101 คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเติม ระดับชั้น ประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รหัส อ 11201 รายวิชาภาษาองั กฤษเพ่ือการสือ่ สาร ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 จานวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ รวม 120 ชั่วโมง/ปี ศึกษาดว๎ ยการฟัง พูด อาํ น เขียน สนทนา ส่อื สาร คาส่ัง คาขอร๎อง คาแนะนา ประโยค และข๎อความ สั้น ๆ บทสนทนาที่ใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ เร่ืองเลํา นิทาน การสนทนาส่ือสาร เพ่ือสร๎างความสัมพันธ์กับ บุคคล การอํานและการเขียน คา วลี ประโยคและข๎อความส้ัน ๆ แสดงความคิดเห็นข๎อมูลงําย ๆ เกี่ยวกับ ตนเอง ส่งิ แวดล๎อมและสงั คมใกล๎ตัว โดยใช๎กระบวนการอําน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบาย การแสดงบทบาทสมมุติ เขยี นอธิบายและนาเสนออยํางมีเหตผุ ล เพอื่ ให๎ผเู๎ รยี นเกิดเจตคตทิ ีด่ ีตํอการเรียนภาษาอังกฤษ เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เห็นคุณคําและสนใจใน การเข๎ารํวมกิจกรรมและวัฒนธรรม สามารถใช๎ภาษาอังกฤษในการส่ือสาร มีความม่ันใจในตนเอง กล๎า แสดงออก การส่ือสารที่ดี แสวงหาความรู๎ด๎วยการเรียนภาษาอยํางเพลิดเพลิน ทางานรํวมกับผู๎อ่ืนอยํางมี ความสขุ ผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวัง 1. เข๎าใจภาษางําย ๆ ส้ัน ๆ ในการสนทนาติดตํอส่ือสาร และสร๎างความสัมพันธ์อันดีระหวํางบุคคลอยําง ถูกตอ๎ งตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา 2. ใชภ๎ าษางําย ๆ เพื่อขอและใหข๎ ๎อมูลเก่ียวกับตนเอง บุคคลและสง่ิ ตําง ๆ รอบตวั 3. ปฏิบัตติ ามคาสง่ั งาํ ย ๆ และคาขอร๎องงําย ๆ ตามแบบที่ฟังอยาํ งถูกต๎องและเหมาะสม 4. บอกตวั อักษรและเสยี ง อาํ นออกเสยี ง สะกดคา และอํานประโยคงาํ ย ๆ ถูกตอ๎ งตามหลกั การอําน 5. ถํายทอดความหมายของคา กลุํมคาที่เก่ียวข๎องกับกลํุมสาระอื่น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยใช๎กระบวนการ สื่อสารได๎อยํางเหมาะสมและม่นั ใจ 6. ใช๎ภาษาองั กฤษอยาํ งงาํ ยเพื่อสอื่ สารขน้ั พน้ื ฐานที่เก่ยี วกับอาชีพตําง ๆ ในท๎องถิ่นของตนเองและปฏิบัติงาน รวํ มกับผอ๎ู ืน่ อยาํ งมคี วามสุข 7. รจู๎ ักขนบธรรมเนียมประเพณี เทศกาลงานฉลองในวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา รวมจานวน 7 ผลการเรียนรู้
102 คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม ระดับช้ัน ประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รหัส อ 12201 รายวชิ าภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 3 ชวั่ โมง/สัปดาห์ รวม 120 ชวั่ โมง/ปี ศกึ ษาด๎วยการฟงั พูด อาํ น เขียน สนทนา ส่ือสาร คาส่ัง คาขอร๎อง คาแนะนา ประโยค และข๎อความ สั้น ๆ บทสนทนาท่ีใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ เร่ืองเลํา นิทาน การสนทนาสื่อสาร เพื่อสร๎างความสัมพันธ์กับ บุคคล การอํานและการเขียน คา วลี ประโยคและข๎อความสั้น ๆ แสดงความคิดเห็นข๎อมูลงําย ๆ เก่ียวกับ ตนเอง ส่ิงแวดล๎อมและสังคมใกล๎ตัว โดยใช๎กระบวนการอําน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบาย การแสดงบทบาทสมมุติ เขยี นอธบิ ายและนาเสนออยํางมีเหตผุ ล เพือ่ ให๎ผเ๎ู รียนเกิดเจตคติทีด่ ีตํอการเรียนภาษาอังกฤษ เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เห็นคุณคําและสนใจใน การเข๎ารํวมกิจกรรมและวัฒนธรรม สามารถใช๎ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร มีความม่ันใจในตนเอง กล๎า แสดงออก การสื่อสารท่ีดี แสวงหาความร๎ูด๎วยการเรียนภาษาอยํางเพลิดเพลิน ทางานรํวมกับผ๎ูอื่นอยํางมี ความสุข ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวงั 1. เข๎าใจภาษางําย ๆ ส้ัน ๆ ในการสนทนาติดตํอสื่อสาร และสร๎างความสัมพันธ์อันดีระหวํางบุคคลอยําง ถูกตอ๎ งตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา 2. ใชภ๎ าษางาํ ย ๆ เพือ่ ขอและใหข๎ ๎อมูลเก่ียวกับตนเอง บุคคลและส่ิงตาํ ง ๆ รอบตัว 3. ปฏิบตั ิตามคาสงั่ งําย ๆ และคาขอร๎องงําย ๆ ตามแบบท่ีฟังอยํางถกู ต๎องและเหมาะสม 4. บอกตัวอกั ษรและเสยี ง อาํ นออกเสียง สะกดคา และอาํ นประโยคงาํ ย ๆ ถูกตอ๎ งตามหลกั การอาํ น 5. ถํายทอดความหมายของคา กลุํมคาท่ีเก่ียวข๎องกับกลุํมสาระอ่ืน ๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยใช๎กระบวนการ สื่อสารได๎อยาํ งเหมาะสมและม่นั ใจ 6. ใช๎ภาษาอังกฤษอยาํ งงาํ ยเพื่อสอื่ สารขน้ั พน้ื ฐานทเี่ ก่ียวกับอาชีพตําง ๆ ในท๎องถ่ินของตนเองและปฏิบัติงาน รวํ มกับผู๎อนื่ อยาํ งมคี วามสุข 7. รจู๎ ักขนบธรรมเนียมประเพณี เทศกาลงานฉลองในวฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา รวมจานวน 7 ผลการเรียนรู้
