครั้งนี้ 12. ใหน้ กั เรยี นเขียนสะทอ้ นการเรยี นร้ใู นสมุดตามหัวข้อต่อไปน้ี * กจิ กรรมการเรยี นรู้ท้าให้นักเรียนเข้าใจเกยี่ วกับการประยุกต์ใช้ความรเู้ ก่ยี วกับแรงพยุงของ ของเหลวจดุ ศูนย์ถ่วงและเสถียรภาพสมดลุ รูปทรงและปริมาตรของวตั ถุในการออกแบบ แบบจาลองบ้านลอย น้า หรือไม่ อย่างไร * นกั เรียนคดิ ว่า สง่ิ ท่คี รูควรปรบั ปรุงสาหรบั กิจกรรมนี้คอื อะไร เพราะเหตุใด * ในการเรยี นเร่อื งน้ี นักเรยี นยงั มีข้อสงสัย หรือไม่เขา้ ใจ หรือไม่ อย่างไร 13. ครปู ระเมินนักเรียน จากประจักษ์พยานและวิธี/เกณฑ์การประเมินตามสภาพจริงใน สิ่งตอ่ ไปน้ี - ด้านความรู้ - ด้านทักษะและกระบวนการ - คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนักเรยี น โดยพจิ ารณาจาก - พฤตกิ รรมของผู้เรยี นในขณะเรียนและปฏิบตั ิกิจกรรม - การนาเสนอแลกเปลยี่ นเรียนรู้ - ผลงานนักเรยี น ได้แก่ * ชิน้ งานทที่ าการออกแบบโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม การใช้ความรู้ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับ STEM ตาม รายละเอยี ดในใบกิจกรรมและการนาเสนอผลงานโดยมอี ัตราสว่ นการให้คะแนนดังนี้

รายการประเมิน คะแนน ชิ้นงาน 20 เวลาทีใ่ ช้ 10 ตน้ ทนุ การผลิต 10 การนาเสนอผลงาน 16 การออกแบบเชงิ วิศวกรรม 20 การบูรณาการความรู้ (STEM) 24 เกณฑ์การใหค้ ะแนนชนิ้ งานทสี่ รา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ (1 คะแนน) (4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) ไมแ่ ขง็ แรง สรา้ งสรรค์น้อย ชนิ้ งาน/ผลงาน มคี วามแขง็ แรง มีความแขง็ แรง ไม่ค่อยแขง็ แรง มาก ไม่ค่อย สวยงาม ลอย (20 คะแนน) สร้างสรรค์ สวยงาม สรา้ งสรรค์ สวยงาม สร้างสรรคน์ อ้ ย ไดน้ านต่ากวา่ เกณฑ์ทก่ี าหนด สามารถลอยนา้ ได้ นาน สามารถลอยได้นาน ค่อนข้างสวยงาม มากเกนิ 100 กว่าเกณฑข์ ้ันตา่ ท่ี กว่าเกณฑข์ นั้ ต่าที่ สามารถลอยได้ นาน นาที กาหนดใระยะเวลาทมี่ าก กาหนดในระยะเวลา กว่าเกณฑข์ ้ันตา่ ท่ี มากกว่า 130 บาท ทสี่ ุดเปน็ ลาดบั 1 ของช้นั ทม่ี ากเป็นลาดับ 2 กาหนดไว้ และมี นาเสนอผลงาน ไดแ้ ต่ไมน่ ่าสนใจ เรยี นและมี ของช้นั เรยี นและมี ปริมาตรสว่ นทจ่ี ม ไม่มีภาพรา่ งของ ชนิ้ งาน อธบิ าย ปริมาตรส่วนท่จี ม ปริมาตรส่วนท่ีจม มากหรอื น้อยกวา่ เปน็ ไปตามเกณฑท์ ่ี มากหรอื น้อยกว่า เกณฑ์ทกี่ าหนดไม่ กาหนด เกณฑ์ท่กี าหนดไม่ เกิน 10 % เกนิ 5 % เวลาทใี่ ชใ้ นการ ไมเ่ กนิ 80 นาที 81 – 90 นาที 91 – 100 นาที สรา้ งสรรคผ์ ลงาน ทัง้ หมด (10 คะแนน) ตน้ ทนุ การผลติ ไมเ่ กนิ 100 บาท 101-120 บาท 121 – 130 บาท (10 คะแนน) การนาเสนอ สามารถนาเสนอ สามารถนาเสนอ สามารถนาเสนอ ผลงาน ผลงานไดอ้ ย่าง ผลงานไดอ้ ย่าง ผลงานไดแ้ ต่ไม่ค่อย (16 คะแนน) น่าสนใจ มีภาพร่าง นา่ สนใจ มีภาพร่าง น่าสนใจ มีภาพรา่ ง ของช้นิ งานท่ีชัดเจน ของชิ้นงาน แต่ไม่ ของชนิ้ งานแต่ไม่