103 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ รหสั อ 13201 รายวชิ าภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 จานวน 3 ชว่ั โมง/สัปดาห์ รวม 120 ช่ัวโมง/ปี ศึกษาด๎วยการฟงั พดู อาํ น เขียน สนทนา สื่อสาร คาส่ัง คาขอร๎อง คาแนะนา ประโยค และข๎อความ ส้ัน ๆ บทสนทนาท่ีใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ เร่ืองเลํา นิทาน การสนทนาสื่อสาร เพื่อสร๎างความสัมพันธ์กับ บุคคล การอํานและการเขียน คา วลี ประโยคและข๎อความส้ัน ๆ แสดงความคิดเห็นข๎อมูลงําย ๆ เก่ียวกับ ตนเอง สิ่งแวดล๎อมและสังคมใกลต๎ วั โดยใช๎กระบวนการอําน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบาย การแสดงบทบาทสมมุติ เขียนอธิบายและนาเสนออยาํ งมีเหตุผล เพื่อใหผ๎ ๎ูเรียนเกิดเจตคติทด่ี ีตอํ การเรียนภาษาอังกฤษ เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เห็นคุณคําและสนใจใน การเข๎ารํวมกิจกรรมและวัฒนธรรม สามารถใช๎ภาษาอังกฤษในการส่ือสาร มีความมั่นใจในตนเอง กล๎า แสดงออก การส่ือสารท่ีดี แสวงหาความรู๎ด๎วยการเรียนภาษาอยํางเพลิดเพลิน ทางานรํวมกับผ๎ูอ่ืนอยํางมี ความสุข ผลการเรียนรูท้ ีค่ าดหวัง 1. ใช๎ภาษาอังกฤษในการติดตํอสื่อสาร และสรา๎ งความสัมพันธ์อันดีระหวํางบุคคลอยํางถูกต๎องตามวัฒนธรรม ของเจา๎ ของภาษา 2. ใช๎ภาษาองั กฤษเพ่ือขอและให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง บคุ คลและสงิ่ ตําง ๆ รอบตวั ท่พี บเหน็ ในชวี ติ ประจาวนั 3. ปฏบิ ัติตามคาสั่งงําย ๆ และคาขอรอ๎ ง และคาแนะนาตําง ๆ ตามแบบที่ฟังอยาํ งถกู ต๎องและเหมาะสม 4. เข๎าใจประโยคหรอื ขอ๎ ความสน้ั ๆ โดยถํายโอนเป็นภาพและสัญลกั ษณ์ 5. นาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเร่ืองตําง ๆ ท่ีใกล๎ตัวอยํางมั่นใจและกล๎าแสดงออกในทางที่ถูกต๎องและ เหมาะสม 6. ใชภ๎ าษางําย ๆ ในการแสดงความรสู๎ กึ ของตนเอง พรอ๎ มทง้ั ให๎เหตุผลงาํ ย ๆ 7. รูจ๎ กั ขนบธรรมเนียมประเพณี เทศกาลงานฉลองในวฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษาและเขา๎ รวํ มตามความสนใจ รวมจานวน 7 ผลการเรยี นรู้
104 คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รหัส อ 14201 รายวิชาภาษาองั กฤษเพ่ือการส่อื สาร ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 จานวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ รวม 120 ชว่ั โมง/ปี ศึกษาด๎วยการฟงั พดู อําน เขียน สนทนา ส่อื สาร คาสั่ง คาขอร๎อง คาแนะนา ประโยค และข๎อความ ส้ัน ๆ บทสนทนาที่ใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ เรื่องเลํา นิทาน การสนทนาส่ือสาร เพื่อสร๎างความสัมพันธ์กับ บุคคล การอํานและการเขียน คา วลี ประโยคและข๎อความสั้น ๆ แสดงความคิดเห็นข๎อมูลงําย ๆ เกี่ยวกับ ตนเอง สิง่ แวดล๎อมและสงั คมใกล๎ตวั โดยใช๎กระบวนการอําน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบาย การแสดงบทบาทสมมุติ เขียนอธิบายและนาเสนออยํางมีเหตุผล เพือ่ ให๎ผ๎เู รยี นเกิดเจตคตทิ ด่ี ีตอํ การเรียนภาษาอังกฤษ เกิดความรู๎ความเข๎าใจ เห็นคุณคําและสนใจใน การเข๎ารํวมกิจกรรมและวัฒนธรรม สามารถใช๎ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร มีความมั่นใจในตนเอง กล๎า แสดงออก การส่ือสารที่ดี แสวงหาความร๎ูด๎วยการเรียนภาษาอยํางเพลิดเพลิน ทางานรํวมกับผู๎อื่นอยํางมี ความสุข ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 1. ใช๎ภาษาอังกฤษในการติดตอํ สือ่ สาร และสร๎างความสัมพันธ์อันดีระหวํางบุคคลอยํางถูกต๎องตามวัฒนธรรม ของเจ๎าของภาษา 2. ใชภ๎ าษาองั กฤษเพ่อื ขอและให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง บคุ คลและสิ่งตาํ ง ๆ รอบตวั ทีพ่ บเห็นในชวี ติ ประจาวัน 3. ปฏิบัติตามคาสั่งงาํ ย ๆ และคาขอรอ๎ ง และคาแนะนาตําง ๆ ตามแบบทฟ่ี ังอยํางถูกตอ๎ งและเหมาะสม 4. เขา๎ ใจประโยคหรือข๎อความส้นั ๆ โดยถาํ ยโอนเป็นภาพและสัญลักษณ์ 5. นาความคิดรวบยอดเก่ียวกับเร่ืองตําง ๆ ท่ีใกล๎ตัวอยํางม่ันใจและกล๎าแสดงออกในทางท่ีถูกต๎องและ เหมาะสม 6. ใชภ๎ าษางําย ๆ ในการแสดงความรส๎ู กึ ของตนเอง พร๎อมทงั้ ให๎เหตผุ ลงาํ ย ๆ 7. รจู๎ ักขนบธรรมเนยี มประเพณี เทศกาลงานฉลองในวฒั นธรรมของเจ๎าของภาษาและเขา๎ รํวมตามความสนใจ รวมจานวน 7 ผลการเรยี นรู้
105 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ ระดบั ชัน้ ประถมศึกษา กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รหัส อ 15201 รายวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 จานวน 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ รวม 120 ชั่วโมง/ปี ศึกษาด๎วยการฟงั พดู อําน เขยี น สนทนา สอื่ สาร คาส่ัง คาขอร๎อง คาแนะนา ประโยค และข๎อความ ส้ัน ๆ บทสนทนาที่ใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ เร่ืองเลํา นิทาน การสนทนาสื่อสาร เพ่ือสร๎างความสัมพันธ์กับ บุคคล การอํานและการเขียน คา วลี ประโยคและข๎อความส้ัน ๆ แสดงความคิดเห็นข๎อมูลงําย ๆ เก่ียวกับ ตนเอง สิ่งแวดล๎อมและสังคมใกลต๎ ัว โดยใช๎กระบวนการอําน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบาย การแสดงบทบาทสมมุติ เขียนอธบิ ายและนาเสนออยาํ งมีเหตุผล เพอื่ ใหผ๎ เู๎ รยี นเกิดเจตคตทิ ด่ี ีตํอการเรียนภาษาอังกฤษ เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เห็นคุณคําและสนใจใน การเข๎ารํวมกิจกรรมและวัฒนธรรม สามารถใช๎ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร มีความม่ันใจในตนเอง กล๎า แสดงออก การสื่อสารที่ดี แสวงหาความร๎ูด๎วยการเรียนภาษาอยํางเพลิดเพลิน ทางานรํวมกับผู๎อื่นอยํางมี ความสุข ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวัง 1. เข๎าใจคาสั่ง คาขอรอ๎ ง ภาษาทาํ ทางและคาแนะนาในสงั คมรอบตวั โดยใชก๎ ระบวนการฟังและการสือ่ ความ 2. เข๎าใจบทสนทนา เรื่องส้ัน เรื่องเลํา และนิทานโดยใช๎กระบวนการคิด วิเคราะห์อยํางมีเหตุผล และร๎ูจักใช๎ เวลาวาํ งให๎เกิดประโยชน์ 3. ให๎ข๎อมูลงําย ๆ เกี่ยวกับตนเอง สิ่งแวดล๎อมและสังคมใกล๎ตัว โดยใช๎กระบวนการฝึกทักษะทางภาษาได๎ อยาํ งสร๎างสรรค์ 4. ใช๎ภาษางําย ๆ เพื่อแสดงความต๎องการ เสนอความชํวยเหลือผ๎ูอื่น และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได๎อยําง เหมาะสม 5. สามารถนาบทเพลง ข๎อมูลจากสื่อประเภทตําง ๆ ไปเช่ือมโยงความรูแ๎ ละสรปุ เปน็ องคค์ วามรขู๎ องตนเอง 6. นาเสนอความคิดรวบยอดเก่ียวกับเร่ืองตําง ๆ ท่ีใกล๎ตัวได๎อยํางมั่นใจและกล๎าแสดงออกในทางที่ถูกต๎อง และเหมาะสม 7. เขา๎ รวํ มกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของเจ๎าของภาษาตามความสนใจ รวมจานวน 7 ผลการเรยี นรู้
106 คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษา กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รหัส อ 16201 รายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 จานวน 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ รวม 120 ชั่วโมง/ปี ศึกษาดว๎ ยการฟัง พดู อาํ น เขียน สนทนา สือ่ สาร คาส่ัง คาขอร๎อง คาแนะนา ประโยค และข๎อความ ส้ัน ๆ บทสนทนาท่ีใช๎ในสถานการณ์ตําง ๆ เรื่องเลํา นิทาน การสนทนาส่ือสาร เพ่ือสร๎างความสัมพันธ์กั บ บุคคล การอํานและการเขียน คา วลี ประโยคและข๎อความสั้น ๆ แสดงความคิดเห็นข๎อมูลงําย ๆ เก่ียวกับ ตนเอง สิ่งแวดลอ๎ มและสังคมใกลต๎ ัว โดยใช๎กระบวนการอําน การฟัง การพูด สนทนา เปรียบเทียบ การอธิบาย การแสดงบทบาทสมมุติ เขยี นอธบิ ายและนาเสนออยาํ งมีเหตผุ ล เพ่ือให๎ผูเ๎ รียนเกดิ เจตคติทีด่ ตี ํอการเรียนภาษาอังกฤษ เกิดความร๎ูความเข๎าใจ เห็นคุณคําและสนใจใน การเข๎ารํวมกิจกรรมและวัฒนธรรม สามารถใช๎ภาษาอังกฤษในการส่ือสาร มีความม่ันใจในตนเอง กล๎า แสดงออก การสื่อสารท่ีดี แสวงหาความรู๎ด๎วยการเรียนภาษาอยํางเพลิดเพลิน ทางานรํวมกับผู๎อื่นอยํางมี ความสุข ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั 1. เข๎าใจคาสั่ง คาขอร๎อง ภาษาทําทางและคาแนะนาในสังคมรอบตัว โดยใช๎กระบวนการฟังและการส่ือความ ไดอ๎ ยํางมวี จิ ารณญาณ 2. เข๎าใจประโยค ข๎อความสั้น ๆ โดยถํายโอนเป็นภาพหรือสัญลักษณ์ เป็นประโยคหรือถํายโอนข๎อมูลจาก ภาพ หรือสัญลักษณเ์ ปน็ ข๎อความส้ัน ๆ 3. ใหภ๎ าษางําย ๆ เพือ่ สรา๎ งความสัมพนั ธร์ ะหวํางบุคคลผํานทางกระบวนการทางภาษาอยํางสร๎างสรรค์ 4. ใช๎ภาษางําย ๆ เพื่อแสดงความต๎องการ เสนอความชํวยเหลือผ๎ูอ่ืน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได๎อยําง เหมาะสม 5. เข๎าใจความเหมือนและความแตกตํางระหวํางภาษาและวัฒนธรรมของภาษาตํางประเทศกับภาษาไทย และนาไปใช๎อยาํ งถูกตอ๎ ง 6. ใช๎ภาษาองั กฤษในการสอื่ สารกับบุคคลภายในและภายนอกสถานศึกษาได๎อยํางเหมาะสม ถกู กาลเทศะ 7. เขา๎ รวํ มกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของเจ๎าของภาษาตามความสนใจ รวมจานวน 7 ผลการเรยี นรู้
107 กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น กิจกรรมพัฒนาผู๎เรียนเป็นกิจกรรมท่ีมํุงให๎ผู๎เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอยํางรอบด๎าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ท้ังด๎านรํางกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม เสริมสร๎างให๎เป็นผ๎ูมีศีลธรรม จรยิ ธรรมสรา๎ งเยาวชนของชาตใิ ห๎เป็นผู๎มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร๎างจิตสานึกของ การทาประโยชนเ์ พือ่ สังคม สามารถจดั การตนเองได๎และอยรํู ํวมกบั ผ๎อู ืน่ อยํางมคี วามสุข โรงเรียนบา๎ นหว๎ ยแหง๎ ไดจ๎ ดั กจิ กรรมพัฒนาผ๎เู รียน โดยแบงํ ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดงั นี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีสํงเสริมและพัฒนาผ๎ูเรียนให๎ร๎ูจักตนเอง รู๎รักษ์ส่ิงแวดล๎อม สามารถคิดตดั สินใจ คดิ แกป๎ ญั หา กาหนดเปูาหมาย วางแผนชีวติ ทงั้ ด๎านการเรียนและอาชีพ สามารถปรับ ตนได๎อยํางเหมาะสม นอกจากนี้ยังชํวยให๎ครูรู๎จักและเข๎าใจผ๎ูเรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ชํวยเหลือและให๎ คาปรกึ ษาแกํผู๎ปกครองในการมสี วํ นรวํ มพฒั นาผ๎เู รียน ระดบั ประถมศึกษานกั เรยี นทกุ คนตอ๎ งเข๎ารํวมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ช่ัวโมงตอํ ปกี ารศกึ ษา ระดบั มัธยมศกึ ษานักเรียนทุกคนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมแนะแนว ๒๐ ช่วั โมงตอํ ภาคเรยี น แนวการจัดกิจกรรมแนะแนว โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ได๎จัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อสํงเสริมและ พฒั นานักเรยี น ดังน้ี ๑.