สมบูรณ์ อธิบาย คอ่ ยสมบรู ณ์ สมบรู ณ์ อธิบาย ขั้นตอนการสรา้ ง ข้ันตอนการสรา้ ง อธิบายขนั้ ตอนการ ขั้นตอนการสร้าง ช้นิ งานและ ช้นิ งานและอธบิ าย สรา้ งชน้ิ งานและ ชน้ิ งานและอธบิ าย อธบิ ายเหตุผลใน เหตผุ ลในการเลอื กใช้ อธิบายเหตุผลใน เหตุผลในการ การเลือกใช้วัสดุ วสั ดุตา่ งๆ ไดช้ ัดเจน การเลอื กใชว้ ัสดุ เลือกใชว้ ัสดุ ต่างๆ ต่างๆ ไมช่ ดั เจน อธิบายถงึ การ ตา่ งๆ ไม่ชดั เจน ไมช่ ดั เจน ไม่มีการ เขา้ ใจยาก ไมม่ ี ทดสอบประสทิ ธิภาพ อธิบายถึงการ อธิบายถึงการ การอธิบายถึง และการปรับปรุง ทดสอบ ทดสอบ การทดสอบ ช้นิ งาน การบรู ณา ประสทิ ธภิ าพและ ประสทิ ธภิ าพและ ประสิทธภิ าพ การความรู้ด้าน การปรับปรุงชิ้นงาน การปรับปรุงชิ้นงาน และการปรับปรุง วิทยาศาสตร์ การบูรณาการ และการนา้ เสนอ ชน้ิ งาน ขาดการ คณติ ศาสตร์และ ความรดู้ ้าน การบูรณาการ นาเสนอการ เทคโนโลยไี ด้อยา่ ง วิทยาศาสตร์ ความรู้ดา้ น บูรณาการความรู้ ชัดเจน คณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ไดไ้ ม่ คณติ ศาสตร์และ คณติ ศาสตร์และ การใช้ มกี ารใช้กระบวนการ ค่อยชัดเจน เทคโนโลยี ไดไ้ ม่ เทคโนโลยี กระบวนการ ออกแบบเชงิ ชัดเจน ออกแบบเชงิ วิศวกรรม มีการ มีการใช้ มกี ารใช้ ขาดการใช้การ วศิ วกรรม สืบค้นขอ้ มูลและ กระบวนการ กระบวนการ ออกแบบเชิง (20 คะแนน) แสดงถึงการใชข้ ้อมลู ออกแบบเชิง ออกแบบเชิง วิศวกรรม มาเปน็ พน้ื ฐานการ วศิ วกรรม มกี าร วิศวกรรม แตข่ าด ตัดสินใจในการ สืบคน้ ขอ้ มลู แต่ การสบื คน้ ข้อมลู ไม่สามารถ ออกแบบ ไม่ได้น้ามาใช้เปน็ อธิบายความรูท้ ี่ พืน้ ฐานการ สามารถอธิบาย เกยี่ วขอ้ งกบั การ การบรู ณาการ สามารถอธบิ าย ตัดสินใจในการ ความร้ทู เี่ กย่ี วข้อง ออกแบบผลงาน ความรู้ (STEM) ความรู้ทางด้าน ออกแบบ กับการออกแบบ (24 คะแนน) วทิ ยาศาสตร์ สามารถอธิบาย ผลงานได้ชัดเจน คณิตศาสตร์และ ความรู้ท่เี ก่ียวข้อง และถูกต้องเพยี ง เทคโนโลยี ท่นี ามาใช้ กบั การออกแบบ ด้านเดียว ในการออกแบบ ผลงานได้ชัดเจน ผลงานไดช้ ดั เจนและ และถูกต้อง 2 ดา้ น