๑ สารวจสภาพปัญหา ความต๎องการ ความสนใจ และธรรมชาติของผ๎ูเรียน เพื่อใช๎เป็น ขอ๎ มลู ในการกาหนดแนวทางและแผนการปฏบิ ตั ิกิจกรรมแนะแนว ๑.๒ ศึกษาวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา และวิเคราะห์ข๎อมูลของผ๎ูเรียนที่ได๎จากฐานข๎อมูล ผ๎ูเรียนรายบุคคล จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การใช๎แบบสอบถาม การเขียนประวัติ การพบผ๎ูปกครอง การเยี่ยมบ๎านนักเรียน หรือการสารวจเพื่อทราบปัญหา ความต๎องการ และความสนใจ เพื่อนาไปกาหนด สาระและรายละเอียดของกจิ กรรมแนะแนว ๑.๓ กาหนดสัดสํวนของกิจกรรมด๎านการศึกษา การงานและอาชีพ รวมท้ังชีวิตและสังคม ให๎ไดส๎ ดั สวํ นทเี่ หมาะสม โดยยึดสภาพปญั หา ความต๎องการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของผู๎เรียนเป็น หลัก โดยครูและนกั เรยี นมีสวํ นรวํ มในการปฏิบัตกิ ิจกรรม ๑.๔ กาหนดแผนการปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว โดยระดับประถมศึกษาจัดเป็นรายปี/ระดับ มัธยมศึกษาจัดเปน็ รายภาคเรยี น แลว๎ กาหนดรายละเอยี ดแตลํ ะกิจกรรม ๑.๕ ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว รวมท้ังการจัดบริการให๎คาปรึกษาแกํ ผู๎เรียนเป็นรายบุคคลและรายกลุํม ในการศึกษา อาชีพและสํวนตัว โดยมีผ๎ูให๎คาปรึกษาท่ีมีคุณวุฒิ และมี ความเชี่ยวชาญในเร่ืองการให๎คาปรึกษา โดยใช๎กระบวนการทางจิตวิทยา ตลอดจนมีห๎องให๎คาปรึกษาที่ เหมาะสมชวํ ยเหลอื ผเู๎ รยี นทป่ี ระสบปญั หาดา๎ นการเงิน โดยการใหท๎ ุนการศึกษาแกผํ ๎เู รียน ๑.๖ วดั และประเมนิ ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมแนะแนว ติดตามเก็บข๎อมูลของนักเรียนที่สาเร็จ การศกึ ษาและสรปุ รายงาน ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมท่ีสํงเสริมและพัฒนาผ๎ูเรียนในเรื่องความมีระเบียบวินัย ความ เป็นผู๎นาและผ๎ูตามที่ดี ความรับผิดชอบการทางานรํวมกัน การรู๎จักแก๎ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การชํวยเหลือแบํงปันกัน เอื้ออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให๎สอดคล๎องกับความสามารถ ความถนดั และความสนใจของผู๎เรยี น ให๎ผู๎เรียนได๎ปฏิบัติด๎วยตนเองในทุกข้ันตอน ได๎แกํ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน เน๎นการทางานรํวมกันเป็นกลุํมตามความ
108 เหมาะสมและสอดคล๎องกับวุฒิภาวะของผ๎ูเรียน บริบทของสถานศึกษาและท๎องถ่ิน กิจกรรมนักเรียน ประกอบดว๎ ย ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี นักเรียนทุกคนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ระดบั ประถมศึกษา ๔๐ ชัว่ โมงตํอปกี ารศกึ ษา ๒.๑.๑ แนวการจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ได๎จัดกิจกรรมลูกเสือ เนตร นารี เพ่ือสงํ เสริมและพฒั นานักเรียนโดยจัดกิจกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method) ซ่ึงมีองค์ประกอบ ๗ ประการ คอื ๑) คาปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลักเกณฑ์ท่ีลูกเสือทุกคนให๎คาม่ันสัญญาวําจะปฏิบัติตาม กฎของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว๎ให๎ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไมํได๎ “ห้าม” ทาหรือ “บังคับให้” ทา แตถํ า๎ “ทา” จะเกดิ ผลดีแกํตวั เอง เปน็ คนดี ได๎รับการยกยํองวําเปน็ ผม๎ู เี กยี รติเชอ่ื ถอื ได๎ ๒) เรียนรจู๎ ากการกระทา เป็นการพัฒนาสํวนบุคคล ความสาเร็จหรือไมํสาเร็จของผลงาน อยูํทีก่ ารกระทาของตนเอง ทาให๎มีความร๎ูท่ีชัดเจน และสามารถแก๎ปัญหาตํางๆ ด๎วยตนเองได๎ และท๎าทาย ความสามารถของตนเอง ๓) ระบบหมํู เป็นรากฐานอันแท๎จริงของการลูกเสือ เป็นพื้นฐานในการอยํูรํวมกัน การ ยอมรับซ่ึงกันและกัน การแบํงหน๎าที่ความรับผิดชอบ การชํวยเหลือซ่ึงกันและกันซ่ึงเป็นการเรียนรู๎ ประชาธิปไตยเบอื้ งต๎น ๔) การใช๎สัญลักษณ์รํวมกัน ฝึกให๎มีความเป็นหนึ่งเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือ เนตร นารี ดว๎ ยการใชส๎ ญั ลักษณร์ วํ มกัน ได๎แกํ เคร่ืองแบบ เคร่ืองหมาย การทาความเคารพ รหัส คาปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คาขวัญ ธง เป็นต๎น วิธีการนี้จะชํวยให๎ผู๎เรียนตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกของ องคก์ ารลูกเสือโลก ซึ่งมสี มาชิกอยูทํ ว่ั โลกและเป็นองค์กรทีม่ ีจานวนสมาชกิ มากทสี่ ุดในโลก ๕) การศึกษาธรรมชาติ คือ ส่ิงสาคัญอันดับหน่ึงในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปรํงใส ตามชนบท ปุาเขา ปุาละเมาะ และพุํมไม๎ เป็นที่ปรารถนาอยํางยิ่งในการไปทากิจกรรมกับธรรมชาติ การ ปนี เขา ตง้ั คํายพักแรม หรือตามวาระการอยํคู าํ ยพกั แรมตามกฎระเบียบ เป็นท่ีเสนํหาแกํเด็กทุกคน ถ๎าขาด ส่ิงนีแ้ ลว๎ ก็ไมเํ รียกวาํ การใช๎ชีวติ ลูกเสอื ๖) ความก๎าวหน๎าในการเข๎ารํวมกิจกรรม กิจกรรมตํางๆ ที่จัดให๎เด็กทา ต๎องให๎มี ความก๎าวหน๎าและแรงดึงดูดใจ สร๎างให๎เกิดความกระตือรือร๎น อยากที่จะทาและวัตถุประสงค์ในการจัดแตํ ละอยํางให๎สัมพันธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเรียนท่ีสนุกสนาน การแขํงขันที่เป็นส่ิง ดงึ ดดู ใจและเป็นการจูงใจทด่ี ี ๗) การสนับสนุนโดยผ๎ูใหญํ ผู๎ใหญํเป็นผ๎ูที่ช้ีแนะหนทางที่ถูกต๎องให๎แกํเด็กเพ่ือให๎เขาเกิด ความม่ันใจในการท่ีจะตัดสินใจกระทาส่ิงใดลงไปท้ังคํูมีความต๎องการให๎ผู๎ใหญํชํวยช้ีนา ผ๎ูใหญํเองก็ต๎องการ นาพาไปสหํู นทางทด่ี ที ีส่ ุด จงึ เป็นการรํวมมอื ดว๎ ยกันทั้งสองฝุาย เง่อื นไขในการจัดกิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี มีแนวในการจดั กจิ กรรมดังน้ี ๑) จัดเวลาในการเข๎ารํวมกิจกรรม จัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ตามหลักสูตร ในแตํละ ระดบั ชน้ั สํวนการจัดกิจกรรมเพื่อรบั เครอ่ื งหมายวิชาพเิ ศษของลูกเสอื เนตรนารี แตํละประเภทอาจใช๎ในเวลา เรยี นปกติหรอื นอกเวลาเรยี นก็ได๎ ๒) การจัดกจิ กรรม ๒.๑) จัดใหม๎ กี ารเปิดประชมุ กองลกู เสือ เนตรนารี ทุกครั้ง เพ่ือเป็นการฝึกความ มรี ะเบยี บวินยั ในตนเองโดยปฏบิ ัตติ ามข้นั ตอน ดงั นี้
109 ๒.๑.๑) พิธเี ปดิ (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) ๒.๑.๒) เกมหรอื เพลง ๒.๑.๓) เรยี นตามหลักสูตร ๒.๑.๔) การเลาํ เรือ่ งสน้ั ทเี่ ป็นประโยชน์ ๒.๑.๕) พธิ ปี ิด (นดั หมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลิก) ๒.๒) กิจกรรมการอยํูคํายพักแรม การเดินทางไกลและการอยํูคํายพักแรม มี วัตถุประสงค์เพ่ือฝึกให๎ลูกเสือมีความอดทน อยํูในระเบียบวินัย รู๎จักชํวยตนเอง รู๎จักอยํูและทางานรํวมกับ ผ๎ูอื่น ตลอดจนเรียนวิชาลูกเสือเพ่ิมเติม ผ๎ูบังคับบัญชาลูกเสือจึงมีการวางแผนนาลูกเสือไปเดินทางไกลและ อยูํคาํ ยพกั แรม โดยนาลกู เสอื ไปฝึกเดินทางไกล และอยํูคํายพักแรมปีหนึ่งไมํน๎อยกวํา ๑ ครั้ง คร้ังหนึ่งให๎อยูํ คํายพักแรมอยาํ งนอ๎ ย ๑ คืน ๒.๓) กิจกรรมพิธีการ จัดให๎มีกิจกรรมพิธีการลูกเสือ เชํน พิธีเข๎าประจากอง พิธที บทวนคาปฏิญาณและสวนสนาม พธิ ถี วายราชสดุดี พิธีประดบั เครอ่ื งหมายตาํ งๆ เป็นต๎น เพื่อให๎ลูกเสือ มคี วามภาคภมู ิใจและเห็นคุณคาํ ในการเป็นลูกเสอื ๒.๔) กิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ สํงเสริมการจัดกิจกรรมให๎ลูกเสือได๎บาเพ็ญ ประโยชน์ตามอดุ มการณ์ของลูกเสือ ๓) ผูบ๎ ังคบั บัญชาลกู เสอื ควรผาํ นการฝึกอบรมวิชาผ๎กู ากับลกู เสอื ขั้นความร๎ูเบ้ืองต๎นในแตํละ ประเภท ๔) จดั ให๎มีการต้ังกลุมํ หรอื กองลูกเสือตามข๎อบังคบั คณะลกู เสือแหํงชาติ ๒.๒ กจิ กรรมชมุ นุม นกั เรียนทุกคนต๎องเข๎ารํวมกจิ กรรมชุมนุม ระดับประถมศึกษา ๓๐ชว่ั โมงตอํ ปีการศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ๑๕ ช่ัวโมงตํอภาคเรียน โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ได๎จัดกิจกรรม ชมุ นมุ ดังตอํ ไปนี้ ๑) ชมุ นมุ กีฬา ๒) ชุมนุมรกั การอาํ น-เขียน ๓) ชมุ นุมคณิตศาสตร์คิดสนกุ ๔) ชุมนุมคณติ ศาสตร์คดิ สร๎างสรรค์ ๕) ชมุ นมุ ศลิ ปะสรา๎ งสรรค์ ๖) ชุมนุมตามหลักศรษฐกิจพอเพยี ง 7) ชุมนุมวทิ ยาศาสตร์ แนวการจัดกิจกรรมชุมนุม โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ได๎จัดกิจกรรมชุมนุม เพ่ือสํงเสริมและพัฒนา นักเรียนในแตลํ ะระดบั ชั้น ดงั นี้ ๑) จัดกจิ กรรมชุมนมุ ในแตํละระดับชนั้ ตามโครงสร๎างของหลกั สตู รแกนกลางพุทธศักราช ๒๕๕๑ ๒) จัดกจิ กรรมชมุ นมุ ให๎ผเ๎ู รยี นดาเนนิ กิจกรรมอยํางหลากหลายทัง้ รูปแบบภายในหรือภายนอก ห๎องเรียนและระยะเวลาการจัดกิจกรรมทั้งเป็นกิจกรรมระยะเวลา๑ภาคเรียนและกิจกรรมระยะเวลา๑ปี การศึกษา ๓) สารวจความสนใจของผู๎เรียนในการเลือกเข๎ารํวมชุมนุม ชมรมและให๎ผ๎ูเรียนรํวมกันจัดตั้งชุมนุม ชมรม และเชิญครูมาเป็นที่ปรึกษา โดยรํวมกันดาเนินกิจกรรมชุมนุม ชมรม ตามระเบียบปฏิบัติท่ีโรงเรียน กาหนด