ถูกตอ้ งทงั้ 3 ดา้ น หมายเหตุ การประเมินในสว่ นของ “การใช้กระบวนการเชงิ วศิ วกรรม” จะประเมินจากขอ้ มลู ทีน่ กั เรียนตอบ ในใบกิจกรรม ซึ่งมขี นั้ ตอนการดาเนินงานท่ีเป็นไปตามกระบวนการออกแบบทางวศิ วกรรม และการนา้ เสนอ ด้วยวาจา การประเมนิ ในส่วนของ “การบรู ณาการความรู้(STEM) จะประเมินจากข้อมูลการตอบคา้ ถามในใบ กิจกรรม และจากการอธบิ ายเหตุผลในการออกแบบและเลือกวัสดอุ ุปกรณ์และรปู ทรงผลงานตอนนา้ เสนอด้วย วาจา 14. ส่มุ นกั เรยี นประมาณ 1 – 2 คน สรปุ เกีย่ วกบั การเรยี นในครง้ั น้ี 15. ใหน้ ักเรยี นเขยี นสะท้อนการเรยี นรู้ในสมุดตามหัวข้อตอ่ ไปนี้ * กิจกรรมการเรยี นรทู้ ้าใหน้ กั เรียนเข้าใจเกยี่ วกบั แรงพยงุ ของของเหลวและการออกแบบ ช้ินงานเพือ่ แก้ปญั หาตามสถานการณท์ ก่ี า้ หนดหรือไม่ อย่างไร * นกั เรยี นคิดว่า สงิ่ ท่คี รูควรปรับปรงุ ส้าหรับกิจกรรมน้คี อื อะไร เพราะเหตุใด * ในการเรยี นเรือ่ งน้ี นักเรยี นยังมีข้อสงสัย หรือไมเ่ ข้าใจ หรอื ไม่ อย่างไร 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 เกณฑก์ ารประเมนิ 1.วัดความเข้าใจของนักเรยี น โดยการตอบคาถามของนักเรยี น 2. วดั ความสนใจของนักเรียน โดยดูจากการตั้งใจฟังครูบรรยาย และการพยายามตอบ คาถามครู และมคี วามสนใจทจ่ี ะถามข้อสงสยั และการใหค้ วามรว่ มมือในการเรียน 3. การทาแบบฝกึ หัดจากใบงานทีแ่ จกให้นักเรียน/การสง่ การบา้ น 4. ประเมินเจตคติ คุณธรรมท่ีนกั เรียนแสดงออกในขณะที่มกี ารเรยี นรู้ 5. นักเรยี นตอบคาถามได้ 80 % 6. สงั เกตจากการรว่ มอภิปรายโดยการส่มุ นักเรียน 4 คน 6.2 เคร่อื งมอื ประเมนิ ใช้เกณฑ์การประเมนิ ผลจากคะแนนในตารางสังเกตพฤตกิ รรม 10 คะแนนข้นึ ไป แสดงว่าผา่ น จดุ ประสงค์ 7. สอื่ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้ วัสดอุ ปุ กรณ์ 1. วัสดุชนิดตา่ ง ๆ เชน่ หลอดกาแฟ เทปใส ไม้เสยี บลกู ช้นิ ตะเกยี บ ยางรัดของ ลกู ปงิ ปอง 2. เคร่ืองชงั่

3. ลูกแก้ว 4. กระดาษฟอยด์ 5. กระบอกตวง 6. ถ้วยกระดาษ 7. แก้วพลาสติก 8. กะละมัง 9. ถาด 10. น้า 11. กระดาษแผน่ ใหญ่ 12. ตะกร้าอุปกรณ์ประจา้ กลุ่ม สื่อและแหล่งเรยี นรู้ 1. คลิปวิดโี อ 2. ใบความรู้ 3. ใบกจิ กรรม