110 ๔) จัดกิจกรรมโดยให๎มีการใช๎ประสบการณ์แลกเปลี่ยนเรียนร๎ูและเผยแพรํกิจกรรม สมาชิกของ ชมุ นุมเข๎ารํวมกิจกรรม รํวมปฏบิ ตั ิกิจกรรม และมผี ลงาน/ช้ินงาน/คณุ ลกั ษณะตามที่โรงเรยี นกาหนด ๕) ครูท่ีปรึกษาชมรมมีการประเมิน มีระบบการกากับติดตาม และประเมินผลตามหลักเกณฑ์การ ประเมินผลการดาเนินงานของชมุ นมุ ชมรม อยํางตอํ เนือ่ ง ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่สํงเสริมให๎ผู๎เรียนบาเพ็ญตนให๎เป็น ประโยชน์ตํอสังคม ชุมชนและท๎องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละตํอสังคม มีจิตสาธารณะ เชํน กิจกรรมอาสาพัฒนาตําง ๆ กิจกรรมสร๎างสรรค์ สงั คม นักเรียนทุกคนในโรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ระดับประถมศึกษาจานวน ๑๐ ชั่วโมงตํอปีการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาจานวน ๕ ชั่วโมงในภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑๐ ช่ัวโมงในภาคเรียนท่ี ๒ แนวการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ โรงเรียนบ๎านห๎วยแห๎ง ได๎จัดกิจกรรมเพื่อ สังคมและสาธารณะประโยชน์ เพ่ือสํงเสรมิ และพัฒนานกั เรยี นในแตลํ ะระดับชนั้ ดังนี้ ๓.๑ จัดเวลาในการเข๎ารํวมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อยํางตํอเน่ืองทุกภาค เรยี น/ปกี ารศกึ ษา ๓.๒ เน๎นให๎ผ๎ูเรียนเป็นผู๎จัดกิจกรรมด๎วยตนเองทุกขั้นตอนและตํอเน่ือง โดยมีครูเป็นท่ี ปรกึ ษา ๓.๓ จัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการใน ๘ กลํุมสาระการเรียนร๎ู โดยผ๎ูเรียนสามารถจัด กจิ กรรมตามองค์ความรู๎ที่ได๎จากการเรียนร๎ูและประสบการณ์โดยจัดกิจกรรมทั้งภายในโรงเรียนและภายนอก โรงเรียน ๓.๔ จัดกิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม โดยผู๎เรียนนาเสนอการจัด กิจกรรมตํอโรงเรียนเพื่อขอความเห็นชอบ โดยกิจกรรมน้ันจัดทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาและมี ระยะเวลาเริ่มต๎นและสนิ้ สุดอยาํ งชัดเจน ๓.๕ จัดกจิ กรรมรํวมกบั องคก์ รอื่น โดยผ๎เู รียนอาสาสมคั รเข๎ารํวมกิจกรรมกับหนํวยงานหรือ องค์กรอ่ืนๆ ที่จัดกิจกรรมในลักษณะเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ซ่ึงผ๎ูเรียนสามารถเลือกเข๎ารํวม กจิ กรรมโดยหนวํ ยงานอ่ืนเขา๎ มาจัดกจิ กรรมในโรงเรียนหรือรํวมกับหนํวยงานอื่นจัดกจิ กรรมนอกโรงเรยี น แนวการประเมนิ ผลกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ๑. การประเมินผลการจดั กิจกรรมแนะแนว ในการประเมินผลการจัดกิจกรรมแนะแนวครูผู๎รับผิดชอบการจัดกิจกรรมแนะแนวผู๎เรียน และผป๎ู กครองมภี ารกจิ ท่ีรบั ผดิ ชอบ ดงั นี้ ๑.๑ ครูผ้จู ัดกจิ กรรมแนะแนว ๑.๑.๑ จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู๎เรียนให๎เกิดคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์สอดคล๎องกับ วสิ ยั ทัศน์ทีส่ ถานศึกษากาหนดและตามสภาพความต๎องการและปญั หาของผ๎เู รียน ๑.๑.๒ รายงานเวลาและการเขา๎ รวํ มกิจกรรม ๑.๑.๓ ศกึ ษาตดิ ตามและพฒั นาผู๎เรียนในกรณีทีผ่ ู๎เรียนไมํเข๎ารวํ มกิจกรรม ๑.๑.๔ ประเมินผลผ๎ูเรียนโดยดูจากพัฒนาการของผู๎เรียนตามวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดเป็น สาคญั ในกรณีที่ผลการประเมินยังไมํผํานให๎ครูผ๎ูจัดกิจกรรมดาเนินการซํอมเสริมโดยผู๎เรียนปฏิบัติกิจกรรมซ้า
111 หรือปฏิบัติกิจกรรมเพ่ิมเติมจนกระทั่งผ๎ูเรียนบรรลุคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรมหรือผํานการ ประเมนิ ตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรยี นกาหนด ๑.๑.๕ บันทกึ ผลการติดตามและประเมินผลผูเ๎ รียนไวเ๎ ปน็ หลกั ฐาน ๑.๒ ผ้เู รียน ๑.๒.๑ มีเวลาเข๎ารวํ มกิจกรรมแนะแนวตามเกณฑท์ โ่ี รงเรียนกาหนดโดยมหี ลักฐานการแสดง เวลาการเขา๎ รวํ มกิจกรรม ๑.๒.๒ ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามครูผ๎รู ับผดิ ชอบมอบหมายถา๎ ไมํผํานให๎ปฏิบัตกิ ิจกรรมซ้าหรือปฏิบัติ เพมิ่ เตมิ และมีชิ้นงาน/ผลงาน/คณุ ลักษณะตามทคี่ รูผู๎จัดกจิ กรรมมอบหมายใหป๎ ฏบิ ตั ิ ๑.๓ ผปู้ กครอง ๑.๓.๑ ผ๎ูปกครองควรมีสํวนรํวมในการประเมินผลพัฒนาการของผู๎เรียนและมีการบันทึกสรุป พฒั นาการและการปฏิบตั กิ ิจกรรมของผเ๎ู รยี น ๒. การประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี การประเมินผลกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีเป็นกระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการด๎าน ตํางๆของผู๎เรียนลูกเสือเนตรนารีซึ่งนอกจากพิจารณาความร๎ูตามทฤษฎีแล๎วต๎องพิจารณาด๎านความประพฤติ พฤติกรรมการเข๎ารํวมกิจกรรมท่ีเน๎นทักษะและการปฏิบัติตํางๆด๎วยวิธีการประเมินที่หลากหลายและการ ประเมินตามสภาพจรงิ แบงํ การประเมินผลออกเป็น ๒ สํวน คอื ๒.๑ กิจกรรมบังคับเป็นการประเมินผลกิจกรรมตามหลักสูตรเพื่อให๎ผู๎เรียนผํานเกณฑ์การตัดสิน เล่ือนชั้นหรือจบหลักสูตรโดยการเข๎ารํวมกิจกรรมและผํานการประเมินตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกาหนดมีการ ประเมินผลตลอดภาคเรียน/ปี โดยวิธีการสังเกตการเข๎ารํวมกิจกรรมการซักถามการทดสอบภาคทฤษฎีและ ปฏิบัตโิ ดยกาหนดเกณฑก์ ารแประเมินเปน็ “ผาํ น” และ“ไมผํ าํ น” ผาํ น หมายถึงผู๎เรียนมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน/ ชิ้นงาน/คณุ ลกั ษณะตามเกณฑ์ท่โี รงเรียนกาหนด ไมผํ ําน หมายถึงผ๎ูเรียนมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมไมํครบตามเกณฑ์ไมํผํานการปฏิบัติกิจกรรม หรือมผี ลงาน/ชิน้ งาน/คณุ ลักษณะไมเํ ป็นไปตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรยี นกาหนด ๒.๒ วชิ าพิเศษประเมนิ ผลวชิ าพิเศษในแตลํ ะวชิ าใช๎วธิ กี ารทดสอบท้งั ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติตาม หลกั เกณฑใ์ นข๎อบงั คบั คณะลูกเสือแหํงชาติ ๓. การประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมชุมนมุ การประเมินผลการจัดกิจกรรมชุมนุมเป็นกระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการด๎าน ตํางๆซึ่งนอกจากพิจารณาความรู๎ตามทฤษฎีแล๎วต๎องพิจารณาด๎านความประพฤติ พฤติกรรมการเข๎ารํวม กิจกรรมทีเ่ น๎นทกั ษะและการปฏบิ ตั ติ ํางๆดว๎ ยวธิ ีการประเมินท่ีหลากหลายและการประเมินตามสภาพจริงโดย กาหนดเกณฑก์ ารประเมินเป็น“ผําน”และ“ไมํผาํ น” ผา่ น หมายถงึ ผเู๎ รียนมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน/ ช้ินงาน/คณุ ลกั ษณะตามเกณฑ์ทโี่ รงเรยี นกาหนด ไมผ่ า่ น หมายถึงผ๎ูเรียนมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมไมํครบตามเกณฑ์ไมํผํานการปฏิบัติกิจกรรม หรอื มีผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลกั ษณะไมํเปน็ ไปตามเกณฑท์ โ่ี รงเรยี นกาหนด
112 ๔. การประเมินผลการจดั กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ การประเมินผลการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ผู๎เรียนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมให๎ครบ ตามกรอบเวลาในโครงสร๎างของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐานพุทธศักราช๒๕๕๑ ดงั นี้ ๑. ระดับประถมศึกษา (ป.๑ – ป.๖) มเี วลาเขา๎ รวํ มกจิ กรรม ๖๐ ชวั่ โมง ผา่ นหมายถงึ ผเ๎ู รยี นเขา๎ รวํ มกจิ กรรมครบตามเวลาปฏิบัตกิ จิ กรรมและมีผลงาน/ช้นิ งาน/ คุณลักษณะตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด ไมผ่ ่านหมายถึงผ๎เู รยี นเขา๎ รวํ มกจิ กรรมไมํครบตามเวลาปฏิบัตกิ จิ กรรมหรือมีผลงาน/ ชน้ิ งาน/คุณลกั ษณะไมํเปน็ ไปตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากาหนด ในกรณที ผี่ เ๎ู รยี นไมํผาํ นครทู ีป่ รึกษาตอ๎ งใหผ๎ เ๎ู รียนซอํ มเสรมิ การจดั กิจกรรมให๎ครบ ตามกรอบเวลาท่กี าหนดในโครงสรา๎ งของหลักสูตร เกณฑก์ ารจบการศึกษา ๑. ผ๎ูเรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน จานวน ๕,๐๔๐ ช่ัวโมง และรายวิชาเพิ่มเติม/กิจกรรมเพ่ิมเติม จานวน ๒๖๐ ชั่วโมง และมผี ลการประเมินรายวชิ าพน้ื ฐานผํานทกุ รายวิชา ๒. ผูเ๎ รียนตอ๎ งมผี ลการประเมนิ รายวิชาพื้นฐาน ระดบั ๑ ขน้ึ ไปทกุ วิชา ๓. ผเู๎ รยี นต๎องมีผลการประเมินการอาํ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผําน” ขน้ึ ไป ๔. ผ๎เู รยี นต๎องมีผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผาํ น” ขน้ึ ไป ๕. ผู๎เรยี นตอ๎ งเข๎ารวํ มกจิ กรรมพัฒนาผ๎เู รยี น และไดร๎ บั การตัดสินผลการเรียน “ผําน” ทุกกจิ กรรม ในกรณีท่นี กั เรียนไมํจบการศึกษาตามเกณฑก์ ารจบการศึกษาตามระเบียบการวัดและประเมินผลของโรงเรียน บ๎านห๎วยแห๎ง พุทธศักราช ๒๕๕๘ นักเรียนจะต๎องปฏิบัติตามเกณฑ์การจบการศึกษาที่ทางโรงเรียนบ๎าน หว๎ ยแหง๎ และคณะกรรมการประเมนิ ผลและวดั ผลดงั น้ี ๑. ผ๎ูเรยี นตอ๎ งมเี วลาเรียนไมํนอ๎ ยกวาํ รอ๎ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้งั หมด ๒. ผู๎เรยี นต๎องไดร๎ บั การประเมินทุกตัวชวี้ ดั และผํานไมํน๎อยกวาํ ร๎อยละ ๖๐ ของตัวช้วี ัดแตํละรายวชิ า ๓. ผู๎เรียนต๎องได๎รับการตัดสินผลการเรียน และผํานทุกรายวิชาของกลํุมสาระการเรียนร๎ู โดยมี เกณฑก์ ารผําน ดังนี้ ๓.๑ เวลาเรียนในแตํละรายวิชาของกลุํมสาระการเรียนร๎ูไมํน๎อยกวําร๎อยละ ๘๐ ของเวลา เรียนทงั้ หมด ๓.๒ ตอ๎ งไดร๎ บั การประเมนิ ทกุ ตัวชว้ี ัด และผํานตัวชี้วัดช้ันปีไมํน๎อยกวําร๎อยละ ๑๐๐ ของ ตวั ชวี้ ดั ในรายวชิ า ๓.๓ ระดับผลการเรียนต้งั แตํระดบั ๑ ขน้ึ ไป ๔. การประเมนิ การอําน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ผเู๎ รยี นตอ๎ งได๎ระดับผลการเรียนต้ังแตํระดับ ผําน เกณฑ์การประเมนิ ข้นึ ไป ๕. การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผู๎เรียนต๎องได๎ผลการประเมินระดับ ผําน เกณฑ์การ ประเมนิ ขึ้นไป ๖. การประเมินการเข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน ผ๎ูเรียนต๎องได๎ผลการประเมินระดับ ผําน โดยมี เกณฑ์การผําน ดงั น้ี
113 ๖.๑ ผูเ๎ รียนต๎องมเี วลาเขา๎ รวํ มกจิ กรรมแตลํ ะปี ไมํนอ๎ ยกวาํ ร๎อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ๖.๒ ผู๎เรียนผํานจุดประสงค์การเรียนร๎ูไมํน๎อยกวําร๎อยละ ๑๐๐ ของจุดประสงค์การ เรยี นรู๎ในกิจกรรมพฒั นาผ๎ูเรียน ๖.๓ ผเู๎ รียนเข๎ารํวมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ตามเวลาท่ีกาหนดไว๎ใน โครงสรา๎ งของหลักสตู ร ดงั น้ี ๑) ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ จานวน ๑๐ ชั่วโมง ๒) ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ จานวน ๑๐ ชัว่ โมง ๓) ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ จานวน ๑๐ ชว่ั โมง ๔) ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ จานวน ๑๐ ชว่ั โมง ๕) ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ จานวน ๑๐ ชัว่ โมง ๖) ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน ๑๐ ชว่ั โมง