บันทึกหลงั การการจัดการเรียนรู้ 1. จานวนนักเรยี นทส่ี อน...............................คน 2. จานวนนกั เรียนทมี่ าเรียน หอ้ ง จานวนนกั เรยี น (คน) ห้อง จานวนนักเรยี น (คน) รวมจานวนนักเรียน 3. คณุ ภาพผู้เรยี นก่อนเรยี นแบ่งกลุ่มได้ดังน้ี จานวนนกั เรียน(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 4. ดาเนนิ การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมและปรบั ปรุงอย่างไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผู้เรียนหลังเรยี น แบ่งกลมุ่ ไดด้ งั นี้ ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรียน(คน) ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

ชื่อ – นามสกลุ สาเหตทุ ไี่ ดป้ รับปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรับปรงุ /แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. ........................................................... ............................................................................................................................................. 7. ผลการปรบั ปรุง ............................................................................................. ............................................................................................ ....................................................................... ............................................................................................. ..................... .............................................................................................................................................. .......... 8. นกั เรยี นกล่มุ พอใช้ ดี และดมี าก ส่งเสริมอย่างไร ......................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................................. (.................................................)

ครผู ู้สอนความเหน็ ของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................. .......................... ลงช่ือ................................................................. (.................................................) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้........................................... ความเหน็ ของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝา่ ยวิชาการ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................. ............. ลงชือ่ ................................................................. (....................................................) รอง/ผ้ชู ว่ ยรองผอู้ านวยการโรงเรียน ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน ....................................................................................................................................... .................................................. ................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................. (นางจุฑามาส เทพหสั ดนิ ณ อยุธยา) ผอู้ านวยการโรงเรียนสระแก้ว

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 8 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง ของไหล เวลาเรยี น 19 ชวั่ โมง แผนการเรียนรูท้ ี่ 8 เรอื่ งความตงึ ผวิ เวลา 3 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รูว้ ่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ข้ึนส่วนใหญม่ ีรูปแบบทแี่ น่นอน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ขอ้ มูลและ เครอ่ื งมอื ที่มีอยู่ในช่วงเวลาน้นั ๆ เขา้ ใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และส่ิงแวดล้อม มคี วามเกย่ี วขอ้ งสัมพันธ์กัน 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด วตั ถุบางชนดิ ลอยน้าไดทง้ั ท่มี ีความหนาแนนมากกวาน้า เน่ืองจากผวิ นา้ มีแรงตงึ ผวิ อัตราสวนระหวางแรงตงึ ผวิ และความยาวทัง้ หมดของเสนขอบที่ผิวของเหลวสัมผัส เรยี กวา ความตึงผิว(surface tension) ปรากฏการณบา งอยางเกดิ จากความตงึ ผวิ ของของเหลว เชน การโคงของผิวของเหลว (meniscus effect) การซึมตามรูเล็ก (capillarity, capillary action) ฟองอากาศและหยดนา้ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของแรงตงึ ผิวและความตงึ ผิว 2. ทดลองและวิเคราะหหาความตงึ ผิวของของเหลว และคานวณปรมิ าณท่ีเกี่ยวของได 3. อธบิ ายปรากฏการณทีเ่ ก่ยี วของกบั ความตึงผวิ ไดแก การโคงของผวิ ของเหลว และการซึม ตามรเู ลก็ ได้ 4. สาระการเรียนรู้ 1.สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - แรงตงึ ผวิ - ความตงึ ผวิ - การโค้งของผิวของของเหลว - การซึมตามรเู ลก็ 2.สอดแทรกหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การบูรณาการกบั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 1. ความพอเพียง

1.1 ความพอประมาณ รูจ้ กั ใช้เทคโนโลยอี ย่างพอประมาณไม่พง่ึ พาเทคโนโลยมี ากเกินไป 1.2 ความมเี หตุผล มเี หตผุ ลในการเลือกใช้เทคโนโลยี 1.3 การมภี ูมิคุม้ กันในตวั ท่ดี ี เทคโนโลยีมีท้ังคุณและโทษต้องเรยี นรู้และศึกษาให้ดีก่อนท่ีจะใช้ 2. คณุ ธรรมกากบั ความรู้ 2.1 เงอ่ื นไขคุณธรรม สร้างจิตสานึกใหใ้ ช้เทคโนโลยอี ย่างถูกต้อง ปลอดภยั และประหยดั 2.2 เงือ่ นไขความรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง) มคี วามรูเ้ กีย่ วกับเทคนิควธิ กี ารใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างถูกตอ้ ง ปลอดภัย และประหยดั 3.สอดแทรกความรู้การเข้าสู่ประชาคมอาเซยี น 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1.ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะหป์ ัญหา - การสารวจค้นหา - การสรปุ ความเหน็ 2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - การทางานเปน็ กล่มุ 3.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - การนาความรไู้ ปใช้ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ความซื่อสัตย์ - ความมวี ินยั - ใฝเ่ รยี นรู้ - มงุ่ มั่นในการทางาน 6. ช้นิ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - 7. การวัดและประเมนิ ผล 1.การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน - คาถาม