114 ภาคผนวก
115 คาส่งั โรงเรียนบา๎ นห๎วยแห๎ง ท่ี ๔๓ / 256๔ เรอื่ ง แตํงตั้งคณะกรรมการจดั ทาหลักสูตรสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 25๕๑ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการได๎ออกคาส่ังที่ สพฐ.1239/2560 เรื่องการใช๎มาตรฐานการเรียนร๎ู และตัวช้ีวัด กลุํมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุํมสาระการเรียนร๎ู สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม( ฉบับปรับปรุง 2560 ) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล๎องกับการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สภาพแวดล๎อมและความก๎าวหน๎าทาง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นการเสริมสร๎างศักยภาพคนในชาติ ยกระดับคุณภาพการศึกษาในระดับสากล สอดคลอ๎ งกับประเทศไทย 4.0 โลกในศตวรรษท่ี 21 และทัดเทียมกับนานาชาติ นักเรียนมีศักยภาพในการ แขํงขันและดารงชีวิตอยํางสร๎างสรรค์ในประชาคมโลกตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือให๎โรงเรียนบ๎าน ห๎วยแห๎งสามารถใช๎หลักสูตรสถานศึกษาท่ีสอดคล๎องกับหลักสูตรแกนกลาง แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 25๕๑ จึงแตํงต้ังคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2564 ของโรงเรยี นบ๎านหว๎ ยแหง๎ ดังตอํ ไปนี้ 1. นางสาวสพุ รทพิ ย์ จินตนชตู ิกร ประธานกรรมการ 2. นายสถาพร จนั ทรเ์ พชร ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาทป่ี รกึ ษา 3. นายสามารถ สุวรรณนวล ๔. นางสาวสันศนีย์ กุลพรหม กรรมการ ๕. นายธรี เดช สขุ บัวแก๎ว กรรมการ ๖. นางสาวนนั ทิกา สวุ รรณรตั น์ กรรมการ ๗. นางสาวนุสราพร สงชาติ กรรมการ ๘. นางสาววนิศรา ชูเพง็ กรรมการ ๙. นางสาวกุสมุ า ยะโสธ์ กรรมการ กรรมการ ๑๐.นายบุญรัก ริยาพนั ธ์ 1๑.นางสาวกนษิ ฐา เลิศไกร กรรมการ 1๒.นางสาวฮซั ซูนา โอกฤษ กรรมการและเลขานุการ กรรมการและผ๎ชู ํวยเลขานกุ าร ใหค๎ ณะกรรมการทไ่ี ดร๎ ับการแตํงต้งั มหี นา๎ ท่ีดังตํอไปน้ี 1. วางแผนการดาเนินงานวิชาการ กาหนดสาระรายละเอยี ดของหลักสูตรระดัสถานศึกษา
116 และแนวการจัดสัดสํวนสาระการเรียนรู๎ และจัดกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนของสถานศึกษาให๎สอดคล๎องกับ หลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม ศิลปะ วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาของท๎องถิ่น 2. จดั ทาคูํมอื บริหารหลกั สตู รและงานวิชาการของสถานศึกษา นเิ ทศ กากับ ติดตาม ให๎ คาปรกึ ษาเก่ียวกบั การพัฒนาหลักสูตร การจดั กระบวนการเรียนร๎ู การวัดและประเมินผลและการแนะแนวให๎ สอดคล๎องและเปน็ ไปตามมาตรฐานหลักสตู รการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน 3. สํงเสรมิ และสนบั สนุนการพัฒนาบคุ ลากรเกย่ี วกบั การพัฒนาหลกั สตู ร การจดั กระบวนการเรียนร๎ู การวัดและประเมินผลและการแนะแนวให๎เป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการ ดาเนินการของหลกั สูตร 4. ประสานความรวํ มมอื จากบคุ คล หนํวยงาน องค์กรตาํ ง ๆ และชมุ ชนเพือ่ ใหก๎ ารใช๎ หลกั สตู รเป็นไปอยาํ งมีประสิทธภิ าพและมคี ณุ ภาพ 5. ประชามสมั พนั ธห์ ลกั สูตรและการใชห๎ ลักสูตรแกนํ ักเรยี น ผป๎ู กครอง ชุมชน และผ๎ูท่ี เก่ียวข๎อง และนาข๎อมูลปูอนกลับจากฝุายตําง ๆ มาพิจารณาเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรของ สถานศกึ ษา 6. สํงเสริมและสนบั สนุนการวจิ ยั เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการเรียนรู๎ 7. ตดิ ตามผลการเรียนของนักเรยี นรายบคุ คล ระดับชน้ั ระดับชํวงช้นั และระดับกลุมํ วชิ า ในแตํละปกี ารศึกษา เพ่อื ปรบั ปรงุ แกไ๎ ข และพัฒนาการดาเนินงานดา๎ นตาํ ง ๆ ของสถานศึกษา 8. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมนิ มาตรฐานการปฏิบตั ิงานของครู และการบริหารหลักสูตร ระดับสถานศึกษาในรอบปีท่ีผํานมา และใช๎ผลการประเมินเพื่อวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการ บริหารหลกั สตู รปกี ารศึกษาตํอไป 9. รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการบริหารหลกั สูตรของสถานศกึ ษา โดนเน๎นผลการ พัฒนาคุณภาพนักเรียนตํอคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับเหนือ สถานศกึ ษา สาธารณชนและผท๎ู ่ีเก่ียวขอ๎ ง ทงั้ นี้ ตงั้ แตวํ นั ท่ี ๓๑ เดือน พฤษภาคม พ.ศ 256๔ ส่ัง ณ วันท่ี ๓๑ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ 256๔ ลงช่อื (นางสาวสพุ รทพิ ย์ จนิ ตนชูติกร ) ผู๎อานวยการโรงเรยี นบ๎านห๎วยแห๎ง
117
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117