2.การประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ - แบบฝึกหัด 3.การประเมนิ หลงั เรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น - รายงานการปฏบิ ัติงาน 4.การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝึกหัดก่อนเรียน – หลังเรยี น - รายงานการปฏิบัติงาน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ 1. ขนั้ สรางความสนใจ (Engagement : E1) 1.1 ผูสอนสาธติ การลอยของเข็มในนา้ 1.2 ใหผูเรยี นชมวีดทิ ัศนการเคลอ่ื นท่ีของจงิ โจนา้ บนผิวนา้ หรอื ใหผูเรยี น(บางคน) นาจิงโจน้า มาใหเพ่ือนๆ สงั เกตพฤตกิ รรม 1.3 ผูสอนเทนา้ ลงในภาชนะขอบบาง (แกวไวน) จนเต็ม (ใหผวิ น้าสงู กวาขอบแกวเล็กนอย) แลวต้งั คาถาม ถาหยอนคลิปหนบี กระดาษลงในแกว (อาจใชเหรยี ญบาทแทนก็ได) คลิปจานวน เทาใดจงึ ทาใหนา้ ลน้ แกว จากนน้ั ใหผูเรียนออกมาสาธิต (อาจทาเปนการแขงขนั ) 1.4 ใหผูเรียนทากิจกรรม 9.1 แรงตึงผวิ ของของเหลว (หนงั สือเรยี นสาระการเรยี นรูพ้นื ฐานและ เพ่ิมเติม ฟสิกส เลม 2 หนา 36) 1.5 ผูสอนนาอภปิ รายจนไดความหมายของแรงตึงผิว เพ่อื นาเขาสู การทดลอง 9.3 ความตึงผิว ของ ของเหลว (หนังสอื เรียนสาระการเรยี นรูพืน้ ฐานและเพ่ิมเติม ฟสกิ ส เลม 2 หนา 37) 2. ขนั้ สารวจและคนหา (Exploration : E2) ใหผูเรียนทาการทดลอง 9.3 ความตงึ ผิวของของเหลว (หนงั สือเรยี นสาระการเรียนรูพ้ืนฐานและ เพิม่ เติม ฟสกิ ส เลม 2 หนา 37) 3. ขนั้ อธบิ ายและลงขอสรปุ (Explanation : E3) 3.1 ผูเรียนนาเสนอผลการทดลอง 3.2 ผูสอนและผูเรียนรวมกันอภปิ รายและสรุปผลการทดลอง 4. ขนั้ ขยายความรู (Elaboration : E4) 4.1 ผูสอนและผูเรยี นอภปิ รายความหมายของความตึงผวิ ตามสมการ 4.2 ผูสอนและผูเรยี นอภิปรายการนาความรูความตงึ ผิวไปอธิบายปรากฏการณบางอยาง ไดแก การ โคงของผวิ ของเหลว และการซมึ ตามรูเล็ก 5. ขน้ั ประเมนิ (Evaluation : E5)

5.1 ใหผูเรยี นทาการหาความตึงผิวของของเหลวผสม (บอกขอมลู ให) 5.2 ใหผูเรียนถายภาพน่งิ หรือภาพวดี ทิ ัศน (โดยใชโทรศัพทเคลอื่ นท่หี รือกลองวดี ิทัศน) ปรากฏการณในชีวติ ประจาวันทีเ่ กย่ี วของกับความตึงผวิ ของน้า พรอมคาบรรยายสัน้ ๆ 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 เกณฑ์การประเมนิ 1. ประเมนิ ขณะปฏิบัติกจิ กรรม - ความสนใจ ความรวมมอื ในการทากจิ กรรมกลุม ความรบั ผดิ ชอบ ความซือ่ สัตยตอขอมูล - ทักษะการปฏิบตั ิ ความคลองแคลวในการทากจิ กรรม การใชเครอื่ งมือ - การถามคาถาม การตอบคาถาม และการอภิปราย 2. ประเมินผลการทากิจกรรม ไดแก รายงาน การนาเสนอและบนั ทึกของผูเรียน 3. ผเู รยี นประเมินตนเองจากการรวมกิจกรรม 4. ผเู รียนประเมินกนั เองจากการนาเสนอของแตละกลุม 6.2 เครอื่ งมอื ประเมนิ ใชเ้ กณฑ์การประเมินผลจากคะแนนในตารางสังเกตพฤติกรรม 10 คะแนนขึ้นไป แสดงวา่ ผา่ น จุดประสงค์ ตารางสงั เกตพฤติกรรม พฤตกิ รรม สนใจ แสดงความคดิ เห็น มเี หตผุ ล ความถูกต้อง คะแนนรวม ผา่ น ไมผ่ า่ น เลขที่ 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 20 คะแนน 7. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนสาระการเรียนรูพ้ืนฐานและเพิ่มเติม ฟสกิ ส เลม 2 2. คมู ือครสู าระการเรยี นรูพน้ื ฐานและเพิ่มเติม ฟสกิ ส เลม 2 3. วีดทิ ศั น เรอ่ื ง ความมหัศจรรยบนใบบวั : ธรรมชาติสอู นาคต (Miracle on Lotus Leaf) (จาก Science Film Festival ป 2550) 4. อินเทอรเนต็ 5. ใบความรู 1-4 6. ใบกจิ กรรม 1 และใบกจิ กรรม 2 7. ใบบันทกึ กิจกรรม 1 และใบบันทกึ กิจกรรม 2

ครผู สู้ อนใช้ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน





บนั ทึกหลงั การการจัดการเรียนรู้ 1. จานวนนกั เรียนท่สี อน...............................คน 2. จานวนนักเรียนทมี่ าเรียน ห้อง จานวนนักเรียน (คน) หอ้ ง จานวนนักเรยี น (คน) รวมจานวนนักเรยี น 3. คณุ ภาพผู้เรยี นก่อนเรยี นแบ่งกลมุ่ ได้ดงั นี้ จานวนนกั เรียน(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง 4. ดาเนนิ การเรยี นการสอนเพื่อส่งเสริมและปรบั ปรุงอยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................... ................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผู้เรยี นหลังเรยี น แบ่งกลมุ่ ได้ดังน้ี ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรียน(คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง

ช่อื – นามสกุล สาเหตทุ ่ีไดป้ รบั ปรงุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 6. แนวทางปรบั ปรุง/แก้ไขปัญหา ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................................. 7. ผลการปรับปรุง ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ 8. นกั เรยี นกลมุ่ พอใช้ ดี และดมี าก สง่ เสรมิ อย่างไร ......................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................... ........................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................................. (.................................................)

ครผู ู้สอนความเหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ......................................................................................................... ................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ......... .............................................................................................................................. .......................... ลงช่ือ................................................................. (.................................................) หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้........................................... ความเหน็ ของรองผู้อานวยการโรงเรียนฝา่ ยวิชาการ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ลงชือ่ ................................................................. (....................................................) รอง/ผู้ช่วยรองผอู้ านวยการโรงเรียน ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรียน ............................................................................................................................................................ ............................. ................................................................................................................................................................... ลงช่อื ................................................................. (นางจุฑามาส เทพหัสดนิ ณ อยธุ ยา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นสระแก้ว

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว30205 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรอื่ ง ของไหล เวลาเรยี น 19 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรูท้ ่ี 9 เรอ่ื ง ความหนดื เวลา 2 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวสายรงุ้ ทองสงู โรงเรยี นสระแกว้ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้วา่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ขน้ึ สว่ นใหญ่มีรปู แบบทแ่ี น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ข้อมลู และ เครือ่ งมือที่มีอยู่ในชว่ งเวลานัน้ ๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสงิ่ แวดล้อม มคี วามเกย่ี วข้องสัมพันธก์ นั 2.สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด แรงต้านการเคล่อื นที่ของวัตถุในของไหลเรียกว่าแรงหนืด สมบตั ขิ องการที่ของเหลวมแี รงต้านการเคล่ือนท่ี ของวตั ถุเรยี กว่าความหนดื แรงหนืดที่กระทาต่อวัตถุข้ึนอยกู่ บั ขนาดความเรว็ ของวัตถุ และแรงนี้มีทศิ ตรงกันขา้ มกับทิศการเคล่อื นที่ของ วัตถุ โดยสโตกส์ไดส้ รุปว่าแรงหนืดแปรผนั ตรงกับความเร็วของวตั ถุทรงกลมดงั สมการ F = 6rv 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สบื คน้ และอภิปรายเกย่ี วกับความหนดื 2. อธบิ ายความหมายของความหนดื 3. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของรัศมีกบั ความเรว็ ของของเหลวตามกฎของสโตกส์ 4. นาความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความหนืดไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน 5. จาแนกประเภทหรือสรา้ งเกณฑ์เกย่ี วกบั ความหนืด 6. ออกแบบเครื่องมือเคร่ืองใชห้ รอื ของเล่นจากหลกั การของความหนืด 7. ประเมินความสาคญั ของความหนดื 8. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ 1.สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง - ความหนดื - กฎของสโตกส์ 2.สอดแทรกค่านยิ มหลัก 12 ประการ 1.มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2.ซือ่ สตั ย์ เสียสละ อดทน

3.กตัญญตู อ่ พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ครูบาอาจารย์ 4.ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศกึ ษาเลา่ เรียนท้งั ทางตรงและทางอ้อม 5.รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทย 6.มีศลี ธรรม รักษาความสัตย์ 7.เขา้ ใจเรยี นรกู้ ารเป็นประชาธิปไตย 8.มีระเบียบ วนิ ัย เคารพกฎหมาย ผู้นอ้ ยรู้จกั การเคารพผูใ้ หญ่ 9.มสี ตริ ตู้ ัว รู้คิด รูท้ า 10.รู้จกั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 11.มีความเข้มแข็งทง้ั ร่างกายและจติ ใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออานาจฝา่ ยต่า 12.คานึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกวา่ ผลประโยชน์ 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1.ความสามารถในการคิด - การวิเคราะหป์ ัญหา - การสารวจคน้ หา - การสรุปความเหน็ 2.ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต - การทางานเป็นกลมุ่ 3.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - การนาความรูไ้ ปใช้ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ความซื่อสตั ย์ - ความมวี นิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุ่งมน่ั ในการทางาน 6. การวดั และประเมินผล 1.การประเมนิ กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น - คาถาม 2.การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ - แบบฝึกหดั 3.การประเมินหลงั เรียน - แบบทดสอบหลงั เรยี น

- รายงานการปฏิบัติงาน 4.การประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน(รวบยอด) - ผลการตรวจแบบฝกึ หัดกอ่ นเรยี น – หลงั เรยี น - รายงานการปฏิบัตงิ าน 5. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ / กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ 1. ขน้ั สรางความสนใจ (Engagement : E1) 1.1 ใหน้ ักเรยี นสังเกตการเคลื่อนทขี่ องลกู กลมโลหะในกลเี ซอรอล 1.2 นักเรียนทง้ั หมดรว่ มกันยกตัวอย่างการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุในของเหลว ร่วมกบั อภปิ รายถงึ ความหนดื รวมทั้งการนาไปใชป้ ระโยชน์ 1.3 ให้นกั เรียนร่วมกันตงั้ คาถามเกีย่ วกบั สิ่งท่ีต้องการรู้ จากเนื้อหาทีเ่ กีย่ วกับเรอ่ื งความหนืด 2. ขนั้ สารวจและคนหา (Exploration : E2) 2.1 แบง่ นกั เรียนเปน็ กลมุ่ ละ 4 คน 2.2 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสืบคน้ ความหนืด 2.3 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ อภิปรายรว่ มกนั ถงึ ความหนืด 3. ขน้ั อธบิ ายและลงขอสรปุ (Explanation : E3) 3.1 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการสืบค้นความหนดื 3.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ไดผ้ ลการสืบค้นเหมือนกันหรือต่างกันอยา่ งไร เพราะเหตุใด 3.3 ครูตง้ั คาถามว่า - แรงหนดื หมายถึงอะไร - กฎของสโตกสก์ ล่าวว่าอย่างไร - การโค้งของผิวของเหลวในหล 3.4 นักเรียนท้ังหมดร่วมกันสรปุ ผลจากการสืบค้นความหนืด 4. ขนั้ ขยายความรู (Elaboration : E4) 4.1 นกั เรียนแต่ละกลุ่มเสนอแนวคิดในการแกป้ ัญหาโจทย์เร่ืองความหนดื - ปลอ่ ยทรงกลมเหลก็ รัศมี 1 mm ลงในน้า ความเรว็ ปลายของทรงกลมเหล็กจะมีค่าเท่าใด 4.2 ครถู ามวา่ จงเสนอแนวคิดในการนาความเขา้ ใจเกย่ี วกับความหนดื ไปใชป้ ระโยชน์ 4.3 นักเรยี น แต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรปุ เชอ่ื มโยงความคิดเกีย่ วกับความหนืด 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation : E5) 5.1 ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนยอ้ นกลับไปอ่านบันทึกประสบการณ์เดิม สิง่ ท่ตี ้องการรู้ และ ขอบเขตเป้าหมาย แลว้ ตรวจสอบว่าได้เรียนรู้ตามท่ีต้งั เป้าหมายครบถว้ นหรอื ไม่เพียงใด ถ้ายังไม่ ครบถว้ นจะทาอย่างไรต่อไป (อาจสอบถามให้ครูอธบิ ายเพ่ิมเติม สอบถามใหเ้ พอ่ื นอธิบาย หรือ วางแผนสบื ค้นเพิ่มเติม)

5.2 ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นด้านพทุ ธิพสิ ัย 5.3 ใหน้ ักเรยี นบนั ทึกหลังเรยี น 5.4 ครูใหค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคะแนนจิตวิทยาศาสตร์ จาก เกณฑ์การให้คะแนน สมุดบนั ทึก รายงานการทดลอง และผลงาน หากข้อมลู ไม่เพยี งพอใชว้ ิธี สัมภาษณเ์ พ่ิมเติม 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ ีวดั และประเมนผล 1.1 ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบอัตนัย 1 ข้อ 1.2 ครูใหค้ ะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคะแนนจิตวิทยาศาสตร์ จากเกณฑก์ ารให้ คะแนน ใบงาน และรายงานการทดลอง หากข้อมูลไม่เพียงพอใชว้ ิธสี ัมภาษณเ์ พม่ิ เติม 2. เครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล 2.1 ขอ้ สอบอัตนยั 1 ข้อ 2.2 แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.3 แบบประเมินจติ วทิ ยาศาสตร์ 3. เกณฑ์การประเมนิ 3.1 ขอ้ สอบอัตนยั ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 75 3.2 แบบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ไดค้ ะแนนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ75 3.3 แบบประเมนิ จิตวิทยาศาสตร์ ไดค้ ะแนนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 75 7. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. น้ามนั เครือ่ งรถยนต์ 2. ห้องสมดุ 3. ชุมชน 4. ฐานข้อมูล Internet http://www.sripatum.ac.th/online/physics5/k10.htm

บันทึกหลงั การการจัดการเรยี นรู้ 1. จานวนนกั เรียนทส่ี อน...............................คน 2. จานวนนักเรียนทม่ี าเรียน ห้อง จานวนนักเรยี น (คน) ห้อง จานวนนักเรยี น (คน) รวมจานวนนักเรียน 3. คณุ ภาพผู้เรยี นก่อนเรยี นแบ่งกล่มุ ได้ดงั นี้ จานวนนกั เรยี น(คน) ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง 4. ดาเนนิ การเรยี นการสอนเพอ่ื สง่ เสริมและปรับปรงุ อย่างไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................... ............................................................. ......................... ......................................................................................................................................................... ................................ 5. คุณภาพผู้เรยี นหลงั เรยี น แบง่ กลุม่ ไดด้ งั น้ี ระดบั คณุ ภาพ จานวนนกั เรยี น(คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook